ตอนที่ 3
มันจอดรถที่ลานจอดรถของคอนโดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวแล้วก็ปลอดภัยมากๆครับ ผมเดินตามหลังมันมาตั้งแต่ลงจากรถจนตอนนี้อยู่ในลิฟต์ มันกดที่ชั้น21 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุด
“โหว อยู่บนสุดเลย”
“กูชอบที่สูง”
“อ่าฮะ”
ผมตอบรับเบาๆ เมมไว้ในสมองมันที มันชอบอยู่ที่สูง...ผมมัวแต่จำเรื่องของมันจนประตูลิฟต์เปิดออก มันเดินออกไปแล้วผมก็เดินตาม มันเดินไปทางฝั่งขวาของลิฟต์ ทางเดินค่อนข้างยาวมากเลยครับแต่ผมเห็นมีอยู่แค่2ห้องเอง เพราะผมเห็นประตูแค่2ประตูอยู่ซ้ายกับขวาโดยมีลิฟต์อยู่ตรงกลาง มันเสียบคีย์การ์ดแล้วกดรหัสลงไปแล้วก็หมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าห้อง พอเข้าไปข้างในก็ต้องเปลี่ยนรองเท้าก่อนครับ เสร็จแล้วผมก็รีบสำรวจอย่างรวดเร็วเพื่อเก็บรายละเอียด ห้องมันจะเน้นไปทางสีขาวกับสีครีมครับ ทำให้ห้องดูสว่าง ตรงกลางเป็นโซฟากลางห้องขนาดใหญ่ ทางซ้ายเป็นบันไดขึ้นชั้น2 แล้วก็มีห้องครัวอยู่ทางขวามือ
“มึงอยากทำอะไรก็ตามสบาย กูขอขึ้นไปดูเอกสารบนห้องก่อน”
“กูขึ้นไปชั้น2ด้วยได้ป๊ะ?” ผมอยากไปสำรวจข้างบนด้วยอ่ะ ข้างล่างค่อยมาศึกษาอีกที
“ตามสบาย”
ผมเดินตามมันขึ้นไปชั้นสอง เหมือนบ้านเลยนะครับ กว้างมากๆมีอยู่3ห้อง ผมไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไรบ้าง แต่ก็เดินตามมันเข้ามาห้องที่อยู่ขวามือสุด ตามมันเข้าในห้องนอนก็ไม่มีอะไรมากครับ ของทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ดูโล่งๆ ไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมาย โทนสีห้องก็ยังเป็นสีขาวกับสีครีมอยู่
“มึงชอบสีขาวกับสีครีมหรอ?”
“ก็ชอบปกติไม่ได้พิเศษอะไร ที่กูตกแต่งโทนสีนี้เพราะมันทำให้ห้องดูสว่าง ที่จริงกูชอบสีดำ...แต่ถ้าจะตกแต่งทั้งห้องด้วยสีดำคงไม่ดี”
ผมคิดถึงทุกอย่างทั้งห้องเป็นสีดำก็ไม่ไหวละครับ อึดอัด==
“มึงอยากค้นอะไรก็ค้นตามสบาย กูไม่ว่า ห้ามทำพังก็พอ...กูขอเข้าไปดูเอกสารก่อน”
“อือ”
แล้วมันก็เดินเข้าไปในห้องที่ผมคาดว่าจะเป็นห้องทำงานมันครับ อยู่มุมขวาสุดของห้องนอน ห้องนอนมันกว้างกว่าห้องผมอีก ปลายเตียงมีโซฟาแล้วก็โทรทัศน์ มีโต๊ะที่เอาไว้นั่งทานข้าวในห้องด้วย ห้องน้ำก็อยู่ฝั่งซ้ายมือ ถ้าเปิดประตูเข้ามาแล้วเดินตรงอย่างเดียวจนสุดจะเป็นห้องครัวเล็กๆที่เป็นประตูกระจกใส ก็จะมีพวกไมโครเวฟ ตู้เย็น ประมาณนี้ครับ
ตรงโต๊ะหัวเตียงมันก็มีแค่นาฬิกาตั้งโต๊ะกับโทรศัพท์บ้านเฉยๆแล้วก็ที่เสียบปากกาที่มีปากกาเสียบอยู่ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลย มีโคมไฟติดอยู่ผนังเหนือหัวเตียงไปประมาณ1เมตร เตียงมันก็เรียบๆสีขาว แล้วก็ผ้าม่านสีครีมที่ผูกไว้กับเสาเตียงรอบด้าน ห้องมันมีแต่รูปวิวทั่วไปไม่มีรูปเจ้าของห้องหรือรูปครอบครัวเลยครับ ในลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงก็มีแค่หนังสือเกี่ยวกับธุรกิจกับสมุดจดทั่วๆไป ผมนึกว่าจะมีอะไรมากกว่านี้ซะอีก อยากเข้าไปดูห้องทำงานมันอ่ะ แต่ตอนนี้มันกำลังทำงานอยู่ ผมก็เลยอยู่ไม่กล้าเข้าไปกวนมันหรอก อีกอย่างไม่รู้ว่ามันจะอนุญาตให้เข้าไปไหมเผื่อมีเอกสารที่สำคัญมากอยู่ในนั้น ผมเดินสำรวจจนทั่วก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้นก็เลยไปสำรวจห้องน้ำ อื้อหือ...ในห้องน้ำมีห้องแต่งตัวอยู่ด้วยครับล้อมรอบด้วยกระจกใสอยู่ฝั่งซ้ายมือ ฝักบัวกับอ่างอาบน้ำก็อยู่ส่วนนึงมีกระจกใสกั้นกับชักโครก อ่างล้างหน้าอยู่ใกล้ๆประตู ผมเดินเข้าห้องแต่งตัวก่อนเลย เปิดตู้เสื้อผ้าออกก็มีเสื้อผ้ามันเต็มไปหมด6ตู้ครับ แยกเป็นสัดส่วน ตู้แรกเป็นเสื้อเชิ้ตมีทั้งแขนสั้น แขนยาว มีตั้งแต่โทนเข้มไปหาสีสันสดใส แต่สีที่มีเยอะสุดจะเป็นขาวกับดำ ตู้ที่2เป็นพวกเสื้อสูท เสื้อแขนยาว พวกเสื้อคลุมเสื้อกันหนาว ตู้ที่3เป็นกางเกงทำงาน ตู้ที่4เป็นกางเกงยีนส์กางเกงใส่เล่น ตู้ที่5เป็นเสื้อใส่ทั่วๆไป ตู้ที่6คือชุดนอนครับข้างล่างชุดนอนเป็นลิ้นชักเก็บชั้นใน ข้างบนสุดเอาไว้เก็บผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้ามันค่อนข้างเยอะเลยมากเลยทีเดียว ดูจากการสำรวจตู้เสื้อผ้ามันคงทำงานแล้วแหละ ผมสำรวจจนทั่วว่ามันใช้ครีมอาบน้ำ สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผมยี่ห้อไหนแล้วก็จำรายละเอียดทุกอย่างให้ครบ เดินสำรวจจนไม่มีอะไรแล้วถึงออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็เห็นมันเดินออกมาจากห้องทำงานพอดีครับ
“มึงทำงานเสร็จแล้วเหรอ?”
“อืม ลงไปข้างล่างยัง? หรือจะเข้าไปดูห้องทำงานกู”
“ได้เหรอ?!?”
“มึงค้นได้ทุกอย่าง ทุกๆที่ในคอนโดกู อยากจะทำอะไรก็แล้วแต่มึง”
“อืม แต่เอาไว้วันหลังดีกว่า ตอนนี้4โมงละ กูอยากไปดูหนัง มึงพากูไปนะ..นะๆๆๆๆ”
ที่จริงผมอยากเข้าไปดูห้องทำงานมันมากๆเลยนะครับ แต่ตอนนี้มัน4โมงเย็นแล้วอ่ะ กว่าจะดูหนังจะอะไรอีก พรุ่งนี้ผมมีเรียนเลยไม่อยากกลับบ้านค่ำมาก ยังมีเวลาค้นห้องมันอีกเยอะเดี๋ยวค่อยกลับมาค้นอีกก็ได้
“หึหึ กูบอกแล้วว่ามึงอยากไปไหนก็แล้วแต่มึง”
“เย้ๆ ขอบคุณนะ”
ผมรู้สึกว่าดีใจมากๆครับ ส่งยิ้มให้มันกว้างสุดๆ ผมกลัวว่าคนอย่างมันจะไม่ชอบไปโรงหนังอะไรพวกนี้ แต่ผมอยากใช้เวลากับมันให้มากขึ้นอยากเรียนรู้ตัวมันเองมากขึ้นเลย แล้วผมก็อยากดูหนังมากๆด้วย
“งั้นก็ลงไปข้างล่างได้แล้ว” ผมเดินตามมันออกจากห้อง แล้วก็ถามมันไปด้วย
“อีก2ห้องเป็นห้องอะไรอ่ะ”
“ห้องนอนแขกกับห้องเก็บของ”
“อ๋อ ตอนนี้มึงทำงานแล้วสินะ”
“อืม กูเรียนปริญญาโทจบมาเกือบปีแล้ว”
“ปริญญาโท!! ตอนนี้มึงอายุเท่าไหร่แล้วอ่ะ?”
ผมอึ้งมากนะครับที่รู้ว่ามันเรียนจบโทแล้ว หน้ามันนี่บอกว่าเรียนปีสามปีสี่ผมยังเชื่อเลย
“26จะ27”
“อายุมากกว่ากูตั้งหกเจ็ดปีแหนะ”
ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ตอนนี้เดินลงมาจนถึงโซฟาข้างล่างแล้วครับ มันหันหน้ามาหาผมที่อยู่ข้างหลังมัน
“กูชื่อเล่นชื่อคลิน ชื่อจริงชื่อศิขรินทร์ มีพี่สาวชื่อครีม ผับที่มึงไปวันก่อนเป็นผับของกูเอง”
ไม่น่าล่ะ ลากผมเข้าห้องได้สบายเชียว ผมไม่เคยไปผับนั่นมาก่อนครับ เพื่อนผมชวนไปผมก็เลยไปเป็นครั้งแรกเลย
“อย่างนั้นสินะ คลิน...ศิขรินทร์ มีพี่สาวชื่อครีม อายุ26ปี มีผับเป็นของตัวเอง....”
ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ มัวแต่จำจนไม่ได้สนใจมัน รู้ตัวอีกทีก็ตอนมันเดินเข้ามาใกล้มากๆแล้ว
“แล้วมึงล่ะ?”
“หืม?”
“กูบอกเรื่องกูให้มึงฟังแล้ว ไม่คิดจะบอกเรื่องของมึงให้กูฟังบ้างหรือไง”
ผมกับมันต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันและกัน ผมสำรวจใบหน้ามันอย่างถี่ถ้วนแล้วก็รู้สึกอยากกอดมันขึ้นมาซะอย่างนั้น แล้วไม่ได้แค่คิดผมขยับตัวเข้าไปกอดมันทันที ตอนแรกมันนิ่งๆซักพักก็กอดผมตอบพร้อมกับลูบหลังเบาๆ ผมเบียดตัวเข้าหามันมากขึ้น ซึมซับความอบอุ่นจากกอดของมัน การกอดมันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเลย
“กูเป็นลูกคนเดียว ชื่อจริงชื่ออิสรากรณ์ เรียนอยู่มหาลัยMMM คณะบริหาร ปี2 อายุ20ปี”
“อืม เรายังมีเวลาที่จะศึกษาเรียนรู้กันอีกเยอะ ค่อยๆที่จะเรียนรู้กันไปไม่ต้องรีบ มึงจะได้รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวกูแน่ๆ เช่นเดียวกับกูที่จะได้รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับมึง”
“อื้ม”
“พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง”
“สิบโมง”
“งั้นก็ไปดูหนังได้แล้ว เดี๋ยวมึงกลับบ้านดึก” ผมผละจากอ้อมกอดของมันแต่มือมันยังคล้องอยู่เอวผม เรายืนสบตากันอยู่ซักพัก
จุ๊บ
มันโน้มหน้าเข้ามาจูบหน้าผากผมเบาๆ ผมตกใจนิดหน่อยแต่ที่รู้สึกมากกว่านั้นคือหน้าร้อนมากๆ เหมือนหน้าผมจะไหม้เลย จนเป็นฝ่ายหลบสายตามัน เขินว่ะ>//////<
“ไปได้แล้ว”
“อือ”
มันเปลี่ยนมาจับมือผมแทน โดยที่ผมได้แต่เดินตามหลังมันออกจากห้องแล้วเอาแต่มองมือที่มันจับ รู้สึกอุ่นมากๆทั้งที่มือแล้วก็รู้สึกอุ่นๆที่ใจยังไงไม่รู้...
“มึงๆๆ เขาจะว่ากูแปลกไหมอ่ะ หน้าร้อนแต่ยังใส่ผ้าพันคออีกอ่ะ”
พอผมเดินเข้ามาในห้างก็รับรู้ว่ามีสายตาหลายคู่ที่มองมา เป็นผมผมก็มองนะ อากาศตอนนี้ร้อนมากๆแต่ผมก็ยังใส่ผ้าพันคอ==
“งั้นก็เอาออกสิ”
“ถ้าเอาออกได้กูก็เอาออกไปนานละ ยิ่งถอดคนยิ่งมองน่ะสิ”
“งั้นก็ไม่ต้องสนใจ เขาอยากมองก็มองไป”
พูดเสร็จมันก็ยกมือขึ้นกอดคอผมแล้วก็ดึงผมเข้าไปใกล้มันมากขึ้น แล้วจากที่มีคนมองอยู่แล้วยิ่งมีมากขึ้นไปอีก ผมก็เลยได้แต่ก้มหน้างุดๆแล้วเดินตามมันจนมาหยุดอยู่โปรแกรมหนังโดยที่มันกอดคอผมมาตลอดทาง
“จะดูเรื่องอะไร?”
“ตามใจกูอ่อ?”
“ก็มึงเป็นคนอยากมาหนิ”
“ได้ทุกเรื่องเลยนะ?”
“อืม” ผมกวาดตามองโปรแกรมหนังอีกทีก่อนจะชี้ไปหนังที่ผมอยากดู
“เอาเรื่องนี้”
เป็นหนังตลกของไทยนี่แหละครับ เป็นเรื่องเด็กๆเลย ผมเป็นคนไม่ชอบดูหนังซีเรียสอ่ะชอบดูอะไรที่มันเบาสมอง หนังผีหนังแนวฆาตกรรมนี่อย่ามาพูดด้วยนะผมไม่เอาเด็ดขาด หนังฝรั่งก็ดูได้นะครับ ชอบด้วย แต่วันนี้อยากดูเรื่องนี้มากกว่า
“อืม งั้นมึงรออยู่นี่แหละเดี๋ยวกูไปซื้อตั๋วเอง”
แล้วมันก็เดินไปซื้อตั๋วครับ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างมันจะยอมดูหนังอะไรแบบนี้ ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อคิดว่าหนังแนวนี้ดูขัดกับบุคลิกของมันอยู่ซักหน่อย ไม่นานมันก็กลับมา
“อีกประมาณชั่วโมงนึง มึงหิวยัง”
“หิววววววววววววววววววว” ผมตอบอย่างรวดเร็ว ผมเป็นคนกินเยอะนะ เยอะมากๆด้วย แป๊บเดียวก็หิวละ
“อยากกินอะไร?”
“อืมมมมมม อันนี้กูแล้วแต่มึง เพราะมึงตามใจกูเรื่องหนังละ”
“กูกินอาหารไทยนะ”
“อื้อ กูกินอะไรก็ได้” แล้วมันก็จับมือผมเดินไปที่ชั้นร้านอาหาร รู้สึกดีทุกครั้งที่มันจับมือจริงๆ ผมชอบความรู้สึกนี้มากๆเลย ^^
“รับอะไรดีคะ?”
มันพาเดินเข้ามาที่ร้านอาหารไทยครับ บรรยากาศดีเลยแหละ
“เอาต้มยำกุ้ง พะแนงหมู แล้วก็ต้มข่าไก่ครับ มึงเอาไร?” มันหันมาถามผม
“เอาผัดวุ้นเส้นกับแกงจืดครับ”
พนักงานก็รับออร์เดอร์ไป พวกเรานั่งอยู่ริมกระจกครับ สามารถมองเห็นวิวข้างล่างได้หมดเลย ผมมองลงไปอย่างล่องลอย เพลินตาดีครับ
“แอล”
ผมสะดุ้งน้อยๆแล้วก็หันไปทางมัน
“มึงไม่กินเผ็ดหรอ?”
“อื้อ กินไม่ได้อ่ะ ทำไมเหรอ?”
“เห็นมึงสั่งแต่อาหารไม่เผ็ด หน้าอย่างมึงก็ดูท่าไม่น่าจะกินได้ด้วย”
“อ่อ แล้วมึงล่ะ ชอบกินเผ็ดไหม? ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ?” ได้โอกาสก็ถามมันเลยครับ
“กูกินเผ็ด ชอบกินต้มยำกุ้ง”
“อ๋อ โอเคๆ”
ได้รู้เกี่ยวกับมันเพิ่มขึ้นอีกแล้ว^^ ยังไม่ทันจะพูดอะไรเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นก่อน แม่ผมโทรมาครับ
“ฮัลโหล”
(แอลอยู่ไหนลูก?)
“แอลอยู่ร้านอาหารฮะแม่ กินข้าวรอดูหนัง”
(ไปกับเพื่อนเหรอเรา)
“แปล่าฮะ มากับรุ่นพี่” ผมไม่อยากโกหกแม่อ่ะครับ เดี๋ยวแม่ก็ต้องรู้อยู่ดี
(อั้นแหนะ รุ่นพี่คนไหนนะ)
ผมเหลือบตามองมันนิดหน่อยก็เห็นว่ามันมองหน้าผมอยู่พอดี ผมก็เลยหลบตามันอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวกลับมาค่อยคุยกันดีกว่าฮะ” ผมพูดเสียงเบาๆอย่างเขินอาย
(หืมมมมมม ต้องมีอะไรแน่ๆเลยแม่ว่า แฟนหนูเหรอ)
“เดี๋ยวค่อยคุยกันตอนแม่กลับมานะฮะ ว่าแต่ตอนนี้แม่ทำอะไรอยู่?”
(เปลี่ยนเรื่องไวเชียว ฮ่าๆๆๆๆๆ เอาเถอะๆ แม่รอคุณพ่อเขาประชุมอยู่จ๊ะ ก็เลยโทรมาถามข่าวคราวลูกแม่ซะหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง)
“แอลสบายดีฮะ”
(จ้า อ๊ะ พ่อออกมาแล้ว แม่ต้องวางละจ้ะ คุณพ่อฝากความคิดถึงมาด้วยนะ พ่อกับแม่รักลูกนะ บายจ้ะ)
“แอลก็รักพ่อกับแม่ฮะ บายครับ” ผมกดวางสายแล้วก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
“คุยกับแม่?”
“อื้อ”
มันพยักหน้าเล็กน้อย พนักงานก็เอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี ต่างคนก็ต่างทานครับ อาหารร้านนี้ถือว่าอร่อยเลย ใช้เวลาไม่นานมากก็กินเสร็จ มันเรียกพนักงานมาเช็คบิล ผมกำลังหยิบตังค์ออกมามันก็จ่ายไปแล้ว
“เลี้ยงกูอ่อ?”
“อืม”
“รวยจังเลยนะ” ผมถามมันกวนๆครับ
“ก็มีพอจะเลี้ยงมึงได้แล้วกัน ไปได้แล้ว ใกล้ได้เวลาแล้ว”
ผมแลบลิ้นใส่มันตอนมันหันหลัง แล้วเราก็เดินไปที่โรงหนัง ก่อนหนังฉาย10นาทีโดยที่เราไม่ได้ซื้ออะไรเข้าไปกินเลยครับเพราะอิ่มจากที่กินมาเมื่อกี๋มากๆเลย
-------------------------------------------------------------------------------------
เห็นมีคนกลัวดราม่า บอกไปแล้วเนอะว่าไม่ถนัดแล้วก็ไม่ชอบด้วยนะคะ อาจมีบ้างแต่ก็น้อยนิดมากจริงๆ(นิดมากกกกกกกกกกกกก) แล้วก็เรื่องที่THE KOPแต่งจะจบแบบแฮปปี้ทุกเรื่องนะคะ ไม่ต้องห่วง...จะบอกว่าคนแต่งแต่งสดทุกตอน ไม่มีสต๊อกเก็บไว้นะเออ อารมณ์มาตอนไหนก็ตอนนั้น>< เดี๋ยวจะมีตอนที่พี่คลินมาเอง(ตามที่คิดไว้) แต่ไม่รู้ว่าตอนไหนนะ5555555555555 ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆเลยนะคะ