ตอนที่ 4
ช่วงฟ้าสางลุงชัยนั่งหน้าดุอยู่บนตั่งมองมายังผมที่นั่งคุกเข่าอยู่บนบนพื้นเพื่อให้สายธารทาดินสอพองละลายน้ำมะนาวลงบนหน้าผากที่โนขึ้นมาเป็นลูก
“จะเอายังไงล่ะทีนี้ จะทำยังไงกัน”
“พ่อจ๋า นี่ไงจ๊ะคนที่จะดูแลฉันได้ พี่พนาเป็นอัลฟ่านะจ๊ะ” สายธารตอบเสียงใสก่อนจะวางถ้วยดินสอพองแล้วหันไปยิ้มให้ลุงชัย ท่านมองลูกชายตัวเองแล้วปรายตามองมาทางผมก่อนจะจิ๊ปาก ส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก
“เอ็งน่ะเงียบไปเลย ถ้าชอบพอกันจริงก็แค่บอกพ่อดีๆ ไม่ใช่พามานอนบนเรือนให้ผิดผีกันแบบนี้ ฮึ่ย! มันน่า
หวดให้หลังลาย” ว่าแล้วลุงชัยก็เงื้อไม้เท้าในมือขึ้น ผมก็ได้แต่หลับตาเตรียมรับไม้ที่จะฝาดลงมาอีกครั้ง แต่ป้าสร้อยก็ดึงมือลุงชัยเอาไว้ก่อน
“พ่อใจเย็นก่อนนะจ๊ะ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ได้บุ่มบ่ามผูกพันธะกันนะ” สายน้ำพูดขึ้นแล้วมองไปที่น้องชายตัวเองด้วยแววตาขบขันปนเหนื่อยใจ สายธารอมยิ้มพลางยกมือขึ้นลูบต้นคอที่ปราศจากปลอกหนังที่โอเมก้าควรใส่ไว้
“เอ่อ...ผมรักสายธาร ผมขอโทษที่ทำอะไรลับหลังแต่ผมยินดีที่จะรับผิดชอบและทำอะไรๆ ให้มันถูกต้อง เพียงแค่ลุงชัยและป้าสร้อยให้โอกาสครับ” ผมยกมือไหว้และพูดออกไปอย่างจริงจัง ลุงชัยถอนหายใจออกมาหนักๆ พลางมองไปยังลูกชายตัวเองที่นั่งยิ้ม ผมได้ยินว่าป้าสร้อยหัวเราะออกมาแล้วยื่นมือมาลูบหัวสายธาร
“แล้วเราล่ะ รักคุณพนาเขารึเปล่าลูก?”
“รักจ้ะแม่ ฉันรักพี่พนา” สายธารขยับเข้าไปหาป้าสร้อย ซบใบหน้าลงบนหน้าขาให้ท่านลูบหัว ภาพตรงหน้าเป็นภาพน่ารักจนผมอยากยิ้มออกมา หากไม่มีสายตาดุๆ ของลุงชัยจ้องผมเขม็งอยู่แบบนี้
“งั้นขอให้คุณพนามาขอขมา ไหว้ผีบ้านผีเรือนกันก่อน ส่วนเรื่องผูกข้อไม้ข้อมือค่อยคุยกันวันหลังนะจ๊ะ” ป้าสร้อยหันมาพูดกับผม ใบหน้าใจดีและน้ำเสียงนุ่มนวลทำให้ผมลดอาการเกร็งไปได้บ้าง ท่านให้ผมจดของที่ต้องซื้อมาขอขมาผีบ้านผีเรือน ระหว่างนั้นลุงชัยก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปเข้าไปในห้อง เห็นแบบนั้นสายธารก็จับขาพ่อเอาไว้
“พ่อจะไปไหนเหรอจ๊ะ...พอก็ชอบพี่พนาไม่ใช่เหรอ พ่อยังเคยชมเลยว่าพี่เขาเก่งเลย” คนตัวเล็กพูดเสียงสั่นเมื่อเห็นท่าทีว่าลุงชัยดูไม่เต็มใจท่าไรนัก “พ่อจ๊ะ ฉันมั่นใจว่าพี่เขาดูแลฉันได้แน่นอน และฉันรักพี่เขา...ฉันอยากอยู่กับพี่พนามากกว่าไปอยู่กับชายที่ฉันไม่ได้รัก ฮึก”
“เออ รู้แล้ว พ่อก็กำลังรีบไปขอโทษลุงปลัดให้เอ็งไง ต้องแวะซื้อเหล้าฝรั่งไปให้เขาหน่อย ผิดสัญญากับเขาขนาดนี้” ลุงชัยพูดแล้วส่ายหัวไปมา แต่มือก็ยกขึ้นลูบหัวสายธาร เห็นแบบนั้นคนตัวเล็กก็ยิ้มกว้าง ส่วนผมก็รีบก้มลงกราบขอบคุณเขาทันที
“ขอบคุณนะครับลุงชัย หากเตรียมของเสร็จเมื่อไรผมจะรีบมาผูกข้อไม้ข้อมือกับสายธารทันทีเลยครับ”
“ไปเตรียมของขอขมากับไหว้พี่บ้านผีเรือนก่อน ส่วนเรื่องผูกข้อมือขอให้สายธารมันถึงอายุยี่สิบห้าก่อน คุณพนารอได้มั้ยล่ะ? เหลืออีกไม่ถึงเดือนแล้วนี่”
“ได้ครับ ผมรอได้”
ลุงชัยพยักหน้าแลเดินเข้าห้องไปใส่เสื้อ จากนั้นก็ออกจากบ้านไป ส่วนป้าสร้อยและสายน้ำก็พากันเข้าครัวไปทำมื้อเช้าเหลือผมและสายธารที่นั่งมองหน้ากันอยู่สองคน
“พี่พนาโกรธฉันรึเปล่าจ๊ะ ที่ฉัน...จำเวลาพ่อตื่นนอนผิดไป”
“แน่ใจว่าจำผิดจริงๆ ไม่ใช่ว่าจงใจให้พี่โดนลุงชัยเอาปืนฟาดหัวหรอกเหรอ ดีที่แกไม่ลั่นไกใส่พี่” ภาพตอนที่ลุงชัยคว้าลูกซองแฝดมาเล็งผมยังติดตาไม่หาย ดีที่ป้าสร้อยมาห้ามไว้ทันไม่อย่างนั้นผมไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แน่ๆ
“ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อยจ้ะ ฉันไม่คิดว่าพ่อจะหยิบปืนเสียด้วยซ้ำ ก็เห็นเขาเคยชมพี่พนาอยู่...ขอโทษนะจ๊ะ” สายธารขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ ผม ฝ่ามือเล็กทาบลงบนมือของผมทำหูลู่หางตกดูน่าสงสาร แต่นั่นก็เท่ากับว่าเขายอมรับว่าจงใจให้ผมเจอกับลุงชัยจริงๆ
“แสบนักนะเรา”
“ฉันขอโทษที่ก้าวก่าย ก็ฉันอยากเป็นคู่ของพี่พนานี่จ๊ะ พี่พนาอย่าโกรธฉันนะ” ผมเขาเอียงคอแล้วใช้ดวงตากลมโตมองมา ริมฝีปากเล็กๆ มุบมิบขอโทษอย่างน่ารัก เจอแบบนี้เข้าไปผมโกรธไม่ลงหรอก
“ไม่โกรธก็ได้ครับ แต่คราวหลังอย่ามัดมือชกกันแบบนี้นะ พี่นึกว่าจะไม่รอดจากลูกปืนลุงชัยเสียแล้ว”
“ฉันไม่ปล่อยให้พี่ตายหรอกจ้ะ หากไม่มีพี่แล้วใครจะพาฉันหนีจากบ้านลุงปลัดล่ะจ๊ะ” สายธารหัวเราะ ใบหน้าจิ้มลิ้มหันซ้ายหันขวา พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ก็รีบยืดตัวขึ้นจูบปาก
ผมนั่งนิ่งๆ คำที่เขาพูดออกมาทำให้ใจผมเริ่ม...หนักอึ้ง เป็นความกลัวรึเปล่าก็ไม่แน่ใจนัก แต่ไม่ชอบใจเท่าไรที่ได้ยินเขาพูดออกมาแบบนั้น เขาอยากเป็นคู่กับผมเพียงเพราะไม่อยากแต่งงานกับลูกชายคุณปลัดแค่นั้นรึเปล่า?
“ถ้าแค่เรื่องนั้น...อัลฟ่าคนอื่นก็สามารถพาเธอหนีได้เหมือนกันนะ”
สายธารเลิกคิ้วขึ้น ผมจึงส่งยิ้มให้แล้วลืมความรู้สึกเมื่อครู่นี้ไป เพียงแค่สวมกอดร่างเล็กแล้วเขากอดตอบใจผมก็สงบลง
หลังจากนั้นสองสามวันที่เราจัดการไหว้ผีบ้านผีเรือนผมก็ไม่ค่อยได้เจอสายธารเท่าไรนัก เพราะต้องเร่งทำงาน และเมื่อมีเวลาว่างก็ต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างหมู่บ้านกับกรุงเทพเพื่อคุยกับพ่อแม่เรื่องการผูกข้อไม้ข้อมือ สายธารได้เจอกับทางครอบครัวผมแล้วหนึ่งครั้งในวันที่พ่อและแม่มาพูดคุยเรื่องสินสอดกับลุงชัย เขามีท่าทีเกร็งประหม่าอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็ยังสามารถปากหวานพูดจาฉอเลาะจนแม่ผมหลงเสน่ห์ว่าที่ลูกสะใภ้ไปเต็มๆ
จนเวลาผ่านไป ก่อนวันงานเจ็ดวันผมถูกห้ามไม่ให้เจอหน้าสายธาร มันเป็นประเพณีของบ้านเขาที่ต้องเก็บตัวไม่ให้อีกฝ่ายเจอหน้า ต่างฝ่ายต่างก็มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้และเตรียมตัวสำหรับการเป็นครอบครัวเดียวกัน ลุงคำบอกให้ผมต้องรู้ขั้นตอนพิธีของงานผูกข้อไม้ข้อมือคร่าวๆ เขาบอกว่าฝ่ายเราไม่มีอะไรมาก ต่างกับอีกฝ่ายที่ต้องเตรียมตัวเยอะ ผมไม่เข้าใจเท่าไรนักว่าจะเตรียมตัวอะไรเยอะแยะ บางครั้งผมบังเอิญได้เห็น ได้ยินเสียงของเขาที่คุยอยู่กับชาวบ้านคนอื่น แต่พอจะเดินเข้าไปหาก็มักจะโดนคนรอบข้างห้ามเอาไว้ คืนสุดท้ายก่อนถึงวันงานผมนอนพลิกไปมาด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
พรุ่งนี้ผมจะได้เจอสายธาร พรุ่งนี้ผมจะได้แต่งงานกับเขา และตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะมีครอบครัวเป็นของตัวเอง...
เรื่องมันฉุกละหุกและรวดเร็วไปหมดแต่ผมกลับไม่มีความคิดลังเลหรือเสียใจเลย คำว่าไม่พร้อมจะแต่งไม่เคยแวบเข้ามาในหัวผมเลยแม้แต่น้อย อาจเพราะเจ้าสาวของผมคือสายธาร…คนที่ผมหมายตาเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ คิดแล้วก็ขำ มาทำงานแท้ๆ ดันได้เมียกลับไปเฉยเลย
ถึงแม้ว่าจะมีความสุขที่ได้คนที่เขามาเป็นคู่ครอง แต่ในใจลึกๆ ผมกลับรู้สึกติดขัดอยู่เล็กน้อย ไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไร เป็นความกังวลเล็กๆ ที่อยู่ในหลุมลึกของจิตใจ...รู้เพียงแค่ว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสายธาร
แล้วปากหลุมของความกังวลนั้นก็ถูกกลบด้วยความตื่นเต้นของพิธีผูกข้อไม้ข้อมือ ผมถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ามืดเพื่อมาเตรียมตัว ถูกจับให้ใส่เสื้อผ้าฝ้ายตัดเย็บอย่างดี กางเกงสีเดียวกันขาทรงกระบอกและผูกผ้าขาวม้าที่บั้นเอว
“พี่พนาจ๊ะ”
เสียงหวานที่ผมคิดถึงร้องเรียกเรียก ผมเงยหน้ามองแล้วใบหน้าจิ้มลิ้มแล้วยิ้มตาม อยากจะดึงเขาเข้ามากอดให้จมอก สายธารแต่งกายด้วยเสื้อสีขาวกับกางเกงสีเดียวกัน ที่บั้นเอวผูกผ้าขาวม้าเอาไว้คล้ายๆ กับผม ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียลกว่าเก่า อีกทั้งยังดูเปล่งปลั่งจนผู้ชายในงายพากันมองตาเป็นมัน ผมรู้สึกภูมิใจและขัดใจไปพร้อมๆ กัน ว่าที่เมียของผมน่ารัก แต่ไม่ชอบใจเลยที่คนอื่นต่างมองเขาด้วยสายตาชอบพออยากได้แบบนี้
“สายธาร...”
“เอ่อ...พี่พนามีความสุขกับงานนี้รึเปล่าจ๊ะ” เขาถามเสียงแผ่วแล้วเม้มปาก ดวงตากลมโตสั่นไหวดูไม่มั่นใจ ผมเองก็ขมวดคิ้วกับสิ่งที่เขาถาม วันนี้เป็นวันดี...ทำไมผมจะไม่มีความสุขล่ะ
“แน่นอน พี่มีความสุขมากๆ เลย”
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน ฉันคิดถึงพี่พนาจังเลยจ้ะ” เขายิ้มกว้างจนตาหยี สองมือจับแขนผมเอาไว้
“พี่ก็คิดถึง” ผมก้มลงไปหา สบตากับดวงตาใส ไล่ไปที่แก้มนวลและริมฝีปากระเรื่อ อยากจะหอมแก้ม อยากจะกอดจูบให้หายคิดถึง สายธารยกมือขึ้นมาป้องปากแล้วหัวเราะ เขามีท่าทีเขินอายเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวเข้าหามากกว่าเก่า แล้วกระซิบๆ เบาให้ได้ยินกันแค่สองคน
“คืนนี้เราจะได้เข้าหอกันแล้ว ฉันจะกอดให้หายคิดถึงเลยจ้ะ พี่พนาเตรียมใจไว้ได้เลย”
“หึหึ ใครกันแน่ที่ต้องเตรียมใจเอาไว้”
เรายืนคุยกันไม่นานก็ถูกพาไปทักทายแขกของลุงชัย และเมื่อทางครอบครัวของผมมาถึงก็ได้เวลาทำพิธีผูกข้อมือ ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น เรียบง่ายจนผมยังประหลาดใจ หลังเสร็จพิธีเราก็ถูกส่งตัวเข้าหอในช่วงบ่าย เป็นห้องของสายธารนั่นแหละที่เป็นห้องหอชั่วคราวของเรา
แต่อย่าได้คิดว่าเราจะทำอะไรกัน แค่ส่งแขกกลับกันหมดเราก็ง่วงเสียจนจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดแทบไม่ไหว เพราะต้องตื่นมาเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า อีกทั้งเมื่อคืนก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ พอหลังสัมผัสเตียงก็เลยหลับกันไปทันที
“พรุ่งนี้พี่พนาว่างรึเปล่าจ๊ะ” สาธารเดินเข้ามาผมในแคมป์ พร้อมกับเสื้อผ้าที่ผมวานให้เขานำมาให้ ถึงแม้ว่าผมจะย้ายไปนอนที่ห้องของสายธารแล้วแต่คืนนี้ผมตั้งใจจะนอนที่แคมป์เพราะอยากทำงานให้เสร็จ ซึ่งคาดว่าคงจะดึกเลยไม่อยากขึ้นเรือนให้ไปรบกวนคนอื่นเขา
ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วที่ผมกับสายธารเข้าพิธีผูกข้อไม้ข้อมือด้วยกัน เขายังไม่ได้เป็นของผมเต็มตัว ผมต้องเร่งทำงานที่ค้างเอาไว้เป็นภูเขาและรู้สึกเกรงใจคนในทีมที่งานเสร็จล่าช้าเพราะผมด้วย
“อืม...ก็ไม่ว่างเท่าไร พี่มีงานค้างอยู่เยอะเลย” ผมพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นกระถางกล้วยไม้ป่า แล้วก็ชะงักมือเมื่อได้ยินเสียถอนหายใจของอีกฝ่าย
“...ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันกลับบ้านก่อนนะจ๊ะ”
“เดี๋ยวสิ ธารงอนพี่รึเปล่า” ผมรีบละมือจากงานแล้วดึงแขนเล็กเอาไว้หลังจากได้ยินน้ำเสียงหงอยๆ ของเขา คนตัวเล็กส่งยิ้มมาให้แล้วส่ายหน้าจนเส้นผมดำขลับกระจาย ผมจึงหัวเราะด้วยความเอ็นดูพลางตีตักตัวเอง “ธารไม่พอใจรึเปล่าที่พี่เอาแต่ทำงานจนเราไม่ได้เข้าหอกันจริงๆ เสียที”
“เปล่าจ้ะ ฉันรู้ว่าพี่พนากำลังยุ่ง ฉันจึงอยากชวนพี่พนาไปน้ำตก ไปผ่อนคลายเสียบ้าง แล้วก็เพราะ...ฉันคิดถึงพี่พนาด้วย” คนตัวเล็กขยับตัวนั่งลงบนตักผมแล้วกอดคอผมเอาไว้ เขาอมยิ้มแล้วหอมแก้มผมทั้งสองข้าง
ผมสบตากับเขาและนิ่งคิด มือก็ลูบแผ่นหลังเขาไปด้วย ผมคิดว่าสายธารมีอะไรที่ไม่สบายใจอยู่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ร่าเริงแต่มันเป็นความรู้สึกของผมเมื่อมองเข้าในดวงตาของเขา ผมหันกลับไปกองงานแล้วก็มองหน้าสายธารก่อนจะตัดสินใจว่าไปกับเขาก่อนครู่หนึ่งก็ได้ ช่วงหลังมานี้ผมรู้สึกว่ามีเวลาให้เขาน้อยจนเกินไปจริงๆ ผมเดินเข้าไปหยิบผ้าขาวม้าแล้วส่งยิ้มให้เขา
“งั้นไปตอนนี้เลยได้มั้ย พี่จะได้ถือโอกาสอาบน้ำไปด้วยเลย”
คนตัวเล็กยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า เขาวิ่งกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วเราก็พากันเดินไปที่น้ำตก ตรงเวิ้งน้ำที่ประจำของเขา ดวงจันทร์กลมโตสว่างไสวเสียจนเราไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฉายหรือตะเกียงเลย
เมื่อมาถึงที่หมายสายธารก็ชี้ให้ผมดูภาพสวยงาม เงาจากดวงจันทร์ตกกระทบผิวน้ำที่ไหลเอื่อยก่อให้เกิดประกายวิบวับสวยงาม ถึงแม้ว่าอากาศในช่วงนี้จะร้อนแต่พอตกกลางคืนก็เย็นลง มีลมพัดเย็นชวนให้ผ่อนคลายและสบายใจ เราถอดเสื้อผ้าวางลงบนโขดหินแล้วสายธารจะกระโดดลงน้ำไปก่อน
ผมกระโดดตามลงไป ดำผุดดำว่ายไปรอบตัวของสายธาร เราพากันแหวกว่ายไปมาเหมือนปลาสองตัวที่กำลังเกี้ยวกันอยู่ ผมพยายามตามใจเขา เขาอยากว่ายไปทางไหนผมก็พาไป ทดแทนกับเวลาที่ผมไม่ว่าง ว่ายเล่นกันจนเหนื่อยก็พัก ลอยคอให้น้ำใสเย็นสบายนี้โอบอุ้มตัวของเราเอาไว้
“พี่พนาจ๊ะ”
“ว่าไง” ผมตอบรับแล้วหันไปมองเขา สายธารอมยิ้มแล้วมุดน้ำหายไปก่อนจะโผล่มาอยู่ด้านหลังของผม เขาพรมจูบไปตามแผ่นหลังและไหล่ แนบริมฝีปากลงบนใบหูของผมจากนั้นก็กระซิบคำหวานหูให้หัวใจผมเต้นระส่ำ
“ฉันรักพี่มากจริงๆ นะจ๊ะ” เขากอดหลังผมเอาไว้ ใบหน้าเนียนแนบไปกับแผ่นหลังแล้วพูดต่อ ผมชะงักเพราะรู้สึกของเหลวอุ่นที่แผ่นหลัง
“ธาร...ร้องไห้ทำไม”
“ความจริงแล้วฉันกังวลมากๆเลยนะจ๊ะ...เราเพิ่งเจอกันไม่นาน แล้วฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่ฉันทำมันเหมือนบังคับให้พี่มาเป็นคู่ครองด้วย”
“...พี่เต็มใจจะเป็นคู่กับสายธาร พี่มีความสุขมากนะที่มีเธออยู่ข้างกายแบบนี้”
“ฉันดีใจมากเลยที่ได้ยินแบบนั้น แต่ก็อยากให้พี่รู้ว่าฉันรักพี่พนามากจริงๆ และอยากให้รู้ว่า…”
“...” สายธารเว้นช่วงไป คนด้านหลังซุกใบหน้าและกระชับอ้อมแขนกอดผมแน่นกว่าเดิม ผมกุมมือเขาเอาไว้ บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“ไม่ใช่ว่าจะเป็นอัลฟ่าที่ไหนก็ได้...แต่ต้องพี่พนาเท่านั้นที่ฉันต้องการจะอยู่ด้วย”
ผมพลิกตัวหันไปหาเขา เชยคางมนขึ้นแล้วเกลี่ยปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ ดวงตากลมโตที่เคยสดใสในตอนนี้หม่นแสงลงชวนให้ผมใจหายและรู้สึกผิด คำที่ผมพูดในวันนั้นคงติดค้างในใจเขามาตลอด ผมเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาร้องไห้ในวันนี้ แต่คำพูดของเขามันเหมือนดินที่ช่วยกลบหลุมในใจของผม ไอ้ความรู้สึกตะขิดตะขวงก่อนหน้านั้นมันหายไป ไม่ใช่อัลฟ่าคนไหนก็ได้แต่ต้องเป็นผมเท่านั้น
“อย่ากังวล...พี่เชื่อแล้ว พี่ก็รักสายธาร”
“...ฮึก พี่พนา”
“หยุดร้องได้แล้ว พี่ขอโทษที่พูดอะไรแบบนั้นไป ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจนะครับ” สายธารพยักหน้าแล้วยิ้ม พอเห็นว่าเขาหยุดร้องไห้ดีแล้วก็ยกมือขึ้นขยี้หัว สายธารหัวเราะร่าแววตากลับมาสดใสร่าเริง เห็นเขายิ้มจนแก้มพองแบบนั้นผมก็รู้สึกมันเขี้ยว ก้มลงไปฟัดแก้มจนเขาหัวเราะคิกคักเอียงหน้าหนีเป็นพัลวัน เสียงน้ำกระเพื่อมดังไปทั่วบริเวณที่เงียบสงัดนี้
“หนวดพี่พนาทิ่มฉันจ้ะ”
เพราะมัวแต่ทำงานก็เลยไม่ได้สนใจโกนหนวดจนมันขึ้นตอ ผมหัวเราะจับไหล่เขาไว้ไม่ให้ดิ้นหนีได้ ก้มลงแกล้งถูไถตอหนวดแข็งๆ ไปที่หัวไหล่ พอเขาเบี่ยงตัวหนีผมก็ซุกหน้าเข้าไปที่ลำคอ แกล้งขบเม้มไปพร้อมกับถูหนวดไปด้วย
ผมหวังไว้ว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะแต่เขากลับมีปฏิกิริยาที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจอยากได้ยินเสียงครางมากกว่า ผมกอดเอวเขาเอาไว้ ร่างกายเล็กก็จงใจเบียดเข้าหาทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความปรารถนาของเขาที่ดุนดันอยู่ตรงหน้าขา
“พี่พนาจ๊ะ....เมื่อไรพี่จะจับฉันทำเมียเสียที”
“พี่ว่าคืนนี้แหละ”
พูดจบก็ก้มลงไปประกบปากจูบ โพรงปากหวานล้ำอ้ากว้างให้ผมสอดลิ้นเข้าไป กวาดต้อนไปทั่วโพรงปาก ฝ่ามือก็บีบฟ้อนเฟ้นไปทั่วลำตัวเนียนนุ่ม เลื่อนลงไปบีบสะโพกอวบที่อยู่ใต้น้ำอย่างแรงจนรู้สึกได้ว่าเนื้อนุ่มล้นตามนิ้วออกมา
“อื้อ พี่พนาจ๊ะ อึก” เด็กคนในอ้อมกอดก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อผมค่อยลากนิ้วไปตรงถึงช่องทางด้านหลัง ผมไม่ได้สอดเข้าไปแค่ลูบไล้พลางมองหน้าเขาไปด้วย
“กลับไปที่บ้านกันดีกว่ามั้ย พี่ว่าที่นี่มัน...โจ่งแจ้งไปหน่อย”
“ฮื่อ! ทำไมพี่พนาอดทนเก่ง ฉันจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาอย่างขัดใจ ผมหัวเราะแล้วจับมือเขามาวางลงบนหน้าท้องตัวเอง
“ไม่หรอก...ถ้าอดทนได้พี่จะเป็นแบบนี้เหรอ” ผมพูดเสียงพร่า ค่อยๆ ดันมือเขาลงไปใต้น้ำให้สัมผัสกับส่วนที่ตื่นตัวของผมเอง สายธารอ้าปากเล็กน้อยก่อนจะเม้มปากช้อนตามองผม ฝ่ามือเล็กกอบกุมมันเอาไว้แล้วรูดรั้งมันเบาๆ
“ทำที่นี่เถอะนะ ฉันทนถึงบ้านไม่ไหวหรอกจ้ะ พี่เองก็ดู...ทนไม่ไหวเหมือนกันนี่จ๊ะ?” ปลายนิ้วนุ่มขยี้ส่วนปลาย ทำให้ผมหลุดครางออกมา สายธารมองตาผมพลางกระชับฝ่ามือให้แน่นกว่าเดิมแล้วพูดชักชวนอีกครั้ง ด้วยคำล่อใจที่ผมปฏิเสธไม่ลง “ที่นี่นะจ๊ะ ทำที่บ้านฉันไม่กล้าครางเสียงดัง”
“จ้ะ ที่นี่ก็ได้จ้ะ” ผมตอบเสียงแผ่ว สมองเอาแต่นึกถึงเสียงครางแว่วหวานที่ปล่อยออกมาอย่างที่ไม่ต้องกลั้นเอาไว้ของเขา แล้วมือข้างนึงของผมบดขยี้ปลายถันเม็ดเล็ก ส่วนอีกข้างก็ดึงเอวเขาเข้ามาใกล้ ก้มลงไปบดเบียดริมฝีปากระเรื่อจนหนำใจ ปลายลิ้นเราทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดกันไปมา ผมผละออกแลบลิ้นเลียน้ำหวานที่ซึมออกมาจากมุมปากของสายธาร เขากัดปากตัวเองแล้วค่อยๆ ดันผมให้เดินถอยหลังไปชนกับก้อนหินขนาดใหญ่
“พี่พนาเชื่อมั้ยจ๊ะ ว่าฉันกลั้นหายใจได้นานเป็นนาทีเลยนะ” เขาจ้องหน้าผมและยิ้มยั่ว ผมไม่เข้าใจจนกระทั่งเขาย่อตัวลงอย่างช้าๆ จนใบหน้าครึ่งล่างจมลงอยู่ใต้น้ำ ริมฝีปากเล็กคลอเคลียพรมจูบอยู่ตรงท้องน้อย ปลายคางของเขามันถูไถไปมากับส่วนปลายให้ผมขนลุก จากนั้นเขาก็จมหายไปทั้งตัว เห็นเพียงเส้นผมที่ลอยขึ้นมาอยู่บริเวณผิวน้ำ
“ธาร…อา” ผมอ้าปากปล่อยเสียงคราง ส่วนอ่อนไหวที่เคยอยู่ใต้น้ำเย็นสบายถูกครอบด้วยโพรงปากอุ่น คนที่อยู่ใต้น้ำขยับริมฝีปากและเรียวลิ้นอย่างเชื่องช้าไม่ทันใจ สายธารพยายามที่จะอ้าปากและดุนลิ้นแต่คงเพราะอยู่ใต้น้ำ มันก็เลยทำให้เขาทรมานกว่าปกติ ผ่านไปไม่ถึงครึ่งนาทีคนที่ว่ากลั้นหายใจได้นานก็โผล่ขึ้นมาสูดอากาศหายใจยกใหญ่
“พี่...อื้อ อึก”
ยังไม่ทันที่เขาจะหายใจได้เต็มปอด ผมก็จับคางเขาไว้แล้วประกบปากจูบอย่างแนบแน่น เนิ่นนานจนหนำใจก็ผละออก คนตัวเล็กอ้าปากกว้างหอบหายใจจนอกกระเพื่อม
ผมออกแรงตัวเขาขึ้นนอนบนโขดหินลาดเอียงริมตลิ่ง ในขณะที่ตัวผมเองก็หาที่ยืนมั่นๆ หยัดสะโพกตัวเองให้ดันกับก้นของเขาเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้สายธารลื่นลงมา
แสงจากพระจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงมาให้ผมเห็นภาพสวยงามตรงหน้าอย่างชัดเจน ผิวกายสีน้ำผึ้งสวยนวลเนียนที่จับแล้วลื่นมือยิ่งกว่าเก่า แผ่นอกแบนราบประดับด้วยหัวนมสีระเรื่อตั้งชันท้าทายปลายลิ้น เอวคอดพอดีและสะโพกผาย ต้นขากลมกลึงไล่ไปจนถึงเรียวขาเนียนได้รูป ทุกส่วนดูอวบอิ่มและนุ่มนิ่มน่าหลงไหลไปหมด
ผมกุมมือเขา จรดริมฝีปากลงบนหลังมือแล้วจูบไล่ขึ้นไปจนถึงหัวไหล่ ลากไล้ปลายจมูกสูดดมไปตามผิวหอมเนียนอย่างหลงไหล
“เจ้าเนื้ออ่อน ผิวสวยมากเลย” ผมพูดชม สายธารก็อมยิ้มแล้วยกแขนอีกข้างนึงขึ้นให้ผมทำเหมือนกัน
“เจ็ดวันที่เราไม่ได้เจอกัน ฉันโดนแม่และพี่จับพอกตัวทุกเย็นเลยจ้ะ เขาว่าเตรียมตัวไว้สำหรับวันเข้าหอ...อาจจะช้าไปหน่อย แต่ฉันดีใจมากที่พี่ชอบ”
ผมแยกขาเขาออกกว้าง สายธารก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการกอดขาตัวเองเอาไว้แล้วเหยียดตรงจนปลายเท้าชี้ขึ้นด้านบน ผมหัวเราะส่งยิ้มให้แล้วก้มลงหอมแกมนวลสีระเรื่อเป็นการขอบคุณ
จากนั้นก็จูบและขบเม้มไปที่ข้อพับขาด้านซ้าย ส่วนขาขวาของเขาก็โดนผมไล่ฝ่ามือลูบคลำสลับบีบนวดตั้งแต่ปลีน่องลงมาที่แก้มก้นจนมาถึงช่องทางปิดสนิทที่อยู่ปริ่มผิวน้ำของลำธาร
“แล้วตรงนี้ล่ะ เขาได้สอนให้เตรียมอะไรไว้รึเปล่า” ผมแกล้งถาม สายธารเม้มปากแล้วส่ายหน้าไปมา
“อือ พี่จ๊ะ อึก” เขาเกร็งตัว กระดกสะโพกขึ้นเล็กน้อยเมื่อผมลูบปลายนิ้ววนไปมาที่รอบปากทาง รู้สึกได้ถึงน้ำลื่นที่ไหลออกมาจนพอเหมาะก็สอดนิ้วเข้าไปในตัวเขาอย่างช้าๆ สายตาผมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตลอด พอเขาเริ่มคุ้นชินก็เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไป
ระหว่างที่กำลังเตรียมพร้อมให้เขา ผมก็ชัดรูดของตัวเองไปด้วย สายธารมองมาตาไม่กระพริบ ยิ่งตอนที่ผมดึงนิ้วออกแล้วดุนดันส่วนปลายไปรอบช่องทางเขาก็เกร็งจนตัวสั่นดูน่าสงสงสาร ผมไม่แน่ใจเลยว่าเขาสั่นสู้หรือสั่นกลัวกันแน่
“สายธารกลัวรึเปล่า” ผมถามในขณะจ่อส่วนปลายเอาไว้แต่ยังไม่ดันเข้าไป ผมเห็นว่าเขาเม้มปากแน่น ริมฝีปากสั่นระริกเมื่อผมละมือขึ้นไปขยี้ยอดอก
“ป...เปล่าจ๊ะ อ๊ะ อึก พ..พี่พนาใหญ่ อื้อ เจ็บ” สิ่งที่จ่อเอาไว้ถูกดันเข้าไปเมื่อเขาปฏิเสธ เด็กหนุ่มตรงหน้าสะดุ้ง สองขาที่เคยเหยียดตรงก็งอเข้าหากัน ผมจึงจับแยกออกอีกครั้งและพาดไว้บนบ่า สะโพกก็ขยับเข้าและออกอย่างเชื่องช้าเพื่อให้เขาปรับตัวได้
น้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติของโอเมก้าพากันหลั่งออกมาจนเปียกชุ่ม ทำให้ผมขยับได้สะดวกมากยิ่งขึ้น พอเร่งจังหวะคนตัวเล็กก็งอตัวเข้าหา สองมือที่ดันหน้าท้องเปลี่ยนขึ้นมาคล้องคอ ดึงผมลงไปประกบจูบอย่างดูดดื่มระหว่างนั้นผมก็ดันสะโพกเข้าหาเร็วขึ้น แต่ก็พยายามใจเย็นลงเพราะกลัวว่าเขาจะยังไม่หายเจ็บ
“ดีขึ้นรึยัง เจ็บอยู่รึเปล่า อึก!” ผมหลุดครางเพราะภายในตัวเขากระตุกถี่ๆ ร่างกายเล็กสั่นระริกพร้อมกับน้ำขาวขุ่นถูกปลดปล่อยออกมา ผมมองเขาอย่างประปลาดใจแล้วเขาก็หัวเราะสองมือยันตัวเองขึ้นมากอดคอผมเอาไว้ ส่วนสะโพกนุ่มกระดกเข้าหา
“ตอนนี้เสียวมากๆ แล้วจ้ะ อ๊ะ อ๊า!”
คำพูดซื่อๆ ที่เขาพูดออกมา ทำให้ผมใจเย็นไม่ไหว กดเอวเขาลงกับหินแล้วกระแทกสวนขึ้นไป สายธารจิกเล็บลงบนแขนของผม กรีดลงไปเป็นทางยาว ขาเรียวอ้ากว้างปลายเท้าสั่นขึ้นลงอยู่กลางอากาศตามจังหวะที่ผมขยับ เสียงครางหวานดังลั่นป่าในความรู้สึกของผม กลบเสียงน้ำที่กระฉอกยามที่เราขยับตัวเข้าหากัน
“ธาร...สายธาร”
ครางชื่อเขา ก้มลงลงไปหาซุกจมูกและริมฝีปากลงบนลำคอเพรียวระหง กลิ่นหอมรัญจวนของดอกไม้ป่าฟุ้งไปทั่วทำให้ผมทนไม่ไหว ยิ่งเร่งความเร็วเขาก็ยิ่งหอม ยิ่งกระแทกแรงเขาก็ก็ยิ่งตอบสนอง ผมขบเม้มเนื้อนุ่มตรงหน้าอก บ้างก็ลงเขี้ยว จนเกิดรอยแดงไปทั่วตัวเขา เห็นลำคอเนียนเปลือยเปล่าก็มันเขี้ยว อยากจะกัดให้เขาเป็นของผมเพียงแค่คนเดียว
“อือ พี่จ๋า...พี่พนาจ๋า มันดีจังเลย อื้อ”
ผมยกสะโพกเขาขึ้นเล็กน้อยให้เราเข้ากันได้ลึกกว่าเดิม ปากก็กัดไปที่หัวไหล่สลับกับลากลิ้นชิมเนื้อหวานตรงข้างลำคอ ความคิดอยากจะกัดครอบคลุมอยู่ทั่วสมอง ยิ่งเห็นว่าเขาพยายามเอียงคอให้ผมก็ยิ่งอยากจะลงเขี้ยวไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
“ธาร รักพี่รึเปล่า”
“รักจ้ะ อะ อื้ม” เพราะผมขยับสะโพกเข้าหาตลอด การตอบของเขาจึงกระท่อนกระแท่นไม่เป็นคำ
“รักมากแค่ไหน...”
“มากๆ เลยจ้ะ รักมาก มาก มาก เลยจ้ะ”
“งั้นอยู่กับพี่ไปตลอกชีวิตนะ...พี่ขอผูกพันธะได้มั้ย? ขอพี่กัดได้รึเปล่า?”
ผมผ่อนแรงลงแล้วถามไปเพราะคิดว่าการผูกพันธะมันเป็นเรื่องใหญ่ ถึงแม้จะแต่งงานกันแล้วผมก็ควรจะถามเขาก่อน ระหว่างที่รอคำตอบผมขยับไปปากไปกัดไหล่อีกข้าง สายธารมองหน้าผมแล้วยิ้มให้ สองมือประคองใบหน้าผมแล้วดึงลงไปจูบ
“...พี่พนาห้ามทิ้งฉันนะจ๊ะ ห้ามเด็ดขาดเลยนะ”
“พี่รักสายธาร พี่จะไม่ทิ้ง จะอยู่กับสายธารคนเดียว”
“จ้ะ...กัดเลยจ้ะ อ๊า! พี่จ๋า ฮึก”
เขาว่าแล้วเอียงตัวให้ และทันทีที่เขาอนุญาตก็ลงเขี้ยวไปที่หลังคออย่างรุนแรง ผมได้ยินเสียงหวานร้องลั่น กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปเต็มปากพร้อมกับกลิ่นหอมที่ฟุ้งขึ้นจมูกจนผมมึนหัวไปหมด ผ่านไปครู่เดียวก็ถอนเขี้ยวออกปาดเลียไปรอบๆ รอยแผลเพื่อไม่ให้เขาเจ็บจนเกินไป
“ฮึก พี่พนาจ๋า ฉันรักพี่มากๆ เลยนะจ๊ะ”
“พี่ก็รักสายธาร”
สะโพกกลับมาโหมกระหน่ำเข้าหาจนสายธารโยกไหวไปทั้งตัว ไม่นานหลังจากนั้นผมก็กดสะโพกไว้นิ่งๆ ดันให้ลึกที่สุดแล้วปลดปล่อยเข้าไปในโพรงอุ่น คนตัวเล็กเกร็งจนสั่นแล้วน้ำอุ่นของเขาก็พุ่งออกมาจนเลอะไปทั่วหน้าท้องของตัวเอง
ผมหอบหายใจ ซบหน้าลงกับไหล่เล็ก ซุกใบหน้าไปที่ลำคอ เลียรอยฟันที่ตัวเองทิ้งเอาไว้บนผิวสวยๆ พอคนใต้ร่างขยับตัวผมก็ลุกขึ้นดึงตัวออก น้ำกามมากมายที่ผมปล่อยไว้ด้านในพากันไหลออกมาตามจังหวะการขมิบของช่องทางสีสด
“ธาร อืม...” ผมมองใบหน้าแดงก่ำของเขาแล้วก้มมองฝ่าเท้าเล็กที่บดเบียดอยู่ตรงแก่นกายของผม เขากำลังปลุกมันขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะเดียวกันเขาก็รูดรั้งให้ตัวเองไปด้วย
“อึก พี่พนาจ๋า…ทำกันอีกครั้งนะจ๊ะ เข้ามาอีกนะ...”
เด็กมันชวนขนาดนี้ ใครจะไปปฏิเสธลงล่ะ
ตอนนี้มีดราม่ามากระจึ๋งนึง ไม่รู้ว่าจะเรียกดราม่าได้รึเปล่า แต่สุดท้ายเขาก็ผ่านมาด้วยดีนะคะ
ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะคะ สั้นๆ ไม่ยาวมากเนอะ
♥ ตอนนี้เราขอฟีดแบคหน่อยนะคะ ขอกำลังใจให้เราหน่อย และสำหรับคนที่ไม่รู้จะเม้นว่าอะไร สติ๊กเกอร์อันเดียวเราก็ดีใจแล้วค่ะ ♥
#โอเมก้าน่ารัก
Twitter : @loammyloammie
Facebook : LoammyLoammie