@@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์) ตอน ก่อนจะเข้าใจ
บารมีคิดว่าตัวเองทั้งโง่ทั้งบ้า ที่กำลังจะทำเรื่องไม่ควรทำในขณะที่ยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองที่มีให้พิพัฒน์
ใช่ที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข แต่บางทีมันอาจไม่ควรทำถึงขนาดนี้
เพราะแม้ร่างกายเราจะหลอมรวมเป็นของกันและกัน
แต่ใจของพิพัฒน์ไม่ได้รู้สึกถึงตัวตนของบารมีในเวลานี้เลย
“ปา”
พิพัฒน์ยังคงเรียกหาแต่ชื่อที่บารมีไม่อยากได้ยิน
ไม่ได้เกลียดน้องสาวตัวเอง แต่ไม่อยากได้ยินชื่อของปาจรีย์ในเวลานี้ สิ่งที่บารมีทำคือการกดย้ำลงไปที่ซอกคอของพิพัฒน์อีกนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อประทับรอยเอาไว้ เพื่อให้จำ เพื่อให้เข้าใจว่าคนที่ทำรอยเหล่านี้เอาไว้ไม่ใช่คนที่พิพัฒน์โหยหา
ความรู้สึกที่หัวใจเต้นรัวถี่แรงขึ้น บารมีไม่รู้จะเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไร มันอาจเรียกว่าความหึงหวงก็ได้ บารมีไม่แน่ใจ
แต่สิ่งที่บารมีรู้แน่ทุกครั้งที่ร่างกายสอดแทรกประสานกัน และทุกครั้งที่พิพัฒน์เรียกหาคนที่บารมีไม่ต้องการได้ยิน มันทำให้บารมีรู้สึกปวดร้าวลึก ๆ ในใจ
จะทำแบบนี้ไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร
หาคำตอบอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
แต่ไม่อยากปล่อยมือ
ไม่อยากให้ทุกความรู้สึกนึกคิดของพิพัฒน์เป็นของคนอื่นอยากให้เป็นของตัวเอง เป็นของบารมีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
“บัส”
พูดให้ได้ยิน พูดให้รับฟัง พูดให้เข้าใจ
และพิพัฒน์ก็ขมวดคิ้วมุ่น
“พี่.....บัส”
เรียกชื่อของใครอีกคนด้วยน้ำเสียงแผ่วโหย และบารมีก็ค่อย ๆ ยกฝ่ามือที่ปิดตาของพิพัฒน์ออก
เพื่อให้พิพัฒน์ลืมตาขึ้นมา
เพื่อให้พิพัฒน์มองมา
เพื่อให้พิพัฒน์เข้าใจ ว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่อยู่ด้วยในเวลานี้
ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง
พิพัฒน์นิ่งมองไปที่ดวงตาของบารมี เหมือนอยากจะถามว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อยากจะรู้
อยากเข้าใจให้มากกว่านี้
ความรู้สึกที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนหวานที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวในเวลานี้เรียกว่าอะไร
พิพัฒน์แตะฝ่ามือที่ใบหน้าของบารมีเบา ๆ แตะและลูบไล้เล่น
แต่ไร้ซึ่งคำพูด มีเพียงความเงียบงัน
ความสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ ก่อตัวอย่างเชื่องช้า และเหมือนเกลียวเชือกที่ค่อย ๆ ผูกมัดกันเอาไว้อย่างเงียบ ๆ พิพัฒน์อยากให้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด
ลูบไล้ฝ่ามือที่ข้างแก้มของบารมีอยู่อย่างนั้น แต่ในเวลาไม่นานดวงตาของพิพัฒน์ก็เลื่อนลอยและเมินหนีจากใบหน้าของบารมี
“พัฒน์”
เรียกให้กลับมา
เรียกให้กลับมาหา
และพิพัฒน์ก็ดึงสายตาตัวเองกลับมาที่บารมีอีกครั้ง
แค่จะทำให้ลืมแค่นั้นเองเหรอ
แค่ทำให้ลืมใครบางคนแค่นั้นเองใช่มั้ย
พิพัฒน์รู้สึกเศร้าใจลึก ๆ กับสิ่งที่บารมีอยากจะทำให้
แค่ทำให้ลืม..........
ร่างกายแนบชิดกัน แต่ความรู้สึกห่างไกลกันออกไปอย่างช้า ๆ
ทุเรศชะมัด
ทุเรศตัวเองสิ้นดี
บารมียิ้มเยาะตัวเองและนึกสมเพชที่ถึงขนาดต้องใช้ข้ออ้างโง่ ๆ ในการยึดพิพัฒน์มาเป็นของตัวเอง
ทำแบบนี้บางทีมันยิ่งกว่าโง่
โง่เกินไป และรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง
พิพัฒน์ยกแขนขึ้นโอบรัดรอบคอของบารมีเอาไว้ กอดเอาไว้เพราะโหยหาและต้องการไออุ่นของร่างกายที่แนบชิดให้มากกว่านี้
กอดเอาไว้แน่นและรั้งต้นคอของบารมีลงมา
แนบริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากร้อนรุ่มของบารมี ดูดดุนเรียกร้องเอาแต่ใจกับบารมีให้สนองตอบทุกอย่าง
เป็นพิพัฒน์ที่กอดบารมีเอาไว้แน่น
และเป็นพิพัฒน์ที่เรียกร้องให้บารมีทำเรื่องบางอย่างให้เตลิดไปไกล
ไม่มีคำพูดระหว่างคนสองคน
มีเพียงเสียงลมหายใจกระเส่าและที่หอบหนักขึ้นพร้อม ๆ กันเมื่อร่างกายสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลึกล้ำในทุกขณะ
พิพัฒน์เรียกร้องอย่างถึงที่สุด และบารมีก็ตอบสนองให้อย่างถึงที่สุด
“ไม่ให้เสียใจทีหลังนะพัฒนฺ”
เสียใจที่หลัง
เสียใจทีหลังงั้นเหรอ
พิพัฒน์ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเสียใจกับเรื่องอะไรในชีวิตอีกแล้ว
พิพัฒน์กอดที่ไหล่ของบารมีแน่น และขบริมฝีปากลงที่ลาดไหล่กว้าง ขบเม้มดูดดุนและฝากร่องรอยแดงช้ำเอาไว้มากมาย
เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาจนถึงลึกในสุด
และในเวลาไม่นาน เมื่อบารมีค่อย ๆ ขยับกายอย่างเชื่องช้า พิพัฒน์ก็หรี่ปรือตาลง ดวงตาของพิพัฒน์ยังคงจ้องมองไปที่ใบหน้าของบารมีนิ่ง ๆ ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ริมฝีปากที่ขบเม้มแน่นเหมือนพยายามสะกดกลั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้ ยิ่งเร่งเร้าทุกความรู้สึกของบารมีมากขึ้น
ดวงตาฉ่ำหวานหรี่ปรือและพิพัฒน์ก็กอดไหล่ของบารมีเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นและขยับร่างกายให้เปลี่ยนมาเกยทับอยู่เหนือร่างของบารมี
เอนหลังแนบกับแผ่นอกกว้างและรั้งแขนของบารมีให้โอบรัดรอบเอวเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับร่างกายไปมาอย่างเชื่องช้า เมื่อบางสิ่งบางอย่างที่คับแน่นอยู่ภายในช่องทางด้านหลังเริ่มเข้าที่เข้าทาง
“อือ”
พิพัฒน์ขบริมฝีปากแน่น และส่งเสียงครางเครือ เพราะไม่สามารถหยุดอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้
ห่างเหินจากความรู้สึกแบบนี้ไปนาน และเมื่อได้สัมผัสอีกครั้งถึงได้รู้ว่าตัวเองโหยหาความรู้สึกแบบนี้มากขนาดไหน
พิพัฒน์ค่อย ๆ ขยับสะโพกให้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะของสะโพกแกร่งที่ขยับขึ้นลง คร่อมทับและกดฝ่ามือไหว้ที่หน้าขาแกร่งของร่างที่ปล่อยให้พิพัฒน์ทำอย่างที่ต้องการ เพื่อให้ทุกการแทรกสอดเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
หยดน้ำข้นหนืดไหลซึมออกมาที่ท่อนเอ็นที่ขยับไหวไปตามแรงกระแทกและพิพัฒน์ก็กำท่อนเอ็นของตัวเองเองเอาไว้ ขยับฝ่ามือให้ส่วนปลายผลุบหายเข้าออกอยู่ในฝ่ามือ รูดรั้งขึ้นลงตามความยาวอย่างเชื่องช้า
ช่องทางด้านหลังยังถูกกระแทกกระทั้นจากท่อนเอ็นร้อนใหญ่ที่คับแน่นอยู่ภายใน ความแข็งแกร่งร้อนรุ่มเคลื่อนไหวไปมาอยู่ภายในร่าง และเรียวขาขาวก็ค่อย ๆ แยกออกกว้างเพื่อให้ทุกสัมผัสลึกล้ำมากขึ้น
เสียงร้องครางที่เต็มไปด้วยความต้องการ ยิ่งเป็นตัวช่วยเร่งเร้า ให้บารมีกระแทกเอวให้เร็วขึ้น
“ตรงนี้เหรอพัฒน์ โดนตรงนี้แล้วเสียวมั้ย”
พิพัฒน์ไม่ตอบ แต่การที่ช่องทางด้านหลังบีบรัดแก่นกายแกร่งที่แทรกสอดอยู่ภายในก็เป็นคำตอบได้ดี
“แรง ๆ เข้ามา อีก อึก อาส์”
เสียงร้องครางยิ่งทำให้บารมีรู้สึกดีไม่น้อย จนต้องเบียดเสียดท่อนเอ็นอุ่นเข้าออกเร็วขึ้น แรงขึ้น จนพิพัฒน์ร้องครางไม่หยุดเมื่อโดนกระแทกเข้ามา หยดน้ำขุ่นข้นฉ่ำเยิ้มไหลออกมาจากภายในช่องทางที่บีบรัด ท่อนเอ็นแกร่งถูกเคลือบชโลมด้วยของเหลวข้นหนืดที่ไหลออกมาจากช่องทางนั้น
พิพัฒน์เร่งมือของตัวเองให้เร็วขึ้น เมื่อรู้สึกใกล้ถึงที่หมายเต็มที่ และเป็นบารมีที่โอบรัดแขนทั้งสองข้างของพิพัฒน์เอาไว้แน่น และกระแทกกายเข้ามาไม่ยั้ง
เรียวขาขาว แยกออกกว้างเพื่อให้การสอดแทรกรุนแรงขึ้น พิพัฒน์รู้สึกเหมือนมีคลื่นความรู้สึกอย่างรุนแรงมหาศาลไหลวนอยู่ที่หน้าท้องและกำลังมารวมกันอยู่ที่ความแข็งขืนในฝ่ามือที่เมื่อปล่อยให้เป็นอิสระก็ขยับไหวไปมาตามแรงกระแทกของท่อนเอ็นที่อยู่ภายใน
“พี่บัส เสียว แรง อีก ไม่ไหวแล้ว ซี้ดดดดดดด จะแตกแล้ว พี่ตรงนั้นแรง ๆ”
พิพัฒน์ร้องครางด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีไม่คิดจะปิดบัง
และบารมีที่กำลังรู้สึกไม่ต่างกัน ก็อัดกระแทกท่อนเอ็นใหญ่เข้าไปในช่องทางที่ดูดกลืนและบีบรัดแน่นเพราะรู้สึกเหมือนกำลังจะทนต่อไปไม่ไหว
ความรู้สึกซาบซ่านที่ทำให้ร่างกายร้อนรุ่มกำลังจะถึงที่สุด
และบารมีก็กระแทกกระทั้นร่างกายเข้าไปโดยไม่คิดจะหยุดพัก
เสียงลมหายใจที่หอบหนักดังก้องประสานกันไม่ลดละ
บารมีหยัดกายลุกขึ้นนั่งและรั้งใบหน้าของพิพัฒน์ให้หันกลับมาหา
ริมฝีปากพัวพันขบกัดที่ริมฝีปากแดงเรื่อแนบแน่น และเมื่อพิพัฒน์แนบใบหน้าเข้าหาบารมีก็ดูดดุนที่ริมฝีปากทั้งบนและล่างของพิพัฒน์ ดูดดุนควานหารสชาติหวานที่ปลายลิ้นแลกเปลี่ยนลมหายใจซึ่งกันและกัน
บารมีกระแทกสะโพกขึ้นและพิพัฒน์ก็กดแทรกร่างกายลงมาหา
อ้อมแขนแกร่งกอดรัดที่เอวของพิพัฒน์เอาไว้ และพิพัฒน์ก็กอดแขนของบารมีแน่นเพื่อให้ร่างกายแนบชิดกันมากขึ้น
ไออุ่นจากอ้อมแขน ความรู้สึกที่ได้ร่วมรักและโอบกอดกันยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นและอยากให้ร่างกายหลอมรวมกันให้มากกว่านี้
อยากจะกลืนกินทุกความรู้สึกของกันและกันเอาไว้ทั้งหมด
และเมื่อความรู้สึกที่มีทั้งหมดไหลวนมารวมกันที่ส่วนปลายของร่างกายในจังหวะสุดท้าย
พิพัฒน์ก็ร้องครางเสียงลั่น และแหงนเงยใบหน้าขึ้น เมื่อท่อนเอ็นแกร่งอัดกระแทกเข้ามาถี่รัวไม่หยุด
พิพัฒน์ไม่อาจต้านทานความรู้สึกของตัวเองได้อีก
บารมีช่วยรูดรั้งปรนเปรอให้ท่อนเอ็นเปียกชื้นที่ขยับไหวไปมาของพิพัฒน์เพื่อช่วยปลดปล่อยให้เร็วขึ้น
น้ำรักขาวข้น ไหลซึมกระฉอกออกมาจากส่วนปลายไม่หยุด และเมื่อบารมีกดปลายนิ้วเอาไว้ พิพัฒน์ก็พยายามดึงมือของบารมีออกและกดสะโพกลงมาที่ท่อนเอ็นใหญ่โตที่ขยับเคลื่อนอยู่ในร่างกาย
บารมียอมปล่อยมือจากส่วนปลายของแก่นกายในฝ่ามือและน้ำรักที่ยังอัดแน่นอยู่ในนั้นก็พุ่งทะยานออกมาชโลมเคลือบไปทั้งส่วนหัวของสิ่งนั้น
บารมีขยับสะโพกไปตามการกระแทกกายลงมาของพิพัฒน์อีกเพียงเล็กน้อย ความร้อนในกายก็พุ่งทะยานเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนที่บีบรัดความแข็งแกร่งเอาไว้อยู่เนิ่นนาน ภายในนั้นเต้นตุบและดูดกลืนร่างกายของบารมีเอาไว้
หยาดหยดอุ่นร้อนฉีดพ่นความต้องการเข้าไปภายในและไหลย้อนลงมาเปรอะเปื้อนท่อนเอ็นแกร่งที่ยังขยับเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในนั้น
พิพัฒน์หอบหายใจหนัก และเอนหลังซบลงที่แผ่นอกกว้างของบารมี
หรี่ปรือตาลงอย่างช้า ๆ และยังคงจับมือของบารมีที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรักที่พิพัฒน์ปลดปล่อยออกมา
ปลายจมูกโด่งจูบซับเบา ๆ ที่ข้างแก้มขาวและไหล่ของพิพัฒน์เบา ๆ หยดเหงื่อไหลซึมออกมาไม่หยุด
ร่างสองร่างยังไม่ได้ผละออกห่างจากกัน มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่ยังหอบหนัก และเนิ่นนานกว่าจะเริ่มปรับลมหายใจเข้าที่ได้
พิพัฒน์นิ่งงันอยู่ในอ้อมแขนของบารมี และบารมีก็กอดพิพัฒน์เอาไว้เงียบ ๆ อย่างนั้น
ไม่มีคำพูดระหว่างคนสองคน
พิพัฒน์นิ่งเงียบและเหม่อมองไปไกลแสนไกล
และบารมีก็ดึงความรู้สึกของพิพัฒน์กลับมาด้วยการแตะริมฝีปากลงที่ไหล่ของพิพัฒน์เบา ๆ อีกครั้ง
“พี่เอาออกก่อน อยู่แบบนี้ผมไม่สบายตัว”
พิพัฒน์ขยับกาย ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และส่วนที่แทรกสอดอยู่ภายในร่างกายของพิพัฒน์ก็ถูกถอนออกมาพร้อมกับหยาดหยดขุ่นขาวมากมายที่ไหลซึมจากช่องทางที่ถูกรุกล้ำและไหลเรื่อยลงมาที่ขาจนเปรอะเปื้อนไปหมด
“อื้อออ”
เมื่อบางสิ่งบางอย่างถูกถอนออกจากร่างกาย พิพัฒน์ก็ถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ และเมื่อจะก้าวขาลงจากเตียง บารมีก็รั้งแขนของพิพัฒน์เอาไว้
“จะอาบน้ำเหรอ”
จะอาบน้ำ.........
“อือ”
ตอบรับสิ่งที่บารมีถาม และบารมีก็พยักหน้าตาม
ไม่มีถ้อยคำหวานหู
ไม่มีคำพูดที่สื่อให้เห็นถึงความรู้สึกภายในใจสักคำ
มีเพียงความเงียบงันและสับสนระหว่างคนสองคนที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ก็แค่เซ็กส์
บางทีอาจเป็นเพราะว่าเราอยู่ด้วยกันมานาน และเมื่อถึงวันหนึ่งเราสองคนต้องการจะปลดปล่อยมันก็เลยเกิดขึ้น
ร่างกายตอบสนองกันอย่างเต็มที่ เมื่อเราปล่อยให้ร่างกายสอดแทรกประสานกันเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมด
บางทีมันคงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้นอกจากแค่เรื่องเซ็กส์
บางทีมันคงเป็นแค่การช่วยกันปลดปล่อยความรู้สึก
พิพัฒน์ก้าวขาเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำเงียบ ๆ โดยมีบารมีมองตาม ละอองน้ำจากฝักบัวทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นและคิดอะไรได้มากขึ้น
“จะทำให้ลืม....งั้นเหรอ”
พิพัฒน์แค่นยิ้มกับตัวเองที่กล้าปล่อยให้เรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ
ลืมงั้นเหรอ
ลืมด้วยการนอนด้วยกันแบบนี้งั้นเหรอ
โคตรสมเพชตัวเองชะมัด
พิพัฒน์ยังคงยิ้มและส่ายหน้าไปมา เพราะไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ระหว่างตัวเองกับบารมีจะเกิดขึ้นได้
หยิบผ้าขนหนูมาซับน้ำจากร่างกาย และเมื่อก้าวขาออกจากห้องน้ำก็ไม่พบบารมีแล้ว
กลับห้องไปแล้วสินะ
หรือว่ารู้สึกแย่
บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นก็เหมือนฝันไป
เหมือนว่าสัมผัสร้อนแรงที่เต็มไปด้วยความห่วงหาต้องการเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เป็นแค่ความฝัน
บางทีทั้งหมดนี้อาจเป็นแค่ความฝัน เป็นแค่ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวานร้อนแรงที่เกิดขึ้นเพราะบารมีเองก็ดูเหมือนจะห่างจากเรื่องนี้มานาน
...........ก็เท่านั้น
เรื่องที่พูดว่า จะทำให้ลืม..ปา...มันก็แค่นั้น
พิพัฒน์ค่อย ๆ เอนกายลงนอนอย่างช้า ๆ และดึงผ้าห่มมาคลุมจนถึงไหล่
หลับตาลงพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
............. เพราะความอยาก
เพราะร่างกายไม่ได้รับการปลดปล่อยมานาน
จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ ในเวลานี้พิพัฒน์กำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างด้วยความรู้สึกมึนงงสับสน
โดนคนน้องทิ้ง ก็เลยยอมมีอะไรกับคนพี่ เพราะว่าเงาที่ซ้อนทับมาทำให้โหยหาจนหยุดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่ได้
“เหี้ย....พัฒน์”
ด่าตัวเอง และหัวเราะเยาะสมเพชตัวเองที่ทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้โดยไม่รู้สึกรู้สา
จะให้คิดหรือหวังอะไร ในเมื่อแม้คำพูดหวานหูที่ใช้ปลอบประโลมก็ยังไม่มี
แล้วจะกล้าไปหวังอะไรกับความรู้สึกอื่น ๆ ที่บารมีจะมีให้
ก็แค่ความต้องการของร่างกายเมื่อปลดปล่อยแล้วทุกอย่างก็จะเลือนหายไปอย่างช้า ๆ
พิพัฒน์ไม่ได้เสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่สมเพชตัวเองที่ทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้โดยไม่รู้สึกผิดสักนิด
“พัฒน์........นอนยัง”
ได้ยินเสียงเรียกและพิพัฒน์ไม่ได้ตอบ เพียงแต่นิ่งเงียบไปทั้งอย่างนั้น
และบารมีที่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเองก็ได้แต่ยืนนิ่งและถอนหายใจอยู่หน้าห้องของพิพัฒน์
ทำอะไรลงไปวะกู
ที่ทำลงไปทั้งหมดนั่นคิดแล้วใช่มั้ย
บารมียืนครุ่นคิดอยู่นาน อยากจะผลักประตูเข้าไปหาหลายครั้งแต่ก็หยุดเอาไว้
สุดท้ายถอนหายใจยาวและต้องจำใจล่าถอยไป
บางทีตอนนี้ เราสองคนควรเริ่มตั้งสติก่อน ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นได้ยังไง ........เพราะอะไร
และเราก็ต้องคิดให้ได้ด้วยว่า
ความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดดของเราในเวลานี้
เราจะนิยามความสัมพันธ์ของเราสองคนตอนนี้
........ว่าอะไร...........
TBC.