พีนี่เป็นขวัญใจแฟนๆ เลยแฮะ 
ขอบคุณสำหรับทุกเม้นอันเร่าร้อน 
และขอแก้ความเข้าใจผิดของผู้อ่านหลายท่านนิ๊ดนึงง
เจมิใช่ผู้แต่งนะคะ เป็นมือดีจอมโพสแทนเฉยๆ ผู้แต่งคือ คุณควันต้องลมค่ะ
เดี๋ยวนักเขียนตามมาอ่านจะงอนเอา เลยต้องออกตัวแทนก่อน 
.................
ตอนที่ 15 : ปลายทาง หลังจากที่ได้ซื้อผมมาเป็นสมบัติสมใจอยาก ไอ้คนที่นอนกอดผมอยู่นี่รู้สึกจะใช้ผมคุ้มเกินราคา
ผมเองหยุดคิดเรื่องตัวเองเอาไว้ทุกอย่าง ปล่อยเวลาไปกับไอ้พี ทำให้เหมือนเราทั้งคู่จะมีความสุขจนล้นเอ่อ
ไอ้พีมันเก่งมากเรื่องบนเตียง ผมได้แต่เรียนรู้ตามไป
เวลาที่ผ่านมาร่วมเดือน ใบหน้าที่นอนยิ้มหวานให้ผมอยู่ตอนนี้ มีสุขภาพสมบูรณ์เกินร้อย
ผมต่างหากที่แทบจะรับพลังมันไม่ไหว
"เรายังไม่เคยทำอะไรตอนเช้าๆเลยนะ" ไอ้พียื่นหน้ามาหอมแก้มผม
"อือ" ผมผลักมันออก
"ทำเถอะนะพีพร้อมแล้ว" มันพูดพร้อมกับจับมือผมไปสัมผัสแท่งเนื้อที่แข็งโด่แถวหว่างขามัน
"ไม่นะ เรามีสอบสองโมง" ผมพูดแต่อดที่จะลูบแท่งเนื้อไอ้พีเบาๆ ไม่ได้ก่อนจะชักมือกลับ
"ขอยี่สิบนาทีนะ นะ" เวลาไอ้หน้าหล่ออ้อนผมก็แทบละลาย
รอยยิ้มแววตาของมันผมไม่สามารถจะขัดขืนได้ทุกที ปล่อยให้คนที่คึกไม่หยุด รื้อผ้าห่มออกจัดการกับร่างเปลือยของผมตามใจ
.............
กว่าผมจะไปถึงห้องสอบก็กินเวลาสอบไปสิบนาทีแล้ว
อาจารย์เอ็ดผมเรื่องความรับผิดชอบก่อนที่จะปล่อยผมเข้าห้องสอบไป
ผมนึกอยากบีบคอไอ้พี เพราะมันบอกขอยี่สิบนาที แต่ล่อผมอยู่เป็นชั่วโมง
ดีที่ผมเตรียมอุปกรณ์ไว้พร้อมตั้งแต่ตอนเย็น แกงจืดประยุกต์ของผมที่จะส่งอาจารย์วันนี้เลยไม่มีปัญหา
"นายประยุกต์อะไรในแกงจืดของตัวเองบ้าง" อาจารย์แวะมาถามขณะที่ผมกำลังทำอยู่
"ผมใช้เนื้อปลาสามอย่างครับ"
"เหรอ ปลาไรมั่งละ" ผมอธิบายสูตรที่คิดขึ้นเองให้อาจารย์ฟังอยู่พักหนึ่ง
"ไอเดียดีนี่ ไว้ฉันจะคอยชิมรสชาติ" แล้วอาจารย์ก็ไปตรวจดูคนอื่นต่อไป
..............
หลังจากสอบเสร็จ ตอนค่ำผมก็มานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารในงานเลี้ยงของบริษัทของคุณหญิงสาลินีท่ามกลางแขกเหรื่อนับพัน
ไอ้พีกับมาลินี แฟนสาวของมันดูโดดเด่นมากกว่าใคร
ผมพึ่งได้พบมาลินีเป็นครั้งแรก เป็นผู้หญิงที่สวยมาก เข้ากับคนได้ง่าย ร่าเริงตลอดเวลา
หลังจากทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ ผมก็อิ่ม สงสัยวันนี้ตอนกลางวันชิมอาหารเพื่อนๆไปทั่ว เลยไม่รู้สึกหิวอะไร
ดนตรีเริ่มบรรเลง ไอ้พีและคู่ควงออกไปเปิดฟลอร์
ความเหมาะสมที่เหมือนกับเจ้าชายและเจ้าหญิงนั้นทำให้ผมรู้สึกดีใจ ผมจึงออกไปหาที่ยืนดูวิวข้างนอกแทน
"คงถึงเวลาที่เราต้องเดินทางอีกครั้งแล้วสิ" ผมคิดพร้อมกับมองตึกสูงที่รายล้อมอยู่รอบโรงแรม มันจะมีห้องๆ เล็กๆ พอให้เราได้อาศัยและดำเนินชีวิตต่อไปบ้างไหมนะ
"มายืนเหม่อไรแถวนี้" ไอ้พีถามขณะที่มายืนมองวิวข้างๆ ผม
"ไม่มีไร แค่อยากจะดูวิว"
"กูว่าจะหมั้นกับมาลินีไว้ก่อนมึงว่าดีไหม" จู่ๆ ไอ้พีก็ถามผมขึ้น
"อืม ตามใจสิ นายว่าดีก็ดี" ผมตอบเบาๆ
"กูจะดูแลมึงอย่างดี แม้กูจะแต่งงาน มึงก็ยังจะเป็นสมบัติของกูไม่ต้องห่วงนะ"
มันคงคิดจะปลอบผมมั้ง ที่มันพูดแบบนี้ ผมก็เลยยิ้มรับก่อนจะพูดให้มันสบายใจ
"อย่าห่วงเลยน่า ดูแลตัวนายให้ดี ทำอย่างที่นายฝันไว้เถอะ"
พอดีมาลินีเดินเข้ามาสบทบเราสองคน
"ว้าว หนุ่มหล่อสองคนมาอยู่ตรงนี้หมด ข้างในเลยหมองเลยนะคะ"
ผมฝืนหัวเราะไปกับมาลินี เพื่อให้ไอ้พีสบายใจ
"เอากลับไปสักคนก็ได้ครับ คนนี้เจ้าภาพ" ผมพูดพร้อมพยักหน้าไปทางไอ้พี
"งั้นมาขอเลยนะคะ" ผมมองภาพที่ทั้งสองเดินคู่กันไปอย่างชื่นชม
อะไรที่มันเหมาะสมลงตัวมันจะดูดีมีคุณค่าเสมอผมคิดในใจ
และคืนนี้ผมก็หมดเรี่ยวแรงจะฝืนอีกต่อไป ผมจึงออกจากงานโบกแท็กซี่กลับบ้าน
...............
"ปูนิ่ม อย่ามัวแต่กลัวสิลูก" ผมพูดกับไอ้ปูนิ่มที่นิ่งอยู่ไม่ยอมว่ายออกมาจากที่เดิม
"ที่นี่เขาเรียกว่าน้ำตกนะปูนิ่ม น้ำมันไม่ลึกมากหรอก เห็นป่ะใสสะอาดออก มามะว่ายมาหาพ่อมา"
ไอ้ปูนิ่มดูเหมือนจะค่อยๆปรับตัว มองซ้ายมองขวาก่อนว่ายมาหาผมช้าๆ
ผมย้ายมาอยู่เชียงใหม่ได้เดือนหนึ่งแล้ววันนี้ผมกับปูนิ่มมาเที่ยวน้ำตกกัน เพราะเป็นวันหยุด
น้ำตกนี่อยู่ห่างจากโรงแรมที่ผมเป็นผู้ช่วยเชฟอยู่ไม่ถึงสองกิโล
ปั่นจักรยานมาแป๊ปนึงก็ถึง อยากให้ยายมาอยู่นี่ด้วยจัง
ผมนึกถึงยาย ผมคิดถึงวันที่ผมบอกยายว่าจะมาทำงานที่เชียงใหม่และขอดรอปเรียนไว้ก่อน
"บุ้งคิดดีแล้วนะลูก" ยายมีสีหน้าเป็นห่วงผมมาก
"ผมขอเวลาสักพักนะครับยาย บุ้งพร้อมเมื่อไหร่จะกลับมาหายาย"
"อืม อย่ากังวลไปเลยลูก ยายอยู่นี่ไม่มีไรน่าห่วง หนูก็รู้ แข็งแรงเร็วๆ แล้วกลับมานะ"
ยายโอบผมไปกอด ผมรู้สึกมีน้ำเย็นๆ ซึมออกมาจากตาตัวเอง
ผมจะต้องแข็งแรงให้ได้เพื่อที่จะกลับมาปกป้องคนๆ นี้ นั่นคือสิ่งที่ผมคิดตอนนั้น
...............
"ต๊าย หนุ่มน้อย นี่หนูเลี้ยงเต่าเหรอนี่" คุณยายวัยประมาณสักหกสิบกว่าถามผม
ขณะที่ผมทานขนมอยู่บนเสื่อข้างๆน้ำตกกับเจ้าปูนิ่ม เธอนั่งคุกเข่าดูเจ้าปูนิ่มอย่างสนใจ
"ครับ เจ้าตัวนี้ชื่อปูนิ่มครับ ส่วนผมชื่อบุ้ง" ผมยกมือไหว้
"ไหว้พระเถอะหนู ยายชื่อแจ่ม บ้านยายอยู่ใกล้ๆนี่เอง" เธอบอกพร้อมรับไหว้ผม
"ปูนิ่มนี่มันกัดไหม" ผมไม่ตอบแต่จับเข้าปูนิ่มในอ่างมาวางไว้บนอุ้งมือแทน
พร้อมบอกเจ้าปูนิ่มว่า "หลบภัย" ไอ้ปูนิ่มก็หดหัวเข้ากระดองทันที
"ออกมาได้แล้วลูกพ่อ" เจ้าปูนิ่มก็ค่อยโผล่หัวออกมา
ยายแจ่มกับผมหัวเราะชอบใจ หลังจากนั้นเราสองคนก็คุยกันไปเรื่อยๆ อย่างถูกคอ
ด้วยนิสัยยายแจ่มคล้ายยายผมหลายอย่างผมเลยรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจที่ได้คุยกับแก
ยายแจ่มบอกผมว่าย้ายมาอยู่นี่ห้าสิบปีแล้ว พอสามีตายเธอก็อยู่คนเดียวลูกเต้าก็ไม่มี
"บุ้งไปเที่ยวบ้านยายไหม" จู่ๆ เธอก็ชวนผมขึ้นมา
"ไกลจากนี่ไหมครับ " ผมถามเพราะกลัวกลับโรงแรมมืด
"มาเถอะน่า" เธอบอกพร้อมกับช่วยผมเก็บของ
...............
บ้านของยายแจ่มใหญ่โตมากพอๆ กับบ้านไอ้พีเลย แถมมีดาดฟ้าเหมือนบ้านไอ้พีด้วย
ปลูกอยู่ท่ามกลางสวนส้มและสวนองุ่นหลายร้อยไร่
"ว้าว สวยจัง" ผมบอกยายแจ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ขณะที่เรามายืนดูวิวรอบบ้านบนดาดฟ้าด้วยกัน
"ยายกับตาบุกเบิกที่นี่ด้วยกันร่วมสี่สิบปี พื้นที่เพาะปลูกเกือบสองพันไร่นี้ยายกับตาทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง"
เธอเล่าให้ผมฟังท่าทางภูมิใจมาก
"คุณยายกับคุณตาเก่งนะครับ ผมล่ะยอมแพ้เลย"
"ไม่เก่งหรอกแต่เพราะความรักมัง เวลามีตาอยู่ข้างๆ ทำอะไรยายก็ทำได้หมดเหมือนเขาเป็นขุมพลังของยาย"
"คุณยายโชคดีมากเลยนะครับที่มีรักแท้" ผมบอกเธอพลางมองเหม่อไปยังทิวเขาที่รายล้อมอยู่รอบๆ
"บุ้งไม่เคยมีแฟนเหรอ" แกถามผมเบาๆ
"ไม่เคยครับ" อย่างไอ้พีคงห่างไกลคำว่าแฟน
"ไม่เคยแม้จะรักใครสักคนเหรอ" คุณยายถามต่อ
"เคยครับ" ผมตอบตรงๆ
"บุ้งรักเขาแต่เขาไม่รักบุ้งสินะ" คุณยายพูดลอยๆ
"ประมาณนั้นครับ อย่าไปพูดถึงมันเลยครับยังไงก็จบไปแล้ว" ผมตัดบท
"คงเจ็บปวดน่าดูเลยนะการรักใครข้างเดียวนี่ รักที่ไม่มีจุดหมายปลายทางช่างน่ากลัวจริงๆ"
คุณยายกล่าวขึ้นลอยๆ แต่ผมก็เข้าใจลึกซึ้งกับมันดี
แม้ผ่านมาเดือนหนึ่งปลายทางผมคือที่ไหน ผมยังหาไม่เจอ ได้แต่หวังว่ามันจะปรากฏขึ้นลางๆ เหมือนทิวเขาข้างหน้านั้นในวันหนึ่ง
จบตอนที่ 15 : ปลายทาง