Part 7
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกหนักอึ้ง… ผีอำเปล่าวะ แม่งเอ้ย… ว่าแล้วก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองรอบตัว แสงสีขาวส่องลอดมาตามช่องผ้าม่านที่ถูกรูดปิดหน้าต่างกระจกสูงเทียมผนังไว้อย่างลวกๆ … ผมหลับตาลง แล้วลืมตาขึ้นอีกรอบเพื่อปรับร่างกาย แล้วค่อยชันตัวขึ้น เตรียมจะลุกจากเตียง
“อืม….” เฮ้ย ไม่ใช่เสียงกรู ผมรีบหันหน้าไปตามต้นเสียงแล้วก็พบกับเจ้าตัวยุ่ง…ที่กำลังนอนเอาขาและแขนก่ายตัวผมอย่างสบายใจ แถมยังเอาหน้าซุกกับไหล่ผมไว้อีก
มันครางในลำคอและขมวดคิ้วทั้งๆ ที่หลับตาอยู่อย่างขัดใจ …ภาพเมื่อคืนไหลเข้ามาในหัวราวกับแบ็คเวิร์ดเครื่องเล่นหนัง (พูดยังกับเมื่อคืนเสร็จกันไปแล้ว =__=’’) ไอ้เจ้าหนูหัวหลอดมันมาขอค้างที่ห้องนี่เอง
ผมพยายามดันอีกฝ่ายออกเพื่อจะลุกไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แต่ไอ้มือเหนียวนี่แทนที่จะปล่อย มันกลับกระชับแขนแน่นมากขึ้น ทำหน้างัวเงียปนหงุดหงิด พร้อมกับแนบตัวมันเข้ากับตัวผมจนชิด หน้าขาวๆ ที่ปกติตื่นเช้ามาน่าจะมันหย๋องแต่ของหมอนี่กลับยังใส ซุกเข้ากับหน้าท้องผม
เฮ้ยๆๆๆ เริ่มมากไปแล้ว…. แถมยังต่ำไปแล้วด้วย
“ตื่นๆ” ผมเขย่าตัวอีกฝ่ายหวังจะให้รู้ตัว
“อือ….”
“เฮ้ย ตื่นได้แล้ว ลุก”
“….อือ ขออีก 10 นาทีนะม๊า”
สาดดดด กรูไม่ใช่ม๊ามึง… ผมถอนหายใจหนักๆ อีกที… เค้าว่ากันว่าถอนหายใจหนึ่งครั้งเท่ากับอายุลดลงหนึ่งวัน ของผมนี่คงลดลงไปหลายปีเลยทีเดียว หลังจากที่พยายามทั้งเขย่าทั้งตบกบาลมันก็แล้ว ปฏิกิริยาที่ได้รับตอบกลับมาคือ…ความเงียบ… และเสียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอดังฟี้ ฟี้ ฟี้…
เอาวะ… ความจริงก็ยังแอบง่วงอยู่นิดหน่อย นอนต่ออีกซักนิดจะเป็นอะไรไป ไหนๆ วันนี้ก็ว่างทั้งวันด้วย…. ผมทิ้งตัวลงนอนที่เดิมอีกครั้ง หันหน้าไปมองเจ้าหนูข้างๆ มันอมยิ้มนิดๆ เหมือนดีใจที่ได้ดั่งใจ
“ไอ้ขี้เซาเอ้ย” ผมบ่นกับตัวเอง แล้วจัพลิกตัวหันหน้าหนี แต่ก็โดนเจ้าหนูรั้งเอวให้เข้ามาใกล้ แล้วซุกหน้าเข้ากับแผงอกผม
“เฮ้ย…นอนดีๆ” แต่อีกฝ่ายก็ดูท่าจะไม่ได้ยิน ไม่รู้ละเมอหรือจงใจ… ผมหวังจะให้เป็นแบบแรกมากกว่า
สุดท้าย ความตั้งจะพลิกตัวหนีก็ไม่สำเร็จ เลยได้แต่นอนให้ไอ้หนูมันซุกอกและกอด เอาขาก่ายอยู่แบบนั้น…ลมหายใจอุ่นๆ และใบหน้าสงบสุขของมันกลับทำให้ผมรู้สึกสบายอย่างประหลาด จนในที่สุดก็เผลอหลับไป…
…………………………………………….
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เมื่อคนข้างๆ หายไปแล้ว อืมมม ก็ดีเหมือนกัน รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวกว่าหลายวันก่อนอีก… พิลึกแหะ ทั้งๆ ที่ก็นอนเหมือนๆ กัน
อืมมม หอมมมมม
จมูกผมกระตุกสองสามทีตามกลิ่นที่ลอยมา… มาจากไหนกันนะ มันกระตุ้นให้ท้องผมประท้วงดังจ้อกๆ เมื่อคืนก็กินข้าวต้มไปไม่มาก แค่นั้นไม่ช่วยให้อยู่ท้องสักเท่าไหร่เลย โอยย หิวชะมัด
โคร้ง..เคร้ง…
ทำไมเสียงเหมือนจานกับกระทะมันอยู่ใกล้จังวะ เหมือน… เหมือนอยู่ในห้องครัวกรูเลย!?
ว่าแล้วผมก็รีบลุกขึ้น… รีบวิ่งไปดูในห้องครัว ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้ผมทึ่งเข้าไปใหญ่ ไอ้หนูมิกกี้มันยืนใส่ผ้ากันเปื้อน มือข้างหนึ่งถือกระทะ อีกข้างถือตะหลิว ผัดอะไรสักอย่างอยู่หน้าเตาแก๊สแบบบิ้วท์อินของผม
สงสัยจะยืนอึ้งนานไปหน่อย… จนอีกฝ่ายหันหน้ามาพร้อมกับเทสิ่งที่เหมือนไข่กวน มีชิ้นเนื้อสีชมพูหั่นเล็กๆ ปนอยู่ด้วย น่ากินชะมัด…
“อ่าว ตื่นเมื่อไหร่… ไปอาบน้ำก่อนสิ ข้าวจะเสร็จแล้ว” เอ…บทสนทนาแบบนี้มันเหมือนภรรยาพูดกับสามีตอนเช้ายังไงก็ไม่รู้ อ๊ากกกก ไม่ใช่ละไอ้แดน…หยุดๆ หยุดคิด
“อ่ะ..เอ่อ ไม่เป็นไร” ผมยืนเก้ๆ กังๆ เพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก… แล้วทำไมกรูต้องสุภาพขนาดนี้ด้วยวะ
“งั้นกินนี่ก่อน” ว่าแล้วเจ้าหนูในชุดผ้ากันเปื้อนสีเทาลายตารางก็หันมายิ้ม ยื่นถ้วยขนาดเล็ก ข้างในบรรจุน้ำสีขุ่นควันร้อนฉุยมาให้
“อะไรน่ะ?”
“ซุปไก่” มันบอกผมโดยที่หันหลังไปทำอะไรโคร้งเคร้งๆ กับกระทะอีกรอบ
“แล้วนี่อะไร?” ผมเขี่ยก้อนแผ่นหนาสีม่วงในถ้วยขึ้นมาดู…
“รากบัวไง ไม่รู้จักอีก”
“รากบัว?? ในซุป??” ผมทำท่างงเข้าไปใหญ่ เพราะเคยเห็นแต่เค้าใส่ในขนมหวาน
“ช่ายยย กินเข้าไปเถอะน่ะ อร่อยนะ แถมยังดีต่อสุขภาพด้วย”
ผมมองแผ่นหลังเล็กๆ ของอีกฝ่าย แล้วก็ก้มลงมองถ้วยซุปอุ่นๆ ข้างหน้าตัวเอง
“แล้วนี่ไปเอาของพวกนี้มาจากไหน” เท่าที่จำได้ ผมไม่เคยเก็บของสดไว้ในตู้เย็นเลย…แม้แต่ไข่ยังไม่มี แล้วไอ้หนูมันไปสรรหาวัถุดิบที่ดูหายากมากจากไหนกันวะ
“ส่วนนึงเอามาจากห้องผม แล้วเมื่อกี้ก็ลงไปซื้อที่ซูเปอร์ข้างล่างมาด้วย”
“เหรอ…”
“กินซักทีสิ เย็นแล้วไม่อร่อยนะ”
ดู…ดูมัน สั่งยังกับเป็นเมีย เอ้ย! แม่ผมงั้นแหล่ะ แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี ก็เจ้ากระเพาะนี่สิ มันกร่นด่าใหญ่แล้วที่เจ้าของมันไม่ยอมหยิบช้อนลิ้มรสซุปตรงหน้าเสียที… ว่าแล้วผมเลยประเดิมด้วยการตักขึ้นมาเป่า แล้วบรรจงละเลียดใส่เข้าปากอย่างผู้ดี…
อ่าว ทำไมหมดแล้ววะ กรูว่ากินแบบผู้ดีแล้วนะ… ซดทีเดียวหมดก๊อก… แค่นั้นเอ๊ง แม่ง อร่อยว่ะ!
“เสร็จแล้ววววว” ผมเลียปากพร้อมกับเสียงของเจ้าหนูที่ถอดผ้ากันเปื้อน แล้วหยิบจานกับข้าวสองสามอย่างลงบนโต๊ะข้างหน้าผม
“เอื้อก”
เอ่อ… นั่นเสียงกลืนน้ำลายผมเองแหล่ะครับ นอกจากกลิ่นหอมที่ฟุงกระจายไปทั่วห้องอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ยังสีสันมากมายละลานตาบนจานใบใหญ่สีขาวบนโต๊ะที่วางเรียงกันดูน่ากินนี่อีก ทำเอาน้ำลายสอเลยทีเดียว
เจ้าตัวยุ่งมันยังเดินไปมา เก็บข้าวของใส่ซิงค์ล้างจาน ปล่อยให้ผมน้ำลายไหลยืดอยู่คนเดียว สักพักก็มีเสียงดังตึ๊งจากหม้อหุงข้าว ผมจึงค่อยถึงบางอ้อว่า…ข้าวยังไม่สุกนี่เอง ว่าแล้วมันก็เดินไปหยิบจานมาตักข้าว ส่งให้ผม
“เอ้า…นี่ไข่กวนใส่เบคอน นี่ต้มจืดหมูสับ ส่วนนี่ผัดบร็อกโคลี่”
“อาฮะๆ” ผมมองตามรายการอาหารเช้าที่มันแนะนำ ตาใสปิ๊ง
“กินซะเฮีย ผมกลับห้องละ” ไอ้มิกกี้มันเดินไปถอดผ้ากันเปื้อนเก็บ
“อ่าว แล้วไม่กินพร้อมกันล่ะ?” ผมถาม เพราะเห็นมันไม่ตักข้าวให้ตัวเอง
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาไรกินที่ห้องก็ได้…เฮียกินเสร็จแล้วตะโดนเรียกตรงระเบียงละกัน จะมาล้างจานให้”
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ กินด้วยกินสิ…เยอะขนาดนี้กินคนเดียวหมดได้ไง” ผมโวยวาย ลุกขึ้นรั้งเจ้าตัวยุ่งที่กำลังจะเดินออกนอกห้องไว้
“เฮียตัวอย่างใหญ่ กินหมดอยู่แล้วน่า” มันยังไม่เลิก ทำท่าจะเดินหนีผมลูกเดียว ทีแบบล่ะอยากกลับห้องเชียวนะ ทีตอนกลางคืนล่ะทำตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า อยากอยู่กะกรูซะเหลือเกินนนน
“กินเถอะน่ะ เร็ว… ไม่งั้นไม่กินเหมือนกัน”
ทันทีที่คำประกาศิตของผมกระกาศลั่นออกไป เจาหนูมิกกี้เลยจำใจต้องเดินไปตักข้าวอีกจานมานั่งลงฝั่งตรงข้ามและเริ่มลงมือทานอาหารเช้าไปพร้อมๆ กัน
ไม่นานนักอาหารก็หมดเกลี้ยง ผมกับมันยืนล้างจานข้างกันหน้าซิงค์คู่ ตอนแรกเจ้ามิกกี้อาสาล้างเอง แต่ผมเห็นว่าเอาเปรียบมันมายเยอะละ เลยบังคับ เน้น! ว่าบังคับช่วยมันอีกแรง
“เฮีย วันนี้ทำงานเหรอ?” อีกฝ่ายชะโงกหน้าออกมาถาม ก่อนที่จะเข้าห้องตัวเอง
“เปล่า…” ผมยืนท้าวสะเอว มือถือบุหรี่จ่อปากอยู่ตรงประตูตัวเอง
“ไม่มีไรทำมาห้องผมได้นะ”
“แล้ววันนี้ไม่มีเรียนรึไง?”
“ไม่มีครับ วันนี้ฟรีท้างวันนนนน” มันตอบ แล้วยกมือขึ้นบ๊ายบายให้ผม เข้าห้องไป
ส่วนผมพอผละออกจากเจ้ามิกกี้ ก็เดินไปเดินมาในห้อง สรรหาของทำไปเรื่อย คว้านู่นคว้านี่ก็ทำฆ่าเวลาไปเล่นๆ ครับ จะออกไปข้างนอกก็คิดไม่ออกว่าจะไปไหน ความขี้เกียจมันครอบงำจนก้าวขาไม่ค่อยออก ผมเลยออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงเล่น รับลมร้อนประเทศไทยหน่อยเป็นไง
“อ้าว เฮีย” เฮ้อออ สงสัยผมกับมันนี่จะมีอะไรจูนหากันรึเปล่า ผมรู้สึกว่าไปไหนก็หนีมันไม่พ้น ทั้งๆ ที่เพื่อนข้างห้องคนอื่นก็มีไม่เห็นยักกะเจอกันบ่อยเท่าไอ้หนูนี่
“เออ ทำไรอยู่” ผมถามอย่างเซ็งๆ แบบไม่มีอะไรจะทำ ปากก็พ่นควันออกไปด้วย
“วาดรูป เฮียดูมะ” มันบอก ท่าทางจะน่าจะจริงอย่างที่ว่าแหล่ะครับ เพราะเห็นตามตัวมันมีเปื้อนสีเหลือง สีฟ้าเป็นหย่อมๆ แถมในมือยังมีถังที่เหมือนใช้ล้างสีออกมาตากตรงระเบียงด้วย
“รูปอะไร?” ผมยังคงถามลอยๆ อย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก ศิลปะกับผมมันคนละขั้ว
“รูป… แสง”
“หะ??”
“มาดูดิๆๆ” มันยังคะยั้นคะยอไม่เลิก กวักมือหยอยๆ เรียกผมจากอีกฝั่งของระเบียง ส่วนผมก็ได้แต่ยืนถอนหายใจ
“เออๆ หมดมวนนี้แล้วเดี๋ยวไป” ลองดูสักครั้งจะเป็นอะไรไป… ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณ Lukaka มากค่ะ
ขอบคุณคนอ่านคนคอมเม้นต์ด้วย