A 121
โจที่จู่ๆโผล่มาที่บ้านของผม จู่ๆก็เข้ามาปลุกผมถึงในห้อง และจู่ๆก็บอกผมว่าเขาจะไปทะเลกับพวกเราด้วย กำลังนั่งมองผมที่เพิ่งตื่นขึ้นหยกๆอย่างรอคำตอบ แต่ผมก็ได้แต่นั่งอึ้งไปพักหนึ่ง เพราะการกระทำทั้งหมดของเขานั้นทำเอาผมตั้งตัวไม่ติดจริงๆ
“เดี๋ยวนะๆ ไอ้โจ มึงจะไปทะเลกับพวกกูด้วยงั้นเหรอวะ” ผมถามออกไป แทบจะหายจากการอาการเมาขี้ตาในทันที
“เออ”
“แล้วมึงจะไปไงวะ เอ๊ยย กูหมายถึง แล้วมึงจะสนุกเหรอ มึงไม่ถูกกับพวกไอ้เจย์ไม่ใช่เหรอวะ แล้วไหนจะนัทอีก.....”
“กูเคยบอกแล้วไงว่ากูเฉยๆแล้ว มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูไม่ไปจุ้นจ้านพวกมึงหรอกน่ะ”
“หมายความว่าไงวะ ไม่ ‘จุ้นจ้าน’ ของมึงเนี่ย”
“กูจะไม่ไปวุ่นวายกับพวกมึงหรอก มึงจะทำอะไรก็ทำกันไป จะเล่นเหี้ยอะไรก็ไปเล่นเหอะ กูไม่ยุ่ง ก็แค่นั้น”
“อ้าว แล้วมึงจะสนุกเหรอวะ”
“กูไม่ได้กะไปเพื่อเอาสนุกอยู่แล้ว.......”
ผมนิ่วหน้าด้วยความงง “ยังไงของมึงวะ”
“กูลงไปข้างล่างละนะ” เขาพูดพร้อมกับหันหลังจะเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยว ไอ้โจ!” ผมรีบร้องห้ามเขาไว้ทันที “นี่ตกลงมึงมาที่นี่ได้ยังไงวะเนี่ย แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่กับนัทรู้รึยัง”
“รีบๆล้างหน้า แล้วลงไปกินข้าวกันได้แล้ว....” เขาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินจากไป
หลังจากที่เขาปิดประตูห้องลง ผมก็รีบลุกออกจากเตียงและเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปยังชั้นล่างเพื่อดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกงุนงงไปหมดว่าตอนที่ผมหลับไปนี่มันเกิดอะไรขึ้นบ้างกันแน่ โจมาที่บ้านผมได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ และเพื่ออะไร ผมมีเรื่องที่สงสัยอยู่เต็มไปหมด แต่พอถามโจไป ก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาเลยสักอย่างเดียว เขานี่ชอบทำตัวแบบนี้กับผมจริงๆ ให้ตายเถอะ
แต่ถึงจะอย่างนั้น ผมก็ยอมรับล่ะนะว่าผมรู้สึกดีที่ได้เห็นหน้าเขาอีกครั้งนิดหน่อยเหมือนกัน เมื่อผมเห็นว่าเขาสบายดี ดูเหมือนจะไม่ได้มีเรื่องคิดมากหรืออึดอัดใจอะไร ผมก็พลอยรู้สึกสบายใจมากขึ้นตามไปด้วย เพราะตอนแรกผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไง ไปอยู่ที่ไหน และรู้สึกอย่างไรบ้างหลังจากที่เกิดเรื่องในคืนนั้น แต่พอตอนนี้ผมได้เห็นหน้าเขาบ้าง ผมก็รู้สึกโอเคขึ้นนิดหน่อยแล้ว.... ถึงแม้ว่าพอผมมาลองคิดดูดีๆ ผมก็จะยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยอยู่ดีก็ตามเถอะนะ
พอผมลงมาถึงชั้นล่าง ผมก็ได้ยินเสียงของทีวีดังมาจากในห้องนั่งเล่น จึงตัดสินใจเดินเลี้ยวไปทางนั้น และก็เห็นโจกำลังนั่งอยู่บนโซฟาดูทีวีด้วยท่าทางสบายใจอยู่
“แม่มึงเค้าบอกว่าอีกเดี๋ยวข้าวก็จะเสร็จแล้ว รอก่อน” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าผม
“แล้วนัทอะ”
“อยู่ในครัว” เขากดรีโมทเปลี่ยนช่อง “ก็กูทำอาหารไม่เป็นนี่หว่า เกะกะเปล่าๆ”
ผมยืนลังเลอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างๆเขา “นี่ตกลงมึงไปไงมาไงวะเนี่ย ไอ้โจ แล้วที่ผ่านมามึงไปอยู่ไหนมา ได้กลับบ้านมั่งรึเปล่า แล้วนี่มึงมาที่นี่ทำไม มีปัญหาอะไรกับพ่ออีกรึเปล่าวะ ถ้ามี มึงก็รู้ว่ามึงบอกกูได้นะเว้ย”
เขาไม่ได้ตอบทันที แต่หันมามองหน้าผมอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ “มึงนี่มันยังไงก็หยั่งงั้นจริงๆนะ”
“เหอออ อะไรวะ” ผมสงสัย
“ป๊าวว” เขาขยับตัวเป็นหันมาหาผมทั้งตัว “กูไม่ได้มีปัญหากับพ่อกูหรอก มึงสบายใจได้ แม่กูก็สบายดี กูก็สบายดีเหมือนกัน แต่ที่กูกลับมาเนี่ย เพราะกูแค่อยากกลับมาเจอมึง ก็แค่นั้นแหละ โอเคยัง”
ผมหน้าแดงขึ้นทันที “มึงอย่ามาทำพูดแบบนี้ ไอ้เชี่ยโจ” และเมื่อพูดจบ ผมก็จำต้องหันหน้าหลบสายตาคมกริบของเขาไป ไม่ว่าเมื่อไหร่และยังไง เขาก็มีสายตาที่ทะลุทะลวงตลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ และเมื่อมารวมเข้ากับคำพูดแบบนั้นของเขาแล้ว มันก็ยิ่งชวนให้ไม่ว่าใครก็ตามหลงเชื่อในสิ่งที่เขาพูดว่าต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน
“เอาดีๆ กูไม่ได้พูดเล่น” เขาเน้นย้ำอีกครั้ง “อ้อ ส่วนเรื่องกูไปนอนที่ไหนมา...... มึงอยากรู้จริงเหรอวะ”
ผมสะอึกนิดหน่อยกับคำถามนี้ของเขา “ทำไมวะ อย่าบอกนะว่ามึงไปนอนที่บ้านพลอยมาน่ะ”
“มึงกวนตีนกูป่าววะเนี่ย” เขานิ่วหน้า “ไม่ใช่ กูไม่ได้ไปนอนกับพลอย พูดเหี้ยๆนะมึงน่ะ แต่กูไปนอนกับไอ้เอก”
ที่จริงมันก็เป็นคำตอบที่ดีกว่าบอกว่าไปนอนบ้านของพลอยอยู่หรอกนะ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ค่อยชอบใจแปลกๆชอบกล
“ทำไมถึงต้องเป็นไอ้เอกวะ”
“ก็กูบอกแล้วว่ามันเชื่อใจได้ แล้วทำไม หรือมึงจะให้กูไปนอนกับไอ้เชี่ยแม็กซ์หรือไอ้เค”
“เหอะๆ ก็ไหนมึงเคยบอกว่าไอ้เอกมันชอบมึงไม่ใช่รึไงวะ.....”
“แต่ตอนนั้นมึงก็ไม่เชื่อกูนี่.... ทำไม หึงรึไง”
“เปล่า กูจะหึงมึงทำไมวะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกูสักหน่อย”
เขาเขิยบเข้ามาใกล้ผมอีกนิด “แล้วทำไมมึงต้องไม่พอใจกูด้วย”
“กูไม่ได้ไม่พอใจมึงสักหน่อยเหอะ มึงอย่ามามั่ว”
“เนี่ย แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามึงกำลังโกรธกูอยู่ ไอ้นนท์ มึงมันโกหกและเก็บความรู้สึกตัวเองไม่เก่งนักหรอกนะ” เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“กูบอกว่ากูไม่ได้โกรธไง” ผมชักเริ่มหงุดหงิด
“คิ้วขมวดแล้วนะมึง ไม่โกรธแล้วทำหน้าแบบนี้ทำไม”
“ก็เพราะมึงชอบตื๊อกูแบบนี้น่ะสิวะ”
เขาคว้ามือของผมที่วางอยู่บนโซฟาไปกุมเอาไว้ “มึงแม่งน่ารักว่ะ ไอ้นนท์ เมื่อไหร่มึงเลิกกับไอ้นัทแล้ว กูขอนะ”
ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนฉ่าแบบสุดๆ “เฮ้ยยย!! พูดเหี้ยอะไรของมึงวะ ไอ้โจ!!” ผมรีบชักมือกลับ
“ก็แค่พูดตามที่คิด........” เขายักไหล่
“พอแล้วๆ มึงแม่งชอบทำแบบนี้อยู่เรื่อยอะ!” ผมลุกขึ้นยืน และพอผมหันมองออกไปทางนอกห้องนั่งเล่นส่วนที่เชื่อมกับทางเดินไปห้องครัว ก็เห็นนัทกำลังยืนอยู่พอดี “นัท....”
ผมรู้สึกใจหายวาบ ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นตอนที่โจจับมือผมเมื่อครู่นี้หรือเปล่า
“ข้าวเย็นพร้อมแล้วนะ นนท์” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “ไปกินข้าวกันได้แล้วนะ”
“อะ.... อื้อออ”
“แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย”
ผมเดินไปหาเขา “ก็นั่งคุยเฉยๆแหละ ถามมันว่าทำไมมันมาที่นี่ได้ ไรงี้อะ แต่แม่งก็กวนตีน ไม่ยอมตอบสักที โยกไปโย้มา น่ารำคาญญญญญญ!!”
“กูก็ตอบไปตามจริงแล้วไง” โจรีบสวนกลับทันที
“มึงพอเลย ไอ้โจ กูไปแดกข้าวกันละนะ จะไปหรือไม่ไป” ผมจับมือของนัท แล้วก็พาเขาเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปยังห้องกินข้าว
เมื่อแม่ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะเห็นผมเดินจูงมือนัทเข้ามา แม่ก็นิ่วหน้านิดหน่อย แต่ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเขาออกอยู่ดี เพราะผมไม่อยากจะหลบๆซ่อนๆ และอยากจะให้แม่เคยชินกับความจริงที่ว่าลูกของแม่มีแฟนเป็นผู้ชายไวๆ แต่ทว่าไม่ใช่แค่แม่คนเดียวเท่านั้นที่แสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจกับการที่ผมทำแบบนี้ เพราะโจเองก็แสดงออกทางสีหน้าค่อนข้างชัดเจนด้วยเหมือนกัน เขามองเราสองคนแล้วทำหน้าย่นอย่างหงุดหงิด แต่ที่จริง ผมก็รู้สึกว่าดูเหมือนเขาจะแปลกใจที่เห็นผมกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าของแม่มากกว่าที่จะรู้สึกโกรธด้วยซ้ำ
เราสามคนนั่งลงกินข้าวเย็นด้วยกันแบบไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากนัก แม่ถามถึงเรื่องของโจว่าเขากับแม่และน้องเป็นยังไงบ้างนิดหน่อย ซึ่งโจก็ตอบกลับตามมารยาทแบบฟังดูกำกวมๆเหมือนเดิม
“นนท์ เดี๋ยวบอกให้ใครเอาผ้านวมขึ้นห้องไปด้วยชุดนึงนะ” แม่หันมาพูดกับผม
“หือออ ทำไมอะครับ”
“ก็วันนี้โจจะมานอนด้วยกับเราไง อ้าว โจยังไม่ได้บอกนนท์อีกเหรอ”
“ยังเลยครับ ยังไม่มีโอกาสได้บอกเลย” โจตอบ
“ก็ตามนั้นแหละ แต่แม่ไม่ให้นอนบนเตียงเดียวกันนะ เข้าใจรึเปล่า”
“งั้นแม่ก็ให้นัทมานอนกับนนท์สิครับ” ผมท้วง
“ไม่ได้ แม่ไม่อนุญาตเด็ดขาด ไม่ใช่แม่ไม่เชื่อใจเราสองคนนะ แต่แม่แค่อยากจะป้องกันไว้ก่อนมากกว่า”
“อ้าว แล้วทีไอ้โจอะ แม่ไม่ห่วงว่ามันจะทำอะไรนนท์รึไง”
“แม่เชื่อใจโจ และแม่ก็เชื่อใจนนท์ด้วยเหมือนกัน นนท์เป็นแฟนนัท ไม่ใช่โจนี่ เพราะงั้น ทำตามที่แม่บอก”
“ให้โจมานอนกับนัทมั๊ยล่ะครับ” นัทเสนอขึ้น
แม่หันไปมองหน้าของโจครู่หนึ่ง และตอนนั้นเองที่ผมก็เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า โจคงไม่มีทางยอมให้ทำแบบนั้นแน่ๆ
“ไม่ต้องหรอก นี่คือการตัดสินใจเด็ดขาดของแม่แล้ว ห้ามใครเถียงทั้งนั้น หรือไม่แบบนั้น แม่ก็จะจับทั้งสามคนนอนแยกห้องกันให้หมดเลย นนท์มานอนกับแม่ เอาแบบนั้นมั๊ยล่ะ แค่นี้แม่ก็ยอมให้พวกเรามากันมากแล้วนะ”
เป็นอันจบบทสนทนาลงกันแค่ตรงนั้น พวกเราต่างก็ดูไม่ค่อยจะมีใครพอจะกับการตัดสินใจของแม่ครั้งนี้สักเท่าไหร่ ยกเว้นก็โจเพียงคนเดียวที่ดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ เพราะเขาก็คงไม่อยากจะให้ใคร โดยเฉพาะนัท ต้องมาเห็นตอนที่เขานอนละเมอแบบนั้นจริงๆนั่นแหละ ถ้าเหตุผลแบบนี้ ผมก็พอจะเข้าใจได้อยู่หรอก แต่ที่ผมไม่เข้าใจเลยก็คือ ถ้าแบบนั้น ทำไมเขาไม่ขอนอนแยกห้องอีกห้องนึงไปเลยตั้งแต่แรก เขาจะมานอนพื้นในห้องของผมให้ปวดหลังทำไม
“ก็กูอยากนอนเห็นหน้ามึง แค่นี้ไม่ได้รึไง” เขาบอกผม ในตอนที่เราอยู่ในห้องกันสองคนแล้ว
“มึงอย่ามาเว่อร์ และนี่มึงบอกแม่กูไปแบบนี้รึไง”
“เปล่า กูบอกว่ากูไม่อยากรบกวน แล้วกูก็เล่าให้แม่มึงฟังด้วยว่าเวลากูนอนอยู่กับมึง กูจะไม่ฝันร้ายอีก แม่มึงเค้าก็เลยยอม”
“เฮ้ยย มึงเล่าให้แม่กูฟังเหรอ” ผมถามด้วยความตกใจ
“เออ”
“เรื่องความฝันของมึงน่ะนะ”
“เออ”
“แล้วมึงบอกไปรึเปล่า ว่ากูต้อง..... ต้อง.......”
“ต้องกอดกู กูถึงจะหายเพ้อน่ะเหรอวะ” เขาพูดต่อให้จนจบประโยค “เปล่า กูไม่ได้บอก กูบอกแค่ว่ากูอยู่กับมึงแล้วรู้สึกสบายใจ แค่นั้นแหละ ตอนแรกแม่มึงเค้าก็ทำท่าเหมือนไม่เชื่อเหมือนกัน แต่พอเค้าคุยกับแม่กูแล้ว เค้าก็เลยเชื่อ”
“เดี๋ยวๆๆๆนะ นี่มึงบอกแม่กูขนาดนั้นเลยเหรอวะเนี่ยยย!! แล้วที่สำคัญแม่กูเค้ายังคุยกับแม่มึงเรื่องนี้อีก”
“เออ ก็มาถึงตอนนี้แล้ว กูก็ไม่อยากจะปิดบังแม่มึงแล้วว่ะ เพราะเค้าก็รู้แล้วว่ากูชอบมึง จะมาทำเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ใช่เรื่อง มึงลืมไปแล้วรึไง”
ไอ้เรื่องนั้นมันก็จริงอยู่หรอก แต่......
“นนท์” เสียงของนัทดังขึ้นที่หน้าห้องพร้อมกับเสียงเคาะประตูเบาๆ
“เข้ามาเลยนัท ประตูไม่ได้ล็อค” ผมตะโกนบอกเขาไป
เขาเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วมองบนพื้นที่มีฟูกนอนปูเอาไว้เรียบร้อยแล้วครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมที่เตียง โจที่นั่งอยู่บนพื้น ลุกขึ้นยืน แล้วเดินสวนเขาออกจากห้องไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ
“นัทหึงเหรอ ไม่พอใจรึเปล่า นนท์ขอโทษนะ” ผมจับมือเขา
“เปล่าหรอก นัทเชื่อใจนนท์........” เขาพูด แต่ก็ฟังดูเหมือนเศร้าๆชอบกล นำเสียงของเขาทำให้ผมรู้สึกบีบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
“อื้อออ”
“แต่ห้ามให้มันทำอะไรนนท์เด็ดขาดนะเว้ย ถ้ามันทำอะไร ต่อยแม่งไปเลย แล้วรีบไปเรียกนัทมาเลยด้วย เข้าใจรึเปล่า”
“เฮ้ยยยย มันไม่กล้าขนาดนั้นหรอกน่า โหหหห”
“ก็รู้แหละ แต่มันก็อดคิดไม่ได้นี่หว่า.......” เสียงของเขาค่อยๆจางหายไป
“เป็นอะไรอะ”
“เปล่าหรอก พอมานึกๆดูอีกที มันก็น่าขำเหมือนกันนะ ที่ทั้งๆที่เราเป็นแฟนกัน แต่กลับนอนด้วยกันไม่ได้ แต่ในขณะที่ไอ้โจ เสือกได้นอนกับนนท์เฉยอะ”
“ไม่เอาน่าาาาา อย่าคิดแบบนั้นดิเฮ้ยยย เราเพิ่งจะได้นอนกอดกันที่บ้านไอ้เจย์มาเองไม่ใช่รึไง และอีกอย่าง อีกไม่กี่วัน เราก็จะได้ไปทะเลด้วยกันแล้วนะ พอถึงตอนนั้น เราจะทำอะไรกัน ก็ไม่มีใครว่าแล้ว......” ผมพูดอายๆ
นัทยิ้มให้ผม ก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาหอมแก้มผมเบาๆ “นนท์รู้ปะ ว่ามีอะไรอีกเรื่องที่น่าตลกน่ะ”
“เรื่องอะไรอะ”
“ก็พอมาลองคิดดูแล้ว นัทเองก็เสือกรู้สึกไว้ใจไอ้โจมันขึ้นมานิดหน่อยด้วยเหมือนกันนะ”
“เห็นปะ บอกแล้วไงว่ามันไม่ทำอะไรนนท์หรอกน่า ถ้ามันจะทำอะ มันคงทำไปนานแล้วเหอะ อีกอย่าง นนท์ก็ไม่ยอมให้มันมาทำอะไรเหี้ยๆกับนนท์ด้วยเหอะ”
“เปล่า นัทไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น......” เขาพูดก่อนจะจุ๊บลงบนริมฝีปากผมเบาๆอีกครั้ง แล้วจากนั้นก็ลุกออกจากเตียงไป “ฝันดีนะ นนท์ แล้วเรื่องอื่น เราเอาไว้คุยกันวันหลังก็แล้วกัน”
“อืมมๆๆ” ผมพยักหน้ารับแบบงงๆ ทั้งงงกับคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ และงงกับเรื่องที่เขาบอกว่าจะคุยกับผมวันอื่นด้วยเหมือนกัน จนกระทั่งนัทเดินออกจากห้องของผมไปแล้ว ผมถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าเรามีเรื่องที่จะต้องคุยกันค้างอยู่เรื่องหนึ่งตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้ว
แต่ไม่เป็นไร ผมคอยเตือนตัวเองว่า วันรุ่งขึ้น ผมจะต้องไม่ลืมอีกเด็ดขาด