แทนรอจนเที่ยง ให้แน่ใจว่าสงครามตื่นนอนแล้วจึงโทรศัพท์เรื่องที่เกิดขึ้นที่กระบี่ แต่ยกเว้นไว้เพียงเรื่องเดียว...เรื่องที่เขาไม่กล้าจะเล่าให้ใครฟัง แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างสงครามที่ไม่เคยปิดบังอะไรกันเลย แต่ความจริงเขาปิดบังสงครามมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่เรื่องที่กฤษณะจูบเขาที่ศาลาริมน้ำที่บ้านเมืองนนท์ เรื่องบทรักเล็กๆ ของเขากับภูวนัยในทะเล และเรื่องล่าสุดที่กริช “ทำ”
“ว๊าก ยูแน่ใจนะแทน มันสารภาพออกมาหรือไง”
“เปล่า” แทนพูดอ้อมแอ้ม “แต่เรารู้ นั่งคิดมาตั้งนานก็นึกออก ถึงว่าทำไมชอบเอาแอ๊บเปิ้ลมาให้กินอยู่บ่อยๆ”
...ถ้าไม่โดนจูบก็นึกไม่ออกหรอก คิดนานที่ไหนกัน...
“ก็ไหนว่าไม่ถูกกัน ถึงขนาดมาบีบให้พี่โจหาเรื่องใส่ความให้บริษัทนั้นเรียกตัววิศวกรขี้เต๊ะกลับกรุงเทพฯ” สงครามแต่งเสริมเติมแต่ง
“ก็...” แทนอึกอัก
“ไอ้แทน ไม่ต้องมา ก็ แล้วเงียบนะ ทุกทีที่ยูพูดแบบนี้ มันมักจะมีแต่เรื่องยุ่งยากตามมา ทำไมวะ แค่ผู้ชายคนเดียว เคี้ยวแล้วก็คายทิ้งไปเลยสิ ถ้ากริชมาแสดงให้เห็นว่าชอบนาย ก็นอนกับมันไปเลย ให้มันรู้ดำรู้แดง ถ้ายูยังรู้สึกอยากเสียประตูให้กริชอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็แสดงว่ามีใจให้มันแล้วล่ะ ถ้างั้นก็เลือกไปเลย สี่ห้องหัวใจยูจะได้มีเจ้าของเพียงคนเดียว”
“ไอ้บ้า” แทนด่าเพื่อนที่ให้แนะนำเพี๊ยนๆ
...ถ้าทำแบบที่สงครามพูด มิต้องนอนกับใครต่อใครให้ทั่วไปหมดหรือ อย่างน้อยก็สี่คนล่ะ...
“สงคราม เราก็นึกไม่ถึงนะ อยู่เฉยๆ กริชก็แสดงตัวออกมา นี่กำลังช๊อคอยู่”
“กริชกินยาผิดซองหรือไงวะ อยู่เฉยๆ คนปากหนักแบบนั้นจะมาโพล่งออกมาแบบนี้ได้ไง รู้จักกันมาตั้งยี่สิบปี”
“ไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย” แทนแย้ง
“เออๆ รู้แล้ว แค่พูดให้เว่อเฉยๆ” สงครามรีบแก้ตัว “ว่าแต่ว่าจะนั่งเหี่ยวอยู่ที่กระบี่แบบนี้หรือ มากรุงเทพฯ สิ ไอจะพาไปสนุก ไปหาคนที่ห้ามาจับยัดใส่หัวใจยู สี่คนมันน้อยไป ไม่สนุก”
“สนุกที่ไหน ตอนนี้เริ่มปวดหัว คุณภูวนัยก็...” แทนถอนหายใจ
...ภูวนัยก็คงไม่ปล่อยเขาไว้แน่ คนแบบนั้นจะยอมถอยง่ายๆ หรือ ก่อนกลับกรุงเทพฯ ภูวนัยพยายามจูบเขาอีกครั้ง และดูท่าทางไม่อยากจะหยุดแค่จูบด้วยซ้ำ หากไม่ได้นี่งอยู่ในรถ ดีไม่ดีอาจจะมีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น...
“มาเถอะแทน ไอจะยกเลิกนัดกับผู้กอง เอ๊ย สารวัตร เอ๊ยคุณ ธะ...” สงครามตะกุกตะกัก
“แฟนใหม่หรือ” แทนถาม จำชื่อแฟนสงครามไม่เคยได้เพราะฝ่ายนั้นเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน
“เออ”
“ชื่ออะไร”
“จำไม่ได้” สงครามปฏิเสธเสียงน่าหมั่นใส้ “ไม่ได้จำ”
แทนขี้เกียจถามต่อ จึงตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯ อย่างน้อยสองวันที่เหลืออยู่ของสุดสัปดาห์นี้เขาก็ไม่ต้องนั่ง “เหี่ยว” อยู่ที่กระบี่อย่างที่สงครามพูด ใจหนึ่งก็ยังเสียดาย หาดทราย สายลม แสงอาทิตย์จ้า และการอาบแดด แต่การที่ได้มีเพื่อนก็ในช่วงเวลาเช่นนี้ก็น่าจะเป็นการดี
บ่ายวันเสาร์
สนามบินดูค่อนข้างเงียบเหงา ผู้คนไม่ได้เดินทางมากอย่างที่แทนคิด ชายหนุ่มนึกขอบคุณความ
โชคดีที่เขาได้ตั๋วเที่ยวบินเที่ยวแรกที่มาถึงสนามบิน ไม่ต้องรอนาน
แทนเดินตรงไปที่ประตูทางออกขึ้นเครื่อง พลันชะงักเมื่อเห็นร่างหนึ่งเดินตรงไปยังจุดหมายเดียวกัน
...อะไรกันวะ จะหลอกหลอนกันไปถึงไหน...
กริชหันมามองชายหนุ่มที่เดินมาใกล้จะถึงทางออกขึ้นเครื่อง แทนยกแว่นกันแดดสีเข้มขึ้นสวมทันที แล้วปากแดงๆ นั้นก็พูดขึ้นเมื่อเขายิ้มมุมปากให้
“ไปขึ้นเครื่องลำอื่นเลยกริช”
“อ้าว” กริชอ้าปากค้าง “เป็นเจ้าของเครื่องลำนี้หรือไง”
“ทำไมไม่อยู่กระบี่ จะไปทำไมกรุงเทพฯ” แทนอดหาเรื่องไม่ได้ ผ่านไปหนึ่งคืนกับอีกครึ่งวัน เขาเริ่มจะรวบรวมสติได้ เห็นหน้ากริชแล้วอด “กวน” ไม่ได้ทุกทีสิน่า
“แล้วแทนล่ะ ทำไมไม่อยู่กระบี่ ไหนบอกว่าขอบทะเลกับหาดทราย อยากอาบแดดให้ตัวดำไม่ใช่หรือ”
“ก็ใช่ ตอนแรกก็ว่าจะทำแบบนั้น แต่กลัวมีคนมาทำลายบรรยากาศ ก็เลยคิดว่าเข้ากรุงเทพฯ ดีกว่า ไม่นึกว่า...” แทนหยุดพูด ให้อีกฝ่ายคิดต่อเอง
“ไม่นึกว่าจะมีคนมาทำลายภูมิทัศน์ถึงในสนามบิน จะพูดแบบนี้ใช่ไหม” กริชพูดยิ้มๆ เปลี่ยนไปจากเดิมทำหน้าเข้ม ขมวดคิ้วเวลาโดนแทนเหน็บแนม
“บนเครื่องบิน” แทนเน้นเสียง แล้วหันไปยิ้มให้พนักงานที่รับบัตรผ่านขึ้นเครื่อง
“ในกรุงเทพฯ ด้วย” แทนเติม
“รับรองว่าถึงกรุงเทพฯ แล้วจะไม่ให้เห็นหน้าเลย” กริชพูดยิ้มๆ
...ทำไมมาเปลี่ยนหน้าเป็นแบบนี้นะ แต่ก่อนกริชเอาแต่ทำหน้ากวนอารมณ์ คราวนี้มาทำหน้าแบบกฤษณะ จะเอาไงวะ นายคนนี้...
ตลอดการเดินทางสู่กรุงเทพฯ กริชไม่เข้ามาข้องแวะกับสถาปนิกหนุ่ม ต่างคนต่างนั่งอยู่คนละส่วนของเครื่องบิน แทนเบ้ปากนิดๆ เมื่อเห็นว่ากริชหยุดอยู่ที่ส่วนหน้าของเครื่อง นั่งที่นั่งโดยสารชั้นธุรกิจ
“แค่ไม่กี่ชั่วโมงถึงกรุงเทพฯ ยังติดสบาย ที่นั่งไม่เข้ากับบุคลิกหน้าตาเลย”
...อดไม่ได้อีกแล้ว ขอให้ได้เหน็บแนมกริชซักหน่อยเถอะ...
ทันทีที่ถึงกรุงเทพฯ แทบรีบเดินลิ่วออกจากสนามบิน เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งยังที่นัดหมายกับสงคราม แต่เพื่อนเขายังเดินทางไปไม่ถึง ทั้งๆ ที่อยู่ไม่ไกล ขณะที่นั่งรอเพื่อน แทนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่ก็วกกลับมาเรื่อง “สี่ห้องหัวใจ” ไม่ได้
...หากภูวนัยรู้ว่าเขามากรุงเทพฯ จะโดนดุหรือเปล่าก็ไม่รู้ คงหาว่าเขาผิดคำพูดที่บอกว่าจะไปดำน้ำ ส่วนกฤษณะอาจจะมาชวนเขาไปทานข้าวด้วยกัน กฤษณะนี่เป็นไงก็ไม่รู้ จะพาเขาไปทานข้าวอยู่นั่นล่ะ...
...แล้วบุริณทร์ล่ะ นี่สงครามบอกบุริณทร์หรือเปล่าว่าเขามากรุงเทพฯ...
“แทน” เสียงสงครามเรียกชื่อเขา
แทนหันขวับ เตรียมบ่นเพือนที่ปล่อยให้เขารอ แต่อ้าปากค้าง
ตาค้าง...
“พี่โจ” แทนครางเสียงเบา
...ไอ้สงคราม ไอ้เพื่อนแสบ...
“แทนจ๋า คิดถึงจังเลย” บุริณทร์ยิ้มกว้าง เดินเข้ามาใกล้ ทำท่าเหมือนจะโผเข้ากอดสถาปนิกหนุ่มที่นั่งอ้าปากค้างอยู่
“สงครามมาไม่ได้ เลยวานให้พี่มาเป็นเพื่อนแทน” บุริณทร์นั่งลงข้างๆ แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“หุบปากได้แล้วแทน เดี๋ยวแมลงวันบินเข้าปาก”
“สงครามเจอดีแน่” แทนปากยื่น หน้าง้ำ
“แฟนเขาไม่ยอมปล่อยตัว เลยมาไม่ได้” บุริณทร์แก้ต่าง
“ตอแหล”
“อ้าว มาว่าพี่ทำไม” บุริณทร์หน้าเสีย
“เปล่า ว่าสงคราม” แทนแก้ หากทำหน้าเหมือนรู้ทัน “หรือว่าพี่ก็ด้วย”
“โธ่ แทน พี่จะไปทำแบบนั้นทำไม”
“ก็ไหนว่าต้องไปเมืองกาญจน์กับที่บ้าน มาโผล่ที่นี่ได้ยังไง ทำไม พี่บุโทรไปหาสงคราม หรือสงครามโทรหาพี่ คิดกันได้ตอนไหน ตอนก่อนผมขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ หรือตอนที่ผมมาถึงแล้ว”
...ต้องตอนที่เขามาถึงกรุงเทพฯ แล้วแน่นอน ไม่งั้นคงไม่ช้า ปล่อยให้เขานั่งรอไอ้เพื่อนตัวแสบอยู่ได้เป็นนานสองนาน...
“รู้เมื่อกี้นี้เอง” บุริณทร์เสียงอ่อน “แล้วที่พี่มาก็เพราะพี่คิดถึง อาทิตย์ที่แล้วจะไปหาแทนที่กระบี่แทนก็ห้ามไม่ให้ไป”
...ลองไปสิ จะได้จ๊ะเอ๋ กับภูวนัย ปวดหัวยกกำลังสอง แล้วถ้าไปอาทิตย์นี้ก็เจอกับกริช ยกกำลังสาม หนักเข้าไปอีก ขออย่างเดียว อย่าให้มียกกำลังสี่ก็แล้วกัน แค่นี้ก็ปวดขมับจะแย่อยู่แล้ว...
“แล้วนี่พี่จะรับผิดชอบชีวิตแทนยังไง มาถึงกรุงเทพฯ แล้ว”
“ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันก่อน แล้วไปนั่งคุยกันที่ออฟฟิสนะ” บุริณทร์ออกความคิดสร้างสรรค์
...โรแมนติกตายล่ะพี่โจ ไปนั่งคุยกันที่ออฟฟิสนี่นะ เป็นกฤษณะไม่ได้ กฤษณะต้องพาเขาไปที่โรแมนติก ทำอะไรโรแมนติก ทำให้เขารู้สึกเป็นคนพิเศษ เมื่อไหร่เจ้านายเขาจะทำอะไรเหมือนกฤษณะเป็นซักทีนะ...
“พี่จอดรถที่ไหน” แทนถอนหายใจเบาๆ ยังรู้สึกฉุนบุริณทร์อยู่
“ข้างหน้าเลย”
“งั้นไปเถอะ หิวข้าวแฃ้ว พี่ริณทร์ถือกระเป๋ามาด้วยนะ รับผิดชอบชีวิตแทนวันนี้ให้เต็มวัน แล้วพรุ่งนี้แทนจะไปลุยสงคราม” แทนสั่งเจ้านาย แล้วเดินลิ่วไปด้านหน้าศูนย์การค้า ปล่อยให้บุริณทร์ถือกระเป๋าเดินตามยิ้มๆ
...ได้เลยแทน รับผิดชอบชีวิตแทนวันนี้หรือวันต่อๆ ไปก็ได้...
บุริณทร์เดินช้าๆ ปล่อยให้แทนเดินล่วงหน้าไปก่อน วันนี้เขาเตรียมอะไรบางอย่างไว้ให้แทนแล้ว สุดสัปดาห์นี้ต้องวันสุดสัปดาห์ของเขา ไม่ใช่ของภูวนัยอย่างสุดสัปดาห์ที่แล้ว
...จะฮุบเอาไว้คนเดียวไม่ได้หรอก สองสัปดาห์ติดต่อกันแบบนี้ไม่แฟร์ ขออย่างเดียว อย่าให้กฤษณะโผล่มาทำลายบรรยากาศก็แล้วกัน...
สงครามวางโทรศัพท์ ยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นบนริมฝีปาก บอกตัวเองว่าทำถูกแล้วที่ช่วยให้เพื่อนตัดสินใจได้เสียทีเกี่ยวกับผู้จับจองห้องหัวใจของแทนทั้งสามห้อง
...แต่ไม่นึกว่าห้องที่สี่จะเป็นกริชที่อยู่ดีๆ ก็โผล่เข้ามาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ขออย่าให้กริชกลายมาเป็นมามืดโค้งสุดท้ายเลยนะ แค่นี้ก็เสี่ยงต่อการถูกแทน “ถล่ม” มากพออยู่แล้ว
กฤษณะนิ่งเงียบไปชั่วครู่เมื่อรู้เรื่องที่เขาโทรไปบอก ก่อนจะทำเสียงเป็นปกติได้ และกล่าวขอบคุณเขาเบาๆ จะว่าไป เขาก็เสียดายกฤษณะ ผู้ชายโรแมนติก สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างแบบนี้ไม่น่าปล่อยให้หลุดลอย แทนน่าจะได้กฤษณะไปเป็นแฟน ใครๆ ก็น่าจะได้กฤษณะไปเป็นแฟน เขาเองก็ยังพึงใจกฤษณะอยู่บ้าง ส่วนภูวนัยนั้นก็ไม่เลว แต่ดุไปหน่อย อีกอย่าง มีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว มีแววจะปวดหัว บุริณทร์แม้จะเจ้าชู้บ้าง แต่ก็ดูเพลาๆ ลงมาเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา และที่สำคัญสนิทกัน และดูท่าทางจะเป็นจะตายเมื่อเริ่มรู้ว่าแทนกำลังจะหลุดลอยไปเพราะกฤษณะกับภูวนัยรุกหนัก
...เอาวะ เชียร์พี่โจก็แล้วกัน คนใกล้ตัว เป็นแฟนกันก็ช่วยกันทำงานสร้างบริษัท แทนจะได้สมหวัง ได้หุ้นบริษัทมาครึ่งหนึ่งอย่างที่เคยพูดซะที...
...จับคู่ให้คนมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง แต่ว่าวันนี้ที่บอกกฤษณะไปก็เพื่อให้ฝ่ายนั้น “ตาม” ไปสอดแทรกแทนกับบุริทร์ เพื่อนของเขาจะได้ตัดสินใจเลือกซะที เสียดายที่ภูวนัยไปต่างประเทศเรื่องงานกระทันหัน แต่ไม่เป็นไร ให้แทนตัดสินใจระหว่างบุริณทร์กับกฤษณะเสียก่อน หากกฤษณะพ่ายไป คู่ต่อไปก็คือระหว่างบุริณทร์กับภูวนัย งานนี้แพ้คัดออกครับ...
...อย่าให้คู่ต่อไปบุริณทร์ต้องเจอกับกริชเลย ต้องตัดสินใจหลายรอบ ที่จริงก็สงสารแทนเหมือนกัน หากเลือกหลายคู่ มันคงปวดหัวเหมือนกัน กลัวอย่างเดียวเพื่อนเขาจะสติแตกเสียก่อน คราวนี้จะยุ่ง...
ค่ำวันเสาร์
บุริณทร์เดินนำแทนเข้าไปในร้านเอกเขนก ร้านอาหารนอกเมืองบรรยากาศชายทุ่ง ลมเย็นโชยมาเอื่อยๆ อากาศสดชื่น แทนสูดอากาศบริสุทธิ้เข้าไปเต็มปอดแล้วเดินตามบุริณทร์ไปตามทางเดินยกพื้นทีไม้ระแนง ข้างล่างเป็นบ่อน้ำ บุริณทร์หันมาเตือน
“เดินระวังนะแทน”
“รู้แล้วน่า ไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นนะ” แทนหน้ามุ่ย
“คนเขาห่วงหรอก” บุริณทร์ตอบเสียงนุ่ม หันซ้ายหันขวาชื่นชมกับบรรยากาศสดชื่น นึกขอบคุณสงครามอยู่ในใจที่แนะนำสถานที่ดีๆ
“ไปไปไหนกับละนี่พี่บุ เมื่อไหร่จะถึง” แทนถาม เขากับบุริณทร์เดินผ่านโต๊ะมาแล้วหลายโต๊ะ จนใกล้จะสุดทางเดินอยุ่แล้ว
“ถึงแล้ว” บุริณทร์ตอบ ผายมือไปด้านซ้าย ห้องเล็กๆ อยู่สุดทางเดิน มีโต๊ะเล็กๆ เก้าอี้หลายตัว มีจอทีวี ท่าทางเป็นห้องคาราโอเกะ
“คิดอะไรอยู่พี่บุ จะให้แทนมาร้องเพลงให้ฟังหรือไง”
“เป็นส่วนตัว เห็นไหม กระจกรอบ มองออกไปเห็นทัศนียภาพสวยงาม” บุริณทร์ยิ้มกว้าง แล้วหันไปคุยกับพนักงานที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ใกล้ๆ
...สวยงามจริง แต่ขออย่าให้มีคนมาทำให้เสียภูมิทัศน์เลย นึกๆ ยังเสียวไม่หาย เหตการณ์ที่เกิดขึ้นที่กระบี่สองสัปดาห์ติดกัน ทำให้เขาไม่กล้าจะมานั่งชื่นชมกับทัศนียภาพสวยงาม...
...กำลังชื่นชมบรรยากาศสวยๆ ทีไร โดนจูบทุกที สมมุติว่าเขาจะโดนบุริณทร์รุกรานอย่างที่โดนกฤษณะ ภูวนัย หรือกริชกระทำ เขาก็ไม่อยากโดนแบบนั้นในห้องคาราโอเกะหรอก...
...ทั้งสามครั้ง...ทั้งสามคน กลางแจ้งทั้งนั้น ถ้าจะโดนจริงๆ ก็ขอให้โดนกลางแจ้งให้ครบทั้งสี่คนเลยดีกว่า ให้มันสุดๆ ไปเลย...
อาหารอร่อยลำเลียงมาวางบนโต๊ะ แทนทานอย่างไม่กลัวอ้วนเพราะหิวมาก บุริณทร์เตือนให้เขาไม่ต้องเร่งรีบ มีเวลาเยอะแยะ แทนบอกว่ารีบทานให้เสร็จ จะได้กลับไปนั่งคุยกันที่ออฟฟิส
“พี่ก็พูดไปยังงั้นล่ะ ใครจะกลับไปนั่งคุยกันที่ออฟฟิสล่ะ โรแมนติกตายล่ะ”
“แล้วที่มานั่งฉีกกุ้งเผาอยู่นี่มันโรแมนติกมาหรือไงพี่ริณทร์” แทนพูดทั้งที่กำลังเคี้ยวอาหาร
“อยู่ที่ไหน ถ้าอยู่กับแทนมันก็โรแมนติกทั้งนั้นล่ะ” บุริณทร์ยิ้มพราว “ขอแต่เพียงแทนลองเรียกชื่อพี่ดีๆ ซักหน่อยซิ เรียกชื่อพี่ให้ถูก พี่จะได้รู้ว่าแทนกำลังพูดกับพี่คนนี้”
“ก็พูดกับพี่อยู่นี่ไง คิดว่าแทนพูดกับ...ที่ไหน” แทนเว้นวรรค ส่ายหน้าดุกดิก ทำตากลิ้งไปกลิ้งมา
...แบบที่กริชไม่ชอบ...
แทนอดนึกถึงอีกคนไม่ได้...คนใหม่ ที่เพิ่งเผยตัวว่าต้องการเข้ามาจับจองพื้นที่หัวใจห้องที่สี่ของเขา
“อ๊ะ อ๊ะ ว่าพี่เป็นหมาหรือ”
“เปล่า คิดเอาเองนะนั่น” แทนยักไหล่
“ใช่สิ พี่เอาเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คิดเอาว่าแทนอาจจะรักพี่บ้าง” บุริณทร์พูดเสียงนุ่ม สายตาเว้าวอน
“นี่กำลังพูดจริงหรือพูดเล่น พี่บุ”
“พูดจริง” บุริณทร์ตอบสั้นๆ “พี่อาจจะพูดเล่นพูดจริงมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ เวลานี้ พี่พูดจริง และจะพูดจริงจากนี้ไป ขอให้แทนเชื่อพี่ เวลานี้ พี่ไม่เล่นอีกแล้ว พี่เอาจริง”
แทนอึ้ง มือที่กำลังดึงขาปูทะเลเผาชะงัก บุริณทร์ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นกว่าเดิม มือวางอยู่บนหัวเข่าของเขา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
...อย่านะพี่โจ อย่ามาจูบกันตอนนี้นะ กำลังเคี้ยวเนื้อปูอยู่ในปากอยู่นะ...
“แทน พี่รักแทน พี่อยากได้แทนเป็นแฟน พี่อยากเป็นแฟนของแทน แฟนคนเดียว แทนเลือกพี่นะ” บุริณทร์ขอดื้อๆ
แทนนิ่งอึ้ง...อึ้งที่ได้ยินบุริณทร์พูดจริงจัง...จริงจังมากทั้งเสียงและหน้าตาแบบที่ไม่เคยได้ยินและได้เห็นมาก่อน
อึ้งที่มองข้ามไหล่ของบุริณทร์ไปเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของกฤษณะยืนอยู่ที่หน้ากระจกใสหน้าห้อง
39*39*39*39*39*39*39 39*39*39*39*39*39*39
เีดี๋ยวจะมาโพสตอนจบ บทที่ 40 นะครับ