สานฝันนิรันดร : ขอบคุณทุกคน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

๑.   สนใจสั่งจอง
5 (55.6%)
๒.   ขอคิดดูก่อน
4 (44.4%)
๓.   ไม่สนใจ
0 (0%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 5

ปิดการโหวต: 31-05-2012 00:47:21

ผู้เขียน หัวข้อ: สานฝันนิรันดร : ขอบคุณทุกคน  (อ่าน 211253 ครั้ง)

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
หุหุ เรื่องใหม่ของคุณบุหรง

มาแนวลึกลับอีกแว้ววววว

ได้ลุ้นกันอีกแล้วซิเนี่ย อิอิ

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
บทที่ ๓

…โซ ยัง เธอยังเด็ก สำหรับคนไทย เธอเด็กเหลือเกินที่ทำแบบนี้ …
…โซ ยัง ยังเด็กเหลือเกิน ...

เด็กชายงัวเงียตื่นขึ้นมากลางดึก รู้สึกว่าหมอนข้างที่นอนกอดอยู่ ทำไมวันนี้ขนาดของมันดูจะใหญ่โตผิดปรกติ จนเขาสามารถนอนหนุนแทนหมอนธรรมดาได้ แล้วยังนุ่มนิ่มและอบอุ่นเหลือเกิน เด็กชายพลิกตัวเปลี่ยนท่าจากนอนตะแคง เป็นนอนหงายทั้งๆที่ศรีษะยังหนุน ‘หมอนข้าง’ ใบนั้นอยู่ แล้วก็ต้องรู้สึกเย็นบริเวณหน้าอก จึงควานหาผ้าห่ม ทันทีก็เหมือนมีคนเลื่อนผ้าห่มมาคลุมแผ่นอกเขาไว้ แล้วเหมือนมีมือนิ่มลูบเบาๆที่หัวไหล่ ลมอุ่นๆแผ่วเบากระทบกับเส้นผมบนศรีษะ
“เด็กน้อย หลับเถอะนะ”
เสียงแผ่วเบาเหมือนกระซิบ เด็กชายรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน เอื้อมมือไปดึงมือบนไหล่ให้มาโอบกอดตนเองไว้ด้วยความลืมตัว พลางจับมือนั้นไว้แน่น แล้วก็ผลอยหลับไปอีกครั้ง ก่อนที่เด็กชายจะหลับนั้นก็รู้สึกได้ว่ามีลมอุ่นๆและความชื้นของริมฝีปากใครบางคน มาสัมผัสอย่างแผ่วเบานุ่มนวลที่แก้มของตน

กริ๊งงงงงงงงงงงง ...
เสียงนาฬิกาปลุกที่อยู่ตรงหัวเตียงดังขึ้น ภูริทัตเอื้อมมือไปกดปุ่มปิดเสียงปลุกนั้นตามความเคยชิน แล้วลุกขึ้นนั่งสลัดศรีษะให้หายงัวเงีย คิดถึงความฝันเมื่อคืน ก็ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ ความฝันที่เขาฝันถึงบ่อยๆ บางครั้งยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ที่ยังหลงเหลืออยู่ที่ฝ่ามือและแก้มเมื่อยามตื่นขึ้นมา แล้ววูบหนึ่งก็คิดถึงใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มบางๆ และดวงตาสีเขียวมรกต ก็ต้องยิ้มกว้าง ส่ายศรีษะเบาๆอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ ทำกิจวัตรประจำวัน เพื่อเตรียมตัวจะออกไปทำงานตามปรกติ

ชายหนุ่ม ๓ คน ที่นั่งอยู่บนโต๊ะในร้านอาหาร เคยเป็นจุดสนใจของสาวๆหลายคนในบริษัท ด้วยรูปร่างหน้าตาที่จัดว่าดีไปคนละแบบ และบุคลิกที่ชวนมองต่างกัน พอเวลาผ่านไปก็เริ่มกลายเป็นจุดสนใจน้อยลง โดยเฉพาะเมื่อทั้ง ๓ ต่างเปิดเผยโดยท่าทีว่า มีความสนใจในเพศเดียวกันมากกว่าเพศตรงข้าม ทำให้สาวๆคนเกิดอาการ ‘อกหัก’ กันไปหลายคน แต่ในทางตรงข้ามบุรุษที่นิยมชมชอบในบุรุษด้วยกัน ก็ ‘สมหวัง’ กับสองในสามหนุ่มไปไม่น้อย ถึงแม้จะเป็นความสัมพันธ์ในระยะสั้นๆ หรือบางคนเป็นเพียงความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนเท่านั้น มีเพียง ภูริทัต เท่านั้น ที่ยังไม่เคยทำให้ใคร ‘สมหวัง’
“เอ็งก็ทำเป็นเล่นตัวอยู่ได้ ไม่ตกลงปลงใจกับมันไปซะที” รังสรรค์พูดถึงหนุ่มรุ่นน้องที่ทำงานอยู่ในแผนกเดียวกัน
“เห็นใจมัน ก็รวบซะเองสิ” ภูริทัตพูดแล้วหันไปสั่งเครื่องดื่ม
“ถ้ามันสนใจข้านะ เอ็งก็รู้ข้าไม่เคยฝืนใจใคร” รังสรรค์ตอบกลั้วหัวเราะ
“ส่งมาให้เราก็ได้” ปรีชาพูดพลางนึกถึงชายหนุ่มร่างบาง ใบหน้ากลมๆ คิ้วบางดวงตาเล็กๆ และผิวขาวละเอียดของชายหนุ่มที่ชื่อกรกฎ หรือที่เพื่อนๆเรียกกันว่าปู
“อยากได้ก็คั่วเองดิ๊วะ” รังสรรค์พูดแล้วก็หันไปรับจานอาหารจากพนักงานที่ยกมาเสริฟให้
“ได้เลย คอยดูฝีมือเรานะ” ปรีชาพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย เพราะมองเห็นชายหนุ่มคนที่พวกตนกำลังพูดถึง เดินเข้ามาในร้านอาหารพอดี “ปู ทางนี้” ส่งเสียงพร้อมกับโบกมือเรียก
ชายหนุ่มร่างบาง ในชุดทำงานโทนสีหวาน กางเกงสีน้ำตาลเข้ม เสื้อสีชมพูอ่อน เนคไทสีม่วงเข้ม ยิ้มกว้างแล้วเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งสาม
“นั่งด้วยกันสิ” รังสรรค์ชวน ในขณะที่ภูริทัตหันไปรับจานอาหารและแก้วเครื่องดื่มจากพนักงาน
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ว่างที่อยู่ตรงข้ามกับภูริทัต ดวงตาจับจ้องคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่วางตา ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเริ่มรับประทานอาหาร โดยไม่ให้ความสนใจเขาเลย ความรู้สึกน้อยใจแสดงผ่านออกมาทางดวงตาเรียวเล็กอย่างปิดไม่มิด
“จะไม่ทักน้องมันหน่อยเหรอวะ ห่วงแต่กินอยู่ได้” รังสรรค์พูดพลางตบไหล่ภูริทัตเบาๆ
“หิวนี่หว่า เจอกันแทบทุกวันอยู่แล้ว วันละตั้งหลายรอบ ทักไม่ทักไม่ต่างกันหรอก” ภูริทัตพูดอย่างไม่ค่อยสนใจนัก
ปรีชาและรังสรรค์หัวเราะกับท่าทางของเพื่อน แล้วกันไปชวนกรกฎที่สั่งอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว คุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆระหว่างรับประทานอาหารมื้อนั้น
“เห็นพวกพี่ๆชอบฟังเพลงกัน พอดีผมมีตั๋วคอนเสริทที่ศูนย์วัฒนธรรมคืนพรุ่งนี้ ไปดูด้วยกันมั๊ยครับ” กรกฎพูดขึ้นมาในระหว่างสนทนา
“คอนเสริทอะไร” ภูริทัตแสดงความสนใจขึ้นมา ทำให้กรกฎเริ่มยิ้มกว้าง และบอกชื่อวงออเครสตราที่มีชื่อเสียงวงหนึ่งออกมา “ก็น่าสนใจนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันดีกว่า”

แล้วคืนวันต่อมาซึ่งเป็นคืนวันพุธ ทั้งสี่คนก็นั่งอยู่ภายในหอประชุมใหญ่ศูนย์วัฒนธรรม ดื่มด่ำกับเสียงเพลงตั้งแต่เริ่มรายการไปจนถึงช่วงพัก จึงออกมายืนคุยกันอยู่ที่ห้องลอบบี้ของหอประชุม
“นี่ดูฝรั่งคนนั้นสิพี่ ชุดเท่ห์น่าดู” กรกฎชี้ไปที่ชาวต่างชาติคนหนึ่งที่ยืนห่างออกไปอีกมุมหนึ่ง
ทั้งสามคนมองตามไป ก็เห็นชายหนุ่มต่างชาติอยู่ในชุดสูทเทียมคอปกตั้งแบบคอจีน เนื้อผ้าเป็นกำมะหยี่ สะท้อนแสงไฟจนดูวาววับสะดุดตา สีของเนื้อผ้าบางทีก็ดูดำขลับ แต่บางทีก็เหมือนจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม แต่บางครั้งกลับทอประกายเขียวขาบออกมาเป็นบางจุด แต่ก็ยังไม่เด่นเท่าใบหน้ารูปไข่ คิ้วสีทองอ่อนๆ รับกับสีของเส้นผมที่ยาวระต้นคอ จมูกโด่งจนเป็นสัน ริมฝีปากสีชมพูอ่อน ผิวแก้มเปล่งสีชมพูจางๆ และดวงตาสีเขียวเป็นประกายวาววับ
“สานฝัน” ภูริทัตเอ่ยชื่อของชาวต่างชาติคนนั้นออกมาเบาๆ ใบหน้าแสดงความยินดีจนเพื่อนๆสังเกตุได้
ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวเดินไปหา สเตฟานหรือสานฝันก็หันตัวเดินเข้าประตูห้องประชุมไป เพราะมีเสียงประกาศว่าการแสดงในครึ่งหลังกำลังจะเริ่มขึ้น

“มองหาใครวะ” รังสรรค์ถามภูริทัตที่จ้องมองไปรอบๆห้องลอบบี้ ตั้งแต่เดินออกมาจากห้องประชุมเมื่อการแสดงจบลง เมื่อเวลาประมาณสี่ทุ่ม
“มองหาคนชื่อสานฝันเหรอพี่” กรกฎพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก แต่ภูริทัตก็ไม่สนใจ
“ใครวะ สานฝัน” ปรีชาเดินไปแตะไหล่ภูริทัต “แอบไปจีบสาวที่ไหนไว้เหรอไง” เขายังพูดแหย่เพื่อนต่อไปอีก
ภูริทัตไม่ตอบ แต่ยังสอดส่ายสายตาไปทั่ว รังสรรค์มองดูเพื่อนแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางหันไปชวนกรกฎเพื่อนรุ่นน้อง คุยถึงการแสดงที่เพิ่งจะจบไป ปรีชาเองก็ร่วมวงคุยด้วย พร้อมๆกับพากันเดินออกจากหอประชุมไปยังลานจอดรถ

กลางฤดูหนาวปลายเดือนธันวาคม ช่วงกลางคืนเช่นนี้บางครั้งก็มีลมเย็นพัดอ่อนๆ แต่กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งพัดไหว ราวกับโดนลมแรงโชยพัดใส่ จนภูริทัตรู้สึกได้ สายตามองไล่จากยอดไม้ต่ำลงมา ยังโคนต้น เรือนร่างสูงเพรียว เรือนผมสีทองยาวระต้นคอ แม้เห็นเพียงด้านหลังเขาก็จำได้ทันที โดยไม่รอช้า ภูริทัตก้าวเท้าเดินออกจากกลุ่มเพื่อน ตรงเข้าไปหาชายชาวต่างชาติผู้นั้นทันที
“สานฝัน” ภูริทัตเรียกเบาๆ
“ภูริทัต” สเตฟานเอ่ยชื่อชายหนุ่ม เมื่อหันมาเห็นว่าเป็นใคร “เราพบกันอีกแล้ว”
“ผมดีใจที่ได้พบคุณอีก” ภูริทัตยิ้มกว้าง ใบหน้าที่คมคายอยู่แล้ว ยิ่งชวนมอง
“ใครน่ะครับพี่” กรกฎ ที่เดินตามมาพร้อมกับรังสรรค์และปรีชา แล้วมาหยุดยืนอยู่ด้านข้างของภูริทัต ถามขึ้น
“ผมสเตฟานครับ เคยพบคุณภูริทัตมาหลาย ครั้งแล้ว”
ภูริทัตขมวดคิ้ว พลางคิดว่าเขาเพิ่งจะได้เจอกับสเตฟาน หรือสานฝันแบบ ‘จังๆ’ เพียงแค่ ๒ ครั้งเท่านั้น แต่เอาเถอะ มากกว่า ๑ ครั้ง ก็นับเป็นหลายครั้งได้เหมือนกัน
“คุณสเตฟาน ที่เล่นเปียนโนที่โรงแรม *** รึเปล่า ที่เราไปนั่งเล่นกันเมื่อสองสัปดาห์ก่อนไง ใช่มั๊ยวะชา” รังสรรค์หันไปถามปรีชา
“คงใช่มั้ง มิน่าดูคุ้นๆ” ปรีชานึกออกทันที ความจริงเขาไม่น่าลืมได้เลย ชายหนุ่มชาวต่างชาติหน้าตาท่าทางดูอ่อนโยน สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อน บนผิวหน้าขาวๆนั้นอย่างไม่วางตา
“ผมรังสรรค์ครับ นี่ปรีชา แล้วนี่กรกฎ พวกเราทำงานที่เดียวกับนายทัต” รังสรรค์แนะนำตัว แล้วชี้ไปที่เพื่อนๆทีละคน
“เดี๋ยวคุณจะกลับยังไงครับ” ภูริทัตถามขึ้น
“เดี๋ยวอีกสักครู่ คนขับรถของผมจะเอารถมารับ” สเตฟานตอบยิ้มๆ เพราะรู้สึกขบขันกับท่าทางไม่พอใจของกรกฎ และท่าทางที่จ้องมองเขาอย่างสนอกสนใจเต็มที่ของปรีชา ผิดกับท่าทางที่ดูเฉยๆของรังสรรค์ แต่แววตาลอบสำรวจเขาไปทั่วร่าง
“เหรอครับ” ภูริทัตพูดอย่างผิดหวัง
“คุณพักที่ไหนเหรอครับ” ปรีชาถามอย่างด้วยความสนใจ
“นั่นสิ แล้วคุณเล่นเปียนโนที่โรงแรมวันไหนบ้างครับ นอกจากวันศุกร์” ภูริทัตถามแทรกขึ้นมา ก่อนที่ปรีชาจะได้รับคำตอบ
“คนที่เล่นเปียนโนประจำอยู่ลาออกกระทันหันไปคนนึง ผมคงต้องทำหน้าที่แทนจนกว่าจะหาคนใหม่มาได้ ช่วงนี้ผมเล่นเปียนโนคืนวันจันทร์ อังคาร กับวันศุกร์” สเตฟานตอบคำถามของภูริทัตก่อน แล้วหันไปยิ้มให้กับปรีชา “ผมพักอยู่ที่โรงแรมนั้นแหละครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ว่างๆผมไปหาคุณสเตฟานที่โรงแรมได้ใช่มั๊ยครับ” ปรีชาถามด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ถ้าไปฟังเปียนโนล่ะก็ เชิญได้ทุกเมื่อครับ” สเตฟานตอบ แล้วหันไปมองทางประตูทางออกเล็กๆ ที่เป็นทางออกไปสู่ลานจอดรถ “รู้สึกว่ารถของผมจะมาแล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ เอาไว้พบกันโอกาสหน้า” พูดแล้วก็ยิ้มให้กับทุกคน แล้วเดินตรงไปยังประตูทางออก

ชายหนุ่มทั้งสี่มองตามหลังชายหนุ่มต่างชาติไป ก็เห็นเขาเดินออกไปขี้นรถยุโรปคันใหญ่สีดำ ติดฟิล์มกรองแสงสีทึบ มองดูรถคันนั้นแล่นออกไปจนลับสายตา
“สงสัยจะรถของทางโรงแรม เค้าเล่นเปียนโนด้วยเหรอพี่” กรกฎพูดขึ้นมาระหว่างที่เดินไปยังลานจอดรถ คิดว่าเป็นการชวนภูริทัตคุย
“ใช่” ภูริทัตตอบสั้นๆ
“ท่าทางเทห์ดีเน๊อะ สูงกำลังดีเลย ซัก๑๗๕ได้มั๊ย” ปรีชาพูดพลางคิดถึงส่วนสูงของตัวเองที่สูงราวๆ ๑๗๓
“น่าจะได้  พอฟัดพอเหวี่ยงกับเอ็งนั่นแหละ ดูๆก็น่าคั่วนะเว๊ย ผิวพรรณดีเชียว สะอาดสะอ้าน ดูปากดิ๊ สีชมพู .... น่าจูบ”รังสรรค์พูดกลั้วหัวเราะ
“นั่นดิ๊วะ ได้มานะจะจูบให้หนำใจ” ปรีชาพูดพลางหลับตาทำปากจู๋ จูบกับอากาศ
“ผมไม่เห็นจะชอบเลย ฝรั่งที่ดูท่าทางนิ่มๆอย่างนั้น ผมชอบคนที่ดูแมนๆมากกว่า” กรกฎพูดพลางเปิดประตูรถทางด้านหลังอย่างไม่ค่อยพอใจนัก เพราะภูริทัตเปิดประตูรถด้านหน้า ขี้นไปนั่งคู่กับรังสรรค์ซึ่งเป็นเจ้าของรถ
“สเปคนายน่ะ คงต้องสูงซัก ๑๘๐ ตัวเพรียวๆ กล้ามนิดหน่อยพองาม จมูกโด่งนิดๆ ท่าทางเข้มแข็ง อย่างไอ้ตัวหน้ากระจกตัวนี้ใช่มั๊ย” รังสรรค์พูดพลางพยักเพยิดไปที่ภูริทัต มือก็สอดกุญแจเพื่อนสตาร์ตรถ
“แหมพี่ พูดขนาดนั้นผมก็แย่สิ” หากในรถสว่างกว่านี้ คงเห็นใบหน้าของกรกฎเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ
“แย่อะไรกัน ของอย่างนี้ ชอบก็ต้องบอกว่าชอบด็ จริงมั๊ยวะทัต” ปรีชาพูดแล้วชะโงกหน้าไปถามคนที่นั่งทางด้านหน้า
“ไม่รู้เว๊ย” ภูริทัตตอบกึ่งรำคาญ แต่ก็ทำให้ปรีชาและรังสรรค์หัวเราะเสียงดัง เพราะคิดว่าเพื่อนอาย

แล้วรังสรรค์ก็ขับรถไปส่งปรีชาก่อน แล้วตามด้วยการไปส่งกรกฎ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะบอกให้ไปส่งภูริทัตซึ่งอยู่ไกลกว่าก่อน เพราะมีความคิดที่จะทำอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่เหตุผลที่ว่าต้องเสียเวลาในการย้อนกลับมาส่งอีกครั้ง จึงต้องจำยอมให้รังสรรค์ไปส่งตนเอง อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่แรก แล้วจึงไปส่งภูริทัตเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะขับรถกลับสู่บ้านของตนเอง ซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ในเวลาห้าทุ่มเศษๆ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
รังสรรค์จะทำไรเนี่ย รอลุ้น  :z10: :z10:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
เจอหลายครั้งแล้วเหรอ :impress2:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
มีใครรออยู่ที่บ้านรึป่าวเนี่ย ลุ้นๆๆ  :z1:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z1: :z1: :z1:

คิดไรอยู่เนี่ย อยากรู้จังเลย อิๆ

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
สานฝันมาให้เห็นแบบนี้บ่อยๆ มันต้องมีอะไรดึงดูดกันซิ  หรืออยากมาสานต่อ... really2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ท่าทางมีหลายคน อยากจะสานสัมพันธ์ กับ สานฝัน แล้วนะเนี่ย  :sad4:

ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI
 :impress2: :impress2: :impress2:

ที่เจอกันหลายครั้งนี่ ที่ไหนหว่า ในฝันหรือเปล่า


ออฟไลน์ Shumi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
หือ.. สานฝัน.. มีอดีต.. แน่ ๆ   :a5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
งานนี้สงสัยนายภูริท้ตได้แข่งกะเพื่อนตัวเองแหงม ๆ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
จะเป็นไงต่อไปหว่า

รออ่านอยู่น๊าาาาาาาาาา

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

สานฝันคนนี้ท่าทางลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกิน

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
สานฝันจะมาสานสัมพันธ์ต่อ :z2:

 :z13:อ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
นายทัตคงต้องระวังนายปูแล้วละ

ท่าทางจะไม่ชอบสานฝันของเรา

 :z2:

three

  • บุคคลทั่วไป
อุปสรรคเยอะแฮะ :serius2:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
บทที่ ๔

ดวงตาสีเขียวมรกตของชายหนุ่ม จ้องมองเด็กชายที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยความเอ็นดู แก้มเนียนใสที่แนบซบอยู่บนอก กับแขนเรียวเล็กที่โอบเอวเขาไว้ ทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของร่างกายมนุษย์ ที่เขาไม่ได้รู้สึกมานาน เด็กชายพลิกตัวนอนหงาย ยังคงหนุนศรีษะอยู่บนอกเขา ผ้าห่มที่เคยคลุมตัวเด็กชายไว้ เลื่อนออกมาอยู่ที่ระดับเอว เนื่องจากการขยับพลิกตัวของเด็กชาย เมื่อรับรู้ได้ถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เด็กชายควานมือเหมือนจะหาผ้าห่ม ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือออกเลื่อนผ้าห่ม ให้คลุมอกที่เปลือยเปล่าของเด็กชายอีกครั้ง แล้วขยับมือไปลูบไหล่ของเด็กชายแผ่วๆ อดไม่ได้ที่จะเลื่อนใบหน้าไปจุมพิศเบาๆ ที่เรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่สั้นเกรียนของเด็กชาย
... เด็กน้อย หลับเถอะนะ ... ชายหนุ่มพูดแผ่วเบาราวกระซิบ
เหมือนเด็กชายจะได้ยิน จึงเอื้อมมือไปดึงมือของชายหนุ่ม ให้โอบกอดตัวเองไว้ และจับมือใหญ่นั้นไว้ไม่ยอมปล่อย ชายหนุ่มระบายยิ้มอันอ่อนโยนทั่วใบหน้า พลางมองดูใบหน้าของเด็กชายที่กำลังหลับไหล ไล่จากหน้าผากมน คิ้วสีน้ำตาลเค้ม ดวงตาที่ปิดสนิท ขนตาเส้นเล็กๆ สันจมูกที่ค่อนข้างโด่งเป็นสันน้อยๆ ริมฝีปากแดง คางมน แล้วเลื่อนใบหน้าลงจูบที่แก้มของเด็กชายเบาๆ

มาถึงวันนี้ เด็กชายรูปร่างผอมบาง แขนขาเก้งก้างในอดีต เติบโตขึ้นจนกลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ดูจากภายนอกก็คงจะมีกล้ามเนื้อแต่พองาม ตามแบบของคนที่ออกกำลังกายบ้าง แต่คงจะไม่ค่อยบ่อยนัก  ผมที่เคยสั้นเกรียนเมื่อวัยเด็ก ตอนนี้ยาวขึ้นมาก และตัดเป็นทรงรับกับใบหน้าเรียวยาว เสริมให้ใบหน้าคมเข้มด้วยคิ้วเรียวหนา ดวงตากลมโต จมูกเป็นสัน ริมฝีปากแดง ยิ่งน่ามองยิ่งขึ้น

 คิดมาถึงตอนนี้ สเตฟานก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง สายตาที่ทอดมองผ่านหน้าต่างห้องชั้นบนของตึกสูง มองเห็นแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ทั่ว กรุงเทพฯยามราตรี จึงต่างกับเมืองที่มืดมิดหลายเมืองที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ รอยยิ้มบางๆฉาบอยู่บนใบหน้าเกลี้ยงเกลา ริมฝีปากสีชมพูเผยอยิ้มน้อยๆ แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อเสียงจากนาฬิกาที่อยู่บนโต๊ะเล็กตรงหัวเตียงดังขึ้น สเตฟานเดินไปกดปุ่มปิดเสียงปลุกของนาฬิกา ที่บอกเวลาห้านาฬิกาครึ่ง แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เดินไปหยิบกล่องสีเหลี่ยมเล็กๆบนโต๊ะหน้าโซฟา วางแก้วไวน์ลง หันไปทางหน้าต่าง แล้วกดปุ่มบนกล่องนั้นเบาๆ ชัตเตอร์เหล็กด้านบนของหน้าต่างก็เลื่อนลงมาช้าๆ จนปิดบานหน้าต่างมิดชิด ผ้าม่านหนาหนักทางด้านข้างทั้งสองผืน ก็ค่อยๆเลื่อนปิดตาม เมื่อหันตัวยกกล่องนั้นขึ้นไปทางเครื่องปรับอากาศ แล้วกดอีกปุ่มหนึ่ง เครื่องปรับอากาศก็เปลี่ยนเป็นระบบพัดลมระบายอากาศ แทนการพ่นลมเย็นออกมา และเมื่อกดอีกปุ่มหนึ่ง ดวงไฟในห้องทั้งหมดก็ดับลง สเตฟานวางกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ หรือรีโมทคอนโทลนั้น ลงบนโต๊ะที่หัวเตียงข้างๆนาฬิกา แล้วเดินตรงไปยัง ‘ที่นอน’ เพื่อเข้าสู่นิทรารมย์

“ไปไหนกันต่อดี” รังสรรค์ถามพรรคพวก หลังจากที่แยกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อน ที่มารับประทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่ศุกร์นี้นอกจากปรีชาและภูริทัต ที่เป็นเพื่อนเที่ยวประจำแล้ว ยังมีกรกฎติดตามมาด้วยอีกคน
“ยังหัวค่ำอยู่เลยไปหาที่นั่งเล่นก่อนดีกว่า เหยื่อยเอ็งยังไม่ค่อยมีหรอกตอนนี้” ภูริทัตหันไปล้อเลียนปรีชา
“ทำมาเป็นแขวะนะไอ้ทัต รู้หรอกน่าว่าอยากไปไหน” ปรีชาพูดยิ้มๆ “อยากไปนั่งฟังเปียนโนใช่มั๊ยล่ะ”
“ดีเหมือนกันนะพี่ นั่งคุยไปฟังเพลงไป” กรกฎพูดอย่างไม่ได้คิดอะไร
อีกครู่ใหญ่ๆ ทั้ง๔คนก็มานั่งอยู่ภายในลอบบี้โรงแรม นั่งจิบกาแฟและคุยกันไปได้สักครู่ ภูริทัตจึงหันไปถามกับพนักงานที่เดินผ่านมา
“วันนี้ไม่มีเปียนโนเหรอครับ”
“อ๋อ ... ตอนนี้เป็นช่วงเบรคครับ เดี๋ยวสักครู่คุณคนเล่นคนใหม่ก็จะมาแล้วครับ”
“คนใหม่” ภูริทัตขมวดคิ้ว “คนเล่นเปียนโนวันนี้ไม่ใช่คุณสเตฟานเหรอครับ”
“คุณสเตฟานจะเล่นช่วงสองทุ่มถึงสี่ทุ่มครึ่งนี่แหละครับ คนที่เล่นช่วงห้าโมงครึ่งถึงสองทุ่มเพิ่งจะกลับไปเมื่อสักครู่เองครับ” แล้วพนักงานก็เดินจากไป เมื่อภูริทัตกล่าวคำขอบคุณ
“สเตฟาน คนที่เจอกันเมื่อคืนวันศุกร์น่ะเหรอครับ” กรกฎถามขึ้น
“นั่นแหละ คนนั้นแหละ” ปรีชาตอบแทน “เล่นถึงสี่ทุ่มเหรอ เดี๋ยวชวนไปเที่ยวด้วยกันซะเลยดีมะ”
“ไหนว่าจะไปหาเหยื่อไง จะเปลี่ยนใจคว้าเอาแถวๆนี้เหรอไง” รังสรรค์ขัดคอ
“นั่นดิ๊ แถวนี้ก็น่าสน” พูดพลางส่งสายตาแวววาวไปยังกรกฎ ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
สี่หนุ่มนั่งคุยกันไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงเปียนโนบรรเลงด้วยสำเนียงอ่อนพริ้ว แล้วความสนใจของภูริทัตก็ไปอยู่ที่นักเปียนโน จนไม่ค่อยสนใจกับการสนทนามากนัก ถึงกรกฎจะไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรที่คิดว่าอาจเป็นการทำให้ภูริทัตไม่พอใจ เพราะดูเหมือนว่าภูริทัตจะสนิทสนมกับชายหนุ่มชาวต่างชาติคนนี้มาก

กรกฎค่อนข้างจะภูมิใจกับรูปร่างหน้าตาของตนเองพอสมควร ถึงแม้ตนเองจะสูงเพียง ๑๗๐ แต่ก็คิดว่ามันเป็นความสูงที่ได้มาตรฐานสำหรับคนทั่วไป อาจจะดูบอบบางแต่ก็ไม่ถึงกับผอมแห้งจนเห็นซี่โครง ผิวของเขาก็ขาวละเอียด ดวงตาถึงแม้จะเล็กหยีแต่ก็เรียวยาว คิ้วบางเบา ปากนิดจมูกหน่อย แต่เมื่อเทียบกับชายหนุ่มคนนั้น ตนเองคงเหมือนกับคนไทยที่สามารถพบเจอได้ทั่วๆไป แต่อีกฝ่ายกลับเป็นชาวต่างชาติที่ดูดี ราวกับรูปสลักหินอ่อน ความรู้สึกริษยาจึงพุ่งขึ้นทันที โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าคนที่ตนชอบ หันไปให้ความสนใจกับอีกฝ่ายมากกว่าตนเอง

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้เจอพวกคุณอีก”
ช่วงที่กำลังบรรเลงเปียนโนอยู่ สเตฟานมองมาเห็นคนทั้งสี่ เมื่อถึงเวลาพักเบรค จึงเดินตรงเข้ามาทักทาย
“นั่งก่อนสิครับ” ภูริทัตขยับตัว เพื่อให้เก้าอี้ยาวมีเนื้อที่พอที่จะนั่งได้อีกคน ทำให้เข้าไปชิดกับกรกฎที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน
“จะดีเหรอครับ ผมกลัวจะรบกวนความสนุกของพวกคุณ”
“คนยิ่งเยอะก็ยิ่งคุยสนุกมากขึ้นกว่า จริงมั๊ยครับครับ” รังสรรค์เอ่ยชวนอีกคนหนึ่ง
“หรือว่าทางโรงแรมมีกฎห้ามนักดนตรีนั่งกับลูกค้า” ปรีชาพูดพลางเหลือบมองชายหนุ่มไปทั่วทั้งตัว
“ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไปละก็คงไม่เหมาะ แต่พวกเราเป็นสหายเก่ากัน คงไม่เป็นไร” สเตฟานพูดพลางหันไปยิ้มให้ภูริทัต แล้วนั่งลงไปบนเก้าอี้ยาว
“วันนี้คุณเล่นเพลงเพราะมาก ผมชอบเสียงเปียนโนของคุณ” ภูริทัตเอ่ยชม
“แล้วเดี๋ยวเสร็จงานแล้วไปไหนต่อรึเปล่าครับ” ปรีชาถามด้วยความกระตือรือร้น
“ขอบคุณครับ” สเตฟานตอบภูริทัต แล้วหันไปตอบปรีชาต่อ “ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ ปรกติผมชอบออกไปเดินเล่น ดูกรุงเทพฯยามค่ำคืน”
“ขอโทษครับ จะให้ยกเครื่องดื่มมาที่นี่มั๊ยครับ” เสียงขัดจังหวะจากพนักงานบริการ สเตฟานพยักหน้ารับ สักครู่พนักงานคนนั้นก็ยกเครื่องดื่มมาให้ด้วยท่าทีนอบน้อม จนรังสรรค์รู้สึกผิดสังเกตุ
“ดูท่าทางพนักงานที่นี่ให้เกียรติคุณมากเลยนะครับ” รังสรรค์อดถามไม่ได้ แต่สเตฟานได้แต่ยิ้มไม่ตอบคำถาม
“เดี๋ยวไปเที่ยวต่อกับพวกเรามั๊ยครับ มีคนไปด้วยเยอะๆ สนุกดี” ปรีชาเริ่มรุก
“ที่ไหนเหรอครับ” สเตฟานถามกลับ
“คงผัปที่สีลม แต่ยังไม่รู้จะเข้าร้านไหน” ปรีชาตอบด้วยความกระตือรือร้น
“เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่า ผมไม่ค่อยชอบไปสถานที่แบบนั้น มันแออัด” สเตฟานตอบเลี่ยงๆ
“ทำไมคุณพูดไทยได้ชัดเจนจัง” กรกฎถามบ้าง การขยับตัวชะโงกหน้าไปถามสเตฟาน ทำให้ร่างกายของเขาได้สัมผัสกับร่างกายของภูริทัตมากขึ้น ถึงแม้จะเป็นการเสียดสีกันของท่อนแขนก็เถอะ
“ผมมาเมืองไทยบ่อย บางครั้งก็พักอยู่นานๆ” สเตฟานตอบพลางยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ
“แล้วคุณเป็นคนชาติไหนเหรอครับ” รังสรรค์ถามด้วยความสนใจ
“อังกฤษ ผมเป็นคนอังกฤษ”
“แล้วคุณมาเมืองไทยทำไมเหรอครับ ดูแล้วคงไม่ได้มาเที่ยว หรือว่ามาทำงาน” ปรีชาถามบ้าง
“ผมอยู่ไม่เป็นที่หรอกครับ ผมย้ายไปหลายประเทศ ก็ทั้งเรื่องงานด้วย เที่ยวด้วย ช่วงนี้ผมคิดถึงเมืองไทย ผมเลยกลับมา”
“คิดถึงเมืองไทยหรือคนไทยกันแน่” ปรีชาหยอก
“คนไทยเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดีกว่าคนหลายๆชาติที่ผมเคยเจอ บอกตรงๆนะครับ” สเตฟานหยุดพูด แล้วยิ้มกว้าง “ผมกลับมาเพราะคิดถึงคนที่เคยเจอเมื่อครั้งที่ผมมาอยู่เมืองไทยคราวที่แล้ว”
“หญิงสาวหรือชายหนุ่มล่ะครับ” น้ำเสียงของกรกฎเหมือนมีแววหยันเยาะอยู่ในที
“เด็กครับ เป็นเด็กที่น่ารักทีเดียว” น้ำเสียงของสเตฟานดูอ่อนโยน “ผมขอตัวไปเตรียมตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวต้องขึ้นเล่นแล้ว ขอบคุณนะครับ” สเตฟานค้อมศรีษะเล็กน้อย ท่าทางเหมือนผู้ใหญ่แสดงความขอบคุณต่อผู้มีอาวุโสน้อยกว่า แล้วลุกเดินไปยังเคาเตอร์บริการ พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก็เดินหายไปทางห้องน้ำ ส่วนภูริทัตก็ขยับตัวออกห่างจากกรกฎทันทีที่สเตฟานลุกออกไป

“ไปกันรึยังพี่ ผมนั่งจนเบื่อแล้ว” กรกฎพูดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปอีกราวครึ่งชั่วโมง
“ยังหัวค่ำอยู่เลย เพิ่งจะสามทุ่มกว่าเอง” รังสรรค์พูดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“ไปเดินดูอะไรเล่นกันก่อนก็ได้นี่พี่ นั่งแบบนี้น่าเบื่อออก” กรกฎโอดครวญ
“งั้นเราไปเดินเล่นแถวนั้นกันก่อนแล้วกัน นั่งนานๆชักเมื่อย” ปรีชาเห็นด้วย จึงหันไปเรียกพนักงานบริการให้มาเก็บเงินค่าเครื่องดื่ม
“คุณสเตฟานสั่งว่าไม่ต้องคิดเงินค่ะ” พนักงานตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“อ้าว ทำไมล่ะ” กรกฎขมวดคิ้ว “นักคนตรีเลี้ยงเครื่องดื่มแขกได้ด้วยเหรอ”
“เข้าใจผิดแล้วค่ะ คุณสเตฟาน ...”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เสียงทุ้มห้าวดังขึ้น ทุกคนหันไปมองจึงเป็นเป็นชายสูงอายุ รูปร่างสันทัดในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าเคร่งขรึม พนักงานสาวรีบเล่าเรื่องราวให้ชายสูงอายุฟังอย่างละเอียด
“อ้อ อย่างงั้นเธอไปทำงานต่อเถอะ ทางนี้ผมจัดการเอง” ใบหน้าชายสูงอายุเปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆให้พนักงานสาว ซึ่งโค้งให้เล็กน้อยแล้วเดินจากไป
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าพวกคุณขัดข้อง เรื่องคุณสเตฟานท่านไม่ให้คิดเงินค่าเครื่องดื่มหรือครับ”
“ท่าน...” ภูริทัติพูดเบาๆพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผมเพียงแต่สงสัยว่า นักดนตรีของโรงแรมนี้เลี้ยงแขกได้ด้วยเหรอครับ” กรกฎเน้นคำว่านักดนตรีเป็นพิเศษ
“นักดนตรี” ชายสูงอายุพูดพลางหัวเราะเบาๆ “ท่านเพียงแต่มาช่วยพวกเราในช่วงที่ยังหานักดนตรีใหม่ไม่ได้เท่านั้นครับ ท่านไม่ได้เป็นพนักงานของโรงแรมเรา”
“ไม่ใช่พนักงาน งั้นก็เป็นแขกน่ะสิ” ปรีชาถามด้วยความสนใจ
“ไม่ใช่เหมือนกันครับ เอาเป็นว่าท่านสั่งมาพวกเราก็ต้องทำตามนั้น ผมต้องขอตัวไปทำงานต่อนะครับ” ชายสูงอายุโค้งน้อยๆอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินจากไป
ทั้งสี่คนจึงพากันลุกเดินออกจากโรงแรมแห่งนั้น พร้อมกับถกเถียงกันว่า สเตฟานมีความสัมพันธ์อย่างไรกับทางโรงแรมกันแน่ ในขณะที่ภูริทัตกำลังคิดว่าเขาน่าจะเคยพบกับชายสูงอายุคนนั้นมาก่อน แต่คิดเท่าไรเขาก็คิดไม่ออก

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
สเตฟานเป็นใครนะ อยากรู้  :impress2: และจะเป็นคนเดียวกะเมื่อหลายปีก่อนรึป่าว

๐ขนมปัง๐

  • บุคคลทั่วไป
 :L1: :pig4: :L1:

มาจิ้มก่อนอ่าน....

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
สเตฟานเป็นคนที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
เป็นเจ้าของโรงแรมเหรอ o22

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ใช่หนูทัตรึเปล่าเอ่ย :impress2:

ออฟไลน์ ||WiTHOuT_YoU||

  • ที่รักของใครสักคน
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-6
    • MoSHI
มาเป็นปริศนาอีกแล้ว

เค้าเป็นใครหนอ เค้ามาจากไหน

 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
สเตฟานคือคนๆนั้นจริงๆใช่มั้ยเนี่ย

ลึกลับจัง อยากรู้ๆๆ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 o13 o13 o13

โฮะๆ ยิ่งอ่านยิ่งดูลึกลับ น่าติดตามไม่เปลี่ยนเลยนะคราบ คุณบุหรง

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ตอนนี้นอกจากสงสัยว่าสเตฟานเป็นใครแล้ว
ยังสงสัยว่าสเตฟานเป็นอะไรด้วย

 :z10:


ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สเตฟาน สานฝัน ฝรั่งคนนั้น สเตฟาน สานฝัน ฝรั่งคนนั้น สเตฟาน สานฝัน ฝรั่งคนนั้น   o2

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
น่านน่ะสิ สเตฟานเป็นใคร

แล้วผู้ใหญ่คนนั้นล่ะ

งง.......


speedboy

  • บุคคลทั่วไป
สเตฟาน.....เป็นดารางัยคร้าบ

เรื่องราวน่าติดตามมากเลยคร้าบ

มาให้กำลังใจนะคร้าบ


 :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ต่อ

สเตฟานกับภูริทัต คือชายหนุ่มกับเด็กน้อยคนนั้นแน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด