เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป  (อ่าน 1728 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 70 — พูดกันตรง ๆ สักที…ก่อนเราจะกลายเป็นแค่ความทรงจำ

กรุงเทพฯ – 22:40 น. | คอนโดของภัทร

เสียงวิดีโอคอลจากดินสอดังขึ้น
ภัทรรีบกดรับทันที
ภาพที่ขึ้นมาคือใบหน้าขาวจัดใต้ผ้าห่ม พร้อมเสียงน้ำฝนเบา ๆ จากลอนดอน

“อย่าพูดอะไรตอนกูยังไม่พูดนะ”
ดินสอเอ่ยเบา ๆ ขณะสายตายังไม่กล้าสบจอ



“กูรู้ว่ามึงยังรักกู
แต่ที่ผ่านมามึงเงียบ
จนกูไม่รู้จะวิ่งกลับมายังไง…”

“กูเลยยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงนี้
ทั้งที่อยากกอดมึงจนจะบ้า
แต่ก็กลัวว่า มึงจะไม่ต้องการกูแล้ว”



ภัทรเงียบ — น้ำตาคลอโดยไม่ทันรู้ตัว

เขายกมือถือวางพิงหมอน แล้วพูดทั้งที่เสียงสั่น

“ขอโทษที่เงียบ ขอโทษที่กลัวจนกลายเป็นคนใจร้าย
แต่กูไม่เคยหยุดคิดถึงมึงเลย
กูยังดูรูปเราทุกวัน ฟังเพลงที่เคยฟังด้วยกัน
แค่…กูไม่กล้าพูด เพราะกลัวว่าถ้าพูดไปแล้วมึงจะหายไป”



ดินสอหัวเราะในลำคอเบา ๆ ทั้งที่น้ำตาซึมตา:

“ไอ้บ้า… มึงไม่พูด กูก็เกือบหายไปแล้วจริง ๆ”



เงียบอีกครั้ง
แต่คราวนี้ไม่อึดอัด
เป็นความเงียบที่เหมือนคนสองคนกำลังกอดกันในใจ



ภัทรพูดเบา ๆ:

“มึงกลับมาได้ไหม…”



ดินสอเงียบหนึ่งจังหวะ ก่อนพูดว่า

“ยังกลับไม่ได้…แต่เรานัดกันได้นะ
กูขอลาหยุด 3 วันเจอมึงที่ปารีส”



ภัทรยิ้มทันที ทั้งที่ยังมีน้ำตาค้างอยู่ในตา

“สนามบิน Charles de Gaulle อีกแล้วใช่มั้ย…
สถานที่ที่เราคุยกันเรื่องจะเลิก…
แต่ครั้งนี้กูจะรอ…เพื่อบอกมึงว่า
เราจะไม่พูดคำนั้นอีก”



ปลายสายทั้งสองคนยิ้ม
ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
แค่มองกัน…ให้แน่ใจว่า

“ถึงเราจะเคยเงียบ
แต่เรายังอยู่ตรงนี้
และเราจะเริ่มใหม่…ด้วยการฟังกันมากกว่ากลัว”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 71 — กลับมาเจอกันอีกครั้งในเมืองเดิม…แต่หัวใจจะเป็นเหมือนเดิมได้ไหม

สนามบิน Charles de Gaulle – ปารีส | 09:40 น.

เสียงประกาศตามสายเรียกผู้โดยสารลงเครื่อง
ภัทรยืนอยู่ตรงจุดนัดหมายเดิม
มือถือกุหลาบขาวหนึ่งดอก
แต่หัวใจสั่น…
ไม่ใช่เพราะตื่นเต้น
แต่เพราะกลัวว่า “ภาพที่อยู่ตรงหน้า” จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว



เสียงล้อกระเป๋าลากเบา ๆ ดังขึ้น
ดินสอเดินตรงเข้ามา
ในเสื้อโค้ทยาวสีเทา กับหน้าตาที่ไม่ได้แต่งอะไรมาก
แต่ยังเป็นดินสอที่ภัทรจำได้ทุกจุดบนใบหน้า



เงียบ — ไม่มีคำพูด
จนภัทรยื่นดอกไม้ให้

“มึงยังแพ้เกสรดอกไม้ปะวะ”

ดินสอยิ้มบาง ๆ รับกุหลาบมา แล้วพูดเบา ๆ ว่า

“แต่กูไม่เคยแพ้มึงนะ”



10:20 น. – รถไฟใต้ดินปารีส

สองคนนั่งข้างกัน
ระหว่างทางจากสนามบินเข้าสู่เมือง
ไม่มีบทสนทนา
แต่ภัทรเอานิ้วก้อยเกี่ยวมือดินสอไว้
แน่น
นิ่ง
เหมือนจะพูดว่า

“มึงกลับมาแล้ว…อย่าไปไหนอีกเลยนะ”



11:00 น. – Place du Trocadéro (ลานหน้าหอไอเฟล)

อากาศเย็นแดดอ่อน
คนไม่เยอะ
เสียงนักดนตรีเปิดหมวกเล่นบรรเลงเปียโนเบา ๆ

ภัทรพูดในขณะที่ยังมองหอไอเฟลอยู่:

“มึงรู้มั้ย กูคิดไว้หลายรอบมาก ว่าถ้าเราได้กลับมานั่งตรงนี้อีกครั้ง
กูจะขออะไรบางอย่าง”

ดินสอหันไปสบตา ชะงักนิดหนึ่ง
ภัทรหันมามองจริงจัง

“กูไม่กล้าขอให้มึงอยู่ตลอดไป
เพราะกูรู้ว่าชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอน
แต่กูขออย่างเดียว…”

ภัทรเอื้อมจับมือนั้นแน่นขึ้น

“อย่าปล่อยกูง่าย ๆ เวลาที่เราห่างกันอีก
เพราะมึงคือบ้านของกูจริง ๆ แล้ว”



ดินสอเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า

“แล้วถ้าวันหนึ่งบ้านมันสั่นอีกล่ะ”



ภัทรตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด

“งั้นเราซ่อมมันด้วยกัน”



บ่ายวันนั้น – พักที่โรงแรมเดิมใกล้ Pont Alexandre III
เสียงฝนโปรยลงมาเล็กน้อย
กลิ่นกาแฟจากร้านเล็ก ๆ ข้างทางลอยมาถึงระเบียงห้อง
ทั้งคู่ยืนพิงหน้าต่าง มองแม่น้ำแซนน์ที่ไหลนิ่ง

ภัทรเอ่ยเบา ๆ ขณะโอบไหล่ดินสอไว้แน่น

“เราผ่านมาขนาดนี้แล้วนะ
ต่อให้จะมีอะไรอีก
กูก็ไม่ปล่อยมึงไปอีกแล้ว”



ดินสอไม่ได้ตอบ
แค่ยกมือซ้ายขึ้นมาแตะหลังมือภัทรที่โอบตัวเขา
แล้วพึมพำเบา ๆ ว่า

“อย่าให้มันสั่นแรงไปกว่านี้เลยนะภัทร
เพราะกูอาจไม่มีแรงพอจะยืนไหวอีกครั้ง”



ท้ายตอน

กล้องค่อย ๆ เผยให้เห็นกล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ ในกระเป๋าเป้ของภัทร
เขายังไม่ได้ให้ดินสอ
ยังไม่ได้พูดอะไร
เพราะหัวใจเขายังไม่แน่ใจว่า…มือนี้จะกล้าจับไปจนตลอดชีวิตได้มั้ย



และตอนนี้ เมืองเดิม บรรยากาศเดิม
แต่ความรู้สึกกลับ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เพราะความกลัว…ยังอยู่
และแรงกระเพื่อมใหญ่…กำลังใกล้เข้ามา

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 72 — บ้านที่ซ่อมมาด้วยกัน อาจพังเพราะแค่คำเดียว: ไม่เชื่อใจ

ปารีส – คืนวันสุดท้ายของทริป

ภัทรยืนมองดินสอที่หลับสนิทอยู่บนเตียง
ไฟหัวเตียงเปิดไว้สลัว ๆ
กล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ ยังซ่อนอยู่ในลิ้นชัก
เขายังไม่ได้ให้ เพราะยังไม่มั่นใจ…ว่ามันคือเวลาใช่ไหม



เช้าวันถัดมา – Café ใกล้โรงแรม

ดินสอได้รับอีเมลเร่งด่วน
จากบริษัทออกแบบในยุโรปอีกแห่ง
ข้อเสนอครั้งนี้คือ “Full-time contract” ระยะยาว 2 ปี
เริ่มต้นเดือนหน้า
และนี่คือสิ่งที่ดินสอไม่เคยบอกภัทรมาก่อน…



ภัทรเห็นดินสออ่านอีเมลแล้วหน้าเปลี่ยน
ถามแค่เบา ๆ

“มีอะไรหรือเปล่า”



ดินสอยิ้มเล็ก ๆ แล้วส่ายหัว

“ไม่มีอะไร แค่เรื่องงานนิดหน่อย…”



แต่คืนนั้น —
ภัทรเปิดแมคบุ๊กของดินสอไว้ตอนที่อีกคนนอนหลับ
เพื่อหาไฟล์เร่งที่ต้องใช้ส่งให้ทีมดีไซน์
แล้วเผลอเห็นไฟล์ที่ชื่อว่า
“LND_Contract_2026.pdf”



เขาเปิดดู…
และข้างในคือรายละเอียดของสัญญาใหม่
ที่ดินสอ “ยังไม่เคยพูดถึงเลย”



ภัทรนั่งนิ่ง
มือกำเมาส์แน่น
หัวใจเต้นดัง
เหมือนถูกตบหน้าด้วยความเงียบ
ทั้งที่คนตรงหน้าบอกว่า “เราคุยกันทุกอย่าง”



เช้าวันถัดมา – ที่สนามบิน CDG
ก่อนแยกกันกลับกรุงเทพฯ / ลอนดอน
ดินสอกำลังจะยกมือขึ้นลูบแขนภัทร
แต่ภัทรขยับตัวหลบ…โดยไม่รู้ตัว

ดินสอชะงัก

“เป็นอะไร”

ภัทรพูดช้า ๆ:

“กูไม่รู้ว่ากูควรถามมึง…
หรือควรรอให้มึงเป็นคนเล่าเอง”



ดินสอเงียบ



ภัทรมองตาอีกคนตรง ๆ
ก่อนพูดต่ออย่างหนักแน่น

“กูเห็นไฟล์นั้นแล้ว ดินสอ
สัญญา 2 ปีที่มึงไม่เคยเล่าให้กูฟังเลย
ทั้งที่มึงรู้ว่ากูเคยกลัวการหายไปแบบไม่มีคำลา…”



ดินสอก้มหน้า
เสียงเบาและสั่นมากว่าเดิม

“กูแค่…ยังไม่แน่ใจ
กูไม่อยากพูดจนกูชัวร์
เพราะกูกลัวว่ามึงจะผิดหวัง…”



ภัทรส่ายหัว

“ไม่ใช่ว่ากูผิดหวัง…
แต่กูเสียใจ
ที่สุดท้าย…มึงก็เลือกจะ ‘เงียบ’ แทนที่จะคุยกับกูอีกแล้ว”



เงียบ
สนามบินเต็มไปด้วยผู้คน
แต่ตรงนี้…เงียบจนเหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองแตกช้า ๆ



ดินสอพึมพำเสียงแผ่ว

“มึงอยากให้กูกลับไหม…”



ภัทรมองอีกคนในชุดโค้ทตัวยาว แล้วพูดอย่างเจ็บลึก

“มึงเคยกลับมาแล้ว…แต่ถ้ามึงจะไปอีก
ครั้งนี้กูขอแค่…บอกกูตรง ๆ
อย่าหายไปโดยไม่บอกอีกแล้วนะ”



เครื่องเรียกให้ดินสอเข้าเกต
เขาก้าวไปช้า ๆ
ก่อนหันกลับมา พูดประโยคสุดท้ายว่า

“ขอเวลาให้กูมั่นใจว่า…
ชีวิตที่กูอยากเลือก มันยังมีมึงอยู่ในนั้นแน่ ๆ”



ภัทรไม่พูดอะไรอีก
แค่ยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้า



แต่พออีกคนหายลับไป
เขาก็ทรุดนั่งลงตรงข้างเสา
ก้มหน้า…กำมือแน่น
และในมือ…คือกล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ
ที่เขาไม่ได้มีโอกาสยื่นให้ใครเลย

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 73 — บางทีการรักกันมากไป อาจทำให้เรากลัวจนไม่กล้าอยู่ด้วยกัน

3 สัปดาห์ต่อมา – กรุงเทพฯ

ภัทรยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเดิม
แต่ไม่มีเสียงวิดีโอคอลจากลอนดอน
ไม่มี “มึงกินข้าวยัง”
ไม่มี “ฝันดี”
ไม่มีแม้แต่สติ๊กเกอร์ในไลน์

เขาไม่ได้ลบรูป ไม่ปิดแชต
แค่…ไม่ได้กล้ากดเปิด

“เพราะกลัวว่า…จะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดถึง”



ด้านลอนดอน – ดินสออยู่ในห้องพักสตูดิโอใหม่
เพื่อนร่วมทีมส่งเบียร์ให้หนึ่งกระป๋อง
เขารับมา แต่ไม่ได้ดื่ม
แค่มองออกไปนอกหน้าต่าง
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา แล้วพิมพ์

“วันนี้ที่กรุงเทพฯฝนตกมั้ย”



เขานั่งค้างกับจอแบบนั้นเกือบ 10 นาที
สุดท้าย…
กดลบ



วันรุ่งขึ้น – ที่ออฟฟิศภัทร

เจนมาเยี่ยม
ทั้งสองคนนั่งกินกาแฟกัน
เจนถามคำเดียว…

“แล้วมึงโอเคจริง ๆ เหรอที่ปล่อยให้เขาไปโดยไม่คว้าไว้เลย”



ภัทรเงียบ
สายตาจับอยู่ที่ถ้วยกาแฟ
ก่อนพูดเบา ๆ ว่า

“กูเคยคว้าแล้ว…
แต่มันเหมือนกูรั้งไว้ทั้งที่เขายังไม่แน่ใจจะอยู่กับกูจริง ๆ
คราวนี้กูเลยปล่อยให้เขาเลือกโดยไม่มีมูฟกูอยู่ข้างหลังเลย”



วันเดียวกัน – ลอนดอน

ไอแซกยื่นซองจดหมายให้ดินสอ
“บริษัทส่งสัญญาฉบับเต็มมาแล้ว
ถ้านายเซ็นภายในสิ้นเดือนนี้ เราจะบินไปเปิดโปรเจกต์ที่ญี่ปุ่นกันช่วงปีใหม่”



ดินสอถือซองไว้
แต่ไม่ได้เปิด
กลับเดินออกไปที่สวนข้างออฟฟิศ
นั่งคนเดียว
เงียบ…
ก่อนหยิบรูปโพลารอยด์ที่พับเก็บไว้ในสมุดสเก็ตช์ออกมาดู

เป็นรูปที่ภัทรถ่ายตอนนั่งยิ้มโง่ ๆ ในร้านกาแฟที่ Lucerne



ดินสอพูดกับรูปเบา ๆ ว่า

“ถ้ามึงอยู่ตรงนี้ มึงจะพูดว่าอะไรนะ…”

“จะบอกว่า ‘ไปเหอะ กูรอได้’ เหมือนเดิมรึเปล่า”



เงียบอีกครั้ง
แต่น้ำตา…ไหลออกมาเงียบ ๆ



วันเสาร์ – กรุงเทพฯ

ภัทรเดินเข้าไปในร้านขายของแต่งบ้าน
ซื้อของขวัญชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่ง
มันคือ เก้าอี้ไม้ตัวเล็กขนาดฝ่ามือคู่หนึ่ง
วางประกบกัน

เขาแนบโน้ตไว้ในกล่องว่า

“เผื่อวันไหนมึงอยากกลับมานั่งข้างกันอีก กูยังเก็บที่ไว้ให้นะ”



แต่เขายังไม่ส่ง
แค่เก็บไว้ที่ลิ้นชักข้างเตียง
ข้างกับกล่องกำมะหยี่ที่ยังไม่ได้เปิด



ท้ายตอน – ฉากตัดสลับ
– ดินสอนั่งเขียนจดหมาย แต่ยังไม่กล้าเขียนชื่อผู้รับ
– ภัทรเปิดดูโพสต์เก่า ๆ ที่ดินสอเคยลง
– ไม่มีใครกดไลก์ ไม่มีคอมเมนต์ ไม่มีแม้แต่สตอรี่แท็กกันอีก
แต่ทั้งคู่…ยังไม่บล็อกกัน
ยังไม่ลบกัน
ยังอยู่ตรงนั้น — เงียบ
แต่ ยังอยู่ในกันและกันอยู่ดี

และบางครั้ง ความรักที่ยังอยู่…ก็เจ็บกว่าการเลิกรักเสียอีก

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 74 — ไม่ใช่เพราะใครผิด แต่เพราะเรากลัวกันทั้งคู่…เลยหายกันไป

กรุงเทพฯ – วันอาทิตย์ / ค่ำ

กล่องของขวัญเล็ก ๆ บรรจุเก้าอี้ไม้คู่
ยังวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
ภัทรมองมันทุกคืน
แต่ไม่เคยกล้าส่ง



คืนนั้น
เขานั่งทำงานจนเกือบตีหนึ่ง
ก่อนจะฟุบหลับคาโต๊ะ


ตีสองครึ่ง – มือถือสั่น
เบอร์พี่โต

“ภัทรอยู่ไหน!! ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้! เจ๊พลอยเข้า ICU!”



ตัดภาพ – โรงพยาบาลกลางกรุงเทพฯ

ภัทรมาถึง
ทุกคนในแก๊งค์ 500 ชาติทยอยกันมา
ลุงก้อง ป้าอุ๊ พี่แม็กซ์ โอ๊ต พีท เจน โจ
ไม่มีใครยิ้ม
แววตาทุกคนเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่อก



พี่ต่ายพูดเบา ๆ ข้างหูภัทร

“อยู่ดี ๆ พลอยก็วูบ… เส้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน
โชคดีมากที่ยังยื้อไว้ได้ทัน”



ภัทรนั่งเงียบ ไม่พูดอะไรเลยครึ่งชั่วโมง
เหมือนทั้งตัวเบาหวิวไปหมด
เขาคิดถึงแค่ประโยคเดียว…

“ถ้าวันนี้คนที่วูบคือดินสอล่ะ…”



03:50 น. | เขาหยิบมือถือขึ้นมาทันที
กดหาเบอร์ดินสอ
แต่หยุดนิ้วไว้ตรงปุ่มโทร
มือสั่น
หัวใจเต้นแรง



เจนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ พูดเบา ๆ ว่า

“ถ้ามึงไม่โทรไปตอนนี้…แล้ววันหนึ่งเขาไม่อยู่ให้มึงโทรแล้วจริง ๆ มึงจะเสียใจไปทั้งชีวิตเลยนะ”



ภัทรกดโทร



เสียงรอสาย







ตัดภาพ – ลอนดอน | 22:56 น.
ดินสอเพิ่งกลับถึงห้อง
เสียงโทรศัพท์ดัง
ชื่อที่ขึ้นหน้าจอคือ “ไอ้บ้า”



เขากดรับแบบไม่ลังเล
เสียงปลายสายหอบ หายใจแรง
ภัทรพูดประโยคเดียว ด้วยน้ำเสียงสั่นสุดใจ

“กูขอโทษ…
มึงยังอยู่ใช่มั้ย
กูแค่อยากได้ยินเสียงมึงตอนนี้ กูไม่ไหว…”



ดินสอเงียบไป 2 วินาที ก่อนตอบว่า

“กูยังอยู่… มึงจะเล่าให้กูฟังได้มั้ย
หรือแค่นั่งเงียบ ๆ ก็ได้
กูไม่ไปไหน”



ภัทรร้องไห้เงียบ ๆ

ไม่ใช่เพราะเจ๊พลอย
ไม่ใช่เพราะกลัว
แต่เพราะในที่สุด เขา “ไม่เงียบอีกต่อไป”



ปลายสายทั้งคู่เงียบ – แต่เหมือนกอดกันแน่นในหัวใจ



ท้ายตอน — ห้อง ICU / ภัทรเฝ้าเจ๊พลอย

เสียงหัวใจเต้นจังหวะมั่นคงดังแผ่ว ๆ

ภัทรพิมพ์ข้อความไปหาดินสอ

“กูจะไม่รอให้มึงหันกลับมาอีกแล้ว
กูจะเป็นคนวิ่งไปหามึงเอง
ถึงมึงยังไม่พร้อมเลือก กูก็จะยืนอยู่ตรงนี้
เพราะกูรักมึง
ไม่ใช่แค่ตอนมึงอยู่ข้าง ๆ
แต่รวมถึงตอนที่มึงหลงทางด้วย”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ — เจน: คนที่ไม่ได้เดินข้าง แต่ไม่เคยหายไปจากข้างใน

“บางครั้ง เพื่อนที่สำคัญที่สุด…
อาจไม่ใช่คนที่อยู่ใกล้ตลอดเวลา
แต่คือคนที่ ‘เห็นเรา’ ในวันที่เราคิดว่าไม่มีใครเข้าใจ”



ย้อนกลับไปวันที่ 1 ของทริปยุโรป
เจนคือหนึ่งในคนที่เงียบที่สุดในกลุ่ม
นั่งริมรถบัส ตอบคำถามสั้น ๆ
ไม่ค่อยหัวเราะ ไม่ค่อยถามอะไรใคร

ภัทรเคยคิดว่า:

“ผู้หญิงคนนี้นิ่งเหมือนดินสอเลยวะ”



วันนั้น — วันที่ทุกคนลงไปชมมหาวิหารนอเทรอดาม
ดินสอเดินช้าเพราะรองเท้ากัด
ภัทรเอาแต่ถ่ายรูปกับฝรั่งสาว
ไม่มีใครรู้ว่าเจนเดินมาข้าง ๆ
หยิบพลาสเตอร์แปะให้ดินสอเงียบ ๆ
แล้วพูดเบา ๆ ว่า

“อย่าฝืนเดินจนตัวเองเจ็บเลยนะ”



วันนั้น…ไม่มีใครเห็น
แต่ดินสอจำได้
และวันหนึ่งที่ปัญหาในความสัมพันธ์เริ่มขยาย
ดินสอเลือกไป “นอนที่บ้านเจน” เงียบ ๆ โดยไม่ต้องพูดอะไร



จากเพื่อนร่วมทริปที่ไม่ค่อยได้คุยกัน
เจนค่อย ๆ กลายเป็นคนที่รู้ว่า
– ดินสอเก็บอะไรไว้ในใจ
– ภัทรแค่พูดตรงเพราะกลัวจะพูดไม่ทันเวลา
– และทั้งคู่…รักกันมากจนกลัวว่าความรักจะทำร้ายกันเอง



คืนหนึ่ง — วันที่ภัทรเกือบพูดคำว่า “เลิก”
เจนคือน้ำเสียงสุดท้ายในสายวิดีโอคอล
ที่พูดเบา ๆ ว่า

“มึงลองนึกถึงวันแรกที่มึงรักเขา
แล้วถามตัวเองสิ ว่ามึงอยากเลิกเพราะอะไร
เพราะเขาเปลี่ยน…
หรือเพราะมึงไม่ได้ฟังเขามานานแล้ว”



และหลังจากสายวางลง
ภัทรก็ไม่ได้พูดคำนั้นออกมาอีกเลย



เจนเคยเขียนในบันทึกของตัวเองว่า

“ฉันอาจไม่ใช่คนที่ทำให้เขากลับมารักกัน
แต่ฉันแค่อยากอยู่ตรงนี้…
เผื่อวันที่เขาทั้งสองคนหลงทาง
แล้วมองหาใครสักคน
ที่บอกเขาได้ว่า — ความรักมันไม่ได้ยาก
ถ้าเรายังฟังกันอยู่”



ท้ายตอน – วันรวมตัวแก๊งค์ 500 ชาติ

ดินสอนั่งข้างเจน
ภัทรยกแก้วชูให้เธอ
ก่อนจะพูดตรง ๆ ทั้งโต๊ะได้ยิน

“ถ้าไม่มีมึงนะเจน… กูกับดินสอคงเหลือแค่ภาพในอัลบั้มไปแล้ว
ขอบใจนะ…ที่ไม่เคยพูดมาก
แต่ทุกคำที่พูด แม่งเข้าหัวใจกูหมดเลยว่ะ”



เจนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตอบเรียบ ๆ ว่า

“กูไม่ได้ฉลาดหรอก
แค่รู้ว่าเวลาที่คนสองคนรักกัน
เขาไม่ต้องชนะกัน…
แค่ต้องยอมแพ้เพื่อกันบ้าง…เท่านั้นเอง”



และในคืนที่ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
ทุกคนรู้แค่ว่า — เพื่อนคนนี้
แม้จะไม่ได้เดินข้าง ๆ ทุกวัน
แต่ก็เป็น “หนึ่งในเส้นเลือดของบ้านหลังนี้”
ที่ไม่มีใครลืมได้เลย

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 75 — มึงยังรัก กูก็ยังรัก งั้นเรากลับมาเริ่มใหม่…แม้มันจะยังไม่พร้อมก็ตาม

กรุงเทพฯ – ดึกวันหนึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เจ๊พลอยเข้า ICU

ภัทรกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิม
ห้องเงียบเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา
แสงไฟสีอุ่นจากมุมห้องตกกระทบกล่องกำมะหยี่ที่ยังไม่ได้เปิด

เขาถือมันไว้ในมือ
ไม่พูดอะไร
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา แล้วพิมพ์ไปหาดินสอ

“มึงว่าวันนี้ถ้ากูไปหามึงเลย มึงจะว่ากูบ้าปะ”



ไม่ถึง 30 วินาที
ข้อความตอบกลับมา

“ไม่ว่าหรอก
แต่อาจร้องไห้”



2 วันถัดมา – สนามบินฮีทโธรว์ / ลอนดอน

ดินสอยืนรออยู่ที่จุดนัดพบ
ลมหายใจเป็นไอขาว
อากาศหนาวจัด
แต่หัวใจเขาอุ่นจนมือไม่ต้องซุกกระเป๋าเลย



เสียงคนลากกระเป๋าดังขึ้นด้านหลัง

ดินสอหันไป
ภัทรยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่ได้ยิ้ม
แต่ตามองกันนิ่งมาก



“มึงบ้ามากเลยนะ” ดินสอพูดเบา ๆ

ภัทรพยักหน้า

“กูบ้าทุกครั้งที่ไม่ได้อยู่ใกล้มึงว่ะ”



ไม่มีคำพูดอะไรอีก
ภัทรเดินเข้าไป…กอดแน่นจนแขนดินสอยกไม่ขึ้น

“ไม่ต้องพร้อมก็ได้
แค่อย่าหนีกันอีก กูขอแค่นี้”



คืนนั้น – ห้องพักเล็ก ๆ ในลอนดอน

เสียงฮีตเตอร์ทำงานเบา ๆ
เบาะเตียงยวบลงเมื่อทั้งสองคนนั่งพิงกัน

ดินสอพูดเบา ๆ ขณะมองวิวเมืองยามค่ำคืน

“กูยังไม่เซ็นสัญญานั้นนะ
ไม่ใช่เพราะกูไม่อยากไปญี่ปุ่น
แต่เพราะกูอยากให้มึงเป็นคนแรกที่กูพูดถึงมันด้วย”



ภัทรพยักหน้า หันมาแตะมือ

“กูไม่ได้อยากขวางมึง
กูแค่อยากเดินไปกับมึง
จะญี่ปุ่น จะยุโรป จะกรุงเทพฯ
ถ้ามึงจะไป…แค่อย่าทิ้งกูไว้ข้างหลังแบบไม่บอกกันก็พอ”



ดินสอพยักหน้า น้ำตาคลอ

“งั้นเราหยุดเงียบกันเถอะนะ”

“เรารักกันก็จริง…
แต่ที่เราจะไปกันรอด คือเราต้องกล้าพูดในวันที่เรากลัวที่สุด”



ภัทรก้มลงจูบหน้าผากเบา ๆ
ก่อนพูดว่า

“กูไม่หนีอีกแล้ว
มึงอย่าหนีกูด้วยนะ”



ท้ายตอน – ฉากเบา ๆ ที่เตียงในห้องพักลอนดอน

ดินสอนอนหนุนแขนภัทร
ไฟหัวเตียงปิด
มีแค่แสงเมืองลอดหน้าต่างเข้ามา
และเสียงหัวใจสองคน…ที่เต้นเบา ๆ ในจังหวะเดียวกันอีกครั้ง

ไม่ต้องพร้อมที่สุด
แค่ไม่หายไปอีกพอแล้ว

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 76 — บ้านที่เราจะอยู่ด้วยกัน ต้องสร้างจากมือทั้งสองข้างของเรา ไม่ใช่แค่หัวใจ

ลอนดอน – เช้าวันที่ฟ้าสีเทา แต่ห้องกลับอบอุ่น

ดินสอวางแก้วกาแฟลงข้างเตียง
ภัทรยังไม่ตื่น
แต่เขานั่งมองคนตรงหน้า
ก่อนจะยื่นมือไปจับกล่องกำมะหยี่ที่วางไว้ใกล้หัวเตียง



“ยังไม่ได้ให้ใช่ไหม…”

เสียงภัทรดังขึ้นเบา ๆ
ดินสอสะดุ้งนิด ๆ แล้วพยักหน้า
ภัทรยื่นมือมารับกล่องนั้นไว้เอง



เขาเปิดกล่อง
ข้างในคือ “แหวนเรียบสีเงินคู่”
ไม่มีเพชร ไม่มีลวดลาย
มีแค่ด้านในที่สลักว่า

“1st chair – Always”



ดินสอยิ้มออกมาทั้งที่ตายังแดง

“เก้าอี้ตัวแรก… ที่มึงเคยพูดใช่ไหม
ตัวที่อยู่ตรงข้ามกัน”



ภัทรพยักหน้า แล้วพูดต่อ

“กูอยากให้แหวนวงนี้ ไม่ได้เป็นเครื่องหมายของการครอบครอง
แต่เป็นเครื่องเตือนใจว่า เราเริ่มจากตรงนี้
จากเก้าอี้สองตัวที่เคยหันหลังให้กัน
แล้ววันนี้…เราหันหน้ากลับมาแล้ว”



เงียบ…แต่ไม่ใช่ความอึดอัด
เป็นเงียบแบบที่หัวใจอิ่ม



ช่วงบ่าย – ระเบียงห้องพัก

ดินสอกางแล็ปท็อป
ภัทรนั่งข้าง ๆ

“มีบริษัทในญี่ปุ่นกับอัมสเตอร์ดัมที่ติดต่อมา
อยากให้กูไปช่วยวางระบบออกแบบภายในช่วงครึ่งปีหน้า”



ภัทรไม่ได้ตกใจ ไม่ได้ทำหน้าเสียใจ

เขาแค่ยิ้ม แล้วพูดว่า

“แล้วเราจะอยู่ยังไงดี”



ดินสอนิ่ง ก่อนตอบว่า

“ถ้ามึงยังอยู่กับบริษัทของมึงในไทย
กูอาจต้องเลือกพาร์ตไทม์แทนฟูลไทม์
เพื่อจะได้มีเวลาเจอกันมากขึ้น
หรือไม่ก็…มึงย้ายฐานมาทำรีโมตกับทีมยุโรปบางช่วง
ก็ได้เหมือนกัน”



ภัทรหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดว่า

“มึงรู้มั้ย
แค่วันนี้ที่เรานั่งคุยกันด้วยเสียงธรรมดา
ไม่เสียงดัง ไม่เงียบเกินไป
กูก็รู้แล้วว่าเรากลับมาเป็นพวกเราอีกครั้ง”



ท้ายตอน – ดินสอหยิบกล้องโพลารอยด์ขึ้นมาถ่ายภาพคู่

ทั้งคู่ใส่เสื้อยืดธรรมดา
ผ้าห่มยังคลุมขา
แสงแดดอ่อน ๆ ของลอนดอนลอดหน้าต่างมาพอดี

หลังจากรูปปรินต์ออกมา
ดินสอเขียนไว้ด้านล่างภาพว่า

“วันธรรมดาที่กลับมาอยู่ข้างกัน – Again”



และในอีเมลฉบับหนึ่งที่ดินสอกำลังเขียนหาคุณเอิร์ธกับคุณต่าย

“พี่เอิร์ธครับ พี่ต่าย
ถ้าเราจะจัดพิธีเล็ก ๆ ไม่ต้องหรู
ขอเป็นมื้ออาหารดี ๆ
แล้วเชิญแก๊งค์ 500 ชาติครบทุกคน
ที่เมืองไหนก็ได้ที่มีความทรงจำของเรา…”

“พอจะช่วยเป็นเจ้าภาพให้พวกเราสองคนได้ไหมครับ”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 77 — ไม่มีเจ้าบ่าว ไม่มีเจ้าสาว มีแค่คนสองคนที่เลือกจะอยู่ข้างกัน ตลอดไป

สถานที่: Le Jules Verne – หอไอเฟล | ปารีส

ร้านอาหารบนหอไอเฟลเปิดพื้นที่ส่วนตัวสำหรับหนึ่งกลุ่มเล็ก
แสงเทียน เสียงไวโอลินเบา ๆ และโต๊ะอาหารยาวหนึ่งตัว
สมาชิก “แก๊งค์ 500 ชาติ” มากันครบ

ลุงก้อง ป้าอุ๊
พี่แป๋ว พี่พลอย พี่ดา เจน
พี่แม็กซ์ โอ๊ต พีท
โจ พี่โต
และคุณเอิร์ธกับคุณต่าย – สองเจ้าภาพของค่ำคืนนี้



คุณเอิร์ธลุกขึ้นกล่าวเบา ๆ หน้ากลุ่ม

“ผมกับต่ายไม่ได้มีลูกเป็นของตัวเอง
แต่เราเคยบอกกันไว้ว่า…
ถ้าชีวิตนี้เราจะส่งใครเข้าประตูบ้านหลังใหญ่ในใจได้สักคู่
คู่นี้แหละ…ที่เราภูมิใจที่สุด”



คุณต่ายยิ้ม น้ำตาซึม พูดต่อเบา ๆ

“ไม่ใช่เพราะเขารักกันสวยงาม
แต่เพราะเขารักกัน ‘จริง’
จริงจนยอมเปลี่ยน ยอมฟัง ยอมโง่ ยอมเจ็บ…
แค่เพื่อจะไม่หายไปจากกัน”



ภัทรลุกขึ้น

มือสั่นเล็กน้อย
แต่แววตาชัดกว่าทุกคืนที่ผ่านมา

“ทุกคนรู้ดีว่าผมไม่ใช่คนดี
ผมใจร้อน ขี้หวง เอาแต่ใจ และพูดไม่คิด
แต่ตั้งแต่เด็ก…มีแค่คนเดียวที่ยอมทนความเลวทั้งหมดของผม
นั่นคือดินสอ”



เสียงหัวเราะปนสะอื้นเบา ๆ ของพี่แป๋วดังขึ้น
เจ๊พลอยยกแก้วไวน์เชียร์
เจนยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่เคยยิ้มมา



ดินสอลุกขึ้น พูดต่อทันทีโดยไม่ให้ใครกลั้นน้ำตานานเกินไป

“ทุกคนชอบถามว่าทำไมยังอยู่กับภัทรได้
คำตอบคือ…ผมไม่ได้อยู่เพราะเขาดี
แต่เพราะเขาเป็นเขา
และทุกครั้งที่ผมกลัว เขาจะกอดผมไว้แน่นกว่าเดิม
แม้บางครั้งจะเป็นคนที่ทำให้ผมกลัวเองก็ตาม”



เสียงหัวเราะทั้งโต๊ะดังขึ้น



ภัทรล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต

เป็น “เก้าอี้ไม้จิ๋วสองตัว” ที่เขาเคยซื้อแต่ไม่ได้ให้

“นี่คือเก้าอี้ที่ผมอยากให้เรานั่งด้วยกันไปจนแก่
หันหน้าเข้าหากัน ไม่ว่าครั้งหน้าจะทะเลาะกันอีกกี่รอบ
ผมยังจะหันกลับไปหามึงเสมอ
และมึงก็ต้องหันกลับมาหากูด้วย เข้าใจมั้ย ไอ้ตัวเล็ก”



ดินสอรับไว้
น้ำตาไหลแต่ยิ้ม

ก่อนพูดเบา ๆ ว่า

“เข้าใจแล้วครับ พี่ใหญ่ของผม”



ทั้งห้องลุกขึ้น ชูแก้วพร้อมกัน

“แด่เก้าอี้สองตัวที่หันกลับมาหากันได้ทุกครั้ง
ต่อให้ชีวิตจะพัดแรงแค่ไหน”



กล้องเคลื่อนออกจากห้องบนหอไอเฟล
เผยให้เห็นไฟทั้งปารีสส่องสว่าง
เงาสองเงาในร้านอาหารกอดกันแน่น
และข้างจานไวน์
มีแหวนเรียบสองวง
และเก้าอี้ไม้เล็ก ๆ สองตัววางพิงกันอยู่

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 78 – อยู่ด้วยกัน…แบบที่เราเป็น

6 เดือนหลังพิธีเล็ก ๆ บนหอไอเฟล

คอนโดกลางเมือง – กรุงเทพฯ

แสงแดดยามเช้าสาดผ่านผ้าม่านบาง
เสียงช้อนกระทบถ้วยเซรามิกเบา ๆ ดังมาจากครัว
ดินสอกำลังจัดจานไข่คนกับเบคอนอย่างละเมียด
ใส่ความสมดุลลงในทุกชั้นของขนมปังปิ้ง



ภัทรเดินออกมาจากห้องน้ำ
ผมเปียก ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียว
กล้ามแน่น ๆ ยังชื้นน้ำ
เขาเดินมาทางดินสอแล้วหย่อนตัวลงกอดจากข้างหลังทันที

“ทำไมต้องจัดสวยขนาดนี้ด้วยวะ กินก็แป๊บเดียว”



ดินสอไม่ตอบ แต่ยิ้มในแบบที่ภัทรหลงมาทั้งชีวิต



“ก็มึงอะ จะได้เริ่มวันด้วยอะไรที่มันดี ๆ ไง”



ภัทรหัวเราะในลำคอ เอาคางเกยไหล่
ดินสอคีบเบคอนยื่นให้
ชีวิตแบบนี้ — ไม่หวือหวา แต่แน่นแฟ้นกว่าที่เคยฝันไว้



เสียงมือถือดังขึ้น – กลุ่มไลน์ “500 ชาติ” เด้งเตือน

ลุงก้อง: “เขาใหญ่ปลายปีนี้มีบ้านว่าง 3 หลังนะเว้ย อยากเจอกันอีก”

พี่พลอย: “แล้วน้องดินจะทำกับข้าวให้พวกพี่กินมั้ย~”

โจ: “เอาแค่ต้มมาม่าให้ก็ยังดี กูอยากซึมซับกลิ่นรักในครัวอีก 555”



ดินสอหลุดหัวเราะเบา ๆ ขณะพิมพ์ตอบกลับ

“เจอกันแน่ครับ พ่อแม่พี่น้อง”



ภัทรยกมือถือขึ้นถ่ายรูปมุมไกลของโต๊ะอาหาร
รูปคู่ที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่เก็บได้ทุกอย่าง

เขาโพสต์ลงไอจี พร้อมแคปชั่นสั้น ๆ ว่า:

“ไม่ใช่ทริปหรู ไม่ใช่โรงแรมแพง
แต่วันนี้…กูกลับบ้านทุกวันแล้วว่ะ :)



ตัดภาพ – โต๊ะทำงานของดินสอ

เขาเปิดแลปท็อป มีโปรเจกต์อยู่สองอัน
หนึ่งคือ Interior ของร้านคาเฟ่ใหม่ในโตเกียว
อีกหนึ่งคือ “Tiny Home คู่รัก – Design for Two”
ที่เขาเขียนไว้ว่า:

“ขอพื้นที่แค่พอมีครัวเล็ก ๆ หน้าต่างบานใหญ่
และโซฟาสองที่นั่ง…ให้เรานั่งเงียบ ๆ ด้วยกันได้ทุกคืน”



ภัทรเดินเข้ามา อ่านแวบเดียวแล้วพูดเบา ๆ

“แล้วถ้าเราทะเลาะกันอีก มึงจะยังออกแบบบ้านเผื่อกูอยู่มั้ย”



ดินสอยิ้ม ตอบไม่ต้องคิด

“กูก็ออกแบบให้…แต่เพิ่มห้องเก็บเสียงไว้ด้วย
เผื่อพี่ภัทรจะด่าอีก แต่ไม่อยากให้ข้างห้องได้ยิน”



หัวเราะดังขึ้น

ไม่ใช่เสียงหัวเราะของตอนจบแสนโรแมนติก
แต่มันคือเสียงของคนที่เคยผ่านทุกความกลัวมาด้วยกัน
จนวันนี้ — ไม่ต้องพูดคำว่ารักให้ดัง ก็รู้แล้วว่ารักอยู่ตรงนี้



ท้ายตอน — ดินสอวางรูปโพลารอยด์ไว้บนตู้ไม้

ภาพที่สองคนยิ้มเบา ๆ ขณะอยู่ใต้ผ้าห่มที่ Lucerne
ข้างภาพ มีเก้าอี้ไม้จิ๋วสองตัววางคู่กัน
หันหน้าเข้าหากัน
แนบชิด ไม่กลัวพายุ ไม่กลัวหันคลาด
เพราะรู้แล้วว่า…ยังไงก็จะหันกลับมาเจอกันได้เสมอ



จบบริบูรณ์
เยี่ยมแวะวิมาน
ขอบคุณที่รักกัน แม้ในวันที่เราไม่เหมือนเดิมเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บทสรุป — เยี่ยมแวะวิมาน

เพราะรักอย่างเดียว ไม่พอให้คนสองคนอยู่ด้วยกันได้ตลอดชีวิต
แต่ถ้ารักแล้วยัง “ฟังกัน, เข้าใจกัน และพยายามอยู่ด้วยกัน”…
มันอาจกลายเป็นบ้านที่ไม่เคยพัง



ภัทร — ชายหนุ่มสายลุย มั่นใจ ปากร้าย ใจร้อน
แต่รักดินสอมากที่สุดในชีวิต
เขาเริ่มต้นทริปด้วยความหวังว่าจะ “เยียวยาความรัก” ที่เริ่มแตกร้าว
แต่กลับพบว่า…
รักมันไม่พอ ถ้าไม่ฟังอีกคนให้ชัดพอ



ดินสอ — คนเงียบ ๆ ที่ภายนอกเหมือนจะใจเย็น
แต่จริง ๆ แล้วเต็มไปด้วยความกลัว
กลัวว่าถ้ามีอะไรกับใคร…แล้วเขาไม่รักเราจริง เขาจะทิ้งไป
แต่ในที่สุดเขาก็พบว่า…
ความกลัวจะหายไป เมื่อเรากล้าบอกอีกคนว่า “เรากลัวอะไร”



พวกเขาผ่าน 20 วันในยุโรป
จาก ปารีสถึงมาดริด
จาก เตียงคิงส์ไซส์ที่ไม่กล้านอนใกล้
ไปจนถึง การไม่ยอมห่างกันแม้แต่คืนเดียว

จากการ “ไม่กล้าพูดความในใจ”
ไปจนถึง การพากันพูดทุกอย่างออกมาด้วยน้ำตา รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ



และเมื่อกลับมาไทย
พวกเขาก็ยังต้องสู้กับสิ่งที่ยากยิ่งกว่าทะเลาะกัน
นั่นคือ…
ความเงียบ ความไม่ชัดเจน และภาระชีวิตจริง

แต่พวกเขา “เลือกจะไม่หนี”
และสุดท้าย…
เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะหล่นหาย
พวกเขาก็เลือกกลับมาเจอกัน “โดยไม่รอให้ทุกอย่างพร้อม” อีกต่อไป



และเมื่อถึงที่สุด
พวกเขาจัดงานเล็ก ๆ ที่หอไอเฟล
มีเพียงเพื่อน ๆ แก๊งค์ 500 ชาติ
มีเก้าอี้ไม้จิ๋วสองตัว
มีแหวนเรียบ ๆ ไม่มีเพชร
มีคำพูดว่า

“เราเคยหันหลังให้กัน
แต่วันนี้ เราหันหน้าเข้าหากันแล้ว
และเราจะทำแบบนี้ต่อไป…ทุกวัน”



วันนี้ทั้งคู่ยังอยู่ในคอนโดเดิม
ทำงานคนละสาย แต่เดินเรื่องเดียวกัน
หัวเราะกับไลน์กลุ่ม
พูดขอบคุณเพื่อนที่ชื่อ “เจน” ที่ไม่เคยพูดมาก…แต่พูดถูกเสมอ
และยังคงจัดโต๊ะอาหารให้กัน
แม้บางวันจะเงียบ…แต่ก็ยัง “หันหน้าเข้าหากัน” เสมอ



เยี่ยมแวะวิมาน ไม่ใช่แค่ชื่อเรื่อง
แต่มันคือการแวะเข้าไปใน “หัวใจของใครบางคน”
เพื่อจะรู้ว่า…
ต่อให้ชีวิตจะพังลงสักกี่รอบ
ถ้าเรายังรักกัน
เรายังสร้างวิมานหลังนั้นขึ้นใหม่ได้…ด้วยมือสองข้างและใจสองดวง

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมภัทรถึงรักดินสอ

"ทำไมกูถึงรักมึงนะเหรอ ดินสอ..."

"เพราะมึงไม่เคยพยายามทำตัวให้ใครรักเลยไง"

มึงไม่เคยแต่งเยอะ
ไม่เคยอ้อน
ไม่เคยหวาน
ไม่เคยบอกรักก่อน
ไม่เคยต้องการคำยืนยัน

แต่มึงอยู่…อยู่เสมอ
มึงอยู่ตอนที่กูเหงา
ตอนที่กูหงุดหงิด
ตอนที่กูป่วย
ตอนที่กูงี่เง่า
ตอนที่กูกลัวว่าจะเสียมึงไป

...

มึงไม่ใช่คนที่พูดคำว่า "กูรักมึง" บ่อยที่สุด
แต่มึงคือคนเดียวที่พูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ได้หนักแน่นที่สุด
จนกูรู้ว่า…กูไม่อยากมีใครอื่นที่ไม่ใช่มึง

...

เพราะมึงคือ "บ้าน"
ที่ถึงบางวันจะไม่อบอุ่น
แต่กูก็อยากกลับมาเสมอ
แม้จะมีเสียงทะเลาะบ้าง
แต่กูก็ยังอยากนั่งอยู่ข้าง ๆ
กินข้าวพร้อมกัน ดูหนังเงียบ ๆ
แล้วหลับไปในอ้อมแขนเดียวกัน…ทุกคืน

...

กูรักมึง เพราะมึงคือมึง
ไม่ใช่เพราะมึงพยายามเป็นคนที่กูอยากได้
แต่มึงเป็นคนที่กูเลือกจะรัก…ทั้งที่มึงไม่ได้ขอให้รักเลยด้วยซ้ำ

...

"และต่อให้วันไหนมึงไม่เข้าใจตัวเอง…"
"กูก็ยังจะรักมึงอยู่ดีว่ะ"


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมดินสอถึงรักภัทร

“ทำไมกูถึงรักมึงนะเหรอ ภัทร…”

“เพราะมึงคือคนเดียวที่กล้ามองกูตอนกูไม่เหลืออะไรเลย”

มึงเห็นกูในวันที่กูอ่อนแอ
ในวันที่กูนิ่งจนคนอื่นคิดว่าไม่รู้สึกอะไร
ในวันที่กูเงียบจนโลกคิดว่ากูเย็นชา
แต่มึง…ดันเป็นคนเดียวที่พูดว่า

> “มึงไม่ได้เย็น กูรู้ว่ามึงแค่กลัว”



...

มึงเป็นคนเดียวที่กูทะเลาะด้วยได้ทุกวัน
แต่ไม่เคยกลัวว่ามึงจะหายไป
เป็นคนเดียวที่กล้าด่า
แต่ก็กล้าโอบไหล่กูตอนกูร้องไห้ด้วย

...

กูรักมึง ไม่ใช่เพราะมึงดีไปหมด
แต่มึงซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง
มึงห่วงกูจนหงุดหงิด
หวงกูจนพูดแรง
และรักกูจนพังลงไปพร้อม ๆ กับกูได้ทุกครั้ง
แค่เพราะมึงไม่อยากให้กูอยู่คนเดียว

...

กูเคยกลัวความเจ็บปวดจากความรัก
แต่สุดท้าย กูเข้าใจว่า…

> มันเจ็บกว่านี้อีก
ถ้ารู้ว่ามึงยืนอยู่ตรงหน้า แล้วกูไม่ยอมคว้ามึงไว้



...

กูรักมึง เพราะมึงทำให้กูเป็นตัวเอง
โดยไม่ต้องกลัวว่า...มึงจะหายไป

...

เพราะในชีวิตกู
มึงไม่ใช่คนที่เข้ามาเติมเต็ม
แต่มึงคือคนที่ “ยอมอยู่กับความไม่สมบูรณ์ของกู” โดยไม่หนีไปไหนเลย

...

และกูจะรักมึง…ทุกวัน
แม้ในวันที่กูไม่มั่นใจในอะไรเลยทั้งนั้น
เพราะแค่รู้ว่ามึงอยู่ตรงนี้
กูก็กล้าเผชิญหน้ากับวันพรุ่งนี้แล้ว


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
“เยี่ยมแวะวิมาน” — มุมมองของเจ๊พลอย

“จะว่ากูเสือกก็ได้
แต่บางครั้ง ความรักของคนสองคนมันไปไม่รอด
ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักกัน
แต่เพราะรอบตัวไม่มีใครกล้าตะโกนว่า
‘เฮ้ย พวกมึงยังรักกันอยู่!’”



ภัทรกับดินสอ…คู่นี้กูรู้ตั้งแต่วันแรกของทริป
ว่ามีอะไรบางอย่าง “ตึ๊งตึง” ในอากาศ
ยิ้มกันแต่ไม่สบตา
หัวเราะแต่ห่างตัว
กินข้าวด้วยกัน แต่ไม่เคยเติมน้ำให้กันเลย



คนอื่นอาจเห็นเป็นคู่รักน่ารัก ขี้ทะเลาะ
แต่กู…เห็นว่าแม่ง “กำลังจะพัง”



เพราะอะไรน่ะเหรอ?

เพราะเวลาคนทะเลาะกัน แต่ยังยอมเดินตามกัน — แปลว่ายังอยากไปด้วยกัน
แต่ถ้าทะเลาะแล้วเริ่มเดินแยกกันเรื่อย ๆ โดยไม่หันกลับมา
แปลว่าไม่มีใครกล้าเลือกแล้วว่า จะรักกันต่อยังไง



กูเคยเฝ้ามองไอ้ภัทร
หล่อ กล้ามแน่น ทะเล้นแต่รักจริง
กูเคยเห็นมันนั่งเงียบทั้งคืนในคืนที่ทะเลาะกับดินสอ
ทั้งที่ปกติแม่งพูดไม่หยุด

และกูก็เคยเห็นดินสอร้องไห้ในห้องน้ำคนเดียวตอนตีสอง
แต่ตอนออกมา ก็ทำหน้าเฉย
เช็ดแว่น แล้วพูดว่า

“พลอย วันนี้ข้าวเช้าอร่อยดีนะ”



เจ็บแทนมันทั้งคู่เลยค่ะคุณ



แต่สุดท้าย…
ตอนที่กูนอน ICU
ไอ้ภัทรวิ่งมาในสภาพแทบล้ม
โทรหาดินสอ น้ำเสียงเหมือนจะขาดใจ
ตอนนั้นแหละ…
กูรู้ว่า ถึงพวกมันจะหนีความรู้สึกกันมานานแค่ไหน
สุดท้าย…มันไม่มีวันหนีกันพ้นหรอก



แล้ววันนั้น — วันที่พวกมันจัดพิธีเล็ก ๆ บนหอไอเฟล
กูคือคนแรกที่ปรบมือให้
กูยืนถือแก้วไวน์ มองสองคนนั้นพูดกันผ่านน้ำตา
แล้วกูพูดในใจว่า…

“ในที่สุด พวกมึงก็เลิกกลัวแล้วว่ะ”



เลิกกลัวว่าอีกคนจะไม่เข้าใจ
เลิกกลัวว่าอีกคนจะทิ้ง
เลิกกลัวว่ารักครั้งนี้จะพังเหมือนใครบางคนในอดีต



วันนี้ ทั้งคู่กลับมาอยู่ด้วยกัน
ตื่นมาแล้วยังเห็นกันอยู่
ทะเลาะแล้วกอดกันเป็น
ไม่ต้องเพอร์เฟกต์
แค่ไม่หายไป…ก็พอ



เจ๊พลอยขอสรุปว่า…

“ความรักที่รอด คือความรักที่ไม่พยายามชนะกัน
แต่ยอมอ่อนเพื่ออยู่ด้วยกันให้ได้
และคู่ที่ชื่อภัทรกับดินสอ
คือคู่ที่กูจะเล่าให้ฟังในทุกวงไวน์
ว่ามันเคยทะเลาะกันทุกวัน…
แต่แม่งก็รักกันทุกวัน…เหมือนกันนั่นแหละค่ะคุณ”

รักของพวกมัน…คือวิมาน
ที่สร้างจากปากดี ความดื้อ และน้ำตาที่ไม่เคยไร้ค่าเลย

รักของพวกมัน…คือเยี่ยมแวะวิมาน



ด้วยรักจากเจ๊พลอย
คนที่พูดมากที่สุดในกลุ่ม
แต่พูดถูกบ่อยที่สุดเหมือนกัน.

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของโจ

“ความรักของภัทรกับดินสอ…
มันเหมือนฟ้าร้องในวันที่ฟ้าใส
เหมือนเรือที่ชนกันกลางทะเลสงบ
และเหมือนผม…ที่เคยนั่งดูอยู่ห่าง ๆ
แต่สุดท้าย ก็ยิ้มออกมาในวันที่เขากลับมารักกันได้”



ตอนแรกผมไม่ค่อยสนใจพวกเขาหรอก
ทริปยุโรปแค่ 20 วัน ใครมันจะจริงจังกันนักวะ
แต่พออยู่กับภัทรกับดินสอนาน ๆ
ผมเริ่มรู้สึกว่า…
บางอย่างระหว่างสองคนนี้ “เงียบ แต่มหาศาล”



ภัทรเหมือนพายุ — เสียงดัง รุนแรง หวงทุกอย่าง
ดินสอเหมือนผืนน้ำ — เย็น เงียบ แต่ซ่อนอะไรไว้เต็มไปหมด
และทุกวันที่ผมนั่งข้างพวกเขา
ผมก็เห็น…

น้ำกระเพื่อมเพราะลม
ลมบ้าคลั่งเพราะรักน้ำ



ผมเคยเผลอชอบดินสอ
ใช่…ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่ารู้สึกอะไร
แค่รู้ว่าอยากปกป้องคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะเข้มแข็ง แต่จริง ๆ กลัวทุกอย่าง
แต่พอเห็นสายตาที่ดินสอมองภัทร
และเห็นแววตาภัทรเวลาพูดถึงดินสอ…

ผมรู้เลยว่า “ผมไม่มีทางเป็นคนนั้นของเขาได้”
และผมก็ไม่เสียใจด้วยที่ไม่ใช่



ผมไม่เคยบอกใคร
แต่คืนที่พวกเขาทะเลาะกันแรงที่สุด
ผมยืนอยู่ข้างห้อง
ได้ยินเสียงดินสอพูดเบา ๆ ว่า

“มึงจะเอาชนะกูไปถึงไหนภัทร…
กูไม่ได้อยากแพ้มึง
แต่กูแค่ไม่อยากหายไปเฉย ๆ”



ผมกลับไปนั่งคิดทั้งคืนว่า…ถ้าเป็นผม ผมจะตอบว่าไง
แต่ผมไม่เคยคิดออก
จนกระทั่งได้ยินภัทรตอบเขาว่า

“งั้นมึงอย่าหายไปเลย
เพราะกูจะเลิกพยายามชนะมึงแล้ว
ขอแค่มึงอยู่ กูก็แพ้ให้ได้ทุกวัน”



วันนั้น ผมรู้เลยว่า…

ความรักจริง ๆ ไม่ได้ต้องสมบูรณ์
แค่ “ยอมเปลี่ยน” เพื่อกันได้ มันก็โคตรดีแล้ว



และตั้งแต่วันนั้น
ผมไม่เคยรู้สึกอะไรกับดินสออีก
นอกจาก “เอาใจช่วยโคตร ๆ” ให้พวกเขารักกันให้รอด



จนวันหนึ่ง…ในคืนที่ร้านอาหารบนหอไอเฟล
ผมนั่งอยู่ท้ายโต๊ะ เห็นภัทรสั่นมือแต่กล้าพูด
เห็นดินสอน้ำตาซึมแต่ยิ้มได้

ผมรู้เลยว่า…

“กูเคยแอบหวังผิดคน…แต่กูดีใจนะ ที่มึงได้รักกันจริง ๆ สักที”



และทุกวันนี้ เวลาคนถามว่า ผมเคยแอบรักใครไหมในทริปนั้น
ผมตอบแค่…

“เคยครับ…แต่ผมโชคดีมาก ที่มันไม่สำเร็จ
เพราะตอนนี้ ผมได้เป็นเพื่อนกับความรักของพวกเขา
และมันเป็นมิตรภาพที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต”



ภัทรกับดินสอ
พวกเขาไม่ใช่คู่รักธรรมดา
แต่คือ “คู่ที่ล้มแล้วลุกด้วยกัน” ทุกครั้ง
และผมจะอยู่ตรงนี้…
เป็นเพื่อนที่นั่งหัวโต๊ะท้ายสุด
แต่พร้อมปรบมือให้เสมอ



จบบทสรุปจาก “โจ”
ผู้ชายธรรมดา ที่เคยหวั่นไหว
แต่สุดท้าย…ก็เข้าใจว่า
คนที่รักจริง ไม่ใช่คนที่เราได้มา
แต่คือคนที่เราพร้อมยืนดูเขารักกัน แล้วรู้สึกดีใจแทน.

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของพี่แป๋ว (สายแฟ แต่ใจลึก)

“คนเราน่ะ ต่อให้แต่งตัวสวยแค่ไหน
ถ้าสองคนที่คบกัน…เดินจังหวะไม่เท่ากัน
ต่อให้ใส่แบรนด์เนมหัวจรดเท้า ก็ยังดู ‘ไม่ใช่คู่’ อยู่ดี”



ภัทรกับดินสอคือคู่ที่พี่เห็นแล้วคิดว่า…
“คู่นี้ไม่ใช่แฟน แต่เหมือน ‘เสื้อผ้าคอลเลกชันพิเศษ’ ที่ยังไม่เข้าที่”

ภัทรเป็นเสื้อกล้ามโชว์กล้าม สีสด แดง แรง
ดินสอคือเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซส์สีขาว เนี้ยบ แต่ละเมียด
เดินคู่กันทีแรก เหมือนจะขัดกันทุกองศา

แต่พอพี่มองลึกลงไปในสายตาสองคนนี้นะ
มันมีบางอย่างที่ ‘ประสานกันแบบไม่มีใครรู้ตัว’



วันแรกของทริป
ภัทรเดินไปสุดหน้าแถวตลอด
ดินสอชอบค้างอยู่ท้ายกลุ่ม
ไม่เคยเดินข้างกัน

แต่พี่แป๋วสังเกต…

“ภัทรมักหยุดรอแบบเนียน ๆ ทุกครั้งที่เดินเร็วเกินไป
แล้วดินสอก็มักจะเร่งเท้าขึ้นมาแบบไม่พูดอะไร”



วันนั้นแหละ
พี่รู้ทันทีว่า — สองคนนี้รักกันอยู่มากกว่าที่ปากพูด



กลางทริป
ตอนดินสอหน้าแดงเพราะโดนภัทรแกล้ง
ตอนภัทรหึงจนพูดอะไรแรง ๆ
ตอนที่ทุกคนในกลุ่มฮากัน แต่สองคนนี้นิ่ง

พี่แป๋วไม่หัวเราะ
เพราะพี่รู้ว่า… “รักมันกำลังเริ่มปริออกเหมือนตะเข็บที่เย็บไม่ดี”



จนถึงคืนที่เวนิส
ตอนที่ดินสอป่วย
ภัทรดูแลจนไม่หลับ
เช็ดหน้าผากให้ทั้งคืน ทั้งที่ปากยังทำเป็นขวาง ๆ

พี่แป๋วถึงกับลุกขึ้นมากลางคืน แล้วกระซิบกับพี่พลอยว่า

“พวกเขารักกันจนตัวเองยังไม่รู้เลย”



วันงานบนหอไอเฟล
ภัทรใส่สูทพอดีตัว
ดินสอใส่เสื้อเชิ้ตธรรมดาที่เข้ารูปเป๊ะ
ครั้งแรกในรอบทริปที่พี่แป๋วไม่อยากแต่งตัวแข่งใคร
เพราะ “คนที่ใส่ใจกัน มันจะดูดีขึ้นมาแบบไม่ต้องพยายามเลย”



ทุกวันนี้…
เวลาคนมาถามพี่ว่า “ความรักของภัทรกับดินสอสวยยังไง”
พี่จะตอบง่าย ๆ ว่า

“ก็เหมือนเสื้อสองตัวที่คนละไซส์
แต่คนใส่ยอมเย็บมันเข้าหากัน
จนไม่ต้องฝืนอีกต่อไป”



ไม่ต้องเป๊ะทุกวัน
ไม่ต้องแมตช์กันเป๊ะทุกลุค
แต่ต้องพร้อมฟังกันตอนที่อีกฝ่ายบอกว่า “ตรงนี้ยังไม่สบายตัวเลย”
แล้วค่อยช่วยกันแก้



เพราะความรักที่รอด…
มันไม่ได้ขึ้นกับความหวาน
แต่มันขึ้นกับ “ความพอดี” ที่เรายอมเย็บเข้าหากันทีละตะเข็บ



จบบทสรุปจากพี่แป๋ว
คนที่ไม่ได้เก่งแค่เรื่องแฟชั่น
แต่มองความรักของทุกคู่ในกลุ่มนี้เป็นเหมือน “งานออกแบบ”
ที่บางที…ความไม่พอดีตั้งแต่ต้น
คือสิ่งที่ทำให้มันกลายเป็น “ดีไซน์พิเศษ” ที่ไม่มีใครเหมือน

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของพี่แม็กซ์ – คนถ่ายแต่ไม่พูด แต่เห็นทุกอย่าง

“ผมเป็นช่างภาพ
ไม่ได้มีหน้าที่ไปยุ่งกับใคร
แต่ตั้งแต่ทริปนั้น…
มีอยู่สองคนที่ผมวางกล้องลง
เพื่อมองด้วยตาตัวเองมากกว่าผ่านเลนส์”



ภัทรกับดินสอ…
สองคนนี้เหมือนภาพเบลอที่มีเส้นชัดซ่อนอยู่ข้างใน
ตอนแรก ผมมองผ่านเลนส์ยังคิดเลยว่า

“แม่งเป็นแฟนกันเหรอ หรือเป็นศัตรูหัวใจวะ”



แต่สิ่งที่กล้องมองไม่เห็น
คือจังหวะที่สองคนนี้ “แอบมองกันตอนอีกฝ่ายเผลอ”
คือมุมที่ภัทรหยุดเดิน เพื่อรอ
หรือจังหวะที่ดินสอหยิบผ้าเย็นเช็ดมือภัทรโดยไม่พูดอะไรเลย



ผมเคยถ่ายรูปคู่ให้หลายคู่ในชีวิต
แต่คู่ภัทรกับดินสอคือคู่ที่เวลาผมบอกให้ “ยืนใกล้ ๆ กัน”
เขาจะเริ่มจากทำหน้าแข็ง
จนจบที่ยิ้มให้กันโดยไม่รู้ตัว

ตอนที่ผมรู้ว่าพวกเขาเกือบจะเลิกกัน
ผมย้อนกลับไปเปิดภาพทั้งหมดของเขาทั้งคู่
แล้วก็เจอว่า…

ภาพที่ผมชอบที่สุด คือภาพที่เขาไม่ได้ยิ้ม
แต่ยืนข้างกัน โดยไม่หนีไปไหนเลย



ผมไม่ใช่เพื่อนสนิทพวกเขา
ไม่ใช่ที่ปรึกษา
ไม่ได้เป็นคนที่รู้เรื่องลึกซึ้งเหมือนเจนหรือเจ๊พลอย
แต่ผมคือคนที่ “อยู่” ตอนเขาหยุดพูดกัน
และ “อยู่” ตอนเขากลับมาจูงมือกันอีกครั้ง



วันนั้น…คืนที่หอไอเฟล
ผมถือกล้องไว้ในมือ
แต่ผมเลือกจะไม่ถ่ายตอนเขาพูดคำสัญญา

เพราะผมอยากให้ความทรงจำนั้นอยู่ในใจเขาจริง ๆ
ไม่ใช่แค่ในเมมกล้องของผม



จนทุกวันนี้
เวลาคนถามว่าทริปยุโรปครั้งนั้น
อะไรคือสิ่งที่ผมถ่ายแล้วภูมิใจที่สุด

ผมตอบว่า
“ภาพที่ไม่ได้ถ่ายครับ
เพราะมันไม่จำเป็นต้องมีรูป
ถ้าความรักมันชัดเจนขนาดนั้นอยู่แล้ว”



และทุกครั้งที่ผมเจอพวกเขาอีก
เวลาถ่ายรูปกลุ่ม
ผมจะไม่พูดว่า ‘เงยหน้าหน่อย’ หรือ ‘ยิ้มหน่อย’ กับภัทรดินสอเลย
เพราะผมรู้ว่า
แค่ให้สองคนนี้ยืนใกล้กัน — ภาพมันก็ชัดเองโดยไม่ต้องจัดแสง



เยี่ยมแวะวิมาน
อาจไม่ใช่ทริปที่โรแมนติกที่สุด
แต่คือทริปที่ทำให้ผมได้เห็นว่า
ภาพที่ดีที่สุดในชีวิตคน
ไม่จำเป็นต้องคมชัดที่สุด
แค่เป็นภาพที่ทำให้ใจเต้นอีกครั้ง…ก็พอแล้ว



จบบทสรุปจากพี่แม็กซ์
ตากล้องผู้เก็บภาพความรัก
ที่รู้ดีว่า…
ความรักบางคู่ ไม่ต้องถ่ายซ้ำ
เพราะแค่เห็นเขายิ้มให้กันเงียบ ๆ ในชีวิตจริง
มันก็สวยกว่าทุกฟิล์มในโลกแล้ว

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไดอารี่ภาพ 20 ใบที่ไม่เคยโพสต์ – โดยพี่แม็กซ์

“บางภาพผมไม่ได้ถ่ายมาเพื่อลงไอจี
แต่ถ่ายไว้เพื่อไม่ให้ลืมว่า ความรักจริง ๆ มันหน้าตาแบบไหน”



1. ดินสอนั่งริมกระจกเครื่องบิน
ตอนออกเดินทางวันแรก ดินสอเอาคางพิงมือมองออกไปเงียบ ๆ
ภัทรหลับไปแล้วข้าง ๆ
แต่ผมเห็นแววตาดินสอสะท้อนเงาของคนที่เขารัก…
ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะ “รักต่อได้แค่ไหน”



2. ภัทรเดินหันกลับมาหลังจากผ่าน ต.ม. ที่ปารีส
เขามองหาดินสอ ทั้งที่ดินสอยังเดินตามหลังอยู่
ผมไม่แน่ใจว่าภัทรกลัวหลงทาง…
หรือกลัวอีกคน “หายไปจริง ๆ”



3. เช้าวันแรกในปารีส – ดินสอกำลังเลือกขนมปัง
ภาพนั้นไม่มีอะไรพิเศษ
แต่ตอนถ่าย ผมได้ยินภัทรพูดเบา ๆ ว่า

“มึงชอบอันนี้ใช่มั้ย”
โดยที่ดินสอไม่ได้บอกอะไรเลยสักคำ



4. ตอนนั่งเรือแม่น้ำแซนน์ – มือที่แทบจะแตะกัน
ภัทรกับดินสอนั่งห่างกันแค่หนึ่งฝ่ามือ
แต่ไม่มีใครยื่นมา
ภาพนั้นแม่งโคตรอึดอัด…
แต่โคตรจริง



5. ตอนอยู่ที่ Versailles – ภัทรแอบมองดินสอผ่านกระจกของห้องบัลลังก์
แววตานั้นมันคือแววตาแบบเดียวกับที่เคยมองดินสอตอน ม.5
ผมจำได้ เพราะเคยเห็นตอนนั้นมาแล้ว



6. กลางคืนวันแรกที่ทะเลาะกัน – ดินสอนั่งหน้าแดงอยู่ที่บันไดโรงแรม
ไม่มีใครเห็นเขา
แต่ผมเดินออกมาหาน้ำ
แล้วกดชัตเตอร์โดยไม่ตั้งใจ
ภาพนั้นไม่ชัด…แต่รู้เลยว่าเขาเสียใจ



7. เบื้องหลังภาพถ่าย Louvre
ภาพที่ทุกคนโพสต์คือรอยยิ้ม
แต่ผมเก็บช็อตที่ดินสอเดินออกจากกลุ่มไปนั่งที่มุมบันได
ภัทรเดินตามไป…แล้วไม่พูดอะไร
แค่นั่งข้าง ๆ



8. กาแฟถ้วยเดียว – Café de Flore
สั่งสองแก้ว
แต่สุดท้ายดินสอไม่กิน
ภัทรเลยยกมากินหมด
พร้อมพูดว่า “ของแฟนกู” แบบขำ ๆ
แต่มันโคตรจริง



9. ดินเนอร์บนหอไอเฟล – ภัทรยื่นทิชชู่ให้ดินสอ
ไม่มีใครเห็น
แต่ผมอยู่ตรงนั้น
มันไม่ใช่การส่งทิชชู่
มันคือ “การขอโทษแบบผู้ชายใจร้อนที่ไม่เก่งคำพูด”



10. กลางคืนที่ Lucerne – เสียง “โอ๊ย” ของภัทรดังลั่นห้อง
ทุกคนขำ
ผมแอบถ่ายภาพตอนภัทรยืนหน้าแดงอยู่หน้าประตู
ผมไม่ได้ถามว่าทำไม
แต่ผมรู้ว่า…เขายังอดกลั้นไว้ให้ดินสอ



11. เช้าล่องเรือเขาริกิ – ดินสอกินน้อยกว่าทุกวัน
ภัทรนั่งข้าง ๆ และพูดเบา ๆ ว่า

“มึงไม่สบายเหรอ หรือกูทำอะไรผิดอีก”



12. ดินสอหลับคาไหล่ภัทรในรถไฟขากลับมาจาก Rigi
ไม่มีโพสต์ ไม่มีใครเห็น
แต่มันคือ “ซีนหนังรัก” ที่ไม่ต้องเขียนบท



13. กลางวันที่ Grotto della Salute – โจยื่นมือจะจับหน้าผากดินสอ
ภาพนั้น ภัทรหันมองด้วยสายตาแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
เป็นหวง ไม่ใช่หึง
เพราะเขารู้ว่า…เขาเคยละเลยคนที่เขารัก



14. เวนิสยามค่ำคืน – ภัทรกับดินสอเดินถือไวน์คนละแก้ว
ภัทรพูด

“ถ้ามึงจะเลิก ก็บอกเลย”
ดินสอตอบว่า
“กูไม่ได้อยากเลิก กูแค่อยากให้มึงฟัง”



15. Le Plongeoir – ดินสอนั่งมองทะเล และพูดว่า “จริง ๆ กูกลัวมาตลอด”
ผมอยู่ใกล้พอจะได้ยิน
ภัทรไม่ได้พูดอะไร
แต่เอามือแตะหลังเบา ๆ
ภาพนั้น ผมถ่ายมาเบลอ…แต่ผมจำได้ชัดเจน



16. Sagrada Família – ดินสอแหงนหน้ามองยอดวิหาร แล้วน้ำตาไหล
ไม่ใช่เพราะศิลปะ
แต่เพราะเขารู้ว่าตัวเอง…กำลังจะได้รักต่ออีกครั้ง



17. ภัทรยืนซื้อถุงยางที่ร้านขายยาปารีส
หนุ่ม ๆ ในกลุ่มหัวเราะ
แต่ผมถ่ายภาพนั้นไว้…
เพราะเขาหัวเราะด้วยหน้าแดง ๆ
เหมือนผู้ชายที่เพิ่งได้ “แฟนของตัวเอง” คืนมา



18. ล่องเรือแซนน์วันสุดท้าย – ไม่มีใครพูด
แต่เขานั่งจับมือกันทั้งลำเรือ



19. ภาพคู่หน้าลิฟต์ Shangri-La ก่อนบินกลับไทย
ไม่มีรอยยิ้ม
ไม่มีท่าโพส
แค่ยืนอยู่ข้างกัน เงียบ…และแน่น



20. รูปสุดท้าย – ที่คอนโด กรุงเทพฯ
ดินสอจัดโต๊ะอาหาร
ภัทรนั่งพิงเก้าอี้ ใส่เสื้อกล้าม
ไม่มีแหวน ไม่มีพิธี
แต่ผมรู้เลยว่า
นี่แหละ “บ้าน”



“บางภาพไม่ได้ถ่ายเพื่อให้คนเห็น
แต่ถ่ายไว้…เพื่อให้เราไม่ลืมว่า เราเคยรักใครได้มากขนาดนี้”

– พี่แม็กซ์, คนถือกล้องที่เห็นทุกอย่างชัดขึ้นเมื่อเลิกซูม

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมของเจน – คนที่ไม่ใช่พระเอก นางเอก แต่เป็น ‘พยานรัก’

“ไม่ต้องเป็นคนที่เขารักที่สุดก็ได้
แค่เป็นคนที่อยู่ตรงนี้เสมอ ตอนเขาไม่แน่ใจในกันและกัน”



เจนเคยคิดว่า ทริปยุโรปจะเป็นแค่การพักผ่อน
แต่พอขึ้นเครื่องบินได้วันเดียว
เจนก็รู้ว่า “คู่นั้นแม่งมีอะไรแน่ ๆ”

ภัทร กับ ดินสอ
เหมือนจังหวะกีตาร์กับเปียโน
ฟังแยก ๆ ก็ดี
แต่พอมาเล่นด้วยกัน…แม่งเสียงเพี้ยนบ่อยมาก
แต่ทุกครั้งที่เพี้ยน — เจนก็เห็นทั้งคู่ “พยายามตั้งจูนกันใหม่”



เจนเป็นเพื่อนของดินสอ
แต่รู้จักภัทรมานาน
และเจนคือคนเดียวที่ดินสอ “ยอมร้องไห้ให้ดู”
ตอนที่โดนภัทรพูดแรง ๆ
เจนไม่ปลอบ ไม่ด่า
แค่ยื่นผ้าเย็นให้
แล้วบอกว่า

“ถ้ามึงจะรักใครที่พูดไม่เพราะ
มึงก็ต้องมั่นใจว่า เขารักมึงมากพอจะ ‘เรียนรู้’ ที่จะพูดดี ๆ กับมึงวันหนึ่ง”



ดินสอเงียบ แต่ไม่เคยไม่รู้สึก
ภัทรพูดเก่ง แต่ไม่เคยรู้ตัวว่ากำลังรุนแรง
เจนเลยกลายเป็นคนกลาง
ที่ต้องยืนดูระเบิดสองลูก
แล้วคอยเก็บเศษทุกครั้งหลังระเบิดจบ



จนวันหนึ่ง…เจนรู้ว่า
ความรักของทั้งคู่ “ต้องถึงจุดวิกฤต”
และเมื่อถึงจุดนั้นจริง ๆ
เจนก็คือคนแรกที่เดินเข้าไปหาทุกคนในแก๊งค์
แล้วพูดว่า

“พวกมึง พวกมันกำลังจะเลิกกันจริง ๆ แล้วนะ
ถ้ายังรักพวกมันอยู่ เราต้องช่วยพวกมันเข้าใจกันให้ได้ก่อนที่จะสายไป”



ทริปเขาใหญ่ไม่ใช่แค่การรวมตัวเที่ยว
แต่มันคือ “สะพาน”
ที่เจนกับพี่พลอย พี่โต ลุงก้อง วางแผนสร้างขึ้น
เพื่อให้ภัทรและดินสอกลับมา “มองหน้ากันใหม่”
โดยไม่ต้องมีคำว่าถูกผิด



เจนไม่ใช่นางฟ้า ไม่ใช่เทวดา
แค่เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่รู้ว่า…
บางความรัก ถ้าไม่ช่วยผลักเบา ๆ
มันอาจหลุดลอยไปจากมืออย่างโง่ ๆ ได้เลย



วันนี้…พวกเขากลับมารักกันอีกครั้ง
ทะเลาะน้อยลง
จับมือบ่อยขึ้น
ยังมีงอนบ้าง แต่ไม่ใช่เพราะไม่รัก
แค่ยังเรียนรู้กันอยู่ทุกวัน

และเจนก็ยังอยู่
เหมือนเดิม
ไม่พูดมาก
แต่เฝ้ามอง และพร้อมดึงมือทั้งคู่ไว้
ในวันที่ใครคนใดคนหนึ่งอ่อนแรงอีกครั้ง



เยี่ยมแวะวิมานในมุมของเจน คือการได้เห็นคนสองคนเติบโตจากคำว่า ‘แฟน’
มาเป็นคำว่า ‘คนของกันและกัน’
ไม่ต้องโรแมนติก
ไม่ต้องหวือหวา
ขอแค่ทุกวัน…ยังมองหน้ากัน แล้วยิ้มได้
แค่นั้นก็ดีเกินพอแล้วสำหรับความรักนี้



“คนที่เจนรักที่สุด…คือดินสอ
แต่คนที่เจนดีใจที่สุด…คือดินสอกับภัทร
ที่ยังไม่ปล่อยมือกันไป”

– เจน
เพื่อนคนที่ 15 ในทริป 500 ชาติ
ที่ไม่เคยยืนตรงกลาง
แต่ “อยู่ข้าง ๆ เสมอ”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จดหมายของเจน – ถึงภัทรและดินสอ

(ที่ไม่เคยส่ง…แต่คิดถึงทุกวัน)

ภัทร
ดินสอ

มีหลายครั้งที่เจนอยากพูดกับพวกมึง
แต่ก็ไม่กล้า
เพราะกลัวจะพูดมากไป
หรือพูดผิดเวลา

เจนเลยเลือกจะเขียน

เผื่อวันหนึ่ง…มึงสองคนจะได้อ่านพร้อมกัน

…ในวันที่เข้าใจกันแล้ว



ภัทร
มึงเป็นเพื่อนที่เสียงดังที่สุดเท่าที่เจนเคยรู้จัก
และก็เป็นคนที่ “รักเป็นเสียงดัง” ที่สุดเหมือนกัน

มึงรักดินสอแบบกล้าพูด
แต่บางที…มึงก็ลืมว่า
คนบางคนไม่ได้อยากฟังเสียงดัง
แต่อยากรู้ว่าเสียงในใจมึงมันรู้สึกอะไร

เจนรู้ว่ามึงไม่เคยตั้งใจจะทำร้ายใคร
โดยเฉพาะดินสอ
แต่เพราะมึงกลัวจะเสียเขาไป
มึงเลยพังทุกอย่างไว้ก่อน
เพราะคิดว่าถ้าเจ็บก่อน…จะได้ไม่เจ็บอีก



ดินสอ
มึงไม่เคยพูดตรง ๆ
แต่เจนเห็นทุกอย่างในสายตามึง
ทุกครั้งที่มึงไม่พูดอะไร
คือมึงพูดกับตัวเองไปแล้วล้านประโยค

มึงปกป้องตัวเองจนคนอื่นนึกว่ามึงเฉย
แต่เจนรู้ว่า มึง “แค่ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองพอจะถูกรักไหม”

เจนอยากบอกว่า…
มึงโคตรสมควรถูกรักเลยนะ
โดยเฉพาะจากคนที่ชื่อภัทร
ที่แม่งรักมึงแบบไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนแล้วจริง ๆ



เจนเคยกลัว
ว่าพวกมึงจะไม่รอด

กลัวจะมีวันหนึ่งที่เหลือแค่ความทรงจำ
กลัวจะต้องเล่าเรื่องนี้แบบเศร้า ๆ ว่า

“เคยมีเพื่อนสองคนที่รักกันมาก
แต่สุดท้าย…ก็รักกันไม่ไหว”

แต่วันนี้
เจนไม่กลัวแล้ว

เพราะเจนเห็นแล้วว่า
พวกมึงไม่ได้รักกันแค่ในวันดี ๆ
แต่รักกันแม้ในวันที่ไม่เข้าใจกันเลย



ไม่ต้องขอบคุณเจน
ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น

แค่จับมือกันแน่น ๆ
และอย่าปล่อยกันอีก…ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

แค่นั้นก็พอแล้ว

รักเสมอ
– เจน



บางความรู้สึกไม่ได้พูดออกมา
แต่คนที่รักกัน…จะรู้เองว่า มีใครคอยอยู่ข้างหลังเสมอ

และสำหรับภัทรกับดินสอ
เจนคือ “ข้างหลังนั้น”
ที่ไม่มีวันหายไป.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของคุณเอิร์ธคุณต่าย – คู่รักที่ลิ้มรสรักของคนอื่นด้วยใจละเมียด

“พวกเราคือคู่รักที่ผ่านครัวร้อนมาหลายสิบปี
เราไม่ได้อยากรู้ว่าใครรักกันหวือหวา
เราแค่อยากรู้ว่า…คู่ไหน ‘อดทน’ ทำอาหารความรักด้วยกันจนไม่ต้องชิมก่อนก็รู้ว่าดี”



เราเจอ ภัทร กับ ดินสอ วันแรกบนเครื่อง
เรารู้เลยว่านี่คือ “รสชาติที่ยังไม่กลมกล่อม”

ภัทรคือพริกสด – ร้อนแรง กล้าลอง ไม่กลัวเปื้อน
ดินสอคือซอสเบสไวน์ – ละเอียด เข้มข้น ไม่ชอบถูกรบกวน
แต่ความรักของคนสองคน
ไม่ได้สำเร็จจากวัตถุดิบเด่น
มันสำเร็จเพราะ “กล้าอยู่ในหม้อเดียวกัน จนรสเข้าเนื้อ”



เรานั่งมองพวกเขาทะเลาะ
ในวันที่พิซซ่าไม่มา
ในวันที่แชมเปญไม่พอ
หรือแม้แต่วันที่ไวน์หกรดโต๊ะ

เราไม่ได้หัวเราะ
แต่เราสบตากัน แล้วเข้าใจว่า

“พวกเขายังอยากกินอาหารจานเดียวกัน
ถึงจะยังหั่นไม่เป็น”



ตลอดทริป เราสังเกตพวกเขาแบบไม่พูดมาก
เราชอบเวลาภัทรพยายามสั่งอาหารให้ดินสอ
ทั้งที่ไม่รู้ว่าดินสอแพ้อะไรบ้าง
เราชอบเวลาดินสอเงียบ แต่ยอมกินข้าวกับภัทรเสมอ
แม้วันนั้นจะยังโกรธอยู่



เราเคยมีความรักที่ไม่รอด
เพราะต่างคนอยากให้ “อีกคนเป็นเชฟ”
แต่ลืมไปว่า…
อาหารมื้อนึง ต้องช่วยกันทำ
ช่วยกันล้าง และช่วยกันเช็ดโต๊ะ



และเมื่อเราเห็นภัทรยอมเดินออกจากร้านมิเชลิน เพราะดินสอป่วย
เห็นดินสอเดินลุยฝนไปหายาด้วยตัวเอง เพราะภัทรนอนไม่ได้
เราเลยรู้ว่า…

“อาหารจานนี้ แม้ยังไม่ลงตัว
แต่มันคือจานที่ไม่มีใครยอมโยนทิ้ง”



เยี่ยมแวะวิมานสำหรับเรา
ไม่ใช่แค่ทริปท่องเที่ยวของคนรักกัน
แต่มันคือ
“ครัวเล็ก ๆ” บนรถไฟ บนเรือ บนห้องพัก
ที่คนสองคนค่อย ๆ เรียนรู้ว่า
ความรักไม่ได้เสิร์ฟมาแบบสำเร็จรูป
แต่มันต้องค่อย ๆ ต้ม…คน…แล้วชิม
วันละนิด
โดยไม่ทิ้งกันกลางทาง



“เราเคยล่ามิชลินมาแล้วทั่วโลก
แต่รางวัลเดียวที่เราอยากมอบให้พวกเขา
คือ ‘ดาวหัวใจ’ ที่ได้จากการพยายามกันสุดหัวใจ”



และถ้าครั้งหน้า
ภัทรกับดินสอเปิดครัวของตัวเอง
เราอยากเป็นลูกค้ากลุ่มแรก
ที่สั่งจานพิเศษชื่อว่า

“เรายังรักกันอยู่…แม้บางวันจะไม่เข้าใจเลยก็ตาม”

– คุณเอิร์ธ & คุณต่าย
คู่รักผู้ไม่เคยรีวิวร้านไหนยาวเท่าความรักของพวกเขาเลยสักครั้ง

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของลุงก้อง & ป้าอุ๊ — คนแก่สองคนที่ยังจับมือกันแน่น

“ลุงกับป้าไม่ได้เห็นความรักจากแค่คำพูดหวาน ๆ
แต่จากการที่คนสองคน ยังยอมเดินอยู่ข้างกัน…
ในวันที่ไม่รู้จะพูดอะไร”



วันแรกของทริป
ลุงนั่งอยู่ข้างหลัง
ป้านั่งติดหน้าต่าง
เรามองเห็นภัทรกับดินสอ ไม่ได้นั่งด้วยกัน
แต่ใจ…ดูเหมือนผูกกันแน่นกว่าทุกคู่ในเครื่องบิน



ป้าอุ๊กระซิบบอกลุงว่า…

“คู่ข้างหน้าเรานี่ เขายังรักกันอยู่ แต่คงทะเลาะกันมาหนักมาก”
ลุงพยักหน้า
แล้วพูดเบา ๆ ว่า
“ก็เหมือนเราสมัยหนุ่ม ๆ ไง…เสียงดังแต่ไม่เคยปล่อยมือ”



เราสังเกตพวกเขาทุกวัน
ภัทรเป็นผู้ชายที่ใจร้อน
แต่ทุกครั้งที่ดินสอเงียบ…เขาจะหันไปมองเสมอ
ไม่ว่าจะอยู่กลางลูฟวร์ หรือล่องเรือที่เวนิส



ดินสอเป็นเด็กที่เหมือนจะเข้มแข็ง
แต่ทุกครั้งที่หลบมุมเงียบ
เรามักเห็นเขายืนใกล้กระจก หรือหน้าต่าง
เหมือนถามตัวเองว่า…

“กูจะไปต่อกับเขาได้ไหม”



ลุงกับป้าไม่พูดมาก
แต่เราคอยยื่นขนม ยื่นร่ม ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาเสมอ
ไม่ใช่เพราะอยากเสือก
แต่เพราะเรารู้ว่า…

“ความรักของเด็กสมัยนี้บางทีมันร้าวไว…
เพราะไม่มีใครคอย ‘ซับน้ำตาเงียบ ๆ’ ให้อยู่ใกล้ ๆ”



คืนที่พวกเขาทะเลาะกันที่ Lucerne
ป้าอุ๊ตื่นขึ้นมากลางดึก เห็นดินสอนั่งกอดเข่าหน้าระเบียง
ลุงก้องเดินไปหยิบน้ำอุ่นมา แล้ววางไว้ข้างเขา
ดินสอไม่พูด แต่ยิ้ม…
น้ำตาคลอ



และวันที่ภัทรหายไปจากทริปเขาใหญ่
ป้าอุ๊บอกว่า

“เขาคงกำลังเลือกว่าจะเดินกลับเข้ามาไหม
แต่ดูจากตาคู่นั้นนะ…ยังไม่ยอมแพ้หรอก”



เราทั้งคู่เห็นเด็กสองคนนี้เติบโตขึ้นทุกวัน
จากแฟน…เป็นคู่รัก
จากคนรัก…เป็นคนที่อยากอยู่ด้วย



ลุงก้องเคยพูดกับป้าอุ๊หลังจากล่องเรือแซนน์วันสุดท้ายว่า

“ถ้าคืนนี้เขายังนอนกอดกันอยู่แบบเมื่อวาน
แปลว่ารักครั้งนี้แม่ง ‘รอด’ แล้วจริง ๆ”



และมันก็รอดจริง ๆ



เยี่ยมแวะวิมานในสายตาลุงกับป้า
คือเรื่องของคนสองคนที่ไม่สมบูรณ์
แต่พยายามเติมกันทุกวัน
ไม่ใช่เพราะอยาก “ชนะ” แต่อยาก “รักษา”



เราเคยผ่านมาแล้ว
เคยทะเลาะ
เคยเกือบแยกทาง
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เราอยู่กันมาได้จนถึงทุกวันนี้…

“เราไม่เคยรีบตัดสินกันในวันที่อารมณ์ร้อนที่สุด
และไม่เคยปล่อยให้อีกคนรู้สึกว่า…อยู่คนเดียวแม้แต่วันเดียว”



ถ้าภัทรกับดินสอจะได้อะไรจากลุงกับป้า
เราอยากบอกว่า
ความรักไม่ต้องสมบูรณ์
ขอแค่ไม่ยอมแพ้กัน…ก็พอ

– ลุงก้อง & ป้าอุ๊
คู่ที่ทะเลาะกันตั้งแต่ยุคไม่มีมือถือ
แต่ยังจับมือกันไว้แม้จะหลงทางบ่อยแค่ไหนก็ตาม

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของพี่ดา — หัวใจที่เฝ้ามองความรักแบบคนเป็นแม่

“บางคนมีหน้าที่รัก
แต่บางคน…ขอแค่ได้เฝ้ามองคนที่รักกัน
แล้วหวังว่าจะไม่หลุดมือจากกันไป”



ตอนวันแรกที่เครื่องบินจะลงปารีส
พี่ดานั่งอยู่หลังภัทรกับดินสอหนึ่งแถว
มองออกไปเห็นเงาทั้งคู่ซ้อนกันในกระจกหน้าต่างเครื่อง
หนึ่งคนโน้มหน้า
อีกคนพิงเบาะแล้วหลับ

ภาพนั้น…มันไม่โรแมนติกเลย
แต่ในใจพี่กลับรู้สึกว่า

“สองคนนี้ไม่ได้เป็นแฟนกันธรรมดา
แต่เป็นอะไรที่ผูกพันกว่านั้น
เป็นคนที่ ‘ถ้าไม่ได้รักกัน…จะเจ็บมากกว่าคนอื่น’”



พี่ไม่ได้รู้ลึกเท่าคุณเจน
ไม่ได้คอยแซวแรงเท่าพี่พลอย
ไม่ได้หัวเราะเฮดังเหมือนลุงก้อง
แต่พี่ “ฟัง” ดินสอเสมอเวลาเขานั่งเงียบ

บางที ดินสอก็ไม่พูดอะไร
แต่พี่รู้ว่าเขาเหนื่อย
เหนื่อยกับการพยายามเข้าใจคนที่เขารัก
และเหนื่อยกับการกลัวว่าจะไม่พอ



ภัทรเองก็ใช่ย่อย
ทำเป็นร่าเริง
ทำเป็นล้อเล่น
แต่เวลาหันหลัง เขามักถอนหายใจเงียบ ๆ
เหมือนเด็กผู้ชายที่กลัวโดนเมินจากคนที่รักที่สุด



ในมื้อเย็นวันหนึ่งที่มิลาน
พี่จำได้ดีว่า ภัทรยกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า

“กูไม่รู้ว่าอนาคตเราจะยังอยู่ด้วยกันไหม
แต่คืนนี้…ขอแค่กูยังได้มองมึงอยู่ก็พอ”

พี่ไม่รู้ว่าดินสอได้ยินไหม
แต่พี่ได้ยิน และเก็บมันไว้ในใจเสมอ



พี่เคยผ่านความรัก
ที่ตอนแรกมันแน่นหนา
แต่ค่อย ๆ เบาลง จางลง
เพราะต่างฝ่ายไม่มีใครยอมเหนื่อยเพื่องานนี้อีก

แต่ภัทรกับดินสอไม่ใช่แบบนั้น
ถึงจะเหนื่อย
ถึงจะเจ็บ
ถึงจะพูดแรง
แต่ทุกครั้งที่หันไปดูอีกที…
เขายังอยู่ตรงนั้นให้กันเสมอ



เยี่ยมแวะวิมานในสายตาพี่ดา
ไม่ใช่แค่เรื่องราวของคนสองคนที่ไปเที่ยวยุโรป
แต่มันคือเรื่องราวของความรักที่ “รอด” มาได้
ไม่ใช่เพราะมันสมบูรณ์
แต่เพราะ “มันมีคนพยายาม”



และพี่ดีใจมาก
ที่ตอนนี้…ทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน
รักกันเงียบ ๆ
งอนกันเบา ๆ
แต่ไม่หนีกันอีกแล้ว

“บางความรักไม่ต้องเสียงดัง
ขอแค่ยังมีอยู่
ยังมองตากัน…ก็เพียงพอ”

– พี่ดา
คนที่เฝ้ามองความรักจากมุมอบอุ่น
ไม่ต้องไปยืนตรงกลาง
แต่อยู่ตรงนั้น…เสมอ

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของโอ๊ตพีท – สองหนุ่มที่ไม่ได้ช่วยเย็บรัก แต่คอยปูเบาะไว้กันล้ม

“เราไม่ได้รู้ลึก…
แต่เราอยู่ใกล้พอจะรู้ว่า ทุกครั้งที่สองคนนั้นเกือบหลุด
พวกเขายังมองหากันอยู่เสมอ”



พวกเราไม่รู้หรอกว่าความรักมันต้องใช้ความเข้าใจลึกแค่ไหน
เราไม่ได้รู้ว่าดินสอเก็บอะไรในใจ
หรือภัทรกลัวอะไรอยู่บ้าง

แต่เรารู้ว่า…
ทุกครั้งที่ภัทรเดินเร็ว
ดินสอก็เดินเร็วตาม
และทุกครั้งที่ดินสอเงียบ
ภัทรก็ทำเป็นพูดมากขึ้น
เพราะกลัวบรรยากาศจะเย็นไป



วันแรกเราคิดว่าคู่นี้จะทะเลาะกันยันจบทริป
แต่พอเข้าวันที่ 3…
เราเริ่มเห็นบางอย่างในสายตาพวกเขา

ตอนนั้นที่หอไอเฟล
ดินสอพูดว่า

“ถ้ามึงจะทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ กูก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง”
ภัทรเงียบ…แล้วพูดว่า
“งั้นมึงบอกกูสิว่ากูควรทำยังไง”
เราทั้งสองคนเงียบทั้งโต๊ะเลย



เราสองคนเป็นเพื่อนประเภท
ไม่ได้เก่งเรื่องความรัก
ไม่ได้ลึกซึ้งเหมือนเจน
ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนพี่ดา
ไม่ได้เป๊ะเหมือนคุณเอิร์ธคุณต่าย

แต่เรามีหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ…

“คอยดันหลังเบา ๆ เวลาพวกมันกำลังจะหันหลังให้กัน”



คืนก่อนกลับไทย
ภัทรเดินมาซื้อถุงยาง
เราแซวว่ากล่องเก่าไปไหน
เขายักคิ้วแล้วบอกว่า

“หมดแล้วพี่…มึงจะให้กูเหลือทำไม ในเมื่อทริปนี้กูได้คนของกูคืนมา”

เราไม่ได้ตอบอะไร
แต่ในใจเราสองคนแม่งโคตรเฮเลยเว้ย



เยี่ยมแวะวิมานสำหรับโอ๊ตพีท
คือทริปที่ทำให้เราเชื่อว่า
ความรักไม่จำเป็นต้องโรแมนติก
ไม่ต้องเป๊ะ
ไม่ต้องสมบูรณ์

แต่ขอแค่
ยังกล้าเดินไปพร้อมกันแม้ในวันที่พูดไม่ออก
ยังกล้าจับมือ แม้ในวันที่เพิ่งทะเลาะกันมาหนักมาก



“เราไม่เคยพูดว่าภัทรกับดินสอจะรักกันได้ตลอดไป
แต่เรารู้…ว่าพวกเขารักกัน ‘พอจะพยายามต่อ’ เสมอ”

และถ้าถามว่าใครเชียร์ที่สุดให้คู่นี้รอด
ก็ต้องโอ๊ตกับพีทเนี่ยแหละ
เพื่อนที่ไม่ชอบดราม่า
แต่รักความรักของพวกเขาเหมือนเป็นของตัวเอง

– โอ๊ต & พีท
นักพากย์สายเฮ ผู้เฝ้าลุ้นเหมือนดูบอลนัดชิง…
แต่ความสุขคือการเห็น “เพื่อนเรายังอยู่ในสนาม…พร้อมกัน”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | มุมมองของพี่โต – ไกด์ที่ไม่ได้พาทัวร์แค่เมือง…แต่พาหัวใจกลับบ้าน

“เวลาเป็นไกด์ พี่ต้องรู้แผนที่ทุกเมือง
แต่สำหรับคู่นั้น…
พี่ต้องรอดูว่าพวกเขาจะ ‘หลงรักกันใหม่’ ได้ยังไงอีกครั้ง”



ตอนพี่มารับหน้าที่ในวันที่ 8 ของทริป
แค่ขึ้นรถไปห้านาที พี่ก็รู้เลยว่า…

“อ้อ คู่ที่เขาเตือนมานี่คือคู่นี้แน่นอน — ไอ้คนล่ำขี้เล่น กับไอ้ตัวขาวหน้าเหวี่ยงนั่นแหละ”

แต่สิ่งที่พี่ไม่รู้
คือคู่นี้แม่ง “รักกันโคตรจริง”



ภัทรน่ะพี่เห็นมาตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ
เป็นญาติห่าง ๆ ที่โตมาแบบไฟแรง ขี้เล่น หัวร้อน แต่ใจกว้าง

ดินสอพี่เพิ่งรู้จัก
แต่จากวันแรกที่มองสบตา
พี่รู้เลยว่า “เด็กคนนี้…เก็บความรู้สึกลึกกว่าที่ใครเข้าใจ”



ช่วงแรก พี่แกล้งไม่รู้ ไม่พูด
เพราะบางอย่างมันไม่ต้องมีใครเข้าไปช่วย
ต้องปล่อยให้เขาเรียนรู้จังหวะกันเอง

แต่พี่ก็ “อยู่”
อยู่ตอนเขาทะเลาะ
อยู่ตอนเขาเงียบใส่กัน
อยู่ตอนเขาหันหลังกลับมาแล้ว “ยังอยู่กันครบ”



พี่ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน
แต่ครั้งหนึ่ง พี่แอบได้ยินตอนดินสอพูดกับตัวเองที่ริมทะเลสาบว่า

“ถ้าเรากลับมาดีกันจริง ๆ…เราจะพังกันอีกไหมวะ”

พี่เลยพูดเบา ๆ กลับไปว่า

“ทุกคู่มันก็พังได้หมดแหละ
แต่ถ้ายังอยาก ‘ซ่อม’ อยู่ มันก็ยังไม่พังจริง”



เยี่ยมแวะวิมานในสายตาพี่โต
มันไม่ใช่แค่ทริปไกด์พาทัวร์
แต่มันคือการได้เห็น “คนสองคนที่เคยหันหลังให้กัน
ค่อย ๆ หมุนเก้าอี้กลับมานั่งหันหน้า”



พี่โตอาจไม่ได้พูดมาก
แต่พี่มีบทในใจตลอดเรื่องนี้
พี่อยากให้ทั้งสองคนรู้ว่า…

“การรักกันให้ชัด มันยากกว่าการเดินทางทั้งยุโรปอีก
แต่ถ้ารักนั้นมันยัง ‘เดินกลับมาหากัน’ ได้ทุกครั้ง
มันก็โคตรคุ้มที่จะเดินต่อด้วยกัน”



และพี่ขอสรุปไว้ให้เลยว่า
ภัทรกับดินสอไม่ใช่คู่รักที่หวานที่สุด
แต่เป็นคู่ที่ ‘จริงที่สุด’ เท่าที่พี่เคยเจอมาในการเป็นไกด์ 20 ปี

– พี่โต
ไกด์ผู้ไม่ได้แค่ถือธงนำทาง
แต่เฝ้าดูความรักค่อย ๆ ซ่อมให้หายร้าว…แล้วกลับมาแน่นกว่าเดิม

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมานตอนประถม | ตอน: เด็กชายตัวโตกับเพื่อนใหม่ที่นั่งเงียบ

ภัทร คือเด็กชายตัวสูงที่สุดในห้อง ป.1/3
ผิวแทนจัด วิ่งเก่ง เตะบอลแม่น กินเก่ง และเสียงดังมาก
ชอบกอดคอเพื่อน ชอบหัวเราะ ชอบปีนโต๊ะตอนครูเผลอ
เป็นคนที่ครูแป๋วจะเรียกชื่อบ่อยที่สุดวันละสามรอบ

ดินสอ คือเด็กชายคนสุดท้ายที่เข้าห้อง
ตัวขาว ตัวเล็ก ใส่แว่นกรอบดำ หิ้วกระเป๋าผ้า เดินเงียบ
วันแรกที่มานั่งหลังห้อง ไม่มีใครกล้าเล่นด้วย
แต่ครูแป๋วพูดว่า “ภัทร มานั่งข้างน้องนะลูก”

แล้วก็เกิดสิ่งที่เหมือนจะธรรมดา
แต่กลับ “กำหนดความสัมพันธ์ตลอด 20 ปี” หลังจากนั้น



“เฮ้ มึงชื่ออะไรนะ?”
ภัทรถามเสียงดังตั้งแต่นั่งลง

“…ดินสอ”
เด็กชายตัวเล็กตอบเบา ๆ จนเกือบไม่ได้ยิน

“ห๊ะ! จริงดิ ชื่อเหมือนของในกระเป๋ากูเลย!”
ภัทรหัวเราะ ก่อนจะหยิบดินสอของตัวเองขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“เอาไว้เรียกผิดเวลาโยนใส่หน้าจะได้ไม่โกรธนะ มึงก็เป็นของกูเหมือนดินสอนี่แหละ”

ตอนนั้นดินสอหน้าแดงไปจนถึงคอ
และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขายิ้มในโรงเรียนนี้



พักเที่ยงวันต่อมา
ภัทรลากดินสอไปโรงอาหาร
ช่วยถือถาด
แลกขนม
ตักแตงโมให้
แล้วพูดว่า

“ถ้ามีใครแกล้งมึงนะ บอกกู กูเตะให้”

ดินสอไม่ได้พูดอะไร
แค่พยักหน้า
แต่วันนั้น เขากินข้าวหมดครั้งแรกในรอบสัปดาห์



ตอนเย็นวันหนึ่งฝนตก
ดินสอลืมร่ม
ทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว เหลือเขากับภัทรที่รอผู้ปกครอง

“มึงหนาวปะ?”
ภัทรถาม ก่อนจะถอดเสื้อพละโยนคลุมหัวดินสอ
“แม่กูชอบบ่นอยู่ละว่าเสื้อตัวนี้เหม็น กูเลยให้มึงแทน”

วันรุ่งขึ้น ดินสอเอาเสื้อพับมาให้ใหม่
ซักหอมเรียบ
ติดโน้ตว่า
“เสื้อของมึง แต่…ขอใส่ก่อนอีกวันนะ มันอุ่น”



หลังจากนั้น…ชื่อของทั้งสองคนก็ไม่เคยแยกจากกันเลยในสายตาเพื่อนและคุณครู

ภัทรกับดินสอในวัย 6 ขวบ
ไม่รู้หรอกว่าคำว่า “รัก” คืออะไร
แต่เขารู้ว่า…

ถ้าอีกคนร้องไห้…เขาจะไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว
ถ้าอีกคนไม่พูด…เขาจะพูดแทนให้
ถ้าอีกคนล้ม…เขาจะยอมโดนดุแทนก็ได้



และนั่นแหละ
คือจุดเริ่มต้นของ “วิมาน” ที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้แวะเข้าไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ: ภัทร & ดินสอ วัยมัธยม – เพลงนั้นของเรา



ม.1 — จุดเริ่มของคำว่า “เพื่อนสนิท”

ภัทรยังเหมือนเดิม เด็กชายตัวโต ขี้เล่น ขี้แกล้ง เสียงดัง
ส่วนดินสอก็ยังเป็นเด็กขาว ตัวเล็ก เงียบ ชอบอ่านหนังสือคนเดียวใต้ต้นหูกระจง

ทุกคนในห้องรู้ว่า “สองคนนี้ต้องนั่งด้วยกันเท่านั้น”
ครูประจำชั้นสั่งย้ายที่กี่รอบ ภัทรก็จะลากโต๊ะกลับมาข้างดินสอทุกครั้ง
“มึงนั่งคนเดียวทำไมวะ เหงาแย่เลยป่ะ?”
“…กูไม่เหงา แต่ถ้ามึงมานั่งด้วยก็โอเค”

วันนั้นเป็นวันที่ดินสอยิ้มทั้งวัน
โดยไม่ต้องมีเหตุผล



ม.2 — เริ่มรู้สึก แต่ยังไม่รู้ชื่อของความรู้สึกนั้น

ภัทรเริ่มไม่ชอบเวลามีผู้ชายคนอื่นมาคุยกับดินสอ
ชอบถามว่าใคร
แล้วก็บ่นเสียงดังว่า
“แม่งหน้าเหมือนกล้วยไข่เลย ยังจะคุย”

ดินสอเริ่มเขียนบันทึก
หน้าหนึ่งมีประโยคว่า
“ทำไมมึงต้องทำหน้าหงุดหงิดทุกครั้งที่กูคุยกับคนอื่นวะ?”

แต่ไม่มีคำตอบในตอนนั้น
มีแค่เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกครั้งที่อีกคนเรียกชื่อ



ม.3 — ปีที่หัวใจชัดเจนที่สุด

ดินสอเริ่มมีแฟนคลับในโรงเรียน เพราะหน้าตาดี เรียนเก่ง
ภัทรหงุดหงิดแทบระเบิด
จนวันหนึ่งในงานกีฬาสี
บนเวทีคอนเสิร์ตเล็ก ๆ กลางสนาม
ภัทรยืนถือไมค์ ใส่เสื้อกีฬา
แล้วร้องเพลง
“แค่คุณ”

ดินสอยืนอยู่ข้างสนาม
ไม่รู้ว่าควรยิ้มหรือร้องไห้
เพราะประโยคถัดมาคือ

“ดินสอ…กูไม่รู้ว่าแฟนที่ดีต้องทำตัวยังไง
แต่กูอยากเป็นคนที่อยู่ข้างมึงทุกวันได้ไหม?”

เสียงเฮดังลั่นสนาม
ดินสอหน้าแดง
และพยักหน้าเบา ๆ

ตั้งแต่วันนั้น ทั้งโรงเรียนก็รู้ว่า…พวกเขาเป็นของกันและกันแล้ว



ม.4 — ปีแห่งความลังเล และการปรับตัว

เข้าสายวิทย์-คณิต
เรียนหนักขึ้น
ดินสอเริ่มหงุดหงิดง่าย
ภัทรเริ่มไม่เข้าใจเวลาที่ดินสอเงียบใส่

แต่ทุกเย็นหลังเลิกเรียน
ภัทรจะนั่งรอหน้าห้องเรียน
พร้อมชาเขียวเย็นหนึ่งแก้ว

“มึงยังไม่อยากคุย กูก็นั่งตรงนี้นะ”

บางทีความรักไม่ต้องแก้ปัญหาเลยทันที
แค่ไม่วิ่งหนีกันก็เพียงพอแล้วในตอนนั้น



ม.5 — ปีที่ทะเลาะบ่อยที่สุด แต่ก็ยังไม่เคยปล่อยมือ

ดินสอเริ่มมีความฝันอยากเรียนดีไซน์
ภัทรยังคงสนใจพวกเทคโนโลยี
เป้าหมายเริ่มต่าง ความชอบเริ่มแยก

ทะเลาะกันเรื่องอนาคต
แต่ทุกเช้า…ภัทรก็ยังวางข้าวเช้าไว้บนโต๊ะดินสอ
พร้อมโพสต์อิทใบเล็กที่เขียนว่า

“ไม่ต้องยิ้มตอนนี้ก็ได้ แต่กินข้าวก่อนนะ กูห่วง”



ม.6 — ปีสุดท้ายของความทรงจำวัยรุ่น และสัญญาที่ไม่มีใครกล้าพูดออก

ใกล้สอบ
ใกล้แยกย้าย
แต่กลับ “ใกล้กันที่สุด” เท่าที่เคยเป็น

ภัทรพูดน้อยลง
แต่เวลาเดินสวนกันในโรงอาหาร เขาจะเอานิ้วเกี่ยวข้อมือดินสอเบา ๆ
ดินสอทำเป็นเฉย
แต่พอเดินไปถึงโต๊ะ…จะยกแขนขึ้นกอดกระเป๋าแน่นกว่าเดิม

วันจบการศึกษา
ภัทรเขียนในการ์ดว่า

“ไม่ว่าต่อไปเราจะอยู่ตรงไหน
ถ้ามึงยังเป็นมึง
กูก็จะยังเป็นของมึงเหมือนเดิม”



และนั่นคือ
รักวัยรุ่นที่ไม่ฟูมฟาย แต่แน่นหนากว่าใคร

ความรักที่เริ่มจากดินสอ HB ในกระเป๋า
สู่ดินสอคนจริง ๆ ที่กลายเป็นบ้านของกันและกัน
แม้จะมีพายุ
แม้จะมีวันเหนื่อย
แต่ก็ยังกลับมา
ทุกครั้ง…ไม่เคยเปลี่ยน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด