]|เรื่องไม่สั้นและไม่เล่า|[ กระดานดำหลังรั้วโรงเรียน ... ชาย (ภาค 2: เม้นแรก)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]|เรื่องไม่สั้นและไม่เล่า|[ กระดานดำหลังรั้วโรงเรียน ... ชาย (ภาค 2: เม้นแรก)  (อ่าน 1707516 ครั้ง)

patz

  • บุคคลทั่วไป
มาช่วยย้ำอีกทีว่า

ต้อง


โจ

เท่านั้น!!!

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
 มา   :oni1:    :oni1:    :oni1:   

รอตอนต่อไป คับ

 :z2:   :z2:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ยังไม่แปะครับ ยังปั่นไม่เสร็จ 555 ช่วงนี้ยุ่งและไม่สบายมากมาย
เวียนหัวจะอ้วกๆๆๆตลอดเวลา ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน

แต่ขอแวะมาขอบคุณ  :pig4: และบอกว่าตอนหน้าเป็นตอนพิเศษเล็กๆฉลองครบ 50 ตอนเนอะครับ  :bye2:

ปล. อีกไม่นานเกินรอครับ

pcz_ii

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเชียร์นัทครับบบบ

FC นัทมาช่วยกันหน่อยเร้วววววว :mc4:

tongner

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ krataikids

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาต่อเวยๆ นะค่ะ

รออยู่ค่ะ

ออฟไลน์ VICTORY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 787
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1

ออฟไลน์ VICTORY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 787
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1

seasons

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
นัทสู้ๆๆนัทเท่านั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






appiciate

  • บุคคลทั่วไป

gboy

  • บุคคลทั่วไป

Gu_Ton_Za

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1

artkung

  • บุคคลทั่วไป
รอตอนพิเศษด้วยคนครับ

ถ้าเป็นพิเศษโจกุ๊กกิ๊กกับนนท์จะดีมากเลยครับ  :-[  :-[  :-[


Refresh รอกันเป็นแถว  :z2:  :z2:  :z2:

ออฟไลน์ Turn_righT

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 492
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ Blurry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
นัทๆๆๆๆ อย่ายอมแพ้โจนะ! :a1:

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
โจ โจ โจ     เชียร์โจเท่านั้น  อิอิ
แต่แอบเก็บนัทไว้เป็นกิ้ก

ออฟไลน์ DEK-JANGRAI™

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โจ โจ โจ  โจ โจ โจ


โจ โจ โจโจ โจ โจโจ โจ โจโจ โจ โจโจ โจ โจ


โจ โจ โจโจ โจ โจโจ โจ โจโจ โจ โจโจ โจ โจโจ โจ โจ

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
พักดูแลตัวเองบ้างนะครับ แล้วอย่าลืมมาลงต่อนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
มารอฉลองครบ ๕๐ ตอนด้วยคนค่ะ

 o13 :z13:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2009 13:16:21 โดย yaoifan »

ออฟไลน์ nopkar

  • เป็ด indy
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-3
สงครามเล็กๆกำลังเริ่มขึ้น หุหุ ...

chineigiro

  • บุคคลทั่วไป
เย อ่านทันแล้ว

มันมาก


มานังรออ่านต่อ


ปล.จะมานังรอดูสงครามแย่งนนท์

PeeraDHa

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามารอ และเป็นกำลังใจหั้ยกับนัท  จร้า

PeeraDHa

  • บุคคลทั่วไป
ขอเม้นอีกรอบนะ....

แบบว่าอ่านเรื่องของ พ่อเล็ก กะ ป๊ะป๋า ของวายุจบทุภาคแล้วจร้า.... :L2:

ชอบมากมายเลยอ่ะ สานุกดี ได้รับความรักจากทั้งคู่เลยอ่ะ  :กอด1:

หวังว่าเรื่องนี้ คริส กะ วายุ จะเป็นแบบนั้นบ้างนะ  :o8:

แต่ยังไงซะ นัท สู้ สู้ นัท อย่ายอมแพ้เป็นอันขาด

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
^
^

ขอบคุณมากๆเลยครับ

แล้วก็ขอบคุณทุกคนด้วยนะครับ

 :3123:

ขอโทษที่เมื่อคืนไม่ได้มาต่อนะครับ ไม่ไหวจริงๆ แต่ผมว่าผมบอกแล้วนาว่าอีกสักพักอ่ะ เห็นมาเม้นว่านั่ง f5 รอกัน เกรงใจชิบหายเลย -"-

พอดีช่วงนี้เป็นไรไม่รู้อ่ะครับ ปวดหัวไม่เท่าไหร่นะ แต่เวียนหัวจะอ้วกเนี่ย ทรมานโคตรๆๆๆๆเลย
ช่วงนี้เลยนั่งหน้าคอมนานๆมากไม่ค่อยได้ เป็นมาตั้งกะวันศุกร์แล้ว
ถ้าไงก็ขอโทษด้วยล่วงหน้าสำหรับที่ "อาจจะ" มีดีเลย์นิยายนิดนึงนะครับ

ปล. เมื่อวานผมร้องไห้ด้วยแหละ อิอิ ในที่สุดน้ำตาก็ไหลซักที ร้องอยู่เกือบชั่วโมงแน่ะ ตาบวมเลย 5555  :laugh:



ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
b23 (พิเศษสำหรับฉลองครบ 50 ตอนA)


ตี๋เล็ก


บางทีผมก็รู้สึกนะว่า แค่การที่เราได้รักใครสักคนเนี่ย มันก็ถือว่าเราโชคดีมากพอแล้ว ถึงแม้ว่าเขาคนนั้นจะไม่ได้รักเรา หรือไม่แม้แต่รับรู้ว่าเราคิดยังไงกับเขา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรารู้ใจของเราเองว่านั่นคือ “ความรัก” และก็ความรักนี่แหละ ที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับเราได้ในทุกๆวันและทุกๆครั้งที่เราได้เจอหน้าเขาหรือแม้แต่แค่เพียงได้พูดคุยกับเขา.........

เมื่อวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อน ในขณะที่พวกเราชมรมกรีฑารวมไปถึงชมรมกีฬาอื่นๆกำลังทำกิจกรรมและฝึกซ้อมกันอยู่เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในงานกีฬาสีที่กำลังจะมาถึง เด็กมอสองคนหนึ่งที่ชื่อว่าตั้มซึ่งจะเป็นหนึ่งในตัวแทนของสีเกิดหกล้มในขณะที่กำลังซ้อมออกตัว ทำให้ผมที่เป็นคนดูแลและอยู่ใกล้น้องงมันที่สุดกับไอ้ป๊อปที่เป็นหัวหน้าชมรมต้องรีบวิ่งเข้ามาดูอาการของมันทันที

หัวเข่าข้างซ้ายของมันเป็นแผลขนาดค่อนข้างใหญ่เล็กน้อย และลำพังแค่พลาสเตอร์ปิดแผลก็คงจะไม่พอแน่ๆ

“นี่ไอ้ยิ่ว เอ๊ย ไอ้ตี๋ กูฝากมึงดูน้องมันหน่อยได้ป่าววะ เดี๋ยวกูไปเอาผ้าพันแผลที่ห้องชมรมมาให้” ไอ้ป๊อปพูดกับผมขณะที่เราสองคนช่วยพยุงตั้มมานั่งลงบนม้านั่ง

“เออ ได้ๆ เดี๋ยวกูล้างแผลให้น้องมันก่อนเอง” ผมคุกเข่าลงตรงหน้าของตั้มและเงยหน้าขึ้นไปพูดกับป๊อป ก่อนจะหันกลับไปไล่เด็กอีกสี่ห้าคนที่กำลังยืนมองพวกเราอยู่ทางด้านหลัง “เฮ้ยย ไม่ต้องมามุงเว้ย แยกย้ายกันกลับไปซ้อมต่อได้แล้ว ไปๆๆ”

“เอ้า ได้ยินพี่เค้าพูดแล้วก็ไปได้แล้ว ไปๆ” ไอ้ป๊อปหันไปโบกมือไล่เด็กพวกนั้นขณะที่กำลังจะเดินออกไป

“เออ เดี๋ยวก่อน ไอ้ป๊อป” ผมรีบหยุดมันเอาไว้ก่อน

“หือ”

“แล้ววันนี้สรุปว่ามึงจะไปนอนกะกูป่าววะ”

“อือ ไปดิ่”

“โอเค แค่นั้นแหละ มึงรีบไปเอาผ้ามาให้น้องมันได้แล้ว”

“อ่ะเครเว้ย....... ไอ้ตั้ม รอพี่แป๊บนึงนะ” ไอ้ป๊อปตอบก่อนจะวิ่งเหยาะๆจากไป

ผมหันกลับมาหาตั้มแล้วก็เริ่มทำแผลให้กับมัน และในขณะที่ผมกำลังเช็ดแผลและทายาที่หัวเข่าให้มันอยู่นั้น ผมก็สังเกตได้ว่าตั้มคอยลอบมองผมอยู่ตลอดเวลา

“เป็นไร เจ็บเหรอวะ ถ้าเจ็บก็บอกนะ พี่จะได้เบาๆมือลง” ผมเงยหน้าขึ้นไปถามมัน

“เปล่าๆครับพี่ ผมไม่เจ็บหรอกฮะ” เขาส่ายหน้า “เอ่ออ....... พี่ตี๋ฮะ.........”

“หือ มีอะไรเรอะ”

“อ่าาา เปล่าครับพี่ ไม่มีอะไรหรอก”

“แน่ใจ” ผมถามย้ำ

ตั้มดูลังเลเล็กน้อย “คืออ........ ผมอยากถามอะไรพี่หน่อยอ่ะ แต่พี่ห้ามโกรธผมนา”

“อะไรล่ะ ไม่ลองถามดูพี่ก็ไม่รู้สิวะ”

“คือ...... พี่กะพี่ป๊อปเป็นแฟนกันรึเปล่าอ่ะ”

“เฮ้ยย! เปล่าเว้ย! ไม่ได้เป็นๆ” ผมปฏิเสธ “ทำไม มีใครบอกเราว่าพี่เป็นแฟนกันรึไงวะ”

“เฮ้ย เปล่าหรอกพี่ คือผมก็แค่สงสัยอ่ะ ก็แค่เห็นพี่สนิทกันอะไรอย่างงี้อ่ะ”

“ก็แค่สนิทกันเฉยๆน่า.......” ผมตอบ แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมหรือไอ้ป๊อปถูกถามแบบนี้อยู่แล้วน่ะนะ หรือถ้าจะพูดจริงๆก็ต้องบอกว่า เราน่าจะเคยถูกถามคำถามแบบนี้มาไม่น้อยกว่าสิบครั้งแล้วด้วยซ้ำไป

“ก็ผมเห็นพวกพี่ไม่เคยมีแฟนกันซักทีอ่ะ หรืออย่างพี่ป๊อปเองก็มีคนมาชอบตั้งเยอะแยะ ผมยังไม่เห็นเค้ามองใครเลย ผมก็นึกว่าเค้าคบกะพี่อยู่แล้วอ่ะดิ่” ตั้มอธิบาย “แต่เอาจริงๆพี่ตี๋เองก็มีคนมาชอบเยอะแยะด้วยเหมือนกันนั่นแหละนะ”

“และไอ้ที่บอกว่ามีคนมาชอบพวกพี่อ่ะ มันหมายถึงเด็กในโรงเรียนเราใช่มะ”

ตั้มหัวเราะแล้วพยักหน้าเบาๆ

“เออ ก็พวกพี่ไม่ได้ชอบผู้ชายนี่หว่า แล้วจะให้ไปเป็นแฟนกับเด็กโรงเรียนเราได้ไงวะ” ผมตอบออกไป “ส่วนไอ้ป๊อปนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย พี่ว่ามันคงไม่มีทางชอบผู้ชายได้หรอกว่ะ.......”

ในขณะที่ผมพูดกับตั้มออกไปนั้น ผมก็รู้สึกเจ็บข้างในอกอยู่ลึกๆไปด้วย บางครั้งผมก็คิดนะว่า คำโกหกที่ผมต้องพูดออกไปทั้งเพื่อให้คนอื่นได้ยินและตอกย้ำตัวเองอยู่เรื่อยๆเนี่ย มันอาจจะเริ่มฝังลึกลงไปในใจของผมจนทำให้ผมเริ่มเห็นมันเป็นความจริงขึ้นมาแล้วก็เป็นได้

ทุกวันนี้ผมยังอดคิดไม่ได้เลยว่า ถ้าหากความรักของผมที่ยังคงงดงามแม้ว่าผมจะต้องเจ็บปวดนี้เปรียบเหมือนแสงสว่างในใจของผมแล้วล่ะก็ คำโกหกและความเป็นจริงที่ผมเฝ้าตอกย้ำตัวเองอยู่เรื่อยๆนี้มันก็คงไม่ต่างกับเงามืดนั่นเอง.........

แสงและเงาที่ต้องอยู่เคียงคู่กันไปตลอด เช่นเดียวกับความรักและความเจ็บช้ำจากการหลงรักเพื่อนสนิทของตัวเองที่คงไม่มีวันแยกจากกันได้ไปตลอดกาล

...................................................................

ป๊อป


“กลายเป็นว่าวันนี้พวกเราก็เลยไม่ได้เข้าชมรมเลยว่ะ” ผมหันไปพูดกับไอ้ยิ่วขณะที่เรากำลังรอแม่ของมันมารับกลับบ้านด้วยกันอยู่ “สุดท้ายก็มัวแต่รอพวกไอ้เจย์กลับมาจากโดนอาจารย์ชัชด่าจนเย็นเลย”

“อืออ แต่มึงก็บอกไอ้ท็อปไว้ว่าให้มันช่วยดูแลแทนมึงแล้วไม่ใช่เหรอวะ”

“เออ” ผมพยักหน้า “เออว่ะใช่ ไอ้ยิ่ว กูว่าจะถามมึงมานานและแต่ก็ลืมทุกที ตกลงว่าไอ้ตั้มอ่ะ ขามันหายรึยังวะ”

“หายแล้วไง ก็เมื่อวันก่อนนี้มันก็ยังมาซ้อมอยู่เลยนี่หว่า มึงก็เห็นอ้ะ”

“ไม่ใช่ๆ กูรู้แล้วว่ามันหายแล้วอ่ะ แต่มันหายเจ็บขนาดที่วิ่งเป็นปกติได้รึยังต่างหากเล่า เพราะกูยังไม่เห็นตอนมันวิ่งเลย”

“อ๋ออ น่าจะหายแล้วมั๊ง กูว่ามันใกล้ก็ปกติดีแล้วนะ อาจจะยังตึงๆแผลนิดหน่อยเท่านั้นแหละมั๊ง มึงเองก็เป็นแผลบ่อย มึงน่าจะรู้นี่หว่า”

 “เออ จริงของมึง.........” ผมหัวเราะ จากนั้นก็สังเกตเห็นว่าสีหน้าของมันดูแปลกๆไป “เฮ้ย เป็นไรวะ”

“เปล่าหรอก.........” มันเหม่อมองออกไปเบื้องหน้าครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมาหาผมอีกครั้ง “เออกูก็ลืมเล่าให้มึงฟังไปว่ะ เมื่ออาทิตย์ก่อนตอนที่มึงไปเอาผ้ามาพันแผลให้ไอ้ตั้มอ่ะ ไอ้ตั้มมันถามกูด้วยนะเว้ยว่ากูกะมึงเป็นแฟนกันรึเปล่าอ่ะ”

“เฮ้ยย จริงเหรอวะ” ผมหัวเราะ “โดนถามอีกแล้วเหรอวะเนี่ย สาดดด นี่กูกะมึงดูเหมือนคนเป็นแฟนกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ........” ไอ้ยิ่วยักไหล่เบาๆ

“แม่งงง กูเสียนะเนี่ย สาดดด อยู่กะมึงมากๆแล้วโดนคนหาว่าเป็นเกย์หมดเลย ไอ้ห่าาา”

มันหันมามองหน้าผมทันที “นี่มึงจะโทษกูเหรอวะ”

“ก็เออดิ่ ไม่โทษมึงแล้วจะให้กูโทษใครวะ”

“ครวย! ถ้ากูมันผิดมากนัก งั้นมึงก็เลิกคบกูไปเลยมะ ไอ้เหี้ย” มันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“เฮ้ยย สาดด ไอ้ยิ่ว มึงอย่างอนสิวะ” ผมลุกขึ้นยืนและเดินตามหลังมันไป “กูแค่พูดเล่นเองน่า.........”

ตอนนั้นเองที่มือถือของไอ้ยิ่วดังขึ้น มันกดปุ่มรับสายและพูดออกไปสองสามคำก่อนจะวางสายแล้วหันมาหาผม “แม่กูใกล้จะมาถึงแล้ว ไปรอขึ้นรถได้แล้ว”

ตลอดทางกลับบ้าน ผมพูดอะไรกับมันไปมันก็ตอบผมกลับมาแค่เป็นคำๆเท่านั้นเอง และจะให้ผมพูดหรือง้ออะไรมันมากไปกว่านี้ก็ไม่ได้อีก เพราะว่าแม่ของมันก็นั่งอยู่ในรถด้วย ดังนั้นผมจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากได้แต่รอจนกว่ามันจะอารมณ์ดีขึ้นอีกสักหน่อยเท่านั้นเอง........

“เดี๋ยวเอาไว้กูไปหามึงที่บ้านนะ ยิ่ว” ผมพูดกับมันหลังจากที่ผมลงจากรถแล้ว

“เออ ก็แล้วแต่มึง” มันตอบกลับมาสั้นๆ ผมก็เลยยกมือไหว้แม่ของมัน และจากนั้นเขาก็ออกรถไป

ผมก็รู้นะว่าผมอ่ะมันปากไม่ค่อยดี บางทีก็พูดอะไรออกไปโดยไม่ทันได้ยั้งคิด ไอ้ยิ่วกะคนอื่นเองก็เคยด่าเคยเตือนผมอยู่บ่อยๆ แต่ผมว่าไอ้ยิ่วเองมันก็น่าจะรู้นะว่าผมไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับมันเลยจริงๆ ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันจะโกรธอะไรผมมากมายขนาดนั้น ทั้งๆที่ปกติมันก็แทบไม่เคยโกรธอะไรผมจริงๆจังเลยสักเรื่องเดียวด้วยซ้ำไป

ในตอนหัวค่ำหลังจากที่ผมอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว โทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือไอ้ยิ่วนั่นเอง

“นี่ตกลงมึงจะมาบ้านกูรึเปล่า ไอ้ป๊อป”

“อาราย นี่มึงคิดถึงกูแล้วเหรอวะ” ผมหัวเราะ

“ครวยไร แม่กูเค้าให้โทรมาถามเพราะว่าจะได้รู้ว่าต้องรอกินรึเปล่าข้าวต่างหาก”

“อ้าวเหรอ นี่กูก็กำลังจะหาอะไรกินอยู่ในครัวพอดีเลยว่ะ เนี่ยย กูกำลังจะหยิบเห็ดออรินจิออกมาจากตู้เย็นเลย กูว่าจะเอามันมาผัดเนยว่ะ กูโคตรชอบเลยอ่ะ”

“เออ งั้นกูบอกแม่เลยก็แล้วกันว่ามึงกินข้าวแล้ว”

“เฮ้ยๆๆ ไม่ต้องๆ เดี๋ยวกูไปกินด้วย บอกแม่มึงด้วยว่ารอกูแป๊บบนึง เดี๋ยวกูผัดเห็ดออรินจิแล้วเอาใส่จานไปให้ที่บ้านมึงกินด้วย”

“เออๆ ก็แล้วแต่มึงก็แล้วกัน”

“เนี่ย สูตรเด็ดของน้องป๊อปเลยนะว้อยยย รับรองมึงจะติดใจ มึงเองก็ยังไม่เคยกินกับข้าวฝีมือกูเลยนี่หว่า” ผมใช้หัวไหล่หนีบมือถือเอาไว้แล้วคุยกับมันพลางเตรียมกระทะไปด้วย

“กับข้าวครวยไร แค่เอาเห็ดมาผัดๆกะเนย ยากจะตายห่าแล้ว”

“เหี้ย อะไรที่แดกกะข้าวมันก็เรียกกว่ากับข้าวหมดแหละวะ สาดด อร่อยนะมึง ไม่เชื่อเดี๋ยวมึงคอยรอชิม เนี่ย แถมกูยังจะใช้มาการีนแทนเนยด้วยนะเว้ย มึงรู้ป่าวว่าทำไม”

“........เพราะมันหอมกว่ารึไง”

“เปล่า เพราะเนยกูหมดว่ะ”

ไอ้ยิ่วหัวเราะเบาๆ “ครวย ขำตายห่า”

“อย่างน้อยมึงก็หัวเราะอ่ะวะ” ผมยิ้มกว้าง “มึงอ่า จะโกรธกูก็ได้แต่อย่าโกรธกูนานนะเว้ย กูใจเสียอ่ะ สาดด มึงคือเพื่อนสุดเลิฟของกูคนเดียวเลยนะเว้ยเฮ้ย เมื่อตอนเย็นกูแค่พูดเล่นอ่ะ กูขอโทษ กูไม่ได้หมายความแบบที่กูพูดหรอก มึงก็รู้นี่หว่า........”

“เออๆ ช่างมันเหอะ แล้วไงมึงก็รีบๆมาก็แล้วกัน กูหิวข้าว แล้วจะรอแดกเห็ดมึงด้วย”

“อ่ะเครเลยคร้าบบบ เดี๋ยวน้องป๊อปรีบไปเว้ย บอกพ่อแม่เจ๊และอาม่ามึงรอแป๊บนึงก็แล้วกัน........ เฮ้ยเดี๋ยว ไอ้ยิ่ว” ผมรับร้องห้ามมันเอาไว้ก่อนที่มันจะวางสายไป “มึงเองก็น่าจำที่กูเคยบอกได้นี่หว่า ว่าเวลากูอยู่กะมึงอ่ะ กูก็ทั้งรู้สึกสบายใจแล้วก็สบายกายดีที่สุดแล้วอ่ะ”

ไอ้ยิ่วเงียบไปแป๊บนึง ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันกำลังคิดอะไรของมันอยู่ แต่บางทีหนึ่งในร้อย มันอาจจะกำลังรู้สึกเขินเพราะคำพูดของผมอยู่ก็เป็นได้ล่ะมั๊ง

“แล้วมึงจะบอกกูอีกทำไมวะ เพ้อเจ้อ ไอ้ครวย รีบๆไปทำกับข้าวต่อได้แล้ว สัด กูหิว” เมื่อพูดจบมันก็วางสายไปทันที

ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆแล้ววางมือถือลง จากนั้นก็หันมาสนใจทำกับข้าวสูตรพิเศษของผมต่อไป........

...................................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2009 17:18:58 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
เจย์


“เฮ้ยนี่ อาทิตย์นี้มึงกลับบ้านป่าววะ ไอ้เคน”

“อืมมม แม่กูเค้าบอกว่าจะมารับกูพรุ่งนี้อ่ะว่ะ”

“เหรอวะ....... น่าเสียดาย ตอนแรกกูว่ากูจะชวนมึงไปนอนที่บ้านกูอยู่เชียว” ผมพูด

“เจงงงเด่ะ ทำไมวะ”

“เปล่าหรอก กูก็แค่อยากชวนมึงไปเที่ยวบ้านเฉยๆเอง ไปเล่มเกมส์ ไปกินหนม ไปนอนคุยกันไรเงี๊ยว่ะ”

“มึงพูดยังกะว่ามึงไม่ได้ทำแบบนั้นกะกูอยู่แทบทุกคืนอยู่แล้วเนี่ย” ไอ้เคนหันมานิ่วหน้าใส่ผม “อะ อ๋อออ หรือว่ามึงอยากจะคุยกะกูเรื่องไอ้คริส”

“อะ เออ........ เรื่องนั้นก็ด้วย” ผมตอบ

“กูว่าแล้วว สาดด แต่เสียดายว่ะ พรุ่งนี้กูต้องกลับบ้านอ่ะ ว่าแต่ว่าพี่มึงกลับบ้านด้วยป่าววะ อาทิตย์นี้”

“กลับ เดี๋ยวก็กลับด้วยกันนี่แหละ” ผมพยักหน้า

“เสียดายว่ะแม่งง พี่มึงแม่งหล่อด้วยดิ่ ไม่ได้เจอพี่มึงมาตั้งนาน คิดถึงว่ะ”

“ถุ๊ย! เอาเรื่องของเมียมึงให้รอดก่อน สาดดด ไอ้แป้น” ผมหันไปตบหัวมันเบาๆ

“แต่จริงๆวันนี้กูก็อยากคุยกะมึงเหมือนกันนะ กูอยากรู้เรื่องของมึงกะพวกไอ้แม็กซ์ที่ตรงหอประชุมแบบละเอียดๆอ่ะ มึงโทรบอกคนขับรถมึงให้มารับพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอวะ”

“ไม่ได้ว่ะ พ่อกูเค้าจะให้กูกลับวันนี้อ่ะ เห็นว่าจะไปกินข้าวเย็นกันนอกบ้านอ่ะนะ และที่สำคัญพี่เค้าก็ใกล้จะมาถึงโรงเรียนเราแล้วด้วย อีกไม่ถึงห้านาทีก็มาแล้วมั๊งเนี่ย” ผมตอบ “แล้วว่าแต่ว่ามึงยังจะอยากรู้เรื่องอะไรอีกวะ”

“เอาหลักๆเลยนะ กูโคตรรรข้องใจเรื่องที่มึงไปพูดกะไอ้ติ๊กด้วยอ่ะ มึงไม่เห็นเคยบอกกูเลยว่ามึงเคยมีเรื่องกับมันมาก่อนด้วยอ่ะ”

“เออ กูก็ไม่เคยบอกใครทั้งนั้นแหละว่ะ” ผมยักไหล่ “ก็มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนี่หว่า......... แต่เอาเหอะ เอาไว้คราวหน้ามีโอกาสแล้วกูจะบอกมึงเองก็แล้วกัน”

หลังจากนั้นคนขับรถก็มารับผมกับพี่ที่โรงเรียน และพอตอนหัวค่ำ พวกเราสองคนก็ออกไปกินข้าวกับพ่อและแม่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งด้วยกัน แต่ก็เหมือนบุญมาฟ้าส่งชิบหายเลย เพราะผมดันไปเจอเข้ากับไอ้แม็กซ์และครอบครัวของมันที่นั่นด้วยเนี่ยสิ!

นี่ถ้าไม่ใช่มันล่ะก็ ผมคงคิดว่ามันกับผมเป็นเนื้อคู่กันไปแล้วล่ะมั๊งเนี่ย.........

แต่ก็โชคดีที่ผมไปเจอกับมันตอนที่ครอบครัวของมันกำลังจะกินกันเสร็จแล้วพอดี พ่อแม่ของผมและพ่อแม่ของมันต่างก็ทักทายกันไปตามประสา ส่วนผมก็ได้แต่ยืนรอว่าเมื่อไหร่เขาจะคุยกันให้มันเสร็จๆสักที และคนที่สังเกตเห็นสีหน้าท่าทางไม่พอใจของผมได้เป็นคนแรกและเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่ใครคนอื่น แต่เป็นแม็ท พี่ชายของผมนี่เอง

“ไง เจออริเหรอวะ” มันกระทุ้งสีข้างผมพร้อมกับกระซิบออกมาเบาๆ

“วันนี้กูก็เพิ่งมีเรื่องกับแม่งที่โรงเรียนไปเอง แม่งงง” ผมตอบกลับไป แต่ตอบกลับไปเป็นภาษาสเปนเพื่อป้องกันคนอื่นจะได้ยิน

“เรื่องอะไรวะ เล่าให้กูฟังด้วยนะมึง” พี่ชายตัวดีของผมถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนอารมณ์ดี

“เอาไว้ก่อนน่า” ผมกระซิบตอบกลับไปอีกครั้ง ซึ่งเป็นจังหวะที่พวกผู้ใหญ่ต่างก็คุยกันเสร็จแล้วพอดี และพ่อก็ส่งสายตาชำเลืองมองมายังเราสองคนเป็นเชิงตำหนิอีกด้วย

เมื่อเราสี่คนเดินไปนั่งที่โต๊ะของเรากันแล้ว พวกเราสองคนก็ถูกพ่อเตือนถึงเรื่องมารยาทเข้าให้ทันที โดยเฉพาะเรื่องการกระซิบกันเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาไทยแบบนั้นเป็นเรื่องที่พ่อเคยเตือนและสอนเราเอาไว้หลายครั้งแล้วว่าไม่ควรจะทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่มีคนอื่นอยู่แถวนั้นด้วย เพราะมันจะดูเหมือนว่าเรากำลังนินทาเขาอยู่และนั่นก็เป็นการเสียมารยาทมาก

“แต่พ่อเองก็ไม่ได้จะญาติดีอะไรกับพวกบ้านนั้นอยู่แล้วนี่ครับ ไม่เห็นจะต้องไปยืนคุยอะไรกันนานขนาดนั้นเลย” ผมพูด

“แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับมารยาททางสังคมนี่ พ่อว่าพ่อเคยสอนเราสองคนไปหลายครั้งแล้วนะ เรื่องพวกนี้น่ะ”

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ผมก็ขอตัวลุกออกจากโต๊ะไปเข้าห้องน้ำ และบุพเพสันนิวาสก็พาให้ผมมาเจอกับไอ้แม็กซ์เข้าอีกครั้ง ในขณะที่ผมผลักประตูเดินเข้าไปในห้องน้ำนั้น ผมก็เห็นว่ามันกำลังยืนล้างมืออยู่ที่หน้ากระจก มันหันมามองหน้าผมแล้วก็ทำยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเดินชนไหล่ผมออกจากห้องน้ำไป

ผมรู้สึกถึงความโกรธที่พวยพุ่งขึ้นทันที แต่แล้วเมื่อผมหันหลังกลับไปหาไอ้แม็กซ์หมายจะหยุดมันเอาไว้นั้น ผมก็เจอเข้ากับพี่ชายของผมเข้าให้พอดี แม็ทวางมือลงบนบ่าของผมแล้วส่ายหน้าเบาๆก่อนจะดันตัวผมกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง

“ใจเย็นน่า ไอ้เจย์ นี่มึงไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนนะเว้ย”

“แต่แม่งจงใจเดินชนไหล่กูนะ ไอ้เหี้ยนั่นอ่ะ!” คราวนี้เราสองคนก็คุยกันเป็นภาษาสเปนได้อย่างไม่ต้องเกรงใจใครแล้ว และที่สำคัญเรายังไม่ต้องกังวลว่าแขกคนอื่นๆที่อยู่ในห้องน้ำจะฟังสิ่งที่เราสองคนคุยกันออกด้วย

“แล้วมึงก็เลยจะลดตัวลงไปทำตัวเหี้ยๆแบบมันรึไง ถ้ามึงไปหาเรื่องอะไรมันที่นี่ตอนนี้เข้าล่ะก็ นั่นก็จะเท่ากับว่าไปเข้าทางมันพอดีน่ะสิวะ คราวนี้มึงได้โดนพ่อเอาตายแน่ และพ่อเองก็จะเสียหน้ามากด้วยเหมือนกันนะเว้ย”

คำพูดของมันทำให้ผมคิดขึ้นได้ในทันที.........

แม็ทถอนหายใจเบาๆ “มึงนี่ต้องหัดควบคุมอารมณ์กะหัดคิดอะไรให้มันถี่ถ้วนกว่านี้เยอะเลยนะ เจย์ ไม่รู้ว่าแฟนมึงมันทนมึงได้ยังไงนะเนี่ย”

“หุบปากเลย สาดดด เวลาอยู่กับพี่แจ๊คอ่ะ ก็มีแต่กูนี่แหละ ที่ต้องเป็นฝ่ายทนน่ะ”

“งั้นไอ้คริสล่ะ มันทนมึงได้ยังไงว้า.......”

ผมหันขวับทันที “มึงรู้เรื่องไอ้คริสได้ยังไง”

 “เอาเป็นว่ากูรู้ก็แล้วกัน นอกจากมึงจะเป็นน้องกูและกูดูมึงออกแล้วเนี่ยนะ กูยังมีสายส่วนตัวด้วยว่ะ” แม็ทหัวเราะ ส่วนผมก็หน้าแดงขึ้นทันที “เอาน่า ไม่ต้องคิดมากเว้ย ไม่ต้องมาทำเป็นอายด้วย แม่งไม่เหมาะกับมึงเลยว่ะ ไอ้เจย์” มันเดินเข้ามากอดไหล่ผม “อยากคุยรึเปล่า จริงๆกูอ่ะอยากคุยกับมึงเรื่องนี้นะ พักหลังๆเราก็ไม่ค่อยได้คุยเรื่องเพื่อนๆมึงกันเลยนี่หว่า........”

“เออๆ.......” ผมพยักหน้าเบาๆ “กูเล่าให้มึงฟังก็ได้ แต่ตอนนี้จะขอกูเยี่ยวก่อนได้รึยัง”

แม็ทตบบ่าผมเบาๆ จากนั้นเราสองคนก็เดินไปยืนฉี่อยู่ข้างๆกันและไม่มีใครพูดอะไรกันออกมาอีก แต่ผมรู้ดีเลยว่าคืนนี้ผมกับพี่ก็คงมีเรื่องได้คุยกันอีกยาวแน่ๆ

แม็ทเป็นพี่ชายที่อายุแก่กว่าผมสองปี และเราสองคนก็สนิทกันมาก ผมเป็นเกย์ แต่มันไม่ได้เป็น และมันก็ไม่เคยรังเกียจหรือมีท่าทีต่อต้านผมรึคนเป็นเกย์เลยแม้แต่น้อย เมื่อตอนที่ผมบอกพ่อแม่และทุกๆคนในบ้านด้วยตัวเองว่าผมชอบผู้ชาย ทุกคนยอมรับผมและเข้าใจผม โดยเฉพาะไอ้พี่ชายตัวดีของผมคนนี้ที่นอกจากจะยอมรับผมได้แล้ว มันยังชอบแซวและชอบให้ผมเล่าให้มันฟังอยู่ตลอดเวลาด้วยว่าผมกำลังชอบใครอยู่ ผมจะไปจีบใคร หรือมีใครกำลังมาจีบผมอยู่บ้าง และนั่นก็เลยยิ่งทำให้เราสองคนพี่น้องสนิทกันมากขึ้นไปอีก

คืนนี้หรือคืนพรุ่งนี้ไอ้เคนมันมานอนกับผมไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆผมก็คงจะได้ระบายอะไรๆออกไปให้ไอ้พี่ชายคนเดียวของผมคนนี้ฟัง และมันก็คงจะพอให้คำปรึกษาอะไรแก่ผมได้บ้างล่ะน่า เพราะอย่างน้อยๆมันก็อาบน้ำร้อนมาก่อนผมตั้งสองปีนี่ จริงมั๊ย

...................................................................

เคน


“หมายความว่าไงครับ ที่แม่บอกแม่มาไม่ได้น่ะ” ผมพูดใส่โทรศัพท์มือถืออย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “แล้วตอนแรกไหนแม่บอกว่าแม่จะมารับเคนกลับบ้านไง”

“ก็แม่ต้องออกไปพบลูกค้าพรุ่งนี้น่ะ เคน แม่บอกแล้วไงว่าแม่ขอโทษ เอาไว้วันอาทิตย์แม่ค่อยไปรับเคนกลับบ้านก็แล้วกัน ดีมั๊ย”

“ไม่อ่ะครับแม่ ไม่เป็นไรครับ เคนอยู่หอก็ได้ เคนไม่อยากไปๆกลับๆน่ะ เหนื่อยด้วย เปลืองเวลาแม่ด้วย”

“แม่ขอโทษทีนะลูก ช่วงนี้แม่ยุ่งๆน่ะ พอดีมีลูกค้าที่พ่อแนะนำมาจากญี่ปุ่นด้วย แม่ก็เลย........”

“ครับๆ ไม่เป็นไรครับแม่ เคนเข้าใจ” ผมถอนหายใจเบาๆ “แล้วพ่อเป็นไงมั่งล่ะครับ เคนไม่ได้คุยกับพ่อมาเดือนนึงแล้วมั๊งเนี่ย”

“เค้าก็สบายดี นี่เค้ายังบอกว่าจะส่งขนมกับของฝากมาให้เคนอยู่เลยนะ และที่สำคัญเห็นว่าไม่เกินเดือนหน้าเค้าก็น่าจะได้กลับมาหาพวกเราแล้วด้วยล่ะ”

“งั้นถ้าแม่ได้คุยกับพ่ออีก เคนก็ฝากบอกพ่อด้วยนะครับว่าเคนคิดถึง แล้วเคนก็คิดถึงแม่ด้วยเหมือนกันนะฮะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะแม่ อย่าทำงานหนักมากเกินไปจนไม่สบายอีกอ่ะ.........”

หลังจากนั้นผมก็วางสายลงพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เสื้อผ้าของใช้ที่ผมเก็บใส่กระเป๋าเดี๋ยวก็คงต้องถูกรื้อออกมาอีกแล้ว และกล่องเพลงที่ผมซื้อมาเมื่อตอนไปเซ็นทรัลกับทุกคนและกะจะเอาไว้ให้แม่อาทิตย์นี้ก็คงต้องรอออกไปก่อนอีกตามเคย

ผมโทรไปหาไอ้เจย์แล้วเล่าให้มันฟังว่าผมไม่ได้กลับบ้านแล้ว มันก็เสนอว่าจะให้คนมารับผมไปนอนกับมันที่บ้านทันที

“ไม่เป็นไรหรอกเว้ย กูเกรงใจบ้านมึงเหอะ ไอ้เจย์”

“เกรงใจเหี้ยอะไร แล้วมึงอยู่หอคนเดียวนี้มึงจะทำเหี้ยอะไรวะ คนอื่นๆก็กลับบ้านกันหมดแล้ว ขนาดอาทิตย์นี้ไอ้นัทมันก็ยังกลับบ้านอามันด้วยเลยไม่ใช่เหรอวะ”

“อือออ ไม่รู้ว่ะ ก็คงนอนเล่นกลิ้งไปกลิ้งมานี่แหล่ะมั๊ง แล้วค่อยลองโทรไปชวนปูออกไปเดินเล่นอ่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเค้าจะออกมากะกูได้รึเปล่าอ่ะนะ”

“น่ะ เห็นมะะ สาดด มึงมานอนบ้านกูเหอะน่า แล้วถ้ามึงจะไปไหนกับปูมึงก็ค่อยออกไปอีกที แต่ถ้าปูเค้าไม่ไป มึงก็ยังอยู่กะกูไง ไอ้เชี่ยแป้น คนอย่างมึงแม่งยิ่งขี้เหงาๆอยู่ด้วย นี่มึงก็แอบน้อยใจแม่มึงอยู่ด้วยเหมือนกันใช่มั๊ยล่ะ ฟังเสียงมึงตอนฮัลโหลตั้งกะทีแรกกูก็รู้แล้ว”

นี่ผมดูออกง่ายหรือเพราะว่ามันเป็นเพื่อนสนิทจนรู้ใจผมไปซะทุกอย่างกันแน่นะเนี่ย

“เออๆ กูไปหามึงก็ได้วะ ถ้ายังไงกูก็ขอรบกวนบ้านมึงหน่อยก็แล้วกันงั้น........”

สรุปว่าอีกประมาณชั่วโมงนึงถัดมา คนขับรถที่บ้านของไอ้เจย์ก็มารับผมที่หอเพื่อไปนอนที่บ้านของมัน แต่บอกตามตรงเลยนะว่าเวลาที่ผมมาบ้านของมันทีไรเนี่ย ผมจะแอบรู้สึกเกร็งๆนิดหน่อยทุกที เพราะนอกจากว่าพ่อของมันจะพูดภาษาไทยได้ไม่ค่อยคล่องจนผมไม่รู้ว่าควรจะพูดกับท่านยังไงดีแล้วเนี่ย บ้านของมันยังใหญ่โตโอ่อ่าอลังการจนผมรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกจริงๆ

“เชี่ยเจย์ กูมาบ้านมึงทีไรนะ กูรู้สึกยังกะมานอนโรงแรมทุกทีเลยว่ะ แม่งงงง” ผมพูดกับมันหลังจากที่มันออกมารับผมที่หน้าบ้าน

“เออ กูเองก็ไม่ค่อยชอบบ้านกูเหมือนกันนั่นแหละ กูชอบอยู่หอกะพวกมึงมากกว่าว่ะ” ไอ้เจย์ตบบ่าผมแล้วพาผมเดินเข้าไปไหว้พ่อกับแม่ของมันในบ้าน จากนั้นมันก็พาผมไปนั่งในห้องนั่งเล่น....... หรือถ้าเรียกให้ถูกก็คือหนึ่งในห้องดูทีวีของบ้านหลังนี้มากกว่า “มึงเอากระเป๋ามา เดี๋ยวกูให้พี่เค้าเอาไปเก็บบนห้องกูให้”

“เฮ้ยย กูเอาไปเก็บเองก็ได้น่า”

“แต่กูขี้เกียจเดิน มึงเอามาเหอะน่า”

“เอ๊ออ ไอ้คุณหนู เอ้า” ผมยื่นกระเป๋าให้ไอ้เจย์ จากนั้นมันก็หันไปยื่นกระเป๋าให้กับคนใช้ที่เพิ่งเดินเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟเราสองคน “รบกวนด้วยนะครับ พี่มด”

“ไม่เป็นไรค่ะ น้องเคน” พี่มดยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป

“โห นี่มึงจำชื่อพี่เค้าได้ด้วยเหรอวะ” ไอ้เจย์หันมามองผมแบบทึ่งๆ

“อ้าว แน่นอนสิวะ”

“อ้าว เคน! มาถึงแล้วเหรอ” ผมหันไปมองยังที่มาของเสียงแล้วก็เห็นพี่แม็ทธิวกำลังเดินเข้ามาในห้อง “กินอะไรมารึยังล่ะ....... เฮ้ย ไอ้เจย์ กูว่ามึงไปหาอะไรมาให้เพื่อนกินก่อนดีกว่ามั๊ง”

“อ๋อ ไม่เป็นไรครับพี่แม็ท ผมยังไม่ค่อยหิวหรอก”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า” พี่แม็ทยิ้มให้ผม “ไปเลย ไอ้เจย์ ไปดูดิ๊ว่าในครัวมีอะไรกินมั่ง แล้วยกมาให้เพื่อนมึงกะกูกินที่หน้าระเบียงห้องนี่ก็แล้วกัน”

“เออๆ” ไอ้เจย์เดินออกจากห้องไป

เมื่อไอ้เจย์เดินจากไป พี่เม็ทก็หันมายักคิ้วข้างซ้ายให้กับผมแล้วเดินมาโอบไหล่ผมเอาไว้ทันที “ไง น้องรัก เมื่อคืนไอ้เจย์มันเล่าให้พี่ฟังแล้วนะ ทั้งเรื่องไอ้แม็กซ์แล้วก็เรื่องคริสด้วย”

“จริงดิ่พี่ แล้วพี่คุยอะไรกันไปมั่งอ่ะ”

พี่แม็ทยักไหล่แล้วพาผมเดินออกจากห้องดูทีวีไปยังชานระเบียงนอกบ้าน “ก็เท่าที่มันจะบอกพี่น่ะแหละ แต่ส่วนมากคนอย่างมันเวลามีอะไรอยู่ในใจมันก็มักจะพูดหมดอยู่แล้วน่ะนะ เพราะงั้นพี่ว่าสิ่งที่พี่รู้มันก็น่าจะครบทุกอย่างแล้วเหมือนกันล่ะมั๊ง”

“แล้วพี่คิดว่าไงอ่ะครับ.......”

“ก็ไม่ว่าไงหรอก พี่ก็คิดเหมือนที่เคยคุยกับเคนนั่นแหละ แต่ยังไงพี่ก็ฝากๆเราดูแลมันหน่อยก็แล้วกัน ไอ้เนี่ยอ่ะ ถึงมันจะดูเป็นคนห่ามๆอย่างนั้นก็เหอะ แต่เวลามันรักใครแล้วมันก็โคตรรักเค้าจริงเลยนะเว้ย บอกตามตรงว่าพี่ยังอยากให้มันเลิกๆกะไอ้เชี่ยแจ๊คไปสักทีอยู่เหมือนกันนั่นแหละ และอีกอย่างนะ จริงๆแล้วมันก็แอบเป็นคนขี้เหงากะเค้าอยู่เหมือนกันนา........” พี่แม็ทมองหน้าผมแล้วยิ้มๆ “ก็เหมือนๆกับเรานั่นแหละมั๊ง ไอ้เคน เพราะงี้ไงเราสองคนถึงได้คบกันได้และสนิทกันได้ขนาดนี้น่ะ”

ผมยิ้มอายๆ เพราะไม่คิดว่าแม้แต่พี่แม็ทเองก็จะยังพูดเหมือนกับไอ้เจย์ด้วยเหมือนกัน

“มีอะไรก็คุยกับเพื่อนๆหรือคุยกับพี่ได้นา เคน เพื่อนเราทุกคนน่ะ เป็นเด็กดีกันทั้งนั้นนะ พี่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้เจย์มันถึงได้รักพวกเรามากขนาดนี้น่ะ” พี่แม็ทพูด จากนั้นก็อ้าปากหาววอดพร้อมกับบิดขี้เกียจ

อีกไม่นานไอ้เจย์ก็เดินกลับมาพร้อมกับแซนด์วิชหลายชิ้นในจาน เราสามคนนั่งคุยกันอีกครู่ใหญ่ๆก่อนที่พี่แม็ทจะขอตัวขึ้นห้องไปนอนอีกสักงีบก่อนที่จะลงมากินข้าวเที่ยง และเมื่อพี่แม็ทลุกเดินจากไปแล้ว ไอ้เจย์ก็ถามผมทันทีว่าเมื่อกี๊นี้ผมคุยกะไรกับพี่เขาไปบ้าง

“ไม่มีอะไรหรอก ก็คุยนั่นนี่กันเรื่อยเปื่อยน่ะ” ผมยิ้มให้กับมัน “ว่าแต่มึงเหอะ เห็นว่าอยากคุยกะกูเรื่องไอ้คริสน่ะ ตกลงมึงมีอะไรรึเปล่าวะ..........”


...................................................................

นัท

“ที่โรงเรียนเป็นไงมั่ง นัท” อานกถามผมขณะที่เรานั่งกันอยู่บนรถ “จะว่าไปนัทเองก็ไม่ได้กลับบ้านซะนานเลยนะ”

“ก็ดีอ่ะครับ นี่ผลสอบก็เพิ่งจะทยอยกันออกมาแล้วด้วย” ผมตอบ

“แล้วเป็นไงบ้างล่ะ........” อานกหันมายิ้มให้ผม “มีตกบ้างมั๊ย”

“โหห อานกก็พูดเป็นเล่นไปเหอะ” ผมหัวเราะ

“อาก็ล้อเล่นน่า ดีแล้วล่ะ เรียนเก่งๆ พ่อแม่จะได้ดีใจ”

ผมหุบยิ้มลงทันที “อานกก็พูดเหมือนว่าเค้าจะมารับรู้เรื่องของนัทอย่างงั้นแหละครับ........”

อานกหันกลับมาหาผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอีกแล้ว หากแต่มีเพียงสีหน้าและแววตาแสดงความเห็นใจอย่างที่ผมเคยเห็นอยู่บ่อยๆเท่านั้นเอง “อย่าพูดอย่างนั้นสิ นัท..........” อาวางมือลงบนตักของผมเบาๆ “อาเคยบอกแล้วไงว่าพ่อเค้าก็แค่งานยุ่งเท่านั้นเอง เค้าก็ถามอาอยู่บ่อยๆนะว่านัทเป็นยังไงบ้างน่ะ”

ผมหันไปมองนอกกระจกรถแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ นัทก็รู้แหละครับ เรื่องนั้นน่ะ.........”

ตลอดทางที่เหลือจนถึงบ้าน เราต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย และเมื่อผมกลับมาถึงบ้านแล้ว ผมก็เดินตรงขึ้นไปห้องนอนทันที และอีกประมาณสิบนาทีถัดมา อาก็เดินขึ้นมาเคาะประตูห้องของผม

“มีอะไรเหรอครับ” ผมเปิดประตูออก

“อาว่าเที่ยงนี้เราออกไปหาอะไรอร่อยๆกินนอกบ้านกันมั๊ย แล้วอาว่าอาจะไปเดินซื้อของเข้าบ้านด้วยพอดี”

“อืมมม ก็ได้ครับ” ผมพยักหน้าเบาๆก่อนจะปิดประตูห้องลง

ผมรู้ดีเลยว่าอากำลังพยายามทำให้ผมรู้สึกสบายใจทั้งจากเรื่องที่เราคุยกันเมื่อครู่และรวมไปถึงจากการที่ผมกลับมาอยู่บ้านกับอามากขึ้น อานกเป็นน้องสาวของพ่อที่ผมเองก็รู้จักและคุ้นเคยด้วยมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมกับอาก็ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้นเท่าไหร่อยู่ดี จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อนที่พ่อเอาผมมาฝากไว้กับอา เราสองคนจึงจำเป็นต้องทำตัวให้สนิทสนมกันมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้.......

อานกขับรถพาเราสองคนไปที่เอสพลานาด และหลังจากเดินเลือกซื้อของใช้เข้าบ้านและเข้าหอของผมอยู่ครู่หนึ่ง เราก็เดินเข้าไปนั่งกินมื้อกลางวันกันที่ร้านราเมงชั้นล่าง

“เออ จริงสิ ว่าแต่เพื่อนใหม่ที่นัทเคยเล่าให้อาฟังล่ะ เป็นไงบ้าง”

จู่ๆผมก็รู้สึกเขินเล็กๆขึ้นมาทันที “ก็ดีอ่ะครับ ก็น่ารักดี”

“น่ารักเหรอ” อานกเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วอมยิ้มแปลกๆ “เดี๋ยวนี้เริ่มชมผู้ชายว่าน่านักแล้วเหรอเนี่ย หลานอา”

“เฮ้ยย นัทไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ” ผมรีบแก้ตัว “นัทก็แค่ว่านิสัยเค้าก็น่ารักดี เข้ากับคนอื่นได้หมดอ่ะ แล้วก็เรียนดีด้วย”

“แล้วหน้าตาล่ะ”

“ก็........ ดีอ่ะครับ” ผมหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

“แบบนั้นก็ดีแล้ว........ แล้วตอนนี้สนิทกันมากมั๊ย เค้าอยู่กลุ่มเดียวกับพวกเราด้วยใช่รึเปล่า”

“ครับ ก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดน่ะนะ”

“แหม อาชักอยากเจอเพื่อนนัทคนนี้ซะแล้วสิ ว่างๆก็พาเค้ามาเที่ยวบ้านเรามั่งก็ได้นี่”

“คงจะยากมั๊งครับ เพราะเค้าเพิ่งย้ายมาจากเชียงใหม่อ่ะนะ ไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยเป็นหรอก แถมเค้ายังเป็นคนติดบ้านด้วยดิ่ ก็มีแต่นัทแหละที่เคยไปนอนบ้านเค้ามาครั้งนึงเมื่อตอนนั้นอ่ะครับ........” ผมอมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องราวตอนที่ผมไปบ้านของนนท์เมื่อคราวนั้นขึ้นมา “เอ้อ แล้วว่าแต่อาหมูล่ะครับ เป็นยังไงบ้าง”

อาหมูคือแฟนของอานกที่มีอาชีพเป็นทนายความและทั้งคู่ก็คบกันมาได้สามปีแล้ว อาเองก็เคยพูดเปรยๆกับผมอยู่เหมือนกันว่าอีกไม่นานทั้งสองคนก็คงจะแต่งงานกัน แล้วก็คงย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน แต่เรื่องที่ว่าใครจะย้ายไปอยู่กับใครนั้นอาบอกว่าอายังไม่ได้ตกลงกันเลย แต่ผมคิดว่ามันคงเป็นเพราะการที่มีผมอยู่นี่มากกว่า ที่ทำให้ทั้งสองคนต้องชะลอเรื่องการแต่งงานหรือการวางแผนชีวิตคู่ออกไปก่อน เพราะไม่ว่าใครจะย้ายเข้าหรือย้ายออกไปยังบ้านหลังไหน ผมก็คงไม่พ้นที่จะต้องกลายเป็นเพียงภาระหรือส่วนเกินที่ต้องคอยรบกวนทั้งคู่ไปอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้แน่ๆ

“อาเค้าก็สบายดี แต่ช่วงนี้ก็เห็นว่ายุ่งๆนิดนึงน่ะนะ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยพูดให้ฟังว่าลูกค้ามีปัญหาเรื่องมรดกอีกแล้ว”

“ครับ.........” ผมพยักหน้า “แล้ว......... พ่อล่ะครับ อาได้คุยกับพ่อใช่มั๊ยล่ะครับ พ่อเป็นยังไงมั่ง”

“พ่อเค้าก็สบายดีนั่นแหละ แต่เห็นเค้าก็ว่างานยุ่งพอตัวเลยเหมือนกัน เวลาคุยกันทีก็คุยกันไม่นานหรอก”

“แล้วพ่อเค้า........” ผมเงียบไปครู่หนึ่ง “ได้พูดถึงแม่บ้างรึเปล่าครับ”

อานกส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เลย อาเองก็ไม่ได้ถามพ่อเค้าเรื่องนี้เลยเหมือนกัน”

“ครับ........”

“อาขอโทษนะ นัท”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ นัทก็พอเข้าใจอยู่หรอก”

“พ่อกับแม่เค้ารักเรานะนัท แต่แค่ทั้งคู่ต่างก็ไม่ค่อยจะมีเวลาเท่านั้นเอง........”

“ผมรู้ครับ อานก” ผมพยักหน้าเบาๆ “ผมรู้........”

หลังจากนั้นเราสองคนต่างคนต่างเงียบกันลงไปอีกครั้ง ผมเองก็กินราเมงตรงหน้าไม่ค่อยลงแล้วด้วย บางทีผมก็คิดนะว่าผมไม่ค่อยเข้าใจโลกและความคิดของพวกผู้ใหญ่เลยจริงๆ ไม่ว่าใครๆต่างก็ดูจะพูดคำว่า “รัก” และ “ห่วงใย” ออกมากันได้อย่างง่ายดาย แต่หากคนฟังและผู้ที่ได้ยินคำเหล่านั้นอย่างผมกลับแทบไม่เคยสัมผัสและรู้สึกได้ถึงความหมายที่แท้จริงของคำพูดพวกนั้นเลยจริงๆ........

หลังจากกินข้าวเสร็จเราสองคนก็ตรงกลับบ้านกันทันที ตอนแรกอานกก็ชวนผมไปเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆให้ผมด้วยเหมือนกัน แต่ผมกลับไม่รู้สึกอยากจะเดินช็อปปิ้งอีกแล้ว ผมอยากจะกลับบ้านแล้วรีบๆขึ้นห้องไปนอนอยู่บนเตียงสักที และที่สำคัญ........ ในเวลาแบบนี้ ผมก็ยิ่งรู้สึกอยากได้ยินเสียงของเขาคนนั้นมากขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเราก็เพิ่งจะคุยกันและเขาบอกว่าเขาอาจจะออกไปเดินเล่นที่เซ็นทรัลคนเดียว แต่ผมก็รู้สึกว่าเวลาแบบนี้ผมยิ่งอยากจะคุยกับเขามากเข้าไปใหญ่เลย

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกำลังจะกดปุ่มโทรออกไปหานนท์ แต่แล้วจู่ๆผมก็รู้สึกว่าผมไม่ควรจะทำแบบนั้นขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ ผมรู้สึกว่าผมกำลังไม่สบายใจ และผมก็ไม่อยากจะเอาน้ำเสียงหรือความรู้สึกไม่สบายใจของผมไปพูดให้เขาฟัง ผมกลัวว่าเขาจะฟังออกว่าผมกำลังมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ และนั่นก็คงต้องพลอยทำให้เขามารู้สึกไม่สบายใจไปกับผมด้วยแน่ๆ ดังนั้นผมจึงวางโทรศัพท์กลับลงไปบนเตียงเหมือนเดิม........

ผมรู้สึกว่าเขาคือแสงสว่างและความสุขที่ทำให้ผมสามารถมีรอยยิ้มได้มากขึ้นในทุกๆวัน เขาเป็นคนอารมณ์ดีและร่าเริง เป็นคนขี้อายและมีความห่วงใยให้แก่ทุกๆคนรอบข้างอย่างเต็มเปี่ยม เพราะฉะนั้นแล้วผมก็จะขอเก็บเขาเอาไว้ให้เป็นอย่างนั้นไปตลอดดีกว่า ผมไม่อยากทำให้รอยยิ้มของเขาต้องมัวหมอง และถึงผมจะรู้สึกไม่สบายใจมากเพียงใดก็ตาม ผมก็จะขอเก็บมันเอาไว้กับตัวแบบนี้เพียงคนเดียว เพราะอย่างน้อยๆแค่การที่ผมได้นอนนึกถึงเขาเพียงแค่นี้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจและสุขใจมากขึ้นอย่างเพียงพอแล้ว

ผมนอนมองเพดานห้องแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็พลางนึกสงสัยไม่ได้ว่านี่ผมเป็นอะไรไปแล้วกันเนี่ย ถ้าหากว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าความรักแล้วล่ะก็ ผมก็คงไม่รู้แล้วว่ามันคืออะไรกันแน่..........

...................................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2009 17:15:07 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
คริส


“คิดว่าเป็นยังไงบ้างคะ น้องคริสเนี่ย พอจะไปไหวมั๊ย” แม่ของผมถามอาไคล์ หลังจากที่เราสองคนเดินลงมาจากห้องของผมกันแล้ว

“มากยิ่งกว่า ‘พอจะไปไหว’ อีกครับ เพราะน้องเค้าก็หัวดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วก็ดูกระตือรือร้นที่จะได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆด้วย แต่ว่าตอนนี้ก็ดูเหมือนจะยังอายๆผมอยู่บ้างเท่านั้นเอง” อาไคล์หันมายิ้มแล้วส่งสายตาที่เรารู้กันแค่สองคนให้กับผม ทำเอาผมต้องรู้สึกเขินไปเลยเหมือนกัน

“งั้นเรื่องเวลาเรียน........”

“ก็คงเป็นวันจันทร์ พุธ ศุกร์ แล้วก็วันเสาร์นั่นแหละครับ เมื่อกี๊ผมลองคุยกับน้องเค้าแล้วก็คิดว่าแบบนี้น่าจะโอเค”

“แล้ววันอาทิตย์ล่ะคะ”

“อืมมม........ ผมอยากให้น้องเค้าพักผ่อนหรือมีเวลาไว้ทำอย่างอื่นบ้างมากกว่าน่ะครับ แต่ว่าถ้ามีอะไรจะเสริมหรือช่วงใกล้สอบอะไรยังไง เอาไว้เราค่อยนัดกันอีกทีก็ได้”

แม่ของผมยังดูมีท่าทีไม่ค่อยชอบใจนักเท่าไรกับความคิดนี้ของอาไคล์ เพราะว่าแม่คงอยากจะให้ผมได้เอาเวลาว่างที่มีทั้งหมดไปใช้กับการเรียนมากกว่า แต่แล้วในที่สุดแม่ก็ยอมพยักหน้าตกลงออกมาจนได้

“แบบนั้นก็ได้ค่ะ แรกๆก็เท่านี้ก่อนก็ได้ แล้วเอาไว้หลังจากนี้เราค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน”

“ครับ งั้นถ้ายังไงผมขอเริ่มตั้งแต่อาทิตย์หน้านะครับ ส่วนวันเสาร์นี้เดี๋ยวผมอาจจะให้พี่เมฆเค้ามาคุยรายละเอียดแทนผมไปก่อนก็แล้วกัน เพราะว่าเผอิญผมติดธุระที่อื่นนิดหน่อยน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องซีเรียสหรอก ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่วันนี้อุตส่าห์มา”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจอยู่แล้ว วันนี้ถ้ายังไงผมขอตัวกลับก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ” อาไคล์ยกมือไหว้แม่

“ค่ะ สวัสดีค่ะ........ เอ้า คริส ถ้างั้นเราก็เดินไปส่งอาจารย์ที่รถหน่อยสิลูก”

“ครับ” ผมหันไปพยักหน้าให้กับแม่ จากนั้นก็เดินตามหลังอาไคล์ออกไปยังนอกบ้าน

“ให้ตายสิ แม่เรานี่ก็เคี่ยวใช่ย่อยเลยนะ คริส” อาไคล์หันมาพูดกับผมหลังจากที่เราอยู่กันตามลำพังแล้ว

“ผมก็บอกแล้วไงฮะ ว่าแม่น่ะ เค้าไม่ค่อยอยากให้ผมมีเวลาว่างเท่าไหร่นักหรอก”

“ไม่เป็นไรๆ ก็เพราะแบบนี้แหละ อาถึงได้อยากมาสอนหนังสือให้เราไง” อาไคล์เปิดประตูรถออก จากนั้นก็เข้าไปนั่งอยู่บนเบาะหลังพวงมาลัย “ไม่ต้องคิดมากนะ คริส ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็คุยกับอาได้ล่ะ เข้าใจรึเปล่า ถึงไงเราก็ไม่ได้เป็นแค่ครูกับลูกศิษย์ธรรมดาๆอยู่แล้ว จริงมั๊ยล่ะ”

“ครับ ขอบคุณมากครับ อาไคล์ แต่ผมก็ไม่ได้มีเรื่องไม่สบายใจอะไรนี่ฮะ”

“อาไม่ได้พูดถึงตอนนี้ และที่สำคัญ.......” อาไคล์ยิ้มแล้วยักคิ้วให้ผม “แม้แต่เรื่องของเจ้าวายุ เราก็ไม่ได้กำลังคิดอะไรอยู่เลยจริงๆนะเหรอ หืมม”

ผมหน้าแดงขึ้นทันที “เฮ้ย เรื่องนั้น คะ คือว่า ผะ ผม.........”

อาไคล์หัวเราะชอบใจ “ไม่เป็นไรหรอก โทษทีๆๆ พอดีอาก็แค่แซวเล่นเท่านั้นเอง เพราะวันก่อนพวกอากับพวกพ่อเล็กของเจ้าวายุก็เคยคุยกันมาก่อนแล้วเหมือนกัน พวกเราสี่คนพอดูออกน่าว่าเราสองคนน่ะเป็นยังไงกัน”

ผมหน้าแดงและรู้สึกเขินแบบสุดๆทันที เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครคนอื่นรู้เรื่องความรู้สึกของผมที่มีต่อไอ้ยุกันมากมายหลายคนขนาดนี้ แถมที่สำคัญคนที่รู้นี่ก็ยังเป็นผู้ใหญ่ในครอบครัวของไอ้ยุกันทั้งนั้นเลยด้วยเนี่ยสิ

“และเมื่อตอนมื้อเย็นที่อานั่งทานข้าวแล้วก็คุยกับพ่อแม่ของเราน่ะ คริส.........” อาไคล์กลับมามีสีหน้าจริงจังอีกครั้ง “อาก็พอจะรู้แล้วว่าพ่อแม่เราเค้ามีทัศนคติกับเรื่องคนเป็นเกย์ยังไง เพราะฉะนั้นนะ........ ตอนนี้ก็จำเอาไว้ก่อนเลยก็แล้วกันนะว่าการเป็นเกย์น่ะ ไม่ใช่บาปและไม่ใช่สิ่งที่ผิด จำเอาไว้ว่าเรามีคนดีๆที่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องความรักและอาชีพการงานให้เราดูเป็นตัวอย่างได้อย่างน้อยๆก็อีกสองคน หรือถ้าจะนับพวกอาเข้าไปเป็นสี่คนด้วยก็ยังได้ และที่สำคัญ จำเอาไว้ให้ดีเลยว่าถ้าเกิดว่าเราไม่สบายใจเรื่องอะไรขึ้นมา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามจริงๆ ขอให้เข้ามาพูดกับอา เพราะที่อามาสอนหนังสือให้กับเราเนี่ย อาไม่ได้มาเพื่อสอนหนังสือให้ความรู้จากในตำราแค่เพียงอย่างเดียว เข้าใจมั๊ย”

“ครับ ผมเข้าใจครับ.......” ผมรับคำ “ขอบคุณมากนะครับ อาไคล์”

“ถ้างั้นเราเจอกันอีกทีก็อาทิตย์หน้านะ” อาไคล์ส่งยิ้มให้กับผม

“ครับ”

หลังจากนั้นอาไคล์ก็ขับรถกลับบ้านไป ผมกลับเข้าไปในบ้านและคุยกับแม่เรื่องเรียนพิเศษกับอาไคล์อีกพักใหญ่ๆก่อนจะขอตัวกลับขึ้นมาบนห้อง ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วก็คิดถึงคำพูดที่อาไคล์พูดส่งท้ายไว้กับผมเมื่อครู่.......

 ผมรู้ดีว่าผมคิดยังไงกับยุ ผมรู้ดีว่ามันคิดยังไงกับผม ผมรู้ดีว่าครอบครัวของผมคิดยังไงกับเรื่องการเป็นเกย์ ผมรู้ดีว่าพวกเขาคาดหวังอะไรจากผม ผมรู้ดีว่าผมมีเพื่อนหลายคนที่รักและเข้าใจผม ผมรู้ดีว่าผมมีคนที่จะคอยเป็นที่พึ่งและที่พักพิงให้กับผมได้ในยามที่ผมต้องการ และที่สำคัญ ผมยังรู้ตัวดีอีกด้วยว่าชีวิตของผมนับจากนี้ไป มันคงจะไม่ใช่ทางเดินที่เรียบง่ายและงดงามไปจนถึงปลายทางอย่างแน่นอน ผมคงจะต้องเผชิญกับความขัดแย้งอีกมากมายหลายอย่างในอนาคต ไม่ว่าจะมาจากตัวและหัวใจของผมเอง หรือมาจากครอบครัวของผมที่บอกว่ารักผมมากและต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผมก็ตาม..........

ผมนอนมองเพดานห้องด้วยสายตาที่ว่างเปล่า แต่แล้วจู่ๆความเหงาที่ผมคุ้นเคยก็ช่วยเติมเต็มดวงตาที่ว่างเปล่าของผมนั้นด้วยน้ำตาที่ค่อยๆเอ่อล้น และไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างอย่างช้าๆ.........

...................................................................

วายุ


นับจากเมื่อตอนที่ได้คุยกับป๊าเรื่องของคริสไปเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ผมรู้สึกสบายใจขึ้นที่ได้รู้ว่ายังมีคนที่เข้าใจความรู้สึกของผมอยู่ใกล้ๆ และสบายใจที่ได้พูดและระบายสิ่งที่ตัวเองเคยเก็บเอาไว้คนเดียวออกไป แต่ลึกๆแล้วผมก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อยอยู่ดี เพราะถึงยังไงผมก็ยังคงสลัดความรู้สึกไม่สบายใจเล็กๆเกี่ยวกับการวางตัวของผมกับมันออกไปไม่ได้อยู่ดี ผมกลัวว่าถ้าหากผมห่างจากมันมากไปกว่านี้ ความเป็นเพื่อนของเรามันก็คงจะพลอยเสียไปด้วย แต่ถ้าหากว่าผมยังคงสนิทสนมกับมันมากเหมือนเดิมอย่างเช่นทุกวันนี้ มันก็อาจจะเข้าใจเจตนาของผมผิดไปอีกด้วยเช่นกัน.........

บางทีผมก็คิดนะว่าถ้าหากผมเป็นเกย์และชอบผู้ชายไปซะเลยเนี่ย ผมคงจะไม่ต้องมาคิดมากและวุ่นวายใจขนาดนี้ก็เป็นได้ล่ะมั๊ง

“ไง นั่งเหม่อแบบนี้นี่แปลว่ายังเครียดเรื่องของคริสอยู่อีกรึไง”

ผมสะดุ้งแล้วรีบหันไปมองที่มาของเสียงทันที “พ่อเล็ก! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย อ้าว แล้วนี่ป๊าไม่ได้มาด้วยเหรอ”

“เปล่า พ่อมาคนเดียวน่ะ แล้วนี่พ่อกับแม่อยู่ไหนล่ะ” พ่อเล็กเดินมานั่งลงบนโซฟาข้างๆผม

“อยู่ข้างบนน่ะครับ เดี๋ยวยุไปตามให้ก็แล้วกัน” ผมทำท่าจะลุกออกจากโซฟา

“ไม่ต้องๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอมันลงมากันเองก็ได้.......” พ่อเล็กมองหน้าผมแล้วยิ้ม “แล้วตกลงว่าไง คิดออกรึยังว่าตกลงแล้วเราคิดกับคริสมันยังไงกันแน่น่ะ”

“โหหหห ไม่ต้องเลย พ่อ! นี่ป๊าแอบบอกพ่อเรื่องที่ยุคุยกะเค้าอีกแล้วใช่มั๊ยเนี่ย” ผมโวย “ยุไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับไอ้คริสหรอกนะ ยุก็บอกป๊าไปแล้วไม่ใช่รึไง”

“รู้แล้วๆน่า ไม่ต้องมาทำขึ้นเสียงกับพ่อเลย” พ่อเล็กหัวเราะ “งั้นตกลงว่ายังคิดมากเรื่องอะไรอยู่ล่ะ”

“แล้วพ่อเล็กรู้ได้ไงว่ายุคิดมาก มั่วป่าววว”

“ปากดีนักนะ ไอ้ตัวแสบ ถ้าพ่อดูไม่ออกพ่อจะถามรึไง”

“เฮ้ออ....... พ่อเล็กกะป๊านี่พอๆกันเลยนะเนี่ย” ผมแกล้งทำหน้าเซ็งๆแล้วส่ายหน้าเบาๆ

“ตกลงจะบอกได้รึยังว่าคิดอะไรอยู่น่ะ เดี๋ยวพ่อกับแม่เราเค้าลงมาแล้วเราจะไม่ได้คุยกันนะ”

“โอเค ยอมแพ้แล้วก็ได้ บอกก็บอก” ผมหันไปหาพ่อเล็ก “คือยุก็ยังคิดๆอยู่ดีอ่ะครับว่ายุควรจะทำตัวยังไงดี ยุกลัวว่ายุจะทำตัวให้ความหวังมันมากเกินไป แต่ถ้าเกิดว่ายุถอยออกมา ยุก็คงต้องทำให้มันเสียใจอีก และยุเองก็ไม่อยากจะทำแบบนั้นด้วยอ่ะ”

“แล้วตอนนั้นที่คุยกับป๊าไป ป๊าเค้าไม่ได้บอกอะไรเลยรึไง”

“บอกแล้วๆ แต่ก็บอกแบบให้ยุได้คิดๆเองด้วยอ่ะนะ และตอนนั้นมันก็เหมือนพอจะเข้าใจอยู่หรอก แต่พอกลับมาลองคิดๆดูอีกทีแล้ว ยุก็ยังอดที่จะคิดมากอีกไม่ได้อยู่ดีอ่ะ พ่อเล็ก”

“หึๆ งั้นเอาแบบนี้ ยุทำตามที่พ่อบอกเลยก็แล้วกัน ไม่ต้องไปฟังที่ไอ้เมฆมันพูดแล้วก็ได้ แต่ยุต้องตอบคำถามพ่อมาก่อนข้อนึง........ พ่อรู้ว่ายุไม่ได้ชอบผู้ชาย พ่อเองก็ไม่ได้อยากจะให้ยุชอบหรอก แต่ยุลองตอบพ่อมาซิว่า ยุรักคริสรึเปล่า”

“เหอออ พ่อเล็กหมายถึงรักแบบไหนครับเนี่ย”

พ่อเล็กจ้องตาผมด้วยสายตาที่จริงจัง และมันก็เป็นสายตาที่สามารถสยบใครๆก็ตามได้ทุกเมื่อจริงๆ “......จะรักแบบไหนก็เหอะ ตอบมาซิว่ายุรักเค้ารึเปล่า”

ผมกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “.......รักครับ แต่ก็รักแบบเพื่อน ไม่ใช่แบบแฟนน่ะนะ”

“ถ้าอย่างนั้นแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่ยุจะทำสิ่งดีๆให้กับเพื่อนคนนึงที่ยุรักเค้าจากใจจริง ความรักและความหวังดีที่ยุมีให้แก่เพื่อนทุกๆคนนั่นแหละ จะเป็นคำตอบของสิ่งที่ยุควรจะทำ.......” พ่อเล็กยิ้มให้ผมด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ “อย่าบอกนะว่าเกิดเป็นลูกไอ้สองคนข้างบนนั้นแล้วจะไม่รู้ว่าเวลารักเพื่อนแล้วควรจะทำอะไรเพื่อเพื่อนบ้างน่ะ”

ผมหดหัวลงแล้วหัวเราะเบาๆ “แล้วยุก็ยังเป็นลูกของพ่อเล็กกับป่ะป๊าด้วยอีกต่างหาก........” ผมปล่อยให้พ่อเล็กขยี้และโยกหัวผมไปมาอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง “ขอบคุณมากนะครับ พ่อเล็ก”

“เฮ้ย ไอ้ซัน! มึงมาเมื่อไหร่วะ!” เสียงของพ่อกอล์ฟดังขึ้นจากตรงบันได “แล้วทำไมยุไม่ขึ้นไปตามพ่อกับแม่ล่ะลูก”

“ไม่ต้องไปว่าลูกมันหรอก กูเป็นคนบอกมันว่าไม่ต้องขึ้นไปตามมึงเองนั่นแหละ”

“อีฟ! ไอ้ซันมาหาแน่ะ!” พ่อหันกลับไปตะโกนขึ้นไปบนชั้นสอง จากนั้นก็มีเสียงแม่ตะโกนตอบกลับมาว่าอีกเดี๋ยวจะลงมา พ่อจึงหันกลับมาหาพวกเราแล้วส่ายหน้า “แม่งแต่งหน้ายังไม่เสร็จน่ะสิ แก่จะตายห่าแล้วยังห่วงสวยอีก”

“ได้ยินนะยะ!” เสียงของแม่อีฟตะโกนลงมาจากชั้นบน

ผมกับพ่อเล็กหัวเราะออกมาพร้อมๆกันทันที

นั่นน่ะสินะ......... ผมจะมามัวคิดมากไปทำไมกันนะเนี่ย ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้วว่าผมควรจะทำตัวยังไงต่อไปดี และในที่สุดผมก็เริ่มเข้าใจถึงคำพูดของป่ะป๊าในวันนั้นขึ้นมาอีกนิดหน่อยแล้วด้วยเช่นกัน มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาคิดกับผมยังไง และเขาจะผ่านพ้นเรื่องต่างๆเหล่านี้ไปได้หรือไม่ แต่มันสำคัญที่ว่าเขาเป็นเพื่อนคนสำคัญของผม และผมก็จะต้องช่วยเหลือให้เขาผ่านพ้นทุกๆสิ่งทุกๆอย่างไปให้ได้ต่างหาก เพราะนั่นคือสิ่งที่เพื่อนคนนึงสมควรที่จะทำให้กับเพื่อนของเขานั่นเอง..............


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2009 17:17:35 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
เป็นไง พิเศษสมใจมั๊ยครับ ยาวสะใจดีมั๊ย อิอิ
อาจจะไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย แต่ก็น่าจะทำให้ได้เห็นอะไรๆของเด็กๆกลุ่มนี้กันมากขึ้นนะครับ
ขอบอกว่าเป็นตอนพิเศษที่ทำเอาผมปวดกบาลมากมาย 5555
7 ตอน 7 ตัวละคร 7 characters
เอิ๊กกกกก สะใจจ๊อดสุด  :laugh:

 :pig4: :3123: :L2:

ปล. ลืมบอกว่าไม่ต้องถามถึงโจนะครับ เพราะโจไม่ได้อยู่กลุ่มนี้ 5555 และเดี๋ยวยังไงก็ได้เจอแน่ รออีกแป๊บเดียว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2009 17:24:09 โดย ExecutioneR »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด