ตอนที่ 11
ผมดิ้นขลุกๆ อยู่ในอ้อมแขนที่โคตรจะแข็งแรง จากขนาดแขนแล้วเขาสามารถรัดคอผมตายได้ผ่านในเวลาไม่กี่นาที และตอนนี้กูก็ใกล้จะตายแล้ว โอ้ยอีกล้ามเนื้อกอลิล่า! มึงจะลากกูไปไหน
ผมเหงื่อแตกพลั่กๆ ใจแม่งก็กลัวฉิบหาย กูจะโดนทำอะไรวะเนี่ย เงินกูก็มีไม่เยอะ อีกอย่างผมไม่เคยไปสร้างแค้นอะไรกับใครที่ไหนนะ แล้วทำไมอยู่ๆ ต้องมาอุ้มกูด้วย ฮือออ ชีวิตกู ขอแบบแฮปปี้ๆ หน่อยได้มั้ย
ผมหวั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไอ้บ้านั่นมันลากผมเข้าที่สวนย่อมเล็กๆ อาม่าที่กำลังเดินออกกำลังกายถึงกับหยุดชะงักด้วยความตกใจ ผมส่งสายตาขอความช่วยเหลือออกไป แต่ดูท่าจะส่งไปไม่ถึง เพราะอาม่าแกไม่ขยับเข้ามาช่วยผมสักนิด แม่ง! ใจดำ!
แต่ก็ลืมคิดไป เข้ามาช่วยแล้วจะช่วยอะไรกูได้วะ
มันลากผมเข้ามาหลบมุมแบบไม่มีใครเห็นแล้วเขาก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระ ผมรีบเด้งตัวถอยหนีออกมาพร้อมกับหันกลับไปมองหน้าไอ้คนที่มันบังอาจมาทำอะไรแบบนี้ กะว่าจะด่าสักสองสามฉาก เอาให้เจ็บจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจ แต่พอเห็นหน้าแล้วคำพูดก็ถูกพับเก็บใส่กระเป๋า
ผมอ้าปากค้างยกมือชี้หน้าไอ้ตัวร้ายที่มันอุ้มผมมา รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเป็นมัดๆ หน้าตาโหดๆ แบบนั้น…
พี่…
เหี้ย! พี่มันชื่ออะไรวะ! ลืมมมม~
“พะ…พี่…” ที่เว้นไม่ใช่เพราะตกใจ กูลืมชื่อ
“ทำหน้าตกใจทำไม!” โอ้ยยยยย กูโดนลากมาแบบนี้กูไม่ควรตกใจสินะ กูควรจะยิ้มแฉ่งแล้วรอให้มึงลากไปปู้ยี่ปู้ยำหรือไง ประสาท! ออ…ไอ้ที่ด่าเนี่ยด่าทางสายตานะ เพราะขืนออกเสียงออกไปชีวิตผมจบสิ้นลงตรงนี้แน่ ดูแขนขาพี่แกสิ ใหญ่กว่าหัวผมอีกมั้ง
“ก็…ก็อยู่ๆ พี่ก็โผล่ออกมาลากแบบนี้ เป็นใครจะไม่ตกใจล่ะ”
“แฟนเก่าพี่ไง มันอยู่เฉยๆ ให้ลากเลย” เอิ่ม…อันนั้นเด็กพี่ ไม่ใช่ผม
“แล้ว…พี่…มีอะไรอะ” ผมเขยิบๆ ถอยห่างออกมาอีก แต่พี่แกแม่งรู้ทัน ขยับตามเข้ามา ผมยิ้มแหยๆ พยายามเก็บอาการกลัวๆ ของตัวเองไว้ รอบนี้ไม่มีไอ้หมาบ้าอยู่คอยช่วยแล้วด้วยสิ ฉิบหายแล้วมั้ยล่ะ
“พี่ให้เบอร์ไป ทำไมไม่โทรมา”
“ส้วมที่บ้านยังไม่เต็มง่ะ”
“ว่าไงนะ!!” พี่แกตวาดเสียงดังลั่น ผมหลับตาปี๋ ได้ยินเสียงคนที่อยู่ใกล้ๆ นี้วิ่งหนีออกไปด้วย ไอ้ห่า จะหนีก็ไม่เอากูไปด้วย รู้มั้ยว่ากูก็กลัวนะ
“คือ…คือ…คือผมก็มีแฟนแล้วไง ถ้าโทรไปมันก็ไม่ดี”
“แล้วไหนแฟน”
“เอ่อ…” ตอบไม่ได้ว่ะ จะบอกว่ามันมีแฟนใหม่แล้วมันก็ไม่ใช่ เพราะแม่งไม่ใช่แฟนกูตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และพอพี่กล้ามใหญ่ถามแบบนั้นผมก็วนกลับมาหน้าเศร้าอีกครั้ง สะกิดแผลใจดังจึ้กๆ เลย ผมหน้าหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด พี่แกก็ออกอาการผงะไปนิด
“เอ่อ…เป็นอะไรเปล่า”
“เป็นคนที่มันไม่รัก ฮืออออ” ผมคว่ำครวญออกมาแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนหญ้าแบบไม่กลัวเปื้อน กอดเข่าซุกหน้าลงไปแบบกูไม่แคร์อะไรแล้ว ร่างหนาตกใจที่จู่ๆ ผมก็บ้าขึ้นมา ผมกระทืบเท้าลงกับพื้นเหมือนเด็กโดนขัดใจก่อนจะทิ้งตัวนอนหงายแม่ง!
“เฮ้ยน้องวิป…”
“พี่! มานี่!” ผมฉุดแขนพี่แกให้นั่งลงข้างๆ ถ้าตามความเป็นจริงผมฉุดไม่ได้หรอก แต่นี่ต้องขอบคุณพี่แกที่ยอมนั่งง่ายๆ พอนั่งปุ๊บผมก็ใส่ทันทีเลย
“พี่คิดดูดิ ผมชอบมันอะ ชอบมากด้วย ไม่ได้ชอบเล่นๆ ด้วย แต่ผมก็ไม่ได้หวังให้มันคิดอะไรตอบนะ แต่แม่ง! ทำไมต้องทำท่ารังเกียจกันขนาดนั้นด้วยวะ” ผมบ่น เบะปากอยากจะร้องไห้อีกครั้ง พี่มันเป็นผู้ฟังที่ดีมากเลยนะ ยังไม่รู้เรื่องเลยว่าเป็นมายังไง ทำหน้าขึงขังโมโหตามผมไปด้วยก่อนแล้ว
ดีๆ ทำดี
“เราไปชอบใครน้องวิป มันไม่ชอบเราเหรอ พี่กระทืบมันให้มั้ย”
“ไม่ดีมั้ง คราวที่แล้วพี่ยังถูกมันกระทืบซะหมอบเลย” ผมบอกหงอยๆ พี่แกชะงักครับ แล้วค่อยๆ ระลึกกลับไปว่ากูโดนใครกระทืบว้า~ พอนึกได้ก็สบถออกมาเลยจ้า
“ไอ้เวรนั่น! แต่เดี๋ยวนะ…มันเป็นแฟนเราไม่ใช่เหรอน้องวิป”
ฉิบหายละ
“ผมเมากาว ลาครับ สวัสดี”
“เดี๋ยว! ยังไปไม่ได้” พี่มันดึงแขนผมไว้เมื่อผมลุกขึ้น ฮือออ ปล่อยกูไปเถอะ ถือว่าช่วยๆ กัน และเมื่อหนีไม่ได้ผมก็ต้องปั่นหน้าใสซื่อเหมือนไม่รู้ตัวว่าตัวเองเคยโกหกอะไรไว้
“สรุปมันใช่แฟนเราหรือเปล่า”
“ก็…ไม่ใช่แหละ แค่แบบ…หลอกพี่ไง” ยิ้มแฉ่งให้ด้วยเอาดิ โคตรจะแบ๊วเลยกู ผมหัวหดเมื่อร่างหนาทำหน้าโหดเหี้ยมออกมา อย่าแดกหัวเก๊านะ เก๊าขอโทษ~
“งี้ก็แสดงว่าพี่มีสิทธิ์น่ะสิ” เดี๋ยวๆ ไอ้ตาเป็นประกายนั่นมันคืออะไร
“นี่ผมเศร้าอยู่นะ พี่มาดีใจแบบนี้ เสียมารยาท” ปากกูนี่หวิดโดนตีนมากๆ ขอบอก
พี่แกท่าทางน่ากลัวนะ แต่พอนั่งๆ (แบบเกร็งๆ) คุยกันไปแล้วพี่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แค่ชอบตะโกน ทำหน้าโหด เอะอะจะใช้กำลัง…แค่นั้นเอง ฮ้อยยยย~ กูกลัว แต่ถึงจะกลัวผมนี่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเฉยเลย มันอารมณ์ต้องการระบายด้วยล่ะมั้ง กับไอ้ชานมันยังเป็นเพื่อนไอ้หมาบ้าไง ก็ต้องเกรงใจบ้าง แต่กับพี่มันไม่ต้องเกรงใจอะไร ใส่เต็มที่
“น้องวิปไม่ต้องไปสนใจมัน มาคบกับพี่นี่ พี่เลี้ยงเอง” มึงป๋ามากพี่
“อย่าเพิ่งจีบ เดี๋ยวผมหวั่นไหว”
“ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว” แหม ทีงี้ล่ะยืดเลยนะ
ต้องขอบคุณพี่มันสินะที่ผมให้ผมหายเครียดไปได้สักพักเลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะต้องใจตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าจะโดนตีนหรือเปล่าก็เถอะ
“เย็นมากแล้วอะพี่ กลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวปู่เป็นห่วง”
“โอเค เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง” ร่างหนาบอกแล้วลุกขึ้น ฉุดให้ผมลุกตาม แรงเยอะมาก ดึงทีแทบจะปลิวไปตามแรง ผมนี่ก็แปลกเนอะ รอบข้างมีแต่ผู้ชายดีๆ ทั้งนั้นเลย แต่คนที่ชอบแม่งกลับไม่ดีกับกูสักนิด ส้นตีน!
เดินมาถึงหน้าบ้านผมก็หันกลับไปยิ้มกว้างให้ จริงๆ พี่มันก็เป็นคนดีนี่น่า และก็ถึงเวลาที่จะถามคำถามที่คาใจอยู่นานแต่ไม่กล้าถามออกไปก่อนหน้านี้กลัวโดนตืบ แต่ตอนนี้อยู่หน้าบ้านตัวเองแล้ว พร้อม!
“พี่…”
“อะไร”
“พี่ชื่ออะไรอะ”
เราขอโทษ อย่าทำหน้าโหดใส่เราซี่~
…………………..
“เรากลับมาแล้วปู่” ผมร้องบอกเมื่อเดินเข้าบ้าน คนแก่ที่น่ารักของผมกำลังกวาดบ้านอยู่พอดีเลย ผมรีบเข้าไปช่วย แย่งไม้กวาดจากแกมากวาดเอง ปู่ยืนเท้าเอวอยู่ข้างๆ ไม่หลบเดี๋ยวก็กวาดทิ้งพร้อมขยะเลยหนิ
“เมื่อกี้เอ็งคุยกับใครไอ้วิป”
“คนแถวนี้แหละ”
“หน้าตาไว้ใจไม่ได้ มันจะมาปล้นบ้านมึงหรือเปล่า ยอมให้เขามาถึงบ้านขนาดนี้” คนแก่ขี้บ่นมาแล้วเว้ย ผมเกาหัว คือก็รู้ว่าแกก็ห่วง แต่แบบ…จะพูดยังไงดีล่ะ
“พี่เขาไว้ใจได้” พยักหน้ายืนยัน
“ใครบอกมึง”
“หัวใจที่อ่อนแอ” พอผมบอกไปก็ได้รับฝ่ามือโบกลงมาเต็มๆ กลางศีรษะ จากนั้นไม้กวาดในมือก็ถูกแย่งกลับไป ปู่ไล่ผมขึ้นห้อง แสดงท่าทางเหม็นหน้ากันมากเลย ผมเบะปากใส่แบบงอนๆ แล้วเดินขึ้นมา กำลังจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเลย แต่โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาซะก่อน หยิบออกมาดู ชื่อคนที่โทรเข้าทำผมเผลอลังเลไปว่าจะรับดีมั้ย
นานา…
“ฮัลโหล…ว่าไง” สุดท้ายก็รับจนได้
[มึงอยู่ไหนวิป!] คนสวยของผมตะคอกกลับมา มึงใจเย็นๆ ก็ได้
“เพิ่งถึงบ้าน ทำไม มึงมีอะไรหรือเปล่า”
[รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกูเข้าไปหา กูมีเรื่องสำคัญมากจะคุยกับมึง] ไอ้นาทำเสียงจริงจังมากจนผมไม่กล้าเล่น แต่…กูไม่พร้อมจะคุยกับมึงว่ะ แค่ได้ยินเสียงมึง หัวกูก็พาลนึกไปถึงไอ้เวรนั่นแล้ว
“วันหลังก็…”
[ต้องวันนี้!!]
จ้ะ วันนี้ก็วันนี้จ้ะ
ส่งสารเสร็จปุ๊บแม่คุณก็วางไป คิดไม่ออกจริงๆ ว่าไอ้นามันจะมาคุยอะไร ผมนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นหลายนาทีเหมือนกัน ก่อนจะถอนหายใจ คิดไปแม่งก็คิดไม่ออกอยู่ดี รอมันมาถึงก็รู้เองแหละ
กะเวลาเอา ผมว่ามันไม่น่าจะมาถึงเร็วๆ นี้ผมเลยเข้ามาอาบน้ำก่อน อาบเสร็จคนสวยก็ยังมาไม่ถึง ถ้ามันมาแล้วเดี๋ยวก็โผล่ขึ้นมาบนห้องเองแหละ ไอ้นี่มันมาบ้านผมบ่อยๆ
ตึงๆๆๆ!
ขณะที่ผมกำลังเปิดตู้เสื้อผ้า จะหาเสื้อผ้าใส่ เสียงคนวิ่งขึ้นบันไดดังสนั่นนั่นก็เรียกสายตาของผมให้หันกลับไปมองที่ประตู เพียงไม่กี่วิประตูห้องของผมก็ถูกเปิดออก คนสวยเพื่อนรักก็พุ่งตัวเข้ามา กระโจนใส่ผมจนถอยล้มลงไปบนเตียง…และมีร่างสวยๆ นั่งทับอยู่ข้างบน
ใจเย็นนะ อย่าเพิ่งเปลี่ยว
“ไอ้วิป!”
“จ๋าจ้ะ”
“แฮกๆ กูมีเรื่องต้องบอกมึง” ผมพยักหน้ารัวๆ ตอบกลับมันไป คือเข้าใจว่าอยากบอกมาก แต่ให้กูแต่งตัวก่อนดีกว่ามั้ย มึงนั่งทับกูอยู่แบบนี้ไม่เขินบ้างไง แต่กูเขินนะ
“ให้กูแต่งตัวก่อนดิ”
“ไม่ได้!!” เอ้าดุเฉย อะไรมึงเนี่ย
“อะ…งั้นว่ามา แต่ลุกออกไปก่อนดิ๊” ผมดันตัวมันออกไป ไอ้นานาฮึดฮัดแต่ก็ยอมขยับลงไปนั่งข้างๆ แทน พอผมพร้อมที่จะฟัง สายตาขอโทษก็ถูกส่งออกมา อีกแล้ว! แบบนี้อีกแล้ว มองกูด้วยสายตาแบบนี้เล่นเอากูรู้สึกผิดเลยนะ
“กูขอโทษนะวิป”
“…”
“จริงๆ แล้วกูกับไอ้กัน…ไม่ได้คบกันหรอก กูหลอกมึง”
!!
วะ…ว่าไงนะ?
………………………
“มาด้วยกันหน่อยแป๊บนึง”
นานาหันไปมองร่างสูงที่รั้งแขนตนไว้ ท่าทางที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยทำให้เธอไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ยอมเดินแยกออกมาด้วย พอพ้นจากเพื่อนที่รออยู่กันก็เอ่ยออกมาทันที
“ฉันว่าเราควรหยุดได้แล้ว”
“หยุด? เรื่องอะไรล่ะ”
“วิป เพื่อนเธอ”
นานาชะงักไป หันกลับไปมองร่างสูงตรงๆ ซึ่งกันมีท่าทางเบื่อๆ เมื่อต้องพูดถึงเรื่องนี้ มันพาลทำให้นึกไปถึงคราวที่แล้วที่ได้คุยกัน และตกลงอะไรบางอย่าง
.
.
“คิดไม่ถึงนะว่าคนที่ไอ้วิปมันบอกจะเป็นนาย” นานาพูดด้วยน้ำเสียงติดจะขำ เมื่อวิปเดินแยกออกไปแล้วเขาก็คุยกันได้อย่างสะดวกหน่อย ร่างสูงตอบรับในลำคอพร้อมกับโคลงหัวหน่อยๆ
“ฉันรู้แต่แรกแล้ว”
“หืม แล้วทำไมไม่บอกมันไปล่ะ”
“ฉันแค่ไม่คิดว่าเพื่อนเธอจะจริงจังอะไรขนาดนี้” กันตอบกลับเสียงเบื่อๆ นานายิ้มขำให้กับท่าทางแบบนั้น
ใช่! พวกเขารู้จักกันมาก่อน เรียกว่าสนิทในระดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งตรงจุดนี้ไอ้วิปคนซื่อบื้อนั่นไม่ได้รับรู้ด้วยเลย คราวแรกที่วิปเดินเข้ามาบอกว่าจีบผู้ชายให้ ตัวเธอเองก็รู้สึกหงุดหงิด ถึงจะรู้ว่ามันหวังดีก็เถอะ
แถมหลังๆ ก็จู้จี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นลากให้มาเจอกันแบบนี้ ตอนแรกยอมรับว่าไม่อยากจะมาเลย จะให้ไปเจอใครที่ไหนก็ไม่รู้เนี่ยนะ ถึงวิปมันจะรู้จักไปแล้วก็เถอะ แต่นี่ไม่ได้รู้จักด้วยซะหน่อย
แต่พอมาเจอหน้าปุ๊บ ก็ต้องยอมรับว่าทั้งตกใจและประหลาดใจ แถมโลกมันจะกลมอะไรขนาดนี้ ตัวเธอกับกันเป็นเพื่อนกันมาก่อน รู้จักกันมาก่อนหน้านี้เพราะเคยเรียนที่เดียวกัน
ร่างสูงเป็นคนไม่ค่อยพูด จะเงียบๆ นิ่งๆ เลยไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนิสัยขี้รำคาญของเขาเองด้วยแหละที่ทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าหา
แต่กับนานาก็เรียกได้ว่าคุยกันรู้เรื่อง ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยได้เซ้าซี้อะไรจนร่างสูงต้องรำคาญ แถมกันเองก็ไม่ใช่สเป๊กของเธอด้วย เพราะแบบนี้เลยทำให้คบกันได้
ถึงแม้ว่าจะสนิทในระดับหนึ่ง แต่กันก็ไม่ได้เผยนิสัยส่วนตัวออกมามากนัก เรียกได้ว่าแทบจะไม่หลุดจากบทนิ่งๆ นั่นเลย และพอเข้ามหาลัยก็ห่างๆ กันไป แต่ก็ยังมีติดต่อกันบ้างอยู่
เบอร์โทรก็มี ไลน์ก็มี ก่อนที่วิปจะถามซะอีก
“แล้วนี่เธอคิดจะบอกเพื่อนเธอว่ายังไง”
“หืมมม ไม่บอก ปล่อยมันไว้งั้นแหละ” นานายักไหล่ ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มเหมือนว่ากำลังได้เรื่องสนุก ร่างสูงมองแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“เธออย่ามาสนุก เพราะฉันไม่สนุกกับเธอด้วย เพื่อนเธอวุ่นวายกับฉันมากเกินไป”
“นิสัยขี้รำคาญไม่เปลี่ยนเลยนะ นี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าไอ้วิปมันโดนนายเล่นงานไปเท่าไหร่แล้ว”
“เพื่อนเธอมันตัวปัญหา ไล่ก็ไม่ยอมไป”
“หึ งี้แหละสนุก”
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่า ปล่อยให้มันคิดไปเองของมันนั่นแหละ แล้วเราก็คอยดูมันบ้าของมันไป ไม่ต้องไปบอกอะไร เห็นมันพยายามแล้วก็น่ารักดี มันเอ๋อๆ งี้แหละ แกล้งง่าย” นานาแสยะยิ้ม ได้เรื่องสนุกมาอีกเรื่องหนึ่งแล้ว อย่าน้อยๆ มันก็ทำให้มีสีสันขึ้นมาเยอะ ร่างสูงถอนหายใจออกมา จะปฏิเสธคงไม่ได้ไอ้รูปแบบนี้
และเขาก็คิดว่า ถ้าวิปเข้าใจไปว่าพวกเขาคบกัน อาจจะเลิกมาวุ่นวายใกล้ๆ สักที
.
.
“เพราะอะไร ไอ้วิปมันวุ่นวายมากเกินไปเหรอ นายรำคาญใช่มั้ย”
คนสวยถามเรื่องที่ข้องใจออกไป ถึงแม้ว่ากันจะขี้รำคาญก็ตาม แต่คราวนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่ทำไมตอนนี้ถึงมาบอกว่าควรจะหยุด มันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง เธอรู้สึกได้
“เพื่อนเธอ ดูท่าจะไม่ได้จีบฉันเพื่อให้เธอแล้วล่ะนะ”
“หมายความว่าไง”
“เพื่อนเธอชอบฉัน”
!!
นานาอึ้ง ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างแบบไม่อยากเชื่อ แต่เพราะคำพูดพวกนี้ออกมาจากปากผู้ชายที่ไม่เคยล้อเล่นในเรื่องไหนเลย มันเลยมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ แต่ว่า…ตัวเธอเองก็ไม่คิดว่าเพื่อนรักจะไปชอบคนตรงหน้า
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น”
“แววตา ท่าทาง อะไรหลายๆ อย่างมันบอกฉัน และเธอก็คงรู้ว่าฉันไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย ถ้ามันจะต้องมีปัญหาตามมาทีหลังฉันขอให้มันจบตรงนี้ดีกว่า” ดวงตาดุๆ นั่นจ้องตรงมาบ่งบอกว่าที่พูดมานั้นเขาพูดจริง
นานาขมวดคิ้วมุ่น เรื่องที่วิปไปชอบคนตรงหน้านี้ก็แปลกใจแล้ว แต่…เขาก็ไม่ได้คบกับกันจริงๆ สักหน่อย
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง”
“ให้เขาคิดไปซะว่าฉันกับเธอคบกันแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไร แล้วก็ไปบอกเพื่อนเธอด้วยว่าเราคบกัน เพราะงั้นก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องมาหาฉันอีก” ถ้าวิปชอบร่างสูงจริงๆ แล้วมาได้ยินอะไรแบบนี้คงจะจุกไม่ใช่น้อย แต่ก็นี่แหละ นิสัยของกันล่ะ
“และเพราะแบบนี้ เธอต้องทำให้เพื่อนของเธอเห็นด้วยว่าเราคบกันจริงๆ คงจะต้องไปไหนมาไหนด้วยกันสักพักล่ะนะ” มือหนาเสยผมด้านหน้าของตัวเองขึ้นไป ดูท่าก็รู้ว่าไม่ชอบอะไรแบบนี้
“เพราะอะไรล่ะ นายเองก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงอยู่แล้ว และวิปมันก็…”
“ใช่ ฉันชอบผู้ชาย แต่ฉันไม่ได้ชอบเพื่อนเธอ”
นานาเงียบเมื่อเจอพูดแบบนี้ใส่ เธอเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อเหมือนกัน ตอนนี้ในใจก็เริ่มโทษตัวเองไปแล้ว เพราะคิดแต่จะหาเรื่องสนุกไว้ดูเล่น กลับกลายเป็นว่าต้องทำให้เพื่อนรักเสียใจซะงั้น
“ทำแบบนี้ดีกับเพื่อนเธอที่สุดแล้วเหมือนกัน เพราะถ้าเขายังวุ่นวายกับฉันอยู่ รับประกันได้เลยว่าเขาต้องเจ็บอีกนานแน่ๆ เพราะฉะนั้นไปบอกแบบนั้น ให้มันตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้” กันบอก ถึงแม้ว่าจะรำคาญไอ้หมาตัวเล็กนั่นก็เถอะ แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาเสียใจเพราะตัวเองเหมือนกัน และถ้ามันจะต้องเสียใจ ก็ให้มันจบไปเร็วๆ นี่แหละดีแล้ว
“โอเค และฉันจะบอกมันให้”
…………………..
ปัง!
“กูไม่ทนแล้ว แม่ง!...”
เมื่อความอดทนทั้งหมดมันมาถึงจุดเดือดแล้ว เธอเองก็จะไม่ทนอีกต่อไป ไม่ทนเก็บเรื่องอึดอัดไว้ ไม่ทนเห็นเพื่อนรักเศร้าและต้องมาร้องไห้
เธอเองคิดเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว เพราะหลังๆ มานี้วิปดูไม่ร่าเริงเหมือนแต่เก่า ปกติจะยิ้มง่าย หาเรื่องตลกๆ มาพูดให้ขำอยู่ตลอด แต่ในตอนนี้กลายเป็นว่านั่งเรียนแบบเหม่อๆ แถมดูเหมือนว่าจะไม่อยากคุยกับเธอด้วย
มันเป็นความผิดเธอเองที่ทำให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ แต่เพราะร่างสูงสั่งเอาไว้ ว่าอย่าได้บอกออกไป ให้วิปตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้ เจ็บระยะสั้นๆ ยังไงก็ดีกว่า
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอะไรๆ มันจะไม่ดีแล้ว
เธอโทรไปหากันเพื่อที่จะคุยเรื่องของวิป แต่กันกลับไม่รับสายเธอ แล้วโทรกลับมาได้จังหวะเหมาะอีกต่างหาก ทำให้เพื่อนตัวน้อยของเธอถึงขั้นทนไม่ไหวเดินหนีออกจากห้องโดยไม่เกรงใจอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่เลย
และเธอจะไม่ทนอีกแล้ว เพราะงั้นเลยนัดเจอกับคนโหดขี้รำคาญนั่นซะ และเมื่อเจอหน้าเธอก็พูดเข้าเรื่องทันที
“ฉันจะบอกวิปมันแล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“เฮ้อ…นานา ฉันบอกแล้วไง…”
“แต่วิปมันสภาพแย่มากเลยนะ นายอาจจะไม่เห็น มันไม่ร่าเริงเหมือนเดิม นายก็รู้ ถึงมันจะน่ารำคาญขนาดไหน แต่ความสดใสร่าเริงของมันก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นเอกลักษณ์ของไอ้วิปไปแล้ว แต่ตอนนี้…หน้าเศร้าๆ ไม่เหมาะกับมันสักนิด” พอยิ่งคิดถึงท่าทางของเพื่อนรักที่ได้เห็นมาก็พาลทำให้น้ำตามันคลอขึ้นมาอีกแล้ว
“แต่ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย ถ้าเกิดเธอบอกไป…”
“แต่ฉันเองก็ไม่อยากเห็นเพื่อนรักต้องเสียใจแบบนี้เหมือนกัน!”
“…”
“นายรู้มั้ย มันร้องไห้ด้วยนะ ตามันช้ำมากเลยนะรู้มั้ย” เสียงเธอสั่น น้ำตาไหลลงมาเพราะความสงสารเพื่อนจับใจ ร่างสูงชะงักไปนิดเมื่อได้ยินว่าไอ้เตี้ยที่ร่าเริงขนาดนั้นร้องไห้
คิดภาพไม่ออกเลยแฮะ
“ถือว่าฉันขอนายก็ได้ นายไม่จำเป็นต้องชอบมันกลับเลย แต่ขอเถอะ อย่าให้มันเข้าใจผิดแบบนี้” นานามองร่างสูงด้วยสายตาอ้อนวอน เห็นเพื่อนเสียใจใช่ว่าเขาไม่เจ็บ และยิ่งเธอเองก็มีส่วนผิดด้วยแบบนี้ มันยิ่งปวดใจหนักเลย
“เฮ้อ…ฉันรับรองเลยว่าเพื่อนเธอได้เสียใจกว่านี้แน่ๆ” ร่างหนาเงยหน้าพึมพำเบาๆ ก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่หรอกที่ต้องพูดจาร้ายแรงแบบนั้นใส่ แต่ถ้ามันต้องวุ่นวายมากเกินไป และยื้อไม่จบสักทีก็ต้องทำล่ะนะ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่ให้มันเจ็บด้วยตัวมันเอง ให้วิปมันได้รู้ความจริง ถึงมันจะเจ็บ ก็ดีกว่าเจ็บในเรื่องที่มันไม่จริง”
“ถ้างั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกัน” กันว่าอย่างไม่มีทางเลือก
คนสวยเผยยิ้มกว้าง มือเรียวปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างไม่กลัวเสียสวย โผเข้ากอดร่างหนาเต็มตัว กันผงะตกใจ ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ
“หลังจากนี้ถ้าเพื่อนเธอร้องไห้อีกอย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน”
__________________________________________
มาแล้วอะหื้อออออออ บางทีเราก็คิดนะ พระเอกเรื่องนี้ช่วงนี้ค่าตัวแพงมาก มาน้อยนิดเหลือเกิน สงสารรรร 555
เดี๋ยวตอนหน้าพี่อาร์คคนหล่อของเราจะกลับมา ลืมพี่แกไปกันหรือยัง อย่าเพิ่งหลงพี่ชานหรือพี่พลุคนโหดไปซะก่อนล่ะ ฮี่ๆ
เจอกันใหม่ตอนหน้าครับผม