ไวปานวอก....วันนี้คึกจัด
ตอนที่ 7 HOT DOG“อ้าวน้อง.....”
ชายหนุ่มโบกมือให้อีกฝ่ายเป็นการทักทาย เด็กผู้ชายหน้าตาแปลกประหลาดที่มีขนาดตัวไล่เลี่ยกับเจ้าแมวน้อย ผู้ซึ่งเปิดประตูห้องฝั่งตรงข้ามออกมาพร้อมกัน....พอดิบ....พอดีเด๊ะ...
ริมฝีปากเตรียมจะคลี่ยิ้มให้ ตามประสาเพลย์บอยหนุ่ม แต่ก็ต้องชะงักเอาไว้ เนื่องจากเด็กคนนี้ไม่ได้สนใจเขาเอาเสียเลย ท่าเดินของมันก็ประหลาดแท้ อดคิดไม่ได้ว่า.....เมื่อเช้า ไอ้ฝาแฝดตัวดำคนน้องมันว่าไงนะ พี่ชายของมันไม่สบายงั้นเหรอ ก็แล้วหอบสังขารออกมาจากห้องทำไมกันล่ะนั่น....
อยากจะถาม อยากจะทักอยู่ เสียแต่ว่ารู้จักเขาฝ่ายเดียว รู้จากรูปถ่ายเมื่อวานนี้ รูปที่ไอ้เหมียวชูอวดเขาอย่างภูมิใจ...ชายหนุ่มตัดสินใจเดินตามเจ้าตัวเปี๊ยกไป นั่นเพราะเขาคิดจะลงไปหาอะไรใส่ท้องอยู่แล้วต่างหาก....
“รอด้วย”ชายหนุ่มเริ่มโมโหนิด ๆ เมินใส่ไม่พอ มันยังกดปิดลิฟท์ใส่หน้าเขาอีก ดีที่เอามือขวางไว้ได้ทัน หลังจากกดชั้นล่างสุดแล้ว ทั้งคู่ก็ต่างฝ่าย ต่างยืนเงียบ ๆ อยู่คนละมุมของตัวลิฟท์ รอให้ลิฟท์ค่อย ๆเคลื่อนตัวลงอย่างช้า ๆ....
พอลิฟท์นั้นหยุดที่ชั้นห้า ชายหนุ่มก็ไม่สามารถมองเห็นเจ้าตัวเล็กได้ในระดับสายตาอีกต่อไป พิษไข้และอากาศในลิฟท์ที่อบอ้าว ทำเอาหมาเด็กหน้ามืด ตาของมันพร่ามัวจนต้องลงไปนั่งยอง ๆ พร้อมกับกุมขมับ ตอนนี้มันไม่หนาวแล้ว แต่รู้สึกร้อนจนเหงื่อแตกซิก
“น้องครับไหวรึเปล่า”
ชายหนุ่มตัดสินใจเข้าประคอง ก่อนที่จะทันได้เอ่ยปากถามด้วยซ้ำ มันเงยหน้าจ้องมองเขา ไม่ใช่ด้วยตาแป๋ว ๆ ที่จ้องปลาในอควาเรี่ยม อย่างที่เขาเห็นในรูป หากแต่เป็นดวงตาขุ่นมัว และแดงก่ำ คิ้วของมันพันกันจนยุ่ง
“พี่เป็นใคร....พระเจ้าเหรอ”
“หา....ว่าไงนะ”
“ก็พี่ใส่เสื้อขาว....พี่เป็นพระเจ้ามารับตัวผมสินะ”
สำออยดีชะมัด กับอีแค่เป็นไข้เนี่ยนะ!!!.....ชายหนุ่มนึกหมั่นไส้ในความสำออยของมันนิดหน่อย แต่แล้วเขาก็รู้ว่ามันพูดจริง ตัวของมันร้อนจี๋ แม้กระทั่งลมที่ออกจากปากก็ด้วย.....ทำไมน้องชายถึงปล่อยมันเอาไว้นะ? ทำไมไม่อยู่ดูแลมัน? ในเมื่อพี่ชายตัวเองป่วยหนักขนาดนี้....คำถามมากมายจบด้วยคำถามที่ว่า....แล้วเขาจะติดไข้จากมันไหม???
“น้องไม่สบายแล้วออกมาจากห้องทำไมเนี่ย”
“ผมหิว.....ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย”
“ไปหาหมอมั้ยล่ะ”
“พี่เป็นใครน่ะ....”
“ยังไม่ต้องถามน่า....ไปหากินอะไรรองท้องกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
เขาพาเจ้าเด็กน้อยมายังร้านโจ๊กที่อยู่ใกล้ ๆ กลิ่นหอมจากหม้อโจ๊กทำให้อาการของมันดีขึ้น ประกอบกับอากาศที่ค่อนข้างโปร่ง ลมอ่อน ๆ ในยามสายที่พัดมา ค่อย ๆ ปรับสภาพสีหน้าของเจ้าหมาเด็กให้สู้ดี....
“กินน้ำเปล่าเข้าไปเยอะ ๆ กินพาราแล้วใช่มั้ย....มีรึเปล่าพาราน่ะ”
“กินแล้ว”
“ทีหลังกินอะไรรองท้องก่อนก็ดีนะ” ชายหนุ่มเผลอตัวพูดออกไปอย่างเคยชิน
“เค้าไม่ได้บอกนิว่าต้องกินหลังอาหารน่ะ....ว่าแต่พี่ชายเป็นใครฟะ!!!”
“พี่น่ะเป็นพี่เจ้าเปา เราไม่รู้จักพี่หรอก แต่เจ้าเปามันเอารูปเราให้ดูเมื่อวานนี้....ที่ไปสวนสัตว์น้ำอะไรนั่นน่ะ....ว่าแต่เจ้าเปามันไม่ได้เล่าถึงพี่ให้เราฟังบ้างรึไง”
“เล่า....”
“เล่าว่า....”
“ยุ่งจริง! ขอกินโจ๊กก่อนได้มั้ยนิ!!!!”
ชายหนุ่มยอมแพ้ ตาของเด็กคนนี้ดุเอาเรื่อง แต่บางทีก็ดูออดอ้อนอย่างน่าประหลาด แล้วแถมบางทีก็ยังดูเศร้า ๆ ด้วยเช่นกัน....เมื่อวานเขาเห็นสายตาบ้องแบ๊วของมันไปแล้วจากในรูป แต่วันนี้ เขาเห็นแต่ความเศร้าและขุ่นเคืองในนัยย์ตาคู่นั้น....มันเหมือนตัวอะไรนะ???.....ลูกหมาที่โดนเจ้าของทิ้งอย่างไรก็อย่างนั้น....
“ขออีกชาม....ป้า ๆ....ขออีก ๆ....ไข่ด้วย”
“พูดห้วน ๆ เด็กคนนี้นี่”
“ทำไมพี่ถึงมาอยู่ห้องของเปาได้ล่ะ ไหนเปาบอกว่าพี่มาเฉพาะวันหยุด....ไม่มีงานมีการทำเรอะ โดดงานเดี๋ยวก็ตกงานหรอกนะพี่นะ”
“ยุ่งน่ะ”
“ทีพี่ยังยุ่งกับผมได้เลย”
“มันน่าปล่อยให้เน่าตายในลิฟท์มั้ยเนี่ย”
“ล้อเล่นน่า....ผู้ใหญ่เอ๊ย!!!!”
ไข่ลวกลูกโต ถูกตักเข้าปากที่พยายามจะอ้าให้กว้างเท่าที่จะทำได้ พอเข้าไปจนหมดก็หน้าเปลี่ยนสี ด้วยความร้อนของไข่ หมาเด็กถือวิสาสะคว้าแก้วของอีกฝ่ายที่มีน้ำแข็งอยู่ ขึ้นมาดูดเฮือก ๆ....
“ร้อนนนนน”
“ก็ไม่ค่อย ๆ กินเล่า”
“น้องพี่กับพี่นี่น่ารำคาญเหมือนกันเล้ย”
“หน็อยยยยย!!!!”
“แต่น้องพี่อ่ะน่าสงสาร”
“สงสารตัวเองก่อนเหอะ!!!”
“มันเหงานะรู้เปล่า อาทิตย์ที่แล้วที่พี่ไม่มา....ซึมเลยแหละ....แต่ก็....นี่ พูดก็พูดเถอะนะ พี่ชายน่ะผิดไปจากจินตนาการเยอะเลยล่ะ ผมคิดว่าพี่จะตัวเล็ก ๆ...ผอม ๆ...แล้วก็น่าตาประหลาด ๆ เหมือนเปาซะอีก....เอ่อ....แต่ก็ตาตี่เหมือนกันนะ แต่น้องพี่ดีดกว่าอ่ะ....เหมือนเด็กเล่นกัญชาเลย คึกโครต...อาชาไนย….ฮู่ว!!!!”
ชายหนุ่มไม่เคยเจอคนพูดมากและเปลี่ยนอารมณ์เร็วขนาดนี้มาก่อน หลังจากซัดโจ๊กอ่อน ๆ ไปสอง อาการมันก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฟังจากที่มันจ้อเป็นชุดนี่ก็พอจะรู้....ขนาดแมวน้อยที่ว่าพูดเก่ง ๆ ยังต้องยอมให้ไอ้หมอนี่....หรือว่ายังไง?
“ก็ไม่ใช่พี่น้องจริง ๆ จะให้เหมือนกันได้ไงล่ะ แล้วที่บอกว่าน้องพี่ประหลาดน่ะ เราหล่อตายแหละ...อย่างน้อยเจ้าเปามันก็ไม่หัวโตเหมือนเรานะ”
“หงิง~แร๊งงงง”
“หึหึ”
ชายหนุ่มอาสาเลี้ยงโจ๊กมัน พามันไปซื้อยาที่ร้าน นอกจากพาราที่ห้องแล้ว เขาเห็นว่ามันน่าจะมียาลดน้ำมูกกับยาฆ่าเชื้อ...
“พี่อยู่ห้องนี้นะ อยู่ไปจนถึงวันจันทร์ เราน่ะพักผ่อนเยอะ ๆ มีอะไรก็มาเคาะเรียกพี่ได้นะรู้เปล่า”
ชายหนุ่มบอกกับเจ้าหมาเด็ก หลังจากที่เสร็จธุระ เตรียมจะแยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน แต่แล้วมันก็ส่งเสียงเห่าบ๊อก ๆ เรียกเขา ในนาทีสุดท้ายที่ประตูห้องกำลังจะปิดสนิท
“เดี๋ยวดิ”
“อะไรอีกหืม?”
“มานั่งคุยเป็นเพื่อนผมก่อน เกิดไข้มันกลับขึ้นมาแล้วผมไปเรียกพี่ไม่ไหวจะทำไง”
“ก็โทรหาน้องเราสิ”
“ไม่!!!!”
“ทำไมล่ะ”
“ห้ามถามนะ....น่า....พี่ชาย ช่วยคนก็ต้องช่วยให้ตลอดรอดฝั่งดิ เดี๋ยวให้ยืมแทบเล่นแองกี้เบิร์ดนะ เอาม๊ะ”
ประหลาดเด็ก!!! ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองในใจ เมื่อครู่นี้ยังทำเป็นโลกส่วนตัวสูงอยู่เลย แล้วอยู่ ๆก็จะมาชวนคนที่เพิ่งรุ้จักกันอย่างเขา เข้าไปในห้องของมันอีกเนี่ยนะ เชื่อเขาเลย!!! แต่คงไม่มีอะไรหรอก...ชายหนุ่มบอกกับตัวเองอีกครั้ง เด็กคนนี้คงอยากจะผูกมิตรน่ะ ไม่ก็คงโกรธกับน้องชายอยู่.... เขาเดินตามไอ้ตัวเปี๊ยกที่เพิ่งสร่างจากไข้ มันทิ้งตัวลงบนโซฟา หน้าโทรทัศน์ ก่อนจะชี้นิ้วสั่งเขา
“กดให้หน่อย”
“เยอะไปแล้วนะเราอ่ะ”
“พี่ชายดูข่าวม๊ะ”
“ก็ดีเหมือนกัน”
“แต่ผมอยากดูหนังมากกว่า....นี่....พี่ชายชอบดูหนังอะไร หนังสยองขวัญอ่ะชอบแม๊ะ....แต่ในนี้มันชอบเซนเซอร์งิ”
“เออเรื่องของมึงเฮ๊อะ”
“หยาบคาย”
“แล้วนี่จะให้พี่นั่งกับเราจนกว่าน้องเราจะมาเลยเหรอ”
“จนกว่าน้องพี่จะมาต่างหาก มันน่ะจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่เห็นต่างกันตรงไหน พี่ชายกินโค้กม๊ะเดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”
“เรานอนเถอะ เดี๋ยวพี่ไปหยิบเอง”
“ไปดิ”
“ยังไม่หิว...อันที่จริงพี่ไม่ควรจะกินของ ๆเรานะ ตามหลักมารยาทแล้วน่ะ”
“จะฝากหยิบพุดดิ้งด้วย”
“ไม่สบายกินเข้าไปได้ไง”
“หายแล้วนี่ ดู....แข็งแรง”
เขาขำก๊าก เมื่อไอ้ตัวดีกระโดดลงมายืนแอ๊คท่าอยู่บนพื้น มันทั้งเบ่งกล้าม ทุบอกอย่างคึกจัด หายบ้าแล้วก็กระโดดขึ้นไปนอนใหม่ ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ใกล้ ๆกับเท้าของเจ้าหมาเด็ก เท้าเล็ก ๆ ที่จิกเกร็งอย่างลืมตัว แล้วอยู่ ๆ ดีมันก็เปลี่ยนมาเอาหัวหนุนตักเขา และเอาเท้าเล็ก ๆ ที่เกร็งแน่นนั้นชี้หันไปอีกทางหนึ่ง
“หนุนหน่อย”
“สนิท?”
“ไม่...”
“ลุกไปเลยนะ”
“น่า....นิดนึง หมอนมันฟีบแล้ว หนุนไปก็ปวดคอ....เล่าเรื่องของเปาให้ฟังหน่อยดิ”
“มันเคยเล่าว่าไงก็ว่างั้น”
“ลืมแล้ว ตอนนั้นไม่ได้สนใจ แต่ตอนนี้อยากรู้ เอาละเอียด ๆ เลยนะ....ก็ตอนแรกไม่ค่อยชอบนิ แต่ตอนนี้อยากชอบแล้ว เมื่อวานน้องพี่เลี้ยงหนังกับตั๋วดูโลกใต้ทะเลผมด้วย สปอร์ตอ่ะ รักเลย...”
“ได้ข่าวว่าอายุมากกว่านะ ให้รุ่นน้องเลี้ยง....ไม่อายรึไง”
มันจ้องเขาตาแป๋ว อย่างที่จ้องปลาในอควาเรี่ยม เป็นครั้งแรกที่ได้สบตากับมันในอารมณ์นี้ ตากลมโตนั้นสั่นระลิก มีแววอยากรู้อย่างเห็น ยิ่งมันเอียงคอไปมา ยิ่งเหมือนกับลูกหมาที่กำลังนอนหงายท้อง มองเจ้าของคนใหม่ไม่มีผิด....
หมาน่ะ....มันไม่อ้อนใครง่าย ๆ เหมือนแมวหรอกนะ ถ้าไม่มีอะไรไปล่อมันก่อนเพื่อผูกมิตรน่ะ มันพร้อมจะแยกเขี้ยวแว้งกัดคนแปลกหน้าที่พยายามจะเข้ามา และจะซื่อสัตย์ก็แต่กับเจ้าของเดิมของมันเพียงคนเดียวเท่านั้น....ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้มันรักใครอื่น...รักจริง ๆ แบบถวายชีวิต ไม่ใช่แค่เพราะจะเอาของที่มาล่อมันแต่เพียงเท่านั้น....
หมาน่ะ ต่อให้เจ้าของเดิมจะไล่มันไปไหน ต่อให้เขาคนนั้นไม่ต้องการ แต่มันก็ยังดื้อที่จะอยู่ แม้ว่าจะไม่มีใครรักมันอีกแล้ว หากว่าไม่เอาไปปล่อยที่อื่นเสียก่อนน่ะนะ.....
“เปาน่ะเป็นลูกของน้าพี่เองแหละ เด็กคนนี้ไม่มีพ่อแล้วก็แม่”
“ผมก็ไม่มีแม่....แม่ไปสวรรค์แล้ว”
“คุณน้าเป็นคนน่าสงสาร ท่านจากไปเพราะไม่สมหวังในความรัก”
“ยังไงอ่ะ”
“คิดเองสิ”
“แต่เด็กคนนี้น่าสงสารกว่า เพราะเกิดมาจากความไม่ตั้งใจ....ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ แม้แต่แม่ที่คลอดออกมาก็ไม่เคยเอาใจใส่...แต่คุณน้าก็ไม่เคยทำร้ายเจ้าเปาหรอกนะ คุณน้าเป็นผู้หญิงเรียบร้อย แล้วก็ใจดีมาก....แต่นั่นน่ะ....มันคงจะดีกว่าถ้าคุณน้าจะดุหรือตีมันบ้าง คุณน้าทำเหมือนว่าเจ้าเปาไม่มีตัวตน”
“แต่ผมมีพ่อนะ พ่อตัวหญ่ายเหมือนหมีกิซลี่ พี่ปิงเคยดูสารคดีแม๊ะ”
“จะฟังมั้ยเนี่ย เดี๋ยวไม่เล่าเลยนะ”
“ถ้าผมฟัง...ผมจะกลายเป็นคนสอดรู้มั้ย”
“ก็คิดเอง”
“แล้วพี่ปิงเอาเรื่องของเค้ามาเล่าเนี่ย ขออนุญาตน้องมันยัง”
“กวนตีน!!!”
“แซวเล่น หยอกน่ะหยอก ไม่เอาแล้ว....ชีวิตมันเศร้า เกาหัวให้ผมดีกว่า เกาเหมือนกับสระนะ แล้วก็นวด ๆ จะนอนซักงีบนึง มีคนเกาให้แล้วมันหลับสบาย....
“เอางั้นเลย?”
“อื่อ”
“เยอะ”
“น้อยแล้ว....ไม่เยอะหรอก”
เขาเกาหัวให้เด็กน้อยที่ขยับตัวยุกยิกอย่างไม่เป็นสุข เจ้าเด็กน้อยที่เกาเบา ๆ ก็ค่อย ๆ งีบหลับ ขาของเขาเป็นตะคริว เมื่อค่อย ๆ ยกหัวของเจ้าเด็กแสบขึ้นมา แล้วเอาหมอนรองหนุนให้แทน จะว่าไป หมอนนี่มันก็ไม่เห็นจะฟีบอย่างที่เจ้าตัวเล็กบอกเลย...
“ในรูปก็น่ารักดี ตัวจริงแม่งกวนตีนชิบเล้ย”
เขาจ้องมันอย่างเอ็นดู....เขาเองก็อยากจะนอนหลับซักงีบเหมือนกัน
.
.
.
.
.
“อาหารอร่อยมั้ย”
ดำศรีเอ่ยถามเจ้าแมวเด็ก ที่สวาปามเก่งกว่าที่คาดคิดเอาไว้ ขณะที่ทั้งคู่เพิ่งลงจากแท็กซี่ และกำลังจะเดินเข้าตึกที่พักอาศัย...
“ก็ดีครับ พี่บู้โทรมามั่งมั้ยเนี่ย เป็นห่วงนะ ไหนว่าไม่สบาย”
“โรคขี้เกียจน่ะสิ เมื่อวานนี้ไปเที่ยวไง กลับดึก...นอนดึก ตื่นเช้ามาก็เพลีย มันจะไปป่วยจริงป่วยจังอาร๊าย”
“พี่บิ๊กไม่เป็นห่วงพี่บู้เหรอ”
“ก็มันไม่ใช่คนที่ป่วยง่ายนี่นะ”
ตอนเด็ก ๆพี่ชายขี้โรคก็จริง แต่พอโตขึ้นมาก็ดูแข็งแรงดี ขนาดถูกทรมานยังไม่มีท่าทางว่าจะเป็นอะไร ก็ยังปากดีใส่เขาได้เหมือนเดิม...นับประสาอะไรกับอีแค่ไปเที่ยวแล้วกลับมาดึก....
“ในโรงหนังหนาวจะตาย เจออากาศเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา....เปายังต้องกินยากันไว้เลย”
“ยาพี่ก็เตรียมไว้น่า แล้วเจอกันนะ”
ดำศรีล่ำลาแมวเด็ก แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมกลับห้องของตัวเอง
“ขอเข้าไปเยี่ยมพี่บู้ได้มั้ย”
“เอ่อ....ตามใจสิ....ฟังสิเห็นมั้ย เปิดทีวีซะลั่นเลย หายแล้วแหละ”
ประตูห้องถูกเปิดออก ในห้องรับแขกนั้นมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ หมาเด็กนอนอยู่บนฟูกที่เอาไว้รับรองแขก ของขวัญที่แม่ของน้องเล็กจับฉลากได้เมื่อปีใหม่ปีก่อน
ร่างกายของมันเปลือยเปล่า ชายคนหนึ่ง กำลังเช็ดตัวให้มัน.....ใครคนหนึ่งที่ดำศรีนั้นก็รู้จัก
“พี่ปิงทำไรฟะ เปาบอกแล้วใช่มั้ยว่าพี่บู้น่ะ”
“ชู่ววว์”
ปิงหันมาทำหน้าตำหนิเจ้าแมวเด็กที่กำลังของขึ้น แต่พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร มันก็ปรี่เข้าไปอย่างเป็นห่วง
“พี่ปิง....พี่บู้เป็นไร”
“ไข้กลับน่ะสิ สงสัยคงจะเป็นหนักจริง ๆ เมื่อเช้าก็เห็นเป็น ๆ หาย ๆ เหมือนมันหายหลอกยังไงไม่รู้ พอตอนเย็นกินยาแล้วนอนไปก็เป็นงี้เลย ตัวร้อนจี๋....เนี่ยพี่ก็กำลังเช็ดตัวให้เค้าอยู่”
“ร้อนจริงด้วย”
“เปาอย่าโดน...เดี๋ยวจะติดไข้ไปด้วย เราเองก็เห็นไอโขลก ๆอยู่นี่”
สรรพเสียงทั้งหลายในตอนนี้ ทำเอาชายหนุ่มผิวเข้มรู้สึกปวดหัวตุ่บ อารมณ์ที่พยายามข่มเอาไว้ พาลจะระเบิดออกมาเสียให้ได้ ไอ้หมอนี่มันมีสิทธิ์อะไร ถึงได้ถือวิสาสะเข้ามาวุ่นวาย ไอ้หมาของเขาน่ะ มันก็แค่สำออยเท่านั้น ไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่....
เสียหน้ายังไม่เท่าโกรธ...โกรธที่คน ๆ นี้บังอาจแตะต้องของ ๆ เขา บังอาจสัมผัสร่างกายของพี่ชายฝาแฝดของเขา พาลโกรธรุ่นน้องที่ตนแอบชอบ ที่ให้ความสนใจเจ้าหมาน้อยมากกว่า ดำศรีต้องเป็นที่หนึ่งสิ....หึหึหึ....เขามีอะไรไม่ดีตรงไหนงั้นเหรอ.....ทำไมทุกอย่างถึงไม่เป็นอย่างที่คิดนะ พี่ชายจงใจทำให้ตัวเองป่วยเพื่อหักหน้าเขาหรืออย่างไร....ทำไม....ทำไมวะ!!!
ผลั้วะ!!!!.....ดำศรีได้ยินเสียงเหมือนของตกกระทบพื้น เสียงน้ำสาดพื้นกระเบื้อง แล้วก็เสียงโหวกเหวก แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตัว คือกำปั้นแข็ง ๆ ที่ซัดใส่ใบหน้าของเขา เข้าที่ครึ่งปากครึ่งจมูกนี่ต่างหากล่ะ
“ไอ้สัดบิ๊ก พี่มึงจะเป็นจะตายอยู่แล้ว มึงมัวยืนทำเหี้ยอะไรอยู่ ไอ้เหี้ยยยยย”
มีใครอีกคนมาพาตัวคนที่ต่อยเขาออกไป เสกสกลกำลังกอดรัดปัฐวิทย์....หรือไอ้หน้าหล่อ...นายบอมกำลังเดือดจัด เขาโทรหาเพื่อนตัวน้อยหลายครั้ง เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเข้าเรียน แล้วในที่สุดก็มีชายแปลกหน้ารับโทรศัพท์ของไอ้ตัวเล็ก
“ไหนว่าพี่บู้ไม่ได้เป็นไรไง”
เสียงใส ๆ นั่นก็กำลังตัดพ้อเขา มาถึงตอนนี้ความอดทนได้เดินทางมาถึงขีดสุด
“ออกไป...”
“ว่าไงนะ”
“กูบอกว่าให้ออกไปให้หมด....ออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้”ดำศรี.....เวรกรรมมันมีจริง แล้วพร้อมจะตามสนองนายเสมอแหละนะ
.
.
.
.
.
To be con
สะใจมั้ย หุหุ
พอแล้ว....ไฟหมด เพลียมาก เจอกันตอนหน้านะคะ....คนอ่านที่รัก