เรื่อง :: บอกแล้วใช่ไหม ก่อนจีบให้ดูดีๆ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
ตอนที่ 9 : ไม่ดูตาม้าตาแมว
ผมแหกปากลั่นเมื่อจู่ๆไอ้เชี้ยฟักก็หยิกไข่ผมเต็มๆเหนี่ยว
“…สัดด…ฟากกกกก…”
ผมตัวงอ ครางจนเสียงหาย โคตรจุก มือกุมเป้าตัวเองอย่างหวงแหน เหงื่อแตกพลั่กไปตามๆกัน ไอ้ฟักมันดูไม่ยินดียินร้ายกับการทุรนทุรายของเพื่อนตัวเอง มึงนี่แม่งชั่วโดยกมลสันดานแท้ๆ
หลังจากเจ็บจุกอย่างสมใจ ผมก็ยังคงงอตัวนิ่งๆเหมือนผักเฉาอยู่บนที่นอน ทำร้ายต๊อบแต๊บได้ แต่จะมาบังคับกันไม่ได้
“ลุกเร็ว”
มันตบๆตูดเหมือนผมเป็นเด็ก ลุกพ่อมึงสิ มึงเพิ่งเกือบทำไข่กูแหลกคามือ ไอ้ห่าฟัก “มึงเพ้อเจ้อขนาดนี้ ลองถามเขาบ้างยัง”
ผมไม่ตอบ นอนซังกะตายแบบเดิมเป๊ะ
ในหัวมันตันๆ อื้อๆหนักๆ ไม่อยากจะทำอะไรทั้งสิ้น ช่วงเวลาแห่งความผิดหวัง ทำใจเราเศร้าหมอง สมองจะหลั่งสารขี้เกียจออกมา ทำให้ผมเหมือนซอมบี้เดินดิน
“กูยังไม่ได้คุยกับเขาเลย โทรศัพท์ก็ไม่ได้ดู”
ขนาดวางไว้ไหนก็ยังจำไม่ได้ ผมตอบเนือยๆ ชีวิตนี้จบสิ้นแล้ว หยดน้ำตาไหลลงมาหยดหนึ่งก่อนจะเปื้อนเป็นวงบนที่นอน ไม่มีใครจะเข้าใจความทุกข์ตรมนี้นอกจากผมเอง ไม่มีใครเข้าใจต๊อบหรอก
อะเฮื่อ
“มะมึง ผู้หญิงเขาใช้เครื่องโกนกันด้วยเหรอวะ”
ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เข้าใจ ผมเพิ่งรู้ เหมือนตอนที่รู้ว่าจริงๆแล้วผู้หญิงเขาก็มีอารมณ์หื่น ตอนเด็กๆผมนึกว่าจะมีแต่เฉพาะผู้ชาย วันไหนไม่ได้เล่นกับต๊อบแต๊บ ผมคงนอนคางเหลืองตายอยู่ในห้อง พอโตมาเข้ามอปลายผมถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วผู้หญิงก็หื่นเป็น
“หน้าแข้งไงมึง แปลกอะไร บางคนมีก็โกน บางคนรวยก็ไปเลเซอร์ออก แล้วนี่มึงก็หนีเขาออกมาเฉยๆซะยังงั้น” ไอ้ฟักตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติสามัญ ผมอ้าปากหวอ เป็นการค้นพบครั้งแรกในรอบสิบๆปี
“มะ มึง แล้วผู้หญิงเขาต้องโกนหนวดกันด้วย ระ เรอะ!”
“อันนี้กูว่าน่าจะเป็นเฉพาะคุณแก้ว”
นี่คือความล้มเหลวของวิชาสุขศึกษา ผมจำไม่เห็นได้ว่าผู้หญิงมีหนวด ถึงขนาดต้องโกนกันเลยเหรอวะ ม่ายยยย ผมถามทั้งๆที่หน้าตายู่ยี่ ปากแบะเหมือนจะร้องไห้ ความจริงผมแทบไม่ได้ฟังที่มันพูดต่อสักนิดเดียว
“ฮะ” ผมหันขวับ คางเกยตักไอ้ฟัก อีกนิดนึงน้ำลายยืดแน่นอน เมื่อกี้ผมนอนเอาหูทับแข้งมันอยู่ ได้ยินไม่ถนัด เสียงอู้ๆไปหน่อย อีกทีดิ
“หือ” มันเลิกๆคิ้ว เหมือนจะถามผมกลับ เอ้า ไอ้ห่า กลายเป็นงั้นไป “เขาอาจจะโกนส่วนล่างมั้ง”
“ฮะ” ผมอ้าปากเหวอๆ “จริงดิ เชี้ย มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอวะ”
“มึงไม่เคยดูหนังโป๊ใช่มั้ย? ไอ้เหี้ย มาทำแบ๊ว”
“กูนึกว่าเขาจะเป็นกันเฉพาะในหนังไงมึง” ผมพูดอึ้งๆ โห ในใจยังรู้สึกมหัศจรรย์ไม่หาย นี่มันอะไรกันวะ เหมือนได้เปิดโลกใหม่ เปิดโลกกว้าง สารคดีชีวิต ช่องดิสคัฟเวอร์รี่
เออว่ะ
แต่จะว่าไปผมยังเล็มๆต๊อบแต๊บเลย
เชี้ย ยิ่งพูดยิ่งสัปดน
“ฮึ๊ยยยๆๆๆๆ” ผมซุกตักไอ้ฟักก่อนจะเอาหน้ามุด จู่ๆก็อยากแหกปาก จู่ๆก็อยากจะร้องตะโกน ในหัวมีอะไรไม่รู้วิ่งเต็มไปหมด จนควบคุมตัวไม่ได้ พอความป่าเถื่อนเข้ามารัวจนหนำใจผมก็นอนแน่นิ่งกะทันหัน
“กูไม่กล้าสู้หน้าเขา”
ไอ้ฟักดูเอ็นดงเอ็นดู มันลูบหัวผมใหญ่ก่อนจะขยี้แรงๆ สัด พ่อกับปู่กูหัวล้านนะมึง กูก็คงไม่พ้นบรรพบุรุษหรอก ทำอะไรนุ่มนวลหน่อยโว้ย
“ก็ทักไป”
เรื่องของคนอื่นเก่งเชียวนะไอ้ฟัก พูดลื่นปร๋อๆ อย่าให้เห็นทีตัวเอง มานั่งซึมนั่งเศร้าเด้าแดก
“แต่กูก็ยัง กูรู้สึกคลางแคลงใจ”
“งั้นมึงก็ไปถามตรงๆ ถ้าใช่ก็ลุย ไปต่อ ถ้าไม่ก็จบ โตๆแล้ว กี่ขวบแล้วมึงน่ะ เป็นกูนี่เยไปละ”
ผมทุบมันทันที ถ้ากูมีร้อยมือก็จะทุบแม่งร้อยครั้ง “มึงนี่แม่งเชี้ยจริง”
“จะได้รู้ไง เข้ากันได้มั้ย ถ้าไม่ก็จบ ไม่เสียเวลา มีโอกาสแทนที่มึงจะลองๆดูก่อน จะได้รู้กันจะๆไป” มันพูดเฉยๆ ดูชินดูสบายใจเฉิบ เกิดเป็นไอ้ฟักจำเป็นต้องขี้เก๊กอย่างนี้ไหมวะ
ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่งข้างมัน นอนมาทั้งวันทั้งคืน โคตรรู้สึกมึน ผมเผ้าสภาพเป็นรังนก ผมใช้หลังมือเกาๆเขี่ยแก้ม ปากทำเสียงแจ๊บๆ นี่เคราหรือตอหญ้า ว่าแต่รู้จะๆอะไรของมัน
เหม่อๆอยู่สักพัก ผมก็นึกตอนที่หนีคุณแก้วออกมาเฉยๆ เธอคงรู้สึกแย่มาก อีกทั้งอาจจะไม่เข้าใจว่าผมเป็นอะไรไป หรือเธอทำอะไรผิดหรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าคุณแก้วทักมาหรือโทรมาหาบ้างไหม เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่แตะมันเลย
ซึม
หง๋อย
“ไง ไงต่อครับคุณอัครินทร์”
ไอ้คุณพัชระนั่งศอกเท้าอยู่บนตัก มือชันแก้มรอคำตอบ แต่หน้าตามันดูบีบบังคับขืนใจผมอ้อมๆ
“อาบน้ำ แดกข้าว กูหิว”
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็ลงมาด้านล่าง แต่งตัวดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมานิดหน่อย ยกเว้นหนวดที่ไม่ได้โกน กับขอบตาดำๆเหมือนหมี
ไอ้ฟักนั่งกินขนมแถมยังคุยกับแม่ผมอย่างออกรสออกชาติ เข้ากันได้ดิบได้ดีจนนึกว่าเป็นลูกแท้พี่น้องผมคลานตามกันมา หน้าตานี่ผ่าเหล่าผ่ากอมาก กูนึกว่าลูกครึ่ง ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องการอะไร แต่ที่รู้ๆคือโคตรหิวข้าวเลยเว้ย
“จะออกไปกินข้าวข้างนอกกันใช่มั้ยจ๊ะ”
“ใช่ครับแม่ เดี๋ยวผมซื้อขนมมาฝากนะครับ เห็นว่ามันมีบูธขนมไทยจัดอยู่” ไอ้ฟักพูดพร้อมยิ้มแบบที่ผมเห็นรู้สึกแยงตา
“ต๊อบหายป่วยแล้วเหรอหื้อ”
“หายแล้วครับ” ผมรีบยิ้ม เพื่อให้แม่สบายใจและไม่ถามไปกว่านี้ มันเขินที่จะต้องเล่าอะ โตแล้วไม่อยากงอแง สามวันที่ผ่านมามึงเพิ่งงอแงไป
แม่เหมือนจะรู้ หรือไอ้ฟักมันเล่าให้แม่ฟังวะ เฮ้ย ผมหันไปมองมัน แต่ก็ดูไม่มีอะไร มันยิ้มให้แม่ผมอีกครั้งก่อนจะยกมือไหว้แล้วออกจากบ้านมา พ่อไม่อยู่ น่าจะไปบ้านลุงชัย อย่างไรก็ตามวันนี้ไอ้ฟักมันเอารถมา ผมเลยบอกให้มันขับ ด้วยสภาพจิตใจผมยังไม่ปกติดี เดี๋ยวขับๆไปเกิดพุ่งตัวตอนไฟแดงจะยุ่งเอา อย่างน้อยผมรู้ว่าฟักมันไม่อยากแก่แต่ก็ยังไม่อยากตายตอนนี้หรอก
“มึงบอกไรแม่กูมั้ยเนี่ย”
ได้ข่าวเพิ่งซื้อคอนโดใหม่ ไม่รู้ว่าแม่งซุกเด็กไว้ไหนอีกหรือเปล่า ก็ไม่เคยจะเล่าบอกเพื่อนบอกฝูง
“ก็เปล่า”
“แล้วคุยไร เมื่อไรจะมีหลานให้แม่อุ้ม?” เคี๊ยกๆ
“มึงหรือกู”
กวนตีนนิดๆหน่อยๆ เวลามีเรื่องคับใจให้มาลงที่คนใกล้ตัวดีที่สุด ถึงมันจะตอบโต้แต่มันก็จะเกลียดเราเหมือนเดิม ถือเป็นการไม่สร้างศัตรูเพิ่มครับ
คุณแก้ว : คุณต๊อบทำอะไรอยู่คะ
คุณแก้วเพิ่งทักมาเมื่อเช้าพอดี จากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก ค้างข้อความอยู่แค่ประโยคเดียว แถมก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้ตอบเธอด้วย
ผมจ้องหน้าจอโทรศัพท์ ไม่รู้จะพิมพ์อะไรเลยนิ่งไปพักใหญ่
“เฮ้อ”
“เฮ่อ”
“ฮ่อ”
“ฮึย”
ถอนหายใจจนในรถจะมีแต่แก๊สพิษ
“ลำไยป้ะ” พูดแล้วมีกลอกตา
“อยากกินข้าวมากกว่าอ่ะ”
“รำคาญ”
ไอ้ฟักถลึงตา ใครจะไปรู้วะ อยู่ดีมาชวนแดกลำยงลำไย อะไรของมัน ทำท่าอารมณ์เสีย ผมนอนยกตีนขึ้นมาบนเบาะก่อนจะนอนขดๆหันไปทางหน้าต่างอย่างคนหมดเรี่ยวแรงและน้อยใจนิดหน่อย อีกนิดนึงหน้าจะแนบกระจก ปากถูเป็นรอย
“เหี้ยต๊อบ”
ไอ้ฟักดูหงุดหงิดสุดๆ มันไปแดกรังแตนที่ไหนมาเนี่ย ปกติไม่เห็นเป็นยังงี้ อารมณ์แปรปรวนฉิบหาย ใครกันที่น่าเป็นห่วงกว่ากัน หรือว่ามันจะวัยทองก่อนกำหนดวะ
“หื๊อ” ผมครางรับเนือยๆ ไม่สนใจโลก
“เป็นห่าไร ถ้ามึงยังไม่หยุดเอาน้ำลายไปถูกระจกรถกู”
“มึงคิดว่ามึงมาหากูที่ห้อง บีบไข่กู มาบอกกูว่าเครื่องโกนหนวดไม่ได้ใช้แค่ผู้ชายแล้วกูก็หายดีปลิดทิ้งเหรอวะ” ขอเวลาให้อัครินทร์หน่อยสิพัชระ
นอนไปพักๆก็เอาหัวโขกกระจกดังปัก ผมกระเด้งตัวขึ้นมา ก่อนจะดูโทรศัพท์ นิ้วจดจ่อกับการพิมพ์ๆลบๆ
พิมพ์ไปว่าไรดีวะ
พิมพ์ว่าๆๆๆ
“คุณ คุณแก้ว อ่า คุณ”
ต๊อบ : เพิ่งเสร็จงานที่บ้านครับ
โกหกคำโต ถ้าบอกเพิ่งตื่นเพิ่งออกจากเตียงได้จะดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าพึ่งพาครับ การบอกนัยๆว่าเราขยันทำงานทำการจะทำดูเป็นผู้ใหญ่กว่า ผู้หญิงชอบเชื่อโผม
ผมไม่สนใจไอ้ฟักแล้ว ณ เวลาอย่างนี้ ปล่อยมันอกแตกตายไปคนเดียว นั่งรอเวลาคุณแก้วตอบ ทีอย่างนี้ดูจะนานน๊านนาน หัวใจผมเต้นเป็นจังหวะตึกตักมาก กลายเป็นว่าผมเวิ่นเว้ออยู่คนเดียว อะไรอยู่คนเดียวใช่ไหม
คุณแก้ว : (สติ๊กเกอร์ดีใจ)
คุณแก้ว : (สติ๊กเกอร์คิดถึง)
ได้คุยกันทีออกหน้าออกตา
อย่า อย่ายิ้ม มึงเศร้าอยู่
แค่แปบเดียวคุณแก้วก็ตอบมา ผมรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยได้เป็นมาก่อนหลังจากสามวันที่ผ่าน เหมือนฝนตกในหน้าแล้ง เหมือนไฟในหน้าหนาว โว้วโว
แต่ผมก็ครุ่นคิดต่อว่าผมควรจะถามเรื่องนี้กับเธอดีหรือไม่ เพราะความจริงอาจเป็นผมเองที่คิดไปอยู่คนเดียวอย่างที่ไอ้ฟักมันพูดก็ได้ และหากถามไปผลลัพธ์มันออกมาแย่ล่ะ ผมไม่คงถามเธอตอนนี้ ผมอยากเจอคุณแก้วมากกว่า
ต๊อบ : ขอโทษนะครับที่ไม่ได้ทักไปเลย
คุณแก้ว : ไม่เป็นไรค่ะ แก้วเข้าใจ
ต๊อบ : คุณแก้วไม่โกรธนะครับ วันนั้นด้วยที่ผมกลับก่อน
คุณแก้ว : ไม่หรอกค่ะ คุณต๊อบก็อย่าลืมมาเอากล่องเครื่องมือไปด้วยนะ
เชี้ย เออว่ะ ผมลืมไว้บ้านคุณแก้วนี่หว่า โห แม่ง ลืมได้นาน ลืมสนิทมิดชิดไม่เห็นแสงเห็นดาว ผมตอบกลับอย่างเขินๆ ขนาดพิมพ์คุยกันยังโคตรเขิน ถ้าไปเจอกันจะๆผมจะไหวไหมวะ
คุณแก้ว : เดี๋ยวแก้วเลี้ยงขนม มานะ มานะๆ
ต๊อบ : ไปวันนี้เลยได้มั้ยครับ อิอิ
คุณแก้ว : เด็กน้อย โดนล่อด้วยขนม
ต๊อบ : ถ้าเป็นคุณแก้วให้อะไรก็กินหมดครับ เป็นคนเชื่องๆ
“คิกๆ”
“อี๊”
“อะไรเหรอครับคุณพัชระ”
ความกังวลก่อนหน้านี้ราวกับหายไปชั่วคราว ผมขอคว้าโอกาสกระหนุงกระหนิงกับคุณแก้วต่อเยอะๆเถอะ ว่าแต่ไอ้ฟักอะไรติดคอมัน มึงเป็นเหี้ยไร สัด
ไม่สิ โธ่ต๊อบครับ ไม่หยาบคายกับเพื่อนนะครับ
ผมอมยิ้ม ยักคิ้วหลิ่วตาให้มันอย่างคนมีชั้นมีเชิง มีไชโยโห่หิ้ว
ถึงห้างพอดี ไอ้ฟักมันวนที่จอด กระทั่งลงจากรถ ผมก็ยังไม่หยุดก้มๆเงยๆจากโทรศัพท์ มือข้างหนึ่งดึงหลังเสื้อไอ้ฟักไว้เป็นตัวนำทาง ผมตีมันดังแปะ ไอ้นี่ไม่ให้ความร่วมมือ “เอ๊ะ นิ่งๆมึงนิ่งๆ”
ต๊อบ : แล้วตอนนี้คุณแก้วทำอะไรอยู่ครับ
คุณแก้ว : แก้วเพิ่งพักจากงาน กำลังเดินเล่นค่ะ
ต๊อบ : มีคนจูงมือหรือยังครับ
คุณแก้ว : มีแล้วค่ะ แต่วันนี้เขาไม่อยู่
ต๊อบ : ต้องเป็นคนที่สูง ล่ำ ชื่อย่อตอเต่าป่ะครับ
คุณแก้ว : (สติ๊กเกอร์แลบลิ้นแบร่ๆ)
“โอย ให้มันได้ที่นั่งก่อนได้มั้ยมึง” ไอ้ฟักบ่น มันเดินหาร้านอาหารโดยมีผมเกาะติดหนึบเป็นปลิง ก่อนจะหันมาตบมือดังเพี้ยะ ผมร้องโอยก่อนจะหัวเราะแล้วหยิกแก้มมันไปหนึ่งทีอย่างไม่โกรธ
เวลาผมมากับมัน แล้วเล่นกันมักมีสายตามองมาแปลกๆแต่ผมไม่ค่อยสนใจ สงสัยเขาคงคิดว่าชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งสูงล่ำ ผิวแทน ดูดีมากจังเลย อยากได้
ต๊อบ : นี่ก็กำลังจะไปกินข้าวกับเพื่อนครับ เพื่อนผู้ชาย ไม่มีผู้หญิงเลย ไม่ต้องห่วง
คุณแก้ว : แหม แก้วยังไม่ถามสักหน่อย
ต๊อบ : อยากให้คุณแก้วสบายใจ
คุณแก้ว : แก้วขี้หวงด้วยสิ
ผมหัวเราะแบบไม่มีเสียง แก้มพองๆก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“ต๊อบ หยุดเล่นดิ เดินให้มันดีๆก่อน”
“เออ”
ทางมันค่อนข้างซิกแซกมากขึ้นเพราะคนเยอะ ผมเลยเงยหน้าเดินมองทางดีๆก่อนที่จะไปโดนตีนใครเข้า ไอ้ฟักเลือกสักร้านเพราะมันคงขี้เกียจหาแล้วเหมือนกัน เป็นอาหารจีน
ขณะที่มือหนึ่งกำลังเกาะอยู่ที่หลังไอ้ฟัก อีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์ คุณแก้วส่งข้อความมาพอดี ผมจึงก้มลงเปิดอ่าน
“อ๊ะ”
ที่นี้เดินๆอยู่ก็เจอผู้ชายคนหนึ่ง ผมเผลอไปชนเข้าโดยไม่ตั้งใจ โทรศัพท์เลยหล่นจากมือ ผมรีบเงยหน้าขอโทษแม้จะเป็นผมเองที่เกือบล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนลูกหมา ผู้ชายตัวสูง ใส่แว่นกันแดด เสื้อแขนยาวสีขาวทั้งตัว ผมยาวมวยเกล้าไว้บนหัว ผมสังเกตคร่าวๆ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้ จากยิ้มกำลังเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายก็กลับชะงักไปก่อนจะมองผมนานจนแปลก นี่ถ้าเป็นละครคงมีเพลงขึ้นพร้อมกับสโลว์ภาพหมุนช้าๆ ซูมหน้าตาพระเอกเยอะๆ แต่นี่มันต๊อบ ต๊อบเล่นหนังบู๊โว้ย
“เอ่อ” ผมขอโทษแล้วก็เริ่มอ้ำอึ้งอย่างงงๆ
“…ขอโทษนะครับ…”
เขาเอ่ยเสียงทุ้มๆ รอยยิ้มบาดตากันทีเดียว พอคืนโทรศัพท์มาก็ยังไม่ละสายตาสักวินาที ผมยิ้มแห้งๆ หน้าตาเอ๋อเหรอ แล้วขอบคุณเขาอีกครั้งก่อนจะเดินไปหาไอ้ฟักที่กำลังหันเดินเข้ามาเพราะเมื่อกี้มันอยู่ตรงหน้าร้านอาหาร
“อะไรวะ?”
“เปล่าๆ กูชนเขาเฉยๆ แดกข้าวเหอะ หิว”
“เมื่อกี้หล่อมั้ย” ไอ้ฟักถามเหมือนจะไม่สนใจ แต่แววตาระยิบระยับเชียว ไอ้ห่า
“ไม่รู้อะ ใส่แว่นกันแดด ก็น่าจะหล่อมั้ง แต่กูว่ากูโอเคกว่าว่ะ”
“ถุย”
ผมเข้าไปในร้านแล้วสั่งอาหาร ก่อนจะทักคุณแก้วไปอีกรอบ
ต๊อบ : ผมถึงร้านอาหารแล้วนะครับ
ไม่นานคุณแก้วก็ตอบกลับมา ผมแทบจะกัดแทะโทรศัพท์ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ
คุณแก้ว : กินเยอะๆนะคะ
คุณแก้ว : จะได้แข็งแรง : )
TBC
[17/05/2559]