เรื่องนี้มามันๆกับความตื่นเต้น แถมความเจ็บปวด
ทุกรสชาติ ทุกอารมณ์

***********************************************************
บทที่ 5
ชายหนุ่มนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่เก้าอี้ ส่วนภรรยาของเขากับลูกสาวกำลังช่วยกันทำการบ้านคณิตศาสตร์กันอยู่
“นี่ไงลูก 24 บวก 52 ใช่ไหม ก็ค่อยๆบวกทีละตัว เริ่มจากหลักหน่วยก่อน ข้างหลังนั่นแหละจ๊ะ ได้เท่าไหร่ก็เขียนลงไปข้างล่าง ใช่แล้ว” หญิงสาวพูด
“อ๋อ พอเข้าใจแล้วคะ หลักหน่วยนี่คือตัวข้างหลังนี่เอง ข้างหน้านี่คือหลักสิบใช่ไหมคะ” เด็กสาวถาม ผู้เป็นแม่ก็พยักหน้า
“จ๊ะ เอาละนี่ก็เสร็จแล้วสิการบ้านนะ” ผู้เป็นแม่ถาม เด็กสาวก็พยักหน้า
“คะ อืมคุณพ่อคะ แล้วคุณพ่อกับพี่ชลาธลไม่ต้องเรียนหนังสือหรอคะ” เด็กสาวถาม ผู้เป็นพ่อก็ลดหนังสือพิมพ์ลง
“พ่อนะเรียนนะ แต่ธลเขาไม่ได้เรียนหรอก หลวงตาไม่ค่อยอยากให้เขาอยู่ใกล้คนมากนักนะ” ชายหนุ่มตอบ เด็กสาวก็เอียงคอด้วยความสงสัย
“ทำไมละคะ” เด็กสาวถาม
“อืม มันมีเรื่องของผนึกนี่ละนะ อืม การบ้านเสร็จแล้วละสิ งั้นเดี๋ยวพ่อเล่าให้ฟ้งต่อดีไหม” ชายหนุ่มพูด เด็กสาวถึงกับกระโดดตัวลอย
“เย้” เธอร้อง ชายหนุ่มก็หัวเราะในลำคอเบาๆ...
หลังจากคืนนั้นผ่านไป พ่อก็กลับบ้าน แน่ละพ่อก็โดนคุณปู่เอ็ดไปหน่อย แต่คงเป็นเพราะหลวงตาโทรไปดักไว้ก่อนพ่อเลยไม่โดนทำโทษอะไรมากนัก แต่พ่อก็โดนขังไม่ให้ออกไปเที่ยวไหนอยู่หลายวันเหมือนกัน พ่อยังอดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าเกิดเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังพ่อคงไม่ได้เห็นแสงตะวันอีกเป็นแน่แท้ ช่วงนั้นพ่อเลยไม่ได้เจอกับธลเขาเท่าไหร่ ตอนนั้นพ่อเครียดหนักอยู่เหมือนกันกลัวว่าเขาจะเป็นอะไร แต่พ่อก็ได้แต่สวดมนต์เท่านั้น บังเอิญว่าวันเสาร์ปู่เขาก็ฝากให้พ่อเอาจดหมายไปให้หลวงตาอีก พ่อก็เลยได้มีโอกาสไปเจอธลอีกครั้ง
“อืม ขอบใจมากนะ” หลวงตาพูดพลางเปิดจดหมายในมือขึ้นอ่าน
“หลวงตาครับ ธลละครับ” พ่อถามทันที พ่อคิดถึงเขามากโขอยู่ ใจนึงก็เป็นห่วงด้วย หลวงตาก็ยิ้ม
“ฮึๆ คิดถูกจริงๆที่ให้เอ็งคบกับไอ้ธล มันอยู่หลังกุฏิโน่นแหนะ” หลวงตาพูด พ่อยิ้มแป้นเลย อย่างน้อยๆธลเขาก็ไม่เป็นอะไรมาก พ่อรีบวิ่งไปที่หลังกุฏิก็พบธลกำลังกวาดลานอยู่
“ธล” พ่อร้องพลางวิ่งเข้าไปหาเขา ธลก็ยิ้มรับให้พ่อ
“เป็นไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งนาน ตอนแรกเราคิดว่านายจะโดนกินไปแล้วเสียอีก” พ่อพูด ธลก็ยิ้ม
“อืม ก็เกือบๆอะนะ” ธลตอบ พ่อขมวดคิ้วเลย
“ทำไมละ ไหนมีอะไรเล่ามาจิ” พ่อพูด พ่อกับธลเลยไปนั่งที่ใต้ต้นไทร แล้วธลก็เล่าให้ฟังถึงภารกิจของเขา ธลแอบไปฟังข่าวเกี่ยวกับสุศักดิ์ก็ได้รู้มาว่า สุรศักดิ์นั้นไปบำเพ็ญศีลอยู่ที่ตีนแม่น้ำน่าน 2 - 3 เดือนจึงจะกลับ และห้ามจระเข้ตัวไหนรบกวน
“อืม งั้นก็ยังพอมีเวลางั้นสิ” พ่อถาม ธลก็พยักหน้า
“อืม แต่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง เพราะจระเข้ลูกน้องของสุรชัยทุกตัวรู้เรื่องหมดแล้ว พูดง่ายๆก็คือ ถ้าท่านสุรศักดิ์ออกจากการบำเพ็ญศีลเมื่อไหร่เขาก็พร้อมจะลุยทุกเมื่อนั่นแหละ” ธลตอบ พ่อถึงกับเบ้ปากเลย
“อืม แล้วไม่มีทางทำอะไรได้เลยหรอ” พ่อถามทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้จริงๆว่าจะทำอะไรได้ ธลถอนหายใจเบาๆ
“ตอนนี้หลวงตาก็พยายามหาทางติดต่อพรานจระเข้อยู่นะ แต่สมัยนี้แทบไม่มีใครมีฝีมือพอที่เก่งพอที่จะถือหองสัตตโลหะได้เลย” ธลพูด พ่อก็พยักหน้า
“อืม หลวงตานี่ดูรู้เรื่องเยอะจังเนอะ” พ่อรำพึง ธลก็พยักหน้า
“ก็หลวงตาเคยเป็นพรานจระเข้มาก่อนนี่นา” ธลตอบ พ่อตาค้างเล็กน้อย
“อะจริงดิ มิน่าละดูรู้เรื่องไปหมดเลย” พ่ออุทาน ธลก็พยักหน้า
“พอแม่กับพ่อไกรตายไป ก็มีหลวงตานี่แหละที่ช่วยดูแล” ธลพูด พ่อพยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงเข้าใจ
“แต่ก็ตลกดีนะ เป็นพรานจระเข้แต่กลับเลี้ยงจระเข้เสียเอง ฮะ ฮะ” พ่อพูดติดตลก
“อืม หลวงตาท่านเขาอยากชดเชยบาปที่ทำไปนะ ท่านบอกว่า การช่วยเหลือคนอื่นมันเป็นสิ่งดี แต่การฆ่าฟันต่อให้เพื่อช่วยคนอื่นยังไงมันก็เป็นบาปอยู่ดี ท่านเลยรับเลี้ยงเราไว้นะ” ธลพูด พ่อเองก็คิดเหมือนกันว่าหลวงตาท่านเป็นคนที่น่านับถือเอามากๆ คงเป็นเพราะท่านตั้งใจจะชดใช้บาปที่ตนก่อขึ้นไว้จริงๆละมั้ง พ่อถึงกับยกมือไหว้ขอขมาที่พูดจาล่วงเกิน
“อืม แล้วพ่อแม่นายอะ คือ พวกเขาเป็นยังไงหรอ” พ่อถามอีก ธลก็ยิ้มให้
“อืม พ่อไกรเราไม่ค่อยสนิทด้วยเท่าไหร่นะ เราสนิทกับแม่เรามากกว่า อาจเป็นเพราะพ่อไกรเป็นคนก็ได้ละมั้ง แต่เท่าที่ฟังจากแม่มา แม่เราว่าพ่อไกรเป็นคนเจ้าชู้นะ” ธลตอบ พ่อก็เริ่มคิด มันก็น่าจะจริงนะ คิดดูสิมีเมียตั้งสองคนแล้ว ยังจะไปเอาเลื่อมลายวรรณกับวิมาลามาอีก
“ก็น่าจะจริงนะ” พ่อพูด
“แต่ถึงยังไงพ่อไกรก็มีบุณคุณนะ เพราะพ่อไกรนั่นแหละที่ยังช่วยทำให้เรากับแม่อยู่ในร่างมนุษย์ได้” ธลพูด พ่อก็ทำหน้างงๆ
“ยังไงอะ” พ่อถาม
“อืม จระเข้ส่วนทุกตัวนะ ต่อให้เป็นจระเข้ท้าวก็ตาม ถ้าออกจากถ้ำทองก็จะคืนร่างกลับเป็นจระเข้เหมือนเดิม ตอนแรกนี่เป็นปัญหามาก เพราะแม่กับน้าวิมาลาไม่สามารถออกจากถ้ำได้เลย เพราะพอออกมาก็จะกลายเป็นจระเข้อีก พ่อไกรก็เลยเริ่มศึกษาเกี่ยวกับถ้ำทองเพื่อหาอาคมที่จะสามารถนำมาใช้บนบกได้ แล้วพ่อไกรก็ค้นพบวิธี เลยสร้างคาถาผนึกถ้ำทองเอาไว้นะ” ธลอธิบาย
“ผนึกถ้ำทอง” พ่อทวนคำพูด ธลก็พยักหน้า
“อืม เป็นผนึกที่ใช้เปลี่ยนร่างจระเข้ให้กลายสภาพเป็นคนได้นะ พ่อไกรใช้ผนึกนี้กับแม่น้าวิมาลา แล้วก็กับเรา มันก็เลยพอทำให้เราอยู่ในร่างของมนุษย์ได้” ธลตอบ พ่อพยักหน้า มิน่าละธลถึงได้มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ได้ขนาดนี้
“อืม มิน่าละนายถึงเหมือนมนุษย์ขนาดนี้” พ่อรำพึง ธลก็มองหน้าพ่อ
“อืม เหมือน แต่ก็ไม่ใช่” ธลตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“ธล” พ่อถามด้วยความเป็นห่วง ธลก็เงยหน้ามองดูท้องฟ้า
“เรานะ ไม่เหมือนแม่ แล้วก็ไม่เหมือนพ่อไกร พอไปเล่นกับมนุษย์ก็รุนแรงเกินไป พอจะลงไปอยู่กับจระเข้รูปร่างของเราก็ไม่ใช่จระเข้อีก เราเข้ากับใครไม่ได้เลย บางครั้งเราก็รู้สึกเหมือนเราอยู่ตัวคนเดียว เราเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่ จระเข้ยิ่งไม่ใกล้ เราคงเป็นได้อย่างเดียว ตัวประหลาด ละมั้ง” ธลพูด พ่อมองเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วง จะว่าไปธลเองก็เหมือนจะโดนรังเกียจจากคนรอบข้างอยู่ไม่น้อย นี่ละมั้งที่ทำให้เขากลายเป็นคนเงียบๆไม่สุงสิงกับใคร พ่อเอามือโอบคอของธลเอาไว้
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ สำหรับเราแล้ว ต่อให้นายจะเป็นอะไร นายก็คือเพื่อนของเราเสมอนั่นแหละ” พ่อพูดออกไป ธลมองหน้าพ่องงๆ พ่อก็ยิ้มรับ ธลถึงกับเขินหน้าแดง
“อะ อืม ขอบใจ” ธลตอบ พ่อก็ดึงตัวของธลเข้ามาชิดตัวพ่อมากขึ้น ตอนนั้นพ่อคิดแค่อย่างเดียวว่าพ่ออยากจะช่วยเขา อย่างที่เขาเคยช่วยพ่อมา
“เออ เราขอถามอะไรอีกอย่างได้ปะ” พ่อพูดพลางปล่อยคอของเขาไป ธลก็พยักหน้า
“อืม ไกรทองนี่เป็นเรื่องที่เกิดมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ แล้วหยั่งงี้นายก็อายุเป็นร้อยๆปีแล้วอะดิ” พ่อถาม ธลก็ทำท่าคิด
“อืม เราก็ไม่เคยนับหรอก มันนานจนเราเองก็ขี้เกียจจะนับแล้ว” ธลพูด พ่อตาค้างเลย
“โห ขนาดนั้นเลยหรอ” พ่อถาม ธลก็ยกไหล่
“หลวงตาบอกว่าอาจเป็นเพราะเรามีเชื้อทั้งมนุษย์และจระเข้รวมกัน อายุขัยเราเลยยาวกว่าปกติ แต่อย่างท้าวรำไพยังมีอายุตั้งเกือบ 500 ปีแหนะ” ธลพูด พ่อตาโตเลย
“โห นานขนาดนั้นเลยหรอ” พ่ออุทาน ธลก็พยักหน้า อืม เรื่องของจระเข้นี่ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะเลยแฮะ แล้วท้องของพ่อก็เริ่มออกอาการประหลาดบ่งบอกว่าพ่อนั้นหิวแล้ว
“เออ นายหิวหรือยัง ไปหาอะไรกินกันดีไหม” พ่อถาม ธลก็ส่ายหัว
“ก็ดีนะ” ธลพูด พ่อก็ลุกขึ้นยืน
“แล้วนายชอบกินอะไรละ” พ่อถาม ธลก็คิด
“ไหมฝัน กับ ถั่วตัดนะ” ธลตอบ พ่อก็ยิ้มแห้งๆ
“เออ เอาอะไรที่มันเป็นข้าว เป็น กับสิ” พ่อพูด ธลกลับทำหน้างงๆ
“กับ นี่ยังไงหรอ หมายถึงพวกผัดผักอะไรงี้นะหรอ” ธลถาม พ่อก็พยักหน้า
“ราวๆนั้นแหละ ไปกินก๋วยเตี๋ยวกันดีกว่า นายเคยกินปะ” ธลส่ายหัว
“ไม่เคยอะ” ธลตอบ พ่อขมวดคิ้ว
“เฮ้ย อะไรอยู่มาตั้งหลายร้อยปีไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวเลยเนี่ยนะ” พ่อถามงงๆ ธลก็ส่ายหัวอีก
“อืม ก็ตั้งแต่จำความได้ เราก็กินเจมาตลอดนั่นแหละ” ธลพูด พ่อตาลุกเลย
“ทำไมละ” พ่อถาม ธลก็ยกไหล่
“ไม่รู้สิ แต่เราไม่ค่อยเรื่องมากเรื่องกินหรอก เลยไม่ได้ถามนะ” ธลตอบ พ่อรู้สึกสงสารธลขึ้นมาจับใจเลย นี่วันๆเขาต้องกินแต่ผักคงเบื่อแย่เลย แม้มันจะมีประโยชน์ก็เถอะ
“มา เดี๋ยวเราพาไปกิน รับรองนายต้องชอบแน่ๆ” พ่อเสนอ ธลก็พยักหน้ารับ แล้วพ่อก็พาธลออกไปนอกวัด บังเอิญว่าหลวงตากำลังติดธุระคุยอยู่กับคนอื่นอยู่ผมเลยไม่ได้บอกหลวงตาก่อน แต่แค่ไปกินข้าวแป๊ปเดียวเองนี่นา แล้วผมก็พาธลออกไปหาร้านก๋วยเตี๋ยว และผมก็ตัดสินใจเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ เพราะผมว่ามันอร่อยดี
“นายต้องชอบแน่เลย เดี๋ยวเราสั่งให้นะ” พ่อเสนอ แล้วก็หันไปหาเจ้าของร้าน
“ลุง เอาเส้นเล็กน้ำตกสองชามขอข้าวเปล่าด้วย” พ่อสั่ง ธลสูดจมูกฟุดฟิต
“กลิ่นอะไรนะ” ธลถาม พ่อก็ยิ้ม
“อ๋อ น้ำแกงไง หอมใช่ม้า” พ่อพูด ธลก็พยักหน้า ไม่นานนักก๋วยเตี๋ยวของเราก็มาเสริฟ์ ธลก็ก้มลงดู พ่อส่งช้อนให้
“เอาข้าวใส่ลงไปด้วยนะ มันจะได้อิ่มท้อง” พ่อเสนอแล้วก็เถข้าวเปล่าใส่ลงไปในก๋วยเตี๋ยว ธลก็ทำตาม แล้วพ่อก็เอาช้อนตักเข้าปากไป แหม ยังอร่อยเหมือนเคย
“อืม แล้วไอ้ลูกกลมๆนี่อะไรหรอ” ธลถามพลางเขี่ยลูกชิ้นไปมา
“อ๋อ เขาเรียกลูกชิ้นนะ อร่อยนะลองกินดูสิ” พ่อเซ้าซี้ ธลก็ตักเอาลูกชิ้นเข้าปากพลางเคี้ยวๆแล้วก็กลืนมันลงไป
“เป็นไงบ้างอะ” พ่อถาม ธลก็พยักหน้า
“อะ อืม อร่อย อร่อยมากๆ” ธลพูด มือสั่นๆ แล้วเขาก็จ้วงตักชามก๋วยเตี๋ยวแบบไม่ยั้งเลย
“เฮ้ยๆ ใจเย็นก็ได้” พ่อพูด แต่ธลกลับกินอย่างมูมมามจนคนอื่นๆหันมามอง
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” ธลหายใจหอบ มือของเขาเกร็งจนเส้นเอ็นโพล่ขึ้นมา แววตาของเขากลายเป็นสีเหลืองเหมือนกับจระเข้
“อ๊ากกกกกกกกกกกก” ธลร้อง พลางล้มลงไปนอนดิ้นที่พื้น พ่อตกใจมาก ธลเขาร้องไปมาอย่างเจ็บปวด
“ธล นายเป็นอะไรนะ ธล” พ่อร้องอุทานพลางจับตัวเขา ตัวของธลร้อนจี๋เลย พลันแขนของเขาก็ปรากฏรอยผื่นสีแดงประหลาดขึ้นเต็มตัวไปหมด
“ธล ธล” พ่อร้องตะโกน แต่ธลก็ได้แต่ดินไปมาพลางร้องครางโหยหวน พ่อตัดสินใจยกธลแบกขึ้นหลัง ธลตัวหนักมากจริงๆ แต่พ่อก็ต้องพาเขากลับไปให้ได้ พ่อทิ้งเงินไว้ให้เจ้าของร้านแล้วก็รีบแบกธลกลับวัด โชคดีเหมือนกันที่มันอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก แต่ธลตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ รอยผื่นแดงเริ่มสว่างชัดขึ้น แล้วพ่อก็พึ่งสังเกตว่ามันไม่ใช่รอยผื่น แต่มันเหมือนเป็นอักขระอะไรสักอย่าง พ่อรีบพาธลกลับไปหาหลวงตา ทันทีที่หลวงตาเห็นหลวงตาก็วิ่งเข้ามาหาทันที
“มันเกิดอะไรขึ้น” หลวงตาพูดพลางมองมาที่พ่อ
“มาเร็ว ตามข้ามา” หลวงตากล่าวพลางช่วยพ่อพยุงร่างของธลที่หายใจหอบ หลวงตาพาธลมาที่ห้องของเขาที่มีหอกสัตตโลหะอยู่ หลวงตาพาธลนอนลง แล้วก็วิ่งไปที่ตู้เล็กๆ หลวงตาหยิบเอาหนังสือเก่าๆออกมาเล่มนึง พลางถือมีดเล่มนึงไว้ในมือ
“แก้ผ้ามันออก เร็ว” หลวงตาสั่ง พ่อก็รีบถอดเสื้อผ้าของธลออกจนหมด อันที่จริงต้องเรียกว่าฉีกมากกว่า เพราะธลนั้นดิ้นไปมาแรงมากจนพ่อต้องกระฉากเสื้อของเขาแทน แล้วหลวงตาก็เริ่มอ่านหนังสือเล่มนั้น มันเป็นภาษาอะไรที่พ่อไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ธลร้องพลางดิ้นไปมา พ่อเริ่มสังเกตว่าร่างของธลเหมือนจะเปลี่ยนไป ผิวสีน้ำผึ้งของเขา ค่อยๆมีหนังตะปุ่มตะป่ำโพล่ขึ้นมา เล็บเริ่มงอกยาว เขี้ยวโพล่ออกมาเต็มปาก แววตาของเขาหรี่เล็กเป็นเรียวเหมือนแววตาของจระเข้ หลวงตาอ่านข้อความในหนังสือไปเรื่อยๆ พลางเอามีดกรีดที่นิ้วของเขา แล้วเดินเข้ามาหาธล หลวงตาก้มลงพลางลากนิ้วของเขาไปตามร่างของธล หลวงตาขีดเขียนอักขระบางอย่างลงไปบนร่างของธลด้วยเืลือดของเขา หลวงตาตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่พลางขีดเขียนอักขระลงไปไม่หยุด ธลเริ่มดิ้นน้อยลง ผิวหนังของเขาเริ่มกลับคืนมาเป็นผิวสีน้ำผึ้งเข้ม เล็บ และ เขี้ยวค่อยๆหดหายไปช้าๆ แววตาของธลเริ่มเลื่อนลอย หลวงตาสวดมนต์ซ้ำไปซ้ำมาพลางเขียนอักขระลงไปเรื่อยๆจนทั่วตัวของธล แล้วหลวงตาก็หยุดเขียน แล้วตบมือหนึ่งครั้ง อักขระบนร่างของธลส่องแสงสีทองออกมาแล้วค่อยๆจางหายไป ธลนอนสลบลงที่พื้นควันลอยฉุยออกมาจากร่างของเขา พ่อจะเข้าไปพยุงแต่
“ปล่อยเขาไว้ก่อน เจ้ายังจับเขาตอนนี้ไม่ได้” หลวงตาห้าม พ่อเอามือไปอังร่างของเขา ตัวของเขานั้นแผ่ไอร้อนออกมาขนาดว่าพ่ออยู่ห่างจากเขาพ่อยังรู้สึกได้เลย
“เอ็งไปเอาน้ำมา” หลวงตาสั่ง พ่อก็รีบวิ่งไปเอาถังแล้วเถน้ำใส่ไปจนเต็ม แล้วก็แบกกลับมาที่ห้อง
“ราดตัวมันไปเรื่อยๆจนกว่าร่างมันจะเย็นลง” หลวงตาพูด พ่อก็พยักหน้าแล้วราดน้ำลงไปที่ร่างของธล ทันทีที่น้ำสัมผัสร่างของเขา เสียงดังฉ่ากับควันสีขาวก็ลอยคลุ้งขึ้นมา พ่อรีบวิ่งออกไปเอาน้ำมาเพิ่มเพื่อราดลงบนตัวของธลจนตัวของพ่อเปียกชุ่ม พ่อวิ่งเข้าออกห้องเทน้ำอยู่เกือบทั้งวันจนกระทั่งร่างของธลนั้นดูจะเย็นลงบ้าง
“ลองแตะดูสิ เขาเย็นลงหรือยัง” หลวงตาสั่ง พ่อก็ก้มลงเอามือแต่ตัวของเขาเบาๆ ร่างของธลยังอุ่นๆอยู่
“ยังอุ่นๆอยู่ครับหลวงตา” พ่อตอบ หลวงตาก็พยักหน้า
“พาเขาเข้าไปนอนที่ห้องนะ เปิดหน้าต่างให้ระบายเข้าไว้ ไม่ต้องห่มผ้าให้เขานะ” หลวงตาพูดพลางจะเดินออกไป
“อะ เออ หลวงตาครับ คือ ผมขอโทษ” พ่อพูด หลวงตาก็ส่ายหัว
“พาเขาไปนอนที่ห้อง แล้วมาหาข้าที่หน้ากุฏิ” หลวงตาตอบ พ่อก็พยักหน้าพลางค่อยๆพยุงร่างของธลกลับไปที่ห้องของเขา พ่อเช็ดตัวเขาเล็กน้อยให้พอแห้งก่อนจะปล่อยเขานอนลงบนฝูก จากนั้นพ่อก็เดินไปหาหลวงตาที่หน้ากุฏิ
“ครับหลวงตา” พ่อพูด หลวงตานั่งขัดสมาธิอยู่ที่อาสนะ
“มานั่งตรงนี้” หลวงตาสั่ง พ่อก็เดินไปนั่งตรงหน้าท่าน ใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
“บอกมาตามตรง เอ็งพาไอ้ธลไปทำอะไร” หลวงตาถาม
“ผมแค่พาเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวอะครับ” พ่อตอบ
“แล้วทำไมแกไม่บอกข้าก่อนฮะ” หลวงตาตวาด พ่อได้แต่ก้มหน้า
“กะ ก็ผมเห็นหลวงตากำลังคุยธุระอยู่ อีกอย่างผมอยากให้ธลเขาได้กินอะไรอร่อยๆบ้าง เขากินแต่ผักมันน่าเบื่อจะตาย” พ่อตอบ หลวงตาถอนหายใจยาว
“เฮ้อ ข้ารู้ว่าเอ็งหวังดี แต่เอ็งต้องเข้าใจว่าไอ้ธลมันไม่เหมือนพวกเราเข้าใจไหม มันไม่ใช่มนุษย์ ร่างของมันที่เจ้าเห็นนะ มันก็เป็นแค่ภาพลวงเท่านั้นแหละ” หลวงตาพูด นี่คงเป็นผนึกถ้ำทอง
“หลวงตาหมายถึง ผนึกถ้ำทอง” พ่อพูด หลวงตาก็มองหน้าพ่อ
“นี่เอ็งรู้งั้นหรอ” หลวงตาถาม พ่อเลยบอกกับหลวงตาว่าธลเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง หลวงตาก็พยักหน้า
“อืม ข้าก็ผิดเอง ข้าน่าจะเตือนมันก่อน ข้าเห็นมันอยู่มานานเลยคิดว่ามันเข้าใจแล้ว ฟังนะ คาถาผนึกถ้ำทองนะ มีผลทำให้จระเข้มีร่างเป็นมนุษย์ก็จริง แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่นะ จระเข้เป็นสัตว์กินเนื้อ สัญชาติญาณดิบของมันจะตื่นถ้ามันได้กลิ่นเลือดหรือเนื้อ เพราะงั้นถึงต้องให้มันกินแต่ผัก เพราะไม่งั้นแล้วคาถาจะเสื่อมแล้วไอ้ธลมันอาจจะคืนร่างได้” หลวงตาอธิบาย พ่อพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“แล้วก็อีกอย่าง ถ้าไอ้ธลมันโกรธมากๆ คาถาก็อาจจะถูกทำลายได้เหมือนกัน ข้าเลยคอยกำชับไม่ให้มันไปหาเรื่องใครไงละ” หลวงตาตอบ ผมจึงพอเข้าใจ มิน่าละธลถึงยอมคนโน้นคนนี้มาตลอด เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเปลี่ยนร่างนั่นเอง
“อืม หลวงตาครับ แล้วถ้าผนึกถ้ำทองแตกออก จะเป็นยังไงครับ” พ่อถาม หลวงตาก็พยักหน้า
“ข้าเองก็ไม่รู้นะว่าจะเป็นยังไง และข้าก็ไม่อยากรู้ด้วย แต่เท่าที่ไอ้ไกรเตือนข้ามา เขาบอกว่าถ้าผนึกแตกออก ไอ้ธลจะกลายเป็นจระเข้โดยสมบูรณ์ แล้วมันจะสูญเสียความเป็นคนไปตลอดกาล” หลวงตาพูด พ่อถึงกับอึ้งไปสักพัก พ่อเกือบทำให้เขาต้องกลายเป็นจระเข้ไปตลอดกาลเสียแล้ว
“ผมขอโทษนะครับหลวงตา” พ่อพูดอย่างสำนึกผิด
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าหวังดี แต่เจ้าต้องระวังให้มากๆ” หลวงตาพูด พ่อก็พยักหน้ารับ
“แล้วนี่ธลเขาจะเป็นอะไรมากไหมครับ” พ่อถาม หลวงตายิ้มให้
“ไม่ต้องห่วงหรอก พรุ่งนี้เขาก็ดีขึ้นแล้วละ เอ็งกลับบ้านไปก่อนเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว” หลวงตาสั่ง พ่อพยักหน้าพลางยกมือไหว้
“ผมขอไปลาธลก่อนได้ไหมครับ” พ่อถาม หลวงตาพยักหน้า พ่อรีบวิ่งกลับไปหาธลที่ห้อง เขายังนอนหลับอยู่บนฝูกของเขา พ่อนั่งลงข้างตัวเขาพลางเอามือแตะตัวของธล ร่างของเขาเย็นลงเล็กน้อย พ่อถอนหายใจยาว อีกครั้งแล้วสิที่พ่อก่อเรื่องจนทำให้ธลต้องลำบาก และมันเริ่มทำให้พ่อสัญญากับตัวเองว่าพ่อจะต้องระวังตัวให้มากขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวของพ่อเอง แต่เพื่อธลด้วย...
“ทานข้าวได้แล้วคะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ทั้งชายหนุ่มและลูกสาวต่างก็เดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร
“แม่คะ หนูขอไม่กินเนื้อได้ไหมคะ” ลูกสาวพูด ทั้งพ่อและแม่ต่างมองหน้ากันพลางยิ้มให้
“ธล ลูกไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าลูกจะแปลงร่างนะ ลูกไม่ใช่จระเข้สักหน่อย” ผู้เป็นพ่อกล่าว เด็กสาวก็ส่ายหน้า
“ก็พี่ธลเขาไม่ได้กิน แต่เรากินอยู่คนเดียว มันเห็นแก่ตัวนะคะ” เด็กสาวพูด ผู้เป็นพ่อจับลูกสาวของตนขึ้นมานั่งบนตักพลางยิ้มให้
“รู้ไหมว่าพ่อเองก็เคยพูดแบบนี้กับเขา แล้วรู้ไหมว่าเขาตอบว่าอะไร” เด็กสาวก็ส่ายหัว
“เขาตอบว่า ถ้าอยากให้เขาเป็นคนแบบนี้ตลอดไป ก็จงกินเนื้อเพื่อเขา เขาจะได้อยู่ข้างๆพ่อตลอดไป ถ้าพ่อไม่กินสัตว์ที่ยอมสละชีวิตให้เราก็จะสูญเปล่า” ชายหนุ่มพูด เด็กสาวก็พยักหน้า
“คะ งั้นหนูจะกินเยอะๆเลย พี่ธลจะได้เป็นคนตลอดไปไงคะ” เด็กสาวพูด ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับ
“ผักก็ต้องกินนะลูก” ผู้เป็นแม่ตอบ เด็กสาวก็พยักหน้า
“คะแม่” ลูกสาวตอบเสียงใส ก่อนที่จะลงจากตักของชายหนุ่มไปนั่งที่นั่งของตน ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มให้ลูกสาวพลางคิดอยู่ในใจ
“ถ้ามันทำให้นายเป็นคนได้ตลอดไป ต่อให้เราต้องกินคนด้วยกันเอง เราก็อยากจะทำมันเพื่อนายนะ” ชายหนุ่มคิด ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารตรงหน้าของเขา