15:30 น.“นายหลับทั้งวันเลย” เสียงไอ้เด่นแว่วอยู่ไม่ไกล น่าจะอยู่ที่ปลายเตียง ตั้งแต่ถูกพาตัวออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้ผมก็ยิงยาวเป็นระยะ ๆ ต้านทานไม่ไหว ร่างกายอย่างกับถูกวางยาสลบ
“จะเป็นไรไหมนะ...” ไอ้เด่นกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“นายดวงดียิ่งกว่ามึงรวมกันสิบตัวอีก เงียบ ๆ เหอะน่า เดี๋ยวนายก็ตื่นหรอก” ไอ้เข้มว่าปราม แต่ผมรู้สึกว่าเสียงของมันจะดังกว่าน้องชายซะอีก
“ตั้งแต่เราอยู่กับนายมา นายไม่เคยพลาดจัง ๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ มึงไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ” ไอ้เด่นพูด
“กูบอกให้เงียบไง” ไอ้เข้มดุ
“ดุกูอยู่ได้” ฝั่งน้องชายบ่นอุบคล้ายงอน
“เป็นไง เสื้อผ้าโอเคไหม” หงส์ถาม เสียงฝีเท้าของเธอเดินเข้ามาทำให้รู้ว่าเธอเพิ่งมาถึง ผมจึงจำเป็นต้องรีบทำเป็นเพิ่งแกล้งตื่น หากไม่ทำผมคงได้ยินอะไรดี ๆ เพิ่มเติมขึ้นแน่ หงส์มันระดับปากดีตัวแม่เลยนะครับ
“อ่าว ตื่นแล้วเหรอ” หงส์รีบเดินเข้าหา
“ดีขึ้นไหม” เธอถาม
“ก็ดี” ผมตอบ
“นี่มึงตั้งใจวางยาสลบกูใช่ไหม” ผมบ่น หมดแรงจะขยับตัวแล้ว อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด
“กินยาเพื่อให้พักก็ถือโอกาสพักไปสิ จะฝืนทำไม” หงส์ว่า
“แล้ว...สมุทรล่ะ” ผมถามถึง ไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายตั้งแต่ที่ปู่หาญกลับออกไปแล้ว
“กำลังเตรียมทำกับข้าวอยู่ครับ” ไอ้เข้มตอบ พวกมันสองคนนั่งพับเสื้อผ้ากันอยู่ที่ปลายเตียง ไอ้เข้มที่นั่งหันข้างอยู่แอบชำเลืองมองหงส์เล็กน้อยอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พอมันรู้ตัวว่าผมมองอยู่ มันไม่แม้แต่จะหันมาสบตาผมด้วยซ้ำก็ก้มหน้าก้มตาหนีไป
“แล้วนั่นอะไร ?” ผมสงสัย
“เสื้อผ้าลูกน้องกูเอง ให้ใส่แก้ขัดกันไปก่อน พรุ่งนี้เช้ากูว่าง เดี๋ยวว่าจะพาไปซื้อในเมือง” หงส์ตอบ
“กูจะอาบน้ำได้เมื่อไหร่” ผมถาม รู้สึกอึดอัดและขยะแขยงอะไรหลาย ๆ อย่าง
“ให้แผลมันติดกันสนิทก่อนเถอะพ่อคุณค่อยมาพูด” หงส์แทบตะคอก
“มึงขึ้นเสียงทำเหี้ยไรเนี้ย” ผมว่า
“มึงพูดกับกูไพเราะมากเลยค่ะ กินเข้าไป!” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ยื่นแก้วน้ำเปล่ามาจ่อที่ปากแกมบังคับ ผมเลยขยับหัวขึ้นดูดน้ำเปล่ามากิน
“ออกไปก่อน” ผมปัดมือไล่พวกมัน
“ครับ” ไอ้เข้มกับไอ้เด่นผงกหัว วางมือจากกองผ้าก่อนออกไปและปิดประตูห้องนอนมิดชิด
“ลูกน้องมึงบอกว่าจะขอจัดการเรื่องกับข้าวกันเอง”
“อือ ให้พวกกูทำกันเองดีกว่า มีคนพอทำเป็นอยู่น่ะ จะได้ไม่ลำบากคนของมึง” ผมพูด แม่บ้านของหงส์ต้องรับผิดชอบคนในบ้านรวมไปถึงคนงานทั้งหมด เรียกว่างานยักษ์ทีเดียวและผมไม่ต้องการเป็นภาระด้วย
“อยากได้อะไรเพิ่มไหม”
“ยืมลานฝึกให้พวกมันหน่อย” ผมขออนุญาตเพื่อขอใช้ลานกีฬาที่บ้านหงส์ที่โดยปกติมีไว้ให้ส่วนรวมที่นี่ได้ใช้ เป็นลานกีฬาง่าย ๆ ที่ปู่หาญให้คนงานช่วยกันสร้าง อุปกรณ์เป็นของทั่วไปที่นำมาประยุกต์ใช้ได้นะครับ บางอย่างที่ประยุกต์ได้จึงไม่จำเป็นต้องซื้อหาในราคาแพง
“ตามสบาย” เธอยักไหล่
“มีล้อรถสิบล้อสักล้อสองล้อไหม หรือไม่ก็ยางรถยนต์ก็ได้ แต่ถ้ามีทั้งสองอย่างที่กูพูดนี่ก็เตรียมไว้ให้ด้วยก็แล้วกัน” ผมสั่ง
“ได้” หงส์รับคำ
“ล้อรถยนต์ปกติกูเอาไว้ฝึกหมานะ ถือไหมละ” เธอย้อนถามตาใส
“ถือทำไมให้หนัก” ผมกวนกลับ หงส์หัวเราะ
“นี่มึงกะไม่ให้พวกมันได้พักเลยเหรอ”
“มานอนอยู่บ้านมึงนี่ก็เหมือนได้พักตากอากาศแล้ว ไม่รู้ว่าต้องอยู่นานแค่ไหนด้วย” ผมพูด
“พวกมันไม่ได้ออกแรงสิจะครั่นเนื้อครั่นตัว” ผมอมยิ้ม
“แต่ราวไต่เชือกยังไม่ได้ซ่อมเลยนะ เสียมาเป็นเดือนละ ช่วงนี้คนงานเข้าไร่ ต้องลงผลผลิตเลยไม่มีใครว่างเลย”
“เดี๋ยวกูให้พวกมันซ่อมให้” ผมพูด
“โอเค” หงส์พยักหน้ายิ้ม ๆ
“มีข่าวอะไรไหม” ผมถามถึง
“ไม่นี่” หงส์ตอบ เราต่างเงียบลงครู่หนึ่ง
“ทีวีไม่ออกข่าวอะไรเลย ?” ผมอมยิ้มสงสัย
“อืมฮึ” เธอยักไหล่ยืนยันคำเดิม
“เจ๋งนี่” ผมพ่นหัวเราะ
“งานใหญ่เหรอ” หงส์อมยิ้ม
“ก็ประมาณนั้น” ผมตอบ
“ไปทำยังไงให้ถูกยิงวะ ดวงมึงนี่ท่าจะเกิดมาเพื่อทำเรื่องพวกนี้ว่ะกูว่า ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เฮ้อ!”
“แต่รอบนี้แม่งทรมานฉิบหายเลยว่ะ” ผมอดออกปากบ่นไม่ได้
“กระสุนฝังลึกซะขนาดนั้น รอดก็ดีนักหนาแล้ว ไหนกูต้องทำเรื่องมึงแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีก เสียประวัติหมอดีเด่นอย่างกูหมด” หงส์บ่น
“หมอดีเด่น ?” ผมเบะปาก รู้สึกคันหูที่ได้ยิน
“แล้วนั่น...เด็กใหม่น่ะ ลูกลุงยอดเหรอ” อยู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนเรื่องคล้ายว่าเพิ่งนึกขึ้นได้ ผมพยักหน้าตอบ
“ดูดีนี่ ท่าทางเป็นคนปกติ แต่ก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ซะทีเดียวอะนะ หึ ๆ” เธอพูดปนหัวเราะ ผมยิ้มรับฟัง คิดไม่ต่างจากเธอนักจึงไม่อยากเอ่ยปากอะไร
“กูว่ามึงเลิกเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงได้แล้วไฟ” หงส์พูดพลางถอนหายใจ
“ลูกน้องมึงอย่างกับโจรห้าร้อย มึงพูดได้ด้วยเหรอ วันหลังคัดหน้าตาบ้างสิวะ” ผมย้อนว่าไปถึงลูกน้องของเธอ หงส์อมยิ้มเหมือนไม่รู้จะเอาอะไรมาปฏิเสธ
“มึงเป็นหมอที่ซื่อสัตย์ต่อคนไข้และทำไร่ แล้วงั้นกูกับพี่ธานกลายเป็นอะไรดีถ้าต้องวางมือจากวงการมวยที่มีแต่พวกเสี่ย ๆ ในคราบมาเฟีย ?” ผมจ้องมองเธอเชิงขอความคิดเห็น หงส์ถึงกับนั่งนิ่ง
“ช่วงนี้กูตั้งใจว่าจะรับคนสวนเพิ่มอยู่นะ” อีกฝ่ายกวนตอบหน้าตาเฉย
“ส้นตีน!” ผมด่า หงส์หัวเราะ
“หึ มึงเป็นเจ้าของฟาร์มออร์แกนิคที่มีปืนลูกซองซ่อนอยู่ใต้เตียง แล้วให้ร็อตไวเลอร์นอนเฝ้าหน้าห้องนอนทุกคืนเนี้ยนะ” ผมประชดถึงนิสัยของเธอที่ผมเดาได้เลยว่าปัจจุบันนี้ก็คงยังไม่เปลี่ยนไป
“ป้องกันตัว” หงส์แทรก
“กูก็เหมือนกัน” ผมสวนทันที เราสบตากันและนิ่งลงได้
เหตุผลเราเหมือนกัน เราไม่ต้องการให้คนมีอำนาจมารังแกกับอาชีพที่เรารัก เราปกป้องงานของเรา ปกป้องคนของเรา เรามีกำลังที่จะปกป้องตัวเอง เพราะที่ที่เราอยู่มันเป็นแบบนี้ เราถึงต้องเรียนรู้และปรับตัวพุ่งเข้าใส่ กระทั่งการทำไร่ทำสวนก็ยังต้องปะทะกับคนไม่เข้าท่าที่คิดแต่จะเอารัดเอาเปรียบคนอื่นที่ได้ดีกว่า
“ตอนแรกกูก็คิด ๆ อยู่เหมือนกันนะว่าจะลองขายทาร์ตไข่ดูอะนะ” ผมพูดขึ้นติดตลกเพื่อเปลี่ยนหัวข้อไป
“เห็นพายุเคยไปเข้าคอร์สเรียนที่ฮ่องกงมา แต่เดี๋ยวนี้คนหันมาขายทาร์ตไข่กันทั่วบ้านทั่วเมือง กูเลยพับโครงการไปก่อน” ผมพูด
“หึ” อีกฝ่ายพ่นหัวเราะ
“เฮ้อ! เอาเถอะ ตามใจมึง กูก็แค่เตือน” หงส์ตัดบท
“กูจะมาถามว่ามึงจะให้พยาบาลมาเฝ้าที่นี่ไหม มึงก็จะช่วยตัวเองลำบากแบบนี้ไปอีกหลายวัน อยู่นี่ต้องมีคนนอนเฝ้าด้วย แต่คนสวย ๆ มีผัวหมดแล้วนะ ที่นี่มีผัวกันเร็วมากจนกูงงไปหมด..เสียใจด้วยละกัน ส่วนผู้ชายแบบที่มึงชอบจับอ้าขาน่ะก็พอมีอยู่บ้าง แต่กูเองก็ไม่อยากเสียความเคารพ แล้วไม่รู้ว่ามึงต้องการเก็บเป็นความลับแค่ไหน เลยมาสอบถามก่อนน่ะค่ะ” หงส์ทำหน้าเอือมระอา ผมยิ้มกว้างกับสีหน้าของเธอเพราะมันตลกดี
“ช่วยอะไรหน่อยสิ” ผมนึกขึ้นได้ เหล่ตามองสำรวจพื้นที่บนเตียงของตัวเองที่ช่างกว้างขวาง
“เมื่อคืนใครนอนเฝ้ากู” ผมถาม
“ลูกน้องมึงอยู่กันครบ!” หงส์กระแทกเสียง
“สภาพเหมือนหมาพันธุ์ใหญ่ที่พร้อมจะแดกทุกคน พวกมันไม่ไว้ใจใครเลย คนของกูเข้ามาใกล้มึงนิดเดียว พากันจ้องตาเขม็งแทบแดก” หงส์พูดคล้ายต่อว่า เราต่างหัวเราะเพราะพอจะนึกภาพตามออก
“มึงช่วยสั่งให้สมุทรนอนเฝ้ากู บนเตียงนี่เลย พูดยังไงก็ได้ให้เป็นธรรมชาติ” ผมกระดิกนิ้วขวาลงบนเตียงประกอบให้เพื่อนรัก คิดว่ามันทำตามให้ได้แน่ หงส์เงียบทันที สายตาเหล่มองมาอย่างรู้ทันในความหมาย
“ไอ้สมภาร นี่มึงคิดจะกินลูกน้องตัวเองเหรอ”
“เออ ก็กูอยากกิน มึงจะให้กูกินมึงแทนรึไง” ผมว่า
“ชิ” หงส์แสยะปาก รับไม่ได้หนักกว่าเก่า
“กูจริงจัง” ผมพูด เบือนหน้ากลับมา
“หมายความว่าไง” เธอซักด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“หมายความว่า...ถ้ามึงคิดจะแดกคนนี้ลับหลังกู กูจะจับมึงทำเมียครับ ครีเอทไหมละ” ผมฉีกยิ้ม
“เอาจริงดิ” หงส์อ้าปากเหวอ คงไม่ได้ตกใจกับคำพูดท้ายประโยคของผมแต่น่าจะตกใจที่ผมพูดอย่างจริงจังมากกว่าละมัง
“ชอบอีกฝ่ายตรงไหนวะ ?” หงส์ขมวดคิ้วสงสัย
“หัวนมสวยดี พูดถึงก็คันลิ้นเลยเนี่ย” ผมตอบปัดส่ง ๆ
“ไอ้สัส” เธอด่า ผมหัวเราะเพราะตั้งใจอยากให้ถูกด่าอยู่แล้ว
“ส่วนมึง..ถ้าเหงา เดี๋ยวกูยกไอ้เข้มให้” ผมยักคิ้วพลางแสยะยิ้ม
“อย่าเสือกยิ้มแบบนี้นะ!” หงส์โวยวาย เอื้อมมือมาทำท่าจะตีปากผมแต่คงได้สติว่าผมเป็นคนป่วยอยู่เธอถึงชักมือกลับไปอย่างหงุดหงิด
“ใครจะเอา!” เธอเชิดหน้า
“จ้า” ผมยิ้มกว้าง จะหัวเราะก็อยากแต่ไม่สามารถทำได้ ไอ้เหี้ย..
ระบม“นี่มึงยังไม่คบใครอีกเหรอวะ” ผมถาม รู้สึกมีพวกพ้องอยู่ลึก ๆ ว่าตัวเองไม่ได้เพี้ยนอยู่คนเดียว
“ไม่มีอะ ใครจะมาชอบคนแบบกู” หงส์ตอบพร้อมยักไหล่ ผมเหล่ตากวาดมองเพื่อนสมัยเด็กที่ตัดพ้อตัวเองทั้งที่จัดว่าเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบ
“ยิ้มอะไร ห่า” เธอว่าอย่างเก้อเขิน
“แล้วไอ้พวกที่คอยลากหางเทียวมาจีบมึงล่ะ”
“แบบนั้นกูไม่นับ” หงส์แสยะปากรับไม่ได้
“งั้นมึงก็ลด ๆ ไอ้นิสัยไม่แคร์ผู้ชายลงหน่อยสิ ผู้ชายมันไม่ค่อยชอบหรอก ..แต่กูชอบอะนะ” ผมพูด ชักเริ่มสับสนในตัวเองว่ากำลังจะแนะนำให้เธอเปลี่ยนตัวเองหรือไม่ควรเปลี่ยนดี
“ก็กูเป็นของกูอย่างนี้ ทำไมกูจะต้องแก้ไขตัวกูเองเพื่อใครด้วย กูมีความสุขของกูอยู่แล้ว ที่เป็นอยู่ไม่ได้เบียดเบียนใครสักหน่อย ไม่ใช่ว่าพอไม่มีคนรักแล้วกูจะเหี่ยวเฉาตายซะที่ไหนละ” หงส์ย้อนซะยาวเหมือนอัดอั้นในคำแนะนำจากผม
“เสียดายหุ่นน่า” ผมเหลือบมองหุ่นของเธออย่างสบายตา หงส์จัดว่าเป็นผู้หญิงที่หุ่นดีและเป็นแบบที่ผมชอบ เอวคอด สะโพกผายกำลังสวย ก้นงอนแน่นสุด ๆ หน้าอกก็ได้รูปด้วย
เนื้อตัวเต่งตึงแน่นไปหมดทุกส่วน“ไอ้ไฟ! มองอะไร!” เจ้าของร่างกายขึ้นเสียงปรามทำท่าจะเข้ามาตบผมอีกรอบ
“กูป่วย!” ผมยืนยันสถานะ
“อึ้ย! มึงนี่มันจริง ๆ เลย!” หงส์กัดฟันแน่น มือค้างไว้กลางอากาศ
“มึงมองกูแบบเมื่อกี้นี้อีกกูจะฟ้องปู่”
“ก็ลองฟ้องดูสิ ปู่ยิ่งอยากให้กูมาขอมึงอยู่ด้วย มึงได้กูเป็นผัวสมใจแน่” ผมยิ้มตาวาวท้าทาย หงส์เม้มปากสนิททันทีที่ได้ยิน ทั้งที่นิสัยเราเข้ากันได้เป็นอย่างดี เราชอบนิสัยของกันและกันมาก อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ ไว้ใจซึ่งกันและกัน ไม่เคยมีสักครั้งที่เราหักหลังกัน ร่างกายและหน้าตาก็จัดว่าถูกสเปก แต่น่าแปลก ทำไมเราสองคนถึงไม่เคยรักกันฉันท์ชู้สาวได้เลยก็ไม่ทราบ แม้จะหลงใหลในร่างกายอีกฝ่าย แต่เคมีที่จะทำให้คิดอกุศลมันไม่ปรากฏขึ้นในทำนองนั้นเลย
เคมีสินะ ? ในตัวของคนเรามันต้องมีเคมีสักอย่างที่บรรจุอยู่เพื่อมองหาสัญญาณของคนที่มีเคมีนั้นตรงกันแน่
“แต่มึงมาได้จังหวะพอดี ช่วงนี้ไอ้ลูกผู้ว่านั่นคอยตามก้นกูตลอดเลย โคตรน่ารำคาญ ทำอย่างกับกูเป็นง่อยงั้นอะ” หงส์ถอนหายใจแรง
“ปู่ก็ชอบเหรอ” ผมถาม เพราะปกติหากไม่ถูกชะตาปู่หาญจะไม่ให้เข้าใกล้
“ไม่เชิง มันมือสะอาดแล้วก็ดูซื่อ ๆ น่ะ ปู่เสนอข้อดีให้กูว่ากูข่มมันได้แน่นอน เดี๋ยวนี้แกเปลี่ยนทัศนคติไปนิดหน่อย เพราะว่าอยากเห็นกูมีผัวก่อนแกตาย” หงส์ตอบเสียงแข็ง
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะลั่นอย่างอดไม่ไหว
“มึงก็รู้ว่าไอ้เข้มมันแอบมองมึงมาตลอด” ผมพูดตรง
เป็นการเปิดประเด็นอย่างจริงจังกับเราเป็นครั้งแรก หงส์เงียบสนิททันที ผมคิดว่าหงส์รู้สึกได้ ผมเองก็รู้สึกได้ เราปิดปากเงียบไม่เคยพูดเรื่องนี้กันมาก่อน ต่างทำเป็นแสร้งไม่รู้ไม่เห็น และเป็นการแสดงให้ไอ้เข้มรับรู้อยู่ลึก ๆ ว่าผมไม่อนุญาตให้มันเข้ามาแตะต้องเธอได้อีกด้วย ณ ตอนนี้ที่ผมกล้าเปิดปาก เพราะว่าไอ้เข้มเลยจุดที่ผมไม่ไว้ใจมานานมากแล้ว พฤติกรรมที่ไม่ต้องคอยจับตาดูและเป็นลูกน้องที่มีความประพฤติดีไม่ทำให้ผมต้องเป็นห่วง ถ้าจะมองว่ามันไม่เหมาะสมกับหงส์ก็คงมีเรื่องของฐานะ ครอบครัวและการเป็นลูกน้องผมเท่านั้น หงส์เป็นผู้หญิงและมีการศึกษาที่ดี เป็นนายหญิงใหญ่ของไร่นี้ ถ้าไอ้เข้มเป็นพี่ธานผมคงพูดง่ายกว่านี้มาก และคงได้ออกปากกับปู่หาญอย่างแน่วแน่ว่าต้องการขอเธอให้กับพี่ธาน แต่ในสถานะของไอ้เข้มค่อนข้างพูดยากอยู่นิดหน่อย
“มึงก็สนใจมันเหมือนกันใช่ไหมละ” ผมพูด ดูออกมาตลอด หงส์ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรหรอกนะครับแต่ผมก็แค่รับรู้ได้ในจุดที่แปลกกว่าปกติ
“มันก็ดีอะ แต่ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น” หงส์ยอมรับตรง ๆ
“อีกอย่าง...มันไม่เห็นแสดงท่าทีอะไร แล้วทำไมกูต้องสนก่อนด้วยล่ะ”
“ก็มึงเป็นเพื่อนกู มันจะกล้าเข้าหาไหมละ แล้วรายนั้นน่ะนะ มันสนเรื่องผู้หญิงที่ไหน วัน ๆ ทำงานแล้วเก็บแต่เงิน” ผมพูดปนหัวเราะ
“นี่กูเป็นห่วงมือมันมากเลยนะมึงรู้ไหม มันต้องชักว่าวทุกคืนแน่ ๆ” ผมกะพริบตาปริบ ๆ
“ไอ้ไฟ มึงแม่ง” หงส์หลุดยิ้มกว้าง
“แต่...ผู้ชายขยันทำมาหากินนี่ดี๊ดีเนอะ” หงส์เล่นเสียงทำหน้าทะเล้นกลบเกลื่อน ผมอมยิ้มและมองเธอเฉย ๆ โดยไม่คิดสมทบ
“ก็กูรับไม่ได้นี่หว่า!” อยู่ดี ๆ หงส์ก็กลับลำ ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา
“ถ้ามีแค่นิดเดียวที่อีกฝ่ายเอาเปรียบกูเมื่อไหร่ กูจะมีความรู้สึกรับไม่ได้ทันที มันคงเป็นสิ่งที่กูพกติดตัวมาตั้งแต่ชาติก่อน มันแก้ไม่หาย กูก็เลยไม่อยากเปิดรับคนที่กูชอบให้เข้ามาในชีวิต พอไอ้คนที่ไม่ชอบ ไม่เอาเปรียบกูเลย กูก็ดันรู้สึกเหมือนกูเป็นง่อย” หงส์บ่นเซ็ง ๆ
“หึ ๆ ๆ” ผมหัวเราะ
“กูก็รู้อะนะว่าหุ่นกูดีมาก! ถึงไม่แต่งหน้ากูก็ยังสวยสุด ๆ ตอนที่เห็นหมาน้ำลายย้อยก็สนุกไปอีกแบบ”
“มั่นใจตัวเองจนน่าถีบนะมึงน่ะ” ผมสบถ
“ก็ไม่ต่างจากมึงมั้ง!” หงส์กระแทกเสียงตาโต เรายิ้มกับมุกปัญญาอ่อนของเราเอง
“ไอ้เข้มมันซื่อบื้อเรื่องนี้ ถ้ามึงไม่เป็นฝ่ายเข้าหามันก่อน มันก็ไม่กล้าหรอก” ผมบอก
“ถ้ามันปอดแหกขนาดนั้นก็เรื่องของมันสิ” หงส์ว่า
“ปอดแหกเกินมึงก็ไม่ชอบ แมน ๆ มามึงก็ไม่เอา บ่น..แมนเกิน! นี่มึงขอเทวดารึไง” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“เออ มีผัวเป็นเทวดาก็ท่าจะดีนะ ทำได้ไหมละ ?” หงส์เลิกตาโตกวนตอบ
“อีควาย” ผมด่าซะเลย หงส์หัวเราะชอบใจ
“แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่ากูเจอแล้ว..แบบนั้นที่มึงพูดน่ะ” ผมยักคิ้วแสยะยิ้มให้ หงส์เบะปากด้วยท่าทางหมันไส้ คิดไปคิดมาแล้วผมกับหงส์อาจชอบอะไรที่แตกต่างจากตัวเราก็ได้
“เขาเอามึงรึเปล่า ถุย!” หงส์สบถ
“มึงนี่มัน...” ผมกัดฟันด้วยนึกหมันไส้ เธอหัวเราะลั่น
“ทุกวันนี้มึงก็ยังซิงเหรอวะ” ผมถามตาใสด้วยความอยากรู้อยากเห็น หาเรื่องจะเอาคืนอีกฝ่าย
“สาบานได้ว่าคราวหน้ากูจะไม่ลืมกรรไกรไว้ในท้องมึงสักอันสองอัน” หงส์หุบยิ้มทันที
“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมยิ้มกว้าง
“เฮ้อ!” อีกฝ่ายถอนหายใจ เราจ้องตากันพร้อมเงียบลง
“ท่าจะไม่เจอกันนานไปมั้ง พูดมากกันฉิบหาย” เธอบ่น ผมไม่ปฏิเสธเพราะก็รู้สึกเหมือนอย่างที่เธอว่า
“ช่วงนี้กินได้แต่ข้าวต้มนะ ผักต้มที่ย่อยง่าย ๆ สักอาทิตย์นึง ได้ใช่ไหม”
“ได้” ผมตอบ คิดว่าไม่น่าจะใช่ปัญหา
“กูจะขยับตัวได้ปกติเมื่อไหร่ แบบว่า..ทำโน่นทำนี่น่ะ แล้วนี่กูก็ต้องหยุดออกกำลังกายพักใหญ่เลยสินะ” ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ
“นอนนิ่ง ๆ ไปก่อนสักสามวัน บ่นมากจริง บางคนเขาอยากพักอยากนอนก็ทำไม่ได้ มึงรวยแล้วก็ลองนอนทำตัวเป็นผักเน่า ๆ ไปบ้างเถอะ!” เธอบ่นเสียงดัง
“มึงบ่นมากกว่ากูอีก” ผมว่า อีกฝ่ายหัวเราะแล้วลุกขึ้นยืน
“ไปทำงานก่อนนะ พักผ่อนซะละ”
“อืม..ขอบใจ คุณงานสุตจริต” ผมแซว
- - - - - - - - - - - - - - -