19
เมื่อไหร่จะเป็นแฟน
‘Meungnam Charming Boy ได้เปลี่ยนชื่อเพจเป็น Meungnam’s Diary’
Meungnam’s Diary
Yesterday, 19:34 น.
เปลี่ยนชื่อเพจต้อนรับสัปดาห์ใหม่ อย่าเพิ่งงงกันนะครับ เมืองเอง~
ไม่ค่อยได้คุยกันเลย เป็นยังไงกันบ้าง เล่าให้เมืองฟังหน่อยนะ มาแชร์กัน เดี๋ยวเมืองจะกลับมาอ่าน
เมืองน้ำ <3
คิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตเมืองน้ำ
คำตอบอาจเป็นเรื่องครอบครัว แต่พอเอาเข้าจริง ตอบไม่ได้หรอกว่าเป็นเรื่องไหน เพราะแต่ละช่วงเจอเรื่องราวไม่เหมือนกัน ดังนั้นคำตอบจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ที่พบเจอ
หนึ่งเดือนก่อนเป็นเรื่องพ่อแม่หย่าร้าง ตอนที่พวกท่านวางปลายปากกาบนกระดาษ และตวัดไปมาเพื่อเขียนลายเซ็นลงในใบสำคัญการหย่า แม้ไม่มีน้ำตา ไม่รู้สึกอยากร้องไห้ แต่หัวใจก็อัดแน่นเหมือนลูกโป่งที่กำลังจะแตก ไม่อยากมองก็ต้องมอง เมืองน้ำอยากจะย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ว่ายากแค่ไหนก็ต้องผ่านไปให้ได้
หลังจากวันนั้นบาดแผลก็ค่อยๆ หายดี ความเจ็บปวดที่เคยมีค่อยๆ ลดน้อยลง
เมืองน้ำสัญญากับพ่อว่าจะไปหาอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ไม่ให้พ่อรู้สึกว่าการที่เลือกมาอยู่กับแม่ เท่ากับตัดขาดความเป็นพ่อลูก ตัวท่านเองก็สัญญาว่าจะไม่งี่เง่าและเอาแต่ใจแบบที่ผ่านมา ความคิดแย่ๆ ที่เคยมี จะพยายามปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น และท่านก็ทำให้รู้สึกได้
แล้วมันจะผ่านไป ตอนนี้คงต้องพูดว่า ‘และแล้วทุกอย่างก็ผ่านมาด้วยดี’ มั้ยนะ
ตอนนี้ยังไม่มีสิ่งที่รู้สึกว่าผ่านไปได้ยาก จะมีก็แต่น้องชายข้างบ้านที่เข้ามารบกวนใจทุกวันอย่างร้อยเอกนี่แหละ
“กว่าจะลงมา ต้นไม้เหี่ยวตายหมดละ”
พอจบปัญหา ร้อยเอกก็กลับเข้าสู่โหมดเดิมนั่นคือโหมดคู่กัดจอมกวนประสาท ขยับความสัมพันธ์ขึ้นมาอีกหน่อยด้วยการเป็นคนคุย แต่อย่าคิดนะว่าพอเป็นคนคุยกันแล้วจะมีโมเมนต์โรแมนติกแบบในนิยาย
“ถ้าผมไม่มาคอยรดน้ำ ใครจะมาทำให้พี่เมือง อ้อ ไม่มีหรอก มีผมคนเดียวที่ดูแลพี่เมืองดี๊ดี”
หมั่นไส้การบ่นพร้อมๆ กับชงเข้าตัวเองชะมัด ทำหน้าที่คนชงแทนมาวินตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
ทำให้อยากทุบด้วยกำปั้น แล้วก็ทำให้หวั่นไหวในเวลาเดียวกัน อะไรแบบนี้ไม่น่าจะเรียกว่าโรแมนติกอย่างเต็มปากหรอกมั้ง
“เป็นอะไรล่ะ หน้าบึ้งเชียว”
“เพิ่งตื่น ง่วงอ่ะ”
“ก็พี่เมืองนอนน้อยเอง ช่วยไม่ได้”
“ร้อยเอก”
“อะไร”
“ปากหมาแต่เช้าเลยนะ”
ริมฝีปากที่บิดเบี้ยวจนไม่เป็นรูปทรง กับแววตาคาดโทษสร้างรอยยิ้มเล็กๆ ให้คนตัวสูง จะพูดก็พูดเถอะ ร้อยเอกชอบเวลาเมืองน้ำด่าเขาหลังถูกกวนประสาทที่สุดแล้ว รู้สึกโรคจิตไปหน่อย แต่ชอบมากจริงๆ
“ไม่เช้าแล้วป้ะ ดูนาฬิกาบ้านใครถึงคิดว่าเช้า”
“เพิ่งสิบโมงเอง”
“สายแล้วครับคุณ เช้าสำหรับผมมีถึงแค่เก้าโมงแค่นั้นแหละ”
“เหนื่อย ไม่อยากคุยด้วยละ”
“ไม่อยากคุยก็อย่ายิ้มดิ ถ้ายิ้มแปลว่าอยากคุยนะรู้ป้ะ”
“โอ๊ยๆๆๆ ไม่อยากได้ยินเสียงแมงหวี่”
นี่ไง ชอบสุดๆ เลยว่ะเมืองน้ำพยายามไม่สนใจเขา หันไปหาต้นไม้บนชั้นวางที่สูงแค่เอวแล้วรดน้ำด้วยฝักบัวที่ถือติดมือมาด้วยต่อ ร้อยเอกที่ลากสายยางมาพรมน้ำให้ต้นไม้ของคนตัวนุ่มคลายแรงกดตรงหัวฉีด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าตัว แล้วกลับเข้ามาในโรงปลูกของตัวเอง
ถ้ามองไม่ผิด ใบหูขาวจัดกำลังระบายด้วยสีแดงจางๆ ใช่มั้ยนะ
เมืองน้ำกำลังเขินเหรอ หลายเดือนก่อนยังทะเลาะกันตรงนี้อยู่เลย เขาเองก็แกล้งฉีดน้ำใส่จนเห็นไปถึงไหนต่อไหน มาวันนี้กลับเขินใส่เขาซะแล้ว ให้ตายเถอะ...ไม่มีใครน่าเอ็นดูเท่าลูกหมาของร้อยเอกแล้วทุกคน ไม่มีจริงๆ
ร้อยเอกทำป้ายไวนิลคำว่า ‘พี่เมืองน่ารัก!!!’ ไปติดไว้หน้าหมู่บ้านดีหรือเปล่า หรือจะเอา ‘ไม่มีใครน่ารักเท่าพี่เมือง’ ดีล่ะ
ตลก...
“ยิ้มอะไรอ่ะ”
ตลกความคิดตัวเอง ตลกที่พอได้ยินเสียงน่าฟัง ก็ดันหลุดขำโดยไม่มีสาเหตุ
“เป็นบ้าเหรอ”
เออนะ สงสัยร้อยเอกจะบ้าจริงๆ
“ยิ้มจนแก้มจะแตกแล้ว”
“เว่อร์ว่ะ”
“อยู่กับร้อยบ่อยๆ ก็งี้แหละ ติดความเว่อร์จากร้อยเอกมา”
“มันจะติดต่อกันทางไหนเนี่ยพี่เมือง ทางปากรึไง”
“…”
“จริงสิ น่าจะทางปากแหละ เพราะจูบกันบ๊อยบ่อย”ไม่เห็นหรอกว่าเมืองน้ำทำสีหน้ายังไง แต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสีแดงที่ปรากฏอยู่ตรงใบหูกำลังกระจายไปทั่วพวงแก้ม
ร้อยเอกหันไปมองคนที่ห่างกันแค่รั้วกั้น และยิ้มพอใจเมื่อสิ่งที่เขาคิดเป็นความจริง
แดงกว่านี้ก็ลูกตำลึงแล้ว พูดจริงๆ ไม่ได้โม้
“เสร็จแล้ว...พี่ขึ้นบ้านก่อนนะ ว่าจะไปนอนต่อ”
“เขินแล้วหนีทุกที”
“ไม่ได้เขินสักหน่อย”
“อย่าโกหกตัวเองสิพี่เมือง”
“พี่…"
เวลาเมืองน้ำเขินมากจะมีอาการอยู่สองอย่าง หนึ่งคือหน้าแดงหูแดง สองคือทำอะไรไม่ถูก แน่นอนว่าประโยคที่ขาดหายเพราะนึกคำพูดไม่ทันคือส่วนหนึ่งในอาการที่เมืองน้ำเป็น
เพราะแบบนี้ ร้อยเอกถึงอยากจะแกล้งบ่อยๆ นอกจากชอบโดนด่า ยังชอบเห็นคนตัวเล็กเขินมากอีกด้วย
“ว่าไง สรุปจะพูดว่าอะไรครับ”
“พี่...ง่วง! จะขึ้นห้องแล้วนะ”
“ให้ผมไปนอนกล่อมมั้ย”
“ไม่!”
ร้อยเอกขำออกมาเบาๆ กับการเทน้ำใส่ต้นไม้จนหมด แล้วกอดฝักบัวเดินขึ้นบ้าน รีบวิ่งไปไหน เดี๋ยวก็สะดุดล้มอีกหรอก
ร้อยเอกม้วนสายยางเป็นวงกลมเพื่อนำไปวางในที่ที่ใช้จัดเก็บ หลังจากนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการอ่านหนังสือ อีกไม่กี่อึดใจจะถึงช่วงสอบปลายภาค เขาไม่แน่ใจว่าจะสอบเสร็จตรงกับเมืองน้ำหรือเปล่า เรื่องที่รู้อยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้นคือเทอมหน้าจะไม่มีเวลาเจอเมืองน้ำบ่อยๆ เหมือนตอนนี้
ถึงจะฝึกในบริษัทของพ่อก็เถอะ แต่แผนกที่อยู่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับส่วนที่พ่อดูแลโดยตรงเลยสักนิด จะใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นลูกเจ้าของไปหาเมืองน้ำในเวลาทำงานติดกันหลายครั้งก็คงจะดูไม่ดี แถมเทอมหน้ายังเป็นเทอมที่เรียนหนักมากซะด้วย
แค่คิดก็เวียนหัว ข้ามไปตอนเรียนจบทั้งคู่เลยได้มั้ย
พอถึงเวลานั้นพี่เมืองก็คงทำงานอะไรสักอย่างอยู่ในวงการบันเทิง ส่วนร้อยเอก...คงเริ่มลงทุนธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตรตามที่เคยฝันไว้
หวังว่าเราจะเติบโตไปพร้อมกัน เป็นคู่กัดกันไปเรื่อยๆ นะ
Marvin :
ที่กูบอกให้ทำ มึงทำรึยังไอ้ร้อย
ร้อยเอกทิ้งกายลงบนเตียงเมื่อกลับขึ้นมาบนบ้าน พลิกกายไปยังห้องนอนฝั่งตรงข้ามที่ร่นม่านปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่งขณะเปิดอ่านข้อความเพื่อนรักที่เด้งแจ้งเตือนไปด้วย ตรงปลายเตียงมีบางอย่างขยับเคลื่อนไหวอยู่ใต้ผ้าห่ม เขามองเห็นไม่ชัด แต่รู้ว่านั่นคือปลายเท้าของเจ้าของห้อง เมืองน้ำคงหลับไปแล้ว เพราะถ้าไม่ คงรูดม่านเก็บจนหมด
ไม่ใช่ความแปลกใหม่กับภาพในห้องนอนที่เห็นมาตลอด หลายๆ อย่างยังเหมือนเดิม เขายังชอบมองความเป็นไปในห้องเมืองน้ำผ่านพื้นที่ตรงนี้ ยังเปิดฟังเพลง I like me better บ่อยๆ เพราะชอบความหมายที่เหมือนตัวเขาเวลานึกถึงเมืองน้ำ ยังไปเรียน เล่นเกม ไปเที่ยว ยังใช้ชีวิตในรูปแบบที่เคยเป็น
สิ่งที่เปลี่ยนคือความรู้สึก ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ ยิ่งอยู่ด้วยกัน ยิ่งได้เรียนรู้ว่าเมืองน้ำเป็นยังไง
ยิ่งเรียนรู้ก็ยิ่งชัดเจนในความรู้สึก ถ้าวันหนึ่งไม่มีคนคนนี้อยู่ในชีวิต ต่อให้ดูหนังตลกเป็นพันเรื่องก็คงหัวเราะไม่ออก
101 :
ยัง
Marvin :
ไอ้เวร!
อยากด่ามึงอีกแล้ว
แม่ง เมื่อไหร่มึงจะขอพี่เมืองเป็นแฟน
มึงรอใครมาตัดริบบิ้นเหรอ
101 :
ไม่ด่ากูสักวันสงสัยจะขาดใจตายเลยมั้ง
จะรีบขอไปไหนวะ
คุยไปเรื่อยๆ ก็ดีแล้วป้ะ
Marvin :
เหรอ ก็ดีเหรอ
ใครน้าาา มาปรึกษากูเรื่องพี่เมืองมีคู่จิ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ระวังเหอะ คนอื่นจะเอาไปแดก
คู่จิ้นที่มาวินหมายถึงมันเริ่มมาจากเมืองน้ำถูกเรียกตัวให้ไปแคสติ้งซีรีส์อีกรอบ ครั้งนี้เป็นซีรีส์เรื่องใหม่ แนวสยองขวัญที่พ่อการันตีว่าถ้าเมืองน้ำเอาบทอยู่จะดังเป็นพลุแตก
เมืองน้ำเป็นตัวเต็งในบรรดาคนแคสติ้งทั้งหมด เริ่มเวิร์กช็อปปีหน้า ตรงกับช่วงที่ลูกหมาของเขาฝึกงานจบพอดี ระหว่างนี้ ถ้าผ่านจะให้เรียนการแสดงพร้อมกับทุกคนที่ได้รับเลือกไปก่อน
ทั้งที่ไม่ใช่ซีรีส์แนวคู่จิ้น แต่พอภาพแคสติ้งถูกปล่อยลงอินเทอร์เน็ต เมืองน้ำดันถูกจับจิ้นกับนักแสดงอีกคนจนได้
หลายคนก็รู้นะว่าเมืองน้ำคุยอยู่กับเขา เจ้าตัวโพสต์นั่นโพสต์นี่ในไอจีแล้วแท็กมาบ่อยๆ ตัวเขาเอง ก็มีบางรูปที่แท็กเมืองน้ำไปเหมือนกัน แต่ก็ยังถูกจิ้นจนแท็กติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ร้อยเอกถึงกับมึนไปเลย
101 :
ก็แค่คู่จิ้นแหละวะ
กูต่างหากตัวจริง
เหอะ
Marvin :
แหม่ะ ผมสัมผัสถึงความหัวร้อนได้เลยนะครับกัปตัน
ตัวจงตัวจริงอะไรของมึง ตัวจริงที่ยังไม่ใช่แฟนอ่ะนะ
101 :
เออ ไม่ใช่แฟนแต่ก็เป็นตัวจริงไงวะ
Marvin :
ไอ้เวร ไม่ใช่แฟนแล้วเป็นตัวจริงตรงไหน
ถ้ามึงไม่ใช่แฟน พี่เมืองก็มีสิทธิ์เปลี่ยนใจได้ป้ะ
101 :
มึงแช่งกูเหรอ
Marvin :
ถ้ามึงคิดว่ากูแช่งมึงก็บล็อกกูเลยจ้าา
วันนี้มึงจะไปซื้อของกับพี่เมืองหนิ งั้นก็ขอซะสิ ให้มันจบๆ ไป
101 :
ขอตอนเดินเลือกผงชูรสอยู่ในห้างอ่ะนะ
ไม่โรแมนติกเลยมึง
Marvin :
จริงๆ เรื่องของมึงกับพี่เมืองมันก็ไม่ได้เริ่มจากความโรแมนติกมั้ยวะ
แม่งเป็นรูปเป็นร่างจากแรงชงของกูทั้งนั้น
อย่าให้เสียชื่อเรือร้อยเมืองที่มีกูลงเรืออยู่คนเดียว ไม่ต้องเขิน
แล้วก็คิดเอาแล้วกัน
จะทนหึงพี่เมืองกับคู่จิ้นต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อะไรเลย
กับเป็นแฟนแล้วใช้สิทธิ์หวงพี่เมืองได้เต็มที่ อันไหนจะคุ้มกว่ากัน
101 :
อันที่สอง
Marvin :
เออไง เพราะงั้นก็ลุยเลยเว้ยพ่อหนุ่ม
กูรอฉลองเพราะเพื่อนสละโสดอยู่นะ
จะลุยยังไงไหว จะขอทีไรกลายเป็นร้อยเอกขี้ป๊อดทุกที
สารภาพเลยว่าตอนพรีเซนต์งานยังไม่กลัวคำตอบเท่าเรื่องขอเมืองน้ำเป็นแฟน ไม่รู้สิ...จะบอกว่าร้อยเอกคิดมากไปเองก็ได้ แต่ความสัมพันธ์ของเรามันเพิ่งเริ่มต้น เขาไม่อยากรีบร้อน ถึงจะใจตรงกัน แต่เพิ่งคุยกันจริงๆ จังๆ ได้แค่เดือนเดียวเอง
ถ้าพี่เมืองยังไม่อยากคบกันล่ะ ถ้าพี่เมืองรู้สึกว่ามันเร็วเกินกว่าจะขยับเส้นความสัมพันธ์ขึ้นไปอีกขั้น ร้อยเอกไม่หงอยไปเป็นเดือนๆ เลยเหรอ
เรื่องคู่จิ้น...เขาเข้าใจว่าเป็นการตลาดอย่างหนึ่งที่จะเรียกกระแสจากคนดูได้ พ่อไม่เคยบอกให้นักแสดงเซอร์วิส และไม่เคยเข้าไปยุ่งกับการจับคู่ของคนดู พ่อคิดว่าเป็นเรื่องดีถ้าได้เรตติ้งจากตรงนี้ เลยปล่อยผ่านมาตลอด
เพราะพ่อปล่อยผ่านนั่นแหละ ร้อยเอกถึงหงุดหงิดทุกครั้งที่เปิดเฟซบุ๊กเข้าไปเจอคนชงเมืองน้ำกับนักแสดงคนนั้น จะสั่งห้ามไม่ให้ใครจิ้นก็ไม่ได้ จะบอกให้พี่เมืองเลิกยุ่งก็ไม่ใช่เรื่อง ทุกคนต้องทำงาน ทำได้มากสุดแค่หึงและหวงไปวันๆ เท่านั้นล่ะ
แค่คิดก็เวียนหัว เปลี่ยนจากติดป้ายเรื่องความน่ารักของพี่เมือง เป็นซื้อโฆษณาในเน็ตเพื่อบอกว่าพี่เมืองเป็นของเขาดีมั้ย
ไม่ดีหรอก...หยุดเว่อร์ได้แล้วร้อยเอก
สงบสติอารมณ์ แล้วกลับมาคิดเรื่องขอเมืองน้ำเป็นแฟนสักที
(⺣◡⺣)♡*
หมอนั่นชื่อสอง ลุคแบดบอย บ้านรวยมาก เรียนปีสี่ คนละมหา’ลัย และคนละคณะกับเมืองน้ำ ตอนมัธยมปลายเคยเรียนพิเศษที่เดียวกัน พอกลับมาเจอกันอีกครั้งก็เหมือนเพื่อนเก่ารำลึกความหลัง ร้อยเอกเคยคุยอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนไปรับคนโตกว่าที่บริษัทพ่อ เป็นประโยคทั่วไป แต่ก็สัมผัสได้ว่าสองไม่ได้แบดบอยอย่างที่เห็น
ดูเป็นมิตร และไม่ก้าวก่ายเมืองน้ำ มั่นใจว่าสองมองออกว่าเมืองน้ำคุยอยู่กับเขา เลยมีกำแพงบางอย่างที่คั่นไว้ เว้นระยะไม่ให้เกินงามจนตัวจริงอย่างเขารู้สึกไม่ดี เพราะระยะที่เว้นไว้นี่แหละ คนถึงฟินเพราะอยากให้ทั้งสองคนสนิทกันกว่านี้
คำที่เห็นคนพูดกันบ่อยๆ คือแตกต่างอย่างลงตัว
เออ เอาเข้าไป ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ไม่มีใครชอบคู่ร้อยเมืองนอกจากมาวินเพื่อนรักแล้วเหรอ
ไม่เป็นไร ถ้าเรื่องมันมาทางนี้ ร้อยเอกชอบคู่ตัวเองก็ได้
เหอะ...
“อันนี้มั้ย”
“ครับ อันนี้แหละ”
ร้อยเอกหลุดจากภวังค์ เอ่ยตอบเสียงเรียบ ขณะที่มือเล็กๆ หยิบผงปรุงรสยี่ห้อที่เขาให้เมืองน้ำหัดเลือกของเข้าครัวใส่ลงในรถเข็น เมืองน้ำเดินนำไปอีกสามก้าว ไล่สายตามองของบนเชลฟ์สลับกับโพยกระดาษในมือ
พี่เมืองเคยบอกว่ามีเขาแค่คนเดียวก็สบายไปทั้งชีวิต แต่พักหลังเจ้าตัวเริ่มอยากลองเข้าครัวดูบ้าง ทุกครั้งที่มาซื้อของในห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ก็เลยให้พี่เมืองหัดเลือกวัตถุดิบจำเป็น เก็บไว้ทำเมนูง่ายๆ เวลาอยู่บ้านคนเดียว
“ผงปรุงรสนี่ทำได้หลายอย่างเลยใช่มั้ย”
“ใช่ หลายอย่างเลย ต้มผัดแกงทอดตามคำโฆษณาไง เวลาทำไข่เจียวก็ใส่ได้นะ ผมว่าอร่อยดี”
“ใส่อย่างเดียวมันจะอร่อยเหรอร้อย”
“อร่อย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่เมืองจะใส่เยอะแค่ไหน ถ้าไม่มั่นใจก็ใส่ซอสหอยนางรมเพิ่มได้นะ ไม่รู้บ้านอื่นทำไข่เจียวสูตรเดียวกันมั้ย แต่บ้านผมใช้สูตรนี้”
“โอเค งั้นพี่เอาซอสหอยนางรมไปด้วยดีกว่า”
“เอาขวดเล็กก็พอนะ เปลืองตังค์”
“ครับคุณพ่อ~”
จะทำตัวน่าบีบกลางแผนกซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้นะเมืองน้ำ
อยากโดนจับฟัดอีกหรือไง สงสัยจะไม่เข็ด
“หนังเข้าโรงกี่โมงอ่ะร้อย” คนเสียงใสมองเขาตาแป๋ว น่ารักโคตรๆ
“อีกสองชั่วโมง เลือกของไปก่อนก็ได้นะ เสร็จแล้วก็เอาของไปเก็บที่รถ แล้วค่อยดูหนังกัน”
มีหลายเรื่องที่เราความเห็นไม่ตรงกัน ชอบต่างกัน และเถียงกันบ่อยๆ ตามประสาคู่กัด เรายังรักษามาตรฐานของคำนี้ได้ดี ถึงจะเป็นคู่กัดเสินเจิ้นมาตั้งนานแล้วก็เถอะ แต่สิ่งที่ชอบเหมือนกันและไปด้วยกันได้ ก็คงเป็นเรื่องดูหนัง
ทุกครั้งที่พาเมืองน้ำมาเลือกของ หากคนตัวเล็กมีเวลาว่างจากงานตัดคลิปอย่างเช่นวันนี้ ก็จะอยู่ต่อเพื่อหาหนังดูสักเรื่อง
ขอเมืองน้ำเป็นแฟนตอนดูหนังดีมั้ยนะ
แต่ว่า...ร้อยเอกเคยขอเมืองน้ำจูบตอนหนังกำลังฉาย โดนฟาดด้วยมือไม่พอ ตอนออกจากโรงยังโดนบ่นว่ารบกวนสมาธิในการดูเพิ่มอีกด้วย
จูบก็ไม่ได้จูบ แถมยังเจ็บตัวอีก งั้นไม่ดีกว่า
“คิดอะไรอยู่อ่ะ เหม่อสองรอบแล้วนะ”
กำลังจะเถียงว่าไม่จริง แต่พอทบทวนดู สิ่งที่เมืองน้ำพูดมาก็เป็นเรื่องที่เถียงไม่ออก ร้อยเอกทำแค่ยิ้มแห้งๆ ส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับดันรถเข็นตามคนตัวเล็กไปเท่านั้น
“ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย”
“จริงอ่ะ”
“จริ๊ง”
เสียงสูงขนาดนี้ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว แต่ก็ขอบคุณที่เมืองน้ำยอมเป็นคนบ้าให้เขา
“นี่พี่เมืองต้องไปเทสต์หน้ากล้องอีกวันไหนนะ”
“คิดเรื่องพี่เหรอ”
ให้ตาย...
“เรื่องพี่กับสอง”
เหมือนโดนยิงยังไงไม่รู้
“ครับ นิดหน่อย”
เมืองน้ำหยุดก้าวเท้า วางความสนใจจากของบนเชลฟ์ เดินเข้าหาคนตัวสูงที่ดูแล้วคงไม่ใช่นิดหน่อยอย่างที่พูด
ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ เราคุยกันทุกวัน ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าร้อยเอกไม่ค่อยโอเคที่มีคนจับคู่ให้เมืองน้ำกับเพื่อนเก่าที่กลับมาเจอกันอีกครั้งอย่างสอง แสดงอาการทั้งในแชท ทั้งต่อหน้าเลยนะ อย่างนี้เรียกว่าหึงชัดๆ
“ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิน้องเอก”
“เกลียดพี่เมืองว่ะ”
เมืองน้ำอมยิ้มกับคนที่ไม่ว่าจะยังไงก็จะไม่มีทางชอบสรรพนามน่ารักๆ ที่ตนเรียก ยกมือขึ้นบีบแก้มขาวเบาๆ ก่อนจะดึงไปมาจนอีกคนเบี่ยงตัวหนี
“ผ่านมาตั้งหลายอาทิตย์แล้ว เลิกหึงได้แล้วน่า”
“ใครหึง บ้าเหรอ ไม่มี”
“โกหกไม่เนียนเลยเนอะ”
“ผมไม่ได้โกหกนะ”
“เหรอๆๆ”
“หมั่นไส้ว่ะ”
ใบหน้าหงิกงอของร้อยเอก กำลังทำให้เมืองน้ำยิ้มกว้าง คนตัวเล็กเดินกลับมาที่เดิม ปล่อยให้คนขี้หึงสงบสติอารมณ์ เท่าที่เคยคุยกับสองมา รายนั้นก็มีคนของตัวเองอยู่แล้ว ดูไม่อะไรกับกระแสในโลกออนไลน์เท่าไหร่ แรกๆ อาจจะมีตกใจบ้าง แต่ก็แค่ช่วงแรกเท่านั้นล่ะ
ร้อยเอกก็คงอยู่ในช่วงที่ยังไม่ชิน ต้องให้เวลาน้องสักน่อยแหละนะ
“เลือกของครบแล้ว ไปจ่ายเงินกัน”
“อืม”
“โอ้โห เย็นชาเว่อร์”
“อะไร ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่เมืองอย่าชวนทะเลาะดิ”
“พี่ก็ไม่ได้ชวนทะเลาะซะหน่อย แค่แซวเล่นเฉยๆ”
“เหรอ”
“แน่น้อนนน”
“เดี๋ยวบีบปากเลย เดี๋ยวเหอะ”
แต่หึงบ่อยๆ ก็ดีไปอีกแบบ ตอนร้อยเอกหึงเนี่ย กลายเป็นน้องเอกตัวน้อยๆ ขึ้นมาเชียว แล้วแบบนี้จะเลิกเรียกน้องเอกได้ยังไง
เป็นน้องเอกหนึ่งครั้ง ก็ต้องเป็นน้องเอกตลอดไป ใช่เลย ประโยคนี้เหมาะกับร้อยเอกที่สุดแล้ว
“ยิ้มอะไร แก้มจะแตกแล้ว”
“ยิ้มเพราะคนขี้หึง”
“พี่เมือง!”
สำหรับเมืองน้ำ...ไม่มีใครน่ารักและตรงใจเท่าน้องเอกแล้วล่ะ(⺣◡⺣)♡*
สุดท้ายก็ไม่ได้ขอ แถมเนื้อหาหนังก็เอื่อยจนร้อยเอกผล็อยหลับในโรงหนัง เหลือเมืองน้ำที่ตั้งใจดูและตีความสิ่งที่หนังต้องการจะสื่ออยู่คนเดียว
ตรงนี้ล่ะมั้งที่ต่างกัน ร้อยเอกไม่ชอบอะไรที่ซับซ้อน ส่วนอีกคน จะทำความเข้าใจกับความซับซ้อนที่เจอให้มากที่สุด ตลอดทางกลับบ้านเลยมีแต่ภาพที่คนตัวเล็กเปิดอ่านกระทู้วิเคราะห์หนังในพันทิป
จริงจังอะไรเบอร์นั้น กลับถึงบ้านก็ยังอ่านไม่เลิก กว่าจะหยุดก็ตอนที่โดนเรียกให้มาเอาของออกจากถุง แล้วนำไปจัดในครัวนู่นเลย
เมืองน้ำลองทำอาหารให้เขากิน แต่แค่เมนูง่ายๆ อย่างไข่เจียวยังไม่รอด กลิ่นไหม้ฟุ้งเสียทั่วบ้าน ลอยไปไกลถึงบ้านของเขาจนแม่ต้องเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นในครัว ท่านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนเห็นว่าเมืองน้ำทอดไข่ไหม้ บอกให้เขากับคนตัวเล็กทำความสะอาดให้เรียบร้อย เมื่อถึงเวลามื้อเย็นก็ให้ไปกินด้วยกันที่บ้าน
“เอาน่า รอบหน้าแก้มือใหม่ เดี๋ยวผมสอน”
พอเจอความผิดพลาด หมาน้อยหัดเข้าครัวก็หูลู่หางตกไปเลย ถอนหายใจใส่ร้อยเอกที่นอนหนุนตักนุ่มๆ อยู่บนโซฟา ริมฝีปากนุ่มบิดเบี้ยวอย่างขัดใจ ก่อนใบหน้าน่ารักจะส่ายไปมาเพราะถูกมือหนายกขึ้นบีบแก้ม
ทำเหมือนตอนโดนบีบในห้างนั่นแหละ แต่ทำไมถึงน่าเอ็นดูกว่าก็ไม่รู้
“อย่าแกล้งดิ”
“หายหน้างอก่อน”
“หายแล้ววว”
“ไหนยิ้มให้ดูหน่อย”
ได้รับคำสั่งแล้วคนผิวขาวก็ยิ้มยิงฟัน เล่นเอาร้อยเอกกลั้นเสียงหัวเราะไม่ไหว
เหมือนโดนประชดแปลกๆ แต่ถ้าทำให้เมืองน้ำค่อยๆ อารมณ์ดีได้ ก็โอเค
“เก่งมากครับเก่งมาก”
“หยุดยิ้มเลยร้อย”
ร้อยเอกยิ้มอยู่เหรอ ก็คงใช่...ไม่ทันสังเกตตัวเองเลยแฮะ
“ง้วงง่วง ผมอยากนอนจัง” พูดพลางลดมือลงมาจับมือนุ่มวางไว้บนอกตัวเอง
“ทำไมขี้อ้อนจังอ่ะวันนี้ มีอะไรรึเปล่า หรือว่า...ร้อยอยากได้อะไร”
ร้อยเอกเพิ่งอ้อนตอนที่มานั่งเล่นนอนเล่นบนโซฟานี่เองนะ ไม่ใช่ทั้งวัน พี่เมืองของใครเนี่ย ขี้เว่อร์เหมือนกันไม่มีผิด
“ก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากอ้อนเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”
“จริงอ่ะ ก็ปกติไม่อ้อนพี่เลยนะ”
“เอ๊า คนเรามันก็ต้องมีโมเมนต์นี้บ้างป้ะ จะให้ผมแข็งทื่อตลอดเลยก็ไม่ใช่”
“แต่ปกติร้อยก็ไม่ได้แข็งทื่อ”
“แล้วร้อยเป็นแบบไหน”
“ไม่รู้ แต่ไม่ได้อ้อนขนาดนี้ไง”
ขำอีกแล้ว เมืองน้ำเป็นเรื่องตลกของร้อยเอกหรือไง พูดนิดก็อมยิ้ม พูดหน่อยก็ขำ น่าหมั่นไส้เป็นบ้า
“ว่าไง ตกลงที่อ้อนนี่จะเอาอะไร”
“เปล่า ไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ ร้อยอยากอ้อนเฉยๆ”
“ไม่เชื่อๆๆ ร้อยเอกไม่มีทางอ้อนเฉยๆ แน่นอน”
“ไม่มีจริงๆ”
“พี่ก็ไม่เชื่อจริงๆ”
“พี่เมือง”
ลอยหน้าลอยตานัก ถ้าไม่ติดว่าใกล้ถึงเวลามื้อเย็นที่แม่บอก ร้อยเอกสัญญาว่าจะจับเมืองน้ำเข้ามาฟัดแรงๆ เอาให้มีรอยเต็มคอจนต้องกลบด้วยคอลซีลเลอร์เหมือนที่เคยทำไปเลย
เขาไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ แค่อยากอ้อนเพราะตอนกลางวันหน้าหงิกใส่คนตัวเล็กเยอะไปหน่อย เขาไม่ชอบให้เมืองน้ำเครียด เมืองน้ำก็คงไม่ชอบที่เห็นเขาหึงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนกัน
เหตุผลมีแค่นี้ หรือการกระทำของร้อยเอกมันสื่อความหมายมากกว่านั้นเหรอ
เอ...หรือว่าจะใช้มุกอ้อนเพราะอยากได้พี่เมืองเป็นแฟนดี แต่ถ้าเจ้าตัวตอบกลับมาว่ามันเร็วเกินไป ร้อยเอกจะทำไงล่ะ นั่งซดน้ำใบบัวบกดีมั้ย
“คิดอะไรอีกแล้ว คิดเยอะจังเลย คิดอะไรทำไมไม่พูด”
กล้าพูดที่ไหน ป๊อดในเรื่องบ้าๆ บอๆ นี่ยกให้ร้อยเอกเป็นตัวท็อปในหมวดนี้ได้เลย
“พี่เมืองว่า...” คนที่ใช้ปลายนิ้วนวดรอยย่นบนหว่างของเขาเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย หยุดนวดเมื่อกลายเป็นฝ่ายขมวดคิ้วเสียเอง “เรา...”
“หืม? เราอะไร”
“เรา…”
“…”
“เราสองคน...”
“ครับ เราสองคนทำไม”
“เราสองคนหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันดีมั้ย”
ไอ้กากถ้ามาวินอยู่ด้วยต้องโดนด่าด้วยคำนี้แน่นอน กากมาก กากจริงๆ ร้อยเอกยอมรับด้วยตัวเอง
“เลี้ยงรุ่นคณะพี่ไง ว่าจะไปต่างจังหวัดกันอ่ะ อีกสองอาทิตย์”
“เหรอ เอ่อ...แล้ว...เขาให้คนนอกคณะไปได้ใช่ป้ะ”
“ได้สิ แต่ถ้าจะไปต้องออกเงินเองนะ ถ้าไม่ไปก็รอบายเนียร์อีกรอบที่มอหลังปีสี่ฝึกงาน”
“จะไปที่ไหนกันครับ”
“ยังไม่รู้เลย เอาไว้ถ้าชัวร์แล้วพี่จะบอกนะ ว่าแต่ร้อยจะไปจริงมั้ย”
“พี่เมืองไปด้วยใช่มั้ย”
“อื้อ” เมืองน้ำพยักหน้ารับ ช้อนมองนาฬิกาแล้วดึงสายตากลับมามองคนตัวสูง “ต้องไปอยู่แล้ว เหนื่อยกันมาทั้งเทอม ไม่ไปก็เสียดายแย่สิ”
“งั้นผมไปด้วย จองห้องสวีทเลยนะ”
“ร้อยจะเอาห้องสวีทไปทำอะไร ห้องธรรมดาก็ได้”
“ก็นอนกับพี่เมืองสองคนไง ไม่อยากนอนรวมกับคนอื่น”
“หวงพี่อีกแล้ว”
ร้อยเอกเบ้หน้าเล็กๆ แกล้งทำเป็นเจ็บมากกับการถูกดีดหน้าผาก ทั้งที่เมืองน้ำออกแรงแค่นิดเดียว เล่นใหญ่ไม่มีใครเกินเลยล่ะ
“นะๆ เอาห้องสวีท ใครไม่โอเคก็มาคุยกับผม ผมเคลียร์เอง”
“ใหญ่เนอะ”
“ใช่ ใหญ่มาก ลองป้ะ”
“ทะลึ่ง!”
เกือบโดนฟาดไปอีกหนึ่งที ดีที่คว้ามือนุ่มไว้ทัน บทสนทนายังดำเนินไปเรื่อยๆ จากเรื่องไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น
แค่ขอเป็นแฟนเอง ไหนบอกว่าจะพยายามเรื่องเมืองน้ำแบบสุดตัวไงล่ะ ไม่ลองขอแล้วจะรู้เหรอว่าตอนนี้เป็นแฟนกันได้หรือยัง
กล้าๆ หน่อยสิร้อยเอก
ไม่เป็นไร วันนี้ไม่สำเร็จ วันอื่นก็ยังมีโอกาส
ยังไงเมืองน้ำก็เป็นของเขาคนเดียวอยู่แล้ว นั่นสิเนอะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ; )
(⺣◡⺣)♡*
Hashtag #ร้อยเมือง
ไม่ต้องคิดมากจริงเหรอพ่อหนุ่ม /)__(\
รู้สึกใจหายที่ต้องบอกว่าตอนหน้าเป็นตอนจบ แต่ก็มีความสุขมากที่ได้พาร้อยเอกและเมืองน้ำไปถึงตอนสุดท้ายค่ะ
ขอบคุณที่เอ็นดูเด็กๆ ของเรานะคะ ฝากคอมเมนต์เพื่อเติมพลังให้กันเช่นเคยจ้า ❤︎