บทที่ 4 Swift Shift
...อยากจะขอแค่เพียงกอดเธอได้ไหมก่อนเธอจะทิ้งไป ให้มันซึ้งถึงหัวใจ จนนาทีสุดท้าย เจ็บช้ำแค่ไหน แม้หัวใจ...
“ฮัลโหล”
“มึงถึงไหนแล้ว” เสียงไอ้นุตะโกนลอดผ่านสายโทรศัพท์ ไฟกำลังไหม้ก้นมึงรึไงวะถึงต้องแหกปากเป็นหมาโดนผึ้งต่อยอย่างนี้
“ถึงสวรรค์มั้งมึง” ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยกวนมันกลับ ไม่นึกว่าไอ้เจ้านรกเดินได้คนข้างๆ มันจะหยุดเดินกึกเพื่อส่งสายตาพิฆาตเจ็ดคาบสมุทรมาให้ นี่ถ้ากูไม่รู้ว่ามึงหึง (กร๊ากกก เข้าข้างตัวเองเต็มตีน) กูต้องเผ่นโลดแล้วนะเนี่ย กลัวโดนมึงฆ่าทางสายตา
“เออ อยู่หน้าคณะแล้ว เออๆ พูดมากจริงมึง” ผมกดวางโทรศัพท์ แสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาตั้งคำถามบวกไม่พอใจน้อยๆ ของคนข้างๆ
“ใครโทรมา” นั่นไง มันมาแล้วคำถามนี้... หึหึ เริ่มอยากแสดงตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของกูแล้วล่ะสิมึง กร๊ากกกก ถ้าได้เห็นหน้าผมแอบยิ้มตอนนี้อาจจะถึงขั้นหมดศรัทธาในตัวผมได้ครับ เมื่อคืนไอ้เวย์อุตส่าห์หน้าด้านหน้าทนลงทุนอ้อนไปไม่ใช่น้อยๆ ถ้าวันนี้มันยังไม่หวงผมล่ะก็ ไอ้ที่ทำไปเมื่อคืนก็ขาดทุนย่อยยับหมดสิครับ หึหึ
“นายกฯ” อ้าว กูก็ปากไว ทำตัวเชื่องๆ ไว้สิมึง อย่าไปกวนมัน ถึงมันจะติดเป็นสันดานก็พยายามขุดลอกออกเข้า
“ตลก ใคร” เออ ตลก แต่กูเห็นหน้ามึงแล้วเริ่มตลกไม่ออกว่ะ ทำไมวะ กูล้อเล่นหน่อยไม่ได้ นายกฯ ท่านไม่ว่างมาว่าหรอกน่า งานกำลังล้นมือ ต่อให้กูลามปามมากกว่านี้อีกสักเล็กน้อย คนไทยก็ไม่สามัคคีกันขึ้นมาได้หรอก หากคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง -*- เออเว้ย โคตรจะเกี่ยวกัน
“ไอ้นุ โทรมาถามว่าจะถึงโรงอาหารรึยัง ไส้มันจะขาดแล้ว”
“เออ เดี๋ยวคอมันจะขาดด้วย เบอร์กูก็มี เสือกโทรหาเมียกู เดี๋ยวเถอะมึง”
...O.O!?...
รู้สึกอย่างที่ผมรู้สึกหรือเปล่าครับ ไอ้ท่าทางแบบนี้ ไอ้คำพูดแบบนี้ มัน มัน..ไอ้เวรไนท์ชัดๆ เออ มันก็เป็นไอ้ไนท์อยู่แล้วนั่นแหละ แต่..แต่ ไม่ใช่ไอ้ไนท์คนเมื่อคืน คนเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่เป็นไอ้ไนท์ที่ปากหมา บ้าอำนาจและหน้าด้านหน้าทน ไอ้ไนท์...ที่ไม่ใช่ไอ้คนที่ร้องเพลงกล่อมผมนอน หรือว่าเมื่อคืนนี้ผมฝันไป? หรือตอนนี้ผมกำลังละเมอ เมารัก เมาลม เมาแอร์
“มึง...” ผมอยากจะถาม แต่จะถามว่าอะไร?
“ครับ” มันตอบรับด้วยใบหน้าซื่อๆ แถมยังยิ้มให้ผมอย่างเอาใจ อ๊ากกก ไอ้ฟาย ตกลงมึงจะสุภาพหรือปากหมา มึงช่วยเลือกเอาสักอย่างได้ไหมครับ กูตามไม่ทัน
“..เปล่า”
“ทำไม หิวอ่ะดิ โทษทีเมื่อคืนหนักไปหน่อย” มันยกมือเกาท้ายทอย ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี นี่ตกลงมึงสำนึกหรือสนุกอยู่กันแน่วะเนี่ย
“ไอ้..พูดได้หน้าตาเฉยเลยนะมึง” ผมก็พอจะรู้หรอกครับว่ามันหน้าด้าน แต่ไม่คิดว่ามันจะทั้งหนาทั้งด้านยิ่งกว่าไม้ตะเคียนอย่างนี้ นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า คนพูดไม่อาย คนฟังแทรกแผ่นดินหนี
“อ้าว เรื่องจริง หรือนายอายที่อยู่กับผม” จบข่าวครับ เจอดอกนี้เข้าไปไอ้เวย์ใบ้รับประทานเลย พอเห็นผมไม่เถียง ที่จริงคือเถียงไม่ได้ มันก็ผิวปากกวนตีน ยกมือกอดคอผมเดินไปยังโรงอาหาร นี่สรุปด้วยเหตุผลของมัน ผมต้องยอมหน้าด้านตามว่างั้นเถอะ ถ้าสมมุตินะครับ สมมุติ ถ้าผมกับมันเกิดผีเข้าเล่นลมกันกลางโรงอาหาร (มึงสมมุติได้น่ากลัวมา) ผมก็ต้องยืดอกรับอย่างภาคภูมิ เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่ผมอยู่กับมัน -*- กูจะบ้าตาย สรุปนี่กูได้กำไรหรือขาดทุนย่อยยับกันแน่วะเนี่ย
“ทางนี้มึง” ไอ้นุตะโกน โบกมือมาจากโต๊ะประจำของพวกผม ดูท่ามันคงหิวไส้จะขาดจริงๆ แหละครับ ทำท่าเหมือนหมาเห็นเจ้าของ แล้วต้องวิ่งน้ำลายหกมาพันแข้งพันขา เพราะหิวข้าว ผมกำลังจะเดินไปหามันตามประสาเจ้าของหมาที่ดี แต่แขนที่โอบรอบคอผมอยู่มันกลับออกแรงลากผมออกไปคนละทิศ ไม่นานเราก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายอาหารตามสั่ง
“ข้าวไข่พะโล้ อ้ะ เปลี่ยนเป็นผัดผักกับหมูทอด 2 จานครับป้า”
“เฮ้ย ไม่เอา กูไม่กินผัก” หรือว่ามันจะลืมไปแล้วว่าผมไม่ชอบกินผัก หรือว่ามันจะแกล้งไม่ให้ผมได้กินไข่พะโล้ อย่าฝันเลยมึง กูต้องกินของกูทุกวัน ขาดไม่ได้เดี๋ยวตาย ไม่เว่อร์นะครับ แค่ล้นๆ พอน่ารักน่าเอ็นดู
“ก็ใช่ไง ถึงเวลาที่มึงต้องกินแล้ว”
“ไม่” ให้กูกินผัก มึงเอาอ้วกหมามาให้กูกินแทนข้าวเลยดีกว่า = =;; สวนมันในใจครับ ไม่กล้าท้า กลัวมันทำจริง
“อย่าดื้อนะมึง ที่นี่กูไม่ตามใจกูหรอก ไว้กลับบ้านเมื่อไรจะเอาแต่ใจแค่ไหนก็ตามใจมึง” ดุเสร็จมันก็ยื่นมือไปรับจานข้าวพร้อมจ่ายเงินให้เรียบร้อย แล้วใช้สายตาบังคับให้ผมเดินตามมันไปที่โต๊ะแต่โดยดี เก่งจริงนะมึง มือไม่พอใช้ แค่สายตามึงก็บังคับคนได้ กูล่ะนับถือมึงจริงๆ
สรุป..อยู่บ้านผมคุม อยู่มอมันใหญ่ว่างั้นเหอะ มันช่างจัดแบ่งได้เท่าเทียมกันดีแท้
“ไง สายนะมึง” ผมกำลังจะอ้าปากเถียงไอ้นุ ใครบางคนก็แทรกขึ้นมาก่อนว่า
“มึง ไสตูดไปนั่งตรงนู้นไป”
ไอ้ไนท์ครับ สั่งเพื่อนมันไสตูดหนีเสร็จ (ด้วยตีน) มันก็จัดการวางจานข้าวผมกับมันลงข้างกัน แล้วนั่งลงแทนที่ไอ้นุทันที สุดโค่ยเลยมึง ใครได้มึงเป็นเพื่อนนี่ชาตินี้คงไม่ต้องหาเพื่อนใหม่ที่ไหนอีก เพราะคงจะกลัวการมีเพื่อนไปตลอดชีวิตแน่ๆ
ไอ้นุมันทำหน้ามุ่ย แล้วลุกขึ้นไปนั่งอีกฝั่ง ข้างๆ มันคือไอ้แชมป์กับหยกที่กำลังสนทนาธรรมหรืออย่างไรไม่ทราบ เพราะมันทั้งดูเงียบและสงบผิดปกติ
“กูจะจำไว้นะมึง เห็นเมียดีกว่าเพื่อน” นุครับ ถ้ามึงช่วยหลีกเลี่ยงคำว่า “เมีย” ซึ่งบอกตำแหน่งบนเตียงอันชัดเจนเกินไปของกู มาใช้คำน่ารักๆ อย่าง “แฟน” ได้จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
“เรื่องปกติ” ไอ้ไนท์ตอบแล้วตักข้าวเข้าปากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เออ กูเชื่อแล้วว่าสำหรับมึง มันเป็นเรื่องปกติจริงๆ
“O.O!!!!!!!!!!!!!!!!!!” à ไม่ใช่สายตาผมครับ อาจเป็นเพราะผมเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันไนท์คนใหม่ได้แล้ว ร่างกายเลยไม่เกิดอาการตกตะลึงจนขนลุกชันอย่างที่คนอื่นเป็นกัน เพราะนอกจากผม ทั้งหยก ไอ้นุไอ้แชมป์ต่างกำลังมีสีหน้าตกใจจนน่าถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่นเลยครับ ตาโตยิ่งกว่าเห็นซุปเปอร์แมนใส่กางเกงในกลับด้านเป็นไหนๆ (ไอ้อันนี้มันน่าตกใจยังไงวะ เพราะถ้าคุณรับได้กับการใส่กางเกงในไว้ข้างนอกของเขา ไอ้แค่จะกลับด้านไม่กลับด้าน มันไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่แล้วล่ะครับ)
ไนท์มันคงสังเกตได้ถึงสายตากบโดนกระทืบ (ตามันจะโตครับ) มันถึงได้เงยหน้าจากจานข้าวในที่สุด
“ทำไม? กูผิดเหรอ มึงกับไอ้เวย์เทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว” พูดจบ มันก็ก้มลงไปสวาปามข้าวในจานต่อ มันอร่อยมากเลยรึไงวะเนี่ย มึงช่วยสนใจพวกกูก่อนได้มั้ย โดยเฉพาะไอ้นุเนี่ย ตามันจะหลุดออกมาเด้งดึ๋งเป็นลูกชิ้นโอเด้งอยู่แล้วเว้ย ว่าเข้าไปนั่น...อยากเห็นหน้าผมตอนนี้มั้ยครับ ฮ่าๆ อย่าเลย เดี๋ยวจะหมดศรัทธาต่อเนื่องไปเสียเปล่าๆ
“ซึ้งว่ะมึง คำว่าเพื่อนฟังแล้วน้ำตาจะไหล” ไอ้นุยกมือทำท่าปาดน้ำตาอย่างน่าหมั่นไส้ ปากมันก็ร้องบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นเพลงว่า “คำว่าเพื่อน... พูดเบาๆ ก็เจ็บ”
“เออ จะได้จำ” ไอ้นี่ก็ตอกย้ำทุกครั้งที่เงยหน้าจากจานข้าวครับ
“เออ กูจำได้ว่าคบกับมึงมาตั้งแต่ขึ้น ม. 1 แต่ตอนนี้กูเป็นแค่ขี้มูก ขี้ตา เศษรังแค เป็นแค่ผิวหนังที่หลุดลอกจากข้อพับของมึง กูมันไม่มีค่า กูจะจำไว้ คำว่าเพื่อน..พูดเบาๆ ก็เจ็บ”
“ที่กูคบมึง เพราะสงสาร อย่าลืม”
“เออ ขอบคุณครับสำหรับมิตรภาพที่มีให้ ที่ยอมคบกูเป็นเพื่อนตั้งเกือบ 10 ปี”
“ไม่เป็นไร”
.
.
ดีนะครับ การมีเพื่อนเนี่ย ผมไม่ได้อยากคิดมาก ไม่ได้อยากทำตัวปัญญาอ่อน คิดเล็กคิดน้อย แต่มันก็อดเศร้าไม่ได้ มันจำได้ว่าคบกับไอ้นุตั้งม.1 จำได้ว่าช่วงเวลาเหล่านั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง มันสนิทกันยังไง เล่นกันยังไง เรียนด้วยกันมายังไง แต่ความทรงจำที่เหลืออยู่นั้นกลับไม่มีผมอยู่เลย หึ ผมนี่เอาแต่ใจใช่มั้ยครับ มักมากด้วย ได้คืบก็อยากจะเอาศอก ตอนแรกขอแค่มันฟื้น ผมยอมได้ทุกอย่าง พอมันฟื้นแล้วบอกรักผม ผมกลับโมโหที่มันจำผมไม่ได้ ที่มันเลือกจะลืมความทรงจำที่มีผมอยู่ทั้งหมด ทำไม? บางครั้งผมก็อดนึกไม่ได้ว่าทำไมมันต้องเลือกจะลืมผม ทำไมต้องเลือกจะลืมแค่ผม ทำไมต้องเป็นผม??
หรือมันโกรธ มันเกลียดผมที่ผมไม่ยอมกลับไปกับมัน ที่ผมเลือกจะเดินหนีจากมัน มันก็เลยอยากลืมๆ ผมไปซะ ถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้าวันหนึ่งมันเกิดจำได้ขึ้นมา มันจะยังรักผมมั้ย? จะยังอยู่ข้างๆ คอยดูแล คอยเอาใจใส่อย่างที่มันทำทุกวันนี้มั้ย
“เป็นไร ทำไมไม่ยอมกินเลย ไม่หิวก็ต้องกิน เดี๋ยวปวดท้อง ไม่ต้องให้ป้อนใช่มั้ย” สนใจกูได้สักทีนะมึง กูจิตตกเพราะมึงไปเรียบร้อยแล้วครับคุณไนท์
“เออ”
“งอนไร” แน่ะ..เดี๋ยวนี้รู้ดี
“งอนป้ามึงสิครับ แค่กำลังฟังพวกมึงเถียงกันเพลินๆ เถียงต่อดิ” ดู โง่โคตรอ่ะผม นิสัยมากๆ อย่างนี้ไม่งอนเลยครับ ไม่งอนเลย แถมปากยังไว พูดไรไปมันจับความคิดได้หมด
“อ๋อ ไม่งอนแต่เหงา” เห็นไหมครับ มันจับได้หมด เดี่ยวนี้มันเก่งแล้วครับ หลอกมันก็ไม่ได้ โกหกก็ไม่ได้ อีกหน่อยซ่อนเงินไว้มีหวังหาเจอหมดแน่นอน น่าน...ยังแยกกระเป๋ากันอยู่ครับ ฮ่าๆๆ
“ใครเหงา ตลกแล้วมึง” กูแค่แอบเหงา กูแอบ มึงต้องไม่เห็นสิวะ
“กูเหงาเองครับ มาๆ กินข้าว ผักน่ะ กินเข้าไปด้วย ไม่หมดไม่เป็นไรแต่ต้องกิน” มันยอมรับว่าเหงาแทนผม ดูมันดิครับ โคตรน่ารัก ไอ้ฟายเอ๊ย เดี๋ยวกูจับกดแม่งตรงนี้เลย ไม่องไม่อายใครแล้วเว้ย
“มึงเป็นพ่อกูรึไง” ด่าแก้เขินครับ ชอบอ่ะมันเอาใจ
“หึ กูเป็นอะไร เดี๋ยวคืนนี้มึงก็รู้”
“ไอ้...”
“ไอ้หน้าด้าน” เปล่าครับ ไม่ใช่ผม แต่เป็นไอ้นุกับไอ้แชมป์มันประสานเสียงกัน ไอ้นุตะโกนด่าเสียงดัง ส่วนไอ้แชมป์พึมพำด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ด่าเสร็จพวกมันก็หันไปมองหน้ากันแล้วหัวเราะ เออ ทำอย่างกับดีใจที่ใจตรงกัน คิดเหมือนกันอย่างนั้นแหละ พวกมึงนี่ก็ชักจะแปลกๆ
ไอ้ไนท์นี่ก็แปลกพอกัน เวลาอยู่ด้วยกันสองคนก็ เวย์ครับ ผมอย่างโน้นผมอย่างนี้ อ้อนได้อ้อนดี มาตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นไอ้คนอ้อนตีนแทนซะเฉยๆ สรุปเมื่อคืนที่มันทั้งอ้อนทั้งเอาใจกูนี่เพื่อหวังฟันกูใช่ม้ายยยย (หมายเหตุ : เวย์..หนุ่มน้อยผู้เริ่มสงสัยว่าตัวเองกำลังถูกหลอกฟัน)
.............................