The good wife (ต่อ)
เอาล่ะ.....เรื่องอันดับต่อมาที่พวกคุณสาวๆทั้งหลายอยากรู้ต่อคือเรื่องราวของพวกเราเป็นอย่างไรล่ะสิ เฮ่อ....ผมล่ะอยากลืมช่วงเวลาที่ว่าจัง
หลังจากมีอะไรกันครั้งแรกแล้ว มันก็ต้องมีครั้งต่อๆไปตามประสาเด็กไฟแรงล่ะครับเลยทำให้สนุกกันระเบิดเทิดเทิงเลย ชนิดว่าสะกิดบุ๊ปก็ทำปั๊บ จนรู้ทางกันดี และแล้ววันหนึ่งก็มีบางสิ่งให้ความคิดใหม่แก่ผม
เย็นวันนั้น ผมนั่งทานข้าวเย็นกับพ่อแม่ ข่าวทีวีรายงานเรื่อง พ่อแม่คู่หนึ่งแจ้งความจับเด็กชายอายุ 15 ล่อลวงลูกสาวอายุ 13 ให้หอบเสื้อผ้าหนีไปอยู่ด้วยกัน พ่อผมพูดขึ้นว่า
“เด็กสมัยนี้มันยังไงนะ ยังเรียนรู้โลกนี้ไม่ทันไร กลิ่นน้ำนมในปากไม่ทันจางก็อยากมีแฟนซะแล้ว ลองโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนเถอะแล้วเสียใจที่ทำไปในวันนี้”
“เด็กสมัยนี้โตแต่ตัวนะพ่อ ฮอร์โมนมันคงพุ่งพล่านน่ะ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ คิดว่ามีแฟนแล้วมันเท่ห์ มันเก๋ หึ....ดีแล้วนะที่แม่มีลูกชายอย่างแมว ถ้ามีลูกสาวล่ะก็แม่คงกลุ้มแย่”
“ทำไมล่ะแม่” ผมสงสัย
“ก็ถ้าแมวเป็นลูกสาว แม่คงต้องคอยระวังไง สมัยนี้ไว้ใจใครไม่ค่อยได้ แมวก็เคยได้ยินข่าวใช่ไหม ที่พ่อบ้าง ลุงบ้าง เพื่อนข้างบ้านบ้างที่ทำมิดีมิร้ายเด็กผู้หญิงบ่อยๆ แม่ไม่อยากให้เรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นกับลูกตัวเองหรอก”
“ใช่ มีลูกสาวล่ะต้องคอยเป็นห่วง.....แมวอายุ 13 แล้วอีกหน่อยก็คงสนใจผู้หญิงบ้าง จำไว้นะถ้ามีผู้หญิงเข้ามาสนใจเราก่อนนี่ อย่าไปยุ่งเด็ดขาด”
“มีผู้หญิงมาชอบมันไม่ดีตรงไหนล่ะพ่อ?”
“ผู้หญิงดีๆเขาไม่เข้าหาผู้ชายก่อนหรอก ถ้าเขามาหาเราก่อนแสดงว่าเขาต้องการอะไรบางอย่าง ยิ่งผู้หญิงที่มีผู้ชายหลายๆคนนี่เราเรียกว่า ร่าน”
อึ่ก! ร่านเรอะ เล่นเอาจี้ดเข้าที่ใจอย่างจัง ผม.....ร่านงั้นรึ?? คำพูดนี้ตามหลอกหลอนผมตลอดเวลาแม้ยามหลับ ช่วงเวลาต่อมาผมก็ค่อยๆได้คำตอบทีล่ะเล็กล่ะน้อย จากหนังสือ จากหนังจากละครบ้างถึงเข้าใจว่า ผัวเมีย สามีภรรยาคืออะไร และสิ่งที่ ผม เฮียหยู กับจิ่วทำร่วมกันนั้นเรียกว่าความไคร่ล้วนๆ แน่นอนว่ามันสนุกแต่คนที่เสียหายที่สุดคือผม
“เราเลิกทำแบบนี้กันเสียทีดีกว่า” ผมตัดสินใจพูดกับทั้งคู่ ในเย็นวันต่อมา
“ว่าไงนะ”จิ่วทำหน้าแปลกใจ ขณะที่เฮียหยูถอดเสื้อนักเรียนโยนลงตะกร้า เขาหันมามองหน้าผมอีกคน
“เลิกทำแบบนี้กันเถอะ ฉันไม่อยากนอนกับนาย กับเฮียแล้ว”
“เหมียวเป็นไรไปน่ะ”เฮียเข้ามาหา
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ ผมสบายดี เพียงแต่ว่า....ผมเพิ่งรู้ตัวว่า ผมไม่ได้ชอบเฮียหรือจิ่วเลย” ผมบอกตรงๆและมองสีหน้าทั้งคู่ พวกเขาแปลกใจและไม่ชอบใจ ไม่เห็นแววเสียใจหรือใจหายเลย “ผมหมายถึง....ผมชอบเฮียกับจิ่วนะ แต่ชอบในฐานะเพื่อน ในฐานะพี่ชายเท่านั้น”
“แล้วยังไง...เรา.....นอนด้วยกันมาตั้งกี่ครั้งแล้ว ทำไมอยู่ดีๆถึงมาพูดแบบนี้ เฮียบอกแล้วว่าเหมียวเป็นเมียของเฮีย....เฮียจะดีเหมียวตลอดไป”
“ เมียเขาใช้กับคนที่รัก คนที่ชอบครับเฮีย ผมคิดว่าผมไม่ใช่คนๆนั้นหรอก เราแค่....ระบายอารมณ์กันเท่านั้น” บางอย่างจุกในคอผม ไม่ใช่เสียใจ แต่เป็นเสียดายต่างหาก ผมไม่น่าเผลอตัวไปนานขนาดนี้ “อีกหน่อยเฮียกับจิ่วก็ได้เจอสาวๆ สวยๆเยอะแยะ แล้วจะมานึกเสียดายทีหลังนะ”
ผมว่าติดตลกแล้ว ออกจากห้องมาซะเพื่อจะได้ไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านี้แล้ว ผมทำถูกแล้ว แต่ทำไม....ถึงใจหายนักนะ