http://www.youtube.com/v/0W7OcUWmMZEมันดึงแขนผมไปจับมือไว้อีก
“กูว่าจะซื้อรถแบบเจ็ดที่นั่งอะ พับเบาะได้ เป็นแวนในตัว ฮอนด้าแวนตัวใหม่ก็สวยนะ”
“เอ้ยจริงดิ มันจะไม่แพงไปเหรอไหนว่าห้ามเกินล้าน”
“ก็พอสู้ได้ ถูกกว่าแอคคอร์ดนิดๆ ซื้อเงินสดไม่แพงหรอก ล้านกับอีกจิ๊ดเดียว”
“เแต่แจ๊ซน่ารักดีนะ ผมชอบ”
“อ้าวเหรอ แต่ว่า.....” พี่เอย์ทำท่าทางอึกอักแปลก ๆหยุดเดินก้มหน้าคิ้วขมวดคล้ายคิดอะไรบางอย่าง ผมก้มลงไปมองมัน
“ทำไมครับ พี่อยากได้คันใหญ่ๆเหรอ”
“ก็...”
“ก็อะไร”
“ก็เผื่อว่ามีน้องหมา เวลาเราไปเที่ยวทะเลไม่ก็ภูเขาด้วยกัน จะได้พาน้องไปด้วย”
“หืม?”
“ถ้าเราออกเป็นรถครอบครัว เผื่อน้องตัวโตขึ้นจะได้นอนเล่นอยู่หลังรถแบบสบาย ๆ มึงจะปูที่นอนให้น้องก็ยังได้ ถังเสื้อผ้าของเล่นของใช้ของน้อง”
เชื่อเขาเลย...นี่เรากำลังพูดถึงน้องหมานะ ทั้งที่มันเคยง๊องแง๊งบอกไม่อยากจะเลี้ยงเพราะกลัวผมให้ความสนใจกับหมามากกว่ามัน แต่ในที่สุดคุณชายก็ยอมตามใจผมอยู่ดีเพราะรู้ว่าผมชอบ หัวใจรู้สึกอุ่นขึ้นมายังไงบอกไม่ถูก สอดมือกอดเข้าที่เอวมัน เรากำลังจะเดินข้ามมาที่รั้วบ้านผมอยู่แล้วแต่ผมอดไม่ได้จริง ๆ ซุกหัวเข้าที่อกกว้าง
“ขอบคุณมากครับพี่เอย์”
“กูทำได้ทุกอย่างเพื่อมึง แล้วก็ทิ้งได้ทุกอย่าง เพื่อมึงเช่นกัน”“พี่เอย์”
“กูไม่มีอะไรแล้วนะปิง นับจากวันพรุ่งนี้ กูเหลือแต่มึงเท่านั้น”
“....ผมทำให้พี่ลำบาก” นี่คือความรู้สึกที่ติดอยู่ในใจผมมาตลอด ตั้งแต่รู้ว่ามันคิดจะย้ายออกมาจากบ้านแบบจริงจัง คนที่ยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างผม พี่เอย์ลำบากเพื่อผมมากมายจริง ๆ
พี่เขาส่ายหน้าช้า ๆ “นี่คือสิ่งที่กูเลือกเอง ถ้ารักกูห้ามพูดคำนี้อีกนะ” มือใหญ่ลูบลงที่หัวผมอย่างที่เคยทำ
“ลำบากกายกูไม่เคยกลัว ถึงแม้บางอย่างจะไม่เคยทำแต่ก็คิดว่าจะสามารถก้าวผ่านมันไปได้ เพราะว่ามีมึงอยู่ข้าง ๆ แค่นั้นเองที่กูต้องการ
กูจะอยู่กับมึงจนกว่าผมของมึงจะกลายเป็นสีขาวเลย”“.......” ผมก้มหน้าระบายรอยยิ้มออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ รู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก น้ำตารื้นออกมาคลอจนเต็มหน่วย ขณะที่มือใหญ่และเย็นนั้นยังลูบอยู่ที่ศีรษะ ริมฝีปากกลับพึมพำท่วงทำนองไพเราะมากๆ
♫ ♫ ~ ♪ “.........动也不能动 也要看着你
直到感觉你的发线 有了白雪的痕迹
直到视线变得模糊 直到不能呼吸
让我们 形影不离......” ♫ ♫ ~ ♪
พี่เขายิ้มอ่อนโยนส่งให้ขณะที่ผมแปลไม่ออกเลยสักนิดว่าเพลงที่มันร้องมีความว่าอย่างไรบ้างรู้แต่ว่าเพลงเพราะมากเสียงพี่เอย์ทุ้มและนุ่ม ผมทำหน้าสงสัยกำลังจะอ้าปากถาม พี่เขาใช้ปลายนิ้วชี้ทาบลงที่ริมฝีปากแล้วส่ายหน้าประมาณว่าอย่าถาม ผมขมวดคิ้วขณะที่มันยังยิ้มและดึงตัวผมเข้าไปกอด
“คราวนี้มึงไปเสิร์ชหาไม่ได้เหมือนภาษาอังกฤษหรอกนะ”
“พี่เอย์พี่มันแย่ที่สุด คนอะไรจะพูดได้หลายภาษาแบบนั้น ผมเองก็อยากจะรู้นะความหมายของคำพวกนั้น”
“จะรู้ไปทำไม บอกก่อน”
“ไม่รู้แหละ ผมก็อยากรู้ของผมเหอะ ทำนองมันก็เพราะแถมพี่ยังร้องมันออกมาในช่วงเวลาแบบนี้ ทำท่าซึ้ง ๆ ผมก็คิดว่า......”
“คิดว่าอะไรครับ?” น้ำเสียงพี่เอย์เหมือนคนรู้ทันแทรกขึ้นมา นั่นยิ่งทำให้ผมเขินจัด หน้าร้อนไปหมด
“พี่เอย์พี่แม่งงงง ไม่คุยแล้ว”
ผมทุบอกมันดังอุ๊ก! โทษฐานกวนตีนไม่เลิกทั้งเขินทั้งอิ่มเอมใจหยิบจับอะไรไม่ถูกสองมือที่ว่างเปล่าไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ยกขึ้นมาทุบตีมัน
พี่เอย์ขำผมจนหน้าแดงคอแดงไปหมด ผมเลยพาลจะขำไปด้วย
“พรุ่งนี้มึงมีนัดปิดงานที่อัศวใช่ไหม”
“ครับใช่”
“อย่างที่แพลนไว้ พรุ่งนี้กูเองก็จะเข้าไปบอกกับที่บ้านเรื่องของเราแล้วเรื่องออกมาทำร้านเอง คุณพ่อกับคุณแม่อยู่บ้านกันทั้งคู่ พอเสร็จแล้วเรามาบอกแม่มึงกับพี่ขมด้วยกันนะ ทำวันเดียวให้เสร็จหมดทั้งสองบ้านเลย อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เป็นไงเป็นกัน”
“พี่เอย์ครับ?”
“ไม่เป็นไร กูตัดสินใจแล้วจะออกมาอยู่ที่นี่ กับมึง”
สายตาพี่เขามั่นคงและแน่วแน่ มันกำมือผมแน่นมาก ผมรู้ว่ายังไงเสียความรู้สึกของคนที่จะแยกออกมาอยู่ตัวคนเดียวโดยที่จะทิ้งครอบครัวไว้ด้านหลังนั้นไม่ง่ายเลย พี่เอย์ทำทุกอย่างเพื่อผมมากมายจริง ๆ ในเมื่อครอบครัวของมันยอมรับเรื่องของเราไม่ได้ มันจึงตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้
“ผมขอไปรอรับพี่ที่หน้ารั้วบ้านได้ไหม เอามอ’ไซด์ไปนะ”
“ได้สิ ขอแค่เป็นมึง จะจักรยาน มอไซด์หรือจะเดินเท้าขึ้นรถเมล์ กูก็พร้อมจะไปกับมึงอยู่แล้ว”
ตายห่า....อยากกอดมันขึ้นมาเลยจริง ๆ อิพี่เอย์แม่งพูดเอาใจคนเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่
“พี่”
“อะไร”
“เรามาฉลองที่บ้านใหม่กันสักยกเถอะว่ะ ผมโคตรซึ้งใจเลย”
“ได้ดิ เคาน์เตอร์ครัวเสร็จแล้วพอดีว่าจะชวนมึงลองอยู่เนี่ย กูออกแบบระดับความสูงให้เท่ากับช่วงเอวมึงเลยนะ”
“บ้า ลามก”
“มึงดิลามก ใครเป็นคนชวนกันล่ะ”
“เออ ผมไง”
“ป่ะ อยากเหมือนกัน”
“ไม่อ๊าววววว พูดเล่น แม่เรียกกินข้าวแล้วนั่น” เสียงแม่แว่วมาจากบ้านโน้นแล้วจริง ๆ นะ ผมทำท่าจะวิ่งหนีเจอมันคว้าเอวไว้
“หึหึ มึงนี่น๊า ยั่วเก่งฉิบหายยังไม่รู้ตัวอีก”
“พี่เอย์ปล่อยยยยยยยยยยผมมมมมม”
คืนนั้นผมนอนค้างที่บ้านโดยที่พี่เอย์เองก็กลายเป็นแขกร่วมห้องไปอีกวัน แม่กับพี่ขมคงชินกับมันแล้ว เพราะแค่เห็นว่ามันไปทานข้าวเย็นด้วยพี่ขมก็เข้าไปปูที่นอนให้แบบเสร็จสรรพ ชุดนอนคุณชายยังมีอยู่ที่บ้านผมเลยสองชุด
พี่เอย์อาบน้ำนานมากไม่รู้จะขัดถูขี้ไคลอะไรนักหนาทั้งที่ตัวมันก็ห้อมหอม มันแต่งตัวเรียบร้อยเดินเช็ดหัวออกมา ดึงแขนผมให้เข้าไปนั่งลงที่ตัก
“พี่เอย์อย่าแกล้งดิครับ ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยตัวเหม็นนะ”
“หื้ม?? เหม็นตรงไหน ไหนดูดิ๊”
จมูกโด่งๆของคุณชายซนมาก ยุ่งอยู่แถว ๆ หลังคอผม ทำเสียงฟึดฟัดคล้ายหมา ผมเบี่ยงตัวหนี
“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อนพี่ ขอผมไปอาบน้ำก่อนดิ แล้วเดี๋ยวค่อยหอม นะๆ”
“ก็ได้ แต่กูจะจับเวลามึงห้ามอาบเกินสิบนาที”
“โหยขี้โกง ทีตัวเองอาบครึ่งชั่วโมง”
“กูชอบนี่น้ำบ้านมึงเย็นดี อาบจากโอ่งเลยหายากมาก ๆ”
“เว่อร์ไป น้ำที่ไหนก็เย็นเหอะ”
“เออจะว่าไปถ้าบ้านเราเสร็จซื้อโอ่งน้ำไปวางไว้ข้างๆอ่างจากุซซี่นะ”
“อะไร!? นี่อย่าบอกนะว่าพี่สั่งอ่างจากุซซี่เข้ามาไว้ที่บ้านแล้ว”
“ก็ใช่ดิ่ มึงเข้าไปดูห้องน้ำรึยัง อ่างน้ำวนสีขาวรูปกระต่าย กูทุ่มให้กับบาธรูมมากนะเพราะรู้ว่าเราสองคนทำกิจกรรมในนั้นบ่อย ตอนแรกว่าจะประหยัดงบห้องน้ำอยู่เหมือนกัน คิดไปคิดมากลัวมึงไม่
โอ๊ยยยยย ตีกูทำไมเนี่ยปิง มือหนักฉิบ!”
“พี่แม่งบ้า พูดอะไรหัดอายบ้างเหอะ” ผมฟาดมันรัวเลย ช่างดิ่ คนเขินนี่
“กูพูดจริง” มันตอบเสียงอ่อย
“บ้า ประสาท ใครเขาจะเข้าไปทำอะไรบ้าบอในนั้นไม่มีหรอก ผมไม่ยอมทำแน่ๆอ่ะ”
“จริงเร้ออออ กูเห็นมึงออกจะชอบ” พี่เอย์ยิ้มกว้างไม่สนใจว่าผมจะอายหน้าขึ้นสีเลยสักนิด คุณชายทำหน้าสบายใจเท้าแขนแล้วนอนคว่ำหน้าเอาหนังสือซอฟแวร์แถวๆนั้นมาเปิดอ่าน ผมฟาดผั๊วะอีกครั้งทิ้งทวนก่อนลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้กำลังจะเปิดประตูออกไปอาบน้ำบ้าง
RRRRRRRRR เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ผมมองหาจำไม่ได้ว่าตัวเองเอาวางไว้ที่ไหน ได้ยินเสียงนะของผมเอง แต่ยังไม่เห็นตัวเครื่อง เสียงเรียกดังมาจากฟูกนอน
“ปูน?”
พี่เอย์พูดขึ้น มันชูมือถือผมค้างไว้แล้วหันหน้าจอออกมา ผมเดินเข้าไปหาจะเอามากดรับ มันรีบเอามือถือหนีไปอีกทาง
“มันโทรมาหามึงทำไม” ทั้งเสียงทั้งหน้าคุณชายเริ่มเหวี่ยง มันลุกขึ้นนั่งคว้าหมอนเข้ามากอด จ้องมือถือกับผมสลับกัน
“เอ๋าจะรู้ไหมครับเนี่ย เดี๋ยวผมขอรับก่อนดิ” ผมเดินเข้าไปจะคว้าเอาอีกครั้ง มันส่ายหัวปราม
“มึงไปอาบน้ำเดี๋ยวกูรับให้เอง ถ้าเป็นธุระสำคัญจริง ๆ กูจะให้มันฝากข้อความไว้”
“เฮ้ยไม่เอาพี่ เดี๋ยวผมรับแปปเดียว รับตรงนี้แหละเพื่อนผมเองเผื่อเขามีธุระอะไรสำคัญ”
พี่เอย์ตวัดสายตามองผมเขียวปั๊ดเลย อะไรวะ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยเหอะเพื่อนโทรมาผมแค่จะหยิบมากดรับผิดตรงไหนล่ะ
“พี่เอย์อย่าเล่นครับ เอามาเร็วเดี๋ยวผมรับก่อน ปูนเพื่อนผมนะ”
-ติ๊ด-
เสียงมันกดตัดสาย พร้อมยัดเครื่องใส่กระเป๋าเสื้อนอนของตัวเองทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ผมนั่งมองมันแบบที่พูดอะไรไม่ออก ส่วนมันก้มลงไปสนใจหนังสือต่อ
“จะอาบไหมน้ำ หรือว่าจะนอนทั้ง ๆแบบนี้ กูรับได้หมดนะ” มันว่าทั้งที่ตายังสนใจหนังสือแต่ดึงแขนผมจะให้นอนลงไปด้วยกัน ผมรีบลุกขึ้นทันที
“พี่แม่งแง่งๆๆๆ” ผมบ่นอุบอิบระอากับทีท่าเอาแต่ใจของมัน ส่ายหัวแล้วรีบวิ่งออกจากห้อง ได้ยินเสียงมันหัวเราะไล่หลัง
แต่เสียงมือถือดันดังขึ้นอีกครั้ง ผมหันกลับไปมอง อิพี่เอย์ตาเขียวปั๊ดคิ้วมุ่น มันล้วงเอามือถือขึ้นมา จ้องผมแล้วกดรับสายแทน มีการชี้หน้าคาดโทษเสร็จแล้วโบกมือไล่ให้ผมออกไปอาบน้ำอีกด้วย
แล้วผมจะทำยังไงได้ล่ะ ได้แต่เดินออกมานี่แหละปล่อยให้มันรับสายไป ภาวนาขอให้ปูนมันพูดแต่เรื่องงานก็แล้วกันเพราะไม่งั้นคืนนี้ผมโดนจัดหนักจัดเต็มแหง ๆ
สายน้ำเย็นฉ่ำ อากาศช่วงต้นปีกำลังเย็นสบายได้ที่เลย ผมอาบน้ำเสร็จใส่เสื้อกล้ามกางเกงเตะบอลเน่า ๆ เดินคล้องผ้าขนหนูผิวปากตรวจดูบ้านอีกครั้ง แม่กับพี่ขมเข้านอนกันแล้ว กดสวิทปิดไฟทุกห้องเรียบร้อยก่อนเปิดประตูเข้าห้องตัวเอง
ตุ่บบบ!!เฮ้ย ตกใจนะเนี่ย อะไรวะหมอนใบเบ้อเริ่มถูกปามาจากไหนเข้าเป้าเต็ม ๆแสกกลางหน้าผมเลย มองเห็นคนปานั่งหน้างอจนเกือบจะหักอยู่บนเตียง ผมตั้งสติได้รีบเดินเข้าไปหา เจอมันฟาดหมอนตะลุมใส่จนหลบแทบไม่ทัน
“เฮ้ย อะไรเนี่ยพี่” ผมยกมือขึ้นมากันไว้
“มึงแม่ง เจ้าชู้ตลอด” มันทั้งบ่นทั้งตี
“เจ้าชู้ที่ไหน ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยเหอะ พี่เอย์ไม่เอานะครับ ไม่งอแงนะ ผมเจ็บนะเนี่ย พอแล้วเลิกตีได้แล้ว” ผมพยายามแย่งหมอนในมือมัน อิคุณชายเอาแต่ใจมันฟาดหมอนทิ้งไปแล้วมุดตัวเองเข้าไปอยู่ในผ้าห่ม คืออยากจะบอกว่าขำมาก ตัวมันก็ใหญ่ ๆ ใช่ไหมแล้วตอนนี้ผ้าห่มคือเหมือนกับตัวดักแด้อะไรสักอย่างอยู่ข้างใน มันพันหัวพันหางไว้จนมิด
งอนผมอยู่นั่นแหละ
“พี่เอย์ครับ” ผมเขย่าเรียกที่ก้อนผ้ายักษ์ ได้ยินแต่เสียงมันอู้อี้อยู่ข้างใน
“โอ๋ๆๆ พี่เอย์ไม่เอานะ ไม่งอน ไหนดูซิใครทำอะไรน้องเอย์บอกพี่ปิงซิครับ” ผมทั้งพูดทั้งขำ
“อื้ออออ” มันทำท่าหลบ ก้อนผ้าห่มกลิ้งไปจนชิดฝา ผมขยับๆเข้าไปอีก
“ไหนบอกซิครับ ปูนเขาโทรมาทำไม เขาพูดอะไรกับพี่ แล้วที่มางอนผมอยู่เนี่ย ไม่บอกเหตุผลผมจะรู้ไหมว่างอนผมเรื่องอะไร หื้ม?”
“จิ๊! กูไม่สนใจหรอก มันว่ามีธุระส่วนตัวจะคุยกับมึงแล้วจะโทรมาใหม่กูโมโหเลยขว้างโทรศัพท์มึงทิ้งไปแล้ว” เสียงพี่เขาตอบอู้อี้ลอดออกมาจากผ้า มันยังไม่ยอมโผล่หัวออกมาหรอกนะ ผมคุยกับก้อนอะไรสักอย่างอยู่เนี่ย
“เฮ้ยไรเนี่ยพี่ มือถือผมพี่ขว้างทิ้งเหรอ” ผมมองหากวาดตาไปจนทั่ว จริงอย่างว่าแบตกับตัวเครื่องแยกตกอยู่ข้างเตียง พี่เอย์แม่งจริง ๆ เล๊ย
“ห้ามมึงเปิดเครื่องนะ ไม่งั้นจากงอนธรรมดากูจะอัพเกรดเป็นโกรธเลย” มันรีบพูดทำอย่างกับรู้ว่าผมเก็บเครื่องขึ้นมาวางไว้ที่โต๊ะแล้ว
“โอ๋ๆไม่เปิดหรอกครับ นี่แค่งอนใช่ไหม ไม่ได้โกรธผมนะ”
“อื้อ”
ผมตัดสินใจลุกขึ้นไปปิดไฟ หันกลับมาเห็นคุณชายโผล่หน้าออกมานิดๆจากนั้นรีบมุดเข้าไปในผ้าอีกครั้ง คงโผล่หัวออกมาดูแหละว่าผมลุกเดินไปไหน พอเห็นว่าไปแค่ปิดไฟกำลังจะเดินกลับเลยมุดหายเข้าไปในผ้าห่มอีก
“ใครจะมานอนข้าง ๆ น๊า วันนี้ไม่มีหมอนข้างด้วย” ผมทำท่านอนอยู่ที่ฟูกตัวเอง พูดขึ้นมาลอย ๆ แอบมองมันคุณชายแอบโผล่ตาออกมามองพอเห็นว่าผมจ้องอยู่มันรีบมุดเข้าไปอีก อะไรวะแม่งทำท่าน่ารักทำไม
“เฮ้อหนาวจัง ไม่มีผ้าห่มเลยเนี่ย ใครจะใจดีให้ห่มด้วยน๊า”
ผมอมยิ้มทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่าไอ้ก้อนผ้ากลม ๆ ยาวๆ กำลังขยับ ๆ เข้ามาหา พร้อมกับมือใหญ่ของมันที่สอดออกมาดึงผมเข้าไปนอนด้วยกันในผ้าห่มผืนโต อิพี่เอย์เร็วมากมันคร่อมทับผมไว้ ตวัดผ้าห่มคลุมเราทั้งคู่
“กูจะทำโทษมึง” ปลายจมูกเราชิดกัน ผมไม่กล้าขยับ จะอ้าปากตอบก็กลัวจะเจอมันจูบปิดลงมา ได้แต่ส่ายหน้าบอกไม่ๆ
“มีผู้ชายโทรหาดึกๆดื่นๆ ไหนปิงลองบอกสิครับจะให้พี่เอย์ทำโทษยังไง”
ดู๊ดูมันพูด เพื่อนผมมีแต่ผู้ชายอ่ะ โทรหากันนี่เรื่องธรรมดามากนะ ผมผลักมันออก ยิ่งโดนรัดแน่น
“อะไรเนี่ยพี่ เพื่อนผมมีแต่ผู้ชายอ่ะ”
“แต่คนนี้ไม่เหมือนกัน กูเซ้นต์แรงนะเรื่องแบบนี้”
“หราาา” ผมแกล้งทำเสียงล้อมัน
“ไม่ต้องมายิ้ม” ขนาดปิดไฟอยู่ในผ้าห่มมันยังเห็นนะว่าผมกำลังยิ้ม ก็ขำมันแหละ คนอะไรขี้หึงสุด มันเอามือขึ้นมาลูบแก้มผม ผมยื่นมือไปดึงผ้าห่มออกนิดๆคือหายใจไม่ค่อยออกด้วยอึดอัด พี่เอย์จุ๊บเบาๆลงที่มุมปาก
“หมาปิง ไปญี่ปุ่นกันไหม?”
“ห๊ะ??” ผมกลังนึกว่าตัวเองฟังอะไรผิด จู่ ๆ พี่เอย์พูดเรื่องไปญี่ปุ่นทำไม
“ช่วงปีใหม่ยุ่ง ๆ ยังไม่ได้พามึงไปเที่ยวที่ไหนเลย มัวแต่ยุ่งเรื่องบ้าน เรื่องร้านใหม่ ตอนนี้บ้านเสร็จแล้ว พอตกแต่งเสร็จเราไปเที่ยวกันสักอาทิตย์นึงนะ กลับมากูจะได้ลุยงานเต็มตัวไปเลย”
“อะไรเนี่ย พี่ชวนผมไปฮันนีมูนเหรอ”
มันจ้องผมนิ่ง อมยิ้มออกมาแล้วพลิกตัวกลับไปนอนลงข้าง ๆ เสยผมทำหน้าตาอารมณ์ดี ผมว่ามันหน้าแดงด้วยนะคิดว่าเขินนิดๆ
“กูจะตั้งชื่อทริปนี้ว่าฮันนีมูนนรก” มันดึงผมเข้าไปกอดอย่างหมั่นเขี้ยว เอาขาเกี่ยวตัวผมไว้แน่น
“ห๊ะ? ทำไมอ่ะครับ” ผมถามอย่างสงสัย
“เพราะว่ากูจะกอดมึงในทุกๆที่ ที่เราไป”
นัยน์ตาคุณชายวูบไหวไปมาเจ้าเล่ห์มาก ๆ ผมรีบหลบแทบไม่ทัน ทั้งคำพูดคำจาแบบนั้น...
“กอดน่ะ มึงเข้าใจความหมายไหม กอดแบบลึกซึ้งไม่ใช่นอนกอดธรรมดาแบบนี้ ไปกอดที่ห้องญี่ปุ่น กอดที่โต๊ะอุ่นขา แล้วก็ไปกอดที่บ่อน้ำร้อน”
“บ้า พี่แม่ง”
“นรกไหมล่ะที่นี้ นรกสำหรับมึงแต่สวรรค์สำหรับกูไง หึหึหึ”
“พี่เอย์พี่แม่งนิสัยแย่ นิสัยเสีย นิสัยไม่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลยครับ”
“อ๊ะเหรอขอบใจนะที่ชมกู ง่วงแล้ว นอนดีกว่า”
ว่าแล้วมันก็หลับตาลงไป รอยยิ้มยังคงมีอยู่เต็มใบหน้า มันกำลังจินตนาการอะไรผมไม่อยากจะรับรู้ ผมจ้องหน้ามันแล้วอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเสยปอยผมให้ ผมลากปลายนิ้วลงมาตามโครงหน้า พี่เอย์ผมยาวขึ้นอีกแล้ว ยิ่งมองดูดีๆยิ่งเหห็นว่าพี่เอย์มีใบหน้าที่สวยมาก ดูดีและสูงส่ง ผมอดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้
“พี่เอย์ครับ พี่เป็นผู้หญิงของผมนะ”
“หื้ม?? อะไรนะ มึงว่าอะไรนะปิง” มันลืมตาโพลงขึ้นทันที
“ผมบอกว่าพี่เป็นผู้หญิงของผม”
คราวนี้มันยันตัวขึ้น เท้าแขนไว้จ้องผมแบบตกใจอะไรสักอย่าง
“พี่รู้ไหม พี่น่ะเปรียบเสมือนดอกฟ้าเลย ดอกไม้ที่สูงศักดิ์ แต่ตอนนี้กำลังโน้มกิ่งลงมาหาหมาวัดอย่างผมให้ได้เชยชม”
“มึงคิดแบบนั้นเหรอ”
“ครับ”
“..........”
“นับจากวันพรุ่งนี้ พี่จะกลายเป็นคนของผมอย่างเปิดเผยแล้ว ต่อไปผมมีสิทธิ์ขาดในตัวพี่เต็มที่นะบอกไว้ก่อนจะไปทำเจ้าชู้กับใครเจอผมจัดหนักให้อย่ามาร้องโอดโอยทีหลัง”
“หืม? ปิง กูว่ามึงพูดผิดตั้งแต่ต้นประโยคเลยว่ะ”
“ไม่ผิดหรอก พี่เป็นของผม”
“แล้วมึงอ่ะ มึงเป็นของกูด้วยใช่ไหม”
“ไม่รู้ไม่ชี้ ผมง่วงนอนแล้ว” ผมหน้าร้อนผ่าวรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมากอดซุกหน้าลงไป อายมันนิดๆด้วยแหละ ใครจะบ้าพูดว่าตัวเองเป็นของมัน มันต่างหากที่เป็นของผม เสียงพี่เอย์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ผมยังไม่ยอมลืมตาดูมันเอามือมาลูบแก้มผม ส่งเสียงพึมพำ
“คนที่เป็นดอกฟ้าน่ะมันมึงต่างหากปิง ครอบครัวของมึงด้วย จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”คืนนั้นเราสองคนหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน ผมจำไม่ได้ว่าใครกอดใครรู้แต่ว่าเช้าวันต่อมา หน้าพี่เอย์ซุกอยู่ที่อกผมเหมือนทุกครั้งที่เราตื่น หลายปีที่ผ่านมาท่านอนของมันยังไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ขี้อ้อน น่ารัก ทำตัวอย่างกับเด็กๆ แต่ทุกกิริยาที่ว่ามานั้นผมชอบนะที่มันทำกับผมแค่คนเดียวเท่านั้น
.
.
“ขยับเนคไทขึ้นอีกหน่อยปิง เชนนั่งตรงนั้นสิให้ปิงมานั่งข้างพิมนี่”
“กูว่ามึงมานั่งฝั่งนี้มา ข้าง ๆ กูนี่ ให้พิมมันนั่งตรงนั้นคนเดียวไปเหอะ”
“เชนกวนกูนักนะ”
“ชู่ว์เป็นผู้หญิงอย่าขึ้นกู มันไม่งามเดี๋ยวคนเข้ามาได้ยิน
โอ๊ยยย ไอ้พิม!”
“สมน้ำหน้าเป็นผู้ชายอย่าขึ้นไอ้กับผู้หญิง กูหยิกแค่นี้มันยังน้อยไป ปิงช่วยพี่ตีมันเร็ว”
เราสามคนหยอกกันแม้กระทั่งที่ห้องรับรองเล็กของอัศวคอนสตรัคชั่น ตอนนี้ทั้งผมพี่เชนและพี่พิม พร้อมกันอยู่ที่ห้องประชุมเล็กเรียบร้อย อีกแค่ไม่กี่นาทีจะถึงเวลานัด ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับการส่งมอบงาน นับจากวันนี้เป็นต้นไปผมไม่มีความจำเป็นต้องเข้ามาที่นี่อีก เว้นแต่ทางบริษัทจะเรียกตัวไปให้เข้ามาดูตัวระบบให้เป็นครั้งคราว จริงๆกำหนดการของเราหมดตั้งแต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาแต่ทางคุณรันท่านประธานของที่นี่ขอไว้ว่าให้ต่อช่วงระยะการดูแลให้กับที่นี่เพิ่มอีก แต่ถึงอย่างนั้นงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
ในที่สุดวันสุดท้ายสำหรับที่นี่ก็มาถึง“ฉันพอใจมากกับระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทที่ถูกออกแบบมาใหม่ทั้งหมด สามสี่เดือนมานี่ผลงานที่สามารถการรันตีประสิทธิภาพของยูเซย์ไม่ทำให้ฉันผิดหวังเลยจริง ๆ”
เมื่ออยู่ในโหมดงานคุณแม่พี่เอย์จะสวยงามดั่งนางฟ้าเสมอ เธอจริงจัง มั่นคงและแน่วแน่มีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่ตลอดเวลา เวลาในห้องประชุมดำเนินต่อไปอีกครู่หนึ่งผมนั่งฟังพี่เชนกับพี่พิมคุยตอบรับกับเธอและเลขาของเธอเป็นครั้งคราว เธอมองมาที่ผมบ่อยนะแต่ก็ไม่ได้ยิงคำถามอะไรสำคัญ เป็นคำถามพื้น ๆ ที่แม้แต่เด็กพนักงานทั่วไปเองก็ยังสามารถตอบได้
ในที่สุดทุกคนลุกขึ้น เธอจับมือแสดงความขอบคุณกับทั้งพี่เชนพี่พิมและสุดท้ายเธอยื่นมือมาที่ผม พี่เชนขยับเข้ามาหาขณะที่ผมยื่นมืออกไปคุณรันส่งยิ้มใจดีให้
“ขอบคุณมากๆ อีกครั้งหวังว่าต่อไปเราคงได้ร่วมงานกันอีก”
“เช่นกันครับ ผมขอขอบคุณที่อัศวให้โอกาสพวกเรามากมายเหลือเกิน”
รอยยิ้มของเธอทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเย็นนี้ถ้าหากพี่เอย์เข้าไปคุยกับเธอเรื่องขอแยกตัวออกมา รอยยิ้มสวยงามนี้คงจะหดหายไปแน่ ๆ ที่สำคัญเธอจะรู้ไหมว่าผมคนนี้คนที่เธอกำลังใจดีด้วยกำลังจะพรากลูกชายไปจากเธอแล้ว
ผมขอภาวนาให้พี่เอย์คุยกับครอบครัวเข้าใจ ให้เธอสามารถยอมรับพวกเราได้ เพราะไม่อย่างนั้นทางที่พี่เขาเลือกอาจจะทำให้เธอทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
แต่ว่า....ผมขอสัญญาครับ พี่เอย์อย่างไรเสียก็จะเป็นคนของตระกูลอัศวตลอดไป ถึงมันจะแยกมาอยู่กับผมแต่ผมไม่เคยโกรธหรือคิดรังเกียจตั้งแง่อะไรกับครอบครัวพี่เขาเลย ผมกับพี่เอย์จะรอวันที่ครอบครัวพี่เขาให้อภัย ถึงจะนานแค่ไหน คนที่เป็นแม่อย่างไรก็คือแม่ หากจะตัดขาดกันยังไงก็ไม่มีวันขาดกันได้จริง ๆ หรอกผมเชื่อแบบนั้น ผมไม่มีวันยอมถ้าหากพี่เอย์จะกลายเป็นคนอกตัญญูแบบนั้น และผมก็เชื่อว่าพี่เอย์ไม่มีทางกลายเป็นคนแบบนั้นได้
“ปิง”
เสียงพี่เชนเรียกให้ผมออกจากภวังค์ความคิด ผมสะดุ้งรีบปล่อยมือเธอออกนึกได้ว่ากำลังเสียมารยาท แต่คุณแม่พี่เอย์ยังยิ้มอย่างอ่อนโยน เราทั้งหมดเดินตามกันออกมาด้านนอก ขณะที่ผมกำลังจะเดินแยกไปหาพี่เชนและพี่พิม
“พิชย” เสียงเธอเรียกไว้ ผมชะลอตัวลงหันมาหาเธอ
“ฉันเห็นฝีมือของเธอแล้วจากซอฟแวร์ที่ทำให้กับบริษัทเรา คเชนทร์เขาบอกว่างานเกี่ยวกับฐานการขึ้นรูปตัวอาคารการคำนาณค่าแม่แบบ และงานของแผนกวิศวกรรมทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นพิชยที่เป็นคนเขียนโปรแกรมขึ้นมา”
“ครับใช่ ผมกับพี่คเชนทร์แบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบ”
“ดีนะ งานของพวกเธอลงตัวมาก พนักงานของเราเองก็ชอบมากแบบสอบถามที่ฉันให้ทำไปผมตอบรับออกมายอดเยี่ยม”
“ขอบคุณมากครับคุณรัน”
“ขอถามอีกสักอย่างสิ” คราวนี้เธอหยุดเดิน ผมเองเลยต้องหยุด
“ครับ?”
“สำหรับโปรแกรมเมอร์และนักวิเคราะห์ระบบอย่างเธอ ฉันอยากจะรู้ว่า งานวางระบบในอุดมคติของเธอมีทิศทางเป็นแบบไหน เธอทำงานมาจนถึงขนาดนี้เคยคิดถึงความสำเร็จในอุดมคติที่วางเอาไว้บ้างไหม”
ผมอึ้งไปนิดไม่คิดว่าจะเจอเธอยิงคำถามที่ยากมากขนาดนี้ ปกติแล้วคนทั่วไปไม่มีใครมาถามกันในเรื่องราวแบบนี้ คำถามของเธอสามารถชี้วัดเป้าหมายในอนาคตที่ผมแพลนไว้ทั้งหมดได้เลยในตัว
ผู้หญิงคนนี้ฉลาดมากมายจริง ๆ
“ผมพยายามที่จะเขียนโปรแกรมออกมาให้ผู้ใช้ระบบ ใช้ได้สะดวกสบายและตรงกับความต้องการมากที่สุด ผมคิดไว้ถึงกระทั่งว่าซอฟต์แวร์ที่ดีควรจะมีเสถียรภาพในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องอาศัยฮาร์ดแวร์ก็สามารถทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง”
“หมายความว่ายังไง เธอกำลังจะบอกฉันว่า ซอฟแวร์ที่ดีควรจะกำจัดฮาร์ดแวร์ให้หมดไปอย่างนั้นรึ”
“ก็ทำนองนั้นครับ”
“หึหึหึ” เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ ราวกับว่าคำพูดของผมเป็นสิ่งเพ้อฝัน
“ผมอยากจะให้ยูสเซอร์สามารถดึงซอฟแวร์ที่ผมออกแบบขึ้นมาใช้งานได้เลยไม่ว่าจะนั่งอยู่ที่ไหน ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับตัวเครื่อง เพียงแค่คิดและจินตนาการตัวซอฟแวร์จะถูกปล่อยออกมาเป็นภาพบนอากาศ นั่นคือซอฟแวร์ในอุดมคติของผม”
“หึหึ” เธอยังคงหัวเราะออกมาเบา ๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมแปลกใจ
“พิชย ความคิดของเด็กๆน่ะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังโตขึ้นไม่ได้จริง ๆ สินะ คำว่า ‘อุดมคติ’ ยังไงก็เป็นแค่อุดมคตินั่นแหละ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ใช้ซอฟแวร์โดยปราศจากฮาร์ดแวร์มารองรับ เด็กอย่างเธอก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย อุดมคติอย่างไรเสียก็ยังเป็นอุดมคติอยู่วันยังค่ำล่ะนะ”
“ไม่จริงหรอกครับ” ผมสวนขึ้นทันที อาจจะเสียมารยาทแต่ผมอยากจะอธิบายต่ออีกสักนิด
“อุดมคติ คือสิ่งที่ความเป็นจริงจะต้องก้าวขึ้นไปหา ผมอยากให้คุณรันเปิดใจลองมองดูโลกยุคใหม่ ๆ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อสักครู่ไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นจริงเลย โลกยุคใหม่หนึ่งบวกหนึ่งอาจจะไม่เท่ากับสองอีกแล้ว”“อย่างนั้นรึ แต่ว่า...สิ่งที่เธอพูด ความหมายของมันทั้งหมด เธอตั้งใจจะบอกอะไรกับฉันล่ะ ของที่มันคู่กันมันก็ต้องอยู่คู่กัน มันก็เหมือนกับลูกไม่ว่าอย่างไรพ่อกับแม่ก็คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาจะต้องเลือก เธอยังเด็กนักพิชย เรื่องราวของเธอกับลูกชายของฉัน ฉันรับรู้ทุกอย่างถามว่าสนับสนุนไหมตอบเลยว่าไม่ แต่ฉันเองก็ไม่อยากผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับเอย์เขา เพราะอย่างนั้นเลยไม่เข้าไปขัดขวางปล่อยให้เอย์เขาเล่นกับเธอไปอีกสักพัก จนกว่าเขาจะเบื่อนั่นแหละเธอถึงจะรู้ตัว...ว่าที่สุดแล้วชายกับหญิงก็ต้องคู่กันเป็นเรื่องธรรมดา เธอต้องยอมรับให้ได้ ฉันไม่อยากให้เธอถลำลึกไปมากกว่านี้ เฟดตัวเองออกมาเถอะ ไม่นานหรอกเดี๋ยวเธอจะลืมทุกๆอย่างได้เอง”
ผมกับเธอยืนอยู่ห่างกันแค่ไม่ถึงเมตรแต่ความรู้สึกของเราสองคนช่างห่างไกลกันมากมายเหลือเกิน ผมคิดว่ากำแพงนี้สูงชันเกินไป มองเห็นพี่เชนกับพี่พิมกำลังยืนรอผมอยู่ข้าง ๆ ไม่ไกล แค่ผมก้าวออกไปจากผู้หญิงคนนี้ความสบายใจจะเข้ามาหาผมได้ในทันที แต่ผมยังเลือกที่จะยืนเผชิญหน้ากับเธอจนถึงที่สุด
“เธอเป็นเด็กดีนะพิชย วันนี้ขอบใจมาก ถ้ามีโอกาสฉันหวังว่าเราจะได้กลับมาร่วมงานกันอีก”
เธอยังคงยิ้มให้ก่อนจะเดินแยกออกไปแล้วทิ้งให้ผมยืนนิ่งงันอยู่ที่ตรงนั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำคำถามต่าง ๆ มากมายของเธอจริงใจหรือแค่ต้องการจะเชื่อโยงผมเข้าสู่เรื่องของพี่เอย์ ความรู้สึกต่าง ๆ ตีตื้อขึ้นมาจนเต็มหัว
ผมไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงได้ดื้อรั้นนัก ผมกับพี่เอย์ผิดมากหรืออย่างไร
เราก็แค่รักกัน.....เท่านั้นเอง แต่ว่าให้เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่รู้สึกผิดมากนักตอนที่ไปรอรับมันเพื่อกลับ
‘บ้านของเรา’ ‘พี่เอย์ครับ อย่างน้อยความรักของเราจะเอาชนะทุกๆอย่างให้ผ่านไปได้ใช่ไหม?’
“...กูจะอยู่กับมึงจนกว่าผมของมึงจะกลายเป็นสีขาวเลย”
'ผมก็จะอยู่ข้างๆ ขอเป็นคนของพี่จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิตเลยครับ'
Tbc.
ขอบคุณมากมายค่ะสำหรับกำลังใจที่ส่งให้ มินมาแล้วนะ คิดถึงกันม๊ายยยย
ปอลิง คลิปละครของพี่ซ่าร์ เอิ๊กๆมโนได้แจ่มไหม ฮี่ๆ ส่วนเพลงนี้เพราะมากๆนะคะ ลองจินตนาการว่าเป็นพี่เอย์ร้องแล้วจะแบบ....เอิ่ม ทำไมพี่เอย์รักปิงจังเลยอ่ะ