ตอน : คุณนั่นแหละครับ....เมียลับของผม!!
------------------------------------------------
Talk to him……[4] เช้าวันนั้นผมตื่นสาย....อ่า....ที่นอนเปียก ผมเลิกผ้าปูที่นอนออกใส่ตะกร้ารอซัก
ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี....นึกถึงหนูโยชิ
เมื่อคืนเขาน่ารักชะมัด
เรื่องจิตนาการทางเพศ...ผมว่า ใครๆก็มีทั้งนั้นแหละ
******
ผมเพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้ว การเป็นคนขับรถ
เป็นงานที่เวลาทำงานไม่ค่อยแน่นอน
แล้วแต่ท่านประธานจะใช้รถตอนไหน
ผมอดรู้สึกไม่ได้ว่า...
ได้เงินเดือนมากกว่าปกติอยู่สักหน่อย
และท่านประธานก็ให้ความสนิทสนมกับผมเป็นพิเศษ
วันนี้ตอนรถติดไฟแดงท่านประธานเงยหน้าจากเอกสาร
แล้วชวนผมคุยไปเรื่อยๆ แล้วก็วกมาถามว่า
“ฟืน แต่งงานหรือยัง....”
“ยังครับ......”
“ขอโทษนะ มีแฟนหรือยัง”
“ก็...เอ่อ มีครับ!” ผมตอบอ้อมแอ้มเบาๆนึกถึงหนูโย
“ถ้าอยากแต่งงานก็บอกนะ มีอะไรที่ฉันช่วยได้ ก็ไม่ต้องเกรงใจ”
“ครับ...ขอบคุณครับ”
ท่านประธานเงียบไปซักพักก็พูดขึ้นอีกว่า
“ฉันมีลูกชาย คนหนึ่ง เราสนิทกันมาก....
ตอนที่ฉันได้รับบาดเจ็บ สลบไปน่ะ......
ได้ยินเสียงลูกชายมาปลุก....
เขาบอกว่า โอะโตซัง ตื่น! มีคนมาช่วยแล้ว
โอะโตซัง หายใจแรงๆ มีคนมาช่วยแล้ว
ตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกว่า
ฟืน กำลังนวดอยู่ที่หน้าอก เลยทำให้ฟื้นขึ้นมา”แปลกจัง....ต้องเป็นพ่อลูกที่ผูกพันกันมากๆแน่ๆ
ถึงมีกระแสจิตที่ส่งถึงกันได้อย่างนั้น.....
เรื่องพวกนี้ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ
ท่านประธานคงไม่รู้ว่า ผมไม่ได้นวดหัวใจให้ท่าน
ตอนนั้น...ผมกำลังรีบยัดกระเป๋าตังค์ใส่ในเสื้อท่านต่างหาก
“ตอนที่เขารู้ข่าว ว่าฉันถูกทำร้าย เขาจะมาหาฉัน
แต่ฉันไม่ให้มาเพราะกลัวว่า พวกนั้นมันจะจับตัวเขา....
มันขโมยรูปลูกชายฉันไปด้วย”ผมได้แต่นั่งเงียบ รู้สึกเสียใจ
ที่ทำให้ท่านประธานเข้าใจผิด
คุณหนูลูกชายท่านก็ดูแปลกๆนะ ผมคิด
“คุณหนู...ชื่อว่าอะไรเหรอครับท่าน”
“
โยชิ...โยชิมัตซึ” ความรู้สึกเย็นวาบแผ่ไปทั่วตัว
ผมนั่งนิ่งจนรถคันหลังบีบแตร
ถึงได้รู้ว่าสัญณานไฟเปลี่ยนแล้ว รีบออกรถตาม.....
โยชิ...ชื่อเหมือนหนูโยของผมเลย
บังเอิญจริงๆ.....
******
ผมจอดรถในโรงรถบ้านท่านประธาน....
บ้านนี้มีคนอยู่หลายคน ส่วนมากเป็นลูกน้องคนสนิท
แล้วก็พวกรักษาความปลอดภัย และก็คนรับใช้
แต่ภรรยาของท่านซึ่งเป็นคนไทย กับคุณหนูยังอยู่ที่ญี่ปุ่น....
ปิดเทอม ถึงจะได้กลับมาเมืองไทย
ผมสตารค์รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้ที่นี่....
วันนี้กว่าจะเลิกงานก็ทุ่มกว่า
ผมขับรถจากสุขุมวิท เข้าไปแถวบางลำพู
เลี้ยวเข้าไปจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างกำแพงวัด
เดินเข้าไปในถนนข้าวสาร....
ค่ำๆแบบนี้คนเริ่มเยอะแล้ว ส่วนมากเป็นคนต่างชาติ
ผมเดินปนๆเบียดเสียดกับพวกเขา....
แล้วไปหยุดที่ร้านๆหนึ่ง ที่มีเสียงแปลกๆดังออกมา
..
..
..
ประมาณสามทุ่มผมก็กลับบ้าน
หนูโยชินั่งทำการบ้านอยู่....ครางเพลง งุงๆหงิงๆที่เขาชอบ
เพลงภาษาญี่ปุ่นที่ผมฟังไม่รู้เรื่องนั่นแหละ
เท้าที่ใส่ถุงเท้าไว้ตลอดก็ขยับเบาๆ ตามเพลง
เขาหันมายิ้มให้แล้วบอกว่า....
พี่ฟืนกลับดึก.....
ฮือ....ท่านประธานมีประชุม เลิกค่ำผมเดินเข้ามาหา วางมือบนหัวเขาตบเบาๆ
แล้วเข้าไปอาบน้ำ รู้สึกแสบๆที่ตรงหน้าอก
คืนนั้นตอนเราเข้านอนด้วยกัน
เขาเห็นรอยบวมแดงที่หน้าอกผม
ก็เอานิ้วเขี่ยเบาๆอีก แล้วถามว่า
เจ็บไหมครับ......
มดกัด.....เขายิ้มแล้วเอื้อมมือมาโอบร่างเปลือยของผม
ซบหน้าลงที่หน้าอกเหมือนเคย........
ก่อนจะหลับคืนนั้น...เขากระซิบบอกผมว่า
หนูโย....รักพี่ฟืน*****
ผ่านไปหลายวัน....ผมกลับบ้านค่ำตลอด ท่านประธานมีประชุมแทบทุกวัน
คนญี่ปุ่นทำงานกันหนักมาก....
แล้วการยื่นซองประมูลเพิ่งเสร็จสิ้น
พวกคนร้ายถูกจับได้...เป็นบริษัทฝ่ายตรงข้าม
ที่ต้องการเก็บท่านประธานนั่นเอง
วันนี้ ผมนั่งรอท่านประธาน อยู่ในห้องสมุดของบริษัท
ที่นี่เงียบดี ไม่ค่อยมีคน อยู่ๆผมก็เห็นภาพหนูโยชิ
ในห้องเรียน เขากำลังเรียนหนังสือ
บางทีผมก็จะเห็นเขาแบบนี้แหละ...
ถ้าผมไม่มีเรื่องวุ่นวายใจมารบกวน
แต่บางครั้ง...นึกอยากจะเห็นก็กลับไม่เห็น
ตอนนี้เขากำลังเตรียมกลับบ้านแล้ว...
ผมคิดว่า...เขาจะกลับบ้านของเรานะ
เด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินจูงจักรยานเข้ามาหาเขา
ท่าทางของคนทั้งคู่ดูสนิทกันมาก...
เด็กคนนั้นโอบแขนไปรอบไหล่เขา
แล้วก้มลงกระซิบ....
ผมไม่ชอบภาพที่เห็นนั่นเลย...
เขาสองคนหัวเราะเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้.....
แล้วเขาก็ซ้อนท้ายจักรยานไปด้วยกัน
ตืด...ตือ...
โทรศัพท์สั่น....ภาพของสองคนนั้นหายไป
พี่วรรณ เลขาท่านประธานโทรมาเรียก...
ท่านประธานประชุมเสร็จแล้ว
*****
เช้าวันนี้ผมตื่นนอน ได้ยินเสียงทีวีตามเคย.....
รายการข่าวเช้าตอนเจ็ดโมงดังมาเบาๆ
เมื่อคืนนี้ผมกลับบ้านดึกมาก....
ท่านประธานไปงานเลี้ยง
กลับมาหนูโยชิ....เขาก็หลับไปแล้ว
เสียงเขาเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าห้องแถวๆโถงบันได
คงกำลังใส่ถุงเท้า ได้ยินเขาฮัมเพลงเบาๆด้วย
มีความสุขอะไรนักหนาก็ไม่รู้....
ผมเปิดประตูห้องนอนตามออกมา
เมื่อวานไปไหนมา.....ผมถาม เขาทำท่าตกใจ ส่ายหัว
โกหกเหรอ....ผมตะคอกเบาๆ
ปล่าวครับ...พี่ฟืนอย่าโกรธนะ
ก็แค่อ่านหนังสือกับเพื่อนๆ
วันนี้โย...โย...จะไปค้างกับเพื่อนนะครับ
เดี๋ยวเพื่อนจะมารับ.....เขาพูดอึกๆอักๆ...เขาจะไปหาเด็กผู้ชายคนนั้น
ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที...
ตอนนั้นเอง ผมได้ยินเสียงกดกริ่งดังอยู่หน้าบ้าน
หนูโยชิ ขยับตัวจะลุกออกไปหา ไอ้คนนั้น...
ไปไม่ได้...ไม่ให้ไป ผมจับแขนเขาเขย่า
เดี๋ยวนี้เขาดื้อมาก....เขาไม่ฟัง เขาไม่ยอม เขาแกะมือผมออก
ผมกำลังโมโห เราทะเลาะกันเสียงดัง
อยู่ที่หน้าโถงบันไดนั่นเอง
เพี๊ยะ....รอยแดงห้านิ้วประทับอยู่บนแก้มขาวๆ
ผมตกใจรีบผลักเขาออกอย่างแรง.....
ตัวเขาเหวี่ยงไปหัวกระแทกเข้ากับผนังปูนอีกด้านหนึ่ง
ตัวบางๆเซเสียหลักไปที่บันได
เขายืนหมิ่นๆกำลังเสียการทรงตัว.....
ผมรีบพุ่งเข้าไปเอื้อมมือไปจับ....แต่ไม่ทันเสียแล้ว...
ถุงเท้าลื่นๆทำให้เขาหงายหลัง...ลอยละลิ่วตกลงไป
ผมรีบกระโจนตาม เห็นสายตาที่เขามองมาที่ผม
ก่อนร่างเขากระแทกไปตามขั้นบันได....
จนหยุดแน่นิ่งที่บันไดขั้นสุดท้าย
แล้วภาพทั้งหมดก็หายไป...
เหลือแต่สายตาเสียใจ ตัดพ้อ ของเขา
ที่ยังคงติดตาผมอยู่......
ผมนั่งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนก็ไม่รู้....
คิดถึงเขา...เขาจะเจ็บมากไหม....ในใจลึกๆ
ผมเป็นห่วงเขาเหลือเกิน
ผมมองมือข้างที่ตบหน้าหนูโยชิ...
นานมากแล้ว...ที่ผมไม่ได้ทำร้ายใครอีก
หลังจากกระทืบพ่อเลี้ยงจนโคม่า ที่มันตบตีแม่ผม
แล้วคดีก็สิ้นสุดลงที่จำคุกสองปี...รอลงอาญา
แต่นั้นไม่ได้ทำให้ผมเสียใจเท่าครั้งนี้เลย
มันไม่ได้เกิดขึ้นใช่ไหม...ผมไม่ได้ทำร้ายเขา
ผมเฝ้าแต่ถามตัวเองซ้ำๆ.....
หนูโยชิ...กำลังใจเดียวในชีวิตของผม
ผมอยากเห็นเขา...อีกสักครั้ง...ว่าเขาสบายดี
ผมขอแค่..ได้เห็น...ว่าเขา...สบายดี*****
เสียงโทรศัพท์ที่หยุดไปนานเรียกซ้ำอีก และซ้ำอีก
ผมไม่อยากคุยกับใครเลย...
แต่ในที่สุด ผมก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์
พี่วรรณ เลขาท่านประธาน คงโทรมาสั่งงาน
“ฟืน!....พี่วรรณนะ
ไปอยู่ไหนมาเรียกตั้งนาน ออกจากบ้านหรือยัง”
“ยังครับ....” ผมตอบ
ตายังนอนมองเพดานบ้านเช่าโทรมๆของผมอยู่
มืออีกข้างยังกำรูปของเขาไว้
“งั้นดี...แวะไปรับตั๋วเครื่องบิน
ที่เอเย่นต์ซอย สุขุมวิทเจ็ดสิบนะ พี่โทรไปจองแล้ว
เขาจะรีบออกตั๋วให้ เสร็จแล้วเข้าไปที่บ้านท่านประธาน...
ท่านจะไปสุวรรณภูมิ...เครื่องออกเที่ยงสี่สิบ...รีบๆนะฟืน”
“ครับ ครับ...” เมื่อวานนี้ ท่านประธาน
ยังไม่เห็นมีทีท่าว่าจะไปไหนเลย
ผมลุกขึ้นอย่างอ่อนแรงมึนหัวไปหมด
ตอนนี้ในใจผมเป็นห่วงแต่หนูโยชิ...ของผมเท่านั้น
เสียงบ่นเจื้อยแจ้วของพี่วรรณยังดังไม่หยุด
ที่ต้องเลื่อนนัดเลื่อนประชุมผมขี้เกียจจะฟัง
แต่แล้วผมก็ต้องตกใจ เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายที่ดังตามมา....
“อยู่ๆท่านประธานก็จะกลับญี่ปุ่นด่วน....
คุณหนูโยชิลูกชายท่านตกบันได สลบเมื่อเช้านี้....”
ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว....
นอกจากเสียงที่ร้องไห้เงียบๆของตัวเอง..... Tbc.
'''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ