[novel] นิทานชลาธล by Nat
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [novel] นิทานชลาธล by Nat  (อ่าน 65909 ครั้ง)

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
[novel] นิทานชลาธล by Nat
« เมื่อ16-12-2006 10:49:48 »

ขอบคุณ Nat มานะครับที่ให้เผยแพร่เรื่องราวยอดเยี่ยมอันนี้ไว้ที่นี่ด้วย
ผมอ่านแล้วหยุดไม่ได้จริง มัน ลุ้นไปทุกตอน
ใครชอบเรื่องสนุกๆ ตื่นเต้นๆ ก็เรื่องนี้เลยครับ  :yeb:

บทที่ 1

“ธล ไปเข้านอนได้แล้วลูก ดึกมากแล้ว” ชายหนุ่มสวมแว่น กล่าวกับเด็กสาวตัวน้อยที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์ เด็กสาวหันมายิ้มให้

“คะพ่อ” เธอตอบพลางลุกไปปิดโทรทัศน์พลางเดินขึ้นห้องไปโดยที่มีผู้เป็นพ่อเดินตามไปอยู่ไม่ห่าง เด็กสาวเปิดประตูห้องนอนของเธอพลางคลานเข้าไปนอนอยู่บนเตียง ผู้เป็นพ่อยืนมองพลางยิ้มให้

“พ่อคะ เล่าเรื่องนั้นให้ฟังอีกสิคะ” เด็กสาวพูดขึ้น ชายหนุ่มเลิ่กตาขึ้นเล็กน้อย

“อะไร จะฟังอีกหรอ” ชายหนุ่มถาม เด็กสาวเริ่มส่งสายตาอ้อนวอน

“นะคะพ่อ เล่าอีกนะคะ หนูอยากฟังอีกนะคะๆ” เด็กสาวเริ่มรบเร้า ผู้เป็นพ่อก็หัวเราะเบาๆก่อนที่จะเดินลงไปนั่งลงข้างเตียงของเด็กสาว

“อืม แล้วคราวก่อนเล่าไปถึงตรงไหนละ” ชายหนุ่มถาม

“ก็ที่บอกว่าเจอเขาครั้งแรกอะคะ” เด็กสาวพูด ชายหนุ่มคิดอยู่สักพักแล้วก็พยักหน้าให้...


ตอนนั้นเป็นช่วงกลางเดือนหกที่มีฝนตกหนักที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้ ตอนนั้นพ่อยังเด็กๆพ่อก็ชอบไปเที่ยวเล่นแถวบึงละนะ ปกติพ่อก็จะไปกับเพื่อนๆแต่วันนั้นเหมือนจะไม่มีใครว่างกันเลย

“เฮ้ย นายไม่ไปว่ายน้ำกับเราหรอ” พ่อถามเพื่อนข้างบ้านที่สนิทกัน

“ไม่ได้อะ กฤษณา วันนี้เราต้องเฝ้าบ้าน อีกอย่างนึงท้องฟ้าเหมือนฝนจะตกด้วยนะ” เพื่อนของพ่อพูด พ่อก็เซ็งเลยเพราะใจจริงพ่ออยากว่ายน้ำตั้งนานแล้ว

“แป๊ปเดียวเอง ว่ายไม่นานหรอกน่า เดี๋ยวค่อยกลับมาเฝ้าก็ได้” พ่อยังรบเร้า

“อืม มันไม่ใช่แค่เฝ้าบ้านอย่างเดียวหรอก นายก็ได้ยินไม่ใช่หรอว่าตอนนี้ไอ้เข้มันโพล่ออกมาอีกอะ” เพื่อนของพ่อกล่าว ตอนนั้นมีข่าวเรื่องจระเข้บุกขึ้นฝั่งมาเหมือนกัน แต่พ่ออยากเล่นน้ำมากกว่า

“โอ๊ย เราก็เล่นมาตั้งหลายครั้งแล้วไม่เห็นเจอเลย น่า ไปเถอะ” พ่อเริ่มอ้อน

“ไม่ใช่ไม่อยากนะ แต่มันไปไม่ได้จริงๆ” เพื่อนของพ่อยังยืนยันคำพูดเดิม

“ตามใจ ไม่ไปก็ไม่ไป เราไปคนเดียวก็ได้” พ่อตอบอย่างงอนๆแล้วก็ไปที่บึงตัวคนเดียว บึงที่พ่อไปประจำนั้นมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แล้วก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของพ่อไปเท่าไหร่ สมัยนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นป่าอยู่เยอะ อากาศก็ยังร่มรื่น พ่อเลยเดินเล่นไปเรื่อยๆ แต่แล้วพ่อก็เห็นคนนึงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ พ่อจำเขาได้แม่นเลยละ ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ผิวสีน้ำผึ้งเข้มๆ ใบหน้าคม

“อ๋อ พี่ชลาธลใช่ไหมคะ” เด็กสาวร้องทัก ผู้เป็นพ่อก็ยิ้ม

จ้า แต่อย่าพึ่งขัดตอนพ่อเล่านะ เดี๋ยวพ่อลืม เอ ถึงไหนแล้ว อ๋อ ชลาธล ตอนแรกที่พ่อเจอเขาเขาเป็นคนแปลกๆนะ เขาเป็นเด็กวัดอยู่ที่วัดท่าหลวงละนะ เขาไม่ค่อยพูดค่อยจา จนหลายคนแซวว่าเขาเป็นใบ้ แถมตัวใหญ่ขนาดนั้นแต่กลับใจปลาซิวไม่กล้าทำอะไรใคร ยอมแต่จะโดนเขารังแกข่มเหงอยู่บ่อยๆ พ่อเองก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอกนะ ตอนนั้นพ่อเองก็คิดอยู่แต่เรื่องจะไปว่ายน้ำเท่านั้น พ่อรีบเดินต่อเพื่อจะไปเล่นน้ำในบึง แต่พอไปถึงฝนก็ดันตกเสียนี่ ฝนตกหนักมากแต่ใจของพ่อก็คิดแต่จะเล่นน้ำอย่างเดียว

“เอาเถอะยังไงก็ต้องเปียกอยู่แล้ว” พ่อคิดแล้วก็กระโดดลงน้ำไปทั้งเสื้ออย่างนั้นเลย พ่อก็ว่ายสู้สายฝนอยู่สักพักลมก็เริ่มพัดแรงขึ้นๆ สุดท้ายแล้วพ่อก็ยอมแพ้แล้วก็ขึ้นฝั่ง แต่ทันใดนั้นเอง พ่อก็เห็นบางอย่างยืนอยู่ตรงหน้าพ่อ ปากยาวเต็มไปด้วยฟันอันแหลมคม ลำตัวหุ้มไปด้วยเกร็ดหนาแข็ง หางที่ยาวยืดวางราบไปกับพื้น ดวงตาสีเหลืองจับจ้องมาที่พ่อเขม็งไม่ขยับไปไหน ตอนนั้นพ่อยังเด็กเลยคิดว่ามันเป็นจระเข้ตัวใหญ่เอามากๆ พ่อได้แต่ยืนขาสั่นพลางมองซ้ายมองขวาจะวิ่งหนี แต่พอพ่อเริ่มขยับตัวเท่านั้นมันก็เดินฉับๆเข้ามาหาพ่อทันที มันวิ่งเร็วมากเสียจนพ่อก้าวขาไม่ทัน ปากของมันเปิดกว้าง ฟันซี่คมๆเผยต่อหน้าต่อตาของพ่อ ตอนนั้นพ่อคิดว่าพ่อไม่รอดแน่แล้วแต่

“หยุดนะ” เสียงทุ้มเข้มดังขึ้น พ่อเงยหน้ามองดูก็พบกับ ชลาธลเขายืนจ้องมาที่พ่อตาเขม็งเลย เจ้าจระเข้ตรงหน้าพ่อมันหุบปากลงพลางหันกลับไปมองชลาธล แล้วมันก็หันหน้ากลับมามองพ่อ มันหลับตาลงช้าๆแล้วมันก็เดินลงน้ำไปทันที พ่อได้แต่มองตาค้างๆ พ่อมองไปที่ชลาธล เขาก็ไม่พูดอะไรแล้วก็เดินหันหลังกลับเข้าป่าไป พ่อนั่งงงอยู่ตั้งนานกว่าพ่อจะตั้งสติ พอพ่อตั้งสติได้พ่อก็รีบวิ่งกลับบ้านไปทันที พ่อก็โดนคุณปู่ของลูกเอ็ดละนะ เพราะออกไปเล่นกลางฝนแบบนั้น แต่พ่อก็ไม่กล้าเล่าเรื่องที่พ่อเจอจระเข้ให้ปู่เขาฟังหรอก อันที่จริงพ่อเองก็ไม่ได้เล่าที่ว่าชลาธลนั้นโพล่มาช่วยพ่อจากจระเข้ด้วยซ้ำ พ่อเลยคิดว่าวันรุ่งขึ้น พ่อคงต้องไปขอบคุณเขาสักหน่อย เช้าวันต่อมาพ่อก็เลยจับรถไปยังวัดท่าหลวง วัดนี้อยู่ติดแม่น้ำน่าน เป็นวัดที่สวยและมีชื่อมากในพิจิตรเลยละ พอพ่อไปถึงพ่อก็เจอหลวงตายุท ซึ่งเป็นหัวหน้าสงฆ์ในวัดนี้

“อ้าว ไอ้กฤษ มาทำไมหรอวะ” หลวงตาถาม พ่อก็ยกมือไหว้

“เออ คือ ชลาธลอยู่ไหมครับหลวงตา” พ่อถาม หลวงตาก็ขมวดคิ้วทันที

“มันเล่นอยู่หลังกุฏิโน่นแนะ มันไปก่อเรื่องอะไรอีกหรือไงวะ” หลวงตาพูดอย่างมีอารมณ์ พ่อเลยรีบพูดไปทันที

“มะ ไม่ใช่ครับหลวงตา คือ ผมอยากจะขอบคุณเขานะครับ” พ่อพูด หลวงตามองพ่ออย่างงงๆ

“ขอบคุณ เรื่องอะไรวะ ไหนๆ เล่าให้ข้าฟังสิ” หลวงตาพูดพลางพาพ่อเข้าไปในกุฏิ พ่อก็เลยจำใจเล่าเรื่องเมื่อวานให้หลวงตาฟัง

“ก็ มันก็มีแค่นี้แหละครับ” พ่อพูด หลวงตาถอนหายใจ พลางมองหน้าพ่อ

“อืม แล้วเอ็งไม่เป็นอะไรนะ” หลวงตาถาม พ่อก็พยักหน้ารับ

“คราวหลังอย่าไปเที่ยวคนเดียวอีกรู้ไหมมันอันตราย ยิ่งช่วงนี้ไอ้เข้มันอาละวาดอยู่ เอ็งเป็นอะไรขึ้นมาพ่อแม่เอ็งไม่เสียใจแย่รึ” หลวงตาตำหนิ พ่อก็พยักหน้ารับ

“ครับหลวงตา แต่หลวงตาอย่าไปบอกพ่อผมนะ เดี๋ยวอดไปเล่นน้ำอีกอะ” พ่ออ้อน หลวงตาก็ส่ายหัว

“เออ ข้าไม่บอกหรอก แต่เอ็งต้องสัญญาว่าจะไม่ไปเที่ยวที่บึงคนเดียวอีก” หลวงตากำชับ พ่อเบ้ปาก แต่ตอนนั้นพ่อก็คิดอยู่เหมือนกันว่าคงจะไม่ขอไปเที่ยวบึงสักพักใหญ่ๆเลยละ

“ครับหลวงตา” พ่อตอบ หลวงตาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แล้วก็เรียกเด็กวัดคนนึง

“เอ็งไปตามไอ้ธลมาหาข้าทีสิ” หลวงตาพูด เด็กวัดคนนั้นก็พยักหน้าแล้วก็วิ่งหายไป หลวงตาหันกลับมามองพ่อ

“แล้ว ไอ้ธลมันทำอะไรบ้างวะ” หลวงตาถาม พ่อก็งงๆเลยถามกลับไปว่า

“ทำอะไร คือ ยังไงครับ” พ่อถาม หลวงตาก็เกาหัวโล้นๆของท่าน

“อืม ก็มันพูดแค่ หยุดนะ แค่นี้ใช่ไหม มันทำอะไรอีกหรือเปล่า” หลวงตาถาม ผมก็ส่ายหัว

“ไม่อะครับ เขาก็พูดแค่นั้น แล้วจระเข้นั่นก็หนีลงน้ำไปเลยอะครับ” พ่อตอบ อันที่จริงพ่อเองก็เริ่มแปลกใจ

“ว่าแต่ทำไมจระเข้มันขี้ขลาดจัง แค่ชลาธลพูดแค่นั้นเอง” พ่อรำพึง

“เออ เฮ้ย อย่าคิดมากเลย จระเข้ก็เหมือนคนนั่นแหละ เจอหมาหมู่มันก็กลัวเหมือนกันน่า” หลวงตาตอบ

“ลูกหมาอะดิหลวงตา” พ่อตอบ หลวงตาก็หัวเราะร่า แล้วชลาธลก็เดินเข้ามาพอเขาเห็นผมเท่านั้นแหละตาเขาก็ตื่นขึ้นมาทันทีเลย

“นั่งลงสิไอ้ธล” หลวงตาสั่ง ชลาธลก็นั่งลงข้างหลวงตาอย่างว่าง่าย

“เอ้า ไอ้กฤษ ไหนว่าเอ็งมีเรื่องจะคุยกับมันไม่ใช่หรอ” หลวงตาหันมาพูดกับพ่อ พ่อก็พยักหน้ารับ พ่อมองหน้าชลาธลแล้ว เขาดูตกใจมากจริงๆ เขาคงกลัวพ่อมาด่าเขาละมั้ง

“เออ คือ เมื่อวานเรา ขอบใจนะที่มาช่วยอะ” พ่อพูด ชลาธลตาค้างเล็กน้อย แล้วก็หันไปมองหลวงตา

“เออ ก็เขามาขอบคุณเอ็งไง” หลวงตาพูด ชลาธลพยักหน้าอย่างงงๆ

“อะ อือ” เขาตอบสั้นๆ ทันใดนั้นเองก็มีเด็กวัดสองสามคนวิ่งเข้ามา

“หลวงตาๆ เย็นนี้ผมขอไปงานวัดนะ” เด็กวัดคนนึงพูดขึ้น หลวงตาก็หันไปมอง

“ตามใจ แต่อย่ากลับดึกมากนะเว้ย ประตูปิดสองทุ่มตรงนะ” หลวงตากำชับ เด็กวัดคนนั้นก็พยักหน้า

“เออ ชวนไอ้ธลมันไปด้วยสิ” หลวงตาพูด เด็กวัดคนนั้นก็ทำหน้าแหยงทันที

“ไม่เอาอะ เอามันไปด้วยเดี๋ยวก็หมดสนุกกันพอดี” เด็กวัดคนนั้นพูด หลวงตาก็พูดขึ้นทันที

“อ้าว แล้วจะปล่อยเพื่อนให้อยู่คนเดียวหรือไงวะ” หลวงตาถาม

“เขาไม่ใช่เพื่อนผมสักหน่อย” เด็กวัดคนนั้นเถียงอีก พ่อมองดูแล้วบรรยากาศดูอึดอัดชอบกล เด็กวัดส่วนใหญ่มองชลาธลด้วยสายตารังเกียจอยู่ไม่น้อย พ่อเองก็เริ่มรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาเล็กๆ

“ไม่เป็นไรครับหลวงตา ผมไม่อยากไปหรอกครับ” ชลาธลพูดขึ้น หลวงตาก็หันไปมอง

“เห็นมะ หลวงตามันไม่อยากไปก็ปล่อยมันอยู่วัดไปเถอะ” เด็กวัดคนนั้นพูดขึ้นอีก หลวงตาก็ถอนหายใจ

“เออๆ เอ็งจะไปไหนก็ไปปะ แล้วก็อย่าไปก่อเรื่องเข้าอีกละ” หลวงตากำชับ เด็กวัดคนนั้นก็พยักหน้าแล้วก็รีบวิ่งออกไปทันที พ่อมองชลาธลที่นั่งเงียบๆแล้วพ่อก็ได้ความคิด

“อืม ธล ไปเที่ยวงานวัดกับเราไหม” พ่อชวน ชลาธลมองหน้าพ่ออึ้งๆ

“เออ ไปสิไอ้ธล เอ็งคลุกอยู่แต่ในวัดมาตั้งนานแล้ว ออกไปข้างนอกบ้างก็ดี” หลวงตาพูด ชลาธลหันมามอง

“จะดีหรอครับหลวงตา” ชลาธลพูด หลวงตาก็ตบหลังเบาๆ

“เออนะ ข้าถือว่าเป็นรางวัลที่เอ็งช่วยไอ้กฤษมันก็แล้วกัน” หลวงตาพูด ชลาธลมองหน้าหลวงตาอย่างไม่แน่ใจ

“เฮ้ย แล้วเอ็งไม่อยากมีเพื่อนกับเขาบ้างหรือไงวะ” หลวงตาพูด ชลาธลหันมามองพ่อ

“ไปเถอะน่า เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง ตอบแทนที่นายช่วยเราไง” พ่อพูดพลางส่งยิ้มให้ ชลาธลมองพ่อตาไม่กระพริบแล้วก็หันไปมองหลวงตา

“อะ อือ” ชลาธลตอบ

“เฮ้ย เอ็งลืมพูดอะไรหรือเปล่า” หลวงตากำชับ ชลาธลสะดุ้งเล็กน้อย

“อะ เออ ขอบคุณ” ชลาธลพูด ผมโบกมือไปมา

“เฮ้ย แค่ขอบใจก็พอแล้วน่า งั้นเดี๋ยวเย็นนี้เจอกันนะ เดี๋ยวผมขอตัวกลับไปอ้อนพ่อก่อน อิอิ” ผมพูด หลวงตาก็หัวเราะเบาๆ แล้วพ่อก็ลุกขึ้นลงจากกุฏิไป

“ไปละ แล้วเย็นนี้เจอกันนะ” พ่อกล่าวลาพลางเดินกลับบ้านไปอย่างสบายอารมณ์ ตอนนั้นพ่อเองก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ ก็แค่อยากตอบแทนที่เขาช่วยพ่อก็เท่านั้นเอง...

“หาวว” เด็กสาวอ้าปากกว้าง ผู้เป็นพ่อก็ขยี้หัวเด็กสาวเบาๆ

“อะ นอนได้แล้วนะลูก” ชายหนุ่มกล่าวพลางลุกขึ้นจากเตียงของเด็กสาว

“พรุ่งนี้มาเล่าให้ฟังต่อนะคะ” เด็กสาวพูด ผู้เป็นพ่อก็พยักหน้ารับ

“จ๊ะ ตอนนี้นอนได้แล้วนะ” ชายหนุ่มกล่าวพลางก้มหน้าลงจูบที่หน้าผากของเด็กสาวเบาๆ

“ราตรีสวัสดิ์คะคุณพ่อ” เด็กสาวตอบ

“จ๊ะ ราตรีสวัสดิ์ลูก” ชายหนุ่มพูดพลางเดินไปที่ประตูห้องของลูกสาว เขากดสวิทซ์ไฟลงและปิดประตูห้อง เขายืนพิงประตูห้องพลางถอนหายใจยาว

“ป่านนี้นายไปอยู่ที่ไหนกันนะ ธล” ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปที่ห้องตรงข้าม

“โดนลูกซักประวัติอีกแล้วหรอคะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ชายหนุ่มก็พยักหน้า

“อืม ดูเหมือนแกจะชอบจริงๆนะ” ชายหนุ่มตอบพลางเดินไปนอนที่เตียง หญิงสาวที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงก็เขยิบตัวให้

“ฉันก็ว่าสนุกดีออกนะคะ” หญิงสาวพูด ชายหนุ่มก็หัวเราะ พลางนอนลงบนหมอนแหงนหน้ามองเพดาน

“คุณคงคิดถึงเขาแย่เลยสินะคะ” หญิงสาวพูด ชายหนุ่มหลับตาลงช้าๆ

“อืม ช่างเถอะ มันก็ผ่านไปนานมากแล้วละ” ชายหนุ่มตอบ

“คะ แล้วพรุ่งนี้จะกลับกี่โมงละคะ” หญิงสาวถาม ชายหนุ่มก็หันมามอง

“ก็ ยังไม่รู้เลยจ๊ะ ต้องแล้วแต่เจ้านายว่าจะให้กลับกี่โมงนะ” ชายหนุ่มพูด หญิงสาวก็เบ้ปาก

“แหม ทีกับเจ้านายนี่ยังไงก็ได้เลยนะ แต่พอกับเมียนี่ไม่เห็นมาตามใจบ้างเลย” เธอบ่น ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นโอบร่างของหญิงสาวเอาไว้

“อะ แหมๆ อย่างอนสิที่รัก ก็นี่จะได้เอาเงินไปให้คุณซื้อของไง” ชายหนุ่มอ้อน แต่หญิงสาวกลับเบินหน้าหนี

“เอาของมาล่อก็ไม่ง้อหรอก” หญิงสาวพูด ชายหนุ่มยิ้ม

“แล้วถ้าเป็นจูบละจ๊ะ” เขาพูดพลางหอมแก้มหญิงสาว ฝ่ายสาวถึงกับพลักตัวชายหนุ่มออกไปด้วยความเขิน

“ทะลึ่งเชียว อย่าคิดเลยนะ พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้าอีก” หญิงสาวกำชับ

“อ้าว ก็ยังงอนอยู่ไม่ใช่หรอ” ชายหนุ่มพูด หญิงสาวหัวเราะเบาๆ

“ล้อเล่นค่า ไม่งอนหรอก แล้วจะกลับเมื่อไหร่ก็โทรบอกแล้วกันนะคะ” เธอกล่าว ชายหนุ่มก็พยักหน้าก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนบนหมอน พลางนึกย้อนไปเมื่อ 24 ปีก่อน ณ ช่วงเวลาที่เขาได้มีความสุขกับชายที่เขารักคนแรกและคนเดียว

“เราคิดถึงนายจัง ธล” ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจ ก่อนที่จะม่อยหลับไปกับยามราตรี

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2006 10:51:23 โดย b|ueB[o]YhUb »

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #1 เมื่อ16-12-2006 11:01:24 »

 :impress2: :impress2:


 :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #2 เมื่อ17-12-2006 09:06:07 »

บทที่ 2

“คุณพ่อวันนี้อย่าลืมเล่าเรื่องอีกนะคะ” ลูกสาวพูดขึ้นบนโต๊ะอาหาร ชายหนุ่มก็ทำหน้างงๆ

“เรื่องอะไรหรอลูก” ผู้เป็นพ่อพูดพลางทำหน้าสงสัย เด็กสาวทำปากจู๋

“อะไรกัน ก็เรื่องของคุณพ่อไงคะ” เด็กสาวท้วงติง ผู้เป็นพ่อก็ขมวดคิ้ว

“เอ๋ พ่อไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ชายหนุ่มตอบ เด็กสาวทำหน้าบึ้ง

“คุณพ่ออะ ก็ไหนว่าจะเล่าให้ฟังอีกไงละคะ คุณพ่ออะผิดคำพูด” เด็กสาวพูดงอนๆ ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆในลำคอ

“ล้อเล่นจ้า ทานข้าวให้หมดจานแล้วก็ช่วยแม่เขาล้างจานด้วย แล้วพ่อจะเล่าให้ฟังต่อ ตกลงไหม” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ เด็กสาวก็พยักหน้าพลางก้มหน้าก้มตาทานข้าวอย่างตั้งใจ ผู้เป็นแม่ก็หันมายิ้มพลางขยับปากบอกว่า ขอบใจ หลังจากนั้นไม่นานนักเด็กสาวก็ช่วยแม่ของเธอล้างจานเสร็จก็มาหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

“เสร็จหมดแล้วคะ” เด็กสาวพูด หญิงสาวก็เดินตามออกมาด้วย

“ขอฟังด้วยคนได้ไหมคะ” เธอถาม ชายหนุ่มก็พยักหน้าแล้วทั้งสองสาวก็เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม เด็กสาวนั่งลงบนตักของชายหนุ่ม ส่วนภรรยาของเขาก็นั่งลงข้างๆ

“เมื่อวานถึงไหนแล้วนะ” ผู้เป็นพ่อถาม

“ก็บอกว่าจะไปงานวัดกับพี่ชลาธลนะคะ” เด็กสาวพูด ชายหนุ่มก็พยักหน้า...


ตกเย็นของวันนั้นพ่อก็ไปขออนุญาตคุณปู่นะ งานวัดพ่อไปบ่อยแล้วคุณปู่ก็เลยอนุญาตให้ไปได้

“เออ ไหนๆก็จะไปวัดใช่มะ เอาจดหมายนี่ไปให้หลวงตาเขาหน่อยแล้วกัน” คุณปู่พูด พ่อก็พยักหน้ารับ ตอนแรกพ่อก็ว่าไว้ใกล้ๆเวลางานแล้วค่อยไป แต่คิดไปคิดมาแล้วถ้ารอตอนนั้นคนอาจจะเยอะ อีกอย่างงานก็จัดแถวๆวัดอยู่แล้ว พ่อเลยตัดสินใจแวะไปที่วัดก่อน พ่อก็จับรถกลับไปที่วัดทันที พอไปถึงพ่อก็เห็นหลวงตากับชลาธลกำลังทำวัตรกันอยู่

“อ้าว มีอะไรอีกหรอ งานยังอีกตั้งนานนะ” หลวงตาทักทันทีที่เห็นพ่อ พ่อก็ยกมือไหว้แล้วก็ยื่นจดหมายให้

“คุณพ่อฝากไอ้นี่มาให้หลวงตานะครับ” พ่อพูด หลวงตาก็พยักหน้า พลางรับจดหมายมาอ่านดู พ่อมองดูชลาธลที่กำลังกวาดพื้นอย่างตั้งใจ รูปร่างที่ใหญ่โต ทำเอาพ่ออดคิดไม่ได้เลยว่าพ่อตัวเล็กเกินไปหรือเปล่า

“หลวงตา ตู้มาส่งแล้ว” เด็กวัดคนนึงตะโกน หลวงตาก็พยักหน้า

“เออ ไอ้ธลแบกมันไปที่ห้องข้าทีสิ” หลวงตาพูด ชลาธลก็วางไม้กวาดลงแล้วก็วิ่งไปที่หน้าประตูวัด พ่อก็ตามไปด้วย มันเป็นตู้ไม่สูงมากนักขนาดพอดีตัวของพ่อเลย

“ให้เราช่วยนะ” พ่อพูดพลางจับขอบตู้เอาไว้

“ไม่ต้องไปช่วยมันหรอก มันนะยกเองคนเดียวได้” เด็กวัดคนนึงพูดขึ้น พ่อมองหน้าเขางงๆ เพราะตู้แม้มันจะไม่ใหญ่มากแต่ก็หนักมากทีเดียว

“เฮ้ย พูดเกินไปป่าว หนักขนาดนี้เด็กๆแบกไม่ไหวหรอก” พ่อทัก แต่เด็กวัดพวกนั้นกลับหัวเราะคิกคักแล้วก็วิ่งหายไป พ่อส่ายหัวไปมา

“พวกแล้งน้ำใจ มาเถอะเดี๋ยวเราช่วย” พ่อพูด ชลาธลขมวดคิ้ว

“เราทำคนเดียวได้” ชลาธลพูดพลางเดินมาที่ตู้พลางโอบมันไว้ แล้วเขาก็ยกตู้ขึ้นจากพื้นอย่างไม่ยากเย็น พ่อมองตาค้างๆเลย

“เฮ้ย นายยกได้จริงๆหรอ” พ่อทัก ชลาธลก็ไม่ตอบอะไรพลางเดินแบกตู้เข้าไปที่กุฏิ พ่อก็รีบตามไปทันทีเลย

“เฮ้ย นายไม่หนักเลยหรอ” พ่อถามอย่างงุนงง เพราะตอนที่พ่อลองยกดูมันหนักมากจนพ่อแทบจะดึงมันไม่ขึ้น แต่เขากลับยกตู้หนักขนาดนั้นได้ราวกับมันเป็นแค่กล่องกระดาษใบนึง ชลาธลส่ายหน้าพลางเดินเข้าไปในห้องห้องนึง พ่อมองดูรอบๆห้อง ในห้องค่อนข้างมืดครึ้ม แต่แล้วพ่อก็เห็นหอกเล่มนึงวางไว้ตรงหิ้งอยู่ที่กลางห้อง พ่อตื่นเต้นมากเลยรีบวิ่งเข้าไปดู มันเป็นหอกเหล็กทั้งด้ามเลย พ่อตื่นเต้นมากเลยพยายามจะยกมันขึ้นมา

“อย่าทำแบบนั้น” ชลาธลร้อง หอกเหล็กนั่นหนักเกินไปสำหรับพ่อ พ่อจะวางมันกลับไปที่เดิมแต่เพราะด้วยความที่มันหนักและลื่น พ่อจึงทำหอกหล่นจากหิ้ง ชลาธลก็เดินเข้ามา พลางหยิบหอกวางกลับไปที่หิ้งด้วยมือเพียงข้างเดียวราวกับว่าหอกนั้นเป็นแค่กิ่งไม้ธรรมดา พ่อมองตาค้างๆ

“นะ นี่นายยกมันขึ้นด้วยหรอ” พ่อทัก ชลาธลก็ไม่ตอบแถมเดินออกจากห้องไปอีกต่างหาก พ่อเกาหัวอย่างสับสน แต่ก็เดินตามเขาออกไป

“นายนี่เจ๋งเป็นบ้าเลย นายยกหอกนั่นขึ้นด้วยอะ นายต้องแข็งแรงมากแน่ๆเลย” พ่อพูด ชลาธลก็มองหน้าพ่ออย่างงๆ

“ทำไมหรอ มีอะไรหรอ” พ่อถาม เขาส่ายหัวเบาๆพลางพยายามเปิดปาก

“อะ เออ อืม” เขาทำเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่พูด พ่อก็เลิ่กตาขึ้น

“มีอะไรหรอ อยากจะพูดอะไรก็พูดสิ” พ่อเร่งเร้า ชลาธลก็มองหน้าพ่อ

“อะ เออ นายไม่คิดว่ามันแปลกหรอ” ชลาธลถาม พ่อก็ขมวดคิ้ว

“อะไรหรอที่แปลกนะ” พ่อถามกลับ ชลาธลเขายิ่งขมวดคิ้วเข้าหากัน

“กะ ก็ อืม...” ชลาธลอ้ำอึ้ง พ่อก็พยายามคิดว่าเรื่องอะไรมันน่าแปลก แล้วพ่อก็นึกออก

“อ๋อ ที่ว่านายยกตู้ ยกหอกนั่นได้นะหรอ ก็แหมตัวนายใหญ่ออกขนาดนี้ มันก็พอจะเป็นไปได้อยู่หรอก” พ่อตอบ ชลาธลมองหน้าพ่ออย่างงงๆ

“ละ แล้วนะ นายไม่คิดว่า มันเออ...” ชลาธลอ้ำอึ้งพ่อก็กรอกตาไปมา

“ทำไมหรอ อะไรที่ทำให้นายคิดว่ามันแปลกนักละ” พ่อถามกลับ ชลาธลก็มองหน้าพ่อ

“กะ ก็ อืม ไม่เคยมีใครพูดเหมือนายเลย” ชลาธลตอบ พ่อก็มองเขา

“ปกติเขาพูดว่าอะไรละ” พ่อถามกลับ ชลาธลก็หลบหน้าไป

“ตัวประหลาด” เขาพูดสั้นๆ พ่อเองก็นิ่งเงียบไปสักพัก เพราะอันที่จริงพ่อก็เคยคิดว่าเขาก็เป็นตัวประหลาดอยู่เหมือนกัน พ่อเกาหัวไปมา

“อืม เราก็เคยคิดอะนะว่านายแปลกๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา แต่นายก็ทำอย่างอื่นได้นี่ อย่างเมื่อกี้นายยังยกหอกหนักเป็นตันนั่นได้เลย” พ่อพูด เขามองหน้าพ่อแก้มแดงๆ

“ละ แล้วมันไม่แปลกหรอ” เขาถามกลับ พ่อก็ยิ้มให้

“เราว่ามันเจ๋งมากเลยละ” พ่อพูด เขามองพ่อด้วยสายตาสื่อถึงความสุข พ่อเองก็เริ่มรู้สึกว่าคนคนนี้ก็ไม่เห็นจะแปลกอย่างที่เขาพูดกันสักเท่าไหร่ อันที่จริงเขาออกจะมีอะไรดีๆตั้งเยอะ

“อ้าว มาอยู่ตรงนี้เอง งานเขาเปิดให้เข้าแล้วนะ” หลวงตาพูด พ่อก็จับมือของชลาธลเอาไว้

“ไปกันเถอะ” พ่อพูดแล้วก็ลากตัวเขาเข้าไปในงาน ในงานวัด ลูกไม่เคยไปสินะ มันจะมีเกมส์มีอะไรให้เล่นเยอะแยะเลย ยิงเป้า สอยดาว พ่อก็พาชลาธลเดินไปทั่วเลย

“เอ้า เราซื้อให้” พ่อพูดพลางส่งขนมไหมฝันสีชมพูให้ ชลาธลมองดูมันงงๆ

“อะไรอะ” เขาถามพลางเอามือจิ้มๆดู

“ไหมฝัน อร่อยนะลองกินดูดิ” พ่อพูดพลางกัดให้เขาดูเป็นตัวอย่าง ชลาธลก็กัดเข้าไปคำนึงพลางทำปากแจ๊บๆ ตาเขาก็ลุกวาวขึ้นมาทันที

“เป็นไงอร่อยมะ” พ่อถาม เขาก็พยักหน้าแล้วก็งับอีกคำโตจนพ่ออดยิ้มไม่ได้ เราก็เล่นเกมส์กัน แต่พ่อเล่นเกมส์ไม่เก่งหรอกนะ ก็เล่นเอาสนุกไม่คิดอะไรมากหรอก พ่อเหลือบมองดูชลาธลเป็นพักๆ เขาดูตื่นตาตื่นใจกับงานวัดมากเลยทีเดียว

“นายไม่เคยมาสักครั้งเลยหรอ” พ่อถาม เขาก็ส่ายหัว พ่อยิ้มให้เขา

“ถ้านายอยากมาอีกบอกเราได้เลยนะ เดี๋ยวเรามาเป็นเพื่อนก็ได้” พ่อเสนอ ชลาธลมองหน้าพ่อพร้อมกับยิ้มเขินๆให้

“เอ้า คุณสุภาพสตรี สุภาพบุรุษ ลูกเด็กเล็กแดงทั้งหลาย ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้วนะครับ รถไต่ถังกำลังจะเริ่มแล้ว เร่กันเข้ามาดูได้เลยนะครับ” โฆษกในงานประกาศ พ่อหันไปถามชลาธล

“ไปดูกันไหม” เขาก็พยักหน้ารับแล้วเราก็รีบวิ่งไปที่เต็นท์ขนาดใหญ่ที่มีคนมุงกันอยู่เยอะ พ่อออกเงินค่าตั๋วให้เขาแล้วเราก็ต่อแถวกันเข้าไปดู เรายืนดูกันอยู่สักพัก ชลาธลมองดูรอบๆเต็นท์อย่างทึ่งๆ

“เฮ้ย ไอ้ใบ้หลบไปเดะ” เสียงของเด็กคนนึงพูดขึ้น พ่อกับชลาธลหันหลังกลับไปมอง

“กูบอกให้ถอยไปไง” เด็กอีกคนพูดขึ้น พ่อมองดูมันมากันราวๆสี่ห้าคนเห็นจะได้ ชลาธลก็ได้แต่ก้มหน้า

“เฮ้ย เรามาก่อนก็ต้องได้ดูก่อนสิ” พ่อแย้ง ไอ้เด็กนั่นมันก็มองหน้าพ่อ

“กูไม่ได้พูดกับมึง กูพูดกับไอ้ใบ้นั่น กูบอกให้ถอยไป” เด็กบ้าคนนั้นหันกลับไปมองหน้าชลาธล ที่เอาแต่ยืนนิ่ง

“เขาก็มาก่อนมึง มึงก็ต่อแถวรอไปสิวะ” พ่อเริ่มหยาบไปตามอารมณ์

“นี่ ถ้ายังไม่หยุดเสือกเดี๋ยวมีเจ็บตัวนะ” คนของมันอีกคนพูด พ่อเองก็นักเลงนะ ถ้ามันมาหาเรื่องก่อนพ่อก็ไม่ถอยเหมือนกันแหละ

“เดี๋ยวก็รู้ว่าใครกันแน่ที่จะเจ็บ” พ่อย้อน

“เฮ้ยๆ อะไรกันพวกเธอจะทะเลาะกันก็ออกไปทะเลาะกันข้างนอก” เสียงของชายคนนึงเดินเข้ามา

“ก็ไอ้นี่มันแซงคิวเราอะ” เด็กคนนึงพูดขึ้น เขาก็มองหน้าพ่อ

“ผมปล่าวนะ ผมมาต่อตรงนี้ตั้งนานแล้ว ใช่ไหมธล” พ่อหันไปถามแต่ชลาธลก็เงียบ

“เห็นปะมันไม่กล้าพูด เพราะมันแซงจริงๆ” เด็กอีกคนพูด พ่อเริ่มหงุดหงิดแล้ว

“พูดดีๆนะมึง เฮ้ย ไอ้ธลมึงพูดอะไรบ้างสิวะ” พ่อตวาด แต่เขาก็ยังไม่พูดอะไร

“พอเลยๆ เธอก่อเรื่องดีนักออกไปเลยทั้งคู่เลย” ชายคนนั้นพูดพลางจับแขนพ่อกับธลออกจากแถวไป

“แต่ผมไม่ได้... นี่ธลพูดอะไรบ้างสิ” พ่อเถียงแต่ชลาธลก็ไม่พูดอะไร จนพ่อและชลาธลโดนส่งออกมาหน้าเต็นท์ มันน่าขายหน้าก็จริงอยู่ แต่ตอนนั้นพ่อกำลังหัวเสียอย่างแรง

“มึงเป็นอะไรของมึงวะ ฮะ ตัวก็ใหญ่ขนาดนี้ทำไมปล่อยให้คนตัวเล็กๆอย่างนั้นรังแกได้วะ” พ่อตวาดใส่ ชลาธลก็มองหน้าพ่อเศร้าๆแต่ก็ไม่ตอบอะ

“นี่มึงเป็นใบ้จริงๆหรือไงวะ พูดมาเซ่” พ่อตะคอก ชลาธลก็ถอนหายใจเบาๆแต่ก็ไม่ยอมตอบอะไรอีก พ่อเองก็สุดจะทน

“เฮ้ย ทุเรศวะ หลงคิดว่านายเจ๋งที่แท้ก็ไอ้ขี้ขลาดดีๆนี่เอง กูพอจะเข้าใจแล้วทำไมไม่มีเพื่อนก็เพราะทำตัวเหี้ยๆแบบนี้นะสิ” พ่อสถบใส่ ชลาธลมองหน้าพ่อเหมือนจะพูดอะไรแต่เขาก็ไม่พูดออกไป พ่อรำคาญเต็มที่เลยเดินหนีเขาไปเสียอย่างนั้น ตอนนั้นพ่อหงุดหงิดมากจริงๆ พ่อเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา แถมเสียความรู้สึกอีก พ่อบอกกับตัวเองเลยว่าจะไม่กลับไปหาเขาอีก แต่ผ่านไปได้แค่อาทิตย์เดียวก็เป็นวันเกิดคุณย่า พ่อเลยต้องตามลงไปทำบุญที่วัดอีก พอพ่อไปถึงหลวงตาก็ทักทันที

“อ้าว ไม่เจอกันตั้งนานไอ้กฤษ หมู่นี้หายหน้าหายตาไปเลยนะ” หลวงตาทักแล้วข้างตัวท่านชลาธลก็ยืนหลบหน้าพ่ออยู่ แต่พ่อเองก็ไม่ได้คิดอยากจะมองเขาอยู่แล้วละ

“ไอ้ธล เอ็งเอาฆังทานไปเก็บไป” หลวงตาสั่ง

“กฤษ เอ็งก็ไปช่วยเขาด้วย” หลวงตาหันมาหาพ่อ พ่อตาค้างๆเลย

“ทำไมผมต้องทำด้วยละ” พ่อแย้ง แต่แล้วหัวของพ่อก็โดนฝ่ามือพิฆาตของคุณปู่ตบเข้าให้หนึ่งที

“เถียงหลวงตาหรอ” ปู่พูด พ่อก็ได้แต่เบ้ปากพลางเดินไปช่วยชลาธลยกฆังทานไปเก็บ พ่อกับเขาเดินเงียบสนิทไม่พูดอะไรกันเลย พ่อเองก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดอะไรเท่าไหร่นัก

“อะ อืม” ชลาธลส่งเสียง พ่อก็มองหน้าเขา ชลาธลมองหน้าพ่อพลางกำมือแน่น เขาเหมือนพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ตอนนั้นพ่อยังเด็กแล้วก็หยิ่ง เลยเดินหนีเขาไปเฉยๆเสียอย่างนั้น พ่อกลับไปหาหลวงตา แต่ปู่กับย่าของพ่อหายไปแล้ว

“พ่อแม่เอ็งไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมานะ มานั่งตรงนี้สิ” หลวงตาพูด พ่อก็ลงไปนั่งตรงหน้าท่าน

“ไปทะเลาะอะไรกับไอ้ธลมาหรอ” หลวงตาถาม พ่อก็พยักหน้า

“ครับ ก็มันนะกวนตีน โดนเขารังแกก็ยังจะไปยอมเขาอีก ตัวก็ใหญ่ขนาดนั้น แรงก็เยอะ ยกตู้ยังยกได้สบายกะอีแค่คนสองสามคนมันจะอะไรนักหนา” พ่อบ่นเป็นชุด หลวงตาก็ถอนหายใจ

“เอ็งคงยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ไอ้ธลมันไม่เหมือนคนอื่นเขาหรอกนะ” หลวงตาพูด พ่อก็เบ้ปาก

“ใช่ ตรงที่ขี้ขลาดไงละ” พ่อแย้ง

“แล้วเอ็งที่ว่าไปต่อยกับคนอื่นเป็นความกล้าหาญหรือไง” หลวงตาถาม พ่อก็ได้แต่ก้มหน้าด้วยความอายเล็กน้อย

“ไอ้ธลมันก็แบบนี้แหละ มันไม่กล้าสู้ใครเท่าไหร่ อันที่จริงมันคงสู้ใครเขาไม่ได้หรอก” หลวงตาพูด พ่อขมวดคิ้ว

“ตัวก็ใหญ่หยั่งกับยักษ์เนี่ยนะ สู้ใครไม่ได้” พ่อแย้ง หลวงตาก็เกาหัว

“อืม แต่ละคนก็มีเหตุผลของแต่ละคนที่ต่างกันไป เอ็งจะมายึดแค่ว่าต้องทำเหมือนที่เอ็งทำแล้วจะถูกนะมันไม่ได้หรอกนะ” หลวงตาพูด พ่อก็พยักหน้าอย่างเซ็งๆ

“ถือว่าข้าขอร้องเถอะวะ เท่าที่ดูแล้วก็มีแต่เอ็งนั่นแหละที่ไอ้ธลเหมือนจะยอมคุยด้วย” หลวงตาตอบ พ่อนี่งงเลย

“อย่างนั้นเนี่ยนะเรียกว่าคุย” พ่อถามกลับ หลวงตาก็ยิ้มให้พ่อ

“เออ ขนาดมันอยู่กับข้ามาตั้งนาน มันยังพูดนับครั้งได้เลย แต่นี่มันเจอเอ็งครั้งแรกมันก็พูดกับเอ็งเลย ข้าขอละไอ้กฤษ ช่วยเป็นเพื่อนมันหน่อยเถอะนะ” หลวงตาพูด พ่อก็ได้แต่ถอนหายใจ ชลาธลก็เดินเข้ามา เขามองหน้าพ่อด้วยแววตาเศร้าๆ พอหลวงตาสั่งสอน พ่อก็เริ่มค่อยๆมองเห็นอะไรมากขึ้น เขาเองก็อาจจะมีปัญหาของเขาเอง หรือ เขาอาจจะเป็นพวกไม่ชอบหาเรื่องใครก็ได้

“อะ อืม เออ...” ชลาธลออกเสียง ทั้งพ่อและหลวงตาต่างก็หันไปมอง ชลาธลยืนกำมือแน่นพลางจ้องตาพ่อเขม็ง

“คะ คือ เราขอโทษนะ” ชลาธลพูดขึ้นแก้มแดงแจ๋งเลย หลวงตาก็หันมามองพ่อ พ่อก็ถอนหายใจยาว

“อืม เราเองก็ต้องขอโทษนายเหมือนกัน” พ่อพูด ชลาธลมองหน้าผมงงๆ พลางมองหน้าหลวงตา

“เออ เป็นเพื่อนกันไว้นะดีแล้ว เอ็งก็ใจเย็นลงบ้างสิไอ้กฤษ” หลวงตาดุ พ่อก็พยักหน้ารับ

“ส่วนเอ็งก็ไม่ต้องระวังขนาดนั้นก็ได้ แค่อย่าให้มันเกินเลยก็แล้วกัน” หลวงตาหันมาพูดกับชลาธล ชลาธลก็พยักหนัารับ

“เอ้า ทีนี้ทั้งสองคนก็ไปเล่นกันได้แล้วไป ข้าจะขอคุยธุระกับพ่อเอ็งหน่อย” หลวงตาพูด พ่อกับชลาธลก็เดินไปที่หลังกุฏิ พ่อมองดูชลาธลแล้ว จริงๆเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แค่ไม่อยากจะมีเรื่องกับใครมากกว่า

“อืม พรุ่งนี้ว่างไหม” พ่อถาม ชลาธลก็พยักหน้า

“ดี งั้นไปว่ายน้ำกันไหม” พ่อเสนอ เขาก็ค่อยๆอ้าปากช้าๆ

“อืม ไปสิ” เขาตอบ พ่อตบหลังเขาเบาๆ

“จะพูดก็พูดได้นี่นา” พ่อตอบ เขาก็ยิ้มให้เป็นรอยยิ้มแรกจากเขาที่พ่อได้เห็น และมันเป็นรอยยิ้มที่สดใสเสียจริงๆ...


ชายหนุ่มค่อยๆจับตัวลูกสาวของเขาที่หลับสนิทไว้ในอ้อมแขนพลางค่อยๆอุ้มเธอขึ้นไปนอนบนเตียงในห้องของลูกสาว หญิงสาวก็เดินตามขึ้นไปเปิดไฟที่ห้องของเด็กสาวให้พลางเปิดผ้าห่มออก ชายหนุ่มวางร่างของเด็กสาวที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องลงบนเตียง ภรรยาของเขาก็เอาผ้าห่มคลุมร่างของเด็กสาวเอาไว้ ชายหนุ่มจูบลงที่หน้าผากของเด็กสาวเบาๆ

“ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ” ผู้เป็นพ่อกระซิบ ส่วนหญิงสาวก็หอมแก้มของลูกสาวของตนพลางจับมือสามีของตนเอาไว้พลางเอาหัวซบไปที่ไหล่ของชายหนุ่ม

“แล้วเรื่องเป็นยังไงต่อหรอคะ” เธอหันไปถาม ชายหนุ่มก็หัวเราะเบาๆ

“เอาไว้รอพรุ่งนี้แล้วกัน เดี๋ยวยัยธลจะโกรธหาว่าผมเบี้ยวอีก” ชายหนุ่มพูด หญิงสาวก็หัวเราะเบาๆก่อนที่ทั้งสองจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของพวกเขา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2006 09:10:39 โดย b|ueB[o]YhUb »

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #3 เมื่อ17-12-2006 11:02:43 »

 :impress2: อยากอ่านๆ


มาต่อเร็วๆ นะคับ  :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #4 เมื่อ18-12-2006 21:33:24 »

สงสัยต้องเปลี่ยนชื่อเรื่อง อิอิ บอร์ดนี้ท่าทางจะชอบชื่อเรื่องเถื่อนกันมากกว่าม้าง คิกคิก

บทที่ 3

ชายหนุ่มกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะ ส่วนลูกสาวของเขาก็นั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ไม่ห่างนัก แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันเสาร์ แต่ด้วยสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจนักชายหนุ่มและครอบครัวเลยตัดสินใจรอยู่ที่บ้านจนกว่าอากาศจะดีขึ้น

“ทานขนมกันไหม” เสียงของหญิงสาวพูดขึ้นพร้อมทั้งยกถาดขนมเข้ามาในห้อง ผู้เป็นพ่อก็ลดหนังสือพิมพ์ลงพลางมองดูขนมในถาด

“มีอะไรกินจ๊ะแม่” ชายหนุ่มถาม

“ถั่วตัดจ๊ะ” เธอตอบ ชายหนุ่มสะดุดเล็กน้อย

“มีอะไรหรือเปล่าคะ นึกว่าพ่อชอบเสียอีก” ภรรยาของเขาถาม ชายหนุ่มส่ายหัว

“ปะ เปล่าจ๊ะ แค่นึกถึงเรื่องเก่าๆนะ” ชายหนุ่มพูด

“เรื่องของพี่ชลาธลใช่ไหมคะ” เด็กสาวหันมาถาม ผู้เป็นพ่อก็ยิ้มรับ

“จ๊ะ ราวๆนั้นแหละ” ชายหนุ่มพูด

“งั้นคุณพ่อเล่าให้หนูฟังต่อสิคะ ลิลี่ก็อยากฟังเหมือนกัน ใช่ไหมลิลี่” เด็กสาวหันไปพูดกับตุ๊กตาของตน ชายหนุ่มเหลือบมองภรรยาของตนซึ่งนั่งลงที่เก้าอีกข้างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...


หลังจากที่พ่อกับธล พ่อขอเรียกธลแล้วกันนะ พ่อกับธลปรับความเข้าใจกันแล้วพ่อก็เลยชวนเขาไปว่ายน้ำกัน พ่อไปชวนธลถึงที่วัดเลยละ

“พร้อมยัง” พ่อถาม ธลเขาก็พยักหน้าแล้วพ่อกับเขาก็เดินไปด้วยกัน ระหว่างทางพ่อก็เอาขนมถั่วตัดไปกินแกล้มด้วย

“นายเคยกินนี่ปะ” พ่อถามเขาพลางยื่นขนมส่งให้ ธลก็รับมาแล้วก็เคี้ยวมันลงไป

“อร่อยมะ” พ่อถาม ธลก็พยักหน้า

“อะ อืม อร่อย” เขาตอบ พ่อก็ยิ้มแล้วก็ส่งให้เขาอีก

“หยิบตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจถ้าชอบเดี๋ยวเอามาให้อีก” พ่อพูด เขาก็พยักหน้าแล้วเราสองคนก็เดินไปที่บึงประจำ พ่อไม่ได้มาที่บึงนี้ก็นานอยู่เหมือนกัน ก็ตั้งแต่เจอจระเข้อะนะ แต่อากาศร้อนๆของวันนั้นทำให้พ่อลืมเรื่องจระเข้ไปจนหมดเลย

“นายว่ายน้ำเป็นปะ” พ่อหันไปถาม อันที่จริงพ่อนะถามผิดคนเสียแล้ว เพราะไม่ใช่แค่ธลนะว่ายเป็น แต่ว่ายเก่งมากอีกด้วย ธลก็พยักหน้ารับ แล้วพ่อก็ เออ ถอดเสื้อออกอะนะ แล้วก็ลงไปเล่นในน้ำ

“เฮ้ย มาว่ายน้ำแข่งกันดีกว่า” พ่อท้า ธลก็พยักหน้ารับอีก

“ว่ายจากตรงนี้ ใครไปถึงต้นตะเคียนตรงนั้นได้ก่อนชนะ” พ่อบอกกฏ ธลเขาก็พยักหน้าอีก

“นับถึง สามนะ หนึ่ง สอง สาม” พ่อพูดจบก็รีบออกตัวไปทันที พ่อเองก็ว่ายน้ำได้เร็วไม่หยอกนะขอบอก ทำไม ไม่เชื่องั้นหรอ

“เปล่าคะ แค่สงสัยนิดหน่อย อิอิ เล่าต่อเถอะคะ” หญิงสาวพูด ชายหนุ่มก็กรอกตาไปมา

ดูสิลืมเลย อ๋อ ว่ายน้ำ เออ พ่อก็ท้าธลว่ายน้ำอะนะ พ่อนี่เร่งสปีดเต็มที่เลย พ่อว่ายไปได้แค่ครึ่งทางพ่อก็เห็นธลเขาไปลอยคออยู่ที่ใต้ต้นตะเคียนแล้ว

“เฮ้ย นายถึงแล้วหรอ” พ่อร้องอุทาน ธลก็พยักหน้า พ่อมองเขางงๆพลางว่ายเข้าไปหาเข้าใกล้ๆ

“ทำไมว่ายเร็วเงี้ย” พ่อถาม เขาก็ยกไหล่ แต่พ่อไม่ยอมใครง่ายๆหรอก แหมพ่อเองก็ว่ายแพ้นับครั้งได้นะ แต่ไม่เคยแพ้หลุดลุ่ยขนาดนี้

“เฮ้ย เมื่อกี้มันแค่ซ้อมเว้ย ตอนนี้เอาจริงแล้วนะ ใครว่ายกลับไปที่ตรงนั้นก่อนชนะนะ พร้อมยัง หนึ่ง สอง สาม” พ่อพูดเร็วจี๋ แล้วก็ออกแรงจ้วงแบบไม่ลืมหูลืมตา กะว่าคราวนี้ชนะแน่ๆ แต่พอพ่อว่ายเข้าไปใกล้ฟั่งพ่อก็เห็นร่างกำยำผิวสีน้ำผึ้งเข้มยืนรออยู่ก่อนแล้ว พ่อมองหน้าเขาอย่างงงๆ

“นะ นี่นายมาถึงนานแล้วหรอ” พ่อถาม ธลก็ทำท่าคิด

“ก็สักพักนะ” เขาตอบ พ่อเกาหัวอย่างสุดจะเชื่อเลย สองครั้งนี่ไม่เรียกว่าบังเอิญแล้ว

“โห นายนี่ว่ายน้ำเร็วเป็นบ้าเลยวะ ทำไงละเนี่ย” พ่อถาม เขาก็เบ้ปาก

“อืม ก็ทำตามปกติ” ธลตอบ

“นายนี่เก่งจัง ยกของหนักก็ได้ ว่ายน้ำก็เร็ว” พ่อชม ธลก็ยิ้มให้พ่อเขินๆ แล้วเราสองคนก็ขึ้นไปตากตัวให้แห้งบนฝั่ง พ่อนอนมองดูท้องฟ้าสีคราม สายลมพัดอ่อนๆพอทำให้ใจสบาย แล้วพ่อก็นึกอะไรขึ้นมาได้ พ่อชันตัวเองขึ้นนั่งลงกับพื้น

“เออ แล้วนายทำยังไงหรอไอ้เข้นั่นมันถึงหนีไปอย่างนั้นอะ” พ่อถาม เพราะพ่อจำได้ว่าธลเขาโพล่มาแค่บอกว่า หยุดนะ แล้วไอ้เข้นั่นก็จ๋อยเดินหนีลงน้ำไปเลย ธลก็เงียบลง

“กะ ก็ อืม ก็ทำตามปกติ” ธลตอบ พ่อก็ขมวดคิ้ว

“เฮ้ย คนปกติเขาจะหยุดไอ้เข้เขาต้องใช้หอก ใช้อะไรนะ” พ่อแย้ง ธลดูอึดอัดกระสับกระส่ายชอบกล แต่แล้วพ่อก็นึกถึงคำพูดของหลวงตาที่ว่าคนเรามีเหตุผลของแต่ละคนที่ต่างกันไป พ่อเลยเปลี่ยนเรื่อง

“ช่างเถอะ ว่าแต่ถ้าเจอไอ้เข้อีก นายช่วยไล่มันไปอีกได้ปะ” พ่อพูด ธลก็พยักหน้า

“อืม” เขาตอบ พ่อก็ยิ้มให้

“ขอบใจนะ” พ่อพูด แล้วเราก็นอนพึ่งลมกันต่อ แต่แล้วอยู่ดีๆธลก็ลุกขึ้นพรวดพราด

“รีบกลับเถอะ หลวงตาเรียก” ธลพูดพลางหยิบเสื้อขึ้นมาใส่ พ่อรีบมองไปรอบตัวเลย

“ไหนอะ” พ่อหันไปทั่วแต่พ่อก็ไม่เห็นหลวงตาเลย แต่ธลแต่งตัวเสร็จแล้ว

“ไปเถอะ เรื่องใหญ่” ธลพูด

“ตะ แต่ตัวยังไม่แห้งเลย” พ่อแย้ง เพราะตัวพ่อยังเปียกอยู่เลย

“ต้องรีบแล้วนะ” ธลพูด พ่อก็พยักหน้าพลางจำใจใส่กางเกงไปตัวนึงก่อนไว้ตัวแห้งแล้วค่อยใส่เสื้อ จากนั้นเราก็วิ่งกลับไปที่วัดในทันที หลวงตาออกมายืนรอที่หน้าวัดอยู่ก่อนแล้ว พ่อก็ยกมือไหว้หลวงตาตามมารยาท

“ข้าอยากให้เจ้าไปบึงสีไฟนะ เรื่องด่วน” หลวงตาพูด ธลก็พยักหน้า

“ให้เราไปด้วยไหม” พ่อพูด

“ไม่ได้ เอ็งไปไม่ได้” หลวงตากำชับ พ่อก็สะดุ้งเลยพลางขมวดคิ้ว

“ทำไมละหลวงตา” พ่อถาม หลวงตาก็ส่ายหัว

“มันยังไม่ถึงเวลาของเอ็งที่จะรู้ อีกอย่างพ่อเอ็งก็บอกให้กลับบ้านได้แล้วด้วย” หลวงตาพูด พ่อก็ยิ่งสับสนใหญ่ เพราะปกติแล้วคุณปู่มักไม่ค่อยเรียกพ่อกลับบ้านเท่าไหร่ถ้าไม่มีเรื่องใหญ่อะไร พ่อเริ่มงง แต่ก็ต้องกลับไม่งั้นอาจโดนเบิดกะโหลกได้

“งั้น เรากลับก่อนนะ แล้วไงเจอกัน” พ่อกล่าวลาธล พลางยกมือไหว้หลวงตา แล้วพ่อก็จับรถกลับบ้าน พอมาถึงบ้านปู่ก็ถามพ่อเป็นชุดเลย

“หายหัวไปไหนมา นี่แอบไปเล่นน้ำอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย” ปู่คำราม พ่อก็พยักหน้ารับ

“ตะ คราวนี้มีธลไปด้วยนะ” พ่อแย้ง ปู่จับไหล่ของพ่อเอาไว้

“ต่อให้มีใครไปก็ห้ามไปอีกรู้ไหม มันอันตราย ไอ้เข้มันออกอาละวาดอีกแล้ว” ปู่เตือน พอพูดถึงจระเข้พ่อก็เสียวสันหลังวาบเลย เพราะพ่อก็เคยเจอตัวจริงมาแล้ว พ่อเลยตัดสินใจว่าคงอาจจะต้องหยุดว่ายน้ำไปจนกว่าเรื่องไอ้เข้จะซาลง

“กลับมาก็ดีแล้ว ไปช่วยแม่มึงก่อฟืนไป” ปู่ไล่ พ่อก็เลยไปช่วยแม่ก่อฟืนข้างหลังบ้าน ตกเย็นของวันนั้นพ่อรู้สึกไม่สบายใจเอาเลย ฝนตกหนักมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน พ่อก็ต้องช่วยทั้งบ้านหาขันรองกันว่อนเลย มันแปลกอยู่ในใจเล็กๆที่พ่อรู้สึกเป็นห่วงธลขึ้นมาเสียอย่างนั้น มันเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรสักอย่างบอกว่าธลกำลังลำบาก แต่ฝนที่ตกหนักทำให้พ่อออกจากบ้านไปไม่ได้เลย พ่อเลยตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ถ้าฝนมันหยุด พ่อจะไปหาธลเขาดู แล้วก็โชคดีหน่อย วันรุ่งขึ้นมาอากาศแจ่มใสพ่อรีบบึ่งออกจากบ้านไปที่วัดทันที พอไปถึงพ่อตกใจแทบแย่ เพราะธลร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเต็มไปหมดเลย

“เฮ้ย นายไปทำอะไรมาอะ” พ่อถามพลางเข้าไปดูเขาด้วยความเป็นห่วง ธลก็มองหน้าพ่อแปลกๆ

“มะ ไม่มีอะไร” เขาตอบสั้นๆ พ่อไม่เชื่อเด็ดขาดเลย

“ไม่มีอะไรได้ไง ดูดิ แผลเต็มตัวเลย เมื่อวานโดนใครรังแกมาหรอ” พ่อถามเขา ธลก็ส่ายหัว

“ปะ เปล่านี่ กะ ก็แค่อุบัติเหตุนิดหน่อย” ธลตอบ พ่อฉุนขาดเลย

“นิดหน่อยอะไรกัน ดูสิเนี่ยแผลเต็มตัวขนาดนี้เนี่ยนะ” พ่อพูด พลางสำรวจร่างของเขาไปทั่ว แผลของธลเยอะมาก บางแห่งก็ลึก แถมแผลก็ดูแปลกๆ เหมือนเป็นรอยเขี้ยวอะไรงั้นเลย

“นี่นายโดนอะไรกัดมางั้นหรอ” พ่อถาม

“เอะ อะโวยวายอะไรกันวะ ไอ้กฤษ มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” หลวงตาถาม พ่อก็หันไปไหว้

“ก็เมื่อกี้อะครับ หลวงตาดูดิ ทำไมธลเขาเป็นแบบนี้ละ” ผมถาม หลวงตาก็ถอนหายใจเบาๆ

“เออ น่าเดี๋ยวมันก็หาย” หลวงตาพูดอย่างเย็นชา พ่อแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลย

“หลวงตา ทำไมพูดงี้ละ ธลเขาบาดเจ็บขนาดนี้ หลวงตาไม่คิดจะพาเขาไปหาหมอเลยหรอ” พ่อแย้ง หลวงตาได้แต่ถอนหายใจ

“เอาน่า มันไม่เป็นไรมากหรอกไม่ต้องห่วงนะ เฮ้ย ไอ้ธลได้เวลาแล้ว” หลวงตาพูด ธลก็พยักหน้าพลางเดินไปหาหลวงตา

“นี่จะไปอีกหรอ ทั้งๆที่บาดเจ็บขนาดนี้เนี่ยนะ” พ่อร้อง

“เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว กลับบ้านไปได้แล้ว และก็ช่วงนี้อย่าพึ่งมาเจอไอ้ธลมันก็แล้วกันนะ” หลวงตาพูด พ่อกำหมัดแน่นเลย หลวงตาก็หลวงตาเถอะ ทำแบบนี้พ่อเองก็ฉุนขาดเหมือนกัน

“แล้วธลเขาเป็นผู้ใหญ่นักหรือไงกัน เขาบาดเจ็บขนาดนี้หลวงตายังใช้งานเขาหยั่งกับวัวกับควาย วัวควายที่บ้านผมมันป่วยม้นเจ็บ มันยังได้พักเลย แต่นี่เขาเจ็บขนาดนี้หลวงตายังจะใช้เขาอีก มันจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอ” พ่อตะโกนใส่ หลวงตาถอนหายใจยาวพลางเกาหัว ธลก็เดินเข้ามาจับไหล่ของพ่อเอาไว้

“ไม่ต้องห่วงนะ เราไม่เป็นอะไรมากหรอก นายอย่าใส่ใจเรามากเลย” ธลพูด

“แต่นายเป็นแบบนี้” พ่อตอบ ธลก็ส่ายหัว

“ไม่นานหรอก พอเรื่องจบแล้ว เราไปว่ายน้ำกันอีกนะ” ธลพูด พ่อก็พยักหน้า

“แล้วอีกนานไหมอะกว่าจะจบ” พ่อถาม

“ถ้าเอ็งปล่อยเขาไปมันไม่นานนักหรอก มัวแต่พูดอยู่อย่างนี้มันจะยิ่งจบช้าลงนะ” หลวงตาพูด พ่อมองหน้าธล แววตาของเขามันส่องประกายแปลกๆ เหมือนจะบอกให้พ่อรู้ว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง พ่อเบ้ปากเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้ารับรู้

“นายอย่าเป็นอะไรนะ สัญญาแล้วนะว่าจะต้องกลับมาว่ายน้ำด้วยกันอีก” พ่อพูด พลางชูนิ้วก้อยขึ้น

“เกี่ยวก้อยสัญญากัน ถ้าใครผิดสัญญาขอให้ฟ้าผ่า” พ่อพูด ธลก็ยกมือของเขาแล้วเอานิ้วก้อยของเขาเกี่ยวเข้ากับนิ้วของพ่อ

“อืม สัญญา” ธลพูด แล้วธลก็เดินไปกับหลวงตาปล่อยให้พ่อยืนงงอยู่ตรงนั้น พ่อเองก็สับสนไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมธลถึงได้มีบาดแผลอะไรมากมายขนาดนั้น พ่อเดินคิดอย่างสับสนแต่ขณะที่พ่อเดินกลับจะไปขึ้นรถนั้นเอง พ่อก็ได้ยินเสียงของหลวงตาพูดกับธลว่า

“คืนนี้คงต้องให้เอ็งกลับไปที่บึงสีไฟอีกทีวะ” หลวงตาพูด พ่อตาค้างๆเลย นี่เขาจะให้กลับไปอีกหรอ

“ผมพอเข้าใจครับ” ธลพูด หลวงตาก็จับไหล่ของธลเอาไว้

“ถ้าเป็นไปได้ อย่าเปิดมันออกนะ” หลวงตากำชับ เปิดอะไรกัน พ่อเริ่มสงสัย ธลก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้า พ่อเองก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักหรอก แต่พ่อเป็นห่วงธลและพ่อเลยตัดสินใจแอบตามธลไปที่บึงสีไฟ...


“โครกกก” เสียงท้องร้องดังสนั่นหวั่นไหว ชายหนุ่มยิ้มแก้มแดงๆ หญิงสาวกับลูกสาวก็หัวเราะร่า

“ฮะ ฮะ ฮะ ดูท่าพ่อจะใช้พลังงานในการเล่าเรื่องเยอะไปหน่อยละมั้ง” หญิงสาวพูดพลางเอามือเช็ดน้ำตาที่มันเล็ดออกมา

“แหม เล่าให้ฟังนี่ไม่ง่ายๆนะ ไม่เห็นบุญคุณกันบ้างเลย” ผู้เป็นพ่อกล่าวงอนๆ

“อะ จ๊ะ อืม ฝนก็หยุดแล้วนี่นา เราออกไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าไหม” ผู้เป็นแม่เสนอ

“ดีเหมือนกัน ลูกอยากกินอะไรจ๊ะ” ชายหนุ่มหันไปถามลูกสาว เด็กสาวก็ก้มถามตุ๊กตาในมือ

“ลิลี่อยากกินอะไรคะ” เด็กสาวถาม พลางเอียงหูไปใกล้ๆปากของตุ๊กตา

“ลิลี่บอกอยากกินสุกี้คะ” เด็กสาวพูด ชายหนุ่มก็พยักหน้า

“งั้นลิลี่คงต้องลำบากหน่อยละ เพราะพ่อของธลนะจะแย่งลิลี่กินเสียแล้วละ” ผู้เป็นพ่อตอบ เด็กสาวก็ยิ้ม

“ไม่เป็นไรคะ ลิลี่กินไม่เยอะ อีกอย่างคุณพ่อตัวใหญ่กว่าลิลี่ คุณพ่อก็ต้องกินเยอะกว่าลิลี่สิคะ” เด็กสาวพูด

“ธลเองก็ตัวใหญ่กว่าลิลี่ เพราะงั้นธลก็ต้องกินเยอะกว่าลิลี่เหมือนกันนะจ๊ะ” ผู้เป็นแม่กล่าว เด็กสาวก็พยักหน้า

“ไปกันดีกว่า ก่อนที่กระเพาะของพ่อจะเริ่มกินตัวเอง” ชายหนุ่มพูดแล้วทั้งสามคนก็เดินออกจากบ้าน ล๊อกประตบ้านแล้วก็ขึ้นรถไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2006 21:35:23 โดย b|ueB[o]YhUb »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #5 เมื่อ19-12-2006 09:11:43 »

ลงชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวตามอ่านน้า  :impress:


gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #6 เมื่อ19-12-2006 10:48:44 »

ตามมาอ่านอีกคนคับ :yeb:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #7 เมื่อ20-12-2006 21:13:56 »

อ่านทันยังครับ หุหุ

บทที่ 4

ชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดในบ้าน พอเขาลงจากรถเท่านั้น ลูกสาวของเขาก็วิ่งเข้ามาหาเขา

“สวัสดีคะคุณพ่อ” เด็กสาวพูดพลางยกมือไหว้ ชายหนุ่มก็รับไหว้

“สวัสดีจ๊ะ วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง” ผู้เป็นพ่อถาม เด็กสาวก็ยิ้มให้

“วันนี้หนูตอบคำถามวิชาภาษาไทยได้ ครูเลยให้ดาวหนูหนึ่งดวงคะ” เด็กสาวตอบ ชายหนุ่มก็ยกตัวลูกสาวขึ้นอุ้ม

“เก่งจังเลย ลูกใครเนี่ย” ผู้เป็นพ่อกล่าว

“ลูกคุณแม่คะ” เด็กสาวตอบ ผู้เป็นพ่อก็เบ้หน้า

“อ้าว แล้วพ่อละ” ชายหนุ่มถาม เด็กสาวก็ยิ้ม

“คะ หนูก็ลูกคุณพ่อเหมือนกันคะ” เด็กสาวตอบ ชายหนุ่มก็วางเด็กสาวลง

“พ่อจ๊ะ ธล ทานข้าว” เสียงของภรรยาของเขาดังขึ้น ทั้งสองต่างจูงมือเดินเข้าไปยังห้องทานข้าว

“พ่อจ๊ะ วันนี้ลูกเราเขาได้ดาวด้วยนะ” ผู้เป็นแม่กล่าวชม ชายหนุ่มก็ยิ้ม

“หนูบอกพ่อแล้วคะแม่” ลูกสาวบอก

“อืม แบบนี้ต้องให้รางวัลเสียหน่อยแล้วละมั้ง” ชายหนุ่มพูด

“เอาเป็น เรื่องของคุณพ่อดีไหมลูก” ภรรยาของเขาเสนอ ลูกสาวก็พยักหน้าหงึกๆ

“ดีคะคุณแม่ นะคะคุณพ่อ” เด็กสาวอ้อนวอน ชายหนุ่มก็ยิ้มให้พลางสูดหายใจลึก...


หลังจากที่พ่อแอบฟังเรื่องที่ธลพูดกับหลวงตาแล้วพ่อก็ตัดสินใจจะแอบไปเจอธลเขาที่บึงสีไฟ บึงนั่นเป็นบึงขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ มันจึงกินอาณาบริเวณค่อนข้างจะมากอยู่ พ่อตัดสินใจปั่นจักรยานไปดักรอเขาเพราะว่าเย็นๆแล้วรถที่จะไปมันไม่มี พอพ่อไปถึงพ่อก็ยังไม่เห็นอะไรนะ พ่อเลยคิดว่าธลอาจจะยังมาไม่ถึง พ่อเลยตัดสินใจนั่งรอเขาอยู่ที่บึง พ่อเองก็สุดจะเข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ทั้งๆที่ธลเองก็มีบาดแผลหนักขนาดนั้น แต่ทำไมหลวงตาถึงยังให้เขาไปทำงานอะไรอีก พ่อนั่งรอไปเรื่อยๆ อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นทุกขณะ จนพ่อเริ่มเป็นกังวลว่าพ่อมารอถูกที่หรือเปล่า แต่แล้วพ่อก็ได้ยินเสียงโครมครามดังมาแต่ไกล พ่อรีบก้าวเท้ายาวไปตามเสียง แต่ด้วยความที่มันมืดพ่อจึงมองอะไรได้ไม่ถนัดเท่าไหร่นัก แต่พ่อก็พยายามใช้หูของพ่อตามเสียงไปเรื่อยๆ จนเสียงค่อยๆดังขึ้นๆ พ่อจึงเริ่มมั่นใจแล้วว่าพ่อมาถูกที่

“โหก โหก” เสียงคำรามแปลกๆดังขึ้น

“แต่มันไม่ถูกนะครับ” เสียงของธลดังขึ้น พ่อมั่นใจแล้วละว่าพ่อมาถูกแล้ว พ่อค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้มากขึ้นอย่างเงียบๆ

“กรรร” เสียงนั่นดังกลับมาอีก พ่อได้แต่ทำหน้างงๆ นี่มันอะไรกัน

“แต่ตอนนี้มนุษย์ก็ให้การดูแลพวกท่านนี่ครับ” ธลตอบกลับไป พ่อก้มตัวหลบตรงพุ่มไม้ที่นึง แสงจันทร์พอให้พ่อมองเห็นร่างของธลได้

“กรร โหก โหก กรร” เสียงนั่นตอบกลับมาก ลูกไม่ต้องงงหรอก ตอนนั้นพ่อก็ทำหน้าเหมือนลูกตอนนี้แหละ

“แต่ว่า...”

“กรร” เสียงนั่นร้องขึ้น

“สุรชัยครับ ผมขอร้องละครับ อย่าทำแบบนี้เลย” ธลอ้อนวอน

“โหก โหก กรร โหก กรร กรร” เสียงนั่นตอบกลับมาอีก พ่อมั่นใจแล้วว่าธลต้องไม่ได้พูดอยู่กับคนแน่ๆ เพราะถ้าคนคงไม่ส่งเสียงร้องแบบนั้น

“ผมก็ไม่เคยคิดว่าผมเป็นมนุษย์อยู่แล้ว แต่ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าผมเป็นจระเข้เหมือนกัน” ธลตอบ พ่ออึ้งเลย นี่ธลไม่ใช่มนุษย์นี่มันหมายความว่ายังไง

“โหกกกกกก” เสียงนั่นร้องอีกพ่อนี่งงไปหมดเลยตอนนั้น แล้วที่ธลไม่ใช่มนุษย์นี่เรื่องจริงหรอ พ่อเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่ พ่อจึงพยายามขยับตัวเข้าไปให้ใกล้ขึ้นกว่าเดิมเพื่อจะดูว่าธลนั้นคุยอยู่กับใครกันแน่ พ่อค่อยๆลุกขึ้นอย่างเงียบกริบ พลางพยายามขยับตัวไปข้างหน้า แต่เพราะมันมืดพ่อเลยมองอะไรไม่ชัด พ่อจึงเหยียบกิ่งไม้เข้าให้กิ่งนึงเสียงดังป๊อก

“กรรร” เสียงนั่นคำราม พ่อสะดุ้งเล็กน้อย แต่กว่าพ่อจะรู้ตัวก็มีเงาบางอย่างเคลื่อนตัวมาตรงหน้าพ่อ กว่าพ่อจะรู้สึกตัวขาของพ่อก็โดนอะไรบางอย่างหนีบเอาไว้ ร่างของพ่อปลิวไปตามลมแล้วหล่นลงกลางพื้นเสียงดัง พุก

“กฤษ” ธลอุทาน

“โหก” เสียงนั้นร้องขึ้น พ่อหันไปดู ตาพ่อแทบจะหลุดเพราะสิ่งที่พ่อเห็นตรงหน้ามันคือจระเข้ตัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าตัวที่พ่อเคยเห็นครั้งแรกเสียอีก แค่ปากของมันก็กลืนร่างของพ่อเข้าไปทั้งร่างได้โดยไม่ต้องเคี้ยวเลย โดยที่พ่อยังไม่ทันทำอะไรมันก็วิ่งพรวดๆเข้ามาหาพ่อทันที ม้นอ้าปากกว้าง เขี้ยวนับสิบเรียงรายอยู่ตรงหน้าพ่อ แต่พลันร่างของมันก็ถอยรูดไปข้างหลัง พ่อหันไปมอง

“หนีเร็ว” ธลตะโกนร้อง มือของเขาก็จับหางเของเจ้าจระเข้ยักษ์นั่นเอาไว้ พลางดึงไปข้างหลัง เจ้าจระเข้ก็ตะเกียดตะกายไปมาพลางสะบัดหางดิ้น ธลก็พยายามดึงตัวจระเข้นั่นไว้ พ่อเองก็มัวแต่งง อึ้ง ทึ่ง ขาของพ่อมันไม่ยอมขยับเลย

“หนีไปสิ เร็ว” ธลร้องแต่พ่อก็พลักตัวเองลุกขึ้นไม่ได้เลย ธลเองก็เกินกว่าจะทนได้ เพราะเจ้าจระเข้นั่นหันหัวกลับมาเพื่อจะงับธล

“ขอโทษนะสุรชัย” ธลร้องพลางยกหางของสุรชัยพลางเหวี่ยงออกไปข้างตัว เจ้าจระเข้ยักษ์ร่างลอยละลิ่งปลิวไปชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้ก็เริ่มโค่นลงมาร่างของเจ้าจระเข้ก็ร่วงตามแรงโน้มถ่วง

“ซวบ” เสียงของตอไม้แหลมๆเสียบทะลุร่างของเจ้าจระเข้

“ตายห่าแล้ว” ธลอุทาน พลางรีบวิ่งเข้าไปดู

“สุรชัย สุรชัย” ธลร้องพลางมองดูจระเข้ตัวนั้นที่ชักกระแดกๆ อยู่ชั่วครู่แล้วมันก็ไม่เคลื่อนไหวอีกเลย ธลเอามือกุมหัวเอาไว้

“โอ๊ย นี่เราจะทำยังไงดีละเนี่ย” ธลพูดแล้วเขาก็หันมาเจอพ่อ

“นายมาทำอะไรที่นี่นะ” ธลคำราม แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นเหมือนสีเหลืองราวกับไม่ใช่มนุษย์ พ่อตะลึงเล็กน้อย

“อะ เออ คือ ระ เรา เออ” พ่อพูดอะไรไม่ออกเลย

“จ๋อม แจ๋ม” เสียงน้ำเคลื่อนไหวไปมาดังขึ้น พ่อหันหลังกลับไปมอง พ่อแทบจะหยุดหายใจ จระเข้ทั้งฝูงค่อยๆเดินขึ้นมาจากน้ำ ธลวิ่งเข้ามาหาพ่อพลางจับตัวพ่อขึ้นพาดบ่า แล้วกว่าพ่อจะรู้ตัวธลก็พาตัวพ่อวิ่งหายเข้าไปในป่าเสียแล้ว ลมวิ่งผ่านหน้าของพ่อไปอย่างรวดเร็ว พ่อเองตอนนั้นก็ยังงงๆอยู่ว่านี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ พ่อหยิกแขนตัวเองมันก็เจ็บ นี่พ่อไม่ได้ฝันไปใช่ไหม แล้วธลก็ไม่ใช่มนุษย์ด้วย แล้วธลก็วางพ่อลง พ่อได้สติก็มองไปรอบๆพบว่าพ่อกลับมาที่วัดอีกครั้งแล้ว

“นายไปทำอะไรที่นั่นนะ” ธลถาม พ่อมองหน้าเขา ใจพ่อเต็นแรงมาก

“กลับมาเร็วจังธล อ้าวแล้วนั่นกฤษมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้” หลวงตาเดินออกมา ธลถอนหายใจยาว

“เรื่องใหญ่ครับหลวงตา” ธลพูด หลวงตาก็เอียงคออย่างสงสัย

“เรื่องอะไรวะ” หลวงตาถาม

“ผมฆ่าสุรชัยไปแล้วครับหลวงตา” ธลพูด หลวงตาทำตาลุกวาวเลย

“เฮ้ย ข้าให้เอ็งไปเจรจานะเว้ย ไม่ได้ให้ไปฆ่าเขา” หลวงตาพูด ธลก็ก้มหน้า

“คือ มันเป็นอุบัตติเหตุอะครับ คือ กฤษโพล่มาตอนที่ผมกำลังคุยกันอยู่ สุรชัยเลยจะฆ่ากฤษ ผมก็พยายามจะหยุดเขาแต่ผมพลังมือไปหน่อยเลยกลายเป็น เออ ฆ่าเขาไปอะครับ” ธลตอบ หลวงตามองมาที่พ่อพลางทำสีหน้าผิดหวังสุดๆ

“ให้ตายเถอะ เอ็งทำอะไรลงไปรู้ไหมไอ้กฤษ” หลวงตาคำราม พ่อก็มองหลวงตากลับไป

“ผมจะไปรู้ได้ไงละ ก็ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนี่นา” พ่อตอบกลับไป ทั้งหลวงตาและธลก็เงียบไป หลวงตาถอนหายใจยาวแล้วก็หันหลังให้

“พากฤษเข้ามา” หลวงตาพูดสั้นๆ ธลก็แบกพ่อขึ้นหลังเลย

“เฮ้ยๆ ไม่ต้องก็ได้เราเดินเองได้” พ่อพูด ธลก็วางพ่อลง

“นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ธลถาม พ่อก็ส่ายหัว

“ไม่หรอก ขอบใจนะที่ช่วย” พ่อพูดกลับไป ธลก็ยิ้มให้พ่อก่อนที่พ่อกับธลจะเดินขึ้นกุฏิไป ธลเดินนำพ่อไป พ่อก็เดินตาม ธลพาพ่อมาที่ห้องที่เก็บหอกเหล็กอันนั้นเอาไว้ หลวงตาก็นั่งอยู่ในห้องนั่นด้วย ธลนั่งลงพ่อก็นั่งลงข้างๆเขา หลวงตาก็หันมามองพ่อ

“เรื่องที่ข้าพูดออกไป เอ็งต้องเก็บเป็นความลับสุดยอด เข้าใจไหม” หลวงตากำชับ พ่อก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากพยักหน้า

“เอ็งเคยได้ยินเรื่องไกรทองบ้างไหม” หลวงตาถาม พ่อเคยเล่าให้ลูกฟังแล้วจำได้ไหม ชาละวันที่เป็นจระเข้ไม่ดี แล้วพระเอกไกรทองก็มาปราบนะ ลูกจำได้ใช่ไหม นั่นแหละเรื่องนั้นแหละ พ่อก็พยักหน้ารับนะ

“อืม แล้วเจ้ารู้ใช่หรือเปล่าว่าไอ้ไกรมันก็เอาเมียของชาละวันมาเป็นเมียของมันด้วย” หลวงตาพูด พ่อก็พยักหน้า

“วิมาลา กับ เลื่อมลายวรรณ ใช่ไหมครับ” พ่อถาม หลวงตาก็พยักหน้า พลางมองไปที่ธล

“ไอ้ธลคือลูกของไอ้ไกรกับเลื่อมลายวรรณ” หลวงตาพูด พ่อตาค้างเลย

“อะ อะไรนะ” พ่ออุทาน หลวงตาก็ถอนหายใจยาว

“เอ็งได้ยินไม่ผิดหรอก ไกรทองไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่มันเป็นตำนานจริงๆ หลังจากที่ไอ้ไกรมันกำจัดชาละวันได้แล้ว มันก็กลับไปที่ถ้ำทองแล้วก็พา เลื่อมลายวรรณ กับ วิมาลามา เป็นเมียมันด้วย แล้วก็มีไอ้ธลเนี่ยแหละ” หลวงตาพูด พ่อเองก็ยากจะเชื่อนะว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าคิดถึงเรื่องจระเข้ยักษ์นั่น กับธลที่เหมือนจะคุยกับมันรู้เรื่องก็ดูสมเหตุสมผลดี

“ไอ้ธล มันเลยมีเชื้อจระเข้ครึ่งนึง มันเลยคุยกับจระเข้ตัวอื่นๆได้ ข้าเลยให้มันไปเจรจากับหัวหน้าจระเข้เรื่องการหา ท้าว ตัวใหม่” หลวงตาพูด พ่อตอนนี้ก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเดียวเลย

“ข้าจะอธิบายคร่าวๆนะ แต่เดิมทีท้าวรำไพ เป็นหัวหน้าใหญ่ของเหล่าจระเข้ทั้งมวล มีลูกชายชื่อชาละวันนั่นแหละนะ แต่ชาละวันก็โดนไอ้ไกรฆ่าตายไปแล้ว ท้าวรำไพ เองก็ชราภาพจนไม่สามารถมีลูกได้แล้ว สุดท้ายท้าวรำไพก็ถึงแก่กรรม ตอนนี้เหล่าจระเข้ก็เลยขาดผู้นำ หัวหน้าจระเข้สามตัว สุรชัย ก็ตัวที่ตายไปแล้วหนึ่ง แล้วก็ยังมี ไอ้เด่น กับ โขนราม ซึ่งไอ้โขนรามมันนอกจากจะไม่ฟังแล้วยังทำร้ายไอ้ธลอีก” หลวงตาหยุดหายใจชั่วครู่

“หัวหน้าจระเข้ทั้งสามตัวต่างก็อยากจะเป็น ท้าว เลยจัดการแข่งขันถ้าใครฆ่ามนุษย์ได้มากที่สุดภายในเวลา เจ็ดชั่วยาม ก็จะได้เป็นใหญ่” หลวงตาพูด พ่อเลยเข้าใจว่าทำไมช่วงนี้จระเข้ถึงออกอาละวาดไปทั่ว

“ข้าเลยส่งไอ้ธลไปเจรจา เพื่อต่อรองหาข้อยุติ แต่ดูเหมือนเรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างนั้นแล้วสิ” หลวงตาพูด พ่อก็กลืนน้ำลายดังเอือก

“ทะ ทำไหมหรอครับหลวงตา” พ่อถาม

“เพราะกฏของจระเข้คือ เลือดต้องล้างด้วยเลือดนะสิ” ธลพูดขึ้น พ่อก็หันไปมองเขา หลวงตาก็ถอนหายใจ

“สุรชัย มีพี่ชายชื่อสุรศักดิ์ ข้ามั่นใจเลยว่าสุรศักดิ์ต้องไม่ปล่อยไอ้ธลไว้แน่” หลวงตาพูด พ่อก็มองหน้าธลอย่างรู้สึกผิด ถ้าพ่อไม่จุ้นจ้านธลก็คงไม่ลำบากแบบนี้

“แล้ว เราจะทำยังไงดีละครับ” พ่อถาม หลวงตาก็ส่ายหัว

“เฮ้อ ถ้าจำเป็นเราคงต้องส่งตัวไอ้ธลไปให้มันละนะ” หลวงตาพูด พ่อตาลุกเลย

“ทำไมละครับ” พ่อถามอีก

“เราจะยอมให้มีคนต้องบาดเจ็บไปมากกว่านี้อีกไม่ได้แล้วนะสิ” หลวงตาพูด พ่อกำมือแน่น

“เราก็สู้มันสิครับ” พ่อพูดไปตามความคิดเด็ก

“เอ็งงั้นหรอ” หลวงตาถาม พ่อก็สะอึกเล็กน้อย

“บอกตรงๆ ตอนนี้ถ้าเกิดสุรศักดิ์มันเอาจริงขึ้นมา ใครต่อใครก็เอามันไม่อยู่หรอก” หลวงตาพูด พ่อก็พยายามคิด

“แล้วถ้าขอกำลังทหารละครับ อย่างหน่วยพิฆาตไกรทองอะไรงี้” พ่อเสนอความคิด หลวงตาก็ถอนหายใจ

“สุรศักดิ์ นะไม่เหมือนกับจระเข้ตัวอื่นๆหรอกนะ มันมีเขี้ยวเพชรของท้าวโคจรอยู่ อาวุธธรรมดาทำอะไรมันไม่ได้หรอก สิ่งเดียวที่จะฆ่ามันได้คือ หอกสัตตโลหะ เท่านั้น” หลวงพ่อพูด ผมก็มองไปที่หอกเหล็กข้างหลัง

“หอกอันนั้นนะหรอครับ” พ่อถาม หลวงตาก็พยักหน้า

“อ้าว งั้นเราก็เอาหอกอันนั้นไปสู้มันก็สิ้นเรื่องสิครับ” ผมตอบ

“หอกสัตตโลหะนะ ทำจากเหล็กเนื้อดีตีทั้งแท่ง น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 50 กิโล เอ็งคิดว่าใครจะถือมันไหววะ” หลวงตาพูด มันก็จริงอย่างที่หลวงตาพูดพ่อเองเคยลองถือพ่อยังแทบจะยกมันไม่ขึ้นเลย พ่อก็หันไปมองธล

“ก็ให้ธลถือไงครับ” พ่อเสนอความคิด

“ไอ้โง่ หอกสัตตโลหะเป็นหอกศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้กำจัดจระเข้โดยเฉพาะ ไอ้ธลมันมีเชื้อจระเข้อยู่ เอ็งคิดหรอว่ามันจะถือได้นะ” หลวงตาพูด แต่วันก่อนผมยังเห็นธลถือมันอยู่เลยนี่นา

“แต่วันก่อนผมยังเห็นธลถือมันวางกลับไปบนหิ้งอยู่เลยนะครับ” ผมแย้ง หลวงตาก็ถอนหายใจยาว

“หอกสัตตโลหะที่เอ็งเห็นตอนนี้นะ มันยังใช้การไม่ได้หรอกนะ มันต้องขัดเอาสนิมออกจนถึงเนื้อเหล็กข้างใน จึงจะใช้ได้ ที่ไอ้ธลมันจับได้เพราะสนิมมันเกาะจนหนาต่างหาก” หลวงตาพูด พ่อก็จนปัญญา

“ผมจะลองคุยกับท่านสุรศักดิ์ดูแล้วกันครับ เพื่อว่าท่านเขาจะยอมเข้าใจ” ธลพูดขึ้น พ่อก็หันไปมอง

“ก็คงต้องแบบนั้นแหละ” หลวงตาพูด

“อืม แล้วถ้าไอ้สุรศักดิ์อะไรนั่นมันเก่งนัก ทำไมไม่ให้มันเป็นหัวหน้าไปเลยละ” พ่อเสนอความคิดขึ้นอีก หลวงตาก็ถอนหายใจ

“ก็เพราะว่า ท้าวโคจร พ่อของมันนะสิ ไปหาเรื่องฆ่าท้าวพันตา กับท้าวพันวัน ลูกหลานรุ่นต่อๆมาเลยโดนตัดสิทธิ์เรื่องขึ้นเป็นท้าวโทษฐานฆ่าพวกเดียวกันเอง” หลวงตาตอบ พ่อก็เบ้ปากเลย

“ไม่เป็นไรหรอกครับหลวงตา ยังไงถ้าเขาได้ตัวผม เขาคงไม่เอาเรื่องคนอื่นๆหรอกครับ” ธลกล่าว พ่อรู้สึกเจ็บลึกๆในอกเลยละ เพราะพ่อเป็นต้นเหตุแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นคนรับเคราะห์ต้องมาเป็นธล

“ให้ผมรับแทนเองได้ไหมครับ” พ่อพูด ทั้งหลวงตาและธลต่างมองพ่อเป็นตาเดียวกัน

“นายจะรับแทนทำไมกัน นายไม่ได้ฆ่าสุรชัยสักหน่อย” ธลพูด พ่อก็ถอนหายใจยาว

“ถ้าเราไม่จุ้นจ้านเรื่องของนายจนเกินไป นายก็คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ เราเป็นคนผิดเพราะงั้นเราน่าจะเป็นคนที่ได้รับโทษไม่ใช่นาย” พ่อตอบ

“นายทำแบบนี้ทำไมกัน” ธลถาม พ่อก็มองหน้าเขา

“เพราะนายเป็นเพื่อนเราไง เพื่อนไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว” พ่อตอบ สำหรับพ่อแล้ว คำว่าเพื่อนมันมีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่อยู่ด้วยกัน แต่มันคือเชือกที่ผูกใจคนสองคนเข้าด้วยกันแล้วพร้อมจะเผชิญปัญหาไปด้วยกัน ธลนั้นนิ่งเงียบไปสักพัก

“นะ นายไม่กลัวเราหรอ” ธลถาม พ่อก็มองหน้าเขา

“กลัวอะไรหรอ” พ่อถามกลับ ธลก็ก้มหน้า

“ที่เราไม่ใช่มนุษย์นะ” ธลพูด พ่อก็หัวเราะ

“ตอนแรกก็ตกใจนิดหน่อยนะ แต่ที่จริงนะเจ๋งจะตาย มิน่าละนายถึงแข็งแรงว่ายน้ำเร็ว ที่แท้ก็ลูกครึ่งนี่เอง เท่ห์จะตาย” พ่อตอบ ธลนั้นถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปเลย

“เอาเถอะๆ จะยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้คงต้องหาทางแก้กันไปก่อน ไอ้ธล เอ็งพอจะสืบได้ไหมว่าเมื่อไหร่กว่าสุรศักดิ์มันจะกลับมา” หลวงตาถาม ธลก็พยักหน้า

“ให้ผมช่วยด้วยนะ” พ่อพูดขึ้น

“เอ็งนะไม่ต้องเลย ยิ่งแต่จะทำให้เรื่องมันแย่ลงก็เท่านั้นแหละ” หลวงตาพูด พ่อมองหน้าธลอย่างรู้สึกผิด พ่อเหมือนตัวปัญหาอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นต้นเหตุแล้วพ่อยังทำอะไรไม่ได้อีกด้วย ธลก็จับไหล่ของพ่อเอาไว้

“ขอบใจนะ แต่นายไม่ต้องลำบากหรอก” ธลพูด

“แต่เราทำให้นายลำบากนะ” พ่อแย้ง ธลก็ยิ้มให้

“ไม่เลย นายบอกว่าเราคือเพื่อนของนาย แค่นั้นเราก็ดีใจมากแล้วละ นายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ” ธลพูด พ่อรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ ธลที่ในสายตาของคนอื่นแล้วดูเหมือนตัวประหลาด แต่ในใจของเขาลึกๆแล้วกลับงามยิ่งกว่าคนธรรมดาเสียอีก

“เอาละ ยังไงตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ไอ้กฤษข้าว่าเอ็งโทรบอกที่บ้านเอ็งก่อนดีกว่า ป่านนี้พ่อเอ็งชักตายไปแล้วละมั้ง” หลวงตาพูด พ่อนี่เหงื่อตกเลย คุณปู่นะดุมาก นี่ถ้ารู้ว่าพ่อแอบหนีมานี่ พ่อคอขาดแน่ๆ

“เออ หลวงตาผมขอพักที่นี่ก่อนได้ไหมครับ” พ่อพูด เพราะถ้ากลับไปตอนนี้พ่อคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้หรอก

“ทำไมละ” หลวงตาถาม

“อะ เออ คือมันก็ดึกมากแล้วอะครับ คือ แฮะๆ ผมจำทางกลับตอนกลางคืนไม่ได้อะครับ” พ่อตอบ หลวงตาก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย

“ก็จริง อืม ไอ้ธลให้ไอ้กฤษนอนด้วยแล้วกัน ห้องเอ็งยังว่างนี่ เดี๋ยวข้าโทรบอกพ่อเอ็งให้ เฮ้อ ยุ่งวุ่นวายจริงๆ” หลวงตาบ่นอย่างมีอารมณ์ พ่อก็ยกมือไหว้ขอบคุณหลวงตา แล้วธลก็ลุกขึ้น พ่อก็เดินตามไป

“อืม ธล เราขอโทษนะที่ทำให้นายต้องลำบากแบบนี้” พ่อพูดอย่างสำนึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอก” ธลตอบสั้นๆ

“แต่ก็ขอบใจนะที่ช่วยเราไว้ นายนี่โคตรเท่ห์เลย” พ่อพูด ธลมองหน้าพ่อแก้มแดงๆ

“อะ มะ ไม่หรอก” ธลตอบพลางหลบหน้าพ่อไป พ่อก็ยิ้มให้เขา

“เราเองก็ ขอบใจนายนะ” ธลพูด พ่อก็มองหน้าเขา

“ที่นายบอกว่าเป็นเพื่อนนะ เรา ดีใจมากเลยนะ” ธลพูด พ่อก็ตบหลังเขาเบาๆ

“เราเองก็ดีใจนะที่ได้เป็นเพื่อนกับนาย” พ่อตอบ ก่อนที่เราจะเดินไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน วันนั้นเองที่พ่อได้เข้าใจความหมายของคำว่ามิตรภาพ มันไม่สำคัญเลยว่าใครจะเป็นอะไร แค่เข้าใจคำเดียวเราก็เป็นเพื่อนกันได้แล้ว...


“ซึ้งจังคะ” เด็กสาวพูด ชายหนุ่มก็ยิ้มให้

“เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ลูกไปช่วยแม่เขาล้างจานไป” ชายหนุ่มกล่าว เด็กหญิงก็พยักหน้าพลางยกจานข้าวที่ทานหมดแล้วไปในห้องครัว ชายหนุ่มมองไปนอกหน้าต่าง

“ความรักก็ต้องเริ่มจากมิตรภาพหรือเปล่านะ” ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจ แล้วเขาก็หันไปช่วยลูกสาวของเขายกจานชามไปไว้ในห้องครัว


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #8 เมื่อ21-12-2006 09:12:09 »

อืม ลูกไกรทองกับเลื่อมลายวรรณ  คนแต่งนี่จินตนาการบรรเจิดจริง  :really2:

ยังไงก็รออ่านอยู่นะคะ  :myeye:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #9 เมื่อ21-12-2006 17:49:02 »

เยอะมากเลยอ่ะ อ่านจนตาแฉะแล้ว :really2:
 ขอบคุณนะครับที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่าน
ติดตามๆๆ :yeb:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
« ตอบ #9 เมื่อ: 21-12-2006 17:49:02 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #10 เมื่อ21-12-2006 21:44:33 »

        มาแนวไหนหว่า  :untrust:  แต่ก้อแหวกแนวดี  ต่อเรยๆๆ  :angellaugh2:  :angellaugh2:  :love2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #11 เมื่อ21-12-2006 21:59:43 »

เรื่องนี้มามันๆกับความตื่นเต้น แถมความเจ็บปวด
ทุกรสชาติ ทุกอารมณ์
 :sad5:
***********************************************************
บทที่ 5

ชายหนุ่มนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่เก้าอี้ ส่วนภรรยาของเขากับลูกสาวกำลังช่วยกันทำการบ้านคณิตศาสตร์กันอยู่

“นี่ไงลูก 24 บวก 52 ใช่ไหม ก็ค่อยๆบวกทีละตัว เริ่มจากหลักหน่วยก่อน ข้างหลังนั่นแหละจ๊ะ ได้เท่าไหร่ก็เขียนลงไปข้างล่าง ใช่แล้ว” หญิงสาวพูด

“อ๋อ พอเข้าใจแล้วคะ หลักหน่วยนี่คือตัวข้างหลังนี่เอง ข้างหน้านี่คือหลักสิบใช่ไหมคะ” เด็กสาวถาม ผู้เป็นแม่ก็พยักหน้า

“จ๊ะ เอาละนี่ก็เสร็จแล้วสิการบ้านนะ” ผู้เป็นแม่ถาม เด็กสาวก็พยักหน้า

“คะ อืมคุณพ่อคะ แล้วคุณพ่อกับพี่ชลาธลไม่ต้องเรียนหนังสือหรอคะ” เด็กสาวถาม ผู้เป็นพ่อก็ลดหนังสือพิมพ์ลง

“พ่อนะเรียนนะ แต่ธลเขาไม่ได้เรียนหรอก หลวงตาไม่ค่อยอยากให้เขาอยู่ใกล้คนมากนักนะ” ชายหนุ่มตอบ เด็กสาวก็เอียงคอด้วยความสงสัย

“ทำไมละคะ” เด็กสาวถาม

“อืม มันมีเรื่องของผนึกนี่ละนะ อืม การบ้านเสร็จแล้วละสิ งั้นเดี๋ยวพ่อเล่าให้ฟ้งต่อดีไหม” ชายหนุ่มพูด เด็กสาวถึงกับกระโดดตัวลอย

“เย้” เธอร้อง ชายหนุ่มก็หัวเราะในลำคอเบาๆ...


หลังจากคืนนั้นผ่านไป พ่อก็กลับบ้าน แน่ละพ่อก็โดนคุณปู่เอ็ดไปหน่อย แต่คงเป็นเพราะหลวงตาโทรไปดักไว้ก่อนพ่อเลยไม่โดนทำโทษอะไรมากนัก แต่พ่อก็โดนขังไม่ให้ออกไปเที่ยวไหนอยู่หลายวันเหมือนกัน พ่อยังอดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าเกิดเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังพ่อคงไม่ได้เห็นแสงตะวันอีกเป็นแน่แท้ ช่วงนั้นพ่อเลยไม่ได้เจอกับธลเขาเท่าไหร่ ตอนนั้นพ่อเครียดหนักอยู่เหมือนกันกลัวว่าเขาจะเป็นอะไร แต่พ่อก็ได้แต่สวดมนต์เท่านั้น บังเอิญว่าวันเสาร์ปู่เขาก็ฝากให้พ่อเอาจดหมายไปให้หลวงตาอีก พ่อก็เลยได้มีโอกาสไปเจอธลอีกครั้ง

“อืม ขอบใจมากนะ” หลวงตาพูดพลางเปิดจดหมายในมือขึ้นอ่าน

“หลวงตาครับ ธลละครับ” พ่อถามทันที พ่อคิดถึงเขามากโขอยู่ ใจนึงก็เป็นห่วงด้วย หลวงตาก็ยิ้ม

“ฮึๆ คิดถูกจริงๆที่ให้เอ็งคบกับไอ้ธล มันอยู่หลังกุฏิโน่นแหนะ” หลวงตาพูด พ่อยิ้มแป้นเลย อย่างน้อยๆธลเขาก็ไม่เป็นอะไรมาก พ่อรีบวิ่งไปที่หลังกุฏิก็พบธลกำลังกวาดลานอยู่

“ธล” พ่อร้องพลางวิ่งเข้าไปหาเขา ธลก็ยิ้มรับให้พ่อ

“เป็นไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งนาน ตอนแรกเราคิดว่านายจะโดนกินไปแล้วเสียอีก” พ่อพูด ธลก็ยิ้ม

“อืม ก็เกือบๆอะนะ” ธลตอบ พ่อขมวดคิ้วเลย

“ทำไมละ ไหนมีอะไรเล่ามาจิ” พ่อพูด พ่อกับธลเลยไปนั่งที่ใต้ต้นไทร แล้วธลก็เล่าให้ฟังถึงภารกิจของเขา ธลแอบไปฟังข่าวเกี่ยวกับสุศักดิ์ก็ได้รู้มาว่า สุรศักดิ์นั้นไปบำเพ็ญศีลอยู่ที่ตีนแม่น้ำน่าน 2 - 3 เดือนจึงจะกลับ และห้ามจระเข้ตัวไหนรบกวน

“อืม งั้นก็ยังพอมีเวลางั้นสิ” พ่อถาม ธลก็พยักหน้า

“อืม แต่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง เพราะจระเข้ลูกน้องของสุรชัยทุกตัวรู้เรื่องหมดแล้ว พูดง่ายๆก็คือ ถ้าท่านสุรศักดิ์ออกจากการบำเพ็ญศีลเมื่อไหร่เขาก็พร้อมจะลุยทุกเมื่อนั่นแหละ” ธลตอบ พ่อถึงกับเบ้ปากเลย

“อืม แล้วไม่มีทางทำอะไรได้เลยหรอ” พ่อถามทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้จริงๆว่าจะทำอะไรได้ ธลถอนหายใจเบาๆ

“ตอนนี้หลวงตาก็พยายามหาทางติดต่อพรานจระเข้อยู่นะ แต่สมัยนี้แทบไม่มีใครมีฝีมือพอที่เก่งพอที่จะถือหองสัตตโลหะได้เลย” ธลพูด พ่อก็พยักหน้า

“อืม หลวงตานี่ดูรู้เรื่องเยอะจังเนอะ” พ่อรำพึง ธลก็พยักหน้า

“ก็หลวงตาเคยเป็นพรานจระเข้มาก่อนนี่นา” ธลตอบ พ่อตาค้างเล็กน้อย

“อะจริงดิ มิน่าละดูรู้เรื่องไปหมดเลย” พ่ออุทาน ธลก็พยักหน้า

“พอแม่กับพ่อไกรตายไป ก็มีหลวงตานี่แหละที่ช่วยดูแล” ธลพูด พ่อพยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงเข้าใจ

“แต่ก็ตลกดีนะ เป็นพรานจระเข้แต่กลับเลี้ยงจระเข้เสียเอง ฮะ ฮะ” พ่อพูดติดตลก

“อืม หลวงตาท่านเขาอยากชดเชยบาปที่ทำไปนะ ท่านบอกว่า การช่วยเหลือคนอื่นมันเป็นสิ่งดี แต่การฆ่าฟันต่อให้เพื่อช่วยคนอื่นยังไงมันก็เป็นบาปอยู่ดี ท่านเลยรับเลี้ยงเราไว้นะ” ธลพูด พ่อเองก็คิดเหมือนกันว่าหลวงตาท่านเป็นคนที่น่านับถือเอามากๆ คงเป็นเพราะท่านตั้งใจจะชดใช้บาปที่ตนก่อขึ้นไว้จริงๆละมั้ง พ่อถึงกับยกมือไหว้ขอขมาที่พูดจาล่วงเกิน

“อืม แล้วพ่อแม่นายอะ คือ พวกเขาเป็นยังไงหรอ” พ่อถามอีก ธลก็ยิ้มให้

“อืม พ่อไกรเราไม่ค่อยสนิทด้วยเท่าไหร่นะ เราสนิทกับแม่เรามากกว่า อาจเป็นเพราะพ่อไกรเป็นคนก็ได้ละมั้ง แต่เท่าที่ฟังจากแม่มา แม่เราว่าพ่อไกรเป็นคนเจ้าชู้นะ” ธลตอบ พ่อก็เริ่มคิด มันก็น่าจะจริงนะ คิดดูสิมีเมียตั้งสองคนแล้ว ยังจะไปเอาเลื่อมลายวรรณกับวิมาลามาอีก

“ก็น่าจะจริงนะ” พ่อพูด

“แต่ถึงยังไงพ่อไกรก็มีบุณคุณนะ เพราะพ่อไกรนั่นแหละที่ยังช่วยทำให้เรากับแม่อยู่ในร่างมนุษย์ได้” ธลพูด พ่อก็ทำหน้างงๆ

“ยังไงอะ” พ่อถาม

“อืม จระเข้ส่วนทุกตัวนะ ต่อให้เป็นจระเข้ท้าวก็ตาม ถ้าออกจากถ้ำทองก็จะคืนร่างกลับเป็นจระเข้เหมือนเดิม ตอนแรกนี่เป็นปัญหามาก เพราะแม่กับน้าวิมาลาไม่สามารถออกจากถ้ำได้เลย เพราะพอออกมาก็จะกลายเป็นจระเข้อีก พ่อไกรก็เลยเริ่มศึกษาเกี่ยวกับถ้ำทองเพื่อหาอาคมที่จะสามารถนำมาใช้บนบกได้ แล้วพ่อไกรก็ค้นพบวิธี เลยสร้างคาถาผนึกถ้ำทองเอาไว้นะ” ธลอธิบาย

“ผนึกถ้ำทอง” พ่อทวนคำพูด ธลก็พยักหน้า

“อืม เป็นผนึกที่ใช้เปลี่ยนร่างจระเข้ให้กลายสภาพเป็นคนได้นะ พ่อไกรใช้ผนึกนี้กับแม่น้าวิมาลา แล้วก็กับเรา มันก็เลยพอทำให้เราอยู่ในร่างของมนุษย์ได้” ธลตอบ พ่อพยักหน้า มิน่าละธลถึงได้มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ได้ขนาดนี้

“อืม มิน่าละนายถึงเหมือนมนุษย์ขนาดนี้” พ่อรำพึง ธลก็มองหน้าพ่อ

“อืม เหมือน แต่ก็ไม่ใช่” ธลตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ

“ธล” พ่อถามด้วยความเป็นห่วง ธลก็เงยหน้ามองดูท้องฟ้า

“เรานะ ไม่เหมือนแม่ แล้วก็ไม่เหมือนพ่อไกร พอไปเล่นกับมนุษย์ก็รุนแรงเกินไป พอจะลงไปอยู่กับจระเข้รูปร่างของเราก็ไม่ใช่จระเข้อีก เราเข้ากับใครไม่ได้เลย บางครั้งเราก็รู้สึกเหมือนเราอยู่ตัวคนเดียว เราเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่ จระเข้ยิ่งไม่ใกล้ เราคงเป็นได้อย่างเดียว ตัวประหลาด ละมั้ง” ธลพูด พ่อมองเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วง จะว่าไปธลเองก็เหมือนจะโดนรังเกียจจากคนรอบข้างอยู่ไม่น้อย นี่ละมั้งที่ทำให้เขากลายเป็นคนเงียบๆไม่สุงสิงกับใคร พ่อเอามือโอบคอของธลเอาไว้

“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ สำหรับเราแล้ว ต่อให้นายจะเป็นอะไร นายก็คือเพื่อนของเราเสมอนั่นแหละ” พ่อพูดออกไป ธลมองหน้าพ่องงๆ พ่อก็ยิ้มรับ ธลถึงกับเขินหน้าแดง

“อะ อืม ขอบใจ” ธลตอบ พ่อก็ดึงตัวของธลเข้ามาชิดตัวพ่อมากขึ้น ตอนนั้นพ่อคิดแค่อย่างเดียวว่าพ่ออยากจะช่วยเขา อย่างที่เขาเคยช่วยพ่อมา

“เออ เราขอถามอะไรอีกอย่างได้ปะ” พ่อพูดพลางปล่อยคอของเขาไป ธลก็พยักหน้า

“อืม ไกรทองนี่เป็นเรื่องที่เกิดมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ แล้วหยั่งงี้นายก็อายุเป็นร้อยๆปีแล้วอะดิ” พ่อถาม ธลก็ทำท่าคิด

“อืม เราก็ไม่เคยนับหรอก มันนานจนเราเองก็ขี้เกียจจะนับแล้ว” ธลพูด พ่อตาค้างเลย

“โห ขนาดนั้นเลยหรอ” พ่อถาม ธลก็ยกไหล่

“หลวงตาบอกว่าอาจเป็นเพราะเรามีเชื้อทั้งมนุษย์และจระเข้รวมกัน อายุขัยเราเลยยาวกว่าปกติ แต่อย่างท้าวรำไพยังมีอายุตั้งเกือบ 500 ปีแหนะ” ธลพูด พ่อตาโตเลย

“โห นานขนาดนั้นเลยหรอ” พ่ออุทาน ธลก็พยักหน้า อืม เรื่องของจระเข้นี่ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะเลยแฮะ แล้วท้องของพ่อก็เริ่มออกอาการประหลาดบ่งบอกว่าพ่อนั้นหิวแล้ว

“เออ นายหิวหรือยัง ไปหาอะไรกินกันดีไหม” พ่อถาม ธลก็ส่ายหัว

“ก็ดีนะ” ธลพูด พ่อก็ลุกขึ้นยืน

“แล้วนายชอบกินอะไรละ” พ่อถาม ธลก็คิด

“ไหมฝัน กับ ถั่วตัดนะ” ธลตอบ พ่อก็ยิ้มแห้งๆ

“เออ เอาอะไรที่มันเป็นข้าว เป็น กับสิ” พ่อพูด ธลกลับทำหน้างงๆ

“กับ นี่ยังไงหรอ หมายถึงพวกผัดผักอะไรงี้นะหรอ” ธลถาม พ่อก็พยักหน้า

“ราวๆนั้นแหละ ไปกินก๋วยเตี๋ยวกันดีกว่า นายเคยกินปะ” ธลส่ายหัว

“ไม่เคยอะ” ธลตอบ พ่อขมวดคิ้ว

“เฮ้ย อะไรอยู่มาตั้งหลายร้อยปีไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวเลยเนี่ยนะ” พ่อถามงงๆ ธลก็ส่ายหัวอีก

“อืม ก็ตั้งแต่จำความได้ เราก็กินเจมาตลอดนั่นแหละ” ธลพูด พ่อตาลุกเลย

“ทำไมละ” พ่อถาม ธลก็ยกไหล่

“ไม่รู้สิ แต่เราไม่ค่อยเรื่องมากเรื่องกินหรอก เลยไม่ได้ถามนะ” ธลตอบ พ่อรู้สึกสงสารธลขึ้นมาจับใจเลย นี่วันๆเขาต้องกินแต่ผักคงเบื่อแย่เลย แม้มันจะมีประโยชน์ก็เถอะ

“มา เดี๋ยวเราพาไปกิน รับรองนายต้องชอบแน่ๆ” พ่อเสนอ ธลก็พยักหน้ารับ แล้วพ่อก็พาธลออกไปนอกวัด บังเอิญว่าหลวงตากำลังติดธุระคุยอยู่กับคนอื่นอยู่ผมเลยไม่ได้บอกหลวงตาก่อน แต่แค่ไปกินข้าวแป๊ปเดียวเองนี่นา แล้วผมก็พาธลออกไปหาร้านก๋วยเตี๋ยว และผมก็ตัดสินใจเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ เพราะผมว่ามันอร่อยดี

“นายต้องชอบแน่เลย เดี๋ยวเราสั่งให้นะ” พ่อเสนอ แล้วก็หันไปหาเจ้าของร้าน

“ลุง เอาเส้นเล็กน้ำตกสองชามขอข้าวเปล่าด้วย” พ่อสั่ง ธลสูดจมูกฟุดฟิต

“กลิ่นอะไรนะ” ธลถาม พ่อก็ยิ้ม

“อ๋อ น้ำแกงไง หอมใช่ม้า” พ่อพูด ธลก็พยักหน้า ไม่นานนักก๋วยเตี๋ยวของเราก็มาเสริฟ์ ธลก็ก้มลงดู พ่อส่งช้อนให้

“เอาข้าวใส่ลงไปด้วยนะ มันจะได้อิ่มท้อง” พ่อเสนอแล้วก็เถข้าวเปล่าใส่ลงไปในก๋วยเตี๋ยว ธลก็ทำตาม แล้วพ่อก็เอาช้อนตักเข้าปากไป แหม ยังอร่อยเหมือนเคย

“อืม แล้วไอ้ลูกกลมๆนี่อะไรหรอ” ธลถามพลางเขี่ยลูกชิ้นไปมา

“อ๋อ เขาเรียกลูกชิ้นนะ อร่อยนะลองกินดูสิ” พ่อเซ้าซี้ ธลก็ตักเอาลูกชิ้นเข้าปากพลางเคี้ยวๆแล้วก็กลืนมันลงไป

“เป็นไงบ้างอะ” พ่อถาม ธลก็พยักหน้า

“อะ อืม อร่อย อร่อยมากๆ” ธลพูด มือสั่นๆ แล้วเขาก็จ้วงตักชามก๋วยเตี๋ยวแบบไม่ยั้งเลย

“เฮ้ยๆ ใจเย็นก็ได้” พ่อพูด แต่ธลกลับกินอย่างมูมมามจนคนอื่นๆหันมามอง

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” ธลหายใจหอบ มือของเขาเกร็งจนเส้นเอ็นโพล่ขึ้นมา แววตาของเขากลายเป็นสีเหลืองเหมือนกับจระเข้

“อ๊ากกกกกกกกกกกก” ธลร้อง พลางล้มลงไปนอนดิ้นที่พื้น พ่อตกใจมาก ธลเขาร้องไปมาอย่างเจ็บปวด

“ธล นายเป็นอะไรนะ ธล” พ่อร้องอุทานพลางจับตัวเขา ตัวของธลร้อนจี๋เลย พลันแขนของเขาก็ปรากฏรอยผื่นสีแดงประหลาดขึ้นเต็มตัวไปหมด

“ธล ธล” พ่อร้องตะโกน แต่ธลก็ได้แต่ดินไปมาพลางร้องครางโหยหวน พ่อตัดสินใจยกธลแบกขึ้นหลัง ธลตัวหนักมากจริงๆ แต่พ่อก็ต้องพาเขากลับไปให้ได้ พ่อทิ้งเงินไว้ให้เจ้าของร้านแล้วก็รีบแบกธลกลับวัด โชคดีเหมือนกันที่มันอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก แต่ธลตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ รอยผื่นแดงเริ่มสว่างชัดขึ้น แล้วพ่อก็พึ่งสังเกตว่ามันไม่ใช่รอยผื่น แต่มันเหมือนเป็นอักขระอะไรสักอย่าง พ่อรีบพาธลกลับไปหาหลวงตา ทันทีที่หลวงตาเห็นหลวงตาก็วิ่งเข้ามาหาทันที

“มันเกิดอะไรขึ้น” หลวงตาพูดพลางมองมาที่พ่อ

“มาเร็ว ตามข้ามา” หลวงตากล่าวพลางช่วยพ่อพยุงร่างของธลที่หายใจหอบ หลวงตาพาธลมาที่ห้องของเขาที่มีหอกสัตตโลหะอยู่ หลวงตาพาธลนอนลง แล้วก็วิ่งไปที่ตู้เล็กๆ หลวงตาหยิบเอาหนังสือเก่าๆออกมาเล่มนึง พลางถือมีดเล่มนึงไว้ในมือ

“แก้ผ้ามันออก เร็ว” หลวงตาสั่ง พ่อก็รีบถอดเสื้อผ้าของธลออกจนหมด อันที่จริงต้องเรียกว่าฉีกมากกว่า เพราะธลนั้นดิ้นไปมาแรงมากจนพ่อต้องกระฉากเสื้อของเขาแทน แล้วหลวงตาก็เริ่มอ่านหนังสือเล่มนั้น มันเป็นภาษาอะไรที่พ่อไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ธลร้องพลางดิ้นไปมา พ่อเริ่มสังเกตว่าร่างของธลเหมือนจะเปลี่ยนไป ผิวสีน้ำผึ้งของเขา ค่อยๆมีหนังตะปุ่มตะป่ำโพล่ขึ้นมา เล็บเริ่มงอกยาว เขี้ยวโพล่ออกมาเต็มปาก แววตาของเขาหรี่เล็กเป็นเรียวเหมือนแววตาของจระเข้ หลวงตาอ่านข้อความในหนังสือไปเรื่อยๆ พลางเอามีดกรีดที่นิ้วของเขา แล้วเดินเข้ามาหาธล หลวงตาก้มลงพลางลากนิ้วของเขาไปตามร่างของธล หลวงตาขีดเขียนอักขระบางอย่างลงไปบนร่างของธลด้วยเืลือดของเขา หลวงตาตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่พลางขีดเขียนอักขระลงไปไม่หยุด ธลเริ่มดิ้นน้อยลง ผิวหนังของเขาเริ่มกลับคืนมาเป็นผิวสีน้ำผึ้งเข้ม เล็บ และ เขี้ยวค่อยๆหดหายไปช้าๆ แววตาของธลเริ่มเลื่อนลอย หลวงตาสวดมนต์ซ้ำไปซ้ำมาพลางเขียนอักขระลงไปเรื่อยๆจนทั่วตัวของธล แล้วหลวงตาก็หยุดเขียน แล้วตบมือหนึ่งครั้ง อักขระบนร่างของธลส่องแสงสีทองออกมาแล้วค่อยๆจางหายไป ธลนอนสลบลงที่พื้นควันลอยฉุยออกมาจากร่างของเขา พ่อจะเข้าไปพยุงแต่

“ปล่อยเขาไว้ก่อน เจ้ายังจับเขาตอนนี้ไม่ได้” หลวงตาห้าม พ่อเอามือไปอังร่างของเขา ตัวของเขานั้นแผ่ไอร้อนออกมาขนาดว่าพ่ออยู่ห่างจากเขาพ่อยังรู้สึกได้เลย

“เอ็งไปเอาน้ำมา” หลวงตาสั่ง พ่อก็รีบวิ่งไปเอาถังแล้วเถน้ำใส่ไปจนเต็ม แล้วก็แบกกลับมาที่ห้อง

“ราดตัวมันไปเรื่อยๆจนกว่าร่างมันจะเย็นลง” หลวงตาพูด พ่อก็พยักหน้าแล้วราดน้ำลงไปที่ร่างของธล ทันทีที่น้ำสัมผัสร่างของเขา เสียงดังฉ่ากับควันสีขาวก็ลอยคลุ้งขึ้นมา พ่อรีบวิ่งออกไปเอาน้ำมาเพิ่มเพื่อราดลงบนตัวของธลจนตัวของพ่อเปียกชุ่ม พ่อวิ่งเข้าออกห้องเทน้ำอยู่เกือบทั้งวันจนกระทั่งร่างของธลนั้นดูจะเย็นลงบ้าง

“ลองแตะดูสิ เขาเย็นลงหรือยัง” หลวงตาสั่ง พ่อก็ก้มลงเอามือแต่ตัวของเขาเบาๆ ร่างของธลยังอุ่นๆอยู่

“ยังอุ่นๆอยู่ครับหลวงตา” พ่อตอบ หลวงตาก็พยักหน้า

“พาเขาเข้าไปนอนที่ห้องนะ เปิดหน้าต่างให้ระบายเข้าไว้ ไม่ต้องห่มผ้าให้เขานะ” หลวงตาพูดพลางจะเดินออกไป

“อะ เออ หลวงตาครับ คือ ผมขอโทษ” พ่อพูด หลวงตาก็ส่ายหัว

“พาเขาไปนอนที่ห้อง แล้วมาหาข้าที่หน้ากุฏิ” หลวงตาตอบ พ่อก็พยักหน้าพลางค่อยๆพยุงร่างของธลกลับไปที่ห้องของเขา พ่อเช็ดตัวเขาเล็กน้อยให้พอแห้งก่อนจะปล่อยเขานอนลงบนฝูก จากนั้นพ่อก็เดินไปหาหลวงตาที่หน้ากุฏิ

“ครับหลวงตา” พ่อพูด หลวงตานั่งขัดสมาธิอยู่ที่อาสนะ

“มานั่งตรงนี้” หลวงตาสั่ง พ่อก็เดินไปนั่งตรงหน้าท่าน ใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

“บอกมาตามตรง เอ็งพาไอ้ธลไปทำอะไร” หลวงตาถาม

“ผมแค่พาเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวอะครับ” พ่อตอบ

“แล้วทำไมแกไม่บอกข้าก่อนฮะ” หลวงตาตวาด พ่อได้แต่ก้มหน้า

“กะ ก็ผมเห็นหลวงตากำลังคุยธุระอยู่ อีกอย่างผมอยากให้ธลเขาได้กินอะไรอร่อยๆบ้าง เขากินแต่ผักมันน่าเบื่อจะตาย” พ่อตอบ หลวงตาถอนหายใจยาว

“เฮ้อ ข้ารู้ว่าเอ็งหวังดี แต่เอ็งต้องเข้าใจว่าไอ้ธลมันไม่เหมือนพวกเราเข้าใจไหม มันไม่ใช่มนุษย์ ร่างของมันที่เจ้าเห็นนะ มันก็เป็นแค่ภาพลวงเท่านั้นแหละ” หลวงตาพูด นี่คงเป็นผนึกถ้ำทอง

“หลวงตาหมายถึง ผนึกถ้ำทอง” พ่อพูด หลวงตาก็มองหน้าพ่อ

“นี่เอ็งรู้งั้นหรอ” หลวงตาถาม พ่อเลยบอกกับหลวงตาว่าธลเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง หลวงตาก็พยักหน้า

“อืม ข้าก็ผิดเอง ข้าน่าจะเตือนมันก่อน ข้าเห็นมันอยู่มานานเลยคิดว่ามันเข้าใจแล้ว ฟังนะ คาถาผนึกถ้ำทองนะ มีผลทำให้จระเข้มีร่างเป็นมนุษย์ก็จริง แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่นะ จระเข้เป็นสัตว์กินเนื้อ สัญชาติญาณดิบของมันจะตื่นถ้ามันได้กลิ่นเลือดหรือเนื้อ เพราะงั้นถึงต้องให้มันกินแต่ผัก เพราะไม่งั้นแล้วคาถาจะเสื่อมแล้วไอ้ธลมันอาจจะคืนร่างได้” หลวงตาอธิบาย พ่อพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ

“แล้วก็อีกอย่าง ถ้าไอ้ธลมันโกรธมากๆ คาถาก็อาจจะถูกทำลายได้เหมือนกัน ข้าเลยคอยกำชับไม่ให้มันไปหาเรื่องใครไงละ” หลวงตาตอบ ผมจึงพอเข้าใจ มิน่าละธลถึงยอมคนโน้นคนนี้มาตลอด เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเปลี่ยนร่างนั่นเอง

“อืม หลวงตาครับ แล้วถ้าผนึกถ้ำทองแตกออก จะเป็นยังไงครับ” พ่อถาม หลวงตาก็พยักหน้า

“ข้าเองก็ไม่รู้นะว่าจะเป็นยังไง และข้าก็ไม่อยากรู้ด้วย แต่เท่าที่ไอ้ไกรเตือนข้ามา เขาบอกว่าถ้าผนึกแตกออก ไอ้ธลจะกลายเป็นจระเข้โดยสมบูรณ์ แล้วมันจะสูญเสียความเป็นคนไปตลอดกาล” หลวงตาพูด พ่อถึงกับอึ้งไปสักพัก พ่อเกือบทำให้เขาต้องกลายเป็นจระเข้ไปตลอดกาลเสียแล้ว

“ผมขอโทษนะครับหลวงตา” พ่อพูดอย่างสำนึกผิด

“ไม่ต้องคิดมากหรอก ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าหวังดี แต่เจ้าต้องระวังให้มากๆ” หลวงตาพูด พ่อก็พยักหน้ารับ

“แล้วนี่ธลเขาจะเป็นอะไรมากไหมครับ” พ่อถาม หลวงตายิ้มให้

“ไม่ต้องห่วงหรอก พรุ่งนี้เขาก็ดีขึ้นแล้วละ เอ็งกลับบ้านไปก่อนเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว” หลวงตาสั่ง พ่อพยักหน้าพลางยกมือไหว้

“ผมขอไปลาธลก่อนได้ไหมครับ” พ่อถาม หลวงตาพยักหน้า พ่อรีบวิ่งกลับไปหาธลที่ห้อง เขายังนอนหลับอยู่บนฝูกของเขา พ่อนั่งลงข้างตัวเขาพลางเอามือแตะตัวของธล ร่างของเขาเย็นลงเล็กน้อย พ่อถอนหายใจยาว อีกครั้งแล้วสิที่พ่อก่อเรื่องจนทำให้ธลต้องลำบาก และมันเริ่มทำให้พ่อสัญญากับตัวเองว่าพ่อจะต้องระวังตัวให้มากขึ้น ไม่ใช่เพื่อตัวของพ่อเอง แต่เพื่อธลด้วย...


“ทานข้าวได้แล้วคะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ทั้งชายหนุ่มและลูกสาวต่างก็เดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร

“แม่คะ หนูขอไม่กินเนื้อได้ไหมคะ” ลูกสาวพูด ทั้งพ่อและแม่ต่างมองหน้ากันพลางยิ้มให้

“ธล ลูกไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าลูกจะแปลงร่างนะ ลูกไม่ใช่จระเข้สักหน่อย” ผู้เป็นพ่อกล่าว เด็กสาวก็ส่ายหน้า

“ก็พี่ธลเขาไม่ได้กิน แต่เรากินอยู่คนเดียว มันเห็นแก่ตัวนะคะ” เด็กสาวพูด ผู้เป็นพ่อจับลูกสาวของตนขึ้นมานั่งบนตักพลางยิ้มให้

“รู้ไหมว่าพ่อเองก็เคยพูดแบบนี้กับเขา แล้วรู้ไหมว่าเขาตอบว่าอะไร” เด็กสาวก็ส่ายหัว

“เขาตอบว่า ถ้าอยากให้เขาเป็นคนแบบนี้ตลอดไป ก็จงกินเนื้อเพื่อเขา เขาจะได้อยู่ข้างๆพ่อตลอดไป ถ้าพ่อไม่กินสัตว์ที่ยอมสละชีวิตให้เราก็จะสูญเปล่า” ชายหนุ่มพูด เด็กสาวก็พยักหน้า

“คะ งั้นหนูจะกินเยอะๆเลย พี่ธลจะได้เป็นคนตลอดไปไงคะ” เด็กสาวพูด ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับ

“ผักก็ต้องกินนะลูก” ผู้เป็นแม่ตอบ เด็กสาวก็พยักหน้า

“คะแม่” ลูกสาวตอบเสียงใส ก่อนที่จะลงจากตักของชายหนุ่มไปนั่งที่นั่งของตน ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มให้ลูกสาวพลางคิดอยู่ในใจ

“ถ้ามันทำให้นายเป็นคนได้ตลอดไป ต่อให้เราต้องกินคนด้วยกันเอง เราก็อยากจะทำมันเพื่อนายนะ” ชายหนุ่มคิด ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารตรงหน้าของเขา


meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #12 เมื่อ22-12-2006 00:15:34 »

ชอบๆๆๆๆๆ ไม่ไหวแล้ว ไม่เป็นอันทำอะไรเลยอ่ะ

รีบมาต่อไวๆนะครับ :yeb:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #13 เมื่อ22-12-2006 08:59:48 »

รออ่านต่อค่ะ  :myeye:

No_ProMises

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #14 เมื่อ22-12-2006 12:38:49 »

มาต่อด้วยนะค๊าบ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #15 เมื่อ22-12-2006 19:28:24 »

ระวังอย่าใจร้อนไปตามหาแถวแม่น้ำละ อาจโดนตะเข้ขะเหมือบ กร๊าก

บทที่ 6

ชายหนุ่มกำลังเดินเลือกซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตกับลูกสาว และ ภรรยาของเขา ลูกสาวก็พยายามช่วยหยิบของให้แม่ของตนอย่างแข็งขัน

“อันนี้ใช่กะปิหรือเปล่าคะ” เด็กสาวถาม หญิงสาวก็ส่ายหัว

“แม่จะสอนนะ นี่เห็นกระดาษหน้าขวดนี่ไหมจ๊ะ เขาเรียกว่าฉลากนะจ๊ะ” หญิงสาวพูด เด็กสาวก็มองพลางพยักหน้า

“คะ ฉลาก” เด็กสาวทวน

“ใช่จ๊ะ แล้วฉลากเนี่ยมันจะมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ แล้วมันจะบอกว่าในขวดนี้มันคืออะไร อย่างอันนี้มันอ่านว่า น้ำ พริก เผา ไงจ๊ะ” หญิงสาวอธิบาย เด็กสาวก็พยักหน้ารับ

“อ๋อ ถ้าหนูอ่านข้อความตรงนี้หนูก็จะรู้ทันทีใช่ไหมคะว่าอะไรเป็นอะไร” เด็กสาวสรุปความ ผู้เป็นแม่ก็พยักหน้า

“ใช้แล้วจะ ทีนี้ลูกลองค่อยๆอ่านฉลากที่เขียนว่า กะ ปิ นะ สะกด กอไก่สระอะ ปอปลา สระอินะจ๊ะ” หญิงสาวพูด เด็กสาวก็พยักหน้าพลางวิ่งกลับไปที่ชั้นวางของ

“อย่าวิ่งลูก มันจะเสียงดังรบกวนคนอื่นเขา” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้น เด็กสาวก็เดินให้ช้าลง ชายหนุ่มได้แต่มองอย่างเหม่อๆ จนหญิงสาวสังเกตได้ ทั้งสามคนซื้อของเสร็จก็เอาของที่ซื้อมาใส่ไว้ที่ท้ายรถก่อนที่จะขับรถกลับบ้าน

“วันนี้ลูกเป็นเด็กดีมากเลยนะช่วยแม่เขาซื้อของด้วย” ชายหนุ่มพูด

“แล้วพ่อไม่ให้รางวัลลูกหน่อยหรอคะ” หญิงสาวทัก

“หนูขอเป็นเรื่องของพี่ธลอีกตอนได้ไหมคะ” เด็กสาวตอบขึ้นมาทันที ชายหนุ่มพยักหน้าพลางหายใจเข้าลึกๆ...


หลังจากที่พ่อได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องผนึกถ้ำทองมากขึ้น มันก็เตือนให้พ่อต้องคอยระวังเรื่องของธลให้มากเข้าไปอีก แต่อย่างไรก็ดีหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นพ่อเริ่มมีความรู้สึกว่าธล ดูห่างเหินจากพ่อไปชอบกล

“หลวงตาครับ ธลอยู่หรือเปล่า” พ่อถามหลวงตาทันทีที่มาถึงวัด หลวงตาก็ส่ายหัว

“อืม ไม่เห็นเลยแฮะ แปลกจังมันหายหัวไปไหนวะ เฮ้ย มีใครเห็นไอ้ธลบ้าง” หลวงตาตะโกนถามเด็กวัดแถวนั้น แต่ทุกคนก็ส่ายหัว ธลมักจะหายไปเสมอตอนที่พ่อมาหาเขา มันเป็นบ่อยมากเสียจนพ่อเริ่มเป็นห่วงว่าธลนั้นจะเป็นอะไรหรือเปล่า

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไอ้ธลมันไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก” หลวงตาตอบ แต่ยังไงพ่อก็ยังไม่สบายใจสักเท่าไหร่

“แล้ววันนี้จะรอหรือเปล่าละ” หลวงตาถาม เพราะพ่อถ้าไม่เจอธลก็จะรอจนกว่าเขาจะกลับมานั่นแหละ ไม่ก็จนกว่าพ่อจะต้องกลับบ้าน แต่พ่อก็ไม่เคยเจอเขาเลยสักที

“อืม ไม่อะครับ วันนี้ต้องไปซื้อของให้แม่ด้วยอะครับ งั้นผมฝากนี่ให้ธลด้วยนะครับ” พ่อพูดพลางส่งขนมให้หลวงตาถุงนึง พ่อหมั่นเอาขนมแทบจะทุกอย่างที่ผมคิดว่าเขาจะกินได้ เพื่อเขาจะชอบอะไรบ้าง หลวงตาก็พยักหน้าพลางรับถุงขนมไป พ่อไหว้หลวงตาก่อนที่จะเข้าเมืองไปซื้อของ พ่อซื้อของไปพลาง คิดถามตัวเองไปพลางว่าธลนั้นหายไปไหน หรือว่าเขาโกรธที่พ่อไปบังคับให้เขากินเนื้อ

“ก็ไม่รู้นี่หว่า แค่อยากให้กินอะไรอร่อยๆแค่นั้นเอง” พ่อคิดอย่างน้อยใจที่ธลนั้นโกรธพ่อด้วยเรื่องนั้น แต่อีกใจนึงพ่อเองก็รู้สึกผิดเพราะตัวพ่อเองนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ พอซื้อของเสร็จพ่อกำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ตอนนั้นพ่อเบื่อ เพราะกลับไปก็ไม่รู้จะไปทำอะไรดี พ่อเลยแอบไปที่บึงที่พ่อไปเล่นน้ำประจำอีกครั้ง พ่อเดินไปตามทาง มันหวนให้พ่อรำลึกถึงครั้งแรกที่พ่อได้เจอกับเขาที่นี่ เขากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ทำอะไรสักอย่าง ตอนนั้นพ่อยังคิดกับเขาเป็นตัวประหลาดอยู่เลย แต่พอตอนนี้เขากลับเป็นเพื่อนที่พ่อสนิทใจด้วยที่สุดเสียแล้ว พ่อมาถึงบึงในเวลาต่อมา พ่อคิดถึงตอนที่เขาโพล่มาช่วยพ่อจากจระเข้ครั้งแรก มันทำให้พ่ออดยิ้มออกมาไม่ได้เหมือนกัน ธลช่วยพ่อจากจระเข้ถึงสองครั้ง แต่พ่อกลับทำให้เขาซวยถึงสองครั้งเช่นกัน จริงๆแล้วคนที่เป็นตัวปัญหาน่าจะเป็นพ่อมากกว่าเขานะ พ่อนั่งลงที่ใต้ต้นตะเคียน พลางมองดูบึงตรงหน้า

“นายโกรธเราจริงๆหรอธล” พ่อรำพึง พ่อไม่เคยรู้สึกเหงาขนาดนี้มาก่อนเลย มันเหมือนอะไรบางอย่างในตัวพ่อนั้นขาดหายไป พ่อคิดถึงเขาจริงๆตอนนั้น แต่แล้วพ่อก็ได้ยินเสียงน้ำจ๋อมแจ๋ม พ่อหันไปมอง ธลโพล่หัวขึ้นมาจากน้ำทันที พ่อตาค้างเลย

“ธล” พ่ออุทาน ธลก็หันมามองพ่อ ทันใดนั้นเองเขาก็กระโดดลงน้ำหายไป พ่อไม่รอช้าพ่อถอดเสื้อถอดรองเท้าออกแล้วกระโดดลงน้ำไปทันที พ่อดำผุดดำโพล่เพื่อตามหาเขา พ่อพยายามตามหาเขาแต่พ่อก็หาไม่เจอ พ่อว่ายจากขอบนึงไปอีกขอบนึง พ่อดำลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่พ่อจะทำได้แต่พ่อก็ไม่เห็นเขาแม้แต่เงา

“ธลนายอยู่ไหนนะ ออกมานะ” พ่อร้อง แต่ธลก็ไม่ยอมแสดงตัว พ่อเริ่มหงุดหงิดขึ้นทุกขณะ

“นายจะหนีเราไปทำไมกัน นายโกรธเรามากขนาดนั้นเลยหรอ” พ่อตะโกนโหวกเหวก แต่ก็ไม่มีวี่แววของธลเลย พ่อตัดสินใจเด็ดขาด

“ได้ เราจะหานายให้เจอให้ได้เลย” พ่อพูดแล้วพ่อก็เริ่มออกว่ายน้ำตามหาเขา พ่อดำลงไปแทบจะทุกจุดของบึง แต่ด้วยความที่บึงมีขนาดค่อนข้างใหญ่แถมธลก็ว่ายน้ำได้เก่งกว่าพ่อหลายเท่าตัวนัก แต่พ่อตอนนั้นก็ไม่ได้ยอมแพ้หรอกนะ พ่อก็ดิ้นรนว่ายน้ำตามหาธลต่อไป พ่อดำลงไปจนลึกเพื่อหาเขา แต่พ่อก็หาไม่เจอสักที แต่ขณะที่พ่อพยายามจะดันตัวกลับขึ้นสู่ผิวน้ำนั่นเอง ขาของพ่อก็เหมือนมีอะไรมาดึงไว้ พ่อลองก้มไปดูมันเป็นเหมือนหญ้าน้ำจำนวนมากพันรอบขาของพ่อไว้ พ่อพยายามดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก พ่อเริ่มดิ้นไปมาแต่มันก็ยึดขาพ่อไว้แน่น ลมหายใจในปอดของพ่อเหลือน้อยเต็มที สายตาของพ่อเริ่มพร่าลงช้าๆ แต่แล้วร่างของพ่อก็ถูกกระชากอย่างแรง หัวของพ่อโพล่พ้นน้ำขึ้นมาทันที พ่อถึงกับสำลักน้ำออกมาจำนวนมากพลางหายใจหอบ ร่างของพ่อโดนลากไปที่ริมฝั่ง พ่อค่อยๆหายใจช้าๆ พลางมองดูคนตรงหน้า ธลช่วยพ่อไว้อีกครั้ง เขาจ้องมองดูพ่อด้วยสายตาเศร้าสร้อย แล้วเขาก็เบือนหน้าหนีแต่พ่อจับข้อมือของเขาเอาไว้

“นาย จะ ไป ไหน” พ่อถาม เขาหยุดการเคลื่อนไหวลงไม่ขยับไปไหน

“นาย หนี เราทำไม” พ่อพูดไปพลางหายใจหอบ ธลไม่หันกลับมาสบตาพ่อเลย

“เราแค่ไม่อยากทำให้นายต้องลำบาก” ธลพูด พ่อบีบมือเขาแน่น

“ด้วยการหนีหน้าเราไปงั้นหรอ รู้ไหมว่าเราเป็นห่วงนายขนาดไหนนะ” พ่อตวาด ธลหันกลับมามองหน้าพ่อ

“นายไม่ต้องทำอะไรเพื่อเราขนาดนั้นก็ได้ เรารู้ดีว่ามันดีเกินกว่าจะเป็นเรื่องจริง นายไม่ต้องฝืนทำมันเพื่อเราหรอก” ธลพูด พ่อสะบัดมือเขาออกไปทันที

“อะไรทำให้นายคิดว่าเราฝืนทำละ” พ่อพูด ธลก้มหน้าลง

“กะ ก็เรามันตัวประหลาด” ธลตอบ พ่อสุดจะทนแล้ว พ่อกดร่างเขาลงกับพื้นพลางจ้องตาเขา

“เออ นายมันตัวประหลาดแล้วยังไงหรอ กูไม่สนหรอกเว้ยว่านายจะเป็นตัวบ้าตัวบออะไร ยังไงกูก็ไม่ทิ้งนายอยู่แล้ว” พ่อคำราม ตาของพ่อรู้สึกชื้นๆขึ้นมา ธลมองหน้าพ่ออย่างงงๆ พ่อเริ่มได้สติเลยปล่อยตัวเขาพลางถอยกลับมานั่งลงข้างๆเขาแทน

“กฤษ” ธลพูดขึ้น พ่อกำหมัดแน่น

“นายช่วยเราไว้ตั้งหลายครั้ง แล้วเมื่อกี้นายก็ยังช่วยเราอีก นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราขนาดนี้ เราจะทิ้งนายได้ยังไงกันละ” พ่อตอบ ธลก็นิ่งเงียบไปสักครู่นึง

“นายเห็นแล้วสิ ร่างจริงของเรา” ธลถาม พ่อหันไปมองเขา ธลก้มหน้าลงเล็กน้อย

“ตอนที่ผนึกอ่อนกำลังลง นายคงมองเห็นแล้วว่าจริงๆเราน่าเกลียดขนาดไหน เราพยายามสู้กับมันแต่ร่างกายเรามันไม่ยอมฟังเลย เรารู้ว่านายต้องกลัวเรามาก เราเลยไม่อยากให้นายต้องเจอเราอีก เพื่อมันจะทำให้นายสบายใจขึ้น” ธลพูด พ่อมองหน้าธล

“รู้ไหม ตอนที่เราเห็นร่างของนายนะ เราไม่ได้กลัวเลยนะ” พ่อตอบ ธลมองหน้าพ่อ

“อืม มันก็ตกใจนิดหน่อย แต่แล้วไงหรอ นายก็คือนาย เราก็บอกแล้วว่านายจะเป็นยังไงเราก็ไม่สนใจหรอก นายคือเพื่อนที่เราสนิทใจมากที่สุดนะธล” พ่อพูด ธลน้ำตาซึม

“ระ เรากลัวมาตลอด เรากลัวมาตลอดว่าถ้านายเห็นร่างจริงๆของเราแล้ว นายจะยอมรับมันไม่ได้” ธลพูด พ่อขยับตัวเข้าไปกอดเขาเอาไว้

“เรายอมรับนายตั้งแต่เราบอกว่านายเป็นเพื่อนเราแล้วละ และไม่ว่าอะไร เราก็จะไม่ทิ้งนายเด็ดขาด เราสัญญา” พ่อพูดพลางโอบร่างเขาไว้แน่น พ่อไม่เคยคิดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงพ่อดีใจด้วยซ้ำที่ได้อยู่ข้างเขาอีกครั้ง

“อันที่จริง เราว่านายในร่างนั้นนะ เท่ห์กว่าร่างนี้ตั้งเยอะ” พ่อตอบ ธลมองหน้าพ่องงๆน้ำตาไหลเป็นทาง พ่อก็ยิ้มให้พลางลูบหัวเขาเบาๆ

“ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้ดิ ตัวนายใหญ่ขนาดนี้ร้องไห้เป็นเด็กไปได้” พ่อตอบ ธลก็พยักหน้าพลางเช็ดน้ำตาเขาออก

“อะ อืม” ธลพูดเบาๆ พ่อก็นึกอะไรขึ้นได้ พ่อรีบเดินกลับไปที่ถุงของที่พ่อไปซื้อให้ย่า แล้วพ่อก็หยิบเอาถุงขนมมาให้ธล

“นายกินเนื้อไม่ได้ เราเลยหาขนมอย่างอื่นมาให้นายกินแทน ไม่รู้นายจะชอบหรือเปล่า แต่อันนี้เป็นขนมชั้นนะ เหนียวๆอร่อยดี” พ่อพูดพลางยื่นให้ ธลรับถุงนั่นมาไว้ในมือ

“อืม เราชอบขนมนายทุกอย่างเลยละ แต่ว่า...” ธลเงียบไปสักพัก พ่อมองหน้าเขา

“แต่อะไรหรอ” พ่อถาม ธลมองหน้าพ่อผมแก้มแดงๆ

“อืม เราว่า มันอร่อยกว่านี้ถ้า เออ ได้กินกับนายนะ” ธลตอบ พ่อหัวเราะร่า

“เอ๋า ก็ตัวเองหนีไปทำไมละ ที่ซื้อมาให้นี่ก็กะกินด้วยกันอยู่แล้ว” พ่อตอบ ธลหัวเราะเบาๆ พ่อเองก็อดขำไปด้วยไม่ได้

“ขอบใจนะกฤษ ที่อยู่ข้างเราเสมอเลย เราดีใจมากเลยละ” ธลตอบ พ่อยิ้มให้

“เราเองก็มีความสุขที่ได้อยู่ข้างนายเหมือนกันนั่นแหละ” พ่อพูด ธลยิ้มรับ เพื่อนเราอาจจะมีเยอะแยะมากมายหลายแบบ แต่จะมีกี่คนที่เราจะสามารถแลกเปลี่ยนความรู้สึกให้กันและกันได้ สำหรับพ่อแล้วธลคือคนที่พ่ออยากจะแบ่งความรู้สึกให้ และพ่อเองก็อยากจะรู้จักเขาให้มากกว่านี้เช่นกัน หลังจากนั้นพ่อก็ตัดสินใจชวนธลไปนอนที่บ้าน

“นะครับหลวงตาให้เขาไปนะครับ คืนเดียวเอง” พ่อรบเร้า หลวงตาทำสีหน้าไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

“แค่คืนเดียวเท่านั้นนะ” หลวงตากำชับ พ่อแทบกระโดดตัวลอยเลยละ พ่อพาธลมาที่บ้าน ตอนแรกพ่อก็กลัวๆว่าปู่จะดุ เพราะปู่ของพ่อเป็นคนที่เชื่อคนยากมาก แต่ด้วยความที่ธลเป็นคนเรียบร้อย เลยเหมือนจะได้คะแนนนิยมจากปู่ไปเยอะเหมือนกัน

“กินเจด้วยหรอ อืม เก่งนะเป็นเด็กเป็นเล็ก เออ เห็นหลวงตาบอกว่าเธอเป็นคนคอยส่งข่าวให้พรานจระเข้นี่นะ ขยันทำงานจริงๆ” ปู่พูด ธลก็ได้แต่พยักหน้ารับ ผมเองก็คงไม่อยากจะบอกนักหรอกว่า คนที่ไปเอาข่าวมาจริงๆก็คือเขานั่นแหละ ตกเย็นย่าก็ทำผัดผักให้ธลเป็นพิเศษ แล้วมันทำให้พ่อรู้ว่าธลนั้นกินเก่งมาก เขากินข้าวคนเดียวเกือบครึ่งหม้อเลย

“กินเก่งจริงๆ” ย่าชม พ่อว่าพ่อกินจุแล้ว เทียบกับธลแล้วพ่อดูเหมือนแมวดมไปเลย

“นี่ห้องเราเอง” พ่อพาธลขึ้นไปดูห้องของพ่อ ธลดูตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย

“นี่นายมีเตียงด้วยหรอ” ธลถามด้วยแววตาตื่นเต้น พ่อก็พยักหน้า

“อืม คืนนี้นายนอนเตียงสิ เรานอนพื้นเอง” พ่อเสนอ

“จะดีหรอ” ธลถาม พ่อกรอกตา

“เออ นอนไปเถอะน่า อืม รีบอาบน้ำกันดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นไปกว่านี้” พ่อเสนอ แล้วธลกับพ่อก็นุ่งผ้าขาวม้าลงไปอาบน้ำข้างล่าง ห้องอาบน้ำของบ้านปู่ลูกก็เคยเห็นนะ มันมีห้องอาบน้ำคนงานด้วย พ่อก็ไปอาบห้องนั้นแหละ เพราะมันกว้างกว่าอาบห้องเดี่ยว พ่อกับธลก็ไปอาบด้วยกัน พ่อสังเกตเห็นธล ร่างกายของเขาแน่นไปด้วยมัดกล้าม ท้องเป็นลอน อกผาย แขนมีริ้วของกล้ามเนื้ออย่างงดงาม จนพ่ออิจฉาเลย

“นายนี่หุ่นดีจัง หรือจระเข้ที่แปลงร่างมาก็หุ่นดีแบบนี้นะ” พ่อพูดพลางบีบต้นแขนของเขาเบาๆ มันแน่นมากจริงๆ

“อืม เราไม่รู้หรอก มาถึงพอได้ร่างคนเราก็เป็นแบบนี้เลย” ธลตอบ พ่อก้มลงดูร่างของตัวเอง พ่อเองไม่ได้อ้วน หรือ ผอมนักหรอกนะ พ่อตอนนั้นก็พอมีกล้ามอยู่บ้างแต่แค่ไม่หนาเหมือนธลเท่านั้นเอง อะนะขำกันใหญ่ เดี๋ยวไม่เล่าต่อเลยนิ

“อะคะ แหมอย่างอนนักสิคะ คิก คิก” หญิงสาวพูดปลอบ ชายหนุ่มกรอกตาไปมา

เอาเถอะ แต่ธลมองหน้าพ่อแก้มแดงๆ

“อืม เราว่า นาย อืม ก็ เออ ดูดีนี่นา” ธลตอบ พ่อเหล่ตา

“อะนะ มองดูตัวเองเสียก่อนเถอะ” พ่อพูด ธลเหลือบมองดูพ่อเป็นระยะๆ แล้วเราก็เข้าไปอาบน้ำกัน

“ธล ถูหลังให้หน่อย” พ่อพูด พลางส่งสบู่ให้เขา ธลลูบมือของเขาไปมาบนหลังของพ่อจนทั่ว

“นายหันหลังสิ เดี๋ยวเราถูให้บ้าง” พ่อบอก แล้วธลก็หันหลังให้

“อืม นายอาบน้ำกับคนอื่นแบบนี้บ่อยหรอ” ธลถาม พ่อพยักหน้า

“อืม ก็บางทีก็คนงานนะ เราไม่ชอบอาบในห้องแคบๆอะ” พ่อตอบ

“อืม ดีจัง เราต้องมาแอบอาบคนเดียวทุกวันเลย” ธลพูด พ่อตบหลังเขาเบาๆ

“เอางี้ ถ้านายอยากมีคนอาบด้วย บอกเราได้เลย เดี๋ยวเราอาบเป็นเพื่อนก็ได้” พ่อตอบ ธลหันหัวมา

“จริงหรอ” ธลร้อง พ่อก็พยักหน้า

“อืม อีกอย่างเมืองไทยร้อนตายชัก อาบน้ำสักหน่อยก็พอให้สบายตัวละน่า” พ่อตอบ ธลยิ้มให้แก้มแดงๆ

“อืม แล้ว เออ นาย อืม ถูหลังให้เราอีกได้ไหม” ธลถาม พ่อหัวเราะร่า

“แล้วคิดว่านี่ทำอะไรอยู่ละ” พ่อตอบ ธลยิ้มพลางหัวเราะตอบกลับมา จากนั้นเราสองคนก็ขึ้นไปนั่งเล่นที่ห้อง พ่อสอนเขาเล่นหลายอย่างเหมือนกัน เป่ากบเอย ยิงลูกหิน ธลดูสนใจกับมันมากน่าดู

“อืม เราไม่เคยได้เล่นอะไรแบบนี้เลย” ธลพูด พ่อยิ้มให้ ตอนนั้นพ่ออยากจะสอนอะไรเขาอีกเยอะแยะ แต่พ่อเริ่มง่วงเสียแล้ว

“อืม เราง่วงแล้วอะ เดี๋ยวมาสอนต่อพรุ่งนี้แล้วกันนะ” พ่อเสนอ ธลพยักหน้า พ่อนอนที่พื้นส่วนธลพ่อให้เขานอนบนเตียง

“กฤษ” ธลพูดขึ้น

“ขอบใจนะ” ธลพูด

“ยินดีเสมอ” พ่อตอบ ก่อนที่เราสองคนจะหลับลงไปกับยามราตรี...

“คร่อก” เสียงของเด็กสาวกรนขึ้นเบาๆ ผู้เป็นแม่หัวเราะคิกคัก

“ดูเหมือนจะมีอีกคนที่ก็หลับตามกันไปนะ” หญิงสาวพูด ชายหนุ่มหัวเราะ

“อืมนะ” ชายหนุ่มพูดพลางถอนหายใจอย่างเงียบๆ ในใจของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องของธลอยู่เต็มไปหมด ยิ่งเขาเล่าเรื่องของธลมากเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าความหลังเมื่อครั้งวันวานของเขาจะยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ชัดขึ้นจนเหมือนจะบอกให้ใจของเขาออกตามหาธลอีกสักครั้ง


abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #16 เมื่อ22-12-2006 19:35:19 »

                                 อืมม กินผัก กะ ห้ามโกรธ เหมือนคนถือศีลเร่ะ :confuse:

                                          จาเปงไงต่อปายนะ เรื่องนี้เดายากจัง

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #17 เมื่อ22-12-2006 19:54:32 »

อ่านตอนแรกๆ แล้วเหงาจังเลยอ่ะ
พอช่วงง้อกัน . . . ก็น้ำตาไหล
แล้วก็นั่งยิ้มเป็นคนบ้าตอนดีกัน

โอ้ย . . . อินอีกแล้วอ่ะ ยังดีนะที่ยังไม่ถึงขั้นจิตหลุด

ปลื้มมากเลยเนี่ยเรื่องนี้ มาต่อไวๆนะครับ . . .

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #18 เมื่อ22-12-2006 22:12:42 »

เพื่อนยังไงก็เป็นเพื่อนนะ  :impress:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #19 เมื่อ25-12-2006 17:30:36 »

ตะแน๋วลองเดาดิ เรื่องของ nat นี่เดาได้ยากมากๆแทบทุกเรื่อง
*****************************************
บทที่ 7

“เดี๋ยวขอลองตัวนี้ กับตัวนี้ด้วยนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นพลางชี้ไปที่เสื้อผ้าสวยหรูที่แขวนอยู่ที่ราว ส่วนชายหนุ่มก็นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ไม่ไกลนัก

“คุณแม่ลองเสื้อนานจัง” ลูกสาวพูดขึ้น ผู้เป็นพ่อหัวเราะเบาๆ

“ใช่มะ ไม่ไหวเลยเนอะ” ชายหนุ่มแกล้งพูดเสียงให้ดังขึ้นอีกนิด แต่หญิงสาวก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“เราไปดูของเล่นกันไหม” ผู้เป็นพ่อถาม เด็กสาวส่ายหัวไปมา

“ไม่ละคะ ลิลี่ไม่ชอบคนเยอะๆ” เด็กสาวตอบ ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างเอ็นดู

“หนูให้คุณพ่อเล่าเรื่องพี่ธลอีกดีกว่าคะ” เด็กสาวคะยั้นคะยอ ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบาๆพลางลูบหัวของเด็กสาวไปด้วย...


พ่อกับธลเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องพูดว่าตอนนั้นเราแทบจะไม่ขาดจากกันเลย พ่อหมั่นเอาขนมไปให้เขากินบ่อยๆ แต่ดูเหมือนที่ธลชอบที่สุดจะเป็นถั่วตัดนะ

“เราว่ามันมันเขี้ยวดี” ธลกล่าว พ่อยิ้มให้ หลังๆพ่อเลยมักจะหาขนมแข็งๆมาให้เขาเคี้ยวบ่อยๆ ธลเองเหมือนจะเริ่มเข้าใจการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์มากขึ้นทีละน้อย เด็กวัดหลายคนเริ่มสุงสิงกับเขาบ้าง พ่อดีใจนะที่มันเป็นอย่างนั้นเพราะเขาจะได้มีเพื่อนหลายๆแบบ แล้วก็ตอนพ่อเรียนหนังสือเขาก็ไม่เหงาด้วย ก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว พ่อสอบปลายภาคจบพอดีพ่อก็ปิดเทอมละ ช่วงนั้นนี้แทบจะเรียกว่าพ่อเป็นเด็กวัดก็ได้นะ เพราะพ่อเล่นนอนค้างคืนแทบจะทุกวันเลย แต่นอนวัดก็ดีนะ มันสงบดีพ่อชอบ แล้วมีอยู่วันนึงที่ธลชวนพ่อไปที่บึง

“แปลกแฮะ วันนี้นายชวนเรา ไม่ใช่เราชวนนาย” พ่อแซว ปกติแล้วธลจะเงียบๆ ไม่ค่อยออกความเห็น ต้องเสนอให้เขาแล้วเขาจะคิดแล้วบอกว่าชอบไม่ชอบ แต่นี่เขาชวนพ่อออกมาเองเลย

“มะ มันแปลกขนาดนั้นเลยหรอ” ธลถาม พ่อยิ้มให้

“เปล่า ล้อเล่นนะ ดีออก เราจะได้รู้ไงว่านายชอบที่ไหน” พ่อตอบ ธลแก้มแดงเล็กน้อย เรามาถึงบึงที่พ่อเล่นน้ำบ่อยๆ ตอนนั้นเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ พ่อเลยไม่คิดจะเล่นน้ำสักเท่าไหร่

“นี่ถ้าจะให้ว่ายน้ำนี่ไม่เอานะ” พ่อพูด ธลส่ายหัว

“เปล่าหรอก เราจะพายนายไปดูฐานลับของเรา” ธลตอบ พ่อตาลุกเลย

“นายมีฐานลับด้วยหรอ” พ่ออุทาน ธลยิ้มเล็กน้อย พลางหยิบเอาเทียนออกมาจากกระเป๋า มันเป็นเทียนสีขาวทั้งเล่มขนาดใหญ่กำได้รอบมือเขาพอดี ธลเอาเชิงเทียนเสียบเข้าไปแล้วส่งให้พ่อ

“เอ้าถือไว้นะ” ธลตอบแล้วเขาก็หยิบเอาไฟแช๊กออกมาส่งให้พ่อ

“เราใช้ไม่เป็นหรอก แต่เราเห็นหลวงตาใช้จุดเทียนในวัดนะ นายจุดเทียนสิ” ธลบอก พ่องงๆแต่ก็ยอมทำตาม พ่อก็จุดเทียนไป แล้วธลก็ดึงมือพ่อไปที่บึง พ่อถอยหนี

“เฮ้ย บอกแล้วไงไม่เล่นน้ำอะ” พ่อแย้ง ธลยิ้ม

“ก็ไม่ได้เล่นไง ฐานลับเราอยู่ในน้ำนะ” ธลตอบ พ่อทำตาโต

“โห แล้วจะลงไปยังไงละเนี่ย” พ่อถาม ธลชี้ไปที่เทียนในมือพ่อ

“ก็ใช้เทียนอันนั้นไง” ธลตอบ พ่อมองที่เทียนขนาดใหญ่ในมืออย่างสับสน

“มันคือเทียนระเบิดน้ำนะ ที่พ่อไกรใช้ลงไปหาชาละวันนะ” ธลตอบ พ่ออึ้งเลย นี่เรื่องจริงหรอเนี่ย

“นี่จริงๆหรอ” พ่อถาม ธลยิ้มให้

“ก็ลองดูสิ” ธลพูด พ่อเลยเอาเทียนเข้าไปใกล้น้ำ ทันใดนั้น น้ำเหมือนมีอะไรบางอย่างดันออกไปเป็นวงกว้าง พ่อตาลุกวาวเลย

“อืม นายถือไว้นั่นแหละ แล้วนี่ก็เทียนที่เหลือนะเอาไว้ตอนขากลับ” ธลตอบพลางยื่นย่ามส่งให้แล้วถอดเสื้อออก

“นายไม่มาด้วยกันหรอ” พ่อถาม ธลยิ้ม

“เราชอบว่ายมากกว่านะ” ธลตอบ พ่อพยักหน้ารับ แล้วธลก็กระโดดลงน้ำไป

“เดินลงมาเลย” ธลร้อง พ่อค่อยๆเดินไปช้าๆ ทันทีที่พ่อเข้าไปใกล้น้ำในบึง มันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาดันไว้เป็นวงกว้าง พ่อเดินไปบนพื้นนิ่มๆแฉะๆ พลางมองไปรอบตัว พ่อเดินลงไปลึกเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำนั้นอยู่รอบตัวของพ่อ

“สุดยอด” พ่อร้อง มันเหมือนเราอยู่ใต้น้ำโดยที่มีกระจกล้อมเอาไว้ แถมพ่อยังหายใจได้อีกด้วย พ่อมองดูปลาว่ายผ่านหัวของพ่อไป บางตัวก็กระเด็นเข้ามา พอมันอยู่ที่พื้นที่ไม่มีน้ำมันก็ดิ้นกระด๋องกระแด๋ง จนบางครั้งพ่อต้องจับมันโยนกลับเข้าไปในน้ำให้ พ่อลองเอามือแตะน้ำด้วยนะ มือของพ่อยื่นออกไปโดนน้ำได้เหมือนกับไม่มีอะไรมากั้นไว้ แต่ตัวพ่อก็ไม่เปียกเลย มันมหัศจรรย์มากจริงๆ พ่อมองดูธลว่ายน้ำ เขาว่ายฝ่าน้ำอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ว่ายในท่าเหมือนอย่างที่คนธรรมดาเขาว่ายกัน ธลว่ายโดยกวาดมือของเขาไปมาในน้ำ ราวกับเป็นจระเข้จริงๆ

“ทางนี้ ตามมา” ธลโพล่หัวเข้ามาพูดกับพ่อ พลางชี้ไปที่โพรงข้างหน้า พ่อก็เดินตามเขาไปเรื่อยๆจนกระทั่งเข้าไปในโพรง พอพ่อเข้าไปในโพรงพ่อพึ่งสังเกตว่าพื้นดินในโพรงมันแห้งสนิทเลย แถมในโพรงมันยังสว่างจ้าอีกด้วย ธลเป่าเทียนระเบิดน้ำ แล้วพ่อก็พบว่าในโพรงนี้มันไม่มีน้ำอยู่ข้างใน แถมพ่อยังหายใจได้อีกต่างหาก

“หรือว่านี่คือถ้ำทอง” พ่อถาม ธลก็พยักหน้า

“อืม จะว่างั้นก็ได้ แม่เราเป็นคนสร้างเอาไว้เองแหละ” ธลตอบ ผมมองไปรอบๆ ถ้ำภายในเป็นสีทองสว่างไปทั่วถ้ำ พ่อได้แต่มองทึ่งๆ

“บางครั้งเวลาแม่เหนื่อย หรือ แม่ทนไม่ไหว แม่ก็จะมาหลบอยู่ตรงนี้ พอแม่เราตาย เราก็เลยเปลี่ยนมันเป็นฐานลับเสียเลย” ธลตอบ พ่อพยักหน้าพลางมองไปรอบๆ ข้างผนักห้องมีหนังจระเข้ผืนนึงแปะอยู่

“นั่นแม่เราเองแหละ” ธลตอบ พ่อพยักหน้ารับแล้วพ่อก็เห็นสร้อยที่ทำจากหนังจระเข้ และจี้ตรงกลางเหมือนจะทำมาจากฝัน

“สร้อยนี่ก็ของแม่นายหรอ” พ่อถาม ธลพยักน้า

“น้าวิมาลาทำให้แม่นะ เขาว่าเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพตลอดกาลนะ จระเข้ที่มีความผูกผันกันมากๆ จะกัดหนังของตัวเอง พร้อมฝังฟันเอาไว้หนึ่งซี่ และมอบชิ้นส่วนหนังและฟันนั่นให้กับจระเข้ที่ผูกผันที่สุด เหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่าจะฝากชีวิตไว้ให้กับจระเข้ตัวนั้น” ธลอธิบาย พ่อบอกตรงๆ พ่อเองก็เสียวๆอยู่เหมือนกันมันคงจะน่ากลัวพิลึก

“ตอนที่น้าวิมาลาได้มาเป็นภรรยาของชาละวันกับแม่ น้าเลยทำเป็นสร้อยให้แม่ใส่นะ” ธลตอบ พ่อพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“แล้วทำไมถ้ำนี้มันสว่างได้เองละ” พ่อถาม ธลส่ายหัว

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่อาจเป็นได้ว่าเป็นคาถาของถ้ำทองเองด้วยละมั้ง เพราะตอนแรกที่เรามาที่นี่มันก็เป็นแบบนี้แล้วละ” ธลพูด พ่อพยักหน้าหงึกๆ

“สวยจังเนอะ” พ่อตอบ

“อืม เวลาเราอยากอยู่คนเดียวเราก็มาที่นี่แหละ” ธลพูด พ่อกอดคอธลเอาไว้

“จากนี้ไปถ้ามาที่นี่คนเดียวอีกมีเคืองนะ” พ่อพูด ธลยิ้มให้

“อืม นายเป็นมนุษย์คนแรก และคนเดียวแหละที่เราจะยอมให้มา” ธลตอบ พ่อยิ้มให้เขา

“มาสิเดี๋ยวจะให้ดูข้าง...เอ๊ะ” ธลสะดุดล้มลง ขาของเขาขัดขาของพ่อเข้าพอดี พ่อเลยล้มตามเขาลงไป พ่อล้มทับตัวของธลหน้าของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

“อะ เออ” พ่ออุทานเล็กน้อย ธลหน้าแดงก่ำ พ่อรีบดันตัวเองลุกขึ้น

“เป็นอะไรหรือเปล่า” พ่อถาม ธลส่ายหน้าและไม่กล้าสบตาของพ่อเลย

“มะ ไม่เป็นไร ขะ ขอโทษ” ธลตอบเสียงตะกุกตะกัก

“อะ เออ มาดูข้างในดีกว่า” ธลพูด พลางเดินฉับๆเข้าไปข้างใน พ่อเดินตามเขาไป ข้างในธลเอาพวกของทั้งหลายมาแปะไว้เต็มผนักถ้ำ มีทั้งเสื้อยันต์ที่ไกรทองใส่เวลาสู้กับจระเข้ เขี้ยวเพชรของชาละวัน มงคลของไกรทอง กระโหลกของชาละวัน

“นายเอามาเก็บไว้หมดเลยหรอ” พ่อถาม ธลพยักหน้า

“อืม ของทุกชิ้นเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่าของเราเลยละ” ธลพูด พ่อมองไปรอบๆ แล้วพ่อก็หันไปเห็นที่มุมถ้ำมันมีใบตองวางไว้เยอะแยะเลย แถมภายในในก็มีขนมที่ผมให้ธลเอาไว้บนใบอย่างละชิ้น

“อะ เออ คือ อืม คือ ระ เรา แบบ เออ...” ธลพูดตะกุกตะกัก พ่อตบหลังเขาเบาๆ

“ขอบใจนะ แหม เขินเลยแฮะ ไม่คิดว่าจะมีคนให้ความสำคัญกับเราขนาดนี้” พ่อตอบอย่างอายๆ นี่เป็นครั้งแรกนะ ที่มีคนให้ความสำคัญกับตัวพ่ออย่างนั้น

“อันที่จริง ที่ชวนนายมานี่เพราะเราอยากจะให้นายช่วยเขียนชื่อขนมให้หน่อยนะ” ธลตอบ พ่อยิ้มให้

“ใช้อะไรเขียนอะ” พ่อถาม ธลก็ส่งก้านไผ่ให้

“เขียนลงไปเหมือนดินสออะ” ธลอธิบาย นั่นเป็นครั้งแรกจริงๆที่พ่อได้เขียนด้วยก้านไผ่ มันเขียนยากจริงๆ เพราะถ้ากดแรงเกินไปใบไม้ก็จะขาด ถ้าเบาไปมันก็จะไม่ติด แต่พ่อสนุกมากเลยจริงๆ

“นายเรียนเขียนหนังสือกับหลวงตาหรอ เราไม่เห็นนายเข้าโรงเรียนเลย” พ่อถาม ธลพยักหน้า

“อือ พ่อไกรก็สอน หลวงตาก็สอน พ่อไกรไม่ค่อยอยากให้เราเข้าใกล้คนเท่าไหร่” ธลตอบ พ่อพยักหน้ารับ แต่พลันธลก็สะดุ้ง

“หลวงตาเรียก” ธลพูดขึ้น พลางลุกขึ้น

“หลวงตาเรียก ยังไงอะเราไม่เห็นได้ยินเลย” พ่อถาม ธลหยิบเอาเทียนระเบิดน้ำขึ้นมาพลางส่งให้พ่อ

“หลวงตามีคาถาเรียกจระเข้นะ มันจะส่งเสียงร้องให้จระเข้ที่หลวงตาคิดไว้ได้ยินเสียง หลวงตาใช้เวลาจะเรียกเรานะ” ธลอธิบาย แล้วพ่อก็จุดเทียนระเบิดน้ำธลจับมือของพ่อไว้แล้วทะยานออกจากถ้ำไป ธลว่ายน้ำเร็วมากจนพ่อต้องเอามือบังเทียนไว้ไม่ให้มันดับ ไม่นานธลก็พาพ่อโพล่พ้นน้ำ พ่อเป่าเทียนให้ดับแล้วก็เก็บลงย่ามของธล แต่แล้วธลก็อุ้มพ่อขึ้นพาดบ่าแล้วออกวิ่งไปทันที

“โทษที หลวงตาบอกเรื่องด่วน” ธลกล่าวพลางแบกร่างของพ่อวิ่งกลับไปที่วัด พอไปถึงที่วัดหลวงตายืนกอดอกเอาไว้

“หายไปไหนมา” หลวงตาถาม ธลเงียบลงไป

“อะ เออ ผมชวนเขาไปนั่งเล่นที่บึงอะครับ” พ่อตอบให้ธล หลวงตาพยักหน้า

“เราหาตัวไอ้เด่นเจอแล้ว ตอนนี้มันกำลังกบดานอยู่ที่ปากแม่น้ำนะ” หลวงตาพูด พ่อเริ่มจะเดาเรื่องได้บ้างแล้วนี่ ธลคงต้องไปเจรจากับจระเข้อีกแล้ว ธลพยักหน้ารับ

“ให้เราไปด้วยนะ” พ่อพูด แต่หลวงตากลับหันมาทำตาดุใส่

“พูดบ้าๆ ไปให้ไอ้ธลมันเดือดร้อนอีกงั้นหรอ” หลวงตาตวาด พ่อเองก็จ๋อยเล็กๆ เพราะความจริงพ่อก็ทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก ธลหันกลับมามองพ่อพลางจับไหล่พ่อไว้

“นายอยู่ที่นี่เถอะ เราแค่ไปคุยเอง ไม่นานหรอก” ธลพูด พ่อก็ได้แต่พยักหน้ารับ แล้วธลก็วิ่งออกจากวัดไป พ่อได้แต่ยืนมองดูเขา พ่อรู้สึกเจ็บใจที่ตัวเองนั้นทำอะไรไม่ได้เลย พ่อมองไปที่วัดแล้วได้แต่หวังว่าพ่อน่าจะทำอะไรสักอย่างให้ธลได้บ้าง

“เฮ้อ ตอนนี้ไอ้สุรศักดิ์มันไปหลบอยู่ที่ไหนกันว้า มันจะบำเพ็ญศีลเสร็จหรือยังนะ” หลวงตาบ่น ผมเกือบลืมเรื่องของสุรศักดิ์ไปเลย นี่ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าหลวงตาจะยังหาทางแก้ไขอะไรไม่ได้เลย

“หลวงตายังไม่มีทางออกเลยหรอครับ” พ่อถาม หลวงตาส่ายหัวไปมา

“ตอนนี้ไม่มีพรานคนไหนอยากต่อกรกับสุรศักดิ์หรอก” หลวงตาพูด พ่อได้แต่ถอนหายใจเบาๆ

“ถ้าไม่ได้ข้าคงต้องลุยเอง” หลวงตาพูด พ่อมองดูร่างของหลวงตาซึ่งก็ชราภาพมากแล้ว แม้ว่าจะมีเค้าของคนที่แข็งแรงอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นั้นหลวงตาเหมือนจะสู้ได้ไม่เต็มร้อยอีกแล้ว

“หลวงตาครับ ถ้าผมอยากจะฝึกเป็นพรานจระเข้บ้างละครับ” พ่อเสนอ หลวงตามองหน้า

“เอ็งจะบ้าหรอ การเป็นพรานจระเข้มันไม่ใช่แค่วันสองวันก็ทำได้นะเว้ย มันต้องใช้เวลา บางทีอาจจะทั้งชีวิตก็ได้นะ” หลวงตาพูด

“แต่ผมอยากจะทำอะไรให้ธลเขาบ้าง” พ่อแย้ง หลวงตาจับไหล่อของพ่อเอาไว้เบาๆ

“เอ็งอยู่เป็นแรงใจให้เขาแบบนี้ก็พอแล้ว อย่าคิดอะไรมากนักเลยนะ” หลวงตาพูด พ่อได้แต่ถอนหายใจ พ่อตัดสินใจจะรอจนกว่าธลจะกลับมา หลวงตาก็ไปทำวัตร และนั่งสมาธิต่อ พ่อก็นั่งๆนอนๆรอธลซึ่งเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาสักที พ่อเดินเรื่อยเปื่อยไปตามวัดแล้วพ่อก็เห็นหอกสัตตโลหะที่ตั้งอยู่ในห้อง พ่อเดินเข้าไปดูมันใกล้ๆ ขนาดของมันใหญ่มากจริงๆ พ่อเอามือทั้งสองข้างกำด้ามหอกเอาไว้พลางค่อยๆยกมันขึ้น แต่มันหนักเสียจนมันแทบจะไม่ขยับเอาเลย

“กรอดดด” พ่อกัดฟันแน่นพลางพยายามยกมันขึ้นมาให้ได้ มือพ่อเกร็งแน่นพลางออกแรงดึงเท่าที่แรงพ่อจะมี

“กรรรร” พ่อขบฟันไปมาพลางพยายามยกมันขึ้น ดูเหมือนจะได้ผลเพราะหอกค่อยๆยกตัวสูงจากแท่นเล็กน้อย แต่แขนของพ่อมันล้าไปหมดแล้ว

“เอ็งทำอะไรวะ” เสียงของหลวงตาดังขึ้น พ่อตกใจปล่อยหอกลงกลับที่เดิม เสียงดังเคร้งสนั่นไปทั่วห้อง หลวงตาเดินฉับๆเข้ามาหาพ่อทันที

“เอ็งคิดจะทำอะไรของเอ็งวะไอ้กฤษ” หลวงตาตวาด

“ก็ผมอยากช่วยธลบ้างเท่านั้นเอง” พ่อตอบกลับไป หลวงตาถอนหายใจ

“ต่อให้เอ็งยกหอกนั้นได้ ก็ใช่ว่าเอ็งจะสู้กับจระเข้ได้เสียที่ไหนเล่า มันต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกตั้งเท่าไหร่” หลวงตาพูด พ่อได้แต่กำหมัดแน่น

“แต่มันต้องมีอะไรสักทางที่ผมทำได้สิ ผมเบื่อที่จะต้องมานั่งดูธลเฉยๆโดยที่ไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยๆก็ให้ผมพยายามเพื่อเขาบ้าง อย่างที่เขาพยายามเพื่อผม” พ่อบอก ธลเหนื่อยเพื่อพ่อมามากแล้ว เขาให้ความสำคัญกับพ่อมากมายนัก พ่อก็อยากจะให้ความสำคัญกับเขาบ้าง หลวงตาถอนหายใจพลางหันหลังให้

“พรุ่งนี้มาหาข้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น” หลวงตาพูด พ่อได้แต่มองท่านงงๆ

“พิธีรับพรานจะต้องทำก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อนเป็นการเริ่มชีวิตใหม่” หลวงตาพูด ตาพ่อลุกวาวเลย

“หลวงตา” พ่ออุทาน

“อย่าคิดว่าแค่รับแล้วเอ็งจะเป็นพรานจระเข้ได้นะเว้ย การฝึกมหาโหดรอเอ็งอยู่นะเว้ย” หลวงตาขู่ก่อนที่จะเดินออกจากห้องพลางถอนหายใจยาว พ่อดีใจสุดๆเลยตอนนั้น อย่างน้อยๆพ่อก็ได้ทำอะไรให้กับธลเขาบ้าง หลังจากที่เขาต้องลำบากเพราะพ่อมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว...


“แหม นี่แอบเล่าไม่รอแม่เลยนะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ชายหนุ่มกับเด็กสาวก็เงยหน้ามอง

“ก็คุณแม่ซื้อของไม่รอหนูเหมือนกันนั่นแหละ” เด็กสาวตอบ ผู้เป็นพ่อเอามือขยี้หัวไปมาเบาๆ

“ลูกใครเนี่ยน่ารักจริงๆเลย” ชายหนุ่มตอบ

“เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะพ่อลูกคู่นี้” ผู้เป็นแม่กล่าวงอนๆ

“ก็เป็นพ่อลูกกันนี่เนอะ” ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มให้ลูกสาว เด็กสาวก็ยิ้มตอบกลับ

“เอาเถอะ ว่าแต่หิวกันหรือยัง ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” ชายหนุ่มพูดก่อนที่จะวางลูกสาวลงที่พื้นส่วนตัวของเขาก็ลุกขึ้นยืน

“คุณแม่อยากกินอะไรละคะ ไหนๆคุณแม่ก็ไม่ได้ฟังเรื่องของพี่ธลแล้ว” เด็กสาวตอบ หญิงสาวก็ลูบหัวลูกสาวของตนเบาๆ

“ขอบใจนะจ๊ะ เอางี้กินอาหารไทยกันดีกว่า” หญิงสาวพูด

“งั้นเรารออะไรกันอยู่ละ ไปที่รถเลย” ชายหนุ่มตอบก่อนที่ทั้งสามจะเดินไปยังรถของพวกเขาด้วยรอยยิ้ม


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
« ตอบ #19 เมื่อ: 25-12-2006 17:30:36 »





ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #20 เมื่อ25-12-2006 18:49:55 »

อืม เพิ่งรู้พิพิธภัณฑ์ไกรทอง-ชาละวันอยู่ใต้น้ำ อิอิ  :kikkik:

No_ProMises

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #21 เมื่อ25-12-2006 19:51:46 »

มาต่อไวๆ นะค๊าบบ

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #22 เมื่อ26-12-2006 16:07:19 »

ง่ะมีให้จิ้นนิดเดียวเอง :serius2:
มาต่อไวๆนะครับ :yeb:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #23 เมื่อ28-12-2006 18:26:13 »

เล่นน้ำระวังนะครับ หัวใจจะถูกขโมยไป เอิ้กๆ (โดนตะเข้งับ)
บทที่ 8

“คุณพ่อค่ะ คุณพ่อตื่นได้แล้วค่ะ ได้เวลาไปเดินเล่นแล้วนะคะ” เสียงของเด็กสาวร้องพลางเขย่าตัวชายหนุ่มที่นอนคดคู้อยู่บนเตียง ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างปรือๆ พลางหันมาหาเด็กสาว

“กี่โมงแล้วละลูก” ชายหนุ่มถามเสียงงัวเงีย

“เจ็ดโมงแล้วคะ เร็วๆสิคะคุณพ่อ” เด็กสาวรบเร้า ชายหนุ่มพยักหน้าพลางอ้าปากหาวหวอดๆ

“พ่อลุกแล้ว พ่อลุกแล้ว” ชายหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นบิดตัวพลางเกาหลังแกรกๆ

“เดี๋ยวพ่อขอล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะ เดี๋ยวพ่อลงไป” ชายหนุ่มกล่าว ก่อนที่จะเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ แล้วก็เดินลงไปข้างล่าง เด็กสาวเมื่อเห็นชายหนุ่มก็วิ่งหยองแหยงไปรอบๆ

“คุณพ่อชักช้าจัง” เด็กสาวพูดบ่นๆ ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้หญิงสาว

“รีบไปกันดีกว่าคะ เดี๋ยวแดดจะร้อน” หญิงสาวพูดชายหนุ่มก็พยักหน้าแล้วทั้งสามก็ออกไปเดินเล่นกันข้างนอก ชายหนุ่มสูดอากาศยามเช้าเข้าเต็มปอด

“มาเดินเล่นเช้าๆแบบนี้ก็ดีนะคะ” หญิงสาวพูด ชายหนุ่มก็พยักหน้า

“ว่าแต่คุณพ่อเล่าเรื่องของพี่ธลอีกสิคะ” เด็กสาวรบเร้า ชายหนุ่มหัวเราะร่า...


เอาเข้าจนได้นะ อืม ก็ได้ๆ ถึงไหนแล้วนะอ๋อ หลังจากที่พ่อตัดสินใจเป็นพรานจระเข้แล้วพ่อก็ต้องตื่นแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเพื่อออกไปวิ่ง พอวิ่งเสร็จพ่อก็ต้องทำกายบริหารก่อนที่จะเข้าสู่การสอนการป้องกันตัวในตอนเช้า ซึ่งต้องยอมรับว่ายากสุดๆ เพราะเท่าที่ดูพ่อก็ไม่เคยเห็นหลวงตาจะพอใจพ่อสักที

“ช้าเกินไป” หลวงตาคำรามพลางฟาดไม้ไปที่พื้นอย่างแรง พ่อกำลังฝึกการใช้หอก โดยที่หลวงตาให้พ่อฝึกเป็นกระบวนท่า มันคล้ายๆกับรำนั่นแหละนะ แต่หลวงตาบอกว่ามันคือท่าพื้นฐานของการใช้หอกจริงๆ และถ้าจำท่าพวกนี้ได้จนขึ้นใจก็จะสามารถดัดแปลงไปใช้ในการต่อสู้ได้ แต่พ่อไม่ได้ใช้หอกจริงๆหรอกนะ พ่อใช้ไม้ไผ่เอา แต่ตอนนั้นก็นับว่าหนักเอาเรื่องอยู่ทีเดียว

“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” พ่อหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แดดก็เริ่มร้อนขึ้นทุกทีๆ แม้จะเป็นหน้าหนาวก็ตามแต่พอเข้าตอนกลางวันแล้วอากาศก็ยังร้อนอยู่ไม่เปลี่ยน พ่อพยายามอย่างมากจริงๆ แต่มันดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ โชคดีหน่อยที่ไอ้เด่นจระเข้ที่ธลไปคุยด้วยนั้นดูเหมือนจะเกรงๆ ธลอยู่ไม่น้อยเลยตกลงว่าจะหยุดการฆ่าคนจนกว่าจะหาข้อยุติได้

“ลุกขึ้น” หลวงตาตวาด

“ให้เขาพักเถอะครับหลวงตา” ธลกล่าวด้วยสีหน้าเป็นห่วง พ่อมองดูเขาใจพ่อก็เจ็บอยู่ลึกๆ เขาช่วยเหลือพ่อมาตลอด แต่พ่อกลับช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย พ่อดันตัวเองให้ลุกขึ้นอีกครั้ง

“ผมยังไหว” พ่อตอบ ยังไงพ่อก็ไม่อยากยอมแพ้อะไรง่ายๆตอนนี้ พ่ออยากจะพยายามให้ถึงที่สุด เพราะพ่อเชื่อว่าต้องสู้จึงจะชนะ หลวงตาถอนหายใจ

“ดี งั้นเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ต้น เอ้า กระบวนท่าแรก” หลวงตาสั่ง พ่อจึงเริ่มรำกระบวนท่าหอกใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งเที่ยงพ่อถึงได้พักกินข้าว พ่อตอนนั้นนะต้องเรียกว่าห่าลงเลยละ พ่อไม่เคยรู้สึกหิวอะไรขนาดนั้นมาก่อนเลย

“กินช้าๆหน่อยสิวะ เดี๋ยวก็จุกคอตายหรอก” หลวงตาดุ พ่อพยักหน้ารับพลางลดความเร็วลง

“กฤษ เสร็จแล้วเดี๋ยวเราไปเล่นลูกหินกันดีไหม” ธลชวน พ่อส่ายหัว

“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเราต้องไปฝึกหายใจในน้ำอีก แล้วก็ทรงตัวบนแพด้วย” พ่อบอก บ่ายๆพ่อก็จะแวบไปที่บึงฝึกเรื่องหายใจใต้น้ำ แล้วก็การยืนสู้บนแพซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมากในการต่อสู้กับจระเข้า ธลมีสีหน้าเศร้าๆ

“อืม เราไปด้วยได้ไหม” ธลถาม พ่อก็พยักหน้ารับพลางหันกลับไปจัดการกับข้าวตรงหน้า พอกินเสร็จพ่อก็รีบเดินไปที่บึงทันทีโดยที่มีธลเดินตามมาด้วย

“นายจะไม่พักสักหน่อยหรอ” ธลถาม พ่อส่ายหัว

“ไม่ได้หรอก ตอนนี้เจ้าสุรศักดิ์มันจะบำเพ็ญศีลถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เราจะมัวเสียเวลาไม่ได้หรอก” พ่อตอบ พ่อต้องฝึกตัวเองให้เก่งโดยไว อย่างน้อยๆก็อาจจะพอช่วยธลได้บ้าง

“นายไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้นี่นา” ธลพูด พ่อก็มองหน้าเขา

“นายเองลำบากมาเพื่อเราก็ต้องหลายต่อหลายทีแล้ว ให้เราได้ช่วยนายบ้างเถอะ แค่สักนิดก็ยังดี” พ่อตอบ ธลมองหน้าพ่อด้วยสายตาไม่สบายใจนัก

“อืม” ธลตอบสั้นๆ พ่อยิ้มให้เขาก่อนที่เราทั้งสองคนจะเดินไปที่บึงที่พ่อใช้เล่นน้ำประจำ ที่โน่นพ่อแอบต่อแพเอาไว้เองด้วยไว้ฝึกการทรงตัว พ่อวางสัมภาระลงที่ใต้ต้นไม้แล้วพ่อก็ถอดเสื้อเตรียมพร้อมสำหรับการฝึก

“อืม นายจะให้เราลงไปเป็นเพื่อนไหม” ธลถาม พ่อยิ้มพลางส่ายหัว

“ไม่ต้องหรอก นายรออยู่นี่แหละ” พ่อพูดแล้วพ่อก็กระโจนลงน้ำไปในทันที พ่อเริ่มฝึกการหายใจเพื่อที่จะได้อยู่ในน้ำได้นานๆ ซึ่งพ่อเองก็ว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็กพ่อเหลยเหมือนซึมซับเรื่องการดำน้ำมาบ้าง พ่อฝึกดำน้ำอยู่สักพักพ่อก็เปลี่ยนมาเป็นการทรงตัวบนแพแทน

“แล้วพ่อแม่นายเขาไม่ว่าอะไรนายหรอ” ธลถาม พ่อก็ยกไหล่

“อืม ตอนแรกก็ไม่ยอมนะ ถึงขนาดโทรไปต่อว่าหลวงตาเลยละ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าหลวงตาท่านพูดอะไรนะ แต่พ่อแม่เราก็อนุญาตเลย” พ่อตอบ ตอนแรกคุณปู่นี่เถียงคอเป็นเอ็นเลยพอพ่อบอกจะไปเป็นพรานจระเข้ จนคุณย่าทนไม่ไหวเลยโทรไปที่วัด คุยอะไรกันพ่อเองก็ไม่รู้ แต่พอรู้สึกตัวอีกที่พ่อก็ได้ฝึกการเป็นพรานจระข้แล้ว

“พ่อนายนี่ก็ใจดีนะ” ธลตอบ พ่อยักไหล่

“เป็นบางช่วงมากกว่านะ เวลาโหดก็โหดเหลือหลาย แต่เวลาใจดีนี่ยิ่งกว่าเทวดาอีก อิอิ” พ่อตอบพลางพยายามย่ำลงไปบนแพเล็กๆที่พ่อต่อขึ้นมาเอง พ่อยืนอยู่บนแพไม้พลางพยายามประคองร่างของพ่อเอาไว้ไม่ให้ตกลงไปในน้ำ ฟังดูเหมือนง่ายแต่จริงๆแล้วมันไม่ง่ายเลยนะ เพราะว่าแพไม่เหมือนเรือ มันเหมือนแผ่นไม้บางๆพอมีลมหรือวางขาไม่สมดุลพอมันก็จะเอนแล้วพ่อก็จะตกน้ำ ถ้าตกน้ำก็หมายถึงชีวิตเลยทีเดียว พ่อพยายามทรงตัวอยู่บนแพพร้อมกับรำกระบวนท่าหอกไปด้วย แค่พ่อยกขาแพก็เริ่มเซไปเซมาเสียแล้ว

“เราว่านายพักก่อนดีกว่าไหม” ธลพูด

“อย่าพึ่งพูด” พ่อตะโกนตอบกลับไป พ่อต้องใช้สมาธิอย่างมากเพื่อที่จะทรงตัวไว้ให้ได้ แต่ทันทีที่พ่อเริ่มยกขาขวาขึ้น ลมก็พัดลู่เข้ามาก น้ำเริ่มขยับตัวเป็นคลื่น แพของพ่อเริ่มไหวเอนไปมา พ่อเซถลาตกลงน้ำดังตู้ม พ่อไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเผลอกลืนน้ำเข้าไปอึกใหญ่ แต่ยังไม่ทันไรพ่อก็โดนลากกลับมาที่ฝั่งเสียแล้ว พ่อสำลักน้ำไอเสียงดังค่อกแค่ก

“เป็นอะไรมากหรือเปล่ากฤษ” ธลถามด้วยความเป็นห่วง พ่อส่ายหัวไปมา

“มะ ไม่เป็นไร แค่ก” พ่อพูดไปสำลักน้ำไป

“เราว่านายพอก่อนดีกว่ามั้ง วันนี้นายเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ” ธลพูด พ่อมองหน้าเขา

“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเจ้าสุรศักดิ์มันจะโพล่มาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เราปล่อยไว้ไม่ได้หรอก” พ่อตอบอย่างขึงขัน

“อืม จระเข้บำเพ็ญศีลส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาหลายเดือนนะกว่าจะออกมาได้ และเขามักจะห้ามไม่ให้ใครรบกวนด้วย แค่เดือนสองเดือนนะไม่มีหรอกนะ” ธลอธิบาย พ่อมองหน้าเขา

“แต่ว่า เรายังต้องฝึกอีกเยอะนะ” พ่อแย้ง ธลยิ้มให้

“เวลาก็ยังมีอีกเยอะนี่นา นะ ถือว่าเราขอร้องแล้วกัน” ธลเกลี้ยกล่อม พ่อเองยิ่งเห็นสีหน้าเศร้าๆของเขาแล้วพ่อก็เหมือนต้องยอมตามใจเขา

“ก็ได้” พ่อตอบ ธลเหมือนจะะยิ้มๆออกมาแล้วพ่อกับเขาก็กลับไปที่วัด

“อืม ถามหน่อยสิ ไกรทองนี่เขาเก่งมากเลยหรอ” พ่อถา ธลเงยหน้ามองท้องฟ้า

“เราไม่รู้หรอก บอกตรงๆนะ เรารู้จักพ่อไกรน้อยมากๆ ส่วนใหญ่แล้วพ่อไกรมักไม่อยู่บ้าน ไม่ก็พอกลับมามักจะพาผู้หญิงคนอื่นเข้าบ้านมาด้วยบ่อยๆนะ แม่เลยโกรธบางครั้งก็พาเราลงไปอยู่ที่ฐานลับ บ่อยๆนะ” ธลตอบ

“อืม งั้นนายก็สนิทกับแม่มากกว่างั้นสิ” พ่อถาม ธลก็พยักหน้า

“อืม เหมือนเป็นเพื่อนเล่นกันบางทีนะ แม่เราสอนเราเกี่ยวกับเรื่องจระเข้เยอะแยะเลยเหมือนกัน อย่างเรื่องบำเพ็ญศีลหรืออะไรพวกนี้นะ แล้วก็ที่แม่เล่าให้ฟังบ่อยที่สุดเหมือนจะเป็นน้าวิมาลานะ” ธลพูด พ่อเริ่มรู้สึกอยากจะรู้เรื่องนี้มากขึ้นอีกหน่อย พ่อเลยถามต่อ

“อืม เขาเป็นคนดีหรือ” พ่อถาม ธลหันมายิ้มให้

“ดีมากเลยละ น้าเขาเป็นเพื่อนสนิทของแม่เรานะ ตอนที่แม่เราโดนจับแต่งงานกับท่านชาละวัน น้ำวิมาลากลัวแม่จะเหงาเลยยอมแต่งด้วยอีกคน พอท่านชาละวันตาย น้าก็ตามแม่ไปอยู่กับพ่อไกร แม่บอกว่าน้าวิมาลาเป็นเพื่อนแท้คนเดียวที่แม่จะมี และน้าวิมาลาก็ให้สร้อยเส้นนั้นที่ทำจากหนังและฟันของน้าเขาเอง” ธลพูด

“แล้ว เออ น้าเขา เป็นอะไรหรอ” พ่อถาม ธลก้มหน้าเศร้าๆ

“น้าฆ่าตัวตายตามแม่เราไปนะ” ธลตอบ พ่อนิ่งเงียบไปชั่วคราว

“แม่เราสภาพจิตใจไม่ค่อยจะดี หลวงตาท่านว่าอย่างนั้น แม่เราเขาต้องเจอแต่เรื่องเจ็บปวดตลอดเวลา บางครั้งแม่ก็ร้องไห้อาละวาด เคยขนาดกัดเราด้วยนะ แต่สุดท้ายแล้วแม่ก็มาลูบแผลของเราเสมอๆ แล้วจู่ๆแม่ก็ล้มป่วยลง หมอก็ไม่กล้ารักษาเพราะไม่ใช่มนุษย์ พ่อไกรเองก็พยายามจะหาทางเยียวยาแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายพอแม่ตาย น้าวิมาลาก็กัดแขนตัวเองตายตามกันไป” ธลพูดพลางหันหน้ามามองผม

“น้าวิมาลาเป็นห่วงแม่เสมอ เลยไม่ยอมห่างแม่ไปไหน เป็นคำที่แม่เราพูดถึงน้าเขาบ่อยๆนะ” ธลตอบ พ่อพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“อืม ช่างเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นเสียจริงๆ” พ่อรำพึง

“แต่ก็นะ เราคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเอาเลยนะ แม่มักจะเสียใจเสมอที่เหมือนทำให้น้าวิมาลาต้องลำบากไปด้วย แม้น้าเขาจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่ในใจของแม่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ แม่อยากให้น้ามีความสุขบ้าง ถ้าแม่รู้เข้าว่าน้าฆ่าตัวตายตามไป แม่คงเสียใจไม่น้อยที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้เพื่อนที่ตนรักที่สุดต้องมาลำบากเพราะเขานะ” ธลพูด พ่อตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจอะไรที่ธลบอกนัก พ่อก็คิดแต่ว่าสิ่งที่วิมาลาทำนั้นมันดูน่ายกย่องออกจะตายไป พ่อกับธลกลับมาถึงวัดในเวลาไม่นาน พ่อไม่เห็นหลวงตาเลยเข้าใจว่าหลวงตาศึกษาพระธรรมอยู่ พ่อจึงเดินกะจะเข้าไปนั่งอ่านคาถาพรานจระเข้เพิ่มเติม แต่ทันใดนั้นเองพ่อก็ได้ยินเสียงที่พ่อคุ้นหู

“อืม แล้วจะให้เขาเล่นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่หรือครับหลวงพ่อ” เสียงของคุณปู่ดังขึ้น พ่อหันกลับไปดูพบว่าคุณปู่กับหลวงตานั้นนั่งคุยกันอยู่

“ก็คงจนกว่ามันจะยอมนั่นแหละนะ” หลวงตาพูด พ่อเริ่มขมวดคิ้ว ใครยอมใครกันนะ

“แต่บอกตรงๆผมตกใจมากจริงๆนะครับหลวงพ่อ อยู่ดีๆมันก็บอกอยากจะเป็นพรานจระเข้เสียอย่างนั้น บ้าจริงๆเลย” คุณปู่พูด พ่อกำมือแน่น

“อย่าไปว่าเขาอย่างนั้นสิ เขามีจุดประสงค์ดีเพื่อจะช่วยคนอื่น ถือว่าเป็นเรื่องน่าชมเชย เพียงแต่เขาก็ยังเด็ก คิดอะไรทำอะไรก็ยังหุนหันพลันแล่น ให้เวลาเขาหน่อยเดี๋ยวเขาก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง” หลวงตาตอบ คุณปู่ก็ประนมมือยกขึ้นสูงเหนือหัว

“ยังไงก็ต้องขอบคุณหลวงพ่อมากเลยนะครับที่ช่วยโกหกให้” คุณปู่พูด พ่อตาลุกวาวทันที นี่หมายความว่ายังไงเนี่ย โกหก

“เอ็งก็พูดเกินไป ข้าไม่ได้โกหกสักหน่อย เพราะโกหกนั้นเป็นบาป ข้าฝึกเขาอย่างที่ฝึกเป็นพรานจระเข้จริงๆ แต่ข้าเตือนมันแล้วว่ามันต้องใช้เวลา แค่เดือนสองเดือน ได้อย่างมากก็แค่รำหอก ข้าเลยบอกว่าให้เหมือนกับเป็นการออกกำลังกายแล้วกัน” หลวงตาพูด พ่อฉุนขาดเลย นี่หมายความว่าทั้งหมดที่พ่อทำไปมันก็แค่เรื่องหลอกลวงเท่านั้นเองหรือ พ่อไม่ทนฟังอีกต่อไป พ่อลุกขึ้นพรวดพราดทันที

“ทำไมถึงทำกันแบบนี้ละ” พ่อพูดสุดเสียง ทั้งคุณปู่และหลวงตาต่างหันกลับมามองพ่อเป็นตาเดียว

“เป็นเด็กเป็นเล็กแอบฟังผู้ใหญ่คุยกันรู้ไหมว่ามันเสียมารยาทมาก” คุณปู่ตวาด พ่อตอนนั้นก็เหลืออดแล้ว พ่อเลยใส่ไม่ยั้ง

“แล้วที่โกหกลูกนี่มันมีมารายาทมากหรือไงพ่อ” พ่อสวนกลับ

“นี่พูดอย่างนี้กับพ่อหรอ” คุณปู่ตวาดกลับ

“เอานะพอทีทั้งสองคนนะ เป็นพ่อลูกกันแท้ๆจะทะเลาะกันไปทำไม ไอ้กฤษ มันไม่ใช่ข้าไม่อยากช่วยนะ แต่ข้าเห็นแล้วว่ามันเป็นไปได้ยาก ยังไงเอ็งก็เป็นพรานจระเข้ไม่ได้ในสองเดือนหรอก” หลวงตาพูด พ่อกำมือแน่น

“ผมจะทำให้ได้ ต่อให้มันยากแค่ไหนผมก็จะทำ” พ่อตอบ

“แกจะเป็นพรานจระเข้ทำหอกอะไรวะ แกจะไปฆ่าจระเข้ทำกระเป๋าหรือไง” คุณปู่ถาม

“ผมไม่เห็นแก่เงินเหมือนพ่อหรอก ผมก็แค่อยากจะทำอะไรตอบแทนธลเขาบ้างก็เท่านั้น” พ่อตอบ

“ตอบแทน ธล เขาไปทำอะไรให้แก แกถึงต้องไปทดแทนบุญคุณมัน” คุณปู่ถามอีก พ่อก็ลืมตัวไปด้วยความโมโห กำลังจะตอบไปแต่มืออุ่นๆของธลบีบไหล่ของพ่อเอาไว้ สติของพ่อเหมือนเริ่มกลับคืนมา พ่อหันไปมองธลที่มีสีหน้าไม่สบายใจเลย พ่อมองดูหลวงตาที่มีสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด แล้วพ่อก็พึ่งรู้ตัวว่าพ่อเกือบจะหลุดพูดไปแล้วว่าธลนั้นไม่ใช่คน แต่เป็นลูกครึ่งจระเข้

“แค่เพื่อนกันแกจะไปคิดอะไรกับมันมาก พอโตๆกันไปก็ลืมไปหมดแล้ว” คุณปู่พูด คราวนี้พ่อเลือดขึ้นหน้าเลย

“ไม่มีทางหรอก ผมกับธลไม่มีวันลืมอย่างเด็ดขาดเลย” พ่อตอบ คุณปู่ก็ส่ายหัว

“เฮ้อ ลูกเนรคุณจริงๆ ทำไม มันมีดีนักหรือไง กูเลี้ยงแกมายังไม่ดีเท่ามันเลี้ยงแกใช่มะ” คุณปู่ย้อน พ่อกำหมัดแน่น

“พอเถอะกฤษ” ธลพูดขึ้น พ่อหันไปมองหน้าเขาอย่างฉุนเฉียว

“เราทำนายลำบากมามากพอแล้วละ เราว่าตอนนี้นายกลับบ้านไปก่อนดีกว่านะ” ธลพูด พ่อถึงกับอึ้งไปเลย

“นายไม่เกี่ยวเลยนะธล นายไม่ได้ทำอะไรให้เราลำบากเลยนะ” พ่อตอบ ธลมองหน้าพ่อ

“เพราะเราทำให้นายต้องมาฝึกอะไรเหนื่อยๆ และเพราะเราทำให้นายต้องทะเลาะกับพ่อ ถ้ามันไม่ใช่เพราะเราแล้วเพราะใครกันละ” ธลตอบ พ่อจับไหล่ของธลไว้

“เฮ้ย นี่มันไม่เกี่ยวเลยสักนิดนะธล นายไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนี่” พ่อตอบ ธลมองหน้าพ่อ

“นายกลับบ้านไปก่อนเถอะ ไว้สงบสติอารมณ์ได้แล้วค่อยมาใหม่ดีกว่า” ธลพูด พ่อแถบไม่เชื่อหูตัวเอง นี่ธลไล่พ่อกลับบ้าน ทั้งๆที่เขาเองเป็นคนบ่นว่าอยากทานขนมกับพ่อ อาบน้ำกับพ่อ

“นี่นายล้อเล่นใช่ไหม” พ่อถาม ธลมองตาของพ่อ สีหน้าของเขาจริงจังอย่างไม่ต้องเดาเลย พ่อสุดจะเข้าใจ ทั้งๆที่พ่อทำทุกอย่างก็เพื่อเขา แต่เขากลับไล่พ่อกลับบ้านไป พ่อไม่ฟังอะไรทั้งนั้น พ่อวิ่งออกจากวัดวิ่งไปสุดลูกหูลูกตา พ่อวิ่งไปไม่หยุด พ่อวิ่งโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพ่อจะวิ่งไปที่ไหน แต่พ่อไม่สนใจอะไรแล้ว พ่อวิ่งไปพลางกัดฟันแน่น ทั้งๆที่พ่อตั้งใจทำดีแต่ทำไมไม่มีใครมองเห็นมันบ้างเลย โดยเฉพาะธล ทั้งๆที่พ่อยอมเหนื่อยขนาดนี้ก็เพื่อเขาแต่เขากลับไม่เคยแยแสมันเลยด้วยซ้ำ พ่อวิ่งจนเหนื่อยหอบ พ่อนั่งลงตรงกลางทางนั่นเลย แล้วพ่อก็พึ่งรู้ตัวว่าพ่อกลับมาที่บึงอีกครั้ง พ่อนั่งมองดูน้ำใสๆในบึง พ่อคว้าเอาก้อนหินแถวๆนั้นปาลงไปในบึง เสียงน้ำแตกกระจายออกดังไปทั่ว แต่พ่อยังไม่สะใจ พ่อเริ่มควานหาของอย่างอื่นปาใส่ลงไปในน้ำ น้ำที่นิ่งสนิทกระเพื่อมเป็นคลื่นดั่งทะเลคลั่งไม่ต่างอะไรกับใจของพ่อตอนนี้

“ทำไมไม่มีใครเข้าใจกูเล้ยย” พ่อตะโกน

“แล้วนายเคยเข้าใจเราบ้างหรือเปล่า” เสียงของธลดังขึ้น พ่อหันกลับไปมอง ธลยืนมองพ่ออยู่ พ่อขมวดคิ้วทันที

“นายตามมาทำไมอีก จะพาเรากลับบ้านงั้นหรอ” พ่อถาม ธลถอนหายใจยาว

“เรามาตามนายเพราะเป็นห่วงนายนะ” ธลตอบ พ่อขมวดคิ้ว

“เป็นห่วงงั้นหรอ เชอะ ทีเมื่อกี้ละจะไล่ให้เรากลับบ้าน มาอย่างนี้ละทำเป็นห่วง” พ่อบ่น

“ก็นายเล่นวิ่งออกมาอย่างนั้น เราก็เป็นห่วงสิ” ธลพูด พ่อหลบหน้าเขาไป

“เราเคยคิดว่านายน่าจะเป็นคนที่เข้าใจเรามากที่สุด แต่นายก็เปล่าเลย” พ่อตอบ

“เราเองก็คิดแบบนั้น แต่อันที่จริงดูเหมือนนายเองจะไม่เข้าใจอะไรเราเองเหมือนกัน” ธลพูด พ่อหันกลับไปมอง

“ทำไมเราจะไม่เข้าใจละ ที่เราทำไปทุกอย่างก็เพื่อนายนะ เราไม่อยากให้นายต้องไปตาย นายเข้าใจบ้างไหม” พ่อตวาด

“แล้วนายละเคยเข้าใจความรู้สึกของเราบ้างไหมที่ต้องเห็นคนที่เรารักทนทุกข์ทรมาณนะ” ธลพูด พ่อก็นิ่งเงียบไป

“เราต้องเห็นนายตื่นแต่เช้า งัวเงีย ง่วงก็ง่วงแต่ก็ตื่นมาวิ่งล้มลุกคลุกคลาน พอแดดออกนายก็ต้องรำหอกท่ามกลางแสงแดดจนผิวนายไหม้ไปหมดแล้ว แถมวันนี้นายก็เกือบจะจมน้ำอยู่แล้ว นายเคยคิดบ้างไหมว่าเรารู้สึกยังไง” ธลตอบกลับมา พ่อถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลย พ่อไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเลย ธลถอนหายใจพลางมองมาที่พ่อ

“เราดีใจนะที่นายพยายามเพื่อเราขนาดนี้ แต่ถ้ามันทำให้นายต้องเป็นแบบนี้เราไม่ต้องการเลย เราอยากให้นายกลับมากินขนมกับเราเหมือนเดิม อาบน้ำด้วยกัน ถูหลังให้กัน นอนดูดาว ฟังนายเล่าเรื่องชีวิตของคน ได้หัวเราะ ได้ยิ้มไปกับนาย นั่นต่างหากที่เราต้องการจริงๆ ไม่ใช่แบบนี้” ธลพูดพลางน้ำตาก็ค่อยๆหยดลงมาเป็นสาย

“นายไม่เคยตะคอกใส่เราแบบนั้นเลย นายเปลี่ยนไปมาก มากจนเรากลัวว่า เราจะเสียกฤษเพื่อนคนเดียวที่เรามีไป” ธลตอบ พ่อเริ่มฉุกคิดได้ พ่อพยายามอย่างมากเพื่อจะช่วยเขาจนพ่อลืมที่จะนึกถึงจิตใจของคนอื่นไปด้วย การทำอะไรเพื่อคนอื่นเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเรามัวแต่ทำโดยไม่คิดถึงจิตใจของคนอื่นด้วยนั้น เราอาจจะทำร้ายคนที่เรารักทางอ้อมก็เป็นได้ มาถึงตรงนี้พ่อจึงเริ่มเข้าใจที่ธลพูดถึงน้าวิมาลาว่าทำไม่ถูก อันที่จริงพ่อเริ่มคิดแล้วว่าพ่อนั้นเห็นแก่ตัวเกินไปจริงๆ พ่อเดินไปกอดธลเอาไว้พลางกดหัวเขามาซบที่บ่าของพ่อเบาๆ

“เราขอโทษนะธล เราผิดไปแล้วละ เราจะไม่ทำอีกแล้ว” พ่อพูด ธลกอดตัวพ่อเอาไว้

“อืม นายไม่ต้องลำบากแล้วนะ แค่นายกอดเราแบบนี้ แค่นายอยู่ข้างเราแบบนี้ แค่นี้เองที่เราต้องการ ต่อให้นายเป็นพรานจระเข้ไม่ได้ แค่นายเป็นเพื่อนเราแค่นี้ก็พอใจแล้ว” ธลตอบ พ่อกอดตัวเขาเอาไว้แน่น และพ่อก็ได้เข้าใจความหมายของคำว่า เอาใจใส่ ก็วันนั้นเอง...


ชายหนุ่มมองมาที่หญิงสาว ทั้งสองต่างจับมือกันไว้แน่น

“ความรักไม่อาจทำให้อิ่มท้องแต่ก็ทำให้อิ่มเอิบใจได้ แต่ถ้ารักแล้วต้องทุกข์ทนมันก็คงไม่เรียกว่ารักสักเท่าไหร่ คนเรามีทั้งท้องและหัวใจ เราจะดูแลแค่ส่วนเดียวมันคงไม่ได้ เราจึงต้องให้ความสำคัญกับทั้งสองอย่างให้เท่ากัน” ชายหนุ่มพูดพลางมองดูท้องฟ้า

“ขอบคุณนะธลที่ทำให้เราเข้าใจความหมายของชีวิตมากขึ้น” ชายหนุ่มคิดพลางยิ้มอยู่ในใจ


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #24 เมื่อ28-12-2006 20:36:56 »

ความรักไม่อาจทำให้อิ่มท้องแต่ก็ทำให้อิ่มเอิบใจได้

แต่ถ้ารักแล้วต้องทุกข์ทนมันก็คงไม่เรียกว่ารักสักเท่าไหร่

 :yeb:

meemewkewkaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #25 เมื่อ29-12-2006 01:43:30 »

หายไปสองสามวัน นึกว่าพี่เรย์จะลืมเรื่องนี้ซะแล้วซิ

ว่าแต่กฤษเล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวฟังแล้ว พวกเค้าจะไม่สงสัยกันเลยรึไงน๊า

เก๋าดี

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #26 เมื่อ29-12-2006 16:06:34 »

นี่ก็หนุกอีกเรื่องแล้ว

 :myeye: :myeye: :myeye:

จะติดอีกซักกี่เรื่องกันดีหว่า

 :untrust: :untrust: :untrust:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #27 เมื่อ29-12-2006 21:18:58 »

อ้างถึง
“ความรักไม่อาจทำให้อิ่มท้องแต่ก็ทำให้อิ่มเอิบใจได้ แต่ถ้ารักแล้วต้องทุกข์ทนมันก็คงไม่เรียกว่ารักสักเท่าไหร่ คนเรามีทั้งท้องและหัวใจ เราจะดูแลแค่ส่วนเดียวมันคงไม่ได้ เราจึงต้องให้ความสำคัญกับทั้งสองอย่างให้เท่ากัน”



ชอบท่อนนี้เหมือนกันเยย  :yeb:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #28 เมื่อ02-01-2007 21:28:19 »

ไม่เคยลืมเพื่อนๆแน่ครับ
แต่เพื่อนๆจะลืมผมอ่ะป่าวดิ ไม่ยอมคอมเม้นต์กันเลย
เสียจาย
 :monkeysad:

ว่าแต่ว่าอ่านกันทันป่าว
 :angellaugh2:

******************

บทที่ 9

“คุณอ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้าหรือยังคะ” หญิงสาวหันมาถามขณะที่กำลังนั่งรับประทานอาหารกับชายหนุ่มและเด็กสาว

“อันไหนหรอ” ชายหนุ่มถาม

“ก็ที่ว่าลูกยาจกจริงๆแล้วเป็นลูกเศษฐีไงคะ แหมหยั่งกับนิยายน้ำเน่า เรื่องจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” หญิงสาวแสดงความคิดเห็น ชายหนุ่มยิ้มรับ

“เรื่องบนโลกใบนี้ยังมีปริศนาอยู่อีกตั้งมากมาย ต่างคนต่างก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันไป เรื่องเหลือเชื่อก็มีให้เห็นกันบ่อยๆ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไรเลยนี่นา” ชายหนุ่มพูด หญิงสาวกรอกตาไปมา

“แหม มันก็ใช่อยู่หรอกคะ แต่ไอ้สลับลูกอะไรกันนี่ฉันไม่ค่อยจะเชื่อมันสักเท่าไหร่เลย” หญิงสาวตอบ ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ

“ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะ แต่บางทีมันก็เกิดไปแล้วนี่นา อย่าง...” ชายหนุ่มหยุดพูดลงกระทันหัน

“อย่าง อะไรหรือคะ” หญิงสาวถาม

“อย่างพี่ธลนะหรอคะ” เด็กสาวพูดแทรกขึ้นมา ชายหนุ่มยิ้มพลางพยักหน้าอย่างช้าๆ

“งั้น เรื่องมันเป็นไงมายังไงหรือคะ” หญิงสาวถาม ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่า...

หลังจากที่พ่อโดนทั้งหลวงตา ธล แล้วก็คุณปู่ดุด่าได้สักพักพ่อก็เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่พ่อก็ไม่ได้หยุดการฝึกที่จะเป็นพรานจระเข้หรอกนะ พ่อก็ยังไปฝึกอยู่เป็นเนืองๆ แต่ก็ไม่หนักหนาเท่าแต่ก่อนแล้ว บางทีพ่อก็เอาเวลาส่วนใหญ่ไปเที่ยวเล่นกับธลเสียมากกว่า ธลเขาไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหนเท่าไหร่ อันที่จริงหลวงตาก็ไม่อนุญาติให้เขาได้ออกไปไหนไกลๆเสียด้วยซ้ำไป

“มันไม่ใช้ว่าข้าใจร้ายหรอกนะ แต่เพื่อตัวของมันเองนะ” หลวงตาให้คำอธิบายแบบนี้ พ่อเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจแต่พ่อว่ามันก็อึดอัดอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ดังนั้นพ่อเลยจะวางแผนแอบพาธลหนีไปเที่ยว

“แต่มันจะดีหรอ” ธลถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล พ่อยิ้ม

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไปแป๊ปเดียวเอง อีกอย่างก็แค่ไม่ให้นายกินเนื้อแค่นี้ก็ไม่เป็นไรแล้วใช่ปะ” พ่อพูด ธลยังคงมีสีหน้าไม่สบายใจเหมือนเดิม พ่อตบหลังธลเบาๆ

“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า เราออกไปกันตั้งแต่เช้า บ่ายๆก็กลับแล้ว หลวงตาไม่รู้หรอก อีกอย่างเราอยากให้นายได้เห็นอะไรข้างนอกบ้างนะ มันน่าเบื่อไม่ใช่หรอที่จะต้องติดแหงกอยู่ที่นี่ตลอดเวลานะ” พ่อพูด ธลมองหน้าพ่อพลางยิ้มให้

“เราดีใจจังที่ได้นายคนเดิมกลับมา” ธลตอบ พ่อเกาหัวอย่างเขินๆ

“ไม่หรอก นายต่างหากที่เตือนสติเราไว้ ขอบใจนะ เราเกือบจะทำให้เพื่อนที่เรารักที่สุดต้องเจ็บปวดเสียแล้ว” พ่อตอบ ธลมองหน้าพ่อด้วยแววตาแปลกๆ

“อะ อืม” ธลพูดสั้นๆ

“งั้นรีบเข้านอนกันดีกว่า เดี๋ยวจะตื่นไม่ไหว” พ่อเสนอ

“อะ เออ อืม” ธลอ้ำอึ้ง พ่อเหลือบหันไปมอง

“มีอะไรหรอ” พ่อถาม ธลมองหน้าพ่ออีกครั้งสีหน้าของเขาเหมือนแฝงความนัยบางอย่างเอาไว้ พ่อเองตอนนั้นก็สุดจะเข้าใจ

“มะ อืม ไม่มีอะไร” ธลพูดเบาๆพลางหลบหน้าพ่อไป พ่อถอนหายใจยาวพลางเอามือคล้องคอเขาไว้

“ทำไม มีอะไรก็พูดออกมาสิ อ้ำอึ้งอยู่ทำไม” พ่อถาม ธลเหมือนพยายามจะพูดแต่เขาก็ไม่พูดมันออกมา พ่อจับคอของเขากดลง

“จะพูดไหมหรือให้ต้องใช้กำลัง” พ่อเอาแขนรัดคอเขาแน่นเข้า แต่ธลตัวใหญ่กว่าพ่อมาก อันที่จริงพ่อก็ไม่คิดหรอกว่าแรงอย่างพ่อจะทำอะไรเขาได้

“อะ เออ คือ เออ นาย นะ คือ นายนอนกับเราได้ไหม” ธลถาม พ่อขมวดคิ้วให้

“อ้าว นี่ก็นอนด้วยกันอยู่นี่ไง” พ่อตอบอย่างงงๆ ธลก็แค่พยักหน้ารับ

“อะ อือ ก็จริงนะ” ธลพูด

“เอาเถอะรีบนอนดีกว่า เดี๋ยวจะตื่นไม่ไหว” พ่อตอบ แล้วพ่อกับธลก็เข้านอนกัน

“กฤษ” ธลทัก

“อะไร” พ่อตอบ

“คือ เออ อืม มะ ไม่มีอะไร” ธลตอบ พ่อหันหน้ากลับมามองเขา

“นี่ บอกแล้วไงว่าถ้ามีอะไรก็พูดมา” พ่อพูด ธลกลืนน้ำลายเล็กน้อย

“อะ เออ คือ เออ นาย แบบว่า อืม นายคิดว่า อืม เราเป็นไงบ้างหรอ” ธลถาม พ่อคิดอยู่สักครู่ก่อนจะตอบไปว่า

“นายก็ดีออก เจ๋งดีด้วยทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง” พ่อตอบ

“หรอ นายไม่คิดว่าเราประหลาด ไม่ใช่มนุษย์อะไรงี้หรอ” ธลถามอีก

“อืม แล้วไงหรอ นายก็คือนาย จะเป็นอะไรก็ช่างสิ นายเป็นเพื่อนของเราเพราะงั้นต่อให้นายจะเป็นอะไรเราก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว นี่ยังคิดเรื่องนี้อยู่อีกหรอ” พ่อถาม ธลหลบสายตาพ่อไป

“คือ เรากลัวนะ เรากลัวว่าถ้าสักวันนึงแล้วนายต้องจากเราไป เรากลัวว่าเหตุผลนั้นมันคือ เพราะเราเป็นจระเข้ แล้ว นายเป็นมนุษย์ คือ นายก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เราเองก็ขาดนายไม่ได้แล้วเหมือนกัน เราคงเจ็บปวดไม่น้อยถ้าเกิดวันนั้นมันเป็นจริงขึ้นมา” ธลพูด พ่อดึงตัวธลมากอดไว้ที่อกของพ่อ

“เรื่องของอนาคตเราเองก็ไม่รู้หรอก แต่ที่เรารู้ตอนนี้คือเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่แบบนี้ แค่นั้นก็พอแล้วละ เรื่องมันจะจบยังไง แต่อย่างน้อยๆเราก็ได้ทำตรงนี้ไปแล้ว เราว่ามันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ” พ่อพูด

“อืม” ธลตอบเบาๆ ก่อนที่เราจะหลับไปทั้งๆอย่างนั้น ตอนนั้นพ่อบอกกับตัวเองว่าจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อถ้าว่าวันนั้นมาถึงแล้ว เราจะมีความทรงจำที่ดีติดตัวเราไปตลอดกาล เช้ามาพ่อตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน เพราะว่าพ่อมีแผนจะพาธลไปดูสวนสมเด็จที่อยู่ไม่ไกลจากบึงสีไฟนะ พ่อรีบปลุกธลเพื่อที่จะไปที่บึงแต่เช้าตรู่ และค่อยไปหาอะไรทานกันที่นั่น เราไปถึงทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้นพอดีเลย พระอาทิตย์ค่อยๆโพล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ แสงส้มทองส่องอร่ามสะท้อนผิวน้ำระยิบระยับไปมา

“สวยดีเนอะ” พ่อทักพลางหันไปมองธล เขายิ้มให้พ่อตอบกลับมา

“อืม อันที่จริงเราเคยเห็นมาตั้งหลายครั้งแล้วละ แต่ทำไมครั้งนี้มันถึงได้ดูสวยกว่าทุกครั้งนะ” ธลรำพึง พ่อมองหน้าเขา ธลก็หันหน้ากลับมามองพ่อ

“อาจเป็นเพราะวันนี้มีนายอยู่ข้างๆก็ได้นะ” ธลพูด พ่อตกใจเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าเขาคงจะรู้สึกดีที่มีเพื่อนมาดูด้วย

“ดูคนเดียวมันก็เหงาๆละมั้ง” พ่อตอบ ธลยิ้มแต่ไม่พูดอะไร จากนั้นพ่อก็พาเขาไปดูสวนสมเด็จ พ่อแวะหาซื้อะไรกินรองท้องก่อนแล้วจึงเดินเข้าไปข้างใน ข้างในสวนประดับตกแต่งอย่างสวยงาม มีพรรณไม้หลากหลายชนิด และยังมีพิพิทธภัณฑ์สัตว์น้ำอยู่ด้วย ระหว่างที่พ่อกับธลกำลังดูปลาธลเองก็ให้ความรู้กับพ่อเรื่องจระเข้อีกด้วย

“อืม ทำไมเราไม่ค่อยเห็นนายกินข้าวเลยอะ” พ่อถาม ธลก็คิด

“จระเข้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยกินข้าวบ่อยนักหรอก ยิ่งอากาศหนาวๆจะกินไม่ค่อยลงเท่าไหร่ และบางทีถ้าหิวๆก็ยืนตากแดดแรงๆหน่อยก็พอช่วยให้หายหิวได้นะ” ธลอธิบาย

“นี่นายสังเคราะห์แสงได้ด้วยหรอ” พ่อถาม ธลขมวดคิ้ว

“สังเคราะห์แสงคืออะไร” ธลถามกลับ เอาละสิ พ่อเองก็ไม่ค่อยเก่งวิทยาศาสตร์มากเสียด้วยสิ

“กะ ก็พืชอะมันจะมีอะไรเขียวๆ คอเรสเตอรอล หรือ อะไรสักอย่างนี่แหละ มันจะช่วยสร้างอาหารให้พืชได้นะ พืชเลยแค่รดน้ำไง” พ่อตอบแบบงงๆ ธลขมวดคิ้ว

“มั้ง แต่เวลาเรากินทีเราก็กินเยอะเหมือนกันแหละ” ธลอธิบาย พ่อก็พยักหน้า

“อืม มิน่าละพวกจระเข้ถึงชอบอาบแดดกัน*” พ่อตอบ ธลพยักหน้ารับ จากนั้นเราก็เดินดูจนทั่วสวนก่อนที่พ่อกับธลจะตัดสินใจนั่งพัก

“นายชอบไหม” พ่อถาม ธลพยักหน้ารับ

“อืม เราชอบมากๆเลยละ มันสวยมากจริงๆ” ธลตอบด้วยรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่เป็นสุขและก็ทำให้พ่ออดยิ้มไปกับเขาด้วยไม่ได้ พอสักเที่ยงๆ พ่อก็ตัดสินใจพาธลกลับเพราะไม่งั้นหลวงตาจะสงสัยได้ พ่อกับธลเดินตัดกลับไปทางบึงเพราะมันใกล้กว่าเดินทางเท้าปกติ

“สนุกไหม” พ่อถาม ธลหันมาพยักหน้าให้

“สนุกมากๆเลยละ เราไม่เคยไปเที่ยวอย่างนี้มาก่อนเลย ขอบใจมากเลยนะ” ธลตอบ พ่อยิ้มเขินๆ

“ไม่ต้องขอบใจก็ได้ ถ้าอยากไปอีกเดี๋ยวเราพาไปอีกนะ” พ่อพูด ธลพยักหน้า

“อืม” ธลตอบ เราเดินกันต่อไปอีกสักพักแต่แล้วธลก็ดึงมือของพ่อเอาไว้ พ่อหันหลังกลับไปมองเขา

“มีอะไรหรอ” พ่อถาม ธลมองหน้าพ่อแก้มแดงแจ๋ แววตาลึกของเขาจ้องมองมาที่พ่อ

“อะ คือ อืม กฤษ ระ เรามีเรื่องอยากจะพูดนะ” ธลพูดอย่างตะกุกตะกัก แววตาของเขามันเหมือนแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้จริงๆ

“กฤษ คือ อ๊ะ...” ธลอุทานพลางหันหลังกลับไป พ่อก็ชะเง้อมองตามแต่ยังไม่ทันที่พ่อจะเห็นอะไรธลก็แบกร่างของพ่อขึ้นบ่าแล้วก็พุ่งฉิวไปในทันที

“กะ เกิดอะไรขึ้น” พ่อถาม แต่ธลไม่ตอบเขาแบกร่างของพ่อผ่านสายลมไปอย่างรวดเร็ว พอมาถึงวัดทั้งพ่อและธลต่างตาค้างกันเป็นแถว เพราะจระเข้หลายร้อยตัวมายืนออกันอยู่หน้าวัดไม่ขยับไปไหน

“จะ จระเข้เพียบเลย” พ่ออุทานอย่างตกใจ พ่อไม่เคยเห็นจระเข้เยอะเท่านี้มาก่อนเลย มันเยอะมากเสียจนมันขวางถนนหนทางไปหมด

“ถึงเวลาแล้วสิ” ธลรำพึง พ่อก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่านี่สุรศักดิ์คงจะบำเพ็ญศีลเสร็จแล้วเป็นแน่แท้

“กรรร” เสียงคำรามเสียงนึงดังขึ้น แล้วจระเข้ทั้งหลายก็เปิดทางออก จระเข้ตัวใหญ่เบ้อเริ่มตัวนึงเดินตัดทางตรงเข้ามาหาพ่อกับธล ตัวมันใหญ่ แถมผิวหนังก็เป็นสีน้ำตาลเข้ม ขนาดรูปร่างของมันพอๆกับรถเก็งก็ไม่ปาน นั่นเป็นจระเข้ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่พ่อเคยเห็นมาในชีวิตเลย มันเดินย่างสามขุมมาอย่างช้าๆ ธลวางพ่อลงที่พื้น พ่อถึงกับตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกเลย

“โหกก” จระเข้อ้าปาก ธลก็พยักหน้า

“ครับ ผมเอง” ธลตอบ ผมไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าธลนั้นพูดอะไรกับจระเข้จ้าวตัวนั้น

“โหก กรรร กรร โหก โหก” เจ้าจระเข้ส่งเสียงคำรามพลางสะบัดหางไปมา

“ครับ ผมทราบดีครับ เลือดต้องล้างด้วยเลือด” ธลตอบ นี่หมายความว่ายังไงธลก็ต้องถูกส่งตัวไปใช่ไหม พ่อเริ่มคิด

“โหก” จระเข้ตัวนั้นพูด ธลพยักหน้า

“ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องท่าน” ธลถาม เจ้าจระเข้มองหน้าธล

“ท่านจะช่วยหยุดการแข่งขันการฆ่ามนุษย์เพื่อตำแหน่งท้าว ได้หรือไม่” ธลเสนอ

“โหก โหก” เจ้าจระเข้คำราม

“แต่ว่า...” ธลพยายามจะพูด แต่เจ้าจระเข้นั่นกลับตวัดหางมาที่หน้าของธล และมันก็หยุดไว้แค่นั้น

“โหก กรรร กรรร กรร” เจ้าจระเข้ส่งเสียงร้อง ธลยืนนิ่งไม่ขยับร่างของเขาแม้แต่น้อย พ่อไม่เคยเห็นธลที่มีสีตาแน่วแน่ขนาดนี้มาก่อนเลย ปกติแล้วธลมักจะขี้อาย ไม่กล้าทำอะไรเท่าไหร่ แต่พอเขาอยู่ต่อหน้าฝูงจระเข้แล้วเหมือนกับเป็นคนละคนกันเลย ธลหันมามองพ่อด้วยแววตาเศร้าๆ

“ขอผมพูดอะไรเป็นครั้งสุดท้ายก่อนได้ไหมครับ” ธลถามเจ้าจระเข้ยักษ์ตรงหน้า

“ครือ” จระเข้คำรามในลำคอ ธลหันมามองพ่อ

“อืม แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่เราก็สนุกมากเลยนะ ขอบใจนะที่มาเป็นเพื่อนกับเรา” ธลตอบ พ่อตาค้างทันที

“ธะ ธล” พ่อพยายามจะวิ่งเข้าไปหาเขาแต่จระเข้สองสามตัวก็เข้ามาขวาง หลวงตาก็ยังมาห้ามพ่อเอาไว้อีก ธลยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะเดินลงไปที่แม่น้ำพร้อมกับจระเข้ทั้งฝูง พ่อเริ่มดิ้น

“ธล ดะเดี๋ยวสิ หลวงตา ทำอะไรสักอย่างสิ” พ่อร้อง แต่หลวงตาก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา

“เราจะไปทำอะไรได้ละ” หลวงตาถาม พ่อกำหมัดแน่น

“ก็อย่างน้อยๆก็สู้มันสิ ธลเขาไม่ผิดสักหน่อย คนที่ผิดนะผมต่างหาก” พ่อร้อง

“กฤษ พอเถอะ เราไม่เป็นไรหรอก ขอบใจมากนะที่พยายามเพื่อเรา” ธลพูด พ่อได้แต่มองดูเขาเดินลงน้ำจนลับสายตาไป
พ่อกลับมาถึงบ้านอย่างเซ็งๆ กลับมาพ่อก็โดนคุณปู่เอ็ดตะโร ดูเหมือนว่าหลวงตาจะประกาศเตือนคนอื่นๆไว้ก่อนแล้ว และคงรวมไปถึงบอกด้วยว่าจะส่งตัวธลไปให้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดใดๆขึ้น พ่อเองก็อยากจะตามไปช่วยธลเขาแต่จระเข้นั้นอยู่ในน้ำพ่อเองดำน้ำได้ก็จริงแต่ก็คงไม่ได้นานนัก พ่อนอนเหม่อมองเพดานห้อง พ่อมองไปที่หิ้งบูชาพระพลางถอนหายใจ พ่อตัดสินใจเดินไปสวดมนต์ แม้พ่อจะรู้ว่ามันคงไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นทางสุดท้ายที่พ่อพอจะคิดออกแล้ว พ่อตั้งจิตอธิฐานขอให้ธลนั้นปลอดภัย แต่แล้วตาของพ่อก็เหลือบไปเห็นเชิงเทียนที่ตั้งอยู่ระหว่างพระประธาน แล้วพ่อก็นึกถึงเทียนระเบิดน้ำขึ้นมาได้ ถ้าใช้ไอ้นั่นพ่ออาจจะตามไปช่วยธลได้ แต่ปัญหาก็คือพ่อจะไปที่วัดได้ยังไง

“พ่อครับผมอยากไปวัดครับ” พ่อเดินลงไปบอกกับคุณปู่ตรงๆ คุณปู่ก็มองหน้าพ่อสายตาแปลกๆ

“มึงจะไปทำไม” คุณปู่ถาม พ่อสูดหายใจลึก

“ผมอยากไปคุยพระธรรมกับหลวงตาครับ” พ่อเริ่มโกหก คุณปู่ขมวดคิ้ว

“อย่างเอ็งเนี่ยนะไปคุยพระธรรม” คุณปู่แย้ง พ่อพยักหน้ารับ

“ตอนนี้ผมคิดถึงธลเขานะพ่อ และผมเองก็รู้ดีว่าธลคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ถ้าผมอยู่ที่นี่ผมคงฟุ้งซ่านถ้าผมได้คุยกับหลวงตาบางทีผมอาจจะทำใจได้เร็วขึ้นก็ได้” พ่ออ้าง แม้ว่าจะเป็นเรื่องโกหกแต่ความรู้สึกครึ่งนึงของพ่อเองก็บอกว่าถ้าธลไม่กลับมา พ่อคงต้องเสียใจมาก และบางทีพ่ออาจจะต้องคุยกับหลวงตาเพื่อทำใจจริงๆก็เป็นได้ คุณปู่จ้องหน้าพ่ออยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจยาว

“อยากไปทำอะไรก็ไป แต่กลับมาให้ทันข้าวเย็นนะ” คุณปู่กำชับ พ่อพยักหน้าแล้วก็รีบบึ่งกลับไปที่วัดในทันที พ่อมาถึงที่วัดพ่อก็พึ่งจะรู้ตัวว่าพ่อเองก็ไม่รู้ว่าหลวงตานั้นเก็บเทียนระเบิดน้ำเอาไว้ที่ไหน และยิ่งถ้าไปถามหลวงตาตรงๆหลวงตาต้องเดาได้แน่ๆว่าพ่อจะไปช่วยธล พ่อเองตอนนั้นก็ยังคิดหาข้ออ้างดีๆไม่ออกเลย แต่พ่อก็ไม่อยากให้ต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้ พ่อตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า แต่พอพ่อไปถึงพ่อกลับหาหลวงตาไม่เจอ

“อ๋อ หลวงตาท่านไปธุระนะ แต่เดี๋ยวก็กลับ จะรอหรือยังไง” เด็กวัดคนนึงบอก พ่อพยักหน้ารับทันที

“อือ เดี๋ยวเรารอแล้วกัน” พ่อพูด ส่วนเด็กวัดก็หายไปข้างหลังกุฏิ พ่อตัดสินใจออกตามหาเทียนระเบิดน้ำโดยทันที พ่อเริ่มหาจากที่ห้องที่มีหอกสัตตะโลหะก่อน พ่อพยายามดูที่ตู้แต่ว่าตู้นั้นกลับถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา หมดหนทางจะเปิด พ่อได้แต่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆพลางมองไปที่หอกสัตตะโลหะ แม้ว่ามันจะเป็นอาวุธอันร้ายกาจแต่ถ้าปราศจากผู้ใช้มันก็ไม่ต่างอะไรกับแท่งเหล็กธรรมดาๆเท่านั้น พ่อถอนหายใจยาว พลางตั้งสมาธิกลับไปที่เทียนระเบิดน้ำ

“ข้านึกอยู่แล้วว่าเอ็งต้องกลับมา” เสียงหลวงตาดังขึ้น พ่อสะดุ้งโหยงเลย พ่อหันหลังกลับไปหลวงตาค่อยๆเดินเข้ามาใกล้พ่อ

“มาคุยกันหน่อยดีไหมไอ้กฤษ” หลวงตาพูด พ่อดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้ารับ หลวงตาพาพ่อกลับมาที่หน้ากุฏิ ท่านนั่งลงที่อาสนส่วนพ่อก็นั่งลงที่พื้นข้างล่าง

“ข้าเองก็ชื่นชมในความรักเพื่อนที่เอ็งมีต่อไอ้ธลมันนะ แต่คนเรามันเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา ข้าว่าเอ็งควรจะปล่อยใจให้ว่างแล้วยอมรับเรื่องที่เกิดเถอะนะ” หลวงตาพูด

“แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะทำอะไรได้บ้างนี่ครับหลวงตา” พ่อแย้ง หลวงตาถอนหายใจ

“เอ็งพยายามดีที่สุดแล้วละ ไม่มีใครตำหนิเอ็งหรอก อีกอย่างเอ็งเองก็เห็นไม่ใช่หรอว่าไอ้ธลมันยิ้มให้ อย่างน้อยๆมันก็ไปดีไม่มีทุกข์ เอ็งก็ควรจะอยู่อย่างมีความสุขเพื่อส่วนของมันด้วยนะ” หลวงตากล่าว แต่สำหรับพ่อแล้วรอยยิ้มนั่นเหมือนยิ่งตอกย้ำความผิดของพ่อให้หนักขึ้นๆ หลวงตาถอนหายใจพลางหยิบเอาถุงพลาสติกส่งให้

“ไอ้ธลฝากไอ้นี่ไว้ให้” หลวงตาพูดพลางยื่นถุงนั่นส่งให้พ่อ พ่อรับถุงนั้นมางงๆ

“ไอ้ธลฝากข้าไว้ มันบอกว่าถ้ามันมีอันเป็นไปให้มอบนี่ให้เอ็ง ถือเสียว่าเป็นของที่ระลึกจากไอ้ธลมันก็แล้วกัน” หลวงตาพูด พ่อรับมันมาดู ภายในถุงมีใบกล้วยห่อเอาไว้อย่างมิดชิด

“อ๋อ นี่ก็จดหมายของมันนะ มันพยายามมากเลยนะที่จะเขียนมันออกมาให้เอ็งให้ได้” หลวงตาพูดพลางยื่นซองสีขาวส่งให้พ่อ พ่อเปิดซองจดหมายออกอ่านทันที

ถึง กฤษ เพื่อนรัก
เราขอให้หลวงตาช่วยเราเขียนนะ เรารู้อานาคดของเราดีว่าเราคงต้องโดนข้าทิ้ง เราไม่หยากให้นายต้องเสียใจไป เราทิ้งของไว้ให้เพื่อนายจะเอาไปใช้เที่ยวเล่นบ้าง นายจะได้นึกถึงเราเวลานายลงไปในน้ำ เราดีใจที่ได้รู้จักกับนายนะ เรารักนายนะ

พ่ออ่านข้อความในจดหมายแล้วพ่อก็รีบเอาถุงขึ้นมาดู ที่ว่าเอาไปใช้เที่ยวเล่นในน้ำมันน่าจะใช่อย่างที่พ่อคิด พ่อคลำดูในถุงแล้วมันก็เป็นจริงดังคาด มันคือเทียนระเบิดน้ำจริงๆ พ่อถอนหายใจยาว

“ขอบคุณนะครับหลวงตา ผมว่าจากนี้ไปผมควรจะเริ่มทำใจเสียที” พ่อตอบ หลวงตาพยักหน้า

“ถ้ามีอะไรเอ็งมาหาข้าได้ทุกเมื่อเลยนะ” หลวงตาพูด พ่อพยักหน้าพลางยกมือไหว้หลวงตา พ่อรีบเดินออกมาจากวัดแล้วพ่อก็แกะห่อใบกล้วยออกทันที ภายในมีเทียนระเบิดน้ำอยู่ห้าเล่ม และก็มีเล่มเก่าที่พ่อเอาไปใช้ตอนที่พ่อไปเล่นน้ำกับธลอีกครึ่งเล่ม พ่อมองไปที่แม่น้ำน่านตรงหน้า พ่อบอกกับตัวเองว่า มันคงถึงเวลาแล้วที่พ่อจะต้องทำอะไรเพื่อธลบ้างสักที...


“พ่อว่าพอแค่นี้ก่อนดีกว่านะ พ่อเหนื่อย” ชายหนุ่มพูด

“โถ่คุณพ่อกำลังสนุกเลยนะคะ ต่ออีกนิดเถอะนะคะ” เด็กสาวอ้อนวอน ชายหนุ่มยิ้มให้

“เอาไว้เรากินข้าวเย็นกันก่อนแล้วเดี๋ยวพ่อมาเล่าต่อดีไหม” ชายหนุ่มเสนอความคิด เด็กสาวก็พยักหน้า

“ก็ได้คะ แต่คุณพ่อห้ามผิดสัญญาอีกนะคะ” เด็กสาวพูด ผู้เป็นพ่อยิ้มตอบ

“จ๊ะ ลูกเองก็ต้องทานข้าวให้หมดแล้วก็ช่วยคุณแม่ล้างจานด้วยนะ” ชายหนุ่มพูด เด็กสาวพยักหน้ารับ

“คะ” เธอตอบ

“งั้นวันนี้เป็นข้าวไข่เจียวกับแกงจืดวุ้นเส้นแล้วกันนะ ทำง่ายดีจะได้มาฟังเรื่องของคุณพ่อต่อดีไหม” หญิงสาวพูด ชายหนุ่มมองหน้าภรรยาของเขาค้อนๆ

“อะไรกัน นี่กลายเป็นติดเรื่องของผมไปอีกคนแล้วหรอเนี่ย” ชายหนุ่มพูดขึ้น หญิงสาวก็ยิ้ม

“แหมก็เล่นเล่าข้างๆคาๆแบบนี้ใครๆก็อยากรู้จริงไหมลูก” หญิงสาวมองหน้าลูกของตน

“คะคุณแม่” เด็กสาวตอบ ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ

“เอาเถอะ รีบๆทำหน่อยแล้วกันนะจ๊ะแม่ พ่อหิวแล้ว” ชายหนุ่มพูด หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องครัว

“หนูช่วยนะคะ จะได้เสร็จเร็วๆ” เด็กสาวพูดพลางเดินตามแม่ของเธอไป ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ พลางนึกถึงอดีตของเขากับชายที่เรารักมาตลอด

*หมายเหตุ: จระเข้นั้นเป็นสัตว์ที่ใช้พลังงานน้อยจึงไม่จำเป็นต้องการอาหารทุกวัน ซึ่งบางครั้งมันอาจจะกินอาหารแค่ครั้งเดียวแต่อาจจะอยู่ได้ถึง 10 วัน จระเข้จึงไม่ล่าเหยื่อตลอดเวลา อีกสาเหตุนึงมีมาจากจระเข้จะกินเมื่ออุณหภูมิของมันอยู่ในช่วงระดับนึง ทั้งนี้เพราะอากาศหนาวจระเข้จะย่อยอาหารได้ช้า แต่พออากาศร้อนร่างกายก็จะมีพลังงานสะสมมากพอ อีกทั้งจระเข้ยังสามารถสะสมพลังงานได้จากการเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายของมัน จระเข้จึงชอบตากแดดเพื่อเพิ่มพลังงานสะสมในร่างกายของมัน เมื่อภาวะอาหารคลาดแคลนจระเข้จะนำพลังงานนั่นมาใช้เพื่อประทังชีวิต (เพื่อมีคนอยากจะรู้)

แหล่งที่มา:
การให้อาหาร http://www.fisheries.go.th/if-nakhonsawan/ccd/ccd_feeding.htm
ชาละวัน http://www.ipst.ac.th/thaiversion/publications/in_sci/crocodile.html




ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: [novel] นิทานชลาธล by Nat
«ตอบ #29 เมื่อ02-01-2007 21:59:17 »

อ่านทันอยู่แล้วจ้า  :yeb:

"เรื่องของอนาคตเราเองก็ไม่รู้หรอก แต่ที่เรารู้ตอนนี้คือเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่แบบนี้ แค่นั้นก็พอแล้วละ เรื่องมันจะจบยังไง แต่อย่างน้อยๆเราก็ได้ทำตรงนี้ไปแล้ว เราว่ามันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ”

อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่เสียใจในวันหน้า  :myeye:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด