Chapter 4…………………….. “เด็กเหนือ”
เสียงจอแจในช่วงพักกลางวันภายในโรงอาหารกลางจากนิสิตนับร้อยที่ใช้สถานที่แห่งนี้ฝากปากท้องหลังว่างเว้นจากการเรียน โต๊ะเก้าอี้กว่าร้อยโต๊ะถูกจับจองจนเต็ม ไม่เว้นแม้แต่บริเวณมุมเสาด้านในสุดต้นหนึ่งที่มีโต๊ะว่างหลงเหลืออยู่หากแต่มีพื้นที่ให้แทรกตัวเข้าไปได้เพียงน้อยนิดก็ยังถูกสี่ชีวิตจับจองใช้เป็นที่ถกประเด็นบางอย่างที่พวกเขายังคงค้างคาใจกันอย่างเคร่งเครียด?
“มึงบอกว่ามันให้เวลามึงสามวันใช่ไหมไอ้ปอนด์”ไอ้นนท์ถามผมขึ้นมาหลังจากที่เห็นผมเดินถือชามก๋วยเตี๋ยวเข้ามาวางแหมะลงบนโต๊ะโดยยังไม่ทันจะได้นั่งเพราะขาตัวเองยังแทรกผ่านเก้าอี้ของโต๊ะข้างๆมาได้เพียงแค่ขาเดียว ก่อนจะลากขาอีกข้างเข้ามานั่งลงได้อย่างทุลักทุเล
“เออ โครตเชี่ยเหอะ คิดแล้วกูก็โมโหว่ะ”ผมตอบไปอย่างรู้ว่าที่ไอ้นนท์ถามหมายถึงเรื่องอะไร เพราะหลังจากที่ผมเจอเรื่องมหาซวยตกเป็นแพะไปเมื่ออาทิตย์ก่อนทันทีที่กลับถึงหอก็รีบเล่าให้ไอ้ธามฟัง ส่วนไอ้ธามก็ตามนิสัยมันครับ รีบกระจายข่าวให้เชี่ยนนท์กับหล่อโครตพ่อได้เกาะติดทันสถานการณ์ได้อย่างฉับไวโดยที่ผมยังไม่ทันขอมันด้วยซ้ำ
“นี่มันก็ปาเข้าไปหนึ่งอาทิตย์แล้วนะเว้ย ถ้าแม่งไปแจ้งความ มึงได้ซวยกว่าเดิมแน่ๆ”
“อย่าพูดงั้นดิวะ กูยิ่งกลัวๆอยู่”พูดแล้วก็พาลให้กลัวขึ้นมาเลยครับ เพราะนี่ก็ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว ทั้งที่มันให้เวลาผมแค่สามวัน! แต่จนตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้เปลี่ยนสถานะตัวเองเป็น เด็กกู หรือ ลูกหนี้ แต่อย่างใด ไม่ใช่เพราะมันเกิดสำนึกได้ว่าที่ผมพูดคือเรื่องจริง หรือเกิดจับตัวฆาตกรโฉดตัวจริงได้แล้วหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะผมกำลังหนีมันอยู่ต่างหาก! และจะด้วยเหตุผลอะไรทั้งหลายแหล่ที่ทำให้ผมยังมีชีวิตนั่งกินข้าวอยู่กับผองเพื่อนอย่างสุขสันต์เป็นปกติอยู่ตอนนี้ได้นั้นผมก็ไม่อาจรู้ จะบอกว่าตัวเองหลบเก่งหรือก็ดูจะเหลือเชื่อ เพราะแค่จะมีใครพาตำรวจมาลากคอผมเข้าคุกมันช่างง่ายแสนง่ายถ้าเรื่องถึงมือของกฏหมายเข้าจริงๆ
“กูเชื่อว่ามึงกลัวจริงว่ะไอ้ปอนด์ เล่นปิดมือถือมาเป็นอาทิตย์พวกกูจะติดต่ออะไรก็ไม่ได้ เลิกเรียนก็ตรงดิ่งกลับหอ ชวนไปไหนก็ไม่ไป อาทิตย์ก่อนใครทันเห็นหน้ามึงในมหาลัยกูว่าแม่งโครตดวงดี ขนาดกูนั่งเรียนข้างมึงแท้ๆหันไปอีกทีเก้าอี้ข้างกูว่างเปล่า กูหลอนสัดๆ ไม่รู้จะรีบห่าไรนักหนา”หล่อโครตพ่อด่าผมมาแต่ไกลพร้อมชามข้าวมันไก่ในมือ ก่อนจะเดินแทรกตัวผ่านผมเข้าไปนั่งด้านในอย่างยากลำบากเพราะผมไม่ยอมขยับให้มัน กำลังติดพันอยู่กับเส้นหมี่ในชามครับเลยไม่ว่าง
“ถ้าวันนี้พวกกูไม่ลากมาก็คงกลับไปแดกมาม่าที่หออย่างเดิมดิมึง”ประโยคนี้จากไอ้ธามครับ ความจริงมันนั่งอยู่นานแล้วแต่ความสนใจของมันพุ่งไปที่ถ้วยสุกี้ตรงหน้ามากกว่าเลยไม่สนใจจะฟังใคร ผมอยากให้มันไม่พูดเลยจะดีกว่าครับ เบื่อที่จะนั่งเช็ดหน้าตัวเองที่น้ำสุกี้จากปากไอ้ธามกระเด็นมาโดนเต็มที แล้วเสือกชอบมานั่งแดกตรงหน้ากูตลอดด้วยนะมึง เวรกรรมกูแท้ๆ
“เอาน่าพวกมึงก็ช่วยชินๆกับกูหน่อยดิว่ะ กูหลบได้แม่งเป็นอาทิตย์แล้ว วี่แววคราวซวยยังไม่มีให้เห็นเลย งานนี้ไอ้เชี่ยเหนืออะไรนั่นมันอาจจะลืมเรื่องกูไปแล้วก็ได้”
“รถมันเละขนาดนั้นคงลืมได้หรอกมึง ถ้าเป็นกูนะ กูกระทืบมึงตายตรงนั้นด้วยซ้ำ”กูเพื่อนมึงไหมเชี่ยนนท์ เข้าข้างกูบ้างก็ได้
“มึงก็พูดเกินไป ไอ้ปอนด์มันได้ทำที่ไหนกัน ถ้ามันทำจริงสิสมควรโดน”หล่อโครตพ่อมึงมีเหตุผลมากๆ หล่อแล้วยังความคิดดี โครตสมบูรณ์แบบเลยเพื่อนผม
“เป็นใครก็เข้าใจว่ามันทำทั้งนั้นแหละ แล้วก็โง่ยืนเซ่อให้ไอ้เหนือไรนั่นมาฟาดปากเฉยๆ มีมือมีตีนก็จัดกลับไปดิวะ”เชี่ยนนท์พูดใส่อารมณ์ เรื่องใช้กำลังมันถนัดครับ เพราะมันจำเป็นสำหรับพวกที่ชอบจีบดะไม่เลือกแล้วเกิดจีบโดนเมียชาวบ้าน มันจะได้ใช้ความป่าเถื่อนของตัวเองปกป้องหนังหน้าสแตนด์เลสอย่างหนาของมันให้รอดปลอดภัย
“มึงพูดแบบนี้เพราะมึงยังไม่เห็นมันนะสิว่าแม่งน่ากลัวขนาดไหน ไม่ใช่หมัดมันนะที่กูกลัว ที่กลัวคือนิสัยมันต่างหาก คนเชี่ยไร เอาแต่ใจ ไม่ฟังใคร ไร้เหตุผล มั่วซั่ว ชั่วสุดๆไปเลย”หน้าหล่อๆเวลาแสยะยิ้มมันช่างกวนตีนผมจริงๆ แววตาแสนเย็นชายามที่จ้องมองคนอื่นนั่นผมไม่ชอบเลย คำพูดเอาแต่ใจแสนร้ายกาจนั่นผมก็ไม่ชอบ ท่าทางเย่อหยิ่งสายตาดูถูกคนอื่นผมยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่ ยิ่งเมื่อแววตานั่นหม่นเศร้าลงใจผมมันเจ็บจี๊ดๆยังไงไม่รู้ ผมว่าผมคงเกลียดทุกอย่างในตัวมันไปแล้วละครับ ถึงได้ไม่ชอบแม้กระทั่งเห็นใบหน้าหล่อๆนั่นฉายแววเศร้าออกมา...ทั้งที่ก็แค่เพียงเสี้ยววินาที...
“ถ้ามึงจะด่ามันขนาดนั้นนะ กูว่าเอามีดไปไล่แทงมันเลยดีกว่า”กูจะไล่แทงมึงคนแรกเลยไอ้ธาม กูไม่ต้องการวิตามินเอบำรุงสายตาตอนนี้ไม่ต้องเผื่อแผ่ผักบุ้งในถ้วยสุกี้มึงให้เบ้าตากู
“มึงแดกให้หมดก่อนไอ้ธาม ถ้ามึงพูดขึ้นมาอีกนะ สาบานว่ากูเอาตะเกียบในมือไล่แทงมึงแน่”
“แต่กูสงสัยเรื่องชื่อ ว่าจะถามมึงตั้งแต่วันที่ไอ้ธามเล่าให้ฟังแล้ว”
“ชื่อ ทำไมวะ?”ผมถามไอ้ไนท์กลับก่อนจะบรรจงเช็ดผักบุ้งที่เบ้าตาออกอย่างนุ่มนวล
“มันบอกมึงว่ามันชื่อเหนือ อยู่วิดวะปีสาม แค่นั้นหรอวะ”
“เออ ประโยกแรกเลยที่กูฟังแล้วรู้สึกตีนไม่กระตุก”
“มึงว่าคนชื่อเหนือมันจะมีซักกี่คนในมอเราว่ะ กูกำลังสงสัยว่าเชี่ยพี่เหนือเฉยๆของมึง กับ ไอ้ห่าเหนือฟ้า มันจะใช่คนเดียวกันรึเปล่า”หล่อโครตพ่อทำท่าครุ่นคิด หือ สาวๆที่แอบมองอยู่เค้าจะแดดิ้นตายแล้วมึง ท่าจับปลายคางเอียงคอทำหน้าสงสัยนิดๆนั่นกูขอเหอะ กูยังไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองโดนปล้ำกลางโรงอาหาร เจ๊อ้วนปากแดงที่นั่งกัดช้อนทำหน้าฟินอยู่โต๊ะข้างหน้าเขาจะกินมึงแทนข้าวแล้ว
“โลกมันไม่กลมขนาดนั้นหรอกมึง แล้วไอ้เชี่ยเหนือเฉยๆ มันก็ไม่ใช่ของกูด้วย”
“เออ กูคงคิดมากไปเอง”
“ลูกรักมึงพาซวยแท้ๆ เป็นไงล่ะ ยังอยากจะเห็นหน้าลูกรักอยู่หรือเปล่าครับไอ้คุณปอนด์”เชี่ยนนท์พูดแทงใจดำน้ำตามันพาลจะไหลครับ เพราะมันจริงอย่างที่ว่า แต่ผมไม่โทษลูกรักผมหรอกนะครับ จะผิดก็ผิดที่ผมดวงซวยเองมากกว่า
“.............................”
“นายใช่ไหมที่ชื่อปอนด์ อยู่ถาปัตย์ ปีสอง”ยังไม่ทันได้หายจากดราม่าเสียงหนึ่งเอ่ยถามผมขึ้นก่อน ทำให้ผมต้องหันหน้าไปมองตามเสียงเรียกข้างๆตัว
“เอ่อ...ครับ ผมปอนด์”ตอบรับไปแบบตะกุกตะกัก เพราะมัวตะลึงกับความงามของสามสาวตรงหน้า คนหรือนางฟ้าครับถึงได้สวยกันขนาดนี้
“ได้ข่าวว่าเป็นเด็กเหนือหรอ?”เธอคนเดิมที่อยู่หน้าสุดถามผมอีกครั้ง
“เปล่าครับ ผมคนกรุงเทพฯแต่กำเนิด บ้านอยู่แถบชานเมืองใกล้ๆปทุมธานี”ผมตอบไปตามความจริงอย่างหน้าชื่นตาบาน ปลื้มครับ ครั้งแรกเลยที่มีสาวๆให้ความสนใจถึงสามคน
“ฉันถามว่าใช่เด็กเหนือหรือเปล่า!”เธออีกคนที่สวยไม่แพ้คนแรกถามผมขึ้น ไม่สิเรียกว่าตวาดอย่างอารณ์เสียมากกว่า ไปหงุดหงิดมาจากไหนละครับเนี่ย
“ไม่ใช่ครับ ผมก็บอกไปแล้วว่าเป็นคนกรุงเทพฯ ถึงผมจะหล่อไม่ต่างจากหนุ่มเหนือก็เถอะ”พูดเองอายเองแต่ขอหยอดหน่อยเถอะครับ สวยจนอดใจไม่ไหวกันจริงๆ
“ไม่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลย หน้าซื่อๆแบบนี้เสแสร้งเก่งนักนะ!”รูปประโยคที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆทำเอาผมที่กำลังเบิกบานเริ่มไม่ชอบใจขึ้นมานิดๆ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปตรงไหน ในเมื่อที่ผมตอบไปก็เป็นความจริงทุกคำ
“.......................”
“แค่ตอบมาว่าใช่เด็กเหนือหรือเปล่า!”ว้าเว้ย! จะเอายังไงกับผมวะครับ เริ่มจะคุยกันไม่รู้เรื่องไปใหญ่แล้ว ก็บอกอยู่ว่าไม่ใช่เด็กเหนือๆ จะย้ายภูมิลำเนาเกิดให้กันตลอดเวลา
“ผมเด็กภาคกลาง! ไม่ใช่เด็กเหนือ ถ้ายังไม่เชื่อถามเพื่อนๆผมกันได้เลย”ผมโบ้ยให้ไอ้สามตัวที่นั่งเป็นหมางงไม่ต่างจากผมเป็นคนคุยกับพวกเธอแทน
“สาวๆครับไอ้ปอนด์มันเป็นคนกรุงเทพฯจริงๆครับ ถึงหน้ามันจะบ้านๆไม่เหมือนคนกรุงแต่ผมก็ยืนยันได้ครับ”ดิสเครดิตกูทันทีเลยไอ้นนท์ หน้าระรื่นหลอกด่ากูได้แบบเนียนสุดๆ
“ไอ้พวกโง่ ฉันถามว่าแกเป็นเด็กเหนือหรือเปล่า”
“ก็บอกว่าไม่ใช่ๆๆ จะเอายังไงครับคุณ ให้ผมกลับหอไปเอาใบแจ้งเกิดพร้อมสำเนาทะเบียนบ้านมาให้ดูเลยไหมครับถึงจะเชื่อ”โมโหครับ ความคิดที่จะจีบหายไปทันทีที่หน้าสวยๆพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วยังไม่สุภาพกับผมอีกด้วย ผมไม่เข้าใจว่าหน้าผมเหมือนชาวเขา ชาวดอยหรืออย่างไร พวกเธอถึงจะยัดเยียดย้ายถิ่นกำเนิดผมไปอยู่บนเขาบนดอยให้กันแบบนี้
“ไอ้บ้านี่ พูดไม่รู้เรื่องรึไง!”ใครกันแน่ที่พูดไม่รู้เรื่อง
“ไม่ยอมรับใช่ไหม หึ งั้นถ้าเจอแบบนี้ ยังจะทำตาโตใสซื่ออยู่ได้อีกไหม!”
“เชี่ย!!!”จบประโยคของเธอพร้อมคำอุทานของเพื่อนรักผมทั้งสามคนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย หัวสนามหญ้าของผมก็วิวัฒนาการกลายเป็นถ้วยน้ำแข็งใสไปโดยปริยาย ทั้งขนมปัง ลูกชิด เฉาก๊วย มันเชื่อม ประดับประดาเรียงรายอยู่บนหัวผมอย่างสวยงาม ว่าแล้วก็อยากแลบลิ้นออกไปตวัดชิมสลิ่มสีชมพูสวยตรงหางคิ้วของตัวเองเหลือเกินถ้าจะย้อยลงมาซะขนาดนั้น แล้วน้ำแข็งเย็นๆกับแฮลบลูบอยสี่แดงสวยนี่ก็ช่างไหลไม่แคร์หนังหน้าผมเลยว่าจะเย็น จะเหนียว จะหนืด อะไรบ้างไหม แถมด้วยนมข้นหวานตบท้ายเข้าเบ้าตาเดิมที่เคยได้วิตามินเอบำรุงสายตาจากสุกี้ไอ้ธามมาแล้วอีกต่างหาก ครบครับน้ำแข็งใสถ้วยนี้ร้านเขาดีจริงๆเครื่องเยอะนมแยะน่าอุดหนุนวันหลังผมต้องไปซื้อมากินบ้างแล้ว!?
“อย่าล้ำเส้นให้มาก สำคัญแต่ก็ใช่ว่าจะได้ครอบครองไว้คนเดียว จำใส่หัวไว้ให้ดี”ทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคดูถูกแสนร้ายกาจให้ผมได้ขบคิด ก่อนจะลากขาเรียวๆพาหน้าสวยแสนหลอกตาผิดกับนิสัยเดินผ่านช่องแคบๆกันออกไปทั้งสามคน โดยมีสายตานับร้อยๆคู่จับจ้องมาที่ผมกันอย่างเต็มที่ไม่ให้ผมได้มีเวลาอาย แต่พอผมมองกลับไปสายตาทุกคู่รีบเสหลบตีเนียนไม่รู้ไม่ชี้ทำว่ากูไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นกูเม้ากูนั่งแดกข้าวกันเฉยๆไม่เห็นอะไรเลย ผมโง่เชื่อก็บ้าแล้ว
“เป็นไงบ้างวะไอ้ปอนด์”หล่อโครตพ่อรีบดึงทิชชู่มาซับน้ำบนหัวผมอย่างรีบร้อนและห่วงใย แต่ เอ่อ...ทิชชู่มันยุ่ยง่ายไหมมึง ยิ่งซับยิ่งเปื่อยตอนนี้หัวกูเริ่มไม่ต่างจากขยะเปียกเข้าไปทุกทีแล้ว
“เดี๋ยวกูเช็ดเองดีกว่าไอ้ไนท์ แต่ที่กูอยากรู้คือ น้ำแข็งใสแม่งมาได้ไงวะ ตอนมากูก็ไม่เห็นถืออะไรติดมือกันมานี่หว่า ทำไมถึงได้มีของมาฝากลงหัวกูซะได้”พูดไปก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่หยิบออกมาจากเป้ปาดทุกสิ่งจากหัวลงถ้วยโฟมเดิมที่วางทิ้งไว้ตรงหน้าผมออกช้าๆ
“ของกูเองแหละ กูเดินไปซื้อมาตอนพวกมึงกำลังคุยกัน เพิ่งกินไปได้สองช้อนเองนะเว้ย เสียดายว่ะแม่ง”ห่วงกูก่อนห่วงกินดีไหมสัดธาม แล้วถ้ามึงเกิดอยากกินพะโล้ หรือ แกงเลียงขึ้นมา หัวกูไม่ประดับประดาไปด้วย ไข่กับสารพัดผักไปแล้วหรอว่ะ เวรกรรมกูจริงๆ
“กูว่าดวงมึงช่วงนี้ราหูอมว่ะไอ้ปอนด์ ซวยซ้ำซวยซ้อน”
“กูเห็นด้วยกับไอ้นนท์”
“หุบปากมึงไปเลยไอ้ธาม หลายคดีแล้วนะมึง”ไอ้ตี๋รีบทำหน้าสลดลงทนทีที่ผมคาดโทษมัน
“มึงเด็กเหนือสินะ”เชี่ยไรอีกวะ ไม่ทันไรคราวนี้เป็นผู้ชายครับ มาคนเดียวแต่คำถามเดิมเลย หน้านี่โหดยังกับโจรภาคใต้หนวดเคราเฟิ้มเต็มหน้า สายตาดุๆมองมาที่ผมทำเอาขนลุกเกรียวกราวด้วยความกลัว แล้วเสื้อช็อปน้ำเงินเข้มนั่นบ่งบอกให้ผมรู้ได้เองว่าโจรใต้ในคราบนักศึกษาคนนี้แฝงตัวอยู่ในคณะอะไร ช่างเลือกเรียนได้เหมาะกับหน้าตาจริงๆ
“.................”เงียบครับ ประสบการณ์สอนให้รู้ว่าบางอย่างไม่พูดไปจะดีกว่า
“หล่อดีนิมึง ผิดจากที่กูคิดไว้เลย คิดว่าเด็กมันจะตัวเล็กๆ บอบบาง น่ารักๆ ซะอีก”
“................”
“งงอะไรว่ะ กูชื่อแชมป์ พี่รหัสไอ้เหนือแฟนมึงไง”จบประโยค ตาผมก็เหลือกโพล่งขึ้นทันที คำว่าแฟนยังดังสะท้อนในหัวผมเป็นเสียงแอ็คโค่วอยู่นาน กระจ่างเลยครับ กับ “เด็กเหนือ” ที่ว่า คราวหลังช่วยเติมคำสันธานเชื่อมให้กูซักนิดเวลาถามอะไร กูจะได้เข้าใจมากขึ้น ถามกูห้วนๆ กูจะรู้ไหม ภาษาไทยแม่งแค่คำเดียวก็ความหมายไม่เหมือนกันนะเว้ยเห้ย!
“โดนหนักเลยดิมึง ทนมือทนตีนเข้าไว้ล่ะ ผัวมึงมันคนดัง ใครๆก็รักก็ชอบ ศัตรูก็เยอะ ระวังตัวไว้บ้างก็ดี กูว่าจะออกรับหน้าแทนมึงแล้วเมื่อครู่ แต่ต่อคิวซื้อโรตีอยู่หันมาอีกทีหัวมึงเป็นขยะเปียกไปแล้ว”ใครผัวกูวะ กูเป็นผู้ชายไหมไอ้พี่แชมป์ เมียกูยังหาไม่ได้ กูมีผัวแซงหน้าไปก่อนตอนไหน แล้วบัญชีที่เห็นโรตีสำคัญกว่าหัวกูจะคาดโทษไว้อย่างไม่รู้ลืม
“พี่เข้าใจอะไรเพื่อนผมผิดรึเปล่า เพื่อนผมไม่ได้เป็นแฟนไอ้เหนือน้องรหัสพี่หรอกครับ”หล่อโครตพ่อรีบแก้ตัวแทนผมอย่างสุภาพทันที
“อายเชี่ยไรวะ คนเขารู้กันทั่วแล้วว่ามึงเด็กใคร เอาเถอะ มึงถามมันเองแล้วกันมันเดินมาโน่นแล้ว เห้ย! ไอ้เหนือ ไอ้หล่อ เด็กมึงอยู่นี่ มาหาทีดิ!”พูดจบพี่แกก็ตะโกนลั่นโรงอาหารอย่างไม่กลัวว่าผมจะอายพร้อมกวักมือใหญ่ๆของพี่แกให้คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาได้หันมามอง สายตาผมที่หันไปตามมือใหญ่ๆนั้นต้องเหลือกขึ้นอีกครั้งที่สบนัยน์ตาคมแสนจะคุ้นเคยที่ผมพยายามหลบหน้ามาทั้งอาทิตย์ แต่วันนี้ไม่ทันแล้วครับ หล่อโครตคนมันเดินหน้าโหดเข้ามาหาผมตามเสียงเรียกของพี่รหัสมันแล้ว
“งานนี้กูว่ามีได้เลือด”ไอ้นนท์พูดขึ้นอย่างให้กำลังใจผม ผมละซาบซึ้งจนอยากแจกตีนให้มันเป็นของขวัญเลยละครับ แล้วสาวๆเขาจะกรี๊ดกร๊าดกันทำไม ไม่เห็นหน้าคนที่กรี๊ดกันหรอครับว่าแม่งโหดขนาดไหน กำลังจะมีคนตายในโรงอาหารซึ่งคาดว่าเป็นผมพวกเธอๆจะรู้บ้างไหม ดูจะมีความสุขกันเหลือเกินที่ได้เห็นหล่อโครตพ่อกับหล่อโครตคนพร้อมๆกันแบบนี้ แล้วข้างหลังที่เดินตามมันมาติดๆอีกสองคนนั่นเพื่อนมึงหรอ เข้าใจเลือกคบเพื่อนนะมึง นี่กำลังดูบอยแบนด์เกาหลีหลุดออกมาจากจอทีวีกันอยู่ใช่ไหม
“มึงใช้แฮลบูลบอยสระผม?”มาถึงก็กวนตีนซะผมอยากแจกตีนให้จริงๆครับไอ้เชี่ยพี่เหนือ
“เด็กมึงโดนบรรดาแฟนคลับมึงรุมแกล้ง กูมาเห็นพอดี แต่ช่วยไม่ทันว่ะ”ทำไมไม่บอกไปด้วยครับว่าที่ช่วยไม่ทันเพราะมึงเห็นโรตีสำคัญกว่ากูไอ้พี่แชมป์
“มึงหนีกู”
“................”ผมไม่รู้จะตอบน้ำเสียงเย็นชาของคนตรงหน้านี้ยังไงดี เพราะตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก หัวมันตื้อไปหมด
“ใครใช้ให้มึงปิดมือถือ”
“.................”
“ไม่มากไปหน่อยหรอวะ เพื่อนกูมันไปทำอะไรให้มึงนักหนา เรื่องรถมึงมันก็บอกแล้วว่ามันไม่ได้ทำ”
“เสือก!”ไอ้นนท์พุ่งตัวมาจะเอาเรื่องไอ้หล่อนี่ทันที ดีที่ไอ้ธามรีบคว้าแขนห้ามไว้ก่อน
“แล้วมึงจะเอาไง กูไม่มีเงินให้มึงหรอกนะ”เห็นท่าไม่ดีผมจึงลุกยืนสบนัยน์ตาคมอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะไอ้นนท์จะพาลยกพวกตีกันกลางโรงอาหารไปซะก่อน
“...................”
“กูเลือกให้มึงแล้ว”
“....................”ผมต้องขอบคุณในความหวังดีของมันไหม ตัวเลือก “เด็กกู” คือการที่ผมเป็น “เด็กเหนือ” หรือ “แฟนพี่เหนือ” ของสาวๆ สถานะพาซวยให้ชีวิตห่วยๆของผมมีสีสันต์ สีสดด้วยครับแดงสวยกำลังได้ที่เลยหัวผม
“ไหนว่าให้กูเลือกไง?”
“มึงผิดคำพูด”
“มึงก็เลยเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่ากูเป็นเด็กมึงเนี่ยนะ!”
“หึ ถามเมย์ดีกว่าไหมเรื่องนี้กูไม่เกี่ยว”
“แต่มึงก็ไม่ยอมปฎิเสธ!”
“ก็มันเรื่องจริง หรือมึงจะเถียง”จบประโยคที่ดูจะไม่มีอะไรนั้น หากแต่สายตาผมที่สบนัตน์ตาคมนั้นรับรู้ได้ถึงถ้อยคำบางอย่างที่แฝงอยู่หากผมไม่ยอมทำตามใจมันผมจะต้องไปนอนในคุกจริงๆแน่
“มึงพูดอะไรกันวะเนี่ย เรื่องผัวๆเมียๆเคลียร์กันเองเถอะ กูไปก่อนล่ะโรตีกูเย็นหมดแล้ว”พูดจบไอ้พี่แชมป์มันก็เดินออกไปโดยที่ผมทำได้แค่หันไปมองตามหลังแบบแค้นเคืองในคำพูดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะยังมีสายตาพิฆาตของคนตรงหน้าให้เคลียร์กับมันอยู่
“หึ ว่าไงคุณเมีย จะยอมรับไหม”ใบหน้าหล่อพร้อมสายตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์นั่น ผมอยากจะฆ่ามันจริงๆ นี่ผมจะต้องเป็นเด็กมันจริงๆใช่ไหม สถานะจริงกูแค่ไม้กันหมาไม่ใช่หรอ และคำว่า “เด็กเหนือ” มันทำให้คนอื่นตีความหมายได้มากมายไปเป็น “แฟน” พัฒนาข้ามขั้นเป็น “เมีย” ในเร็ววันขนาดนั้นได้ยังไง ความคิดคนช่างน่ากลัวจริงๆ
“เออ! กูยอมรับก็ได้ ทำยังกับมีทางเลือก”
“มึงไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ไอ้ปอนด์ รถมึงค่าเสียหายเท่าไหร่กูจะจ่ายแทนมันเอง”
“................”
“ขอบใจว่ะไอ้ไนท์ แต่เรื่องนี้ขอกูเป็นคนจัดการเองได้ไหม กูไม่อยากให้มึงต้องเดือดร้อน แล้วกูก็ตัดสินใจไปแล้ว” ถ้าแค่ผมจะเอ่ยปากขอมันให้ช่วยแต่แรก ผมคงทำไปนานแล้วเพราะรู้ว่าไม่มันก็ไอ้นนท์คงยื่นมือเข้ามาช่วยผมแน่ แต่เพราะผมเกรงใจ แล้วก็ไม่รู้ว่าเงินมากมายขนาดนั้นจะหามาคืนเพื่อนได้เร็วช้าขนาดไหน ผมถึงไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากใครเลย เพราะความผิดทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวผมก่อเอง ผมต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง
“เพิ่งรู้ว่าเด็กมึงมีเพื่อนประเสริฐขนาดนี้ว่ะเหนือ เจ้าชายแห่งสถาปัตย์ เป็นอัศวินพิทักษ์แฟนชาวบ้านอยู่นี่เอง”
“เงียบเลยไอ้แทนไปกวนตีนน้องมันทำไม ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะ พี่ชื่อมิน ส่วนไอ้เนี่ยชื่อแทน อย่าถือสาคำพูดมันเลยนะ”
“บอกเพื่อนพี่ด้วยนะครับ ว่าปากแบบนี้ไม่นานอาจเจอตีนชาวบ้าน”
“เชี่ย!”ไอ้พี่แทนสบถพร้อมจะพุ่งมาหาเรื่องไอ้ไนท์แต่ดีที่พี่มินห้ามไว้ก่อน นี่มันอะไรกันเนี่ย ผมกำลังอยู่ในสนามรบระหว่างเทวดากับซาตานใช่ไหม ฝ่ายเทวดานำทัพโดยหล่อโครตพ่อแห่งสถาปัตย์ร่วมด้วยพี่มินเทพบุตรจากวิศวะ ฝ่ายซาตานนำทัพโดยหล่อโครตคนที่ไม่ทำอะไรนอกจากยืนจ้องหน้าผมเท่านั้น โดยมีไอ้พี่แทนในลุกซ์แบดบอยเลวๆกระชากใจสาวเป็นลูกสมุน คนธรรมดาๆอย่างผมอยากจะหายไปจากตรงนี้เหลือเกินครับ ให้คนหล่อมันกัดกันเองไปจะดีกว่า
“กูพาไอ้แทนออกไปก่อนนะ เสร็จธุระมึงก็ตามมาล่ะ”ใบหน้าหล่อหันมายิ้มให้พวกผมอย่างสุภาพก่อนจะลากตัวไอ้พี่แทนออกไปโดยหล่อเลวฝ่ายซาตานก็ไม่ลืมที่จะหันมาสบตาหล่อโครตพ่อฝ่ายเทวดาอย่างแค้นเคืองเป็นการคาดโทษ
“กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าเวลาเรียกกูให้มีคำว่าพี่นำหน้า”
“กูต้องเชื่อมึงทุกอย่างเลยรึไง”
“....อื้อ.....”จบประโยคปากสวยของคนตรงหน้าก็ก้มลงประทับกับริมฝีปากผมในทันทีไม่ให้ผมได้ตั้งตัวทัน อาการตกใจทำให้ผมเปิดปากอัตโนมัติสบโอกาสให้ลิ้นร้อนแทรกผ่านเข้าไปควานทั่วหยอกล้อกับลิ้นผมที่ยังเงอะงะไม่รู้จะทำยังไง แรงดูดเม้มบริเวณริมฝีปากรัดรึงรุนแรงจนผมไม่หลงเหลือแรงผลักไสร่างหนาให้ออกห่าง ทำได้แค่ทุบอกหนาเบาๆให้ยอมปล่อยผมซักทีก่อนจะขาดอากาศหายใจ
“อ่อยอู ไอ้อัด!”แปลได้ว่าปล่อยกู ไอ้สัด! แต่เพราะปากผมยังโดนปากไอ้เชี่ยนี่ดูดเม้มอย่างรุนแรง ลิ้นก็ถูกดุนดันจนเป็นอิสระไม่ได้ ทำให้ผมพูดไม่ถนัด มึงจูบหรือสูบวิญญาณกูครับ ถ้าจะดูดกันขนาดนี้
“อื้อ...ไอ้เอี้ย”
“................”
“แฮ่กๆ ทำเชี่ยไรของมึงวะ!”อาการหอบหายใจถี่ๆเกิดขึ้นเมื่อผมเป็นอิสระ ก่อนจะตั้งสติว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองไปเมื่อครู่ผมก็แทบหมดแรงเข่าอ่อนลงไปกองที่พื้น
“หวาน...กูไม่ชอบหวาน”
“................”หวานที่ว่าคงมาจากรสน้ำแข็งบนหัวผมที่ไหลซึมลงมาถึงมุมปาก ผมควรจะรู้สึกเย็นจากน้ำแข็งใสที่แม้จะเช็ดออกไปแล้วก็ยังหลงเหลือความเย็นไว้ แต่ทำไมทั้งหน้าทั้งหัวถึงร้อนจนแดงไปหมดแบบนี้ก็ไม่รู้
“จะเจอหนักกว่านี้ถ้าไม่เชื่อฟัง”สายตาเย็นชาฉายแววเอาจริงจนผมกลัว แต่ก็ไม่เท่าความอายที่เกิดขึ้นตอนนี้มากกว่า กลางโรงอาหารที่สายตานับร้อยๆคู่จับจ้องมาเป็นตาเดียว บางคนถึงกับอ้าปากค้างคาเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ก็มี
“ ฮึ่ย! เชี่ย!”เจ็บใจตัวเอง แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้ ผมโมโหตัวเองเหลือเกิน
“ห้ามปิดมือถือ แล้วถ้ายังไม่เรียกกูว่าพี่ มึงจะโดนอีก”
“................”ผมไม่ตอบอะไรกลับไป ทำได้แค่มองตามันแบบโกรธเคือง ก่อนที่มันจะหันหลังเดินไปยังโต๊ะที่นอกจากจะมีไอ้พี่แทน ไอ้พี่มินนั่งอยู่ก่อนหน้า ตอนนี้ยังมีอีกห้าชีวิตซึ่งคาดว่าคงเป็นบรรดาเพื่อนฝูงในคณะของมันมาเพิ่มเพราะใส่ช็อปน้ำเงินเหมือนกันทั้งกลุ่ม เสียงโห่ แซว ดังลั่นยามเมื่อไอ้หล่อเดินไปถึง ซึ่งผมก็พอจะรู้ได้ว่าคงไม่พ้นเรื่องเมื่อครู่นี้แน่ๆ ผมที่ไม่รู้จะทนหน้าหนายืนเป็นเป้าสายตาประชาชีอยู่ทำไมจึงรีบสาวเท้าพาตัวเองออกจากสถานที่ตรงนั้นโดยเร็ว ขณะที่เพื่อนอีกสามตัวที่ยังตะลึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ก็เพิ่งเรียกสติตัวเองได้เดินตามผมออกมาติดๆ
นี่ไม่ใช่จูบแรกของผม เพราะจูบแรกของผมเสียให้สาวข้างบ้านที่แอบชอบไปเมื่อตอนอยู่ม.สี่ แต่นี่เป็นจูบแรกของผมที่เกิดกับผู้ชายด้วยกัน แล้วทำไมผมต้องใจสั่น ทำไมผมต้องรู้สึกดีไปกับมันด้วยก็ไม่รู้ ทั้งที่ผมโดนดิฟคิสกลางโรงอาหารที่มีสายตานับร้อยๆคู่มองมา ชีวิตธรรมดาๆของผมจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผมจะเป็นไอ้ปอนด์ธรรมดาไม่ได้อีก แต่ผมจะต้องเป็นไอ้ปอนด์“เด็กเหนือ” ไปจริงๆแล้วใช่ไหม...ผมยอมรับมันไม่ได้!!!!!!!!!!!!!!
กูยังไม่อยากย้ายภูมิลำเนาเกิดโว้ยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!
ตอนใหม่มาแล้ว
ยาวมากๆ ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
ปล. นักเขียนมันฝากบอกมาว่าเม้นกันได้นะมันอยากได้กำลังใจมากๆ