ตอนที่ 5 ต่อ....
“เมิงบอกพวกกูมาซะดีๆ เมื่อคืนเมิงไปนอนกับใครมา”
หา!!!! นอนกับใคร?
กู ก็นอนกับ ไอ้ไนท์ไง
แล้ว แล้ว ทำไม ทำไม ทำไม หลังกูมีแต่รอยจูบอย่างนี้ล่ะโว้ยยยยยยยยยยยย
ผมทำหน้าอึ้ง ตะลึงไม่แพ้พวกมันหลังจากไอ้อ้นจับกระจกสองอันส่องหน้าหลังให้ผมเห็น (มันไปเอามาตอนไหนวะ?) ผมแทบจะอยากมุดหัวลงดิน ซีดแล้วซีดอีก สั่นแล้วสั่นอีก แม่เจ้าเว้ยยย เกิดอะไรขึ้นกับกูวะ เมื่อคืนเนี่ยยยยย ผมทำเนียนแอบเหล่ไปมองไอ้ไนท์ ก็ยังเห็นมันทำหน้างงๆ กับรอยยิ้มมุมปากที่ปิดไม่มิด สาดดดด เมื่อคืนกูทำอะไรไปมั่งเนี่ยยย
“อ้าวเฮ้ย พวกเมิงจะยืนจ้องกันอีกนานมั้ย จะหกโมงแล้วเนี่ย เดี๋ยวโรงยิมปิดนะเว้ยย” ไอ้คนสติดีคนเดียวในทีมเอ่ยขึ้น พลางจับเสื้อใส่ให้ผมช้าๆ พร้อมทั้งติดกระดุมให้ กูไม่ใช่เด็กนะเมิง แต่เอาเหอะ ให้กูรอดจากที่นี่ไปก่อนเต๊อะ จะเอาอะไรกูให้เมิงหมดเลยครับพี่ไนท์
ในขณะคนอื่นเดินกลับไปประที่ ไอ้คนชอบกู้สถานการณ์มันก็กระซิบทำลายสถานการณ์ว่า
“เมื่อคืนเมิงนอนกับกู” มันพูด มันยิ้มให้ แล้วเดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนตาค้าง แข็งเป็นหินอยู่ตรงนั้น
เมื่อคืนเมิงนอนกับกู
เมื่อคืนเมิงนอนกับกู นอนกับกู กับกู กับกู
ม่ายยยยยย มันหมายความว่ายังไง วอท ดาส อิท มีน? ม่ายยย กู กะ เมิง นอน? นอนแบบไหนละเว้ยยย นอนเฉยๆ หรือว่า....นอนไม่เฉย แต่ทำไมกูไม่เจ็บ กู กู ไอ้สาดดด แม่ง แกล้งกูอีกแล้วว
บาสครึ่งหลังวันนั้นผ่านไปอย่างร่อแร่ รุ่นพี่หวิดจะเสียฟอร์มแพ้ให้แก่รุ่นน้องเพราะท่านกัปตันมัวแต่เหม่อลอย สติไม่อยู่กับตัว บาสไม่มีอยู่ในหัว ไม่มีอะไรนอกจากคำว่า
“เมื่อคืน เมิงนอนกับกู”
Night’s talk (special)
“เมื่อคืนเมิงนอนกับกู” ผมพูด ผมยิ้ม แล้วเดินจากมา ทิ้งให้มันยืนตาค้าง แข็งเป็นหินอยู่ตรงนั้น เอาน่าขอกูลงโทษมึงหน่อยเหอะ เมื่อคืนเล่นแรงกับกูก่อนนะ ดูหน้ามันตอนตกใจนี่ก็ตลกดีครับ ผมรู้มานานแล้วว่าการแกล้งให้ไอ้เวย์เปลี่ยนสีหน้าไปมานี่เป็นความบันเทิงอย่างหนึ่ง เป็นความบันเทิงที่คงจะขาดไม่ได้อีกแล้วในชีวิตผม
ครึ่งหลังนี่ไอ้เวย์แทบจะเล่นบาสเหมือนเด็กอนุบาล ฮ่าๆ ผมเห็นมันแอบเหล่มองผมบ่อยๆ เหมือนต้องการคำอธิบายว่าตกลงมันนอนแบบไหนกันแน่ ฮ่าๆ กูไม่บอกหรอกมึง คนผิดจริงๆ ของเรื่องนี้ก็คือมึงนั่นแหล่ะ ผิดตั้งแต่ละเมออย่างนั้นออกมา
“กู รัก เมิง”
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ผมเบรกรถอย่างแรง โชคดีที่ตอนนี้ถนนโล่ง ไม่อย่างนั้นผมกับมันคงได้ลงไปเฝ้าท่านยมด้วยกันแล้ว ผมนำรถเทียบข้างทางก่อนจะหันมามองไอ้ตัวดีช้าๆ ผมยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่มันละเมอออกมาคืออะไร คำพูดที่ทำเอาผมแทบหยุดหายใจนั้นคือเรื่องที่ออกมาจากใจมันจริงๆ หรือเปล่า หรือว่ามันกำลังเล่นตลกอะไรในฝัน
หน้าใสๆ ของมันแดงระเรื่องด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เปลือกตายังคงหลับพริ้ม ขนตายาวงอน ริมฝีปากแดงอิ่มนั่นแย้มรอยยิ้มกว้าง แล้วมันก็หัวเราะออกมา ผมอยากจะปลุกมันขึ้นมาถามเหลือเกินว่า ไอ้คำที่มันพูดออกมาน่ะ หมายความว่ายังไง แต่ผม..ยังไม่กล้าพอ ความกลัวความกังวลที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตบัดนี้กลับอัดแน่นอยู่ในใจ
ผมกลัวอะไร ตัวผมเองยังไม่แน่ใจนัก กลัวความหมายของมัน กลัวว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่คิด หรือบางที...กลัวตัวเอง
ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าระหว่างเรามีบรรยากาศบางอย่างที่แปลกไปจากความเป็นเพื่อน ผมห่วงมันมาก หวงมันด้วย ผมไม่ชอบให้มันปิดบังอะไรผม ต้องการความเชื่อใจจากมัน ผมอยากให้มันพึ่งพาผม นั่นแหล่ะ ผมกับมันจึงไม่ได้เป็นแค่เพื่อน แต่เป็นเพื่อนสนิท
‘เพื่อนสนิท’ คำนิยามที่ผมกำจัดขึ้นมากำหนดความสัมพันธ์นี้ คำที่บางครั้งผมพูดได้เต็มปาก แต่ไม่อยากได้ยินจากปากอีกคน
ผมรู้สึกว่าวันนี้การอุ้มมันขึ้นไปนอนยากกว่าทุกที มือไม้ที่เคยแข็งแรงกลับหมดกำลังไปดื้อๆ แต่บางอย่างที่ไม่ควรแข็ง(แรง) มันกลับไม่รักดีขึ้นซะอย่างนั้น
“เพราะไอ้คำละเมอบ้าๆ ของเมิงแหล่ะ ไอ้เวย์”
ขึ้นมาถึงห้องผมก็จัดการวางมันบนเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิงในชุดนักศึกษา หน้าตาที่บ่งบอกความรำคาญเล็กน้อย ปากเล็กๆ ที่ขมุบขมิบเหมือนกำลังด่าใครอยู่นั้น ทำให้มันดู...เซ็กซี่ชะมัด ความคิดที่ผมแทบอยากเอาหัวโขกผนัง โว้ยยย ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันเซ็กซี่ เอ๊ะ ก็ไม่ถูกซะทีเดียว หลายครั้งผมยอมรับว่ามองมันแบบนั้น อย่างน้อยๆ ก็ตอนที่ลากมันไปอาบน้ำด้วยกัน ทั้งๆ ที่อยากจะแกล้งมันเล่น แต่กลับกลายเป็นตัวผมเองที่ทนอยู่ในสภาพแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยต้องถีบมันแล้ววิ่งหนีออกมาแทน โคตรเสียฟอร์มเลย
มือที่ถอดเสื้อให้มันสั่นน้อยๆ ก่อนจะเริ่มใช้ผ้าชุบน้ำไล้ไปทั่วผิวขาวเนียนนั้น แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นมือ? โว้ยยย กูท่าจะอาการหนักซะแล้วว่ะ
“อือ อืมม” กึก!! เสียงครางของมันทำผมหยุดมือทันที
ทรมาน!! แค่เห็น มึงยังทรมานกูไม่พอใช่ไหม ถึงต้องร้องออกมาให้กูได้ยินเนี่ย
“เวย์ เมิงรักใคร” เอาวะ ตายเป็นตาย เขาว่าคนเมาไม่โกหก
“อือ”
“รัก กู ไหม”
“อือ”
เท่านั้นแหล่ะครับ ไม่ว่ามันจะรู้เรื่องไหม ผมก็ไม่สนแล้ว
“งั้นวันนี้ ขอกูไม่เป็นเพื่อนมึงสักวันนะ”
ผมไซ้ไปทั่วร่างกายขาวเนียนของมัน สูดดมความหอมหวาน สัมผัสความนุ่มมือที่ชวนให้เลือดลมพลุ่งพล่าน อยากจะเป็นเจ้าของ สัญลักษณ์แห่งความเป็นเจ้าของถูกผมประทับไปทั่วแผ่นหลังและหน้าอกของมัน ก่อนที่อะไรๆ จะเลยเถิดไปมากกว่านี้
‘ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด’
แม่งเอ๊ยยย ใครมาตั้งนาฬิกาปลุกตอนนี้วะ ผมสบถอย่างหัวเสียแต่แฝงความโล่งใจอยู่ในที ไม่อยากจะคิดเลย ถ้ามันไม่จบแค่นี้ ความสัมพันธ์ของเรามันจะเป็นยังไง
ปิดนาฬิกาปลุกที่ตัวเตียงเสร็จ ผมก็เหลือบมองรอยแดงที่กระจายอยู่ทั่วเรือนรางนั้น เลือดลมยิ่งพลุ่งพล่าน ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนยากจะระงับ
“ทำไมวันนี้มันร้อนอย่างนี้โว้ยยยยยย” ว่าแล้วก็เผ่นเข้าห้องน้ำทันที
“อ่ะ..เอ่อ เมิง กู เมื่อคืน เอ่อ....” เสียงตะกุกตะกักพร้อมแรงกระตุกที่แขนเสื้อทำให้ผมหลุดจากภวังค์
“อะไร” ผมเห็นมันทำหน้าปั้นยาก ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่นราวกับตัดสินใจกับตัวเองเรียบร้อย แล้วเอ่ยว่า
“เมื่อคืน เมิงนอนกับกู?” พูดจบเจ้าตัวก็ก้มหน้างุด
“ก็ใช่” คำตอบของผมทำให้มันเบิกตากว้าง กว้างมากๆ
“แค่นอน...ใช่มั้ย” ไม่ใช่!! จะบอกมันยังไงว่าถ้าเมื่อคืนไม่มีนาฬิกาปลุก มันได้กลายเป็นเมียผมอย่างที่ไอ้นุมันชอบล้อแล้วแน่ๆ
“ไม่รู้”
“เฮ้ยยยย ไม่รู้ได้ยังไง ก็ ก็....”
“ก็ อะไร”
“ก็กูเมา แต่เมิง เมิงงงง” มันลำบากมากเลยเหรอวะ พูดแต่ละคำเนี่ย อายอะไรของมัน คนที่สมควรอายนี่มันกูต่างหาก เกือบไปแล้ว
“กูก็เมา”
“เฮ้ยยยย แล้วเมิง เอ่อ ไม่ได้ทำอะไร เอ่อ ใช่มั้ยย” ทำ!! แต่ไม่เสร็จว่ะ
“ไม่รู้ กูเมา”
“เฮ้ยยยย” มันทำท่าตกใจมาก ตาโต อ้าปากค้าง ฮ่าๆ โคตรตลก ทำไมเมื่อคืนเมิงไม่ทำหน้าอย่างนี้ล่ะวะ กูจะได้ไม่ทำอะไร มัวแต่นั่งฮาเมิง
“ฮ่าๆ เป็นเอี้ยอะไรของเมิง เมาแล้วก็ต้องนอนดิวะ คิดมากไปได้” แล้วก็ขยี้ผมมันไปหลายทีอย่างหมั่นเขี้ยว เรื่องบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เพราะมันก็แค่...ความหลงละเมอชั่วข้ามคืนเท่านั้นเอง
----------------------------------
ขอโทษที่ช้าจ้า แต่มาแล้วน้า