]|เรื่องไม่สั้นและไม่เล่า|[ กระดานดำหลังรั้วโรงเรียน ... ชาย (ภาค 2: เม้นแรก)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]|เรื่องไม่สั้นและไม่เล่า|[ กระดานดำหลังรั้วโรงเรียน ... ชาย (ภาค 2: เม้นแรก)  (อ่าน 1711476 ครั้ง)

Laxxeez

  • บุคคลทั่วไป
คำว่า "พี่น้อง" นี่มันแน่นแฟ้นและยิ่งใหญ่ดีนะคับ :m9:

Phelyra

  • บุคคลทั่วไป
อุปสรรคไม่ว่าใหญ่หรือหนักหนาสาหัสสากรรฉ์แค่ไหน แค่มีคนที่พร้อมจะเข้าใจและเดินเคียงข้างไปด้วยกัน แค่นี้ก็เกินพอนะค่ะ...คริส :กอด1:

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
อยากได้แฟรงค์เป็นแฟน :z1:

คริสโชคดีจังเลยที่ได้แฟรงค์เป็นพี่ชาย

ปอลิง  คุณต้นครับมะไรตอนหลักจะมาครับคิดถึง นัท ใจจะขาด :pig4:

pearleye

  • บุคคลทั่วไป
มาอัพตอนไหนหว่า ไม่ทันรู้ตัวเลยจริงๆ  :try2:
อยากเจอนัท  :z3: อย่ายอมนะนัท อย่าแพ้โจนะ  :m15: โฮฮฮ

schteuben

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่จะได้อ่านตอนโจกะนนนอนด้วยกันอ๊าาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!

morrian

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ iiดาวพระสุขლii

  • คิดการใหญ่ ใจต้องเหี้ย(ม),,
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +746/-3
อ่านตอนนี้แล้วอยากมีพี่น้องบ้าง  :monkeysad:
แฟรงค์คงต้องผ่านอะไรมาหลายอย่างมาก กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้....  o13
เรื่องของคริส ดาวว่ามันอาจจะไม่ได้จบสวยอย่างที่หวัง..เพราะเท่าที่ดู คนเป็นพ่อ คงรับไม่ได้ที่ลูกชายของตัวเองอีกคนเป็นเกย์ เหมือนเอามีดไปกรีดลงแผลเดิมที่พี่ชายทำไว้....
แต่ก็ขอให้เรื่องราวผ่านไปด้วยดี...ไม่มีชีวิตใครหรอกที่ไม่เผชิญกับความทุกข์  สู้ๆ คริส... :กอด1:

ปอลิง.  น้องโจ อยู่ไหนค๊าบบบบ   :-[

~•SAkurAIro•~

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
ดังๆ หนึ่งที ให้พี่แฟรงค์ เท่มั่กๆ อ๊างงงงงงง
ดุอบอุ่นมากเลยอ่ะะะ

จะมีบทมากกว่านี้มั้ยหนอออ

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

เป็นไปได้ว่า พ่ออาจจะรับได้??

แม่รับได้อยู่แล้ว??

ขอบคุณและจะติดตามครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
พรุ่งนี้จะมาต่อให้นะครับ ขอโทษด้วย พอดีเน็ตบ้านพังมาหลายวันแล้ว นี่ใช้มือถือเล่น ต่อเน็ตอืดมากกกก และเข้าเล้าลำบากมากๆๆ พรุ่งนี้จะไป ตจว จะหาเวลาว่างมาลงให้นะครับ


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ลืมบอกว่าตอนต่อไปยาวหน่อยนะครับ ต้องตัดแบ่งเป็นสองฉับบ

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ banana49

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

b40


คริส


เช้าวันเสาร์ ผมตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยความรู้สึกกังวลที่อัดแน่นอยู่เต็มในอก ถึงแม้ว่าการได้พูดคุยกับแฟรงค์เมื่อคืนจะช่วยคลายกังวลให้กับผม ช่วยทำให้ผมรู้สึกมีที่พึ่งมากขึ้น และยังช่วยให้ผมรู้สึกมีความหวังมากขึ้นด้วยก็ตามที แต่การเตรียมใจเมื่อเวลาแห่งความเป็นจริงของการเผชิญหน้าเริ่มใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆนั้น มันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิดไว้เลยแม้แต่นิดเดียว

เวลาในช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ผมแทบจะกินอะไรไม่ลงเลยแม้แต่นิดเดียว พอถึงประมาณสิบเอ็ดโมง พวกอาไคล์ก็มารับพวกเราที่โรงแรมเพื่อไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน และคำว่า “พวกอาไคล์” นั้นก็หมายถึงอาไคล์กับอาพีทั้งสองคน ส่วนวายุกับครอบครัวของเขานั้นก็คงจะมุ่งหน้าไปที่ห้างและไปรอเราที่นั่นอยู่ก่อนแล้ว

ระหว่างเดินทาง ปู่กับย่าดูจะเข้ากับทั้งอาไคล์และอาพีได้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพราะอาไคล์เองก็บังเอิญมีครอบครัวทางฝ่ายพ่ออยู่ที่รัฐเดียวกับพวกเราด้วยก็เป็นได้ จึงทำให้พวกเขาคุยกันได้อย่างถูกคอ ส่วนอาพีที่ไม่ใช่คนพูดเก่งอยู่แล้วก็ยังสามารถพูดคุยกับแฟรงค์ได้อย่างเป็นกันเอง โดยแน่นอนว่าเรื่องที่พวกเขาคุยกันส่วนมากแล้วก็มักจะไม่พ้นเรื่องของผมนั่นเอง

“ในที่สุดย่าก็จะได้มีโอกาสไปเจอแฟนของเราแล้วสินะ คริส” จู่ๆย่าก็พูดเรื่องนี้ขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งโหยงทันที

“ผมบอกกี่ครั้งแล้วครับ ย่า ว่าไอ้ยุเป็นเพื่อนของผม ไม่ใช่แฟนสักหน่อย” ผมรีบพูดแก้ เพราะไม่อยากให้อาไคล์กับอาพีเข้าใจผิด

“แต่เราก็ชอบเค้าใช่มั๊ยล่ะ ฮึ แล้วทำไมไม่ขอเค้าเป็นแฟนไปสักทีล่ะ มัวรออะไรอยู่ได้”

“ย่าเราเค้าพูดถูกนะ คริส ถ้ารักใครชอบใครก็บอกเค้าไปเลย จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง ดูอย่างปู่กับย่านี่สิ จริงมั๊ย” ปู่หันไปโอบไหล่แล้วก็หอมแก้มย่าเบาๆ

“โถ่ ปู่ ย่า พอเลยครับ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้วได้มั๊ย อาไคล์กับอาพีก็นั่งอยู่ด้วยนะ” ผมหน้าแดงไปจนถึงใบหู “แล้วก็พอเจอหน้าเพื่อนผมแล้ว ก็ไม่ต้องพูดอะไรประมาณนี้ออกมาเลยด้วยนะครับ เข้าใจรึเปล่า ไม่งั้นผมโกรธจริงๆด้วย”

“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ คริส” อาไคล์หัวเราะในลำคอเบาๆ

“จะไม่เป็นไรได้ไงครับ อาไคล์ แล้ววันนี้พ่อกอล์ฟของไอ้ยุก็ไปด้วยอะ เดี๋ยวเค้าก็จะเข้าใจผิดเอาน่ะสิครับ”

“ไม่เข้าใจผิดหรอก” อาพีพูดขึ้นบ้าง “เพราะพวกเราก็รู้กันหมดแล้วนั่นแหละ ว่าเราชอบไอ้เจ้ายุมันน่ะ”

ผมรู้สึกเขินจนร้อนผ่าวไปหมดทั้งหน้าแล้ว นี่ขนาดตอนผมอยู่กับเพื่อน ผมยังไม่เคยถูกรุมมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย

ตอนกลางวัน พวกเราทั้งกลุ่มอันได้แก่ ปู่กับย่า อาไคล์ อาพี อากอล์ฟ อาซัน ผม แฟรงค์ และวายุ ทั้งหมดเก้าคน ก็ได้พบหน้ากันและทานข้าวกลางวันกันอย่างพร้อมหน้า หลังจากที่การแนะนำตัวและทำความรู้จักกันพักใหญ่ๆในระหว่างทานอาหารจบลงแล้ว พวกเราก็นั่งคุยกันถึงปัญหาของผมกันต่อ ปู่กับย่าบอกว่าคืนนี้พวกเขาก็จะไปกินข้าวเย็นที่บ้านของผมเหมือนเดิม และแน่นอนว่าผมกับแฟรงค์ก็จะต้องไปที่นั่นด้วยเหมือนกัน ซึ่งปู่กับย่าก็ยังออกปากเชิญให้อาไคล์ไปกับพวกเราอีกด้วย

“แต่มันจะดีเหรอครับ ผมเป็นแค่คนนอกนะครับ” อาไคล์ดูลำบากใจเล็กน้อย แต่จริงๆแล้วผมก็รู้สึกอยากให้เขาไปกับผมด้วยจริงๆนั่นแหละนะ

“คนนอกที่ไหนครับ คุณเป็นครูของหลานชายของผม ให้ที่พักกับหลานชายของผม ดูแลหลานของผม ไม่ต้องนับเรื่องที่คริสเองก็รักและเคารพคุณมากเหมือนกัน แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่คุณควรจะมีส่วนในเรื่องนี้ด้วยกันเท่าๆกับเรานะ”

“ปู่พูดถูกครับ ไคล์ ผมว่ายังไงคุณก็ควรจะไปด้วยกันกับเราจริงๆ ไปเพื่อจะได้รู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง” แฟรงค์พูดเสริม

“แต่........ แล้วพ่อของคริสล่ะครับ จะว่ายังไง”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เพราะฉันคุยกับลูกชายของฉันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่า วันนี้ฉันกับเจสันจะพาหลานชายทั้งสองคนของเราไปที่บ้าน รวมทั้งคุณก็ด้วยเหมือนกัน ถ้าคุณไม่มีปัญหาอะไรล่ะก็นะคะ” ย่าพูด

 “ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกครับ ถ้าเจ้าของบ้านยินดี ผมก็ยินดี......”

“นี่ทุกคนคิดจะคุยกับพ่อวันนี้เลยจริงๆเหรอครับ” ผมพูดขึ้น ทำให้ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียวกันทันที “เอ่ออ คือผมหมายถึง ทุกคนคิดว่าทุกอย่างมันจะจบลงภายในวันนี้จริงๆเหรอครับ คิดว่าพ่อเค้าจะยอมเข้าใจและยกโทษให้ผมจริงๆเหรอ แล้วถ้าเกิด........”

“ไม่ใช่ ‘ยกโทษ’ สักหน่อย คริส” แฟรงค์ขัดขึ้นทันที “นายไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะฉะนั้นอย่าพูดแบบนั้น”

“ใช่แล้ว คนที่ผิดน่ะ คือพ่อของเราต่างหาก ไม่รู้จักเรียนรู้และจดจำ คิดแต่เรื่องของตัวเองและความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่” ย่าถอนหายใจอย่างหัวเสีย “ฉันเองก็นับถือ เชื่อ และศรัทธาในพระเจ้านะ แต่ฉันยังไม่เห็นเลยว่าการที่คนเรามีความรักมันจะผิดตรงไหน ไม่ว่ามันจะเป็นความรักในรูปแบบไหนก็ตามเถอะ”

“ลองดูอย่างผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงนี้สิ” ปู่มองไปที่อาไคล์กับอาพี แล้วก็อาซันที่นั่งอยู่ข้างๆกัน “พวกเขามีความรักให้แก่กัน และยังพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผิด พวกเขาอยู่ด้วยกันมายาวนานกว่าคู่ชายหญิงหนุ่มสาวหลายๆคู่อีกเสียด้วยซ้ำไป”

ผมเห็นอาพียิ้มอายๆ ส่วนอาไคล์กับอาซันก็สบตากันและยิ้มให้แก่กันด้วยสีหน้าพึงพอใจ นี่ถ้าอาเมฆอยู่ด้วยก็คงจะดีกว่านี้นะ ผมชอบเวลาที่เห็นพวกเขาอยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาจริงๆ

ในตอนบ่าย พวกเราช่วยกันพาชาวต่างชาติทั้งสามคนของเราเดินช็อปปิ้งกันจนทั่วห้าง จากนั้นอาไคล์ก็พาเรากลับไปส่งที่โรงแรมอีกครั้ง ผู้ใหญ่ทั้งสามคนต่างก็รู้สึกเหนื่อยอ่อนและกลับไปที่ห้องเพื่อนอนพักผ่อนกันทันที แม้แต่แฟรงค์ที่ปกติจะเต็มไปด้วยพลังงานอยู่เสมอก็ยังเกิดอาการเพลียจากการเดินทางและการผิดที่ผิดเวลาด้วยเหมือนกัน เขาบอกว่าก็เขาอยากจะคุยกับผมต่อเหมือนกัน แต่ผมยืนยันให้เขาไปนอนพักผ่อนก่อนจะดีกว่า แล้วในตอนเย็น ผมจะเป็นคนพาปู่ ย่า แล้วก็แฟรงค์ขึ้นแท็กซี่กลับไปที่บ้านเอง ส่วนอาไคล์นั้นจะตามไปเจอเราที่บ้านตอนเวลาประมาณหกโมงเย็น ซึ่งจะเป็นเวลาที่เรากำลังจะเริ่มทานอาหารเย็นกันพอดี

หลังจากที่ทุกคนตื่นมาอีกครั้งและอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เรียกแท็กซี่จากหน้าโรงแรมแล้วพาพวกเราทุกคนกลับไปยังบ้านของผม ในขณะที่นั่งอยู่ในรถแท็กซี่นั้น ทุกคนแทบไม่มีใครพูดอะไรกันออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ผมรู้สึกท้องไส้ของผมมันปั่นป่วนไปหมด ลำไส้ของผมเหมือนกับจะบิดตัวเป็นเกลียวจนทำให้ผมรู้สึกอยากอะอ้วก ผมนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้วก็รู้สึกกังวลจนไม่กล้าแม้แต่จะคิดอะไรมากไปกว่านั้น แต่ในขณะเดียวกันผมก็ห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงมันไม่ได้เช่นเดียวกัน

แฟรงค์ที่นั่งอยู่ข้างๆผมดูเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ เขาเอื้อมมาวางลงบนหัวเข่าของผมแล้วบีบเบาๆเป็นการให้กำลังใจ แต่บอกตรงๆว่ามันก็แทบไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นสักเท่าไหร่เลยจริงๆ

เมื่อรถแท็กซี่มาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน หลังจากที่ผมก้าวเท้าลงจากรถแล้ว ปู่กับย่าก็หันมาบอกผมกับแฟรงค์ว่าให้พยายามเงียบไว้ ไม่ต้องพูดอะไรมากถ้าไม่จำเป็น ซึ่งผมก็ตั้งใจที่จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าแฟรงค์จะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่เขาก็รับปากว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด

ปู่กับย่าเป็นคนเดินนำเราสองคนพี่น้องเข้าไปในบ้านก่อน เมื่อแม่เห็นว่าพวกเรามาถึงแล้ว แม่ก็เดินออกมาเปิดประตูรับพวกเราเข้าไป แม่ทักทายปู่กับย่าตามปกติ แต่กลับไม่ได้มองมาที่เราสองคนเลย ผมพยายามจะสบตากับแม่และยกมือขึ้นไหว้แม่ แต่แม่ก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในบ้านเสียก่อนแล้ว ผมรู้สึกว่าหน้าอกของผมมันเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกับเมื่อตอนที่ผมจำเป็นต้องเดินออกจากบ้านหลังนี้ไปในคืนนั้นไม่มีผิด

แฟรงค์โอบไหล่ผมแล้วพยักหน้าให้กับผมเบาๆเป็นสัญญาณบอกว่าเขาเข้าใจ เขาพาผมเดินตามหลังปู่กับย่าเข้าไปในบ้าน และที่ห้องนั่งเล่นนั้น พ่อก็กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เหมือนเคย

“สวัสดีครับ พ่อ แม่” พ่อวางหนังสือลงแล้วทักทายปู่กับย่า

“พ่อ หวัดดีครับ” แฟรงค์พูดขึ้นอย่างเสียงดังฟังชัด “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”

พ่อหันมามองแฟรงค์ “ใช่...... ก็คงอย่างนั้น”

“สวัสดีครับ พ่อ” ผมพูดขึ้นบ้าง

พ่อละสายตาจากแฟรงค์มามองหน้าผมแล้วแค่พยักหน้าออกมาเบาๆ

ผมไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดจนอยากจะหนีออกจากที่นี่ให้ไวที่สุดเท่านี้มาก่อนเลย ทั้งๆที่ในคืนนั้นผมไม่อยากจะจากที่นี่ไปเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในตอนนี้ เวลานี้ ผมกลับอยากจะหนีไปจากที่นี่ หนีไปให้ไกลที่สุด แล้วไม่ต้องเผชิญหน้ากับความเย็นชาและความเจ็บปวดเหล่านี้อีกเลย........

“เราต้องคุยกันนะครับ พ่อ” จู่ๆแฟรงค์ก็พูดขึ้น ย่าหันมาส่งสายตาเป็นเชิงตำหนิให้กับเขาทันที “.......เรื่องของคริส”

“ว่าแต่เคทไปไหนล่ะเนี่ย” ย่าชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“อยู่ในครัวครับ กำลังเตรียมอาหารอยู่ คงใกล้เสร็จแล้วล่ะ” พ่อตอบคำถามของย่าโดยไม่ได้แสดงท่าทีสนใจในคำพูดของแฟรงค์เลยแม้แต่นิดเดียว

“คริส เราอยากจะไปช่วยแม่เค้าเตรียมอาหารในครัวมั๊ย” ปู่ถามผม แต่ผมทำอาหารเป็นที่ไหนกันล่ะ ปู่เองก็รู้

ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าออกมาเบาๆ ผมยังไม่พร้อมที่จะไปยืนอยู่กับแม่สองคนตามลำพังแบบนั้นหรอก และที่สำคัญ ผมไม่คิดว่าแม่เองก็อยากจะอยู่กับผมสองคนด้วยเหมือนกัน

“ถ้างั้นพาพี่ชายเราขึ้นไปบนห้องก่อนเถอะไป ไม่ได้กลับมาบ้านตั้งอาทิตย์กว่า คงคิดถึงห้องตัวเองแล้วเหมือนกันล่ะมั๊ง” ปู่พูดต่อ

“นั่นสินะ พาแฟรงค์ขึ้นไปดูรูปภาพที่เราเคยวาดๆไว้สิ คริส” ย่าสนับสนุน

“แต่ว่า.....” แฟรงค์อ้าปากจะเถียง

“ไป แฟรงค์ ไปกับน้องไป” ย่าพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“มาเถอะ แฟรงค์” ผมหันไปพูดกับแฟรงค์ เขาหันขวับมาหาผม อ้าปากออก ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับผมเหมือนกัน แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าและแววตาขอร้องของผมแล้ว เขาก็ยอมหุบปากลง ถอนหายใจเบาๆ แล้วจากนั้นก็พยักหน้าออกมาพร้อมกับยืนขึ้น

“ไปเถอะ พาพี่ไปดูภาพวาดฝีมือนายหน่อยก็คงดีเหมือนกัน”

เมื่อผมพาแฟรงค์เดินขึ้นไปถึงบนห้อง เขาก็บ่นออกมาอย่างหงุดหงิดทันที ผมจึงต้องปรามเขาและเตือนเขาว่าเขาเองก็รับปากกับย่าเอาไว้แล้วว่าจะไม่ผลีผลามและไม่พูดอะไรออกไปก่อน เพราะว่าเขาเป็นคนใจร้อน ส่วนพ่อก็เป็นคนหัวดื้อและไม่ยอมคนพอๆกัน ย่าคงไม่อยากให้เรื่องมันแย่ลงไปมากกว่านี้อีกแล้ว และบอกตรงๆว่าผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

“แล้วนายไม่อยากจะเคลียร์เรื่องนี้กับพ่อให้จบไวๆรึไง คริส ไม่อยากจะกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิมเหรอ นายไม่คิดถึงบ้านของนาย ห้องของนายที่นี่รึไง” แฟรงค์พูดพร้อมกับผายมือออก

ผมมองไปรอบๆตัวก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “คิดสิ แฟรงค์ ฉันคิดถึงบ้าน คิดถึงห้องนอนของฉัน คิดถึงเตียงตัวนี้.......” ผมนั่งลงบนเตียง “เพราะที่นี่คือที่ๆเดียวที่ฉันจะสามารถหลบหนีจากความวุ่นวายต่างๆได้ เป็นที่ๆฉันใช้วาดรูป และเป็นที่เพียงที่เดียวที่ฉันรู้สึกว่ามันคือ ‘สถานที่ของฉัน’ จริงๆ”

“เพราะงั้นพี่ถึงได้อยากจะพูดกับพ่อให้มันรู้เรื่องไปสักทีไง”

“แต่ฉันไม่ได้แค่อยากจะกลับมาอยู่ที่นี่แค่เพียงอย่างเดียว.........” ผมพูด “ฉันอยากจะให้อะไรๆมันกลับมาเป็นเหมือนเดิม แฟรงค์ ฉัน.......”

“โอเคๆ พี่ขอโทษ” เขาถอนหายใจแล้วเดินมานั่งลงข้างๆผม “เอาเป็นว่าตอนนี้เราก็ต้องรอให้พวกนั้นเค้าเรียกเราลงไปเท่านั้นสินะ แม่งงง ไม่เคยถูกปฏิบัติเหมือนเด็กๆแบบนี้มานานแล้วจริงๆเว้ย!”

“ฉันขอโทษ.......”

“ไม่ต้อง” เขาเอนตัวนอนลงบนเตียง “มันไม่ใช่ความผิดนาย มันเป็นเพราะนิสัยพี่ต่างหาก และที่สำคัญ แบบนี้ก็คงดีกว่าจริงๆนั่นแหละ ถ้านายไม่สบายใจที่จะนั่งอยู่ข้างล่างแบบนั้น หนีมาอยู่บนห้องแบบนี้ก็คงดีแล้ว”

“ขอบใจมาก แฟรงค์”

“งั้นตอนนี้เราก็รอแค่จนกว่าไคล์จะมาถึงเพื่อช่วยเราพูดให้อีกคนสินะ........”

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

ผมกับแฟรงค์นั่งๆนอนๆคุยกันอีกพักหนึ่ง เสียงเคาะประตูห้องของผมก็ดังขึ้น เมื่อผมเดินไปเปิดประตูห้องออกก็พบว่าแม่กำลังยืนอยู่ที่หน้าห้อง

“ลงไปกินข้าวได้แล้ว แขกมาถึงแล้ว” แม่พูดกับผมเป็นภาษาไทย “บอกพี่ชายเราซะด้วย”

“ครับ”

เมื่อสิ้นเสียงของผม แม่ก็เดินจากไปทันที ทั้งสายตา น้ำเสียง และท่าทางของแม่ ล้วนแล้วแต่เป็นความเย็นชาที่กรีดลึกไปถึงขั้วหัวใจของผม และมันก็ยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดมาก เพราะมันก็คือสัญญาณของความหวังที่ทุกอย่างในครอบครัวของเราจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้อีกครั้งที่เริ่มลดน้อยลงจนแทบจะเป็นศูนย์

ผมกับแฟรงค์เดินกลับลงไปที่ห้องนั่งเล่นแล้วก็พบว่าอาไคล์กำลังนั่งอยู่ที่โซฟารับแขกแล้ว เมื่อเราสบตากัน เขาก็พยักหน้าและยิ้มน้อยๆให้กับผม แต่ผมก็ดูรู้ได้ทันทีเลยว่า ก่อนที่เราสองคนจะเดินลงมานั้น พวกเขาคงต้องกำลังเครียดกันอยู่พอสมควรแน่ๆ

มื้อเย็นในค่ำวันนี้เป็นไปด้วยความเป็นทางการที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัสมาทีเดียว ทุกคนดูเหมือนจะพูดน้อย กินน้อย และสบตากันน้อยมากที่สุด ยังดีที่การมีอาไคล์อยู่ ยังทำให้บทสนทนาของพวกเรามีช่องทางให้หันเหไปทางอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของผมเพียงอย่างเดียวได้บ้าง แต่นั่นก็คืออาไคล์ต้องคอยรับบทหนักในการตอบคำถามเกี่ยวกับตัวของเขาเองอยู่พอสมควร

“เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ไปโบสถ์รึเปล่า คริส” จู่ๆแม่ก็ถามผมขึ้น

“ไม่ได้ไปครับ.......”

“งั้นเหรอ......” แม่ตอบกลับมาแค่สั้นๆ “แต่ที่จริงแม่ก็คิดเอาไว้อยู่แล้วล่ะนะ”

มันก็จริงที่ผมเคยไปโบสถ์กับพ่อและแม่ทุกวันอาทิตย์มาเป็นเวลาหลายปี แต่บอกตามตรงว่าผมก็ยังไม่เคยรู้สึกเชื่อในคำสอนของบาทหลวงมากอย่างที่พ่อกับแม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะผมต้องทนอยู่กับการโกหกทั้งตัวเองและคนอื่นๆมานานจนผมรู้สึกเจ็บปวดและไม่มีความสุขเลยสักนิด ช่วงหลังๆมานี้เวลาที่ผมไปโบสถ์กับพ่อและแม่ หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่เรานั่งดูทีวีกันอยู่แล้วประเด็นเรื่องของรักร่วมเพศถูกยกขึ้นมาพูด ผมจะรู้สึกเจ็บจี๊ดข้างในอกไปซะทุกครั้ง และมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสับสนระหว่างคำสอน กับความสุขอย่างที่ผมควรจะเป็นในฐานะศาสนิกชนที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก

“ผิดเพศยังไม่พอ ยังถึงกับหันหลังให้ศาสนาอีกอย่างนั้นสินะ” พ่อพูดขึ้น

“พอที!!” แฟรงค์พูดเสียงดังพร้อมกระแทกช้อนส้อมลงบนจานข้าว “ผมทนไม่ไหวแล้วนะ พ่อ! ปู่กับย่าก็ห้ามไม่ให้ผมพูดไม่ได้แล้วเหมือนกัน ผมอายุยี่สิบสี่แล้ว ผมมีสิทธิ์ที่จะพูดและปกป้องน้องชายของผม!!”

“แฟรงค์!!” ปู่ปราม “สำรวมหน่อย เรามีแขกอยู่ด้วยนะ!”

“ไม่ครับ ปู่ ไคล์เองก็มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือและปกป้องคริส ทั้งที่เค้าเองก็เป็นคนนอก แล้วทำไมผมที่เป็นพี่ชายของคริสจะปกป้องน้องของตัวเองไม่ได้!” เมื่อพูดจบ แฟรงค์ก็หันไปหาพ่อ “ผมจะไม่ยอมปล่อยให้น้องชายของผมต้องเจอกับเรื่องเหี้ยๆแบบนี้เหมือนกับผมอีกแล้ว และผมก็จะไม่ยอมให้พ่อทำเรื่องผิดพลาดเหี้ยๆแบบเดิมซ้ำสองอีกแล้วด้วยเหมือนกัน!!”

“ระวังภาษาด้วยแฟรงค์!!” ย่าพูดขึ้นบ้าง

“คุณก็เหมือนกัน เคท คุณเองก็เป็นแม่ของคริส ทำไมคุณไม่คิดถึงจิตใจของลูกคุณบ้าง คุณไม่สงสัยบ้างรึไงว่าทุกๆวันนี้คริสมันต้องเครียดกับเรื่องอะไรมากขนาดไหน คุณไม่สงสารลูกของคุณบ้างเลยรึไง!”

แม่ไม่พูดอะไรและพยายามเก็บสีหน้าไว้เป็นอย่างดี ดีมากเกินไปผมเริ่มรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ผมไม่อยากให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้เลย

“แฟรงค์.......” ผมกระตุกแขนเสื้อของเขาเบาๆ “พอเถอะ”

“ใจเย็นก่อนเถอะครับ แฟรงค์” อาไคล์พูดขึ้น “พี่คิดว่าโจเซฟเองก็น่าจะรู้ว่าเหตุผลที่พวกเรามานั่งทานข้าวด้วยกันวันนี้นี่คือเพื่ออะไร เพราะฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องใจร้อนหรือวู่วามเกินไปหรอกนะครับ”

แฟรงค์นิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะผ่อนคลายลง “โอเค ผมขอโทษ”

“โจเซฟ แพ็ททริค มัลคอล์ม” ย่าเรียกชื่อเต็มของพ่อผม “แม่รู้ว่ามันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแม่ที่จะมาสั่งสอนว่าลูกควรจะดูแลเลี้ยงดูลูกชายและครอบครัวของลูกยังไง แต่แม่ก็ทนไม่ได้หรอกนะ ที่จะเห็นหลานชายของแม่ทั้งสองคนต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายเจ็บปวดแบบนี้อีกก็เพราะความเอาแต่ใจและความดื้อรั้นของลูกน่ะ” ย่าพูดเน้นที่คำว่าหลานชายทั้งสองคนอย่างชัดเจน

“พอได้แล้ว” พ่อพูดขึ้นพร้อมกับกำหมัดแน่น “แม่คิดว่าผมไม่เจ็บปวดเลยรึไงที่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้น่ะ แม่คิดว่าผมมีความสุขกับการเห็น ‘ลูกชายทั้งสองคน’ ของผมเป็นพวกผิดเพศอย่างนั้นเหรอ!!” พ่อขึ้นเสียงพร้อมกับชี้มาที่ผมกับแฟรงค์

“พ่อไม่มีสิทธิเรียกพวกเราสองคนแบบนั้นนะ!!” แฟรงค์ลุกขึ้นยืนทันที

“ทำไมจะไม่ได้!!” พ่อลุกขึ้นยืนตามพร้อมกับมองหน้าแฟรงค์ด้วยสีหน้าที่โกรธจนแดงก่ำ “แกคิดว่าแกเป็นใครถึงกล้ามาขึ้นเสียงใส่พ่อของตัวเองแบบนี้ ฉันทนฟังแกมาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้วนะ แฟรงค์!!”

“แล้วพ่อเคยทำหน้าที่ของพ่อบ้างรึไงล่ะ!” แฟรงค์เถียงกลับ “นับตั้งแต่วันที่พ่อหันหลังให้กับผม ผมก็เหลือแค่แม่คนเดียวที่ดูแลผมมาโดยมีปู่กับย่าคอยช่วยเหลือ ส่วนพ่อก็ทิ้งเราสองคนมาอยู่กับเมียใหม่อย่างมีความสุขที่นี่!!”

“นี่แก!!!”

“หยุดเดี๋ยวนี้!!” ปู่คำรามขึ้นเสียงดังจนแม้แต่ผมก็ยังต้องสะดุ้งออกมา “พวกแกสองคนเป็นอะไรกันไปหมด! นี่นะเหรอ วิธีที่ผู้ใหญ่ที่โตแล้วควรจะคุยกัน!! ไม่เกรงใจแขกที่นั่งอยู่บ้างรึไง นั่งลงเดี๋ยวนี้!”

ทั้งพ่อและแฟรงค์ต่างก็ยังคงยืนอยู่อย่างเดิม แต่ผมก็พอดูรู้ล่ะว่าทั้งคู่คงเริ่มที่จะเกรงใจปู่กันขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะแม้แต่ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นปู่โมโหมากขนาดนี้มาก่อนด้วยเหมือนกัน

“ฉันบอกให้นั่งลง!!”

ในที่สุดทั้งสองคนก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี ผมรู้สึกว่าผมทั้งกลัวทั้งกังวลไปหมดแล้ว ผมไม่คิดเลยว่าสถานการณ์มันจะออกมารุนแรงมากถึงขนาดนี้

ปู่เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วยืนขึ้น “แฟรงค์ โจเซฟ ทั้งสองคน ตามฉันไปที่ห้องนั่งเล่น ส่วนคริส เคท และไคล์ คุยอยู่กับซูซานที่นี่”

ทั้งสามคนเดินออกจากโต๊ะกินข้าวไปยังห้องนั่งเล่น อาไคล์ที่คงมองเห็นแววตาหวั่นใจของผมพยักหน้าให้กับผมเบาๆเป็นการให้กำลังใจ แต่บอกตามตรงว่าในตอนนี้เวลานี้ ไม่ว่าอะไรก็คงช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว.....

“เคท ตอบคำถามของฉันมาตรงๆ” ย่าเริ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นปกติที่สุด “เมื่อตอนที่คริสคลอดออกมา เธอรักลูกชายของเธอมั๊ย”

“รักสิคะ”

“แล้วตอนที่รู้ว่าลูกของเธอมีพรสวรรค์ มีความสามารถมากกว่าเด็กคนอื่นๆ เธอรู้สึกยังไง ดีใจมั๊ย ภูมิใจในตัวลูกชายของตัวเองรึเปล่า”

“ค่ะ.......”

“แล้วคริสเองก็ไม่เคยทำเรื่องเกเรหรือเรื่องไม่ดีอะไรให้กับครอบครัวของพวกเธอสองคนเลยใช่มั๊ย”

แม่ก้มหน้าและพยักหน้าออกมาเบาๆ ส่วนผมก็เริ่มรู้สึกว่าน้ำตามันกำลังไหลมาปริ่มอยู่ที่ขอบตาทั้งสองข้างแล้ว

“คริส.......” ย่าหันมาหาผม “มีอะไรจะพูดกับแม่มั๊ย”

“ผม....... ผม........” ผมอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง อาไคล์พยักหน้าให้กับผมเบาๆอีกครั้ง และเมื่อผมหันไปมองหน้าแม่ที่กำลังหันไปมองทางอื่นเพื่อพยายามที่จะไม่สบตากับผมแล้ว น้ำตาของผมมันก็ไหลออกมาเลยทันที “แม่...... ผมรักแม่นะครับ” ผมพูดออกมาเป็นภาษาไทย ก่อนจะพูดประโยคต่อไปเป็นภาษาอังกฤษ “แม่กับพ่อเลี้ยงผมมาด้วยความรัก ผมรู้ว่าทั้งสองคนรักและหวังสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผม แต่นี่คือสิ่งที่ผมเป็น ผมเกิดมาเป็นแบบนี้ คริสคนที่พ่อกับแม่รู้จักมาสิบกว่าปีก็คือคนๆนี้ แต่เป็นคนๆที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ข้างใน นอกจากนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยนะครับ ผมยังรักพ่อ ผมยังรักแม่ ผมยังเป็นลูกคนเดิมของพ่อกับแม่ แต่แม่แค่ได้เห็นสิ่งที่ผมพยายามเก็บเอาไว้ข้างในมาตลอดเท่านั้นเอง นอกจากนั้นแล้ว ผมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิดจริงนะครับ แม่...... ผมก็ยังเป็นคริสคนเดิม ยังเป็นลูกชายของแม่เหมือนเดิมนะครับ....... แม่....... แม่มองผมสิครับ แม่มองหน้าผมสักนิดได้มั๊ยยครับ!” ผมจบประโยคด้วยเสียงร้องไห้โฮและน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาจนผมไม่สามรถมองเห็นภาพเบื้องหน้าของตัวเองอย่างชัดเจนได้อีกต่อไป

อาไคล์ลุกขึ้นยืนและเดินตรงเข้ามาสวมกอดผมเอาไว้ ผมอยากจะคว้าตัวของอาไคล์เอาไว้ กอดกลับ แล้วร้องไห้ออกมาจนกระทั่งเป็นลมหมดสติไปเสียเลย แต่ผมก็ทำไม่ได้ เพราะผมยังรออยู่...... รอคำตอบจากปากของแม่

“เคท” ย่าเรียกแม่อีกครั้ง “ฉันเชื่อว่าเธอมีบางอย่างที่อยากจะพูดกับลูกชายของเธอนะ”

แม่นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะค่อยๆอ้าปากขึ้น “......ไม่ค่ะ ไม่มี”

คำพูดสั้นๆของแม่ ทำให้หัวใจของผมที่แตกสลายอยู่แล้วยิ่งแตกละเอียดหนักขึ้นไปอีก

“เคท!”

“ขอโทษนะคะ” แม่พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อยก่อนจะดันเก้าอี้ออกพร้อมกับยืนขึ้น

“เดี๋ยวครับ” อาไคล์พูดขึ้น “คุณกำลังทำร้ายลูกชายของคุณอยู่นะครับ เคท คุณคงไม่อยากจะให้เวลาผ่านไปสิบปี สิบห้าปี หรือยี่สิบปีแล้วค่อยกลับมารู้สึกเสียใจทีหลังว่าคุณทำเรื่องในวันนี้ผิดพลาดไป คุณคิดถึงลูกชายเพียงคนเดียวของคุณ แต่คุณกลับไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว อย่างนั้นใช่มั๊ยครับ”

“คุณหมายความว่ายังไง” แม่ถามกลับ

อาไคล์เงียบไปพักหนึ่ง “.......เพราะแฟนของผมก็เคยประสบปัญหาเดียวกับที่คริสกำลังเจออยู่ตอนนี้ครับ”

ผมเห็นแม่อ้าปากค้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ และตอนนั้นพวกเราก็ได้ยินเสียงของพ่อกับแฟรงค์ที่กำลังคุยกันดังแว่วมาด้วยเช่นกัน ดูท่าทางว่าพวกเขาคงจะกำลังทะเลาะกันและขึ้นเสียงใส่กันอีกแล้ว แต่ทว่าพวกเราก็ยังคงเงียบและสนใจเฉพาะสิ่งที่อาไคล์กำลังจะพูดต่อไปมากกว่า

“ใช่ครับ ผมเองก็เป็นเกย์ ผมคบกับแฟนของผมมาร่วมยี่สิบปีแล้วครับ และนั่นก็เป็นเวลาที่ยาวนานพอๆกับเวลาที่ครอบครัวขอเขาต้องสูญเสียลูกชายของเขาไป เพราะการไม่กล้ายอมรับความจริงและยอมรับตัวตนอันงดงามที่แฟนของผมเป็น..... เหมือนอย่างคุณในตอนนี้นั่นแหละ” อาไคล์เว้นช่วงเล็กน้อย “คริสเป็นเด็กที่วิเศษมากนะครับ เขาเป็นเด็กที่จิตใจดี อ่อนโยน และยังหัวดีมากๆด้วย เขามีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้ามากมาย แต่นั่นหมายถึงอนาคตที่มีคุณกับโจที่เป็นพ่อและแม่แท้ๆของเขาเดินไปพร้อมๆกันนะครับ ผมเชื่อว่าคุณคงมองเห็นความดีมากมายในตัวของเด็กคนนี้ และก็ไม่อยากจะทำร้ายเขาไปมากกว่านี้แล้วด้วยเช่นกันใช่มั๊ยล่ะครับ เพราะฉะนั้น.........”

คำพูดของอาไคล์ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงตะโกนเสียงดังว่าหุบปากจากพ่อของผม ตามมาด้วยเสียงของฝ่ามือที่กระทบเข้ากับผิวหนังอย่างแรงจนสามารถดังเข้ามาถึงในห้องกินข้าวนี่ได้

“แฟรงค์!!” เสียงของปู่ดังขึ้น และตามมาด้วยเสียงกระแทกประตูดังปังที่ตามมาติดๆ

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!” ย่ารีบลุกขึ้นยืนและเดินออกจากโต๊ะกินข้าวไปอย่างรวดเร็วทันที ตามด้วยทั้งอาไคล์แล้วก็ผมที่รีบเดินตามหลังย่าไปติดๆ

“โจเซฟ! นี่แกยังรักลูกชายของแกอยู่รึเปล่า!”

ผมเดินออกไปเห็นปู่ยืนถามพ่อด้วยเสียงที่ทั้งดังกังวานและหนักแน่น ส่วนแฟรงค์นั้นไม่ได้อยู่ที่ห้องนั่งเล่นอีกต่อไปแล้ว

“ฉันถามว่าแกยังรักลูกชายทั้งสองคนของแกอยู่รึเปล่า!!”

พ่อไม่ตอบ แต่เดินตรงมาที่ผมกับอาไคล์ด้วยสีหน้าที่บูดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ จากนั้นพ่อก็หันมามองหน้าผม “เชิญแกและครูผิดเพศของแกออกไปจากบ้านของฉันได้!!” พ่อหันไปมองที่อาไคล์ “หลงคิดว่าเป็นคนดีคนเก่งอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็มอมเมานักเรียนด้วยความคิดต่ำๆแบบนี้นี่เอง!! ทุเรศ!!!”

“ขอประทานโทษนะครับ” น้ำเสียงของอาไคล์เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ผมเพิ่งจะเคยเห็นอาไคล์แสดงอาการโกรธแบบนี้ออกมาเป็นครั้งแรก

“ผมพูดว่าเชิญคุณและเด็กคนนี้ออกไปจากบ้านของผมได้แล้ว!!” พ่อชี้ออกไปที่ประตู “ตามไอ้ผู้ชายคนนั้นออกไป เดี๋ยวนี้เลย!! ผมไม่มีอะไรจะพูดกับพวกคุณอีก!!”

“โจเซฟ!!” ย่าร้องขึ้น “นี่ลูกของแกนะ ที่แกกำลังพูดถึงอยู่น่ะ!”

“ไม่อีกต่อไปแล้วครับ แม่!”

ผมรู้สึกราวกับเพิ่งถูกตบเข้าที่หน้าอย่างรุนแรงจนแทบจะล้มทรุดลงไปกองอยู่บนพื้น ทั้งภาพของผู้คนที่ยืนอยู่เต็มห้องรับแขก และเสียงของพวกเขาที่ตะโกนคุยกันข้ามหัวของผมไปมามันดูเลือนลางราวกับเป็นแค่เพียงความฝัน แต่ทว่าเมื่อผมนึกถึงคำพูดของพ่อได้อีกครั้ง เมื่อสติของผมเริ่มกลับคืนมา ผมก็รู้สึกว่าขาของผมมันเริ่มก้าวเดินออกไปทีละก้าวอย่างช้าๆในตอนแรก ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นๆจนกลายเป็นการวิ่ง และสิ่งถัดมาที่ผมได้ยินก็คือเสียงเรียกของคนหลายคนจากทางด้านหลังที่เริ่มแผ่วลงทีละน้อย จนกระทั่งผมรู้สึกตัวเองถูกกระแทกเข้าจากทางด้านหลังอย่างแรงจนล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนสนามหญ้า

“คริส!! คริส!!!” แฟรงค์ที่รวบตัวของผมเอาไว้จากทางด้านหลังเขย่าตัวผมอย่างแรง

“แฟรงค์.........”ผมมองหน้าพี่ชายของผมอย่างงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันไม่ใช่ลูกของเขา อีก...... ต่อไปแล้ว......... ฉัน........ เขาพูดว่า ฉัน.......” ผมไม่สามารถเอ่ยคำพูดใดๆออกจากปากได้อีกต่อไป ก้อนอะไรบางอย่างมันถูกดันขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอยจนผมไม่สามารถเปล่งเสียงเป็นคำพูดใดๆอีกต่อไปได้นอกจาก...... “โฮฮฮฮฮฮฮ!!!!”

“คริส พี่ขอโทษ” แฟรงค์รวบตัวผมเข้าไปกอดแล้วลูบหัวผมเบาๆ “พี่ขอโทษ คริส พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ.........”

ในเวลาหนึ่งนาที สองนาที สิบนาที หรืออาจจะยี่สิบนาทีที่แฟรงค์นั่งกอดผมอยู่นั้น ผมไม่สามารถทำหรือคิดอะไรได้อีกเลยนอกจากปล่อยให้ตัวเองนั่งร้องไห้ลงบนบ่าของเขาจนกระทั่งผมได้ยินเสียงฝีเท้าของคนอื่นๆเริ่มเดินเข้ามาใกล้ตัวเราสองคนมากขึ้นเรื่อยๆ

ผมเริ่มประคองสติตัวเองได้มากขึ้นพร้อมๆกับที่มือของอาไคล์วางลงบนบ่าของผม ผมหันไปหาอาไคล์ทั้งๆที่น้ำตาอาบหน้า อาไคล์จึงดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วซับให้ผมเบาๆ

“ปู่ครับ ย่าครับ” แฟรงค์พูด “ผมอยากพาคริสกลับบ้าน”

“แฟรงค์ หลานหมายถึง.........”

“ใช่ครับ ปู่ ผมอยากพาคริสกลับไปอังกฤษกับพวกเรา”

ผมรีบหันกลับไปหาพวกเขาทั้งสามคนทันที “มะ.... ไม่ครับ” ผมสะอื้นเล็กน้อย “ผม ยะ อยากอยู่ที่นี่ ผมอยากกลับบ้าน!”

“คริส แต่ไอ้งี่เง่านั่นมันเพิ่งจะ.........” แฟรงค์แย้ง

ผมหันกลับมาหาอาไคล์อีกครั้ง “ฮึก อาไคล์ครับ ผมขอร้องนะครับ พาผมกลับบ้านที ฮึกก.... ผะ ผมอยากกลับบ้าน ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ผมอยากไปหาครอบครัวของผม คนที่เค้ารักผม.......”

ดวงตาของอาไคล์ดูเป็นประกายขึ้นเล็กน้อยจากน้ำตาที่ไหลมาปริ่มอยู่ที่ขอบตา จากนั้นเขาก็ดึงตัวของผมเข้าไปกอดและลูบหลังของผมเบาๆ “ครับ คริส ถ้างั้นเดี๋ยวเรากลับบ้านของเรากันนะครับ..........”



ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ดราม่าหน่อยนะครับ แต่อย่างน้อยๆมันก็ยอมรับได้แล้วน่ะนะ ว่าบ้านหลังไหนที่เป็นครอบครัวของมันจริงๆ...... ปัญหาคือ มันจะเอายังไงต่อ จะอยู่ไทย หรือไปอังกฤษกับแฟรงค์.....

ส่วนตอนหน้า น้องโจจะกลับมาหาทุกโคนนนนน 5555


ปล. สงสารคริสว่ะะ เฮ้อออ ให้กำลังใจมันหน่อยนะครับ (ฮา)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2010 22:42:56 โดย ExecutioneR »

temp.jr

  • บุคคลทั่วไป
สงสารคริสจังเลย  :sad4:
หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นนะ :serius2:

ปล.รอตอน A ต่อไป

pearleye

  • บุคคลทั่วไป
ช่วยกันให้กำลังใจคริสค่ะ :จุ๊บๆ: น่าสงสารจังเลย โอ๋ๆ  :กอด1: มาม๊ะ มาให้กอดที

ปล.พ่อแม่คริสสุดยอดไปเลย  :m29: รักลูกที่อะไรหรอคะ
ปลล.หนูยังไม่อยากเจอโจ หนูอยากเจอนัท เข้าใจกันไหมเนี่ย  :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2

ออฟไลน์ Ryuse

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
หลังจากตามอ่าน3ตอนล่าสุด เม้นต์แค่ตอนของคริสละกัน เพราะมันบีบหัวใจคนอ่านได้แหลกจริงๆ
พ่อแม่แบบนี้ยังมีอยู่จริงๆสินะเนี่ย ถึงจะบอกว่าเข้าใจที่ทำไมเขาถึงรับเรื่องนี้ไม่ได้
แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าเราเจอเข้ากับตัวแล้วต้องจากครอบครัวที่เรารักไป มันคงเหมือนกับไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
หวังว่าคริสคงไม่ต้องไปอังกฤษ หรือถ้าต้องไป ขอให้ยุไปตามตัวกลับมา เปิดตัวไปอีกคู่  :-[ :o8:

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

ลูกเป็ดเอย....

จงเสพย์ ดราม่า

ที่ต่นต๊น สรรสร้างขึ้น

ขอบคุณและจะติดตามครับ

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
อ่านแล้วบอกได้แต่บอกว่า พูดไม่ออกครับ เห็นใจทุกๆฝ่าย อัตตามันหนักครับ ถ้าวางได้ทุกอย่างมันจะเบาลงครับ

schteuben

  • บุคคลทั่วไป
น้ำตาไหลเลยล่ะ ถ้าเป็นละครคงเสียทิชชู่ไปครึ่งม้วนแล้ว ฮือๆ.....
กลับบ้านเถอะคริส...

คุงต้น ผม รอโจอยู่นะ รีบๆมาต่อล่ะค้าบ.....ฮือๆๆๆๆ สงสารคริส

Phelyra

  • บุคคลทั่วไป
เป็นพ่อแม่คนประสาอะไรเนี่ย โลกทัศน์แคบพอ ๆ กับจิตใจเลย คนที่ควรจะเข้าใจและเห็นใจลูกตัวเองที่สุดกลับผลักไสไล่ส่ง ไม่น่ามีโอกาสได้ลูกชายที่ดีแสนดีอย่างคริสเล๊ย :o11:

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
พ่อแม่ทำร้ายลูกหรือเปล่า????   
รอลุ้นน้องโจต่อไปจ๊ะ   

Laxxeez

  • บุคคลทั่วไป
คุณสองคนกำลังทำร้าย...คริส...คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกของคุณสองคนอย่างเลือดเย็น และกำลังฆ่าเค้าให้ตายทั้งเป็นอยู่นะคับ :m15: ทำไปได้ยังไง พูดแบบนั้นไปได้ยังไง คนเห็นแก่ตัวก็อยู่กับตัวเองไปจนตายก็แล้วกัน :o12:

mole eye man

  • บุคคลทั่วไป
นาน ๆ จะเจอเรื่องที่ครอบครัวยอมรัลบเรื่องแบบนี้ไม่ได้ (ปกติอ่านนิยายเรื่องไหน ๆ ก็รับได้ตลอดเหอะ)


ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ฮือๆๆๆ คริส ของผมมมม
ทำมัยมันเศร้าอย่างงี้
เปงกำลังใจให้ครัฟ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด