วุ่นนัก รุมรักสถาปนิกหนุ่ม -
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: วุ่นนัก รุมรักสถาปนิกหนุ่ม -  (อ่าน 375757 ครั้ง)

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
แทนไม่รักใครเลยจริงๆหรือนี่ เฮ้อ :เฮ้อ:

CocO naTtH mIlK

  • บุคคลทั่วไป
 :z1:ถ้าไม่เหลือใครเลยก้ต้องบอกว่า "สม" ละนะแทน

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
 :z3: :z3: :z3:

น่าวุ่นวายจิง ๆ

 :z13: :z13:

poii

  • บุคคลทั่วไป
ก็ยังคงเชียร์พี่ภูอยู่ดีแหละ  อ่ะๆๆๆ อย่าบอกว่าจะเสร็จเจ้าสกินเฮดกวนส้นนั่นนะ ง๊าาาาาาา

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แทนมัยเคยไหมที่จะหยุดนะ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้เสมอครับ

DekDoy

  • บุคคลทั่วไป
 :a5:

อ่านทันแระ

ผมเชียร์คุณภูวนัยครับ

 :sad4:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :z2: :z2: :z2: แดนซ์รอคนจับปลาหลายมือ
คุณภูวนัยคะ บินมาภูเก็ตไวไวนะ

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 38 ต่อครับ

บ่ายวันจันทร์

เลิกงาน แทนเดินจูงจักรยานมายืนรอกริชที่ใต้ต้นไม้ข้างถนนใหญ่ กริชหายไปทั้งบ่าย คงยุ่งกับช่างที่ไซท์งาน แทนอยากจะแวบหนีไปเหมือนกัน แต่พอรู้ว่ากริชย้ำว่าต้องไปตกปลาด้วยกัน เขาก็เลยจำต้องรอ เพราะไม่เช่นนั้นกริชก็คงตามตื๊อเขาให้ได้ สู้ยอมๆ ไปซักชั่วโมงสองชั่วโมงให้จบไป ส่วนความคิดจะผลักกริชตกน้ำแล้วขับเรือหนีนั้นหายไปแล้วตั้งแต่เที่ยง
...แล้วนี่หายหัวไปไหน ตกลงจะให้ไปตกปลาด้วยหรือเปล่าเนี่ย..
แทนเริ่มหงุดหงิด ร่ำๆ จะปั่นจักรยานเข้าไปยังไซท์ก่อสร้างสปา แต่ในที่สุดก็ให้เวลากริชอีกห้านาที บอกตัวเองว่า หากกริชไม่โผล่มา เขาก็จะไปนอนเล่นริมหาด
หาดอื่นไกลๆ จากที่เคยไป จะได้ไม่มีใครมากวนอารมณ์
แทนมองนาฬิกา เริ่มนับถอยหลังเมื่อเวลาเหลืออีกหนึ่งนาที แต่นับได้ถึงห้า กริชก็ขับมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ตรงมาหา
"แทน ไปได้แล้ว" กริชส่งเสียงตะโกนมาก่อนที่จะจอดรถตรงหน้าสถาปนิกที่เริ่มทำหน้าง้ำ
"หายไปไหนมา รอเป็นชั่วโมงแล้ว" แทนเสียงเข้ม เติมเวลาไปอีกห้าสิบนาที
"แค่สิบนาทีเองทำเป็นบ่น" กริชเบ้ปาก แล้วเอื้อมมือมาตบเบาะรถจักรยานยนต์ "ไปกันเถอะ"
"จะไปยังไง พับจักรยานยัดใส่กระเป๋าแล้วซ้อนท้ายไปหรือไง"
"ทิ้งจักรยานไว้แถวนี้ก็ได้ ไม่ก็ขึ้นนั่งเบาะหลัง แล้วมือจับจักรยานไว้ไม่เห็นยาก มันมีล้อ มันวิ่งตามมอเตอร์ไซด์ได้" กริชพูดเนือยๆ ราวกับเบื่อหน่ายคนที่ทำท่ามีปัญหา
"ไม่เอา ไม่เคยทำ" แทนส่ายหน้า
"ทำไม ไม่กล้าหรือ ทำเป็นขี้ขลาดไปได้" กริชเอียงหน้าท้าทาย
...หนอยแน่ คนอย่างแทนหรือขี้ขลาด ไม่มีเสียล่ะ...
แทนฉุนกึกขึ้นมาทันที ลืมตัวทุกครั้งที่โดนท้าทาย กระโดดขึ้นนั่งคล่อมมอเตอร์ไซด์ของวิศวกรคู่กัด มือขวาจับจักรยานของตัวเองไว้แน่น เตรียมพร้อมเต็มที่
"ขับดีๆ นะกริช ห้ามแกล้งกันนะ" แทนสั่ง
"ใครจะไปคิดแกล้งตัวเอง อย่าคิดแต่ว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเองสิ" กริชหันมาพูดเสียงเบาแล้วเคลื่อนรถออกไปช้าๆ อย่างระมัดระวัง และทำเป็นหูทวนลมเมื่อคนที่ซ้อนท้ายบ่นตามหลังว่าเขาปากไม่ดี

บ่ายวันพฤหัสบดี

เสียงเพลงจากลำโพงเครื่องจิ๋วแต่ทรงพลังดังก้องบริเวณชายหาดที่ชายหนุ่มในชุดกางเกงว่ายน้ำสีเขียวสดกำลังครอบครองอยู่เพียงลำพัง แทนพบชายหาดเล็กๆ แห่งนี้โดยบังเอิญเมื่อปั่นจักรยานเล่นมาเรื่อยๆ หลังเลิกงาน ในใจนึกฉุนกริชอยู่ไม่หายว่าวันจันทร์เลิกงานมาบังคับให้เขาไปตกปลาด้วย ส่วนวันอังคารก็มาชวนเขาไปเล่นวินเซิร์ฟ โดยมีข้ออ้างว่าจะไม่เอาเรื่องที่เขาแอบไปพบกับกฤษณะและบุริณทร์ไปบอกภูวนัย เขาบอกกริชว่าที่ยอมไปทำอะไรด้วยเป็นเพื่อนคลายเหงาไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะเขาทนรำคาญที่กริชเซ้าซี้ไม่ได้ต่างหาก และรู้สึกสงสารคนที่ไม่เคยออกจากเมืองใหญ่มาอยู่ต่างจังหวัดที่สงบเงียบ
"คราวหลังจะเขียนคู่มือคลายเคลียดให้ซักเล่มนะ เวลาไปต่างจังหวัดจะได้เอาไว้อ่าน เผื่อคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรฆ่าเวลา นายนี่จริงๆ เลย เลิกงานแล้วไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ หรือไง" แทนส่ายหน้าอย่างระอาใจเมื่อคุยกับกริชเมื่อตอนเที่ยงของวันนี้
...พอแฟนมา ทิ้งเราอีกแล้ว เจ็บใจจริงๆ นี่หายหัวไปตั้งแต่บ่าย โดดงานหรือเปล่าก็ไม่รู้ อยากไปฟ้องภูวนัยจริงๆ เลย...
แทนนอนแผ่หายใจแรงเมื่อนับครบ 50 หลังจากทำซิทอัพยกสุดท้ายเสร็จ มือยกขึ้นลูบหน้าท้องราบเรียบแกร่งเป็นลอนของตัวเอง แล้วนึกถึงพุงของบุริณทร์
...ถ้าบุริณทร์เป็นแฟนเรา จะจับออกกำลังกายให้หุ่นดี ไม่ปล่อยให้เผละเด็ดขาด ทนไม่ไหวหรอกที่จะมีแฟนพุงพลุ้ย ต้องหุ่นดีเหมือนภูวนัย รายนั้นก็เป็นนักธุรกิจ ท่าทางงานยุ่งยิ่งกว่าบุริณทร์อีก ทำไมยังหุ่นดีก็ไม่รู้ กฤษณะเองก็ท่าทางหุ่นดีไม่ใช่เล่น บุริณทร์สู้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว...
...เอ แต่ว่าเรียงลำดับรูปร่างหน้าตาอย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องนิสัยใจคอด้วย จะรักใครชอบใครมันต้องไปกันได้ เขาเข้ากับบุริณทร์ได้ สนิทกันขนาดนี้ กฤษณะกับภูวนัยเทียบไม่ได้หรอก จะว่าไป เขาไม่ค่อยรู้จักสองคนนั้นเท่าไหร่ พ่อแม่เป็นใครไม่เห็นรู้จักเลย อดีตเป็นยังไงก็ไม่รู้ ส่วนบุริณทร์ เห็นกันมานาน ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ...
...ความรัก...ทำไมมันวุ่นวายยิ่งนัก แล้วหัวใจดวงน้อยๆ ทำไมมันซับซ้อนแบบนี้ จะบังคับมันก็ไม่ได้ มีแต่จะวิ่งไปวิ่งมาเหมือนเด็กดื้อ เขาเป็นเจ้าของหัวใจ แต่กลับไม่มีปัญญาบังคับใจตัวเอง สับสน วุ่นวายไปหมด แล้วนี่ยิ่งมีกริชมาเป็นตัวสอดแทรก ยิ่งไปกันใหญ่...
...เกี่ยวอะไรกับกริช อย่าบอกนะเริ่มชอบกริชเข้าแล้ว...
...ดูๆ ไปก็ไม่เลวนะ ปากไม่ดีหน่อย แต่กริชก็ทำให้หายเบื่อได้เหมือนกัน...
...แต่ถ้าภูวนัยรู้ ภูวนัยไม่ยอมหรอก...
...ภูวนัยยังไม่บอกรักเราเลย ตัดภูวนัยออกไปได้ ต้องเป็นคนที่เรารัก และเขารักเราเท่านั้น ใจสองใจต้องตรงกัน...
...แล้วทำไมภูวนัยไม่บอกรักเราซักทีล่ะ ถ้าภูวนัยบอกรักเหมือนกฤษณะกับบุริณทร์ก็คงเลือกได้ง่ายขึ้นเพราะแต่ละคนถือว่ามีข้อนำเสนอเท่ากันทุกประเด็น...

จะเรียกว่าโชคร้ายของกริชหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ แทนออกกำลังกายริมชายหาดเสร็จแล้วปั่นจักรยานกลับที่พัก ระหว่างทาง เห็นชายหนุ่มผมตัดสั้นเกรียนขับจักรยานยนต์ริมหาด มีหญิงสาวซ้อนท้ายกอดเอวแน่น ท่าทางกำลังชื่นชมกับธรรมชาติอย่างมีความสุช
...หมั่นใส้ พอแฟนมาก็ไม่แยแสเรา ตอนแฟนไม่อยู่ กลับมาตามติดเราต้อยๆ บอกว่าเบื่อ บอกว่าเหงา ไม่มีอะไรจะทำ แล้วแฟนกริชนี่ก็มาบ่อยเหลือเกิน งานการไม่ทำหรืออย่างไรกันนะ...
"สวัสดีกริช" แทนเร่งความเร็วจักรยาน ปั่นไปเทียบมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ที่กำลังวิ่งช้าๆ
แวบหนึ่ง แทนคิดว่าตัวเองได้เห็นแววตารู้สึกผิดจากดวงตาคมกริบคู่นั้นของวิศวกรคู่ปรับ แต่ความรู้สึกหมั่นใส้มีมากกว่าที่จะใส่ใจเรื่องอื่นใด เขาจึงพูดออกไปว่า "เสียดายจังกริช นึกว่าวันนี้จะได้ไปเที่ยวกันเหมือนเคย แบบนี้เราต้องกินข้าวเย็นคนเดียวแล้วล่ะสิ"
หญิงสาวที่นั่งซ้อนท้ายทำหน้าฉงนอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะเสียงใส ตอบกลับมาว่า "ไปทานด้วยกันสิค่ะ"
แทนปฏิเสธหน้ายิ้มๆ แล้วหย่อนระเบิดลูกเล็กๆ ก่อนจะแยกตัวไป "ไม่อยากรบกวนคู่รักครับ ไว้คุณกลับ กริชกับผมก็ทานอาหารเย็นด้วยกันเหมือนเคย ตอนเรียนด้วยกันก็ทานด้วยกันมาตลอด ไม่ได้ทานด้วยกันบ้างก็ไม่เป็นไร เปลี่ยนบรรยากาศ"
...เห็นกริชเม้มปาก สะใจจริงๆ เย็นนี้ล่ะ พอกลับบ้าน คงโดนแฟนสาวซักร้อยแปดคำถาม แล้วถูกไล่ให้ไปนอนโซฟา อารมณ์ค้างไปทั้งคืน...

สายวันศุกร์

แทนจงใจมาทำงานสายเพราะรู้ว่าตอนเช้ากริชคงเข้ามาโวยวายกับเขาเรื่องที่ไปพูดอะไรกำกวมทำให้แฟนสงสัย ซึ่งที่คาดเดาไว้ก็ไม่ผิด เพราะเมื่อเดินเข้ามาในสำนักงาน เขาเห็นกระดาษโน็ตแปะไว้บนโต๊ะเขียนด้วยลายมือหนักๆ ว่า "เที่ยงนี้ทานข้าวด้วยกันนะ มีเรื่องจะคุย"
...ได้เลยกริช คุยกับแทนได้ทั้งชั่วโมงเลย เที่ยงนี้เราจะให้เวลากริชเต็มที่ แต่จากนี้ไป ไม่ต้องมาตื้อขอให้เป็นเพื่อนคลายเหงาหลังเลิกงานแล้วนะ...
แทนผิวปากอย่างอารมณ์ดี มือก็ทำงานไปอย่างคล่องแคล่ว รู้สึกมีชีวิตชีวาที่ได้แกล้งวิศวกรคู่ปรับ ความรู้สึกหมั่นใส้กริชลดลง หากแทนที่ด้วยความสะใจแทน
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สถาปนิกหนุ่มก็ชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า กลิ่นน้ำหอมกรุ่นบอกได้ทันทีว่าผู้มาเยือนเป็นผู้หญิง
"คุณแทนคะ ริต้าขอคุยด้วยซักห้านาทีหน่อยค่ะ" แฟนของกริชสีหน้าเคร่งเครียด
"ได้สิครับ" แทนพยักหน้า รู้สึกแปลกใจที่เห็นหญิงสาวเข้ามาคุยกับเขา
"เมื่อคืนริต้าคุยกับกริช ก็เลยอยากคุยกับคุณแทนด้วยอีกคน" หญิงสาวเสียงเข้มขึ้น "กริชกับริต้าเป็นแฟนกัน"
"ผมทราบ" แทนตอบเบาๆ รอดูท่าทีหญิงสาว
"แล้วริต้าไม่อยากให้คุณมายุ่งกับแฟนริต้า"
...โอ้โห พูดตรงแฮะ ผู้หญิงคนนี้ไม่เบา...
"คุณเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า ผมว่ามันแปลกนะที่มาคุยกับผู้ชายไม่ให้ยุ่งกับแฟนหนุ่มตัวเอง"
"สมัยนี้มันต้องยังงี้ล่ะ อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดก็เกิด ที่ไม่เคยคิดว่าจะมีก็มี ริต้าก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาระแวงว่าผู้ชายจะมาเป็นชู้กับแฟนตัวเอง" ริต้าพูดตรงไปตรงมาจนแทนต้องเลิกคิ้วด้วยคาดไม่ถึง
...โอ๊ย แรงไม่ใช่เล่น...
"เดี๋ยวก่อนครับคุณ นี่คิดไปถึงขนาดนี้แล้วหรือ นี่คุณคุยกับกริชยังไงนี่"
"กริชเขาบอกว่าคุณกับเขาเรียนมหาวิทยาลับมาด้วยกัน" ริต้าเสียงเข้มขึ้น
"คนละคณะ เขาวิศวะ ผมสถาปัตย์"
"นั่นไม่สำคัญ"
"แล้วอะไรสำคัญ" แทนถามเพราะอยากรู้จริงๆ
"คุณกับเขาทำงานด้วยกันทุกวันเป็นเวลานาน แล้วการใกล้ชิดกันก็อาจทำให้แฟนริตาเขว อีกอย่าง ให้ท่ากันแบบนี้ กริชก็คงเสียท่าซักวัน หรือบางทีอาจพลาดไปแล้วก็ได้ ไม่งั้นกริชก็คงไม่..." หญิงสาวชะงัก
...เฮ้ย ไปกันใหญ่แล้ว แฟนของกริชคิดอะไรไปมากมายขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ล้อเล่นหน่อยเดียว...
"คุณปรักปรำผมมากไปหรือเปล่า" แทนทำหน้าไม่เชื่อหูตัวเอง หญิงสาวตรงหน้าทำหน้าตาจริงจังมาก
...ทำยังกะเราเป็นนางแมวยั่วสวาท จ้องจะงาบกริช สามีของตัวเองเสียให้ได้ ที่กริชบอกว่าแค่เพิ่งเป็นแฟนกัน ยังไม่มีอะไรกันถึงขั้นนั้น ท่าจะไม่จริงหรอก ดูๆ ริต้าทำเหมือนภรรยาที่สามีไปมีเมียน้อยยังไงยังงั้น...
"เอ่อ ผมว่าเรื่องนี้คงต้องคุยกันยาว เอาไว้ค่อยคุยกันตอนเลิกงานดีไหมครับ"
"ไม่ ริต้าต้องการคุยตอนนี้ ก่อนที่จะไปคุยกับกริช และริต้าอยากให้เราสามคนมาตกลงกันให้ดี กริชเขามีอนาคตของเขา อีกนิดเดียวเท่านั้นเขาก็เป็นปกติเหมือนคนทั่วไปได้ ริต้ากำลังจะเปลี่ยนเขาได้แล้ว ริต้าจะไม่ให้คุณมาเป็นคนทำลายความรักของเราหรอก"
...อ้าวๆ ไหงพูดแบบนี้ล่ะ ท่าทางแฟนกริชจะพูดไม่รู้เรื่อง ทำยังกะจับได้ว่ากริชกับเขาแอบลักลอบมีอะไรกันเหมือนในละครทีวี มีหลักฐานเป็นรูปถ่ายเห็นจะๆ ประเภทภรรยาค้นของส่วนตัวของสามีแล้วเห็นอะไรที่สามีปิดบังเอาไว้...
...เมื่อวานก็แค่พูดอะไรกำกวมไม่กี่ประโยค...
"คุณริต้าครับ คุณพูดอะไรซีเรียสเกินไปแล้วนะ กรุณาอย่ามาว่าผมแบบนี้ ส่วนกริชนั่นนะ เขาก็ปกติดี คิดกับแฟนตัวเองแบบนี้ พูดกับคนอื่นแบบนี้มันไม่น่ารักนะครับ" แทนเริ่มเสียงแข็ง
"ตกลงคุณจะไม่ยอม" ริต้าเสียงกร้าว
"ยอมทำไม" แทนยักไหล่ เริ่มจะอารมณ์คุกรุ่นที่โดยกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผลพอเพียง
"ฉันไม่คิดเลย ไมนึกเลยจริงๆ" ริต้าเริ่มตาแดง น้ำตากำลังจะไหล ไหล่กำลังเริ่มสั่น ท่าทางพยายายามควบคุมอารมณ์ตนเอง
...อะไรกันนี่ เมื่อคืนนี้สองคนนี้คุยกันยังไงวะ เราก็แค่พูดอะไรนิดๆ หน่อย ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้...
แทนหันซ้ายหันขวา พยายามจะปลีกตัวออกไปจากสำนักงาน แต่ริต้าท่าทางไม่ยอมง่ายๆ จนในที่สุด เมวิดี เลขาประจำสำนักงานเดินเข้ามาพร้อมกับวิศวกรไฟฟ้าของโครงการ ริต้าจึงรวบรวมสติอารมณ์แล้วพูดกับแทนเสียงเบาก่อนจะเดินออกจากสำนักงานไป
"ปล่อยเขาไปเถอะคุณแทน"

แทนส่ายหน้างงๆ ไม่เข้าใจสิ่งที่หญิงสาวพูด ใจหนึ่งอยากจะไปคุยกับกริชให้รู้เรื่อง แต่อีกใจหนึ่งก็อดฉุนไม่ได้ที่โดนต่อว่าเสียหาย
...กริชจะรู้ไหมนี่ว่าแฟนของตัวเองท่าทางร้ายไม่ใช่เล่น นี่ถ้าแต่งงานกันไปแล้วผู้หญิงขี้หึง ขี้ระแวงขนาดนี้ สงสัยคงได้ทะเลาะกันทุกวัน ถ้ากริชเกิดไปทำให้เธอเข้าใจผิด ริต้าคงตามไปตบไม่ยั้ง...
แทนแทบจะรอให้ถึงเที่ยงไม่ไหว อยากวิ่งไปโวยวายกับกริชเสียเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อคิดว่ากำลังเป็นเวลาทำงานอยู่ และไซท์งานมีคนมากมายจึงอดทนเอาไว้ รอเวลาเที่ยงวันที่เป็นเวลาส่วนตัว
...ริต้าทำยังกับว่าสงสัยแฟนหนุ่มของตัวเองจะนอกใจ และท่าทางจะนอกใจกับผู้ชายแทนที่จะเป็นผู้หญิง หรือไม่ริต้าก็เป็นคนขี้ระแวงและขี้หึงมาก...
...เฮ้อ อะไรนักหนา เราก็แค่แกล้งพูดกำกวมหน่อยเดียว ทำเป็นเรื่องใหญ่...

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แทนเริ่มหิวข้าว ตาเหลือบมองนาฬิกา เห็นว่าสิบนาทีเที่ยง แต่สุพรรษา เลขาประจำออฟฟิสก็ออกไปรับประทานอาหารเสียแล้ว แทนเดินไปที่ประตูออฟฟิส คิดว่าจะออกไปยืนคอยกริชด้านนอกดีกว่า แต่พอเอื้อมมือจะเปิดประตูก็ต้องชะงัก เพราะมีคนกระชากประตูเปิดออกกอย่างแรง
...ผีเข้าแน่ๆ เลย กริชหน้าแดงเหมือนใครเอาสีไประบายหน้า...
...งานเข้าแล้วละสิเรา...
"หิวข้าวหรือกริช ยังไม่เที่ยงเลย ทำไมรีบมา" แทนทำใจดีสู้เสือ
"ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี" กริชเสียงห้วน
"ถ้างั้นพูดไม่ดีก็ได้" แทนฉุนกึกทันที "ยังไม่เที่ยงเลย โกงเวลางาน จะรีบไปทานข้าวอะไรขนาดนั้น"
"แทน" กริชพ่นลมหายใจแรงๆ เงยหน้าขึ้นจ้องตาแทนเขม็ง "พูดอะไรระวังปากไว้บ้างนะ ไม่รู้หรือว่าริต้าเขาเซนซิทีฟ นี่เข้าไปหาเรา ร้องให้ใหญ่เลย แทนไปว่าเขาแรงๆ แบบนั้น เขารับไม่ได้"
...ไปบิดเบือนอะไรล่ะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เล่นแฮะ แล้วอีตากริชนี่ก็หูเบา ฟังทางโน้นฝ่ายเดียว พอเห็นหน้าเราก็กะจะเอาเรื่อง...
"ว่าอะไรแรงๆ" แทนเสียงห้วน "อ้อ ไม่ต้องบอกหรอก เพราะถ้าเราอธิบาย ก็คงเป็นการแก้ตัว นายฟังและเชื่อเมียมาแล้วนี่"
"บอกแล้วไงว่าไม่ใช่"
"แต่เราว่าใช่ ดูยังไงก็ใช่ เมื่อเช้าเดินเข้าไปลุยเราในออฟฟิส ทำเหมือนภรรยาโดนสามีนอกใจแอบไปมีอีหนู อะไรวะ อยู่ดีๆ มาหาว่าเราให้ท่านาย เป็นชู้กับสามีตัวเอง แค่คิดก็สยองแล้ว ใครจะไปอยากได้คนหัวเกรียนเป็นแฟน" แทนโวยวาย
"คิดยังงั้นหรือแทน" กริชเม้มปากอย่างสะกดอารมณ์
"อะไรนะ" แทนถามเพราะไม่ค่อยเข้าใจที่กริชพูด แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ หญิงสาวที่กำลังมีปัญหาหัวใจที่ชื่อริต้าก็เดินลิ่วตรงเข้ามาหา
"กริช มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ริต้านึกว่ากริชจะไปทานข้าว ไหนบอกว่าต้องไปทานข้าว" ริตาเปิดฉาก
...ขี้หึงสุดๆ เลยผู้หญิงคนนี้...
"ผมมาคุยธุระ" กริชหันไปตอบเสียงเบา
...หงอเชียว อะไรวะ ทีกับเราจะกินเลือดกินเนื้อ...
"ธุระอะไร จะต้องมาคุยอะไรกันอีก กริชก็ตกลงกับริต้าแล้วไงล่ะ อย่าบอกนะว่ากริชจะไม่ยอมเลิก"
...เลิกอะไร หมายความว่ายังไง เลิกกะเราหรือเปล่า นี่ยัยคนนี้คิดไปได้ไกลถึงขนาดไหนกันนี่ จินตนาการช่างบรรเจิดจริงแม่คุณ...
"แล้วคุณก็ควรจะเลิกคบกับแฟนริต้าได้แล้ว" แม่เสือสาวหวงแฟนหันมาใส่แทน
"อ้าวคุณ พูดยังงี้ได้ไง ใครไปคบกับแฟนคุณ แฟนคุณต่างหากมาตื้อผมทุกวันให้ผมไปช่วยคลายเหงา" แทนพูดความจริง แต่ปากไวไปหน่อย เลยพูดรวบรัดเป็นอย่างยิ่ง
ได้เรื่อง ริต้าแทบจะร้องกรี๊ด แต่ก็ยั้งไว้ทัน ตากลมโตของหญิงสาวเบิกกว้างเกือบเท่าลูกปิงปอง ปากค้างเพราะไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดของสถาปนิกหนุ่มแบบนั้น ส่วนกริชก็ทำตาเหลือกไม่แพ้กัน ส่ายหน้าอย่างหัวเสียแล้วพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
"แทน" กริชคงพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เรียกชื่อของคนที่พูดสั้นๆ ห้วนๆ ไม่ขยายความ
"ก็จริงไหม่ล่ะ ตัวเองเป็นคนพูดเอง"
ริต้าสะบัดหน้าพรืด แล้วรีบเดินหนีไป กริชหันรีหันขวาง ถลึงตาใส่แทนแล้วรีบตามแฟนสาวไปทันที
"ไปกันใหญ่ แต่ช่วยไม่ได้ มาปากเสียกับแทนก่อนทำไม" แทนเบ้ปาก บ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้ง "ผู้หญิงนี่หึงร้ายขนาดนี้เลยหรือนี่ อะไรกัน แค่พูดล้อเล่นนิดหน่อย เอาไปสร้างเป็นเรื่องเป็นราวได้ใหญ่โต เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับไอ้แทนผู้ไม่เคยยอมใคร หนอย แฟนตัวเองมาตื้อเราให้ไปเป็นเพื่อนคลายเหงาเองนี่ แล้วกริชมันก็พูดยังงั้นจริงๆ นี่นา เราพูดผิดตรงไหน"
แทนยักไหล่ อดรู้สึกสะใจนิดๆ ไม่ได้ ทั้งริต้า ทั้งกริช คราวนี้ได้มีอะไรสนุกๆ คุยกันมากยิ่งกว่าเดิม
...ดีนะ ไม่กระโดดกอดคอแล้วหอมแก้มกริชต่อหน้า ถ้าถึงขนาดนั้น ริต้าคงช๊อค...
...แล้วเผลอๆ แกอาจจะถูกน้ำกรดสาดหน้าก็ได้นะแทน...เสียงของสงครามดังขึ้นมาในความคิด
...แล้วนี่เราจะบาปหรือเปล่านะ หากสองคนนั่นทะเลาะกันหนักๆ แล้วพาลเลิกกัน...
...แต่ก็ดีสิ กริชไม่เหมาะกับผู้หญิงแบบนั้นหรอก รู้เสียตอนนี้ ตอนเริ่มคบกัน ยังดีกว่ามาเห็นธาตุแท้ของคุณเธอเมื่อสายเกินไป ขี้หึงร้าย ระแวงจัดแบบนี้ ผู้ชายที่ไหนจะทนได้ อยู่ด้วยปวดหัวตายเลย เห็นไหมล่ะ เราทำบุญ ไม่ได้ทำบาป...
แทนคิดหาเหตุผลให้ตัวเองได้แล้วก็เดินเอื่อยๆ ไปที่จักรยานตัวเองเพื่อปั่นออกไปยังร้านขายอาหารที่อยู่ไม่ไกลเพื่อรับประทานอาหารกลางวันมื้อพิเศษ...มื้อเที่ยงที่ยาวนานกว่าปกติเพราะไม่อยากรีบกลับสำนักงาน
...กลัวโดนกริชถล่ม รอซักบ่ายสองโมงค่อยกลับ ให้กริชอารมณ์เย็นลงก่อนเถอะ...

บ่ายโมงครึ่ง วันศุกร์

แทนยกมือลูบท้องด้วยความอิ่ม วันนี้เขาทานอาหารกลางวันไปเยอะมากอย่างที่ไม่เคยทานมาก่อน ตามด้วยไอสครีมหนึ่งถ้วยและน้ำผลไม้ปั่น สาเหตุก็เพราะนั่งอยู่ในร้านอาหารนานจนเกินไป
ชายหนุ่มยกมือขึ้นดูเวลา แล้วตัดสินใจกลับสำนักงานเพราะคิดว่า หากกริชจะกลับมาเอาเรื่องกับเขาก็คงอารมณ์เย็นลงมากแล้ว
...แค่ผู้หญิงงอน ง้อเดี๋ยวเดียวก็หาย กริชไปอธิบายว่าอะไรเป็นอะไร แค่นี้ก็หมดปัญหาแล้ว จะอะไรมากมายกันเล่า...
แทนลุกขึ้น เดินออกไปนอกร้าน กำลังจะถึงจักรยานที่จอดพิงไว้ข้างเสาด้านหน้าของร้านอาหาร "ลมโชย" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สถาปนิกหนุ่มรีบล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง แต่ด้วยความเร่งรีบจึงทำโทรศัพท์หลุดมือหล่นลงบนพื้น ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย
...ดีนะ ไม่ใช่เครื่องแพงที่กฤษณะซื้อมาฝากจากญี่ปุ่น ไม่งั้นต้องนอนร้องให้อยู่ตรงนี้แน่เลย...
แทนก้มลงหยิบชิ้นส่วนโทรศัพท์มาประกอบกันแล้วเปิดเครื่อง
...ว้า ไม่ติด แต่ก่อนเวลาหล่นก็แค่เอาแบตเตอรี่ใส่ที่เดิม ประกอบฝาหน้าเข้ากับเครื่อง เคาะๆ หน่อยก็ใช้งานได้แล้ว คราวนี้เป็นอะไรล่ะ...
แทนพยายามกับโทรศัพท์อยู่เป็นนานสองนาน ในที่สุดก็เลิกล้มความตั้งใจ โทรศัพท์เครื่องนี้ใกล้หมดสภาพมาตั้งนานแล้ว หล่นคราวนี้ โทรศัพท์คงถึงกาลสิ้นอายุขัย ไม่ยอม "ฟื้น" ขึ้นมาทำงานอีก

ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที แทนก็มาถึงสำนักงาน แต่ทันทีที่จอดรถ เขาก็เบ้ปากเมื่อเห็นคนที่ยืนกอดอกรออยู่หน้าออฟฟิส
...จะจองล้างจองผลาญไปถึงไหนกัน นี่ริต้าจะเซ้าซี้ทั้งวันเลยหรือนี่..
"คุณแทน คุณตัดสายฉันทำไม" ริต้าเปิดฉากทันที่ที่แทนเดินเข้ามาใกล้
"ไม่ได้ตัด ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนั้น" แทนยักไหล่ รู้แล้วว่าเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เมื่อครู่เป็นของใคร และเขาก็ไม่คิดจะอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง เพราะตอนนี้เริ่มจะไม่ชอบหน้าแฟนสาวของกริชขึ้นมาจริงจังเสียแล้ว
"ฉันต้องการคุยกับคุณดีๆ แต่คุณก็ไม่ยอมคุย กริชก็ยืนกรานจะกลับไปทำงาน"
"คนเขามีงานทำนะคุณ ไม่ได้มีเวลาว่างไล่หึงหวงใครนี่" แทนกระทบกระเทียบ
"ก็ถ้าไม่มีมูล ฉันจะมายืนอยู่ตรงนี้ทำไม"
"มูลอะไร" แทนถอนหายใจ เริ่มจะระอากับเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว
"คุณรู้จักกริชนานแค่ไหน สนิทกันขนาดไหน แล้วทำไมมาทำงานด้วยกัน"
...ไปถามพี่บุริณทร์สิ รับงานไม่ดูตามาตาเรือ ใครจะอยากมาทำงานกับอดีตคู่กัดจอมกวนอารมณ์...
"อันนี้ไปถามเจ้านายผมนะครับ ผมไม่ได้รับงานเอง เจ้านายเขามอบหมายงานมาให้ ส่วนเรื่องรู้จักนานแค่ไหน สนิทกันขนาดไหน ไปถามแฟนคุณจะดีกว่านะ" แทนยักไหล่ เลิกคิดจะพูดดีด้วย
"ฉันกับกริชตัดสินใจคบกันจริงจัง เรารักกัน และวางแผนอนาคตร่วมกัน แต่พอฉันได้รู้ว่าระหว่างคุณกับกริช ไม่ใช่แค่คนร่วมงานกันธรรมดา ฉันก็อยากจะเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย ฉันไม่ต้องการให้แฟนเขว สิ่งที่ฉันพบ ฉันรับไม่ได้ แต่มันจะง่ายขึ้น ถ้าคุณยอมถอยไป" ริต้าพยายามควบคุมเสียงให้ราบรื่น
...เธอคิดว่าเธอเป็นใคร มาพูดกับเราแบบนี้ กล่าวหากันชัดๆ สิ่งที่เธอพบไม่เห็นมีอะไร แค่เราปั่นจักรยานเข้าไปเทียบตอนกำลังขับรถกินลมชมวิวแล้วพูดยั่วเล่นแค่นั้น ทำเป็นเรื่องใหญ่โตโลกาวินาศ แล้วตามเซ้าซี้อยู่ได้ วันนี้สามรอบแล้วนะ ชักจะไม่ไหวแล้ว...
"คุณอย่ารู้เลย รู้แล้วจะหนาว" แทนยักไหล่ จงใจยั่วอารมณ์หญิงสาวตรงหน้า "ถ้าเก่งนัก ก็ปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเองเถอะ"
...เก่งอยู่แล้วนี่ เรื่องทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่อง อยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามาหาเราในออฟฟิสแล้วบอกว่าเราเป็นชู้กับแฟนตัวเอง จะมากเกิดไปแล้วนะ...
"ไม่จำเป็น ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว" ริต้าเสียงเข้ม ปากเม้ม นัยน์ตาแข็งกร้าว
"อ้าว งั้นมาถามทำไม" แทนตาโต ทำท่าทางแปลกใจ
"ฉันอยากได้ยินจากปากของคุณ"
...ขอทีเถอะ ไม่ไหวแล้ว...
"ถึงสนิท แต่เราก็ใช้ถุงยางกันทุกครั้ง มั่นใจได้หายห่วง ไม่ต้องกลัวติดอะไรไปหรอก" แทนทำหน้ายิ้มๆ ตอบด้วยเสียงราบเรียบ แล้วรอฟังเสียงกรี๊ด
สถาปนิกหนุ่มคาดผิด ริต้าไม่ได้ร้องเสียงดังแล้วกระทืบเท้า หากแต่สะบัดหน้าพรืดแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังรถเก๋งคันเล็กที่จอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะออกรถเหมือนธนูพุ่งออกจากแล่ง เสียงล้อครูดไปกับถนนดังแสบแก้วหู
...นี่ละเสียงกรี๊ดของผู้หญิงที่ลมเพชรหึงกำลังขึ้นถึงขีดสุดล่ะ...
...เฮ้อ ตอนนี้รู้สึกสะใจหรือสงสารก็ไม่รู้ ไม่นึกเลยว่ามันจะลงเอยแบบนี้...
แทนเดินเข้าไปในออฟฟิสเงียบๆ เลขาประจำออฟฟิสกำลังถูกตรึงอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เช่นเคย ห้องทำงานเงียบสงบ ได้ยินแต่เสียงแป้นพิมพ์ดังเป็นครั้งคราว สลับกับเสียงถอนหายใจเบาๆ ของสถาปนิกผู้ไม่เคยยอมใคร
...ริต้าไปเจออะไรถึงได้ลมออกหูแบบนั้น  ทำยังกะไปเจอความลับของกริชในสมุดไออารี่เขียนว่าแอบรักแทนสุดหัวใจยังงั้นล่ะ ตลกจริงๆ เลย...
แทนนั่งลงบนโต๊ะทำงาน มองสุพรรษาที่ยังคงนั่งแช็ตเอ็มเอสเอ็นอย่างเอาเป็นเอาตายไม่สนใจใคร แล้วจึงตัดสินใจยกโทรศัพท์ออฟฟิสขึ้นมากดเบอร์สงครามเพื่อระบายสิ่งที่อยู่ในใจให้เพื่อนได้ช่วยรับรู้
...สถานการ์ณไม่ค่อยน่าไว้วางใจ กริชดูโกรธไม่ใช่น้อย...
***** 38 ****** 38 *******

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 39

39

เย็นวันศุกร์

เวลาเลิกงานผ่านไปแล้วกว่าสิบห้านาที แทนยังนั่งอยู่คนเดียวในออฟฟิส คนอื่นๆ กลับบ้านไปแล้วตั้งแต่สิบนาทีก่อนเลิกงาน แทนหันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อดี แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน แต่ทันใด ประตูออฟฟิสเปิดออกดังปัง ดังยิ่งกว่าตอนเที่ยงที่กริชเปิดเข้ามาจะเอาเรื่องเขา
...อะไรอีกล่ะที่นี้ อย่าบอกนะว่านี่ยกที่สอง กริชหน้าบึ้งมาก ย่างสามขุมเข้ามาหาแบบนี้ กะจะน๊อคยกนี้เลยหรือไง...
แทนลุกขึ้นจากเก้าอี้ หยิบกระเป๋ามาถือ แล้วเดินตรงไปยังประตูสำนักงานเงียบๆ แต่วิศวกรหน้าเข้มก้าวเท้าเข้าขวาง
"เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไปไหน" กริชเสียงเรียบ หน้าตาบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธ
"จะกลับบ้านแล้ว มีอะไรค่อยพูดกันพรุ่งนี้ หรือถ้ารอไม่ไหว ก็ไว้พูดกันหลังกินข้าวเย็นนะ หิวแล้ว" แทนพูดค่อยๆ แล้วเบี่ยงตัวหลบเพราะกริชยังไม่ยอมหลีกทาง
กริชส่ายหน้าแล้วขวางเอาไว้ เดินหน้าเข้าหาแทนราวเสือกำลังต้อนเหยื่อเข้ามุม วิศวกรที่กำลังอารมณ์คุกรุ่นเค้นเสียงออกมาตามไรฟัน ช้าๆ ชัดๆ ว่า "ยังไปไหนไม่ได้ จนกว่าเราจะคุยกันเสียก่อน หิวก็ทนไป ไม่ต้องมาหาทางออกแบบนี้ ทำอะไรไว้ ก็ต้องยอมรับ"
"แหงอยู่แล้ว คนอย่างแทน กล้าทำก็กล้ารับ" แทนทำเสียงเข้มขึ้น แต่สองเท้ากลับก้าวถอยหลังเพราะคนที่ตัวใหญ่กว่าเดินหน้าเข้าหาเขาช้าๆ ท่าทางเอาเรื่อง
แทนถอยหลังจนชนโต๊ะเขียนแบบที่ตั้งอยู่มุมห้อง หันซ้ายหันขวาเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรดี กริชก้าวเท้าตามเขามาช้าๆ ใบหน้าเรียบนิ่ง ตอนนี้เองแทนที่แทนสังเกตเห็นว่ากริชตัวหนากว่าที่คิด ปกติกริชใช้เสื้อและกางเกงตัวโคร่งเขาจึงไม่ค่อยเห็นรูปร่างเท่าใดนัก
...เอาไงดีวะ ถ้ากริชคิดจะหักคอเขาตอนนี้ หากสู้กัน เขาคงสู้ไม่ได้ ท่าทางคงกำลังโกรธเลือดขึ้นหน้าเสียด้วย หน้าแดงไปหมด แต่ทำไมกริชทำหน้านิ่งนัก คนโกรธต้องทำหน้าเป็นยักษ์ไม่ใช่หรือ...
“แทน เมื่อไหร่จะเลิกหาเรื่องกับเราเสียที ทำแบบนี้สนุกมากใช่ไหม ทำให้คนผิดใจกัน สะใจมากงั้นสิ” กริชพูดเสียงต่ำ
“ใครผิดใจอะไรกับใครที่ไหน” แทนรู้เต็มอก แต่ทำเฉไฉ ในหัวพยายามนึกหาทางออก
“อย่ามาทำไก๋”
“เขางอนก็ตามไปง้อสิ” แทนหมายถึงแฟนสาวของกริช “มายืนทำหน้าเป็นยักษ์เป็นมาร จะเอาเรื่องเราอยู่ทำไม เราไม่ผิดนะ”
“ยังคิดว่าตัวเองไม่ผิดอีกหรือ ทำจนแฟนเขาเลิกกัน แบบนี้ยังคิดว่าตัวเองไม่ผิดอยู่อีกหรือ” กริชยังพูดเสียงเรียบ
“แล้วจะเอาไง จะจับเราบีบคอให้ตายคามือหรือไง”
“บีบคอ ใครจะอยากบีบคอ อยากจะชกให้หน้าเละคามือมากกว่า” ใบหน้าของกริชยังเป็นเหมือนเดิม แต่เสียงทุ้มต่ำมากกว่าเดิม
...เอางั้นหรือ จะชกให้หน้าเละเลยหรือ ยังกะเราจะยืนนิ่งให้ชกยังงั้นล่ะ...
“ลองดูสิ พ่อจะชกกลับเหมือนกัน” แทนขึ้นเสียง
“ขนาดนี้ยังมาทำเก่งอีก เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวร้ายๆ เสียที” กริชเสียงดังขึ้น “รู้ไหมว่าสิ่งที่ตัวเองทำ มัน...”
กริชพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ หันหน้าไปมองผนังด้านซ้ายอย่างพยามควบคุมอารมณ์โกรธ แทนรู้ว่ากริชโกรธ เป็นใครก็ต้องโกรธ ลองมาเจอแบบที่กริชเจอสิ ไม่โกรธก็ไม่รู้จะว่ายังไง
...แต่ก็สมแล้วล่ะ ทำเป็นอวดเก่งนัก เหน็บแนมเขาอยู่ได้ทุกวัน คราวนี้เป็นไงล่ะ เจอเข้ากับตัว พูดไม่ออกเลยสิ...
แทนเห็นกริชนิ่งไป จึงแอบถอนหายใจเบาๆ อย่างโลกอก คิดว่ากริชคงเลิกคิดที่จะเอาเรื่องเขาแล้ว สถาปนิกจึงขยับเท้าก้าวออกมาทางขวาช้าๆ ตั้งใจจะเบี่ยงตัวหลบวิศวกรจิตแตกเดินออกไปนอกออฟิสตู้คอนเทนเนอร์
“เดี๋ยว” กริชขยับตัว ยื่นมือขวามารั้งเขาไว้ “จะไปไหนไม่ได้เป็นอันขาด เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง
“ยังจะคุยอะไรอีก ไม่มีอะไรจะคุยด้วย”
“แทนต้องรับผิดชอบแทนสิ่งที่ตัวเองทำ” กริชเสียงเข้ม
“รับผิดชอบอะไร จะให้มาแทนแฟนนายที่หนีไปหรือไง” สถาปนิกหนุ่มประชด
กริชไม่ตอบ ประกายตาบางอย่างฉายวาบขึ้นมา ยิ่งเห็นหน้ากวนๆ ของอีกฝ่ายที่เอียงหน้าท้าทายอยู่ ปากแดงเผยอนิดๆ ก็ทำให้เขาหมดความอดทน ฟางเส้นสุดส้ายที่ยังดึงเขาไว้อยู่ขาดผึง ความรู้สึกลึกๆ ที่เคยมีต่อแทนซึ่งเขาพยายามกดมันเอาวไว้ในหัวใจตอนนี้พุ่งขึ้นมาเหมือนน้ำพุร้อนที่รอวันปะทุ
แทนคำตอบ กริชกระช่างร่างนั้นเข้ามาแนบตัว กอดรัดชายหนุ่มเอาไว้แน่น ก้มหน้าลงมา ประกบปากเข้ากลับปากแดงๆ ของสถาปนิกหนุ่มจอมกวน
แทนอึ้ง ช๊อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เคยคิดว่ากริชจะกล้าทำอะไรแบบนี้ เขายอมรับว่าที่จริงแล้วก็รู้สึกเห็นแววตาแปลกๆ ของกริชมาอยู่ตลอด แต่ไม่นึกว่ากริชจะรู้สึกกับเขาแบบนี้
...หรือกริชแกล้งเฉยๆ จงใจทำแบบนี้เพราะโกรธที่เขาทำให้แฟนสาวของกริชเข้าใจผิด เข้าใจผิดว่าแฟนหนุ่มของตัวเองที่ห้าวเข้มแอบซ่อนอีกร่างหนึ่งเอาไว้ เข้าใจผิดว่าที่กริชมาทำงานไกลถึงกระบี่กับสถาปนิกที่เคยเรียนปริญญาตรีมาด้วยกันมีใจให้กัน และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็แอบลักลอบทำอะไรกัน
แทนรู้สึกตัวว่าโดนรุกราน จึงเริ่มดิ้น แต่กริชไม่ยอมปล่อย พยายามลุกล้ำเขามากกว่าเดิม ปากบดปากเขาแรงขึ้น หากยังไม่สอดลิ้นเข้ามา
...สงสัยกลัวโดนกัดลิ้น กริช...ปล่อยนะ อย่าทำแบบนี้...
แทนรู้สึกอ่อนแรง ทั้งที่ตั้งใจดิ้น แต่แขนขาของเขากลับไม่มีแรงอย่างที่ควรจะเป็น สัมผัสของกริชนั้นเร่าร้อนแต่ก็ออดอ้อนอยู่ในที ทั้งที่เขาคิดว่ากริชแกล้งรังแกเขา แต่ทำไมเขารู้สึกว่ากริชดูเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ลมหายใจหนักหน่วง อกสะท้อนขึ้นลง เสียงครางในลำคอเบาๆ เสียงลมหายใจเหมือนจะขาดห้วงเหมือนเสียงลมหายใจของเขา
และที่สำคัญ...เขารู้สึกถึงช่วงล่างของกริชร้อนผ่าว พาดเป็นลำ ดุนดันกับของเขา...
...นี่ไม่ใช่แกล้งนี่นา...นี่เอาจริง
...งั้นกริชก็เป็น?...
...โอ๊ย ตายแล้ว...
แทนดิ้นแรงมากกว่าเดิม พยายามยกมือขึ้นผลักอกของกริช ทันทีที่สองมือวางทาบลงกับอกกว้าง เขารู้สึกถึงความร้อนผ่าวของอกแกร่งที่แน่นปึ๊ก อกของกริชแน่นมาก เขานึกภาพออกได้ว่าอกของกริชต้องกว้างแกร่งมาก
...แต่ตอนนี้อกแน่นของวิศวกรคู่กัดคนนี้เต้นระทึกเหมือนกองสะบัดชัยที่ถูกฟาดเต็มแรง เต้นตึกๆ เหมือนจะระเบิด...
เสียงดังโครม ทั้งสองเสียการทรงตัว ล้มลงกับพื้น ข้าวของกระจัดกระจาย แบบแปลนและเอกสารตกลงจากโต๊ะ กระจายเต็มห้อง แทนยังดิ้นไม่ยอมหยุด ใบหน้าส่ายหนี มือตะกุยตะกายเสื้อเชิ๊ตตัวโคร่งของวิศวกรที่กำลังรุกรานเขาด้วยอารมณ์ปรารถนา สองขาของแทนยกดันสลับกับถีบวิศวกรร่างใหญ่ หากอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้เกี่ยวกระหวัดรัดเขาไว้แน่น สองขาแข็งแรงของกริชกดทับเกี่ยวเขาของแทนเอาไว้ แทนพยายามพลิกตัวขึ้นข้างบน แต่กริชตัวหนักมากและท่าทางไม่ยอมเหมือนกัน
...โอ๊ย แย่แล้ว นี่เขากำลังโดนปล้ำหรือไง อย่าบอกนะว่าจะถูกข่มขืนในตู้คอนเทนเนอร์ กริชไม่กลัวใครจะมาเห็นหรือไงนะ..
...ใครจะมาเห็นล่ะ เย็นวันศุกร์ หยุดยาวติดต่อกันสามวัน คนอื่นๆ หายไปตั้งแต่บ่ายแล้ว...

“กริช”
ในที่สุดแทนก็ส่ายหน้าพ้นจากการถูกระดมจูบ แต่เขาพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เสียงหอบเหมือนจะขาดใจ เหนื่อยเพราะดิ้นหนีกริช แต่ก็เหนื่อยหอบเพราะอีกความรู้สึกหนึ่งเช่นกัน
เหนื่อยหายใจไม่ออกเพราะถูกปิดปากเพราะปากของอีกคน
“แทน”
เสียงของกริชแหบพร่าเช่นกัน
ชั่วไม่กี่วินาทีเท่านั้นที่แทนมีโอกาสได้พูด กริชประกบปากลงมาอีก ตอนนี้แข้งขาเขาอ่อนแรงไปหมด ทั้งตัวอ่อนแรง ตัวเริ่มอ่อนปวกเปียก เรี่ยวแรงไม่รู้หายไปไหนหมด
กริชอ่อนแรงลงเช่นกัน เมื่อครู่ที่ปลุกปล้ำเขาด้วยความรุนแรงหนักหน่วง คราวนี้เริ่มเนิบนาบ มือที่จับตรึงเขาไว้เปลี่ยนมาเป็นลูบไล้ กายบดเบียดถูไถกับร่างเขาเป็นจังหวะ เหมือนกับงูที่กำลังรัดเหยื่อช้าๆ
...เหยื่อที่รัดกระหวัดตอบเช่นกัน...
กริชเริ่มสอดลิ้นเข้ามาในปากของแทนแล้ว ตวัดควานในปากของสถาปนิกหนุ่มช้าๆ แทนพยายามหนี แต่หนีอย่างไรก็ไม่พ้นเพราะพื้นที่ในอุ้งปากของเขานั้นแคบมากเกินจะหนีกริชได้
ชายหนุ่มทั้งสองรู้สึกเหมือนไฟช๊อต ร่างทั้งร่างสั่นกระตุก
...รู้สึกเหมือนใจจะขาด ถ้ากริชไม่หยุด เขาคงขาดใจตายอยู่ตรงนี้...
...นี่มันไม่ใช่แค่การแกล้งจูบนี่นา จูบแบบนี้ กอดรัดแบบนี้ เบียดร่างเข้ามาแบบนี้ เหมือนที่กฤษณะทำกับเขาที่ศาลาริมน้ำยังไงยังงั้น เหมือนที่ภูวนัยทำกับเขาที่ริมทะเล เหมือนที่บุริณทร์ทำกับเขาบนเตียงในคอนโดที่หัวหิวซึ่งแม้จะผ่านมานานแล้วแต่เขาก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้
...กับสามคนนั้นยังปวดหัววุ่นวายขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าจะมีคนที่สี่...ต้องหัวระเบิดแน่เลย ไม่เอา ไม่ไหว ไม่ได้ ไม่ไหวแล้ว...
แทนรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำ แต่ทันใดก็พุ่งตัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำ รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายตะกุยตะกายเพื่อว่ายเข้าหาฝั่ง ชายหนุ่มออกแรงผลักกริชอย่างสุดแรง แล้วพลิกตัวขั้นข้างบน แล้วกลิ้งตัวลงจากร่างแกร่งของวิศวกรหนุ่มที่เผลอไผลปล่อยกายให้ไปตามใจ กริชไม่ทันระวังเพราะมัวแต่ลูบไล้ร่างแน่นของสถาปนิกหนุ่มแทนจึงหลุดพ้นจากพันธนาการปรารถนาของวิศวกรหนุ่มได้
แทนนอนหายใจหอบอยู่ชั่วไม่กี่วินาทีแล้วก็รีบคลานออกห่าง กริชคลานตาม มือไขว่คว้าชายหนุ่มเอาไว้ แทนเร็วกว่า ผลักตัวขึ้นนั่ง แล้วรีบเด้งตัวลุกขึ้น รีบเดินออกจากออฟฟิส ปิดประตูเสียงดัง เอนตัวพิงประตูอยู่ราวสองสามอึดใจเพื่อสูดอากาศเข้าเต็มปอด แล้วรีบเดินตรงไปที่รถจักรยานคู่ใจที่จอดพิงอยู่ข้างๆ ตู้คอนเทนเนอร์
...ไม่ได้นะแทน จะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้ สามคนสามใจก็หนักพออยู่แล้ว จะมีคนที่สี่เพิ่มเข้าไปอีกไม่ได้ มีหวังโลกาพินาศแน่ๆ เลยเชียว...
...กริชทำไมมาทำกับเขาแบบนี้ ไม่รักเขาแล้วยังมาทำกับเขาแบบนี้อีก ตัวเองมีแฟนเป็นผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ยังมานอกใจแฟนอีก...
...คนหลายใจ...คนบ้า...บ้า บ้า บ้า...กริชบ้า...
...ตัวเองนั่นล่ะตัวดี หลายใจ จะเอาให้ครบสี่ห้องหัวใจเลยหรือไง...ใบหน้าของสงครามโผล่ขึ้นมาตำหนิ
...คุณแทน มีผมแล้วคุณจะมีใครอีก...ใบหน้าดุๆ ของภูวนัยโผล่ขึ้นมาดุเขา
...คุณแทนครับ มีผมคนเดียวนะ...ใบหน้ายิ้มๆ ของกฤษณะแทรกขึ้นมาพูดกับเขาเสียงนุ่ม
...แทนจ๋า รักพี่คนเดียวนะ...บุริณทร์ก็ไม่ยอมแพ้ ขอโผล่หน้าเข้ามาด้วยอีกคน
...บ้ากันทั้งหมดเลย...
“แทน”
เสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงของกริช แทนไม่หันไปมอง แต่ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามเขามาช้าๆ แล้วก็หยุด สองเท้าของเขาเร่งปั่นจักรยานเร็วขึ้น ตอนนี้คิดได้อย่างเดียวว่าต้องออกไปจากตรงนี้ให้ไกลที่สุดเสียก่อน ไปนั่งมองทะเลซักพัก ไปนั่งตัดสินใจว่าจะให้ผู้จับจองรายไหนออกไปจากหัวใจของเขาทั้งสี่ห้อง...
...สี่ห้อง...กริชอยู่ห้องที่สี่...
...เข้ามาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่...ทำไมเราไม่รู้เลย เป็นเจ้าของห้องแท้ๆ...

ลมทะเลเริ่มแรงขึ้น เสียงคลื่นหาดทรายดังซ่าๆ เสียงอื้ออึงในหัวของแทนดังไม่ได้สรรพ เขานั่งอยู่ที่ริมหาดมากว่าชั่วโมงแล้ว คิดอย่างไรก็หาบทสรุปไม่ได้ ชายหนุ่มสี่คนที่รุกคืบเข้ามาในหัวใจเขาทีละนิดนั้นเลือกยากมาก แม้กระทั่งผู้ที่เข้ามาคนล่าสุดอย่างกริช
...ล่าสุดหรือ...กริชรู้จักกับเขามาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เป็นคู่กัดกันมาตลอด...
...แต่ก็ไม่เคย “กัด” กันให้เลือดไหลจริงๆ ซะที แม้กริชกับเขาดูเหมือนไม่ถูกกัน แต่ก็ไม่ได้เกลียดกัน ไม่เคยทำร้ายกันให้เจ็บปวด แค่กวนๆ ให้รู้สึกสนุกๆ มีชีวิตชีวา กริชเองก็คล้ายๆ กัน ทั้งๆ ที่โดนเขาแกล้งเขากวนมาตลอด แต่ก็ชอบเข้ามาหาเรื่องให้ “โดน” อยู่เรื่อย ไม่เคยเข็ด...
...หรือว่ากริชแอบชอบเรา เขาจำได้ว่าสงครามเคยล้อเขาสองสามครั้งว่ากริชชอบเขาเลยเข้ามาข้องแวะ แล้วสงครามก็วิเคราะห์ว่ากริชเป็นคนปิดบังตัวเอง เลยมีพฤติกรรม “ต้าน” ตอนนั้นเขาไม่ใส่ใจ เพราะดูยังไงๆ ก็ไม่เห็นว่ากริชจะขอบเขาตรงไหน...
...ตอนที่ถีบกริชตกอัฒถจรรย์ไงเล่า พอกริชทรงตัวได้ ก็กระโดดขึ้นมาจะชกหน้าเขา จับคอเสื้อเขาไว้ ง้างหมัดกำลังจะต่อยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ทำ จะว่าเพื่อนๆ รีบวิ่งเข้ามาห้ามก็ใช่ แต่นั่นมันเกือบหนึ่งนาทีเลยทีเดียว...
...ถ้าชอบแล้วทำไมไม่แสดงออกว่าชอบวะ แล้วมารออะไรจนป่านนี้ อยู่เฉยๆ ก็มาทำอะไรแบบนี้ ที่เคยเจอๆ กันบ้างหลังเรียนจบก็ไม่เห็นกริชทำอะไร แค่คุยๆ กัน หนำซ้ำยังพูด “กัด” กันไม่เลิกอีก...
“เสน่ห์แรงแบบนี้คงเปลี่ยนแฟนเดือนเว้นเดือนล่ะสิ” กริชกระทบกระเทียบเขาตอนไปงานแต่งงานอาจารย์ต้น
“ปากไม่ดี ใครจะเปลี่ยนเดือนเว้นเดือน อย่ามาดูถูกกันแบบนี้นะ”
“เราไม่เคยดูแทนผิด” กริชเถียง
“กลับไปโต๊ะวิศวะเลย นี่โต๊ะสถาปนิก” แทนไล่
“ทำไม วิศวะมันไม่ดีตรงไหน ถึงใกล้สถาปนิกไม่ได้” กริชเอียงหน้า ทำตากวนๆ
“วิศวะใช้แรง สถาปนิกใช้ไอ้นี่...” แทนชี้นิ้วไปยังส่วนหนึ่งของตัวเอง ทำให้กริชตาลุกวาบ
“อย่ามาดูถูกกันนักเลยแทน คนอื่นเขาก็มีเหมือนกัน ตัวเองนั่นล่ะ มีหรือเปล่าไม่รู้”
“มีสิ”
“อ้อ คงมีเยอะสิท่า ถึงได้เปลี่ยนเดือนเว้นเดือน”
“ทุกเดือนต่างหากล่ะ” แทนยักไหล่ ส่ายหัวไปมาดุกดิก ตากลิ้งไปกลิ้งมาเพราะรู้ว่ากริชไม่ชอบที่เขาทำท่าแบบนี้มากถึงมากที่สุด
“เรารู้ ถึงได้บอกตัวเอง”
...จำได้แล้ว จำประโยคนั้นของกริชได้แล้ว ตอนนั้นเขายักไหล่ไม่สนใจเพราะกริชพูดอะไรก็ไม่รู้ ตาวาวๆ เหมือนจะโกรธที่โดนเขาว่า สงครามก็เข้ามานั่งข้างๆ แล้วพูดจ้อจนกริชไม่มีโอกาสได้พูดอะไรตอ เขา “ไล่” กริชให้กลับไปนั่งโต๊ะของตัวเองอีกครั้ง พ่อวิศวกรจอมกวนถึงได้เดินส่ายอาดๆ กลับไป...
...ไม่ใช่ตาวาวเพราะโกรธ...
...ประกายตาวาบขึ้นมาเพราะน้อยใจต่างหาก...
...แล้วอย่างนี้ ลูกแอ๊บเปิ้ลหนึ่งลูกครึ่งที่ใครแอบเอามาไว้ในกระเป๋าวันสอบเสร็จวันสุดท้ายที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็อาจจะเป็นของ....
...บ้า...ไอ้กริชบ้า...

“แทน” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลัง
“ทำไม ตามมาทำไม ตามมาทำลายภูมิทัศน์อีกแล้ว” แทนกระแทกเสียง
“เราขอโทษ” เสียงกริชดังขึ้น อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“พูดให้ได้อะไรขึ้นมากริช” แทนเปลี่ยนเป็นเสียงเรียบ ตามองออกไปท้องทะเลที่เห็นลางๆ ในแสงจันทร์
“เราทำสิ่งไม่ดีเราก็ขอโทษ” กริชเสียงค่อย นั่งลงข้างๆ แล้วพูดต่อ “ขอโทษที่รังแกแทนไป”
...รังแกอะไรกัน มาพูดเหมือนเขาเป็นผู้หญิงโดนลวนลาม แค่นี้เอง ก็แค่จูบ เคยจูบกับใครเยอะแยะ มากกว่านี้ก็เคยทำ..
...แต่จูบกับกริชทำไมมันรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับที่รู้สึกกับภูวนัย เหมือนกับกฤษณะและบุริณทร์ที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา...
“ทำไมต้องมาทำให้มันยุ่งยากด้วยนะกริช รู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไร” แทนพึมพำ
“เราขอโทษ”
“พูดได้แต่ขอโทษ แล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะ ตัวเองก็มีแฟนอยู่ แล้วมาจูบผู้ชายคนอื่นนี่นะ ถ้าเราไม่ขัดขืน จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงท้องล่ะ” แทนเสียงเข้มขึ้น
“แล้วแทนขัดขืนหรือ เราก็เห็นแทนจูบตอบ”
“ไอ้บ้า” แทนขึ้นเสียง
“แทน” กริชเรียกเสียงนุ่ม “เราไม่อยากจะเก็บมันไว้ในใจแล้ว เรารู้ว่าแทนโกรธเรา แต่เราอยากจะบอกว่า...”
“จะบอกว่าที่ทำไปเมื่อหัวค่ำรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ งั้นหรือ ไม่ใช่แค่มาแกล้งกัน ไม่ใช่ทำเพราะโกรธที่เราทำให้แฟนนายเข้าใจผิด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เราก็จะไม่ใส่ใจ นายก็ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ต้องมานั่งขอโทษแบบนี้”
“คือผม...” กริชอ้ำอึ้ง
“เห็นเราเป็นอย่างนี้นะ เราก็มีความรู้สึกดีๆ เหมือนคนทั่วไป ไม่ใช่คนไม่มีหัวใจ”
...หัวใจนะมี แต่หลายใจ โลเล...
เสียงของแทนด่าตัวเองอยู่ในหัว เสียงสนับสนุนของสงครามก็ดังตามมาแว่วๆ ในโสตประสาท
“เราไม่ได้คิดอย่างนั้น” กริชแก้ตัว เสียงอ่อน
“งั้นหรือ ไม่ได้คิดอย่างงั้นจริงๆ หรือ นายคิดว่าเรามีแฟนเยอะแยะ มีคนเข้ามาจีบเยอะ และไม่จริงจังกับความรัก นายคิดยังงั้นมาตลอดนะสิ”
...ใช่สิ ใครจะกล้าไปชอบไปรักแทนล่ะ ลองหลงรักเข้าสิ ก็จะต้องผิดหวัง ไม่รู้โดนทิ้งเมื่อไหร่ แทนไม่เห็นจะมีท่าทีจริงจังอะไรกับใคร ลอยไปลอยมาได้เรื่อยๆ เราเป็นคนจริงจังนะแทน อยากมีใครที่อยู่กับเราไปนานๆ...
“เปล่า” กริชพูดไม่ตรงกับใจ
“ไปซะเถอะ จะถือว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น ต่างคนต่างทำงานให้เสร็จๆ จะได้ต่างคนต่างไป” แทนพูดเสียงเย็น แล้วถอนหายใจช้าๆ “แล้วนี่มายังไง มาไม่ได้ยินเสียง”
“ขับรถมา จอดไว้ตรงโน้น” กริชตอบเสียงเบา ไม่เหลือเค้าวิศวกรหนุ่มมากวน เสียงกวน อย่างที่เคยเป็น
“มายังไงก็กลับไปยังงั้น” แทนไล่
“แล้วแทนไม่กลับหรือ นั่งอยู่คนเดียวมืดแบบนี้มันอันตราย”
“ดี จะได้มีคนมาลากไปข่มขืนให้สิ้นเรื่อง” แทนประชด อีกฝ่ายสะอึกเพราะโดนว่าทางอ้อม
...ตอนนั้นแทนก็เริ่มต้นด้วยการขัดขืน แล้วแล้วก็อ่อนลง แต่ทำไมอยู่ดีๆ ก็วิ่งหนีเขาไปดื้อๆ เขาไม่เข้าใจจริงๆ...
...แต่หากแทนยอมโอนอ่อนผ่อนตามเขาล่ะ ตอนนั้นเขาจะยอมให้มันไป “ไกล” แค่ไหน หรือแทนจะยอม “ไป” กับเขา “ไกล” แค่ไหน...
“เดี๋ยวอีกวันสองวันจะไปคุยกับแฟนให้ ไปขอโทษ ไปอธิบาย แฟนนายคงเข้าใจ” แทนพูดเสียงเบา ไม่มองหน้ากริช แล้วก็ไล่วิศวกรหนุ่มอีกครั้ง “ไปซะทีสิกริช ถ้านายยังไม่ไป เราจะไปเอง”
“แทน อย่าเพิ่งเลย นั่งตรงนี้อยู่เงียบๆ อีกซักหน่อยได้ไหม อย่าไล่เราเลย เราสัญญาว่าจะไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว นั่งอยู่เงียบๆ นะ ขอร้องเถอะ” เสียงกริชเว้าวอน อ่อนโยนแบบที่แทนไม่เคยได้ยินมาก่อน สายตาของกริชที่เคยปิดบังอะไรต่ออะไรมานานหลายปี ตอนนี้ไม่เปิดเผยจนหมดสิ้น หากชายหนุ่มรีบหันหน้าออกไปมองทะเล นั่งกอดเข่ามองคลื่นที่กำลังม้วนตัวเข้าซัดหาดทราย
แทนไม่นั่ง หาดทอดตัวลงนอนหงาย มือประสานท้ายทอยแทนหมอน มองพระจันทร์ดวงกลมโตสีเหลืองนวล กริชขยับตัวออกห่างอีกนิด แล้วนั่งนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรสักคำดังที่สัญญา

เที่ยงวันเสาร์

แทนรอจนเที่ยง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






katawoot

  • บุคคลทั่วไป
แทนรอจนเที่ยง ให้แน่ใจว่าสงครามตื่นนอนแล้วจึงโทรศัพท์เรื่องที่เกิดขึ้นที่กระบี่ แต่ยกเว้นไว้เพียงเรื่องเดียว...เรื่องที่เขาไม่กล้าจะเล่าให้ใครฟัง แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างสงครามที่ไม่เคยปิดบังอะไรกันเลย แต่ความจริงเขาปิดบังสงครามมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่เรื่องที่กฤษณะจูบเขาที่ศาลาริมน้ำที่บ้านเมืองนนท์ เรื่องบทรักเล็กๆ ของเขากับภูวนัยในทะเล และเรื่องล่าสุดที่กริช “ทำ”
“ว๊าก ยูแน่ใจนะแทน มันสารภาพออกมาหรือไง”
“เปล่า” แทนพูดอ้อมแอ้ม “แต่เรารู้ นั่งคิดมาตั้งนานก็นึกออก ถึงว่าทำไมชอบเอาแอ๊บเปิ้ลมาให้กินอยู่บ่อยๆ”
...ถ้าไม่โดนจูบก็นึกไม่ออกหรอก คิดนานที่ไหนกัน...
“ก็ไหนว่าไม่ถูกกัน ถึงขนาดมาบีบให้พี่โจหาเรื่องใส่ความให้บริษัทนั้นเรียกตัววิศวกรขี้เต๊ะกลับกรุงเทพฯ” สงครามแต่งเสริมเติมแต่ง
“ก็...” แทนอึกอัก
“ไอ้แทน ไม่ต้องมา ก็ แล้วเงียบนะ ทุกทีที่ยูพูดแบบนี้ มันมักจะมีแต่เรื่องยุ่งยากตามมา ทำไมวะ แค่ผู้ชายคนเดียว เคี้ยวแล้วก็คายทิ้งไปเลยสิ ถ้ากริชมาแสดงให้เห็นว่าชอบนาย ก็นอนกับมันไปเลย ให้มันรู้ดำรู้แดง ถ้ายูยังรู้สึกอยากเสียประตูให้กริชอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็แสดงว่ามีใจให้มันแล้วล่ะ ถ้างั้นก็เลือกไปเลย สี่ห้องหัวใจยูจะได้มีเจ้าของเพียงคนเดียว”
“ไอ้บ้า” แทนด่าเพื่อนที่ให้แนะนำเพี๊ยนๆ
...ถ้าทำแบบที่สงครามพูด มิต้องนอนกับใครต่อใครให้ทั่วไปหมดหรือ อย่างน้อยก็สี่คนล่ะ...
“สงคราม เราก็นึกไม่ถึงนะ อยู่เฉยๆ กริชก็แสดงตัวออกมา นี่กำลังช๊อคอยู่”
“กริชกินยาผิดซองหรือไงวะ อยู่เฉยๆ คนปากหนักแบบนั้นจะมาโพล่งออกมาแบบนี้ได้ไง รู้จักกันมาตั้งยี่สิบปี”
“ไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย” แทนแย้ง
“เออๆ รู้แล้ว แค่พูดให้เว่อเฉยๆ” สงครามรีบแก้ตัว “ว่าแต่ว่าจะนั่งเหี่ยวอยู่ที่กระบี่แบบนี้หรือ มากรุงเทพฯ สิ ไอจะพาไปสนุก ไปหาคนที่ห้ามาจับยัดใส่หัวใจยู สี่คนมันน้อยไป ไม่สนุก”
“สนุกที่ไหน ตอนนี้เริ่มปวดหัว คุณภูวนัยก็...” แทนถอนหายใจ
...ภูวนัยก็คงไม่ปล่อยเขาไว้แน่ คนแบบนั้นจะยอมถอยง่ายๆ หรือ ก่อนกลับกรุงเทพฯ ภูวนัยพยายามจูบเขาอีกครั้ง และดูท่าทางไม่อยากจะหยุดแค่จูบด้วยซ้ำ หากไม่ได้นี่งอยู่ในรถ ดีไม่ดีอาจจะมีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น...
“มาเถอะแทน ไอจะยกเลิกนัดกับผู้กอง เอ๊ย สารวัตร เอ๊ยคุณ ธะ...” สงครามตะกุกตะกัก
“แฟนใหม่หรือ” แทนถาม จำชื่อแฟนสงครามไม่เคยได้เพราะฝ่ายนั้นเปลี่ยนบ่อยเหลือเกิน
“เออ”
“ชื่ออะไร”
“จำไม่ได้” สงครามปฏิเสธเสียงน่าหมั่นใส้ “ไม่ได้จำ”
แทนขี้เกียจถามต่อ จึงตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯ อย่างน้อยสองวันที่เหลืออยู่ของสุดสัปดาห์นี้เขาก็ไม่ต้องนั่ง “เหี่ยว” อยู่ที่กระบี่อย่างที่สงครามพูด ใจหนึ่งก็ยังเสียดาย หาดทราย สายลม แสงอาทิตย์จ้า และการอาบแดด แต่การที่ได้มีเพื่อนก็ในช่วงเวลาเช่นนี้ก็น่าจะเป็นการดี

บ่ายวันเสาร์

สนามบินดูค่อนข้างเงียบเหงา ผู้คนไม่ได้เดินทางมากอย่างที่แทนคิด ชายหนุ่มนึกขอบคุณความ
โชคดีที่เขาได้ตั๋วเที่ยวบินเที่ยวแรกที่มาถึงสนามบิน ไม่ต้องรอนาน
แทนเดินตรงไปที่ประตูทางออกขึ้นเครื่อง พลันชะงักเมื่อเห็นร่างหนึ่งเดินตรงไปยังจุดหมายเดียวกัน
...อะไรกันวะ จะหลอกหลอนกันไปถึงไหน...
กริชหันมามองชายหนุ่มที่เดินมาใกล้จะถึงทางออกขึ้นเครื่อง แทนยกแว่นกันแดดสีเข้มขึ้นสวมทันที แล้วปากแดงๆ นั้นก็พูดขึ้นเมื่อเขายิ้มมุมปากให้
“ไปขึ้นเครื่องลำอื่นเลยกริช”
“อ้าว” กริชอ้าปากค้าง “เป็นเจ้าของเครื่องลำนี้หรือไง”
“ทำไมไม่อยู่กระบี่ จะไปทำไมกรุงเทพฯ” แทนอดหาเรื่องไม่ได้ ผ่านไปหนึ่งคืนกับอีกครึ่งวัน เขาเริ่มจะรวบรวมสติได้ เห็นหน้ากริชแล้วอด “กวน” ไม่ได้ทุกทีสิน่า
“แล้วแทนล่ะ ทำไมไม่อยู่กระบี่ ไหนบอกว่าขอบทะเลกับหาดทราย อยากอาบแดดให้ตัวดำไม่ใช่หรือ”
“ก็ใช่ ตอนแรกก็ว่าจะทำแบบนั้น แต่กลัวมีคนมาทำลายบรรยากาศ ก็เลยคิดว่าเข้ากรุงเทพฯ ดีกว่า ไม่นึกว่า...” แทนหยุดพูด ให้อีกฝ่ายคิดต่อเอง
“ไม่นึกว่าจะมีคนมาทำลายภูมิทัศน์ถึงในสนามบิน จะพูดแบบนี้ใช่ไหม” กริชพูดยิ้มๆ เปลี่ยนไปจากเดิมทำหน้าเข้ม ขมวดคิ้วเวลาโดนแทนเหน็บแนม
“บนเครื่องบิน” แทนเน้นเสียง แล้วหันไปยิ้มให้พนักงานที่รับบัตรผ่านขึ้นเครื่อง
“ในกรุงเทพฯ ด้วย” แทนเติม
“รับรองว่าถึงกรุงเทพฯ แล้วจะไม่ให้เห็นหน้าเลย” กริชพูดยิ้มๆ
...ทำไมมาเปลี่ยนหน้าเป็นแบบนี้นะ แต่ก่อนกริชเอาแต่ทำหน้ากวนอารมณ์ คราวนี้มาทำหน้าแบบกฤษณะ จะเอาไงวะ นายคนนี้...
ตลอดการเดินทางสู่กรุงเทพฯ กริชไม่เข้ามาข้องแวะกับสถาปนิกหนุ่ม ต่างคนต่างนั่งอยู่คนละส่วนของเครื่องบิน แทนเบ้ปากนิดๆ เมื่อเห็นว่ากริชหยุดอยู่ที่ส่วนหน้าของเครื่อง นั่งที่นั่งโดยสารชั้นธุรกิจ
“แค่ไม่กี่ชั่วโมงถึงกรุงเทพฯ ยังติดสบาย ที่นั่งไม่เข้ากับบุคลิกหน้าตาเลย”
...อดไม่ได้อีกแล้ว ขอให้ได้เหน็บแนมกริชซักหน่อยเถอะ...

ทันทีที่ถึงกรุงเทพฯ แทบรีบเดินลิ่วออกจากสนามบิน เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งยังที่นัดหมายกับสงคราม แต่เพื่อนเขายังเดินทางไปไม่ถึง ทั้งๆ ที่อยู่ไม่ไกล ขณะที่นั่งรอเพื่อน แทนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่ก็วกกลับมาเรื่อง “สี่ห้องหัวใจ” ไม่ได้
...หากภูวนัยรู้ว่าเขามากรุงเทพฯ จะโดนดุหรือเปล่าก็ไม่รู้ คงหาว่าเขาผิดคำพูดที่บอกว่าจะไปดำน้ำ ส่วนกฤษณะอาจจะมาชวนเขาไปทานข้าวด้วยกัน กฤษณะนี่เป็นไงก็ไม่รู้ จะพาเขาไปทานข้าวอยู่นั่นล่ะ...
...แล้วบุริณทร์ล่ะ นี่สงครามบอกบุริณทร์หรือเปล่าว่าเขามากรุงเทพฯ...
“แทน” เสียงสงครามเรียกชื่อเขา
แทนหันขวับ เตรียมบ่นเพือนที่ปล่อยให้เขารอ แต่อ้าปากค้าง
ตาค้าง...
“พี่โจ” แทนครางเสียงเบา
...ไอ้สงคราม ไอ้เพื่อนแสบ...
“แทนจ๋า คิดถึงจังเลย” บุริณทร์ยิ้มกว้าง เดินเข้ามาใกล้ ทำท่าเหมือนจะโผเข้ากอดสถาปนิกหนุ่มที่นั่งอ้าปากค้างอยู่
“สงครามมาไม่ได้ เลยวานให้พี่มาเป็นเพื่อนแทน” บุริณทร์นั่งลงข้างๆ แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“หุบปากได้แล้วแทน เดี๋ยวแมลงวันบินเข้าปาก”
“สงครามเจอดีแน่” แทนปากยื่น หน้าง้ำ
“แฟนเขาไม่ยอมปล่อยตัว เลยมาไม่ได้” บุริณทร์แก้ต่าง
“ตอแหล”
“อ้าว มาว่าพี่ทำไม” บุริณทร์หน้าเสีย
“เปล่า ว่าสงคราม” แทนแก้ หากทำหน้าเหมือนรู้ทัน “หรือว่าพี่ก็ด้วย”
“โธ่ แทน พี่จะไปทำแบบนั้นทำไม”
“ก็ไหนว่าต้องไปเมืองกาญจน์กับที่บ้าน มาโผล่ที่นี่ได้ยังไง ทำไม พี่บุโทรไปหาสงคราม หรือสงครามโทรหาพี่ คิดกันได้ตอนไหน ตอนก่อนผมขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ หรือตอนที่ผมมาถึงแล้ว”
...ต้องตอนที่เขามาถึงกรุงเทพฯ แล้วแน่นอน ไม่งั้นคงไม่ช้า ปล่อยให้เขานั่งรอไอ้เพื่อนตัวแสบอยู่ได้เป็นนานสองนาน...
“รู้เมื่อกี้นี้เอง” บุริณทร์เสียงอ่อน “แล้วที่พี่มาก็เพราะพี่คิดถึง อาทิตย์ที่แล้วจะไปหาแทนที่กระบี่แทนก็ห้ามไม่ให้ไป”
...ลองไปสิ จะได้จ๊ะเอ๋ กับภูวนัย ปวดหัวยกกำลังสอง แล้วถ้าไปอาทิตย์นี้ก็เจอกับกริช ยกกำลังสาม หนักเข้าไปอีก ขออย่างเดียว อย่าให้มียกกำลังสี่ก็แล้วกัน แค่นี้ก็ปวดขมับจะแย่อยู่แล้ว...
“แล้วนี่พี่จะรับผิดชอบชีวิตแทนยังไง มาถึงกรุงเทพฯ แล้ว”
“ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันก่อน แล้วไปนั่งคุยกันที่ออฟฟิสนะ” บุริณทร์ออกความคิดสร้างสรรค์
...โรแมนติกตายล่ะพี่โจ ไปนั่งคุยกันที่ออฟฟิสนี่นะ เป็นกฤษณะไม่ได้ กฤษณะต้องพาเขาไปที่โรแมนติก ทำอะไรโรแมนติก ทำให้เขารู้สึกเป็นคนพิเศษ เมื่อไหร่เจ้านายเขาจะทำอะไรเหมือนกฤษณะเป็นซักทีนะ...
“พี่จอดรถที่ไหน” แทนถอนหายใจเบาๆ ยังรู้สึกฉุนบุริณทร์อยู่
“ข้างหน้าเลย”
“งั้นไปเถอะ หิวข้าวแฃ้ว พี่ริณทร์ถือกระเป๋ามาด้วยนะ รับผิดชอบชีวิตแทนวันนี้ให้เต็มวัน แล้วพรุ่งนี้แทนจะไปลุยสงคราม” แทนสั่งเจ้านาย แล้วเดินลิ่วไปด้านหน้าศูนย์การค้า ปล่อยให้บุริณทร์ถือกระเป๋าเดินตามยิ้มๆ
...ได้เลยแทน รับผิดชอบชีวิตแทนวันนี้หรือวันต่อๆ ไปก็ได้...
บุริณทร์เดินช้าๆ ปล่อยให้แทนเดินล่วงหน้าไปก่อน วันนี้เขาเตรียมอะไรบางอย่างไว้ให้แทนแล้ว สุดสัปดาห์นี้ต้องวันสุดสัปดาห์ของเขา ไม่ใช่ของภูวนัยอย่างสุดสัปดาห์ที่แล้ว
...จะฮุบเอาไว้คนเดียวไม่ได้หรอก สองสัปดาห์ติดต่อกันแบบนี้ไม่แฟร์ ขออย่างเดียว อย่าให้กฤษณะโผล่มาทำลายบรรยากาศก็แล้วกัน...

สงครามวางโทรศัพท์ ยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นบนริมฝีปาก บอกตัวเองว่าทำถูกแล้วที่ช่วยให้เพื่อนตัดสินใจได้เสียทีเกี่ยวกับผู้จับจองห้องหัวใจของแทนทั้งสามห้อง
...แต่ไม่นึกว่าห้องที่สี่จะเป็นกริชที่อยู่ดีๆ ก็โผล่เข้ามาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ขออย่าให้กริชกลายมาเป็นมามืดโค้งสุดท้ายเลยนะ แค่นี้ก็เสี่ยงต่อการถูกแทน “ถล่ม” มากพออยู่แล้ว
กฤษณะนิ่งเงียบไปชั่วครู่เมื่อรู้เรื่องที่เขาโทรไปบอก ก่อนจะทำเสียงเป็นปกติได้ และกล่าวขอบคุณเขาเบาๆ จะว่าไป เขาก็เสียดายกฤษณะ ผู้ชายโรแมนติก สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างแบบนี้ไม่น่าปล่อยให้หลุดลอย แทนน่าจะได้กฤษณะไปเป็นแฟน ใครๆ ก็น่าจะได้กฤษณะไปเป็นแฟน เขาเองก็ยังพึงใจกฤษณะอยู่บ้าง ส่วนภูวนัยนั้นก็ไม่เลว แต่ดุไปหน่อย อีกอย่าง มีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว มีแววจะปวดหัว บุริณทร์แม้จะเจ้าชู้บ้าง แต่ก็ดูเพลาๆ ลงมาเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา และที่สำคัญสนิทกัน และดูท่าทางจะเป็นจะตายเมื่อเริ่มรู้ว่าแทนกำลังจะหลุดลอยไปเพราะกฤษณะกับภูวนัยรุกหนัก
...เอาวะ เชียร์พี่โจก็แล้วกัน คนใกล้ตัว เป็นแฟนกันก็ช่วยกันทำงานสร้างบริษัท แทนจะได้สมหวัง ได้หุ้นบริษัทมาครึ่งหนึ่งอย่างที่เคยพูดซะที...
...จับคู่ให้คนมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง แต่ว่าวันนี้ที่บอกกฤษณะไปก็เพื่อให้ฝ่ายนั้น “ตาม” ไปสอดแทรกแทนกับบุริทร์ เพื่อนของเขาจะได้ตัดสินใจเลือกซะที เสียดายที่ภูวนัยไปต่างประเทศเรื่องงานกระทันหัน แต่ไม่เป็นไร ให้แทนตัดสินใจระหว่างบุริณทร์กับกฤษณะเสียก่อน หากกฤษณะพ่ายไป คู่ต่อไปก็คือระหว่างบุริณทร์กับภูวนัย งานนี้แพ้คัดออกครับ...
...อย่าให้คู่ต่อไปบุริณทร์ต้องเจอกับกริชเลย ต้องตัดสินใจหลายรอบ ที่จริงก็สงสารแทนเหมือนกัน หากเลือกหลายคู่ มันคงปวดหัวเหมือนกัน กลัวอย่างเดียวเพื่อนเขาจะสติแตกเสียก่อน คราวนี้จะยุ่ง...

ค่ำวันเสาร์

บุริณทร์เดินนำแทนเข้าไปในร้านเอกเขนก ร้านอาหารนอกเมืองบรรยากาศชายทุ่ง ลมเย็นโชยมาเอื่อยๆ อากาศสดชื่น แทนสูดอากาศบริสุทธิ้เข้าไปเต็มปอดแล้วเดินตามบุริณทร์ไปตามทางเดินยกพื้นทีไม้ระแนง ข้างล่างเป็นบ่อน้ำ บุริณทร์หันมาเตือน
“เดินระวังนะแทน”
“รู้แล้วน่า ไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นนะ” แทนหน้ามุ่ย
“คนเขาห่วงหรอก” บุริณทร์ตอบเสียงนุ่ม หันซ้ายหันขวาชื่นชมกับบรรยากาศสดชื่น นึกขอบคุณสงครามอยู่ในใจที่แนะนำสถานที่ดีๆ
“ไปไปไหนกับละนี่พี่บุ เมื่อไหร่จะถึง” แทนถาม เขากับบุริณทร์เดินผ่านโต๊ะมาแล้วหลายโต๊ะ จนใกล้จะสุดทางเดินอยุ่แล้ว
“ถึงแล้ว” บุริณทร์ตอบ ผายมือไปด้านซ้าย ห้องเล็กๆ อยู่สุดทางเดิน มีโต๊ะเล็กๆ เก้าอี้หลายตัว มีจอทีวี ท่าทางเป็นห้องคาราโอเกะ
“คิดอะไรอยู่พี่บุ จะให้แทนมาร้องเพลงให้ฟังหรือไง”
“เป็นส่วนตัว เห็นไหม กระจกรอบ มองออกไปเห็นทัศนียภาพสวยงาม” บุริณทร์ยิ้มกว้าง แล้วหันไปคุยกับพนักงานที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ใกล้ๆ
...สวยงามจริง แต่ขออย่าให้มีคนมาทำให้เสียภูมิทัศน์เลย นึกๆ ยังเสียวไม่หาย เหตการณ์ที่เกิดขึ้นที่กระบี่สองสัปดาห์ติดกัน ทำให้เขาไม่กล้าจะมานั่งชื่นชมกับทัศนียภาพสวยงาม...
...กำลังชื่นชมบรรยากาศสวยๆ ทีไร โดนจูบทุกที สมมุติว่าเขาจะโดนบุริณทร์รุกรานอย่างที่โดนกฤษณะ ภูวนัย หรือกริชกระทำ เขาก็ไม่อยากโดนแบบนั้นในห้องคาราโอเกะหรอก...
...ทั้งสามครั้ง...ทั้งสามคน กลางแจ้งทั้งนั้น ถ้าจะโดนจริงๆ ก็ขอให้โดนกลางแจ้งให้ครบทั้งสี่คนเลยดีกว่า ให้มันสุดๆ ไปเลย...

อาหารอร่อยลำเลียงมาวางบนโต๊ะ แทนทานอย่างไม่กลัวอ้วนเพราะหิวมาก บุริณทร์เตือนให้เขาไม่ต้องเร่งรีบ มีเวลาเยอะแยะ แทนบอกว่ารีบทานให้เสร็จ จะได้กลับไปนั่งคุยกันที่ออฟฟิส
“พี่ก็พูดไปยังงั้นล่ะ ใครจะกลับไปนั่งคุยกันที่ออฟฟิสล่ะ โรแมนติกตายล่ะ”
“แล้วที่มานั่งฉีกกุ้งเผาอยู่นี่มันโรแมนติกมาหรือไงพี่ริณทร์” แทนพูดทั้งที่กำลังเคี้ยวอาหาร
“อยู่ที่ไหน ถ้าอยู่กับแทนมันก็โรแมนติกทั้งนั้นล่ะ” บุริณทร์ยิ้มพราว “ขอแต่เพียงแทนลองเรียกชื่อพี่ดีๆ ซักหน่อยซิ เรียกชื่อพี่ให้ถูก พี่จะได้รู้ว่าแทนกำลังพูดกับพี่คนนี้”
“ก็พูดกับพี่อยู่นี่ไง คิดว่าแทนพูดกับ...ที่ไหน” แทนเว้นวรรค ส่ายหน้าดุกดิก ทำตากลิ้งไปกลิ้งมา
...แบบที่กริชไม่ชอบ...
แทนอดนึกถึงอีกคนไม่ได้...คนใหม่ ที่เพิ่งเผยตัวว่าต้องการเข้ามาจับจองพื้นที่หัวใจห้องที่สี่ของเขา
“อ๊ะ อ๊ะ ว่าพี่เป็นหมาหรือ”
“เปล่า คิดเอาเองนะนั่น” แทนยักไหล่
“ใช่สิ พี่เอาเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คิดเอาว่าแทนอาจจะรักพี่บ้าง” บุริณทร์พูดเสียงนุ่ม สายตาเว้าวอน
“นี่กำลังพูดจริงหรือพูดเล่น พี่บุ”
“พูดจริง” บุริณทร์ตอบสั้นๆ “พี่อาจจะพูดเล่นพูดจริงมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ เวลานี้ พี่พูดจริง และจะพูดจริงจากนี้ไป ขอให้แทนเชื่อพี่ เวลานี้ พี่ไม่เล่นอีกแล้ว พี่เอาจริง”
แทนอึ้ง มือที่กำลังดึงขาปูทะเลเผาชะงัก บุริณทร์ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นกว่าเดิม มือวางอยู่บนหัวเข่าของเขา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
...อย่านะพี่โจ อย่ามาจูบกันตอนนี้นะ กำลังเคี้ยวเนื้อปูอยู่ในปากอยู่นะ...
“แทน พี่รักแทน พี่อยากได้แทนเป็นแฟน พี่อยากเป็นแฟนของแทน แฟนคนเดียว แทนเลือกพี่นะ” บุริณทร์ขอดื้อๆ
แทนนิ่งอึ้ง...อึ้งที่ได้ยินบุริณทร์พูดจริงจัง...จริงจังมากทั้งเสียงและหน้าตาแบบที่ไม่เคยได้ยินและได้เห็นมาก่อน
อึ้งที่มองข้ามไหล่ของบุริณทร์ไปเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของกฤษณะยืนอยู่ที่หน้ากระจกใสหน้าห้อง
39*39*39*39*39*39*39 39*39*39*39*39*39*39

เีดี๋ยวจะมาโพสตอนจบ บทที่ 40 นะครับ  :sad11: :monkeysad: :m15:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2009 15:04:20 โดย katawoot »

ออฟไลน์ duchess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
 o13 55^^

Jim P' Nai again ; )


p.s. have a nice day na kub  :z2:

kororo

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่ได้อ่าน แวะมาทักก่อนเน้อ

แหม ... วันนี้วันอะไรเนี่ย ทำไมน้องนายถึงได้เอานิยายมาโพสได้เนี่ย serprise  :o

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
รอตอนที่40 แต่ว่า.....อย่าบอกนะว่าจะหนีจบไปอีกเรื่องนึง :serius2:
ขอเวลาทำใจก่อน :เฮ้อ:

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
จะจบแล้วเรอะนี่  :a5: รู้สึกเรื่องชกวุ่นวายขึ้นทุกที ควบ 4 ไปเลยแทน  :z2:

nam-nueng

  • บุคคลทั่วไป

เดาไม่ถูกเลยว่าจะจบไง

ตอนนี้แอบเชียรกริชล่ะ แอบรักมานานนนนแล้ว สมหวังก็ดีนะ

ออฟไลน์ ohm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
รอตอนจบค้าบบ
 :impress2:

prawy

  • บุคคลทั่วไป

mecon

  • บุคคลทั่วไป
กริช  :L1: แทน

"ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในค.คุ้นเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น"

ส่วนแทนกับริต้า ริต้าก็ออกตัวแรงเกินไป มันคงมีเหตสิใช่มั๊ย ถึงได้บอกว่าตัวเองพยายามจะเปลี่ยนให้กริชเป็น
อย่างที่ควรเป็นมากกว่าที่กริชเป็นอยู่แต่พยายามกลบไว้ อยู่ดีดีคงไม่บอกว่ากลัวกริชเขวเพราะแทนหรอก
กริชเป็นอยู่แล้ว ถึงแทนไม่ยั่ว ก็ใช่ว่ากริชจะหายหนิ เฮ้ออออ คิดจะเปลี่ยนอะไรที่ไม่มีวันเปลี่ยนได้ กลายเป็น
ไปเป่าให้ถ่านมันค่อยๆกระพือ ในที่สุด ตัวเองก็พ่ายแพ้ ริต้าจ๋า ส่วนกริชถ้าริจะรักก็จีบซะ
ตัวเองรู้จักแทนดีซะยิ่งกว่าใครอย่างน้อยๆก็เท่าๆกันพี่บุ ลุยซะ

ส่วนคุณกฤษณะ ถูกสงครามใช้เป็นเครื่องมืออีกแล้ว ใจคนนะทำเป็นเล่นสนุกไป ถึงแทนจะรู้สึกว่าพี่บุรินทร์
จะดี จะสนิท จะเข้ากับแทนได้แค่ไหน แต่พอเจอรถไฟชนกันแบบจังอย่างนี้
อยากรู้ว่าแทนจะแก้ตัวว่าไง จะทำร้ายจิตใจใครต่อไป หรือจะกลบเกลื่อนว่ามันก็แค่โจ๊กธรรมดา
พี่บุพูดอย่างที่รู้สึก กับแทนจริงๆ แต่คุณกฤษณะก็ได้ยินในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากจะได้ยินสักเท่าไหร่ เฮ้ออออ น่าสงสารจริงๆ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
สะใจเวลาแทนจนมุม 555  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4
สะจายย

ออฟไลน์ bellebee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-3
โอ้ยยย ตอนนี้ หนุ่มกริชมาแรงแซงโค้งเลยค่า!!  เป็นแม่ยกเต็มที่เลย  ชอบหนุ่มมาดกวน น่าร๊ากกกก...

แถมแอบรักแทนมานานกว่าคนอื่นด้วย ฮิ้ววววววว...   o13

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 o13 o13 o13
กริช ตอนนี้นายโดนใจเราอย่างแรงอะ สุดๆ
แล้วจะรออ่านต่อ อิๆ

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
อรุสวัสดิ์ครับ
บทที่ 14 ตอนจบ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ

40

บุริณทร์ถูกสั่งให้นั่งอยู่ในห้องคาราโอเกะทั้งๆ ที่ไม่อยากทำ ด้วยในใจร้อนรุ่มจนอยากจะวิ่งตามแทนและกฤษณะไป แต่แทนยื่นคำขาดให้เขารออยู่ในห้องขณะที่ไปคุยกับกฤษณะที่ลานจอดรถ
“แทนจะหนีไปเที่ยวรอบโลกซักเดือนแล้วไม่เลือกใครเลย ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง” แทนเสียงเข้มขณะที่ยืนอยู่ระหว่างชายหนุ่มทั้งสองคน มือซ้ายและขวากางออก ผลักอกของสองหนุ่มเอาไว้ อากาศในห้องคาราโอเกะอึดอัดทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ
ดังนั้น บุริณทร์จำต้องนั่งรอในห้องเล็กๆ รู้สึกราวกับว่าห้องคาราโอเกะกระจกใสรอบด้านมองเห็นบรรยากาศสวยงามข้างนอกจะกลายมาเป็นห้องขังนักโทษ

แทนเดินตามกฤษณะมาที่ลานจอดรถ สมองพยายามคิดอย่างรวดเร็วแข่งกับเวลา ก่อนที่กฤษณะจะหยุดเดิน และหันมามอง เขาจะต้องคิดอะไรซักอย่างออก
กฤษณะเดินตัวตรง ก้าวเท้าช้าๆ เนิบนาบเป็นจังหวะ หน้ามองตรงไปข้างหน้า ไม่ก้มลงมองพื้นด้วยซ้ำ แทนเสียอีก ต้องคอยก้มหน้ามองพื้นไม้ระแนงที่ยกพื้นขึ้นมาเหนือบ่อน้ำ ทำเสมือนเป็นสะพานเดินไปรอบๆ สวนอาหาร
...เกิดตกลงไปในบ่อน้ำละขายหน้าแย่เลย คงเสียบรรยากาศสุดๆ...
...บรรยากาศอะไรล่ะ บรรยากาศโรแมนติกของบุริณทร์กลายมาเป็นบรรยากาศขั้วโลกเหนือจนได้ ท่าทางกฤษณะโกรธ ดูเยือกเย็นจนเขาหวั่น ภูวนัยก็ทำทางทางโกรธๆ หลายครั้ง หน้านิ่ง ดุ แต่เวลากฤษณะทำหน้าเหมือนภูวนัย ดูดุกว่าหลายเท่า...
...ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้ เหมือนกำลังจะเดินไปหลักประหารยังไงยังงั้น...
...มีกฤษณะเป็นคนทำหน้าที่สำเร็จโทษ...
“คุณกฤษณ์” แทนเรียกเสียงเบา เมื่อกฤษณะเดินมาจนถึงรถที่จอดอยู่ด้านในขอบสุดของลานจอดรถ ที่มีรถจอดอยู่ไม่มากนัก
กฤษณะหยุดยืนนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะหันหน้ามา แวบแรกที่เห็น แทนอดคิดไม่ได้ว่าเห็นประกายตาเจ็บปวดในดวงตาคู่สวยคู่นั้น
ผู้บริหารหนุ่มยืนรอให้สถาปนิกหนุ่มเสน่ห์แรงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน แทนยังอ้ำอึ้งอยู่ ที่เคยปากดี พูดจาลื่นไหลไปได้เรื่อยๆ ตอนนี้รู้สึกฝืดไปหมด
“พูดไม่ออกหรือครับ เอางี้ เพื่อให้คุณแทนรู้สึกสบายใจ ผมจะกลับไปก่อน แล้วเราค่อยคุยกันวันหลัง”
...กฤษณะงอนหรือไง...
“ไม่ต้องครับ” แทนรีบห้าม
กฤษณะเลิกคิ้วข้างซ้ายข้างเดียว แทนไม่เคยเห็นกฤษณะทำแบบนี้มาก่อน นึกแปลกใจอยู่ครามครัน แต่ในที่สุด ก็ตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา
“คุณกฤษณ์มาได้ยังไง”
...งี่เง่า ถามออกมาได้ กฤษณะก็ขับรถมานะสิ แต่ที่รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่กับบุริณทร์เป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่านะ หรือว่า...
...สงคราม ไอ้เพื่อนตัวแสบอีกแล้ว...
“ผมเผอิญผ่านมา”
“โกหก” แทนรีบแทรก รู้ว่ากฤษณะไม่ได้เผอิญผ่านมา ผ่านแบบไหนกัน ไปยืนล้วงกระเป๋ามองเขากับบุริณทร์อยู่หน้าห้องคาราโอเกะสุดทางเดิน
“ใช่ ผมโกหก แต่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น ผมไม่เคยโกหกเรื่องอื่นเลย แม้แต่โกหกหัวใจตนเอง” กฤษณะพูดเสียงเข้มขึ้น ใบหน้าเรียบนิ่ง เคร่งขรึม ต่างจากที่เห็นใบหน้ายิ้มๆ จนชินตา
“คุณละแทน เคยโกหกผมไหม หรือแม้แต่โกหกตัวเอง คุณรักใคร บอกผมสิ ถ้าคุณพูดออกมาตรงๆ ว่ารักคุณบุริณทร์ หรือภูวนัย และไม่ได้รักผม ผมจะไป จะหลีกทางให้ ทุกอย่างมันจะได้ง่ายลง ตัวเลือกคุณจะได้หายไปอีกคนหนึ่ง ไม่ต้องลำบากใจ ทั้งคุณ ทั้งผม ทั้งสองคนนั่น”
...สาม...ตอนนี้คงสามแล้วมั๊ง...
...แล้วเรารักกริชด้วยหรือ...
...ไม่ ไม่ได้รัก ยังไม่ได้รัก...
...ถ้ายัง แล้วจะรักไหมล่ะ ถ้าไม่ได้รักตอนนี้แล้วตอนไหน ต่อไปหรือ แล้วตอนนี้รักใคร...
...รักทั้งสามคน...
...บ้าจริง เขาเลือกไม่ได้  เขารักกฤษณะ เขารักบุริณทร์ด้วย เขายังรักภูวนัยอีกต่างหาก จะให้บอกว่าไม่รักกฤษณะหรือ ทำได้ยังไง แล้วหากเขาจะต้องเลือกให้เหลือเพียงหนึ่งเดียวจริงๆ เขาจะไปโกหกใครต่ออีกระหว่างบุริณทร์กับภูวนัย...
...ไปโกหกว่าไม่รัก...

คืนวันเสาร์

วิริญญาเดินตรงไปยังห้องของภูวนัย เธอตัดสินใจเปลี่ยนเที่ยวบินมาสิงคโปร์แทนที่จะไปฮ่องกง เธอยอมเสียงานเพื่อที่จะมาคุยกับภูวนัยให้รู้เรื่อง เธอเพิ่งจะรู้จากเพื่อนนางแบบคนหนึ่งของเธอเรื่องของภูวนัยกับสถาปนิกคนหนึ่งที่กระบี่ ไม่คิดเลยว่าที่ภูวนัยหายไปจากกรุงเทพฯ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นจะไปโผล่ที่กระบี่ เลขานุการของภูวนัยบอกแต่เพียงว่าไปคุมงาน ตอนนั้นเธอยังคิดอยู่เลยว่าทำไมภูวนัยต้องไปคุมงานด้วยตัวเอง ผู้ช่วยก็มีตั้งหลายคน
นางแบบสาวหยุดยืนอยู่หน้าห้อง  906 สูดลมหายใจลึกๆ เตรียมตัวเผชิญหน้ากับใบหน้านิ่งๆ ของภูวนัย ผู้ชายที่มีเธอความสัมพันธ์ด้วยอย่างจริงจังเป็นเวลาร่วมหนึ่งปี ผู้ชายที่เธอรู้ทั้งรู้ว่าอยู่คนละโลกกับเธอ และก้าวล่วงเข้ามาโลกของเธอแค่บางครั้งหรือบางส่วนเท่านั้น
ทั้ๆ ทีโทรศัพท์มาบอกภูวนัยแล้ว แต่วิริญญาก็รู้สึกตื่นเต้น น้ำเสียงของภูวนัยเมื่อรับโทรศัพท์เธอไม่ได้แปลกใจหรือตกใจหรือมีฉุนเฉียวที่อยู่ดีๆ เธอก็บอกว่าแวะมาสิงคโปร์และอยากจะพบเขา
...ภูวนัยดูเหมือนจะเย็นชาขึ้น ขรึมกว่าเดิม แต่จะเย็นชาเฉพาะกับเธอหรือกับคนอื่นๆ ด้วย เธอไม่เคยระแคะระคายว่าภูวนัยมีอะไรกับใครที่ไหน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอรู้ว่าภูวนัยนอกใจเธอ...
...นอกใจ...ภูวนัยนอกใจเธอหรือ เธอรู้อยู่แล้วว่าภูวนัยไม่แคร์ แรกที่เริ่มคบกันภูวนัยก็เคยพูดว่าเขาไม่สัญญาว่าจะไม่มีอะไรกับใคร เขาอาจมี “อะไร” กับใครบ้าง แต่เขาจะไม่ “คบ”
...เจ็บปวด...ความสัมพันธ์แบบนี้มีแต่เจ็บกับเจ็บ เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันคนหนึ่งก็เคยเตือนเธอแล้ว แต่เธอก็ยังดันทุรัง ภูวนัยก็แสดงให้เธอเห็นตลอดว่าเขาไม่เคย “คบ” กับใครเลย อาจมีคนเข้ามายุ่งกับเขาบ้าง แต่ภูวนัยไม่เคยทำอะไรให้เธอเห็นว่าเขาปันใจให้คนอื่น แต่เมื่อภูวนัยดูแปลกๆ ไปเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา วิริญญาก็เริ่มคิดว่า ภูวนัยคงได้ “ปันใจ” ไปให้ใครเรียบร้อยแล้ว
...ใครที่ว่านั้นที่เป็นคู่ต่อแข่ง “ฝ่ายตรงข้าม” กับเธอ...
...ภูวนัยจะเลือกใคร จะเลือกเธอ หรือผู้ชายคนนั้น แล้วเธอล่ะ จะเลือกภูวนัย หรือเลือกที่จะ “ก้าว” ต่อไป...

บุริณทร์เดินมาที่รถอย่างอ่อนระโหยโรยแรงทั้งที่ไม่ได้ออกแรงอะไรเพียงแค่นั่งคอยแทนอยู่ในห้อง เวลาผ่านไปไม่นานหลังจากที่แทนกับกฤษณะเดินออกไป “คุย” กัน แทนก็โทรศัพท์มาหาเขา บอกว่าขอกลับบ้านไปก่อน เขารีบวิ่งออกไปจากห้อง แต่แทนก็จากไปแล้ว ลูกน้องที่รักของเขาบอกว่าไม่ได้ไปกับกฤษณะ และยืนยันว่าฝ่ายนั้นกลับไปก่อนแล้ว
“พี่โจครับ แทนอยากอยู่คนเดียวซักพัก อย่าโกรธแทนนะ เชื่อแทนเถอะ แทนนั่งอยู่บนแท็กซี่จริงๆ แทนขอโทษ ตอนนี้แทนอยากไปนั่งเงียบๆ แล้วเราค่อยคุยกันนะพี่โจนะ”
บุริณทร์จำเสียงสั่นๆ ของแทนได้ เสียงนั้นฟังดูซึมเศร้าต่างจากที่เคยได้ยินสดชื่นร่าเริงอยู่เป็นนิจ แทนเรียกชื่อของเขาอย่างอ่อนโยนโดยที่เขาไม่ต้องขอร้อง แม้จะเป็นการเรียกชื่อเล่นเขาเพียงสองครั้งแต่ก็เขาก็รู้สึกมีความสุข
..พอๆ กับที่ทุกข์กังวล สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แทนถึงได้หนีไปแบบนั้น...
...แทนพูดอะไรกับกฤษณะ...
...กฤษณะพูดอะไรกับแทน...
...สองคนนั้นคุยอะไรกัน...
...เกิดอะไรขึ้น...
บุริณทร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาคนที่ควรจะรับผิดชอบต่อการวางแผนครั้งนี้ แต่ทันใดก็เปลี่ยนใจ เก็บโทรศัพท์เอาไว้ สงครามทำไปเพราะต้องการให้แทนตัดสินใจ ไม่ใช่เพราะอยากจะแกล้งเขาหรือแทนสนุกๆ ลึกๆ ในใจเขารู้อยู่ว่าสงครามต้องการให้เขาลงเอยกับแทนมาตั้งนานแล้ว แต่เขาเองที่ทำทีเล่นทีจริงมาตลอด
...จะโทษใครล่ะ ต้องโทษตัวเองสิบุริณทร์ คราวนี้เป็นไง พอรู้สึกว่าจะเสียคนที่รักไป มาตีโพยตีพายหาสวรรค์วิมานอะไร ทำไมไม่ตัดสินใจจริงจังกับความรักตั้งแต่ยังไม่มีกฤษณะหรือภูวนัยโผล่เข้ามาล่ะ มารออะไรตอนนี้...
...ปวดหัวจริงๆ ทำยังไงดี แล้วนี่แทนจะเป็นยังไง จะไปทำอะไรอยู่ที่ไหน จะกลับบ้านยังไง อยู่นอกเมืองตั้งใกล เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาใครจะดูแล...

วันอาทิตย์ทั้งวันทั้งคืน

แทนหายตัวไปจากโลกมนุษย์เพื่อตั้งสติ

เช้าวันจันทร์

แม้เช้าวันนี้จะเป็นวันหยุดวันสุดท้ายของสุดสัปดาห์หยุดยาว แต่แทนก็เข้าไปออฟฟิสเพื่อทำงานบางอย่าง ลึกๆ แล้วเขาบอกตัวเองว่าอยากเจอบุริณทร์ หลังจากเกิดเหตุที่ร้านอาหารคืนนั้นแล้วเขาหายตัวไปหนึ่งวันเต็ม ตัดขาดจากโลกภายนอกเพื่อใช้เวลาเต็มวันเรียกขวัญของตัวเองกลับมา
ถึงเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ พนักงานบริษัท iStyle ก็ไม่สนใจ มีคนมา "เคลียร์งาน" กันอยู่หลายคน รวมทั้งบุริณทร์เจ้าของบริษัทและสงครามเพื่อนตัวแสบ
"แกบอกคุณกฤษณะให้ไปโผล่ที่ร้านเอกเขนกใช่ไหมไอ้ตัวดี" ทันที่ที่เห็นหน้าเพื่อนรักนักวางแผน แทนก็เปิดฉากเอาเรื่อง
"เปล่านะ เค้าโทรผิด ไปติดเบอร์คุณกฤษณะได้ไงไม่รู้" สงครามทำหน้าเหรอหรา
"รู้ไหมเกิดอะไรขึ้น" แทนถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้
"ไม่อยากรู้ซักนิด" สงครามยื่นหน้าเข้ามาใกล้ นัยน์ตาเป็นประกายอยากรู้ขัดกับคำพูด
"ไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร ไม่เล่าก็ได้" แทนยักไหล่ ทำเสียงเรียบ หันไปหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาดู รอสงครามพูดประโยคเดิมๆ เวลาอยากให้เขาเล่าอะไรให้ฟัง
"เล่ามาให้หมดนะแทน ห้ามมีการเซ็นเซอร์แม้แต่นิดเดียว"
แทนเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหารอย่างละเอียด ยกเว้นสิ่งที่กฤษณะกับเขาคุยกันที่ลานจอดรถก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปขึ้นรถและขับออกไป และสภาพของตัวเองที่เดินหงอยๆ น้ำตาซึมไปโบกมือเรียกแท๊กซี่
"เสียดายคุณกฤษณ์" สงครามถอนหายใจ "ถ้าเป็นไอ จะเลือกคุณกฤษณ์"
"อ้าว ไม่ได้เชียร์พี่โจหรอกหรือ" แทนเหยียดปาก เหน็บแนมเพื่อน
"ไอเชียร์ทุกคนรู้ไหมเพื่อน ใครก็ได้ที่ยูรัก เอ๊ย พูดใหม่ ใครก็ได้ที่ยูรักเป็นอันดับหนึ่ง"
"สงคราม มันไมได้ง่ายยังงั้นนะ ลองมาเป็นไอ้แทนคนนี้บ้างสิ จะได้รู้ว่ามันยุ่งยากแค่ไหน โชคร้ายลำบากลำบนยิ่งนักที่มีคนมารักและรักคนสามคนพร้อมกัน" แทนทำหน้ามุ่ย
"ก็เลือกซักคนซิวะ โลเลอยู่ได้ ไม่งั้นจะไม่ได้อะไรเลย แกถามตัวเอง รักใครมากที่สุดก็คนนั้นล่ะ" สงครามแนะนำเสียงหนักแน่น
"แต่รักที่สุดกับความเหมาะสม มันไม่ได้ไปด้วยกันได้ตลอดนะ" แทนพึมพำ นัยน์ตาเหม่อลอยถึงใครคนหนึ่งที่เพิ่งผิดหวังจากเขาจนต้องทิ้งงานไปพักร้อนต่างประเทศเพื่อทำใจ
"งั้นก็พี่โจ ช่วยกันทำมาหากิน ไม่หล่อไม่ล่ำสู้ยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ แต่ความบะละฮึ่มและความอึดก็ไม่ด้อยกว่าใคร" สงครามทำเสียงจริงจัง ขัดกับเนื้อหาของสิ่งที่พูด
...น้อยไปแล้ว สงครามไม่รู้อะไร...
"ไอ้บ้า ยังมารู้อีก อย่าบอกนะว่าเคย" แทนหันขวับไปถลึงตาใส่เพื่อน
"ใครบ้างไม่รู้วะ ตอนเรียนอยู่ เด็กคณะอื่นเขาก็พูดกัน คณะเราก็หลายคน แทบจะทุกชั้นปี ยูก็รู้ว่าใบหูและรูหูของสงครามทำงานมีประสิทธิภาพดีกว่าจานดาวเทียมของไอ้ ทู่ วิดชั่น นะโว้ย" สงครามอวดสรรพคุณของตัวเองแล้วทำหน้าทะเล้น ก่อนพูดเติมว่า "ไอว่า แกลองนอนกับทั้งสามคนเลยดีกว่า เมื่อใจรักพร้อมกัน เท่ากันทั้งสามคน ก็วัดกันที่ขนาดและลีลานี่ล่ะ เลือกเอาที่เรารู้สึก comfortable ที่สุด"
...บ้าสงคราม สามคนเลยหรือ ขาดใจตายพอดีเลย...
หากเป็นเวลาปกติ แทนก็คงด่าสงครามว่า ไอ้ทะลึ่งลามก แล้วประสานเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่ทว่า เวลานี้เขากำลังทุกข์ใจ จึงได้แต่หันไปทำตาขวางใส่เพื่อนแล้วพูดเพียงว่า "ทะลึ่ง"คำเดียว
"ทะลึ่งแต่ซื่อสัตย์ต่อตัวเองนะจ๊ะเพื่อนจ๋า" สงครามตอบโต้
แทนถอนหายใจแล้วพูดกับตัวเองว่า "ขออย่างเดียว อย่าให้มาจ๊ะเอ๋กันอีกเลย ไอต้องตายแน่ๆ โดยเฉพาะคุณภูวนัย นี่ถ้ารู้ว่าไอมากรุงเทพฯ โดยไม่บอก เขาคงฉุนน่าดู ต้องโดนดุซะมากมาย"
สงครามอมยิ้ม มองหน้าเพื่อนอย่างสมเพธก่อนจะปลอบเสียงราบเรียบ "งั้นก็เลือกคุณภูวนัย ตัดสินโชะเลยว่า ภูวนัยเท่านั้นที่ฉันต้องการ พอหลอกให้คุณภูเขาฟันสำเร็จ จากนั้นก็ตามไปแสดงตัวกับแฟนนางแบบของเขา บอกว่า เธอเป็นผู้หญิง ถอยไป อ้าวไม่ยอมถอยเร๊อะ ถ้าไม่ถอยงั้นเรามาแบ่งกัน ฉันจะยอมให้เธอเป็นหลวง ฉันเป็นน้อย เพราะฉันมาทีหลัง"
แทนหันขวับไปถลึงตาใส่เพื่อนแล้วโวยวายว่า "แกหยุดแนะนำได้ไหมวะ แต่ละอย่างดีๆ ทั้งนั้นเลย ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว"
สงครามถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วมองเพื่อนด้วยใบหน้าเรียบนิ่งดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
"แทน ยูจะเอายังไงก็ตัดสินใจเข้านะ จะมาโลเลอยู่อย่างนี้ไม่ได้ สงสารหนุ่มๆ ทั้งสามคนนั่น ถ้ายูจะตัดสินใจเลือกที่จะจริงจังกับความรัก มีแฟนเป็นตัวเป็นตัว ยูก็ต้องเลือกเอาซักคน ไม่งั้นก็มาเป็นเพื่อนไอหาความสำราญบนกล้ามแกร่งกำยำของเหยื่อหนุ่มๆ กันต่อ มาเป็นรองประธานชมรม เคี้ยวผู้ชายแล้วคายทิ้ง"
สงครามขึ้นต้นด้วยความจริงจัง หากลงท้ายด้วยความเป็นสงครามคนเดิม
"ก็เรายังเลือกไม่ได้นี่สิ นั่นล่ะปัญหา" แทนทำหน้ามุ่ย "สงคราม มันต้องรักคนเดียวจริงๆ หรือ ใครมากำหนดว่าหัวใจเราต้องรักคนเดียว เราพูดตรงๆ นะ เรารักทั้งสามคน อยากได้ทั้งสามคน จะหาว่าเราโลภมากก็ยอม"
"เขาไม่เรียกว่าโลภมาก เขาเรียกว่า..." สงครามเอียงหน้าคิด "เรียกว่า..."
สงครามยังคิดไม่ออกว่าจะพูดอย่างไร อีกฝ่ายมองหน้าคมเข้มของเพื่อนอย่างใจจดใจจ่อเพื่อรอฟังคำพูดต่อไป
"เรียกว่า..."
"เรียกว่าโลเล" เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาด้านหลัง สงครามกับแทนหันไปมอง ปกรณ์ยิ้มกว้างให้สองหนุ่มแล้วเดินเข้ามาใกล้
"อ๋อเรียกว่าโลเลหรือ" สงครามเบิกตากว้าง ทำท่าเข้าใจที่ปกรณ์พูด "ผมนึกว่าเรียกว่า แรด"
"ไอ้บ้า"
"แทน รู้ไหมทำไมพี่แต่งงาน แล้วจำได้หรือเปล่าว่าใครเป็นคนทำให้พี่ได้รักกับอิน" ปกรณ์พูดยิ้มๆ
"มันนะสิ" สงครามชี้นิ้วไปยังหนุ่มหน้าตี๋ที่นั่งอยู่ข้างๆ "ตอนนี้ก็กำลังจับคู่ให้พศิณ จับคู่ให้คนอื่นไปทั่ว แต่ไม่มีปัญญาจัดการกับตัวเอง"
"ลองคิดดูว่าถ้าพี่มีเมียสามคน อินทิราจะทำยังไง"
"อินก็แหกอกพี่สิ ถามได้" แทนตอบทันที "แต่นี่มันไม่เหมือนกันนะพี่กรณ์"
"ตอนแรกอาจจะตื่นเต้นดีอยู่หรอก แต่หลังๆ จะปวดหัวทรมานมากเลยนะแทน เหมือนๆ ตกนรกเลยล่ะ" ปกรณ์ยังคงพูดต่อ
"เคยตกนรกหรือพี่" สงครามกวน
"ไม่เคย แต่นึกภาพออก มีแฟนสามคนไม่ใช่เรื่องสนุกหรอก สมมุตินะว่าทั้งสามคนนั้นยอม แต่ก็อาจเฉพาะตอนแรกๆ เท่านั้น นานเข้า เขาก็จะทนไม่ได้ มันเป็นอะไรที่กัดกร่อนใจทีละนิด ท้ายที่สุด จะไม่เหลือใครซักคน"
"ไม่เหลือก็หาใหม่ อย่างเราหาได้ง่ายอยู่แล้ว จะหาเมื่อไหร่ก็ได้" สงครามยักไหล่ เอนตัวกับพนักเก้าอี้ ปรายตาหันไปมองแทนที่นั่งเหม่อมองพาร์ติชั่น
"แล้วที่หาได้ใหม่จะดีเท่าที่มีอยู่หรือเปล่าล่ะ มีของดีอยู่กับตัว ต้องหัดตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่เรามี มาทำเล่นกับความรักได้ยังไง" ปกรณ์ยิ้มบางๆ
"ได้ยินไหมแทน พี่กรณ์บอกว่ามีของดีอยู่กับตัว ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ งั้นคืนนี้ไปผับกัน หารายที่สี่ จะได้ครบสำหรับหัวใจทั้งสี่ห้อง" สงครามคอยแทรก
"แทน ถามหัวใจตัวเองให้ดี" ปกรณ์เน้นเสียง
"มันมีหัวใจให้ถามด้วยหรือพี่กรณ์ ไอ้แทนนะมันรักใครเป็นที่ไหน เอาแต่หว่านเสน่ห์ไปทั่ว พอเขาจะเอาจริง มันก็บื๊อ เป็นยังงี้มาแต่ไหนแต่ไร" สงครามยังสอดแทรกไม่ยอมหยุด "ขนาดพี่โจรักและเคารพมันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย แทนมันยังไม่มองเลย กลับไปตกหลุมรักผู้ชายมีแฟนเป็นผู้หญิง ผิดศีลธรรม เสี่ยงตกนรก อีกคนก็..."
...กฤษณะนั่นนะ เต็มสิบได้คะแนน 10.01 เลยล่ะ...
สงครามหุบปาก นึกไม่ออกว่าจะพูดถึงกฤษณะด้านลบยังไงดี
...รูปหล่อ รวย เท่ห์ บุคลิกดี นิสัยดี ไม่มีพันธะ เสน่ห์ร้ายกาจ โรแมนติก ดูยังไงก็หาข้อตำหนิไม่ได้...
"หุบปากไปเลยสงคราม ไม่ต้องมาเชียร์พี่โจจนออกนอกหน้า" แทนเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบมานาน
"ยื่นข้อเสนอแบ่งหุ้นกึ่งหนึ่งเลยว่ะเพื่อน ถ้าพี่โจต้องการเชยชมก้นยูอีกครั้ง ต้องแลกกับการเป็นหุ้นส่วน" สงครามไม่นำพาต่อคำพูดของเพื่อน "เป็นหุ้นส่วนบริษัท แล้วก็เป็นหุ้นส่วนชีวิต"
...โอ๊ย ปวดหัว มีคนช่วยคิดตั้งสองคน แต่ก็ยังปวดหัวอยู่ดี เหตุผลของปกรณ์นั้นก็ดี เหตุผลของสงครามก็เข้าท่าบ้างไม่เข้าท่าบ้าง ไม่รู้ว่าตอนไหนมันจริงจัง ตอนไหนมันพูดเล่น รู้แต่ว่า ตอนนี้เขาสับสนไปหมด...
แทนยกมือขึ้นกุมขมับแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ทิ้งให้สงครามกับปกรณ์มองหน้ากันอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งมองตี๋หนุ่มเสน่ห์แรงอยู่ เจ้านายของแทนและสงครามก็เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วกระแอมส่งเสียงเรียกความสนใจ ปกรณ์หันไปมองบุริณทร์ยิ้มๆ ส่วนสงครามรีบรายงานความเป็นไปว่า
"ไอ้แทนมันกำลังปวดหัวว่าจะยอมเสียตัวให้ใครดีน่ะพี่โจ ช่วยมันตัดสินใจทีเถอะ"
พูดจบ สงครามก็ต้องร้องเสียงดังเพราะฝ่ายที่ฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะยกมือขึ้นฟาดฟาดต้นแขนเสียงดังป๊าบ
ปกรณ์ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเดินจากไป สงครามหัวเราะร่าแล้วก็ขยับตามไปอีกคน ทิ้งให้บุริณทร์ยืนมองแทนอยู่อึดใจใหญ่ นิ่งเงียบอยู่เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
"พี่บุ เมื่อไหร่จะไปซะที" ในที่สุดแทนก็ทำลายความเงียบ ส่งเสียงอู้อี้ถามเจ้านาย
"จะให้พี่ไปไหนเล่า นี่ก็บริษัทพี่" บุริณทร์พูดเสียงเบา นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่สงครามนั่งเมื่อสักครู่ "เว้นเสียแต่แทนไม่อยากได้หุ้นไปซักครึ่ง"
"ให้จริงหรือ" แทนยังฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะทำงาน
"ทั้งหัวใจก็ให้ได้" บุริณทร์ตอบเสียงนุ่ม สายตาจับอยู่ที่ต้นคอขาวสะอาดของชายหนุ่ม อยากจะก้มหน้าลงประทับจูบผิวเนียนของแทนนัก แต่ก็ต้องพยายามหักห้ามใจ ด้วยไม่รู้ว่าแทนจะตัดสินใจอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่ร้านอาหารเมื่อคืนวันเสาร์ เขาก็ไม่ค่อยจะกล้าพูดเล่นกับชายหนุ่มอีกแล้ว คิดๆ ไป ก็เริ่มจะถอดใจ เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างลึกๆ ที่บอกเขาว่า แทนนั้นมีใจให้กับภูวนัยมากกว่าใครอื่น
"แทน ได้ยินไหม ทั้งหัวใจพี่ก็ให้ได้ ถ้าแทนอยากรับเอาไว้ พี่หล่อและรวยสู้สองคนนั้นไม่ได้หรอก แต่พี่ก็รักแทนจริงจัง ที่ผ่านๆ มามันอาจจะดูไร้สาระไปบ้าง แต่หลายเดือนที่ผ่านมานี่ พี่แน่ใจตัวเองแล้วว่า แทนคือคนเดียวที่อยู่ในใจพี่ ถ้าพี่ไม่ได้รู้สึกว่าจะเสียแทนไป พี่ก็คงไม่แน่ใจตัวเองขนาดนี้"
ในที่สุดบุริณทร์ก็พูดออกมา พูดอะไรบางอย่างที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะพูดออกมาได้ ที่เคยบอกว่า ขอสู้กับภูวนัยและกฤษณะซักตั้งเถอะ ตอนนี้เขาได้สู้แล้ว ผลลัพท์จะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่แทนจะตัดสินใจ
...อยากกอดแทนเหลือเกิน กอดเพื่อตอกย้ำคำพูด กอดให้ชายหนุ่มได้สัมผัสความรักของเขา กอดแทนไว้แน่นให้ได้ยินจังหวะหัวใจของเขาที่เต้นเป็นจังหวะความรัก...
แทนยังฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา บุริณทร์จึงลุกขึ้นแล้วเดินกลับห้องทำงาน ปล่อยให้ชายหนุ่มได้คิดคำนึงอะไรอยู่คนเดียว
ทันทีที่บุริณทร์เดินจากไป หนุ่มเสน่ห์แรงก็เงยหน้าขึ้น ตามองอยู่ที่รูปแผ่นเล็กๆ ที่แปะอยู่บนพาร์ติชั่นหลังจอคอมพิวเตอร์ ในภาพ บุริณทร์ยิ้มกว้าง ขนาบข้างด้วยสงครามที่หันหน้าเข้ามาและทำท่าเหมือนจะหอมแก้มซ้ายของเจ้านาย แทนอยู่นั่งอยู่หน้าบุริณทร์ ในมือถือเค้กชิ้นโต ทำเหมือนจะยัดเข้าปากตัวเองทั้งชิ้น
...เฮ้อ...ปวดหัวจริงๆ เลย หัวใจหนอหัวใจ ทำไมมันเป็นไปได้ถึงเพียงนี้...
แทนถอนหายใจแรงๆ แล้วแอนตัวพิงพนักเก้าอี้ แหงนหน้ามองเพดาน ปล่อยใจให้ล่องลอยราวเรือชูชีพลำน้อยในทะเลที่ปราศจากคนพาย

เย็นวันจันทร์

เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ ภูวนัยไม่ได้แวะบ้านก่อน แต่เขาตรงดิ่งไปหาคนที่เขาคิดถึงที่สุดทันที  ตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ที่สิงคโปร์ มีแต่ภาพของแทนผู้ร่าเริงผุดขึ้นในหัว หลังจากวิริญญาไปหาเขาที่โรงแรมคืนนั้น ภาพของแทนยิ่งชัดเจนขึ้นในความคิดคำนึง หนำซ้ำยังรบกวนจิตใจเขามากขึ้น
ตอนนี้เขาไม่อยากจะรีรอแล้ว ยิ่งช้ายิ่งเสียเปรียบกฤษณะและเจ้านายหน้าจืดของแทนเข้าไปทุกวัน ส่วนวิศวกรหน้านิ่งๆ ลูกชายเพื่อนรุ่นน้องคุณพ่อของเขาไม่ค่อยน่าไว้ใจ เพราะเขาเห็นประกายตาบางอย่างในสายตาคมกริบของกริช
สัญชาตญาณระแวงภัยบอกเขาว่า กริชอาจจะเริ่มตกหลุมรักคนเสน่ห์แรงอย่างแทนเข้าให้แล้ว และทำงานอยู่ด้วยกันทุกวันอีกต่างหาก ยิ่งไม่น่าไว้ใจ
...แต่แทนจะยอมหรือ รายนั้นลื่นไหลยังกับอะไรดี ขนาดเขา “จูบ” มัดจำมาตั้งสามสี่ครั้งแล้วยังเอาไม่อยู่...
...แบบนี้ต้องมากกว่าจูบ ดูซิ ยังจะทำหน้าเป็นได้อีกหรือเปล่า...
ภูวนัยมุ่งหน้ามาหาแทนที่บ้านริมคลอง ตาม “สานส์” ของผู้ส่งข่าวที่ได้รับทางโทรศัพท์มือถือทันที่เขาเปิดเครื่องเมื่อถึงกรุงเทพฯ
...มารักษาแผลใจให้แทนหน่อย ที่บ้านเมืองนนท์ ช้าๆ ไม่ได้พร้าเล่มงามนะครับ!...
ขออย่างเดียว อย่าให้สงครามเล่นตลก “แจ้ง” ให้รถไฟทุกขบวนมาชนกันที่ริมคลองเมืองนนท์ก็แล้วกัน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่กลัว จะพุ่งหัวรถจักรชนคันอื่นให้ตกคลองหมดทุกขบวน...

คนที่โผล่หน้าออกมาจากรั้วบ้านของแแทนทำให้ภูวนัยแปลกใจ เด็กหนุ่มอายุวัยกำลังเรียนมัธยมปลายผลักประตูออกให้เขาเดินเข้าไป วัยรุ่นหน้าคม ผิวเข้ม กำลังโตเป็นหนุ่ม ร่างสูงใหญ่เกินอายุ ท่าทางเป็นนักกีฬาเพราะร่างกายบึกบึน
...น้องชายของแทนหรือ ไม่เห็นจะเหมือนกัน คนนี้คมเข้มเป็นเป็นไทยแท้ ส่วนแทน แม้ยืนยันว่าตัวเองไม่มีเชื้อจีน แต่ก็หน้าตาไม่มีเค้าว่าบิดามารดาเป็นคนไทยแม้แต่นิด หากบอกว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นจะน่าเชื่อกว่า...
“พี่แทนอยู่ที่ศาลาริมน้ำครับ เดี๋ยวผมไปตามให้” เด็กหนุ่มหันมาบอก
เด็กหนุ่มไม่ถามว่าเขาเป็นใคร ทำหน้าเรียบเฉย ไม่แปลกใจที่มีแขกใส่สูทเนี้ยบมายืนกดกริ่งหน้าบ้าน แต่ภูวนัยมองออกว่าเด็กหนุ่มอยากรู้ว่าเขาเกี่ยวข้องอย่างไรกับแทน เขาเห็นแววตาอยากรู้อยากเห็น
เขาเองก็อยากรู้ มาถึง นึกว่าจะเจอหนุ่มหน้าตี๋ ปากแดง ท่าทางรั้นๆ คนเดิมที่เขาคิดถึงใจจะขาด กลับมาเจอเด็กหนุ่มหน้าไทย ผิวเข้ม ผมตัดสั้นเกรียน
“ไม่เป็นไร ผมไปเองได้ อยู่ทางโน้นใช่หรือเปล่า” ภูวนัยปฏิเสธเสียงเบา แล้วชี้ไปทางลำคลองข้างบ้าน
เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วหยุดยืน รอให้ภูวนัยเดินผ่านไปก่อนจะไปปิดประตูรั้ว
“ขอบใจนะ เป็นน้องแทนหรือเปล่า” ภูวนัยตัดสินใจถาม
“เปล่าครับ” เด็กหนุ่มตอบสั้นๆ ก้มตัวเล็กน้อย แล้วเดินผ่านหน้าภูวนัยไปหน้าบ้าน
...ใคร มาทำอะไรในนี้ ท่าทางเหมือนคุ้นเคยกับสถานที่...
ภูวนัยเก็บความสงสัยเอาไว้เมื่อเดินมาถึงศาลาริมคลอง คนที่เขาอยากพบนั่งอยู่ที่บันไดริมศาลา สองเท้าแช่อยู่ในน้ำ ตามองออกไปข้างนอกราวกับเขม้นมองบางอย่างอีกฟากหนึ่งของลำคลอง หากภูวนัยรู้ว่า ความจริงแล้วแทนกำลังเหม่อลอย
“คุณแทน” ภูวนัยเรียก แต่อีกฝ่ายยังไม่ได้ยิน เขาจึงเรียกซ้ำ คราวนี้แทนได้ยินและหันหน้ามาช้าๆ ต่างจากครั้งอื่นๆ ที่หันขวับทันที
...โอย ตายแล้ว ภูวนัยบุก รู้ได้ยังไงว่าเราขึ้นมากรุงเทพฯ...
แทนลอบหายใจเบาๆ สองวันมานี่เขาเจอศึกหนัก เย็นวันศุกร์ ช๊อคที่กริชเผยตัวตนและความในใจ วันเสาร์เจอบุริณทร์กับกฤษณะ เช้าวันอาทิตย์ได้ตั้งสติก็จริง แต่เช้าวันจันทร์ก็คุยกับบุริณทร์ในออฟฟิสตั้งนาน ตกบ่ายภูวนัย...
...แบบนี้ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า จะไม่ไหวแล้ว...
“นั่งอยู่คนเดียวไม่เหงาหรือครับ” ภูวนัยถามเสียงนุ่ม ใบหน้ายิ้มๆ
แทนส่ายหน้า หันไปมองจุดเดิม ภูวนัยเดินเข้าไปนั่งชันเข่าใกล้ๆ กับสถาปนิกหนุ่มแล้วล้อว่า “ไม่เห็นเด็กเอาน้ำมารับแขกเลย เปิดประตูรับผมเข้ามาแล้วก็หายไป”
“เด็กข้างบ้าน เขามานั่งคุยกับผมแล้วขอไปนั่งอ่านหนังสือในตู้หนังสือของผม เด็กมันจะเรียนสถาปัตย์” แทนตอบเสียงเรียบๆ
“หรือครับ หน้าตาดีเหมือนกันนะ นึกว่าคุณเลี้ยงต้อยเอาไว้ที่นี่”
“บ้า” แทนตาลุกวาบ กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้งภายในเสี้ยววินาที
...ภูวนัยคิดอะไรบ้าๆ เจ้าเดี่ยวนะหรือเขาจะเลี้ยงต้อย อายุยังไม่ใกล้บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ ภูวนัยล้อเล่นแบบนี้ก็เป็น คิดได้ไง...
 “อ้าว ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ ไม่ต้องทำหน้าจะกินเลือดกินเนื้อผมขนาดนั้น” ภูวนัยตอบยิ้ม “แล้วนี่คิดถึงผมบ้างไหม ผมไปทำงานที่สิงคโปร์ คิดถึงคุณมาก ไม่คิดว่าคุณจะมากรุงเทพฯ”
เสียงภูวนัยอ่อนโยน บ่งบอกความรู้สึกชัดเจนเพราะเจ้าตัวไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกอีกแล้ว


ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
พี่นาย จะหนีกันไปไหนเนี่ย

ปิดตัวพร้อมกันสองเรื่องเนี่ย  :z13:  นี่แน่ะ

ออฟไลน์ ลูกหมีน้ำแดง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
จะรีบจบไปไหนค่ะ


 :a5:



:z3:


น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป

ทำไมแทนถึงได้เสน่ห์แรงอย่างนี้ฟะ ไม่เข้าใจเลย
แล้วจะเลือกใครดีล่ะ  :เฮ้อ:
อ่านแล้วอยาก  :z3: :z3: :z3:

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
ต้องจบแล้วอ่ะครับ มัน 40 ตอนแล้วนะจ๊ะ
แต่สัญญาว่าจะีมีบทส่งท้ายแบบกระปิดกระปอยมาเป็นระยะนะครับ แบบ 1 เดือนให้หลัง 1 ปีให้หลัง หรือ 2 ปีให้หลังประมาณเนี๊ยะอะนะ แต่ตอนนี้แทนต้องพักก่อน เพราะแทนปวดหัวมากมายกับโชคร้ายที่คนมารุมรัก

 “อ้าว ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ ไม่ต้องทำหน้าจะกินเลือดกินเนื้อผมขนาดนั้น” ภูวนัยตอบยิ้ม “แล้วนี่คิดถึงผมบ้างไหม ผมไปทำงานที่สิงคโปร์ คิดถึงคุณมาก ไม่คิดว่าคุณจะมากรุงเทพฯ”
เสียงภูวนัยอ่อนโยน บ่งบอกความรู้สึกชัดเจนเพราะเจ้าตัวไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกอีกแล้ว
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมมากรุงเทพฯ”
“ก็เดาเอา” ภูวนัยยักไหล่ มองออกไปข้างนอกศาลาริมน้ำ สูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์
...เขามีพรายกระซิบ โชดดีที่กลับถึงกรุงเทพฯ ก็ได้รับข่าวดีทันที...
ภูวนัยหันมายิ้มให้สถาปนิกหนุ่มแล้วขยับมานั่งชิดคนที่หรี่ตามองเขาอยู่ ผู้บริหารหนุ่มถอดรองเท้าและถุงเท้าแล้วหย่อนเท้าลงน้ำเหมือนกัน แทนอยากจะขยับหนีแต่ทำไม่ได้เพราะบันไดท่าน้ำแคบ
“เดี๋ยวบันไดหักพอดี ตัวคุณเล็กยังกะอะไร” คนที่ถูกเบียดที่บ่นอุบอิบ
“ดี จะได้เล่นน้ำกันให้สนุก”
“อยากเล่นน้ำนักหรือไง เดี๋ยวผลักให้ตกลงไป” แทนขู่โดยไม่มองหน้าคนตัวโตที่นั่งชิดเขาอยู่ “ว่าแต่ว่ายน้ำคลองเป็นหรือเปล่า หรือว่ายเป็นแต่น้ำในสระ”
“คิดว่าผมจะลงคนเดียวหรือ” ภูวนัยเอียงหน้า เลิกคิ้วท้าทาย ใบหน้ายิ้มๆ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากใบหน้าที่แทนเคยค่อนขอดว่ามีอยู่อารมณ์เดียว
...เหมือนกฤษณะยังไงยังงั้น แต่ก่อนทำหน้าเข้มอยู่เป็นนานสองนาน...
...แต่จากนี้ไปคงไม่เห็นหน้ายิ้มๆ ของกฤษณะอีกแล้ว ใบหน้าของกฤษณะครั้งล่าสุดนั้นกลับกลายมาเป็นใบหน้าแบบที่ภูวนัยชอบทำตอนที่จับได้ว่าเขาทำผิด...
...หน้ากรุ้มกริ่มของภูวนัยตอนนี้ออกมาพิมพ์เดียวเหมือนกฤษณะยังไงยังงั้น เหมือนของบุริณทร์ เหมือนกริช...
...อ้าว มีกริชเข้ามาอีกคน ปวดหัวเพิ่มสิเนี่ย รายนั้นเหมือนภูวนัย หน้าเคร่งอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นอีกแบบ ทำตาวิบวับน่าหมั่นใส้...
“ถ้าเปียก ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนนะ อย่าหวังว่าจะได้ใส่เสื้อผ้าผมกลับบ้าน ตัวคนละไซด์ อย่างคุณภูวนัย ไซด์ยักษ์แบบนี้ หาเสื้อใส่ยาก ผ้าห่มคลุมละพอไหว” แทนพึมพำ
“ใครว่าผมจะกลับ ไหนๆ มาแล้วก็นอนที่นี่เสียเลย” ภูวนัยตอบกลับเสียงทุ้มต่ำ มองแทนด้วยสายตาระยิบระยับ
แทนก้มหน้า รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว
...หน้าเแดงหรือเปล่านะ ทำไมภูวนัยมาแนวนี้ เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา ทำไมมาเล่นบทเจ้าชู้กรุ้มกริ่มแบบนี้ คิดยังไงกันนี่ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเราเขิน...
“นี่บ้านนะ ไม่ใช่โรงแรม ใครจะมาค้างก็ได้” แทนบ่นอุบอิบแล้วนั่งตัวแข็งเมื่อคนไม่อยากกลับบ้านยกแขนขึ้นโอบ แล้วตามด้วยการหอมแก้มหนึ่งฟอด
“คุณภูวนัย” แทนทักท้วง แล้วยกมือขึ้นถูแก้มเบาๆ
“แทนครับ ผมไม่อยากปิดบังความรู้สึกอีกแล้ว ผมรู้ว่าคุณไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่เพราะเอาแต่ดุคุณ แต่ผมก็อยากจะบอกว่า...”
...ทำไมจะไม่ชอบหน้า ชอบมากๆ เลยล่ะ แล้วที่บอกว่าเอาแต่ดุนั้นพอจะทนไหว แต่มาทำหวานแบบนี้ ชักจะทนไม่ได้ แล้วนี่ คุณกำลังจะบอกอะไร...
...จะบอกว่ารักเหมือนกฤษณะ หรือเหมือนบุริณทร์หรือ แต่จะว่าไป ภูวนัยไม่เคยบอกรักเขาเลย...
...กริชก็ไม่เคยบอก!
...บ้าสิ กริชจะมาบอกได้ยังไง เพิ่งคบกัน เอ๊ย ไม่ได้คบ แค่ทำงานด้วยกัน แล้วกริชก็เกิดบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้...
...แต่ถึงภูวนัยไม่เคยบอก ทำไมตัวเราสั่นๆ ใจเราสั่นๆ แบบนี้...
“บอกว่าอะไร พูดให้ดีๆ นะ ไม่งั้นตกน้ำ” แทนขู่เสียงเบา ด้วยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีไปกว่านี้ ใจเต้นตึกตัก มือเย็นเฉียบ เท้าที่แช่อยู่ในน้ำคลองสั่นขึ้นมาทันใดประหนึ่งว่าแช่อยู่ในน้ำแช่น้ำแข็งเย็นจัด
“ผมรักคุณ”
...โอ๊ย อยากกระโดดลงคลองเดี๋ยวนี้เสียให้ได้ แล้วดำน้ำลงไปไม่ต้องโผล่ขึ้นมาอีกซักชั่วโมงสองชั่วโมง...
...รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน...

กลางดึกคืนวันจันทร์

ภูวนัยพลิกตัวเปลี่ยนท่านอนทันทีที่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก เขารู้สึกหนาวขึ้นมาเพราะร่างกายเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าแพรบางๆ ห่มไว้ถึงช่วงเอว แขนแข็งแรงควานหาคนที่นอนอยู่ข้างๆ แต่ต้องรีบผงกศรีษะขึ้นเพราะที่นอนอีกฟากหนึ่งของเตียงว่างเปล่า
...หายไปไหน ที่นอนเย็นๆ ไม่มีไออุ่น เหมือนกับลุกไปนานแล้ว...
ภูวนัยหันไปมองหน้าต่างสองบานที่เปิดโล่งรับลมเย็นจากข้างนอก อากาศบริสุทธิ์กลางดึกของบ้านสวนช่างสดชื่นยิ่งนัก แม้ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ แต่ห้องนอนบนชั้นสองของบ้านสวนริมคลองก็เย็นสบาย
...ไม่นะ ไม่ ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิด...
ชายหนุ่มหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่วางพาดอยู่บนโต๊ะปลายเตียง เดินไปเปิดไฟแล้วหันมองหาคนที่เขานอนกอดมาค่อนคืน
...ในห้องน้ำก็ไม่มี หรือว่าอยู่ข้างนอก ไปนั่งเล่นหรือเปล่า...
ภูวนัยเดินหาเจ้าของบ้านอย่างร้อนใจแต่ไม่พบแม้แต่เงา เขาเดินลงจากบ้านแล้วตรงไปที่ศาลาริมน้ำ แต่ก็สิ้นหวัง เขาเดินกลับมายังสวนหน้าบ้านอีกครั้ง สอดส่ายสายตามองหาคนที่เขาเพิ่งบอกรักไปเมื่อตอนบ่ายและใช้เวลาด้วยกันจนถึงหัวค่ำ ทำอาหารรับประทานด้วยกันอย่างมีความสุข และลงเอยด้วยบทรักที่ตราตรึงใจเขาไม่มีวันลืม ก่อนจะกอดร่างของคนที่เขารักไว้ในอ้อมแขนแล้วหลับไปด้วยกัน
มองไปบนท้องฟ้ามีดาวพราวระยับ แสงไฟสลัวรอบๆ บริเวณทำให้พอมองเห็นทั่วบริเวณบ้านริมน้ำที่เงียบสงบ บรรยากาศร่มรื่น เสียงหรีดหริ่งเรไรร้องดังให้ได้ยินเป็นระยะๆ ราวกับจะประสานเสียงร้องบอกภูวนัยว่า
...คนที่เขารักจากไปแล้ว...
ภูวนัยเดินกลับขึ้นมาบนบ้านและกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูเพื่อเข้าไปยังห้องนอน พลันสายตามองเห็นแผ่นกระดาษสีชมพูสดใสแปะอยู่บนประตู ลายมือเป็นระเบียบเขียนข้อความเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ ได้ใจความ เขาอ่านแล้วถึงกลับอึ้ง ก้อนแข็งจุกอยู่ที่คอหอยเหมือนจะทำให้ขาดใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บในอก ราวกับถูกเข็มแหลมๆ ทิ่มแทง
...ทำไม ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมตัดสินใจแบบนี้ ทำให้เขามีความสุข ยังไม่ถึงข้ามคืน กลับให้เขาลิ้มรสความเสียใจแล้วหรือ ทำไมต้องเป็นแบบนี้...
ภูวนัยทรุดตัวลงนั่งพิงประตูห้อง เคาะศรีษะกับประตูไม้สักช้าๆ นัยน์ตาเหม่อลอย ปากเม้มอย่างพยายามสะกดอารมณ์ นึกไม่ถึงว่าแทนจะตัดสินใจอย่างที่เพิ่งทิ้งข้อความเอาไว้ให้เขา ในใจสั่นสะท้านไปด้วยความรู้สึกที่ตัวเองก็บรรยายไม่ถูก โตมาจนอายุขนาดนี้ เขาไม่เคยนึกเลยว่าตัวเองจะหมดแรงทรุดนั่งกับพื้นเพราะพิษแห่งรัก
...ความรัก มีพลังได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ...
...แล้วถ้ารักผม ทำไมต้องปฏิเสธกัน...ทำไม...

ส่งท้าย

เย็นวันอังคาร

"โอย โอ่ย โอ๊ย" สงครามร้องลั่น เข่าอ่อน ตัวเอียง เมื่อแทนออกแรงบิดแขนที่ไขว้อยู่ด้านหลัง วันนี้เลิกงาน เขาตั้งใจว่าจะมาเยี่ยมแทนที่บ้านสวนเมืองนนท์ แต่ทันทีที่เจอหน้า เพื่อนรักก็ปรี่เข้ามาจัดการเขาทันที
"สงคราม ไอ้เพื่อนตัวแสบ" แทนเข่นเขี้ยว เค้นเสียงผ่านไรฟัน
"ไอผิดตรงไหนวะ ทำคุณบูชาโทษ ยูน่าจะขอบคุณไอที่ช่วยทำให้อะไรให้ง่ายเข้า เป็นไงละทีนี้ ตัดสินใจได้แล้วสิ"
"รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น" แทนเสียงดัง
"ไม่อยากรู้" อีกฝ่ายตอบทันที
"ไม่อยากรู้ก็ไม่ต้องฟัง"
"เฮ้ย พูดเล่น เล่ามาให้หมดนะแทน ห้ามเซ็นเซอร์เด็ดขาด" สงครามส่งเสียงเรียกร้อง
"ไม่ทั้งหมด" แทนเสียงแข็ง
"เออๆ แค่ไหนก็อยากฟัง แต่ตอนนี้ปล่อยแขนไอก่อนเถอะ พ่อแก้วแม่แก้ว ลูกเจ็บ" สงครามอ้อนวอน
คนที่ทำร้ายเพื่อนปล่อยมือ อีกฝ่ายยืดตัวขึ้น ยกมือลูบแขนป้อยๆ หน้านิ่วคิ้วขมวด "แรงเยอะชิบหาย เจ็บสุดๆ ทำดีไม่ได้ดี"
"ไปปลอบกับเองนะ ไปปลอบพี่โจ ไปปลอบคุณกฤษณะ ไปปลอบ..." แทนชะงักชั่วครู่แล้วจึงพูดต่อ "คุณภูวนัยด้วย"
"เฮ่ย ทั้งสามคนเลยหรือ แสดงว่ายูเอาของใหม่ เคี้ยววิศวะหรือไงเพื่อน" สงครามเสียงดังลั่น
"เบาๆ จะแหกปากไปหาอะไร" แทนปรามเพื่อนแล้วส่ายหน้า
"อ๋อ เลือกเคี้ยวแห้ว" สงครามสรุป
"สงคราม เรารักหมด" แทนถอนหายใจเฮือกใหญ่
"กริชด้วยหรือ"
"กริชไม่แน่ใ แต่ว่า..." แทนยอมรับเสียงเบา
"แต่ว่า...แต่ว่าแล้วก็นิ่งเงียบ แสดงว่า..." สงครามทวนคำพูดแล้วก็หยุดนิ่งไป ราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
..อยากถีบสงครามเลยจริงๆ ให้ตายสิ...
แทนยกเท้าขึ้นทำท่าจะถีบเพื่อนลงไปกองกับพื้น
"เราเลยไม่เลือกที่จะไม่เลือกเลยดีกว่า หากพรหมลิขิตมีจริง คนที่คู่กันก็คงได้คู่กัน" แทนรำพึงเสียงเบา ตามองไปยังต้นมะลิที่กำลังออกดอกสีชาวเต็มต้น
"ไอมีคู่ทุกเดือนมิได้ขาด พรหมลิขิตมันมีจริงอยู่แล้วเพื่อนเอ๊ย" สงครามยักไหล่
"พรหมของอยู่กับพรหมของไอมันคนละแผนกกัน"
"แล้วนี่พี่โจเขาไล่ยูออกหรือยัง" สงครามไม่สนใจ ถามเพื่อนหน้าตาเฉย
"จะบ้าเหรอะ ลองมาไล่ออกดูสิ ไล่ออกเพราะไม่ยอมเป็นแฟนนี่นะ เดี๋ยวพ่อได้ฟ้อง ส.ค.บ."
"น่าสงสารพี่โจ" สงครามเสียงแผ่ว ทำหน้าเศร้า
"สงสารคุณกฤษณ์ด้วย"
...กฤษณะเสียสละให้เพื่อน เขารู้ว่ากฤษณะเสียสละ ตั้งแต่วันนั้นที่ลานจอดรถ ตอนที่เขาอึกอักไม่ยอมตอบคำถามหนึ่งของกฤษณะ และไม่ยอมพูดอะไรออกมาอย่างที่กฤษณะเร่งรัด เขายังรู้สึกผิดอยู่ไม่หาย...
แทนถอนหายใจเฮือกใหญ่
"สงสารคุณภูวนัยด้วยงั้นสิ" สงครามเสริมแล้วช่วยแทนถอนหายใจดังๆ "แล้วนี่ก็เหลือกริชคนเดียว ตัดสินใจยังไงก็ค่อยบอกไอนะแทน จะได้รอสงสารพ่อวิศวะจอมกวน"
...สงสารตัวเองดีกว่า ใครจะน่าสงสารเท่าแทนไม่มีอีกแล้ว เกิดมาก็มีคนมารักตั้งสี่คน และที่แย่ก็คือ เขารักทั้งหมดพร้อมๆ กันนี่สิ...
...เต็มสี่ห้องหัวใจเลยทีเดียว...
...แล้วทีนี้ คนที่ครอบครองห้องหัวใจน้อยๆ ของเขาทั้งสี่ห้องจะยอมอยู่อาศัยต่อหรือจะพากันย้ายออกไปจนหมดก็ยังไม่รู้...รู้แต่ว่า หากห้องหัวใจทั้งสี่ห้องของเขาเกิดว่างขึ้นมาพร้อมกัน เขาก็คงเหงาไม่ใช่น้อย...
...สงสัยคงต้องขึ้นคานไปนั่งเล่นอยู่กับสงครามเพื่อนรักซะแล้ว...
"บอกแล้วว่าให้ลาออกมาเป็นเพื่อนหาอะไรเคี้ยวเล่นไปเรื่อยๆ ดีกว่า" เสียงสงครามลอยมาตามสายลม
ตอนนี้แทนไม่ได้ยินอะไรแล้ว นอกจากเสียงลมอื้ออึงในหู ส่วนใจก็ล่องลอยไปไกลแสนไกล
...ถึงกฤษณะที่อยู่ห่างไกลถึงญี่ปุ่น
...ถึงภูวนัยที่คงกำลังตีกอล์ฟอยู่ที่บาหลี
...ถึงบุริณทร์ที่อาจยังนั่งอยู่ในห้องทำงานบริษัทถึงค่ำเช่นเคย
...ถึงกริชที่คงกลับไปทำงานที่กระบี่แล้ว
แทนเดินไปหยุดยืนที่ศาลาริมคลอง มองออกไปยังลำน้ำที่กำลังไหลเอื่อยๆ ไปตามครรลองแห่งธรรมชาติ สายลมเย็นโชยมาเอื่อยๆ แว่วๆ เสียงสงครามดังมาจากหน้าบ้าน แทรกเข้ามาในโสตประสาทของเขา
"ว่าไงเดี่ยว โตขึ้นมากแล้วนี่เรา อายุกี่ปีแล้วล่ะ ทำไมบึ๊กอย่างนี้ กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เลยนะ"
"สิบเจ็ดปีแล้วครับ" เด็กหนุ่มตอบ ก่อนจะบอกว่ามาขอดูหนังสือของแทนในตู้หนังสือ
"ผมจะสอบเข้าสถาปัตย์ ผมอยากเป็นสถาปนิก"
"ดีๆ มาหาพี่แทนบ่อยๆ นะ เดี๋ยวพี่เขาช่วยติวให้เข้ามหา'ลัย" สงครามแนะนำแล้วหัวเราะร่วน
"ครับผม" เดี่ยวรับคำ

....จ๊บแล่ว...

lboy

  • บุคคลทั่วไป
อะไรกัน ทำไมเป็นแบบนี้ สงสารกฤษณะอ่ะ ผู้ชายดี ๆ แบบนี้หาได้ที่ไหน เรื่องต่อขอเป็นตอนต่อของกฤษณะที่จะได้เจอคนดี ๆ ที่รักเขาจริง ๆ ได้มั๊ยคะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ นะคะ และจะติดตามผลงานคุณต่อ ๆ ไป

ป.ล.ชอบแนวคดีรักมากกว่าค่ะ ไม่ชอบคนหลายใจ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อ่านแล้วก็ยังไม่ไหวจะเคลียร์กับแทน สรุปแล้วยังไงเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย เซ็งๆๆๆๆๆ

แต่ผมรอเรื่องต่อไปดีกว่า ต้องสนุกแน่ๆ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด