My First Boyfriend Part 3:By Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My First Boyfriend Part 3:By Katesnk  (อ่าน 172484 ครั้ง)

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่20 22/1/09
«ตอบ #150 เมื่อ22-01-2009 15:30:53 »

 :เฮ้อ: แปลกเน้อทำมััยใครๆก็ไม่ชอบคนดี :z3:
เกิดเป็นคนดีนั้นแสนลำบาก  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่20 22/1/09
«ตอบ #151 เมื่อ22-01-2009 16:41:49 »

 :เฮ้อ:

โล่งอก  นึกว่าเดียร์  จะมาช่วย เรียวไม่ทันซะแล้ว   

หวังว่า เรียวจะใจอ่อนลงอีกหน่อยนะ

เดียร์สู้ๆ :กอด1:

ปอลอ  +1 ให้คุณไต๋  โทษฐานขยันลง

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่20 22/1/09
«ตอบ #152 เมื่อ22-01-2009 17:31:58 »

โอย ลุ้นแทบตาย

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่20 22/1/09
«ตอบ #153 เมื่อ22-01-2009 21:07:55 »

 :L1: ให้พี่แอน

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่20 22/1/09
«ตอบ #154 เมื่อ23-01-2009 01:34:05 »

 :serius2: ถ้าเดียร์มาไม่ทัน ก็กะจะมะอ่านแล้ว เศร้ามากมาย อดเที่ยวเลย

 :z6: ฝากให้ไอ้พี่บอย สัก 3ดอก มาทำกับ เรียวจัง ได้ นิสัย   :beat:


เออ รูปที่ว่าเหมาะ ที่จะเป็นเรียวไหม ไม่ค่อยชอบอ่ะ ดูล่ำไปไหมอ่ะ

ขนแขน แล้วก็ ขนหน้าแข้งเยอะด้วยอ่ะคร้าบ    :z1:


 :pig4:

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย]My First Boyfriend Part 3:By Katesnk บทที่20 22/1/09
«ตอบ #155 เมื่อ23-01-2009 10:05:08 »

ขอบคุณคนโพสที่ขยันลงให้สม่ำเสมอ..

ส่วนรูปเรียวรูปแรกที่เคยลง น่ารักน่าถนอมกว่าค่ะ...

เหมาะที่จะให้เดียร์หลงรัก...รูปล่าสุดดูล่ำเกินไป ตัวใหญ่ไปค่ะ

..........

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 21

คำพูดเหล่านั้นแล่นผ่านจากหูเข้าสู่สมอง นำความรู้สึกเต็มตื้นด้วยความสุขมาสู่จิตใจผม เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ ช่างมีความรักภักดีให้กับผมอย่างมั่นคงไม่มีเปลี่ยน เขาทำทุกอย่างให้ผมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ ความรักที่เดียร์มอบให้กับผมนั้นช่างเปี่ยมค่าและมากล้นไปด้วยความหมายเสียจริง จนผมเองยังนึกละอายที่มองผ่าน และไม่เคยเห็นค่าความรักของเขา

“นายดีกับฉันจริงๆ ทำอะไรให้ฉันตั้งมากมาย แต่ฉันไม่เคยทำอะไรให้นายเลย”

ผมรู้สึกผิดจริงๆที่รับหลายสิ่งหลายอย่างจากเขามากกว่าการให้ เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้ผม ท่าทางเข้าอกเข้าใจ

“ผมทำให้เรียวเพราะว่าผมรักคุณไงครับ ตอนนี้ เรียวอาจจะยังไม่รักผม ผมก็ไม่ว่าอะไร ไม่เร่งรีบ เรียวไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องให้ในสิ่งที่ผมขอก็ได้ ผมน่ะเข้าใจเรียวนะ อยากให้เวลาเรียวในการคิดตัดสินใจ เพราะมันคือชีวิตทั้งชีวิตของเรียว สำหรับผมน่ะ แค่เรียวมองผม ด้วยสายตาที่อ่อนโยนแบบนี้ ผมก็รักคุณจนจะแย่อยู่แล้ว”

รู้สึกแน่นหน้าอกอีกแล้ว ไอ้อาการเจ็บแปลบทุกครั้งที่เดียร์พูดให้ผมสะเทือนใจ มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา ผมจะทำอย่างไรดี ผมจะรับมืออย่างไรดี กับพลังแห่งความรักของเดียร์ ที่โถมใส่ผมไม่ยั้ง ดุจดังพายุที่โหมกระหน่ำระลอกแล้วระลอกเล่า จวนเจียนที่กำแพงหัวใจของผมจะพังลง ผมเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้หรือเกิน ทำไมผมต้องมาเจอกับสถานการณ์ที่ทำให้ลำบากใจแบบนี้ด้วยนะ

เดียร์โจมตีผมทุกวัน อาวุธของเขาคือ ความจงรักภักดีที่มีต่อผม เขาช่างน่ารัก เหลือเกิน เจ้าเด็กปีศาจนั่นมอบความรักให้กับผมอย่างมากมาย เดียร์ทำอะไรให้ผมหลายอย่าง ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผมเองมีความสุขแค่ไหนที่ได้อยู่กับเขา ผมโหยหาเดียร์ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น พึงพอใจกับอาหารที่เขาทำให้กิน ชอบทุกสิ่งที่เขาทำให้ ไม่ขัดขืนเวลาที่เขาขอมีอะไรด้วย ตอบสนองเขาแทบทุกครั้งไม่เคยเกี่ยงงอน นี่ผมคงหลงรักเดียร์เข้าให้แล้ว ผมรักเขาจนหมดหัวใจ แต่ผมไม่กล้าที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเขา ผมกลัวการพิพากษาของสังคม พอๆกับที่ผมกลัวหัวใจตนเอง

นี่ผมคงจะกลับไปเป็นนายเรียวคนเดิมอีกไม่ได้แล้ว ผมไม่มีความรู้สึกอยากจะมีอะไรกับผู้หญิงอีกต่อไป ดูหนังโป๊ชายหญิง ผมก็ไม่เกิดอารมณ์ เริ่มที่จะใส่เสื้อออกแนวหวานๆตามที่เดียร์เลือกซื้อให้ เวลาเขาขอ จูบ ขอกอดผม เดินจูงมือในที่

สาธารณะ ผมก็ปฎิเสธเขาไม่ลง ด้วยหาเหตุผลไม่เจอว่าทำไมต้องปฏิเสธเด็กหนุ่มที่น่ารักอย่างเขาด้วย ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย ผมรักเขาเหลือเกิน รักเขาจนหมดหัวใจแล้ว โง่มากที่มายุ่งกับผมเนี่ย ไม่รู้เหรอว่าเวลาผมรักใคร ผมมักจะทำให้มันเสียเรื่องเสมอ ผมไม่อยากเสียเขาไปเลย แต่หลายอย่างก็ส่อแววว่าเราจะไปกันไม่รอดจริงๆ

“เลยกลายเป็นว่า วันเกิดนายกลับต้องมามีเรื่องยุ่งๆไม่ได้ฉลองวันเกิดเลย”



ผมเปลี่ยนเรื่องพูดให้ใกลตัว เด็กหนุ่มทำหน้าเศร้า เมื่อพูดถึงการพลาดโอกาสที่จะได้ฉลองวันเกิดของตัวเอง และวันคริสต์มาสไปพร้อมๆกัน

“นั่นสินะครับ ปีหนึ่งก็มีวันพิเศษแค่หนเดียวเท่านั้น พลาดไปแล้วก็ต้องรอไปปีหน้าเลย อันที่จริงผมอยากทานเค้ก เป่าเทียนวันเกิด ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์กับเรียว แต่สงสัยต้องรอคราวหน้าแล้วมั๊ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสหรือเปล่า สัญญามันสิ้นสุดลงเสียก่อน แล้วไม่รู้ว่าผมจะสามารถทำให้เรียวมารักผมได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองมันก็หมดไปแล้วล่ะ”

เด็กหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ผมมองหน้าอ่อนเยาว์ที่หมองลงนั้นอย่างนึกสงสาร แล้วผมก็ตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างที่ผมใคร่ครวญแล้วว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำ

“ถึงแม้จะไม่มีเค้กให้ฉลอง แต่นายก็สามารถกินตัวฉันได้นะ”
ผมเอ่ยกับเด็กหนุ่มพลางก้าวมายืนตรงหน้าเดียร์ที่นั่งอยู่บนโซฟา ผมถอดเสื้อออกจากตัว แล้วปลดกางเกงนอนของตัวเองลงกองกับพื้น ร่างเปลือยเปล่าของผมอยู่ตรงหน้าเดียร์ รอเวลาที่เขาจะละสายตาจากการประคบผ้าร้อนใส่ขาตัวเองขึ้นมองผม พยายามข่มความอายที่ทำท่าเหมือนเชิญชวนให้เขามามีเพศสัมพันธ์กับตนก่อน ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรมา ผมเป็นฝ่ายหนีเดียร์เสียแทบทุกครั้ง

หลังจากเหตุการณ์ร้ายที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆ ทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า ชีวิตคนเราเอาอะไรแน่นอนไม่ได้ วันนี้มีความสุขดี แต่วันหน้าอาจจะมีทุกข์ถนัด การจะทำอะไรควรนึกถึงจิตใจของตัวเองเป็นหลัก สิ่งไหนที่มีทำแล้วมีความสุข และไม่มีใครเดือดร้อนก็ทำไป หากไปยึดติดกับกรอบประเพณี สังคม หรือคำพูดของคนอื่นเกินไปนัก เวลาพลาดขึ้นมาก็จะต้องมานั่งเสียใจที่ไม่เชื่อความรู้สึกของตัวเอง

ตอนแรกผมมัวแต่หวงตัวกับเดียร์ ไม่อยากให้เขาแตะต้อง ทั้งที่มีความสุขทุกครั้งที่เดียร์มีสัมพันธ์ทางเพศกับผม เพราะคิดว่าเป็นผู้ชายด้วยกัน ความห่วงใยชื่อเสียงของตนเอง และหวั่นคำครหานินทาทำให้ผมแสดงท่าทีเฉยชาใส่เขา แต่แล้วผมก็เกือบจะเสียท่าให้กับคนพาล มาคิดดูแล้วถ้าจะต้องเสียให้กับคนแบบนั้น สู้ยอมมีอะไรกับเดียร์ด้วยความเต็มใจดีกว่า
เดียร์มองผมด้วยแววตาที่เข้าอกเข้าใจ เขาส่ายหน้าปฏิเสธแล้วบอกกับผมว่า

“เรียวไม่ต้องขอบคุณผมแบบนี้ ก็ได้ครับ ผมเข้าใจดี อันที่จริง ผมชอบที่จะมีอะไรกับเรียว แต่อยากให้เรียวเต็มใจมากกว่าที่ต้องยอมเพราะสถานการณ์บีบบังคับนะครับ”

“แล้วใครบอกว่าฉันไม่เต็มใจล่ะ”

ผมบอกเขายิ้มๆ

“จริงหรือครับ”

เด็กหนุ่มทำตาโต ผมพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ ผู้ชายที่ผมควรจะมีอะไรด้วยควรจะเป็นเดียร์เท่านั้น

“นายเคยขอของขวัญวันเกิด เป็นร่างกายของฉัน แล้วฉันก็ให้แล้วไง ถ้าไม่อยากรับก็ได้”

ผมก้มลงจะคว้ากางเกงมาสวม แต่เดียร์ยื่นมือมารัดร่างผมไว้แนบอกของเขา



“รับสิ ทำไมจะไม่รับล่ะ ว่าแต่เรียวยอมเป็นขนมเค้กวันเกิดให้ผมลิ้มชิมรสหรือครับ ช่างเป็นเค้กที่แสนหวานจริงๆ ถ้างั้นผมขอเป่าเทียนวันเกิดเลยนะครับ”

สองมือของเด็กหนุ่มประคองใบหน้าของผมไว้ ผมเห็นแววตาเจ็บปวดของเดียร์เมื่อมองใบหน้าบวมแดง และปากที่เจ่อของผมอันเนื่องมาจากฝีมือของพี่ชายแสนชั่ว เดียร์ไล้มือใหญ่ไปบนใบหน้าของผมอย่างทะนุถนอมก่อนจะก้มมาจูบผม เขาทำอย่างแผ่วเบามากเพื่อไม่ให้ผมเจ็บปวดไปมากกว่าเดิม เดียร์เลื่อนจมูกและปากมาแถวซอกคอ เขาจูบซุกไซร้สูดดมเรือนกายของผมเลื่อนต่ำลงมาจนถึงยอดอกและดูดเน้นที่ตุ่มเนื้อไวต่อการสัมผัสของผม จนต้องแอ่นตัวเข้าหา เขาไล้ลิ้นต่ำลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงกลางลำตัวของผม ริมฝีปากอุ่นๆโอบอุ้มน้องชายตัวน้อยของผมไว้ในปาก เด็กหนุ่มปลุกเร้าแก่นกายนุ่มของผมจนฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำใส ผมครางอื้ออึงด้วยความสุขสม เดียร์ถอนริมฝีปากออก ยิ้มให้ผมจนตาหยี

“น้ำตาเทียนของเรียวนี่ รสละมุนจริงๆ สมกับเป็นเทียนชั้นดีเลยนะครับ แต่ว่า ...เรียวครับ ตามปกติ ต้องปักเทียนให้เกินกว่าอายุจริงไม่ใช่เหรอ ผมอายุ 19 แล้ว ต้องได้เป่าเทียน 20 เล่ม งั้นแปลว่ายังเหลืออีก 19 ครั้งนะครับ”
ผมส่ายหน้า ไม่ยอมโอนอ่อนไปกับคำหยอกล้อเล่นๆนั้น เดียร์ทำปากยื่น บอกว่าวันเกิดเขาทั้งทีก็น่าจะตามใจหน่อย ในเมื่อจะให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดแล้ว ก็น่าจะให้ผมได้ทำเต็มที่ ถ้าไม่ให้ทำกับน้องชายอีก ก็ขอให้เขาได้เข้ามาอยู่ในตัวผมอีกสักครั้ง ผมไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ถามเขาเสียงนุ่ม

“จะเจ็บขาหรือเปล่าถ้าทำแบบนี้”

“ก็คงจะมีบ้าง...ถ้าต้องยืนนานๆ หรือใช้บางท่าที่ไม่เหมาะสม..... เรียวห่วงผมหรือครับ”

ผมพยักหน้า

“แต่มันก็มีอีกวิธี ที่เรียวจะช่วยผมได้ แต่ว่าเรียวต้องร่วมมือกับผมด้วยนะ ตกลงไหม ถ้าทำแบบนี้แล้ว ผมก็จะไม่ปวดขาด้วยครับ”

ผมไม่ตอบ แต่เดียร์ก็สามารถรับรู้ได้จากดวงตาของผม เขากอดจูบผมอีกครา เราต่างคนต่างแลกจูบที่ดูดดื่มให้แก่กันและกัน จากนั้นเด็กหนุ่มก็ให้ผมลุกขึ้นส่วนเขาจัดการถอดเสื้อผ้าออกจากตัวจนเปลือยเปล่าแบบเดียวกับผม เขาดึงตัวผมเข้ามาหาและปลุกเร้าน้องชายผมอีกครา ในขณะที่มือคลึงเคล้าก้นของผมก่อนจะแหวกทางออกจากกัน เดียร์ดูดนิ้วกลางของตัวเองจนชุ่มน้ำลายจากนั้นก็ไล้วนไปตรงช่องทางที่เปิดรอไว้ เขาค่อยๆกดลงไปจนสุดโคนนิ้ว แล้วขยับนิ้วเข้าออกเพื่อคลายความฝืดคับในกายผม บางครั้งเขาก็ใช้ลิ้นช่วยๆเพื่อให้มันลื่นยิ่งขึ้นจากนั้นก็สอดนิ้วที่สองเข้าไป ผมแอ่นกายด้วยความซ่านกระสันจากการถูกรุกจากทางด้านหน้าและด้านหลัง อารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด เดียร์เองก็คงจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของผม เขากระซิบเสียงพร่า

“ตอนที่เรียวมีอะไรกันกับผู้หญิง เคยให้พวกนั้นอยู่ข้างบนไหมครับ”

“เคยสิ ทำไมเหรอ”


“ถ้างั้นเรียวคงจำวิธีการได้ เพราะผมจะใช้วีธีการนั้นกับเรียว เพียงแต่ว่าคุณต้องเปลี่ยนบทบาทมาอยู่ข้างบนแทนน่ะครับ...ท่านี้จะสะดวกสำหรับผมมากด้วย เรียวนั่งหันเข้าหาผมสิครับ แล้วค่อยๆนั่งลงมาบนตัวผมช้าๆนะ ผมเปิดทางของเรียวเพื่อรับผมไว้ให้แล้ว”

ผมยันกายขึ้นอย่างว่าง่าย ก่อนจะค่อยๆนั่งคร่อมลงมาบนตักของเดียร์ เด็กหนุ่มประคองสะโพกของผมไว้ทั้งสองข้าง จากนั้นก็กดสวนลงมาในขณะที่เขาเด้งสะโพกดันขึ้นไป

“คล้ายๆกับการขี่ม้านะครับ เรียวขี่ม้าเป็นไหม......”

ผมไม่ตอบคำถามนั้น ได้แต่พยักหน้า เดียร์ยิ้ม พลางลูบหลังลูบไหล่ผมอย่างอ่อนโยน

“นั่นแหละครับ เรียวต้องพยายามนึกถึงเวลาที่ไปขี่ม้าซึ่งเรียวต้องยกสะโพกขึ้นลงตามความเคลื่อนไหวของมัน แล้วทีนี้ก็สมมติว่าผมเป็นม้าที่เรียวกำลังขี่อยู่นะครับ เรียวต้องยกตัวไปตามการโยกของผม เราถึงจะสามารถมีความสุขไปพร้อมๆกันได้”

เดียร์พูดด้วยเสียงนุ่มนวล ไม่จงใจจะแกล้งหยอกล้อ ทว่าผมกลับรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูกที่เป็นฝ่ายเริ่มเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิง เด็กหนุ่มคงจะเห็นสีหน้าลังเลใจของผมแล้วคงจะเดาออกว่าผมรู้สึกอย่างไร เขาจึงโอบกอดผมไว้แนบแน่น แล้วจูบเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของผมอีกครา

“ถ้าเราควบคุมมันได้แล้ว คราวนี้ เรียวจะให้มันช้าหรือเร็วก็สามารถทำได้เลยครับ”

มือสองข้างของเดียร์แตะอยู่ตรงสะโพกของผม ช่วยจับให้มันเคลื่อนไหวไปยังจุดที่ทำให้ผมมีความสุขสูงสุดในขณะที่เด็กหนุ่มก็เริ่มกระแทกกระทั้นจากทางด้านล่าง เดียร์มีความชำนาญชาญในขณะที่ผมยังคงงกๆเงิ่นๆ รู้สึกว่าการขึ้นมาควบทะยานเสียเองไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มพยายามให้กำลังใจผมด้วยการจูบซุกไซร้เพื่อให้อารมณ์เตลิดมากยิ่งขึ้น แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนจะขาดใจให้ได้ ในที่สุดเดียร์คงเห็นว่าผมเป็นจ๊อกกี้ที่ไม่ได้ความ อ่อนหัด เขาจึงช้อนขาสองข้างของผมให้เกี่ยวกระหวัดรัดเอวเขาไว้ จากนั้นก็ลุกขึ้นโดยที่ร่างของผมยังถูกตรึงอยู่กับร่างของเขา เด็กหนุ่มค่อยๆหมุนตัวผม แล้ววางลงบนโซฟาโดยหันหลังให้กับเขา เดียร์จับตรงสะโพกผมและดันขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะแทรกร่างของเขาเข้ามาใหม่จนสุด ผมผวาเฮือก มือเกาะขอบโซฟาแน่น เดียร์โน้มตัวลงมาแนบกับผม มือใหญ่ของเดียร์ลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกแบนราบของผม

เขากระซิบหยอกล้อ ข้างๆหู

“เปลี่ยนตัวคนขี่ดีกว่าครับ เอาไว้วันหลัง ค่อยมาเรียนขี่ม้ากันใหม่ เรียวคงล้างเวทีไปนานเลยทำไม่คล่อง ปล่อยให้ผมได้แสดงฝีมือการขี่แบบมือโปรให้คุณดูดีกว่า รับรองจ๊อกกี้คนนี้ ฝีเท้าดี ควบเก่ง เรียวถึงเส้นชัยอย่างมีความสุขแน่นอนครับ”
ผมห่อปากด้วยความสุขสม เด็กหนุ่มประคองสะโพกผมด้วยมือทั้งสองข้างจากนั้นก็เริ่มโยกตัวเพิ่มความเสียวกระสันให้ผมอย่างมาก

แรงกระแทกกระทั้นถี่ยิบทำให้ผมถึงกับหัวสั่นหัวคลอน แต่กระนั้นก็เปี่ยมล้นไปด้วยความรัญจวนใจจนต้องครวญครางเรียกชื่อเดียร์ออกมาอย่างลืมตัว


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเข้าใจอารมณ์ของผมว่าร้อนแรงเพียงใด เขาเลยเติมเชื้อไฟให้มันลุกโพลงมากยิ่งขึ้นจนผมแทบขาดใจกว่าที่เราสองคนจะบรรลุปลายทางแห่งสวรรค์ร่วมกัน

เดียร์ตระกองกอดผมไว้แนบอก ร่างของเราสองคนชื้นไปด้วยเหงื่อจากกิจกรรมที่เพิ่งเสร็จสิ้น เดียร์กระซิบกระซาบอยู่ตรงหน้าผากผมเสียงอ่อนเสียงหวาน

“เป็นของขวัญที่แสนวิเศษมากเลยครับ ชักอยากจะเกิดทุกๆวันเสียแล้ว”

“บ้านะสิ...”

“ผมไม่นึกไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าเรียวจะยอมให้ผมได้ทำกับเรียวอีก หลังจากที่เรียวโกรธผมแบบเอาเป็นเอาตายแบบนั้น ผมมีความสุขมากๆเลย”

“นายทำดีต่อฉันหลายเรื่อง ฉันก็แค่ให้ตามสิ่งที่ขอเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นรางวัล หรือสิ่งตอบแทนที่นายทำเพื่อฉันแล้วกัน”
ไม่อยากบอกออกไปว่าที่จริงแล้ว ผมให้เขาเพราะว่าผมคิดว่าผมรักเขา อันที่จริงผมคงรักเขามานานแล้ว แต่เพิ่งแน่ใจตนเองในสองสามวันที่ผ่านมา

การที่เกือบจะถูกข่มขืน ทำให้ผมตระหนักกับตัวเองว่า ร่างกายและจิตใจของผมเป็นของเด็กหนุ่มคนนี้ นอกจากเขาแล้วผมจะไม่ให้ใครคน ไหนได้มาแตะต้องผมอีก

“ถ้ารางวัลแห่งความดีที่ผมทำทุกอย่างให้กับเรียว ออกมาแบบนี้เสมอผมยอมมอบกายถวายชีวิตให้เลยนะครับ...”
เด็กหนุ่มกระชับวงแขนที่โอบกอดผมไว้แนบแน่น


“ขายังเจ็บอยู่หรือเปล่า...”

ผมถามด้วยความห่วงใย เดียร์ปฏิเสธไม่เต็มเสียงบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่ผมรู้ว่าเขาคงยังเจ็บอยู่เพียงแต่ผู้ร้ายปากแข็งอย่างเขามีหรือจะพูดในสิ่งที่ทำให้ผมไม่สบายใจ ซึ่งผมเองก็ไม่อยากจะเซ้าซี้เขาอีก

ผมบอกให้เขาพยายามทานยาแก้ปวดซะจะได้หาย แล้วก็หยุดทำงานอะไรที่มันหนักๆ ถ้าหากไม่เชื่อฟังกันบ้าง ผมจะโกรธแล้วไม่ยอมพูดด้วย

เขาก็ทำหน้างอๆ แต่ก็ยังมาต่อรองกับผมว่า เขายินดีจะทำตามที่ผมต้องการ เมื่อหายแล้ว เขาขอขึ้นไปนอนกับผมทุกคืนที่ในห้องด้วยได้ไหม ผมมองหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังนั้นแล้วก็ใจอ่อน พยักหน้าให้เขาแทนคำอนุญาต
ไหนๆผมก็เริ่มรู้สึกรักเดียร์เข้าแล้ว แถมซ้ำเขายังดีกับผมมากมายขนาดนี้ เลยไม่รู้จะเกี่ยงงอนอะไรอีก เวลาที่จะอยู่ด้วยกันมันก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่

ไม่นานก็จะครบ 6 เดือนแล้ว เราก็คงต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ความอึดอัดใจที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายด้วยกัน คงจะหมดไปได้เอง

“เรียวครับ ผมหาสร้อยไม่เจอ มันหายไปแล้วล่ะ ผมรู้สึกแย่จังเลยที่ทำให้ของที่เรียวรักมากสูญหายไป”

เขาทำหน้าเศร้าๆ อย่างคนสำนึกผิดทั้งๆที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหาใช่เป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มตั้งใจให้มันเกิด ผมพูดให้เขาสบายใจว่า อย่าไปกังวลกับของนอกกายแบบนั้น หายแล้วก็หายไป มันเป็นเหตุสุดวิสัย และผมก็ไม่ติดใจในเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มก็ยังไม่เลิกกังวลใจอยู่ดี

“เรียวครับ สร้อยมันหายไปก่อนจะครบหกเดือน มันคงไม่เป็นลางอะไรหรอกนะ”

“ไม่หรอกน่ะ”

“ผมกลัวครับ กลัวว่าเราจะเลิกกันก่อนจะครบ หกเดือนอ่ะ อันที่จริงไม่อยากให้มีวันนั้นเลย อยากให้เราอยู่ด้วยกันไปตลอดอ่ะครับ เรียวล่ะอยากเลิกกับผมไหม”

เด็กหนุ่มมองผมด้วยดวงตาเศร้าสร้อยจนผมรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา ผมควรจะดีใจหรือเปล่านะ ถ้าเราได้เลิกกันก่อน แต่ทำไมผมจึงรู้สึกว่ามันเศร้าๆนะ

เหมือนผมยังคงไม่อยากให้เรื่องของเรามันจบกันเร็วเกินไป อย่างน้อยความสัมพันธ์ก็น่าจะดำเนินไปจนกว่าจะครบกำหนดเวลาตามเงื่อนไข มากกว่าจะต้องจากกันไปก่อนสัญญาสิ้นสุด

“ฉันเป็นคนรักษาสัญญา ตกลงไปแล้วก็ต้องทำตามให้ได้”

ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามล่อแหลมนั้น จริงอยู่ผมเองก็ยังไม่อยากเลิกกับเด็กหนุ่มคนนี้ เพราะใจเริ่มที่จะมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้

แต่จะให้ผมยอมรับกับเขาเลยทันทีก็กะไรอยู่ ผมกลัวความเป็นจริง กลัวใจตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมรักผู้ชายเข้าให้แล้ว นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเกย์หรือเปล่านะ

“ทำไมต้องพูดถึงแต่สัญญาตลอดเวลาละครับ เรียวเคยคิดว่าอยากจะเป็นแฟนกับผมตลอดไปบ้างมั๊ย”

ท่าทางที่ส่อแววสนใจใคร่รู้กับดวงตาใสซื่อนั่น ทำให้ผมต้องถอนใจออกมาอีกครา ทำไมจะต้องมาเอาคำตอบตอนนี้หนอ ปล่อยให้เรื่องราวมันดำเนินไปเรื่อยๆไม่ได้หรือไง

ผมไม่อยากตอบในสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ รักเด็กหนุ่มก็รัก กลัวการวิพากษ์ของสังคมก็กลัว ถ้าไม่ต้องตอบแล้วก็คบกันไปแบบนี้ ผมว่าน่าจะเป็นวิธีที่เข้าถึงความสุขได้มากกว่า

“อาบน้ำกันไหม”

ผมหาวิธีที่จะเบี่ยงเบนประเด็นได้แล้ว เด็กหนุ่มอ้าปากจะถามต่อ แต่เมื่อเห็นผมลุกจากเตียงแล้วเดินเปลือยไปที่ประตูห้องน้ำ

เขาก็ทำตาโต ยิ้มกริ่ม ดูเหมือนจะลืมสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจไปเสียสิ้น เขารีบเดินตามผมไปห้องน้ำด้วยท่าทางกระตือรือร้นเหมือนเด็กๆ

และในห้องน้ำนั้นเองที่ผมมอบร่างกายให้กับเด็กหนุ่มอีกครา เป็นการยุติข้อกังขาทั้งปวง ผมเปิดใจเปิดกายแทนคำพูดให้เขารู้ว่า ผมเองก็ต้องการเขามากแค่ไหน

ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะอยู่กับเขาไปตลอด เรื่องราวของเราน่าจะจบลงด้วยความสุข ถ้าเพียงแต่ ผมและเขาไม่ใช่ผู้ชายด้วยกันทั้งคู่.......

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตรงหัวเตียง มันส่งเสียงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ทว่าไม่มีใครรับ เพราะเราสองคนต่างกอดก่ายนัวเนียเติมเต็มความสุขให้แก่กันและกันบนเตียงจนลืมฟังสรรพสำเนียงใด

จนกระทั่งเดียร์ผละออกจากร่างกายของผม ปล่อยให้ผมนอนตาปรือด้วยความสุขอยู่เคียงข้างเขา นั่นแหละเราทั้งคู่ถึงได้ยินเสียงที่แทรกเข้ามาในความเงียบนั่น

เดียร์อยู่ใกล้โทรศัพท์ที่สุด เขาจึงเอื้อมมือไปรับแล้วกรอกเสียงลงไป จากนั้นเด็กหนุ่มก็ยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผมซึ่งนอนตะแคงมองเขาอยู่

เมื่อนั้นผมจึงได้สำนึกว่า เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงเรียกเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของผมนั่นเอง ผมใจหายวาบ รีบคว้าจากมือเดียร์มาทันที
ผู้ที่โทรศัพท์มารบกวนผมในตอนเช้าอย่างนี้ ก็คือเจ้าสันต์ เพื่อนตัวดีที่เห็นผมขาดงานไปเกือบอาทิตย์ก็เลยนึกสงสัยว่าผมเป็นอะไรมากหรือเปล่า เลยโทรมาหาผมบอกว่าจะมาเยี่ยมเย็นนี้

อันที่จริง ผมก็ไม่ได้อยากขาดงานเกือบอาทิตย์แบบนี้ หลังจากเดียร์โทรไปลางานให้ผมสองวัน ผมก็คิดว่าผมจะสามารถไปทำงานได้ในวันรุ่งขึ้น

แต่เนื่องจากร่องรอยบนใบหน้าจากการถูกทำร้าย ยังไม่จางหายไป ทำให้ผมไม่กล้าไปทำงาน กลัวจะมีคนซักถามถึงที่ไปที่มาของรอยช้ำบวมบนใบหน้า

ถ้าผมโกหก ก็จะมีพวกที่ไม่เชื่อ คอยขุดคุ้ย ซึ่งย่อมไม่ดีกับผมอย่างแน่นอน เพราะความลับเรื่องผมกับเดียร์อาจจะถูกเปิดโปง กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่พูดคุยกันอย่างสนุกปาก

ผมไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น จึงลางานต่อ โดยบอกกับเจ้านายว่าผมไม่สบายมาก ถ้าหายแล้วจะรีบกลับไปทำงานทันที
เพื่อไม่ให้การทำงานของผมต้องขาดตอน ผมจึงให้จุ๋มเลขาของผมส่งเมล์งานที่สำคัญๆมาให้ แล้วผมก็จะดูแล้วก็ตอบกลับไป

สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณารับประกัน ผมก็ให้จุ๋มฝากแมสเซนเจอร์มาให้ และเมื่อพิจารณาเรียบร้อยผมก็จะโทรเรียกให้มอร์เตอร์ไซด์รับจ้างนำงานไปส่งให้ถึงบริษัท

ด้วยวิธีการแบบนี้ งานของผมจึงไม่เสียหาย สามารถพิจารณาเคสให้กับบริษัทได้ทันตามกำหนด

ถึงแม้ผมจะจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย แต่ผมก็ไม่สามารถจัดการกับความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าสันต์ได้ หลังจากที่มันโทรมาหาผมและคะยั้นคะยอให้ผมอนุญาตให้มันมาหาที่บ้าน

ผมทนการรบเร้าจากมันไม่ไหวเลยตอบตกลงไป แล้วก็มานั่งกลัดกลุ้มว่าผมจะจัดการอย่างไรกับเดียร์ดี จะขับไล่ไสส่งเด็กหนุ่ม ก็ให้รู้สึกสงสารเพราะถึงแม้ว่าขาของเดียร์จะค่อยยังชั่วขึ้นมามากแล้ว

แต่เขาก็ยังมีปวดๆบ้างๆบางครั้ง ถ้าผมใจร้ายให้เขากลับบ้านไปก็ดูจะไม่เป็นการยุติธรรมกับเขา เข้าทำนองหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง ซึ่งผมไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ครั้นจะให้เดียร์อยู่ด้วยก็ไม่รู้จะอธิบายเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเด็กหนุ่มว่ายังไง

เจ้าสันต์มันยิ่งเป็นคนจินตนาการกว้างไกล เดี๋ยวมันก็จับพิรุธได้ แล้วคงจะเดาถูกว่าผมกับเดียร์เป็นอะไรกัน จะซ่อนเด็กหนุ่มก็ไม่รู้จะไปซ่อนไว้ที่ตรงไหน เกิดเจ้าสันต์ไปค้นเจอขึ้นมา ผมจะยิ่งถูกมองว่าแอบเอาผู้ชายมาเก็บไว้ในบ้าน เจ้าสันต์ก็จะยิ่งมองผมในภาพลบอีก

หลังจากวนเวียนคิดไปมา ตลอดเช้านั่น ผมก็ได้ข้อสรุปคือ ให้เดียร์กับสันต์ได้เจอกันไปเลย ถึงจะปกปิดอย่างไร ความลับก็ต้องเปิดเผยขึ้นมาสักวัน

ที่สำคัญ ตอนที่สันต์โทรเข้ามา เดียร์ก็เป็นคนรับสายด้วย ผมแก้ตัวไม่ออกเลย ว่าทำไมเดียร์ถึงมาอยู่ในบ้านของผมตอนเช้ามืดขนาดนั้น

ผมอาจจะต้องสารภาพกับเจ้าสันต์ไปตามตรงถึงความสัมพันธ์ของผมกับเดียร์ ผมรู้ดีว่า เจ้าสันต์เป็นเพื่อนที่ไม่คิดทำร้ายเพื่อน มันคงเข้าใจเหตุผลของผม ดีไม่ดี มันอาจจะช่วยผมแก้ปัญหาที่ผมกำลังเผชิญอยู่ด้วยก็ได้ ผมบอกเด็กหนุ่มลูกครึ่งให้รับรู้ว่า

เย็นนี้ สันต์จะมาหาผมที่บ้าน เดียร์ทำหน้าตกใจ เขาถามผมด้วยความห่วงใยว่า ต้องการให้เขาออกไปจากบ้านไหม ผมบอกกับเขาไปว่า ผมอยากให้เขาอยู่ด้วย เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว สักวันต้องมีคนรู้จนได้ อยู่ที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น
เดียร์มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ผมรู้ว่าเขากังวลใจแทนผม คงกลัวว่าผมจะได้รับความเสียหาย เขารู้ดีว่าผมไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาให้ใครรู้ เพราะมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับหน้าที่การงานของผม

แต่เมื่อผมยืนยันอย่างหนักแน่น ว่าผมไม่เป็นไร เขาก็เลยเงียบ ไม่ทำท่าวิตกให้ผมเห็นอีก เขาปล่อยให้ผมจัดการกับปัญหาโดยเป็นฝ่ายเฝ้ามองเงียบๆแบบพร้อมจะยืนเคียงข้างผมทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น

กลางวันวันนั้น ผมกับเดียร์ต่างคนต่างก็วุ่นวายอยู่กับภารกิจของตัว ไม่มีใครพูดถึงเรื่องการจะมาเยี่ยมเยียนของเจ้าสันต์อีก

ผมเปิดอีเมล์อ่านงานที่จุ๋มส่งมาให้ ดูว่าผมมีอะไรที่ต้องจัดการบ้าง แล้วก็นั่งพิจารณาเคสที่ทางแมสเซนเจอร์นำมาให้เมื่อวานนี้



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
ส่วนเดียร์ช่วยผมจัดการในบ้านเล็กๆน้อยๆ ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ยังคงดื้อ ปัดกวาดเช็ดถูล้างถ้วยล้างชามให้ จนผมคร้านที่จะดุเขาอีกแล้ว ปล่อยให้เดียร์ทำตามที่ต้องการไป ส่วนผมก็วุ่นกับงานของตัวเองต่อ

ดูท่าทางเด็กหนุ่มจะมีความสุขมาก กับการได้ดูแลทำความสะอาดบ้านให้ผม พอทำงานเสร็จแต่ละชิ้น เดียร์ก็จะเข้ามานัวเนียผม เหมือนขอรางวัล ตอนแรกผมทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจว่าเขาอยากได้อะไร

เด็กหนุ่มก็เลยขอจูบ หรือ กอดผม แลกกับสิ่งที่เขาทำให้ ผมแกล้งทำเป็นโกรธที่เขาทำงานหวังสินจ้างรางวัล ทำแต่ละอย่างก็จะมาขอโน่นขอนี่

ผมบอกเดียร์ว่าไม่ต้องทำหรอก ผมทำเองก็ได้ แต่เด็กหนุ่มก็อ้อนตอบว่า เขาทำด้วยความเต็มใจ ไม่ได้หวังสินจ้างรางวัล แค่อยากให้ผมกอด หรือ หอมเขาบ้าง เขาจะได้ชื่นใจ ว่าผมชอบที่เขาทำ

แต่เขารู้ว่าผมไม่ทำอย่างนั้นแน่ เลยอยากจะเป็นฝ่ายกอด หรือ หอมผมเสียเอง เด็กหนุ่มยังอ้อนต่อไปว่า เขาคิดถึงผมมาก

ขนาดอยู่ใกล้ๆในบ้านเดียวกัน ในห้องรับแขก ใกล้ขนาดเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวแล้ว แต่ก็ยังมีความรู้สึกคิดถึงอยู่ตลอดเวลา อยากหยุดทุกอย่างเอาไว้ ไม่ต้องทำอะไร นอกจากนอนกอดผมอย่างเดียว

สิ่งที่เขาพูดกับกริยาท่าทางของเขา ทำให้ผมอดนึกถึงเจ้าหญิงไม่ได้ มันชอบมานัวเนียอยู่ใกล้ๆผม เวลาคาบหนังสือพิมพ์ หรือคาบรองเท้ามาให้

เจ้าหญิงก็จะนั่งสองขาอยู่ตรงหน้าผม พลางแกว่งหางไปมา รอให้ผมลูบหัว หรือ ดึงเข้าไปกอด ตอนนี้เจ้าหญิงไม่ได้ทำแบบนั้นกับผมสักเท่าไหร่ เพราะเปลี่ยนใจไปรักเดียร์มากกว่าผมแล้ว เลยปล่อยให้เดียร์ทำกริยาอาการนัวเนียกับผมแทนตัวมันเอง

ผมนึกขำ เมื่อเปรียบเทียบเดียร์กับเจ้าหญิง ยิ่งตอนนี้ เด็กหนุ่มมานั่งจ้องผมตาแป๋วแหววข้างหน้า ยิ่งทำให้ผมอดหัวเราะดังๆไม่ได้

เดียร์ทำหน้าฉงนที่อยู่ๆผมก็ขำออกมา อ้าปากจะถาม ผมเลยดึงตัวเดียร์เข้ามากอด เพื่อกลบเกลื่อนเปลี่ยนความสนใจของเดียร์ไปซะ ไม่อยากบอกเดียร์ว่าผมคิดว่าเขาเหมือนกับเจ้าหญิง เดี๋ยวเขาจะงอนหาว่าผมไปว่าเขาเป็นหมา
แต่อันที่จริง ผมว่าทั้งเจ้าหญิงและเดียร์น่ารักดีออก ดูไปเดียร์ก็คล้ายหมาตัวโตๆ ที่คอยอยู่ใกล้ๆ ดูแลปกป้องผม และเป็นเพื่อนที่ทำให้ผมสบายใจ เวลาเหนื่อยล้าหรือเพลียกลับมา

พอเจอหน้าเดียร์ผมก็รู้สึกเป็นสุข เขาทำให้โลกของผมสว่างสดใสขึ้น และโดยที่ไม่ทันตั้งตัว เดียร์ก็ก้าวเข้ามาจับจองพื้นที่ว่างในหัวใจของผมจนหมด ผมไม่เหลือใจให้ใครอีกแล้ว นอกจากเด็กหนุ่มหน้าทะเล้นคนนี้คนเดียวเท่านั้น
เด็กหนุ่มกอดตอบผมแนบแน่น แล้วแนบริมฝีปากของเขาลงมาที่ปากของผม เราต่างมอบจูบที่หวานล้ำให้แก่กัน ผมแทบละลายไปกับอ้อมอกที่แสนอบอุ่นของเขา

แรงปรารถนาที่มีต่อเดียร์ทำให้ผมเกือบยั้งใจไม่อยู่และร่วมรักกับเขาตรงหน้าโต๊ะทำงานนั่น หากแต่ภารกิจที่ยังทำคั่งค้าง ทำให้ผมยอมได้แค่กอดจูบลูบไล้เท่านั้น

เนิ่นนานทีเดียวกว่าที่เดียร์จะผละออกจากผม เขาทำท่าว่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้ไปต่อให้ถึงจุดสิ้นสุด แต่เด็กหนุ่มรู้ดีว่า

เขาควรให้เวลากับผม ไม่ควรรุกล้ำผมมากจนเกินไป เพราะหากผมถูกรบกวนมากๆเข้า ผมอาจจะต่อต้านขึ้นมา แล้วในท้ายที่สุดสัมพันธภาพที่กำลังไปกันด้วยดี อาจจะพังลงในพริบตา

เสียงกระแอมไอที่ดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้เราสองคนถึงกับสะดุ้ง และหันขวับไปทางต้นเสียงโดยพร้อมเพรียงกัน
เจ้าสันต์ยืนกอดอก พิงประตู มองเราสองคนด้วยสีหน้าที่บอกถึงความประหลาดใจเต็มที่ เมื่อประสานสายตาผมกับเดียร์ที่หันไปมอง ใบหน้าของสันต์ก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที

“ขอโทษทีที่มาขัดจังหวะคู่รักหวานแหวว ให้ฉันกลับออกไปก่อนไหม เผื่อว่านายสองคนอาจจะยังมีธุระที่ยังทำคั่งค้างกันอยู่ เอาไว้ เสร็จแล้ว ค่อยเรียกฉันก็ได้ เดี๋ยวฉันรอไปอยู่ในรถหน้าบ้านนี่แล้วกัน”

เจ้าเพื่อนตัวแสบทำท่าจะหมุนตัวกลับ หากแต่ผมเรียกมันไว้ก่อน เจ้าสันต์จึงหยุดแล้วหันมายิ้มให้เราสองคนอีก ผมเห็นอากัปกริยายียวนกวนประสาทกับคำพูดล้อเลียนที่มันทำกับผม แล้วอยากจะลุกไปยันมันให้ล้มกลิ้งไปเลย

นึกเจ็บใจตัวเองที่เองที่ปล่อยให้มันมาเห็นผมกับเดียร์กอดจูบลูบคลำกัน หลักฐานทั้งภาพและเสียงแน่นหนาออกอย่างนี้
ผมเลยกลายเป็นจำเลยของเจ้าสันต์อย่างดิ้นไม่หลุด แก้ตัวไม่ได้อีกแล้ว เจ้าเพื่อนตัวดี ได้คำตอบที่มันสงสัยมานานก็วันนี้เอง

“ไหนบอกว่าจะมาตอนเย็น นี่มันเพิ่งจะบ่ายโมง หนีงานมาหรือไง”

ผมกล่าวหามัน ทั้งนี้เพื่อข่มความอับอายที่เจ้าเพื่อนรักดันมาเห็นในสิ่งที่พยายามปกปิดมาตลอด เจ้าสันต์เดินมานั่งตรงโซฟา มองมาที่เราสองคนแล้วยิ้มยั่ว

“มาช้ากว่านี้ ก็อดเห็นของดีน่ะสิ ได้ดูแต่ของจัดฉาก สู้ดูสดๆ แบบแอบถ่ายดีกว่า”

คำพูดหยอกเย้าของมันทำให้ผมหน้าแดงก่ำ จะโกรธมันก็ไม่ได้ เพราะตัวเองพลาดเอง จริงอย่างที่มันว่าด้วย ผมคิดว่ามันมาตอนเย็น ก็เลยไม่ได้ระวังตัว

ปล่อยอารมณ์เต็มที่กับเดียร์เพราะไม่คิดว่าเจ้าเพื่อนตัวดี จะแอบทำตัวเป็นนักสืบโดยย่องมาหาตั้งแต่ยังไม่ตะวันตกดิน

“ระวังจะถูกฟ้องร้องในข้อหาถ้ำมอง และละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ”

ผมว่ามันอีก ไอ้เพื่อนตัวดี แอบมาเงียบๆ แล้วยังมาทำพูดจาให้ผมได้อายอีก เจ้าสันต์ยักไหล่ ดูท่าทางมันพอใจที่ได้ต้อนผมให้จนมุม

มันคงเอาคืนที่ผมปฏิเสธ และ ด่ามันตลอดที่หาว่าผมมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน พอผมจำนนด้วยหลักฐานมันจึงได้ทียั่วเย้าไม่ยั้ง

“เอาสิ นายคงพร้อมแล้วมั๊ง กับการเปิดเผยตัวตน”
“เอ้อ....ไม่ทราบคุณจะมาเยี่ยมเยียน หรือมาหาเรื่องเรากันครับ”

หลังจากนิ่งฟังมาเนิ่นนาน รอดูสถานการณ์ว่าจะเป็นยังไง พอเห็นผมถูกเจ้าสันต์พูดจาให้ได้อายหนักเข้า เดียร์ก็เริ่มไม่พอใจ

เด็กหนุ่มเดินไปหาสันต์ ท่าทางเอาเรื่อง พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความโมโห เพื่อนรักของผมมองเดียร์ซึ่งยืนค้ำหัว หน้าตาบึ้งตึง ก็เริ่มรู้ว่ามันคงแหย่ผมต่อไม่ได้แล้ว จึงยกมือขึ้นสองข้างทำท่ายอมแพ้

“แหม ดุดันจริงเจ้าหนู ฉันแค่อำเล่นเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ แค่มาเยี่ยม แต่บังเอิญได้เห็นของดีเท่านั้นเอง”

“แล้วไงครับ เห็นแล้วเป็นไงเหรอ .....มีอะไรหรือเปล่า”

เดียร์ยังทำเสียงหาเรื่องต่อ เล่นเอาเจ้าสันต์ทำตาปริบๆ คงนึกเกรงร่างกายที่ใหญ่โต กับใบหน้าดุดันนั่น

“ไม่มีจ้า ....นั่งลงเถอะพ่อหนุ่ม ฉันมาดีนะ เอ้า เรียว แกช่วยบอกพ่อครัวสุดหล่อคนนี้หน่อยสิ ว่าฉันเป็นคนดี ฉันไม่ทำร้ายใคร แค่ปากหมาเท่านั้น แต่ไม่ปากโป้งนะ”

เจ้าสันต์หันมาขอความช่วยเหลือจากผม ถึงแม้ผมจะรู้สึกหมั่นไส้มัน อยากให้เดียร์ข่มขู่ให้มันกลัวจะได้ไม่ทำตัวเป็นนักสืบจุ้นจ้านชีวิตของผู้อื่นอีก แต่ผมก็ต้องระงับความคิดนั้นไว้

เพราะถึงยังไงเจ้าสันต์มันก็เพื่อนรักของผม และที่สำคัญมันไม่เคยขยายความลับของเพื่อน มีแต่จะช่วยแก้ปัญหาให้ ผมอาจจะได้พึ่งพาอาศัยมันก็คราวนี้

ผมเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม และเอื้อมมือไปแตะต้นแขนของเขา แล้วดึงเข้ามาหา ผมกระซิบบอกให้เดียร์รู้ว่า สันต์ไม่ใช่คนมีพิษมีภัยอะไร ไว้ใจได้ ไม่ต้องเป็นห่วง

ผมขอให้เขาไปช่วยเตรียมอะไรมาให้ทานเป็นของว่าง ส่วนทางนี้ผมจะคุยกับเจ้าสันต์เอง มีอะไรที่เราสองคนจะคุยกันมากมาย เดียร์สบตาผม ทำท่าว่าห่วงใย

แต่พอเห็นผมไม่มีทีท่าหวาดหวั่นต่อความลับที่ถูกเปิดเผยขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขาก็ยิ้มให้ผม แล้วยอมกลับเข้าครัวไปปรุงของว่างเพื่อมารับแขก

พอเดียร์คล้อยหลังไปแล้ว ผมก็หันมาเผชิญหน้ากับเจ้าสันต์ เป็นไงก็เป็นกัน ในเมื่อเพื่อนผมได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นแล้วผมก็หลบเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว มีอยู่ทางเดียว คือเปิดใจพูดกันไปเลย

“เห็นหมดแล้วนี่ มีอะไรจะพูดก็ว่ามาสิ......”

ผมยืนเท้าสะเอวถามมัน เจ้าสันต์มองผมอย่างประเมินท่าที จากนั้นก็หงายหน้าหัวเราะก๊าก


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับคำติชมนะ
รูปนี้ของพี่เคทแหละเรามาให้ชมอีก อิอิ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
>>>  เอ่อ   ...........


         :m25: :m25: 


>>>ประกาศขอรับบริจาคเลือดกรุ๊ป O   

>>>  ให้กำลังใจพี่ไต๋  พี่เคท   เรียว  เดีย   :L1: :L1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :z6: :z3: :z3:

อย่า ไห้ ค้าง คา


 มาต่อ ไวไว น่ะ



nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
เสียเลือดอีกแล้ววว :jul1:

ขอเลือดด่วนจะหมดแล้ว



ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
^
^
จิ้มก้น แนน แหมๆๆๆ หื่นจิงเชียว

มามะเค้าพาไปรับเลือดเอาป่ะ  :laugh:

หวานแหวว กำลังดี แต่อีกไม่นานก็คงเศร้าใช่มะ

โอ้ววววววว อยาก แฮบ เดียร์ในรูปจิงจิ้ง  :z1:

va_yu

  • บุคคลทั่วไป
รูปก็นะ เนื้อเรื่องก็นะ.... :haun4:

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
สมดั่งใจหมาย คุณสันต์ แล้วดิ o22

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :haun4: รูปพวกนี้พี่เคทท่านประทานมา
หื่นได้ที่เลยดิ +1 ให้ช่วยหื่นทั้งหลาย

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 22


“หัวเราะอะไร”

ผมแหวใส่มัน

“นี่มันเป็นท่าทางของคนที่พร้อมจะเปิดเผยตัวเองต่อสังคมหรือเปล่าวะ เท้าสะเอวแบบเกย์มากๆเลย ไอ้หนูเดียร์นี่แน่จริงโว้ย เปลี่ยนนายได้ขนาดนี้เลยเหรอ”

“ไอ้บ้า.....”

มือผมตกลงที่ข้างลำตัวทันทีที่ได้ยินมันพูด เจ้าสันต์เลยยิ่งหัวเราะใหญ่

“ไอ้โรคหวาดระแวง และปิดกั้นตัวเองมันคงอยู่กับนายไปจนตายเลยมั๊งเรียว ฉันแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น เหมือนกงเหมือนเกย์ที่ไหนกัน ท่าทางแกไม่ให้หรอก แต่ฉันว่าใจแกน่ะมันไปแล้ว จริงไหมวะ”

ผมตกหลุมพรางมันอีกตามเคย เจ้าสันต์มันเจ้าเล่ห์แสนกล หรือเพราะผมเฝ้าระวังจนขาดสติไตร่ตรองกันแน่ เลยแยกแยะไม่ออกระหว่างเรื่องล้อเล่นกับเรื่องจริง

ผมคงจะเหมือนวัวสันหลังหวะ ใครพูดอะไรนิดอะไรหน่อยก็อดที่จะแสดงพิรุธออกมาไม่ได้ ผมไม่อยากตกอยู่ในสภาพนี้เลย ดูมันเสียหน้าอย่างไรไม่รู้ เวลาที่ถูกคนต้อนจนมุมเนี่ย

“ถ้าจะถามเรื่องเดียร์ก็ไม่ต้องอ้อมค้อม......”

ไหนๆก็ไม่สามารถจะปิดมันต่อไปได้แล้ว ผมก็มุ่งเข้าสู่ประเด็นเลย ยิ่งบ่ายเบี่ยง ก็ยิ่งถูกคนเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าสันต์ไล่เบี้ยเอา พูดออกมาเองดีกว่าจะถูกซักฟอกจนต้องคายความลับออกมา

“อยากให้ฉันรู้อะไรก็เล่ามาเถอะ ฉันไม่อยากทำตัวเป็นพวกชอบขุดคุ้ยเรื่องของชาวบ้าน นายก็รู้ว่าฉันอยู่ฝ่ายตรวจสอบมาก่อน ถ้าฉันซักฟอกขึ้นมา มันจะลงลึกนายจะลำบากใจเปล่าๆ

เอาเป็นว่าแค่ไหนที่นายบอกให้ฉันรู้แล้วนายสบายใจก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องกลัวหรอกเพื่อน ฉันจะเก็บไว้เป็นความลับไม่แพร่งพรายให้ใครรู้ นายเชื่อใจฉันได้ว่าไม่ทำร้ายนายแน่นอน”

สีหน้าและแววตาของเจ้าสันต์บ่งบอกถึงความจริงใจ ผมมองหน้าเพื่อนรัก รู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าสันต์พูดเป็นความจริง ตลอดเวลาที่คบกัน เจ้าสันต์แสดงให้ผมรู้ว่ามันเป็นเพื่อนที่ไม่เคยทรยศหักหลังเพื่อน

ถึงแม้ว่ามันจะปากหมาไปบ้าง แต่มันก็คอยเป็นห่วงเป็นใยผมเสมอ ผมคิดว่าถึงแม้มันจะรู้เรื่องของผมจนหมด มันก็ไม่มีทางปริปากพูดให้ใครฟัง

ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้เจ้าสันต์ได้รับรู้โดยไม่ปิดบังอำพราง คำพูดทุกอย่างพรั่งพรูออกจากปากเหมือนทำนบที่พังทลาย ความอัดอั้นตันใจถูกถ่ายทอดให้เพื่อนรักฟังจนหมด

ตั้งแต่วันที่ผมได้ช่วยเดียร์ให้รอดพ้นจากการถูกตามล่าจากพี่ชายที่ต้องการจะข่มขืนเขาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไปจนกระทั่งการช่วยเหลือในครั้งต่อๆมาซึ่งเจ้าสันต์เองก็มีส่วนรับรู้ในเหตุการณ์ด้วย มันทำหน้างงๆคล้ายเวลาที่ผมได้ฟังเรื่องต่างๆจากเดียร์ครั้งแรก ผมเลยต้องทบทวนความหลังให้มันฟัง
เพื่อให้มันเข้าใจว่ามันมาเกี่ยวกับข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ผมจึงพูดให้เจ้าสันต์ย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์ในอดีต ตั้งแต่สมัยที่ผมกับเขายังมีตำแหน่งเป็นแค่พนักงานบริษัท

มันทำงานอยู่ฝ่ายตรวจสอบ ส่วนผมทำงานอยู่ในฝ่ายพิจารณารับประกัน เราสองคนร่วมกันปฏิบัติงานในพื้นที่ทางภาคตะวันออก ตั้งแต่ฉะเชิงเทรา ไปจนถึงจังหวัดตราด และปราจีนบุรี

ในคืนหนึ่งที่พวกเราเสร็จสิ้นจากการทำงาน และได้ไปเที่ยวชมโชว์คาร์บาเรต์ และกำลังหาข้าวกินก่อนเข้าที่พัก ระหว่างทางเราได้ช่วยกระเทยคนหนึ่งไว้จากพวกนักเลงอันธพาลที่หวังจะครอบครองตัวเด็กหนุ่มคนนี้
ตอนนั้นเจ้าสันต์เมาเหล้าอยู่ในรถของผมแต่ถึงกระนั้นมันก็ทำท่าก้อร้อก้อติกกับกระเทยคนนั้น เพื่อนผมทำหน้าเหมือนจำได้

มันหันไปมองเดียร์ที่ยืนทำกับอาหารง่วนอยู่ในครัว แล้วผิวปากหวือบอกกับผมว่า ไม่น่าเชื่อว่ากระเทยแสนสวยคนนั้นคือเจ้าหนูเดียร์พ่อครัวคนเก่งคนนี้ แต่มันก็ยอมรับว่าหน้าตาของกระเทยคนนั้นกับเดียร์มีส่วนที่คล้ายกันจริงๆ
ขณะที่นั่งฟังผมเล่า ดูมันทำท่าสนอกสนใจเกินเหตุ ตอนที่ผมบอกว่าเดียร์ประทับใจในตัวผมที่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้งก่อให้เกิดเป็นความรัก

จนกระทั่งได้ตามผมมาจนถึงกรุงเทพฯ แต่ไม่สามารถเข้าถึงตัวผม จนกระทั่งโอกาสเปิดตอนที่สันต์ชวนผมไปเที่ยวสีลมซอยสองอันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมกับเดียร์ต้องมาเกี่ยวข้องกันด้วยพันธะสัญญาบางอย่าง
ผมลังเลใจว่าจะเล่าให้มันฟังถึงข้อตกลงระหว่างเราดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นใบหน้าอยากรู้อยากเห็นจากเจ้าสันต์ผมก็รู้ดีว่าถึงผมไม่บอก มันก็ต้องซักถามเอาจนได้ อีกอย่างผมก็โทษว่าเป็นความผิดของมันด้วย
ถ้ามันไม่ชวนผมไป ผมก็ไม่ต้องเจอกับเดียร์ ไม่ต้องถูกเขาจับมัด ไม่ต้องถูกถ่ายภาพแบล็คเมล์ แล้วก็ไม่ต้องตกลงทำสัญญาบ้าๆนั่น

และในท้ายที่สุด ผมคงไม่ต้องหลวมตัวรักเด็กหนุ่มคนนี้อย่างมากมาย ผมคงจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนหนุ่มธรรมดาทั่วไป มีความรักกับหญิงสาว แต่งงาน มีลูก ดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไป ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจที่มารักเกย์แบบนี้
เพื่อนผมทำตาโตเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมเล่าว่า เดียร์ก็คือคนที่เราเจอในผับที่ผมบอกกับทุกคนว่าเดียร์เป็นแฟนผมเพื่อกันแดนนี่กับแมนไปห่างๆ

เจ้าสันต์ตบเข่าฉาดทำท่าสะใจตอนที่ฟังผมเล่าถึงช่วงที่เดียร์แบล็คเมล์ผม มันหัวเราะชอบใจ บอกว่าเดียร์เจ้าเล่ห์มาก ใช้วิธีการร้ายกาจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูน่ารักดี

สงสัยมันต้องขอยืมวิธีแบบนี้ของเดียร์ไปใช้กับหนุ่มๆที่มันปิ๊งบ้าง เขาจะได้ยอมมันโดยง่าย พอเห็นผมทำหน้าโกรธๆ มันก็เลยแสร้งทำเป็นหัวเราะแฮะๆ บอกว่ามันแค่อำเล่นเท่านั้น แต่อันที่จริงมันก็รู้สึกแย่ที่เป็นต้นเหตุให้ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้

“ฉันขอโทษทีนะเพื่อน ไม่รู้มาก่อนเลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา นายตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกมาโดยตลอด ถึงว่าทำไมเด็กนี่ถึงคอยนัวเนียชิดใกล้นายนัก ฉันก็ดันคิดไปว่า นายมีลับลมคมใน แอบมีแฟนเป็นเกย์แล้วอายไม่กล้าเปิดเผย

ถ้ารู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายไม่เต็มใจ และต้นเหตุนั้นก็มาจากฉันด้วย ฉันก็คงไม่ทำตัวอยากรู้อยากเห็น และหาทางช่วยนายเร็วกว่านี้ เอาล่ะ เพื่อนรัก เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว นายจะทำยังไงล่ะ ”

นั่นสิ ผมควรจะทำอย่างไรดี ทุกวันนี้ ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ จึงต้องปล่อยเลยตามเลย
“นายอยากเลิกกับเด็กนั่นหรือเปล่า......”

เจ้าสันต์ถามตรงๆ เล่นเอาผมถึงกับอึ้ง ผมรู้ว่าวันหนึ่งผมคงต้องเลิกรากับเดียร์อย่างแน่นอน แต่ถ้าถามตอนนี้ ผมยังบอกไม่ได้ว่าผมอยากเลิกกับเขาหรือเปล่า ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

เดียร์เป็นเสมือนส่วนหนึ่งของชีวิตผม ขาดเขาไปก็ไม่รู้ว่าตนเองจะเป็นอย่างไร นี่ถ้าคำถามนี้ได้ถูกถามก่อนที่เรื่องราวมันจะถลำลึกลงเรื่อยๆ ผมคงตอบได้โดยไม่ลังเลว่าผมต้องการยุติความสัมพันธ์กับเจ้าเด็กนั่น ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเขาแม้แต่นิดเดียว

“ฉันนี่มันก็ถามอะไรออกไปโง่ๆ ดูก็รู้แล้วว่านายสองคนมีใจให้แก่กันแค่ไหน เอาล่ะ ถ้าไม่อยากเลิกแล้วนายจะทำอย่างไรต่อไป เปิดเผย หรือ ว่าให้มันเป็นไปอย่างลับๆแบบนี้ .......”

มันพูดยิ้มๆ จากนั้นก็เริ่มถามผมด้วยท่าทางซีเรียส

“นายไม่ต้องเปิดปากบอกใครไปนะ ฉันไม่อยากให้มีจนรู้ไปมากกว่านี้ เพราะว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่การทำตามคำสัญญาที่ให้ต่อกันเท่านั้น พ้นระยะหกเดือนไปแล้ว ชีวิตฉันก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

บอกเจ้าสันต์ไป ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ผมรู้ตัวดีว่าผมไม่สามารถกลับไปเป็นนายเรียวคนเดิมได้แล้ว ตอนนี้ผมรักผู้ชายด้วยกัน

ต่อให้ครบกำหนดสัญญาไปแล้ว ผมก็ยังได้ชื่อว่าผมเคยเป็นของเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ดี ผมรักเขามาก เลิกรากันไปแล้วผมจะลืมเขาได้ละหรือ ผมไม่แน่ใจตัวเองเลย

เจ้าเพื่อนรักมองผมด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความเข้าใจ มันรู้เหมือนที่ผมเองก็รู้ว่าตัวเองกำลังสับสนแค่ไหน การเปลี่ยนแปลงตัวเองจากผู้ชายที่เคยรักผู้หญิง มารักผู้ชายด้วยกัน มันทำให้ผมปรับตัวค่อนข้างลำบาก

ผมไม่มั่นใจ ผมลังเล ไม่รู้ว่าชีวิตของตัวเองควรจะเดินไปในทิศทางใด

สันต์เอื้อมมือมาบีบมือผมเบาๆ แล้วพูดคล้ายเตือนสติให้ผมได้คิด

“ฉันเข้าใจดี เพราะฉันก็เคยตกอยู่ในสภาพเดียวกับนายมาก่อน กว่าจะยอมรับได้ว่าตัวเองชอบทางนี้ ฉันก็สูญเสียอะไรไปหลายๆอย่าง

แต่ฉันไม่แคร์ เพราะทางเลือกที่ฉันค้นพบนำความสุขใจมาให้กับฉัน ไม่ต้องหลอกลวงใคร ไม่ต้องทำให้ใครเสียใจ แค่นี้ก็นับว่าดีแล้ว.....”

เพื่อนผมหยุดพูด พลางมองสำรวจใบหน้าผม เมื่อเห็นว่าผมนิ่งฟังอย่างสนใจ มันก็พูดต่อ

“....สำหรับนายเอง ไม่ได้เป็นเพราะว่ารักชอบเหมือนกับฉัน แต่เริ่มต้นจากการถูกบังคับฝืนใจ จนกระทั่งเหตุการณ์เลยเถิดมีความสัมพันธ์ที่ล้ำลึกกับเด็กนั่น

อันที่จริงเดียร์เองก็ผิด ที่ใช้วิธีการสกปรกบีบคั้นนายจนต้องยอมทำตาม ถึงแม้เหตุผลจะพอฟังได้ว่าทำไปเพราะรัก แต่มันก็ละเมิดชีวิตของคนอื่นอยู่ดี

แต่ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว เรียกร้องให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ นายก็ต้องพยายามที่จะเรียนรู้แล้วก็ยอมรับกับมัน

ลูกผู้ชายเรื่องแค่นี้มันไม่เสียหายอะไรหรอกว่ะ เป็นประสบการณ์ทางเพศอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ชอบ ครบหกเดือนนายก็กลับมาชอบผู้หญิงตามเดิม

แต่ถ้านายคิดว่าความรักที่แท้ไม่มีการระบุเพศของคนรัก แล้วเด็กนั่นดีพอที่นายจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย นายจะเดินตามเส้นทางนี้ต่อก็ได้

ที่สำคัญนายอย่าไปฟังคนอื่น ฟังเสียงหัวใจตัวเองนะเรียว ว่านายต้องการแบบไหน นายเท่านั้นที่จะตอบได้ ว่าอะไรที่ทำให้นายมีความสุข”
คำพูดของเพื่อนเกย์ผู้มีประสบการณ์ของผมทำให้ต้องคิดตาม ฟังเสียงหัวใจของตัวเองหรือว่าต้องการอะไร ผมจะรู้ได้ไงกันล่ะ เพราะตอนนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่าหัวใจของผมมันอยู่ตรงไหน ยังอยู่กับตัวเอง หรือสูญเสียให้เดียร์ไปจนหมดแล้ว

“แล้วนี่หน้านายไปโดนอะไรมาเหรอ”

อยู่ๆเจ้าสันต์ก็เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย ความรู้สึกของผมเหมือนนั่งรถมาด้วยความเร็วสูง อยู่ดีๆ คนขับก็เบรกเอี๊ยด เล่นเอาหัวทิ่มหัวตำ

พอหายมึนงงกับคำถามที่ยิงเข้ามากระทันหัน ผมก็เริ่มเข้าใจว่า เจ้าสันต์ไม่อยากจะบีบคั้นผมจนเกินไปนัก มันรู้ว่าได้พูดให้ผมคิดในสิ่งที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน

ดังนั้น มันเลยต้องการให้เวลาผมในการตัดสินใจเอาเอง ไม่อยากชี้นำอะไรผมมาก เพราะหากว่าผมทำตามแล้วได้ผลไม่น่าพอใจขึ้นมา จะกลายเป็นว่ามันได้แนะนำสิ่งผิดกับผม

“นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้นายไม่ไปทำงานใช่หรือเปล่า ไม่ใช่แค่ไม่สบายเฉยๆ แต่นายบาดเจ็บเลยนี่นาเพื่อน”

เจ้าสันต์ เอามือแตะใบหน้าของผม แล้วพยายามเพ่งพินิจว่ารอยบวมช้ำนั้นเกิดจากอะไร เห็นท่าทางห่วงใยนั้นแล้ว ผมก็เลยเปิดปากเล่าให้มันฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เกาะเสม็ด ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ผมไม่สามารถไปงานได้ หวังจะให้มันเข้าใจ และอย่างน้อยก็จะได้ช่วยผมแก้ปัญหา เวลากลับไปทำงานเหมือนเดิม

“เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันสงสารนายมากเลยนะเรียว ถ้าฉันอยู่ด้วย คงได้ช่วยกับเจ้าหนูเดียร์ รุมกระทืบไอ้คนพวกนั้นแทนนายแล้ว”

เพื่อนรักเอื้อมมือมาจับที่หัวเข่าของผมและบีบเบาๆ แววตาที่มองมาเปี่ยมด้วยความสงสารและเห็นอกเห็นใจ

“นายหยุดไปหลายวัน มีแต่คนสงสัยว่านายเป็นอะไรมากหรือเปล่า หลายคนอยากมาเยี่ยม รวมถึงเจ้าศักดิ์ชายด้วย ดีนะ ที่ฉันชิงตัดหน้าพวกนั้นมาเยี่ยมก่อน จึงได้รู้ว่าความจริงมันเป็นอย่างไร เอาล่ะ นายไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะช่วยนายเรื่องนี้เอง รับรองไม่มีใครล่วงรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้แน่”

ผมกล่าวขอบคุณเจ้าสันต์ เป็นครั้งแรกที่ผมดึงตัวมันเข้ามากอด ด้วยความซาบซึ้งกับสิ่งดีๆที่มันทำให้กับผม อย่างน้อยผมก็คิดถูกที่เลือกที่จะไว้วางใจเจ้าเพื่อนคนนี้ มันไม่เคยทำร้ายผมเลยแม้แต่สักครั้งเดียว ขนาดมันได้ล่วงรู้ความลับของผม มันยังตั้งใจที่จะช่วยปกป้องให้อีก

“อดเจ็บใจแทนนายไม่ได้จริงๆว่ะ ดูสิ หน้าสวยๆของนายถูกมันตบเอาซะบวมไปหมด อย่างนี้มันต้องโดนเล่นงานให้สาสม พูดแล้วก็แค้นว่ะ”

เจ้าสันต์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน มันคงนึกโกรธแทนผมจริงๆ
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ อีกอย่างเดียร์ก็จัดการพวกนั้นเสียย่ำแย่ไปเลย ป่านนี้ก็ไม่รู้จะเป็นไงกันบ้าง คงจะสะบักสะบอมไม่ต่างไปจากฉันหรอกน่า ต่างคนต่างเจ็บก็เลิกแล้วต่อกันดีกว่า ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของฉันแล้วกันที่ไปเจอพวกนั้นเข้า ”

ผมบอกกับมันเป็นเชิงให้รู้ว่าไม่อยากเอาเรื่องเอาราวอะไร อยากให้มันจบๆกันไป ต่างคนต่างอยู่ ไม่อยากให้ทั้งผมและเดียร์ต้องไปเจอกับคนพวกนั้นอีก ผมไม่อยากให้คนที่ผมรักไปทำร้ายใครเข้า เดี๋ยวจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง ทำให้การอยู่ด้วยกันของเราไม่สงบสุข

“จ้า พ่อคนใจดี เฮ้อ พวกมันทำกับตัวเองขนาดนี้ ยังจะไปให้อภัยมันอีก แต่เอ ...จะว่าไปแล้วโลกมันก็กลมจริงๆแหละ ฉันว่ามันอาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้ จะว่าไปแล้วนายบอยก็คล้ายกามเทพนะ

คิดดูสิ นายเคยช่วยเจ้าหนูเดียร์ให้รอดจากเงื้อมมือของนายบอย ซึ่งนั่นทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่นายกับเดียร์ได้เจอกัน แล้วเจ้าหนูนั่นก็ติดอกติดใจรักนายนักหนา สู้อุตส่าห์ตามมาเอาอกเอาใจหวังให้รัก

ช่วงที่นายสองคนยังไม่รู้จะเอายังไงกับความสัมพันธ์ที่ผิดปกตินี้ นายบอยก็โผล่เข้ามาถูกจังหวะพอดี โฮะโฮะ ไม่เรียกว่าเป็นกามเทพได้อย่างไร สิ่งที่นายบอยทำกับนาย มันช่วยเปลี่ยนความรู้สึกที่นายมีต่อเจ้าหนูจอมลีลานั่นได้ไม่ใช่เหรอ
อย่างน้อยๆนายก็เห็นว่าเขาเป็นคนดี และน่ารักเพียงพอที่นายจะยอมมีอะไรกับเขาด้วย ทั้งที่นายปฏิเสธเรื่องแบบนี้ตลอดเวลานี่นา”

คำพูดของเจ้าสันต์เหมือนมีดที่ทิ่มแทงเข้ากลางใจผม สิ่งที่มันคิดและพูดออกมา เป็นความจริงทั้งสิ้น ความรู้สึกของผมเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่มีเดียร์เข้ามาอยู่ด้วย และเริ่มแน่ชัดเมื่อวันที่ผมถูกนายบอยกับพวกทำร้าย
ผมรักเดียร์มาก รักอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน แม้กระทั่งผู้หญิงหลายคนที่ผ่านมาในชีวิต ผมก็ไม่รักและผูกพันลึกซึ้งเหมือนที่เป็นกับเดียร์เลย

แต่แหม จะให้ผมยอมรับกับเจ้าสันต์เลยก็ใช่ที่ ถึงผมจะจำนนต่อหลักฐาน และ ยอมพ่ายแพ้ให้กับความรู้สึกในใจตนเอง ไม่ปิดกั้นเดียร์อีกต่อไป แต่มันก็อดจะแปลกๆไม่ได้ ที่ผมซึ่งใช้ชีวิตแบบผู้ชายธรรมดารักและสนใจผู้หญิงมาโดยตลอด จะมาสนใจผู้ชายด้วยกัน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหันกับผมอย่างนี้ มันทำให้ผมยังทำใจยอมรับได้ยากที่จะเปิดเผยให้คนอื่นรู้

“ไม่ต้องอายหรอกน่า เรียว แรกๆก็จะรู้สึกแปลกๆแบบนี้แหละ ฉันก็เคยมีอารมณ์แบบเดียวกับนายเลย แต่ตอนนี้สบายมาก นายไม่จำเป็นต้องเปิดเผยให้ใครรู้แบบฉันก็ได้ นายก็คบกันไปกับเดียร์แบบนี้แหละ ศึกษากันไป อย่ามีอคติในใจ
เวลายังอีกหลายเดือนกว่าจะครบกำหนดสัญญา บางทีเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์นะ ว่าสิ่งไหนกันแน่ที่ทำให้นายมีความสุข ระหว่างนี้ฉันก็จะปิดปากเงียบไม่แพร่งพรายให้ใครรู้ ไม่ว่าผลของการตัดสินใจของนายจะเป็นอย่างไร

ฉันก็เชื่อว่านายคงเลือกในสิ่งที่นายคิดดีแล้วว่าให้ความสุขกับนายเต็มที่ ฉันเคารพในการตัดสินใจของนาย และความลับของนายจะไม่มีวันรั่วไหลจากปากฉันแน่ๆ.....ฉันสัญญา”

น้ำเสียงของสันต์ขณะที่พูดให้คำมั่นกับผมดูจริงจังน่าเชื่อถือ ผมยิ้มให้กับเพื่อนรัก รู้สึกซึ้งในน้ำใจของมันยิ่งนัก ที่ไม่คิดจะฉวยโอกาสเปิดโปงผม ทั้งๆที่กำความลับของผมไว้
“ขอบคุณนะสันต์.....ขอบคุณที่เข้าใจฉัน”

“ไม่เป็นไรหรอก นายเป็นเพื่อนรักของฉันนี่นา ถ้าฉันไม่เข้าใจนายแล้วจะไปเข้าใจใครล่ะ เวลาฉันไม่สบายใจ นายก็อยู่ข้างฉันตลอดเวลานี่นา แล้วก็ถ้าไม่เพราะฉันชวนนายไป นายก็คงไม่เกิดเรื่อง



anna1234

  • บุคคลทั่วไป
ฉันเลยต้องรับผิดชอบเต็มๆ แต่จะว่าไปแล้ว ก็ดีเหมือนกันนะ เจ้าเด็กนั่น น่ารักใช่ย่อย ฉันเองก็ชอบเขานะ ยิ่งได้ยินได้ฟังจากนาย ว่าเขาตามมา ปรนนิบัติ เพราะรัก ทำให้ลืมสิ่งที่เขาทำไม่ดีไปเสียสนิทเลย

อย่าว่าโง้นงี้เลยนะ ถ้าไม่คิดไรมาก ฉันก็อยากเชียร์ให้นายรักกับเจ้าหนูนี่ซะ คนดีๆ มีไม่เยอะนะโว้ย แล้วเท่าที่ฟังนายเล่า เขาก็รัก และปกป้อง ทำเพื่อนายมาโดยตลอด จะหาได้จากไหนอีก

ดีกว่ายัยอรจิราหญิงแท้นั่นหลายร้อยเท่า ไม่ใช่ว่าเชียร์พวกเดียวกันนะโว้ย แต่ฉันพูดเพราะหวังดีกับนายจริงๆ ฉันเชื่อมั่นว่านายกับเจ้าหนูเดียร์ต้องไปกันได้ แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างมันแล้วแต่นายว่ะ เรียว ....”

เจ้าสันต์พูดเสียยืดยาว เหมือนจะสั่งสอนผมไปด้วยในตัว ผมเข้าใจเจ้าสันต์ดี มันไม่ได้โน้มน้าวใจผมเพียงเพราะเห็นว่าเดียร์เป็นเกย์เหมือนมัน แต่มันพูดเพราะมันหวังดีกับผม และอยากให้ผมมีความสุขจริงๆ ผมเลยแกล้งว่ามันเพื่อเปลี่ยนเรื่องซะ ยังไม่อยากยอมรับอะไรในตอนนี้

“ไหนตอนแรก นายเชียร์ฉันกับคุณแคทไงล่ะ ทีตอนนี้จะมาเชียร์ให้ชอบเดียร์ซะแล้ว”

“อ้าว ระหว่างชะนี กับ เกย์ ฉันก็เชียร์เกย์สิโว้ย ไอ้บ้านี่ จะไปเชียร์คนต่างพวกทำไม”

เพื่อนผมทำเป็นร้องโวยวาย เหมือนว่าผมนี่ช่างไม่รู้อะไรเลย พอเห็นผมทำหน้าเหวอๆ มันก็หัวเราะชอบอกชอบใจใหญ่

“ฮ่าฮ่าฮ่า พูดเล่นน่า แล้วแต่นายสิ ฉันเห็นใครดี ก็ว่าไปตามนั้น คุณแคทก็นิสัยน่ารัก หนูเดียร์ก็เป็นเด็กดี น่าสงสาร
แกชอบใครในสองคนนี้ ฉันก็ชอบด้วยทั้งนั้นแหละ แต่อย่าลืมนะ แกเป็นของหนูเดียร์ไปแล้ว อยู่ๆไปแต่งงานกับคุณแคท แล้วตอนหลังเค้ามารู้เข้า ว่าผัวเขาเคยเป็นเมียผู้ชายมาก่อน เขาจะรับได้หรือวะ”

ดูเจ้าเพื่อนตัวดีมันพูดสิ ผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ

“โอ๊ย ไอ้บ้าเอ๊ย พูดมาได้ คิดไปถึงไหนกันเนี่ย ฉันไม่ตกลงปลงใจกับใครทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องมาเชียร์เลย บางทีฉันอาจจะอยู่คนเดียวก็ได้”

“จริงเหรอ ถ้างั้น.....ฉันขอเจ้าหนูเดียร์นะ”

มันทำหน้าทะเล้น รู้สึกว่าเจ้าสันต์จะรู้สึกพึงพอใจที่ได้แหย่ผมเหลือเกิน คงอยากให้ผมยอมรับเสียแต่โดยดีกระมัง แต่ไม่มีวันเสียล่ะ

“ถ้านายคิดว่าสามารถทำให้เด็กนั่นชอบได้ก็เอาสิ”

“อ่าฮ้า......อย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน”

เจ้าสันต์ยิ้มยั่ว กวนประสาทนักเจ้านี่ อยากเตะมันสักพลั่กเหลือเกิน แต่ช่างเถอะ ผมไม่จำเป็นต้องแสดงอาการอะไรออกไป ถึงอย่างไร เจ้าเด็กนั่นก็รักผม เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆหรอก
“อาหารว่างมาแล้วครับ”

เสียงของเดียร์ดังขึ้น ทำให้เราสองคนต้องยุติการสนทนาไว้เพียงแค่นั้น เขาวางจานอาหารว่างแบบไทยๆ ลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆผม สายตาจ้องประสานกับเจ้าสันต์ไม่ลดละ

แต่เจ้าสันต์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หยิบอาหารใส่ปาก แล้วนั่งอมยิ้มมองผมกับเดียร์ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความสนใจอยากรู้อยากเห็นกึ่งล้อเลียน

“คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ”

เด็กหนุ่มหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงเบาๆ จงใจให้ได้ยินกันสองคน ผมเอียงหน้าไปบอกเด็กหนุ่มว่าเป็นเรื่องไร้สาระทั่วไป เจตนาให้เขาเข้าใจแบบนั้น

ผมไม่อยากให้เด็กหนุ่มรู้ว่าเราคุยอะไรกันไปมากแค่ไหน เพราะเกรงว่าเด็กหนุ่มจะเอาเรื่องที่ผมพูดมาผูกมัดให้ผมยุ่งยากอีกในภายหลัง เดียร์พยักหน้าหงึกๆ ผมรู้ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดหรอก แต่เขาก็ไม่เซ้าซี้ถามขึ้นมาให้ผมลำบากใจต่อนายเพื่อนรักของผม

“ฝีมือดีไม่ตกเลยนะเจ้าหนู อร่อยมากเลยอาหารว่างที่ทำมาให้กินเนี่ย ชักอิจฉานายเสียแล้วสิเรียวที่มีคนเอาใจใส่ดูแลตลอดเวลาแบบนี้ ทำไมฉันไม่มีคนที่น่ารักอย่างเดียร์มาเคียงข้างกายบ้างนะ ถ้าได้อย่างนี้ละก็ รับรองฉันทุ่มเทความรักให้จนหมดหัวใจแน่ๆ”

สันต์ทำเป็นพูดกล่าวชมเชยเดียร์ แต่แฝงในเชียร์เด็กหนุ่มคนนี้อย่างชัดเจน ผมเห็นเดียร์มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น เลิกเกร็งและผ่อนคลาย ท่าทางพอใจในคำพูดของสันต์ และเริ่มรู้สึกเป็นมิตรกับเพื่อนรักของผมมากยิ่งขึ้น

ผมเห็นเดียร์ลอบมองหน้าผมดูว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ผมแกล้งเบือนหน้าหนี เพื่อซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจ เจ้าเด็กบ้านี่ อยากให้ผมพูดออกมาหรือไง ว่าผมรักเขา แค่ยอมให้เขาทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ แค่นี้ผมก็อับอายจนจะแย่อยู่แล้ว ยังต้องให้ผมยอมรับโดยวาจาอย่างนั้นอีกหรือ

“ขอบคุณมากนะ เดียร์ ที่ช่วยปกป้องเรียวให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกคนร้าย ถ้าไม่มีนาย ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเรียวจะเป็นอย่างไร

เพื่อนฉันคนนี้ถึงมันบ้างานซะจนไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง และปากแข็งไปบ้าง แต่ก็เป็นคนดีทีเดียวนะ เขาใจดีมากกว่าลักษณะท่าทางแข็งๆที่เห็นอีก ได้เรามาดูแลแบบนี้ ฉันก็หมดกังวลใจหายห่วงจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเองซะที”
เอาเข้าไป ไหงมาลงท้ายด้วยการฝากฝังผมไว้กับเดียร์ล่ะ ทั้งที่มันเองก็ไม่เคยต้องมาดูแลอะไรผมมากเสียหน่อย แต่มันพูดราวกับว่า มันโล่งใจที่มีใครมาช่วยแบ่งเบาภาระของมันในการดูแลผมเสียได้

แล้วพูดอย่างนี้ ก็เท่ากับบอกเป็นนัยๆให้รู้สิว่า สันต์รู้เรื่องผมกับเดียร์แล้ว และมันก็เชียร์ให้เราสองคนคบหากันแบบลึกซึ้งอีกด้วย

ผมรู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าว เนื่องจากเลือดอุ่นๆฉีดพล่านไปทั่วใบหน้าและลำตัว อายทั้งเจ้าสันต์และกับเดียร์คนที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่ารักเขาอย่างมากมาย จนทำอะไรไม่ถูก

ได้แต่ถลึงตาใส่เพื่อนตัวดี เป็นเชิงบังคับให้มันหยุดพูด แต่มันลอยหน้าลอยตา แสร้งทำเป็นใสซื่อ เหมือนไม่รู้ว่าคำพูดของมันทำให้ผมลำบากใจ

“แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมยินดี ทำทุกอย่างเพื่อเรียวครับ”
“ขอบคุณมากนะ เดียร์ ที่ช่วยปกป้องเรียวให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกคนร้าย ถ้าไม่มีนาย ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเรียวจะเป็นอย่างไร เพื่อนฉันคนนี้ถึงมันบ้างานซะจนไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง และปากแข็งไปบ้าง แต่ก็เป็นคนดีทีเดียวนะ เขาใจดีมากกว่าลักษณะท่าทางแข็งๆที่เห็นอีก ได้เรามาดูแลแบบนี้ ฉันก็หมดกังวลใจหายห่วงจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเองซะที”

เอาเข้าไป ไหงมาลงท้ายด้วยการฝากฝังผมไว้กับเดียร์ล่ะ ทั้งที่มันเองก็ไม่เคยต้องมาดูแลอะไรผมมากเสียหน่อย แต่มันพูดราวกับว่ามันโล่งใจที่มีใครมาช่วยแบ่งเบาภาระของมันในการดูแลผมเสียได้ แล้วพูดอย่างนี้ ก็เท่ากับบอกเป็นนัยๆให้รู้สิว่า สันต์รู้เรื่องผมกับเดียร์แล้ว และมันก็เชียร์ให้เราสองคนคบหากันแบบลึกซึ้งอีกด้วย ผมรู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าว เนื่องจากเลือดอุ่นๆฉีดพล่านไปทั่วใบหน้าและลำตัว อายทั้งเจ้าสันต์และกับเดียร์คนที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่ารักเขาอย่างมากมาย จนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ถลึงตาใส่เพื่อนตัวดี เป็นเชิงบังคับให้มันหยุดพูด แต่มันลอยหน้าลอยตา แสร้งทำเป็นใสซื่อ เหมือนไม่รู้ว่าคำพูดของมันทำให้ผมลำบากใจ

“แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมยินดี ทำทุกอย่างเพื่อเรียวครับ”

ไปกันใหญ่เลย เจ้าหนูเดียร์ของผม พอมีคนสนับสนุนเข้าหน่อย ก็ทำท่ากระตือรือร้นขึ้นมาเชียว ไอ้เพื่อนตัวดีทำหน้าพออกพอใจที่ได้ยิน มันหันมามองผม แล้วยักคิ้วให้ เหมือนจะบอกว่า เห็นไหม มันว่าแล้ว เจ้าหนูเดียร์เป็นคนดีเหมาะสมกับผมจริงๆ ผมล่ะขวางทั้งเพื่อนและคนที่ผมรักนัก ใจคอจะบีบคั้นให้ผมยอมสารภาพความในใจจนหมดเปลือกเลยหรือไง อย่างน้อยก็น่าจะเหลือทางเลือกให้ผมบ้าง ให้ผมได้มีเวลาคิดสักหน่อยว่าผมจะจัดการอย่างไรกับตัวเองต่อไป ทำแบบนี้เหมือนมัดมือชกให้ผมยอมรับเดียร์เข้ามาในชีวิตของผม และครองคู่กันไปแบบคนรัก ซึ่งผมเองยังคงมีความรู้สึกต่อต้านนิดๆ

กว่าที่เจ้าสันต์จะกลับไปก็หลังอาหารมื้อเย็นไปแล้ว เดียร์เลยต้องลงมือทำอาหารค่ำมากินกันทั้งหมดสามคน ผมสงสารหนุ่มน้อยของผมมากที่เดินกระเผลกไปทั่วบ้านเพื่อทำกับข้าวกับปลามาให้กับพวกเราและยกมาตั้งวางไว้ แต่ดูเหมือนเดียร์จะเต็มอกเต็มใจทำให้ เขาพยายามอยู่ใกล้ๆผม ดวงตาจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา สบสายตาเด็กหนุ่มทีไรก็เห็นแต่ความรักภักดีอยู่ในนั้นทำให้ผมใจหวั่นไหวทุกที เดียร์เอาอกเอาใจผมมาก ตักโน่นตักนี่ชี้ชวนให้ผมชิมตลอดเวลา จนผมนึกอายเจ้าสันต์ที่จ้องมองเราสองคนด้วยดวงตาของนักสังเกตการณ์พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

เดียร์เองก็เหมือนจะรู้ว่าสันต์เข้าข้าง เห็นด้วยกับความรักของเขา เด็กหนุ่มจึงแสดงความรักที่มีต่อผมอย่างไม่ปิดบัง ผมเสียอีกที่เป็นฝ่ายอึดอัดใจ แม้จะชอบอยู่เหมือนกันที่เดียร์ดูแลผมดีถึงเพียงนี้ แต่ความอายเพื่อนฝูงนี่สิ ทำให้ผมไม่ค่อยอยากให้เจ้าหนูมาทำอะไรให้สักเท่าไหร่ พอเจ้าสันต์กลับไปแล้ว ผมก็ถือโอกาสพูดกับเขา ให้เขาระมัดระวังตัวบ้าง เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เดียร์ก็เถียงผมว่า สันต์เป็นเพื่อนรักของผม เขารู้เรื่องระหว่างเราแล้ว และเห็นดีเห็นงามด้วย คงไม่ต้องระวังตัวนัก เขาไม่อยากแสร้งปั้นหน้า หรือทำเฉยเมยเหมือนว่าไม่ได้รักผม เขาคิดว่าความรู้สึกรักที่เขามีให้ เป็นเรื่องที่งดงามและควรที่จะแสดงออกต่อบุคคลภายนอก แต่หากผมไม่สบายใจ เขาจะระมัดระวังก็แล้วกัน

ท้ายเสียงที่พูดดูห่อเหี่ยวเศร้าสร้อยอย่างบอกไม่ถูก จนผมรู้สึกแย่ที่ไปทำร้ายความรู้สึกของเดียร์ ผมกลัวว่าเด็กหนุ่มจะคิดมากกับคำพูดของผม เลยพูดให้เข้าใจว่า เวลาที่อยู่ในสังคมคนหมู่มาก ซึ่งยังรับกับเรื่องราวแบบนี้ไม่ได้ การเปิดเผยถึงจะสบายใจ ก็ใช่จะมีความสุข ยิ่งให้คนอื่นได้รู้เห็นมากไปก็อาจจะกลายเป็นทุกข์ ตัวผมเองก็มีหน้าที่การงานที่ดี เลยไม่อยากให้ใครมาติฉินนินทาว่าร้ายเอาได้ เพราะมันจะส่งความเสียหายมาสู่ตัวผม ทำให้คนเสื่อมสิ้นศรัทธา อันที่จริงผมก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรเขาแล้ว ยินยอมปฏิบัติตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน แต่วันข้างหน้าไม่อาจจะรู้ได้ หากผมได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมที่เคยเป็น ผมก็ไม่อยากให้ใครได้ล่วงรู้ว่าครั้งหนึ่งผมเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน

เดียร์พยักหน้าแสดงทีท่าว่าเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด แต่สีหน้ามันบอกให้รู้ว่าเขาไม่เข้าใจเลยสักนิด เขามองผมด้วยแววตาที่ยากจะบรรยาย มันทั้งโศกสลด สับสน และน้อยใจจนผมต้องเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอของผม กลัวว่าตนเองจะยอมทำตามคำเรียกร้องของหัวใจ
หลังจากช่วยเดียร์เก็บกวาดในครัวแล้ว ผมก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำ อยากนอนเร็ว เพราะยังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่ ผมไม่ได้ล็อคกลอนตั้งแต่อนุญาตให้เดียร์เข้ามานอนในห้องด้วยได้ เดี๋ยวเจ้าเด็กนั่นทำอะไรเสร็จก็คงจะขึ้นมาเอง

ผมอยากหลับก่อนที่เขาจะเข้ามา จะได้ไม่ต้องพูดคุย หรือทำกิจกรรมอะไรกับเขาอีก ผมรู้ตัวดีว่าผมใจอ่อนขึ้นเรื่อยๆ ให้กับความน่ารัก และจิตใจที่ดีงามของเด็กหนุ่ม

กลัวเหลือเกินว่าวันหนึ่ง ผมจะเป็นฝ่ายฉีกกฏเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อบังคับให้ใช้ชีวิตอย่างถูกครรลองคลองธรรมเสียเอง ไม่อยากให้ตัณหา หรือความรักเข้ามาครอบงำจิตใจจนต้องทิ้งทุกอย่างในชีวิต ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากจะสูญเสียอะไรเลย มันจะมีทางไหนบ้างไหมที่ผมจะสามารถอยู่กับเดียร์อย่างมีความสุขและได้รับการยอมรับจากสังคม หากทางนั้นมีจริงก็คงจะดี จะได้ไม่ต้องมีใครเสียใจ ไม่ต้องทิ้งอะไรไปเพื่อให้ได้อีกสิ่งหนึ่งมาครอบครอง

ที่นอนยุบยวบลงข้างลำตัว เมื่อร่างสูงใหญ่ก้าวขึ้นมานอนบนเตียง ผมนอนนิ่ง แสร้งทำเป็นหลับแล้ว ทั้งที่ยังตื่นอยู่ เพราะมัวแต่คิดวุ่นวายมีแต่เรื่องของเดียร์อยู่ในหัวสมอง ทำให้ผมไม่ยอมหลับทั้งที่อยากพักเต็มทน เพราะไม่สบายและเพลียมาก ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของคนที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นร่างของผมก็ถูกดึงรั้งเข้าไปไว้ในอ้อมกอดแข็งแรงนั้น แล้วริมฝีปากร้อนผ่าวของเดียร์ก็แตะเบาๆตรงหน้าผาก จากนั้นเสียงกระซิบก็ดังขึ้น

“เรียวนอนไม่หลับหรอกครับ ถ้าไม่ได้นอนอยู่ในอ้อมแขนของผม”

“ทำเป็นรู้ดี”

ผมว่าเขาด้วยความหมั่นไส้ ทั้งๆที่ไม่ลืมตาขึ้นมา

“ก็นี่ไง โต้ตอบผมอยู่แบบนี้ จะเรียกว่าหลับได้ไงครับ มามะคนดี ผมจะทำให้เรียวหลับและฝันดีอยู่ในอ้อมอกของผมนะครับ”

“จะทำอะไร....ไม่ไหวแล้วนะ ....ฉันเหนือ่ย”

ผมรีบลืมตาขึ้น ร้องห้ามเขาเสียงระรัว เดียร์หัวเราะกิ๊กกั๊ก มองผมด้วยดวงตาหวานฉ่ำ ความเศร้าโศก ตัดพ้อ และน้อยใจเมื่อตอนเย็นไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เด็กหนุ่มกลับกลายเป็นคนเดิมที่ทะลึ่งทะเล้น และชอบทำเจ้าเล่ห์หลอกลวงให้ผมติดกับ ผมชอบใบหน้าของเขายามนี้จัง

ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ชอบแค่ใบหน้าอ่อนเยาว์กับสายตาเจ้าเล่ห์นั่น แต่ชอบรวมไปถึงอารมณ์ของเขาที่ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ที่เดียร์พบเจอกับเรื่องร้ายๆไม่สบาย แต่เขาก็จะยิ้มสู้เสมอ หม่นหมองพักเดียว เดี๋ยวก็หาย กลับมาเป็นเด็กหนุ่มที่รื่นรมย์กับการใช้ชีวิตตามเดิม

“ไม่หรอกครับ ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกันนะ เจ็บขาด้วย แค่จะนอนกอดและจูบเรียวเฉยๆเท่านั้นเองครับ ให้คุณหลับอย่างสบายในอ้อมกอดของผมนี่แหละ ดีไหมครับ หรือว่าเรียวอยากจะให้ทำอย่างอื่น”

“อย่าเลย สงสารน่ะ รู้หรอกน่าว่าที่พูดออกไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากถูกหัวเราะว่าไม่มีน้ำยา ทำมาเป็นเจ้าหนูจอมพลัง ฟิตเปรี๊ยะ ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนือ่ย ที่แท้ก็หมดแรงเป็นเหมือนกัน”

ผมแสร้งว่าเขายิ้มๆ เดียร์หัวเราะชอบใจ พลางเม้มปากงับติ่งหูผมเล่นอย่างมันเขี้ยว
“โอ๊ะโอ๋ พูดแบบนี้ จะให้เข้าใจว่าอย่างไรเนี่ย ท้าทายหรือเปล่าครับ ไม่รู้เลยหรือไง ว่าเดียร์คนนี้ เป็นคนที่ชอบรับคำท้าด้วย ถ้าเรียวต้องการมากกว่าจูบและกอดล่ะก็ ถึงจะเจ็บขาแค่ไหนก็ใจสู้ครับ”

พร้อมกับคำพูด เดียร์ก็จับผมพลิกร่างอย่างรวดเร็ว จนขึ้นไปทาบทับอยู่บนตัวเขา แล้วเอามือตะปบสะโพกของผมให้กดทับลงไปตรงร่างกายส่วนกลางที่นูนเด่นขึ้นมา จากนั้นก็แกล้งผมด้วยการขยำก้นแล้วจับให้ส่ายบดเบียดกับน้องชายที่กำลังตื่นตัวของเขา

“เห็นไหม พร้อมรบเสมอ....เริ่มทำศึกกันเลยไหมครับ”

เดียร์พูดเสียงกลั้วหัวเราะ ตาวาววามนั้นจับจ้องผมอย่างยั่วเย้า ผมรู้สึกว่าเริ่มหายใจขัดขึ้นมา ตามหน้าตาเนื้อตัวร้อนผ่าว ปฏิกิริยาบางอย่างส่งผลทำให้ร่างกายเบื้องล่างขยายใหญ่ขึ้น ผมรีบตะกายลงจากตัวเดียร์มานอนข้างๆเขาตามเดิม เด็กหนุ่มหัวเราะชอบอกชอบใจที่เห็นผมตกใจกับความรู้สึกของตัวเอง เขานอนตะแคงมองผม และยิ้มทะเล้น

“ทำเป็นพูดดี ที่แท้ก็กลัวล่ะสิ กลัวผม หรือ กลัวใจตัวเองกันแน่นะ”

น้ำเสียงยั่วล้อของเดียร์ทำให้ผมอับอายจนต้องพลิกตัวกลับมาอีกด้าน ไม่อยากพูดคุยกับหมอนี่ด้วยเรื่องใต้สะดือแบบนี้ เดียร์หัวเราะหึๆก่อนจะดึงตัวผมเข้ามาสู่อ้อมกอดอีกครั้ง

“ทำท่าเขินอายน่ารักจัง เหมือนพวกเมียๆที่งอนผัวเลยอ่ะครับ”

ดูเจ้าหนูของผมพูดเข้า คิดได้ไงเนี่ย

“บ้าน่ะสิ ดูพูดเข้า เคยมีหรือไง”

“เปล่าครับ เห็นแต่ในละครทีวี...เลยเดาเอาว่าในชีวิตจริงต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ แต่เอ.....ถามแบบนี้ แปลว่า ...............หึง รึเปล่า”

เกลียดเสียงหยอกล้อแบบนี้จัง เลยแหวออกไปเสียงลั่น

“ใครจะไปหึงนาย....”

“ก็เรียวไง....”

คนพูดทำหน้าทะเล้นอีก ผมเลยเงียบขี้เกียจต่อปากต่อคำ

“ตกลงว่า เราต่อกันเลยไหมครับ เพื่อเรียว ผมหายเหนื่อยก็ได้...”

เด็กหนุ่มทำหน้ากรุ้มกริ่ม

“ฉันไปพูดขอร้องนายตั้งแต่ตอนไหน...เพ้อแล้ว”

“เมื่อกี้ไง ....”

“พูดประชดต่างหาก”

“ก็ช่างเถอะ อยากทำจริงๆนี่นา.....”

“ไม่เอานะ.....ฉันจะนอน...”

“กุ๊กกิ๊กกันก่อนนะ เสร็จแล้วค่อยนอนก็ได้ บอกแล้วไงว่าผมจะทำให้เรียวนอนหลับสบาย”


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
กุ๊กกิ๊กกันก่อนนะ เสร็จแล้วค่อยนอน
 :-[ ตรงนี้พี่เคทหน้าจะเขียนผิดนะ
กุ๊กกิ๊กกันก่อนนะ เสร็จแล้วคงไม่ได้นอน :laugh:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






va_yu

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:

ขอจิ้มหน่อย เห็นเขาชอบทำกัน เอามั่งๆ

+1 ให้คนขยันเช่นกันค่ะ

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
อ้าว ๆ แล้ว ไม่กุ๊กกิ๊ก ก่อนหรอ

ตัดได้ไงอ่ะ  o9 จะกุ๊กกิ๊กๆๆๆ

กะว่า กุ๊กกิ๊กแล้วจะไม่นอน เอ้ยหลับซะบายอ่ะ :m10:

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
^
^
จิ้มก้น แนน แหมๆๆๆ หื่นจิงเชียว
มามะเค้าพาไปรับเลือดเอาป่ะ  :laugh:
หวานแหวว กำลังดี แต่อีกไม่นานก็คงเศร้าใช่มะ
โอ้ววววววว อยาก แฮบ เดียร์ในรูปจิงจิ้ง  :z1:
อ้าว ๆ แล้ว ไม่กุ๊กกิ๊ก ก่อนหรอ
ตัดได้ไงอ่ะ  o9 จะกุ๊กกิ๊กๆๆๆ
กะว่า กุ๊กกิ๊กแล้วจะไม่นอน เอ้ยหลับซะบายอ่ะ :m10:

อร้ายยย แนนไม่หื่นน๊า

ดูได้จากสองรีพลาย

ว่าใครหื่นกว่ากัน 555


พี่แอนคนสวยย

ตัดฉับบไปเลย

แนนอยากอ่านตอนที่โดนตัดอ่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2009 01:54:16 โดย nana lon€ly™ »

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
555   เช้าพอดี อาบน้ำไปทำงานเลยอ่ะดิ   :z1:

ออฟไลน์ the_pooh9

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-3
        :mc4: ซินเจียยู่อี่ ซินนีฮวดใช้   :mc4:

 :mc4: เจ้าของบ้าน แล้วก็ลูกบ้านทูกคน จ้า  :mc4:

       :mc4:  :mc4:  :mc4:  :mc4:  :mc4:

nanalonely

  • บุคคลทั่วไป
新正如意 新年发财 ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ
新正如意 ซิงนี้ตั่วถั่ง



kakoku_kin

  • บุคคลทั่วไป
kakoku_kin: 新正如意 新年发财 ตามมาเอาอังเปา อิอิอิ :laugh:

 และแถมท้ายด้วยการจิ้มคนแต่ง :z13:

kimagain

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วก็ อืมมม.....นะ 555 :mc4:

ออฟไลน์ โน๊อา

  • อยู่เป็นคู่ เช่น ฉันคู่เธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
ทำไมวันนี้ยังไม่มาอ่า 

รอนะรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด

เธอจะมา เธอจะมาเมื่อใด

ไม่ได้นัดกันไว้ แต่ทำไมไม่มา ....

ฉันเป็นห่วง ฉันเป็นห่วงตัวเธอ

อย่าให้เก้อ ชะเง้อมองหา

ไม่ได้นัดไว้ แต่เธอควรมา โอ้เธอจ๋า อย่า อะ อะ อย่าช้า ระ ระ เร็ว  อีก

fayossy

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านตอนต่อไปอยู่น้า

เข้ามาปูเสื่อนอนรอและ :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด