3
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมตื่นมาก่อนเวลาแบบไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกเพราะเมื่อวานกว่าจะหลับก็นับแกะไปเกือบหมดฟาร์มและยังเป็นอีกหนึ่งวันที่ตื่นเต้นจนต้องยืนหมุนอยู่หน้ากระจกเป็นสิบรอบ ใช่ครับ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก วันที่เป็นเด็กมัธยมปลายวันแรกของชีวิต ซึ่งผมแม่งก็ตื่นเต้นกับทุกสิ่ง
ผมทรงนี้แปลกๆไปป่ะนะ หน้าม้ามันยาวไปหรือเปล่า เสื้อมันดูหลวมๆจัง ตอนวันซื้อยังพอดีอยู่เลย กางเกงมันอยู่โคร่งไปป่ะวะ ทำไมมองรวมๆแล้วดูติ๋มจัง
“น้องหญิงเสร็จหรือยังลูก” ผมสะดุ้งเฮือกทันทีที่แม่เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง
“เสร็จแล้วครับแม่”
“ลูกชายแม่หล่อจังครับวันนี้” แม่เดินเข้ามาจับปกเสื้อผม
“แม่ หญิงตื่นเต้นมากเลยอ่ะ”
ฮือออออออออออออ ทำไงดี ตื่นเต้นเป็นบ้าเลย ผมมองตัวเองในชุดเครื่องแบบโรงเรียนใหม่แล้วก็ได้แต่กระทืบเท้าไปมา แม่มองผมแล้วก็หัวเราะออกมาจนตาหยี
“ตื่นเต้นอะไรกันลูก”
“ไม่รู้อ่ะ เนี่ย หญิงใจเต้นแรงมากเลย”
“อะไรกันลูก คิกๆ ป่ะ รีบไปบ้านพี่ก่อนดีกว่า อย่าให้พี่พามเขารอ”
“ครับแม่” ผมขยี้หัวตัวเองก่อนจะตัดสินใจเดินตามแม่ออกมา ไม่ลืมกอดแม่แน่นๆไปหนึ่งที ส่วนพ่อยังคงนอนอยู่ เห็นเมื่อวานบ่นว่าไม่สบายแม่เลยไม่ปลุกลงมา แม่ลูบหัวผมอยู่สองสามทีก็ตบตูดให้รีบไป
ผมเดินพรางท่องลมหายใจเข้าลมหายใจออกดั่งดอกไม้บ้านสงบสติตัวเองจนมาถึงหน้าบ้านข้างๆซึ่งมีเด็กผู้ชายตัวโตร่างหมีที่คุ้นเคยในชุดยูนิฟอร์มเดียวกับผมยืนท้าวประตูรั้วอยู่เหมือนรอไว้อยู่แล้ว
“สวัสดีครับน้องม.สี่”
มีเก๊กเสียงหล่อทำเป็นพระเอกซีรี่ส์เกาหลี พี่ฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับเดินมาขยี้หัวผมจนฟู หน้าม้าที่ตื่นมาเซทตั้งแต่ตีห้ากลายเป็นรังนกในสิบวิโดยพี่พี่บาร์เบอร์แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์มาโวยวายอะไรแล้วครับ บอกตรงๆว่าการเห็นผมกับพี่ใส่ชุดยูนิฟอร์มเดียวกันแล้วนี่มันโคตรดีกับใจ เหมือนแสดงให้ชัดเจนไปว่าผมได้พี่คืนมาในชีวิตอีกรอบแล้วจริงๆ
“ไมวันนี้ตื่นเช้า” อ่ะ ทำเป็นแปลกใจแก้เขินก่อน
“เมื่อวานพอร์ชมานอนด้วย แม่งเอาตีนถีบไข่ตอนเช้า ตื่นเต็มตาเลย” คิลมู้ดจนได้ แต่ก็สมกับเป็นพี่ดี พอเป็นพอร์ชเนี่ย ไม่สามารถรู้ได้เลยครับว่าละเมอจริงหรือตั้งใจ เด็กมันร้ายนัก
“พี่ว่าหน้าม้าหญิงมันสั้นไปป่ะวะ ไม่มั่นใจเลยเนี่ย”
“หล่อแล้วมึงอ่ะ กังวลอะไรมาก”
“โห วันแรกนะพี่!!”
“วันแรกแต่โรงเรียนชายล้วนไอ้สัด มึงจะหล่อทำไม” มือใหญ่เอื้อมมาดีดหน้าผากผมดังปั้ก อะไรวะ ทีพี่ยังหล่อเอาหล่อเอาเลย อยากจะเถียงแต่พี่พามก็เดินแกว่งกุญแจออกมาเรียกขึ้นรถเสียก่อน ผมเลยรีบวิ่งเข้าไปนั่งหลัง พี่ก็เปิดมานั่งหลังด้วย เพราะเบาะหน้าพี่พามวางกระเป๋าไว้เต็มเบาะนั่งไม่ได้
“หญิงใส่ชุดม.ปลายแต่ไม่ได้ดูโตขึ้นเลยว่ะ” พี่พามสบตากับผมผ่านกระจกมองหลัง
“โห่พี่พาม นี่หญิงตื่นเต้นมากเลยเนี่ย”
“ตื่นเต้นทำไมวะ” พี่ยกตีนขึ้นเตะเบาะพี่พามไปหนึ่งทีแล้วหันมามองผม
“ไปวันแรกพี่ไม่ตื่นเต้นหรอวะ”
“ไม่อ่ะ” อืม... ก็ไม่แปลก ชีวิตอย่างพี่มันตื่นเต้นกับอะไรบ้างวะ
“เออ แต่หญิงตื่นเต้น”
“กลัวหรือไง”
“กลัวดิ”
พูดตรงๆเลยครับก็กลัว กลัวมันหมดแหล่ะ ทั้งเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ เนื้อหาเรียนใหม่ ต้องปรับตัวขนาดไหนกับการเริ่มได้เป็นพี่ที่โตขึ้น เหมือนก้าวขึ้นมาใกล้คำว่าผู้ใหญ่ไปอีกขั้น เห้อ ตื่นเต้นกว่าตอนเริ่มได้ใช้ปากกแทนดินสอตอนประถมก็วันนี้เนี่ยแหล่ะ
“กลัวทำไม”
“ก็-“
“มีกูอยู่ทั้งคน” สรุปน่ากลัวสุดก็ไอ้พี่พี่นี่แหล่ะครับ ตัวดี ขยันปล่อยหมัดแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ขยันทำให้ใจเต้นแรง จากตอนแรกที่ตื่นเต้นเรื่องสังคมใหม่ต้องมาเขินแทนเลยเนี่ย ถ้าพี่พามคิดว่ากูเป็นไบโพล่าห์ขึ้นมาจะทำยังไง ไอ้พี่บ้า ฮึ่ย!! เอ้า!! พูดขนาดนี้ยังไม่หยุดเต้นแรงอีก!!
“ใช่ เพราะไอ้พี่เนี่ยน่าจะน่ากลัวที่สุดแล้วพี่ว่า”
“หญิงก็ว่างั้นพี่พาม”
“ปากเก่งจังวะไอ้นี่” เอ๊า พี่พามเป็นคนคิดทำไมพี่ต้องมาบีบปากผมวะ ผมดิ้นหนีคีมยักษ์ที่เลื่อนมาบีบแก้มออกทันที พี่หัวเราะสะใจที่ได้แกล้งก่อนจะเอนหัวลงมาซบไหล่ผมเล่นเอาผมต้องรีบหายใจเข้าออกช้าๆทันที
ใจเต้นแรงเกินไปแล้ว...
นึกขอบคุณที่พี่พามเบรกจอดพอดีที่พี่เอนหัวลงมา ทำให้หัวทรงเจ้าที่นั่นรีบเด้งขึ้นไปโวยวายว่าทำไมวันนี้มาถึงเร็ว ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจที่รอดจากพี่มาได้แต่ดันต้องมาฮึบใจเต้นอีกรอบกับบรรยากาศรอบข้างที่มีแต่เด็กใส่ชุดนักเรียนเดียวกับผมเดินกันเต็มไปหมด
ฮืออออออออ ตื่นเต้นอีกแล้วเนี่ย!!
“หญิงลงจากรถได้แล้ว”ผมหันไปเบะปากใส่พี่แต่ก็รีบลงมาเพราะกลัวพี่พามไปเรียนสาย พี่พามอยู่มหาลัยแล้วครับแต่เพราะโรงเรียนผมเป็นทางผ่านพอดีเลยแวะมาส่งได้ก่อน
“สู้ๆนะหญิง”
“ขอบคุณครับพี่พาม”
ผมปิดประตูรถแล้วถอยออกมายืนกับพี่ ผมกวาดตามองเหล่าเด็กชายหน้าใหม่ที่เดินกันเต็มแถวรวบลมหายใจเข้าฟึดหนึ่งเรียกขวัญและกำลังใจ เอาหน่อยโว้ย!
“มึงเครียดเหมือนจะไปรบอ่ะหญิง”
“ยุ่งจังวะพี่”
“หน้ามึงออกจะน่ารัก ขมวดคิ้วแบบนี้เดี๋ยวเพื่อนก็หาว่ามึงหยิ่งหรอก” พี่เอานิ้มจิ้มเข้ามาตรงคิ้วผม
“พะ พี่..”
“น่ารักแล้วมึงอ่ะ ไม่ต้องกลัวหรอก”
พี่พามพี่
ผมโคตรเห็นด้วยกับที่พี่พูดเลย!!!
พี่นี่แม่งตัวอันตรายที่สุดในโลกแล้ว!!
ขณะนี้ผมได้ยืนอยู่หน้าห้องสาม นับหนึ่งสองสามในใจแล้วเปิดประตูก้มหน้าก้มตาผ่าดงผู้คนที่คุยจ๊อกแจ๊กไปเลือกนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างและอยู่ใกล้สายตาที่สุดด้วยใจที่เต้นไม่หยุด
อ่า... พลาดแล้วสินะ
เพื่อนอยู่กันตั้งเยอะเสือกเดินไม่สนหัวใครมาเลือกที่นั่ง มึงบ้าไปแล้วแน่ๆไอ้หญิง!! โอ๊ยยย!! ความตื่นเต้นนี่มันแย่จริงๆนะ!! ฮือออออ ผมอยากจะร้องไห้ขึ้นมาแปลกๆได้แต่นั่งจ๋องเงียบๆเป็นเหมือนเต้าหู้จืดอยู่กลางห้องที่โวยวายเสียงดัง
จึ้กๆ
หืม?
ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่จิ้มแขนขวาผมอยู่ ปรากฏเป็นผู้ชายหน้าตี๋กวนๆกำลังยิ้มกว้างใส่ผมอยู่
“ดีมึง กูตั๋งนะ มึงชื่อไร”
“ห๊ะ.. อ๋อ เราหญิง”
“เราหญิง? เชี่ย ไมชื่อมึงอินดี้จังวะ แปลว่าอะไรอ่ะ รู้จักแต่ราวตากผ้า” อันนี้จริงจังป่ะเนี่ย ผมได้แต่มองหน้าตั๋งแบบไม่เข้าใจว่าเล่นมุกหรือไม่รู้จริงๆ
“เอ่อ ไม่ๆ หมายถึงเรา เอ่อ กูอ่ะ ชื่อหญิง”
“เชี่ยยยยยย โคตรคูล โคตรเท่ เป็นผู้ชายชื่อหญิง เออ กูตั๋งนะ ไหนๆก็นั่งใกล้กันน่าจะต้องเจอหน้ากันไปอีกนาน ส่วนไอ้เนี่ยชื่อซัน”
“ดี” คนชื่อซันที่นั่งอยู่หน้าตั๋งหันมายกมุมปากขึ้นใส่ผม
“ดีๆ”
“มึงมาจากโรงเรียนไรวะ กูมาจากสาธิตนะ”
จากนั้นตั๋งก็พูดยาวจนผมแทบตอบไม่ทัน ได้เพื่อนใหม่มาแบบงงๆ ถึงจะพูดมากไปหน่อยแต่ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร ตั๋งนั่งอยู่ซ้ายของผมติดหน้าต่างส่วนซันก็นั่งอยู่หน้าตั๋งเป็นโต๊ะติดเสา เรียกได้ว่าเลือกตำแหน่งนั่งได้เหมาะกับการแอบนอนมาก
ตั๋งเป็นผู้ชายตัวขาวตัดกับผมสีดำสนิท หน้าตาก็ตี๋ๆตามเทรนด์ทั่วไป ดูเป็นคนชอบพูด เพราะเจอกันมาจะครึ่งวันแล้วมันยังไม่หยุดพูดเลย อีกคนชื่อซัน เหมือนตั๋งจะสนิทกับซันอยู่ก่อนแล้วแต่ไม่รู้ว่าซันสนิทด้วยไหม เพราะซันนิ่งมากๆ นั่งอยู่กับเสาเกือบแยกเสากับซันไม่ออก ซันเป็นผู้ชายตัวสูง ผมเดาว่าน่าจะแตะร้อยเจ็ดสิบปลายๆเพราะสูงเกือบเท่าพี่เลย ผิวแทนและชอบยิ้มแข็งๆเหมือนยิ้มไม่เป็น ก็ดูเป็นคนตลกดีครับ ยิ่งพออยู่กับตั๋งแล้วยิ่งตลก คนหนึ่งก็พูดไม่สนหินสนแดดอีกคนก็พยักหน้าเออออไปตามเรื่องแต่หน้าดูงงเหมือนตามประเด็นไม่ทัน
“มึงกินข้าวกัน กินข้าววว” มนุษย์ร่าเริงจริงๆแฮะ ผมมองตั๋งที่กระโดดไปมากับแค่การจะได้กินข้าว ตัดภาพมาที่ซันข้างๆยังยืนงงกับการแก้หูฟังที่พันกันไม่ออก
“มึงรู้หรอวะว่าโรงอาหารไปทางไหน”
“ยากไรวะเพื่อนหญิง มึงก็เดินตามชาวบ้านตาสีตาสาไปเดี๋ยวก็เจอเอง”
“ตาสีตาสา...”
“นั่นไง ฝูงปลาเลี้ยวไปทางซ้าย ป่ะเราตามไปกัน” เออ แบบนี้ก็ได้หรอ แต่ก็ตามไปครับ เดินไปงงๆเดี๋ยวก็เจอเอง พวกเราก็เดินไปตามทางที่หลายๆคนเดินไปกันเพื่อไปเจอกับโรงอาหารที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไปไกล เด็กนี่แออัดแน่นอยู่เต็มไปหมด พอหาโต๊ะได้แล้วก็เอาปากกาวางจองไว้แล้วเดินไปซื้อข้าวกิน ระหว่างกินข้าว ตั๋งก็ยังคงโชว์ความสามารถพิเศษในการแดกไปคุยไปต่อให้ไม่มีใครฟังก็ยังจะคุย
“วันนี้ต้องหาชมรมนี่หว่า มึงอยากเข้าชมรมไรวะหญิง”
“ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้คิดไว้เลย”
“มึงอ่ะซัน” ตั๋งหันไปถามซันที่นั่งไหว้ข้าวหลังจากรวบช้อนส้อมเสร็จ ซันหันหน้ามามองตั๋งก่อนจะขมวดคิ้ว
“ขอคำถามอีกรอบหนึ่ง เมื่อกี้ไม่ได้ฟัง”
“มึงจะอยู่ชมรมอะไร”
“...ชมรมนอนมีไหม”
“...”
“มะ ไม่น่ามีมั้งซันเพื่อน”
“มันมีชมรมอะไรบ้างหล่ะ”
“ไม่รู้ว่ะ ต้องไปดูที่บอร์ดเอา กูว่าอยู่ชมรมอะไรโง่ๆก็ดีแหล่ะ ไม่อยากหากิจกรรมเพิ่มว่ะ แค่เรียนก็เหนื่อยแล้ว”
เรอะ…
กูว่ามึงพูดเหนื่อยมากกว่ามั้ง พวกผมกินข้าวกันอย่างชิวๆพร้อมกับฟังตั๋งจัดรายการกินไปบ่นไป รอจนคนกินกันเสร็จเกือบทั้งโรงอาหาร เพราะว่าช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมหาชมรมทั้งวันพวกผมเลยชิวกันเป็นพิเศษ ไม่รีบไม่ร้อน แต่พอมาอยู่ตรงสนามหญ้าที่รวมทุกชมรมเท่านั้นแหล่ะก็รับรู้ได้ถึงนรกทันที
‘ชมรมบาสเต็ม’
‘ชมรมดนตรีเต็ม’
‘ชมรมจิบชากับหนังสือยามบ่ายเต็ม’
‘ชมรมหรือแท้จริงเดรโกชอบแฮร์รี่เต็ม’
‘ชมรมนอนเต็ม’ เสือกมีชมรมนอนไปอีก...
แล้วชมรมเดรกับแฮร์รี่นี่คืออะไรไปอีก
“ฮืออออออ มึง เต็มหมดเลยว่ะ ทำไงดีวะ” ตั๋งดูดน้ำจากขวดพร้อมกับบ่นไปด้วย
“แย่งชิงมาก กูไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าแค่ชมรมจะต้องมาแย่งกันขนาดนี้”
“แม่งโคตรร้อน กูไม่อยากอยู่แล้วไอ้สัด ตั้งชมรมบูชาท่านตั๋งขึ้นมาแม่งเลยได้ไหม” ไม่น่าได้ กูคนหนึ่งแหล่ะที่ไม่เข้าร่วม ทำไมต้องมาบูชาไอ้หน้าตี๋อย่างมึงด้วย ผมได้แต่ส่ายหัวแล้วนั่งลงข้างๆมัน ส่วนซันเห็นขอตัวไปซื้อน้ำได้ซักพักแล้ว พวกผมเดินหาชมรมที่ว่างและกิจกรรมไม่หนักกันมาได้ชั่วโมงกว่าแล้วครับ ชมรมดังๆก็เต็ม ชมรมสบายๆก็เต็ม ชมรมที่แปลกๆไม่น่ามีได้ก็เต็ม แถมไอ้ที่เหลือก็มีแต่พวกชมรมฟิสิกส์สนุกสนาน ชมรมคณิตชื่นใจ ชมรมไบโอไอเลิ้บยู อยากให้ถามใจดู เปิดไปเจอแว่นปาดเจลเรียงกันเหมือนโคลนนิ่งปิดประตูหนีแทบไม่ทัน เห้อ
“เห้ พวก” ผมลืมตาหันไปมองซันที่วิ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มแข็งๆ
“อะไรวะซัน”
“กูมีข่าวดีกับข่าวไม่เชิงร้ายไม่เชิงดี”
“...”
“เอ่อ ขอข่าวดีก่อนแล้วกัน”
“กูหาชมรมได้แล้ว”
“เห้ย!! เพื่อนซัน ไมมึงโคตรคนเจ๋งของโลกใบนี้จังวะ!!” ตั๋งเด้งตัวยิ้มร่าทันทีพร้อมกับรีบบอกให้ซันเดินนำพาไปชมรม ซันก็พาเดินไปแบบมึนๆงงๆ ผมก็เดินตามแบบมึนๆงงๆ เดินมาซักพักชักกลัว นี่แน่ใจนะว่าชมรมไม่ใช่ว่าเป็นห้องภารโรง ลับตาชาวบ้านขนาดนี้ นึกถึงฉากบ้านแฮกริดในแฮรี่ขึ้นมาเลย
“เอ่อซัน แล้วข่าวไม่เชิงร้ายเชิงดีหล่ะ”
“อ๋อ กูลงชื่อพวกมึงไปแล้ว”
“ก็ดีสิวะ มีชื่อในชมรมแล้ว งี้ก็สบายแล้วมึง ว่าแต่ชมอะไรหรอ”
“ถึงพอดีเลย”
ซันยืนยกยิ้มแข็งๆแล้วผายมือใส่ประตูที่มีป้ายชมรมเขียนด้วยรายมือหวัดๆแปะใส่กระดาษไว้
‘ชมรมเรารักถั่วงอก’ สาบานมาทีว่านี่คือชมรม...
คือถามจริง? ถั่วงอก? ถั่วงอกเนี่ยนะ?
ยังไงดีอ่ะ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย นี่กูหนีชมรมฟิสิกส์มาเพื่ออยู่ชมรมเรารักถั่วงอกจริงๆหรอ แล้วทำไมต้องถั่วงอกวะ กิจกรรมหลักของชมรมคือทำอะไรอ่ะ ทำไมเราถึงต้องรักถั่วงอกขนาดนี้อ่ะ
“ซันเพื่อนรัก มึงบอกกูทีว่ามึงล้อเล่น”
“...”
“ไมมึงเงียบอ่ะ”
“ก็ไม่ได้ล้อเล่น”
“ไอ้ซัน มึงต้องล้อเล่น ไอ้เชี่ยยยยย ชมรมอะไรของมึง เรารักถั่วงอกเนี่ยนะ!! มึงคิดอะไรอยู่!!”
“ไม่ได้คิด พอดีเดินผ่านเห็นมันไม่มีคน”
“สัดเอ๊ย กูลืมบอกมึงว่ากูไม่ค่อยสนิทกับผัก กูไม่กินผัก ฮือออ ทำไงดีวะหญิง” เงาแค้นถั่วงอกไปอีก ตั๋งได้แต่จับแขนเสื้อซันน้ำตาตกใน ผมเองก็ช็อคแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ลงชื่อไปแล้วนี่หว่า ทำใจอย่างเดียว
ครืด!!
ยังไม่ทันที่ตั๋งจะโวยวายอะไรต่อ ประตูก็ถูกกระชากออกเสียก่อนโดยเจ้าของแรงกระชากที่ยืนยกยิ้มเหี้ยมอยู่
“พวกมึงเสียงดังมาก ต้นอ่อนถั่วงอกกูตกใจ รีบๆเข้ามา”
อะ... อินดี้เหี้ยๆ
ด้วยความที่พี่แกแลลุคนักเลงมาก พวกผมสามหน่อนี่ได้แต่เหงื่อตก ความกลัวบวกจู่ๆก็เกรงใจต้นอ่อนถั่วงอกตามที่พี่แกพูดเลยเดินตามพี่เขาเข้าชมรมไปแบบงงๆ ในห้องชมรมก็เป็นห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา มีโซฟาตั้งอยู่กับถาดทิชชู่วางระเกะระกะอยู่ตามพื้น ดูไม่เหมือนชมรมเท่าไหร่ครับ ซึ่งไม่แปลกใจ จะบ้าเรอะ!! ชมรมรักถั่วงอก!!
“เอ่อ พี่เป็นใครหรอครับ”
“ภารโรง”
“ห๊ะ!”
“หลอก กูเป็นประธานชมรม ระวังเท้าหน่อย นั่นกระถางถั่วงอก” หืม? ผมมองที่เท้าผมซึ่งมีลักษณะเป็นถาดพลาสติกที่มีแต่ทิชชู่โปะอยู่
...สรุปปลูกถั่วงอกจริงๆหรอวะ
“แล้วสมาชิก”
“มีกูแล้วก็...”
“ก็...?”
“ก็พวกมึงสามคน จบ”
ได้หรอ!!
สรุปชมรมหรือแค่รวมกลุ่มเล่นไพ่!!
“เอ่อ” ตั๋งเกาหัวแกรกๆส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากผม
“พวกมึงอาจจะคิดว่าการปลูกถั่วงอกเป็นอะไรที่ง่าย”
“...” พี่เขาเดินไปหยิบถาดถั่วงอกขึ้นมาทำหน้าจริงจัง
“ซึ่ง...”
“...”
“ก็ง่ายตามนั้นแหล่ะ ล็อตก่อนหน้านี้กูเด็ดไปกินกับผัดไทยแล้ว ปลูกสี่วันเอง”
แบบนี้ก็ได้หรอวะ!!!
คิดว่าจะพูดคำคมอะไรซักอย่างมาล่อใจซะอีก ถุ้ย!!
“...”
“เอาหน่ะ กูตั้งชมรมนี้มาเพราะกูขี้เกียจเข้าชมรม อยู่ๆกับกูเถอะ พวกมึงไม่อยู่ชมรมกูยุบ กูต้องไปอยู่ชมรมคณิตคิดไวแต่ใจเพื่อเธออะไรแบบนั้นแล้วนะ ไม่สงสารกูหน่อยหรอ” โห เป็นการชวนเข้าชมรมที่โคตรกันเอง ไอ้ตั๋งมันมองพี่เขาก่อนจะหัวเราะออกมาลั่น
“พี่แม่งโครตอินดี้เลยว่ะ เอาก็เอาพี่ ผมชอบคนคูลๆแบบพี่” เออ ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆเห็นด้วยกับตั๋ง ก็ดูไม่มีอะไรทำชิลสมใจพวกผมแล้ว แต่เอ๊ะ ผมว่าผมเคยเห็นหน้าเขาที่ไหนซักที่นะไอ้พี่ถั่วงอกเนี่ย
“พี่ ผมว่าผมคุ้นหน้าพี่ว่ะ เหมือนเห็นทีไหนมาก่อน”
“ถ้าจะเล่นมุกจีบสาวกับกูนี่กูไล่ออกนะ”
“ไม่ใช่สิพี่!!”
ว่าแต่...
แล้วมึงเป็นสาวเรอะไอ้พี่ถั่วงอก!!
“เออ มึงอาจจะคุ้นกูจากบนเวทีตอนเช้ามั้ง”
“...” ตอนเช้าหรอ? เหมือนมีแค่เข้าแถวแล้วก็ฟังผอ.พูด
“หรือว่าพี่เป็นผอ.โรงเรียน!!!” ไอ้ตั๋งได้โวยวายแทนผมไปแล้วเรียบร้อย...
“มึงตลกหรอไอ้ตี๋ เห็นกูหัวล้านหรือไง เดี๋ยวเบ้งให้หายโง่เลย กูเป็นประธานนักเรียน!!” เออจริงด้วย พี่ถั่วงอกนี่คือพี่ที่ไปพูดบนเวทีตอนเช้านี่เอง ผมอยู่แถวหน้าๆติดเวทีเลยพอจำได้อยู่
... ว่าแต่ ประธานนักเรียนเนี่ยนะมาตั้งชมรมถั่วงอก ถามใจดู พี่เขาแม่งต้องเครียดกับงานขนาดไหนวะ
“แล้วพี่ชื่ออะไรอ่ะ”
“จำไว้ให้ดีนะเพราะชื่อกูออกเสียงยากมากแล้วกูจะบอกแค่รอบเดียว”
“...” ไอ้ตั๋งรีบหยิบมือถือขึ้นมากดอัดเสียงทันที เพลย์เซฟครับ เผื่อพี่แกชื่อยาก ขนาดระบบความคิดพี่แกยังมายากขนาดนี้ เดี๋ยวมาแบบในเฟสไอ้ชื่ออุวะเหว่ๆอุวะงวยๆอุเหว่มอุเหว่มโอ่ซาสขึ้นมานี่จะเอาไปลงกระทู้พันทิปบ้างแล้ว
“กูชื่อ...”
“...”
“เป้”
“...”
“รอฟังอะไรกัน จบแล้ว กูชื่อเป้”
ไอ้ห่าพี่ถั่ว!!
มันยากตรงไหนเนี่ยพยางค์เดียว!! โวะ!!
จากนั้นกิจกรรมการเข้าชมรมเราก็หมดไปกับการฟังพี่แกอธิบายการปลูกถั่วงอกครับ ไม่มีอะไรมาก เหมือนที่เคยเรียนตอนประถม แช่เมล็ดถั่วเขียวในน้ำแล้วก็เอามาปลูกกับทิชชู่ พี่เป้แกไม่ลืมอวดว่าถั่วงอกร้านก๋วยเตี๋ยวที่โรงอาหารถาดแรกเป็นของชมรมอีกด้วย เชื่อแล้วว่าพี่แกรักถั่วงอกจริงๆ จบวันไปแบบงงๆ จะว่าไร้สาระก็ไม่เชิงเพราะดันได้วิธีปลูกถั่วงอกมาด้วยพอเป็นสาระประจำวัน
ผมโบกมือบ๊ายบายตั๋งกับซันพรางมองหาสนามบาสโรงเรียนไปด้วย เพราะพี่นัดผมไว้ว่าเลิกเรียนให้มารอที่สนามบาสเพราะพี่มันอยู่ชมรมบาสครับ โคตรหล่อเลยพอเอามาเทียบกับชมรมเรารักถั่วงอกของผม
“หญิงๆ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นอยู่ในสนามบาส ผมพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างสนาม พี่ก็รีบวิ่งตัวเปียกเข้ามาหาทันที
“อ่ะ ซื้อน้ำมาให้” ผมยื่นน้ำเปล่าเย็นๆไปให้พี่ซึ่งพี่มันก็รับไปกระดกทันที
“เป็นไงบ้างเรียนวันแรก มีเพื่อนยัง”
“มีแล้วสองคน”
“ไว้ใจได้ป่ะวะ”
“ก็ดีอ่ะ” ไม่ได้เลวร้ายอะไร ผมว่าผมออกจะโชคดีด้วยซ้ำ เพราะซันกับตั๋งดูเป็นนิสัยดี ถึงตั๋งจะพูดมากแล้วซันก็ดูมึนไปหน่อยก็ตาม
... จริงๆก็ไม่หน่อย แต่ก็ช่างเถอะ
“อ่ะ กูเก็บไว้ให้” พี่เดินไปหยิบเอกสารอะไรมาซักอย่างแล้วยื่นมาให้ผม ผมรับมาแบบงงๆ
“ใบสมัครชมรม? บาสเนี่ยนะพี่?”
“เออ กูเก็บไว้ห้าใบ เอาเพื่อนมึงเข้ามาก็ได้”
“หญิงเข้าชมรมไปแล้ว อีกอย่าง หญิงไม่เหมาะกับชมรมบาสหรอกพี่ เล่นบาสไม่เป็น” ซึ่งพี่มันก็รู้อยู่
แล้วครับ เพราะผมเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกายทุกชนิดยกเว้นท่านอน พี่มันบ่นอยู่ทุกวัน
“เข้ามานั่งเป็นตัวสำรองโง่ๆ จะได้อยู่ในสายตากูดีหน่ะ” พี่กระดกน้ำจนหมดขวดแล้วเดินเอาขวดไปทิ้งขยะรีไซเคิลข้างสนามระหว่างที่ผมได้แต่ใจเต้นกับคำว่าอยู่ในสายตา เห้อ เนี่ย มันก็เป็นซะแบบนี้ นิดๆหน่อยๆก็ยังเก็บมาดีกับใจได้ คนแอบรักแบบเต็มตัวจริงๆ พี่เดินไปลาเพื่อนก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินมาหาผม
“ป่ะหญิง พี่เพลงมารอรับแล้ว” พี่เพลงคือพี่ชายคนโตของพี่ครับ สงสัยพี่พามยังไม่เลิกเรียน พี่เพลงเลยต้องมารับแทน
“พี่เอาคืนไปเถอะ หญิงมีชมรมแล้ว”
“มึงเข้าชมรมอะไรไปวะ”
โห.. ตอบไม่ยาก แต่ไม่อยากตอบเลยวุ้ย
“ชะ ชมรมเรารักถั่วงอก”
“มุบมิบอะไรของมึง”
“หญิงอยู่ชมรมเรารักถั่วงอก”
“ห๊ะ สัด มึงบ้าป่ะเนี่ยหญิง มึงจะไปรักถั่วงอกทำไม” เออ กูก็อยากรู้เหมือนกัน นี่กูไปรักถั่วงอกทำไมวะเนี่ย
“ไม่รู้อ่ะแต่ลงชื่อไปแล้ว”
“เดี๋ยวกูพาไปเอาออกพรุ่งนี้ มาอยู่กับกูอ่ะดีแล้ว”
“ไม่เอาอ่ะ ชมรมถั่วงอกนี่ก็ดี”
“ไมมึงดื้อจังวะไอ้หน้าหมวย” หมวยพ่อง ผมหันไปต่อยพุงพี่มันทันที ซึ่งหาได้เจ็บไม่ครับ ฝ่ายนั้นหัวเราะจนตาปิดแล้วเอื้อมมือมาบีบคางผมเล่น
“อื้อ ก็ลงชื่อไปแล้ว” ผมสะบัดหน้าออกจากมือพี่มัน
“ไม่อยากอยู่กับกูหรอ” “...” มาแล้วครับ แชมป์นักชกใต้เข็มขัดเบอร์หนึ่งของประเทศ อยากจะหันไปตะโกนใส่หน้าว่าใจกูอ่ะอยู่กับมึงไปนานแล้ว ไอ้พี่โง่ แต่สุดท้ายก็ใจไม่กล้าพอได้แต่ปั้นหน้าหงุดหงิดแล้วหันหน้าหนีพี่มัน
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มึงอยากอยู่กับถั่วงอกมากกว่ากูห๊ะ ไอ้หมวย”
“พี่ขี้สปอยล์มากไปแล้วป่ะบางที”
“เออ กูก็คิดนะ” พี่หัวเราะแล้วเอามือมาขยี้หัวผม
“...”
“แต่มึงจะอยู่ให้กูสปอยล์ไปอีกนานเท่าไหร่เถอะ เนี่ย เริ่มดื้อแล้ว”
ผมได้แต่ยิ้มตอบไปเบาๆ ทั้งๆที่ในใจก็ได้แต่ตะโกนเสียงดังตอบไป
...อยากให้สปอยล์ตลอดทั้งชีวิตนั่นแหล่ะ
พี่เถอะจะอยู่ตามใจผมแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
-----------
เอาใจช่วยยัยหมวยจากคนขี้อ่อย 5555555555