Dinner
ตั้งแต่สามวันก่อน แม่ทัพเชมัลบอกกับอาเม่ยไว้ว่า รองแม่ทัพดาวิชสหายเก่าจากเมืองบาสก์จะเดินทางเยือนเมืองวันด้วยงานราชการเป็นเวลา 3 วัน แต่ในวันที่ 3 หลังเสร็จสิ้นงานราชการแล้ว จะแวะมาร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน จากนั้นก็จะเดินทางกลับ
รองแม่ทัพดาวิช ยังเป็นเชื้อพระวงศ์เมืองบาสก์ ซึ่งมีอายุเท่ากับพระราชาฟารัคแห่งเมืองวัน แต่กลับมีความสนิทและคบหากับแม่ทัพเชมัลดั่งสหาย เนื่องด้วยพระราชาฟารัคที่แม้จะมีอายุเท่ากัน แต่เพราะการที่ทรงเป็นพระราชาจึงมีความห่างเหินกับรองแม่ทัพต่างเมืองอยู่หลายระดับ ส่วนแม่ทัพนาซิมก็เป็นผู้ที่ไม่มีท่าทีเป็นมิตรกับใคร
อย่างไรก็ตาม เมื่อสหายต่างเมืองจะเดินทางมาเยือน แม่ทัพเชมัลย่อมอยากโอ้อวดเสี่ยวเม่ยของเขาให้สหายได้รู้จัก
ในเรื่องของการเลี้ยงอาหารค่ำ อาเม่ยไม่ได้กังวลเรื่องการเตรียมอาหารมากนัก แต่กลับเป็นกังวลเรื่องที่เรือนพักของแม่ทัพเชมัล ออกแบบมาเพื่อให้เป็นที่พัก มิใช่ที่รับแขก
อย่างที่ทราบกัน เรือนพักของแม่ทัพเชมัล ประกอบไปด้วยบ้านหลังใหญ่ของแม่ท้พเชมัลกับอาเม่ย กับหลังเล็กของต้าซัน แล้วก็เป็นบ้านพักของคนรับใช้ หาได้เป็นกลุ่มเรือนพักขนาดใหญ่ แบบตำหนักของเสนาบดีทั้งหลาย ก็อย่างที่มีเสียงนินทาลับหลังว่าตำหนักของราชองครักษ์ฮูดาซึ่งยังมีศักดิ์เป็นเขยของเจ้ากรมเมืองในเวลานี้ ยังมีขนาดใหญ่กว่าเรือนพักของแม่ทัพเชมัลเสียอีก
แต่แม่ทัพเชมัลหาได้สนใจไม่ อ้างว่าอาเม่ยชอบบ้านที่มีคนไม่มากนัก
ตัวของแม่ทัพเอง ที่เคยอยู่ในค่ายทหารมาตลอด ตอนแรกที่ย้ายมาอยู่เช่นนี้ก็รู้สึกว่าเงียบเกินไป แต่ไม่นานนักก็กลับชื่นชอบ ในเวลานี้เมื่อต้องไปงานราชการต่างเมือง พำนักอยู่ในพระราชวัง หรือ ตำหนักที่ทางการจัดเตรียมไว้ให้ กลับรู้สึกว่าวุ่นวาย
เมื่อถึงวันที่รองแม่ทัพดาวิชจะมากินเลี้ยงที่เรือนพัก ต้าซันมีกำหนดต้องไปสอนหนังสือให้ท่านหญิงน้อยลาทิฟาตั้งแต่เช้า แต่ก็ช่วยเตรียมงานจัดสถานที่ให้ก่อนแล้วค่อยออกไป โดยไม่ลืมแวะทักทายเจ้าแพะแก่ที่โรงม้า
ส่วนแม่ทัพเชมัลที่พักค้างคืนในพระราชวังตั้งแต่เมื่อคืน เดินทางกลับมาในตอนค่ำพร้อมกับรองแม่ทัพดาวิช ร่วมด้วยกลุ่มผู้ติดตามอีกนับสิบคน
แม้จะมีตำแหน่งรองแม่ทัพ แต่หากเทียบกันแล้วกลับดู 'ยิ่งใหญ่' กว่าบรรดาแม่ทัพของเมืองวันหลายเท่าตัว
ลูกไฟกองเล็กในอกของอาเม่ยเริ่มขยับตัว ทันทีที่เห็นแขกกลุ่มนี้เดินเข้าในบ้าน แต่ในฐานะที่เป็นคนรักของแม่ทัพเชมัลแล้ว อาเม่ยจำต้องยิ้มแย้มแจ่มใสให้การต้อนรับ
คนผู้นี้มีผิวสีทองแดง ตัวหนา เสียงดัง ดื่มเหล้าแทนน้ำซึ่งข้อนี้ทิ้งห่างแม่ทัพเชมัลไปไกล
หลังการแนะนำตน ก็คือการดื่มกิน
อาหารที่ทยอยขึ้นโต๊ะในค่ำวันนี้ เน้นไปที่เนื้อสัตว์ และน้ำซุปเข้มข้น ต่างจากอาหารที่เมืองบาสก์ รวมถึงอาหารในวัง รองแม่ทัพดาวิช ตลอดจนคณะผู้ติดตามออกปากชมไม่หยุด
"ถึงพระราชาฟารัคจะเป็นเวทย์ขาว แต่ใครจะไปล่วงรู้ได้ว่าในพระทัยคิดอันใดอยู่ เกิดดื่มกินจนเมามาย แล้วพูดจาอันใดที่ไปขัดพระกรรณเข้า จะยิ่งแย่"
แม่ทัพเชมัลเพียงหัวเราะ ซึ่งทำให้รองแม่ทัพดาวิชเชื่อในความคิดของตน
จากนั้นรองแม่ทัพดาวิช ก็หันมานินทาแม่ทัพเชมัลซึ่งหน้า ว่าเป็นบุคคลที่โหดร้ายไร้ความปรานี
"ที่ยิ้มๆ นี่ไม่เชื่อใช่ไหม" รองแม่ทัพดาวิช ขยายเรื่องราวยืนยันคำกล่าวของตนเอง แล้วสรุปว่า "เวทย์ของเชมัลน่ากลัวเกินไป จนไม่มีใครคิดอยากท้าทาย หรือขัดใจ ถ้าดีมาเชมัลก็ดีกลับไป แต่หากคิดจะลงมือแล้วละก็ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตได้"
อาเม่ยหันไปมองคนที่จิบเหล้าเงียบ ๆ นึกถึงเหตุการณ์ที่เมืองเหนือในช่วงก่อนหน้านี้ ก็คิดว่าเป็นจริงตามนั้น ถึงจะบรรดาพระญาติ และเสนาบดี ที่ไม่ค่อยชอบแม่ทัพเชมัล แต่ก็ไม่สามารถโต้แย้งอะไรมากนัก
แต่หัวข้อที่รองแม่ทัพดาวิชทำให้แม่ทัพเชมัลต้องหัวเราะฝืนๆ ก็คือการที่อีกฝ่ายให้ความสนใจไต่ถามว่า แม่ทัพเชมัลมีเพียงอาเม่ยคนเดียวจริงหรือ
"จริง" แม่ทัพเชมัลกล่าว
"เฮ้ย.." รองแม่ทัพดาวิช เริ่มหาเรื่องเดือดร้อนให้กับตนเอง "ลูกผู้ชาย จะมีภรรยาเพียงคนเดียวได้อย่างไร พระราชาฟารัคเองยังมีตั้ง 3"
"นั่นเพราะฐานะของพระองค์"
"แล้วฐานะของแม่ทัพเล่า มิต้องสมรสเพื่อรักษาฐานะหรือไร"
"ไม่ต้อง"
รองแม่ทัพดาวิชโบกมือ "ข้ารู้เรื่องคำสาบานของเจ้า รู้ว่าเมืองวันมีกฎหมายแปลกประหลาดมากมาย แต่ทุกข้อย่อมมีทางหลีกเลี่ยง อาเม่ยเป็นชายงามที่เปี่ยมด้วยพลังเวทย์ก็จริง แต่หากจะหาอนุอีกสัก 2-3 คนที่เกี่ยวข้องกับพวกเสนาบดี หรือ ผู้คุมกำลังทางทหารจะดีกับการรักษาฐานะ โดยเฉพาะหากรัชทายาทเป็นผู้ที่มาจากสายเสนาบดี หรือหากสนใจผู้กุมอำนาจจากฝ่ายเมืองบาสก์ ข้าก็พร้อมสนับสนุนจัดหามาให้"
คำกล่าวของรองแม่ทัพดาวิช เป็นเรื่องที่มีเหตุผล เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับพระราชาฟารัค แต่พระราชาฟารัค กลับมิเคยบังคับจิตใจอนุชาทั้ง 2 ในเรื่องนี้
จริงอยู่ที่ทรง 'พยายามจัดหา' ให้กับแม่ทัพนาซิม แต่ก็มิได้บังคับให้ต้องทำตามพระประสงค์ เนื่องด้วยทรงตระหนักดีว่า เป็นเรื่องที่ยุ่งยากลำบากใจเพียงใด
ส่วนอนุชาทั้ง 2 พระองค์ก็หาได้เจ้าชู้ไม่
แม่ทัพเชมัลคล้ายจะเจ้าชู้ แต่ที่แท้ในใจก็มีเพียงอาเม่ยมาตลอด
ส่วนแม่ทัพนาซิม ภรรยาก็เสียชีวิตไปหลายปี ก็ยังไม่มีผู้ใด
แม่ทัพเชมัลหันไปมองอาเม่ยที่กำลังส่งสายตาแหลมคมมาให้แล้วหันมายกเหล้าขึ้นดื่ม รองแม่ทัพดาวิชกลับหัวเราะเสียงดังประสานกับบรรดาผู้ติดตาม "กลัวเมียขนาดนี้..."
"เนื้อย่างรสดีหรือไม่" แม่ทัพเชมัลถาม
"ดีสิ อร่อยมาก ไปมาทั่วเพิ่งเคยกินของอร่อยเช่นนี้"
"เช่นนั้นก็ดีแล้ว กินของอร่อยไป อย่าได้หาเรื่องให้เขาไม่ทำของอร่อยให้กินเลย"
แม่ทัพดาวิช ชะงักมองแม่ทัพเชมัล หันไปมองอาเม่ย แล้วหัวเราะจนเหล้าในจอกสั่นไหว "นั่นสำคัญมาก สำคัญที่สุดแล้ว นอกจากเรื่องหลับนอน จะมีเรื่องอันใดสำคัญไปกว่าการกินของถูกปาก"
กล่าวตามตรงทุกคำพูดที่ออกมาจากรองแม่ทัพเมืองบาสก์ทำให้อาเม่ยไม่พอใจไปเสียทั้งนั้น จนกระทั่งองครักษ์ซันที่เป็นผู้ใช้ไฟเช่นเดียวกันต้องสะกิดชวนให้เดินออกไปด้านนอกด้วยกัน
หากรองแม่ทัพดาวิชเป็นผู้ที่กล่าวคำรุ่มร่ามโดยไม่ระวังตนแล้ว บรรดาผู้ติดตามก็มีสายตากรุ้มกริ่มใส่หญิงรับใช้ที่ออกมาช่วยงาน จนหัวหน้าองครักษ์รอมต้องบอกให้ไปอยู่แต่ในครัว ส่วนงานด้านนอกให้คนรับใช้ชายกับองครักษ์ของแม่ทัพเชมัลเป็นผู้ดูแลเอง
จากหน้าห้องครัว อาเม่ยมองแม่ทัพเชมัล แล้วมองสหายเจ้าสำราญของแม่ทัพ แล้วคิดว่าต้องทำบางสิ่งบางอย่าง
เรื่องวางใจแม่ทัพเชมัลนั้น ไว้ใจอย่างแน่นอน แต่สหายเช่นนี้ไม่น่าวางใจเลยสักนิด
จนกระทั่งต้าซันกลับมา แม่ทัพเชมัลก็แนะนำให้รู้จัก
รองแม่ทัพดาวิช มองคู่พี่น้องแล้วส่ายหน้า "น้องชายเป็นชายงามทั้งมีพลังเวทย์ พี่ชายกลับ..."
แม่ทัพเชมัลเห็นอาเม่ยกำมือแน่นก็รีบพูดตัดบท
"พวกเขาเป็นพี่น้องที่รักกันมาก หากเล่าเรื่องออกมา ท่านต้องอิจฉาแน่นอน"
นั่นเองรองแม่ทัพดาวิชจึงหันมาเล่าเรื่องพี่น้องของตนเอง ผ่านไปพักใหญ่จนสุราที่เตรียมไว้หมดลง เหล่าคณะจากเมืองบาสก์จึงอำลา
เมื่อส่งแขกกลับไป แม่ทัพเชมัลก็โอบเอวอาเม่ยเดินเข้าบ้าน ปล่อยให้คนรับใช้และองครักษ์ช่วยกันเก็บกวาด
แม่ทัพเชมัลจับอาเม่ยขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก
"อะไรที่ไม่ชอบใจ ก็ให้มันกลับไปกับคนพูดเถิด"
"ท่านพี่คบหากับคนเช่นนี้ได้อย่างไร" อาเม่ยหน้างอ
ริมฝีปากหนาจูบปากแล้วก้มลงจูบไซ้คอ มือใหญ่ปลดเข็มขัดออกจากเอวบาง
"นานๆ เจอกันน่ะ เขาเป็นรุ่นพี่ เมืองบาสก์เป็นราชวงศ์ใหญ่ การเมืองซับซ้อนก็ย่อมมีการสมรสเพื่อคานอำนาจกัน"
"น่าสงสารสตรีของพวกเขา"
"ฮื่อ"
ริมฝีปากหนาดูดต้นคอขาวบาง แล้วกลับมาจูบแก้ม มือใหญ่สะกิดยอดอกบาง
นอกเรือนพัก ยังมีคนทำงานกันอยู่ เสียงวิ่งโครมครามขึ้นมาอาเม่ยสะดุ้งรีบผลักแม่ทัพเชมัลออก แต่ยังช้ากว่าคนที่เปิดประตูบ้านเข้ามา
"โอ๊ะ!" ต้าซันรีบหันหลังให้ ทั้งปิดประตูในทันที
"พี่ใหญ่ มีอันใด"
"ไม่ ไม่มี" ต้าซันรีบบอก แต่เพราะยืนอยู่หน้าบ้าน ที่ยังมีคนทำงานอยู่ ทำให้หัวหน้าองครักษ์รอมรีบวิ่งขึ้นเรือนมาดึงต้าซันให้กลับออกมา
แม่ทัพเชมัล กลับเป็นผู้ที่เปิดประตูออกมาก่อน สีหน้าบึ้งตึง
"มีเรื่องร้อนอันใด"
"เอ่อ คือ" ต้าซันกระดากใจ จนแม่ทัพเชมัลต้องถามซ้ำ "แพะแก่หายไป"
แม่ทัพเชมัลเกือบหลุดปากถามว่า นี่คือเรื่องร้อนของต้าซันงั้นหรือ แต่อาเม่ยกลับโผล่พรวดออกมาจากทางด้านหลัง
"อะไรนะ มันหายไปหรือ" พูดยังไม่ทันจบประโยคอาเม่ยก็วิ่งนำพี่ชายออกไปที่โรงม้า
จากนั้นพี่ชายกับน้องชายก็พากันออกไปตามหาแพะแก่ด้วยกัน
หายไปนับชั่วยาม ต้าซันจึงอุ้มแพะแก่กลับมาด้วย ใบหน้ายิ้มแย้มเจื่อนลงทันทีที่เห็นแม่ทัพเชมัลยืนกอดอกมองอยู่ตั้งแต่หน้าบ้าน
อาเม่ยที่รู้ใจทั้งคนรักและทั้งพี่ชายรีบเข้าไปกอดแขนแม่ทัพเชมัลดึงให้เข้าไปในบ้าน ขณะที่ได้ยินเสียงองครักษ์แซนที่อยู่เวรในคืนนี้ ไต่ถามต้าซันว่าไปพบแพะแก่ที่ใด
"ข้ากำลังยกถ้วยชามไปให้คนครัวเก็บล้าง กำลังว่าจะตามไปช่วยหา หันมาอีกทีเจ้าหายไปแล้ว"
"โอ้ย ไม่เป็นไร" ต้าซันอารมณ์ดี "เจ้านี่มันแก่แล้ว มันไปไหนไม่ไกลหรอก แต่ที่กลับมาช้า เพราะมันมืดแล้ว มองหายากหน่อย"
อาเม่ยรู้ว่าแม่ทัพเชมัลอารมณ์ไม่ดีที่ถูกขัดใจ ทั้งตนเองก็รีบออกไปในทันทีโดยไม่ได้บอกกันสักคำ เพราะมิเช่นนั้นแล้วแม่ทัพเชมัลคงต้องออกไปช่วยตามหาอย่างแน่นอน
"เหนื่อยจัง อยากอาบน้ำแล้ว" อาเม่ยกอดแขนช้อนตามองอีกฝ่าย
ดวงตาแบบนี้ ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของอีกคนสลายไปในทันที ต้องหันไปมองทางอื่น พลางเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ
อาเม่ยหันมาหา จะอ้าปากถาม อีกคนก็ถอดเสื้อผ้าออกให้ นิ้วมือใหญ่แตะสัมผัสไปเรื่อย ขณะที่อาเม่ยถอดเสื้อผ้าให้อีกคน
"ท่านพี่อาบน้ำแล้วหรือ"
"อาบแล้ว"
"เช่นนั้น ท่านพี่อาบให้น้อง"
แม่ทัพเชมัลยิ้มให้คนที่ทำตาหวานเชื่อม
"รู้ตัวว่าทำให้ไม่พอใจละสิ"
"รู้" อาเม่ยลากเสียง พลางหันหลังให้อีกคนราดน้ำเย็นให้ "ออกไปได้หลายก้าวแล้ว ถึงนึกขึ้นมาได้ว่า วิ่งออกไปโดยไม่ได้ขอท่านก่อน กลับมาท่านพี่ต้องไม่พอใจแน่ๆ"
"เหอะ" แม่ทัพเชมัลแสร้งกระแทกเสียงในลำคอ ทั้งที่ในใจไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่า เรือนร่างและน้ำเสียงของคนที่อยู่ด้านหน้า
ฝ่ามือลูบไล้อ้อยอิ่งอยู่ที่ยอดอกบาง ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายที่แตะอยู่ที่เอวบางดั่งไม่ได้ตั้งใจ
"ขอโทษ ที่ใจร้อนไปหน่อย"
"อืม"
"ไม่โกรธใช่ไหม"
"ไม่หรอก"
"ขอโทษแทนดาวิช ที่พูดจาไม่น่าฟัง"
"ไม่เห็นต้องไปขอโทษแทนเขาเลย เว้นแต่ท่านจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน"
แม่ทัพเชมัลถึงกับหยุดมือที่กำลังลวนลาม "ไม่มีวัน"
"แน่นะ" อาเม่ยหันมาหา พลางหรี่ตาลง
แม่ทัพเชมัลกลับมาไม่เข้าใจตนเอง เพราะเมื่อครู่ตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบให้อีกคนง้ออยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นถูกซัก
"แน่นอนที่สุด พี่จะไปมองหาคนอื่นได้อย่างไร"
"ว่ากันว่าสหายกัน ก็ย่อมมีนิสัยคล้ายกัน"
"นั่นไม่จริงสักหน่อย"
อาเม่ยแกล้งต่อ "ตอนที่กำลังหนุ่ม เลือดร้อน น่าจะมีอยู่สักหน่อยละนะ"
"นั่นมันเรื่องในอดีต" แม่ทัพเชมัลสารภาพ
คนซักถามไม่แปลกใจเลยสักนิด "ก่อนฮูดาอีกหรือ"
"เสี่ยวเม่ย"
"ไม่ต้องมาเสี่ยวเม่ยเลย ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าท่านก็ต้องมีประสบการณ์มามากพอตัวทีเดียว" ชั้นเชิงในห้องนอนขนาดนี้ "แล้วตอนที่มีฮูดา ท่านยังมีอะไรกับคนอื่นอีกหรือไม่"
แม่ทัพเชมัลทำหลับตาพลางพยักหน้า
"ท่านฮูดาไม่อาละวาดหรือไร"
"ก็.."
"แล้วพอมีเก้าล่ะ"
"ก็..."
"เข้าใจละ"
"เข้าใจอันใด ตั้งแต่วันที่เจ้าเดินเข้ามาที่นี่ พี่ก็ไม่มีใครอีกเลยนะ นี่คือเรื่องจริงแท้ที่สุด"
อาเม่ยรู้ว่านี่คือเรื่องจริง ทุกคำของแม่ทัพเชมัลคือความจริง แต่การทำให้คนกล้ามีท่าทีกังวลเช่นนี้มันกลับสนุกมาก...
"ไปต่างเมืองเจอหนุ่มน้อย ก็ทำดีกับเขาหรือไม่"
"ไม่" แม่ทัพเชมัลตอบทันที
"ดี คำถามสุดท้าย" คนตัวโตพร้อมตอบคำถาม "ท่านพี่เคยมีอะไรกับสตรีหรือไม่"
แม่ทัพเชมัลอึ้งไปครู่ แล้วพยักหน้า
อาเม่ยจับไหล่หนากดให้คุกเข่าลง ดวงตาสีแปลกก้มมองคนที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
"เรื่องในอดีตก็คืออดีต ผ่านไปแล้วล้วนไม่ติดใจอันใด"
ถึงยามนี้แม้แต่เรื่องของต้นห้องเก้าก็มิได้ทำให้เกิดความรู้สึกใดๆ แต่เพราะแม่ทัพเชมัล มีเพื่อนเจ้าสำราญอย่างรองแม่ทัพดาวิช การเดินทางไปต่างเมืองเป็นเวลานานอาจเกิดเรื่องราวขึ้นได้ จึงต้องมีการเตือนกันไว้สักหน่อย
"ต้องการหรือไม่" อาเม่ยถามเสียงต่ำ
เพียงแค่ลมหายใจที่เข้ามาใกล้ ก็ทำให้คนที่กำลังแสร้งทำท่าทีว่าเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่า กลับรู้สึกคล้ายกำลังทรมานตนเอง มากกว่าการกำลังข่มขู่อีกฝ่าย
ดวงตาสีเข้มที่มองตอบ ยังคงเต็มไปด้วยความเข้าใจและอ่อนโยน
"คนเดียวที่พี่ต้องการคือเจ้า"
ฝ่ามือใหญ่ช้อนกระชับสะโพกบาง จูบแก่นกายสีอ่อนที่กำลังตื่นตัว ความรุ่มร้อนต้องการที่ค้างคามาตั้งแต่ชั่วยามก่อนยิ่งเรียกร้องมากกว่าเดิม
ทั้ง 2 ต่างมีความต้องการอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อแก่นกายอุ่นร้อน อยู่ห่างจากปลายทางไม่ไกลนัก คนตัวใหญ่ก็ลุกขึ้น ใช้ผ้าผืนใหญ่หุ้มตัวน้อง แล้วอุ้มออกมาที่ห้องนอน
มือใหญ่ใช้เวลานานกว่าที่จะแกะผ้าออกหมด ด้วยทั้งจูบทั้งลูบไล้
น้ำมันหอมขวดใหม่ ที่เพิ่งได้รับมาส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
"น้ำมันหอมสกัดจากแก่นจันทน์"
"หืม" อาเม่ยกะพริบตามอง เก้อเขิน
"รู้ละสิว่ามันมีผลอย่างไร"
อาเม่ยกลับไม่ตอบ แก้มใสเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด ลามจนมาถึงอก
"ที่จริงอาหารวันนี้มันก็อร่อยดี" แม่ทัพเชมัลจู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง แต่กลับหยดน้ำมันสกัดลงที่ช่องทางอ่อนไหว
คนตัวเล็กผวาเฮือกกระตุกสะโพกบาง
"ทะ ท่าน พี่.."
มือเล็กๆ จับข้อมือใหญ่ที่แทรกเข้าหาช่องทางหวามไหว
"มะ มัน มัน น้ำมัน นี้..."
ปลายลิ้นตวัดผ่านยอดอกบาง แล้วก้มลงขบแก่นกายอุ่น
อาเม่ยน้ำตาไหลพราก ความต้องการมากมายใกล้ท่วมท้น ริมฝีปากหนาดูดแรง พาสะโพกบางยกตัวตามมาด้วยแล้วทิ้งตัวลงหอบ
แยกเรียวขาออก แล้วแทรกตัวเข้าหาช้าๆ อาเม่ยแอ่นตัวโค้งรับ น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความพอใจ
"เสี่ยวเม่ย" มือใหญ่สัมผัสริมฝีปากสวยที่ถูกจูบจนช้ำ "ให้ชายงามนับร้อย หญิงงามนับพัน ไม่อาจเทียบเจ้าได้แม้แต่เงา"
หยาดน้ำตาเอ่อล้นจากดวงตาสีแปลก ริมฝีปากเผยอเชิญชวนให้ดื่มกินไม้รู้จักอิ่ม
เนิ่นนานจนรุ่งเช้า ความรุ่มร้อนในห้องนอนจึงเบาบางลง
...
แม่ทัพเชมัลใช้น้ำมันนวดเอวให้คนที่นอนร้องโอดโอยจากการปวดเอวเจ็บหลัง ทั้งบ่นกระปอดกระแปดเรื่องรอยจูบชัดเจนที่ลำคอ
"บอกตั้งหลายครา ว่าอย่าจูบที่นี่ เวลาพี่ใหญ่มองแล้วยิ้มๆ น่ะ มันเขินนะ"
"ก็เห็นเจ้าชอบ" แม่ทัพชี้แจง
กล่าวตามตรงเวลาที่กำลังทายาให้เช่นนี้ ยังรู้สึกต้องการกอดรัดอีกคนไว้ แต่รู้สึกสงสารจับใจที่อีกคน มีรอยจูบช้ำไปทั้งตัว
"ก็แค่พอควรน่ะ พอควรเข้าใจไหม นี่ทิ้งรอยไว้ชัดขนาดนี้ อีก 3 วันมันจะจางลงไหม"
อาเม่ยชี้ที่ลำคอที่มีรอยจูบชัดเจนเป็นแนว
คนตัวโตอดไม่ไหว ก้มลงขบฟันที่ไหล่แล้วดูดย้ำ
"อะ บอกว่าอย่าดูด" อาเม่ยโวยวาย แต่เพราะนอนคว่ำอยู่ แถมยังปวดเอวปวดหลังขนาดนี้ จะดิ้นรนก็ยิ่งเจ็บปวดหนักกว่าเดิม "ไอ้แม่ทัพบ้านี่"
"เนื้อของน้องอร่อยดี" แม่ทัพเชมัลเฉไฉ
อาเม่ยหันมาทำตาปริบๆ "เหมือนเมื่อคืนจะพูดอะไรคล้ายๆ แบบนี้"
"อ้อ ใช่" แม่ทัพเชมัลก้มลงขบใบหูอีกคนก่อนตอบ "พี่บอกว่า อาหารเมื่อคืนนี้อร่อยดี"
"แล้ว...."
"เนื้อของน้องอร่อยกว่า"
อาเม่ยคว้าหมอนหันมาทุบอีกคน "ดูพูดเข้าสิ"
มือใหญ่รวบจับข้อมือเล็กๆ ไว้เหนือศีรษะ ดวงตาสีเข้มห่างไม่ถึงคืบ
"ขอพักสัก 3 วัน ไม่สิ สัก 7 วันได้ไหม" อาเม่ยวิงวอนอย่างน่าสงสาร
คนตัวโตส่ายหน้าช้าๆ "ไม่ได้ เพราะพี่เป็นคนใจร้ายมาก เจ้าไม่เคยได้ยินที่เขาลือกันหรอกหรือ ที่เขาบอกว่า แม่ทัพเชมัลเป็นคนโหดเหี้ยม ใจร้ายมากน่ะ"
"ก็ไปใจร้ายกับคนอื่นในเรื่องอื่นสิ"
"เรื่องอื่นกับคนอื่น งั้นเรื่องนี้ใจร้ายกับเจ้าได้คนเดียว"
อาเม่ยอ้าปากจะเถียงแล้วต้องถอนหายใจ "ท่านมันคนเอาแต่ใจ ร้ายกาจ ขี้อิจฉา"
จากการโต้เถียง กลายเป็นเสียงหัวเราะ และเสียงหอบหายใจ.....
...จบตอนพิเศษ Dinner...