กุญแจดอกที่ 16
เครื่องปรับอากาศทุกตัวถูกติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่พญาให้คนมาส่งให้ที่บ้านของก้านก็ถูกจัดจนเข้าที่เข้าทางดี คืนนี้แม่ของก้านอารมณ์ดีเป็นพิเศษเนื่องจากได้ครัวใหม่ที่ถูกใจจึงทำกับข้าวของโปรดของลูกชายทั้งสองคนเต็มโต๊ะ รวมไปถึงของโปรดของตะวันด้วย ก้านไม่ได้บ่นแม่เหมือนอย่างเคยที่ฟุ่มเฟือยเพราะเห็นแล้วว่ารอยยิ้มที่มีความสุขของแม่มันมีค่ามากกว่า ไอ้ก้อนก็ดูจะอารมณ์ดีไม่ต่างกัน มันอยากนอนห้องแอร์เย็นๆ มานานแล้ว พอสมใจก็พร่ำพูดชื่นชมนายพญาไม่หยุดปาก มันบอกว่ามันจะจงรักภัคดีกับนายพญาตามอย่างพี่ชายของมันเพราะมันได้เห็นแล้วนายพญาดีต่อครอบครัวของมันมากแค่ไหน ส่วนคนที่เอาแต่ฟังแล้วยิ้มน้อยๆ อย่างคุณตะวัน พอหันมาสบตาก้านทีไรก็ก้มหน้าเพื่อหลบเลี่ยงสายตาคมทุกครั้ง แถมแก้มที่เคยขาวซีดก็แดงระเรื่อได้แทบจะตลอดเวลา มันทำให้ก้านรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองเจริญอาหารได้มากเป็นพิเศษจริงๆ
“อ้าว วันนี้พี่ก้านจะกลับไปนอนที่ห้องเหรอ” ก้อนถามพี่ชายของมันหลังจากที่ก้านเข้ามาหยิบหมอนกับผ้าห่มของตัวเองในห้องของก้อน ที่มันถามก็เพราะตั้งแต่คุณตะวันมาอยู่ที่นี่พี่ก้านก็มานอนเบียดมันทุกคืน
“เออ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็...ก็มึงปรับแอร์หนาว กูไม่ชอบ” ก้านพยายามหาทางออก
“ผมปิดแอร์ก็ได้นะพี่ก้าน” ก้อนก็พอรู้ว่าพี่ชายของตัวเองไม่ชอบความหนาวเย็น ส่วนตัวมันขี้ร้อนมาตั้งแต่เด็กๆ วันนี้พอได้เครื่องปรับอากาศมาไว้ในครอบครอง ก้อนเลยปรับอุณหภูมิให้เย็นฉ่ำสมใจมัน
“ไม่เป็นไร มึงจะอะไรกับกูหนักวะไอ้ก้อน” ก้านจะเดินออกไปแต่พอเห็นสายตาที่มีแต่คำถามของน้องชายจึงรู้สึกร้อนตัว
“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรพี่เลยนะ” ก้อนเบิกตาโตเพราะจู่ๆ พี่ชายของตัวเองก็หงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น มันหวังดีเพราะกลัวว่าพี่ชายของตัวเองจะไปนอนเบียดให้คุณตะวันลำบาก
“มึงรีบนอนไปเลย อย่าตื่นสายล่ะ”
“ครับพี่ก้าน”
ก้านออกมาจากห้องของน้องชายได้ก็แอบพรูลมหายใจ ก้านไม่ได้คิดจะปิดบังใครเรื่องของคุณตะวันแต่มันไม่แน่ใจว่าคุณตะวันอยากจะให้ใครรู้หรือเปล่า พอเดินไปถึงหน้าห้องของตัวเองก็รู้สึกว่าอาการโล่งใจเมื่อครู่กลับมาแน่นอกอีกครั้ง ก้านยอมรับว่าตัวเองกลัว มันไม่ได้กลัวว่าจะทำให้คุณตะวันเสียใจ คนอย่างมันลองได้ตั้งใจจะดูแลใครแล้วมันก็จะดูแลเขาไปตลอดชีวิต แต่สิ่งที่มันกลัวคือกลัวว่าตัวเองจะสร้างความพึงพอใจให้คุณตะวันไม่ได้อย่างนายพญา มันอ่อนด้อยในเรื่องอย่างว่า ชั่วชีวิตของมันเคยมีเพศสัมพันธ์แค่สี่ห้าครั้งเท่านั้นและนั่นคือกับเพศตรงข้าม หนังสือธรรมะของนายพญาก็ไม่ช่วยอะไรมันเลย มันจึงได้แต่จำคำที่นายพญาบอกเอาไว้
‘แค่มองตาแล้วทุกอย่างจะเป็นไปเอง’
ก้านตัดสินใจเปิดประตูห้องของตัวเองแล้วก้าวเข้าไปในห้อง มันเห็นว่าคุณตะวันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะนั่งหวีผมตัวเองต่อแบบเดิมที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก้านวางหมอนกับผ้าห่มของตัวเองลงที่เตียงแล้วเดินเข้าไปยืนอยู่ที่ด้านหลังของคุณตะวัน มันแย่งหวีจากมือบอบบางมาถือเอาไว้แล้วเริ่มหวีผมให้อีกฝ่าย
“ผมคุณตวงนุ่มมือไอ้ก้านดีจัง” ก้านพยายามชวนคุยเพื่อลดบรรยากาศที่น่าขัดเขินนี้
“พี่ก้าน”
“ครับ”
“ไม่ใช่ไอ้ก้าน พี่ก้าน” ตะวันท้วงไม่ยอมให้ก้านแทนตัวเองว่าไอ้ก้าน
“ไอ้ก้านก็คือไอ้ก้าน คุณตะวันจะลำบากใจไหม ถ้าไอ้ก้านไม่ได้เป็นพี่ก้านที่น่ายกย่อง” ก้านถามอีกฝ่ายแต่มือก็ยังบรรจงหวีผมให้คุณตะวันด้วยความอ่อนโยน
“พี่ก้านคือพี่ก้านสำหรับตวง” ตะวันสบตาก้านผ่านกระจกเงา
“งั้นคุณตวงก็คือคุณตวงสำหรับผม เป็นคุณตวงที่ใจดี คนที่มีน้ำใจกับผมเสมอมา”
ตะวันยิ้มให้ก้านก่อนจะดึงหวีในมือก้านมาวางไว้ที่โต๊ะ เมื่อร่างผอมบางลุกขึ้นยืนก้านก็ขยับเข้ามาสวมกอดที่เอวพร้อมกับกดจูบที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายเบาๆ ใบหน้าที่เคยซีดขาวของตะวันเริ่มร้อนผ่าวและขึ้นสีแดงระเรื่อที่แก้ม เอวของคุณตะวันคอดเล็กนิดเดียวจนก้านโอบได้รอบ มันตัดสินใจช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นมาอุ้มจนคุณตะวันลอยขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนของมัน
“คุณตวงอายเหรอ” ก้านถามตรงๆ หลังจากที่อุ้มตะวันไปนั่งลงบนเตียงแล้ว
คนโดนถามพยักหน้าน้อยๆ จะไม่ให้ตะวันเขินอายได้อย่างไรในเมื่อคนถามเล่นถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนเปลือยเปล่า เจ้าของร่างผิวสีแทนนั้นเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ดูแข็งแรง ต่างจากตะวันที่ตัวผอมบางและขาวซีดดูไม่สมกับเป็นชาย เมื่อเจ้าของร่างผึ่งผายขยับตัวเข้ามาใกล้และปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้ตะวันบ้าง ตะวันก็รู้สึกประหม่าจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่าย ใจเต้นเป็นกลองรัวจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน
“ผม...ผมทำนะ” ก้านพูดตรงไปตรงมาจนตะวันหลุดหัวเราะ เมื่อมันเห็นอีกฝ่ายหัวเราะมันก็เริ่มจะหมดความมั่นใจขึ้นมาดื้อๆ
ตะวันเห็นก้านชะงักไปก็รู้สึกผิด ตะวันแค่นึกขำคำพูดที่ตรงไปตรงมาของอีกฝ่ายแต่การกระทำกลับอ่อนโยนแบบที่ตะวันไม่เคยได้รับ ปลายนิ้วบางแตะไปที่กล้ามท้องของก้านก่อนจะลูบช้าๆ เพราะนึกอิจฉาความแข็งแรงที่ตัวเองไม่เคยมี แต่ตะวันคงไม่รู้ว่าเพียงปลายนิ้วเย็นเยียบของตัวเองสัมผัสร่างของก้านก็ทำให้ฝ่ายนั้นวูบวาบขึ้นมาง่ายๆ เมื่อดวงตาโศกหลุบต่ำไปเจอส่วนนั้นก็หน้าร้อนฉ่าและรีบเบนสายตาไปทางอื่น
“คุณตวงทำมันตื่นเองนะ” ก้านเองก็เขินไม่ต่างกันแต่จะทำให้ไงได้ในเมื่อนิ้วซุกซนของคุณตะวันไปปลุกมันให้ตื่น
“ตวง ตวง..” ตะวันเขินหนักกว่าเดิมเมื่อก้านคว้ามือของตวงขึ้นมาจูบไล่ที่ละนิ้ว
“ร่างกายนี้เป็นของคุณตวง คุณตวงจะซนแค่ไหนไอ้ก้านก็ไม่ว่า” ก้านกระซิบที่หูของตะวัน
“ตวงแค่อิจฉาที่พี่ก้านดูแข็งแรง” ตะวันรีบอธิบายเพราะกลัวถูกมองว่ายั่วยวน หารู้ไหมว่ายิ่งอายก็ยิ่งยั่วความต้องการอีกฝ่ายให้พลุ่งพล่านมากกว่าเดิม
“ผมก็อิจฉาผิวนุ่มๆ ของคุณตวง หอม หอมที่สุด” ก้านอดไม่ไหว เมื่อได้ซุกไซ้จมูกไปที่ซอกคอขาวของอีกฝ่ายก็ได้กลิ่นหอมชื่นใจจนไม่อยากจะถอนใบหน้าของตัวเองออกมาเลย
“พี่ก้าน...”
ตะวันรู้สึกอ่อนแรงจนต้องเอนตัวลงนอนราบกับที่นอน ร่างแข็งแรงที่ตะวันอิจฉาจึงขยับขึ้นมาทาบทับและยังคงซุกไซ้ซอกคอขาวไม่หยุด ตะวันได้แต่เชิดหน้าขึ้นและพรูลมหายใจเพื่อระบายความร้อนที่กำลังแล่นไปทั่วร่างกาย มือหยาบกร้านที่บอกให้รู้ว่าเจ้าของมือผ่านความลำบากมามากเปรียบเหมือนไฟที่พร้อมจะทำให้ตะวันละลายหายไปเพียงแค่สัมผัส
ก้านรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกความหอมของคุณตะวันมอมเมาจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้ มันทั้งดอมดมและไล่ชิมผิวกายนุ่มละมุนของอีกฝ่ายจนมาถึงยอดอกสีหวาน อยากจะรู้ว่ามันจะหวานเหมือนสีหรือเปล่า ไม่ต้องคิดนานเพราะก้านจัดการตวัดปลายลิ้นของตัวเองไปลิ้มรสความชูชันล่อตาตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว
“พี่ก้าน....” ตะวันสั่นสะท้านไปหมด แม้อีกฝ่ายจะอ่อนโยนและทะนุถนอมตัวเองมากแค่ไหนแต่มันก็แฝงความเร้าร้อน ยิ่งอีกฝ่ายดื่มด่ำราวกับเป็นขนมรสเลิศก็ยิ่งทำให้ตะวันทรมานจนแทบขาดใจ
“คุณตวงของไอ้ก้านหวานเหลือเกิน” ก้านเงยหน้ามาเอ่ยชมอีกฝ่ายจากใจตะวันถึงกับยกมือขึ้นปิดหน้าเพราะรู้สึกเขินจนใบหน้าร้อนฉ่าเหมือนถูกไฟแผดเผา
ก้านนึกเอ็นดูความขี้อายของคุณตะวันก่อนจะก้มลงไปลิ้มรสความหวานต่ออย่างไม่รู้เบื่อ มันเข้าใจนายพญาแล้ว ขอแค่รู้สึกดี รู้สึกรัก ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นเพศไหนก็ทำให้ความสุขมันเกิดขึ้นได้ มันยอมรับว่ามันรู้สึกพลุ่งพล่านมากกว่าตอนหลับนอนกับคนที่ผ่านมาในชีวิตของมันเสียอีก นั่นอาจเพราะมันไม่ได้รู้สึกดีหรือรู้สึกรัก ที่นอนด้วยเพราะอยากลองและอยากมีประสบการณ์ตามวัย แต่กับคุณตะวันที่จู่ๆ ก็เข้ามานั่งในหัวใจของมันแบบไม่ทันให้ตั้งตัว กลับทำให้มันหายคลางแคลงใจในความรักที่มันเคยคิดมาตลอดชีวิตว่าไม่น่าเป็นไปได้ คุณตะวันทำให้ไอ้ก้านอยากกลืนกินร่างกายนี้และอยากเก็บเอาไว้สำหรับมันเพียงคนเดียว
ตะวันแทบจะสำลักความสุขที่ก้านมอบให้ ร่างแกร่งทำตามคำสัญญาที่บอกว่าจะขับไล่ความสกปรกออกให้จนหมด ตะวันร้องไห้ออกมาเพราะความตื้นตันที่ก้านไม่รังเกียจตัวเอง ก้านฉกชิมจับจองร่างกายของตะวันไม่เว้นแม้แต่ปลายนิ้วเท้า ความอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความเร้าร้อนสร้างความสุขให้ตะวันอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต มันไม่ใช่แค่สุขที่เกิดจากเพศรสแต่มันคือความหมายของคำว่า ‘ใส่ใจ’ ผู้ชายคนนี้ถนอมตะวันจนตะวันรู้สึกว่าตัวเองมีค่าเหลือเกินสำหรับเขา
ก้านจูบซับน้ำตาให้ตะวันก่อนจะทาบร่างกายของตัวเองไปแนบสนิทกับร่างผอมบางของอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวัง ขาเรียวขาวข้างหนึ่งของตะวันถูกยกขึ้นพาดบ่าแกร่งเพื่อเปิดทางให้สองร่างกายหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“ต่อจากนี้ไปตะวันดวงนี้จะเป็นดวงตะวันที่ใสสะอาด ชีวิตไอ้ก้านเหมือนไม้ขีดไฟ แสงของมันมีแค่ปลายไม้ ตะวันดวงนี้จะช่วยส่องแสงให้ไม้ขีดไฟก้านนี้ได้ไหมครับ” ก้านกระซิบถามตะวันหลังจากที่ได้แทรกกายเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับอีกฝ่ายแล้ว
“ไม้ขีดไฟก้านนี้ต่างหากที่ช่วยส่องแสงสว่างจนคนเห็นว่ายังมีดวงตะวันดวงนี้อยู่ ขอบคุณนะครับไม้ขีดไฟของตวง” ตะวันกอดรัดร่างกายของก้านเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับตัว
ก้านจูบซับน้ำตาให้ตะวันอีกครั้งก่อนจะเร่งจังหวะร่างกายให้เป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ เสียงแห่งความสุขของคนทั้งคู่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างในค่ำคืนนี้มันอิ่มเอมมากมายขนาดไหน
ก้อนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องของพี่ชายพอจะรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนในห้อง เสียงของคนทั้งคู่ดังพอที่จะทำให้มันได้ยิน มันยอมรับว่าตกใจเพราะไม่คิดว่าพี่ชายของมันมีรสนิยมทางเพศไม่ต่างจากนายพญา ที่มันเดินมาหาพี่ก้านเพราะว่ามันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากเจนน้องชายของพี่จวบ เจนเพิ่งเล่าให้มันฟังว่าคุณตะวันหนีออกจากบ้านและคนของนายหัวสุริยากำลังตามหาคุณตะวันกันยกใหญ่ พี่จวบรู้ว่าคุณตะวันอยู่ที่นี่ แต่พี่จวบสงสารคุณตะวันเลยไม่ยอมบอกนายหัวสุริยาว่าคุณตะวันอยู่ที่ไหน พี่จวบสั่งให้เจนมาบอกก้อนให้เตือนคุณตะวันให้หลบซ่อนตัวให้ดีเพราะไม่อยากให้นายหัวสุริยามาอาละวาด พร้อมกับสั่งให้เจนเอาเงินและเสื้อผ้าของคุณตะวันมาให้ เจนเลยนัดก้อนในวันพรุ่งนี้เพื่อที่จะเอาของมาให้ ก้อนแค่อยากจะมาบอกพี่ก้านกับคุณตะวัน แต่เมื่อมาได้ยินบทรักที่ทั้งคู่กำลังแสดงต่อกันก้อนจึงเดินกลับห้องไปด้วยความสงสัยว่าคนทั้งคู่ไปรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่
..
ภาพคุ้นตาที่ทุกคนเห็นในทุกเช้าคือภาพของหนูด้วงมานั่งพูดคุยเจื้อยแจ้วกับน้องปลา ปลาตั้งสิบยี่สิบตัวแต่หนูด้วงก็ตั้งชื่อให้พวกมันได้ไม่ซ้ำกันเลย พอพญาถามชื่อปลาหนูด้วงก็ตอบได้ครบจนพญาต้องนั่งเกาหัวตัวเอง เขาไม่รู้ว่าหนูด้วงมั่วหรือสามารถจำชื่อน้องปลาได้จริงๆ
“ตัวนี้ชื่ออะไร” พญาชี้ไปที่ปลาตัวหนึ่งที่กำลังแหวกว่ายอยู่ตรงหน้า
“ชื่อมะแยงวัน”
“เอ้อ! ได้เหรอ ปลาอะไรชื่อแมลงวัน” พญานึกขำและพยายามจ้องมองเจ้าแมลงวันเอาไว้เพราะอยากจะลองดูว่าหนูด้วงมั่วหรือจำได้จริง
“ตัวนี้ชื่ออะไร” พญาชี้ไปที่ปลาอีกตัวหนึ่งซึ่งดูแล้วไม่ได้แตกต่างจากเจ้าแมลงวันเลย
“ชื่อฮี้ก็อบๆ” หนูด้วงตอบ พญาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะมองหน้าหลานรัก
“ไปเอาสกิลการตั้งชื่อปลามาจากไหนวะ แล้วตัวนั้นชื่ออะไร” พญาพึมพำเบาๆ ก่อนจะขำ จากนั้นก็ชี้ไปที่เจ้าแมลงวันอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้มันว่ายไปไกลจากจุดเดิมพอควร
“ก้อหนูบอดแย้วว่าชื่อมะแยงวัน ถามแย้วก้อถามอีด” หนูด้วงขมวดคิ้วพร้อมกับกอดอกที่โดนถามชื่อปลาตัวเดิมซ้ำๆ นึกเคืองยุงพะยาที่จำลูกๆ ของตัวเองไม่ได้สักที
“ก็น้าจำไม่ได้นี่ หนูด้วงจำได้ยังไง มันเหมือนกันหมดทุกตัวนี่ครับ” พญายอมรับว่าทึ่งที่หนูด้วงจำชื่อปลาได้จริงๆ
“ยุงพะยาต้อนเป็นแม่น้อนปลาก่อน เอามั้ย เป็นแม่น้อนปลามั้ย หนูพาไปฉื้อใหม่” หนูด้วงทำตาวาวเมื่อมีความหวังว่าจะได้ไปซื้อน้องปลามาเพิ่ม
“โอ้ย ไม่เอาแล้ว มันเยอะแล้ว สงสารมัน เดี๋ยวมันเบียดกันเนอะ” พญารีบปฏิเสธ
“ก้อได้ก้อได้ ง้านยุงก้อไม่มียูก นี่ยูกขอนหนูหมดเยย ไม่ต้อนมาถามชื่อยูกขอนหนูด้วย หนูเหนื่อย” หนูด้วงบ่นกระปอดกระแปดจนพญาทนไม่ไหวต้องคว้าตัวมาหอม
“มาทานข้าวกันได้แล้ว” เทียมฟ้าเข้ามาตามสองน้าหลานที่กำลังกอดรัดกันอยู่ที่หน้าตู้ปลา
“เย้ แม่ไปกินข้าวก่อนนะยูกๆ ไม่ดื้อนะยูกๆ” หนูด้วงหันมาสั่งน้องปลาก่อนจะวิ่งออกไปเพราะได้กลิ่นหอมๆ ลอยมายั่วแล้ว
“มานี่ก่อน” พญาเรียกเทียมฟ้าให้มาหา
“มีอะไรเหรอครับ”
“ปลาตัวนั้นชื่ออะไร” พญาถามเทียมฟ้า
“น้องจะไปรู้ได้ไงครับ ปลาตั้งเยอะแยะ จำไม่ได้หรอก”
“โอเค โล่งใจ กูไม่ได้โง่คนเดียว” พญาพึมพำเบาๆ
“อะไรนะครับ”
“ไม่มีอะไรครับที่รัก เรียกมาหอม มาหอมหน่อยนะ” พญารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนงอน
“แน่ใจนะ” เทียมฟ้าหรี่ตาถาม
“ยำคาน มานี่เลย” พญาเลียนแบบคำพูดของหนูด้วงก่อนจะดึงเทียมฟ้าให้ลงมานั่งข้างๆ แล้วรีบจูบปิดปากคนขี้สงสัย
“ย๊ากกกก ยุงพะยากัดอาน้อน ยุงพะยากัดอาน้อนนนนนน” หนูด้วงเข้ามาตามเทียมฟ้าเพราะไปนั่งรอแล้วเทียมฟ้าไม่ยอมตามออกมาสักที พอทั้งคู่ได้ยินเสียงโวยวายของหนูด้วงก็เด้งออกจากกันทันที
“ไม่ได้กัด น้าแค่ดูดพิษให้อาน้องเฉยๆ” พญารีบแก้ตัว นึกตำหนิตัวเองที่ดันไม่ระวังจนหนูด้วงมาเห็นจนได้
“อาน้อนไม่ชาบายอ๋อ” หนูด้วงรีบเข้ามาแตะหน้าผากของเทียมฟ้าเพราะได้ยินคำว่าโดนพิษ
“หายแล้วครับ ยุงพญาช่วยอาน้องแล้ว” เทียมฟ้าต้องเล่นไปตามน้ำ
“ยุงพะยาเป็นปู้วิเฉด เก่นฉุดฉุด” หนูด้วงทำตาโตก่อนจะปรบมือให้พญา
“ไปกินข้าวกันเถอะ เจ้าอุ้มล่ะ” พญายิ้มแห้งๆ ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง
“น้องโอบอาบน้ำอยู่ครับ ตอนนี้คงเสร็จแล้ว ไปกินข้าวกัน” เทียมฟ้าชวนทั้งน้าทั้งหลานให้ออกไปกินข้าวพร้อมกัน
เมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงโต๊ะกินข้าวโอบอุ้มก็ลงมาจากชั้นบนพอดี โต๊ะกินข้าวขนาดสี่คนทานพอดีตั้งอยู่ในครัวขนาดเล็กแต่ก็ไม่ถึงกับคับแคบมากนัก พญากะพื้นที่เอาไว้แค่พอนั่งกินข้าวแบบสบายๆ ไม่ได้เหลือพื้นที่ให้สิ้นเปลืองเพราะหากตลาดเปิดเมื่อไหร่ก็ไม่ค่อยได้ทำกินเอง ยิ่งถ้าโอบอุ้มกลับไปเรียน หนูด้วงก็ต้องกลับไปอยู่กับนับตังค์ ที่นี่ก็เหลือแค่เขากับเทียมฟ้า เขาเลยใช้พื้นที่ไปกับห้องใต้ชาหมุดของหนูด้วงมากกว่าห้องอื่น
“น้องทำซุปเห็ดไว้ด้วยนะ พี่ตังสอนทำ ลองทานดูนะว่าอร่อยรึเปล่า” เทียมฟ้าทำกับข้าวไม่เก่ง ทำเป็นแค่อาหารเช้าแบบอเมริกันง่ายๆ แต่เห็นหนูด้วงกับโอบอุ้มบ่นอยากทานซุปเห็ดเทียมฟ้าเลยโทรไปหานับตังค์เพื่อขอสูตรและวิธีทำ
“น้องทำครั้งแรกเหรอ งั้นเจ้าอุ้มลองกินก่อนเลย” พญาแกล้งทำเป็นกลัวจนโดนเทียมฟ้าค้อนใส่
“ได้ครับป๊า โอ้ย!” โอบอุ้มไม่ทันระวังว่าซุปมันร้อนจึงซดซุปเห็ดเข้าไปเต็มที่
“เอาผ้าเย็นประคบก่อน” เทียมฟ้ารีบเดินไปหยิบผ้าเย็นมาส่งให้โอบอุ้ม เจ้าตัวยกมือไหว้ก่อนจะรับผ้าเย็นไปประคบที่ปาก
“ปากบวมเลย อย่างกับโดนผึ้งต่อย เจ็บไหม ป๊าจำได้ว่ามีครีมทาอยู่นะ” พญาจะลุกไปหาครีมที่ทาเวลาโดนของร้อนแต่โอบอุ้มรีบขัดเอาไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรครับป๊า เดี๋ยวก็หาย”
..ม๊วฟ..
แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อหนูด้วงลุกขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ทรงสูงที่ตัวเองนั่งอยู่แล้วรวบคอโอบอุ้มให้มาใกล้ๆ จากนั้นก็แตะริมฝีปากของตัวเองไปที่ริมฝีปากของโอบอุ้มจนเสียงดัง ‘ม๊วฟ’
“หนูเป็นปู้วิเฉด หนูดูดพิษให้ปี้โอดอุ้นแย้ว เดี๋ยวก็หายนะ” หนูด้วงพูดจบก็นั่งลงไปจิ้มไส้กรอกกินอย่างเดิม
“นะ นะ หนูด้วง...” พญาแทบกลั้นใจตายกับสิ่งที่เห็น อยากจะบีบคอตัวเองนี่แหละที่ไปหลอกหลานว่าจูบคือการดูดพิษให้เทียมฟ้า เวรกรรมติดจรวดตามทันแบบไม่ต้องข้ามภพข้ามชาติกันเลย
“กิน..กินกันเถอะครับ” โอบอุ้มรีบชวนทุกคนกินต่อด้วยท่าทางงกๆ เงิ่นๆ มีแค่เทียมฟ้าที่แอบนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว
หลังจากมื้ออาหารเช้าที่ค่อนข้างประดักประเดิดสำหรับโอบอุ้มเสร็จสิ้นลงแล้ว โอบอุ้มก็พาหนูด้วงมานั่งเล่นอยู่ที่สำนักงานของพญาเพราะมีหน้าที่สอนความรู้ทั่วไปให้กับหนูด้วงประมาณวันละหนึ่งชั่วโมง ส่วนใหญ่โอบอุ้มก็จะสอนคำศัพท์ต่างๆ ให้ ไม่ได้สอนแบบเคร่งเครียดอะไรสักเท่าไหร่เพราะรู้ว่าหนูด้วงยังเด็ก แต่น้าใบเมี่ยงบอกว่าหนูด้วงอยู่ในวัยกำลังจดจำซึ่งโอบอุ้มเห็นจริงตามนั้นเพราะสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษอะไรหนูด้วงก็จำได้หมดเพียงแต่พูดไม่ชัดเหมือนเดิมเท่านั้นเอง
“วันนี้เรามาดูรูปสวนสัตว์กันดีกว่านะครับ” โอบอุ้มชวนหนูด้วงที่ตอนนี้กำลังนั่งจ้องพัดลมตัวเล็กลายเป็ดสีเหลืองที่อาพเยียซื้อมาฝาก
“วา วา วา วา วา คิกๆๆ” หนูด้วงเอาปากไปจ่อที่หน้าพัดลมแล้วส่งเสียงวาๆ จนได้ยินเสียงสั่นๆ ของตัวเอง เด็กน้อยนั่งหัวเราะคิกคักขำอยู่จนไม่ได้ยินที่โอบอุ้มเรียก
“สนุกใหญ่เลยนะ” โอบอุ้มขำเพราะผมของหนูด้วงกระจัดกระจายไปตามแรงลมจนยุ่งเหยิงไปหมด
“ปี้โอดอุ้นมาดูมาดู ทำตามหนูนะ ชาหนุดฉุดๆ วาๆๆๆๆๆ” หนูด้วงชวนโอบอุ้มมาทำบ้าง
“วาๆๆๆ” โอบอุ้มยอมทำตามคำชวนของหนูด้วง สองพี่น้องส่งเสียงแข่งกันแล้วก็ขำกันอยู่สองคน
“ปี้โอดอุ้นปาดแดนแจ๊ดแจ๋ เจ็บมั้ย หนูดูดพิษให้ เอามั้ย” หนูด้วงหันไปเห็นปากของโอบอุ้มยังแดงอยู่เลยอาสาเพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษมีหน้าที่ปกป้องคนอื่น
“หนูด้วง ห้ามทำแบบนี้กับใครนะครับ”
“ทำอะได” หนูด้วงเอียงคอสงสัย
“ดูดพิษ” โอบอุ้มทำเสียงเข้ม
“ก้อหนูเป็นปู้เฉด”
“ผู้วิเศษไม่ดูดพิษให้คนอื่น”
“แต่ยุงพะยาช่วยดูดพิษให้อาน้อน”
“แค่คนที่รัก ช่วยแค่คนที่รัก” โอบอุ้มไม่รู้จะอธิบายให้หนูด้วงเข้าใจได้ยังไงเพราะว่าตัวเองก็ยังหาคำที่ดีกว่านี้ไม่ได้ รู้แต่ว่าจะให้หนูด้วงไปทำแบบนี้กับคนอื่นไม่ได้
“หนูยักปี้โอดอุ้น หนูช่วยได้” หนูด้วงเถียงจนปากยู่ยื่น
“ขอบคุณครับ” โอบอุ้มลูบผมหนูด้วงด้วยความเอ็นดู ไม่รู้จะโต้แย้งยังไงเพราะตัวเองก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ไม่ได้มีประสบการณ์ชีวิตมากนัก
“พี่โอดอุ้นยักหนูมั้ย”
“รัก รักครับ”
“เย้ หนูไม่ตายแย้ว ปี้โอดอุ้นก้อยักหนู ปี้โอดอุ้นช่วยดูดพิษให้หนูได้ เย้ๆ” หนูด้วงชูไม้ชูมือดีใจแต่โอบอุ้มกลับทำหน้าไม่ถูก บางสิ่งบางอย่างมันทำให้โอบอุ้มรู้สึกแปลกๆ ข้างในใจ แต่ภาพของป๊าที่ดูจะหงุดหงิดทุกครั้งที่หนูด้วงแสดงความใกล้ชิดกับตัวเองทำให้โอบอุ้มต้องละความรู้สึกนั้นออกไปให้หมด อีกไม่นานก็จะต้องกลับไปอยู่ไกลๆ เหมือนอย่างเคยแล้ว ไม่นานหนูด้วงก็อาจจะลืมพี่คนนี้
“ไปเดินเล่นกันไหม” โอบอุ้มวางหนังสือเรียนในมือลง
“ไป หนูชอบไปเดินเย่น” หนูด้วงพยักหน้าหงึกๆ
“พี่ไปขอป๊าก่อนนะครับ หนูด้วงรอตรงนี้ห้ามไปไหนนะ”
“ฮับ” หนูด้วงรับคำก่อนจะหันไปเล่นกับพัดลมต่อ
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V