Part 10
“ว่างๆ ก็โทรหาพี่บ้างนะ” ผมบอกอีกฝ่ายที่ยืนเกาะขอบกระจกอยู่
“อื้ม…พี่แดนรักษาสุขภาพนะ อย่าสูบบุหรี่มากนักล่ะ” มาร์ชบอกผม ยิ้มให้…
“ว่าแต่คนอื่น เมื่อก่อนเราก็ใช่ย่อยที่ไหนล่ะหืม?...แต่จะพยายามลดละกันครับ” ผมยกมือขึ้นลูบหัวน้องสุดที่รักเล่น แต่ก็ต้องรีบหดมือกลับเพราะสายตาอาฆาตจ้องมาแต่ไกลจากหน้าคอนโด หมั่นไส้ว่ะ ถึงกับต้องลงมารับกันเชียว แบบนี้กรูก็ขึ้นไปส่งที่ห้องมาได้ดิวะ สาดเอ้ย
“เก่งมาก งั้นผมไปก่อนนะ…บายครับน้องมิกกี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” มาร์ชยิ้มให้ผม ก่อนที่จะยิ้มให้คนที่นั่งข้างหลัง แล้วโบกมือบ๊ายบาย
ถึงไม่อยากจะแยกจากกันสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมปล่อยมือคู่นี้ไป…ไปสู่เจ้าของที่แท้จริง ผมมองแผ่นหลังที่คุ้นเคยแต่เด็กวิ่งไปหาคนที่กำลังยืนรอ เค้ายิ้มให้กันอย่างมีความสุข… ส่วนผม ก็ยิ้มเช่นกัน แต่ด้วยความหมายที่ต่างไป
“มานั่งข้างหน้าสิ” ผมหันไปบอกเจ้าหนูหน้างอข้างหลัง มันนิ่งสักพักแล้วจึงค่อยโยนกระเป๋าที่กอดอยู่วางบนเบาะ ถอดรองเท้าทั้งสองแล้วปีนข้ามมานั่งหน้า
“เฮ้ย …ค่อยๆ ตัวก็ไม่เล็กแทนที่จะเปิดประตูไปเข้ามาดีๆ” ถึงจะบ่นแต่ก็ยื่นมือไปช่วยมันให้นั่งดีๆ แหล่ะครับ
“…”
“เป็นไงเหนื่อยมั้ย โทษทีที่มาช้า พอดีน้องมาหาแบบกะทันหัน” ผมอธิบายให้ฟังโดยที่ตามองอยู่บนถนน…แน่ะ ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย มันนั่งเงียบไม่หันมามองผมเช่นกัน
“เฮ้ เป็นอะไรไอ้หนู… อย่าโกรธน่า เดี๋ยวพาไปเลี้ยง เอามั้ย? วันนี้ตัวทำแต้มเลยนี่หว่า หึหึ” ผมว่า แล้วยกมือขึ้นลูบหัวมัน แต่กลับโดนผลักออก
“…ใช่สิ ผมมันก็แค่ไอ้หนู”
“หะ?? ว่าไงนะ” มันเป็นช่วงที่ผมสวนกับรถบรรทุกพอดีครับ เสียงเครื่องยนต์เลยกลบคำพูดของอีกฝ่ายพอดี
“เปล่า” มันตอบเสียงนิ่ง หันหน้าออกไปนอกหน้าต่างตามเคย
“ตกลงจะไปกินข้าวหรือเปล่า?”
“ไม่เอา จะกลับแล้ว”
“โอเคๆ”
ยิ่งมันดูเงียบๆ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด… คงอาจจะเพราะผมไม่เคยเจอมันเวอร์ชั่นแบบนี้ก็เป็นได้ ปกติถ้างอน พาไปเลี้ยงนิด ซื้อนี้ให้หน่อย ก็กลับมาลัลล้าเหมือนเดิมแล้ว นี่ขนาดชวนไปกินข้าวด้วยมันยังเมิน เซ็งอะไรมาวะ
เฮ้อออ เอาเถอะ… ผมเลยได้แต่ขับรถเงียบๆ คนเดียวจนมาถึงคอนโด เจ้าหนูเดินนำหน้าไปขึ้นลิฟท์ แล้วดิ่งไปไขกุญแจห้องตัวเองเฉย
“คืนนี้จะมานอนนี่มั้ย” อีกฝ่ายส่ายหน้าแทนคำตอบ แล้วปิดประตูหนีผมดังปัง!
อะไรวะ!? มันจะอะไรนักหนาเนี่ย!? ผมเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำอาบท่า แต่ท่าทางของไอ้มิกกี้ยังคงติดตาคาใจตลอด และนั่นทำให้ผมว้าวุ่นแปลกๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เดินมาที่ครัว ท้องร้องโครกคราก เปิดตู้เย็นมามี่แต่ของสดวางอย่างเป็นระเบียบ ….แล้วนี่กรูจะกินอะไรวะ??
ว่าแล้วเลยเดินไปเคาะประตูห้องมัน
ก๊อก…ก๊อก….ก๊อก
ไม่มีคนมาตอบ กดออดก็ได้วะ…
ติ๊งต่อง…. ติ๊งต่อง
ห่าเอ้ย…จะเล่นตัวไปถึงไหน ได้ตัวยุ่ง ผมได้ทีเลยกดออดแบบรัวๆๆๆๆ ติดกัน จำได้ไม่แน่ชัดเท่าไหร่ แต่น่าจะประมาณ 20 ทีได้ และมันก็สำเร็จผลครับ ไอ้เจ้าหนูเปิดประตูดังผลั่วะ! ทำหน้าบู้บี้เหมือนเพิ่งโดนรถชน สภาพมันคือนุ่งผ้าเช็ดตัวสีน้ำตาลพันท่อนล่างอยู่ผืนเดียว ร่างกายท่อนบนและแขนขายังคงพราวด้วยน้ำ…สงสัยเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ
“เฮียจะกดอะไรเยอะแยะ เปลืองรู้มั้ย ครั้งละ 3 บาทนะน่ะ!” นั่น มันยังจะมาโมโหใส่ผมไม่เลิก กรูทำผิดอะไร แค่กดออดติดต่อกัน 20 ครั้งเอง??
“ก็เห็นไม่ออกมาซักที คิดว่าน้อยใจจนฆ่าตัวตายคาห้องไปแล้ว หึหึ”
ผมพูด ยกมือขึ้นยันประตูให้เปิดกว้างกว่าเดิม แล้วเดินเข้าไปในห้องมันทันที ตอนนี้ห้องเจ้าหนูมันเรียบร้อยขึ้นเยอะครับ เพราะผมสลับมาค้างที่ห้องมันบ่อยๆ เห็นแล้วทนไม่ได้เลยช่วยเก็บกวาดห้องแลกกับที่มันจะต้องทำอาหารให้ผมกินทุกมื้อเวลาที่อยู่ห้อง
“ใครน้อยใจ…ไม่มี” ไอ้มิกกี้หลบหน้าหนี แล้วรีบเดินไปหยิบเสื้อที่แขวนอยู่ พร้อมกับกางเกงเลมาสวม
“เหรอออออ” เออว่ะ เพิ่งจะบอกหยกๆ ว่าเกลียดคำนี้ แล้วมาพูดเอง… เป็นเอามากละกรู
“ไม่ต้องมากวนเลยเฮีย” มันหันมาค้อน ทำหน้าดุใส่ผม ปากนี่งอจนเป็นสระอิแล้ว ฮาดีว่ะ
“มานี่ ผูกให้”
ก็เห็นมันยืนเก้ๆ กังๆ จะผูกกางเกงเล แต่เสือกใส่เสื้อก่อน แถมเสื้อยังตัวใหญ่เบ้อเริ่ม ชายเสื้อมันเลยตกลงมาบังเอวหมด…ผมเดินเข้าใกล้แล้วเลิ่กเสื้อขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายจับไว้ ก้มลงพับเอวกางเกง แล้วดึงสายจากด้านหลังพันเอวมาถึงด้านหน้า ตอนนี้ผมกับมันเลยยืนชิดติดกันจนแทบเหมือนกอด แขนผมโอบเอวมันไว้หลวมๆ
“เสร็จแล้ว ไอ้ตัวยุ่ง” ผมจัดการผูกโบว์ที่เอวมันอย่างสวยงาม แล้วพับส่วนบนลงเพื่อปิดเชือกที่พันรอบเอว ตบปุๆ ให้…พอละสายตามาจากเอวมันเท่านั้น ก็เจอกับดวงตากลมโตที่จ้องกลับมาอย่างใคร่สงสัย
“…เฮียชอบเค้าเหรอ?”
“หืม? ชอบใคร?” ผมถาม กลิ่นหอมจางๆ ของสบู่ลักซ์ชมพูลอยมาแตะจมูก (อย่าถามว่าทำไมรู้ ก็คนมันเคยๆ กันอยู่ เอ่อ…หมายถึงเคยมาค้างกันบ่อยๆ)
“พี่คนเมื่อเย็น พี่มาร์ชอ่ะ”
“ก็ต้องชอบสิ นั่นน้องนี่” ผมตอบแบบสบายๆ ถึงคำถามจะชวนสะกิดแผลใจก็ตาม
“…ไม่ได้หมายความว่าชอบแบบนั้น…ชอบแบบ…”
“แบบไหน?” คาดว่าเสียงผมคงเริ่มดุแล้ว เพราะเจ้าหนูดูหน้าเจื่อนลงนิดๆ
“แบบที่พี่ชินทำกับแฟนอ่ะ”
“เฮ้ย! จะบ้าเรอะ!...เอาไปเปรียบกับไอ้ชินได้ไง มันไม่เหมือนกัน…” ผมปล่อยมือจากเอวเจ้าหนู แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน ถึงแต่ตอนนี้จะเริ่มหายหิวแล้วก็ตาม
“ไม่เหมือนกันยังไง?” แน่ะ…ยังจะถามอีก มึงเป็นไอ้หนูจำไมรึไงฟะ??
“ก็…เอาน่า ช่างมันเถอะ มีไรกินมั่ง” ผมเลี่ยงประเด็น มือยังค้นตู้เย็นหาอะไรกินอยู่ อ่ะฮ้า…เจอแล้ว โบโลญน่าหมูพริก เสร็จกรู!
เฮ้ยยยย!... ตกใจสิครับ อยู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนโดนรัดอย่างแรงจากข้างหลัง เล่นเอาแทบจุก… โบโลญน่าหล่นลงพื้น ก้มลงดู ถึงรู้ว่ามันเป็นแขนของเจ้าหนูนั่นเอง
“เป็นอะไรหืม?” ผมพยายามหันไปหาอีกฝ่าย แต่ก็ทำไม่ได้เพราะแขนที่กอดเอวอยู่ เลยได้แต่ตบมือมันเล่นเบาๆ เป็นเชิงปลอบ
“….แล้วผมล่ะ ไม่เหมือนกันด้วยรึเปล่า?”
ผมยืนเงียบ…ลูบมืออีกฝ่ายเล่น เพราะยังสับสนกับคำถาม ไม่เหมือนกัน…แล้วมันไม่เหมือนกันยังไงล่ะ ใจนึงก็อยากจะบอกว่าไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะตอนไหน… อดีต ปัจจุบัน หรือแม้แต่อนาคต ผมก็ยังคงรักมาร์ช… และจะรักตลอดไป
แต่กับเจ้าหนูตัวยุ่งตัวนี้… ผมไม่รู้ ว่ามันสำคัญในฐานะเพียงน้องชาย หรือผมอยากให้มันเป็นมากกว่านั้น…
ยอมรับว่าเริ่มชอบ… ชอบที่ได้อยู่ใกล้มัน เฮฮาบ้าบอกับมัน และได้ใช้ชีวิตด้วยกัน… มิกกี้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เท่าที่รู้คือผมไม่เคยคิดรังเกียจมันเลย แต่เจ้านี่มันยังเด็กเกินไป เลยได้แต่พยายามข่มใจว่ามันไม่ใช่ และมันไม่ควร
“ไม่เหมือนกันหรอก…” ผมตอบ แต่ใจไม่ได้อยู่กับคำพูดตัวเองสักเท่าไหร่
“ยังไง?” มันเริ่มคลายมือออก ทำให้ผมหันหน้าไปมองได้
“โอ๊ย!” นั่นก็เสียงมันอีกนั่นแหล่ะครับ เพราะทันทีที่ผมพลิกตัวกลับไป ก็ดีดนิ้วเข้าหน้าผากมนๆ ของมันอย่างจังดังเพี๊ยะ!
“เป็นเด็กไม่ต้องรู้มาก หิวแล้ว ทำไรให้กินหน่อย” ผมดึงแก้มมันเล่น แน่ะ…ทำตาขวางหน้าบูดใส่อีกต่างหาก เดี๋ยวเหอะๆ จับหอมซะให้เข็ด เฮ้ย! ไม่ใช่ละ..
“โอย ผู้ใหญ่บ้าอะไร ชอบใช้เด็ก ทำอะไรก็ไม่เป็น…ชิ” มันยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเอง ผิวขาวของมันเลยยิ่งทำให้เห็นเป็นรอยแดงชัด ผมเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
“ป่ะๆ ทำให้กินหน่อย อย่าบ่น เดี๋ยวให้หอมหนึ่งที อ่ะ อ่ะ” ผมหัวเราะอย่างสาแก่ใจ ทำแก้มป่องล่อหน้าล่อตามันเล่น
“ไม่เอาโว้ยยยย แง่ง ปั๊ดกัดหูขาด ไอ้เฮียบ้า!” มันดันหน้าดันหัวผมให้ออกห่าง ทั้งๆ ที่ตัวเองก็หน้าแดงอยู่แท้ๆ
“รู้น่าว่าอยาก มามะ” ผมยังคงยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแทบติดกับหน้าเจ้าหนู เจ้านั่นก็ดันหน้า หลบหน้าผมงุดๆ แต่ก็หนีไปไหนไกลไม่ได้เพราะมือผมรั้งเอวมันแนบกับตัวอยู่
ฟอด… ผมตัดสินใจแกล้งหอมแก้มใสๆ มันไปหนึ่งที ก็ยิ่งใกล้กลิ่นหอมมันก็ยิ่งคละคลุ้งเลยอดใจไม่ไหว ลงมือกดจมูกลงกับแก้มไอ้หนูอย่างแรง มันหันมาทำตาโต หน้าแดงแปร๊ด…
“อ๊ากกก ไอ้เฮีย ทำไรวะ!” นั่น สรรพนามเริ่มถ่อยลงทุกวันแล้วนะมึง
“หิว หิว หิว อยากกินข้าวผัดต้มยำ เอาไข่ดาวไม่สุกด้วยสองฟอง” ผมยิ้ม ทำน้ำเสียงเรียบเฉยบอกอีกฝ่าย จนมันส่งเสียงจิ๊จ๊ะแบบหงุดหงิด
แล้วคืนนั้นผมก็ได้กินข้าวผัดต้มยำ แต่ว่าได้กินไข่แค่ฟองเดียว เพราะมันบอกเดี๋ยวคอเรสเตอรอลจุกคอตาย แก่แล้วเจียมซะมั่ง (น่านนน กรูขอเหนี่ยวซักทีได้มะ) แถมยังทอดซะสุกเพราะบอกว่าเดี๋ยวเจอไข้หวัดนก สรุปมันเป็นแม่ผมไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย… -*-
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แหม มิชชั่นง้อคอมพลีท(รึป่าวนะ)