ตอนที่ 9
กล้าหาญ
‘สอบเป็นไงบ้าง’
‘...’
‘กล้า ได้ยินกูมั้ยเนี่ย’
‘...’
‘เป็นไรไป’
‘กูจะเรียนจบมั้ยวะ’
‘หืม?’
‘กูทำข้อสอบไม่ได้เลย’
‘...’
‘กูรู้ว่ากูไม่ได้อ่านนะเว้ย แต่พอรู้ว่ามันไม่ค่อยยาก กูก็เลยเซ็งนิดๆ ที่ไม่ได้อ่านมาสอบ’
‘...’
‘กูไม่จบม. 6 แน่เลยว่ะ’
‘บ้า ทำไมจะไม่จบ’
‘ไม่รู้สิ’
‘ตอนสอบไฟนอลก็เอาใหม่สิวะ ยังมีเวลาอยู่ นี่ก็แค่เทอมหนึ่งเอง’
‘เหรอวะ’
‘เลิกตีกันกับคนอื่น หันมาสนใจหนังสือหนังหาได้แล้ว มึงสอบเข้ามหา’ลัยปีนี้นะ ไม่ใช่อีกสิบปีข้างหน้า’
‘เหมือนมึงซีเรียสกว่ากูเลยนะท่าน’
‘กูต้องซีเรียสดิ นี่อนาคตมึงเลยนะ’
‘...’
‘แต่จะเรียนจบหรือไม่จบก็แล้วแต่อ่ะ กูก็ชอบมึงอยู่ดี’
‘เฮ้ย’
‘ตกใจอะไร คิดว่ารู้แล้วซะอีก’
‘ก็มัน...’
‘...’
‘เดี๋ยวไฟนอลกูจะเอาใหม่ มึงคอยดูกูเลยนะ’
‘กูมองมึงตลอดเวลาอยู่แล้ว’
“เชี่ยกล้า ตื่นได้แล้ว”
“โอเค!”
ไอ้เซียนแม่งมีกุญแจห้องผมครับ ไม่ใช่เพราะผมอนุญาตให้มันมี แต่มันแอบเอากุญแจของผมไปปั๊ม ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือมันสามารถเดินเข้ามาในห้องนอนของผมเลยโดยไม่ต้องรอผมอนุญาต
“ทำไมมึงฟิตจังวะ”
“ฟิตอะไร ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำ กูคือสวัสฯ กูก็ต้องไปทำหน้าที่สวัสฯ” ลุกไวไปหน่อย รู้สึกหัวหมุนติ้วๆ
“เหรอ” เซียนเลิกคิ้วมองผม “มึงอยากเจอนายท่านชัวร์ๆ มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี”
ทำไมมันรู้วะ...ผมทำปากขมุบขมิบด่ามันอย่างไม่ออกเสียงก่อนจะพูด
“ว่าแต่ทำไมมึงชอบมาหากูจังเลยช่วงนี้”
“ก็เรามีหน้าที่เดียวกันไง” มันหลบสายตาผมตอนที่ผมหรี่ตามอง “โธ่ ไอ้สัด ไปคนเดียวมันคูลที่ไหน คนหล่อๆ อย่างกูต้องมีเพื่อนเดินไปด้วยดิ จะได้มีออร่าเพิ่มขึ้นไปอีก”
ตรรกะเหี้ยอะไรของมันวะ เคยจำกันได้มั้ยครับว่าผมบอกว่าผมสนิทกับไอ้เซียนที่สุด แต่ก็เกลียดขี้หน้ามันที่สุดเหมือนกัน ทุกคนคงเริ่มเข้าใจผมแล้วใช่มั้ยครับ
“ว่าแต่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ ในกลุ่มกล้าหัวจวยนี่ไอ้ทิมกับไอ้นุกล้อไอ้ท่านอย่างสนุกสนานมาก มึงไปทำอะไรกับเหี้ยท่านมา”
ใครจะไปเล่าวะ...
“กูไปอาบน้ำก่อน” ชิ่งดีกว่า
“เฮ้ย อย่าหนีกูดิ”
“ต้องรีบแล้วไอ้สัด เดี๋ยวสาย”
“จำไว้เลยเชี่ยกล้า”
“จำอะไรว้า กูไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
“มึงไม่ต้องบอก เดี๋ยวกูจะรู้เอง มึงคอยดู”
ผมชูนิ้วกลางใส่มันก่อนจะเข้าไปอาบน้ำด้วยสีหน้าที่แดงก่ำนิดหน่อย จะว่าไปแล้วตอนนี้ผมคิดว่าบรรยากาศระหว่างผมกับนายท่านมันดีขึ้นมากแล้วล่ะ เพราะงั้นผมจึงมีความสุขมากเป็นพิเศษ นอนน้อยก็จริงแต่ตื่นโคตรไว อาจเป็นเพราะผมอยากเจอนายท่านมากก็เป็นได้ แม้จะหัวหมุนติ้วนิดๆ แต่ผมก็พยายามสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป
วันนี้มีงานพิธีกรรมตอนเช้าครับ ส่วนตอนบ่ายจะเป็นกิจกรรมแรลลี่ แม้ว่าฝ่ายสวัสดิการอย่างผมดูจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่ใต้คำว่าปากท้องของน้องๆ นี่ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่เอาการอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นผมกับเชี่ยเซียนจึงต้องไปแสตนบายตั้งแต่ตีสี่ตีห้าเหมือนเดิม อีกทั้งวันนี้เราก็แต่งตัวแตกต่างจากหลายวันก่อนมากด้วย นั่นก็คือเราแต่งชุดนักศึกษา
ฝ่ายสวัสดิการจะมีสายคาดที่แขนเพื่อความชัดเจนเช่นเดียวกับฝ่ายอื่นๆ แต่เป็นฝ่ายละสี สวัสดิการของผมจะเป็นสีฟ้า ฝ่ายพิธีการจะเป็นสีน้ำเงิน ฝ่ายพยาบาลจะเป็นสีขาว ซีเคียวริตี้จะเป็นสีดำ ส่วนฝ่ายอื่นๆ...ผมจำไม่ได้แล้วอ่ะ
ผมกับเซียนเชื่อว่าแต่งหล่อไปยังไงก็กลับมาเละเทะเหมือนเดิมเพราะยังไงเหงื่อก็ต้องไหลอย่างกับอาบน้ำแน่ๆ แต่ก็ขอต้องเนี้ยบไว้ก่อน เราเป็นรุ่นพี่ปีสองต้องทำให้น้องๆ รู้สึกว่าเรากำลังจริงจังกับพิธีนี้เหลือเกิน
กว่าผมกับเพื่อนจะลงมาจากห้องก็ตีห้าครึ่งแล้วครับ เพราะผมเพิ่งจะจัดการกับตัวเองเสร็จ บอกได้เลยว่าเราสองคนนั้นสายมากในวันนี้...
“หูยย พี่เซียนวันนี้โคตรหล่อเลยอ่ะ”
“พี่กล้าหล่อจังเลยยยย”
“พี่กล้าไม่ได้แต่งมาอวดสาวที่ไหนเนอะ”
“ทำไมพี่กล้าเหมือนหมากระเป๋า”
เดี๋ยว ประโยคสุดท้ายนี่มันอะไรวะ ผมตีหน้ายักษ์ใส่น้องปีหนึ่งผู้หญิงที่หลังๆ ชอบแกล้งผมเป็นพิเศษ ความน่าแกล้งของผมมันลามมาจากเพื่อนๆ ถึงน้องๆ แล้วเหรอเนี่ย วันนี้น้องๆ อยู่ในชุดพิธีการเรียบร้อยเตรียมเข้าร่วมพิธีฝากตัวไปเป็นศิษย์ ตอนที่ผมกับเซียนไปถึง พวกปีสองก็มายืนล้อมน้องๆ ที่เข้าแถวเป็นระเบียบ ไม่มีใครประณามว่าผมกับเซียนมาสาย...ยกเว้นเชี่ยตงกับเชี่ยหมูหัน
“กล้าแม่งหน้าตาอิ่มเอิบว่ะวันนี้” หลังจากด่าไปหนึ่งยก ตงก็มองผมอย่างจับผิด
“ก็เมื่อวานมันกลับไปกับใครล่ะ” หมูหันยิ้มให้ผม
“มันไม่ยอมบอกกู” เซียนเอ่ยกับเพื่อน “สงสัยโดนเอาก็เลยปิดปากเงียบ”
งานจัญไรกลับมาอีกแล้ว แบบนี้จะไม่ให้ผมด่ามันได้ยังไงไหว “จะบ้าเหรอ”
“เดี๋ยวกูจะไปถามเหี้ยท่านวันนี้”
“มีโอกาสก็เชิญเลย กูไม่กลัว” ผมยืดตัวขึ้นพร้อมกับยักคิ้วท้าทายไอ้เซียน งานพิธีการแบบนี้แม้แต่น้องคณะตัวเองยังไม่ค่อยจะมีเวลาคุยเลย ประสาอะไรกับน้องคณะอื่น เพราะงั้นผมสบายตัวแน่นอน ไม่มีอะไรให้เครียดว่าต้องโดนล้อทั้งวัน
ไอ้เซียนมองผมอย่างหมายมั่น การที่มันมองแบบนี้แสดงว่าวันนี้มันมีมิชชั่นในใจแล้ว เรื่องของผมล่ะเร็วฉิบ เรื่องของตัวเองทำไมไม่สนใจบ้างก็ไม่รู้
RoV มึงอ่ะไต่แรงค์ไปถึงไหนแล้วว้า
พวกเราปีสองต้องคีพคูลกันนิดหน่อยเพื่อให้น้องๆ อยู่ในช่วงเวลาก่อนเข้าพิธีการอย่างสงบ ปกติแล้วผมกับเพื่อนเฮฮากับน้องจะตาย แต่เช้านี้อาจจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย เราทุกคนคุยเล่นกับน้องน้อยลงครับ เพราะถ้าคุยเล่นบ่อยเข้าล่ะก็เชี่ยเอ้มันจะกินหัวเอา
ลองคิดกันเล่นๆ ดูว่าชาวเสดสาดอย่างเราๆ จะจริงจังกันได้นานมั้ยครับ
ผมขอตอบเลยว่าไม่นาน...ถ้าคณะคุณมีคนอย่างอมร
“วันนี้พี่สวยมั้ยจ๊ะเด็กๆ” อมรแย่งโทรโข่งแม่เอ้ของมันมาถือแทน “ถ้าตอบว่าสวย...พี่ขอให้พวกหนูไม่นกจากผู้คณะอื่น”
“สวยค่ะ!”
“สวยมากกกก”
“ผู้ชายล่ะพี่...ผู้ชาย เราไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนพวกผู้หญิงนะพี่อย่าลืม” น้องผู้ชายโอดครวญกันใหญ่
“อ้อ ถ้าน้องผู้ชายตอบว่าพี่สวย น้องก็จะไม่นกถ้าน้องจีบพี่จ้ะ”
“โห่”
“ยุติธรรมค่ะยุติธรรม” น้องผู้หญิงถูกใจกันใหญ่ที่ทำพวกน้องผู้ชายแสดงความเซ็งออกมาได้
“อุ้ยนั่น ตายแล้ว! กูใช้แต้มบุญหมดแต่เช้าเลยเหรอวะวันนี้” งานบ่นกับตัวเองก็มา แต่ทำไมมึงต้องบ่นออกโทรโข่งด้วยวะอมร “ของดีนิเทศฯ มาเยือนถึงถิ่นจ้าทุกคน!”
หืม คำว่านิเทศฯ ทำเอาผมรู้สึกใจเต้นแรงอย่างตื่นเต้นยังไงพิกล แม่งเหมือนมีความสำคัญกับผมเป็นพิเศษอ่ะ
ตอนที่ผมหันหลังกลับไปมองต้นเหตุของเสียงที่แตกตื่นของอมร ผมก็ต้องตกใจกับออร่าของแก๊งคุณชายลูกค่ายละครที่ลอยมาเตะตา จู่ๆ ไอ้เด็กสามคนนั้นมันก็มาที่เสดสาด โดยที่ทุกคนนั้นอยู่ในชุดนักศึกษาพิธีการที่หล่อลากจนน่ากระชาก
ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นตาค้าง...แม้กระทั่งผู้ชายปกติมันก็ยังตาค้าง
พวกมึงจะหล่ออะไรกันขนาดน้านนนนนนนนน
ขอซาวน์เพลงแบบบอยแบนด์มาประกอบตอนนี้ก็คงไม่น่าเกลียด ท่วงท่าในการเดินของแต่ละคนนั้นเหมือนรู้ว่าตัวเองเกิดมาหล่อ ผมอ้าปากค้างเติ่งเหมือนตาที่ไม่กล้ากระพริบ
หนึ่งเพราะตกใจในความหล่อ
สองเพราะตกใจว่าพวกแม่งมาเดินอยู่แถวจุดนัดพบของเสดสาดทำไม
นายท่านผงะเมื่อเห็นคนหลายร้อยจับจ้อง
“คิดถูกคิดผิดเนี่ย” มันบ่นงึมงำกับเพื่อน ก่อนจะหยุดเดินเข้ามาแล้วทำท่าลังเลว่าจะเอายังไงต่อดี แต่ก็ยังยืนอวดความหล่อกันอยู่ตรงนั้น
“หล่อกันมากอ่ะวันนี้”
“หล่อเหี้ยๆ”
“โอยยย หล่อ”
“นายท่านโคตรหล่อ”
เสียงน้องๆ พึมพำกันดังระงมไปหมด คนที่แก้สถานการณ์ในตอนนี้ได้คงมีแต่ผมใช่มั้ยครับ...ผมค่อยๆ เดินไปหานิเทศฯ ปีหนึ่งสามคนนั้นอย่างเก้ๆ กังๆ ตอนที่ผมเดินไปถึง ทิมกับนุกก็เฟดตัวหายออกไปจากคลองสายตาของผม
แม่งทำงานกันเป็นทีมเว้ย...
“มาให้คนในคณะกูแตกตื่นกันทำไมเนี่ย” ผมถามอย่างเขินๆ เพราะรู้ว่าคนหลายร้อยข้างหลังต้องมองมาที่ผมกับนายท่านกันหมดแน่ๆ
นายท่านมองผมพลางเลิกคิ้ว “ก็มันเป็นทางผ่าน”
จริงซะยิ่งกว่าจริง แต่ทำไมมันต้องพูดอย่างน่าหมั่นไส้ด้วยวะ
“หรือมึงคิดว่ากูมาหามึง”
“ก็...”
“คิดถูกแล้วล่ะ” มันยิ้ม
สุดท้ายผมแม่งเขินว่ะ น้ำเสียง สายตา ท่าทาง และการแต่งกาย ทุกอย่างส่งเสริมให้ผมเขินไอ้นายท่านแม่งไปหมด
“พี่สวัสฯ อย่างมึงมาดูแลน้องอย่างกูแค่คนเดียวได้ป่ะ” เสียงอ้อนนิดๆ ของมันทำเอาผมอยากจะผลักมันออกไปเบาๆ เป็นบ้า แต่ทำไม่ได้...เดี๋ยวเพื่อนหาว่าสาวไป
ผมรู้ผมเรียนมา...เชี่ยเซียนแม่งล้อเรื่องผมไม่แมนบ่อยจะตาย
“จะบ้าหรือไง” ผมทำได้แค่โวยวายเล่นๆ แค่นั้นแหละ
“วันนี้มึงดูดีนะ” นายท่านยังคงยิ้ม มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาปลื้มปริ่ม
“นี่มึงเดินมาเพื่อทำให้กูเขินโดยเฉพาะเหรอวะ” ขอถามตรงๆ หน่อยเหอะ
“แล้วมึงเขินป่ะ”
โอ้โห อีกนิดกูก็จะยืนบิดเป็นสาหร่ายสไปรูลิน่าแล้ว แบบนี้แม่งไม่เรียกว่าเขินม้างงงงง
“รีบไปได้แล้วไป”
นายท่านเหลือบมองคนของคณะผมที่อยู่ทางด้านหลัง “เขามองอะไรกัน”
“มึงยังกล้าถามอีก” โง่หรือแกล้งโง่วะไอ้นี่ ตอนเดินมาก็รู้ตัวไม่ใช่เหรอว่าตัวเองหล่อถึงเดินแบบนั้น
“ไปนะ” มันเอื้อมมือมาแตะไหล่ผมก่อนจะหันหน้าไปเรียกเพื่อนของมันอีกสองคน
“แล้วเจอกันนะเว้ย”
“อืม”
มันมาแค่นี้จริงๆ ด้วยว่ะ ผมมองมันเดินไปกับเพื่อนจนลับสายตา ร่างสูงๆ ของไอ้เด็กสามคนนี้สร้างความปวดร้าวในใจของผมแทบบ้า แต่ถึงอย่างนั้น...ผมก็ชอบมองนะ
โดยเฉพาะไอ้คนที่อยู่ตรงกลางนั่น
ตอนที่หันกลับมาหาคนในคณะอีกที ผมก็ต้องพบพานกับสายตาล้อเลียนนับล้านคู่ (?)
“ฮั่นแน่ะ” นำทีมโดยไอ้เชี่ยเอ้ ประธานชั้นปีสอง
“นี่ต้องนกใช่มะ” ตามมาด้วยตุ๊ดอมรที่ชอบให้คนอื่นเรียกว่าอั้ม พัชราภาในบางเวลา
“เพื่อนมีผัว” ไอ้ตงพูดกับไอ้เซียน
“ไอ้กล้าถึงกับดูสาวแตกไปเลย” หมูหันเสริม
“เดี๋ยวนะไอ้นี่” เห็นไอ้หมูหันมันซื่อๆ แบบนี้ แท้จริงแล้วมันก็แสบใช่ย่อย
“แฮปปี้สินะตอนนี้ ไม่เฮิร์ตอีกแล้วสินะ” เซียนทำเป็นเหน็บผม
ผมหลบสายตาน้องๆ พร้อมกับเสียงซุบซิบที่ดังระงม ก่อนจะหันไปพูดกับเซียน “กูก็ยังงงๆ อยู่”
“ไม่ต้องงงหรอก” มันตอบ“นายท่านมันก็แค่รักมึงมากเกินไป”
ผมเหลือบตามองดูเซียนอย่างอึ้งๆ แม้มันจะกวนประสาทบ้างในบางที แต่เรื่องของผม...บางครั้งมันก็พูดอะไรที่น่าฟัง
“รักจนลืมไปเลยว่าการใจแข็งมันเป็นยังไง”
หลังจากนั้นผมก็ทำหน้าที่ตามปกติ
ช่วงพิธีการเป็นช่วงที่จริงจังและไม่มีการเล่น ผมกับพวกสวัสฯ ของมอจึงได้แต่แกร่วอยู่ข้างนอก รอส่งข้าวส่งน้ำให้น้องช่วงพักเบรก ระหว่างนั้นผมก็ไม่มีโมเมนต์อะไรกับนายท่านอีก เพราะมันคงทำพิธีอยู่ข้างใน อาจจะหลับแหล่มิหลับแหล่ผมเองก็ไม่อาจรู้ได้
เมื่อเช้ามันทำผมรู้สึกดีมาก ดีเหมือนตอนที่มันตามตื๊อตามตามจีบผมสมัยมัธยมเด๊ะๆ ยังไงยังงั้น
แต่แล้วผมนั่งใจลอยตลอดจนรู้สึกได้ว่าตัวเองอ่อนแอลงแปลกๆ ทั้งๆ ที่เมื่อเช้าผมกระปรี้กระเปร่าดีแท้ๆ พอให้ไอ้หมูหันลองแตะที่หน้าผากของผมดู หมูหันก็บอกว่าตัวผมรุมๆ เหมือนไข้กำลังจะขึ้น
“มึงกลับห้องไปนอน เดี๋ยวกูไปดูแลเอง” ตงอาสา “สังเกตมาทั้งเช้าแล้วว่ะ มึงหน้าซีดขึ้นเรื่อยๆ”
“กล้าแม่งอยากโดดงาน กูรู้” เซียนดักคอ “มึงไปพักผ่อนก็ได้นะกล้า ตอนบ่ายมีแค่แรลลี่ งานมันก็เดิมๆ ฝ่ายสวัสฯ มีคนเยอะอยู่แล้ว”
แปลกแต่จริงที่เซียนไม่พูดจาแกล้งผมต่อ ปกติแล้วมันจะเหน็บผมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ทำไมตอนนี้มันถึงเป็นห่วงสวัสดิภาพของผมได้
“ต้องการอะไรป่ะเนี่ย” ลองถามเซียนอย่างหวาดระแวง
“ตอนเย็นกูกับทีมกล้าหัวจวยจะไปเล่น RoV ห้องมึง” เห็นมั้ย...นั่นไง มันทำดีหวังผล แต่เดี๋ยว...เมื่อกี้มันพูดชื่อทีมอะไรของมันนะ
“ทีมเหี้ยไรวะนั่น”
“ก็ตั้งชื่อทีมตามชื่อกลุ่มอ่ะ”
“พ่อง โคตรบ้า” แรงจะด่ายังไม่ค่อยมี ผมหันซ้ายหันขวามองหามูมู่หัวหน้าสวัสฯ แต่ก็ไม่เห็น การที่ผมหายไปสักคนมันคงไม่เป็นไรใช่มั้ย ทีมสวัสฯ มหา’ลัยแม่งมีกันเกือบร้อยอยู่แล้ว
แต่ผมก็รู้สึกลังเลว่ะ...ผมทำงานมาตลอดหลายอาทิตย์ จู่ๆ จะให้ผมหนีคนอื่นไปพักผ่อนมันก็กระไรอยู่ เพราะงั้นผมจึงนั่งต่อ และแล้วผมก็เผลอฟุบหน้าลงกับเข่าของตัวเองพร้อมกับหลับไปในที่สุด โดยที่ไม่สนใจเพื่อนที่มันพยายามจะปลุกให้ผมกลับไปนอนที่ห้องอยู่หลายครั้ง
พอผมตื่นขึ้นมาอีกที หัวของผมก็หนักอึ้งชนิดที่ว่านั่งอยู่เฉยๆ ก็ทำท่าจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ หรือว่าร่างกายของผมแม่งได้รับเชื้อโรคอย่างฉับพลันวะ ตอนเช้ามืดยังดีอยู่เลย
ตายห่าแล้วคนแมน รู้ถึงไหนอายถึงนั่น...ทำไมอยู่ดีๆ ถึงอยากล้มตึงเฉย
ใคร ใครมาแพร่เชื้อให้กู ไอ้เหี้ยเซียนหรือเปล่า...มึงนะมึง (ผมก็ยังเป็นคนรักเพื่อน)
“บอกแล้วว่าให้กลับ” ไอ้เซียนที่นั่งใกล้ๆ ใช้เท้าเขี่ยขาผม “ไป ลุก เดี๋ยวกูไปส่ง”
“งาน...”
“งานพ่อง ทำไปก็ไม่ได้ตังค์”
สาบานดิ๊ว่านี่คือคำพูดของพี่ปีสองสุดหล่อของคณะเสดสาด
“เดี๋ยวกูบอกมูมู่ให้” ตงเอ่ยเสริม มันก็เป็นอีกคนที่พยายามให้ผมไปนอนอยู่เป็นสิบๆ ครั้ง
ในเมื่อเพื่อนมันสนับสนุนขนาดนี้ ผมเองก็ไม่คิดจะขัด รู้สึกเซ็งมากที่เมื่อเช้าผมทำตัวเหมือนร่างกายของผมเต็มร้อย แต่ช่วงสายผมกลับต้องมาป่วยอ้อแอ้อย่างน่าสมเพช
นี่มันวิถีคนแมนตรงไหนกันว้า
ตึก X
ผมหลับเหมือนทดลองเป็นคนตาย ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าร่างกายตัวเองจะน็อกได้ถึงปานนี้ ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาหลังจากหลับอย่างยาวนานก็เป็นเวลาบ่ายสามกว่าแล้ว บอกเลยว่ารอบตัวผมโคตรจะเงียบ อาจเป็นเพราะคนทั้งตึกไปเข้าร่วมกิจกรรมแรลลี่บ่ายนี้กันหมดก็เป็นได้
รู้สึกผิดขึ้นมาเลยไอ้ฉิบหายเอ๊ยยยยย
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นการแจ้งเตือนใหม่เด้งขึ้นมาเต็มไปหมด ส่วนใหญ่จะเป็นข้อความจากเพื่อนๆ ผม แม่งตื่นเต้นอย่างกับทีมบอลไทยได้ไปบอลโลก
เกิดอะไรขึ้นวะ พวกแม่งกำลังก่นด่าหรือแกล้งอะไรผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย
จำไว้ครับว่าในกลุ่มชายโฉดโหดเยี่ยงหมา (เคยเปลี่ยนชื่อกลุ่มบ่อยแต่ทำไมหลังๆ ถึงใช้ชื่อนี้ตลอดก็ไม่รู้) จะชอบแกล้งคนที่หายเงียบไปจากกลุ่มไลน์ และคนๆ นั้นก็มักจะเป็นผมเสมอ
แต่พวกมันเองก็แกล้งผมบ่อยอยู่แล้วนี่หว่า
Tepsianxx : เหี้ยกล้าตื่นนนนนนนน!
Tongmongmiawkue : เกิดเรื่องใหญ่แล้ววววววว
Mr. Moohan : เปิดไอจี เปิดไอจี
Tepsianxx : นายท่านอันบล็อกไอจีเราทุกคนแล้วโว้ยยย เหี้ย
.
.
.
เรื่องใหญ่จริงด้วย เรื่องใหญ่จริงๆ ด้วยโว้ยยยยยยยย!
ผมรีบสปริงตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างลืมไปเลยว่าตัวเองเคยปวดหัวหนักขนาดไหน จากนั้นก็กดเข้าไอจีพร้อมกับเสิร์ชชื่อนายท่านอันเดอร์สกอร์แอลเคเอชทันที
มันอันบล็อกผมแล้วจริงๆ สังเกตดูยอดฟอลของมันพุ่งขึ้นจากวันก่อนๆ ที่ผมเคยได้ยิน โดยเพิ่มจากสามแสนห้าเป็นสามแสนแปด อีกทั้งยังมีรูปใหม่ๆ จากสองปีก่อนที่ผมไม่เคยเห็นอีกหลายสิบรูป
ตื่นเต้นมือสั่นจนโทรศัพท์ที่ถืออยู่แทบจะหล่น ผมกดฟอลโลว์มันทันทีอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด
...จากนั้นผมก็ส่องสิครับรออะไร
แต่ละรูปนั้นสามารถบอกเล่าได้ถึงพัฒนาการความหล่อของไอ้นายท่านเป็นอย่างดี เท่าที่สังเกตมันมักจะไม่ลงรูปที่ถ่ายจากโทรศัพท์ เพราะงั้นจึงมีแต่รูปชัดระดับ HQ พร้อมความหน้าชัดหลังเบลอเต็มเปี่ยม ผมใช้วิธีเลื่อนลงไปดูรูปล่าสุดที่ผมเคยเห็นเมื่อสองปีก่อน จากนั้นก็ไล่ดูเรื่อยๆ จนมาถึงรูปปัจจุบัน
มันไม่ค่อยอัพรูปถี่เท่าไหร่ แถมความหล่อของมันพุ่งทะยานมากขึ้นตามกาลเวลา ที่มีเหมือนกันแทบจะทุกๆ รูปนั่นก็คือคอมเมนต์ครับ มันมีแต่ผู้หญิงสวยๆ มาเมนต์ให้ ไม่ค่อยมีแฟนคลับของมันมาเมนต์ให้เท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะมันตอบแต่สาวๆ สวยๆ พวกนั้น ไม่ยอมตอบใครก็ตามที่มันไม่รู้จัก
ผมอึ้งไปเล็กน้อย เพราะสมัยที่นายท่านมันตามจีบผม มันตื๊อผมมากจนผมไม่ได้นึกเลยว่ามันเองก็เป็นเด็กฮอตคนหนึ่ง พอมาเห็นคนคอมเมนต์ให้มันซึ่งมีแต่คนสวยๆ อีกทั้งมีแต่คนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับมัน ทำให้ผมได้เตือนความจำกับตัวเองว่านายท่านมันทั้งหล่อและก็ดังมากมายขนาดไหน
สองปีที่ผ่านมา...ความฮอตของมันคงจะพุ่งขึ้นถึงขีดสุดกันเลยทีเดียว
พุ่งจนผมนึกไม่ถึง...
ผมส่องจนลืมไปเลยว่าตัวเองต้องนอนพัก ส่องอยู่นั่นไปเรื่อยๆ จนสังเกตเห็นได้ว่านายท่านมันมีผู้หญิงคนหนึ่งเมนต์ให้มันเกือบจะทุกรูป เป็นผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่แต่งตัวทะมัดทะแมงแต่แบรนด์ที่ใส่ก็แพงฉิบหาย เธอแตกต่างจากเหมือนผู้หญิงที่มาเมนต์ไอจีของนายท่านซึ่งแต่งตัวหรูหราฟู่ฟ่า
คนคนนี้ชื่อพราวฝัน จากที่ใครหลายๆ คนเรียกเธอ ชื่อเล่นของเธอน่าจะชื่อฝัน
Who is she? วะ
ผมจะไม่เกิดคำถามนี้ในใจหากเธอคนนี้ไม่ได้เมนต์ให้นายท่านบ่อย และก็ที่สำคัญ...นายท่านตอบเธอแทบทุกคอมเมนต์ แม้กระทั่งตอบแค่จุดสามจุด มันก็ยังตอบ!
เพื่อนผมมันตื่นเต้นเรื่องนายท่านอันบล็อกเราทุกคนจนไม่ได้สังเกตผู้หญิงในไอจีนายท่านอย่างเช่นผม (แต่ใครจะบ้าสังเกตเล่า) ผมยักไหล่ให้กับตัวเอง พยายามคิดคอมเมนต์เหล่านี้ไม่มีอะไรมากมายในกอไผ่
Proudfunn : คิดว่าหล่อนักเหรอออ
Proudfunn : โทรไปไม่รับอ่ะ
Proudfunn : บอกเขาไปว่าใครเป็นคนถ่าย
Proudfunn : ไปไม่ชวน ใจร้ายยย
Proudfunn : ใครจะเชื่อว่าคนขี้เก๊กแบบนี้จะหลับคาโทรศัพท์
Proudfunn : อาทิตย์หน้าเจอกันนะ อย่างที่ผมเคยคิดเอาไว้นั่นก็คือสองปีนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างก็ได้ นายท่านอาจจะมีลูกมีเมียเลยก็ได้ การที่มันจะมีคนเข้ามาหาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ในเมื่อมันหล่อ รวย นิสัยดี แถมยังดังขนาดนั้น ยังไงก็ต้องมีแต่คนอยากได้ตัว
อีกอย่างหนึ่งที่ทำผมอึ้งก็อาจเป็นเพราะผมเพิ่งได้สัมผัสถึงความเป็นไปของนายท่านหลังจากที่โดนปิดหูปิดตาจากการบล็อกมานานนี่แหละ
ผู้หญิงที่ชอบมันแม่งเยอะขนาดนี้เชียว...โดยเฉพาะคนที่ชื่อพราวฝันนั่น คงจะสนิทกับมันมากเลยสินะ
มีการคุยโทรศัพท์จนหลับคาโทรศัพท์ด้วยโว้ยยยยยยยย
ผมดับหัวที่เริ่มร้อนรุ่มของตัวเองก่อนจะทักเพื่อนเพราะพบเห็นอะไรบางอย่างในเวลาต่อมา
Klahanboy : เฟซบุ๊กมันไม่อันบล็อกกูว่ะ อย่าว่าแต่ตอนนี้เลย สมัยนั้นเฟซบุ๊กของนายท่านเป็นอะไรที่แรร์มาก แม้แต่ตอนที่มันตามตื๊อตามจีบมันยังไม่ให้ เพราะงั้นการที่มันยังบล็อกเฟซบุ๊กของผมอยู่ในตอนนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่สุดแสนจะปกติ
...แต่ผมก็อดเซ็งไม่ได้อยู่ดี
ลูกเมียมันอาจจะอยู่ในเฟซบุ๊กของมันก็ได้นะเว้ยเฮ้ยยย (ยังคงพูดถึงเรื่องนี้เรื่อยๆ)
ผมนึกไปถึงข้อมูลเรื่องราวของผมทุกอย่างที่แปะอยู่ข้างฝาผนังของไอ้นายท่าน มันคงมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่เปิดเผยนั่นแหละ เอาเป็นว่ามันจะทำอะไรก็เรื่องของมันก็แล้วกัน แค่มันเปิดไอจีให้ผมเห็นก็เป็นเรื่องที่ผมอยากขอบคุณมากแล้ว
ชื่อของฟราวฝันยังติดอยู่ในใจผม...แต่ผมพยายามไม่นึกถึงให้มันมากนัก
Mr. Moohan : หมูหันเรียกกล้าหาญ หมูหันเรียกกล้าหาญ
Klahanboy : อะไรของมึง
Mr. Moohan : ถ้ามึงอยากรู้ว่านายท่านกำลังทำอะไร
Mr. Moohan : มึงต้องให้พวกกูไปเล่น RoV ที่ห้องวันนี้ ไอ้หมูเหี้ยนี่ ห้องมึงเล่นเกมไม่ได้หรือไง
Klahanboy : กูเคยไม่ให้มาเล่นเหรอ
Klahanboy : แล้วมันทำอะไรอยู่
Mr. Moohan : ซ้อมดาวเดือนว่ะ แรลลี่ไม่เข้า พรุ่งนี้ไอ้นายท่านมันประกวดจริงแล้วครับ หลังจากประกวดเสร็จปุ๊บก็จะมีคอนเสิร์ตเฟรชชี่ไนท์โดยที่ช่วงกลางวันก็มีกิจกรรมยาวไปทั้งวัน นับว่าน่าจะเป็นกิจกรรมท้ายๆ ของงานรับน้องมหา’ลัยแล้ว
อาทิตย์หน้า...ก็ถึงเวลาเปิดเทอม
อาทิตย์หน้าเจอกัน คอมเมนต์ของน้องที่ชื่อฝันก็ยังตามมาหลอกหลอน
แทนที่ผมจะคิดมาก ผมควรไปให้กำลังใจไอ้นายท่านดีกว่า
อย่าลืมสิครับว่าผมต้องเป็นฝ่ายเข้าหามันบ้าง ไม่ใช่ให้มันเข้ามาหาตลอดแบบนี้
ก็ได้...ผมยอมรับก็ได้ว่าน้องพราวฝันอะไรนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผลักดันให้ผมต้องไปหานายท่าน
ให้ตายสิวะ
แม่งสาวเยอะขนาดนี้...กูควรต้องรีบรวบหัวรวบหางใช่มั้ย
[ มีต่อนะคะ ]