]|เรื่องไม่สั้นและไม่เล่า|[ กระดานดำหลังรั้วโรงเรียน ... ชาย (ภาค 2: เม้นแรก)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]|เรื่องไม่สั้นและไม่เล่า|[ กระดานดำหลังรั้วโรงเรียน ... ชาย (ภาค 2: เม้นแรก)  (อ่าน 1711610 ครั้ง)

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2

getto

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
b34


วายุ


บรรยากาศในบ้านของผมวันนี้ดูแตกต่างไปจากที่เคยเป็นทุกวันค่อนข้างมาก จำนวนคนที่เพิ่มขึ้นทำให้ห้องกินข้าวของเราดูเล็กลงไปถนัดตา และแถมคนแต่ละคนก็ใช่ว่าจะตัวเล็กๆกันทั้งนั้นด้วยสิ น่าแปลกนะ เมื่อผมลองมาคิดย้อนดูว่าทั้งๆที่ตอนผมยังเด็ก บรรยากาศแบบนี้ก็เกิดขึ้นออกจะบ่อย แต่ตอนนั้นผมยังไม่เห็นจะรู้สึกว่าบ้านของผมมันดูเล็กและแคบขนาดนี้เลยสักนิด ทว่าพอมาตอนนี้ ผมนั่งมองบรรดาพวกผู้ใหญ่ทั้งหลายเดินกันไปมาแล้วก็อดที่จะยิ้มออกมาน้อยๆไม่ได้ บางทีมันอาจจะเป็นผมเองนั่นแหละที่โตขึ้น จึงทำให้อะไรรอบๆข้างดูเล็กลงไปหมด ยกเว้นก็แต่บรรดาพวกเขาทุกคนเหล่านี้นั่นแหละที่ไม่ได้ดูตัวเล็กลงไปเลยแม้แต่น้อย กลับกัน พวกเขายังดูเป็นผู้ชายตัวโตที่น่าอบอุ่นและพึ่งพาได้สำหรับผมเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

เย็นนี้โต๊ะกินข้าวของผมจะถูกห้อมล้อมและเก้าอี้ทุกตัวก็จะถูกนั่งจนเต็มด้วยสมาชิกครอบครัวของผมทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะเกี่ยวพันกับผมทางสายเลือดหรือไม่ก็ตาม และมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากด้วย เพราะเป็นเวลานานมากแล้วทีเดียวที่พวกเราทุกคนไม่ได้มานั่งกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาใน “บ้านของผม” แบบนี้

“เฮ้ย ไอ้ยุ” ไอ้คริสเรียกชื่อผมขึ้น “เป็นไร เห็นนั่งยิ้มอยู่ตั้งนานแล้วนะ”

“อ๋ออ ป่าวหรอก กูก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอ่ะว่ะ” ผมหันไปยิ้มให้กับมัน

จนถึงตอนนี้ ปัญหาที่บ้านของไอ้คริสก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นเรื่อย ทั้งป๊าและอาไคล์ต่างก็พยายามไปพูดกับพ่อแม่ของมันมาคนละหนสองหนแล้ว แต่ดูท่าทางว่าพวกเขาก็จะยังคงไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆเหมือนเดิม ทำให้ตอนนี้ไอ้คริสก็ยังคงต้องอาศัยอยู่กับอาไคล์และอาพีไปก่อนอีกพักใหญ่ๆ ซึ่งก็นับว่าโชคยังดีที่พ่อของไอ้คริสนั้นยังจ่ายเงินประจำสัปดาห์ไว้ให้มันได้ใช้อยู่ใช้กินส่วนตัว และก็ยังโอนเงินอีกก้อนหนึ่งใส่ไว้ในบัญชีของอาไคล์สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆของมันด้วย แต่ถึงแบบนั้น อาไคล์กับอาพีก็ไม่เคยต้องการและแตะต้องเงินก้อนนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะทั้งคู่รวมถึงพวกเราทุกคนก็แค่อยากจะให้คริสมันได้กลับไปอยู่บ้านกับพ่อและแม่ที่รักและเข้าใจมันเหมือนอย่างที่เคยเป็นมากกว่า

เมื่อป่ะป๊ากับแม่ที่เตรียมอาหารทุกอย่างเสร็จหมดแล้วเดินออกมาจากในครัว พวกเราทุกคนก็นั่งประจำที่ล้อมรอบโต๊ะอาหารกันอย่างพร้อมหน้า และในระหว่างที่พวกเรากำลังกินข้าวกันอยู่นั้น ผมกับคริสก็นั่งคุยกันถึงเรื่องของเพื่อนๆและงานที่โรงเรียน ส่วนพวกพ่อๆก็คุยกันถึงเรื่องงานของพวกเขากับเพื่อนๆว่าเป็นยังไงกันแล้วบ้าง ซึ่งบอกตามตรงว่าผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจฟังมากสักเท่าไหร่หรอก จนกระทั่งหูของผมมันมาสะดุดเข้าก็ตรงที่พ่อกอลฟ์ถามคำถามบางอย่างกับอาไคล์นั่นแหละ

“แล้วเรื่องที่ว่าจะไปสอนที่โรงเรียนไอ้เจ้ายุมันล่ะ ไคล์ ตกลงว่ายังไงบ้าง ตัดสินใจรึยังวะ”

“ก็ยังไม่แน่นะครับ พี่กอล์ฟ นี่ผมก็ยังดูๆอยู่ แต่ตอนนี้ที่ได้สอนเจ้าคริส ผมก็รู้สึกว่ามันสนุกดี”

“แต่สอนหนังสือในโรงเรียนกับสอนพิเศษเด็กเดี่ยวๆมันไม่เหมือนกันนา” แม่ของผมพูดขึ้นบ้าง

“ผมก็รู้ครับ แต่ก็อย่างที่ผมบอกแหละครับว่าผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลย”

“เดี๋ยวๆๆๆ” ผมขัดบทสนทนาของพวกเขาขึ้น จากนั้นก็หันไปมองหน้าคริสเป็นทำนองว่ามันเองก็คิดแบบเดียวกับที่ผมกำลังคิดอยู่รึเปล่า และสีหน้าของมันเองก็กำลังดูงุนงงเหมือนกับผมไม่มีผิด ผมจึงหันกลับไปหาพ่อกับอาไคล์อีกครั้ง “นี่พ่อกับอาไคล์กำลังพูดเรื่องอะไรครับเนี่ย นี่อาไคล์จะไปสอนที่โรงเรียนยุเหรอ สอนมอไหน เมื่อไหร่ วิชาอะไร แล้วนี่ทำไมไม่เห็นมีใครบอกยุก่อนเลยอ้ะ”

เมื่อผมพูดจบ พวกพ่อๆก็หัวเราะขึ้นทันที

“ใจเย็นๆไอ้แสบ ยังไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้” พ่อเล็กหันมาพูดกับผม

“อาไคล์เค้ายังไม่ได้ตัดสินใจเลย ยุ อาเค้าแค่รอให้อะไรๆมันแน่นอนก่อนแล้วถึงจะบอกเรากับเพื่อนๆอีกทีน่ะ” อาพีพูดขึ้นบ้าง

“ใช่ และที่พวกพ่อแนะนำให้ไคล์เค้าไปสอนคริสนั่นก็เพราะจะได้ให้ไคล์ลองฝึกการสอนดูด้วยนั่นแหละ” ป่ะป๊าพูด

“แล้วทำไมจู่ๆอาไคล์ถึงคิดจะไปสอนหนังสืออ่ะครับ แล้วงานที่บริษัทอาอ่ะ” ผมถาม

“อาจะไปเป็นแค่อาจารย์พิเสษน่ะ ยุ น่าจะอาทิตย์ละสองครั้งเอง คือเพื่อนอาเค้ารู้จักกับอาจารย์ในนั้น แล้วเราก็เคยคุยกันว่าที่โรงเรียนเค้าอยากได้ครูสอนภาษาสเปนของชั้นมัธยมปลายน่ะ อาก็คิดว่ามันน่าสนใจดี เลยบอกเค้าไปว่าจะขอเอามาลองคิดดูอีกที ก็แค่นั้นแหละ”

“ของมอปลายมีเรียนภาษาสเปนด้วยเหรอวะ ไอ้คริส” ผมหันไปถามคริส “กูคิดว่ามีแต่พวกญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศษ เยอรมัน อะไรพวกนั้นซะอีก”

“ก็ใช่ไง แต่สงสัยว่าเค้าจะเปิดเพิ่มมั๊ง กูเคยได้ยินไอ้เจย์มันพูดๆอยู่เหมือนกัน”

“ถ้าสมมติอาไคล์เค้าตัดสินใจไปสอนจริงๆ ปีหน้าเราจะลงเรียนกับอาเค้ามั๊ยล่ะ ยุ” แม่หันมาถามผม

“เรียนภาษาสเปนในชั่วโมงพิเศษอ่ะเหรอครับ อืมมมม ไม่รู้อ่ะแม่ แต่ยุก็พอพูดได้อยู่แล้วนี่นา อาไคล์ก็สอนยุมาตั้งแต่เด็กๆแล้วอ่ะ ยุก็ไม่รู้จะไปนั่งเรียนในห้องเรียนทำไมอีกอ่ะนะ”

“อะไร หรือว่ากลัวจะเขินวะ ไอ้แสบ” พ่อเล็กหัวเราะ

“เขินไร พ่อเล็ก โหหหห ไม่มีหรอก ด้านระดับยุแล้ว”

“เอ้ออ ว่าแต่พรุ่งนี้วันเสาร์ พวกมึงมีแพลนจะไปไหนกันรึเปล่าวะ ไอ้ซัน” พ่อกอล์ฟหันไปพูดกับพวกพ่อเล็ก

“คงไม่อ่ะว่ะ เมฆมันก็คงจะไปยิมเหมือนเดิมมั๊ง ส่วนกูก็คงอยู่เคลียร์งานที่บ้านนั่นแหละ”

“แล้วสองคนนี้ล่ะ จะไปไหนกันรึเปล่า” พ่อหันไปหาอาไคล์กับอาพี

“ไม่มั๊งครับ พี่กอล์ฟ ผมว่าผมก็คงจะนั่งทำงานอยู่บ้านเหมือนกัน ส่วนไคล์เค้าก็คงสอนหนังสือคริสอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม” อาพีตอบ

“มึงมีอะไรเปล่าวะ” พ่อเล็กถามกลับ

“เปล่าๆ กูก็แค่ถามดูเฉยๆ ก็แค่คิดว่าพวกมึงอาจจะไปไหนหรือจะไปคุยกับพ่อแม่ของคริสดูอีกทีรึเปล่าเท่านั้นเองว่ะ”

เมื่อพ่อกอล์ฟพูดถึงเรื่องนี้ ผมก็รู้สึกว่าไอ้คริสที่นั่งอยู่ข้างๆผมมีปฏิกิริยาขึ้นในทันที

“คริสได้คุยกับพ่อแม่บ้างรึยังล่ะลูก” แม่หันมาถามคริส ซึ่งนั่นก็เป็นคำถามที่ผมรู้สึกไม่อยากให้ใครก็แล้วแต่ถามขึ้นมามากที่สุดด้วยเช่นกัน

“ยังเลยครับ.......” คริสตอบพลางวางช้อนกับส้อมลงทั้งๆที่เพิ่งกินข้าวไปได้แค่ครึ่งเดียว

“เฮ้ย มึงอิ่มแล้วเหรอ กินๆเข้าไปอีกหน่อยสิวะ”

“ไม่อ่ะ กูอิ่มแล้วจริงๆ”

“เฮ้ยยเว้ยยย ช่วงนี้มึงก็กินข้าวน้อยจะแย่อยู่แล้วนะเว้ย วันนี้อุตส่าห์มีกับข้าวตั้งเยอะแยะ ป่ะป๊ากะแม่กูเค้าก็ทำสุดฝีมือ มึงกินๆเข้าไปอีกหน่อยน่า เอ้า” ผมตักปลาเก๋าราดพริกที่มันชอบใส่จานของมันเพิ่ม

“อือออ ขอบใจว่ะ แต่ไม่ต้องแล้วนะเว้ย กูอิ่มจริงๆ”

“ถ้าคริสเค้าอิ่มแล้วก็อย่าไปฝืนเพื่อนเลย ยุ” แม่ผมพูดขึ้น จากนั้นก็หันไปหาคริส “เอางี้ ถ้าอิ่มแล้วก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเลยก็ได้นะลูกคริส แล้วพอสดชื่นดีแล้วก็ค่อยลงมาอีกทีก็ได้ ดีมั๊ย”

“ครับ แบบนั้นก็ได้ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนเลยแล้วกันนะครับ ขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไรๆ ไปเถอะลูก”

คริสลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากโต๊ะอาหารตรงไปยังบันได จนเมื่อมันเดินขึ้นชั้นสองไปและคงไม่ได้ยินบทสนทนาของพวกเราแน่ๆแล้ว แม่ก็พูดขึ้นอีกครั้งทันที

“ตงลงพ่อแม่เค้านี่จะเอายังไงเนี่ย ไคล์กับพีได้ไปคุยดูอีกครั้งรึยัง”

“ยังเลยครับ คือผมน่ะคงไปไม่ได้อยู่แล้ว ก็มีแต่ไคล์กับพี่เมฆสองคนนี่แหละที่คงจะพอไปได้” อาพีตอบ

“ล่าสุดที่กูไปก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ถึงเค้าจะดูใจเย็นลงอีกนิดหน่อยแล้วก็เหอะนะ แต่เค้าก็ยังคงยืนยันว่ามันไม่ใช่ธุระอะไรของกูอยู่ดีว่ะ” ป่ะป๊าตอบ

“ส่วนตอนที่ผมไปเมื่อวันก่อนนี้เค้าก็แทบจะไม่ยอมให้ผมเข้าบ้านแล้วด้วยซ้ำไปครับ พี่อีฟ พี่กอล์ฟ” อาไคล์พูดพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆไปด้วย

“แล้วที่โรงเรียนคริสเค้าเป็นยังไงมั่งล่ะ ยุ” พ่อเล็กหันมาถาม

“มันก็เงียบๆลงไปนะฮะ พ่อ แต่มันก็ดูพยายามที่จะไม่คิดอะไรเท่าไหร่เหมือนกันแหละ แต่ยุว่าส่วนนึงก็คงเป็นเพราะเพื่อนๆยุมันไม่ค่อยยอมปล่อยให้ไอ้คริสมันอยู่คนเดียวด้วยแหละครับ มันก็เลยดูไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่” ผมตอบ

“ชีวิตเด็กคนนี้นี่น่าสงสารนะ......” แม่ถอนหายใจเบาๆ “ถ้างั้นยุก็คงต้องดูแลเพื่อนต่อไปอีกสักพักแล้วกันนะลูก ถ้าเค้าคิดมากหรือมีอะไรอยู่ในใจ ก็พยายามให้เค้าพูดหรือระบายออกมาบ้าง เค้าจะได้ไม่เครียดและเก็บมันเอาไว้คนเดียว เข้าใจมั๊ย”

“ครับ ยุก็พยายามทำแบบนั้นอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วเหมือนกันครับ แม่” ผมรับคำ

นี่แหละ คือสิ่งที่ครอบครัวของผมสั่งสอนผมมาตั้งแต่ผมยังเล็ก ทุกคนสอนให้ผมรู้จักการเป็นผู้รับฟังและคอยช่วยเหลือผู้อื่น สอนให้ผมรักและเห็นคุณค่าของความเป็นเพื่อน สอนให้ผมแบ่งปันความสุขที่มีให้แก่คนรอบข้าง และในขณะเดียวกันก็สอนให้ผมรู้จักรับเอาความทุกข์ของคนเหล่านั้นมาแบกรับเอาไว้ส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อทำแบบนั้นแล้ว มันก็จะทำให้เรารู้จักกับความเสียสละ ความทุกข์ของคนอื่นที่ต้องเผชิญ และความสุขที่ได้แบ่งเบาภาระเหล่านั้นมาไว้ด้วย ซึ่งผมก็พยายามที่จะทำแบบนั้นกับทุกคนเรื่อยมา และผมก็รู้สึกจริงๆนะว่านี่แหละ คือสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขและสามารถมอบความรักความหวังดีให้แก่เพื่อนๆของผมและคนรอบข้างผมทุกคนได้อย่างแท้จริง

วันรุ่งขึ้นในตอนบ่าย จู่ๆผมก็ได้รับโทรศัพท์จากไอ้นนท์ ซึ่งไอ้การที่มันโทรมาหาผมเนี่ยก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรหรอก แต่สิ่งที่มันเล่าให้ผมฟังนี่สิที่น่าแปลกใจและน่าหัวเราะไปพร้อมๆกันมากกว่า เพราะมันบอกผมว่าไอ้โจมาหามันอีกแล้ว และก็คงจะไปนอนที่บ้านของมันอีกแล้วด้วย

ใจนึงผมก็ขำนะ ผมรู้สึกตลกไอ้โจที่มันดูโคตรพยายามแบบนี้เลยดี แต่อีกใจผมก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยด้วยเหมือนกัน เพราะผมกลัวว่าไอ้นนท์มันจะเผลอหวั่นไหวไปกับการตื้อโคตรๆของไอ้โจเอาง่ายๆนี่สิ เพราะถึงผมจะรู้ว่าไอ้นนท์มันก็รักไอ้นัทมากอยู่ แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้ด้วยเหมือนกันว่าไอ้นนท์มันเป็นคนใจอ่อนอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ถ้าเกิดว่าไอ้โจมันใช้ลูกอ้อนหรือทำตัวน่าสงสารเข้าว่าล่ะก็ ผมว่าไอ้นนท์ก็อาจจะเผลอใจให้กับมันไปไม่มากก็น้อยได้ด้วยเหมือนกัน แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะ เมื่อผมลองมาคิดดูดีๆแล้ว การที่ไอ้โจมันจะมาทำตัวน่าสงสารเพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากใครนี่มันก็ดูจะเป็นไปได้ยากพอๆกับการบอกให้มันมาเล่นตลกให้พวกเราดูเลยล่ะมั๊ง ดังนั้นผมก็เลยยังพอสบายใจกับเรื่องนี้ไปได้เปลาะหนึ่ง

แต่ทว่าสุดท้ายผมก็ต้องรู้สึกแปลกใจขึ้นอีกครั้งเมื่อจู่ๆไอ้นนท์มันโทรกลับมาแล้วเล่าเรื่องข้อเสนอของไอ้โจให้ผมฟัง บอกตามตรงว่าตอนนั้นผมก็รู้สึกลังเลอยู่เหมือนกันนะ เพราะผมไม่อยากให้มันต้องมีเรื่องโกหกปิดบังอะไรไอ้นัทเลย แต่ผมก็คิดเหมือนกับที่มันคิดนั่นแหละว่าอย่างน้อยๆถ้าเกิดมันรับปากไอ้โจไปในตอนนี้ มันก็คงสามารถสบายใจเรื่องที่จู่ๆไอ้โจมันจะโผล่มาที่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนอีกได้ และนั่นก็คงจะเป็นผลดีกับทั้งตั้วไอ้นนท์เองแล้วก็ไอ้นัทในระยะยาวอย่างแน่นอน

ในตอนบ่ายแก่ๆที่อาพีมารับไอ้คริสกลับบ้าน และป่ะป๊ามารับผมไปที่ยิมด้วยกัน ผมก็เล่าเรื่องที่ไอ้นนท์โทรมาปรึกษาผมให้ป๊าฟัง จนกระทั่งเมื่อผมเล่าจบ ผมจึงได้เอ่ยปากถามป๊าถึงสิ่งที่ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจออกไป

“ป๊าว่ายุทำถูกมั๊ยครับเนี่ย ที่แนะนำเพื่อนมันไปแบบนั้นอ่ะ คือแบบว่า ยุก็ไม่รู้ดิ่ ยุมีความรู้สึกว่าเพื่อนๆยุอ่ะ มันชอบปรึกษาเรื่องนั้นเรื่องนี้กับยุกันเยอะ แล้วบอกตามตรงว่ายุก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกนะ ป๊า ว่าไอ้สิ่งที่ยุดแนะนำไปอ่ะ มันจะถูกต้องหรือว่าเหมาะสมแล้วแน่รึเปล่าน่ะ”

“ตอนนี้ยุหมายถึงแค่เรื่องของนนท์อย่างเดียวรึเปล่า”

ผมนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “.......อืมมมม ก็ถ้าเป็นแบบนั้น ป๊าคิดว่าไงอ่ะครับ เรื่องไอ้โจอ่ะ”

ป๊าหัวเราะในลำคอเบาๆ “ป๊าว่าคนชื่อโจเนี่ย ท่าทางจะชอบนนท์มากๆเลยนะ แล้วก็ยังเจ้าเล่ห์ไม่เบาด้วย ถ้าให้ป๊าเดา ป๊าว่ามันคงจะเป็นคนปากหนัก มีอะไรไม่ค่อยพูดค่อยบอกใคร แต่เวลาอยู่กับนนท์เนี่ย ท่าทางจะปากไวคิดอะไรก็พูดจนทำให้นนท์เครียดเอาบ่อยๆแหงๆ”

“โหหหหห ป๊ารู้ได้ไงอ่ะ!! สุดยอดดดดดด! ตรงเกือบหมดทุกเรื่องเลยป๊า!”

“ป๊าก็เดาๆเอาเท่านั้นแหละ อยากรู้มั๊ยว่าทำไมป๊าเดาถูก.......” ป๊าหันมายิ้มให้กับผม

“ทำไมอ่ะครับ”

“เพราะโจเนี่ย คล้ายกับไอ้ซัน พ่อเล็กของยุสมัยก่อนเลยน่ะสิ”

“จริงดิ่!!” ผมตกใจ “แต่ก่อนพ่อเล็กนิสัยคล้ายไอ้โจเหรอเนี่ย...... ยุว่าไม่ใช่ม๊างงง เพราะไอ้โจมันกวนตีนจะตาย โคตรขี้เก๊ก ปากหมา พูดจาไม่ค่อยคิดถึงใคร แถมยังเอาแต่ใจโคตรๆด้วยดิ่”

“งั้นก็คงไม่คล้ายเท่าไหร่แล้วล่ะ” ป๊าหัวเราะ “เพราะไอ้ซันน่ะ มันเป็นคนเข้ากับคนง่าย เพื่อนเยอะ มีมาดนิดหน่อยก็จริงแต่ไม่ถึงกับขี้เก๊กหรอก แล้วมันก็ไม่ใช่คนที่พูดจาอะไรไม่คิดถึงจิตใจคนฟังด้วย”

“อ้าว งั้นพ่อเล็กกับโจจะไปคล้ายกันตรงไหล่ะครับเนี่ย ยุเริ่มงงแล้วอ่ะ”

“ก็คงแค่ความเอาแต่ใจ พูดอะไรตรงๆ และเวลาที่ชอบใครแล้วก็อยากจะแสดงออกให้เค้าเห็นหรือให้รู้ด้วยคำพูดหรือการกระทำแบบขวานผ่าซากมากกว่าการทำตัวหรือพูดจาหวานๆล่ะมั๊ง”

“อืมมม อันนี้ยุก็ไม่รู้แฮะ เพราะยุก็ไม่ใช่คนที่ถูกไอ้โจมันจีบซะด้วยดิ่” ผมนิ่วหน้าเล็กน้อยพลางนึกไปด้วยว่าไอ้โจมันเป็นคนแบบนั้นจริงๆเหรอเนี่ย

“และถ้าจะให้ป๊าตอบคำถามที่ว่ายุทำถูกรึยังนะ ป๊าก็บอกไม่ได้หรอก อนาคตมันไม่แน่ไม่นอน สิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องที่สุดในตอนนี้ก็อาจจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในอนาคตเสมอไป เพราะงั้นยุก็แค่ให้คำปรึกษาเพื่อนไปในสิ่งที่ยุคิดว่ายุอยากจะเห็นเพื่อนเป็นแบบนั้นที่สุดก็พอ และคำว่าเห็นเพื่อนเป็นแบบนั้น ป๊าก็หมายถึงว่า ยุอยากจะเห็นเพื่อนมีความสุขยังไง ยุก็แนะนำเพื่อนไปแบบนั้นแหละ ส่วนที่ว่าเค้าจะทำหรือไม่ทำตามนั้นมันก็เป็นเรื่องที่เค้าต้องตัดสินใจเอง เข้าใจมั๊ยครับ.....”

ผมพยักหน้ารับคำเงียบๆ แล้วจากนั้นเราสองคนก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอีก จนกระทั่งเราออกกำลังกายกันเสร็จในตอนเย็นและกำลังจะกลับบ้านกันนั้น ผมก็ได้รับโทรศัพท์อีกสายจากเพื่อนของผม และมันก็โทรมาเพื่อปรึกษาผมเรื่องความรักอีกตามเคย

“ไอ้ยุ กูชักอยากจะบอกไอ้ป๊อปแล้วว่ะว่ากูชอบมันอ่ะ แต่กูไม่กล้าอ่ะเว้ย มึง” ไอ้ตี๋พูดกับผม

“อ้าว ทำไมจู่ๆมึงก็ตัดสินใจแบบนี้ขึ้นมาได้วะ ไอ้ตี๋”

“กูอึดอัดว่ะมึง กูก็ไม่รู้ว่ามันคิดยังไงเหมือนกันนะเว้ย แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอีกล่ะก็ กูคงจะต้องทรมานเหี้ยๆๆอ่ะว่ะ เพราะบางทีแม่งก็ทำตัวเหมือนกับมันก็รู้อ่ะว่ากูคิดยังไงกะมัน แล้วมันก็แม่งทำตัวเหมือนมันก็ชอบกูด้วยเหมือนกันอ่ะ”

“เอออ กูก็พอเข้าใจมึงอ่ะนะเว้ย แล้วว่าแต่นี่กูเดาว่ามันต้องไปทำอะไรให้มึงหวั่นไหวอีกแน่ๆเลยใช่มั๊ยวะ มึงถึงได้จู่ๆก็ประสาทแดกขึ้นมาแบบนี้เนี่ย” ผมหัวเราะ

“ก็เออดิ่ ก็เนี่ย วันนี้มันมาบ้านกูใช่ป่ะล่ะ แล้วคราวนี้จู่ๆกูก็รู้สึกไม่ค่อยสบายอ่ะ แบบ กูเริ่มมีน้ำมูกๆแล้วก็เริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อยอ่ะ.......”

“อ้าวมึงไม่สบายเหรอวะ ไอ้ตี๋ มิน่าล่ะ กูว่าเสียงมึงเปลี่ยนๆชอบกล แล้วนี่ไอ้ป๊อปมันอยู่ไหนวะเนี่ย ยังอยู่บ้านมึงใช่ป่ะ”

“อือใช่ แต่ตอนนี้มันกลับไปบ้านอ่ะว่ะ ไปเอาของ เดี๋ยวมันจะกลับมาใหม่ เออๆมึง กูขอเล่าต่อก่อนล่ะนะ เดี๋ยวแม่งจะกลับมาซะก่อน คือแล้วหลังจากนั้นอ่ะ มันก็บอกให้กูไปนอนพัก แล้วยังบอกจะเช็ดตัวให้กูด้วยนะเว้ย แต่กูก็แบบ เฮ้ยยย กูไม่ได้เป็นอะไรเยอะแยะอ่ะ แต่มันก็ยืนยันให้กูกินยาแล้วรีบๆนอนพักได้แล้ว มันบอกว่าคืนนี้มันจะมานอนเฝ้ากูด้วย เผื่อกูเป็นอะไรหนักไปอีกอ่ะ”

“แล้วไงวะ กูก็ไม่เห็นมันจะมีอะไรแปลกตรงไหนเลยนี่หว่า”

“เรื่องนั้นมันก็ใช่ แต่แบบมึงต้องเป็นกูอ่ะ ไอ้ยุ คือตอนมันมองหน้ากู เอามือแตะหน้าผากกู กูงี้ใจสั่นเลยนะเว้ย ตาแม่งเป็นประกายมากๆอ่ะ ไม่รู้แม่งคิดอะไรของมันอยู่ แล้วจู่ๆมันก็บอกกูว่า...... ว่า........” ไอ้ตี๋อึกอักไปครู่หนึ่ง “มันบอกกูว่ามันรักกูอ่ะ”

“เฮ้ยยยยยยยยย!!! จริงเหรอวะ!!!”

“เออ แต่มันก็รีบพูดต่อนะเว้ย มันบอกว่ามันรักกู แต่รักแบบเพื่อนนะ ไม่ได้รักแบบชายหญิง มันบอกกูเป็นเพื่อนที่มันรักมากๆที่สุดแล้ว และมันบอกว่าถ้ากูเป็นผู้หญิงนะ มันคงจะจีบกูไปแล้วอ่ะ แล้วหลังจากนั้นมันก็ดูเขินๆมั๊ง กูก็ไม่รู้กูคิดไปเองรึเปล่านะว่ามันเขินอ่ะ และมันก็บอกว่าจะขอกลับบ้านไปเก็บของก่อนเดี๋ยวมา แล้วกูก็เลยโทรหามึงนี่แหละ”

“อ่อออ” ผมพยักหน้าเบาๆ

“เนี่ย ไอ้ยุ มึงว่ามันคิดอะไรกับกูป่าววะ กูแม่งโคตรเดาใจมันไม่ถูกเลยจริงๆนะเว้ย บางทีแม่งก็ดูไม่คิดอะไรเลย แต่บางทีแม่งก็ดูเหมือนรอให้กูเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอ่ะ มึงว่ากูคิดเข้าข้างตัวเองไปป่าววะ”

“เหี้ย บอกตามตรง ถ้าเป็นกูกูก็อาจจะคิดอ่ะว่ะ กูก็ไม่รู้นะเว้ย คือกูก็ยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้กับตัวซะด้วยสิวะ”

“แล้วมึงว่ากูควรทำไงดีวะ ไอ้ยุ กูควรจะบอกมันไปเลยดีมั๊ย หรือกูควรจะลองแย็บๆดูก่อนดีวะ กูจะทนไม่ไหวแล้วนะเนี่ย”

“อืมมม กูก็ไม่รู้นะเว้ย ไอ้ตี๋ เรื่องนี้มึงต้องคิดดูดีๆแล้วก็ระวังให้มากๆอ่ะว่ะ แต่ถึงไงไอ้ปํอปมันก็รักมึงมากๆนะเว้ย ถึงมันอาจจะไม่ได้คิดกับมึงแบบแฟน แต่ยังไงมันก็ไม่น่าจะโกรธหรือเกลียดมึงไปเพราะแค่มึงชอบมันแบบนั้นหรอกว่ะ กูว่านะ และที่สำคัญ ถ้ามึงต้องทนเก็บไว้แล้วทรมานขนาดนี้จริงๆล่ะก็ กูว่าลองเสี่ยงๆดูสักทีก็ดีเหมือนกันอ่ะว่ะ เพราะกูว่าถ้ามึงไม่ทำอะไรเลย มึงก็คงจะต้องทรมานแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ถ้ามึงลองพูดออกไปดูสักที ผลลัพธ์มันอาจจะออกมาดีมากๆก็ได้นะเว้ย”

“แปลว่ากูควรจะพูดกับมันแล้วใช่มั๊ยวะ”

“ก็อาจจะอย่างนั้นอ่ะว่ะ”

“เอาวะ กูจะลองดู ไอ้เหี้ยแม่งงงง ตื่นเต้นชิบหายเลยว่ะมึง กูต้องหาโอกาสเหมาะๆดูก่อนอ่ะวะ ขอบใจมึงมากนะเว้ย ไอ้ยุ แล้วไงกูจะโทรไปบอกผลมึงนะเว้ย”

“เออๆ กูดีใจเว้ยที่มึงมีความกล้าสักที ไอ้ตี๋ ยังไงก็ขอให้มันคิดแบบเดียวกันกับมึงนะเว้ย กูอยากเห็นเพื่อนกูมีความสุขว่ะ แต่ถ้ามึงยังไม่พร้อมมึงก็ยังไม่ต้องรีบนะเว้ย ของแบบนี้มันต้องรอดูไปนานๆอ่ะว่ะ กูเข้าใจว่ามันเสี่ยงจริงๆ.......”

“ไม่ว่ะ กูไม่อยากรอแล้ว กูจะพูดคืนนี้แหละ กูจะบอกมันว่ากูชอบมัน” ไอ้ตี๋พูดออกมาอย่างหนักแน่น “งั้นแค่นี้ก่อนนะเว้ย ขอบใจมากจริงๆ ไอ้ยุ แล้วคุยกันใหม่เว้ย”

“เออๆ แล้วกูจะรอข่าวดีจากมึงนะ ไอ้ตี๋”

หลังจากนั้นผมก็วางสายจากไอ้ตี๋ไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ใจของผมก็นึกยินดีว่าในที่สุดเพื่อนของผมก็จะได้มีความสุขไปอีกคู่นึงแล้ว แต่ทว่าตอนนั้นผมกลับไม่รู้เลยว่าคำแนะนำของผมมันจะกลายเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้น และแทบจะทำลายชีวิตของเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดถึงสองคนไปพร้อมๆกัน..........

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
โอ้  "ยุ"  เป็นศิราณี :L2:

แต่จะว่าไปก็ยังสงสารคริสอยู่ดี

แล้วดีใจด้วยที่ตี๋เล็กบอกความรู้สึกที่มีต่อป๊อบออกไป :กอด1:


หัดดิน เอ้ยหัดกิน

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งมาเมื่อกี้เลยหรอนี่
ก้อนะ
คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
แต่ผม "เชื่อ" ว่ากลุ่มนี้รักกันอ่ะ
คงไม่ได้แตกกันง่ายๆ หรอก
ป็อบเองถึงจะไม่ได้ชอบยิ่วแบบนั้น แต่ก็คงไม่ได้อยากเสียคนคนนี้ออกไปจากชีวิตเลย
น่าจะพอวางใจได้
ผมว่างั้นนะ
เอาใจช่วยแล้วกัน  o13

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
หรือว่าป๊อปคิดว่ารักเกินกว่าที่จะทำลายเลยปฏิเสธตี๋เล็กไปรึป่าวอ่ะ

1582

  • บุคคลทั่วไป
อยากรู้เรื่องตี๋กับป๊อปแล้วล่ะตอนนี้  เกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคน :z3:

น้องต้นมาต่อเร็วๆ น๊า

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
หลังๆมานี่ รู้สึกนนท์เหมือนจะจับปลาสองมือ

จะนัท หรือ โจ ก็ไม่ตัดสินใจไป

ปากบอกชอบนัท แต่พอเจอโจ เหมือนขี้ผึ้งโดนไฟ :fire: :m31:

ขอบคุณสำหรับเรื่องของวายุ  o13

 :z13:


nattynoppy

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: :L1:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ ครับ






เอาใจช่วย แล้วก็เชียร์โจต่อไป :3123:

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

เห็นว่า

เรื่องมันจะเป็นเรื่องใหญ่นิ?
หรือว่าต่นต๊นมันวางกับดักอะไรไว้รึเปล่า(วะ)

ไว้ใจไม่ค่อยได้

ต้องคอยดูต่อไป

ขอบคุณและจะติดตามครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ โมโม่ที่รัก

  • ٥ﻻ ﻉ√٥ﺎ ٱu
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 942
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อยากรู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
ก็ดูเหมือนจะราบรื่นป่ะ หรือว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่อ่ะ

morrian

  • บุคคลทั่วไป
 :z2: รออ่านกันต่อปาย ว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไง

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
รีบ ๆ มาต่อนะครับ

อยากรู้จังว่าเกิดอะไรขึ้น

cmos

  • บุคคลทั่วไป
มันจะเกิดไรขึ้นง่ะ ทำไมถึงผิดพลาดหล่ะ

ก็ต่างคนต่างชอบกันไม่ใช่หรอ

gneuhp

  • บุคคลทั่วไป
ความผูกพันธ์ ยังไงก็ตัดไม่ขาดหรอก

ปล1. คริส สู้ๆๆ
ปล2. รอตอนต่อไป ฮิฮิ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อ่านทันแล้ว  :mc4: :mc4: งานยุ่งมากมาย  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
เง้อ...ยิ่งอยากรู้ไปกันใหญ่ว่าทำไมถึงออกมาเป็นแบบนั้น
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
b35


ตี๋เล็ก

ผมไม่รู้เลยจริงๆนะว่าไอ้ป๊อปมันคิดอะไรของมันอยู่ ทั้งๆที่ผมก็เป็นเพื่อนของมันมาตั้งนาน และก็ยังเป็นผมนี่แหละที่รู้จักนิสัยของมันดีที่สุดในกลุ่ม แต่ผมก็ยังไม่เคยแน่ใจได้สักทีว่าในหัวกลวงๆของมันเนี่ย มันกำลังคิดอะไรของมันอยู่กันแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือเวลาที่มันอยู่กับผมสองคนนี่แหละ ถ้าเกิดผมไม่พยายามห้ามใจและคอยเตือนตัวเองไม่ให้หลงคิดเข้าข้างตัวเองเอาไว้แล้วล่ะก็ ผมก็คงต้องเผลอคิดไปแล้วล่ะว่ามันเองก็รู้สึกชอบผมอยู่ด้วยเหมือนกัน

แต่ถึงผมจะบอกตัวเองแบบนั้น ผมก็ยังคงรู้ตัวอยู่ดีแหละว่าผมก็คิดเข้าข้างตัวเองมาหลายครั้งมากจนเกินไปแล้ว ผมที่สนิทกับมันที่สุดก็น่าจะรู้ดีที่สุดสิว่าไอ้ป๊อปมันเป็นคนแบบนี้เอง มันเป็นคนไม่มีนอกมีใน คิดอะไรก็พูด รู้สึกยังไงก็บอก เป็นคนขี้อ้อน ถึงเนื้อถึงตัว และชอบการที่ได้สัมผัสคนที่มันรู้สึกรักและไว้วางใจ การที่มันต้องอยู่ห่างจากครอบครัวที่มันรักมากที่สุดมาอยู่กับคนอื่นที่ไม่เคยใยดีมันเลยแบบนี้ ทำให้มันจำเป็นต้องมองหาความอบอุ่นที่อยู่รอบกาย ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงเพื่อนๆของเราทุกคน ครอบครัวของผม และรวมไปถึงตัวผมเองก็ด้วยเช่นกัน

แต่แล้วในวันนี้ ผมที่รู้เรื่องเหล่านั้นดีกว่าใครๆทั้งหมดก็กลับต้องมารู้สึกหวั่นไหวที่สุดในรอบหลายปีที่ได้รู้จักกับมันมา........

“เป็นไรวะ ไอ้ตี๋ ฟึดฟัดๆ” มันที่กำลังนอนอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียงหันมาถามผม

ผมมุ่ยหน้าเล็กน้อย “มึงเรียกกูว่าไงนะ”

“เอ้ออ โทษทีๆๆ กูลืมไป ตกลงว่ามึงเป็นไร ไอ้ยิ่ว ไม่สบายเหรอวะ”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่จู่ๆน้ำมูกมันก็เริ่มไหลอ่ะ” ผมหันไปดึงทิชชู่มาเช็ดน้ำมูก “แล้วก็แสบจมูกแสบคอนิดนึงด้วย”

“ภูมิแพ้อีกป่าวมึง”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่ว่ากูก็ยังไม่ได้ไปเจอฝุ่นอะไรที่ไหนเลยนะ” ผมสูดน้ำมูกดังฟืด

“ยาล่ะ”

“อยู่ข้างล่างมั๊ง”

“ลงไปเอามาแดกดิ่วะ”

“เดี๋ยวดิ่วะ กูขี้เกียจอ่ะ เอ้า เขยิบหน่อยเว้ย” ผมลุกขึ้นจากบนพื้นห้องแล้วคลานขึ้นไปนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงข้างๆมัน

ไอ้ป๊อปตีก้นผมเบาๆก่อนจะเอื้อมมือมาแตะหน้าผากผม “เฮ้ย มึงมีไข้ด้วยว่ะ ไอ้ยิ่ว ตัวมึงเริ่มร้อนแล้วนะเว้ย”

“อือออ เหรอวะ มิน่าล่ะ กูถึงรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวชอบกล”

“เออ ถ้างั้นมึงนอนพักไปเหอะ กูไปดีกว่าว่ะ” มันทำท่าจะลุกออกจากเตียง

“อ้าว มึงจะไปไหนอ่ะวะ” ผมหันไปถามมัน

“ม่ายรุ ไปไกลๆมึงแหละ เดี๋ยวกูก็ติดหวัดมึงพอดี” มันทำหน้ากวนตีน

“ครวยยย ไปเลยไปไอ้เหี้ย รังเกียจกู สัสสส” ผมรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย เพราะผมไม่รู้เลยว่ามันหมายความแบบนั้นจริงๆหรือว่าแค่พูดเล่นกันแน่ แต่ถึงจะเป็นแบบไหน คำพูดของมันก็ทำร้ายความรู้สึกของผมไปเรียบร้อยแล้วล่ะนะ

“กูพูดเล่นน่าาาา ไอ้ตูดเอ๊ยยยย” มันตบหัวผมเบาๆ “กูจะให้มึงนอนพักไปก่อน แล้วกูจะลงไปเอายามาให้ และนี่อีกเดี๋ยวก็หกโมงแล้วด้วย กูจะเช็ดตัวให้มึงเอง ไม่ต้องอาบน้ำหรอก”

“เฮ้ยยย ไม่ต้อง กูไม่ได้เป็นห่าอะไรขนาดนั้นนน”

“ก็เพราะแบบนั้นแหละ มึงถึงควรจะป้องกันไว้ไม่ให้เป็นมากกว่านี้ไง” มันตอบ “มึงจำไม่ได้รึไงวะ เมื่อก่อนนี้ที่มึงเพิ่งเป็นหวัดแล้วมึงก็ฝืนไปเล่นสงกรานต์กะกูอ่ะ กลับมามึงเลยแทบจะต้องถูกหามเข้าโรงบาล แล้วก็ปีก่อนที่มึงเริ่มๆมีอาการแบบนี้แหละ และมึงก็ยังไปเดินซื้อของตากแอร์กะกูอีกสามชั่วโมงจนพอกลับมาบ้าน พ่อกะแม่มึงเค้าก็ต้องพากันหิ้วมึงไปให้หมอฉีดยาเข็มนึงน่ะ จำได้มั๊ยวะ”

“เอออ กูจำได้น่า แต่คราวนี้กูก็อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ไปไหนไม่ใช่รึไง กูไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะว่ะ”

“แต่เมื่อสองครั้งก่อนมึงไม่สบายหนักก็เพราะกูอ่ะ และกูก็ไม่ได้ดูแลมึงด้วย” มันชักสีหน้าเล็กน้อย “คราวนี้ก็ขอกูดูแลมึงหน่อยเหอะวะ ก่อนที่มึงจะเป็นหนักๆไปอีกอ่ะ มึงนะไอ้ยิ่ว เวลาไม่สบายทีแล้วก็ชอบฝืน และพอเป็นอะไรทีก็ชอบเป็นหนักกว่าชาวบ้านเค้าอยู่เรื่อย ประจำเล้ยยย มึงอ้ะ”

“เอออ กูผิดตลอดอ่ะ สาดดดด” ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้

“พ่อมึงดิ่ ไอ้ครวย กูไม่ได้จะว่าอะไรมึง” มันช่วยจัดผ้าห่มให้กับผม จากนั้นมันก็หันมามองหน้าผมตรงๆ “กูก็แค่จะบอกว่ามึงต้องดูแลตัวเองให้มันมากๆนะเว้ย ไอ้ยิ่ว กูเป็นห่วงมึง เข้าใจป่าว”

เมื่อผมสบตากับมันแบบนี้แล้วผมก็หน้าแดงฉ่าขึ้นทันที “เอออ กูรู้น่า.........”

“กูอยากจะบอกมึงมานานและ ไอ้ยิ่ว ว่ากูอ่ะ ไม่มีใครนะเว้ย กูโคตรเกรงใจบ้านมึงเลยที่มารบกวนมึงแล้วก็ครอบครัวมึงบ่อยๆแบบนี้อ่ะ”

ผมมองหน้ามันแล้วยิ้มๆ “มึงเนี่ยนะ เกรงใจ ไอ้ป๊อป ล้อเล่นป่าววว”

“ครวยยย กูก็กำลังจะซีเรียส สัสสส” มันตบหัวผมอีกครั้ง “กูเกรงใจแม่กะพ่อมึงจริงๆ แล้วกูก็เกรงใจมึงด้วย แต่คือกูอยู่บ้านกูก็เหงาไง มึงก็รู้ว่ากูเกลียดไอ้เหี้ยนั่นอ่ะ”

“กูรู้น่า มึงไม่ต้องคิดมากหรอกไอ้ป๊อป เรื่องแค่นี้เองเหอะ”

“อือออ และกูก็จะบอกมึงด้วยว่า กูอ่ะ สนิทกับมึงที่สุดแล้วนะเว้ย ในกลุ่มพวกเราน่ะ คือกูรักพวกมันมากๆก็จริง แต่กูก็มีมึงนี่แหละที่ช่วยดูแลกูเป็นเพื่อนกูมาตั้งแต่กูยังเด็กๆอ่ะ ไอ้ยิ่ว”

ผมหน้าแดงมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก “อืออ กูรู้แล้วล่ะน่า.......”

“เฮ้ย ไข้ขึ้นเหรอวะมึง มึงหน้าแดงกว่าเดิมอีกนะเว้ย” มันเอามือมาทาบลงบนหน้าผากของผม “เออ งั้นเดี๋ยวกูไปเอายามาให้มึงก็แล้วกัน และเดี๋ยวคืนนี้กูจะมานอนด้วยอีกอ่ะ เผื่อมึงไข้กลับหรือเป็นอะไรไปอีก กูจะได้รู้”

“เออๆ ก็แล้วแต่มึงดิ่”

“งั้นกูกลับบ้านไปเอาของก่อนนะเว้ย มึงรอยามึงไปก่อนแป๊บนึงแล้วกัน กูขี้เกียจเดินขึ้นๆลงๆหลายรอบว่ะ”

“เออๆ”

“แล้วก็นี่ ไอ้ยิ่ว ที่กูพูดๆไปทั้งหมด คือกู....... กูจะบอกมึงว่า...... กูอ่ะ รักมึงนะเว้ย มึงก็รู้ใช่มั๊ยวะ”

ผมหน้าแดงจัดจนต้องรีบพลิกตัวเป็นนอนตะแคงเพื่อหันหลังให้กับมันทันที “เออ กูรู้น่ะ มึงอย่ามาพูดจาชวนอ้วกได้ป่าววะ กูขนลุก ห่าาาาา”

“เขินเหี้ยไร เพื่อนบอกรักเพื่อนไม่ได้รึไงวะ” มันตีก้นผมเบาๆก่อนจะลุกออกจากเตียง “เออ งั้นมึงนอนไปก่อน เดี๋ยวกูไปบ้านแป๊บนึงแล้วจะกลับมาใหม่เว้ย”

ผมได้ยินเสียงประตูห้องถูกเปิดออก จากนั้นก็เสียงประตูถูกปิดลงอีกครั้ง ผมนอนคิดถึงสีหน้า แววตา และคำพูดของมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพลิกตัวเป็นนอนหงายแล้วรีบคว้ามือถือที่วางอยู่ข้างหมอนขึ้นมากดเบอร์ของไอ้ยุทันที ผมไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายเรื่องของไอ้ป๊อปกับเรื่องความรู้สึกของตัวเองมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย และผมก็รู้สึกว่าผมจำเป็นจะต้องระบายและต้องการคำแนะนำจากไอ้ยุมากๆด้วยเช่นกัน

เมื่อไอ้ยุรับสาย ผมก็เล่าถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่และความรู้สึกของผมให้มันฟังทันที ถึงก่อนหน้านี้ผมจะไม่เคยพูดเรื่องนี้กับมันหรือกับใครเลยก็ตาม แต่ในตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะผมกำลังรู้สึกต้องการที่พึ่งและคนรับฟังผมแบบสุดๆ ผมอยากจะบอกไอ้ป๊อปว่าผมรักมัน ผมไม่สามารถทนเก็บความรู้สึกที่มีอยู่นี้ได้อีกต่อไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกสับสนและไม่แน่ใจสุดๆด้วยเหมือนกันว่าผมควรจะทำแบบนั้นดีหรือเปล่า ผมกลัวว่าผมจะเสียมันไป ผมกลัวว่าผมจะต้องผิดหวัง และที่สำคัญที่สุดก็คือผมกลัวว่ามันจะรังเกียจผมที่ผมเป็นแบบนี้เหลือเกิน แต่หลังจากที่ผมคุยกับไอ้ยุแล้ว ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก มันช่วยพูดให้ผมรู้สึกมั่นใจขึ้น และที่สำคัญ ผมเองก็เชื่อมั่นแบบเดียวกับที่มันคิดเช่นกันว่า ถ้าหากผมไม่ทำอะไรลงไปเลยล่ะก็ ผมก็คงจะต้องทนทรมานกับความรู้สึกรักข้างเดียวแบบนี้ไปอีกนาน แต่ถ้าหากผมเพียงแต่กล้าที่จะพูดความรู้สึกลึกๆของผมออกไปดูสักทีล่ะก็...........

ผมวางสายจากไอ้ยุแล้วก็ล้มตัวกลับลงมานอนรอไอ้ป๊อปเหมือนเดิม ใจผมมันเต้นแรงและหัวของผมก็เอาแต่คิดถึงคำพูดที่ผมจะใช้พูดกับมันมากมายร้อยแปดอย่างเต็มไปหมด ผมนอนคิดถึงสถานการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้น ปฏิกิริยาของไอ้ป๊อปที่ผมอาจจะต้องเผชิญ และผมก็คิดไปถึงว่าถ้าหากมันเองก็คิดแบบเดียวกับผมแล้วล่ะก็ หลังจากนี้เราสองคนจะเป็นยังไงกันนะ ผมกับมันจะได้เป็นแฟนกันจริงๆแล้วอย่างนั้นน่ะหรือ ระหว่างเรามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปรึเปล่า และผมกับมันก็คงจะแสดงออกถึงความรักที่เรามีให้แก่กันได้มากและชัดเจนยิ่งขึ้นกว่านี้อีกสินะ....... แค่เพียงคิดถึงแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ทำเอาผมรู้สึกพะวงจนไม่อยากจะนอนอยู่เฉยๆอีกแล้ว

ผมนอนพลิกไปพลิกมาอยู่พักใหญ่ๆจนกระทั่งเริ่มรู้สึกว่าอากาศมันหนาวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่เพราะแอร์ที่กำลังเป่าอยู่นี่หรอกที่ทำให้ผมรู้สึกหนาวขนาดนี้ ผมรู้ตัวดีเลยว่ามันเป็นเพราะไข้ของผมมันกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆต่างหาก ผมหยิบรีโมทแอร์มากดปิดแอร์ลงแล้วจากนั้นก็ซุกตัวกลับลงไปในผ้าห่มเหมือนเดิม ใจก็เริ่มพะวงแล้วว่าทำไมไอ้ป๊อปถึงกลับมาช้านัก บางทีมันอาจจะอาบน้ำที่บ้านของมันเลย หรืออาจจะกำลังมีปัญหาอะไรกับไอ้พี่วุฒิอีกรึเปล่า ผมรู้สึกเป็นห่วงมันขึ้นมาเล็กน้อย แต่ความอ่อนเพลียของผมมันก็กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนผมรู้สึกไม่สามารถทนฝืนได้อีกแล้วเช่นกัน ดังนั้นสุดท้ายแล้วความคิดต่างๆของผมก็เริ่มเลื่อนลอยไปจนกระทั่งผมผล็อยหลับลงไปในที่สุด

“ยิ่ว..... ยิ่ว........”

“หือออ.......” ผมค่อยๆหยีตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองพร้อมกับมือที่กำลังเขย่าตัวผมเบาๆ “อือออ ไอ้ป๊อปป......”

“ยิ่ว ลุกขึ้นมากินยาก่อนเถอะลูก แล้วนี่กินข้าวไหวมั๊ย”

“อ้าว ม๊าาา.........” ผมลืมตาขึ้นแล้วขยี้ตาตัวเองเบาๆ รู้สึกว่าทั้งร่างกายและภายในลำคอของตัวเองมันร้อนผ่าวไปหมด “แล้วไอ้ป๊อปอ่ะครับ”

“ป๊อปเค้าก็อยู่บ้านเค้าสิลูก มาๆ ลุกขึ้นมากินยาก่อน” แม่ช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่ง “ตัวร้อนจี๋เลย รีบๆกินยาซะนะ เจ็บคอรึเปล่าล่ะ ฮึ”

ผมพยักหน้า “ไอ้ป๊อปยังไม่กลับมาเหรอฮะ”

“อื้อ เค้าบอกยิ่วเหรอว่าเค้าจะกลับมาน่ะ”

ผมพยักหน้าอีกครั้งพร้อมกับรับยามาถือเอาไว้ในมือ “นี่กี่โมงแล้วอ่ะ ม๊า”

“สองทุ่มกว่าแล้วลูก”

เมื่อกินยาเสร็จ ผมก็ยื่นแก้วน้ำคืนให้กับแม่ไป แล้วจากนั้นก็ค่อยๆล้มตัวกลับลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง “งั้นยิ่วไม่กินข้าวนะ ม๊า ยิ่วกินไม่ไหวอ่ะ”

“งั้นจะกินข้าวต้มมั๊ย ม๊าจะไปทำให้”

ผมส่ายหน้า “ไม่อ่ะฮะ ยิ่วไม่หิวจริงๆ”

“แล้วจะเช็ดตัวรึเปล่า”

ผมส่ายหน้าอีก “ไม่เป็นไรฮะม๊า ยิ่วขอนอนพักหน่อยแล้วกันนะครับ”

แม่พยักหน้าเบาๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป และเมื่อผมแน่ใจว่าแม่เดินพ้นจากหน้าประตูห้องของผมไปแล้ว ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของไอ้ป๊อปทันที

“ทำไมไม่นอนพักวะ” มันพูดขึ้นทันทีหลังจากที่รับสาย

“มึงอยู่ไหนอ่า ทำไรอยู่วะ”

“กูก็อยู่บ้านดิ่ มึงมีไร”

“อ้าว และไหนมึงบอกว่ามึงจะเอายามาให้กูแล้วมานอนกับกูไงวะ ไอ้ป๊อป กูว่าตอนนี้กูไข้ขึ้นโคตรสูงเลยมึง เพลียชิบหายเลยอ่าาา” ผมพูดพร้อมกับยิ้มอายๆ “เนี่ย กูก็อุตส่าห์นอนรอยามึงตั้งนานแน่ะ”

“.........แล้วได้ยาแดกรึยังล่ะ กูบอกให้แม่มึงเอาขึ้นไปให้มึงแล้วไม่ใช่เหรอวะ”

“อะ อืออ ก็เพิ่งแดกไปเมื่อกี๊อ่ะ.........” ผมรู้สึกตงิดใจกับน้ำเสียงของมันขึ้นมาเล็กน้อย

“เออ งั้นมึงก็นอนไปเหอะ แค่นี้ก่อนนะ ไอ้ตี๋”

“เดี๋ยวไอ้ป๊อป” ผมรีบร้องห้ามมันเอาไว้ก่อนที่มันจะทันวางสายไป “มึงเป็นไรวะ ทะเลาะกับไอ้พี่วุฒิอีกแล้วเหรอ”

“เปล่า มันไม่อยู่บ้าน”

“อ้าว แล้วมึงเป็นไรอ่ะวะ”

“........กูไม่เป็นอะไรหรอกว่ะ แค่นี้นะ”

“เดี๋ยวไอ้ป๊อป” ผมต้องรีบร้องห้ามเอาไว้อีกครั้ง “แล้ว......... แล้วนี่ตกลงมึงจะมานอนบ้านกูมั๊ยวะ”

“กูคงไม่ไปแล้วว่ะ มึงนอนพักไปเหอะ แค่นี้นะ” และคราวนี้มันก็วางสายไปเลยทันทีหลังจากที่มันพูดจบลง

ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ไอ้ป๊อปมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้งเดียว ก่อนหน้านี้ถึงเราจะเคยทะเลาะกันหรืองอนอะไรกันบ้าง แต่ส่วนมากก็เป็นผมทั้งนั้นที่เป็นฝ่ายโกรธมันที่มันทำอะไรไม่รู้จักคิด และสุดท้ายก็เป็นมันนั่นแหละที่เป็นฝ่ายมาง้อผม แต่คราวนี้มันมีอะไรบางอย่างแปลกไปมาก แปลกไปมากจริงๆ

ผมเริ่มใจเสียมากขึ้นเรื่อยๆจนไม่สามารถทนนอนอยู่บนเตียงแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว

“อ้าวยิ่ว ลงมาทำไมล่ะลูก ทำไมไม่นอนพัก” แม่หันมาถามผมทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของผมที่บันได

“หิวข้าวหรือไง”

“เปล่าครับ ป๊า” ผมตอบพ่อก่อนจะหันไปหาแม่ “ม๊าครับ เมื่อกี๊..... เมื่อเย็นอ่ะ ตอนก่อนไอ้ป๊อปมันเดินกลับบ้านไป มันได้พูดอะไรรึเปล่าครับ”

“ก็เปล่านะ ทำไมล่ะ”

“เปล่าหรอกครับ ยิ่วก็แค่สงสัยน่ะ เพราะเมื่อกี๊ยิ่วคุยกับมัน แล้วมันบอกให้ม๊าเป็นคนเอายาขึ้นมาให้ยิ่ว......”

“อ๋อออ ใช่สิ ไม่งั้นม๊าก็คงไม่รู้หรอกว่ายิ่วไม่สบายน่ะ”

“แล้วมันบอกม๊าว่าไงมั่งครับ”

“ก็ไม่มีอะไรนี่ ป๊อปมันก็แค่บอกม๊าว่ายิ่วไม่สบาย แล้วก็จะขอตัวกลับบ้านก่อน มันบอกม๊าว่าค่ำๆค่อยเอายาขึ้นไปให้ยิ่วด้วย เพราะว่ายิ่วกำลังหลับอยู่น่ะ”

“กำลังหลับเหรอครับ” ผมนิ่วหน้าด้วยความสงสัย

“ใช่ ก็พอป๊อปลงมาจากห้อง มันก็มาขอยาจากม๊า แล้วพอมันกลับขึ้นไปบนห้องอีกที มันก็หายไปสักพักก่อนจะเดินกลับลงมาหาม๊าแล้วบอกม๊าว่ายิ่วหลับไปแล้วน่ะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วผมก็รู้สึกใจหายวาบทันที นี่ก็หมายความว่าตอนที่ผมกำลังคุยกับไอ้ยุเมื่อก่อนหน้านี้ ไอ้ป๊อปมัน........

“มีอะไรรึเปล่า ยิ่ว” ป๊าถามผม

“อ๋อ เปล่าหรอกครับ ไม่มีอะไรครับป๊า” ผมรีบปฏิเสธก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องไป

เมื่อกลับขึ้นมาถึงบนห้องแล้ว ผมก็หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาไอ้ป๊อปอีกครั้ง ครั้งแรกที่ผมโทรไปมันไม่ได้รับสาย ผมจึงกดโทรออกซ้ำอีกครั้ง และผมก็ต้องรอจนสายเกือบจะตัดไปนั่นแหละ มันถึงจะรับสายผมได้

“มึงมีไรวะ”

“ไอ้ป๊อป มึง...... มึงโกรธอะไรกูรึเปล่าวะ” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและหัวใจที่เต้นแรง

มันเงียบไปครู่หนึ่ง “ก็เปล่านี่ มึงไปนอนเหอะไป แค่นี้นะ”

“ไอ้ป๊อป เดี๋ยว!” ผมรีบร้องห้ามมันแต่ทว่ามันก็วางสายใส่ผมไปซะแล้ว

ชัดเลย ผมบอกกับตัวเองว่านี่มันจะต้องเป็นแบบอื่นไปไม่ได้แล้วแน่ๆ ผมนั่งกำหมัดแน่นด้วยร่างกายที่สั่นเทา ผมยกมือที่สั่นไหวขึ้นมากดโทรศัพท์ออกไปหามันอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ยอมรับสายผมอีกเลยไม่ว่าผมจะพยายามโทรไปอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตาม น้ำตาของผมเริ่มรื้นขึ้นมาอยู่ที่ขอบตามากขึ้นเรื่อยๆเมื่อความหวาดกลัวที่ผมเคยกลัวมากที่สุดในชีวิตดูกำลังจะเป็นความจริงขึ้นมา และในที่สุด ครั้งสุดท้ายที่ผมกดโทรออกไปหามันนั้น มันก็ปิดเครื่องหนีผมไปซะแล้ว

ผมลุกออกจากเตียง เดินออกจากห้อง และเดินออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจทั้งคำถามและคำทักท้วงทั้งจากของป๊าและม๊าเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเดินอยู่บนถนนที่ไร้ผู้คนอยู่ราวๆห้านาทีก็มาถึงที่หน้าบ้านของมัน ผมกดออดแล้วยืนรออยู่ครู่หนึ่ง ผมเห็นผ้าม่านที่ปิดอยู่ในห้องนั่งเล่นถูกเลิกขึ้นเล็กน้อย ผมรู้ว่าพี่วุฒิไม่อยู่บ้านเพราะไอ้ป๊อปเป็นคนบอกผมเอง และผมก็รู้ด้วยว่าลุงของมันก็ต้องไม่อยู่บ้านด้วยเหมือนกัน เพราะว่ารถของเขาไม่ได้จอดอยู่ในโรงรถ เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในบ้านคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้ป๊อปเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง

“ไอ้ป๊อปป!!” ผมตะโกนออกไปทั้งๆที่รู้สึกเสียดแทงไปทั่วทั้งลำคอจนต้องยกมือขึ้นกุมคอเอาไว้ “ไอ้ป๊อปปป! มึงออกมาหากูหน่อย!!”

เงียบ ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาเลยแม้แต่น้อย แต่ผมรู้ดีว่ามันต้องได้ยินเสียงของผมแน่ๆ เพราะทุกทีผมก็มายืนเรียกมันอยู่หน้าบ้านแบบนี้ และมันก็จะต้องเปิดประตูออกมาต้อนรับผมพร้อมรอยยิ้มแฉ่งบนใบหน้าเสมอ

“ไอ้ป๊อปป!!” ผมตะโกนออกไปอีกครั้งด้วยเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย “กูรู้...... กูรู้ว่ามึงได้ยินกูนะ ไอ้ป๊อป.....!! แค่กกๆ!”

ผมไอออกมาด้วยความทรมาน ลำคอของผมมันรู้สึกราวกับกำลังถูกมีดกรีดจนเป็นแผลเหวอะ น้ำตาของผมมันไหลออกมาปริ่มอยู่ที่ขอบตาอย่างห้ามไม่ได้ ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าน้ำตาหยดนี้มันเกิดขึ้นจากความทรมานทางร่างกายหรือว่าความเจ็บปวดทางจิตใจกันแน่

ผมค่อยๆทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงรั้วหน้าประตูบ้านทั้งๆแบบนั้น ร่างกายของผมมันเริ่มสั่นไหวออกมาเล็กน้อยอีกครั้ง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะความหนาวทั้งจากลมที่พัดมากระทบลงบนตัวของผมบวกกับอาการไข้ที่ผมเป็นอยู่แล้ว หรือไม่บางทีมันก็อาจจะเกิดขึ้นมาจากความกลัวในใจของผมเองก็เป็นได้เช่นเดียวกัน

และทันใดนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงประตูบ้านข้างในถูกเปิดออก ผมจึงรีบหันกลับไปมองด้านหลังของตัวเองอย่างรวดเร็วทันที

“ไอ้ป๊อป.......”

“มึงมาทำอะไร หายแล้วรึไง ไอ้ตี๋”

ผมรู้สึกว่าน้ำตากำลังจะไหลออกมาทันที “มึงเรียกกูแบบนั้นสองครั้งแล้วนะ ไอ้ป๊อป.......”

มันเงียบ

“มึงโกรธกูเหรอวะ ไอ้ป๊อป มึง...... มึงเกลียดกูแล้วจริงๆใช่มั๊ยวะ........”

มันก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง “มึงกลับไปนอนพักเถอะ ไอ้ยิ่ว”

“ไม่ มึงบอกกูมาก่อนสิวะว่ามึงเป็นอะไร ไม่งั้นกูไม่กลับ”

“เปล่า กูไม่ได้เป็นอะไร.......”

“มึงโกหกกู” ผมยืนเอามือเกาะซี่ลูกกรงที่ประตูรั้วเอาไว้ด้วย “มึงไม่เคยโกหกกูนะเว้ย ไอ้ป๊อป กูก็ไม่เคยโกหกมึง เพราะงั้นมึงมีอะไรมึงก็พูดกับกูตรงๆสิวะ กูขอร้อง”

“มึงแน่ใจนะว่ามึงไม่เคยโกหกอะไรกูเลยน่ะ......” มันขมวดคิ้วเข้าหากัน

ผมสะอึกทันที “กู....... กู.........”

“มึงกลับไปเถอะ กูยังไม่อยากคุยอะไรกับมึงตอนนี้ว่ะ กู........” มันส่ายหน้าเบาๆ

น้ำตาของผมมันเริ่มไหลออกมาช้าๆ มันไม่เคยพูดหรือแสดงท่าทีเย็นชาแบบนี้กับผมมาก่อนเลยจริงๆ “มึงได้ยินที่กูคุยกับไอ้ยุ ใช่มั๊ย ไอ้ป๊อป........”

มันไม่ยอมตอบผมอีกครั้ง

“มึง....... มึงรังเกียจกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมถามออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “มึง....... มึงรังเกียจกูจริงๆใช่มั๊ย ไหนมึงบอกว่ามึงรักกูไง ไหนมึงบอกว่ามึงรักกู...... พะ...... เพื่อนคนที่อยู่กับมึงมาตั้งแต่ยังเด็กไง ไอ้ป๊อป!”

“กูรักมึง มึงคนที่เป็น ‘เพื่อน’ ของกู และกูก็คิดว่ามันคนนั้นคิดกับกูแค่ ‘เพื่อน’ ด้วยเหมือนกัน” มันพูดออกมาในที่สุด “เพราะแบบนั้นไง กูถึงไม่อยาก........”

“มึง..... มึงไม่อยากอะไร ไอ้ป๊อป” ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือพร้อมกับกำมือที่จับซี่กรงประตูไว้แน่น “มึงบอกกูมาว่ามึงไม่อยากอะไร!”

“กลับไปเถอะ ไอ้ยิ...... ไอ้ตี๋ ถ้ามึงไม่กลับ กูจะโทรตามให้ป๊าไม่ก็ม๊ามารับมึงกลับบ้านเองนะ” เมื่อพูดจบ มันก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านเลยทันที

“ไอ้ป๊อปปป!!” ผมตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ดูเหมือนเสียงแหบๆของผมนี้จะส่งไปไม่ถึงมันเลยแม้แต่นิดเดียว

ผมทรุดตัวลงนั่งพร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มอย่างไม่สามารถห้ามมันได้เลย และบางทีผมก็คงไม่ได้อยากจะห้ามมันอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้ เพราะในตอนนี้ผมรู้สึกราวกับไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้วจริงๆ ในที่สุดคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตคนนี้ก็เดินออกจากชีวิตของผมไปแล้ว เค้าคนนั้นเกลียดและรังเกียจที่ผมเป็นแบบนี้ เค้าคนนั้นรังเกียจที่ผมรักเค้ามากกว่าคำว่าเพื่อน เค้าคนนั้นไม่อยากจะเป็นแม้แต่คำว่าเพื่อนกับผมอีกต่อไปแล้ว.........

“อะ ไอ้....!! ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยย!! ฮืออออออออออออ!!!!!”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2010 10:21:50 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
จริงๆก่อนหน้านี้ตั้งใจไว้ว่าตอน b จะต้องสั้นๆ และเป็นแค่อีกฉากนึงของเรื่องหลักนะครับเนี่ย
แต่ไหงไปๆมาๆในแต่ละตอนมันกลับยาวววววขนาดนี้ล่ะเนี่ย เอิ๊กกก (ตอนนี้ 13 หน้าครึ่งแน่ะ)
นิสัยเสียโผล่อีกและ 555


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






detex

  • บุคคลทั่วไป
ยาวๆมาน่ะดีแล้วครับ  ชอบๆๆ  จิ้มคนแต่ง...อิอิอิ  แอบอ่านมานานแล้วครับ  ตามอ่านเรื่องเก่าๆของคุณต้นด้วย  เกือบครบทุกเรื่องที่เห็นอยู่ในบอร์ดแล้ว  เป็นกำลังใจให้มีเรื่องดีๆ น่ารักๆ แบบนี้มาให้อ่านต่อไปนะครับ ขอชื่นชมด้วยความจริงใจ

ปล.ได้อ่านจากเรื่องเล่าตอนที่เป็นเรื่องจากตัวจริงของคุณต้นเอง ไม่แน่ใจว่าคุณต้นจะเรียนมัธยมที่เดียวกับผมหรือเปล่า รร.ของผมมีเซ็นทรัลลาดพร้าวอยู่ข้างๆน่ะครับ  ถ้าใช่...คุณต้นก็จะเป็นรุ่นน้องผม...(ดีใจที่มีรุ่นน้องเก่งๆแบบนี้)  แต่ถ้าไม่ใช่ก็ยังไงก็ยังชื่นชมในความสามารถอยู่ดีนะครับ


.............................

อิอิ เขิน

/ by ton
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2010 10:34:12 โดย ExecutioneR »

neo1of9

  • บุคคลทั่วไป
ขอต่อเหตุการ์ณ pop ยิ่ว ต่อนะครับคุณ excutioner ชอบมากอ่ะคู่นี้


แล้วความรู้สึกมันโดนนนน

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
ป๊อป ป๊อปกลัวอะไรเหรอ กลัวว่าตังเองไม่ดีพอ รึว่ากลัวตัวเองจะทำให้ตี๋เล็กต้องเสียใจ

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่เริ่มอ่านมาสองวันค่ะ

พอมาถึงตอนนี้ร้องไห้ตามน้องตี๋ซะงั้น
 :monkeysad:

ขอบคุณคุณต้นที่เขียนเรื่องสนุกๆให้อ่านนะคะ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
^
^

ยินดีต้อนรับนะคับ อิอิ เจาะๆจิ้มๆ

ออฟไลน์ sogato

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ทำไมป็อบเป็นยังงี้ เหมือนใจแคบนะ ก็บอกกับตี๋เล็กสิว่าได้แค่เพื่อน ไม่เห็นต้องเย็นชาใส่เลย เสียดายเวลาและความรู้สึกของตี๋เล็กจัง :angry2:

1582

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าอ่ะ   :o12:   แต่ป๊อปอาจจะกำลังสับสนอยู่รึเปล่า  แรกๆ อาจจะยังไม่กล้ายอมรับความรู้สึกของยิ่ว
แต่คาดหวังไว้ว่าตอนต่อไป ป๊อปจะกลับมารักยิ่วเหมือนเดิมนะ น้องต้น

กอดยิ่ว  :กอด1:

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
ตี๋เล็กให้เวลาป๊อบหน่อย

เดียวก็ดีขึ้นแระ อย่าร้องนะอย่าร้อง

 :pig4:คุณต้น มาต่อ ตี๋เล็กกับป๊อบไวๆน๊า :L2:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
เฮ้อออ ไม่ชอบแต่งตอนเครียดๆเล้ยยย T^T

สงสารทั้งคู่

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
เหอๆ ...

มาดันให้เฮีย ...
รอสอบเสร็จก่อนนะเฮีย จะมาอ่านรวดเดียวเลย
 :monkeysad:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด