เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เยี่ยมแวะวิมาน ตอนที่ 78 (จบ) , บทสรุป , มุมมองสรุปของแต่ละคนในทริป  (อ่าน 1729 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนพิเศษ — "ทัวร์ซ่า เมาท์ซ้อนมุก"
บทสนทนาเบื้องหลังรถโค้ช…ที่ไม่ได้มีแค่จุดหมายปลายทาง แต่ยังรวมไปถึงจุดหมายของหัวใจ

รถโค้ช Mercedes-Benz สีดำด้านแล่นฉิวบนทางด่วนสาย Autobahn เสียงล้อบดไปกับยางหนา ๆ แทบไม่ได้รบกวนการสนทนาที่กำลังเบ่งบานอยู่ด้านหลัง ที่นั่งโซนกลางของรถ โซนที่กลุ่ม “แก๊งชาวคณะ” มักนั่งจับกลุ่มขำกันแบบไม่เกรงใจคนนอนหลับอยู่แถวหลัง

เจ๊พลอย — สาวเปรี้ยวแห่งวงการเอเจนซี่โฆษณา ที่เสียงหัวเราะดังกว่าเสียงลมพัด เปิดประเด็น

“เมื่อคืนใครเดินผ่านห้อง 312 แล้วได้กลิ่นหอม ๆ เหมือนน้ำมันยูคาลิปตัสผสมกลิ่นคนกำลังอดกลั้นบ้างวะ”

พี่แม็กซ์ยกมือทันที “กู! กูผ่าน! แล้วเสียงแอร์มันฟังเหมือนคนถอนหายใจ… สม่ำเสมอมาก เหมือนเสียใจที่ไม่ได้ปลดล็อกด่านลับ!”

โอ๊ตกับพีทหลุดขำ ลุงก้องพยายามจะกลั้นแต่ก็หลุด “เฮ้ย… พูดถึงก็ขำ กูแอบเห็นน้องภัทรลงไปซื้อของจากร้านข้างโรงแรมตอนสี่ทุ่ม... ถือถุงกลับมาเบา ๆ เหมือนถือเพชร”

ป้าอุ๊เสริม “มีแต่คนถือใจ... แต่หนูภัทรถือถุงยาง โอ๊ยยยย น่ารักไม่ไหวแล้วลูก!”

พี่แป๋วกับพี่ดานั่งขำเบา ๆ ฝาแฝดโจกับเจนตีกันเอง “กูว่าเมื่อคืนมันต้องมี! มึงเห็นหน้าไอ้ภัทรตอนลงมากินข้าวเช้ามั้ย หน้าอย่างฟิน”

“แต่ดินสอเหมือนโดนเป่าผมแรง ๆ มา หน้าม้าแฉลบ!”

ทุกคนหัวเราะแทบตกเบาะ พี่โตหันหน้าจากเบาะหน้า บอกด้วยรอยยิ้ม “ขอเตือนแบบไกด์มืออาชีพนะครับ ว่าอย่าตีกันแรงในรถ แต่ถ้าจะแซวกันแรง... ขอผมแซวด้วย!”

คุณเอิร์ธกับคุณต่ายที่นั่งริมซ้ายขวา มองหน้ากันแล้วบอก “แต่จะว่าไป คนตัวเล็กแบบน้องดินสอ เวลาเงียบแล้วหูแดง... อันตรายมากนะ”

“กูเห็น ๆ ตอนเช้าตักไข่ลวกให้ภัทรไปหกฟอง ดินสอเบะปากแต่ไม่พูด ไข่มันฟ้องหมดแล้ว!”

เจ๊พลอยจับไมค์บนรถทันที “และนี่คือไฮไลต์ของทริป…
สองคนนี้จะ ‘รักกันจริง’ หรือ ‘ตีกันเล่น’
จะ ‘ยอมกันง่าย ๆ’ หรือ ‘ต้องพิชิตถึงปลายทาง’
ติดตามได้ใน... ภัทร & ดินสอ The Series: เดอะทัวร์รัก 20 วันสุดท้ายก่อนเลิก!”

เสียงฮือฮาจากเบาะหลังดังขึ้น พี่โตถึงกับขับรถมือสั่น “กูว่าแค่ชื่อก็ขายตั๋วรอบปฐมทัศน์ได้ละ...”

แล้วเสียงเฮอา เสียงหัวเราะ และเสียงกดมือถือพร้อมแคปชั่น “อย่าตีกันอีกละ” ก็กลับมาอีกครั้ง

บนรถคันนี้ ไม่มีแค่การเดินทาง…
แต่มิตรภาพ เสียงหัวเราะ และความผูกพัน กำลังเดินทางไปพร้อมกัน


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนพิเศษ — "โจ & เจน: ฝาแฝดตัวแสบ ผู้พิชิตสนามบิน…ไม่สำเร็จ"
ว่าด้วยเรื่องรักวูบวาบแบบจิ้มจุ่ม ที่เจอดินสอแล้วก็ต้องถอนตัว

ตั้งแต่วันแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิ…

โจ — ฝาแฝดพี่ ผู้ใส่เสื้อฮาวายแต่ใจแมนไทยแท้ ตอนเดินผ่านประตูเข้า Lounge ก็แอบเหลือบมองหนุ่มร่างบางผิวขาวที่นั่งกอดกระเป๋าอยู่ข้างคนตัวโต

ตอนนั้นเขาไม่รู้หรอกว่าคนนั้นชื่ออะไร แค่รู้ว่า...

“เออ… หน้าตาน่ารักดีว่ะ น่าจะสายซอฟต์ ดัดได้อยู่”

เจน — ฝาแฝดน้อง ที่รู้ไส้ในพี่ตัวเองดีกว่าใคร กระซิบเบา ๆ พร้อมจิกเบา ๆ ที่แขนพี่ชาย

“เพลา ๆ ไอ้พี่โจ มึงเขยิบสายตากลับมาทางไลน์อาหารบุฟเฟต์เลย อะไรอยู่ในสายตาแล้วเขามีเจ้าของ มันเจ็บรู้ไหม”

แต่โจก็ไม่หยุดมอง…

จนกระทั่งได้ขึ้นเครื่อง และได้นั่งใกล้กลุ่มภัทรกับดินสอในแถวเดียวกัน โจเริ่มได้ยินเสียง… เสียงที่คนตัวเล็กพูดกับคนตัวโตแบบไม่เกรงใจโลก

> "มึงจะสั่งไวน์ทำไมตอนนี้"
"เอาน่า มึงก็จิบ ๆ ไปเถอะ จะได้นอนง่าย"
"ภัทร มึงก็พูดเหมือนรู้ใจเกินไปปะ"



เจนเหลือบตามองพี่ชายแล้วพูดว่า...

“จบมั้ย?”

โจถอนหายใจยาว เอาศอกเท้าพนักพิงแล้วหัวเราะเบา ๆ

“กูว่ากูถอนตัวละ มันเหมือนดูซีรีส์ที่เขาจะจูบกันอยู่แล้ว แล้วกูไปแทรกกลางฉากไม่ได้ว่ะ กูเกรงใจ”

ตั้งแต่นั้นมา...

โจกลายเป็นผู้ชมเงียบ ๆ คนหนึ่งของทริปรักนี้

บางทีตอนเห็นภัทรแกล้งดินสอแล้วดินสอเบะปาก
บางทีตอนดินสอหันไปงับไหล่ภัทรแล้วโดนแซวในกลุ่มไลน์
บางทีตอนที่ดินสอเดินตามหลังภัทรแล้วหลบแดดด้วยเงาไหล่ของเขา…

โจแค่ยิ้ม แล้วพูดกับเจนว่า

“ความรักแม่ง… มันไม่ต้องเป็นของเราเสมอไปหรอก แค่ได้เห็นมันเกิดขึ้นตรงหน้าแบบนี้… กูก็โคตรอิ่มใจละ”

เจนพยักหน้า “ดีมากมึง นี่แหละฝาแฝดที่กูภูมิใจ”

แล้วทั้งคู่ก็เดินไปซื้อกาแฟกันสองคน พร้อมแอบถ่ายคลิปภัทรกับดินสอเดินกัดกันเบา ๆ ลงในกลุ่มไลน์ แล้วตั้งแคปชั่นว่า

> "วันไหนมึงจะยอมกันสักที"



พร้อมอีโมจิหัวใจสีชมพูที่เหมือนเป็นเชียร์ลีดเดอร์เงียบ ๆ ในเรื่องราวของคนสองคน ที่ไม่รู้หรอกว่าโลกกำลังลุ้นให้พวกเขารักกันไปจนถึงปลายทาง


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนพิเศษ – “พี่แม็กซ์: กล้องที่เก็บทุกโมเมนต์…ยกเว้นหัวใจตัวเอง”

“พี่แม็กซ์” ไม่ได้พูดเยอะ

แต่กล้องที่ห้อยคอเขาตลอดทริป พูดแทนทุกความรู้สึกได้ชัดเจนกว่าคำพูดนับพัน

ทุกเช้า พี่แม็กซ์จะลงมาก่อนใคร พร้อมกาแฟดำหนึ่งแก้ว กับกล้อง DSLR คู่ใจ
ไม่มีใครรู้ว่า เขาเป็นอดีตช่างภาพฟรีแลนซ์สายแฟชั่นที่เคยเดินงาน Milan Fashion Week มาแล้วหลายปี

แต่ตอนนี้ พี่แม็กซ์เลือกใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
มาถ่ายรูปกับกลุ่มทัวร์ผู้หลากหลาย ตั้งแต่เจ๊พลอยสายหวาน พี่ดาสายบุญ โจเจนฝาแฝดตัวแสบ ยันคู่รักที่เถียงกันจนคนทั้งรถปวดหัว… “ภัทรกับดินสอ”

“เถียงกันอีกละ” พี่แม็กซ์เคยพูดเบา ๆ กับพี่แป๋ว
แต่สายตากลับมองผ่านเลนส์กล้องแล้วกดชัตเตอร์ทันทีที่ดินสอหันหน้าหนี แต่ภัทรยื่นขวดน้ำไปให้

เขาเคยบอกตัวเองว่า…

> “อย่าอินกับเรื่องของคนอื่นมากไป
เพราะเราไม่ได้เป็นพระเอกในเรื่องนั้น”



แต่ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งมองผ่านเลนส์ พี่แม็กซ์ก็ยิ่งเห็นสิ่งที่คนสองคนนั้นมองไม่เห็นกันเอง

ความห่วงใยในรอยเถียง
ความอ่อนโยนในคำพูดแรง ๆ
ความรักที่ยังไม่กล้าบอกกันตรง ๆ

หลายคืน พี่แม็กซ์นั่งจัดรูปในกล้องที่ถ่ายมาตลอดวัน
ภาพภัทรหันมายิ้มให้ดินสอ
ภาพดินสอกอดอกมองออกนอกหน้าต่าง ขณะภัทรหลับอยู่ข้าง ๆ
ภาพตอนพวกเขาเดินเคียงกันโดยไม่รู้ตัว

มีอยู่รูปหนึ่ง ที่พี่แม็กซ์ชอบเป็นพิเศษ
เป็นรูปที่ดินสอเผลอยิ้มมุมปาก ตอนที่ภัทรโดนเด็กเสิร์ฟลืมเสิร์ฟอาหาร แล้วบ่นกับตัวเองเบา ๆ

ในรูปนั้นแสงสวยมาก ฟ้าข้างหลังใสจัด วิวเมืองในยุโรปโค้งอยู่พอดี

แต่สิ่งที่สวยที่สุดในภาพไม่ใช่วิว

…คือสายตาของดินสอที่มองภัทร

พี่แม็กซ์ไม่ได้พูดถึงรูปนี้กับใคร
แค่ตั้งชื่อไฟล์ไว้ในโฟลเดอร์ลับว่า

"Scene_Of_The_Love_They_Can't_Say"



บางครั้ง ตอนกลางคืนที่โรงแรม พี่แม็กซ์จะออกมาเดินถ่ายภาพริมแม่น้ำคนเดียว
และคิดถึงใครบางคน… ที่เคยยืนอยู่ข้าง ๆ เขาตรงแม่น้ำที่มิลานเมื่อหลายปีก่อน
ความรักในอดีตที่จบลงเพราะคำว่า “ไม่พร้อม”

เงียบเหมือนภัทรกับดินสอในตอนนี้

แต่เงียบ…ไม่ได้แปลว่าไม่มีอะไรเลย

เหมือนภาพที่ไม่พูด แต่ยังเก็บทุกอารมณ์ไว้ในแสงและเงา

เหมือนใจของเขา ที่แม้จะเก็บไว้เงียบ ๆ…

แต่เมื่อเห็นความรักค่อย ๆ เบ่งบานตรงหน้า เขาก็เผลอเชียร์ไปเงียบ ๆ เหมือนกัน



พี่แม็กซ์ อาจจะเป็นตัวประกอบในเรื่องราวของคนอื่น

แต่ในทุกภาพ ทุกเฟรม ทุกจังหวะ…

เขาคือคนที่ "เก็บทุกความรู้สึกไว้…เผื่อใครบางคนจะอยากย้อนกลับมาดูในวันที่สายตาเริ่มมองชัด"


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนพิเศษ – “เจ๊พลอย & พี่ดา: กองเชียร์ที่เกินต้าน และมิตรภาพที่เกินคาด”

“ดู๊ดูพี่ดา มันงอนกันอีกแล้ว”
เสียงเจ๊พลอยกระซิบเบา ๆ พร้อมยกสมาร์ตโฟนขึ้นแอบถ่ายคลิปคู่รักที่ชาวกรุ๊ปเรียกว่า ‘ผัวเมียแห่งยุโรปตะวันตก’

“เธอว่าเคยมีอะไรกันยังอะ” เจ๊กระซิบเบา ๆ

พี่ดาหัวเราะเบา ๆ ขณะกำลังจิบชาเขียวแบบเย็น ๆ

> “ยังหรอก…น้องเขายังซิง”
“แต่พี่มั่นใจว่าเด็กมันรักกันมาก…แค่ยังไม่กล้าพูดว่า 'ฉันกลัว' มากกว่า”




---

พี่ดา
อายุราว ๆ 39 ปี สายบุญที่ชอบแบกกล้องเล็ก ๆ และถือหนังสือธรรมะเล่มเล็กติดกระเป๋าไว้เสมอ
เธอคือคนที่ใคร ๆ ก็เรียกว่า “แม่พระ” ประจำกรุ๊ป
แต่เบื้องหลังความใจเย็นนั้น พี่ดาเคยผ่านชีวิตคู่ที่แหลกสลาย
สามีที่อยู่กันมาเกือบสิบปีจากไปพร้อมคนใหม่ที่อายุน้อยกว่าเธอครึ่งหนึ่ง
พี่ดาไม่ร้องไห้ตอนเล่าให้เจ๊พลอยฟังที่ริมแม่น้ำไรน์ในเยอรมนี
แค่พูดว่า…

> “พี่ไม่โกรธ ไม่เสียใจ…แค่รู้สึกว่า เราไม่ใช่พื้นที่ของเขาอีกต่อไปแล้ว”



และตั้งแต่นั้น เธอก็ออกเดินทางปีละสองครั้ง เพื่อหาพื้นที่ของตัวเองอีกครั้ง


---

เจ๊พลอย
คุณหญิงไฮโซตัวแม่ อดีตนางเอกละครที่เคยขึ้นปก “ทีวีพูล” สมัยอายุ 22
วันนี้แม้จะเข้าหลัก 4 แต่ยังคงแต่งหน้าเป๊ะ ฟาดลิปสีแดงเหมือนเชือดใจคนทั้งยุโรป

เจ๊พลอยไม่เคยแต่งงาน แต่เคยมีแฟนที่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหญ่
ชายผู้ลบชื่อเจ๊ออกจากบัญชีผู้ถือหุ้นในวันที่เจ๊คิดจะเกษียณ

วันนี้เจ๊พูดเสียงเรียบ ๆ กับพี่แม็กซ์ที่เคยถามเรื่องความรักว่า…

> “พี่ไม่เคยถูกทิ้ง…แต่ก็ไม่เคยถูกรักด้วยจริง ๆ”
“แต่ไม่เป็นไร เจ๊อยู่ได้…เพราะเจ๊รักตัวเองเป็นแล้ว”




---

ทั้งพี่ดาและเจ๊พลอย ต่างเป็นคนที่อยู่ตรงกลางของกลุ่ม…เงียบ ๆ แต่เสมือนมีพลังงานบางอย่างที่คอยโอบหลังทุกคนไว้

เวลาภัทรกับดินสองอนกัน พี่ดาจะพูดว่า

> “ใจเย็นนะลูก…บางความสัมพันธ์ต้องทะเลาะถึงจะรู้ว่า เรายังแคร์”



ส่วนเจ๊พลอยจะหยิบมือถือขึ้นถ่ายแล้วแซวในไลน์ว่า

> “โอ๊ยยยย ทริปนี้ถ้ากูไม่มีรูปทะเลาะกันของพวกมึง กูคงตายตาไม่หลับ!”



และทุกครั้งที่เงียบลง
สองคนนี้จะนั่งด้วยกันที่ระเบียงโรงแรม
คนหนึ่งวางมือบนหัวเข่า อีกคนถอดขนตาปลอมวางบนแก้วไวน์

และพี่ดาจะพูดว่า…

> “แก…ยังอยากเชื่อในความรักอยู่ไหม?”



เจ๊พลอยจะเงียบไปครู่ ก่อนยิ้มเบา ๆ แล้วตอบ…

> “ถ้าดูคู่นั้นแล้ว ยังไม่เชื่อ ก็คงไม่มีอะไรทำให้เชื่อได้อีกละ”



แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกัน
ก่อนจะชงไวน์ให้กันอีกแก้ว
และเดินไปแซวภัทรกับดินสอที่กำลังทะเลาะกันอีกรอบ


---

สำหรับพี่ดาและเจ๊พลอย…ความรักอาจไม่ใช่ปลายทาง

แต่การได้เห็นคนที่ยังมีความหวังในรัก
ก็อาจเป็นการเริ่มต้นรักตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่งที่ลึกซึ้งกว่าเดิม


ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนพิเศษ – “รักที่ไม่หวือหวา...แต่หนักแน่นกว่าใคร”

รถโค้ชแล่นเอื่อยไปตามทางหลวงระหว่างเมืองหนึ่งสู่อีกเมืองหนึ่ง
ภัทรกำลังง้อดินสอที่งอนตุ้บเพราะเรื่องเดิม ๆ …ไม่รู้จะหวงหรือไม่รู้จะยอม
และข้างหลังเขา สองสามีภรรยาวัยเกษียณนั่งพิงกันเบา ๆ พลางจิบโกโก้อุ่น ๆ ที่พกมาเองจากไทย

> “ก้อง…ยังจำได้ไหม ตอนเราไปสวิตฯ ครั้งแรก…”
ป้าอุ๊ถามเสียงเบา ขณะมองวิวทุ่งหญ้าไกลลิบที่กำลังรับแสงแดดอ่อน ๆ



> “จำได้สิ…ตอนนั้นยังไม่มีเงิน แต่แกก็ยังตามฉันไปทุกที่”



ลุงก้องยิ้ม น้ำเสียงนิ่ง สุภาพ และอบอุ่นแบบที่ทำให้ใครหลายคนในกรุ๊ปคิดว่า
“อยากมีรักตอนแก่ที่ดูแลกันแบบนี้บ้างจัง”


---

ลุงก้อง
อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยด้านประวัติศาสตร์ยุโรป
ผู้มีน้ำเสียงนุ่มลึกเหมือนพระเอกหนังฝรั่งเศส
การพูดของลุง ไม่เคยดัง แต่ฟังแล้วอบอุ่นใจ
ชอบเล่าเรื่องตึก ถนน โบสถ์ และประวัติศาสตร์ที่ไกด์ยังไม่ทันเล่า
และทุกครั้งที่ลุงพูด…ป้าอุ๊จะยิ้มอย่างภาคภูมิ

> “ลุงเคยพาอุ๊มาที่นี่เมื่อยี่สิบปีก่อน…”
“วันนั้นอุ๊ยังเดินไม่ไหว เพราะเพิ่งผ่าตัด…แต่ลุงก็เข็นรถเข็นให้ทั้งวัน”




---

ป้าอุ๊
อดีตครูสอนภาษาไทยที่นุ่มนวลที่สุดในจังหวัด
ชอบชวนทุกคนคุยเรื่องอาหารไทย / ของฝาก / ยาดม
เวลาพักจะหยิบสมุดเล่มเล็กจดชื่อร้านน่าสนใจไว้
และทุกคืนจะกางแผนที่ ทบทวนว่า "พรุ่งนี้เราจะไปไหนกันอีก"

> “ฉันกับลุงเดินช้า แต่ดูได้ทุกมุมนะลูก”
“บางทีรักก็เหมือนเที่ยว…ไม่ต้องรีบไปถึงปลายทางก็ได้ ขอแค่ได้ไปด้วยกันทุกวัน”




---

ในวันหนึ่งที่ภัทรกับดินสอเงียบใส่กันจนบรรยากาศในรถกร่อย
ลุงก้องพูดเบา ๆ หลังไมค์ผ่านลำโพงว่า…

> “การเถียงกันน่ะไม่ใช่เรื่องเสียหาย…มันแปลว่ายังอยากให้กันเข้าใจอยู่”



และป้าอุ๊ตามมาว่า…

> “แต่ต้องรีบเคลียร์นะลูก…เพราะบางที รอไปพรุ่งนี้ อาจไม่ได้พูดแล้วก็ได้”




---

ในอีกค่ำหนึ่งที่ริมแม่น้ำไรน์
ลุงก้องเดินจูงมือป้าอุ๊ช้า ๆ พร้อมกระซิบ…

> “หูยยย ภัทรนี่หล่อล่ำกว่าลุงตอนหนุ่มอีกเนอะ”



ป้าอุ๊หัวเราะแล้วตอบ…

> “แต่ตอนนั้นของลุงก็แน่นไม่แพ้นะ”



เสียงหัวเราะดังขึ้น
และภัทรที่เดินนำอยู่ข้างหน้า หันกลับมาแล้วบ่น…

> “ลุงงง! มึงอย่าแกล้งพ่อกับแม่กู!”



ทุกคนในทริปหัวเราะร่วน


---

ความรักของลุงก้องกับป้าอุ๊อาจไม่ได้มีไฟวาบวับ แต่เป็นแสงอุ่นที่ไม่เคยมอด
เป็นรักที่ไม่ต้องใช้คำพูดมาก แต่ทุกคนสัมผัสได้ในทุกย่างก้าว

พวกเขาคือพลังเงียบของทริป
ที่ทำให้ทุกคนอยากรักให้ดีขึ้น
และอยากอยู่ดูพระอาทิตย์ตกอีกครั้งกับใครสักคน…ที่ยืนอยู่ข้างกันได้ในทุกช่วงวัย


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนพิเศษ – “เพื่อนกันมันส์ทุกทริป แต่ก็อยากมีทริปเป็นแฟนบ้าง”

ในคณะทัวร์ยุโรป 20 วันนี้
ถ้ามีรางวัล “คู่หูที่ทำให้ทุกเช้าไม่เงียบเหงา”
โอ๊ตกับพีท คงได้ไปครองแบบไร้คู่แข่ง


---

โอ๊ต
หนุ่มไอทีจอมกวน ทำงานสาย data analyst แต่ฝันอยากเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ริมคลอง
มีความสามารถพิเศษคือ พูดได้เร็วในระดับที่ Siri ฟังไม่เข้าใจ
เวลาเงียบ ๆ บนรถ จะมีเสียงจากแถวหลังว่า…

> “เห้ยมึง ๆ ไข่ลวกของภัทรยังร้อนอยู่ปะวะ”
“เมื่อคืนมีเสียงน้ำหยดป่ะ หรือกูหูดีไป?”




---

พีท
หนุ่มฝ่ายการตลาดสายครีเอทีฟ รักการถ่ายภาพ ชอบจับจังหวะซีนชาวบ้านเวลาทะเลาะกัน
เป็นเจ้าของประโยคอมตะที่ชาวคณะจำได้ขึ้นใจ:

> “ใครอยากขึ้นเวทีร้องเพลงคืนนี้ ยกมือ!”
“ใครสงสัยว่าภัทรกับดินสอจะไปถึงขั้นไหน ยกขวด!”




---

จุดเริ่มต้นของตำนาน “ปั่นม้วนเดียวจบ”

ตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ
โอ๊ตกับพีทก็สังเกตได้ทันทีว่า ภัทรกับดินสอ คู่นี้มันมีอะไรแน่ ๆ
ท่าทีที่เหมือนจะรัก แต่ตีกันตลอด
มองหน้ากันเหมือนจะชก แต่ก็หวงกันแทบบ้า

> “กูว่าเค้ายังไม่เคยมีอะไรกันว่ะ”
“กูว่าเค้ามีแล้ว แต่ยังไม่รับกันเฉย ๆ”
“หรือเค้าแกล้งทะเลาะเพราะกลัวหายใจไม่ตรงกัน?”



หลังจากวันนั้น โอ๊ตกับพีทตั้งหน้าตั้งตา “ปั่น” คู่ภัทร-ดินสอทุกเช้าเย็น
ตั้งแต่แอบวาง ไวอากร้าปลอม ไว้บนโต๊ะ
จนถึงสร้าง กลุ่มไลน์ลับ ที่มีแต่คนในกรุ๊ป – ยกเว้นภัทรกับดินสอ


---

กลุ่มไลน์ลับที่ไม่ลับเลย

ชื่อกลุ่ม: “ทัวร์รักหมัดแรก”

เจ๊พลอยตั้งภาพโปรไฟล์เป็นภาพภัทรกับดินสอกอดกันแน่น ๆ ใน La Défense

พี่แม็กซ์ส่งสติ๊กเกอร์หมีกอดตลอดเวลา

ลุงก้องตอบด้วยคำว่า “โอ้ย พ่อแม่ลูกเอ๊ย”

พีทตั้งโพลว่า “คืนนี้ภัทรจะสำเร็จไหม” – ผลโหวต 11/12 คือ “ไม่”

โอ๊ตเปลี่ยนชื่อกลุ่มใหม่เป็น “แพ้พรหมจรรย์ 500 ชาติ”



---

ความหวังในหัวใจเพื่อนซี้

แม้จะตลกเฮฮาในทุกมื้ออาหาร
แต่ใครจะรู้ว่า ในใจของโอ๊ตและพีท
ก็มีคำถามเงียบ ๆ ที่ยังไม่มีคำตอบ...

> “เราไปเที่ยวด้วยกันมาตั้งหลายรอบ แต่ไม่เคยมองกันมากกว่านี้ใช่ไหมวะ?”



พีทนั่งเขียนโปสต์การ์ดส่งให้ตัวเอง
โอ๊ตถ่ายภาพวิวหอไอเฟลลง IG แล้วใส่แคปชันว่า...

> “บางมุมของเมือง มันสวยพอ ๆ กับบางมุมในใจมึงเลยว่ะ…”



แต่พอพีทมาเห็น ก็กดลบให้ทันที พร้อมกับตะโกนใส่

> “อย่าหวานแต่ในแคปชันดิ! กินคาร์โบฯหน่อยไหม?”




---

โอ๊ตกับพีทคือพลังบวกของคณะทัวร์
ที่ทำให้ทุกเช้าคึกคัก ทุกเย็นเฮฮา
และทำให้ความรักของภัทรกับดินสอ…
มีเสียงหัวเราะเป็นซาวด์แทร็กประกอบฉากทุกวัน


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนพิเศษ – “พี่แป๋ว: หัวใจที่อยากให้โลกเป็นสีชมพู แม้ตัวเองจะยังอยู่ในโหมดเทาอ่อน”


---

ชื่อจริง: พี่แป๋ว
อายุ: 34 ปี
อาชีพ: สไตลิสต์ฟรีแลนซ์ / คอลัมนิสต์ด้านแฟชั่น
ลุคประจำตัว: ชุดกิโมโนกึ่งแฟชั่นสตรีต รองเท้า Onitsuka ผ้าคลุมไหล่พริ้วๆ กับหมวกปีกกว้าง
นิยามจากเพื่อนในทริป: “นางคือกูรูแฟชั่นประจำรถโค้ช”


---

สนามบินสุวรรณภูมิ – จุดเริ่มต้นของพลังงานสาย “ป้าสายแฟ”

ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันที่สนามบิน
ทุกคนในคณะทัวร์ต่างจดจำพี่แป๋วได้จากชุด field jacket สีเขียวมะกอก
แมตช์กับกระเป๋าเดินทางลายเสือดาว

เจ๊พลอยพูดเบาๆ กับพี่ดา

> “แป๋วแต่งตัวเหมือนจะไปถ่าย editorial มากกว่ามาทัวร์นะ”



ซึ่งก็จริง เพราะแป๋วเคยบอกว่า...

> “ถึงจะเที่ยว แต่รูปต้องพร้อมลง! คนเห็นภาพก่อนจะรู้ว่าเรามีความสุขหรือเปล่า…”




---

ความจริงในใจแป๋วที่ไม่ค่อยมีใครรู้

แม้พี่แป๋วจะเป็นคนคุยสนุก สดใส ทันแฟชั่นทุกซีซัน
แต่ในห้องพัก เวลาอยู่คนเดียว
เธอคือผู้หญิงที่ยังพกโปสการ์ดจาก "เขา" เอาไว้ในกระเป๋าสตางค์

ชายคนหนึ่ง… ที่เคยเดินด้วยกันตอนเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อ 5 ปีก่อน
ตอนนั้นยังไม่กล้าเรียกแฟน
แต่ตอนนี้… ไม่มีแม้แต่สถานะจะให้ลืม

> “ไม่ใช่ไม่เปิดใจ... แต่แค่ไม่รู้จะเปิดให้ใครแล้วมั่นใจเหมือนตอนนั้นอีกมั้ย”




---

พี่แป๋วกับภัทรและดินสอ

แป๋วสนิทกับภัทรก่อน เพราะเคยเจอกันในงานวิ่งการกุศล
ส่วนดินสอ เธอชอบมากเพราะน้องเรียบร้อยน่ารักและใส่แว่น
(คนที่ใส่แว่นสไตล์ round frame คือ type ที่แป๋วชอบมาก)

เวลาที่ภัทรกับดินสอตีกัน
แป๋วจะทำหน้าที่เป็น mediator (ตัวกลางที่เป็นแฟชั่นนิสต้า) เสมอ
ประโยคที่พูดจนเจ๊พลอยท่องได้ขึ้นใจคือ…

> “เอาอย่างนี้ ใครไม่ง้อใครก่อน คืนนี้ต้องใส่ชุดนอนน่าเกลียดสุด!”




---

บนรถทัวร์ พี่แป๋วเป็นที่พึ่งของใครหลายคน

โอ๊ตกับพีทเวลาอยากถามว่า “นี่กางเกงสีเบจเข้าได้กับอะไร”
จะถามแป๋ว

เจ๊พลอยอยากเปลี่ยนลุคใหม่ ก็มานั่งข้างแป๋วบนรถแล้วให้แต่งหน้าให้

คุณต่ายบ่นว่า “ผ้าพันคอที่ซื้อมาแพงเกินมั้ย”
แป๋วตอบกลับพร้อมตบไหล่ว่า…

> “พี่เป็นนักช้อปที่ไม่เคยรู้สึกผิด เพราะรู้ว่าของที่เราซื้อ จะอยู่กับเรายาวนานกว่าผู้ชายบางคน”




---

บทส่งท้ายเล็กๆ

พี่แป๋วคือผู้หญิงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แม้ภายในจะยังไม่เคยหายเศร้าจากใครบางคนในอดีต
แต่เธอก็เลือกใช้แฟชั่น ปากแดง และความเฟียร์ซ
เป็นเกราะบาง ๆ ปกป้องหัวใจของตัวเองไว้

เพราะเชื่อเสมอว่า...

> “คนเราจะเริ่มต้นใหม่ได้... ถ้าเชื่อว่าโลกยังสวยอยู่ แม้ความรักจะยังเทาอยู่ก็ตาม”




---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 24 — ไข่ลวก เสียงถอนใจ และเมืองเก่าที่ไม่เคยเปลี่ยน

เสียงเครื่องปรับอากาศของโรงแรมหรูใจกลางแฟรงก์เฟิร์ตยังคงทำงานอย่างเงียบเชียบ แสงแดดแรกของวันลอดผ่านม่านโปร่งบางที่ปลิวไหวเบา ๆ กับลมฤดูใบไม้ผลิยามเช้า สาดเข้ามาแตะขอบเตียงคิงส์ไซส์ที่ยังไม่ได้เก็บผ้าห่มเรียบร้อย — และในมุมนั้น… มีเงาร่างของใครบางคนนั่งกอดเข่าอยู่ริมหน้าต่าง

“...เมื่อคืนก็รีบนอนอีกแล้ว”

ภัทรพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เหมือนบ่นแบบกลัวใครได้ยิน ขณะเหม่อมองวิวเมืองแฟรงก์เฟิร์ตที่ค่อย ๆ ตื่นจากความเงียบยามค่ำ แสงแดดแต้มยอดตึกระฟ้า ตัดกับเงาของโบสถ์เก่าที่อยู่ไม่ไกลนัก ใจภัทรรู้สึกหนักหน่วงแบบอธิบายไม่ถูก

บนเตียงนั้น ดินสอยังคงนอนห่มผ้ากอดหมอนข้างเงียบ ๆ — เหมือนคนที่ยังหลับ หรือแกล้งหลับ

เมื่อคืนเขาแค่… อยากจะกอด อยากจะพูด อยากจะ “ลองขอ” บางอย่าง แต่พอเจอแผ่นหลังเล็ก ๆ นั้นพลิกตัวหนีด้วยความเหนื่อยล้า ภัทรก็ถอนใจ ถอยออกมา ยอมแพ้อีกคืนหนึ่ง

“กูไม่รู้ว่ามึงกลัวอะไรดินสอ… แต่กูจะไม่บังคับ”

เขานั่งนิ่ง ๆ แบบนั้นนานนับสิบนาที ก่อนที่เสียงฝักบัวในห้องน้ำจะดังขึ้นในที่สุด และหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็แต่งตัว เตรียมตัวลงไปเจอกับมื้อเช้าที่ห้องอาหารหลักของโรงแรม


---

Steigenberger Frankfurter Hof – อาหารเช้ากลางตำนาน

โรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านเมืองเก่าของแฟรงก์เฟิร์ตแห่งนี้ ไม่ได้โด่งดังแค่เพราะความหรูหรา แต่คือหนึ่งในโรงแรมเก่าแก่ที่เคยต้อนรับแขกระดับโลกมามากมาย ตั้งแต่พระราชวงศ์ยุโรปไปจนถึงนักการเมืองชื่อดัง นักเขียนชื่อก้อง และดาราฮอลลีวูด

ห้องอาหารเช้าชั้นล่างตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าแวววาว พื้นหินอ่อนขาวครีม เฟอร์นิเจอร์ไม้แท้สไตล์คลาสสิก อาหารวางเรียงรายในบุฟเฟ่ต์แบบไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี

ภัทรเดินไปตักไข่ลวกมา 6 ฟอง พร้อมเบคอน ผักโขม และครัวซองต์ “โอ๊ต! พีท! เอาไข่ลวกมาฝากพ่อกล้ามหน่อยสิ!” พี่ดาตะโกนจากอีกมุม

“เฮ้ย! เอามาอีกเหรอ” ภัทรหัวเราะ

“เมื่อคืนเสียพลังไปเยอะ วันนี้ต้องกินเสริมพลัง” โอ๊ตพูดพร้อมยกนิ้วให้ ทุกคนในกลุ่มหัวเราะเสียงดังกันครื้น

ดินสอแกล้งทำหน้าหงิก ตักโยเกิร์ตกับผลไม้เงียบ ๆ แต่หูแดง

“อ้าว ทำไมไม่กินไข่ล่ะมึง”

“จะกินปลา…”


---

เส้นทางสู่ไฮเดลเบิร์ก – เมืองเก่าริมแม่น้ำเนคคาร์

รถโค้ชค่อย ๆ เคลื่อนออกจากแฟรงก์เฟิร์ต มุ่งหน้าสู่เมืองโบราณที่ชื่อ “ไฮเดลเบิร์ก” (Heidelberg) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัยแห่งแรก ๆ ของเยอรมนี และยังเป็นเมืองที่รอดพ้นจากการถูกทำลายในช่วงสงครามโลก ทำให้ทุกซอกซอยยังเต็มไปด้วยมนตร์ขลังแบบยุโรปคลาสสิก

พี่โต ไกด์ประจำทริปที่เพิ่งขึ้นมานั่งข้างหน้าพร้อมไมค์ในมือ เริ่มเล่าอย่างออกรส

“เมืองไฮเดลเบิร์กนี่นะครับ เป็นที่ตั้งของ Heidelberg University มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในเยอรมนี ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1386 ตอนช่วงยุคกลางเลย — ที่สำคัญยังเป็นที่รวมปราชญ์ นักปรัชญา และนักเขียนยุคหลังสงครามมากมาย…”

ทุกคนในรถฟังเงียบ ๆ ขณะผ่านทุ่งเขียวขจี แม่น้ำเนคคาร์ทอดยาวขนานไปกับถนนสายเล็ก ๆ ดินสอกดกล้องถ่ายรูปมือถือเงียบ ๆ

ภัทรเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้เบา ๆ ใต้เบาะที่นั่ง


---

Heidelberg Castle – ความโรแมนติกของอดีต

เมื่อขึ้นมาถึงจุดชมวิวของ ปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberger Schloss) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำ บรรยากาศเย็นลมพัดผ่านใบไม้ในสวนสไตล์เรอเนซองส์เบา ๆ ท้องฟ้าเมษายนใสและมีเมฆบางแต้มไว้บ้างอย่างมีศิลปะ

ซากหินสีแดงของกำแพงปราสาท บอกเล่าประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 700 ปี ทั้งเคยเป็นที่พำนักของเจ้าชาย Elector Palatine เคยถูกทำลายระหว่างสงคราม และถูกปล่อยให้เป็นซากบางส่วนเพื่อคงไว้ซึ่งความงามแบบ “โรแมนติก”

“สวย…” ดินสอพูดเบา ๆ

“มึงชอบเหรอ”

“ชอบ… มันเหมือนเวลาเราผิดพัง แต่ยังมีคนมองว่าเราสวยอยู่”

ภัทรเงียบ ไม่พูดอะไร แค่กระชับมือแน่นขึ้นอีกนิด

จากด้านบน ปราสาทสามารถมองลงไปเห็น “เมืองเก่า” ด้านล่าง และสะพานหินที่ทอดข้ามแม่น้ำเนคคาร์ในรูปโค้งมน — ทั้งหมดดูเหมือนหลุดมาจากหนังเทพนิยาย


---

[จบบทที่ 24]

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 25: แอบกลัวจะเป็นแค่ฉากหนึ่งในหนังรัก

กลางวันวันนั้น แดดเมืองไฮเดลเบิร์กอุ่นจัดจ้านพอดีเหมือนฉากเปิดของหนังรักฟิล์มยุโรปเก่า ดินสอกับภัทรเดินเคียงกันกลับลงมาจากปราสาท ข้างทางเต็มไปด้วยต้นเชอร์รี่เพิ่งผลิบาน ใบเขียวอ่อนสะท้อนแสงแดดระยิบระยับเหมือนกลีบหิมะที่สลายตัวไปบนยอดเขา

12:00 น. – มื้อเที่ยงที่ Wirtshaus zum Spreisel

ร้านอาหารไม้สไตล์บาวาเรียนที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าปราสาท เป็นบ้านไม้สองชั้นสีอบอุ่น มีดอกเจอราเนียมสีแดงปลิวอยู่ริมหน้าต่าง บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นหมูย่างและเครื่องเทศจากครัวที่เปิดโล่ง เสียงหัวเราะจากนักท่องเที่ยวเยอรมันแท้ ๆ ดังแทรกเสียงเพลงพื้นเมืองเบา ๆ จากวิทยุเก่าในร้าน

คณะทัวร์นั่งล้อมวงกันตรงระเบียงไม้ วิวเบื้องหน้าคือเนินเขาสลับซับซ้อนกับแม่น้ำ Neckar คดเคี้ยวทอดผ่านกลางเมืองเก่า

“ภัทร มึงสั่งอะไร” ดินสอถามเสียงเบา ขณะนั่งลงฝั่งตรงข้าม

“สเต็กหมู...จะลองดูว่าของจริงเยอรมันมันเด็ดแค่ไหน” ภัทรตอบเสียงเรียบ แต่ในใจแอบมองคนตัวเล็กที่เปิดเมนูแล้วเงียบไปนิดหนึ่ง ดวงตาไล่ไปตามบรรทัด แต่จิตใจเหมือนไม่อยู่ตรงนั้น

ทุกคนเริ่มได้จานของตัวเอง:

สเต็กหมูเยอรมัน – ชิ้นใหญ่ทอดหนังกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมมันบดและกะหล่ำดอง

ซุปมันฝรั่ง – กลิ่นหอมกรุ่น เสิร์ฟมาในถ้วยเซรามิกสีเบจวินเทจ

Apple Strudel – ขนมหวานประจำแคว้นบาวาเรีย หอมอบเชย ราดซอสวานิลลาเยิ้ม ๆ


ภัทรเงียบไปช่วงหนึ่งก่อนจะหันมาพูดเบา ๆ “ดินสอ…เมื่อคืนกู...” แต่ดินสอก้มหน้ากินต่อ ไม่ตอบ

“กูไม่ได้จะบังคับมึงนะเว้ย” ภัทรพูดเร็วขึ้น “แค่อยากให้รู้ว่ากูรอได้นะ รอได้อีกเป็นชาติเลยด้วย ถ้ามึงยังไม่พร้อม”

ดินสอวางส้อมลงเงียบ ๆ “แล้วถ้ามึงรอแล้วกูยังไม่เคยพร้อมเลยล่ะ”

คำพูดนั้นเหมือนสะกิดอะไรในใจของภัทร เขานั่งนิ่ง ค่อย ๆ วางส้อมลงแล้วเงียบตาม

13:30 น. – เดินทางสู่ลูเซิร์น (Lucerne)

รถโค้ชออกจากไฮเดลเบิร์กพร้อมเสียงล้อบดเบียดไปกับถนนเรียบเงียบ ทิวทัศน์สองข้างทางค่อย ๆ เปลี่ยนจากเมืองเก่าเป็นทุ่งหญ้า ลำธาร แล้วก็เข้าสู่เขตป่าเขาแถบชายแดน

ภัทรแกล้งนั่งเบียดดินสอจนคนตัวเล็กเอนไปพิงหน้าต่าง แต่คราวนี้ดินสอไม่ว่าอะไร เงียบเฉย แค่กระซิบว่า “อย่าเบียด เดี๋ยวล้ม”

“มึงไม่ด่ากูเหรอ” ภัทรถามพลางยิ้มมุมปาก

“ขี้เกียจพูด” ดินสอพูดเรียบ ๆ แล้วหันหน้าออกไปมองวิว

ข้างในใจเขายิ่งกว่าสายหมอกในหุบเขา ตื่นกลัวว่าถ้าพลั้งใจเดินไปถึงจุดหนึ่ง แล้วอีกคนจะเปลี่ยนไป… ถ้าแค่ได้นอนด้วยกัน แล้วทุกอย่างจะจบแบบที่เคยเห็นในหนัง

17:30 น. – เช็คอิน Hotel des Balances, Lucerne

โรงแรมริมทะเลสาบลูเซิร์นหลังใหญ่สีครีมไข่มุกหลังคาแดง เป็นอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 สไตล์ Neo-Renaissance ที่ได้รับการรีโนเวทใหม่หมดโดยยังคงกลิ่นอายเดิมไว้ทุกกระเบียดนิ้ว ล็อบบี้ปูด้วยหินอ่อนสีน้ำตาลทอง มีโคมระย้าคริสตัลห้อยย้อยลงมาจากเพดานทรงโค้ง

ห้องพักของภัทรกับดินสออยู่ชั้น 3 วิวจากระเบียงคือทะเลสาบลูเซิร์นสะท้อนภูเขา Rigi และ Pilatus หิมะขาวยังเกาะบนยอดเป็นทางยาว

“วิวดีเกินไปแล้ว” ดินสอพูดเบา ๆ ขณะเปิดม่าน

“แต่กูชอบวิวในห้องมากกว่า” ภัทรพูด ยิ้มกวน ๆ จ้องคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ในแสงเย็น

18:30 น. – เดินเล่น Chapel Bridge และริมทะเลสาบ

สะพานไม้โบราณ Chapel Bridge (Kapellbrücke) อายุเกิน 700 ปี ข้ามคลอง Reuss เป็นสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น หลังคาไม้เก่าและดอกไม้หลากสีประดับรายทางสะพาน ภาพวาดใต้หลังคาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์สวิตเซอร์แลนด์เป็นฉาก ๆ

ภัทรกับดินสอเดินเคียงกัน โดยมีเจ๊พลอยกับพี่แม็กซ์แซวตามหลัง “แฟนกันอย่าขี้เก๊กนักสิ”

“ใครแฟน” ดินสอหันขวับไปแต่ไม่หลุดยิ้ม

19:30 น. – ดินเนอร์ที่ Old Swiss House

ร้านอาหารหรูหราสไตล์ chalet ต้นศตวรรษที่ 20 ตัวบ้านไม้เก่าแก่อบอุ่น เปิดไฟส้มละมุน ภายในตกแต่งด้วยผ้าปูโต๊ะลายคลาสสิก ภาพวาดยุคเรอเนสซองส์ และโคมไฟทองเหลือง

อาหารค่ำนั้นหอมละมุน:

Fondue ชีสแบบดั้งเดิม – ละลายในหม้อทองเหลือง เสิร์ฟกับขนมปังสด

เนื้อวัวอบไวน์แดง – รสเข้มเคี่ยวหลายชั่วโมง

ไวน์ขาวจาก Ticino – กรุ่นกลิ่นดอกไม้และผลไม้เขตร้อน


ทุกคนในคณะทัวร์หัวเราะครืนเมื่อพี่แม็กซ์พูดว่า “คืนนี้ภัทรต้องบำรุงนะ เชียร์ให้สำเร็จซักที”
ดินสอก้มหน้ากินไวน์ คำพูดนั้นแทงใจยังไงก็ไม่รู้



เงียบในห้อง ขณะภัทรมองคนตัวเล็กหลับแล้ว

กล้ามอกของเขาสะท้อนแสงไฟจากระเบียง เขายืนเฉย ๆ ในห้องน้ำ พลางคิดในใจว่า…

“คืนนี้…จะพิชิต หรือจะหลับเหมือนเดิม?”

เขาไม่ได้รู้ว่า บางที คนตัวเล็กอาจจะไม่ได้กลัวสิ่งที่กำลังจะเกิด แต่กลัวว่าสิ่งนั้นจะเป็นฉากสุดท้ายของเราในหนังเรื่องหนึ่ง…ก็แค่นั้นเอง.

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 26: เสียงโอ๊ยกลางหิมะ หัวใจลั่นกลางฟ้า

เสียง “โอ๊ย!” กลางดึกเมื่อคืนดังกังวานเกือบทั่วทั้งชั้นของโรงแรม Hotel des Balances ริมทะเลสาบลูเซิร์น ผู้ร่วมคณะบางคนสะดุ้งตื่น บ้างหัวเราะเบา ๆ พลางแชทลงไลน์กลุ่ม บอกว่า “คืนนี้คงปิดจ๊อบได้แล้วมั้ง…”

แต่ความจริงคือยัง

ภายในห้องพักหรูริมทะเลสาบที่ตกแต่งแบบสวิสคลาสสิกผสมกลิ่นอายเรอเนสซองส์ ดินสอในชุดคลุมสีขาวขดตัวอยู่ในห้องน้ำ หลังใช้หัวโขกภัทรที่กำลังจะ "พิชิต" อยู่ในจังหวะสุดท้าย ทั้งคู่เหลือแค่กางเกงใน... ภัทรยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองที่โดนโขก หัวเราะเบา ๆ พลางพึมพำกับตัวเอง “เกือบแล้วไอ้ภัทร…เกือบแล้ว…”

เช้าวันที่ 10 ของทริป… ลูเซิร์นตื่นขึ้นมาพร้อมอากาศหนาวเย็นในฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิอยู่ที่ราว ๆ 7°C กลิ่นหิมะจาง ๆ ลอยมากับลม ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อน แสงแดดลอดผ่านม่านบางที่ปลิวไหวเบา ๆ ตามแรงลมจากหน้าต่างริมทะเลสาบ

เสียงนกนางนวลลูเซิร์นดังเป็นจังหวะเชิญชวนให้เริ่มเช้าวันใหม่…

ภัทรตื่นก่อน ขยับแขนอย่างระวังไม่ให้ปลุกดินสอที่ยังขดตัวนอนข้าง ๆ เขากดจูบเบา ๆ ที่กลุ่มผมของคนรักก่อนจะลุกขึ้นมาล้างหน้า แล้วแกล้งทำเสียงดังเป็นพิเศษ

“โอ๊ย… เมื่อคืนนี้…”

เสียงดินสอลุกพรวด “อย่าแม้แต่จะพูดนะมึง” พร้อมสายตาเขิน ๆ ที่ทั้งขู่ทั้งสั่น ภัทรหัวเราะเบา ๆ เดินไปหยิบเสื้อคลุมของโรงแรมมาสวมแล้วพาดไว้บนไหล่ดินสอ

ไลน์บุฟเฟต์อาหารเช้าแบบสวิส

ที่ชั้นล่างของโรงแรม ห้องอาหารวิวทะเลสาบถูกเปิดม่านรับแสงเช้า กลิ่นขนมปังอบสดหอมลอยมาแต่ไกล

บนไลน์อาหารเช้าจัดเต็มแบบสวิสแท้:

ขนมปัง Zopf ถักเปียสีทองนวล เสิร์ฟคู่แยมแอปริคอต

ชีส Emmental และ Gruyère หั่นแผ่นบาง

ไข่ลวกสุกปานกลางในแก้วทรงยาว

โยเกิร์ตสดรสเนเชอรัลและราสป์เบอร์รี

แฮมและไส้กรอกสวิสแบบเนื้อแน่น รมควันเบา ๆ

ขนมปังโรเจินคลุกเนย

น้ำแอปเปิ้ลสกัดเย็นจากไร่องุ่น

กาแฟลาเต้และเอสเพรสโซ่เข้ม ๆ


เจ๊พลอยยกจานไข่ลวกเดินมาเสิร์ฟให้ภัทร 6 ฟอง “เมื่อคืนเสียพลังไปเยอะสินะลูก?”

คนทั้งโต๊ะพร้อมใจมองดินสอที่หูแดงจนถึงปลายคอ…

ล่องเรือทะเลสาบ Lucerne – ขึ้นสู่ยอด Rigi

08:30 น. คณะทัวร์ทั้งหมดขึ้นเรือจากท่าเรือในเมืองลูเซิร์น เรือขนาดกลางสีขาวลำนี้ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง แล่นผ่านทะเลสาบลูเซิร์นอันใสราวกระจก ทะเลสาบที่นี่ลึกที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ วิวสะท้อนของภูเขา Rigi และ Pilatus ที่ถูกหิมะปกคลุมบาง ๆ เป็นเหมือนภาพวาดน้ำมันเคลือบฟ้า

บรรยากาศบนเรือสงบ ผู้คนถ่ายรูป วิวเงียบแต่หัวใจไม่เงียบ…

ภัทรเดินมาแอบจับมือลูบดินสอเบา ๆ จากด้านหลัง เสียงคลื่นเบา ๆ คล้ายจะกล่อมความรู้สึกกลัวที่อยู่ลึก ๆ ในใจของดินสอให้คลี่คลาย

รถไฟฟันเฟืองสู่ Mount Rigi

จากท่า Vitznau คณะทัวร์ขึ้นรถไฟฟันเฟืองสายประวัติศาสตร์ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1871 รถไฟสีแดงค่อย ๆ ไต่ขึ้นตามไหล่เขา วิวสองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้า ไร่นา วัวสวิส และหิมะสีขาวกระจายตัวตามพื้นที่สูง

บนยอด Rigi Kulm ความสูงราว 1,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ลมเย็นพัดแรง พื้นที่บางจุดยังมีหิมะหลงฤดู กองสุมตามพุ่มไม้

ภัทรยื่นมือไปจับมือดินสออีกครั้ง ครั้งนี้ ดินสอจับตอบ

“กูยังไม่พร้อม... แต่กูไม่เคยไม่อยากให้มึงอยู่ข้าง ๆ” ดินสอบอกเบา ๆ

“กูจะอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ไปไหน”

จบตอนที่ 26 ด้วยบรรยากาศบนเขาริกิ
เสียงกล้องถ่ายภาพดังแชะ ๆ ในหมอกหนาเบา ๆ ของหิมะที่ตกลงมาเป็นเกล็ดโปรยปรายเล็ก ๆ…

และเสียงภัทรในใจที่พูดเบา ๆ “อีกนิดเดียว… อีกนิดเดียวเท่านั้น…”


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน – ตอนที่ 27

“กูรู้สึกว่ามึงกลัว”

เสียงล้อรถไฟฟันเฟืองเสียดสีรางเหล็กดังสะท้อนก้องเหนือหุบเขา เสียงคล้ายจังหวะใจของคนสองคนที่ไม่เคยจูนกันได้พอดีสักที — หนึ่งคนเดินหน้าเสมอ หนึ่งคนถอยเสี้ยวหัวใจทุกครั้งที่ใกล้จะก้าวข้ามเส้นบางๆ ระหว่างคำว่า “รัก” และ “กลัว”

สายลมเย็นเฉียบของเช้าวันที่ 10 โชยเข้ามาจากบานหน้าต่างบนรถไฟสาย Cogwheel Train ที่ไต่ระดับลงจากยอดเขาริกิ (Rigi) ช้าๆ จากจุดสูงสุดของยอดเขา มองเห็นทิวเขาแอลป์ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ผลิใบสีเขียวอ่อนแซมด้วยหิมะขาวบางราวฝัน ดวงอาทิตย์ไถลลอดม่านเมฆลงมาทาบไหล่

ภัทร นั่งพิงพนักเก้าอี้ มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ สวมเสื้อโค้ทสีกรมท่า ท่ามกลางอุณหภูมิ 5 องศา

ดินสอ นั่งอยู่ข้างกัน แต่อ้อมไหล่แทบไม่แตะกันเลย แม้ขาของภัทรจะยื่นมาชนต้นขาเขาแผ่วๆ อยู่ก็ตาม

บรรยากาศเงียบ... เงียบเกินไปสำหรับสองคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ

“...มึงเงียบอีกแล้ว” ภัทรพูดเบาๆ เหมือนกลัวทำลายความนิ่งงดงามของธรรมชาติ

ดินสอไม่ตอบ ยังคงมองวิวเบื้องล่างของทะเลสาบลูเซิร์นที่เลื้อยอยู่ท่ามกลางไหล่เขา

“มึงกลัวอะไรอยู่ใช่ไหม?” ภัทรพูดเสียงแผ่ว แต่จริงจัง
“กูรู้สึกว่ามึงกลัว... มึงกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่”

ดินสอหันขวับ แต่ไม่ใช่เพราะตกใจ... เป็นการปฏิเสธด้วยสายตา และเขาก็หลบตาในทันที

“ไม่ใช่...กูไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้น”

ภัทรถอนหายใจเบาๆ มองมือของตัวเองบนตัก

“มึงกลัวว่า ถ้าเรามีอะไรกันแล้ว กูจะเปลี่ยนไปใช่ไหม?”
“หรือมึงกลัวว่า ถ้ากูได้ในสิ่งที่กูหวัง... แล้วกูจะทิ้งมึงไป?”

ดินสอหันมามองทันที
สายตานั้น... เหมือนเจอความคิดของตัวเองถูกแฉกลางแดด

เงียบ
ภัทรไม่พูดซ้ำ
ดินสอไม่ตอบ
ต่างคนต่างนั่งฟังเสียงรถไฟเสียดเสี้ยวระหว่างความจริงและความกลัว


---

12:00 น. – Rigi Kulm Hotel Restaurant
ร้านอาหารกลางวันบนยอดเขา Rigi คือกระท่อมไม้แบบชาเลต์หลังน้อยที่อบอุ่นที่สุดในวันที่เย็นยะเยือก เมนูที่เสิร์ฟในวันนี้เป็น สตูว์ไก่กับมันบดชีส และ ช็อกโกแลตร้อน ที่ข้นหนืดหอมหวาน

ดินสอช้อนซุปขึ้นช้าๆ บนไอน้ำร้อนที่ลอยฟุ้ง เหมือนเผลอคิดไปถึงประโยคของภัทรบนรถไฟ

ภัทรจ้องเขาตลอดมื้อกลางวัน แต่ไม่พูดอะไรอีก
ทุกอย่างเหมือนสงบ... แต่สงบแบบที่ข้างในยังสั่นอยู่


---

13:30 น. – ลงรถไฟอีกสายสู่ Arth-Goldau / กลับ Lucerne

การเดินทางกลับเมืองลูเซิร์นผ่านเส้นทางฝั่งตรงข้ามของเขาริกิ สองคนไม่พูดกันเลย จนกระทั่งถึงโรงแรมช่วงบ่าย


---

15:30 น. – พักผ่อน + ช้อปของฝากในลูเซิร์น

ที่ถนนเก่าของลูเซิร์น ร้านขายของฝากมีทั้ง นาฬิกาสวิส, มีดพับ Victorinox, และ ช็อกโกแลต Lindt รุ่นลิมิเต็ด
โจแอบซื้อมีดพับมาฝากพ่อ
คุณเอิร์ธถามราคาช็อกโกแลตทุกแบบ
โอ๊ตกับพีทเถียงกันว่าจะซื้อนาฬิกาใครดี

เจ๊พลอยแซวดินสอ “วันนี้เดินเกาะแขนกันทั้งวันเลยนี่นา?”
ดินสออ้อมแอ้มปฏิเสธ
ภัทรแกล้งกระแอมใส่เสียงดัง
ทุกคนหัวเราะ


---

18:30 น. – ดินเนอร์: Restaurant Mill’Feuille (Modern Swiss Dining)

ร้านอาหารหรูริมแม่น้ำ Reuss ให้บรรยากาศสุดโมเดิร์น เสิร์ฟจานแบบ New Swiss

ปลาซัลมอนสดจากทะเลสาบ

ผักโขมอบชีสกรอบนอกนุ่มใน

ไวน์แดงเขต Graubünden ที่หอมกลิ่นเชอร์รี่เจือโอ๊ค


ระหว่างมื้อ ภัทรกับดินสอยังแทบไม่สบตา
แต่หลังจากดินสอจิบไวน์ไปสามอึก...

เขาเผลอพูดเบาๆ ว่า
“...มึงพูดถูกนะ กูอาจจะกลัวจริงๆ”
“แต่ไม่ใช่กลัวมึงทิ้ง กูกลัวว่า... กูจะไม่ดีพอสำหรับมึงมากกว่า”

ภัทรมองเขาอยู่นาน แล้วก็ยิ้ม...

“มึงรู้ไหม... ที่มึงกลัวน่ะ กูไม่กลัวเลย กูมั่นใจว่ามึงคือคนที่กูเลือกแล้ว”
“กูแค่อยากให้มึงรู้ว่า... กูจะไม่ไปไหน”


---

จบบทที่ 27


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
— ตอนที่ 28 —
“เราจะจากกันแบบดี ๆ ได้ไหม”

กลางคืนที่ลูเซิร์นไม่ได้เงียบเท่าไหร่ เพราะมีเสียงน้ำกระทบฝั่งของทะเลสาบ Vierwaldstättersee หรือที่รู้จักกันในชื่อ Lake Lucerne ดังคลอเบา ๆ ตลอดแนวทางเดินริมตลิ่งใกล้กับร้าน Mill’Feuille ซึ่งเป็นจุดยอดฮิตของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่อยากเดินย่อยหลังมื้อค่ำ หรือไม่ก็แค่มานั่งดูดาว สะท้อนเงาน้ำระยิบบนผืนน้ำสีหม่นของคืนฤดูใบไม้ผลิ

ทะเลสาบนี้ไม่ได้เป็นแค่แหล่งน้ำ หากแต่เป็นหัวใจของเมืองและประวัติศาสตร์ชาติสวิส… ว่ากันว่าบริเวณนี้เองเป็นจุดที่ William Tell วีรบุรุษของชาวสวิส เคยลอบสังหารขุนนางออสเตรียเพื่อจุดชนวนการเรียกร้องเอกราชของประเทศ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในแบบที่เราเห็นทุกวันนี้

สองเงาเดินเคียงกันช้า ๆ ระหว่างแสงไฟริมฝั่งและเสียงหัวใจที่เงียบเกินกว่าจะพูดออกมา ดินสอไม่ได้จับมือภัทร แต่ภัทรก็ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กอยู่ไกลเกินแขน

“รู้ใช่ไหมว่าหลังจากทริปนี้… เราอาจเลิกกัน”

เสียงนั้นดังจากดินสอ ท่ามกลางแสงไฟและอากาศที่เย็นแค่พอให้หายใจออกมาเป็นไอจาง ๆ

ภัทรหยุดเดิน หันไปสบตากับดินสอ คนตัวเล็กหลบตา มือกำชายเสื้อกันหนาวแน่น

“เรารู้จักกันมา 20 ปี เป็นแฟนกัน 10 ปี เราคบกันมานานแล้วนะ…”
“แต่เรายังไปไม่ถึงไหนกันเลย”

ภัทรขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เพราะไม่เข้าใจ

“แล้วไงล่ะ กูมีเวลาให้มึงทั้งชีวิต” เขาว่าเรียบ ๆ

“ตีกันทุกวันเนี่ยนะ…”

เงียบ

เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินเรียงริมทะเลสาบดังกว่าที่ควรจะเป็น

“กูไม่อยากให้เราจากกันแบบไม่ดี” ดินสอพูดต่อ สุดท้าย

ภัทรไม่ตอบ แค่ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนเดินนำไปอย่างเงียบ ๆ

ดินสอเงยหน้าขึ้นมองฟ้า บอกตัวเองในใจว่า... ถ้าไม่อยากเสียเขา ก็ต้องเริ่มจากตัวเองก่อน


โรงแรม: Hotel des Balances

โรงแรมระดับห้าดาวริมทะเลสาบแห่งนี้ คืออดีตคฤหาสน์ของพ่อค้าในศตวรรษที่ 12 ดัดแปลงให้กลายเป็นโรงแรมหรูตั้งแต่ปี 1800 และได้รับการบูรณะอย่างประณีตจนปัจจุบันกลายเป็นไอคอนแห่งเมืองลูเซิร์น ห้องที่ทั้งคู่พักหันหน้าออกทะเลสาบโดยตรง วิวหน้าต่างพาเห็นยอดเขา Pilatus ที่อยู่ไกล ๆ กับแสงไฟที่สะท้อนผิวน้ำคล้ายระยิบระยับของอัญมณีในตู้โชว์

คืนนี้ไม่มีเสียง "โอ๊ย!" เหมือนคืนก่อนหน้า
ไม่มีเสียงโต้เถียง
มีแค่ความเงียบ… กับความคิดในใจของแต่ละคนที่ดังเท่านั้น


เช้าวันที่ 11

อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส พระอาทิตย์ยิ้มบางเบาผ่านม่านบางริมหน้าต่าง เสียงแม่น้ำ Reuss ยังไหลเรื่อยราวกับไม่มีอะไรเปลี่ยน

โจกับเจนตื่นสาย เป็นเรื่องปกติของฝาแฝดในทริปนี้ ไม่มีใครว่าอะไร เพราะทัวร์นี้ไม่เร่ง ทุกคนเริ่มผูกพันจนกลายเป็นครอบครัวชั่วคราว

ไลน์อาหารเช้าแบบสวิสของโรงแรม

ขนมปังสวิสสดใหม่ (Zopf, Bürli)

ชีส Emmental และ Gruyère

มันฝรั่ง Rösti แบบกรอบนอกนุ่มใน

เบคอนสวิสและไข่ลวก

แยมผลไม้โฮมเมด

นมสดจากฟาร์ม

น้ำผลไม้สด ส้ม แอปเปิล ลูกแพร์

ช็อกโกแลตร้อน Lindt แบบพรีเมียม


คุณเอิร์ธกับคุณต่ายกำลังจดบันทึกรายละเอียดของชีสทั้งสามแบบลงในแอปรสชาติ
เจ๊พลอยถ่ายรูปฟองนมในช็อกโกแลตร้อนว่าเหมือนรูปหมี
พี่แม็กซ์เอา Röst มาทำแซนวิชกับแฮม ใครก็ไม่รู้แอบถ่ายไปลงในไลน์กลุ่มทัวร์

บรรยากาศเฮฮาตามสไตล์คณะทัวร์ที่รักกันมากเกินจะเป็นแค่ผู้ร่วมเดินทาง


เดินทางสู่ Lugano

ถนนเส้นระหว่าง Lucerne ไปยังเมืองลูกาโนในรัฐทิชีโน เป็นหนึ่งในเส้นทางที่ได้รับการยอมรับว่าสวยงามที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตลอดสองข้างทางคือภาพของเนินเขาเขียวเข้ม แซมด้วยบ้านไม้แบบชาเลต์ และโบสถ์เล็ก ๆ บนไหล่เขา มีแม่น้ำหลายสายไหลเลาะคู่ทางและรถไฟเส้น Gotthard Express วิ่งสวนอยู่เป็นระยะ

บรรยากาศบนรถโค้ชอบอุ่น เสียงพี่โตเปิดเพลงบรรเลงเบา ๆ

และภัทร… เงียบผิดปกติ

ดินสอแอบมอง เห็นภัทรเปิดโทรศัพท์ แล้วพิมพ์อะไรบางอย่างก่อนจะลบ

เขาจะงอนอีกนานแค่ไหนนะ
...หรือจริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่งอน

[จบบทที่ 28]


ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 29 — เก้าอี้ของเรา

ลมเช้าของลูกาโนแผ่วผ่านริมทะเลสาบอย่างแผ่วเบา ใบไม้ต้นเก่าแก่ริมทางสั่นไหวเหมือนกำลังชูมือทักทายสายตะวันแรกของวันใหม่ เสียงฝีเท้าเบา ๆ บนพื้นไม้หินกรวดกรังดังสม่ำเสมออย่างเงียบงัน ก่อนจะหยุดลงตรงม้านั่งตัวยาวที่วางหันหน้าไปหาทะเลสาบ

ภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้างยกแก้วกาแฟ takeaway ร้อน ๆ ขึ้นจิบอย่างเงียบ ๆ ดินสอยืนห่างออกไปเล็กน้อย เงียบกว่าภัทรเสียอีก จนกระทั่งในที่สุด... เขาก็พูด

"ถ้าเรานั่งเก้าอี้หันหลังชนกัน..."
เสียงนุ่มของดินสอค่อย ๆ ลอยมาตามลม
"…วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะเปลี่ยนให้คนสองคนหันเก้าอี้เข้าหากันได้ คือต้องเริ่มที่เราหันเก้าอี้เราเข้าหาเค้าก่อน"

ภัทรหันไปมอง ไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาคู่นั้นแอบสะท้อนความอ่อนโยนที่ปนกับความดีใจแบบที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันรู้ตัว

"กูอาจจะไม่เก่งเรื่องความสัมพันธ์" ดินสอพูดต่อ สายตายังคงจ้องไปที่ผิวน้ำ
"แต่กูรู้ว่าตั้งแต่ ป.1 มึงไม่เคยทิ้งกูไปไหนเลย"

ภัทรเงียบอยู่อีกพัก ก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัว
"กูก็ไม่อยากไปไหนไกลมึงหรอก… กูมันขี้หึงไง"

"รู้แล้ว กูเลยหันเก้าอี้อยู่เนี่ย"
ดินสอยิ้มนิด ๆ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงข้าง ๆ

...

11:45 น. | Grotto della Salute – ลูกาโน

คณะทัวร์ทยอยเดินเข้าสู่ร้านอาหารท้องถิ่นที่ถูกซ่อนตัวอยู่ในตรอกสงบ Grotto della Salute คือร้านอาหารพื้นเมืองอิตาเลียน-ทิซิโน่ในบรรยากาศชนบทโบราณ ผนังอิฐสีน้ำตาลเข้ม ประตูไม้ขัดมันเปิดต้อนรับอย่างอบอุ่น

เมนูวันนี้คืออาหารท้องถิ่นที่รวมกลิ่นอายของเทือกเขาแอลป์กับเสน่ห์แบบอิตาเลียน
– Polenta กับเนื้อสตูว์ไวน์แดง (Brasato al Merlot)
– Risotto เห็ด porcini สด
– ชีสท้องถิ่นสามชนิดกับขนมปัง rustic
– ของหวานเป็น Torta di Pane เค้กขนมปังรสเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมซอสครีมวนิลาอุ่น ๆ

"กูว่ามึงน่าจะชอบ Torta di Pane นะ มันไม่ได้หวานมาก" ภัทรพูดเบา ๆ ขณะช่วยวางผ้าเช็ดปากให้ดินสอ

"กูรู้... มึงก็จะกินหมดอีกแหละ" ดินสอบ่นแต่ยิ้มมุมปาก สบตาอีกฝ่ายแค่เสี้ยววินาที ก่อนรีบหันไปดูหน้าต่าง

พี่โตพูดขัดจังหวะกลางวง
"โอ๊ยยย นั่งเก้าอี้หันหน้ากันละเนอะ คู่เนี้ย"
เสียงเฮฮาจากลุงก้อง ป้าอุ๊ คุณเอิร์ธคุณต่ายตามมาแทบจะทันที
"ระวังหันแล้วจะกอดกันลืมกินข้าวนะลูก!"

...

14:30 น. | อำลาลูกาโน สู่อิตาลี

ถนนสายเล็กเลียบทะเลสาบพาเข้าสู่ทางหลวง E35 ที่ตัดผ่านหุบเขา สีเขียวของแมกไม้สองข้างทางถูกแทนที่ด้วยผาหินและอุโมงค์ เสียงพี่โตเล่าประวัติเมืองมิลานอย่างออกรส

"มิลานเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันตะวันตกช่วงศตวรรษที่ 4 และยังเป็นเมืองแห่งแฟชั่นอันดับต้น ๆ ของโลก..."
เขาพูดพร้อมเปิดภาพโชว์ Duomo di Milano และ Galleria Vittorio Emanuele II ขึ้นหน้าจอบนรถ

...

16:45 น. | Park Hyatt Milan – ที่พักสุดหรูในมิลาน

โรงแรมระดับ 5 ดาวสุดหรูหราอยู่ติด Galleria Vittorio Emanuele II ตัวโรงแรมผสมผสานระหว่างความคลาสสิกอิตาเลียนกับความหรูหราทันสมัย ห้องพักของภัทรและดินสออยู่ชั้นบน วิวมองลงมาเห็นโดมกระจกกลางแกลเลอรี่

"เตียงคิงส์ไซด์อีกละ…" ดินสอมองแล้วพูดเบา ๆ

ภัทรวางกระเป๋า หันมายิ้มกะล่อน
"อย่าหันเก้าอี้หนีกันละกันคืนนี้"

"อย่ามานะ"
"มึงเอาหมอนมากั้นดิ"

"หมอนเหรอ… เดี๋ยวคืนนี้กูกอดหมอนแทนก็ได้"
เสียงภัทรหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ดินสอปรายตามอง แกล้งผลักอกอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะเดินไปเปิดม่าน

...

ภายนอก แสงเย็นของมิลานอาบทาเส้นขอบอาคารด้วยสีทองอ่อน ๆ เสียงฝีเท้าของผู้คนเบาบางลงเมื่อถึงเย็นวันใหม่
และในห้องนั้น เก้าอี้สองตัวที่เคยหันหลังชนกัน… กำลังเริ่มหันหน้าเข้าหากันอีกครั้ง


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 30 — คืนของเรา

วิวโดมกระจกกลางแกลเลอเรียเบื้องล่างสะท้อนเงาแสงอาทิตย์บ่ายคล้อยลอดผ่านม่านโปร่งห้องพักของ Park Hyatt Milan โรงแรมระดับห้าดาวที่เคยต้อนรับแขกคนดังนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ Madonna, George Clooney จนถึงนักการเมืองระดับโลก ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความหรูหราสไตล์อิตาเลียนดั้งเดิมกับความทันสมัย ห้องพักของภัทรและดินสอตกแต่งด้วยโทนสีขาวเบจ พื้นไม้โอ๊คขัดมัน และห้องน้ำหินอ่อน Carrara สไตล์มิลานเนสสุดเนี้ยบ

"ข้างล่างเหมือนรันเวย์เลยอะ…" ดินสอพูด ขณะมองลงไปยัง Galleria Vittorio Emanuele II ผ่านหน้าต่างบานใหญ่
“กูอยากใส่สูทแล้วเดินช้า ๆ ถ่ายคลิปเล่น”

“กูว่ามึงใส่ชุดไหนก็เท่…”
“แต่ตอนนี้ ขอแค่ใส่เสื้อก่อนก็พอ” ภัทรตอบทั้งที่ตัวเองยังไม่ยอมใส่เสื้อเช่นกัน
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของทั้งคู่แทรกความเงียบของบ่ายวันนั้น

...

16:10 น. | Duomo di Milano และ Galleria Vittorio Emanuele II

บันไดหินอ่อนที่ทอดขึ้นสู่ยอดวิหาร สะท้อนแสงอาทิตย์สีทองส้ม มหาวิหารดูโอโมแห่งมิลาน (Duomo di Milano) คือหนึ่งในโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาก่อสร้างกว่า 600 ปี ตั้งแต่ปี 1386 จนแล้วเสร็จในศตวรรษที่ 20
ตัววิหารทำจากหินอ่อน Candoglia สีขาวอมชมพู ประดับด้วยยอดแหลมกว่า 3,400 ยอด และรูปปั้นพระแม่มารีสีทองด้านบนสุดที่ชื่อว่า Madonnina ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง

ดินสอแหงนหน้ามองยอดวิหาร
“เหมือนมันจะสูงจนน่ากลัว แต่ก็สวยจนละสายตาไม่ได้”

“เหมือนมึงเป๊ะ…”
เสียงภัทรกระซิบแผ่วเบา ดินสอรีบเบนสายตาไปที่พื้น แต่หูแดงไปแล้วเรียบร้อย

เดินไม่ไกลจากมหาวิหารคือ Galleria Vittorio Emanuele II ห้างเก่าแก่ที่สุดในอิตาลี สร้างในช่วงปี 1865–1877 โครงสร้างโดมกระจกและเหล็กหล่อกลางห้างสะท้อนแสงไฟหรูหราราวฉากแฟชั่นโชว์
"คนที่หมุนส้นเท้าบนบอลของวัวกระทิงบนพื้นโมเสกตรงกลาง จะโชคดีตลอดปี" ไกด์บอกพร้อมหัวเราะ
ดินสอมองพื้นแล้วพูดเบา ๆ
“ถ้าหมุนบนหลังมึง กูจะโชคดีไปทั้งชาติเลยมั้ยวะ…”

ภัทรกลั้นยิ้มไม่อยู่ “คืนนี้จะให้ลองก็ได้นะ”
ทั้งคู่หัวเราะแบบเก็บเสียง แต่สายตาเริ่มมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป

...

19:00 น. | Ristorante Cracco — Fine Dining ระดับตำนาน

ภายในร้านหรู Ristorante Cracco ที่อยู่ใกล้ ๆ แกลเลอเรีย เสียงเปียโนแผ่วเบาเคล้าไปกับกลิ่นหอมของ Truffle และไวน์อิตาเลียนชั้นดี Chef Carlo Cracco คือหนึ่งในเชฟชื่อดังที่สุดของอิตาลี และเคยเป็นกรรมการรายการ MasterChef Italy

อาหารค่ำค่ำนี้คือ Tasting Menu แบบ 6 คอร์ส พร้อม ไวน์จากแคว้น Piemonte ซึ่งมีรสเข้มลึกแต่กลมกล่อม

– คอร์สที่ 1: Crudo di Mare – ปลาทูน่ากับซอสซิตรัส
– คอร์สที่ 2: Risotto allo Zafferano con Osso Buco
– คอร์สที่ 3: ปลาหิมะซอสเนยขาวกับ asparagus
– คอร์สที่ 4: Lamb loin ย่างกับซอสโรสแมรี่และเบบี้แครอท
– คอร์สที่ 5: ชีสจากแคว้น Piemonte
– คอร์สสุดท้าย: Cioccolato Fondente กับเจลลาโต้ส้ม

“ไวน์นี่ดีจริง ๆ …มึงรู้มั้ยว่าตอนแรกกูกลัวว่าคืนนี้จะอึดอัด” ดินสอพูด

“แล้วตอนนี้ล่ะ?”

“…มันเหมือนกูหายใจได้เต็มปอดอีกที มึงก็เหมือนไวน์นั่นแหละ… เข้มข้นแต่แม่งอบอุ่นฉิบหาย”
ภัทรไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ยื่นมือมาแตะหลังมือดินสอบนโต๊ะอาหาร แล้วบีบแน่นเบา ๆ

...

21:15 น. | Rooftop Bar – วิวดูโอโมกลางคืน

เสียงแก้วไวน์กระทบกันเบา ๆ ท่ามกลางแสงไฟอบอุ่น
Duomo ที่เบื้องหน้าเปล่งประกายด้วยแสงไฟสีทองจากทุกทิศ มองจาก rooftop ของโรงแรม Cracco บรรยากาศเหมือนภาพฝัน

"ถ้ามีคืนไหนที่มึงจะปล่อยตัว… แล้วไม่ต้องกลัวอะไรเลย…" ภัทรพูด
"คืนนี้อาจเป็นคืนนั้น"

ดินสอไม่ตอบ แต่สายตาที่มองภัทร… มันชัดกว่าอะไรทั้งหมด

...

23:00 น. | ห้องพัก – Park Hyatt Milan

ม่านขาวโปร่งพลิ้วตามลมเบา ๆ
กลิ่นไวน์ยังอวลในลมหายใจ
เงาร่างสองร่างแนบชิดกันอยู่บนเตียงใหญ่ เตียงเดียวที่พวกเขานอนร่วมกันมาหลายคืน
แต่คืนนี้… ไม่มีหมอนมากั้น
ไม่มีเสียงทะเลาะ
ไม่มีคำว่า “อย่ามานะ”
มีแค่เสียงลมหายใจที่ประสานกัน และมืออุ่น ๆ ที่ค่อย ๆ ประคองอีกฝ่ายไว้ด้วยความอ่อนโยน

“กูไม่เคยมั่นใจอะไรขนาดนี้มาก่อน…”
เสียงดินสอแผ่วเบา
“…แต่มึงคือคนที่กูอยากมีครั้งแรกด้วยจริง ๆ”

...

และในคืนนั้น…
เก้าอี้สองตัวไม่ได้แค่หันหน้าเข้าหากัน
แต่ได้วางชิดจนกลายเป็นเก้าอี้ตัวเดียวกันไปแล้ว


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 31 — เมืองน้ำ และสายตาเขิน ๆ ของมึง

เสียงนาฬิกาข้างเตียงดังเบา ๆ ตามการตั้งปลุกในระบบของห้องพัก
06:15 น. — แสงยามเช้าเล็ดลอดผ่านม่านโปร่งในห้อง Park Hyatt Milan อากาศเย็นนิด ๆ อย่างน่าประหลาดสำหรับเช้าวันใหม่ในมิลาน

ภัทรตื่นก่อนตามเคย… แต่วันนี้ต่างออกไป
เพราะคนตัวเล็กข้าง ๆ ไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียว
เขาค่อย ๆ เอื้อมมือแตะแก้มของดินสอที่แดงเรื่ออย่างผิดปกติ

“ดินสอ… ตัวร้อนนี่หว่า” เสียงกระซิบเบา ๆ เคล้าไปกับลมหายใจเป็นห่วง
เขาหยิบผ้าขนหนูเล็กในห้องน้ำ ชุบน้ำอุ่นบิดพอหมาด ก่อนจะมาแตะหน้าผากอีกฝ่ายอย่างเบาที่สุด

ดินสอลืมตาช้า ๆ เสียงแหบ ๆ กว่าปกติ
“กูไม่เป็นไร…”

“เมื่อคืน…แรงไปเหรอวะ กูขอโทษนะ”
ภัทรพูดเสียงเบาแฝงความรู้สึกผิด จนดินสอหันหน้าหนีไปอีกทาง
“…กูไม่ได้โกรธนะ” ดินสอบอก

“งั้นมึงเขินเหรอ?”
“เปล่า”
“งอนเหรอ?”
“เปล่า”
“…กูไม่รู้ กูเลือกงอนละกัน ง่ายดี”

ภัทรหัวเราะนิด ๆ แต่ก็ไม่กล้าหัวเราะดัง เพราะคนตรงหน้ายังไม่สบาย
“งั้นขอกูง้อ ด้วยไลน์อาหารเช้าอิตาลีระดับโลกเลยนะมึง”

...

07:00 น. | อาหารเช้า – Park Hyatt Milan

ห้องอาหารเช้าของโรงแรมหรูหราตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาวและแสงแดดธรรมชาติที่กรองผ่านกระจกโค้งเหนือศีรษะ
ไลน์อาหารเช้าแบบอิตาเลียนแท้ๆ ถูกจัดอย่างประณีต

– Cornetto (ครัวซองต์สไตล์อิตาเลียน) ไส้แยมบ๊วย-อัลมอนด์
– Cappuccino / Espresso เสิร์ฟแบบดั้งเดิม
– Frittata ไข่เจียวอิตาเลียนใส่ชีสกับแฮม
– Ricotta cheese กับน้ำผึ้งแท้
– Panettone ชิ้นเล็ก ๆ หอมหวานแบบมิลาน
– ผลไม้สดสไตล์ยุโรป และ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ

ภัทรเลือกของทุกอย่างมาใส่จานเล็ก ๆ แล้วเดินมาวางบนโต๊ะของดินสอ พร้อมวางแก้วชาร้อนข้าง ๆ
“ชาอุ่นๆ กับขนมหวาน มึงต้องกินนะ มันเบากระเพาะ ไม่ต้องฝืนเยอะ”

ดินสอพยักหน้าเบา ๆ แต่ยังหลบตาอยู่
จนในที่สุดภัทรต้องยื่นหน้ามาใกล้
“ถ้ามึงยังไม่ยิ้ม กูจะทำหน้าน่ารักใส่จนมึงขำให้ได้เลยนะเว้ย”
“อย่า! หน้ามึงไม่เหมาะกับคำนั้นเลย”
เสียงหัวเราะหลุดออกจากดินสอในที่สุด… เบา ๆ แต่มีจริง

...

08:00 น. | สถานีรถไฟ Milano Centrale

รถไฟความเร็วสูง Frecciarossa สีแดงสด จอดเทียบท่ารับผู้โดยสารอย่างสง่างาม สถานีขนาดใหญ่กลางเมืองมิลานเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว
คณะทัวร์ทยอยขึ้นรถไฟช่องที่ 6 โดยพี่โตจัดโซนที่นั่ง First Class สำหรับทุกคน

ที่นั่งคู่ของภัทรกับดินสออยู่ริมหน้าต่าง ดินสอห่มผ้าแล็ปเบา ๆ พร้อมหมอนรองคอสีครีมจากโรงแรม
“จะนอนก็ได้ เดี๋ยวกูปลุก” ภัทรพูดข้างหู

“กูไม่อยากนอนหรอก…” ดินสอตอบ
“วิวข้างทางสวยจะตาย”

รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากมิลาน มุ่งหน้าสู่เมืองเวนิส

...

10:30 น. | ท่าเรือ Santa Lucia – ล่อง Vaporetto เข้าสู่เกาะเวนิส

เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ กลิ่นไอเค็มปนกลิ่นละอองน้ำ
เรือ Vaporetto ลำสีขาวครีมเคลื่อนตัวไปตามคลองใหญ่ Grand Canal ของเวนิส

ตึกรามบ้านช่องสีพาสเทลที่เรียงรายอยู่สองฝั่งผุดขึ้นจากผิวน้ำเหมือนฉากในฝัน
สะพานโค้งเล็ก ๆ กับหน้าต่างไม้บานคู่เปิดรับลมทะเล
ภัทรโอบไหล่ดินสอไว้เบา ๆ ดินสอไม่พูดอะไร แต่พิงลงมากับอกเขาเต็มแรง

“เมืองนี้เหมาะกับการรักกันนะ…” ภัทรพูดเบา ๆ ข้างหู
“มึงว่าปะ?”

ดินสอเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาที่ยังมีไข้ แต่แววตามีแววอ่อนโยน
“ถ้ากูยังงอนอยู่ มึงจะยังรักกูมั้ยวะ”

“มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ…”

...

และในขณะที่เรือล่องเข้าสู่หัวใจของเวนิส เสียงน้ำกระทบไม้สะท้อนกับหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ
เมืองน้ำ… กับคนที่เผลอใจให้กันไปตั้งแต่ก่อนล่องเรือเสียอีก


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 32 — เวนิสไม่ได้เบาเลย และใจมึงก็ไม่เบาเหมือนกัน

เสียงลมทะเลอ่อน ๆ กับแสงแดดอุ่นเบาแห่งเวนิสต้อนรับผู้มาเยือนบนท่า Vaporetto
มือของภัทรจับมือดินสอไว้แน่นตลอดทาง ไม่ใช่เพราะกลัวคนแย่ง… แต่กลัวคนตัวเล็กล้มไปมากกว่า

“มึงเดินช้า ๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบ” ภัทรพูดเบา ๆ ขณะประคองกระเป๋าสะพายของดินสอ
“กูไม่ได้เป็นอะไรมาก…”
“แล้วทำไมแก้มแดงกว่าพระอาทิตย์กลางทะเลอีกล่ะ” ภัทรถามแบบจริงจังปนห่วง

ข้าง ๆ มีคนแอบมองด้วยสายตากังวล...
โจ – หนุ่มมาดดีในคณะทัวร์ที่เคยแอบมีใจให้ดินสอแบบไม่ออกนอกหน้า
เขาเดินเข้ามาใกล้
“ดินสอ โอเคปะ?” เขาถาม
“หน้าแดงจัง เดี๋ยวขอแตะตัวดูได้ไหม?”

ดินสอยังไม่ทันตอบ โจก็ยกมือแตะแขนดินสอเบา ๆ อย่างเผลอ
“ตัวร้อนแฮะ เหมือนไข้เลย”

“พอเลย”
เสียงภัทรดังขึ้นชัดเจน น้ำเสียงราบแต่แข็ง
มืออีกข้างคว้าคอเสื้อดินสอเข้ามาใกล้ตัว
“ไม่ต้องแตะ เดี๋ยวกูดูแลเอง”

โจผงะไปเล็กน้อย เจนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบกระซิบเบา ๆ
“โจ… พอแล้วนะ ตัดใจเหอะ”
“ก็ไม่ได้คิดอะไรนะ…” โจตอบ
“…แค่เผลอ”

...

11:30 น. | เช็คอิน – Baglioni Hotel Luna

โรงแรมหรูริม Grand Canal ที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในเวนิส และเคยเป็นสถานที่พักของนักเดินทางยุคศตวรรษที่ 12
Baglioni Hotel Luna โดดเด่นด้วยเพดานเฟรสโกวาดด้วยมือโดยศิลปินสมัยบาโรก วิวจากห้องพักของภัทรและดินสอมองเห็นคลองใหญ่ทอดยาวเป็นเส้นสายระยิบระยับใต้แสงแดด

“โรงแรมสวยฉิบหาย…” ดินสอพูดเบา ๆ ขณะนั่งลงบนโซฟาหน้าต่าง
“เหมือนมึงตอนมองพระอาทิตย์ตกเมื่อวานอะ” ภัทรตอบทันทีโดยไม่เว้นจังหวะ
ดินสอมองแรง แต่หน้าแดงอีกแล้ว

“ไข้ขึ้นอีกแน่เลย”
“มึงอ่ะ… พูดจนคนป่วยเหนื่อย”
“เดี๋ยวให้กูเช็ดตัวก็หายแล้ว”

“มึงใจเย็นนะ…”

...

12:30 น. | มื้อกลางวัน – Ristorante Lineadombra

ร้านอาหารริมคลองสุดโมเดิร์น ที่ตั้งอยู่บนแพลอยน้ำกลางเวนิส ตกแต่งด้วยโครงเหล็กกับกระจกโค้ง บรรยากาศริม Grand Canal ที่คลื่นเบา ๆ กระทบฝั่ง ทำให้ทุกจานอาหารเหมือนมีลมทะเลรสละมุนเคล้า

เมนูวันนี้:
– ราเมนปลาหมึกดำ (Squid Ink Ramen) เส้นนุ่มละลายในปาก
– ทาร์ทาร์ทูน่า กับซอส balsamic
– Prosecco ไวน์อิตาเลียนแบบ sparkling ที่หอมสดชื่น

“ตกลงนี่อาหารญี่ปุ่นหรืออิตาเลียนกันแน่”
เสียงป้าอุ๊ดังขึ้นในวงโต๊ะพร้อมหัวเราะ
“แต่เอ๊ะ… หรือเมนูเมื่อคืนมันหนักไปจนวันนี้ต้องกินเบา ๆ กันหมด?”

เสียงหัวเราะกระจายจากโต๊ะฝั่งแก๊ง 500 ชาติ
คุณเอิร์ธเสริมว่า
“เมื่อคืนใครได้กินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าเนี่ย ทำไมวันนี้ป่วย”
ภัทรกับดินสอไม่ตอบอะไร… แต่ดินสอเงียบกว่าปกติ และภัทรก็เฝ้าดูเขาเป็นพิเศษตลอดเวลา
แม้แต่ตอนที่เสิร์ฟ Prosecco เขายังเอื้อมมือไปหยิบแก้วจากหน้าดินสอ
“มึงกินไม่ได้ เดี๋ยวยาไม่ออกฤทธิ์”

...

14:00 น. | เดินชมจัตุรัสเซนต์มาร์ค – มหาวิหาร – สะพานถอนหายใจ

กลุ่มนักท่องเที่ยวแน่นขนัดใน Piazza San Marco หรือ จัตุรัสเซนต์มาร์ค ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ห้องนั่งเล่นของยุโรป” ด้วยขนาดที่กว้างขวางและความงดงามของสถาปัตยกรรมโดยรอบ

ดินสอเดินช้า ๆ พร้อมหมวกปีกกว้างที่ภัทรเอามาคลุมให้
“แดดแรง เดี๋ยวมึงจะร้อนขึ้นอีก”

มหาวิหารเซนต์มาร์ค (St. Mark’s Basilica) ด้านหน้าตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกทองคำและโดมหลายลูกตามแบบไบแซนไทน์ หรูหราและอลังการในทุกมุม
พี่โตเล่าว่า “แต่ก่อนนี่แหละ เป็นที่เก็บร่างของนักบุญมาร์ค ที่ถูกลักลอบนำมาจากอียิปต์เมื่อพันกว่าปีก่อน”

เดินต่อมาจนถึง สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs)
พี่โตชี้ให้ดูช่องหน้าต่างหินเล็ก ๆ
“นักโทษสมัยก่อนจะถูกพาเดินข้ามสะพานนี้จากศาลไปยังคุก แล้วมองออกมานอกหน้าต่างเป็นครั้งสุดท้าย... จากนั้นก็ถอนหายใจ…”

“แต่กูถอนหายใจทุกครั้งที่มึงไม่สบายอะดินสอ”
ภัทรกระซิบเบา ๆ ข้างหู
“เพราะกูแม่งเป็นห่วงจนหายใจไม่ทั่วท้อง”

ดินสอหลุดยิ้มนิดนึง — เขินก็เขิน หายงอนก็หายงอน แต่ไม่ยอมพูดอะไร

...

16:30 น. | ล่องเรือกอนโดลา

เสียงน้ำเบา ๆ กระทบหัวไม้ของเรือ Gondola ที่ลอยผ่านคูคลองแคบ ๆ ของเวนิส แสงแดดเย็นอ่อน ๆ สะท้อนหน้าต่างของบ้านเรือนโบราณ

ภัทรนั่งข้างดินสออีกครั้ง มือจับไว้เบา ๆ ไม่ให้เย็น
“ตอนลอยเรือ มันเหมือนลอยอยู่ในใจมึงเลยอะ”
“ใจมึงโคตรสวยเลย”

ดินสอหันมามองนิ่ง ๆ
“…แต่โคตรวุ่นวายด้วยใช่มั้ย”

“แต่กูก็อยากลอยอยู่ในนั้นทั้งชีวิต”

...

และเวนิสก็ล่องผ่านไปช้า ๆ เหมือนหัวใจของคนสองคนที่กำลังพากันล่องผ่านความลังเล และมุ่งสู่ความชัดเจน... ที่ไม่ต้องถอนหายใจอีกต่อไป


---

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 33 — มึงจะไม่ทิ้งกูใช่มั้ย

เสียงไม้พายของกอนโดลิเย่ร์ค่อย ๆ ตัดผ่านผืนน้ำของคลองเวนิสอย่างแผ่วเบา เรือกอนโดลาโคลงเบา ๆ ตามจังหวะที่น้ำไหล สะท้อนแสงเย็นสีทองอมชมพูของยามเย็นที่กำลังเคลื่อนสู่กลางคืน

เรือกอนโดลา (Gondola) คือเรือแบบดั้งเดิมของเวนิส ใช้กันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 มีความยาวเฉลี่ย 11 เมตร แต่กว้างเพียง 1.4 เมตร ตัวเรือถูกออกแบบให้เอียงเล็กน้อยทางซ้ายเพื่อให้สมดุลกับการพายด้านเดียวของกอนโดลิเย่ร์
สีดำของเรือไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นกฎหมายของเมืองที่ออกตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เพื่อควบคุมความฟุ่มเฟือย เรือทุกลำต้อง “ดำ” เท่ากัน

“มันดูโรแมนติกกว่าที่คิดว่ะ” ดินสอพูดเบา ๆ
เสียงคลื่นกระทบเรือทำให้คำพูดนั้นยิ่งฟังดูใกล้ชิดกว่าปกติ
ภัทรพยักหน้า
“แต่กูก็ไม่ได้โฟกัสวิวเท่าไหร่หรอก”

ดินสอหันไปมอง ภัทรยังคงจ้องเขาอยู่
“…กูมีเรื่องจะพูด” ดินสอพูด
“…จริงจังนะ”

ภัทรนิ่งทันที น้ำเสียงของดินสอไม่ใช่เล่น ๆ
คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ

“ที่กูกลัวมาตลอดน่ะ… มึงรู้ใช่ไหม ว่ากลัวอะไร”
“กูกลัวว่ามึงจะเป็นเหมือนพระเอกในหนังหลาย ๆ เรื่อง…”
“…ที่พอได้แล้วก็ทิ้ง”
“เพราะมันเกิดขึ้นในโลกจริงเยอะมากเลยนะเว้ย”
“กูเลยไม่เคยให้ใครได้ กูเลยยังซิงมาจนถึงวันนี้”

“แล้วเมื่อคืนอะ?” ภัทรถามเบา ๆ แต่ชัด
“กูกลัวนะ… แต่กูเชื่อใจมึง”

“ดินสอ” ภัทรขยับมือมากุมมืออีกฝ่ายแน่น
“กูไม่ใช่พระเอกในหนังพวกนั้นนะเว้ย”
“กูเป็นคนที่รู้จักมึงมาตั้งแต่ ป.1 ที่ซื้อข้าวโพดคั่วให้มึงวันแรก”
“กูเป็นคนที่ฟังมึงเล่าเรื่องการบ้านทุกคืนตอนมหา’ลัย”
“แล้วกูก็เป็นคนที่เมื่อคืน… ไม่ได้แค่ ‘ได้’ มึง แต่กูรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบชีวิตไอ้ตัวเล็กคนนี้ให้ดีที่สุดต่างหาก”

ดินสอเงียบไปนาน… ก่อนจะพูดเบา ๆ
“หูแดงหมดแล้วเนี่ย ไม่รู้เพราะเป็นไข้ หรือเพราะอาย”

ภัทรหัวเราะ “กูว่าทั้งคู่”
“แต่หูแดงยังไง กูก็จะอยู่ตรงนี้ต่อให้แดงเป็นปี”



19:00 น. | มื้อค่ำ – Ristorante Antiche Carampane

ร้านอาหารลับริมคลองในซอยเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวจากถนนหลัก Antiche Carampane เป็นร้านอาหารเวนิสแบบดั้งเดิมที่เน้นวัตถุดิบทะเลสดจากทะเลอาเดรียติก ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น “หนึ่งในร้านลับที่คนท้องถิ่นยังอยากจอง”

เมนูวันนี้:
– Spaghetti alle Vongole (สปาเกตตี้หอยลาย) เส้นหนึบ น้ำมันมะกอกกระเทียมหอมฉุย
– หอยเชลล์ย่างกับเลมอนสด
– ไวน์ขาวจากแคว้น Veneto หอมกลิ่นดอกไม้เบา ๆ และผลไม้ตระกูล stone fruit

“ของหวานล่ะ?” ดินสอถาม
“ไม่รู้สิ มันอยู่ตรงข้ามหน้ากูรึเปล่า” ภัทรพูดพร้อมยักคิ้ว

“พอเลย!”
“แค่เมื่อคืนยังไม่พอใช่มั้ยไอ้ภัทร”

“ไม่พอ กูจะไม่พอไปทั้งชีวิต”
เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ของแก๊ง 500 ชาติที่นั่งโต๊ะใกล้ ๆ ดังขึ้น
ลุงก้องแอบแซว “ดูสายตาเมื่อคืนก็รู้แล้วแหละว่ากินแล้วติดใจ”



21:00 น. | เดินชมเวนิสยามค่ำคืน

ถนนหินเล็ก ๆ ที่เชื่อมระหว่างซอกซอยและสะพานโค้งเหนือคลอง แสงไฟจากโคมโบราณสีเหลืองนวลสะท้อนผิวน้ำ ระยิบระยับราวกับน้ำตาของดวงดาว

เสียงรองเท้าสองคู่เดินเคียงข้างกันแบบไม่รีบ
เวนิสยามค่ำคืน…
ไม่มีเสียงรถยนต์ ไม่มีควัน ไม่มีการเร่งรีบ
มีแค่ลมหายใจที่ชัดขึ้นทุกครั้งเมื่ออีกคนอยู่ใกล้

“มึงว่าถ้าเราอยู่ที่นี่นานกว่านี้… เราจะรักกันมากกว่านี้ได้อีกมั้ย”
เสียงดินสอแผ่วลงเหมือนถามตัวเอง

“ต่อให้เรากลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้ กูก็จะรักมากขึ้นทุกวันอยู่ดี”
“ไม่ใช่เพราะที่นี่นะ… แต่เพราะเป็นมึง”



22:00 น. | ห้องพัก – Baglioni Hotel Luna

หน้าต่างไม้เปิดรับลมจากคลองใหญ่ ผ้าม่านบางปลิวไสว
เตียงคิงไซส์ที่นุ่มที่สุดเท่าที่ทั้งคู่เคยนอน กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย
ไม่มีอะไรเร่งรีบ ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว

“คืนนี้มึงไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะ”
ภัทรกระซิบข้างหู
“เพราะกูจะเป็นบ้านของมึงตลอดไป”

ดินสอไม่ได้ตอบ
แต่พิงตัวเข้ามาแนบแน่นกว่าทุกคืนที่ผ่านมา



และเวนิสในคืนนี้…
ไม่ได้แค่โรแมนติก
แต่มันคือจุดเริ่มต้นของความผูกพันที่ไม่มีวันปล่อยมือ

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ – ดาวมิชลินในใจเธอ

“ต่าย! เช็กร้านที่เวนิสไว้กี่ดาวแล้วเนี่ย?”

เสียงคุณเอิร์ธดังลั่นขณะที่กำลังเช็กเช็คลิสต์ร้านอาหารในมือถืออย่างจริงจัง
ข้าง ๆ คือชายหนุ่มร่างโปร่ง ผมหวีเรียบ แว่นกรอบบางชื่อ “คุณต่าย” ที่กำลังนั่งจิบเอสเพรสโซ่ด้วยท่าทีสบายใจราวกับไม่มีอะไรต้องเร่งรีบ

“ก็บอกแล้วว่ายังไม่เช็กไง มาตามใจปากก็พอแล้วปะวันนี้”
“แต่ดาวมิชลินมันไม่รอใครนะต่าย!”

ทั้งคู่คือ นักล่ามิชลินตัวจริง ที่รู้จักกันในงานเปิดตัวหนังสืออาหารเมื่อห้าปีก่อน และกลายเป็นคู่รักที่ออกเดินทางเพื่อลิ้มลองร้านระดับดาวไปทั่วโลก
รักแท้ของพวกเขา… มีรสชาติเป็นแก่นของเรื่อง



Flashback: ปารีส – 3 ปีก่อน

“ต่าย! เราได้โต๊ะที่ Septime แล้วนะ มึงรู้มั้ยว่าจองยากขนาดไหน!”

“เอิร์ธ มึงจำได้ใช่ไหมว่าเราต้องกินแบบไม่หลุดคอร์ส…”

“แน่นอน! แต่ถ้าพนักงานเสิร์ฟให้กูไวน์ผิดตัว กูจะไม่ยอมเงียบแน่!”
“เพราะมิชลินคือเกียรติยศของนักล่า!”



เวนิส – ปัจจุบัน

คืนนี้คุณเอิร์ธและคุณต่ายเลือกร้าน Antiche Carampane ไม่ใช่เพราะดาว แต่เพราะคำว่า “Soul of Venice” ที่พวกเขาอ่านจากรีวิว

“ต่าย… มึงเคยคิดไหมว่า ถ้าวันหนึ่งเราหยุดล่าดาว แล้วเปิดร้านของตัวเอง…”

คุณต่ายวางส้อม
“เราจะเปิดร้านที่ไม่มีดาว แต่เสิร์ฟด้วยหัวใจละกัน”
คุณเอิร์ธนิ่งไปชั่วครู่ก่อนยิ้มออก
“…แล้วขอจานแรกของร้าน ชื่อว่าอะไรดี?”

“Spaghetti al Cuore mio”
“เส้นสปาเกตตี้ของหัวใจฉัน… เสิร์ฟให้เธอคนเดียว”

เอิร์ธหัวเราะ
“ไม่รู้จะเขินหรือจะสั่งเลยดี!”



เบื้องหลังความรักของนักล่าดาว
   •   คุณเอิร์ธ: หลงใหลในเทคนิคการทำอาหารสมัยใหม่ เคยบินไปกินที่ “noma” โคเปนเฮเกน
   •   คุณต่าย: สายเชฟญี่ปุ่น ความรู้ลึกซึ้งเรื่องรส umami และเคยฝึกงานในโอซาก้า
   •   ทั้งคู่มีกฎคือ “ห้ามเถียงกันตอนชิมคำแรก” เพราะต้องเปิดใจก่อนตัดสิน
   •   และกฎอีกข้อคือ “ใครหาคำว่า ‘ไม่อร่อย’ ในรีวิวก่อนกิน… ต้องเป็นฝ่ายจ่าย!”



เวนิส ยามค่ำคืน

ขณะทุกคนแยกย้ายกลับโรงแรม คุณเอิร์ธกับคุณต่ายเดินข้ามสะพานหินเล็ก ๆ

“ต่าย มึงรู้ใช่ไหมว่าไม่ต้องดาว กูก็ให้มึง 3 ดวงอยู่ดี”
“ดาวอะไร?”
“ดาวในใจ กูให้มึงหมดแล้ว”



และสำหรับสองนักล่ามิชลิน…
บางที สิ่งที่มีค่ากว่าดาวทั้งสามดวง
คือการได้แบ่งปันจานเดียวกันกับคนที่ทำให้รอยยิ้มอร่อยที่สุดในโลก

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ – โตคนเดียวไม่ได้หมายความว่าเหงา

“พี่โต! คืนนี้จะพาไป rooftop bar อีกรึเปล่า?”

เสียงของน้อง ๆ คณะทัวร์ดังมาตั้งแต่เช้า
ชายหนุ่มวัย 42 ปี สูง 182 ซม. ยืนยิ้มมุมปากในชุดสูทแบบพอดีตัวกับผ้าพันคอผืนเล็ก
เขาพยักหน้าให้ แต่ยังไม่ตอบ
เพราะสายตากำลังมองเลยไปยังสองคนที่เดินกอดกันเบา ๆ ริมคลอง—ภัทรกับดินสอ

“เด็กสองคนนั้น… โตขึ้นเยอะว่ะ”



พี่โต ชื่อจริงคือ โตมร วัฒนะกิจ
อดีตนักเรียนทุนการท่องเที่ยวจากไทย ไปเรียนที่ลียง ฝรั่งเศส ก่อนจะตระเวนทำงานทั่วอิตาลี-สเปน-เบลเยียม แล้วกลับมาเปิดบริษัททัวร์ของตัวเอง
เหตุผลเดียวที่เขากลับมา คือ “อยากให้คนไทยได้เห็นความสวยงามของโลกแบบลึกซึ้งกว่ากล้องถ่ายรูป”



Flashback: เวนิส – 14 ปีก่อน

ชายหนุ่มอายุ 28 ยืนถือดอกไม้หน้าสะพานริอัลโต
ตรงหน้าคือหญิงสาวผมยาวชาวอิตาเลียนที่เคยเป็นเพื่อนร่วมคอร์สภาษา
“โต ฉันรักคุณนะ แต่ฉันอยู่เวนิส ส่วนคุณอยู่กรุงเทพ…”

เขายิ้ม
“เพราะงั้น ผมถึงอยากเป็นไกด์… จะได้มีข้ออ้างกลับมาเจอคุณบ่อย ๆ”

“แต่เรารักกันพอจะเดินทางไปด้วยกันไหม?”



คำถามนั้นไม่มีคำตอบชัด
เธอยังคงอยู่ที่นี่ ส่วนเขา… ก็ยังกลับมาทุกปี
แต่ไม่เคยเจอกันอีกเลย



ปัจจุบัน: ในห้องพักของพี่โตที่ Baglioni Hotel Luna

บนโต๊ะไม้หัวเตียง วางสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง
หน้าล่าสุดเขียนไว้ว่า:

“วันที่เด็กสองคนนั้นกอดกันได้โดยไม่ทะเลาะ…
กูรู้แล้วว่าความรักบางทีมันก็แค่ต้องมีคนยืนคอย ไม่ได้ต้องเข้าฉากเสมอไป
และบางที…
คนที่เดินนำหน้า อาจไม่ได้เหงา
แค่อยากให้คนที่ตามมา เห็นวิวสวยที่สุด”



บันทึกของพี่โต (ที่ไม่เคยให้ใครอ่าน)

– “ภัทรโตแล้วว่ะ เด็กที่เคยแอบเอาขนมในกระเป๋ากูไปแจกเพื่อนใน ป.1 วันนี้ยอมลูบหัวคนอื่นแทนตัวเองแล้ว”

– “ดินสอเก่งขึ้นเรื่อย ๆ เงียบแต่ลึก เขามองทุกอย่างด้วยตาแบบคนที่เคยเจ็บ เลยพิเศษกว่าคนที่แค่ไม่พูดเฉย ๆ”

– “บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่เลวร้ายนะ กูได้เห็นความรักของคนอื่นชัดมากกว่าตอนที่ตัวเองมีอีก”

– “และถึงกูจะชื่อโต… แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการใคร”



คืนนั้นพี่โตนั่งเงียบอยู่ริมหน้าต่างโรงแรม
ข้างกายไม่มีใคร
แต่รอบตัวเต็มไปด้วยรอยยิ้มของคณะทัวร์ที่เขาได้พาออกเดินทางอีกครั้ง
และเมื่อเขามองออกไปนอกหน้าต่าง…

เสียงน้ำกระทบสะพานเล็ก ๆ ในเวนิส
มันตอบเขาว่า
“ความรัก… มันอยู่ได้แม้ไม่ได้ครอบครอง”



และพี่โตก็พร้อมพาทุกคนออกเดินทาง… แม้หัวใจตัวเองจะอยู่ที่เดิมมาตลอดก็ตาม

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 34 — ริเวียร่า กับไอ้ตัวเล็กของกู

แสงแดดเช้าสาดเข้ามาแบบไม่เร่งเร้า
กลิ่นไอทะเลจากคลองเวนิสลอยมาจาง ๆ ผ่านหน้าต่างเปิดไว้
เสียงหายใจสม่ำเสมอของคนตัวเล็กที่นอนซุกอยู่ในอ้อมแขน ทำให้ภัทรไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว

ดินสอค่อย ๆ ลืมตา
ใบหน้าซุกกับแผงอกที่เปลือยเปล่าแบบไม่มีผ้าห่มกั้น
“…มึงไม่หนาวเหรอ ไม่ใส่เสื้อเลย”

ภัทรยิ้ม ทั้งยังหลับตา
“กูมี Heater ส่วนตัวแล้วนี่ไง ไอ้ตัวเล็ก”
“…”

“กล้ามกูก็เยอะนะ แข็งแรงจะตาย”
พูดจบ มือข้างหนึ่งก็ยกทาบคางของดินสอแล้วเบ่งกล้ามแขนโชว์
กล้าม Bicep แน่นเปรี๊ยะขยายจนดันหน้าดินสอไปอีกทาง

“เห้ยยยย! หน้ากูแบนหมดแล้วไอ้บ้า!”
เสียงหัวเราะของทั้งสองคนดังขึ้นในเช้าวันใหม่ของเวนิส



07:00 น. | อาหารเช้า – Venetian Breakfast

ห้องอาหารของโรงแรม Baglioni Hotel Luna เสิร์ฟไลน์อาหารเช้าสไตล์เวนิสแท้ ๆ ที่รวมความเป็นอิตาเลียนกับอิทธิพลทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

– Buranelli คุกกี้วนิลาเนยสดสูตรเวนิส
– Frittelle Veneziane โดนัทเวนิสสอดไส้ครีม
– Polenta e Schie (โพลเอนต้ากับกุ้งจิ๋ว) จานเช้าเค็มแบบชาวเวนิสแท้
– Prosciutto / Salami / Parmigiano Reggiano
– คาปูชิโน่ ที่เข้มแต่หอมละมุนที่สุด

“โพลเอนต้านี่อร่อยดีว่ะ” ดินสอบ่น
“แต่โดนัทนี่หวานจนมึงต้องหอมกูคืนเลยนะ”

“ได้เลย ขอเบิ้ลสองคำ”
“กูหมายถึงโดนัท!”



08:00 น. | สนามบิน Marco Polo – ขึ้นเครื่องสู่ Nice

คณะทัวร์พร้อมหน้าที่ Gate C3 ทุกคนดูสดใสเป็นพิเศษเพราะวันนี้กำลังจะข้ามประเทศ
เครื่องบินภายในประเทศของสายการบิน Air France ลำเล็กแต่หรูหราใช้เวลาบินเพียง 1.5 ชม. สู่เมืองชายฝั่งในฝัน: Nice (นีซ)

บนเครื่อง
ดินสอซบไหล่ภัทรเบา ๆ ขณะอ่านโบรชัวร์
“เมืองนี้มีอะไรให้กินบ้างวะ”

“กูรู้อย่างเดียว” ภัทรพูด
“กูจะกินลม กินวิว และกินไอ้ตัวเล็กนี่ให้เต็มอิ่มเลยวันนี้”



10:30 น. | ถึงสนามบินนีซ – เมืองแห่งแสงอาทิตย์และลมทะเล

นีซ (Nice) เมืองใหญ่อันดับห้าของฝรั่งเศส และเป็นราชินีแห่ง French Riviera หรือ Côte d’Azur
ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหาดกรวดสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าใส และแสงแดดที่อบอุ่นตลอดปี

รถของคณะทัวร์วิ่งผ่าน Promenade des Anglais ถนนเลียบชายฝั่งที่ทอดยาวไปกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดอกไม้หลากสีปลิวไหวตามสายลม

ภัทรเปิดหน้าต่าง สูดลมเข้าปอดลึก
“มึงไม่ป่วยแล้วใช่มั้ยเนี่ย ดินสอ”

“ไม่แล้ว… แต่อย่าเอากล้ามมาขยี้หน้ากูอีกนะ”



11:30 น. | มื้อกลางวัน – Le Plongeoir

ร้านอาหารในฝันที่ตั้งอยู่บนโขดหินกลางทะเลแบบจริงจัง
Le Plongeoir สร้างจากฐานกระโดดน้ำเก่าที่ถูกดัดแปลงให้เป็นร้านอาหารกลางน้ำกลางฟ้า
วิวรอบด้านคือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสุดสายตา เสียงคลื่นกับลมทะเลกระทบตัวเบา ๆ เหมือนเสียงกระซิบรัก

เมนูวันนี้:
– ปลาซีบาสย่างซอสมะกอกดำ เนื้อแน่น ฉ่ำ หอมฟืน
– Salade Niçoise ต้นตำรับแท้จากเมืองนีซ — ปลาทูน่า ไข่ต้ม มะกอก มะเขือเทศ ถั่วเขียว น้ำสลัดวินิแกร็ต
– Rosé จาก Provence แช่เย็นเสิร์ฟในแก้วบางเฉียบ

ภัทรยกแก้วไวน์ขึ้น
“แด่เมืองใหม่… และรักเก่าที่กำลังกลายเป็นรักใหม่อีกครั้ง”

ดินสอยิ้มบาง
“…แด่กล้ามมึง ที่ทำหน้ากูแบนแต่ทำใจอุ่น”



เสียงลมพัดผ่านริมผิวทะเล
เวนิสยังอ้อยอิ่งอยู่ในใจ
แต่นีซ… กำลังเปิดประตูต้อนรับความทรงจำบทใหม่ ที่มีเสียงหัวเราะเบา ๆ และสายตาอบอุ่นของคนที่ชื่อว่า “ภัทร”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 35 — กลิ่นของมึง…ก็คือบ้านของกู

ค่ำคืน – ห้องพัก Park View Suite, Le Negresco Hotel

คืนที่เงียบสงบเหนือเส้นขอบฟ้าของนีซ
แสงโคมระย้าคริสตัลสะท้อนเงาแสงจันทร์ผ่านกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน
ห้องพักสุดคลาสสิกของโรงแรม Le Negresco ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ศตวรรษที่ 18 ที่สลับกับงานศิลปะโมเดิร์น ทำให้ทั้งห้องราวกับอยู่กึ่งกลางระหว่างอดีตและปัจจุบัน

เตียงคิงไซส์ที่มีหัวเตียงกำมะหยี่สีแดงเข้ม ล้อมรอบด้วยม่านขาวบางที่ปลิวไสวเบา ๆ ตามลมจากทะเล
ดินสอนอนตะแคงข้าง หันหน้าเข้าหาภัทรที่ยังไม่หลับ

“ห้องนี้มันเหมือนห้องในหนังอะ” ดินสอพูดเบา ๆ
“แต่กูไม่อยากให้มันเป็นแค่ฉากที่เราอยู่กันแค่คืนเดียว”

ภัทรเอื้อมมือมาจับมืออีกฝ่ายไว้ใต้ผ้าห่ม
“งั้นมึงอยู่กับกูให้มันเป็นทั้งหนังเลย”
“เป็นหนังรักยาว ๆ ที่ไม่มีตอนจบ”



07:30 น. | เช้าวันที่ 14 – ริมหน้าต่างวิวทะเลเมืองนีซ

แสงเช้าของริเวียร่าไม่เคยรีบร้อน
มันค่อย ๆ ลูบผิวฟ้าด้วยเฉดสีพีชอมทอง แล้วส่งประกายสะท้อนผืนน้ำสีฟ้าสดนอกหน้าต่างห้องพัก
เสียงคลื่นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซัดกระทบฝั่งเบา ๆ เป็นเสียงกล่อมยามเช้าที่โรแมนติกเกินบรรยาย

ไลน์อาหารเช้าสไตล์นีซ ที่โรงแรมเสิร์ฟในห้องโถงเพดานสูงริมชายหาด:

– Croissant au Beurre กรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟคู่แยมส้มฝรั่งเศส
– Socca แพนเค้กถั่วชิกพี อาหารเช้าท้องถิ่น
– Oeufs brouillés (ไข่คนเนยสด)
– Pain de Campagne กับชีส Tomme de Provence และเนยสด
– สลัดนีซัวส์แบบจานเล็ก กับปลาทูน่ารมควัน
– คาปูชิโน่ / กาแฟดำ / น้ำส้มคั้นสด

ดินสอใช้มีดปาดเนยลงขนมปังเงียบ ๆ ขณะที่ภัทรยืนถ่ายรูปเขาจากข้างหลัง
“มึงถ่ายทำไมเยอะ?”

“กูอยากเก็บไว้ว่าคนที่กินขนมปังตรงหน้ากูทุกเช้า… หน้าตาแม่งละมุนแค่ไหน”



08:30 น. | ออกเดินทางสู่หมู่บ้านเอซ (Èze)

รถโค้ชเคลื่อนตัวขึ้นสู่แนวผาริมทะเลของ French Riviera
เส้นทางที่คดเคี้ยวผ่านเขียวของแมกไม้และฟ้าเข้มของทะเล ชวนให้ทุกคนเงียบลงไปโดยอัตโนมัติ

หมู่บ้านเอซ (Èze) คือหมู่บ้านหินเล็ก ๆ บนหน้าผาที่มองเห็นวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสุดสายตา
ถนนหินแคบ ๆ พาไปสู่บ้านโบราณหลังเล็ก ร้านศิลปะ และสวนพฤกษศาสตร์บนยอดเขา



Fragonard Parfumeur – โรงงานน้ำหอมต้นตำรับฝรั่งเศส

ภายในอาคารหินอ่อนสีครีมที่ซ่อนตัวอยู่ริมหน้าผา คือ Fragonard โรงงานน้ำหอมชื่อดังของฝรั่งเศสที่ก่อตั้งในปี 1926
กลิ่นดอกไม้ วานิลลา ซิตรัส และไม้หอมลอยตลบอบอวลไปทั้งชั้น

พลอย แป๋ว เจน เดินไปตรงบูธทดลองกลิ่นอย่างตื่นเต้น
“มีกลิ่นกุหลาบตุรกีด้วย! กรี๊ด!”

ดินสอ ลองกลิ่นไม้ซีดาร์และลาเวนเดอร์บนข้อมือตัวเองเบา ๆ
“กลิ่นนี้แม่ง…เหมือนเวลามึงกอดกูเลยภัทร”

“งั้นซื้อเลย แล้วฉีดก่อนนอนทุกคืน” ภัทรพูดยิ้ม ๆ
“จะได้รู้ว่าแม้กูจะไม่ได้กอด… แต่กูก็ยังอยู่ในอากาศรอบตัวมึง”

พี่แม๊ก เลือกกลิ่น Citrus แบบดิบเท่
โจ เลือกกลิ่นโทนอบอุ่นหวานปนไม้สน
พี่โตเดินผ่านแล้วหันไปพูดกับภัทรเบา ๆ
“น้ำหอมเปลี่ยนทุกซีซั่น… แต่ถ้ามึงหากลิ่นที่เป็นมึงกับเขาได้ละก็ เก็บไว้เลยนะ มันจะพามึงกลับมาหากันได้เสมอ”



Le Jardin Exotique – สวนบนยอดผา

ขณะที่คณะทัวร์เดินต่อมาที่ สวน Le Jardin Exotique บนยอดเขา
พุ่มไม้ดอกหายากและกระบองเพชรเรียงรายบนทางเดินหินเล็ก ๆ วิวมองลงไปเห็นทะเลและเมืองนีซแบบพาโนรามา

คุณเอิร์ธ คุณต่าย พี่ดา ป้าอุ๊ เดินถ่ายรูปอย่างร่าเริง
“ฉันว่ากลิ่นดอกไม้ในสวนนี้ยังแพ้กลิ่นที่สองคนนั้นมองตากันอยู่เลย”
ป้าอุ๊พูดพลางหัวเราะเบา ๆ

“ขนาดฉันฉีดกลิ่น Cedar Wood ยังไม่ได้ Cedar Love แบบพวกเขาเลย”
พี่ดาแซวต่อ



ในขณะที่กลิ่นหอมลอยละลายอยู่ในอากาศ
ภัทรกับดินสอเดินอยู่ข้าง ๆ กัน
ไม่มีคำพูด
มีเพียงเสียงของใจที่เต้นพร้อมกัน…
ในหมู่บ้านที่สูงเท่าหัวใจใครบางคนที่กำลังจะไม่หนีอีกต่อไป

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 36 — มอนติคาร์โล: เสน่ห์ที่ไม่เคยหลับใหล

11:30 น. | เดินทางสู่โมนาโก

หลังจากเช็คเอาต์จากโรงแรมในนีซ คณะทัวร์ออกเดินทางสู่ โมนาโก ประเทศเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความหรูหราและเสน่ห์เฉพาะตัว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีผ่านเส้นทางเลียบชายฝั่งที่งดงาม

พระราชวังโมนาโก (Prince’s Palace of Monaco)

เมื่อถึงโมนาโก คณะทัวร์มุ่งหน้าไปยัง พระราชวังโมนาโก ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา Le Rocher พระราชวังนี้เป็นที่ประทับของราชวงศ์ Grimaldi มานานกว่า 700 ปี และเปิดให้ประชาชนเข้าชมบางส่วน

ขณะเดินชมภายในพระราชวัง ภัทรแอบกระซิบข้างหูดินสอ

“รู้ไหมว่าห้องนี้เคยมีผีหลอกด้วยนะ”

ดินสอสะดุ้ง “จริงเหรอ?”

ภัทรหัวเราะเบาๆ “ล้อเล่นน่า”

ดินสอทำหน้ามุ่ย “ถ้ามึงแกล้งกูอีก กูจะเลิกกับมึง”

ภัทรยิ้ม “กูไม่เลิกกับมึงหรอก”

คาสิโนมอนติคาร์โล (Casino de Monte-Carlo)

ต่อมาคณะทัวร์เดินทางไปยัง คาสิโนมอนติคาร์โล ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1863 โดยเจ้าชาย Charles III เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของโมนาโก คาสิโนนี้เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น James Bond

ลุงก้อง พี่แม๊ก โจ คุณต่าย คุณเอิร์ธ โอ๊ต และพีท ต่างเสียดายที่มีเวลาอยู่ในคาสิโนน้อยเกินไป

“ถ้ามีเวลาอีกสักชั่วโมง คงได้ลองเสี่ยงโชคมากกว่านี้” ลุงก้องกล่าว

13:00 น. | รับประทานอาหารกลางวันที่ Café de Paris Monte-Carlo

คณะทัวร์เดินทางไปยัง Café de Paris Monte-Carlo ร้านอาหารสไตล์บราสเซอรี่ที่ตั้งอยู่บนจัตุรัสคาสิโน ร้านนี้มีประวัติยาวนานกว่า 150 ปี และเป็นที่นิยมของทั้งชาวโมนาโกและนักท่องเที่ยว

เมนูวันนี้:
   •   เนื้อแกะอบ (Curried lamb from the Alpilles) เนื้อแกะนุ่มๆ ปรุงด้วยเครื่องเทศและซอสเข้มข้น
   •   สลัดหอยเชลล์ (Salad Niçoise with Seared Tuna) สลัดสดชื่นกับหอยเชลล์ย่างสุกกำลังดี
   •   แชมเปญชั้นดี เพิ่มความหรูหราให้กับมื้ออาหาร

คุณเอิร์ธและคุณต่ายประทับใจกับบรรยากาศและรสชาติอาหารเป็นอย่างมาก

“ร้านนี้สวยและอาหารอร่อยจริงๆ” คุณต่ายกล่าว

15:30 น. | กลับนีซ / พักผ่อนชายหาด

หลังจากอิ่มอร่อย คณะทัวร์เดินทางกลับนีซ เพื่อพักผ่อนที่ชายหาดใกล้โรงแรม Le Negresco ซึ่งมี Le Negresco Beach Club ให้บริการเตียงอาบแดดและร่มชายหาด

ชายหาดใกล้โรงแรม:
   •   Forum Beach อยู่ใกล้โรงแรม Le Negresco เป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและอาบแดด
   •   Ponchettes Beach ตั้งอยู่หน้าเมืองเก่าของนีซ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ฉากภัทรอวดกล้ามเล่นทะเล

ภัทรถอดเสื้อ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ฟิตเปรี๊ยะ เดินลงทะเลอย่างมั่นใจ ดินสอนั่งมองอยู่บนชายหาด หน้าแดงเล็กน้อย

“มึงจะโชว์อะไรขนาดนั้น” ดินสอพูดเบาๆ

ภัทรยิ้ม “ก็แค่อยากให้มึงดูว่ากูแข็งแรงแค่ไหน”

ดินสอส่ายหัว แต่ก็อดยิ้มตามไม่ได้

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 37 — หาดทราย แสงแดด และใจมึง

16:00 น. | หาด Forum Beach – นีซ

เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ แดดบ่ายคลุมเมืองนีซด้วยเฉดทองอบอุ่น
ทรายสีเทาอ่อนของชายหาด Forum Beach ทอดยาวออกไปสุดสายตา เตียงอาบแดดเรียงรายริมทะเล และน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนใสจนมองเห็นเท้า

ภัทรเดินออกจากห้องน้ำชายหาดด้วยผ้าขนหนูคาดเอว — ท่อนบนไม่ใส่เสื้อ
ผิวแทนอมทองส่องกระทบแสงแดด ร่างสูง 186 ซม. ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจากการออกกำลังสม่ำเสมอ
กล้ามแขนไหล่หน้าอกเป็นลอนสวยชัดเจน โดยเฉพาะ Bicep ที่เบ่งเมื่อหยิบขวดเบียร์ขึ้นดื่ม

เสียงหัวเราะของสาวฝรั่งเศสจากเตียงข้าง ๆ ดังแผ่ว
ดินสอที่นั่งอยู่ใต้ร่ม รู้สึกหน้าร้อนวูบแบบไม่เกี่ยวกับแดด
“เอาอีกละมึง… ถอดจนกูนึกว่ามาแข่งเพาะกาย”

“ก็หาดนี้เขาให้เล่นฟรี จะเล่นทั้งกล้ามด้วย”
ภัทรยิ้มขี้เล่น ก่อนจะล้มตัวลงบนผ้าขนหนูข้างๆ แล้วหลับตา



ความทรงจำย้อนกลับ – มัธยมปลาย

แดดสยามร้อนกว่าแดดนีซ
ภัทรวิ่งอยู่ในสนามหญ้าโรงเรียน ไม่ใส่เสื้อ กางเกงวอร์มเปียกเหงื่อ
เพื่อน ๆ ตะโกนเชียร์ วิ่งไล่บอลแบบเอาจริง

ข้างสนาม
ดินสอคนเดิม… นั่งอยู่ใต้ร่มไม้
ถือขวดน้ำเย็นมองมาแบบไม่พูดอะไร
ในตอนนั้น… พวกเขาคบกันใหม่ ๆ — ไม่มีใครรู้

หลังจบเกม ภัทรเดินเข้ามาหา ยื่นหน้ามาใกล้ ๆ แล้วพูดว่า
“กูวิ่งเสร็จแล้ว ขอหอมมึงเป็นรางวัลได้ปะ”

ดินสอทำหน้างอ
“เหงื่อเปียกขนาดนี้ กูขอหอมคืนตอนมึงอาบน้ำแล้วละกัน”



ปัจจุบัน – หาดนีซ

ภัทรลืมตา
เห็นดินสอยืนหันหลังให้ทะเล ผ้าขนหนูพาดบ่า
หัวใจเต้นแปลก ๆ ทั้งที่นอนนิ่ง
เพราะไม่ว่าวันนั้นหรือวันนี้
คนที่เขารัก…ก็ยังเป็นคนคนเดิมที่อยู่ข้างสนามชีวิตของเขาเสมอ



19:00 น. | ดินเนอร์ริมทะเล – Castel Plage

ริมหน้าผาใต้โค้งหินของเมืองนีซ คือร้านอาหารชื่อดัง Castel Plage
โต๊ะของคณะทัวร์ตั้งอยู่ริมระเบียงไม้ที่ยื่นออกไปจนมองเห็นน้ำทะเลสีน้ำเงินลึก

เมนูคืนนี้:

– Spaghetti ai Frutti di Mare พาสต้าทะเล เส้นเหนียวนุ่มกับหอยสด ปลาหมึก และกุ้งคลุกซอสรสกลม
– Bière Blonde Française เบียร์ฝรั่งเศสสีทอง
– Lemon Sorbet รสเปรี้ยวหวานเย็นชื่นใจ ปิดท้ายมื้อ

“ซอร์เบ้นี่โคตรดีเลยอ่ะ” คุณเอิร์ธพูดขณะตักคำที่สาม
“กลิ่นเลมอนมันฟาดมากเลยเนอะพี่ต่าย”
คุณต่ายพยักหน้าพร้อมจดชื่อไวน์และเบียร์ในโน้ตมือถือทันที

“มึงกินซอร์เบ้แล้วไม่ขมปากเหรอ?” ภัทรถาม
“เปล่า แต่กูจะขมใจ ถ้ามึงไม่ป้อนกูบ้างอะ”
ดินสอพูดจบก็ดันช้อนใส่ปากตัวเองทันที

ภัทรกลั้นหัวเราะ
“น่ารักฉิบหายเลยว่ะ ไอ้ตัวเล็ก”



วันที่ 15 – 06:30 น. | อาหารเช้า / เช็คเอาต์

ห้องอาหารของโรงแรมเสิร์ฟอาหารเช้าแบบนีซประยุกต์ กลิ่นหอมของกาแฟและขนมอบลอยคลุ้งไปทั้งห้อง

ไลน์อาหารเช้าแบบนีซประยุกต์:

– ครัวซองต์อบใหม่ + แยมโฮมเมด
– Omelette Niçoise ไข่เจียวใส่สมุนไพรท้องถิ่น
– ขนมปังโฮลวีตกับมะเขือเทศบดและเนย
– น้ำส้มคั้นสด + กาแฟดำฝรั่งเศส

ดินสอหยิบขนมปังขึ้นมา “รู้มั้ย มื้อเช้านี่… ถ้ามีกู มันถึงจะครบ”

ภัทรยิ้มขณะจิบกาแฟ “กูเลยมาก่อนมึงตลอด… จะได้ไม่มีวันขาด”



08:00 น. | เครื่องบินสู่บาร์เซโลนา

ที่นั่งริมหน้าต่าง ฝั่งซ้ายของเครื่องบิน
ภัทรนั่งข้างดินสอ
เสียงประกาศของนักบินฝรั่งเศส-อังกฤษดังแว่ว

ดินสอมองออกไปนอกหน้าต่าง
“มึงว่าเราจะผ่านสนามบอลของบาร์เซโลนาปะ?”

“กูว่า…ไม่ผ่าน แต่ถึงไม่ผ่าน กูจะพามึงไปเอง”
“กูเคยฝันตอนเด็ก ๆ ว่าจะมาดูเมสซี่… แต่มาวันนี้ ได้พามึงมาด้วย กูดีใจกว่าได้ดูบอลอีก”

ดินสอหันไปมอง
แล้วพูดเสียงเบา
“…มึงแม่ง… ทำให้สนามบอลยังน่ารักน้อยกว่ามึงเลย”



และบนฟ้าที่ทอดยาวจากริเวียร่ามาสู่สเปน
สองคนที่รักกันมาตั้งแต่ม.ปลาย
กำลังจะเริ่มบทใหม่…ในเมืองที่เสียงปรบมือ ดนตรี และหัวใจ เต้นแรงไม่แพ้กัน

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 39 — ศิลปะที่กูอยากเดินเข้าไปอยู่ข้างในกับมึง

10:00 น. | เช็กอิน Hotel Casa Fuster – บาร์เซโลนา

รถบัสหรูเลี้ยวเข้าสู่ Passeig de Gràcia ถนนสายหลักของบาร์เซโลนา ท่ามกลางตึกสไตล์ Modernisme ที่เรียงรายเป็นลวดลายเฉพาะตัว ก่อนจะจอดสนิทหน้าตึกหินสีครีมอ่อนที่ยืนตระหง่านราวปราสาท — Hotel Casa Fuster

Casa Fuster เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวแนว อาร์ตนูโว (Art Nouveau) ที่เคยเป็นบ้านของเศรษฐีตระกูล Fuster ในปี 1908 ออกแบบโดย Lluís Domènech i Montaner ศิลปินร่วมยุคกับ Gaudí ตัวอาคารสร้างจากหินอ่อนและตกแต่งด้วยลายเส้นพลิ้วไหวเหมือนศิลปะหลุดออกมาจากดินสอของใครสักคน

ล็อบบี้สูงโปร่ง เสาแกะลายหินอ่อนรับแสงธรรมชาติที่ส่องลงมาจากกระจกสเตนกลาส
ภัทรพิงผนังหินแล้วมองไปรอบ ๆ
“แม่งเหมือนเดินเข้าไปอยู่ในพวกฝันฟุ้ง ๆ ของมึงเลยว่ะ ดินสอ”

“ไม่ฟุ้งหรอก… ถ้ามีมึงอยู่ในนั้นด้วย”
เสียงเบาของดินสอ ทำเอาคนพิงผนังแทบล้ม



11:00 น. | ชม Casa Batlló และ Casa Milà

ถัดจากโรงแรมไม่ไกล
คณะทัวร์เดินชม Casa Batlló ผลงานชิ้นเอกของ Antoni Gaudí ศิลปินชื่อก้องโลกแห่งยุค Modernisme
ตัวตึกโดดเด่นด้วยหน้าต่างกระจกสี ลายกระเบื้องสีฟ้าเขียว และระเบียงรูปกระดูก — เหมือนหลุดจากนิทานในฝัน

พี่โตชี้ให้ดูหลังคาทรงคล้ายเกล็ดมังกร
“คนบาร์เซโลนาเรียกว่าหลังคามังกร เพราะเชื่อว่า Gaudí ได้แรงบันดาลใจจากตำนานนักบุญเซนต์จอร์จที่สังหารมังกร”

ดินสอแอบกระซิบภัทร
“กูไม่ได้ฆ่ามังกร แต่กูแพ้กล้ามมึงไปละหนึ่ง”

“เมื่อไหร่จะเลิกแซวกล้ามกูแล้วหันมาหลงหน้ากูแทน”
“ก็แค่กล้ามกูก็ยังหวง… แล้วหน้ากูจะไม่หวงได้ไง”

แก๊ง 500 ชาติเดินตามมาพอดี
คุณต่ายหันไปกระซิบคุณเอิร์ธ
“เมื่อกี้ได้ยินชัดเลยว่าพูดคำว่า ‘หวง’ นี่ไม่ต้องใช้กล้าม ใช้ใจล้วน ๆ”



เดินต่อมาอีกไม่ไกล
ถึงคิวของ Casa Milà หรือ La Pedrera อาคารแปลกตารูปทรงโค้งมนเหมือนภูเขาหิน
ที่นี่เป็นตึกอพาร์ตเมนต์ที่ Gaudí ออกแบบโดยไม่มีมุมตรงเลยแม้แต่นิดเดียว

พี่ดาเอ่ยขึ้น
“เหมือนชีวิตคู่นะ ไม่มีทางตรง มีแต่ทางโค้ง… แต่ก็สวยในแบบของมัน”



13:00 น. | อาหารกลางวันที่ El Nacional

ถนน Passeig de Gràcia พาเข้าสู่โถงสูงขนาดใหญ่ของ El Nacional — ฟู้ดฮอลล์สุดหรูในตึกเก่าปรับปรุงใหม่ ที่รวบรวมอาหารทุกภูมิภาคของสเปนเอาไว้

บรรยากาศภายในเหมือนโรงงานอาร์ต ๆ ที่เต็มไปด้วยโต๊ะไม้ หลอดไฟวินเทจ และเสียงหัวเราะเจื้อยแจ้ว
กลิ่นแฮมอบกรุ่น ๆ ผสมเสียงแก้วกระทบกันจากบาร์กลางห้อง

เมนูวันนี้:

– ทาปาสหลากชนิด: ขนมปังหน้ามะเขือเทศ, โครเกต์แฮม, แอนโชวีหมัก
– Jamón Ibérico: แฮมหมูดำสเปนรสละมุนจากแคว้น Extremadura
– Pulpo a la Gallega: ปลาหมึกย่างโรยปาปริกา เสิร์ฟบนมันฝรั่งนุ่ม

คุณเอิร์ธกับคุณต่ายเดินตรวจจานอย่างกับกรรมการเชฟกระทะเหล็ก
“ตัวปลาหมึกนี่ดีเลยนะ พี่เอิร์ธดูเนื้อ”
“แฮมนี่ต้องปี 36 แน่นอน มันละลายบนลิ้นเลย”

โจกับพีทนั่งข้าง ๆ ลุงก้อง
“นี่ขนาดไม่ได้จิบไวน์ ยังเมาจากสายตาคู่นั้นเลยครับลุง”



15:00 น. | เดินเล่นย่าน Gothic Quarter

ย่านโบราณของบาร์เซโลนาเต็มไปด้วยตรอกแคบ ๆ และตึกสูงหินสไตล์กอธิกที่เรียงตัวแน่นราวกับกอดกันอยู่
พื้นทางเดินเป็นหินเก่าที่ถูกขัดเงาด้วยฝีเท้าคนหลายร้อยปี

ดินสอเดินจูงมือภัทร ขณะที่อีกมือถือกล้องฟิล์ม
“ตรอกนี่แม่งโรแมนติกฉิบหาย”
“แต่ไม่เท่ามึงตอนถอดเสื้อเตะบอลตอน ม.6”

ภัทรหัวเราะเสียงดัง
“แล้วมึงจำได้ไหมว่าตอนนั้นใครเอาน้ำเย็นราดหัวกูตอนพักครึ่ง”

“กูเองไง เพราะกูไม่ทนไอ้ที่มึงยืนหายใจหอบโชว์สาวได้”
“กูหึงแบบไม่เนียนเลยอ่ะ”



เสียงกีตาร์ฟลามิงโก้จากคาเฟ่เล็ก ๆ แทรกในตรอกหินเก่า
ตารางเดินทางยังไม่จบ
แต่หัวใจบางคน… เริ่มคิดว่าทุกเมืองที่เขาไป
จะสวยขึ้นทุกครั้ง
…ถ้ามีอีกคนเดินอยู่ข้าง ๆ แบบนี้

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ – ก๊วนสาวสายส่อง สายซึน และสายซัพ

ค่ำคืนที่บาร์เซโลนา | Rooftop Bar โรงแรม Casa Fuster

ห้าสาวนั่งล้อมวงบนโซฟาโค้งริมกระจก ใต้ท้องฟ้าสีครามเข้ม
เบื้องหน้าเป็นวิวเมืองที่เต็มไปด้วยไฟประดับและโบสถ์กอธิก
เบื้องหลัง… มีเสียงหัวเราะกรุ๊งกริ๊งปนเสียงแก้วชนเบา ๆ

“คืนนี้แซะใครก่อนดี?”
เสียงพี่แป๋วเปิดมาอย่างไม่รีรอ

พี่พลอย: “ขอกูเริ่มเลย ภัทรแม่ง… สายตาตอนมองดินสอคือ ‘กินแล้วรัก’ จริง ๆ ไม่ได้กินอย่างเดียวแล้วทิ้งแน่นอน”
เจน: “แค่สายตามึงก็รู้ว่า… น้องสอไม่รอดแล้วเว้ย!”

ป้าอุ๊: “แต่ต้องชมดินสอนะลูก หน้าใสไม่หลุดเลย เดินตามภัทรทุกเมือง เสื้อผ้าสไตล์ไม่ซ้ำเลยด้วย!”
พี่ดา: “ฟอร์มจัด แต่ดูแลเขาทุกวัน แม่รู้นะว่ารัก”



ย้อนกลับไปเมื่อวันแรกของทริป

บนรถจากสนามบิน CDG เข้าเมืองปารีส
ดินสอหลับพิงหน้าต่าง ภัทรห่มผ้าให้แล้วแอบลูบหัวเบา ๆ
พี่ดาที่นั่งหลังสุด แอบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิป พร้อมบอกเบา ๆ กับเจนว่า

“อีพี่นี่… ละมุนกว่าหมอนขนห่านบน Business Class อีก”



มิตรภาพของห้าสาว
   •   พี่แป๋ว: แม่ค้าสายแฟ รู้มุมถ่ายรูปทุกเมือง แต่อยากรู้อะไรปัจจุบัน? “เมื่อไหร่ดินสอจะเลิกฟอร์มแล้วเรียกภัทรว่า ‘ที่รัก’ แบบไม่เขินซักที”
   •   พี่พลอย: เจ้าของแบรนด์เครื่องหอม สนใจกลิ่นคนมากกว่าน้ำหอมที่เอามาขาย
   •   พี่ดา: กูรูเรื่องความรักที่เคยผ่านเรื่อง “เกือบได้แต่ง” มา 2 ครั้ง จนทุกคนตั้งฉายาว่า “เจ้าสาวในใจแต่ไม่ในทะเบียน”
   •   เจน: น้องสาวของโจ ปากกล้าใจกล้า เป็นสายแซะตัวแม่ที่มักจะบอกทุกคนว่า “ดินสอไม่ได้ซึน เขาแค่กลัวเสร็จแล้วรักเธอมากกว่าเดิม”
   •   ป้าอุ๊: รุ่นใหญ่ใจซ่า สายตาแม่บ้าน แต่หัวใจสาวสยาม ใครมีปัญหาความรักมาคุยกับป้า… น้ำตาจะหายทันทีเพราะมัวขำ!



ภาคเมาท์ & วิเคราะห์

พลอย: “ภัทรเคยมีแฟนคนอื่นไหมนะ?”

ดา: “มีแน่ แต่ไม่มีใครเหมือนดินสอ”

เจน: “และไม่มีใครทนไอ้ภัทรได้นานเท่าดินสอแน่ด้วย!”

ป้าอุ๊: “ดินสออาจจะเงียบ แต่เขาแน่น เขาจริง เขาใช้ใจรัก ไม่ใช่แค่ใช้มือ”

เสียงหัวเราะครืนในกลุ่ม
แล้วจู่ ๆ ทุกคนก็เงียบ
เพราะเสียงจากโต๊ะข้าง ๆ ดังขึ้นเบา ๆ…

ภัทร: “พวกพี่แอบเมาท์อะไรกันอะ?”

เจน: “ก็แค่ช่วยเชียร์ให้พวกมึงแต่งงานให้ไวไง”

ภัทรหัวเราะ
“งั้นช่วยจัดเซอร์ไพรส์ให้มันขอกูแต่งก่อนด้วยนะครับ… เพราะกูจะไม่รอแล้ว”



และในค่ำคืนที่บาร์เซโลนา
เมืองแห่งเสียงกีตาร์ เสียงหัวเราะ และกลิ่นไวน์
ห้าสาวก็รู้ว่า…

ความรักของสองคนนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของเขาสองคน แต่เป็นเรื่องของพวกเธอด้วย

เพราะทุกการแซะ ทุกการซัพ ทุกเสียงหัวเราะ
…คือพลังเงียบที่ผลักดันให้รักครั้งนี้ถึงฝั่งฝัน

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 40 — พี่จะดูแลน้องเอง

17:30 น. | Café de l’Opera – La Rambla

บ่ายแก่ ๆ บนถนน La Rambla
เสียงรองเท้าแตะจังหวะกับหินบนพื้นถนน
เสียงกีตาร์ฟลามิงโก้จากศิลปินข้างทาง
และกลิ่นกาแฟคั่วสดลอยมาตามลม

Café de l’Opera เปิดมาตั้งแต่ปี 1929 เป็นคาเฟ่รุ่นบุกเบิกของบาร์เซโลนา ตกแต่งด้วยไม้โอ๊ค แชนเดอเลียร์วินเทจ และกระจกเงาบานใหญ่

ภัทรและดินสอได้นั่งริมกระจก หน้าร้าน
เสียงรถราง เสียงคนเดิน และเสียงกาแฟกำลังไหลจากเครื่อง ช่วยกล่อมใจให้ผ่อนคลายอย่างประหลาด

เมนูวันนี้:
– Café con leche (กาแฟนมร้อนแบบสเปน)
– ขนมปังบาแก็ตย่าง กับมะเขือเทศทาบบาง ๆ (Pa amb tomàquet)
– มาการองไส้ซิตรัสเฉพาะฤดูกาล

“ถนนนี้แม่งเหมือนซอยที่คนหลงทางกันด้วยศิลปะ”
ภัทรพูดพลางละเลียดกาแฟ

ดินสอพยักหน้า
“แต่มึงไม่หลง กูเห็น… มึงเดินตรงเข้ามาหากูตั้งแต่วันแรกแล้ว”



19:30 น. | ดินเนอร์ – Moments (Mandarin Oriental, 2 Michelin Stars)

ห้องอาหารหรูของเชฟ Carme Ruscalleda
ผู้นำเสนออาหารกาตาลันแบบร่วมสมัย (Catalan Modern Cuisine) ในแบบ tasting menu ที่แต่ละจานคือบทกวีแห่งรสสัมผัส

โต๊ะของคณะทัวร์ตั้งเรียงข้างหน้าต่างสูง
คุณเอิร์ธและคุณต่ายนั่งหน้าตึงมือถือ ไม่ใช่เพราะเครียด แต่เพราะกำลัง “บันทึกผลการล่า”

รายการอาหารบางจาน:

– Esqueixada de bacallà (สลัดปลาเค็มตากแห้งกับพริกหยวก)
– Caneló de l’àvia (คาเนลโลนหมูบดใส่ฟัวกราส์ ซอสเห็ดทรัฟเฟิล)
– Arròs negre amb sèpia i allioli (ข้าวดำกับหมึกและซอสกระเทียม)
– Crema catalana reinterpretada (เครมาบรูลเล่แบบใหม่ในแก้วแกะสลัก)

คุณเอิร์ธกระซิบ “คำนี้ติดดาว 2.5 ในใจฉันแล้ว”
คุณต่ายแค่พยักหน้า… แล้วจดลงโน้ตทันที



ระหว่างกิน
ภัทรวางส้อมลง แล้วหันไปมองดินสอ

“มึง… มีความสุขปะ”

“มึงถามทำไมอะ”
“ก็แค่… กูเห็นมึงยิ้มบ่อยขึ้นหลังจาก… คืนนั้น”

ดินสอเงียบไป
ก่อนจะพูดเบา ๆ

“ถ้ามีความสุขแบบนี้ตั้งแต่แรก กูก็ไม่ต้องกลัวอะไรเลยใช่มั้ยวะ”

ภัทรยกมือขึ้นจับมืออีกคน
“มึงยังไม่สายเลยสักนิด”
“พี่จะดูแลน้องเอง… ดินสอของพี่”



คืนนั้น | ห้องพัก Casa Fuster

เงียบ
ช้า
แต่ไม่ลังเล

ดินสอวางกล้องลงบนโต๊ะ
ภัทรวางโทรศัพท์บนเตียง
ไม่มีคำพูด
มีแต่สายตา

มือแตะมือ
กลายเป็นกอด
เสียงหายใจกลายเป็นเสียงใจ

และในค่ำคืนที่สองของบาร์เซโลนา…
พวกเขาเหนื่อยกันอีกครั้ง

อาบน้ำด้วยกันอีกครั้ง

มือสระผมให้กัน
สบู่ถูแผ่นหลังให้อีกฝ่าย
เสียงหัวเราะเบา ๆ กับน้ำอุ่นไหลผ่านผิว

ดินสอซบไหล่ภัทรขณะล้างฟอง
“มึงอย่าหายไปนะ”

ภัทรจูบกลางหัวดินสอเบา ๆ
“กูไม่หายไปไหนทั้งนั้น นอกจากเข้าไปลึกในใจมึง…มากกว่าเดิม”



เช้าวันที่ 16 – 07:30 น. | อาหารเช้าแบบบาร์เซโลนา

ห้องอาหารเช้าเปิดกลิ่นกาแฟสเปนแรง ๆ และแฮม Iberico หั่นใหม่ๆ

ไลน์อาหารเช้า:

– Pa amb tomàquet: ขนมปังทามะเขือเทศและน้ำมันมะกอก
– Tortilla Española: ไข่เจียวมันฝรั่งสไตล์สเปน
– Churros con Chocolate: ชูโรสกรอบจิ้มช็อกโกแลตร้อนข้น
– Fruits de temporada: ผลไม้สดตามฤดูกาล
– Café solo / con leche: กาแฟเข้มสองระดับ

ภัทรยกชูโรสจิ้มให้ดินสอ
“หวานพอ ๆ กับเมื่อคืนไหม”

ดินสอพูดไม่ออก แต่หน้าแดงจนตอบอะไรไม่ได้



08:30 น. | Sagrada Família – วิหารที่ยังไม่เสร็จ แต่สวยเกินคำว่าขาด

Sagrada Família คือหัวใจของบาร์เซโลนา
วิหารในฝันของ Antoni Gaudí ที่เริ่มสร้างในปี 1882 และยังคงสร้างต่อเนื่องด้วยความรักและศรัทธา
ลายปูนปั้นที่เหมือนถูกเสก โค้งเสาที่เหมือนกิ่งไม้สวรรค์
ทุกช่องแสง คือบทสวดของพระอาทิตย์

ไกด์พูดเบา ๆ
“Gaudí เคยบอกว่า ‘ลูกค้าของผมไม่รีบ… เพราะเขาคือพระเจ้า’”



ดินสอยืนมองกระจกสีที่สะท้อนลงบนพื้นหิน
ภัทรยืนข้าง ๆ แล้วพูดเบา ๆ

“ไม่ว่ามึงจะมีบาดแผลแค่ไหน กูก็จะอยู่ตรงนี้ จนกว่าหัวใจมึงจะเสร็จสมบูรณ์”



และบาร์เซโลนาในตอนเช้า
อบอุ่นด้วยแสง… และรักที่ไม่ต้องเร่งรีบ
เหมือน Gaudí ที่ไม่เคยเร่งงานของพระเจ้า
ภัทรก็ไม่เคยเร่งใจของดินสอเช่นกัน

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนพิเศษ – พิชิตแล้วต้องฉลอง (ชายล้วน ฉบับไม่ต้องมีมารยาท)

ค่ำคืนหลังกลับจากมื้อเย็นที่ Castel Plage — Rooftop Bar Hotel Casa Fuster | บาร์เซโลนา

เสียงแก้วไวน์ชนกันดังกรุ๊ง…
เบียร์ฝรั่งเศสเปิดฝาเสียงดังป๊อก…
เสียงหัวเราะของผู้ชายสิบคนกระจายทั่วดาดฟ้าโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่คืนนี้เหมือนเปลี่ยนจากรีสอร์ตหรูเป็นโต๊ะร้านเหล้าหน้าปากซอย

ทุกคนมานั่งกันเป็นวงล้อม
ไม่มีดินสอ
ไม่มีพี่สาว
ไม่มีคนใจบาง

มีแค่ชายล้วนกับเบียร์ขม ๆ และความเฮฮาที่พร้อมเปิดหมดทุกซีน!



พี่แม็กซ์ (เจ้าพ่อจอมเก๋า):
“ภัทร… ตอบตรง ๆ หน่อย”
“เมื่อคืน มึงได้ ‘พิชิต’ ตามเป้ารึยังวะ?”

เสียงเฮดังลั่น
โอ๊ตกับพีทยกแก้วขึ้นชนกันก่อนพ่นเบียร์ออกมาเพราะขำจนสำลัก

ภัทร (หน้ามึนแต่ยิ้มมุมปาก):
“…ได้สิครับ”
“ไม่ใช่แค่ได้ ‘พิชิต’ หรอก… แต่ผม ‘ปกครอง’ แล้วด้วย”

คุณเอิร์ธ:
“เดี๋ยว… ฟังดูเหมือนมึงตั้งราชวงศ์ใหม่เลยนะภัทร!”

คุณต่าย (พิงเก้าอี้ ม้วนแขนเสื้อเชิ้ต):
“น้องดินสอไหวเหรอวะ ตัวเล็กขนาดนั้น”

ภัทร:
“ตอนแรกก็ไม่ไหวครับ… แต่พอจูบแล้วเงียบไปเลย”

เสียง “โอ๊ยยยย!” ลั่นทั้งวง
พี่โตที่เงียบมานานยกไวน์ขึ้นจิบอย่างสง่างามก่อนพูดนิ่ง ๆ

พี่โต:
“ในฐานะคนโสดที่อยู่มานาน… พี่ขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจว่ะไอ้ภัทร”
“ที่มึงได้เจอคนที่ ‘ยอมให้พิชิต’ เพราะเชื่อว่ามึงจะไม่ทิ้ง”

เงียบไปแวบหนึ่ง
แล้วลุงก้องก็ตบโต๊ะ

ลุงก้อง (สายฮาแห่งวง):
“แต่พวกมึงรู้มั้ย! ตอนเช้าเสียงโอ๊ยเมื่อคืน มันดังไปถึงห้องกูเลย!”
“กูนึกว่าแมวกัดกัน ที่ไหนได้… มนุษย์พิชิต!”

โจ:
“เอาจริงนะ ตอนแรกผมนึกว่าดินสอซนไม่เป็น แต่เมื่อคืน… ภัทรแม่งซนกว่าอีก”

ภัทร (ยิ้มหล่อแบบไม่ถ่อมตัว):
“มึงอย่าประมาทกล้ามกูดิ”

พีท:
“กูไม่ได้ประมาท… กูอิจฉา!”

โอ๊ต:
“ไม่เป็นไรพีท… เดี๋ยวเราหากันเองในกองทัพโสด!”



ทุกคนพร้อมใจยกแก้วขึ้นอีกครั้ง

“แด่ภัทร…”

“ที่พิชิตได้แล้ว… แต่ไม่หยุดแค่นั้น”

“และแด่ดินสอ…”

“ที่ไม่ได้แค่ยอมให้พิชิต แต่ยอมเปิดใจให้คนที่รักจริง”

เสียงชนแก้วกระหึ่ม
เสียงหัวเราะดังลั่น
และแม้จะไม่มีใครพูดออกมาตรง ๆ
แต่ทั้งหมดรู้ดี…

ความสำเร็จของภัทร ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง
แต่คือการ “ชนะใจ” คนที่เขารักที่สุด
…ด้วยหัวใจ ไม่ใช่แค่กล้าม

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 40 (ต่อ) — ศิลปะ สไตล์ และใจที่เต็มตลอดวัน

11:00 น. | Park Güell – สวนแฟนตาซีแห่งบาร์เซโลนา

รถบัสของคณะทัวร์เลี้ยวขึ้นเนินไปยังย่าน El Carmel
เมื่อประตูสวนเปิดออก… เหมือนก้าวเข้าสู่โลกอีกใบ

Park Güell ไม่ได้เป็นแค่สวน แต่คือจินตนาการของ Antoni Gaudí ที่กลายเป็นของจริง
สวนนี้เริ่มต้นจากความฝันของนักธุรกิจ Eusebi Güell ที่อยากสร้างหมู่บ้านบนเนินเขา
แต่เมื่อไม่สำเร็จ… ก็กลายเป็นสวนเปิดที่กลายเป็นสัญลักษณ์โลกแทน

โค้งบันไดมังกรเซรามิก ลานกว้างที่มีม้านั่งยาวที่สุดในโลกเป็นลายโมเสกสีสด
และเสาโค้งใต้อาคารที่ทำให้ทุกมุมมองเหมือนกำลังเดินอยู่ในนิทาน

ภัทร จับมือน้องไว้แน่น

“มึงว่า… ที่นี่มันเวอร์วังไปมั้ย”

“ไม่เลย” ดินสอยิ้มบาง “มันเหมือนข้างในหัวกูเวลานึกถึงมึง”

ภัทรนิ่ง
“ถ้าข้างในหัวมึงมีมังกรสีรุ้งกับม้านั่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด กูก็ยอมอยู่นั่นตลอดชีวิตเลย”



12:30 น. | มื้อกลางวัน – La Pepita

ร้านอาหารท้องถิ่นแบบเท่ ๆ บนถนน Carrer de Còrsega
La Pepita ขึ้นชื่อเรื่อง Tapas แบบโมเดิร์นและบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้านของเชฟเอง

เมนูวันนี้:

– Tapas ทะเล: กุ้งย่าง, หอยแมลงภู่ไวน์ขาว, ปลาซาร์ดีนรมควัน
– Gazpacho: ซุปเย็นมะเขือเทศรสสด เปรี้ยวหวานลงตัว
– เบียร์ Estrella Damm: เบียร์ท้องถิ่นของบาร์เซโลนา รสเข้ม ขมเบา ๆ

คุณต่าย สะบัดผ้าเช็ดปากแล้วบอกกับคุณเอิร์ธ
“คำนี้ให้ 3 ดาว…เพราะกลิ่นหอมแค่เดินผ่านก็รู้ว่าเด็ด”

พี่ดา แอบหันมาบอกดินสอเบา ๆ
“ลูก… แม่ว่า Gazpacho แก้วนี้เผ็ดน้อยกว่าสายตาน้องภัทรเวลามองเราอีก”

ดินสอเก็บคำพูดไว้เงียบ ๆ
แต่ใจเต้นรัวมากกว่าเสียงช้อนชนจานแน่นอน



14:00 น. | Barcelona Design Museum – งานศิลป์แห่งปัจจุบัน

อาคารทรงเรขาคณิตทรงเฉียงเหมือนโดนตัดมุม
Barcelona Design Museum (Museu del Disseny)
จัดแสดงทุกอย่างตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ระดับโลก จนถึงแฟชั่น ป้ายโฆษณา และเทคโนโลยีแห่งอนาคต

พี่แม็กซ์ เดินช้า ๆ หน้าตู้โชว์รองเท้าหนัง
“โอ๊ย มันคือ Dior สำหรับคนใช้เท้าเดินจริง ๆ ไม่ใช่แค่เดินพรมแดง!”

ดินสอ หยุดดูหมวกที่ออกแบบโดยนักเรียนดีไซน์
“ถ้าใส่หมวกนี้ แล้วเดินกลับไทยพร้อมมึง… คนจะมองไหมวะ”

ภัทร: “คนอาจจะมองหมวกนะ… แต่กูจะมองแค่มึง”



16:00 น. | Passeig de Gràcia – อิสระช้อปปิ้งในย่านแฟชั่น

แบรนด์หรูเรียงรายทั้ง Loewe, Balenciaga, Hermès, Massimo Dutti
แต่ก็ยังมีร้านหนังท้องถิ่นที่ตั้งแต่ปี 1925
ย่านนี้คือความหรูหราผสมกลิ่นศิลปะแบบกาตาลันที่หาไม่ได้จากที่ไหน

พี่พลอย จับกระเป๋าหนังใบใหญ่
“เอาจริงนะ… ถ้าค่าชิปปิ้งเกิน พี่จะโบกมือเรียกเครื่องบินส่วนตัวแล้ว!”

พี่แป๋ว ถือกล่องรองเท้า 2 กล่อง เดินเข้า Loewe ไปอีก
“ถึงไทยเราค่อยว่ากัน เรื่องวันนี้ พี่ไม่แคร์!”

พี่แม็กซ์ ลูบเสื้อเชิ้ตสีเขียวมรกต
“อันนี้พอใส่แล้วถอด… น่าจะกร้าวใจคนดู”

ภัทร หยิบเสื้อแจ็กเก็ตหนังขึ้นมา ลองทาบกับตัว แล้วหันไปหาดินสอ
“มึงว่ากูใส่แล้วเท่มั้ย”

ดินสอหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายแบบไม่พูด
แล้วตอบแค่ “ถ้ามึงถอดเร็วเท่าตอนถอดตอนกลางคืน กูซื้อให้เลย”

ภัทรยิ้มทะเล้น… ก่อนจะหันไปจ่ายตังค์ทันที



เสียงหัวเราะของคณะทัวร์ดังขึ้นเป็นระยะ
กระเป๋าเดินทางเริ่มขยายร่าง
แต่อารมณ์ของวันนี้… ก็เบาเท่าลมบาร์เซโลนาที่พัดมาทุกครั้งที่เดินใกล้มึง

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 41 — มึงห้ามทิ้งกู… เพราะกูไม่มีวันทิ้งมึง

19:30 น. | ร้าน Tickets – Modern Tapas & Molecular Cuisine

ค่ำคืนสุดท้ายในบาร์เซโลนา
ร้านอาหารแห่งนี้… ไม่ได้มีแค่เมนู
แต่มีเวทมนตร์

Tickets คือผลงานของ Ferran และ Albert Adrià แห่งตระกูล El Bulli อันโด่งดัง
ที่เคยเปลี่ยนโลกของอาหารไปตลอดกาล
ที่นี่… ไม่ใช่แค่ร้านอาหาร แต่คือ “โรงละครแห่งการกิน” ที่ทุกจานคือโชว์

บรรยากาศร้าน:
ตกแต่งเหมือนคณะละครสัตว์ ผสมโรงภาพยนตร์เรโทร
มีไฟนีออนสีสด ผนังภาพโปสเตอร์ยุคเก่า พนักงานแต่งตัวเหมือนตัวตลกในโรงละคร แต่ทุกจังหวะของการเสิร์ฟคือ พิธีกรรมศิลปะ

เมนูไฮไลต์:

– Spherical Olive: มะกอกที่แตกในปากเป็นของเหลวกลิ่นมะกอกเข้มข้น
– Air Baguette Iberico: ขนมปังอากาศกรอบที่มีเพียงอากาศในไส้ แต่เคี้ยวแล้วเค็มหอมของแฮม
– Liquid Nitrogen Popcorn: ข้าวโพดแช่เย็นด้วยไนโตรเจน ทำให้หายใจพ่นควันได้
– Foie Gras Cotton Candy: ตับห่านห่อไหมฝ้าย

พี่ต่าย จดทุกคำที่กิน
คุณเอิร์ธ ถ่ายวิดีโอแล้วหันไปกระซิบ
“อันนี้ไม่ใช่แค่ Michelin นะ… นี่มันศิลปะ”

ภัทร มองดินสอที่กำลังอมลูกมะกอกแตกในปาก แล้วถามเสียงเบา
“รู้สึกเหมือนกูมั้ย… เหมือนเรากินเวลาอยู่”

ดินสอไม่ตอบ
แต่ยิ้มบาง ๆ เหมือนคนที่รู้ว่า
บางวิมาน… อาจอยู่ได้ไม่นาน
แต่ยังไม่อยากให้หายไป



คืนนั้น | ห้องพัก Casa Fuster

ห้องพักตกแต่งด้วยงานศิลปะร่วมสมัย ผนังลายอ่อนโค้งนุ่ม โซฟากำมะหยี่ ผ้าปูเตียงสีเบจ
ภัทรเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
เดินออกมาจากห้องน้ำ
นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
หยดน้ำเกาะกล้ามแน่น

ดินสอ ยืนมองอยู่นิ่ง ๆ ที่ริมหน้าต่าง

“…ทำไมเงียบ”
ภัทรถามเบา ๆ

“อีกไม่กี่วัน… เราก็ต้องกลับแล้วใช่มั้ย”
“แล้วเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม… หรือแย่กว่าเดิมวะภัทร”

ภัทรเดินเข้ามาช้า ๆ
ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด
หน้าแนบอกเปลือยที่ยังอุ่นไอจากน้ำ

“ไม่ต้องกลัว”
“มึงห้ามทิ้งกู… เพราะกูไม่มีวันทิ้งมึง”



ภัทรยกคางของดินสอขึ้น
จูบลงอย่างแผ่วเบา
ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องรุนแรง
แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ

“ขออีกรอบนะ”
เสียงกระซิบดังในห้องที่มีแค่สองคน และแสงไฟส้มอ่อนของโคมคริสตัล



วันที่ 17 | 07:00 น. | อาหารเช้า & เช็คเอาต์

มื้อเช้าสุดท้ายในบาร์เซโลนา
ภายในห้องอาหาร Casa Fuster
แสงแดดยามเช้าสะท้อนผ่านกระจกสเตนกลาส พาดลงบนจานอาหาร

ไลน์อาหารเช้า:
– ครัวซองต์อบใหม่
– Tortilla de Patatas (ไข่เจียวมันฝรั่ง)
– โยเกิร์ตแอนดาลูเซีย โรยอัลมอนด์
– กาแฟดำร้อน ๆ และน้ำส้มวาเลนเซียสด

ดินสอเงียบผิดปกติ
ขณะกินเงียบ ๆ
ภัทรพยายามยิงมุก
แต่กลับมีแววใจหวิวซ่อนอยู่ในดวงตา



08:00 น. | รถไฟ AVE สู่มาดริด

AVE คือรถไฟความเร็วสูงของสเปน
ที่วิ่งได้ถึง 310 กม./ชม.
ขบวนสีขาวสะอาดภายในกว้างขวาง พร้อมหน้าต่างกว้างที่มองเห็นทุ่งดอกทานตะวันและบ้านไร่หินตลอดทาง

ดินสอหลับพิงไหล่ภัทร
แต่จับมือไว้แน่นตลอด
เหมือนกลัว… ถ้าปล่อยแล้วอาจไม่มีโอกาสได้จับอีก



10:30 น. | Plaza Mayor & Royal Palace of Madrid

Plaza Mayor คือหัวใจของมาดริด
ลานกว้างที่เคยเป็นทั้งตลาด สถานที่ประหาร และฉากละครเร่
ล้อมรอบด้วยตึกสีอิฐแดงที่มีระเบียงเรียงราย 237 ช่อง

ต่อด้วยการเข้าชม Royal Palace of Madrid
พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
มีห้องกว่า 3,000 ห้อง เครื่องเรือนทองคำ นาฬิกาเก่า ศิลปะโรมัน และสวน Sabatini

ภัทรกระซิบ
“เมื่อวานเราดูมังกรที่ Gaudí สร้าง”
“วันนี้มาดูพระราชวังที่สร้างโดยคนจริง… แต่สำหรับกู มึงคือบ้าน”

ดินสอไม่ตอบ
เพียงยิ้มบาง ๆ
แต่ไม่พูดอะไร



12:30 น. | ร้านอาหาร Sobrino de Botín (ก่อตั้งปี 1725)

ร้านอาหารเก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใกล้ Plaza Mayor
ที่ Ernest Hemingway เคยมานั่งเขียนงาน
และยังใช้เตาอบดั้งเดิมที่อายุเกือบ 300 ปี

เมนูไฮไลต์:

– Cochinillo Asado: หมูหันสไตล์ Castilian หนังกรอบ เนื้อนุ่ม
– Rioja Tinto: ไวน์แดงจากแคว้น Rioja รสเข้มดิน ชุ่มคอ
– ขนมปังโบราณอบเตาถ่าน



ดินสอพูดน้อยลงเรื่อย ๆ
นั่งมองจานตัวเองเงียบ ๆ
ภัทรพยายามยิงมุก
แต่เสียงหัวเราะของอีกคน… เริ่มน้อยลง

หัวใจภัทรเริ่มหน่วง
เหมือนรู้ว่า
ไม่ใช่เพราะดินสอเบื่อ
แต่เพราะกำลังกลัว… ว่าทุกอย่างจะหมดเวลาแล้วจริง ๆ



และในมื้อกลางวันที่เสิร์ฟจากเตาอายุหลายร้อยปี
ความรักของพวกเขา… กลับต้องตั้งคำถาม
ว่าหลังจากกลับไทยไป
“วิมานนี้จะยังอยู่… หรือจะหายไปอีกครั้ง”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เยี่ยมแวะวิมาน | ตอนที่ 42 — ขอเบา ๆ …แต่ใจกูแรง

14:30 น. | Museo del Prado – สวรรค์ของศิลปะคลาสสิก

อาคารหินอ่อนทรงนีโอคลาสสิกกลางกรุงมาดริด
ที่เต็มไปด้วยเงาของผลงานอมตะจากศิลปินระดับโลก
Velázquez, Goya, Rubens — ชื่อนี้ไม่ใช่แค่ในหนังสือเรียน แต่ยืนเด่นตรงหน้า

“Las Meninas” ของ Velázquez อยู่ตรงกลางห้องใหญ่
ดินสอมองภาพ… แล้วขยับมากระซิบภัทร
“คนวาดแม่งเข้าใจมุมมองว่ะ”

ภัทรก้มลงกระซิบ
“แต่มึงนี่ยืนมุมไหนกูก็เห็นแต่ตูด… เอ๊ย หน้า มึงอยู่ดี”

ดินสอหูแดงจนกลืนไม่ลง
“มึงเลิกพูดลามกไม่ได้เหรอวะ”

ภัทรยักไหล่ “กูก็พูดแบบชมศิลปะไง”
“ศิลปะของกู = มึง”



ระหว่างทางออกจากพิพิธภัณฑ์
แก๊ง 500 ชาติเดินรวมตัวกัน

ลุงก้อง: “เดี๋ยวนี้ไอ้ภัทรแม่งเป็นศิลปินมากเลยนะ”
พี่แม็กซ์: “ศิลปะสายหื่นปะล่ะพี่ก้อง”

เจน: “เออ! เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่ลามกธรรมดา ลามกแบบมีปรัชญา!”

ดินสอ: “กูยังอยู่ตรงนี้นะเว้ย…”
ป้าอุ๊ (กระซิบ): “ลูกก็แค่โชคดีที่ได้คนรักแบบนี้ไง ฮึ่ย… แข็งแรงอีกต่างหาก”



17:00 น. | เช็กอินโรงแรม – Only YOU Hotel Atocha

Only YOU Atocha เป็นโรงแรม 4 ดาวสุดชิค สไตล์อินดัสเทรียลโมเดิร์น
ห้องพักตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม กระจกบานใหญ่ เตียงคิงไซซ์ และไฮไลต์สำคัญ…

อ่างอาบน้ำทรงรีสีขาวกลางห้อง ที่เห็นวิวพระอาทิตย์ตกพอดีจากหน้าต่างสูง

ภัทรอาบน้ำก่อน
เสียงน้ำหยุดไหล
ไม่นานนัก ภัทรเดินออกมานุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวต่ำ ๆ ติดกระดูกสะโพก
กล้ามหน้าท้องชัดเหมือนปั้นจากหิน
และ…แน่นอนว่า ใต้ผ้าเช็ดตัวก็ปิดของขนาด “มหึมาเกินอัตราสากล” ไว้แค่บาง ๆ เท่านั้น

ดินสอหันมาเห็นแล้วกลืนน้ำลายเฮือก

“…มึงอย่าบอกนะว่า มึงจะ—”

ภัทรยิ้ม
“กูยังไม่เคยในอ่างเลย… ขอได้ปะ”
“ขอกูนะ กูจะทำเบา ๆ …สัญญา”

ดินสอหน้าร้อนจนแทบจะละลาย
มือหนึ่งทับลงบนอกภัทร
“…ไอ้คนลามก”

แต่สุดท้ายก็พยักหน้าเบา ๆ
ในแสงโคมส้มอุ่น และเสียงน้ำในอ่างที่กำลังเติมเต็ม…



19:00 น. | ดินเนอร์ Rooftop – Azotea del Círculo

Azotea del Círculo เป็นร้าน Rooftop ที่วิวดีจนเหมือนลอยอยู่เหนือเมือง
เห็นยอดตึก Telefónica และพระอาทิตย์ตกตรงแนวขอบตึกพอดี

เมนูวันนี้:

– ปลาทูน่าย่าง (Atún a la plancha) ราดซอสสมุนไพรกาตาลัน
– Salmorejo (ซุปเย็นมะเขือเทศเข้มข้นกวาซ์ปาโช)
– Sangria แก้วเย็นที่เต็มไปด้วยผลไม้และไวน์แดงเข้ม

ภัทรนั่งข้างดินสอ มือยังอุ่นจากการจับเมื่อกี้
แต่ไม่มีใครพูดถึงอ่างนั้น… ทั้งที่ทุกคนสงสัย

คุณเอิร์ธกระซิบคุณต่าย:
“คืนนี้แม่ง… ต้องมีอีกแน่ ๆ”
พี่แป๋ว: “ดูหน้าไอ้สอดิ แดงไม่พักเลยลูกแม่”

เจนยิ้ม: “คืนนี้… เช็คอินบนเตียงอีกคนแล้วแน่ ๆ”



วันที่ 18 | 07:00 น. | อาหารเช้า & เช็คเอาต์

ไลน์อาหารเช้าของโรงแรม:
– ขนมปังอบสด
– ไข่คน / ไข่ดาว / ไข่ลวก
– Churros & ช็อกโกแลตร้อน
– ผลไม้สด
– กาแฟสเปน

ขณะทุกคนนั่งกิน
พี่ดา ถามเสียงดัง “ภัทร! วันนี้มึงกินไข่ลวกกี่ฟอง?”

ภัทรไม่ตอบแต่ยกนิ้ว “สิบ!”

เสียงหัวเราะกระหึ่ม
ดินสอหูแดงขึ้นทันที
แล้วหยิกแขนภัทรเต็มแรง

“โอ๊ยยยยยย! กูหมายถึงไข่ในถ้วย!”

“เออ! กูหมายถึงไข่มึงนี่แหละ!”



08:30 น. | เดินทางสู่ปารีส – ปิดท้ายเมืองแห่งรัก

เครื่องบินของสายการบิน Iberia พาคณะทัวร์บินตรงสู่ ปารีส
เมืองที่ทุกคนรอคอย… ทั้งความโรแมนติก และคำถามสุดท้ายของใจ

สำหรับภัทรกับดินสอ…
มันไม่ใช่แค่การเดินทาง
แต่คือคำถามว่า “เมื่อวิมานเริ่มจากการเยือน… จะอยู่ต่อได้หลังกลับถึงไทยไหม”

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด