(เรื่องสั้น) "สัญญา" โดยนายเส้นกราฟ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) "สัญญา" โดยนายเส้นกราฟ  (อ่าน 41307 ครั้ง)

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

ไอ้ผมดีใจอีกตอนเช็คเมลเห็นเมลไอ้นายเส้นส่งเข้ามา นึกว่าตอน NC ของเรื่อง "รถประจำทางฯ" จะมาแล้วเป็นของขวัญปีใหม่ทุกคนเสียอีก ไปๆมาๆไม่ใช่แฮะ เป็นเรื่องสั้นของมัน มันบอกว่าเป็นเรื่องที่ชอบที่สุด ยังไงก็ลองอ่านดูนะครับ



ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นนะครับ ผมเลยจะโพสทีเดียวจบ เอ้อ แต่ละตอนสีอาจจะต่างกันเพราะมันมีทั้งในอดีต และปัจจุบันครับ

ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดครับ
ขอให้ทุกๆท่านมีความสุข สดใส สดชื่น เสมอไปครับ
สวัสดีปีใหม่ ครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2010 11:29:38 โดย THIP »

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สัญญา

นายเส้นกราฟ

คำอุทิศ : แด่พี่ต้น พี่ที่ดีที่สุดของผม แม้ว่ามันเป็นเพียงอดีต และเราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก แต่ผมหวังว่าสักวันเราคงจะเจอกัน





“ปี้นๆๆ.......”

เสียงแตรดังมาจากรถที่วิ่งไปมาบนท้องถนน ทำให้ผมต้องสะดุ้งตื่นขึ้น...

ผมพยายามมองไปข้างนอกรถที่ผมนั่งอยู่ด้วยอาการงัวเงียเป็นที่สุด พร้อมกับพยายามนึกว่าตอนนี้ผมกำลังทำอะไร ไปที่ไหน แล้วผมก็พบตัวเองอยู่บนรถประจำทางคันหนึ่งที่วิ่งไปอย่างไม่เร่งรีบนัก บรรยากาศรอบตัวเป็นสิ่งที่ผมเหมือนเคยเจอมาก่อน แต่ว่า....ทำไมผมถึงต้องนึกด้วยนะว่า ‘เหมือนเคยเจอมาก่อน’

“ขี้เซาจริงนะเรา เดี๋ยวก็เลยโรงเรียนหรอก”

ผมหันไปมองต้นเสียง เป็นผู้ชายคนหนึ่งในชุดนักเรียนนั่งอยู่ข้างๆ ผมไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนนั่งด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกแปลกใจพอสมควร น่าตาผู้ชายคนนั้นเหมือนผมเคยเจอที่ไหนมาก่อน จากรูปร่างและชุดนักเรียนน่าจะเรียนม.ปลาย เค้ามองหน้าผมแล้วก็ยิ้มเล็กๆ เป็นรอยยิ้มที่ผมคุ้นเคยอย่างประหลาด ไม่ทันที่จะคิดอะไรต่อพอผมกลับมามองตัวเองก็พบว่าตัวเองก็ใส่ชุดนักเรียนเหมือนกันแต่ผมดูตัวเล็กกว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่ได้ตัวเล็กไปว่ากันมากนัก ก่อนที่ผมจะคิดอะไรมากกว่านี้ผู้ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นแล้วจูงมือผมให้เดินตามเค้าไป ผมสะบัดมือออกทันที

“จะโดดเรียนเหรอ?”

“.......”  ผมได้แต่เงียบ นึกอยู่เพียงว่า วันนี้ผมต้องไปโรงเรียนอย่างนั้นเหรอ

“เอ้ย โกรธพี่เหรอที่ไม่พาไปสวนสนุก?”

“.....”  ผมเงียบ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างสั่งให้ผมพยักหน้าเบาๆ

“เอาน่า เดี๋ยวพี่กลับจากเข้าค่าย แล้วจะโดดเรียนพิเศษพาเราไป ดีไหม”

ผมยังคงเงียบเหมือนเดิม เพียงแต่ตอนนี้รถเมล์ได้หยุดจอดแล้ว ผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าพี่ ก็จับมือผมแล้วพาลงรถไป
เมื่อลงรถแล้วผมมองไปรอบๆ นี่ผมกำลังยืนอยู่หน้าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งมีผู้คนสัญจรไปมามากมาย ผู้ชายที่พาผมลงจากรถ เดินนำผมเข้าไปในโรงเรียนก่อนที่จะหันกลับมาคุยกับผมอีกว่า

“เย็นนี้โอกลับไปก่อนเลยนะ พี่มีประชุมก่อนไปเข้าค่าย แล้วก็จะแตะบอลต่อ
ของฝากนี่ อยากกินแค๊ปหมูใช่ไหม ได้ๆเดี๋ยวพี่ซื้อมาให้ แต่ต้องกินให้หมดนะ โอชอบกินเหลือ”

พูดจบเค้าก็หันมายิ้มให้ผมก่อนที่จะเดินแยกไปอีกทาง เมื่อผู้ชายคนนั้นเดินออกไปไกลเลื่อยๆ หัวใจผมเริ่มรู้สึกหวิวๆยังไงชอบกล ก่อนที่เขาจะเดินเลี้ยวที่มุมตึก ผมเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก
ผมรู้แล้ว ว่าเขาเป็นใคร เขากำลังจะไปไหน แล้วผมเป็นใคร ผมตะโกนออกไปอย่างดังว่า

“พี่เต็ง!!  อย่าไป อย่าไปนะ กลับมา กลับมานี่ก่อน
 พี่เต็ง  อย่าไป!!”

แม้ว่าผมจะตะโกนให้ดังเท่าไหร่ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เดินกลับมาอีกผมพยายามจะวิ่งตาม แต่แปลกที่ยิ่งวิ่งก็เหมือนวิ่งอยู่กับที่ สถานที่รอบตัวไม่เคลื่อนที่ไปไหนผู้คนแถวนั้นจู่ๆก็หายไปหมด เหลือเพียงผมคนเดียวที่ทั้งวิ่งและตะโกนอยู่อย่างนั้น แล้วน้ำตาของมันก็ไหลออกมา ผมตะโกนร้องให้เขากลับมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น....


ติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด.......

นาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้น ผมพยายามเอื้อมมือไปหาเจ้าต้นตอของเสียงแล้วก็ปิดเสียงมันจนได้ แล้วทุกอย่างในห้องนอนก็เงียบสนิทมีเพียงเสียงแอร์เท่านั้นที่ส่งเสียงการทำงานของมันเบาๆ ผมยังไม่อยากลุกขึ้นมาจากเตียงตอนนี้เลย ผมไม่ชอบตอนเช้าเป็นที่สุดและเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ผมเด็กๆแล้ว ทุกอย่างเงียบลงไม่นาน เสียงโทรศัพท์มือถือของผมเองก็ดังขึ้น

“อารายอีก....วะ”

ผมสถบเบาๆแล้วพยายามพาตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงให้ได้เพื่อที่จะรับสายไอ้โทรศัพท์มือถือเวรนั่น มันสั่นและร้องดังอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือถัดจากเตียงไปสองสามก้าว

“ฮัลโหล...”  เป็นเสียงงัวเงียที่สุดครั้งแรกของวัน
   
“คุณ  ตื่นรึยัง???” เป็นเสียงผู้ชายพูดดังมาจากโทรศัพท์

“ฮือ??  คราย”

“อ้าวคุณ นี่ผมเพื่อนร่วมงานคุณไง จำไม่ได้เหรอ”

“แล้วมีอาราย...” ผมตอบแบบไม่ค่อยใส่ใจนัก เพราะมันง่วงมากกว่า

“วันนี้ลูกค้าคุณเค้านัดคุณเช้านะ คุณเตรียมเอกสารไว้รึยัง”

“เหอ....นัดเช้าหรอ...” ผมพยายามนึกถึงสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูด แล้วตอบไปด้วยอารมณ์เสียว่า

“บ้าเดะ ป้าเค้านัดบ่ายนิ”

“เมื่อวานคุณออกไปหาลูกค้าใช่ไหมล่ะ พอดีคุณป้าที่คุณติดต่อไว้โทรมาที่ธนาคารบอกเลี่ยนนัด
ดีนะนี่ ที่ผมจำได้เลยบอกคุณก่อน แค่นี้นะครับ”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่เขาจะวางหูไป ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียง พยายามตั้งสติ
‘เอกสาร...  เลื่อนนัด...’

“ตายล่ะ เวงเอ้ยยยยยย”

จากนั้นวันอันวุ่นวายของผมก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวให้เร็วที่สุดเพื่อไปที่ทำงานผมให้ก่อนเวลาเข้างานปกติ เพื่อเตรียมเอกสารให้ลูกค้ารายใหญ่ของผมให้เรียบร้อย

“มาเช้าจังคุณโอ”  เสียงพี่ยามที่ทำงานผมพูดออกมาตอนที่เปิดประตูให้

“ครับพี่ พอดีวันนี้มีนัดเช้า”

ผมไม่พูดอะไรมากมุ่งตรงไปที่โต๊ะทำงานของผมทันที ผมวางสัมภาระต่างๆลง แล้วก็เริ่มหาเอกสารต่างๆที่ต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับลูกค้า
ผมค้นไปตามชั้นเอกสารต่างๆ เอกสารที่ลูกค้าเคยให้มาแล้ว เอกสารเตรียมรอให้เซ็น สารพัดที่ผมคิดออก ตอนนี้เริ่มมีเสียงเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆเข้ามาในที่ทำงานบ้างแล้ว

“อ้าวโอ มาเช้านะนี่ มีอะไรเหรอ” เสียงเพื่อนผู้หญิงที่อยู่โต๊ะข้างๆผมนี่เอง

“ลูกค้าเลื่อนนัดมาเช้านี้อ่าพี่เพิ่งรู้เมื่อเช้า ผมยังไม่เตรียมเอกสารให้เลย”

“อ่อ ที่โทรมาเลื่อนเมื่อวานน่ะเหรอ นึกว่าวัฒน์จะโทรไปบอกแล้วซะอีก”

“เหอ มันโทรมาบอกเมื่อเช้าสิพี่ ถ้าโทรมาเมื่อวานก็ว่าไปอย่าง” ผมพูดอย่างอารมณ์เสีย

“เอาน่า ยังดีกว่าไม่มีใครบอกจริงไหม”

ผมยังคงหาเอกสารต่อไป แปลกมากว่าผมหาเอกสารที่ลูกค้าเคยให้มาก่อนหน้านี้ไม่เจอแล้วยิ่งค้น โต๊ะผมก็ยิ่งรกตามไปด้วย

“คุณหานี่อยู่เหรอ....”  เสียงผู้ชายดังมาจากข้างหน้าโต๊ะ

ผมเงยหน้าขึ้นมามองเห็นเอกสารที่ผมกำลังหาอยู่ ผมรีบหยิบมาดูทันที

“คุณนี่นะ เก็บอะไรไม่เป็นที่ ก็งี้แหละ”

ผมมองไปที่ต้นเสียงก็เจอหน้ากับเจ้าตี๋แว่นหน้าจืดคู่ปรับของผมนั่นเอง

“ขอบคุณครับคุณสุวัฒน์ที่เตือน แต่ผมเกรงว่าถ้าคุณบอกผมตั้งแต่เมื่อวาน ก็คงไม่วุ่นอย่างนี้”

“ผมว่าคนที่เตรียมพร้อมอยู่เสมอ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ใช่ไหมครับ??”

อืม...ตอกกลับได้แสบมาก ผมอารมณ์เสียมาแต่ตื่นนอนก็เพราะหมอนี่นั่นล่ะ

“เอกสารนี่ คุณไม่ใช่แอบเอาไปซ่อนใช่ไหมคุณสุวัฒน์??”

“ผมจะทำอย่างนั้นทำไมล่ะครับคุณธีรภัทร ผมเห็นมันหล่นอยู่หน้าโต๊ะคุณเลยเก็บมาให้  ก็เท่านั้น”

ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อ ไอ้คุณสุวัฒน์ (มันชื่อเล่นว่า วัฒน์ครับ) ก็เดินไปที่โต๊ะทำงานของเข้าซึ่งอยู่คนละมุมกับผม ให้ตายเถอะถ้ามันยังอยู่ตรงนี้นะ ผมว่าได้มีคู่มวยรอบเช้าแน่ ตอนนี้บรรยากาศในที่ทำงานผมเริ่มมีคนมาประจำโต๊ะและเคาท์เตอร์ต่างๆเรียบร้อยแล้ว ผู้หญิงท่าทางภูมิฐานก็เดินเข้ามาที่ทางเดินตรงหน้าทุกๆคน ตอนนี้บรรยากาศเงียบไปหมด

“สวัสดีตอนเช้านะทุกคน ได้ข่าวว่าโอวันนี้มาเช้าเป็นพิเศษเลยเหรอ”

“ครับ....” ผมตอบเบาๆ

“เอกสารลูกค้าเรียบร้อยนะ”

“เรียบร้อยแล้วครับ ผู้จัดการ”

ก่อนที่ผู้จัดการจะพูดอะไรอีก ท่านก็ได้หยิบเอกสารบางอย่างออกมา แล้วพูดถึงเรื่องยอด รายการต่างๆของสาขา

“ตอนนี้สาขาเราเดือนที่ผ่านมา เงินฝากถือว่าโตได้ดีที่สุดในกลุ่ม ตรงนี้พี่ไม่ค่อยห่วง แต่ยอดสินเชื่อนั้นเรายังไม่ค่อยดีนะ
โอ พี่ฝากเราด้วย วันนี้เป็นลูกค้ารายใหญ่นะ วัฒน์ก็ไปช่วยโอเค้าด้วยล่ะ”

วัฒน์ตอบรับเบาๆ ผมเองมองอย่างไม่พอใจนักเจ้านี่เป็นศัตรูผมตั้งแต่เข้างาน ที่จริงตั้งแต่สัมภาษณ์งานด้วยซ้ำ ผมกับวัฒน์เริ่มเข้าทำงานที่นี่พร้อมกัน ตอนสอบสัมภาษณ์ก็ไอ้นี่แหละที่หลอกผมว่าเขาจะถามอะไรที่มันยากมากๆจนผมกลัว แต่จริงๆมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย จนเข้ามาทำงานจริงๆก็มาอยู่ฝ่ายเดียวกันสาขาเดียวกันอีก ผมล่ะเซ็งเป็นที่สุด

“เอาล่ะ ที่พี่จะพูดก็มีแค่นี้ ฝากด้วยนะ”

สิ้นเสียงผู้จักการ ประตูธนาคารก็เปิด จากนั้นก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามาผมเองก็รับลูกค้าท่านอื่นไปด้วยพร้อมทั้งพยายามสังเกตลูกค้าที่ผมเตรียมเอกสารให้ไว้แล้วไปด้วย จนในที่สุดลูกค้าที่ผมรออยู่ก็เข้ามา

“สวัสดีครับคุณป้า” ผมลุกขึ้นไหว้ผู้หญิงท่านหนึ่งท่าทางภูมิฐานอายุน่าจะเท่าๆกับคุณแม่ของผม ผมเชิญให้นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะผม

“มาคนเดียวหรือครับวันนี้?”

“อ่อไม่หรอก วันนี้ป้ามากับเพื่อน เค้าว่าอยากจะมาดูเรื่องเงินฝากด้วยน่ะจ่ะ”

“ยินดีครับ แหม่อย่างนี้ผมได้ลูกค้าเพิ่มเพราะคุณป้านะครับนี่”

จากนั้นเราก็หัวเราะกัน ผมเหลือบมองไปที่โต๊ะของวัฒน์ตอนนี้เขาเองก็รับลูกค้าอยู่เหมือนกัน

“เอกสารครบนะครับ เซ็นต์หมดแล้ว....  อืม  เรียบร้อยแล้วครับ
เอ้อ  คุณป้าครับ เพื่อนคุณป้าล่ะครับ”

“อ้อ เดี๋ยวนะๆ”

ว่าเสร็จคุณป้าก็หันไปเรียกคนที่นั่งอยู่ในที่นั่งคอยหน้าเคาท์เตอร์ ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมา อายุน่าจะเท่าๆกับคุณป้าลูกค้าผม ผมมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นแล้วทำไมรู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเธอมาถึงหน้าโต๊ะผมผมไหว้แล้วเชิญนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะที่ยังว่างอีกตัว

“สวัสดีครับ คุณป้าสนใจรับบริการอะไรดีครับ?”

ผมสังเกตว่าผู้หญิงคนนั้นพยายามมองที่ป้ายพนักงานของผมที่ห้อยคออยู่ แล้วจ้องอยู่พักใหญ่จนคุณป้าลูกค้าผมต้องสะกิด

“เอ่อ  คุณป้าครับ ผม..มีอะไรติดอยู่เหรอครับ”

“อ้อ  เปล่าค่ะ คือนี่... น้องโอใช่ไหม??”

ผมคิ้วขมวดด้วยความสงสัยก่อนที่จะตอบออกไป

“ใช่ครับ  เอ...คุณป้ารู้จักผมด้วยเหรอครับ?”

“ป้าแม่ของพี่เต็งไง น้องโอจำป้าไม่ได้เหรอลูก”

“อ้าว!!!  ป้าเล็กเหรอครับ  ตายละผมจำไม่ได้เลยนะครับนี่”

“ป้าแก่แล้ว เราก็ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้วนะ”

“เล็ก รู้จักหนุ่มเค้าด้วยเหรอ”  คุณป้าที่เป็นลูกค้าผมถามขึ้นมากครับ

“รู้จัก เมื่อก่อนอยู่บ้านใกล้กัน...”

จากนั้นเราก็คุยกันถูกคอมากขึ้น ผมถามเรื่องความเป็นไปต่างๆของป้าเล็กหลังจากที่ย้ายไปอยู่ที่อื่น

“ไม่ต้องห่วงนะโอ ป้าฝากเงินที่นี่ล่ะ”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ขอบคุณครับๆ”

“เอ่อ มะรืนนี้จะครบรอบวันพี่เต็งเค้านะ ป้าจะทำบุญที่บ้านหน่อย มาทำด้วยกันไหม?”

“มะรืนนี้เหรอครับ?? เดี๋ยวนะครับ” พูดเสร็จผมก็หยิบปฏิทินตั้งโต๊ะที่ผมจะเขียนอะไรหลายๆอย่างที่มีการนัดหมายลงไป

“ว๊า ป้าเล็ก ผมมีติดไปดูงานที่เชียงใหม่น่ะครับ”

“งั้นเหรอ เสียดายจังนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะทำบุญวัดแถวนั้นแล้วกัน”

“จ้ะ พี่เต็งเค้ารู้ คงจะดีใจนะ พี่เต็งเค้ารักน้องโอมากนะ”

“คะ..ครับ”

ผมตอบอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก ผมเคยสัญญากับตัวเองว่าเรื่องนี้ผมพยายามที่จะลืมไปเสีย ผมไม่อยากจะจำบางอย่างในช่วงเวลาที่ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียคนที่ผมรักไปคนหนึ่ง ผมยอมรับว่าเคยมีแวบคิดถึงพี่เต็งในบางครั้งแล้วจะโทษตัวเองเสมอที่ทำตัวไม่ดีกับพี่เต็งตลอด ถึงตอนนี้อยากจะบอกอยากจะขอโทษอย่างไร ก็คงทำไม่ได้แล้ว เพราะเค้าจากไปตั้งแต่ผมอยู่ม.3...


Bourne_Js

  • บุคคลทั่วไป

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
“โอ ไหว้พี่เค้าด้วยสิ” เสียงคุณแม่ของผมบอกให้ผมไหว้เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่โตกว่าผมหลังจากที่ได้ไหว้พ่อและแม่ของเขาไปแล้ว

“ต่อไปพี่เค้าจะพาเราไปโรงเรียนนะ” คุณแม่บอกผมต่อ

“ทำไมล่ะ แม่จะไม่ไปส่งโอแล้วเหรอ”

“พี่เค้าย้ายมาเรียนที่เดียวกับโอ โอจะมีเพื่อนไปโรงเรียนแล้วไง”

“แต่โออยากให้แม่ไปส่งนิ”

“ป้าว่าสนุกดีออกนะ ไปโรงเรียนเอง อยากกลับเมื่อไหร่ก็ได้ด้วย” ป้าเล็กบอกกับผม

“แต่ว่า....”

ตอนนี้ผมพยายามหาข้ออ้างที่จะให้แม่ไปรับ-ส่งผมที่โรงเรียนเหมือนเดิม

“พี่เต็งเค้าเพิ่งย้ายมา ยังไม่รู้ทาง โอก็ช่วยพี่เค้าก่อนนะลูก”

ผมได้แต่ทำหน้าไม่พอใจ แต่พี่เต็งนั้นมองหน้าผมแล้วอมยิ้ม ที่จริงแล้วผมไม่ค่อยจะมีเพื่อนเท่าไหร่ ในละแวกบ้านผมก็มีผมเป็นเด็กม.ต้นเพียงคนเดียว คนอื่นๆไม่โตกว่าผมมากๆ ก็เด็กไปเลย นอกจากเพื่อนที่โรงเรียนไม่กี่คนแล้ว ผมก็ไม่มีเพื่อนอื่นอีกจนกระทั่งครอบครัวของพี่เต็งย้ายเข้ามาอยู่บ้านตรงข้ามผม อายุผมกับพี่เต็งห่างกันสองปี วัยเลยใกล้กันเรียนก็เรียนที่เดียวกัน คุณแม่ผมเลยให้ผมไปโรงเรียนกับพี่เต็งทุกวัน ผมกลัวแต่ว่าแม่จะไม่รักผมแล้วเลยให้ผมไปโรงเรียนกับคนอื่น

“เต็ง ชวนน้องเค้าเล่นบ้างนะ จะได้รู้จักกันไว้”

ป้าเล็กบอกกับพี่เต็ง พี่เต็งไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ จากนั้นคุณพ่อคุณแม่ของผมและพี่เต็งก็คุยกันในเรื่องอะไรของที่ผู้ใหญ่เค้าคุยกัน ผมไม่ได้สนใจอะไรเดินออกจากตรงนั้นกลับไปที่บ้านของผม ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ยืนคุยที่หน้าบ้านต่อไป

“โอ ชอบเล่นเกมส์ป่าวคับ”

เสียงพี่เต็งดังมาจากข้างหลังผมก่อนที่ผมจะเดินถึงรั้วบ้าน ผมหันหน้าไปมองพี่เค้าแวบนึง แล้วพยักหน้า

“บ้านพี่มีเกมส์เยอะเลยนะ ไปเล่นไหม”

ผมเริ่มลังเล ผมไม่ค่อยอยากไปเล่นกับใครที่ไม่รู้จักเท่าไหร่

“โอ ไปเล่นกับพี่เค้าสิลูก” เสียงแม่ผมดังตามหลังมา

ผมเลยต้องเดินตามพี่เต็งไปที่บ้านอย่างอดไม่ได้ ในบ้านพี่เต็งข้าวของต่างๆเหมือนยังไม่เข้าที่อะไรมาก เพราะเพิ่งย้ายมาไม่กี่วันนี่เอง พี่เต็งเดินนำผมไปที่ทีวีที่มีเครื่องเล่นเกมส์วางอยู่ เป็นเครื่องเล่นเกมส์ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ต้องใช้แผ่น CD เล่น (เครื่อง Sony PlayStation)

“โห.. มันใช้แผ่น CD เล่นเหรอพี่”

“ช่าย ไม่เคยเล่นเหรอ”

“ไม่เคยอ่า เคยแต่เครื่อง Super” (เครื่อง Super Famicom)

“อันนี้หนุกกว่าอีกนะ ไม่เชื่อลองดูดิ”

จากนั้นผมกับพี่เต็งก็เล่นเกมส์กัน ผมไม่เคยเล่นเกมส์พวกนี้มาก่อนเลยตื่นเต้นมาก เราเล่นได้หลายเกมส์ ตอนนี้ผมเริ่มคุ้นเคยกับพี่เต็งมากขึ้น แล้วยิ่งรู้ว่าพี่เต็งเป็นนักอ่านและสะสมหนังสือการ์ตูนตัวยงแล้วยิ่งทำให้ผมสามารถไปคลุกอยู่กับพี่เต็งได้เป็นวันๆ แล้วผมกับพี่เต็งก็ไปโรงเรียนด้วยกัน แล้วก็กลับพร้อมกัน มีบ้างในบางวันที่ผมจะกลับก่อน บางทีผมอยากจะไปดูหนังเรื่องอะไรก็ไม่ต้องขอให้คุณพ่อหรือคุณแม่พาไปอีกแล้ว เพราะผมไปกับพี่เต็งแทน หรือถ้าคุณพ่อคุณแม่ผมไปต่างจังหวัด ป้าเล็กก็จะมาช่วยดูแลผมให้แล้วให้พี่เต็งมานอนเป็นเพื่อนผมอีก ในตอนที่พี่เต็งมานอนเป็นเพื่อนผม เราก็ได้คุยหลายเรื่อง เรื่องเกมส์ใหม่ เรื่องการ์ตูน เรื่องโรงเรียน

“พี่เต็ง  ทำไมชื่อเต็งอ่ะ  มาจากป่าเต็งรังป่าว”

“เฮ้ย บ้าเดะ มาจาก ‘เต็งหนึ่ง’ เว้ย”

“อ้าว แล้วไม่เรียกหนึ่งล่ะ”

“ญาติๆพี่มีคนชื่อหนึ่งเยอะแล้ว เลยเรียกเต็งอย่างเดียวดีกว่า”

“งั้นเลย”

“อืม....  นอนได้แล้ว พรุ่งนี้เดี๋ยวตื่นสายหรอก โอน่ะตื่นยาก”

“ใครว่ายาก แค่ลืมตาก็ตื่นแล้ว”

“เออ  ขอให้มันจริง”

พี่เต็งหัวเราะแล้วเดินไปปิดไฟห้องนอน แล้วกลับมานอนข้างๆผม เตียงของผมก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก แต่พอจะเบียดๆนอนได้สองคน คืนนี้เปิดแอร์นอนตามปกติ ผมนอนกอดหมอนข้างอยู่ จู่ๆพี่เต็งก็มากอดผมจากข้างหลัง ผมก็ดิ้นๆมันจั๊กจี๋มากกว่า

“อื้อ มาแกล้งอะไรคนจานอน”

“เปล่า พี่คนติดหมอนข้าง ไม่มีหมอนข้างเดี๋ยวนอนไม่หลับ”

“ก็เอานี่ไปกอดดิ” ผมยื่นหมอนข้างของผมให้

“ไม่เอา เราก็กอดอยู่ไม่ใช่เหรอ
เอางี้ เราก็กอดหมอนข้างไป พี่ก็กอดเราแทนหมอนข้างไง”

“อืมนะ เอางั้นเหรอ”

“เอางี้แหละ หลับๆได้แล้วเดี๋ยวตื่นสาย”

ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วก็หลับไปทั้งๆที่พี่เต็งกอดผมแทนหมอนข้างอย่างนั้น




“โอ เราคงไปเชียงใหม่กับโอด้วยไม่ได้แล้วล่ะ” เพื่อนผู้หญิงโต๊ะข้างๆผม คุยข้ามโต๊ะมาก่อนที่ผมจะกลับบ้าน

“อ้าวทำไมล่ะ”

“แม่เราป่วยน่ะ ต้องไปเฝ้าที่โรง’บาล”

“อ้าว เป็นอะไรมากเปล่า”

“ไม่หรอก แค่ความดันขึ้นสูงเลยหน้ามืด แต่ก็ต้องดูอาการก่อน”

“งี้เลยไม่ได้ไปด้วยกันเลยสิ”

“รู้สึกผู้จัดการจะให้วัฒน์ไปเป็นเพื่อนโอนะ”

“ฮะ ไอ้วัฒน์ไปแทนเหรอ ทำไมต้องเป็นมันอ่ะ”

“ที่จริงวัฒน์ขอไปก่อนหน้าแล้ว แต่พอดีเค้าติดงานเลยไม่ขอไป รู้สึกตอนนี้งานนั้นแคนเซิลไปแล้วมั้งรึไงเนี่ยล่ะ”

“กรรม ถ้าไอ้วัฒน์ไป ไม่ไปดีกว่า”

แต่สุดท้ายแล้วผมก็ต้องไปดูงานที่เชียงใหม่กับวัฒน์ ด้วยที่ผมไม่สามารถหาเหตุผลที่มีน้ำหนักพอที่จะปฏิเสธไม่ไปได้ แถมผมต้องนั่งข้างมันไปตลอดทางอีก ผมนี่อารมณ์เสียสุดๆ เหมือนว่าวัฒน์จะพยายามแกล้งหาเรื่องผมทุกเรื่องที่ทำได้ ตั้งแต่เรื่องลายมือผม เผลอหลับตอนสัมมนา (ทั้งๆที่มันเองก็หลับ) และที่เลวร้ายกว่านั้นคือผมต้องนอนโรงแรมห้องเดียวกับวัฒน์ด้วยเป็นห้องเตียงเดี่ยวอีก ผมนอนหันหลังให้ท่าเดียว แล้วไม่พูดอะไรกับวัฒน์เลยไม่ว่าวัฒน์จะพยายามยั่วให้ผมโกรธยังไง ผมว่าผมอยู่เฉยๆจะดีกว่า ขี้เกียดมีเรื่องหงุดหงิดตอนเที่ยวในสองวันสุดท้ายของการดูงาน สองวันสุดท้ายการดูงานได้มีการจัดให้พาคณะไปเที่ยวน้ำตกในจังหวัดเชียงใหม่ หนทางนี่คดเลี้ยวไปมาตามแนวเขา บางทีก็เหมือนเรียบตามแนวเขาข้างทางเป็นเหวลึก ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะมาทำไมไกลจากตัวเมืองอย่างนี้

“คูณธีรภัทร คิดถึงแฟนอยู่เหรอครับ” เสียงดังมาจากข้างๆตอนที่ผมมองดูวิวป่าเขาข้างทาง

“ฮือ อะไรนะ” ผมตื่นจากพวัง

“แน่เลย เหม่อขนาดนี้คิดถึงแฟน” ไอ้คุณสุวัฒน์นี่เองที่พูดกับผม

“แฟนอะไร ไม่มี”

“อ้าวจริงเหรอครับนี่ แต่ก็น่าจะใช่ เพราะคนอย่างคุณคงหาแฟนยาก”

“เออ คนอย่างผมมันหาแฟนยากแล้วยังไง”

วัฒน์เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็ไม่พูด ได้แต่ยิ้มๆ ผมหันกลับไปมองวิวด้านนอกรถตามเดิมโดยไม่สนใจวัฒน์ แล้วผมก็หลับไป



“พี่เต็ง พาโอไปสวนสนุกนะ ไม่ได้ไปนานแล้ว”

ผมพูดขณะที่รถเมล์ผ่านสวนสนุกแห่งหนึ่งระหว่างทางที่ผมจะไปโรงเรียน

“ผ่านทุกวัน ไม่เคยไปเลยเหรอ”

“ก็เคย แต่เคยหนเดียวเอง
นะนะนะ พี่เต็ง พาไปหน่อย”

“ถ้าแม่เราบอกให้ไปได้ พี่ก็จะพาไป”

“แม่ให้ไปอยู่แล้วล่ะน่า”

เป็นอย่างที่ผมพูดจริงๆ คุณแม่ผมอนุญาตให้ผมไปสวนสนุกกับพี่เต็ง แต่มีข้อแม้ว่าสอบกลางภาคครั้งนี้จะต้องได้คะแนนมากกว่าครึ่งทุกวิชา และห้ามผมเล่นเกมส์ตอนกลางคืน ผมตอบรับโดยทันที จากนั้นผมก็ทำตามที่คุณแม่บอก โดยไม่เล่นเกมส์ตอนกลางคืนซึ่งทุกทีผมจะเล่นก่อนนอนทุกวัน ตอนช่วงก่อนสอบผมก็ให้พี่เต็งมาช่วยติวให้ผม ในที่สุดผมก็ทำได้ทุกข้อตามที่คุณแม่บอก แต่แล้ว...

“โอ พี่ขอโทษจริงๆ พี่ไปไม่ได้”

“อ้าว พี่เต็ง ไหนสัญญาแล้วไงว่าจะไปอาทิตย์นี้นิ”

“พี่ต้องไปเยี่ยมญาติต่างจังหวัด”

“อาทิตย์หน้าล่ะ”

“อาทิตย์หน้าพี่ไปเข้าค่ายที่เชียงใหม่”

“พี่เต็งหลังเข้าค่าย วันหยุดพี่ก็เรียนพิเศษแล้วอ่ะ แล้วจะพาโอไปตอนไหน”

ผมอารมณ์เสียมาก เสียใจที่อุตส่าห์ทำทุกอย่างให้ตามที่คุณแม่บอกแล้วแต่พี่เต็งทำตามสัญญาไม่ได้ วันนั้นผมเงียบไม่คุยกับพี่เต็งทั้งวัน ไม่ว่าพี่เต็งจะชวนคุยชวนเล่นอะไรผมก็ไม่ตอบ ไม่เล่นด้วย จนถึงวันที่พี่เต็งไปเข้าค่ายผมก็ยังเงียบ ไม่คุย ไม่ตอบพี่เต็งเหมือนเดิม หลังจากนั้นไม่กี่วันในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนปกติ ผมเล่นเกมส์อยู่คนเดียวในบ้าน ไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ออกไปไหน จนผมได้ยินเสียงร้องไห้ของใครสักคนดังมาจากห้องรับแขก ผมกดหยุดเกมส์ไว้แค่นั้นแล้วเดินไปที่ห้องรับแขก ผมเห็นคูณแม่ผมกุมมือของป้าเล็กที่กำลังร้องไห้อยู่ คุณพ่อของผมและพี่เต็งมีสีหน้าเป็นกังวลอยู่มาก

“พี่เล็ก เดี๋ยวเค้าก็ช่วยได้ อย่าเพิ่งกังวลอะไรเลย”

“พี่โทรไปตามข่าวตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ยังหาตัวไม่เจอเลย”

ป้าเล็กเหลือบตาเห็นผมยืนอยู่ ก็เรียกผมเข้ามาใกล้ๆ ผมเดินมาหาป้าเล็กด้วนสีหน้างงๆ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วป้าเล็กก็ดึงผมเข้าไปกอด แล้วร้องไห้  ถึงตอนนี้ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไร

จนเมื่อป้าเล็กและคุณพ่อของพี่เต็งกลับบ้านไปแล้ว คุณแม่ผมจึงเล่าให้ฟังว่า รถบัสที่พาพี่เต็งไปเข้าค่ายพลิกคว่ำ มีคนบาดเจ็บเยอะ มีแต่พี่เต็งที่ยังหาตัวไม่เจอ ไม่รู้ว่าตกลงไปเหวข้างทางหรือไม่ ผมได้ยินอย่างนั้นก็ใจหาย มองออกไปบ้านของพี่เต็งที่อยู่ตรงข้าม ตอนนี้มีคนมาเต็มบ้าน ค่อนข้างวุ่นวายน่าดู

จนในที่สุด ก็หาตัวพี่เต็งไม่พบ.....
ทุกคนคาดว่าคงเสียชีวิตไปแล้ว....

ผม....ได้แต่โกรธตัวเองที่ทำตัวไม่ดีกับพี่เต็งก่อนที่จะจากกัน....
และ ผมก็ไม่ได้ไปสวนสนุกแห่งนั้นอีก จนกระทั่งมันปิดตัวลงไป....

ป้าเล็กและคุณพ่อของพี่เต็งย้ายบ้านออกไปหลังจากนั้นไม่นาน เพราะป้าเล็กทำใจไม่ได้ในที่ๆเคยมีพี่เต็งแต่กลับไม่มี



“คุณๆ”

ผมตื่นขึ้นตามเสียงของคนเรียก รถยังคงเคลื่อนที่ไปตามทางตามแนวเขา

“คุณถ่ายรูปวิวตรงนี้ให้หน่อยสิ” วัฒน์นั่นเองที่ปลุกผม ไม่รู้จะหาเรื่องอะไรอีก

“ทำไมต้องถ่ายด้วย”

“ก็คุณอยู่ริมนิ วิวมองลงไปเห็นเป็นทิวเขาสวยออก” พูดแล้วก็หยิบกล้องมาให้ผม ผมก็รับมารีบๆถ่ายให้เสร็จจะได้คืนกล้องไป

ผมส่องกล้องไปที่ข้างทางเป็นถนนที่เรียบไปตามสันเขาที่ข้างหนึ่งเป็นเหวเวิ้งลงไป ถ้ามองไปไกลๆก็จะเห็นทิวเขาสวยงาม ผมเล็งไปที่วิว แล้วจู่ๆก็สะดุดกับผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างทางพร้อมเป้ใบใหญ่ สวมหมวกเก็บก้มหน้ายืนอยู่ข้างทาง ผมลดกล้องลงก็ไม่เห็นมีใครยืนอยู่ รถยังคงเคลื่อนไปเรื่อยๆ ผมมองย้อนไปก็ไม่เห็นใครยืนอยู่

“คุณ ถ่ายรึยัง”

“อ่าๆ เดี๋ยวนะ” ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปวิวข้างทางแล้วคืนกล้องไปให้วัฒน์

“คุณ เมื่อกี้ข้างทาง เห็นคนแบกเป้ ใส่หมวกแก๊ปเปล่า”

“ไม่นิ ผมไม่ทันมอง ชาวเขาแถวนี้เปล่า”

“ชาวเขาเค้าไม่ใส่ชุดแบบนั้นหรอก”

“อ้าว ก็ไม่แน่นะคุณ”

ผมพยายามหันกลับไปมองอีกครั้ง แต่มันก็เลยมาไกลพอควรแล้ว

จากนั้นผมรู้สึกว่ารถตู้ที่ผมนั่งอยู่จะพยายามแซงหน้ารถกระบะที่อยู่ข้างหน้า แต่ทว่า กลับมีรถสวนทางมา

ความรู้สึกสุดท้ายของผมคือทุกอย่างเหมือนกลับตาลปัดไปหมด ผมเหมือนหลุดออกมาจากรถ แล้วทุกอย่างก็มืดลงไม่เห็นอะไรเลย....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2008 13:46:30 โดย Koa-ka »

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
แสงแดดส่องมาที่ตาของผม ทำให้ผมลืมตาขึ้นเห็นต้นไม้อยู่แน่นทึบ มีเสียงนกเสียงแมลงร้องอยู่รอบตัวเท่านั้น ผมพยายามลุกขึ้นมาเพื่อที่จะดูสิ่งต่างๆรอบตัวซึ่งมีเพียงป่าอยู่รอบตัวเท่านั้น  ผมพยายามตั้งสติว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม แต่ในหัวผมก็รู้สึกปวดจี้ดขึ้นมา จนผมต้องเอามือกุมหัวแต่ก็พอเลาๆได้ว่าผมเกิดอุบัติเหตุ แต่ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมน่าจะอยู่ใกล้ถนนสิ หรือว่าผมจะตกออกจากรถลงเนินเขามาอยู่ในป่านี้  ผมมองไปรอบๆตัวเพื่อที่จะหาคนที่มาดูงานกับผม มองหาวัฒน์ แต่ผมก็ไม่เจอใคร

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”

เสียงดังขึ้นจากข้างหลังผม ผมเอี้ยตัวหันหลังกลับไป ก็ได้พบกับผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง แบกเป้ใบใหญ่ใส่หมวกแก๊ป ผมจำได้ว่าเป็นคนเดียวกันกับที่ผมเห็นตอนถ่ายรูปบนรถ

“คุณๆ ผมเกิดอุบัติเหตุ นี่ผมอยู่ที่ไหน เพื่อนผมอยู่ไหน”

“อุบัติเหตุเหรอครับ แสดงว่าตกลงมาจากถนนสิครับนี่ เหมือนผมเลย”

“เหมือนคุณ??”

“ผมก็หาทางขึ้นไปข้างบนอยู่น่ะครับ งั้นเรามาหาทางไปกันนะ”

เขาพูดเสร็จก็ยื่นมือมาให้ผมจับเพื่อที่จะพยุงตัวขึ้น ทันทีที่ผมจับมือของเขา ผมรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ผมลุกขึ้นมากได้แต่ทำหน้างงๆ

“คุณก็ตกลงมาจากถนนข้างบนเหมือนกันเหรอ”

“ครับ พร้อมๆกัน...”

“แสดงว่าคุณไม่เป็นอะไรมากสิครับนี่”

เขาไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้ม รอยยิ้มของเขาทำให้ผมคิดถึงใครคนหนึ่งที่ผมไม่ได้เจอมานานรอยยิ้มของชายคนนี้เหมือนกันอย่างประหลาด

“ผมว่าเดินไปตามทางนี้น่าจะเจอถนนได้นะ” เขาพูดกับผมพร้อมทั้งเดินนำไป ผมเดินตามเขาไปโดยยังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมหันหลังกลับไป
ตรงที่ผมตื่นขึ้นเหมือนผมเห็นอะไรบางอย่างอยู่ในพุ่มไม้ข้างๆ ผมพยายามมองเพื่อให้รู้ว่ามันคืออะไร

“มองอะไรเหรอครับ?”

เสียงของชายคนนั้นดังมา ทำให้ผมรีบหันกลับ

“ผมว่าเรารีบไปก่อนจำค่ำดีกว่านะครับ” เขาเร่งผม

เราเดินกันไปได้สักพัก ผมก็เริ่มที่จะพูดคุยกับเขาว่ามาทำอะไรที่นี่

“ผมมาเข้าค่ายชมรมครับ” ชายคนนั้นตอบ

“อ้าว ยังเรียนอยู่เหรอ เรียนชั้นไหนแล้ว”

“ม.5 ครับ”

“อ้าว ยังเด็กอยู่เลย นึกว่าห่างกันไม่มาก”

“คุณเรียนหรือทำงานครับ”

“ผมทำงานแล้ว”

“เอ้อ  งั้นต้องเรียกพี่สิคับ พี่ชื่ออะไรครับ ผมชื่อเต็งหนึ่ง”

เขาพูดแล้วหยุดเดินหันหน้ามาที่ผม  ทำให้ผมตกใจมาก ทั้งน่าตาและชื่อ ว่าทำไมเหมือนและคล้ายพี่ที่ผมไม่เจอเขามานานเหลือเกิน

“พี่ชื่ออะไรครับ” เต็งหนึ่งถามย้ำ

“ผะ ผมชื่อ โอ”

“เหรอครับ ยินดีที่ได้รู้จัก เพื่อนร่วมชะตากรรมครับ พี่โอ…”

แล้วชายที่ชื่อเต็งหนึ่งก็ยังเดินนำผมไปเรื่อยๆ เหมือนไม่รู้จุดหมาย ผมรู้สึกเราเรากำลังเดินกลับไปมาที่เดิม ทั้งๆที่เราเดินไปคนละทิศกับที่เริ่มต้น แต่ก็เหมือนย้อนกลับมาที่พุ่มไม้ที่เดิมทุกครั้ง จนผมเริ่มรู้สึกเหนื่อยเลยบอกเต็งหนึ่งว่าขอหยุดพัก

“หยุดพักก่อนได้ไหมครับ ผมเหนื่อยมากเลย”

เต็งหนึ่งหยุดเดินแล้วหันกลับเดินมาที่ผม

“งั้นเราพักที่นี่ก่อนแล้วกันนะครับ” เต็งหนึ่งบอกผม พร้อมกับนั่งลงกับพื้น ผมทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง

“พี่ หิวบ้างไหมครับ ผมพอจะมีขนมอะไรอยู่บ้าง”

“อืม ดีเลย หิวเหมือนกัน”

ว่าแล้วเต็งหนึ่งก็เอาเป้ใบใหญ่ที่เขาแบกมาเปิดออก ก่อนที่จะหาอะไรบางอย่างในเป้ แล้วเขาก็หยิบขนมมาสองสามห่อ แค๊ปหมูหนึ่งถุง

“พี่กินได้เลยนะครับ ไม่ต้องห่วงผม”

“ไม่กินด้วยกันเหรอ”

“ผมกินมาก่อนหน้านี้แล้วครับ”

ผมหยิบถุงแค๊ปหมูมาก่อนอื่น ไม่รู้เป็นเพราะอะไรแต่ก่อนที่ผมจะเปิดถุงนั้นเต็งหนึ่งก็บอกว่า

“อ้อ พี่ครับ แค๊ปหมูนี่ ผมขอไว้ก่อนนะครับ พอดีจะเอาไว้ฝากน้องที่บ้าน”

ผมได้ยินอย่างนั้นแล้วก็วางถุงลง มองไปที่ขนมถุงอื่นที่เหลือ ผมดูลักษณะซองแล้วมันอยู่ในแบบเก่าสมัยผมเด็กๆ ผมสงสัยว่าเดี๋ยวนี้เขายังผลิตแบบนี้อยู่อีกเหรอ

“แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ” เต็งหนึ่งถามผม

“ผมมาดูงานครับ แล้วเค้าก็พามาเที่ยวด้วย เลยแจ๊คพอร์ตแตก เจอเรื่องเลย”

เขาหัวเราะเบาๆ ผมเพิ่งได้เห็นหน้าเขาชัดๆนี่เอง เหมือนพี่เต็งของผมมากแต่ผมก็ได้แต่คิดไว้ในใจเท่านั้น
จากนั้นเราก็เดินต่อไป แต่มันยังคงเป็นเหมือนเดิม เหมือนกับว่าเราเดินวนซ้ำไปมาอยู่แค่แถวนั้นเอง ทั้งๆที่พยายามเดินตามทิศที่แน่นอนแล้ว จนพระอาทิตย์ตกดิน เราหยุดพักอยู่ที่หนึ่งเสียงแมลงยังคงดังอยู่ตลอด ผมมองดาวที่อยู่บนท้องฟ้า ผมไม่เคยเห็นท้องฟ้ามีดาวมากขนาดนี้มาก่อน อาจจะเป็นเพราะแสงไฟในเมืองใหญ่ทำให้ผมไม่เคยเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวแบบนี้มาก่อน

“ดาวสวยมากเลยนะครับพี่”

เต็งหนึ่งพูด ทำให้ผมหันไปมองเขา ตอนนี้เขาแหงนหน้ามองไปที่ท้องฟ้าดูแล้วชั่งเหงา เศร้าอย่างไรไม่รู้

“ถ้าน้องผมได้มาเห็น ต้องชอบแน่ๆ” เต็งหนึ่งพูดต่อ

“น้องที่บ้านเหรอ” ผมถามด้วยความสงสัย

“ไม่หรอกครับ น้องเขาบ้านอยู่ตรงข้ามผม แต่ผมก็รักเหมือนน้องผมแท้ๆ...” พูดถึงตรงนี้ เต็งหนึ่งก้มหน้าลง

บรรยากาศรอบตัวดูเงียบลงไปชั่วขณะ ในใจผมพยายามหาเหตุผลอะไรก็ตามที่สามารถหักล้างได้ว่า เต็งหนึ่งคนนี้ ไม่ใช่พี่เต็งของผม ผมพยายามคิดที่จะถามอะไรจากเต็งหนึ่งมากกว่านี้ ทั้งเรื่องโรงเรียน เรื่องที่บ้าน มันทำให้ผม....

มั่นใจและเชื่อว่า

เขาคือ “พี่เต็ง” ของผม  เขาคือคนๆเดียวกันที่จากผมไปเกือบ 10 ปี แต่พี่เต็งสภาพไม่ได้เปลี่ยนเลย แสดงได้ถึงว่าพี่เต็งนั้น......

“พี่ล่ะครับ จบที่ไหนมา?” คำถามมาจากพี่ชายที่ผมรักมาก พี่ชายคนที่จากผมไปนานแล้ว

“ผม.... เรียนที่เดียวกัน....กับ...”

“อ้าวเป็นรุ่นพี่ผมเหรอครับ ไม่เห็นรู้เลย”

ถึงตอนนี้ผมกัดฟันแน่น ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี

“พี่เต็ง.....” เสียงผมมันเครือมาก ผมพยายามที่จะพูดออกมา พร้อมน้ำตาที่เริ่มไหล

“พี่เรียกผมว่าอะไรนะ”

“พี่เต็ง....

จำผมไม่ได้เหรอ

ผม...

น้องโอ....ไงครับ”

ทุกอย่างในตอนนี้เงียบหมด ไม่มีแม้แต่เสียงแมลง พี่เต็งทำหน้าเหมือนไม่เชื่อผมเท่าไหร่ ตอนนี้ผมเริ่มกล้าพอแล้ว กล้าพอที่ผมจะพูดเรื่องต่างๆที่เราเคยทำด้วยกัน ผมไม่รู้เลยว่าความจำส่วนนั้นของผมมาจากไหน มันไหลพรั่งพรูออกมามากมายทั้งๆที่ผมน่าจะลืมมันไปนานแล้ว พี่เต็งได้แต่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นจนผมพูดจบ ผมมองไปยังพี่เต็งจากหน้าที่เหมือนแปลกใจ กลายเป็นหน้าเหมือนพี่เต็งคนเดียวกับที่ผมรู้จัก พี่เต็งอมยิ้มเล็กๆแล้วเดินมาที่ผมนั่งอยู่ แล้วนั่งลงข้างๆเอามือของผมไปจับไว้

“เชื่อแล้วครับ ว่านี่คือน้องโอ
อืม.....
พี่ดีใจนะที่เจอโอที่นี่
เพราะพี่อยู่ที่นี่มานานมากแล้ว...”

“นานแล้ว....???”

“พี่ว่า โอก็คงพอจะรู้ว่าตอนนี้พี่เป็นอะไร...
โอ...กลัวพี่ไหม?”

ผมส่ายหน้า เพราะพี่เต็งก็ยังคงเป็นพี่เต็งของผมปกติ ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเขากับผมอยู่คนละสถานะกันแล้ว

“ที่จริง... พี่คิดว่าจะมีเพื่อนมาอยู่ด้วยเสียอีกนะ
แต่พอรู้ว่าเป็นโอ....
พี่คงให้โอไปดีกว่า...”

“ให้โอไป หมายความว่าไงพี่เต็ง”

พี่เต็งไม่พูดอะไรอีก แต่ยังทำหน้าอมยิ้มเหมือนเดิม

“พวกเขามากันแล้ว”

“ใครมาเหรอพี่เต็ง”

ก่อนที่ผมจะพูดอะไรอีก ผมรู้สึกว่ามีใครเรียกผมมาจากที่ไกลๆ ไกลมากๆ

‘เจอแล้ว เจอตัวแล้ว’

‘เร็ว มีคนสลบตรงนี้’

“พี่เต็ง ได้ยินไหม มีคนมาเราไปกันเถอะจะได้ออกจากที่นี่”

ผมลุกขึ้นแล้วจูงมือพี่เต็งให้เดินตามไป แต่เดินไปสักพัก พี่เต็งก็ปล่อยมือผมออกแล้วหยุดเดิน

“พี่เต็ง เร็วเข้า เดี๋ยวเค้าก็ไปกันหมดหรอก”

“พี่ไปไม่ได้หรอก....”

“ทำไมล่ะ”

“พี่ต้องอยู่ที่นี่...”

‘เร็ว พาขึ้นเปลแล้วพาไปโรงพยาบาลเลยนะ กระดูกหักหลายที่แต่ไม่เป็นอะไรมาก ระวังๆด้วย’

เสียงคนมาจากไกลๆยังคงดังมาจนผมต้องหันไปหาตามทิศที่มาของเสียงนั้น

“เขามีคนบาดเจ็บด้วยพี่เต็ง”

“เค้ากำลังช่วยโอนั่นแหละ...”

ผมหันไปมองพี่เต็งด้วยความสงสัย

“ช่วยโอ??  ยังไง??  โอยังอยู่ตรงนี้นิ”

“โออยู่ตรงนั้น...”

คำพูดของพี่เต็งทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก แล้วจู่ๆเหมือนมีใครบางคนเอาอะไรบางอย่างมากดผมตามตัว สิ่งต่างๆรอบตัวดูมืดมัวลง

“โอ...ฝากบอกพ่อแม่พี่ด้วย ว่าพี่รักมาก...

พี่ขอโทษด้วย ที่รั้งโอไว้ไม่ยอมให้เราไป

ขอโทษที่พี่ไม่ได้พาไปสวนสนุก...

พี่...

รักโอนะครับ”

“พะ พี่เต็ง... ผมเป็นอะไร” เหมือนมีอะไรมาดึงตัวผมจากตรงไป เหมือนมันฉุดรั้งตามจังหวะของหัวใจเต้น

“ไม่ต้องกลัว พี่ยังอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวนะครับ...”

“พี่...เต็ง....”

แล้วทุกอย่างก็เหมือนดับวูบลง ผมไม่รู้สึก ไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
“คุณหมอคะ คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ”

เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากข้างตัวผม แสงไฟที่สว่างจ้าทำให้ผมต้องหลี่ตาลง มีผู้ชายเดินมาข้างๆผมพยายามตรวจตัวผมอะไรหลายอย่าง แล้วพูดถามผมอะไรบางอย่าง ผมก็ตอบไปเท่าที่สมองจะคิดได้ แล้วผมก็หลับไปอีกครั้งไม่รู้ว่ามันนานเท่าไหร่ จนผมตื่นขึ้นมาในห้องพักคนไข้ผมพยายามตั้งสติแล้วก็มองไปรอบๆตัว ก็รู้ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง มีผู้ชายคนหนึ่งนอนฟุบอยู่ข้างๆเตียง ใจผมเต้นมาก เพราะการแต่งตัวหรืออะไรทำไมเหมือนพี่เต็งของผม นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม พี่เต็งกลับมาพร้อมผมด้วยใช่ไหม

“พี่เต็ง....” ผมเรียกเขาเบาๆ

“พี่เต็ง....” ผมเรียกอีกครั้ง

ชายที่นอนฟุบอยู่ลุกขึ้นมา เขาไม่ใช่พี่เต็ง แต่เป็นวัฒน์ผมไม่รู้ว่าตาฝาดไปเป็นพี่เต็งไปได้ยังไง

“โอ ตื่นแล้วเหรอ
คุณเป็นอะไรมากไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า
จะให้ผมบอกหมอไหม เดี๋ยวผมเรียกให้นะ”

“คุณสุวัฒน์... ไม่ต้อง ผมสบายดี”

วัฒน์ก้มหน้าเงียบไป

“ผม...เป็นห่วงคุณมากเลยรู้ไหม
ตัวคุณพลัดตกเขาไป
ผมขอโทษ ถ้าที่ผ่านมาทำให้คุณไม่ชอบใจ
แต่ผมไม่รู้ ทำไมเวลาผมเจอคุณ ผมถึงต้องทำ..
ทำตัวอย่างนั้น...”

ผมงงกับคำพูดของวัฒน์ ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนอีก

“ผมกลัวว่าจะไม่ได้คุยกับคุณอีก..
ผม... เป็นห่วงคุณนะ
ผม...”

ผมยิ่งงงกับคำพูดของวัฒน์เข้าไปใหญ่ไม่รู้เขาต้องการอะไร แต่ก่อนที่วัฒน์จะพูดอะไรอีก คุณพ่อคุณแม่ผมก็เข้ามาในห้องพวกท่านดีใจมากที่ผมไม่เป็นอะไรมาก แล้วทุกๆอย่างก็เหมือนจะจบลงด้วยดี แต่ผมเหมือนจะมีอะไรคั่งค้างอยู่ในใจเกี่ยวกับพี่เต็ง

ผมยังหายไม่สนิทแต่ก็ยังกลับไปทำงานทั้งๆที่ผู้จัดการก็ดี เพื่อนร่วมงานก็ดี หรือแม้แต่วัฒน์ ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อน เขามาเยี่ยมผมที่บ้านทุกวันที่ตอนที่ผมยังนอนพักฟื้นที่บ้าน และยังต่อต้านมากที่ผมจะบอกว่าจะกลับไปทำงาน แต่ผมเป็นคนไม่ชอบอยู่กับที่นานๆ ผมว่าเราพอจะทำอะไรได้หลายๆอย่างแล้ว เลยขอกลับไปทำงานดีกว่า ผมมาทำงานตามปกติเหมือนก่อนเพื่อนร่วมงานของผมก็ช่วยกันดูแลผม โดยเฉพาะวัฒน์จนหลายคนแซวว่าวัฒน์ไปกินอะไรผิดสำแดงมา เพราะแต่ไหนแต่ไรไม่เคยทำดีกับผม จนกระทั่งลูกค้าเริ่มเข้ามาผมทำงานบริการเหมือนเดิม

“น้องโอ ป้าได้ข่าวว่ารถคว่ำเหรอ?”

เสียงของป้าเล็กดังมาเมื่อเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานผม

“ครับ แต่ก็ ไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

“ดีแล้วลูก คุณพระคุ้มครอง”

จากนั้นผมก็คุยกับป้าเล็กหลายเรื่อง จนผมพูดถึงเรื่องพี่เต็ง

“ป้าเล็กครับ ตกลงแล้ว หาพี่เต็งเจอไหมครับ”

“ไม่เจอ ป้าเลิกหาละ คงเป็นกรรมของป้าเอง...”

“ป้าเล็กครับ คือผมมีเรื่องจะเล่าให้ป้าฟัง...”

แล้วผมก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมให้ป้าเล็กฟังเป็นเรื่องที่ผมไม่ยอมเล่าให้ใครฟังเพราะคิดว่าเขาคงไม่เชื่อ แต่ป้าเล็กเชื่อในสิ่งที่ผมพูด แล้วถามผมถึงที่ผมสลบว่าอยู่ตรงไหนผมก็บอกไปเท่าที่จำได้ หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา ป้าเล็กก็เข้ามาหาผมที่ทำงานพร้อมบอกข่าวว่า เจอพี่เต็งแล้ว อยู่ห่างจากที่ผมสลบไปไม่ไกลนักสิ่งของบางอยากที่เหลืออยู่พอจะบอกได้ว่าเป็นพี่เต็ง แน่นอนว่าที่เหลืออยู่มีเพียงโครงกระดูกกับของใช้ไม่กี่อย่างที่พอจะระบุเท่านั้น ผมได้ยินอย่างนั้นก็ชื้นใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกับว่าพี่เต็งได้กลับบ้านแล้ว

ในค่ำคืนนั้นผมเข้านอนตามปกติ คืนนี้ผมนอนหลับสบายแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน แล้วได้ยินเหมือนใครบางคนมาพูดอยู่ข้างๆ

“โอ ตื่นได้แล้ว
นี่เจ้าขี้เซา ตื่น ไม่อยากไปสวนสนุกเหรอ”

ผมตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียเป็นที่สุด แล้วผมก็เจอพี่เต็งในชุดเตรียมออกไปเที่ยว

“ม่ายอาวจานอนต่ออ่ะ”

“ไม่ต้องเลย นี่พี่อุตส่าห์โดดเรียนพิเศษนะ ลุกเดี๋ยวนี้”

ผมยังไม่ลุกขึ้นจากเตียงจนพี่เต็งต้องดึงมือผมขึ้นจากเตียง แล้วดันๆผมให้ไปอาบน้ำ จากนั้นเราก็ไปยืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์แถวบ้าน ที่จริงผมก็รอรถที่นี่เพื่อไปโรงเรียนกับพี่เต็งประจำอยู่แล้วแต่วันนี้ทำไมดูอะไรๆว่าสดใสกว่าทุกทีก็ไม่รู้ เรารอรถไม่นานรถเมล์ก็เข้ามาจอด บนรถมีคนอยู่บ้าง เรานั่งลงพี่เต็งเอาเป้ใบใหญ่มาด้วย ผมสงสัยเลยถามไปว่า

“พี่เต็ง เอากระเป๋ามาทำไม”

“ไม่อยากเอาของฝากเหรอ แหม่ รู้งี้พี่กินเองดีกว่า”

“อ้าวแล้วไมไม่เอาไว้ที่บ้านอ่ะ”

“ก็จะเอามากินที่สวนสนุกไง”

“แล้วซื้ออะไรมาฝากโออ่ะ”

“แค๊ปหมูไง นี่....” พูดเสร็จพี่เต็งก็หยิบถุงแค๊ปหมูออกมาจากเป้

“อ๊า  จะกินอ่ะ”

“เอาไปเลย แต่ต้องกินให้หมดนะ โอชอบกินเหลือ”

“โหย  ใครจะไปกินคนเดียวหมด พี่ช่วยกินด้วยสิ”

“อ่ะได้เลย”

ในที่สุดเราก็ถึงสวนสนุก ผู้คนมากมายเดินไปมา ผมกับพี่เต็งเล่นเครื่องเล่นต่างๆมากมาย แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่อยากเล่นคือ “บ้านผีสิง”

“ทำไมไม่เข้าอ่ะ บ้านผีสิงหนุกจะตาย” พี่เต็งถามผม

“ไม่เอาอ่ะ”

“กลัวผีเหรอ ผีไม่น่ากลัวหรอกน่า น่ารักจะตาย”

“เหอ พี่เข้าคนเดียวเถอะ โอไม่เข้าไปด้วยหรอก”

“อ่ะ ไม่เข้าก็ไม่เข้า”

พี่เต็งยิ้มให้ผมเห็น เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่เต็งยิ้มได้กว้างและดูสดใสขนาดนี้ จากนั้นเราก็เล่นเครื่องเล่นอื่นๆด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน จนกระทั่งตกเย็น ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้ว เรานั่งพักอยู่ที่ม้านั่ง

“เฮ้อ สนุกดีไหมโอ”

“อื้อ”

“คราวหน้าเรามากันอีกบ่อยๆไหม”

“บ่อยๆนี่ บ่อยถึงตอนไหนอ่ะ”

“ก็จนกว่ามันจะเจ๊งไปเลยเป็นไง”

“.....” ผมเงียบ

“มีอะไรเหรอโอ”

“พี่คงทำตามที่บอกไม่ได้หรอก....
แล้ว...
ผมเองก็คงจะมาเที่ยวที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว....”

“ก็ถ้ามากับพี่ไม่ได้ เราก็ไปเที่ยวเองได้แล้วมั้ง โตแล้วนิ....” ก่อนที่พี่เต็งจะพูดอะไรต่อผมรีบพูดออกมาก่อน

“เพราะตอนนี้ สวนสนุกนี้ มันปิดแล้ว...”

“ปิด พรุ่งนี้ก็เปิดแล้วไง”

“มันปิดแล้วครับ ตอนนี้ ในโลกของผม มันเลิก.... มัน....เจ๊ง.... ไปนานแล้ว....”

หลังจากผมพูดออกไป ทุกๆอย่างรอบตัวผมเหมือนค่อยๆเคลื่อนไหวช้าลงจนหลุดนิ่ง เสียงเครื่องเล่นและผู้คนที่อยู่รอบๆตัวกลับเงียบหาย ตอนนี้ผมอยู่กับพี่เต็งเพียงสองคนในสวนสนุกแห่งนี้ ผมได้แต่มองหน้าพี่เต็ง พี่เต็งหน้าเจือนไป แต่ยังคงพยายามที่จะยิ้มอยู่

“ใช่ พี่คงทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ
ว่าแต่ เรารู้ได้ไงว่าทั้งหมดนี่...”

“ผมรู้มาแต่แรกแล้วครับ...
รู้มาแต่แรกแล้ว...”

“ว๊า โอก็เลยไม่สนุกเลยสิ รู้ก่อนแบบนี้”

“ไม่เลยครับ ผมสนุกมาก เชื่อไหมตั้งแต่ตอนนั้น ผมก็ไม่ได้ไปสวนสนุกอีกเลย จนมันเลิกไป”

“อื้อ งั้นก็ดีแล้วไง” ว่าแล้วพี่เต็งก็เอามือมาลูบหัวผมเบาๆ

“พี่เต็ง อยู่กับผมได้ไหม?  อยู่กับผมนานๆนะ”

“พี่...
ที่จริงมานี่เพราะจะบอกว่า  พี่ต้องไปแล้วครับ”

“พี่เต็ง...”

“พี่ขอบคุณมากสำหรับทุกๆอย่าง พี่ได้เจอแม่ เจอพ่อ อีกครั้ง ก็เพราะโอ
และพี่ได้มาที่นี่ ได้มาทำตามสัญญาที่พี่เคยให้กับโอ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความจริงในโลกของโอก็ตาม”

“พี่เต็ง....
พี่ทำตามสัญญาแล้วครับ”

พี่เต็งยิ้มกว้าง แล้วเอาตัวผมเข้าไปกอด

“เสียดายจัง คนที่จะกอดโอแบบนี้ จริงๆไม่ใช่พี่”

“ยังไงอ่ะ”

“เดี๋ยวโอก็รู้เอง...
เอาละ พี่ต้องไปแล้ว....
พี่ รักโอนะครับ ดูแลตัวเองให้ดี”

“พี่เต็ง ผม ก็รักพี่เต็งครับ...”

ผมรู้สึกถึงแรงกอดครั้งสุดท้ายก่อนที่ทุกๆอย่างจะจบลงพร้อมกับเสียงนาฬืกาปลุกของผม ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนทุกอย่างในชีวิตผมตอนนี้เหมือนจะสดใสกว่าเดิม ผมรู้สึกได้ว่าพี่ชายของผมคนหนึ่งคงได้ไปสบาย ไปในที่ๆที่เขาอยากไปแล้ว ผมเดินออกมาระเบียงนอกบ้าน รู้สึกได้ถึงสายลมอ่อนๆที่พัดมา เหมือนมันมาโอบกอดผมไว้ แล้วเหมือนมันจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหู แล้วก็พัดผ่านไป...

 คำพูดของพี่เต็งที่ว่าคนที่กอดผมจริงๆนั้นไม่ใช่เขา ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ว่าหมายความว่าอะไร แต่ผมพอเดาๆได้จากพฤติกรรมของวัฒน์ที่เขาเปลี่ยนไปมาดีกับผมมาก แล้วจู่ๆวันหนึ่งเขาชวนผมไปกินข้าวเย็นด้วย ที่จริงผมไม่ค่อยอยากไปกับวัฒน์เท่าไหร่หรอก แต่มันบอกว่าถ้าผมไม่ไปกับมัน มันจะตามแกล้งผมตลอดไป (ตลกละ) แล้วมันก็มาสารภาพให้ผมฟังว่าที่จริงแล้วเขาชอบผมมาตั้งแต่แรก แต่มันฝืนๆและดูแปลกที่จะบอกชอบผู้ชายคนหนึ่ง เลยเปลี่ยนเป็นการแกล้งเสียจนตอนที่ผมเจออุบัติเหตุเขาบอกว่าหัวใจเขาคิดโทษแต่ตัวเองว่าทำอะไรลงไป ทำไมไม่ทำตัวดีๆกับคนที่รัก ผมก็ได้แต่รับฟังไป แต่ว่าในที่สุดคนที่กอดผมในโลกความจริงจะเป็นวัฒน์เหมือนที่พี่เต็งบอกในฝันจริงๆหรือเปล่า ผมเองก็ไม่รู้เพราะผมเองก็อยากแกล้งวัฒน์คืนบ้างเหมือนกัน คนอะไรแกล้งกันมาเป็นปีจะให้มายอมรับรักกันง่ายๆฟะ ถ้ายอมล่ะก็คงไม่ใช่ผมน่ะสิ

ท้ายที่สุดแล้วพี่เต็งก็ยังคงอยู่ในใจผมเสมอ และผมจะคิดถึงตลอดไปไม่ว่าต่อจากนี้ผมจะเจอกับอะไรก็ตาม เพราะผมรักพี่ชายคนนี้ของผมเสมอและตลอดไป พี่ชายของผม “เต็งหนึ่ง”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2009 14:31:35 โดย Koa-ka »

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ
.
.
โย่ววว แวะมาเจิมครับ

 :pig2: :pig2:
.
.

มาเจิมแล้วมาต่อเรื่องของตัวเองเร็วๆล่ะ

ขอบคุณครับ

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งจริงๆ สงสารพี่เต็งจังเลยอ้ะ แต่พี่เต็งคงมีความสุขไปแล้วละนะ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Bourne_Js

  • บุคคลทั่วไป
.
.
2009 KEEP THE WORLD

รักษ์โลก รักตัวเอง รักพ่อแม่พี่น้อง รักเพื่อน รักทุกคน รักคนอ่าน รักคุง ก.กา ตี้ซู้ด

 :L1: :L1:
.
.

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ white coat

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2
หวัดดี ปีใหม่ครับที่รัก

 :จุ๊บๆ:

มีความสุขมากๆๆ นะ

อย่านอกใจผมละ  :laugh3:

 :จุ๊บๆ:

yunjaelover

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: ขอบคุณนะค่ะ สำหรับ เรื่องสั้นเรื่องนี้ค่ะ เขียนได้ดีจริงๆ ทำเอาน้ำตาคลอเลย  :monkeysad:

Happy New Year 2009 นะค่ะ.......
    :กอด1:

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีปีใหม่ครับ

:mc4: :mc4:
เจิม และจิ้มคับผม
ยินดีครับ

ซึ้งมากๆๆๆๆๆ :monkeysad:
เป็นความตั้งใจของมันน่ะครับ (ไอ้นายเส้นฯ) มันว่างั้น

ซึ้งจริงๆ สงสารพี่เต็งจังเลยอ้ะ แต่พี่เต็งคงมีความสุขไปแล้วละนะ :กอด1:
น่าจะเป็นเช่นนั้น

.
.
2009 KEEP THE WORLD

รักษ์โลก รักตัวเอง รักพ่อแม่พี่น้อง รักเพื่อน รักทุกคน รักคนอ่าน รักคุง ก.กา ตี้ซู้ด

 :L1: :L1:
.
.
รักน้องนัทเหมือนกันครับ

:L2:สวัสดีปีใหม่ค่ะ :L2:
เช่นกันครับผม ขอบคุณมากๆครับ

หวัดดี ปีใหม่ครับที่รัก

 :จุ๊บๆ:

มีความสุขมากๆๆ นะ

อย่านอกใจผมละ  :laugh3:

 :จุ๊บๆ:
ไม่นอกใจที่รักหรอก แต่ที่รักนั่นแหละที่จะนอกใจผม

:L2: ขอบคุณนะค่ะ สำหรับ เรื่องสั้นเรื่องนี้ค่ะ เขียนได้ดีจริงๆ ทำเอาน้ำตาคลอเลย  :monkeysad:

Happy New Year 2009 นะค่ะ.......
    :กอด1:
ขอบคุณมากครับที่ติดตาม สวัสดีปีใหม่ครับ

ครั้งนี้มาตอบและดันกระทู้ตัวเองครับม สวัสดีปีใหม่อีกครั้งครับ
ขอบคุณมากๆๆๆๆครับ ไม่รู้จะพิมพ์ จะพูดอย่างไร ถึงจะบอกให้ทุกคนได้รู้ แต่ขออนุญาตส่งใจไปบอกแล้วกันนะครับ :pig4:

imageriz

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: โอ้ โห  พี่ แต่งได้ซึ้งมากเลย  น้ำตาเกือบไหล  สงสารพี่เต็งมาก

ยิ่งอ่านตอนที่พี่เขาอยู่ที่เดิม ไม่ได้ไปไหน ยิ่งอยากร้องไห้ 

แต่ตอนท้ายก็ดีใจที่พี่เขาไปดีแล้ว


Happy New Year 2009  มีความสุขมาก ๆ นะ 

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1:

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่นำมามอบให้นะครับ

ซึ้งมากเลย


แอบน้ำตาคลอด้วย

 :monkeysad:

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

เห็นว่าเพลงนี้เหมาะกับเรื่องนี้ดีเลยเอามาลง

http://media.imeem.com/m/oTNcklSMNs/aus=false

เพราะนะครับผมว่า อืม.... :m15:
ขอบคุณที่ติดตามครับ

Bourne_Js

  • บุคคลทั่วไป
.
.
แวะมาดันครับผม

ที่รักของคุง ก. กา เศร้าจังไปปลอบหรือยังครับ ?

คิดถึงคุง ก.กา นะครับ

 :กอด1: :กอด1:
.
.

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

.
.
แวะมาดันครับผม

ที่รักของคุง ก. กา เศร้าจังไปปลอบหรือยังครับ ?

คิดถึงคุง ก.กา นะครับ

 :กอด1: :กอด1:
.
.

คิดถึงเหมือนกันนนนนนน :กอด1:
ส่วนที่รักของผมนี่ เรียบร้อยไปแล้วครับ :oo1: เย้ยยยยย ไม่ใช่ ปลอบเรียบร้อยแล้วครับ

ขอบคุณมากครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ white coat

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2
 ^
 ^
 ^
 ^
ไปแอบเผาอะไรให้ นัทคุงฟัง หะ  :angry2:

 แล้วก็ไม่ต้องกระแนะกระแหน เลยนะ ว่าผมมีคนมาชอบเยอะ มันแค่อดีต ไปสนใจทำไม

 คุณนั่นแหละ แฟนเยอะแยะ ออกจะเจ้า ชู้

 วันนี้เด๋วฟ้อง นัท คุง ว่า คุเอาผมไปแฉ  :laugh:

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

โฮๆๆๆๆ ที่ร๊ากกกก ผมไม่ได้แอบไปนินทาให้นัทคุงฟังเลยน๊า ที่รักคิดไปเองหรือเปล่า :serius2:
ผมไม่ได้เจ้าชู้นะที่รัก ผมน่ะรักเดียวใจเดียว คนมาจีบก็ไม่มีอ่า จะมีก๋ที่รักคนเดียวในหัวใจอ่าคั๊บ คิคิคิ :กอด1:

อ่าๆ มาบอกแค่นี้ล่ะคับ

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
พี่เต็งน่ารักเลย อ่านแล้วประทับใจ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ อีกหนึ่งเรื่องค่ะ   :L2:

ออฟไลน์ Seiki

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 838
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2726/-64

Bourne_Js

  • บุคคลทั่วไป
.
.
เอ๊ะ ๆ ผมมาทำให้ครอบครัวราวฉานหรือเปล่านี่ คริ ๆ หรือว่าเราจะ 3 P กัน อิอิ 

 :impress2: :impress2: :impress2:
.
.

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
พี่เต็งอบอุ่นมากอ่ะ

ดีนะที่ไม่พาโอไปด้วย

+1 ให้ค่า

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :o8: :o8: :o8:

หลงรักพี่เต็งเข้าอย่างแรง

พึ่งเห็นเรื่องนี้อะ แล้วจะรออ่านต่อน๊าคราบ  :L2: :L2:

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

หว่ายๆๆ  มันเป็นเรื่องสั้นครับ ตอนเดียวจบแล้วจบเลยอ่า ไม่เห็นไอ้นายเส้นฯจะมาต่ออะไร
ไงผมจะเปลี่ยนตรงหัวเรื่องให้แล้วกันนะครับ

ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจนะครับ

ออฟไลน์ artday

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

delufy.monkey

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด