หลานคุณย่า แอบรัก ตอน7
(มินนี่)
วันนี้ผมมาร้านตั้งแต่เช้า ไม่ไดมากับบราวเหมือนเช่นทุกที เพราะเขาโทรมาบอกแต่เช้าว่าพี่ชายจะมาส่ง ส่วนพี่พายคุณคิณก็มารับประจำอยู่แล้ว
คุณนายเคยบอกให้ผมซื้อรถเล็กๆ สักคน แต่ผมไม่ซื้อหรอกเสียดายเงิน นั่งรถเมล์มาแบบนี้ก็สะดวกดี ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ใช่ว่าที่บ้านผมจะไม่มีรถ แต่ผมไม่ขับมันหรอก มันเป็นรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ที่พ่อซื้อไว้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ เอาไว้ให้คุณนายเขาใช้เผื่ออยากไปที่ไหนมาไหนคนเดียว
มาถึงร้านแปดโมงกว่าๆ ยังไม่มีใครมาผมจึงจัดการเปิดร้านด้วยตนเองคนเดียว กว่าน้องๆ จะมาถึงก็น่าจะเก้าโมง ผมลงมือทำความสะอาดร้านอย่างที่เคยช่วยน้องๆ ทำประจำ จนเกือบเก้าโมงน้องๆ อีกสามคนก็ทยอยมา แถมยังมีหน้าแซวผมอีก ว่ามาแต่เช้า
"พี่ซองไม่ไปทำงานรึไงมานั่งทำไมที่ร้าน" เอ๊ะ! เสียงบราวนี่คุยกับใคร
"พี่ไม่มีงาน จะนั่งเล่นที่ร้านน้องตัวเองไม่ไดเลยเหรอ"
"ตามใจ แต่ห้ามนั่งทำหน้าดุนะ ยิ้มเยอะๆ ลูกค้าจะได้เข้าร้าน" เสียงทะเลาะกันแว่วๆ ของสองพี่น้อง ดังเข้ามาในครัว บราวนี่น่าจะมาถึงแล้ว แต่พี่พายไม่รู้ว่าใกล้จะถึงรึยัง ผมเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาก่อนที่จะลงมือทำเค้ก ผมไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนพี่พายที่สามารถคิดสูตรดัดแปลงนั่นนี่ได้ ทำได้แค่ตามที่พี่พายสอนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นขนมปังต่างๆ ผมทำเก่งกว่าพี่พาย แต่ร้านของเราเน้นเค้กมากกว่าเลยไม่ค่อยได้โชว์ฝีมือเท่าไหร่ ลงมือทำได้ไม่นานพี่พายก็มาถึง ได้ยินแต่เสียงทะเลาะกันจองคุณคิณแล้วก็เขาคนนั้น วันนี้เขาคิดยังไงไม่รู้ถึงมาส่งบราวนี่ ทั้งๆ ที่ตั้งแต่เขากลับมาจากต่างประเทศยังไม่เคยเห็นเขามาเหยียบที่นี่เลยสักครั้ง
"ทะเลาะกันอีกแล้ว" พี่พายบ่นขณะที่เดินเข้ามาในครัว สงสัยจะเอือมระอา คนหนึ่งก็พี่ชายส่วนอีกคนก็คนรัก
"หึหึ" ผมได้แต่หัวเราะเบาๆ แทนคำตอบ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดว่ายังไง
"ทำอะไรไปแล้วบ้างหมูน้อย"
"พึ่งเตรียมของเองฮะพี่พาย มินว่าจะทำช็อกหน้านิ่มก่อนเดี๋่ยวไม่ทัน"
"ตามนั้น เดี๋ยวพี่ทำอย่างอื่นแล้วกัน" พี่พายสวมผ้ากันเปื้อนก่อนที่จะลงมือเตรียมทุกอย่างๆ ทะมัดทะแมง เราสองคนหันไปคุยกันบ้าง เงียบไปบ้างเพราะตั้งหน้าตั้งตาทำส่วนของตนเอง
"พายครับ" เสียงคุณคิณดังมาจากข้างหลัง ผมหันไปดูแว๊บนึง หน้างอมาเชียว สงสัยจะเข้ามาอ้อนพี่พาย
"อะไรครับ" อีกคนตอบรับแต่ไม่ยอมหันหน้าไปหา ก้มหน้าก้มตาทำเค้กอย่างไม่สนใจ
"จะไปทำงานแล้ว"
"ก็ไปสิครับเดี๋ยวสาย"
"สนใจคิณหน่อยสิครับ" เห็นไหมครับคุณคิณชอบอ้อนพี่พาย ทั้งๆ ที่ดูภายนอก พี่พายควรจะเป็นฝ่ายอ้อนมากกว่า พี่พายเหมือนผู้ชายตัวเล็กๆ นิสัยอ้อนๆ แต่จริงๆ เขากลับเป็นคนนิ่งๆ มากกว่า แต่คุณคิณนี่ตรงกันข้ามทุกอย่าง
"ว่ามาสิครับ พายทำงานอยู่"
"เดี๋ยวตอนเย็นมารับนะครับ" พอพูดจบปุ๊บก็ยื่นหน้าเข้าหอมพี่พายปั๊บ จะไม่เห็นได้ยังไงก็ผมแอบดู คู่นี้เขาอ้อนกันน่ารักตลอด
"ไปได้แล้วครับสายแล้ว" พี่พายละมือจากงานที่ทำเงยหน้าขึ้นคุยกับคุณคิณ แอบหล่มองผมนิดหน่อยก่อนที่จะหอมแก้มคุณคิณบ้าง ไม่รู้ล่ะสิว่าผมแอบดู อิอิ
"ครับๆ ไปแล้วนะครับน้องมิน"
"ฮะ" ผมยกมือขึ้นไหว้คุณคิณก่อนที่จะหันกลับมาทำงานต่อ เราสองคนทำงานในครัวจนเกือบเที่ยง ในครัวไม่มีอะไรที่ต้องเตรียมแล้ว
ผมเดินออกมาดูลูกค้าหน้าร้าน เหลือแต่พี่พายที่แต่งหน้าเค้กยังไม่เสร็จ ผมลืมไปเลยว่ามีอีกคนที่ผมไม่อยากเจอนั่งอยู่ ช่วงนี้เขาค่อนข้างแปลกมากๆ ทำไมต้องมาที่ร้านทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะมา
ผมออกมาช่วยชงกาแฟ ปล่อยให้น้องๆ ไปเสริฟ ส่วนบราวนี่นั่งเล่นโทรศัพท์ที่ประจำของเขา ผมหยิบกระดาษจดรายการขึ้นมาอ่านทีละใบ ก่อนที่จะเริ่มทำเมนูที่ลูกค้าสั่งตามลำดับ
"เอสเพรสโซ่แก้วนึง" เสียงดังมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างหลังแต่ผมไม่สนใจที่จะหันไปโต้ตอบกับเขา ก้มหน้าก้มตาทำเมนูที่ลูกค้าสั่งต่อไป
"บอกว่าเอสเพรสโซ่แก้วนึงไง ไม่ได้ยินเหรอวะ" เหอะ คิดจะบอกคนอื่นให้ทำให้ เขาพูดกันอย่างนี้เหรอ ถ้าอยากดื่มมากนักก็มาทำเองสิ นั่งอยู่ทำไมตั้งนาน
"เปรี้ยวมาชงเอสเพรสโซ่ให้คนข้างหลังแก้วนึง" เปรี้ยวทำหน้างงๆ ก่อนที่ผมจะชี้ไปหาคนที่นั่งมองผมอย่างไม่สบอารมณ์ ผมจึงเป็นคนยกเครื่องดื่มให้ลูกค้าแทน ไม่หันไปสนใจเขาอีก อยากจะโกรธจะโมโหก็เรื่องของเขา
ลูกค้าประจำหลายคนที่นั่งอยู่ในร้าน ผมพูดคุยเล่นกับเขาบ้าง เพื่อให้บรรยากาศในร้านไม่น่าเบื่อ บางคนมาจนสนิทกัน แถมยังมีขนมมาฝากผมด้วย จนรู้สึกเกรงใจ ทั้งๆ ที่เขามาเป็นลูกค้าเราแล้วยังต้องมาเสียเงินซื้อของมาฝากอีก คุยกับลูกค้าเพลินๆ ก็เกือบเที่ยงแล้ว ลูกค้าเริ่มทะยอยเข้ามาเยอะขึ้น
"มินนี่" เสียงใครเรียกผม
"มาได้ยังไง ไม่ได้ทำงานกันเหรอ" ผมเอ่ยถามเพื่อนทั้งสามคนที่ไม่ได้เจอกันมาสักพักหนึ่งแล้ว เมฆเรียนจบก็ไปช่วยกิจการร้านอาหารของครอบครัว ส่วนสองสาวกรีนและหลิวรวมหุ้นกันเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ ตอนแรกพวกเธอสองคนก็ชวนผมทำด้วย แต่ผมอยากอยู่ช่วยพี่พายมากกว่า เลยมาเป็นลูกน้องพี่พายแทน แต่ก็ไม่เชิงว่าเป็นลูกจ้างหรอกครับ เพราะผมก็มีหุ้นอยู่ด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ลงทุนอะไร
"ปิดร้านย่ะ เลยบังคับไอ้เมฆมาด้วย" ตลอดเลยสองสาว จะไปไหนต้องบังคับเมฆตลอด รายนั้นก็บ่นๆ นะแต่ก็ยอมตามใจ
"มานั่งก่อนสิ ทานอะไรกันดี" ผมดีใจที่เพื่อนๆ ยังคิดถึงผม ตั้งแต่เรียนจบไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ก็ยังโทรหากันเสมอ
“มีอะไรแนะนำล่ะคะคุณเจ้าของร้าน” หลิวพูดประชดผม
"แล้วอยากทานอะไรล่ะ" ผมหันไปถามทั้งสามคนอีกครั้ง
"โหยแก เป็นเจ้าของประสาอะไร มีเมนูไหนอร่อยๆ ก็แนะนำสิคะ "
"มินไม่ได้ป็นเจ้าของซะหน่อย แค่มาทำช่วยพี่พายเฉยๆ" ผมไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเจ้าของร้านหรอก เงินก็ไม่ได้ช่วยออกสักบาท แค่พี่พายให้มีหุ้นด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว
"แล้วพี่พายคนสวยไปไหนอ่ะ คิดถึงไม่ได้เจอตั้งนาน" หลิวมองหาทั่วร้านแต่ก็ไม่เจอคนที่พูดถึง
"อยู่ในครัว น่าจะใกล้จะออกมาแล้วนะ"
“จะได้เจอไหมเนี่ย” กรีนทำหน้าหงอยๆ รายนี้เขาปลื้มพี่พายตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เก็บเอามาเพ้อตลอดเวลา
"แกๆ ผู้ชายคนนั้นหล่ออ่ะ แต่โคตรแบดบอยเลย" หลิวชี้ไปทางเขาที่นั่งทำหน้าไม่รับแขกอยู่ตรงโซฟด้านหลังโต๊ะแคชเชียร์
"พี่ชายคนโตของพี่พาย กับบราวน่ะ แต่อย่าไปยุ่งกับเขาเลย" เขาจ้องมองมาทางนี้เขม็งเลย ไม่รู้ว่าไม่พอใจเรื่องอะไร
"ฉันว่าเขามองแกนะมิน"
"จะมองมินทำไม มินไม่ได้อะไรกับเขาสักหน่อย" ผมรู้แหละว่าเขามองผมแทบจะตลอดเวลาแต่ไม่อยากจะยอมรับ เกลียดสายตาคู่นั้นที่เหมือนจะจับผิด ไม่ว่าผมจะเยื้องกายไปตรงไหน
"เออ! ฉันก็ว่าอย่างนั้น หรือว่าหึงแก กับไอ้เมฆ" ดูหลิวพูดสิครับ หึงเหิงอะไรจะฆ่ากันตายอยู่แล้วทุกวันนี้
"ดูสิๆ จ้องไอ้เมฆสลับกับแกใหญ่เลย"
"บ้าไปแล้วพวกเธอสองคน มินกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วจะจ้องทำไม" เออด่าหน่อยเมฆ พูดไปเรื่อยเปื่อยแล้วเพื่อนผม จนลืมสั่งเครื่องดื่มแล้ว อยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นไปทั่ว
"แล้วตกลงจะไม่ทานแล้วใช่ไหมครับสาวๆ ทั้งสองคน"
"ทานสิๆ แกเอาอะไรมาก็ได้ อร่อยๆ เครื่องดื่มด้วย ขอพวกฉันส่องผู้ชายก่อน" อยากจะบ้ากับความคิดของหญิงสองคนนี้จริงๆ เลย
"แล้วเมฆล่ะ"
"เราเอาอะไรก็ได้ " ผมลุกเดินไป ไปจัดเค้กกับเครื่องดื่มให้เพื่อนๆ แต่สายตาอีกคนนี่กลับมองตามผมแทบจะตลอดเวลา ผมไม่ได้มองเขาหรอก แต่มันเป็นความรู้สึกไงครับ เวลาที่มีคนจ้องมองเรามันจะสามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก
"มินไม่ให้เพื่อนๆ มานั่งข้างในล่ะ จะได้คุยกัน" เสียงพี่พายดังมาจากข้างหลัง สงสัยจะทำเค้กเสร็จหมดแล้ว
"นั่งตรงนั้นแหละดีแล้วฮะ ไม่อยากให้เพื่อนเข้ามาวุ่นวายข้างใน" ที่จริงผมเกรงใจพี่พายครับ แค่นี้ก็รบกวนเวลาทำงานจะแย่แล้ว
"หน้าบานเชียวนะผู้ชายมาหา" เสียงที่ผมไม่อยากได้ยิน ดังเข้ามาในโสตประสาท อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเลย เอาที่พอใจเลย ผมจะยิ้มจนปากฉีกถึงรูหูมันก็ปากผมไหมล่ะ ไม่ได้ยืมปากหมาๆ ของใครมายิ้มซะหน่อย ผมหันไปตักเค้กสามชิ้น แล้วก็เตรียมเครื่องดื่มให้กับเพื่อนๆ ก่อนที่ผมจะเดินไป ไอ้หมาบ้ามันยังมองผมตาเขียวอยู่เลย สมน้ำหน้ามัน ใครเขาจะไปสนใจคนปากไม่ดี
“อ้อ! พี่พายฮะกรีนบอกว่าคิดถึง” ผมหันกลับไปหาพี่พายเมื่อนึกได้ว่าเพื่อนตัวดีอยากเจอคนที่เขาปลื้ม
“จ๊ะ เดี๋ยวพี่เดินไปหา” ผมเดินกลับมาถึงโต๊ะ สองสาวก็สอดรู้สอดเห็นทันที
"แก เมื่อกี้แกคุยอะไรกับพ่อแบ๊ดบอยของฉันอ่ะ เขาหึงแกเหรอ" ยังไม่ทันที่ผมจะวางเค้กกับเครื่องดื่มลงบนโต๊ะเลย เสียงแหลมๆ ของกรีนก็รีบเอ่ยถามผมทันที
"จะบ้ารึไง บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน ที่เขาทำแบบนั้นเขาเกลียดมินต่างหาก ไม่ถูกกันตั้งแต่เด็กแล้ว"
"ไม่ใช่อ่ะสายตาคนที่เกลียดกันไม่ใช่แบบนี้ แบบนี้เขาเรียกว่ารักแต่ไม่แสดงออก" เป็นหมอดูเหรอห๊ะ หรือว่าไปศึกษาการอ่านความรู้สึกจากสายตาคนมา ปวดหัวกับพวกนี้จริงๆ
"ไปกันใหญ่แล้วพอๆเลิก คุยเรื่องอื่นเลย" ผมรีบตัดบทก่อนที่สองสาวจะมโนเพ้อพกไปกันใหญ่
ผมนั่งคุยกับเพื่อนๆ เพราะขออนุญาตพี่พายแล้ว สรวลเสเฮฮาตามประสาของเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน
"แกๆ ผู้ชายคนนั้นหล่ออ่ะ ยิ้มโปรยเสน่ห์มาแต่ไกลเลย"เสียงของยัยเพื่อนตัวแสบผมดังขึ้นมาอีกรอบ ผมหันไปตาทิศทางที่สองสาวมอง พี่ทิมนี่เองครับ ทำไมวันนี้มาได้ก็ไม่รู้
"มินๆ เขาตรงมาทางนี้แล้วยิ้มให้ฉันด้วย หล่ออ่ะ พ่อเทพบุตร" คราวนี้หลิวเอ่ยขึ้น
"พี่ทิมสวัสดีฮะ"
"ครับ" พี่ทิมยกมือรับไหว้ผม ก่อนที่ผมจะแนะนำเพื่อนๆ ให้รู้จัก สองสาวนี่จ้องจนพี่ทิมจะละลายแล้วครับ รายนี้ก็ยิ้มจนปากจะฉีก คุยเล่นกับเพื่อนผมเหมือนกับรู้จักกันมานาน พี่ทิมเป็นคนไม่ถือตัวคุยได้กับทุกคน แถมยังยิ้มแทบจะตลอดเวลา
"พี่ทิมจะทานอะไรครับ"
"เอาเหมือนเดิมเลยครับ น้องมินทำอเมริกาโน่ให้พี่ด้วยนะครับ"
"ได้ครับ รอแป๊บนึง" ผมต้องเดินไปตรงไอ้หมาบ้าอีกแล้วครับ ไม่รู้ว่าคราวนี้จะแขวะอะไรผมบ้าง
เขานั่งมองผมจริงๆ นะครับ มองแบบไม่วางตา จนผมเดินมาถึงนั่นแหละปากหมาๆ ของเขาก็เริ่มจะเอื้อนเอ่ย
"หึ คราวนี้ควบสองเลย จะเอาใครดีล่ะ เพื่อนหรือว่าไอ้หน้าโง่นั่น" ใครก็ได้ช่วยพาไอ้หมาบ้านี้ไปผ่าหมาออกจากปากทีดูท่าจะเยอะ คิดคำมาว่าผมนี่ไม่เคยซ้ำ
"ผมจะเอากับใครมันก็เรื่องของผม จะเอาทีละกี่คนก็ไม่เกี่ยวกับคนอื่น" แรงมาผมก็แรงกลับครับงานนี้ ร้ายมาผมก็ร้ายกลับ
"มึงกล้าเหรอมิน ห๊ะ" เขากัดฟันกรอด ด่าผมออกมา
"ทำไม่จะไม่กล้า ผมมันวิปริตอยูแล้วนี่"
"อย่ามาปากดีใส่กูนะมิน มึงลองไปเอากับพวกมันดูสิ จะได้รู้ว่าาจะเกิดอะไรขึ้น"
"ทำไมเล่า คุณมาเกี่ยวอะไรด้วย อย่าบอกน่ะว่าเสียดายผมขึ้นมาน่ะ หรือว่าอยากสนุกกับพวกเรา ถ้าอยากบอกได้นะ" ผมก็กวนประสาทคนเป็นนะครับ ไม่น้อยกว่าใคร คำพูดเลวๆ ผมก็พูดได้ เพียงแต่ผมไม่เคยคิดที่จะพูดมันกับคนอื่น แต่กับคนปากร้ายแบบนี้มันอดไม่ไหว
"มึง...." พี่พายถึงกับต้องออกมาห้ามทัพ ไม่อย่างนั้นคงยาว ถึงกับพูดไม่ออกเลยล่ะสิคราวนี้ ทำไมล่ะเกิดมาหึงมาหวงอะไรผมตอนนี้ เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักนิด ผมหันมาทำอเมริกาโน่ให้พี่ทิม ก่อนที่จะตักช็อกโกแล็ตเค้กใส่จานไปเสริฟให้พี่ทิม
"อ้าว! พี่ทิมไปไหน" เดินกลับมาอีกทีพี่ทิมก็ไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว
"ไปเข้าห้องน้ำย่ะ แล้วนี่แกตกลงจะเลือกใคร" กรีนเริ่มอีกแล้วครับ คะยั้นคะยอผมเรื่องไร้สาระตลอดเวลา
"อะไร"
"อย่าไปฟังสองคนนี้เลยมินไร้สาระ" เพื่อนทั้งสามคนของผมก็มีเมฆนี่แหละ ที่ดูจะปกติที่สุดแล้ว ส่วนสองสาวปล่อยให้เขาอยู่ในโลกของสาววายต่อไป
"ตรงไหนที่ไร้สาระห๊ะเมฆ ฉันจริงจังนะ" หลิวหันไปแหวใส่เมฆ รายนั้นก็เงียบทันที ผมรู้ว่าเมฆแอบชอบหลิวแต่ไม่ยอมบอกซักที แต่ผมไม่ช่วยหรอกให้เขาหาทางจีบกันเอาเอง
"เออแกเงียบปากไปเลย" ลูกคู่ตอบรับในทันที
"พวกเธอพูดอะไรกัน มินไม่เข้าใจ"
"ก็ผูชายสองคนอ่ะ พ่อเทพบุตรทิม กับพ่อแบดบอยอ่ะจะเลือกใคร" ดูเธอพูดเข้าสิ ผมอยากจะถามจริงๆ เลย ว่าสองสาวนี่เป็นผู้ชายแปลงเพศมาใช่ไหมทำไมถึงห้าวหาญขนาดนี้
"จะบ้าเหรอมินจะเลือกทำไม"
"แต่ฉันเชียร์พ่อแบดบอยนะ น่าจะเร้าใจดีอ่ะ ดูสิหุ่นนี้อื้อ น่าขย่ำ เอากันน่าจะมันดีนะแก" กรีนเริ่มสาธยายอะไรไปเรื่อย ดูคำพูดที่ออกจากปากหญิงสาวสมัยนี้สิครับ น่ากลัวมาก
"ฉันว่าพี่ทิมดีกว่าเยอะ หุ่นก็ไมต่างกันหรอกย่ะ ยิ้มแต่ละทีนี่ใจฉันแทบละลาย แถมยังเฟรนลี่ด้วย หรือว่าแกอยากได้สามีโหดๆ แล้วรู้ได้ยังไงว่าเทพบุตรแสนดีเอาไม่มัน" พูดจบปุ๊บก็ยกยิ้มชั่วร้ายจนน่าตกใจ ผมล่ะกลัวแทนเมฆจริงๆ รักใครไม่รักดันมารักยายหลิวปากร้าย
"พอแล้วน่าทั้งสองคน พี่ทิมเขากลับมาแล้ว" ดีที่เมฆพูดขัดขึ้นมาก่อนไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้จะตอบแม่สองสาวนี้ยังไง
“เอาเป็นว่าจะเอใครก็มันทั้งคู่แหละ หรือว่าจะสามพี” ยังไม่หยุดอีกครับ
“คุยอะไรกันครับ น่าสนุกเชียว” ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้พี่ทิมน่าสนุกตรงไหนครับพี่ทิม สองสาวนี่น่ากลัวจะตาย
“เรื่อยเปื่อยค่ะ ว่าแต่ว่าพี่ทิมมีแฟนรึยังคะ”
“ยังไม่มีครับ แต่...น่าจะอีกไม่นานถ้าเขาตกลงนะ” พี่ทิมส่งยิ้มชวนละลายมาให้ผม มองผมแปลกๆ อีกคราวนี้ ดูมีเลศนัยยังไงชอบกล
“ว้ายยยยย จริงเหรอคะ คนนี้รึเปล่า” กรีนพูดกับพี่ทิมก่อนที่จะส่งสายตามาทางผม
“ถ้าเขาตกลงนะครับ” อะไรกัน พี่ทิมจะจีบใครเหรอ ทำไมผมไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงใคร
“หลิวเชียร์ขาดใจเลยค่ะ คนนี้น่ารักที่ซู๊ด”
ตามสบายครับพูดถึงใครก็แล้วแต่ สงสัยเขาจะคุยกันตอนที่ผมไม่อยู่ ผมเลยไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ แต่ก็ช่างมันเถอะ คนที่พี่ทิมจีบคงจะน่ารักจริงๆ นั่นแหละ เพราะพี่ทิมทั้งหล่อ แล้วก็แสนดี
***************************
มาแล้วนะคะ สนุกไม่สนุกก้เม้นให้หน่อยนะคะ
TBC.