ตอนที่ 11
กล้าหาญ
‘หายไปไหนมา’
‘...’
‘กล้า ตอบกูเดี๋ยวนี้’
‘ใครวะเนี่ย นายท่านเหรอ กูอ่ะ...ไม่ได้เมานะ’
‘ฮะ’
‘แท็กซี่ขับรถมาส่งกูแบบบรื๊นๆ อย่างงี้เลย’
‘ไอ้เหี้ย แม่มึงอยู่ในบ้านนะ มึงจะเข้าบ้านแบบนี้จริงดิ’
‘เรื่องของกูคือเรื่องของมึงรึเปล่า ก็ไม่ป่ะ’
‘กวนตีน’
‘กูกวนแบบนี้มึงก็รักกูไม่ใช่เหรอ’
‘โอ้โห เมาแล้วพูดงี้เลยเหรอ’
‘แน่นอน กูคือที่สุดในใจมึง’
‘มั่นเนอะ’
‘...’
‘แล้วกูล่ะ ใช่ที่สุดในใจมึงป่ะ’
‘...’
‘ตอบดีๆ นะคนเมา ถ้าตอบดีกูพามึงกลับบ้านกู ตอบไม่ดีกูจะให้มึงเข้าไปโดนแม่มึงด่า’
‘ให้กูตอบอะไร’
‘กูใช่ที่สุดในใจมึงมั้ยกล้า’
‘กูนี่ใคร’
‘นายท่าน’
‘ไม่ กูคือกล้า’
‘เฮ้อ วันนี้กูคงไม่รู้คำตอบหรอก’
‘เฮ้ยยย จะยกกูไปไหน!’
‘ไม่ตอบคือโดนยก’
‘ใช่ๆๆๆๆๆๆ ปล่อยกูลงเดี๋ยวนี้!’
‘ (ไม่ได้ยิน) ดิ้นทำไมเล่า’
‘ปล่อย กูตอบแล้วไง!’
‘ (ยุ่งกับการจัดการคนดิ้น) โอ๊ย! อย่าดิ้น’
‘ปล่อยโว้ยยยย’
‘จะถึงรถแล้ว ขอโทษทีนะ’
ผมเชื่อว่าถ้าคุณมีคนที่คุณแคร์อยู่ในโซเชียลสักหนึ่งอัน คุณจะอัพโซเชียลนั้นมากกว่าโซเชียลอื่นๆ ทั้งหมด
เพราะตอนนี้ผมแม่งอัพไอจีรัวๆ ตั้งแต่หกโมงเช้าจนเพื่อนหาว่าบ้า
Tepsianxx กล้าแม่งดีดสัด
Tongmongmiawkue เรียกใครมาไลค์เหรอ
Mr. Moohan เอาอีก เอาอีก คอมเมนต์ในไอจีเหล่านี้สืบเนื่องมาจากผมอัพรูปสามรูปติดพร้อมกับตั้งแคปชันเรียกทีละรูปว่า สู้ สู้ นะ แค่อัพสามรูปติดตั้งแต่เช้าตรู่มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือไง
นายท่านมันไม่ได้ประกวดเดือนทุกวันนะเว้ย
อาจเป็นเพราะผมไม่เคยลงรูปเซลฟี่เซ็ตเดียวกันด้วยล่ะมั้งถึงทำให้พวกเพื่อนตั้งใจเหน็บขนาดนี้ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าจะมีแค่แก๊งชายโฉดโหดเยี่ยงหมาครับ แก๊งคุณชายค่ายละครมันก็เข้ามาเมนต์แซวผมด้วย
เมื่อนายท่านอันบล็อกผม เพื่อนมันก็ไม่จำเป็นต้องบล็อกผมอีกต่อไป
Tim_Gy เพื่อนผมชนะแน่นอน
Nooknick_Pyj มันดูแล้วคงหน้าบานเป็นจานดาวเทียม แม้จะถูกแซวแต่ผมก็สุขใจที่ได้ทำนะเว้ย ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ ผมกำลังจะเตรียมตัวออกไปทำหน้าที่สวัสดิการของมหา’ลัยตามเคย หลังจากที่อัพรูปเสร็จนายท่านก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรใดๆ ผมเชื่อว่าอาจเป็นเพราะมันกำลังยุ่งอยู่ พวกดาวเดือนคงไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมวันนี้เพราะต้องไปซ้อม และผมก็เชื่อว่ามันก็คงจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรไปอีกทั้งวัน
ส่วนตัวผมผมหวังแค่ว่าจะมีเวลาไปดูนายท่านประกวดบ้าง วันนี้เป็นวันพีคของงานรับน้องมหา’ลัยที่มีทั้งประกวดดาวเดือนและก็เฟรชชี่ไนต์ซึ่งวงที่จะมาเล่นก็เป็นวงที่นักศึกษาทุกคนรู้จักกันดี แต่ผมเชื่อว่าผมไม่ได้มีเวลากระโดดไปกับเสียงเพลงที่น่าจะมันส์ฉิบหายหรอก
ผมคงต้องคอยส่งน้ำส่งข้าวให้น้องๆ ที่คงต้องโดดกันจนใกล้หมดแรงนั่นแหละ
ตอนเช้ามีกิจกรรมคือแยกย้ายกันไปทำอุปกรณ์เชียร์ดาวเดือนจากคณะตัวเองโดยที่ทางฝ่ายกิจการนักศึกษาจะมีรางวัลให้ด้วย งานในเช้านี้ของผมจึงมีแต่ช่วยน้องๆ ทำป้ายเชียร์น้องอิ๋มกับไอ้น้องพฤกษ์ ซึ่งตอนนี้น่าจะไปเตรียมตัวอยู่ที่กองประกวดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บอกเลยว่างานนี้ต้องร่วมกันทำครับไม่ว่าจะอยู่ปีไหนก็ตาม มันสนุกตรงที่ได้โชว์ศักยภาพคณะตัวเองว่ามีความสามัคคีกันแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วใครจะได้ตำแหน่งไปทุกคนก็ยอมรับได้อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ใจผมรู้สึกอยากให้นายท่านมันได้ตำแหน่งแฮะ...
ในเมื่อมีโอกาสได้เข้าประกวดทั้งที ก็ต้องชนะสิวะ
“ยังจะมาทำหน้าระรื่น” ไอ้เซียนที่นั่งอยู่กับผมแกล้งมองผมอย่างขุ่นๆ “รู้สึกย้อนแย้งในตัวเองมั้ยที่มาทำป้ายเชียร์เดือนเสดสาด แต่ในใจกลับเชียร์เดือนนิเทศฯ”
“มึงอย่าพูดดัง” มึงรักเพื่อนมั้ยเนี่ยเซียน ตีนเด็กเสดสาดรวมกันตอนนี้น่าจะหลายร้อยคู่เลยมั้ง “เดี๋ยวกูก็ได้ตายก่อนไปเชียร์นายท่านหรอก”
“อย่างกับจะมีเวลาไปเชียร์” ตงพูด “วันนี้เด็กคงเข้าร่วมกิจกรรมกันเต็มโรงยิม เพราะกูได้ยินข่าวลือแว่วๆ ว่ะ”
“อะไรวะ”
“แม่นายท่านจะมา”
เหมือนมีคนมาสกัดจุดให้ผมหยุดนิ่ง...แต่ก็ไม่ใช่เพราะนี่มันชีวิตจริงไม่ใช่หนังจีน คำว่า ‘แม่นายท่าน’ หลอนอยู่ในหัวของผมไปมาจนผมถึงกับมึน
คนดังของวงการบันเทิง...คงทำเอาเด็กๆ ในมอให้ความสนใจ
“เฮ้ย มันจะแกล้งป่วยอีกแล้วว่ะ” ตงหันไปพูดกับเซียน
“แกล้งป่วยพ่องดิ” ขอด่าหน่อยเหอะ
“มีไรหรือเปล่า แม่นายท่านเขาทำอะไรมึง” หมูหันเป็นคนเดียวที่สังเกตความผิดปกติของผมได้
จริงๆ ท่านก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก...
ภาพตัดไปที่ความเก่าความหลังที่น่าเจ็บปวด
‘ตอนนี้ยังเด็กกันทั้งคู่ กล้าปล่อยลูกแม่ไปก่อนได้มั้ย’
‘ธุรกิจทำละครกำลังบูมมาก แล้วค่ายของแม่ก็กำลังมาแรง ถ้ามีข่าวเสียๆ หายๆ เกี่ยวกับตัวลูกชายคนโตของแม่หลุดออกไป ค่ายของแม่จะเป็นยังไง’
‘นายท่านอาจจะหลงผิดไปชั่วครู่นั่นแหละ กล้าก็อย่าจริงจังนักเลย’
‘รู้มั้ยว่าท่านผลการเรียนตกหลังจากที่รู้จักกับกล้า’
‘เดี๋ยวนี้ท่านกลับดึกมาก’
‘ลองคิดเรื่องของตัวเองให้น้อยลงหน่อยดีมั้ย แล้วคิดถึงเรื่องของคนอื่น’
‘ปล่อยท่านไปเถอะนะ ถือซะว่าแม่ขอ’
ผมขอเปิดตัวอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผมเทนายท่านเมื่อสองปีก่อนครับ...และนี่ก็คือสาเหตุที่ใหญ่ที่สุด ใหญ่กว่าเรื่องที่ว่าผมเป็นเกย์ไม่ได้ที่ผมเอามาอ้างซะอีก
แม่นายท่านไม่ชอบผม ท่านไม่เคยชอบผมเลย ผมเคยคุยกับท่านไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งสร้างความเจ็บปวดให้ผมจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก ท่านเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่รักธุรกิจตัวเอง แต่ดันไม่เปิดกว้างเรื่องที่ลูกชายของตัวเองมาชอบผู้ชายด้วยกัน
ตอนที่ผมปฏิเสธนายท่าน แม่ของมันก็เป็นส่วนหนึ่งในเหตุผลด้วย ที่จริง...ท่านคือเหตุผลใหญ่และเป็นเหตุผลหลักๆ เลยล่ะ ในใจผมไม่อยากจะยอมแพ้เท่าไหร่หรอก แต่แม่นายท่านเก่งเรื่องหว่านล้อมและเรื่องพูดจาโน้มน้าว ท่านชี้ให้เห็นถึงข้อเสียหากผมเริ่มคบกับลูกชายคนโตของท่าน มันไม่ได้เสียหายแค่ตัวผมกับไอ้นายท่าน แต่มันเสียไปถึงธุรกิจ ดีไม่ดีอาจจะโดนกันหมดทั้งค่ายอะไรทำนองนั้น
ตอนนั้นผมยังเด็ก...ผมไม่สามารถต่อสู้เหตุและผลของผู้ใหญ่ที่แก่กว่าผมไม่รู้กี่สิบปี อีกทั้งผมยังมีเรื่องมหา’ลัยที่ต้องจัดการ ชีวิตผมกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายเนื่องจากขาดส่งงานหลายชิ้นจนเกือบเรียนไม่จบมัธยม เรื่องเพื่อนไปมีปัญหากับคู่อริ เรื่องพี่สาวที่มีนักเลงตามมาตื๊อตอแย และก็เรื่องเพื่อนเก่าของพ่อซึ่งจู่ๆ ก็มาขอยืมเงินของแม่
นอกจากปัญหาจะประเดประดังเข้ามาหาผมอย่างกับห่าฝนแล้ว แม่นายท่านยังชี้แจงเรื่องที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุด
นั่นก็คือเรื่องของนายท่าน
ภาพของนายท่านจะเป็นยังไงหากข่าวหลุดออกไป นายท่านจะต้องถูกชาวเน็ตบุลลี่ โดนล้อเลียนและด่ากราดไปตลอดเพราะมีบางส่วนของคนไทยที่ยังไม่เปิดกว้างในเรื่องนี้ แม่นายท่านเป็นคนมีชื่อเสียง แต่ท่านบอกว่าท่านรู้ว่าผมแคร์อะไรมากกว่า ต้องเป็นนายท่านไม่ใช่ชื่อเสียงของค่ายเอสเอ็นอย่างแน่นอน
ถ้ามันจะเป็นอย่างนั้น...ก็ให้ใครสักคนเอามีดมาแทงผมเลยเถอะ
เมื่อมีหลายเหตุผลมารวมกันจนผมเครียดชนิดที่ว่าหัวใกล้ระเบิด ในที่สุดผมจึงได้ตัดสินใจเทไอ้นายท่านไปตอนที่มันขอคบ บอกได้เลยว่าเป็นการตัดสินใจที่เหมือนผมกลั้นลมหายใจของตัวเอง ทรมานทุกขณะจิตระหว่างพูดและหลังจากที่พูด
ผมจำเป็นต้องทำ...ไม่ใช่เพื่อตัวผมแต่เพื่อตัวมัน
มันเสียใจ แต่ผมเองก็แย่เหมือนกัน ผมกินไม่ได้นอนก็ไม่หลับ รู้ตัวแทบจะในทันทีว่าตัวเองตัดสินใจผิดภายในวันเดียวกัน แต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่านายท่านเสียใจจนแอดมิทโรงพยาบาล ไม่เป็นผู้เป็นคนไปเลยตลอดหลายเดือนจนในที่สุดข่าวมันก็เงียบไป
ความคิดของมันก็คือผมให้ความหวังมันฉิบหาย ทำตัวเหมือนชอบมันแต่พอมันขอคบกลับเทมันซะงั้น ทำไมมาบอกว่าเป็นเกย์ไม่ได้เพราะมีพี่สาวเยอะโน่นนี่นั่น มึงบ้าหรือเปล่า! (อันนี้ใส่อินเนอร์เข้าไปเอง) ส่วนความคิดของผมก็คือผมแม่งไม่มีความพร้อมอะไรสักอย่าง เป็นเด็กม.6 กากๆ คนหนึ่งที่ดูแลชีวิตตัวเองยังไม่ได้ด้วยซ้ำ การได้คบกับนายท่านผู้ที่มีแม่เป็นที่รู้จักของคนไปทั่วมันไม่ได้จบแค่ผมคบกับนายท่านแค่นั้น
มันจะซวย ซวยตลอดกาล และผมก็จะทำให้คนอื่นเขาซวยไปด้วยหากลองมองกว้างๆ
เรื่องราวเหล่านั้นเป็นแค่อดีตไปแล้วล่ะ แต่ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสู้หน้าแม่นายท่านยังไง ท่านจะรู้สึกยังไงว่าผมกลับมาคุยกับลูกชายของท่านแล้ว แถมทุกอย่างยังเหมือนเดิม ดีไม่ดีอาจจะดีมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ถึงกับเครียดไปเลยกู...
“กรี๊ดดดด”
“โอย อยากเปลี่ยนป้ายเชียร์เสดสาดเป็นป้ายเชียร์นิเทศฯ เลยอ่ะ”
“หล่อมากเลย”
“ใจช้านนนนนนนนน”
เสียงน้องผู้หญิงดังขึ้นอย่างงุ้งๆ งิ้งๆ อยู่ไม่ไกลทำให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมกับเพื่อนคนอื่นๆ หันไปมองอย่างสนใจ ตอนนี้น้องๆ เหล่านั้นเลิกทำป้ายเชียร์แล้วเพราะสนใจรูปในโทรศัพท์แทน
ได้ยินคำว่านิเทศฯ แล้วรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมายังไงก็ไม่รู้สิ
ผมลุกขึ้นยืน แกล้งไปเดินด้อมๆ มองๆ ทำเป็นเหมือนไม่สนใจ แต่จริงๆ อยากรู้อยากเห็นฉิบหาย...
“มีอะไรเหรอ”
น้องๆ เงยหน้าขึ้นมามองจากนั้นก็ยิ้มเผล่
“เปล๊า”
“ไม่มีอารายยยยย”
ใคร ใครสอนรุ่นน้องให้ตอแหลวะ ไอ้เหี้ยเซียนหรือเปล่า เอ๊ะ หรือว่าไอ้อมร
“เอาดีๆ มีอะไร” ผมนั่งยองๆ ลง ไม่มีใครมองว่าผมกำลังเต๊าะเด็กปีหนึ่งถึงแม้ว่าภาพมันจะดูเป็นอย่างนั้นก็ตาม ไอ้เด็กพวกนี้มีอะไรให้น่าเต๊าะ แต่ละคนแสบกันฉิบหาย แดกน้ำอย่างกับเป็นต้นไม้ แถมยังไม่ชอบผัดกระเพราเผ็ดๆ อีกด้วย (บ่นไปเรื่อยเพราะไม่คิดว่างานสวัสฯ จะต้องจำรายละเอียดขนาดนี้)
“นายท่านหล่อมากเลยพี่กล้า ดูสิ” น้องคนหนึ่งยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู เป็นรูปแอบถ่ายตอนที่มันกำลังโดนช่างเซ็ตผมให้อยู่หน้ากระจก มันจ้องมองตัวเองด้วยใบหน้าเซ็งๆ คล้ายกับนอนไม่พอ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็...หล่อมากอยู่ดี
รู้สึกแข้งขาอ่อน จากที่นั่งยองๆ ก็เหมือนอยากจะล้มลงไปกอง
หน้าขาวผ่อง จมูกโด่งคมกริบรับกับริมฝีปากบางเฉียบ คิ้วเข้มอย่างน่ามอง แถมผมก็ยังเซ็ตได้อย่างมีสไตล์
ไอ้เหี้ยยยยยย...มึงเอาตำแหน่งไปเลยเถอะ ถ้ามึงจะหล่อขนาดนี้!
“ถึงกับตาค้างเลยเหรอ”
“ตกลงเป็นรุ่นน้องที่เคยรู้จักกันหรือเคยกิ๊กกันเนี่ย”
“บ้า!!!!” ผมร้องอย่างมีพิรุธ “ก็นึกว่าจะมีอะไร ตั้งใจทำป้ายไป หิวน้ำหิวอะไรก็ไปบอกพวกพี่เซียนนะ”
“จะรีบไปไหนอ่ะพี่กล้า มานั่งดูด้วยกันก่อน”
“ไม่เป็นไร” ผมรีบเฟดตัวออกมากลับมานั่งกับกลุ่มเพื่อน จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาส่องทวิตเตอร์ เสิร์ช #นายท่านอรุณกิตตินิวัฒน์
บอกเลยเจอรูปนั้นเป็นสิบๆ หน เพราะแฟนคลับนายท่านกำลังกรี๊ดรูปนี้กันมาก
ผมเลือกรูปที่ชัดที่สุดแล้วก็เซฟรูปนั้นลงเครื่องทันที
กูจะตั้งรูปนี้เป็นวอลเปเปอร์!
ทันที่คิดผมก็จัดการทำแบบนั้นทันที แต่แล้วเมื่อผมเอารูปนี้ขึ้นจอ ฉากหลังในรูปของนายท่านมันก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เป็นรูปผมของผู้หญิงที่ดัดลอนสวยในชุดไพรเวต ไม่ใช่ดาวปีนี้ ไม่ใช่พวกดาวปีก่อนๆ ด้วย
แต่เป็นน้องพราวฝัน...
มีคนมาสกัดจุดผมเอาไว้อีกแล้ว คราวนี้ผมตัวแข็งยิ่งกว่าตอนที่ได้ยินคำว่าแม่นายท่านซะอีก
“มีอะไรวะ” เซียนยื่นหน้ามาดูจอผม “อื้อหือ ผัวเด็กมึงหล่อนี่หว่า”
“ผู้หญิงคนนั้นใครอ่ะ สวยดี” หมูหันชี้
ตามันก็ไวเหมือนผมแฮะ
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน” เซียนหรี่ตามอง “ใช่คนที่มาเม้นต์ไอจีไอ้ท่านบ่อยๆ ป่ะ น้องปาวฟันอะไรนั่นน่ะ”
“สัด พราวฝันเว้ย” ผมหันไปมองเพื่อน “มึงก็ไปส่องน้องคนนี้มาเหมือนกันเหรอ”
“ไม่ส่องยังไงไหว น้องแม่งมาเม้นต์ทุกรูปจะให้กูคิดไง” เซียนยักไหล่ ไอ้นี่แม่งเก่งเรื่องคนอื่นจริงๆ ว่ะ แต่มันมีประโยชน์กับผม ผมไม่แซะมันดีกว่า “กูต้องส่องดูอ่ะว่าน้องมีอะไรกับนายท่านในช่วงเวลาที่มันหายไปสองปีหรือเปล่า”
“ใช่มั้ยล่ะ! แม่งดูมีซัมธิง”
“...”
“สนิทกันเกินไป น้องเขาก็สวยด้วย”
“...”
“หรือจะเคยคบกันวะ”
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมโดนเพื่อนผมมองมาที่ตัวผมอย่างนิ่งๆ
“มีอะไรเหรอ”
“หึงอย่างกับเป็นเมียแล้ว ไอ้เหี้ยเอ๊ย” ไอ้ตงหัวเราะหึๆ
“ปล่อยให้แม่งหึงไปเหอะ ยังไงก็ดีกว่ามันหนีใจตัวเองเยอะ ขืนเป็นแบบนั้นคนเป็นเพื่อนแม่งโคตรเหนื่อยเลยนะ ต้องมาคอยฟังมันพูดสิ่งที่ไม่ตรงกับใจเนี่ย” ไอ้เซียนได้แต่มองผมแล้วส่ายหน้า โชคดีที่เรื่องนี้ผมไม่ค่อยได้ตีกันกับเพื่อนเท่าไหร่ ปากบอกว่ายังชอบอยู่ก็คือยังชอบ ผมไม่สามารถหนีใจตัวเองได้เลยตลอดสองปี เพราะงั้นยอมรับกับเพื่อนไปตรงๆ นี่แหละง่ายกว่า
คนที่จะทำให้มันไม่ง่ายก็คือนายท่านนี่แหละมั้ง มันแม่งอยู่ในจุดที่เหนือกว่าผมทุกสิ่งอย่าง (ตัดประเด็นเรื่องหน้าตากับฐานะไปก่อนนะ...อันนั้นแม่งเหนือกว่าผมอยู่แล้ว) ผมทำผิดกับมันมา มันกำลังรอให้ผมแสดงออกเรื่องมันมากกว่านี้ แต่ว่ามันกลับมีคนสวยจากไหนไม่รู้มาอยู่ข้างตัว มิหนำซ้ำผมยังไม่รู้ข้อมูลอีกด้วยว่าเธอเป็นใครมาจากไหนนอกจากคำบรรยายใต้โปรไฟล์ของเธอในไอจี
ผมลองกดเข้าไปส่องดูอย่างละเอียดมากกว่าที่เคยส่อง
เธอเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับนายท่านก่อนที่มันจะย้ายมาอยู่โรงเรียนผม และตอนนี้เธอก็เป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ นามสกุลเธอยาวเป็นหางว่าว แถมไลฟ์สไตล์ก็แสนจะเก๋เหมือนมีเครื่องบินส่วนตัวเป็นของตัวเอง วันนี้อยู่อังกฤษ พรุ่งนี้อยู่ปารีส มะรืนอยู่อิตาลี
ถ้าไม่นับเรื่องการแต่งตัวทะมัดทะแมง เธอก็เหมือนผู้หญิงในไอจีนายท่านคนอื่นๆ ที่ต้องใช้นิยามคำว่าหรูหราฟู่ฟ่าเหมือนกันหมด
“กล้าแม่งไฟลุกแล้วว่ะ” หมูหันเริ่มขยับตัวออกห่างจากผม
“ถ้าแรงมันเยอะกว่านี้โทรศัพท์มันคงพังไปแล้ว แต่นี่แม่งง่อยไง อ่อนปวกเปียก”
“ควาย” ผมด่าเซียน
หัวหน้าแก๊งชายโฉดโหดเยี่ยงหมาอย่างเซียนหันซ้ายหันขวา ผมเชื่อว่ามันกำลังมองหาควีนออฟอีโคโนมิก แต่มันก็เจอะเข้ากับตุ๊ดอมรที่ส่งจูบให้มันพอดี
“เอ้ไปไหน” มันร้องถาม
“ปวดขี้อ่ะ วิ่งไปเข้าห้องน้ำตะกี้”
“...”
“มึงอยากเข้าห้องน้ำกับกูบ้างมั้ยล่ะเซียน”
“เข้าไปดมขี้ไอ้เอ้กับมึงหรือไง กูไม่ไป” มันหันกลับมาหากลุ่มของเราอีกรอบ “ถ้าอยากรู้นักก็ไปส่องให้เห็นกับตาตัวเอง”
“ใครอยากรู้วะ” ผมทำหน้างง
เพื่อนผมพร้อมใจกันประทุษร้ายหัวผม ไอ้พวกเหี้ยเอ๊ย
“ค่อยๆ หลบกันไปทีละคน”
“เดี๋ยว ถ้าเราไปกันหมด แล้วใครจะเป็นสวัสฯ อ่ะ” ผมถาม
ตงพยักเพยิดไปทางพวกปีสองที่เพิ่งมาใหม่ “ปล่อยให้พวกแม่งทำในสิ่งที่พวกมันไม่ได้ทำก่อนหน้านี้สิวะ”
“ส่วนเรา...หนีไปกันเถอะ!”
อยู่ไปใยล่ะครับพี่น้อง...แม้ผมจะถามออกไปว่าใครอยากรู้ แต่ผมเองนี่แหละที่อยากรู้
เผื่อปาวฟันจะเป็นเมียที่ซุกซ่อนไว้ของไอ้นายท่าน ผมก็จะได้จับได้อย่างคาหนังคาเขา
ให้ตายเถอะ แค่มโนเล่นๆ ก็เจ็บฉิบหายวายป่วงแล้วไอ้เหี้ยเอ๊ยยย
[ มีต่อนะคะ ]