ตอนพิเศษ : พี่หมีป่วย
ช่วงนี้เป็นหน้าฝนทำให้ฝนตกเกือบทุกวันช่วงดึกๆ ซึ่งผมไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็อยากกินเต้าหู้นมสดเลยจะปั่นจักรยานไปเซเว่นที่อยู่ปากซอยตอนประมาณห้าทุ่ม แต่ยังไม่ทันได้ออกแรงถีบคันจักรยานคู่ใจเลยครับ ก็โดนพี่กานต์มายืนขวางด้วยหน้าหงิกๆ ซะก่อน
“ไปไหน” พี่กานต์มองผมนิ่งๆ สภาพกึ่งแห้งกึ่งเปียกเพราะพี่แกเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“ไปเซเว่น ทอยอยากกินเต้าหู้นมสดเลยจะไปซื้อ ฝากอะไรไหม พี่กานต์”
เดี๋ยวนี้พัฒนาแล้วครับ เรียกแทนตัวเองว่าทอย จริงๆ ก็ไม่อยากเรียกหรอกครับ มันจั๊กจี้แปลกๆ แต่ทำไรไม่ได้ครับ โดนพี่หมีหน้าโหดบังคับ
ดูเหมือนคำตอบของผมจะไม่ค่อยเข้าหูพี่แกเท่าไหร่หน้าถึกได้หงิกยิ่งกว่าเดิม “ห้าทุ่มแล้ว ยังจะออกไปอีก”
ผมถึงได้หน้าหงิกบ้าง “ก็ทอยอยากกินนี่ อีกอย่างทอยก็ปั่นไปซื้อเอง ไม่ได้ใช้พี่กานต์ซะหน่อย” ก็คนมันอยากกินนี่หว่า จะให้ทำยังไง
“ฝนจะตกแล้ว”
“ไปแปปเดียวไม่ตกหรอก ขี่จักรยานผมก็ซิ่งได้นะ” ทำไม ผมไม่ขี่มอเตอร์ไซต์? คำตอบคือผมชอบปั่นจักรยานมากกว่า
“พี่ไปเอง ทอยขึ้นไปนอนไป” ไม่ว่าเปล่าดึงตัวผมออกส่วนตัวเองก็ขึ้นคร่อมจักรยานเอง
ผมเลิกหน้าหงิกทันใดเมื่อมีคนอาสาไปแทน “งั้นซื้อขนมมาด้วยนะ พี่ มันจะหมดตู้แล้ว เออ ข้าวเช้ายังไม่มี พี่ซื้อไข่ลวกออนเซ็นมาด้วยสักฟองสองฟอง จะได้ไว้กินตอนเช้า”
พี่กานต์มองผมเซ็งมากแต่ก็ยอมตอบอือๆ ออๆ ในลำคอ
แบบนี้สิเขาถึงได้เรียกสุภาพบุรุษครับ ชายไทยควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ฮ่าๆ
“จะแดกอะไรนักหนา แดกไปก็ไม่โต”
อื้อหือ สุภาพบุรุษกลายเป็นคนเถื่อนละครับ
“คือมันหมดตู้เย็นก็เพราะพี่ปะวะ พอผมกินพี่ก็แย่ง พอผมซื้อพี่ก็ห้าม จะให้ผมอดอาหารตายคาบ้านพี่รึไง”
อ้อ ลืมบอกไปอย่าง ผมย้ายข้าวของหนีตามผู้ชายแล้วครับ
หมับ
อีกละ พี่กานต์แม่งเอาอีกละ คือตอนนี้ผมเริ่มชินละกับอาการปุปปัปแบบนี้ของพี่แก ผมถูกพี่กานต์ดึงตัวเข้าหาพี่แกแล้วก็โดนเอ่อ.. จูบจนขาสองข้างยืนอยู่ไม่อยู่
“วันหลังอย่าทำหน้างอใส่พี่ ที่ไม่อยากให้ไปเพราะเดี๋ยวจะไปตากฝน”
พี่กานต์พูดเสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ ข้างหูผม ลมหายใจที่กระทบคอทำผมจั๊กจี้มาก
“อือ”
เชื่องมากครับน้องทอย ว่านอนสอนง่ายมาก อีกสักพักคงขอมือได้
“ขึ้นห้องไปก่อนไป เดี๋ยวพี่มา”
“อือ”
เหี้ย นี่จูบหรือโดนมอม ทำไมผมถึงได้เบลอขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีมานอนตากแอร์กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงละ
ครืนนนนนนนน
อื้อหือ พี่กานต์ของผมคงไม่รอดแน่ๆ
ผมลงมานั่งรอข้างล่างจนเกือบหลับ พี่กานต์ก็กลับมาครับ สภาพเหมือนไปเล่นสงกรานต์แล้วเขาไม่ให้กลับครับ ตัวเปียกปอน เสื้อผ้าแนบโครงร่างเผยให้เห็นมัดกล้ามแน่นๆ คุณ ต้องมาดูมันแน่นจริง ผมไม่ได้บรรยายเกินจริงเลยจริงๆ พี่กานต์เป็นคนร่างใหญ่และมีงานอดิเรกคือการออกกำลังกายทั้งนอกบ้านในบ้านแล้วก็บนเตียง(?) ครับ
“เอาไป”
พี่กานต์ยื่นถุงให้ผมแล้วสางผมเปียกๆ ของตัวเองอย่างหงุดหงิด
“ขอบคุณครับ พี่กานต์กินกับทอยไหม ซื้อมาตั้งเยอะ”
แต่ผมหาได้สนใจอารมณ์พี่แกไม่ ผมสนใจอาหารมากกว่าครับ พี่กานต์ซื้อมาเยอะมากเลยซึ่งก็น่าจะประชดผมนั่นแหละครับ
“กินเถอะ จะได้อ้วนกว่านี้” พี่กานต์ยีหัวผมจนยุ่งแล้วก็ก้าวอาดๆ ไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำอีกรอบ
เอาจริงๆ ผมก็แอบรู้สึกผิดนะเนี่ย
เหมือนฟ้ามีตา วันต่อมาพี่กานต์เป็นไข้ครับ นอนแอ่กอยู่บนเตียงตั้งแต่เช้าจนตอนนี้เกือบเที่ยงยังไม่ตื่นเลยครับ ผมเลยทำหน้าที่เป็นแฟนที่ดีด้วยการ ปรนนิบัติรับใช้พี่กานต์ครับ ตั้งแต่เช็ดตัว ตกใจงู วัดไข้ หาผ้าบิดหมาดๆ มาแปะหัว ปรับแอร์ กระชับผ้าห่ม หรืออะไรก็ตาม ที่ควรจะปฏิบัติกับคนป่วยอ่ะครับ
ผมนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้มองพี่กานต์ คือผมก็ไม่ว่างหรอกแต่ก็เป็นห่วงพี่แกอ่ะ ถึงผมจะทำสิ่งที่ควรไปแล้วก็เถอะ ว่าแต่เหมือนมีบางอย่างที่ผมลืมไป อืมม ขอผมนึกแปปนึงครับ
... ให้อาหารปลานรกครับ! ไม่สิ ไม่ นรกแค่แซนด์วิชแฮม ส่วนปิรันย่าไม่นรกครับ อย่าเพิ่งสงสัยว่าปิรันย่าอะไร ปิรันย่าคือปลาทองสีขาวน่ารักมากตัวเท่าฝ่ามือซึ่งผมก็เพิ่งไปสอยมาเลี้ยงครับ เอามาเลี้ยงคู่กับพี่กานต์
ทำไมผมถึงตั้งชื่อว่าปิรันย่า? ก็เพราะอยากให้มันแดกอีแซนด์วิชแฮมสักวันครับ คือหมั่นไส้มันอ่ะ พี่กานต์รักมันมากแต่มันเกลียดผมมาก เวลาผมเดินไปตู้ปลาในระยะไม่เกินหนึ่งเมตร อีแซนด์วิชแฮมจะแสดงอิทธิฤทธิ์ของมันด้วยการตีน้ำแรงมากจนกระเด็กใส่ผมจนตัวเปียกและคาว
“วันนี้แหละ กูจะแค้นมึง” ผมพูดใส่แซนด์วิชแฮมที่ใช้ตาเหลือกๆ มองผม มันว่ายส่ายไปส่ายมาเหมือนหงุดหงิดที่ผมเป็นคนให้อาหารไม่ใช่พ่อมัน “พ่อมึงหลับตายอยู่บนเตียง ตอนนี้ไม่มีใครสามารถช่วยมึงได้ ฮ่าๆๆ”
ผมหยิบที่ช้อนปลามาครับ เตรียมจะใช้มันไล่จับแซนด์วิชแฮมในตู้ปลา คือต้องเข้าใจว่ามันเป็นปลา ผมนึกวิธีแก้แค้นมันไม่ค่อยออก ที่นึกออกก็คือเอามาปิ้งแดกแม่งเลย จบ ซึ่งถ้าทำจริง ศพผมไม่สวยแน่นอน
“อุ้ย ปิรันย่า เข้ากระต็อบสิลูก จะออกมาทำไม” ผมพูดนิ่มๆ สีหน้าอ่อนโยนเมื่อปิรันย่าโผล่หน้ามาหาพ่อมันบ้างซึ่งก็คือผม มันมีนิสัยที่ผมประทับใจคือรักกระต็อบสีชมพูที่ผมให้ มันชอบไปว่ายเล่นในนั้น แค่นี้ผมก็ปลาบปลื้มละ
จ๋อม
เสียงอะไรให้ทาย เสียงอีแซนด์วิชแฮมมาตีน้ำใส่ผมไงครับ!! ผมผวาหลบ นี่ขนาดอยู่ในตู้ปลามึงยังขนาดนี้ถ้าเกิดไปอยู่ในแม่น้ำมึงไม่ไล่แดกจระเข้เลยเหรอ
ไม่เป็นไร วันนี้พ่อมึงหลับตาย วันนี้แหละวันของทอย
ฟอด
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ดีๆ ถูกหอมแก้มดังฟอด ที่ช้อนปลาในมือถูกแย่งชิงไปอย่างรวดเร็ว
“จะให้อาหารปลาทำไมหยิบที่ช้อนปลา”
พ่อมึงนี่เหมือนมีญาณทิพย์ พอลูกมีเรื่องพ่อมาทันที แล้วดูอีแซนด์วิชแฮมตอนนี้ ว่ายดุ๊กดิ๊กๆ น่ารักหยอกล้อกับปิรันย่า ปลาตอแหล ฮือๆ นี่มันปลาสตอเบอร์รี่
“..เมื่อกี้เหมือนเห็นแมลงตกลงไป ทอยก็เลยจะตัก”
“โกหก”
ลมหายใจที่อุ่นร้อนผิดปกติจากพิษไข้พ่นรดต้นคอผม มือหนาๆ กอดผมจนร่างผมฝังลึกเข้าไปในร่างคนป่วย
“ทอยแกล้งแซนด์วิชแฮมพี่อีกแล้ว” มืออุ่นที่ค่อนไปทางร้อนสอดมือเข้ามาในเสื้อยืดของผมและลูบหน้าท้องผมไปมา ผมพยายามดึงออกแต่ก็ไม่ได้ผล แรงมนุษย์ไม่สามารถเอาชนะแรงหมีได้
“ก็ปลาพี่มันกวนตีนผมอ่ะ มีที่ไหนมาตีน้ำใส่ผมทุกรอบที่เห็นหน้า”
“ก็อย่าไปใกล้มัน” พี่กานต์เหมือนตอบส่งๆ ไม่ได้ใส่ใจนัก ดูจะสนใจกับการสำรวจหาพลังงานซิกแพ็กจากหน้าท้องของผม “ที่กินไปหายไปไหนหมด หือ?”
ซึ่งยิ่งลูบผมก็รู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ
“หิวเปล่า พี่กานต์ เดี๋ยวผมทำโจ๊กให้กิน”
นาทีนี้อันตรายมากครับ คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหมีโหดหื่นด้านหลังผมนี้จะหื่นตอนไหน ทางที่ดีที่สุดสำหรับผมคือพยายามเบี่ยงเบนความสนใจพี่แกขณะที่แกะมือออกจากตัว
“อยากกินทอย”
นั่นไง กูว่าละ คำนี้ต้องมา
“ไม่ได้พี่ ไม่สบาย เดี๋ยวผมติดหวัดพี่” เอาจริงๆ แค่หวัดผมไม่กลัวหรอก เบๆ มาก
“อย่าแกล้งแซนด์วิชแฮมสิ”
น่าเสียดายที่พี่กานต์แม่งไม่ฟังผมเลย ดูเหมือนพอพี่แกป่วยแล้วจะง้องแง้งมาก พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
“ไม่ต้องอิจฉาแซนด์วิชแฮม ยังไงพี่ก็รักทอยมากกว่าอยู่แล้ว” พูดไม่พอซุกหน้ากับคอผมจนรู้สึกถึงหนวดสากๆ ที่ทิ่มคอ
ผมเขินว่ะ
“ปะๆ พี่กานต์กินโจ๊ก”
“..อืม”
อืม ก็ปล่อยผมสิครับ จะกอดไว้ทำไมเนี่ย
ฟอด
“เลียผมด้วยเลยไหมครับ พี่กานต์ ถ้าจะกอดจะหอมผมขนาดนี้”
คือหอมแก้มผมอีกแล้วอ่ะ ข้างเดิมด้วย
“หึ ไม่แกล้งละๆ ไปทำโจ๊กไป”
ในที่สุดพี่หมีก็ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ ผมรีบหนีลงไปห้องครัวทันทีเผื่อพี่แกจะเปลี่ยนใจแกล้งผมต่อด้วยการกินผมจริงๆ
สักพักใหญ่ๆ ผมก็กลับมาในห้องนอนพร้อมโจ๊กสองถ้วยใส่ไข่ออนเซ็นหน้าตาน่ารับประทาน ถ้าเชฟภัตตาคารมาเห็นคงต้องกราบกรานให้ผมไปเป็นเชฟด้วย
เห็นไหมแค่บรรยายก็น่ากินแล้ว รอดูหน้าพี่กานต์ตอนกินได้เลย รับแรงแสงพุ่งออกจากปากเหมือนในการ์ตูนแน่นอน
“อ้าว” ผมเผลอร้องออกมาเบาๆ เมื่อหมีกลับไปนอนจำศีลบนเตียงอย่างสงบ หรือว่าพี่กานต์เป็นไข้สูง? ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วงพี่แกเลยเอาหลังมืออังหน้าผาก ก็พบว่ามันยังอุ่นๆ ร้อนๆ เหมือนเดิม เสมือนผมไม่ได้ทำหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้พี่กานต์เลย
ไม่ ผมทำแล้ว สาบานได้ ดูกางเกงบอลพี่กานต์ได้เลย อันนี้ผมเปลี่ยนให้เพราะอันเก่าผมเผลอทำน้ำที่จะเอามาชุบผ้าหกใส่เต็มๆ
ผมลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง เอื้อมมือไปเขย่าร่างพี่กานต์เตรียมป้อนโจ๊ก
“..อืม ทอยกินไปก่อน.. เดี๋ยวพี่ตื่นมากินเอง” พี่กานต์ตอบผมงัวเงียแล้วพลิกตัวหันหลังให้ผม
ผมหน้าบูด อะไรวะ คนอุตสาห์จะป้อน ผมไม่ย้อท้อเขย่าตัวพี่กานต์อีก
“ฮื่อออ”
เหี้ย หมีคำราม! ผมชะงักกึกเลยครับ เสียงพี่กานต์น่ากลัวมาก
“แต่พี่ยังไม่กินอะไรเลยนะ นี่จะเที่ยงแล้วด้วย” ผมตอบเสียงหงอยๆ เอาจริงๆ ก็หงอยแหละ
พี่กานต์นิ่งไปสักพักก็ยอมยันตัวขึ้นมานั่งเกาหัวแกรกๆ หาวหวอด “... ก็ได้วะ” ทำท่าจะหยิบโจ๊กที่วางบนโต๊ะไปกินเองแต่ช้ากว่าผมครับ ผมแย่งถ้วยมาได้ทัน
พี่หมีหน้างอยิ่งกว่าเดิมมองผมไม่พูดอะไร
“พี่ไม่สบาย เดี๋ยวผมป้อนพี่เอง”
สีหน้าพี่กานต์ดีขึ้นเยอะ มองผมจนผมรู้สึกเขินแปลกๆ “ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้เป็นง่อยซะหน่อย ทอย”
เจอคำว่าง่อยหายเขินเลย จริงๆ แหม่ นี่หมีหรืออะไรครับ หาความโรแมนติกนุ่มนวลไม่เจอเลยจริงๆ
“ฟู่ๆ อ้าปากครับ อ้ำๆ” เอาดิ ผมตักแล้วเป่าแล้ว เหลือแต่งับกินแล้วครับ
“วันนี้จะหมดถ้วยไหม” พี่กานต์บ่นแต่ก็ยอมงับกิน
“หมดดิ ผมทำอร่อย”
พี่กานต์ไม่ชม ผมชมตัวเองก็ได้
“แค่เทซองใส่หม้อแล้วก็ต้มเนี่ยนะ”
“งั้นก็กินเองไปแล้วกันครับ ผมไม่ป้อนละ” พูดเหมือนมานั่งต้มข้างๆ ผมเลย เบื่อ ก็จริงแหละ ผมเทซองต้ม มันก็อร่อยเหมือนกันนี่
“ป้อนหน่อย” พี่กานต์ยื่นหน้ามาหาผมช้อนตามองซึ่งก็ไม่ได้น่ารักตรงไหนเลย แต่ไม่รู้ทำไมมือผมมันไม่รักดีตักโจ๊กขึ้นมาเป่าแล้วไปป้อนพี่แกวะ
นังทอย แกมันใจง่าย
“ไว้พี่หายป่วย จะพาไปซื้อตำราอาหารแล้วกัน”
หมายความว่าไงวะ ผมถลึงตามองพี่กานต์
“ทอยจะได้ทำอาหารได้หลายอย่างไง”
จะหาผมโม้ก็ได้ แต่ผมว่าผมรู้ว่ะว่าพี่แกคิดอะไรอยู่ พี่กานต์แม่งไม่อยากเมียที่ทำได้แต่โจ๊กก็บอก “พี่กานต์ มาม่าผมก็ทำเป็นนะ พี่อย่ามาดูถูกผม”
ทำไมพูดไปพูดมาแล้วรู้สึกอนาถตัวเองวะ เออยอมรับก็ได้ว่า ผมทำอาหารไม่ค่อยเก่ง เวลาจะช่วยแม่ทำก็โดนแม่ไล่ออกจากครัว ชีวิตรันทดมาก
“..อืม โจ๊กนี่ก็อร่อยดี”
หน้าตอนพูดรอบนี้จริงใจครับ ให้อภัยได้ ผมเลยรู้สึกดีขึ้นมาบ้างนิดหน่อย พี่กานต์เหมือนจะรู้ตัวว่าพูดไม่เข้าหูผมก็เลยงับกินเอาๆ อย่างว่าง่ายจนหมดถ้วย
“พี่นอนได้ยัง” พี่กานต์ถามทั้งๆ ที่หาวหวอด ตาจะปิด
“เช็ดตัวก่อนไหม พี่ยังตัวร้อนอยู่เลย”
ทำไมคุยไปคุยมาเหมือนผมเป็นนางพยาบาลเลยวะ ผมถามพี่กานต์ซื่อๆ ซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ของพี่กานต์
“เอาสิ”
“ผมเปลี่ยนใจละ พี่นอนก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมมาเช็ดตัวให้ทีหลัง”
เช็ดๆ ไปงูตื่นทำไงครับ ดูหน้าหมีด้วย
พี่กานต์ไหวไหล่ยิ้มๆ เหมือนรู้อยู่แล้วว่าผมจะตอบแบบนี้ เสร็จแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง สลบไสลไปทันที
ส่วนผมน่ะเหรอ ก็ต้องยกเอาถ้วยไปล้างแล้วก็กลับมาดูแลคนป่วยสิครับ เฮ้อ รู้งี้ผมออกไปซื้อเองดีกว่า ยังไงเป็นคนป่วยก็สบายกว่าการดูแลหมีอยู่แล้ว
จริงไหมครับ?
===========
ตอนพิเศษหมดสต็อกแล้ว