Part 4“โอย ปวดหลังชิบ” ผมยืนเอื้อมมือไปนวดตรงบริเวณต้นคอและสะโพกตัวเองหลังจากที่เดินนั่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ
ให้ตายเถอะ เมื่อคืนก็นอนหลับๆ ตื่นๆ พลิกไปมาเพราะไม่คุ้นที่ แถมเตียงนอนก็ยังแข็งโป๊กเหมือนเอาไม้ไปยัดไว้แทนไส้นุ่น นอนเข้าไปได้ไงวะ…
เมื่อเช้ามืดผมตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พยายามข่มตาให้หลับยังไงก็หลับไม่ค่อยลง เลยชะโงกตัวลงไปมองไอ้คนที่กำลังนอนกอดหมอนข้างลายหมีพูห์ข้างล่าง เฮ้อออ หลับสบายเชียวนะมึง ไอ้เด็กน้อยเอ้ย
เห็นว่ามันกำลังหลับสนิท จึงอาศัยโอกาสนั้นแอบแว่บออกมาจากห้องมันซะ แล้วมางีบห้องตัวเองต่อจนเกือบถึงเที่ยง… ค่อยยังชั่วหน่อย แต่โคตรปวดหลังให้ตายสิ ความจริงเค้าบอกว่านอนเบาะแข็งจะไม่ปวดหลัง แต่ไหงกรูโคตรพ่อโคตรแม่ระบมเลยวะ
ผมคว้าเสื้อสบายๆ ขึ้นมาสวม เก็บของเล็กน้อยเพื่อเตรียมตัวออกไปจัดการธุระข้างนอก วันนี้ต้องไปเซ็นสัญญาเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องการเปิดบริษัท เฮ้ออ มันช่างวุ่นวายมีเรื่องให้ปวดหัวไม่จบไม่สิ้นเสียที
เอาล่ะ….สู้เว้ยไอ้แดน!
….กริ๊ก….แอ๊ด….
“เฮ้ย / เฮ้ย” ผมรีบหันหน้าไปมองไอ้คนห้องข้างๆ ที่กำลังเปิดประตูออกมาพร้อมกันพอดีอย่างตกใจ
“อ่าว เฮียเอง ตกใจหมด”
ไอ้เด็กคู่ขา เอ้ย! คู่กรณีผมเมื่อคืนมันทักขึ้น ผมมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า…อืม ใส่ชุดนิสิตครับ แต่แนวได้อีก… มันใส่เสื้อนักศึกษาสีขาวเป็นเสื้อคลุมตัวนอก ปลดกระดุมทั้งหมด ส่วนข้างในใส่เป็นเสื้อกล้ามสีแดงลายเพ้นท์ที่เหมือนจงใจทำตกใส่กระป๋องสีมากกว่า กางเกงเองต่ำขาเดฟสีดำ ขาข้างขวาขาดตรงหัวเข่าเล็กน้อย รองเท้าผ้าใบทรงสูงสีเหลืองสด และผมเดดล็อกที่ถูกมัดรวบไปด้านหลังครึ่งหัวโดยมีผ้าสีขาวครีมโพกไว้อย่างเรียบร้อยเผยให้เห็นหน้าขาวๆ ของมันอย่างเต็มตา
จะว่าไปหมอนี่ก็หน้าตาดีใช่เล่น… ตาโต จมูกโด่ง ปากหยักบางเป็นเรียวประดับบนหน้ารูปไข่ ถ้าทำตัวดีๆ เน้น! ว่าทำตัวดีๆ คงจะป็อบใช่ย่อย
“เฮีย! โอป่าว?” เสียงเจ้าหนูตรงหน้าทำให้ผมตื่นจากภวังค์
“เออๆ ไม่มีไร…เอ่อ พอดีเมื่อเช้ามีธุระนิดหน่อย เลยลุกออกมาก่อน” ผมรีบเก็บท่าทีทำเป็นปกติ
“โอ๊ย ไม่เป็นไรเฮีย อย่าวอรร์รี่ ผมต่างหากที่ต้องขอบใจเฮีย อุตส่าห์ใจดีมานอนเป็นเพื่อน ไม่เหมือนคืนก่อน นอนคนเดียวโคตรน่ากลัวเลย คืนแรกด้วย…บรึ๋ยยย” อีกฝ่ายพูดพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอก ทำตัวสั่นประกอบ
“ไรวะ ทำป๊อด แล้วเสือกอยากมาอยู่คนเดียว” ผมส่ายหัวอย่างระอา
“โหยยย จะให้เกาะป๊ากะม๊าไปตลอดชีวิตได้ไงล่ะ ชีวิตคือการเดินทาง…ชีวิตคือการต่อสู้นะเฮีย!” มันพูดอย่างมุ่งมั่น พร้อมกับยกมือขึ้นทำท่าเหมือนกำลังปฏิญาณอะไรสักอย่างกับตัวเอง พยักหน้าหงึกๆ
“เหอะ…เอาคืนนี้ให้รอดก่อนเถอะ”
“เออออใช่ คืนนี้ผมมานอนห้องเฮียนะ”
“เฮ้ย! จะบ้าเรอะ!” ผมรีบสะบัดไอ้ปลิงหัวหลอดเท้าเหลืองที่พุ่งเข้าเกาะแขนผมอย่างรุนแรง ยิ่งสะบัดมันก็ยิ่งรัดมือแน่น เปลี่ยนจากแค่เกาะแขนมาเกาะเอวผมซะงั้น
“น้า น้า น้า…อยากเห็นห้องเฮียอ่ะ ห้องผู้ใหญ่ต้องเท่แหงๆ”
“ไม่เอาเว้ย! ห้องตัวเองก็มี มานอนห้องคนอื่นทำเตี่ยไร!?” ผมพูดไปพยายามแกะแขนที่โอบรอบเอวตัวเองไปด้วย
“โหยยยย ทำความรู้จักกันไว้ไงเฮีย แบบว่าคนข้างห้อง เพื่อนข้างบ้าน เข้าใจม้ายยย…น้ำใจไมตรีน่ะมีม้ายยย” ไอ้เด็กห่านี่ แอบด่ากรูป่ะวะ
“ไม่มีเว้ย! โดยเฉพาะกับมึง กรูไม่ต้องการ!”
“เฮียใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยย”
“เออ!”
“เฮียยยยยยยยยยยยยย เฮียคร้าบบบบบบบบ”
“ปล่อย!”
“เฮี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” กรูหูฝาดป่ะวะ รู้สึกวรรณยุกต์มันจะเริ่มเพี้ยนไปเล็กน้อย =_=
“โอ๊ยยยย กรูเกลียดเด็ก!”
เท่านั้นแหล่ะครับ ไอ้เด็กหยอยหัวหลอดปล่อยมือผมทันที มันยืนทำหน้าเซ็งโลกราวกับว่าบินลาดินบินมาถล่มบ้านพ่อมัน เดินกระแทกส้นเท้าปาดหน้าผมไปทันที อะไรวะ… กรูผิดเรอะ แน่ะ มีการหันหน้ามามอง ค้อนสองสามที เอออออ อย่างกับกรูจะต้องง้อมึงงั้นแหล่ะสาด ญาติก็ไม่ใช่ เพื่อนก็ไม่เชิง เฮ้ออออ ให้ตายสิ
ผมเดินตามมันไป ไม่ได้อยากไปตามมันหรอกนะครับ ก็ทางนั้นเป็นทางไปลิฟท์นี่ ผมก็ต้องลงไปทำงานทำการเหมือนกัน ไอ้หัวหลอดมันเห็นผมเดินตามก็ยิ่งเร่งฝีเท้าทิ้งห่าง
มันรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ พอดีกับที่ลิฟท์มา ไอ้เด็กเวรนั่นวิ่งเข้าไปข้างในทันที …ผมเองพอเห็นว่าลิฟท์มาก็เร่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งจะได้ทัน …..แต่ไอ้บ้ามิกกี้เม้าส์นั่นสิ! มันรีบกดปิดลิฟท์ทันที!
“เฮ้ยยย! อย่าเพิ่ง!” ผมรีบวิ่งไปหน้าลิฟท์ ยื่นมืออกราวกับกำลังวิ่งแข่งร้อยเมตร จะถึงเส้นชัยแล้ววว แว้วว แว้ววว....
อ๊ากกกกก สาดดดดดดดดดดดดดดนรกกกกกกกกกก ไอ้เด็กเวรรรรรรรรรรรรรรรร
ผมมองตัวเลขสีส้มข้างหน้าที่ค่อยๆ เลื่อนลงจนกระทั่งถึงชั้น 1..... ฮึ่มม มึงนะมึง นี่กรูรีบนะเนี่ย ให้ตายสิ! ลิฟท์ตัวข้างๆ ก็เสือกเสียอีก นี่ตรูต้องรอจนกระทั่งลิฟท์ขึ้นมาจากชั้นล่างสุดเหรอวะ แม่งเอ้ย เซ็งชิบ
ผมยืนรอแล้ว ยืนรออีก รู้สึกว่ามันนานกว่าปกตินะ... ถึงจะมีคนขึ้นมาจากข้างล่าง แต่มันก็ไม่น่านานขนาดนี้ ผมเลยเดินออกไปชะโงกหน้าจากดระเบียงไปยังล็อบบี้ด้านล่าง เนื่องจากคอนโดผมเป็นรูปตัวยู ตรงกลางจึงเป็นช่องว่างที่ล้อมรอบด้วยระเบียง สามารถมองลงไปที่ล็อบบี้แบบเปิดโล่งด้านล่างได้....
โธ่เว้ย! ไอ้เด็กหัวหลอดนั่นยืนอยู่ตรงล็อบบี้พร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคน มันยืนคุยอะไรไม่รู้ท่าทางเริงร่าสุดชีวิต เพื่อนมันคนนึงเงยหน้าขึ้นมาเห็นผม มันสะกิดไอ้หัวหลอด...สักพักไอ้หลอดมันเลยหันขึ้นมามองมั่ง นั่น…ทำท่าค้อนๆ ถึงจะไกลแต่ผมก็เห็นชัดนะ... เฮ้ย หรือกรูแก่ขนาดสายตายาวแล้ววะ เอ้ย!! ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้!! ไอ้เด็กเสื่อม!! มันยืนแลบลิ้นปลิ้นตาหัวเราะใส่ผม
ตอนแรกผมว่าจะตะโกนอะไรสักอย่างไปด่ามัน...แต่คิดว่าไม่เอาดีกว่า อายชาวบ้านชาวช่องแถมนั้น... เลยยกนิ้วขึ้นชี้หน้าประมาณว่าอย่าให้กรูเจอมึงนะ ฮึ่มมมม.... ไอ้มิกกี้ทำท่ายักไหล่ เบะปาก... จนผมกะว่าจะด่ามันสักนิดให้หายคันปาก ปรากฏว่าได้ยินเสียงลิฟท์ดังติ้งงงก่อน
ผมรีบละจากหน้าระเบียงมาเข้าลิฟท์ทันที...
และผมก็ได้คำตอบที่ต้องการ.... ว่าทำไมลิฟท์ถึงมาช้า
ก็จะมีอะไรซะอีกล่ะครับ
นี่ก็ฝีมือมันอีกแน่ๆ จะมีใครเล่นพิเรนทร์ได้เท่ามันอีกล่ะ!! ล่อกดทุกชั้นตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้นบนสุดซะงั้นน่ะ! ลิฟท์มันเลยต้องวนไปเปิดจนถึงชั้นบน แล้วค่อยลงมารับผมลงไปชั้นล่าง
ไอ้เด็กเปรต กลับมามึงเจอแน่!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++=
หนุมิคกี้เราจะเป็นอะไรมั้ยหนอ