เยือนแมนแดนสรวง (จบแล้วครับ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เยือนแมนแดนสรวง (จบแล้วครับ)  (อ่าน 1744 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เคยพยายามเขียนเรื่องบู้แล้วครับ ไม่รอด 55555 ขออนุญาตลองแนวธรรมดาๆ หวานๆ ดูนะครับ

เยือนแมนแดนสรวง
   •   เยือน
แปลว่า การไปหา การไปถึง การไปพบ หรือการแวะไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง
มักใช้ในความหมายที่สุภาพ งดงาม เช่น “เยือนดินแดนใหม่” หรือ “ไปเยี่ยมด้วยความเคารพ”
   •   แมน
มาจากคำว่า “แมน” ในวรรณคดีไทย หรือภาษาบาลี–สันสกฤต
มีรากความหมายถึง มนุษย์ หรือ ผู้มีจิตใจสูง
บางกรณีใช้แทนคำว่า โลกมนุษย์ หรือ ชายหนุ่มผู้มีคุณธรรมสูง
   •   แดน
หมายถึง ดินแดน พื้นที่ หรืออาณาเขตที่มีลักษณะเฉพาะ
ใช้ในบริบทวรรณกรรมเพื่อเน้น “ความกว้างขวาง” และ “คุณลักษณะเฉพาะของที่แห่งนั้น”
   •   สรวง
มาจากคำว่า สวรรค์ หรือ แดนเทพ
ใช้ในบริบทวรรณคดีเพื่อสื่อถึง “ความสูงส่ง บริสุทธิ์ งดงาม ละเอียด ลึก และลี้ลับ”
เป็นคำที่ชวนฝัน มีความศักดิ์สิทธิ์ และโรแมนติก



แปลความโดยรวม

“เยือนแมนแดนสรวง”
หมายถึง

การเดินทางไปสู่ดินแดนแห่งหัวใจมนุษย์ ที่งดงาม ละเอียดอ่อน และสูงส่งดั่งแดนสวรรค์

หรืออีกมุมหนึ่ง

คือการเดินทางภายในจิตใจ ผ่านเรื่องราว ความรู้สึก และความรัก ที่พาให้เราสัมผัสความบริสุทธิ์ของความสัมพันธ์ — แม้จะผ่านความเจ็บปวดก็ตาม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2025 08:06:08 โดย Shibaguy »

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #1 เมื่อ02-04-2025 23:47:00 »

มือใหม่นะครับ ถ้ามีอะไรผิดพลาดขอประทานโทษด้วยนะครับ อย่าดุผมนะ

เยือนแมนแดนสรวง

บางการเดินทางไม่ได้เริ่มจากสนามบินหรือปลายทางในแผนที่
หากแต่เริ่มจากหัวใจที่แตกสลาย

ในวันที่มนุษย์คนหนึ่งไม่เหลืออะไรให้ศรัทธา
และอีกคนหนึ่ง…เลือกจะยื่นมือให้

นี่คือเรื่องราวของการเดินทางสู่ แมนแดนสรวง
ดินแดนของหัวใจมนุษย์
ที่เจ็บจริง รักจริง อบอุ่นจริง
และสวยงามกว่าสวรรค์…

…เพราะมันคือสวรรค์ที่สร้างด้วยมือของคนธรรมดา

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #2 เมื่อ02-04-2025 23:53:33 »

ตัวละคร

1. เอก (นายเอก)
   •   ชื่อเต็ม: เอก (ชื่อจริงไม่เปิดเผยในตอนต้น)
   •   อายุ: 25 ปี
   •   อาชีพ: วิศวกรโรงงานผลิตแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้า
   •   ลักษณะภายนอก: สูง 172 ซม., ผิวขาวอมชมพู รูปร่างสมส่วน สุภาพเรียบร้อย แต่งตัวเรียบง่าย
   •   บุคลิก: Introvert ขี้อาย สุภาพ ขยัน แต่มีความซื่อตรงและลึกซึ้ง
   •   จุดแข็ง: มี Empathy สูงมาก เข้าใจคนอื่นได้ลึกจนถึงขั้น “สิง”
   •   จุดอ่อน: มักละเลยความรู้สึกตัวเอง, สับสนในความรัก, ยอมเจ็บเพื่อเข้าใจคนอื่น
   •   ครอบครัว: บ้านมีฐานะดี มีพ่อ แม่ และพี่สาว ทุกคนขี้หวงเอก แต่ถ้าแม่โอเค ทุกคนจะตามแม่



2. เป๋า (พระเอก)
   •   ชื่อเล่น: เป๋า
   •   อายุ: 20 ปี (นักศึกษาปรัชญาปี 2 ขึ้นปี 3)
   •   ลักษณะภายนอก: สูง 185 ซม., หุ่นดีเพราะออกกำลังกาย, หล่อ สุภาพ มีเสน่ห์แบบนิ่ง ๆ
   •   บุคลิก: Extrovert แบบสงบ ไม่พูดมาก แต่อยู่ข้าง ๆ เสมอ, มั่นคง ใจเย็น ฉลาดมาก
   •   คำแทนตัว: เรียกตัวเองว่า “ผม” / ไม่ชอบเรียกเอกว่า “พี่” — บางครั้งเรียกว่า “ตัวเล็ก“



3. แม่ของเอก
   •   บทบาท: แม่เป็นคนสำคัญที่สุดในครอบครัว หากแม่ไม่โอเค = ไม่มีใครโอเค
   •   ลักษณะ: พูดน้อย แต่อ่านใจคนเก่ง สุขุม และรักลูกมาก



4. พี่แบงค์ (แฟนเก่า)
   •   ชื่อเล่น: พี่แบงค์
   •   อายุ: 27 ปี
   •   อาชีพ: ผู้จัดการฝ่ายบัญชี
   •   ลักษณะภายนอก: สูง 197 ซม., หุ่นลีนแบบนักวิ่ง ดูดีมาก เป็นผู้ชายที่หลายคนหลง
   •   บุคลิก: เจ้าชู้ มั่นใจ ช่างพูด มีเสน่ห์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2025 00:02:48 โดย Shibaguy »

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #3 เมื่อ03-04-2025 00:07:43 »

ตอนที่ 1

คืนก่อนจะออกเดินทาง

กระเป๋าเดินทางสีกรมวางอยู่ข้างประตูห้องเงียบ ๆ
ไม่ได้ใหม่ ไม่ได้เก่า แค่ดูเหมือนมันยังไม่เคยถูกใช้สำหรับการ “หนี”

เอกนั่งพิงขอบเตียง มือถือแนบอก
เสียงข้อความจากแอปสนทนาดังขึ้นเรื่อย ๆ
ชื่อบนหน้าจอคือ “พี่แบงค์”

“เอก เราแค่เข้าใจผิดกัน”
“แค่เรื่องงาน เอกอย่าเอามารวมกับความรัก”

ข้อความเด้งขึ้นมารัว ๆ
แต่เอกไม่อ่าน
เขาปิดหน้าจอ กอดโทรศัพท์ไว้แน่น
เหมือนกอดตัวตนที่แตกละเอียดของตัวเองไว้ไม่ให้ร่วงจากมือ

เพื่อนร่วมงานบอกว่า “พี่แบงค์แค่เจ้าชู้”
รุ่นพี่บอกว่า “อย่าไปคิดมากเลย แค่โดนใช้บ้าง มันเป็นเรื่องปกติ”
แต่สำหรับเอก…ที่รักมาเกือบ 8 ปี ไม่มีคำว่า “ปกติ” อยู่ในความเจ็บปวดนั้นเลย

ในห้องเงียบ
แม้แต่เสียงแอร์ก็ไม่ได้ช่วยให้หัวใจอุ่นขึ้น
เอกมองตั๋วทัวร์บนโต๊ะ — “East Europe 14 Days, Unplugged Escape”
เขาไม่ได้รู้จักใครในทริป
ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าแต่ละประเทศในเส้นทางมีอะไรน่าสนใจ
แต่เขาซื้อตั๋วนั้นไว้เพียงเพราะอยาก “หายไปจากตรงนี้”

…แค่หายไปเฉย ๆ
ไม่ต้องเข้าใจ ไม่ต้องรับมือ
ไม่ต้องใช้ Empathy ปลอบใจใครอีก

เขาลุกขึ้น
เดินไปที่ประตู
และหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี

คืนนี้ยังไม่ใช่วันเริ่มทริป
แต่เป็นคืนสุดท้าย…ที่หัวใจของเอกยังอยู่กับที่เดิม

พรุ่งนี้เช้า
จะไม่มีใครในทัวร์รู้ว่า
คนตัวเล็กเงียบ ๆ คนนั้น
กำลังหลบหนีหัวใจของตัวเอง
…และกำลังจะได้เจอ “บ้าน” โดยไม่รู้ตัว


**** อย่าด่าเอกเยอะนะครับ ถึงแม้จุดแข็งของเอกจะเป็น Empathy แต่จุดอ่อนของเอกคือ Harmony แล้ววิธีที่เอกใช้คือ “หนี“

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #4 เมื่อ03-04-2025 00:12:43 »

ตอนที่ 2: ทางเดินเงียบที่มีคนเดินตามข้าง ๆ

สนามบินสุวรรณภูมิในเช้าอาทิตย์
คณะทัวร์ที่ชื่อ “East Europe Unplugged 14 Days” กำลังรวมตัวกัน
เอกยืนอยู่ท้ายแถวเงียบ ๆ
ไม่ถือกล้อง ไม่มีหมวก ไม่มีรอยยิ้ม

เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของเขาดูเรียบไปถ้าเทียบกับคนอื่น
แต่ที่เรียบยิ่งกว่าคือแววตา
…มันคือแววตาของคนที่ “ยังไม่กลับมาหายใจเต็มปอด”

เขาไม่ได้มองใครเลย
แต่มีใครบางคนมองเขาอยู่เงียบ ๆ

ชายหนุ่มในเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม
สูงกว่าใคร ๆ ในกลุ่ม
ดวงตานิ่ง ๆ ใต้ผมหน้าม้าที่ตกลงมาเล็กน้อย
ชื่อของเขาในป้ายทัวร์คือ “เป๋า”

เอกไม่ได้ทัก เป๋าก็ไม่ได้ยิ้ม
แต่เขาเดินไปยืนข้างเอกตอนที่ไกด์เรียกรวมกลุ่ม
ไม่มีคำพูด
แค่ยืนห่างพอดี ไม่ใกล้จนรบกวน ไม่ห่างจนทิ้งกัน

ตอนขึ้นเครื่อง
เอกได้ที่ริมหน้าต่าง เป๋าได้ตรงกลาง
ไม่มีบทสนทนา
แต่เป๋าเงียบตอนที่เอกหลับ
และคอยพยุงหัวเอกไม่ให้กระแทกขอบพนักพิงตอนเครื่องตกหลุมอากาศ

ตอนลงเครื่อง
เอกยังไม่ทันจะรู้ว่า…
การเดินทางครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การ “ไปยุโรป”
แต่มันคือการได้เจอใครบางคน
ที่เลือกจะ “อยู่ข้าง ๆ”
แม้ไม่รู้จักกันเลย

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #5 เมื่อ03-04-2025 00:26:17 »

ถึงสุวรรณภูมิ 8:30 น.
เครื่องออกประมาณ 10:30 น.
บิน 11 ชั่วโมง
ถึงเวียนนา บ่าย 4
ชั่วโมงนึง ก็ออกจากสนามบินได้

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #6 เมื่อ03-04-2025 00:47:07 »

ตอนที่ 3: เวียนนา…เมืองที่เสียงเงียบของเราดังเท่ากัน

สนามบินเวียนนาในช่วงบ่ายแก่ ๆ
ไม่ได้วุ่นวาย ไม่ได้เงียบ
เหมือนหัวใจของเอกที่ยังไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง

คณะทัวร์นั่งรถมินิบัส VIP เข้าเมือง
ไกด์บรรยายเรื่องโอเปร่าเฮาส์ทางซ้าย
กลุ่มนักท่องเที่ยวหัวเราะกันทางขวา
เอกนั่งอยู่ที่เบาะริมหน้าต่าง
ฟังแต่ไม่ได้ฟัง
มองออกไป แต่ไม่เห็นอะไรเลย

เวียนนาดูสงบเกินกว่าที่หัวใจสับสนจะคลี่คลายได้ทัน
แม้แต่เสียงหัวใจตัวเอง…เอกยังไม่แน่ใจว่าดังอยู่ไหม



โรงแรม Hotel Sacher Wien หรูหราแต่ไม่อึกทึก
ห้องพักของเอกมีหน้าต่างมองออกไปเห็นถนนด้านล่าง
เขาวางกระเป๋า นั่งลงที่ปลายเตียง
ไม่มีอะไรต้องทำ
แต่ก็ไม่มีอะไรอยากทำ

จนถึงเวลาอาหารเย็น

โต๊ะอาหารที่ Steirereck im Stadtpark ตกแต่งด้วยแสงเทียน
ไกด์จัดโต๊ะแยกให้เป็นกลุ่มเล็ก ๆ
เอกนั่งริมสุด
และเป็นอีกครั้ง…ที่เป๋านั่งข้างเขา

เป๋าไม่ได้พูดอะไร
เอกก็ไม่ได้ทัก

แต่ตอนที่เสิร์ฟจานแรก เอกหยิบมีดผิด
และเป็นเป๋าที่ค่อย ๆ ขยับมืออีกข้าง ส่งมีดที่ถูกต้องมาให้
ไม่มีเสียง ไม่มีสายตา
แค่ “รับรู้”

หลังมื้อค่ำ
คณะทัวร์เดินออกมาที่โอเปร่าเฮาส์
เอกหยุดถ่ายภาพตรงหน้าทางเข้า
มือของเขาสั่นเล็กน้อยเพราะอากาศเย็นจัด
เป๋าไม่ได้ยื่นผ้าให้
แต่กางแขนเสื้อแจ็กเก็ตตัวเองเล็กน้อยขณะเดินเฉียด
ให้เอกถ่ายรูปโดยไม่มีเงาตัวเองสะท้อนเข้าเลนส์



คืนนั้น
เอกกลับเข้าห้อง
ทิ้งตัวลงบนเตียง
แล้วหายใจลึกครั้งแรกตั้งแต่มาถึง

ไม่ใช่เพราะโอเปร่าเฮาส์
ไม่ใช่เพราะอาหารดาวมิชลิน
แต่เพราะเขารู้สึกว่า…

มีใครสักคน
เดินข้างเขาโดยไม่ถามอะไรเลย

และนั่น…มันเงียบ
แต่มันดังมาก

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #7 เมื่อ03-04-2025 01:02:48 »

ตอนที่ 4: แดดอุ่นแรกของฤดูที่ไม่มีใครรออยู่

เสียงนาฬิกาข้อมือปลุกตอน 7 โมงครึ่ง
เอกบิดขี้เกียจเบา ๆ ก่อนจะเปิดม่านห้องโรงแรม Hotel Sacher
ท้องฟ้าข้างนอกยังไม่สว่างดี
แต่มีแสงอ่อน ๆ สะท้อนยอดอาคารสีครีมตรงข้าม
มันคือแดด…แดดแรกที่เอกรู้สึกได้

อาหารเช้าที่โรงแรมหรู แต่เอกกินได้ไม่มาก
เขาจิบกาแฟเบา ๆ ระหว่างมองออกไปนอกหน้าต่าง
ไกด์บอกให้เตรียมตัวเที่ยวพระราชวังเชินบรุนน์
เอกไม่ได้สนใจรายละเอียด
เขาแค่ตามไปอย่างเงียบ ๆ
เหมือนทุกเช้าในชีวิตที่ “ยังไม่หายใจลึกได้เต็มปอด”



เชินบรุนน์งดงามกว่าที่คิด
สีเหลืองนวลของอาคารตัดกับท้องฟ้าคราม
ดอกไม้ในสวนยังมีบางต้นไม่โรย
นักท่องเที่ยวเดินเก็บภาพ
เสียงหัวเราะดังเป็นจังหวะ

เอกเดินอยู่ข้างกลุ่ม
ไม่ได้ถ่ายรูปตัวเอง
แต่ถ่ายต้นไม้ ถ่ายเงา ถ่ายเส้นทางกรวดที่ทอดยาว

และเป๋า…ยังเดินอยู่ห่าง ๆ เหมือนเมื่อวาน
ไม่ได้เข้าใกล้
แต่ไม่ห่างพอให้เรียกว่า “คนอื่น”



จังหวะหนึ่ง
เอกยืนอยู่ตรงเนินสูง มองลงไปเห็นตัวพระราชวังเต็มหลัง
ลมเบา ๆ พัดปลายแขนเสื้อให้ปลิว
เขาหลับตาแค่สามวินาที
แล้วจู่ ๆ ก็มีบางอย่างคลุมบ่าเขา

ผ้าพันคอสีเทาอ่อนของใครบางคน
ถูกวางลงบนไหล่แบบไม่ถาม

เอกหันไป
เป๋าไม่ได้สบตา
แค่เดินไปทางกลุ่มต่อเหมือนเดิม

เอกเอื้อมจับผ้าพันคอเบา ๆ
มือยังไม่หายจากความเย็น
แต่หัวใจ…อุ่นขึ้นอย่างประหลาด

เขาไม่รู้ว่าเป๋าเอาผ้ามาให้เพราะเห็นเขาหนาว
หรือเห็นเขาเหงา
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน
มันคือครั้งแรกที่ “เอกยิ้มคนเดียว” โดยไม่มีใครสังเกต



คืนนั้นก่อนนอน
เอกม้วนผ้าพันคอวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
ไม่ได้คืน
ไม่ได้ซัก
แค่เก็บไว้…
เหมือนเก็บความรู้สึกอะไรบางอย่างที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเงียบ ๆ

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #8 เมื่อ03-04-2025 01:08:05 »

ตอนที่ 5: กลางเสียงไวโอลิน — ความรู้สึกที่ดังขึ้นครั้งแรก

ค่ำคืนที่ Musikverein Golden Hall ไม่ได้เริ่มด้วยเสียงดนตรี
แต่มันเริ่มจากตอนที่เอกเดินออกจากห้อง
และเห็นเป๋ายืนอยู่หน้าล็อบบี้โรงแรม
ในเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงสแล็กเรียบ
หน้าตาไม่ได้หล่อที่สุดในกลุ่ม
แต่แววตาของเขา…นิ่งกว่าทุกคน

เอกมองแวบเดียว แล้วก้มหน้าเดินผ่าน
แต่ก่อนจะทันหลบขึ้นรถ
เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง
“รอด้วยครับ”

เป๋าเดินมาข้าง ๆ เอก
แล้วเดินข้างกันไปจนถึงรถ
ไม่พูดอีกเลย



Golden Hall งดงามแบบหรูหราเกินกว่าที่เอกจะรู้สึกว่า “เข้าถึง”
เพดานทอง รูปปั้นเทพบนเวที
และคนแต่งชุดราตรีที่นั่งเรียงราย

เขานั่งลงเงียบ ๆ ข้างเป๋า
จังหวะที่วงออร์เคสตร้าขึ้นเพลงของ Mozart
เสียงไวโอลินไล่โน้ตอย่างแม่นยำ
เอกนั่งฟังอย่างตั้งใจ แต่ใจยังลอย

จนถึงเพลงหนึ่ง —
เป๋าขยับมือเล็กน้อย แล้ววางไว้บนที่วางแขนตรงกลางระหว่างที่นั่ง

ไม่ได้แตะเอก
แต่ใกล้พอให้รู้สึกว่า “มือคู่นี้เคยจับผ้าพันคอผืนนั้น”

และเป็นวินาทีนั้นเอง
ที่เอกเริ่ม “ได้ยินเสียงตัวเอง”
เสียงที่ไม่ได้พูด แต่ดังในอก

“เขาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่วันแรก”
“และเขาไม่เคยพยายามเป็นอะไรเลย…นอกจากอยู่ข้าง ๆ”



หลังจบการแสดง
คณะทัวร์พากันถ่ายรูปหน้าเวที
เอกยืนอยู่ริมสุด
ขณะที่เป๋าหายไปไม่กี่นาที แล้วกลับมาพร้อมของในมือ

ไอติมวานิลลาโคนเดียว
— ที่เอกเคยพูดในรถเบา ๆ ว่าอยากลองกินในคืนหนาว

เป๋าส่งให้
ไม่พูดอะไร
เอกรับมา
แล้วพูดเบา ๆ

“ขอบใจนะ”

เป๋าพยักหน้า
ยังไม่พูด
แต่รอยยิ้มที่มุมปาก…ทำให้ไอติมวานิลลารู้สึกอุ่นขึ้นอย่างประหลาด



คืนนั้น เอกเก็บโคนไอติมไว้ไม่หมด
แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้ทั้งดวง
กลางเสียงไวโอลินที่ยังดังก้องในใจ

ความรู้สึกที่…
เริ่มดังขึ้นแล้วจริง ๆ




….. จะออกจากเวียนนาแล้วนะ

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #9 เมื่อ03-04-2025 01:14:13 »

ตอนที่ 6: คนที่ฟังหัวใจคนอื่นได้…แม้ไม่ได้ยินเสียงพูด

ซาลซ์บูร์กยามเช้าเต็มไปด้วยกลิ่นหอมจากขนมอบ
คณะทัวร์เดินลัดเลาะผ่านบ้านเกิดของโมสาร์ท
เอกไม่พูดมากตามเคย
แต่สีหน้าเขาเริ่มนิ่งแบบสงบ ไม่ใช่เศร้าเหมือนวันแรก



ระหว่างเดินชมริมแม่น้ำ Salzach
จู่ ๆ ก็มีเสียงเด็กผู้หญิงร้องไห้ในมุมหนึ่งของถนน
แม่ของเด็กดูลนลาน
พูดเยอรมันเร็ว ๆ
แต่เด็กกลับนิ่ง ไม่ตอบอะไรเลย
ทุกคนมองกันอึ้ง ๆ
ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เอกเดินเข้าไปช้า ๆ
นั่งย่อตัวลง
ไม่พูด
ไม่แตะตัว

เขาแค่…นั่งให้สายตาเท่าระดับกับเด็ก
แล้วก้มลงหยิบตุ๊กตากระดาษที่ตกอยู่บนพื้น
วางไว้ข้างเด็กเบา ๆ

“หนูทำหายเหรอ” เอกพูดภาษาอังกฤษเบา ๆ

เด็กเงียบ
แต่เริ่มขยับริมฝีปาก

เอกยิ้ม
พูดต่อ
“หนูไม่ได้ทำผิดอะไรเลยใช่ไหม”

แม่ของเด็กรีบบอกไกด์ว่าเด็กเป็นออทิสติก พูดไม่ได้
แต่เอกกลับหันมายิ้ม แล้วพูดเบา ๆ กับทุกคนว่า

“ไม่เป็นไรครับ เด็กแค่ไม่ใช้คำพูด…แต่ใช้ใจ”

เอกล้วงกระดาษในกระเป๋า หยิบดินสอ
วาดแมวตัวเล็กบนกระดาษแล้วส่งให้
เด็กหยิบมันอย่างช้า ๆ แล้วเริ่มยิ้มเล็กน้อย

แม่ของเด็กน้ำตาคลอ
เป๋ายืนอยู่ด้านหลังเงียบ ๆ
ไม่ได้พูดอะไร
แต่หัวใจเขา…เต้นดังที่สุดในชีวิต



หลังเหตุการณ์
เป๋าเดินไปข้างเอก
คราวนี้เขาเป็นฝ่ายพูดก่อน

“พี่เอก…เมื่อกี้พี่ไม่ได้แค่ช่วยเด็กใช่ไหม”

เอกหันมา ยิ้มจาง ๆ
“ผมแค่ฟังหัวใจเขา…เหมือนที่เคยอยากให้ใครสักคนฟังของผม”



ตอนเย็น พวกเขานั่งดินเนอร์กันที่ M32 Restaurant วิวเมืองทั้งเมืองทอดอยู่เบื้องหน้า
เป๋ามองพระอาทิตย์ตก
แล้วพูดเบา ๆ โดยไม่หันมา

“ผมเห็นหัวใจพี่…ชัดขึ้นกว่าเมืองทั้งเมืองตอนพระอาทิตย์ตกอีกนะ”

เอกหันมาช้า ๆ
หัวใจเต้นแผ่ว
และครั้งแรก…ที่เขาอยากให้ใครสักคนอยู่ตรงนี้
ให้นานที่สุดเท่าที่ใจจะยอม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เยือนแมนแดนสรวง
« ตอบ #9 เมื่อ: 03-04-2025 01:14:13 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #10 เมื่อ03-04-2025 01:23:14 »

ตอนที่ 7: บนทางสายเพลง — วันที่เงาในใจเริ่มเบาลง

เช้าวันใหม่ในซาลซ์บูร์ก
อากาศเย็นลงกว่าวันก่อนเล็กน้อย
เอกสวมเสื้อคอเต่าและผ้าพันคอผืนเดิมที่เป๋าเคยให้
ยืนรอหน้าล็อบบี้พร้อมขนมปังอบใหม่ในมือ

วันนี้คือ “วันตามรอย The Sound of Music”
หนังที่เอกเคยดูตอนเด็ก แต่ไม่เคยจำรายละเอียดได้
เขาคิดว่ามันจะเป็นทัวร์ธรรมดา…
แต่กลับไม่ใช่เลย



จุดแรกคือสวน Mirabell
ฉาก “Do Re Mi” ที่หลายคนเต้นตาม
เอกนั่งบนม้านั่งคนเดียว มองกลุ่มนักทัวร์ลองกระโดดตามจังหวะเพลง

เสียงหัวเราะดังอยู่ไกล ๆ
เป๋ายืนอยู่ไม่ไกล
มองเอกนิ่ง ๆ
ก่อนจะเดินเข้ามา ยื่นหูฟังให้
ในนั้นคือเวอร์ชันเปียโนของ “My Favorite Things”

เอกยิ้มบาง ๆ ขณะใส่หูฟัง
เป๋าไม่ได้พูด
แต่เขานั่งลงข้าง ๆ
แค่พอให้หัวไหล่ทั้งสองสัมผัสกันนิด ๆ



ที่ Leopoldskron Palace
ไกด์พูดถึง “ฉากครอบครัวอบอุ่น”
เอกเงียบลง
เพราะมันไปแตะบางสิ่งในใจ
เขาเคยหวังจะมีครอบครัวกับพี่แบงค์
เคยฝันไว้ไกลแสนไกล…
แต่สุดท้าย ความรักที่ไม่จริง ก็ทำลายฝันนั้นจนกลายเป็นความเงียบ

เป๋าหันมามอง
ไม่ได้ถาม
แต่พูดเบา ๆ ระหว่างเดินเลียบทะเลสาบ

“ถ้าเพลงมันเศร้าไปเมื่อไหร่…ลองเปลี่ยนเนื้อร้องใหม่ก็ได้นะครับ”
“ผมช่วยแต่งให้ได้”

เอกหลุดหัวเราะน้อย ๆ
ครั้งแรกในรอบหลายวัน
หัวเราะเพราะใจมันยิ้ม…ไม่ใช่ฝืน



ตอนบ่าย
พวกเขาไปถึงโบสถ์ Mondsee
สถานที่ที่ Maria แต่งงานในเรื่อง
คนในคณะพากันเข้าไปถ่ายรูปตรงทางเดิน
เอกยืนอยู่ด้านหลังสุด

เขามองเห็นเป๋าอยู่ฝั่งตรงข้ามทางเดิน
และเป็นจังหวะนั้นเองที่สายตาทั้งสองคนสบกัน
ไม่มีบทพูด
ไม่มีเพลงประกอบ
มีแค่ “แววตา” ที่สื่อว่า

“ถ้าครั้งนี้จะเริ่มต้นใหม่…ฉันอยากเริ่มต้นกับเธอ”



ค่ำวันนั้น
ดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมระเบียงของร้าน Esszimmer
เอกกินได้น้อยลงเพราะมัวแต่ขบคิด
แต่เป๋ายังไม่พูดอะไร
เขาแค่เอื้อมไปหยิบมีดที่เอกทำตก
แล้ววางกลับให้เหมือนเดิม
เหมือนวันแรกที่เวียนนา

เอกหันมามอง
ยิ้มอ่อน ๆ
ก่อนจะพูดเบา ๆ ครั้งแรก

“ขอบคุณที่อยู่กับฉันทุกวัน โดยไม่ต้องขอ”

เป๋าตอบกลับแค่สั้น ๆ
“เพราะผมรู้ว่าพี่ไม่ได้ต้องการคนพูดเก่ง…พี่แค่ต้องการคนไม่หนีเวลาพี่เงียบ”



คืนนั้น เอกหลับไปพร้อมเสียงเพลง “Edelweiss”
ที่เล่นในหัวเขาเบา ๆ เหมือนเสียงใจเป๋า
และเป็นคืนแรกที่เขารู้สึกว่า…

บางความเจ็บ…มันเบาลงได้จริง ถ้ามีใครสักคนยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่หนี

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #11 เมื่อ03-04-2025 01:28:54 »

ตอนที่ 8: เมืองริมทะเลสาบ — วันที่ใจเงียบ และมือใครบางคนจับไว้แน่น

ถนนเล็ก ๆ เลียบเขาเปิดออกสู่ภาพที่ราวกับหลุดมาจากโปสการ์ด
Hallstatt ในยามเช้าเหมือนหลับอยู่ครึ่งหนึ่ง
มีเพียงเสียงรองเท้ากระทบพื้นไม้เงียบ ๆ ของคณะทัวร์ที่เดินเข้าสู่หมู่บ้าน

เอกมองไปรอบตัว
บ้านไม้สีเอิร์ธโทนที่มีดอกไม้พาดอยู่ตามระเบียง
กลิ่นขนมปังหอมจางจากร้านริมทาง
และน้ำในทะเลสาบที่นิ่งจนน่าใจหาย

ทุกอย่างดูสงบเกินไป
สำหรับใจที่เคยเจ็บมาเยอะ
เอกเผลอกอดตัวเองเบา ๆ
ลมเย็นเฉี่ยวหน้า
แต่สิ่งที่ทำให้เขาหยุดชั่วขณะ…คือมือของเป๋าที่เอื้อมมาสะกิดแขนเบา ๆ

“อยากลองเดินช้าลงไหมครับ”
เป๋าถามเสียงเบา

เอกพยักหน้า
และพวกเขาก็แยกจากกลุ่ม
เดินช้า ๆ ริมทะเลสาบ



ระหว่างล่องเรือ
เอกนั่งริมฝั่งเรือไม้ ขาเหยียดตรง
มือกอดเข่า
สายตาจ้องน้ำ

เป๋านั่งเงียบข้าง ๆ
เขาไม่ได้ชวนคุย
ไม่ได้ขอให้เอกเล่าอดีต
เขาแค่ยื่นหมวกแก๊ปให้
แล้วพูดว่า

“แดดแรง เดี๋ยวผิวลอกนะ”

เอกรับมาใส่
แล้วยิ้มบาง ๆ
“ขอบใจ”



บน Skywalk
ลมแรงจนเอกต้องยกมือปิดหู
จังหวะที่เขาก้าวเท้าขึ้นจุดชมวิว
มือข้างหนึ่งถูกจับไว้แน่นโดยไม่ทันตั้งตัว

เป๋าจับไว้
นิ่ง
แน่น
มั่นคงแบบไม่ถามว่าเอกกลัวไหม

เอกมองมือที่กุมอยู่
แล้วพูดเบา ๆ โดยไม่หันไปมอง

“ฉันไม่กลัวความสูงนะ”
เป๋าตอบ
“ผมก็ไม่ได้จับเพราะพี่กลัว”
“ผมจับ…เพราะผมไม่อยากปล่อย”



ตอนเย็น
พวกเขานั่งดินเนอร์ที่ร้านบนเขา มองลงมาเห็นทะเลสาบท่ามกลางแสงสีทองของพระอาทิตย์ตก
เอกไม่พูดเยอะ
เป๋าก็เช่นกัน

แต่จังหวะที่แสงตกกระทบหน้าผากของเอก
เป๋าหยิบกล้องฟิล์มขึ้นมาช้า ๆ
แล้วกดชัตเตอร์โดยไม่ให้เอกรู้ตัว

ภาพนั้นจะถูกล้างหลังกลับถึงไทย
เป็นภาพใบแรกที่เป๋าอยากเก็บไว้…
ไม่ใช่เพราะเอกยิ้ม
แต่เพราะเอก “ดูสงบ”



คืนนั้นเอกนั่งเขียนบันทึกในห้อง
มือข้างหนึ่งยังอุ่นจากการจับมือกลางลมแรงบน Skywalk
และหัวใจ…เบากว่าทุกวันที่ผ่านมา

ไม่ต้องพูดเยอะ ไม่ต้องอธิบาย
แค่มีใครบางคนที่เข้าใจ “ความเงียบของเรา” — โดยไม่ต้องขอ

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #12 เมื่อ03-04-2025 01:37:07 »

ตอนที่ 9: ถนนเกลียวคลื่น — วันที่เข้าใจว่าใจเราก็ต้องพัก

เส้นทางจาก Hallstatt สู่ Český Krumlov ไม่ได้คดเคี้ยวเกินไป
แต่พอรถวิ่งเข้าโค้งที่สิบห้า…เอกก็เริ่มเวียนหัว
ไม่ใช่เพราะเมารถ
แต่เพราะ “ความรู้สึก” มันเริ่มวนหนักในใจ

เมื่อเช้า
ขณะพักเบรกที่จุดชมวิว
มีนักท่องเที่ยวหญิงคนหนึ่งจากกลุ่มทัวร์นั่งร้องไห้อยู่เงียบ ๆ
ไม่มีใครกล้าเข้าไปถาม
นอกจากเอก

เขาเดินเข้าไปเงียบ ๆ
นั่งย่อลง
แล้วพูดเบา ๆ
“พี่ไม่ต้องพูดก็ได้นะครับ ผมแค่อยากนั่งด้วยเฉย ๆ”

ผู้หญิงคนนั้นมองเอก
แล้วร้องไห้หนักขึ้น
เอกหยิบผ้าเช็ดหน้าให้
และพูดอีกเพียงแค่
“ผมเข้าใจ”

…แต่เขาไม่รู้เลยว่า
แววตาของเธอมีความเจ็บลึกกว่าที่เขาควรแบก
ความรู้สึกที่เคยสะท้อนคนอื่นได้ดี
วันนี้มัน “ดูด” ความรู้สึกของคนตรงหน้าเข้าสู่ตัวเอกจนหมด



ช่วงบ่าย
เอกนั่งนิ่งอยู่เบาะหลังของรถ
มือสั่นเล็กน้อย
เหงื่อซึม
เหมือนจะเป็นไข้
แต่จริง ๆ แล้ว…เขาแค่ “รับอารมณ์คนอื่นมาจนเกินขีด”
Empathy กลายเป็น Sympathy
จนเหมือนใจของเขาไม่ใช่ของตัวเองอีกแล้ว



เป๋าหันมาหลายครั้ง
สุดท้าย…รถจอดพักริมวิวอีกครั้ง
เป๋าลงจากรถ
เปิดประตูข้างเอก
แล้วนั่งย่อลงตรงหน้า

มือข้างหนึ่งประคองแก้มเอกเบา ๆ
แววตาของเขานิ่ง
แต่นุ่ม

“ฟังผมนะ…”
“พี่ช่วยทุกคนไม่ได้”
“ไม่ใช่เพราะพี่ไม่เก่ง…แต่เพราะใจพี่ไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ทุกคนมาอาศัย”

“มันต้องเป็นที่อยู่ของพี่ด้วย”

เอกเงียบ
น้ำตาคลอ
เพราะคำพูดของเป๋า…มันไม่ใช่แค่เตือน
แต่มันคือ “อ้อมแขน” ที่พยุงหัวใจเขาไว้ไม่ให้ล้ม

เป๋ายื่นมือให้เอก
“ตอนนี้พี่เหนื่อย พี่พักได้”
“ให้ผมเป็นคนรับฟังบ้าง”

เอกจับมือเป๋า
แน่นกว่าเคย
น้ำตาหนึ่งหยดตกบนหลังมือของเป๋า

และวินาทีนั้นเอง…
ที่เอกยอม “วางหัวใจ” ลงบนตักของใครสักคน
โดยไม่รู้สึกผิดอีก



คืนนั้น
เป๋าซื้อชาร้อนจากร้านเล็ก ๆ ริมเมืองเก่าให้เอก
เอกยิ้ม
มือยังสั่นนิดหน่อย
แต่ใจ…กลับนิ่งลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เพราะบางที คนที่เข้าใจทุกคน อาจแค่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจเขาก่อน

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #13 เมื่อ03-04-2025 01:41:22 »

ตอนที่ 10: คืนริมแม่น้ำ — วันที่ยอมให้ตัวเองอ่อนแอข้างใครสักคน

แสงไฟสีส้มทองจากอาคารยุคกลางสะท้อนผิวน้ำ Vltava อย่างอ่อนโยน
เสียงผู้คนเริ่มเงียบลง
เพราะค่ำใน Český Krumlov ช่างเงียบและงามเหมือนภาพวาด

เอกเดินช้า ๆ ข้างเป๋า
เสื้อโค้ทสีครีมกับผ้าพันคอผืนเดิมที่เป๋าเคยให้
ขยับตามจังหวะลม

สองคนไม่ได้คุยอะไรมาก
เป๋าแค่เดินอยู่ข้าง ๆ
เงียบ แต่มีอยู่จริง



ริมแม่น้ำตรงที่ไม่มีใครนั่ง
เอกหยุดก้าว
แล้วพูดขึ้นเสียงแผ่ว
“เคยรู้สึกมั้ย…ว่าบางวันใจมันหนักจนหายใจลำบาก”

เป๋าหันมาช้า ๆ
เอกยังมองไปทางแม่น้ำ
พูดต่อ
“ตอนเลิกกับพี่แบงค์ มันไม่ได้แค่เจ็บที่เลิก…แต่เจ็บที่เราพยายามรักษาทุกอย่างไว้คนเดียว”

“ทั้งความรัก ความเข้าใจ ความอดทน…เราเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามันไม่ไหวตั้งแต่แรก”



เป๋าเงียบ
แล้วนั่งลงข้าง ๆ บนขอบหิน
มือเขาวางบนหลังมือเอกเบา ๆ
แล้วพูดคำหนึ่งที่เหมือนจะธรรมดา
แต่เอกไม่เคยได้ยินจากใครเลยตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

“พี่ไม่ต้องเข้มแข็งนะ”
“ผมไม่เคยขอให้พี่ต้องแข็งแรงเพื่อใครเลย”

“พี่อ่อนแอได้
จะร้องไห้ก็ร้อง
ผมจะนั่งตรงนี้ ไม่ลุกไปไหน”



เอกเงียบไปนาน
ก่อนจะพูดเบา ๆ

“ถ้าพี่ร้องตอนนี้…จะดูอ่อนแร่มากไหม”

เป๋าตอบทันที
เสียงมั่นคงแต่แผ่วเบา

“จะดูเป็นคนธรรมดา ที่กล้ารักตัวเองสักที”



แล้วน้ำตาของเอก…ก็ไหลออกมา
ไม่มีเสียงสะอื้น
ไม่มีความพัง
มีแค่หยดน้ำตา ที่เป๋าปล่อยให้ไหลเงียบ ๆ บนไหล่ของตัวเอง
โดยไม่ต้องปลอบ
ไม่ต้องบอกให้หยุด

เพราะในที่สุด
เอกก็รู้สึกว่า
“การอ่อนแอ…ไม่ใช่การแพ้”
แต่มันคือ ความกล้าที่ยอมให้ใครสักคนได้เห็นใจของเราจริง ๆ

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #14 เมื่อ03-04-2025 07:22:15 »

รู้สึกตอนที่ผ่านๆมา ย้อนอ่านดู เหมือน ทัวร์บั๊ว คือเร็วเกินไป ไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ยุโรปตะวันออกเลย

จะพยายามลงให้มากกว่านี้นะครับ

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #15 เมื่อ03-04-2025 07:40:32 »

ตอนที่ 11: ใต้สะพานเก่า มีเงาของเราซ้อนกันอยู่

เส้นทางจากเชสกี้ ครุมลอฟสู่ปรากกินเวลาราว 3 ชั่วโมง
เอกนั่งริมหน้าต่างรถบัส VIP สองมือกอดเป้ใบเล็กไว้กับตัว
เป๋านั่งข้าง ๆ เงียบ ๆ — ไม่ฟังเพลง ไม่เล่นมือถือ
แค่มีอยู่
เงียบ…แต่ชัดเจน



ช่วงบ่าย
ปรากต้อนรับทุกคนด้วยแดดสีทองอ่อนที่สะท้อนพื้นหินของ Old Town
เป๋าเดินข้างเอก ช่วยลากกระเป๋าโดยไม่ต้องขอ
และเมื่อถึง สะพานชาร์ลส์ — เอกก็หยุด
เงยหน้ามองรูปปั้นนักบุญเรียงราย
และเสียงฝีเท้านับร้อยที่ก้องเบา ๆ บนสะพานเก่า

เขาคิดอะไรบางอย่างอยู่
ก่อนจะหันไปพูดเบา ๆ

“สะพานเก่าแบบนี้…คงต้องมีหลายคนเคยมายืนสัญญาอะไรไว้สินะ”

เป๋าหันมามอง
สบตา
แล้วพูดเพียงแค่

“ถ้าอยากสัญญาอะไรกับตัวเอง…ก็ให้ผมอยู่ตรงนี้ตอนพี่พูดก็พอ”

เอกชะงัก
หัวเราะเบา ๆ
แต่ไม่ตอบ
ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปวิว
และเป๋า…ก็กดถ่ายเอกพอดีนาทีเดียวกัน

สองสายตาสบกันหลังเสียง “แชะ” พร้อมกัน
ไม่มีใครขอโทษ
ไม่มีใครหลบตา



ร้านอาหาร Mlýnec ริมน้ำ
วิวสะพานชาร์ลส์งดงามในยามเย็นจนเกือบไม่จริง
เอกนั่งตรงข้ามเป๋า แสงบ่ายส่องผ่านกระจกลงบนแก้มเขา

เป๋านั่งมอง
ไม่ได้พูด
แต่ในสายตานั้นชัดเจน
จนเอกต้องถามเบา ๆ

“มองอะไรนักหนา”

เป๋าตอบ
นิ่ง
แต่ตรง

“มองสิ่งที่ผมไม่อยากให้หายไปจากสายตา”

เอกชะงัก
วางช้อน
ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม…ช้า ๆ

ในหัวใจของเอกตอนนั้น มีประโยควนซ้ำอยู่เงียบ ๆ

“นี่มันไม่ใช่แค่เที่ยวนี่…แล้วเราสองคนจะจบยังไง”



คืนนั้น
เอกกลับถึงห้องพักที่ Hotel Kings Court
เปิดดูภาพที่ถ่ายไว้
รูปสะพานเยอะ
แต่รูปที่ทำให้ใจสั่นที่สุด…
กลับเป็นรูปที่เป๋าถ่ายเขาไว้ขณะมองสะพานเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว

ในแคปชันที่ส่งมาในไลน์กลุ่ม
มีแค่ประโยคเดียวใต้ภาพ

“สายตานี้คงเคยสัญญาอะไรบางอย่างไว้กับแม่น้ำ”
“แต่ผมขออนุญาตสัญญาต่อเอง…ได้ไหมครับ”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #16 เมื่อ03-04-2025 07:54:46 »

ตอนที่ 12: คืนที่แสงไฟอุ่นน้อยกว่าเสียงในใจ

ช่วงเย็น
Old Town Square ของปรากคึกคัก
เสียงนาฬิกาดาราศาสตร์ตีบอกเวลา
นักท่องเที่ยวยืนรอชมการเคลื่อนไหวของหุ่นอัครสาวก
เอกยืนเงียบ…หลบออกจากกลุ่มคนเล็กน้อย
ยกกล้องขึ้นถ่ายรูป ไม่ได้พูดอะไร

เป๋าเดินมาเงียบ ๆ
ยื่นกาแฟร้อนมาให้ในมือหนึ่ง
แล้วพูดเพียงแค่

“เมื่อกี้เห็นพี่ขมวดคิ้ว”
“เลยซื้อมาให้เผื่อมันละลายความคิดอะไรได้บ้าง”

เอกรับมา
นิ่ง
แต่น้ำเสียงที่ตอบกลับช่างเบากว่าปกติ

“ขอบใจนะ”



เย็นนั้นพวกเขาแวะที่ Café Louvre
ร้านโปรดของไอน์สไตน์
โต๊ะไม้เก่า แสงไฟเหลืองนวล
เสียงเปียโนคลอเบา ๆ จากมุมหนึ่งของร้าน

เป๋าสั่งชา
เอกสั่งเค้ก
ต่างคนต่างนั่ง
แต่ไม่มีความเงียบที่อึดอัด

เอกหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กออกมาวางบนโต๊ะ
เป๋ามอง
แต่ไม่ถาม
เอกกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน

“บางทีพี่ก็อยากเขียนทุกอย่างไว้ในนี้…”
“…แทนที่จะพูดออกมาให้ใครเข้าใจผิด”

เป๋ายิ้ม
เอื้อมนิ้วไปแตะมุมสมุดเบา ๆ
“งั้นถ้าเมื่อไหร่พี่ไม่อยากพูด…เขียนใส่ไว้ก็ได้”
“แล้วส่งให้ผมอ่านนะ”

เอกนิ่งไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะพยักหน้า
ครั้งแรกที่ยอมให้ใครเข้าถึง “โลกเงียบ ๆ ของตัวเอง”



ค่ำวันนั้น
โต๊ะดินเนอร์ริมหน้าต่างที่ La Degustation Bohême Bourgeoise
เสิร์ฟอาหารไฟน์ไดนิ่งจานเล็กพอดีคำ
แต่คำที่ใหญ่ที่สุดในใจเอก
กลับเป็นคำว่า “กลัว”

กลัวว่าทริปนี้จะจบ
กลัวว่าเป๋าแค่เป็นคนดีข้ามคืน
กลัวว่าตัวเองจะรักใครอีกครั้ง…แล้วเจ็บเหมือนเดิม

เอกนั่งกินเงียบ ๆ
เป๋าไม่เซ้าซี้
ไม่จ้องหน้า
แต่ยื่นผ้าเช็ดปากให้ตอนเห็นว่าน้ำซุปหยดเลอะชายเสื้อเอก

ความใส่ใจเล็ก ๆ นี้
ทำให้เอกหันมามองเป๋า
จ้องอยู่นาน

ก่อนจะถามเบา ๆ
“นายทำแบบนี้กับทุกคนรึเปล่า”

เป๋ายิ้มบาง ๆ
แล้วตอบ
“ผมไม่เคยเห็นใครคนไหนน่าดูแลเท่าพี่มาก่อน”



คืนนั้น
ขากลับที่รถผ่านสะพานชาร์ลส์อีกครั้ง
เอกมองวิวจากกระจกหน้าต่าง
แล้วพูดในใจ

“อย่าดีกับเราขนาดนี้เลย…เพราะเราจะเริ่มหวัง…แล้วเราจะพังอีกไหม”

แต่ในมือ
เขากำแน่นกับผ้าเช็ดปากที่เป๋ายื่นให้เมื่อเย็น
และนั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการ “หวังเบา ๆ”
ครั้งแรกในรอบหลายปี

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #17 เมื่อ03-04-2025 08:01:16 »

ประเทศที่ไปเที่ยวในเรื่อง เป็นประเทศกลุ่ม เขตเชงเก้น (Schengen Area)

ขอวีซ่าท่องเที่ยวครั้งเดียวได้ 25 ประเทศ

แนะนำไปขอที่สถานฑูลประเทศที่เราอยู่นานที่สุด

ไม่ถึงเดือนก็ได้แล้ว

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #18 เมื่อ03-04-2025 08:28:26 »

ตอนที่ 13: วันที่เงียบที่สุด แต่ใจกลับพูดมากที่สุด

แดดเช้าของปรากอบอุ่นกว่าที่คิด
ท้องฟ้าใสจนเห็นยอดวิหาร St. Vitus ทะลุขึ้นมาจากแนวกำแพงปราสาท
เป๋าเดินข้างเอกในจังหวะที่พอดีเสมอ — ไม่ช้า ไม่เร็ว
แต่พอดีจนทำให้เอกไม่อยากแยกออกมาเดินคนเดียว



วิหาร St. Vitus
เอกแหงนหน้ามองกระจกสีบานสูงที่สะท้อนแสงเข้าโถงกลาง
เป๋าไม่ได้พูดอะไร
เพียงยืนเงียบข้าง ๆ
จนเอกพูดขึ้นเบา ๆ

“ที่นี่มัน…สงบจัง”

เป๋ายิ้มเล็กน้อย
“บางที…มันอาจสงบพอให้เรารู้ว่าเรายังแบกอะไรไว้ในใจ”

เอกนิ่งไป
ก่อนจะเบือนสายตามองตรง
เหมือนมีบางอย่างค้างในคอ



ย่าน Golden Lane
ตรอกหินเล็ก ๆ ที่เรียงบ้านไม้สีพาสเทลไว้ตลอดทาง
มีคนเดินสวนบ้าง ประปราย
เสียงเท้ากระทบพื้นดังแผ่ว ๆ ใต้กำแพงโบราณ

เอกหยุดมองร้านขายของเก่า
นาฬิกาพก กล้องฟิล์ม กระดุมทองเหลือง
นิ้วของเขาแตะแผงกระจกหน้าร้านเงียบ ๆ

เป๋าถามเบา ๆ
“ชอบเหรอครับ”

เอกไม่ตอบทันที
แต่พูดออกมาในน้ำเสียงแผ่วเบากว่าทุกครั้ง

“ตอนปีหนึ่ง…พี่เคยแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง”
“อยู่ปีสาม…สูงมาก ขาว หล่อ เจ้าชู้มากด้วย”

เป๋าชะงัก
ไม่ได้พูดอะไร
เอกยังคงพูดต่อโดยไม่มองหน้า

“พี่ไม่ได้คิดว่าเขาจะสนใจ…แต่เขาก็เข้ามาจริง ๆ”
“พี่รู้ว่าเขาเจ้าชู้ แต่ก็หลงคิดไปว่าเราคงจะพิเศษกว่า…”

เขาหัวเราะในลำคอ
เจ็บ ๆ ปนเหนื่อย

“สุดท้ายเขาก็ทิ้งไป”
“แต่เรา…โง่พอจะรออีกห้าปี…เพราะเขาบอกว่า ‘อาจจะกลับมา’”

เงียบ
นานพอให้ลมหายใจเป๋าแผ่วลง

เอกถอนหายใจ
กำลังจะเดินต่อ
แต่จังหวะที่เท้าจะก้าว…
เป๋าจับมือเขาไว้แน่น

ไม่พูดอะไร
ไม่บีบแน่นเกินไป
แค่พอดี — เหมือนต้องการบอกว่า
“ผมอยู่ตรงนี้แล้ว…และผมจะไม่ทำแบบนั้นกับพี่”

เอกหันมามอง
เป๋าไม่ได้หลบตา
สายตานิ่ง มั่นคง
เหมือนกำแพงปราสาทที่ยืนมาแล้วเป็นร้อยปี



พวกเขาเดินไปเรื่อย ๆ
จับมือกันเงียบ ๆ
ในตรอกที่คนเดินผ่านน้อยลง
และแดดอ่อนเริ่มลูบไล้ไหล่สองคนที่อยู่ข้างกัน



ในบ่ายนั้น
เอกเขียนลงสมุดบันทึกของตัวเอง
หนึ่งบรรทัดเท่านั้น

“มีคนที่จับมือเราไว้ โดยไม่ถามว่าเราผ่านอะไรมาก่อน”

และในเงาของกำแพง Golden Lane วันนั้น
อาจไม่มีใครได้ยินบทสนทนานี้
แต่ในใจเอก…มันดังกว่าเสียงนาฬิกาทุกเรือนในร้านของเก่า

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #19 เมื่อ03-04-2025 08:37:05 »

ตอนที่ 14: ล่องเรือ Vltava – เอนหัวลงบนไหล่คนที่ไม่เคยเดินหนี

เรือไม้ลำเล็กเคลื่อนตัวออกจากท่าอย่างนุ่มนวล
เอกนั่งข้างหน้าต่างเรือ ฝั่งที่แดดเย็นของเย็นวันนั้นส่องผ่านเข้ามา
เป๋านั่งข้าง ๆ มือวางบนตัก
ไม่มีใครพูดอะไร

วิวริมแม่น้ำ Vltava สวยเหมือนหลุดจากภาพวาด
บ้านหลังเล็ก โบสถ์เก่า ยอดโดม ท้องฟ้าสีทองอมฟ้า
เสียงคลื่นน้ำเบา ๆ ดังเป็นจังหวะช้า ๆ ที่กล่อมหัวใจให้เงียบลง



เอกถอนหายใจเบา ๆ
เสียงน้ำสะท้อนกับความเหนื่อยล้าในใจ
เขาพูดช้า ๆ ไม่หันหน้า
“บางที…พี่อาจไม่เคยรู้ว่าตัวเองเหนื่อยแค่ไหน…จนได้หยุดจริง ๆ”

เป๋าเงยหน้ามองเขา
ไม่พูด
แค่เอื้อมมือวางบนแขนเอกเบา ๆ
ไม่ลูบ
ไม่บีบ
แค่วาง…เพื่อให้รู้ว่ายังมีใครอยู่

เอกหันมามอง
ดวงตาคู่นั้น…แดงนิด ๆ
แต่ไม่ได้ร้องไห้
เหมือนกำลังขออนุญาตอะไรบางอย่าง

เป๋าไม่ตอบด้วยคำพูด
แค่พยักหน้าเบา ๆ

และนั่นคือวินาทีที่
เอกเอนหัวลงบนไหล่เป๋า
ช้า
นุ่ม
และเต็มไปด้วยคำพูดที่ไม่เคยพูดออกไป



เรือแล่นผ่านสะพานเก่า
ผู้โดยสารคนอื่นหันไปถ่ายรูป
มีเพียงเอกที่หลับตาเบา ๆ
หายใจเข้า
และพูดในใจว่า

“ทำไมถึงรู้สึกปลอดภัยขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้กอดกันเลย”

เป๋าไม่หันมามอง
แต่มือของเขาขยับเลื่อนขึ้นมาวางบนหลังมือของเอก
กดลงเบา ๆ
นิ่ง
มั่นคง

เหมือนจะพูดว่า
“อยู่ตรงนี้ได้นานเท่าที่อยากอยู่เลยนะ”



ยามเย็นริมแม่น้ำ
พวกเขาเดินกลับฝั่ง
เงียบ
แต่ไม่อึดอัด

เอกมองเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำ
ก่อนจะหันไปมองเป๋า แล้วพูดขึ้นแผ่ว ๆ

“บางครั้ง…พี่ก็กลัวนะ”

“กลัวว่าถ้าเราเงียบไป…คนจะเดินหนี”

เป๋าหยุดเดิน
หันมามอง
แล้วตอบด้วยเสียงนิ่งแต่แน่น

“งั้นผมจะยืนอยู่เฉย ๆ จนพี่อยากพูดเอง”
“แต่จะไม่มีวันเดินหนี”



คืนนั้น
เอกกลับถึงห้อง
ไม่เขียนอะไรในสมุด
แค่เปิดไปหน้าว่าง แล้ววางมือทาบไว้เงียบ ๆ

ก่อนจะวางหน้าผากแนบลงเบา ๆ
ใจเต้นช้า และอบอุ่น
เหมือนยังเอนอยู่บนไหล่ใครบางคน…ที่ไม่จากไปไหน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เยือนแมนแดนสรวง
« ตอบ #19 เมื่อ: 03-04-2025 08:37:05 »





ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #20 เมื่อ03-04-2025 09:15:12 »

ตอนที่ 15: เมืองที่ทำให้รู้ว่า…การคิดถึงเกิดได้ แม้ยังอยู่ในทริปเดียวกัน

เครื่องบินขนาดเล็กทะยานขึ้นจากสนามบินปราก
มุ่งหน้าสู่ คราโคว เมืองประวัติศาสตร์ที่สง่างามอย่างเงียบ ๆ ในโปแลนด์

เอกนั่งริมหน้าต่าง
เป๋านั่งห่างออกไปสองแถว
ครั้งนี้ไม่มีใครได้เลือกที่นั่งข้างกัน
และการนั่งห่างกันเพียงไม่กี่เมตร
กลับทำให้ “ความคิดถึง” ดังก้องในหัวจนน่าแปลกใจ



เสียงเครื่องบินนิ่ง
ท้องฟ้าใส
เอกวางหน้าผากกับกระจก
แล้วความคิดก็ไหลย้อนกลับอย่างไม่มีสัญญาณเตือน



มหาวิทยาลัยปีหนึ่ง
เอกนั่งเกร็งอยู่ในห้องชมรมบัญชี
มือเล็ก ๆ ถือแฟ้มแน่น
จังหวะที่มีเงาหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง — สูงโปร่ง ใส่ชุดนักศึกษาแบบพอดีตัวพอดีใจ

พี่แบงค์ ปีสาม
ประธานชมรม
นักกีฬา
ยิ้มข้างเดียวแต่ใจสั่นทั้งข้าง

เขายื่นแฟ้มให้ พร้อมประโยคแรกในชีวิต
“สมัครชมรมครับ”

พี่แบงค์รับไป…แล้วพูด
“ยิ้มหน่อยดิ น้องชื่ออะไร?”



จากนั้นเรื่องก็เหมือนบทในละคร
พี่แบงค์เริ่มจำชื่อเขา
เริ่มชวนกินข้าว
เริ่มเดินมาส่ง

และในที่สุด
ก็เริ่ม “จับมือเขา” ก่อนจะมีสถานะ
ก่อนจะชัดเจน
แต่กลับไม่เคย “หายไปจริง ๆ” จากใจ



เอกสะบัดหน้าเบา ๆ
กลับสู่ที่นั่งบนเครื่อง
มองออกไปเห็นปุยเมฆสีอ่อนลอยเป็นแนว

ในจังหวะที่สายตาเริ่มเหม่อลอยอีกครั้ง
มือข้างหนึ่งเอื้อมมาวางบนไหล่เขา
เป๋ายืนอยู่ข้างเก้าอี้
โน้มตัวลงเล็กน้อย
ไม่พูดอะไร
แค่วางมือแน่นพอให้รู้ว่า “ผมกลับมาแล้ว”



เอกยิ้ม
บาง
เจือเศร้า
ก่อนจะพูดเบา ๆ

“คนบางคน…ไม่อยู่ก็คิดถึง”
“แต่คนบางคน…อยู่ใกล้แค่ไหน ก็ยังคิดถึงได้เหมือนกัน”

เป๋ามองเขานิ่ง ๆ
ไม่ได้ถามว่า “พี่หมายถึงใคร”
ไม่ได้ถามว่า “คิดถึงใคร”

เพราะสิ่งที่เป๋าต้องการ
ไม่ใช่คำตอบ
แต่คือการ “อยู่ข้าง ๆ” ตอนพี่คิดอะไรเงียบ ๆ แบบนี้



เมื่อเครื่องบินแตะรันเวย์ที่คราโคว
แสงแดดอ่อนลอดเข้ามาที่เก้าอี้ของเอก
เขาลูบเบาะข้างตัวช้า ๆ
เหมือนจะบอกกับตัวเองว่า

“บางที…ที่เรายังคิดถึงอดีต…ไม่ใช่เพราะยังรักอยู่”
“แต่เพราะครั้งหนึ่ง มันเคยทำให้เรารู้จักความรู้สึกแบบนั้นเป็นครั้งแรก”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #21 เมื่อ03-04-2025 10:24:59 »

ตอนแทรกที่ 15.1


ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน ปราก → คราโคว



(ย้อนอดีต: มหาวิทยาลัย ปี 1)

ตอนที่เอกอายุ 18 ปี
เข้ามหาวิทยาลัยด้วยความฝันธรรมดา ๆ
เขาไม่คิดจะเด่น ไม่คิดจะดัง
เขาแค่ “อยากอยู่ในที่ที่ปลอดภัย”

จนวันหนึ่ง เขาเดินเข้าห้องชมรมบัญชี
แล้วเจอผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างโต๊ะ
สูงกว่าใครทั้งหมดในห้องนั้น
เสื้อเชิ้ตนักศึกษาขาวสะอาดถูกทับในกางเกงสแล็กพอดีตัว
เขาชื่อพี่แบงค์

ประโยคแรกที่พี่แบงค์พูด
ไม่ได้หวาน ไม่ได้พิเศษ
แค่ยิ้มมุมปาก แล้วถาม

“ทำไมมองพี่อย่างนั้นอะ”

เอกไม่รู้ว่าตัวเองมองนานแค่ไหน
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหายใจอยู่รึเปล่า
เขาแค่ยื่นใบสมัครชมรม
แล้วตอบกลับเสียงเบา

“เปล่าครับ…แค่คิดว่า…พี่ดูเหมือนคนในโฆษณา”

พี่แบงค์หัวเราะ
แล้วพูดกลับมาทันที

“ถ้าอย่างนั้น…เป็นพระเอกให้ได้มั้ย เดี๋ยวนายเป็นคนเขียนบท”



ความสัมพันธ์ของเขาสองคนไม่ได้เริ่มจาก “การจีบ”
แต่มาจาก “การอยู่ด้วยกันเสมอ”
– ชมรมเลิกช้า → พี่แบงค์มักขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่ง
– วันสอบ → พี่แบงค์เอากาแฟเย็นมาวางไว้หน้าห้องสมุด
– วันฝนตก → เสื้อกันฝนของพี่แบงค์มักเปียก ส่วนของเอกมักแห้ง

และวันหนึ่ง
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อ
ก็กลายเป็นอะไรบางอย่างที่ “เอกไม่กล้าเรียกเต็มปากว่าแฟน”
แต่ในใจ…เรียกแบบนั้นไปแล้วตั้งแต่วันแรก



พี่แบงค์เป็นคนเก่ง
เรียนดี กีฬาเด่น
มีแฟนคลับ
และแน่นอน…มี “ข่าวลือ”

เอกเคยได้ยิน
แต่ไม่เคยกล้าถาม
เขากลัวคำตอบ
และที่สำคัญ…เขา “เชื่อใจ” พี่แบงค์มากพอจะยอมไม่ถาม



แต่ก็เหมือนโลกเล่นตลก
ตอนพี่แบงค์ปีสี่ — มีโครงการฝึกงานต่างจังหวัด
ห่างไกล…เงียบหาย
แล้วข้อความที่เคยส่งทุกวัน…ก็กลายเป็นทุกอาทิตย์
จากทุกอาทิตย์…กลายเป็นทุกเดือน
จากทุกเดือน…กลายเป็น “เงียบไปเลย”

เอกไม่เคยบอกใคร
ว่าเขารอข้อความสุดท้ายนั้นมานานแค่ไหน
นานจนเขาเริ่มเชื่อว่า
“ถ้าเราเงียบพอ เขาอาจกลับมา”



และเขาก็กลับมา…หลังจากเอกทำงานแล้ว
ในฐานะ หัวหน้าฝ่ายบัญชีคนใหม่ของโรงงาน
หล่อขึ้น สูงเหมือนเดิม ยิ้มแบบเดิม
แค่ครั้งนี้…ดวงตาพี่แบงค์ไม่ได้มีแค่เขาในนั้น

แต่ใจของเอก…ยังคง “เต้นแบบปีหนึ่ง”
ทุกครั้งที่พี่แบงค์เรียกชื่อ
ทุกครั้งที่พี่แบงค์ยิ้มให้
ทุกครั้งที่พี่แบงค์พูดว่า
“ดีใจนะ ที่ยังเจอนายอีก”



(กลับสู่ปัจจุบัน: บนเครื่องบิน)

เอกถอนหายใจ
เบือนหน้าจากหน้าต่าง
มองเบาะข้าง ๆ ที่ว่างเปล่า
ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา
เขียนช้า ๆ ทีละคำ

“บางที เราไม่ได้รักเขาแล้วหรอก…แต่เรายังรักตัวเองในวันที่เขารักเราก็ได้”

และในขณะที่เขากำลังจะปิดสมุด
มือข้างหนึ่งก็แตะไหล่เขาเบา ๆ จากข้างหลัง
เป๋ายืนอยู่ตรงนั้น
มองเขานิ่ง ๆ
ไม่พูดอะไร
แต่ในแววตานั้นชัดเจน

เอกยิ้ม
พับสมุดลง
และหัวใจของเขา…เงียบลงกว่าทุกครั้งที่เคย

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #22 เมื่อ03-04-2025 10:47:19 »

ตอนที่ 16: ความเจ็บในความทรงจำ…และไหล่ของใครบางคนที่ไม่เดินหนี

เช้าวันที่ 10 ของทริป
อากาศที่คราโควหนาวกว่าทุกวัน
เพราะปลายทางของเช้านี้…ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว
แต่คือ Auschwitz–Birkenau Memorial
สถานที่จริงที่โลกเคยเจ็บ
และมนุษยธรรมเคยสั่นคลอน



รถบัสขับเงียบ
คณะทัวร์ไม่มีใครพูด
ไกด์เสียงเบา
แม้แต่เป๋าก็ไม่ได้เล่นมุกหรือชวนคุย
เขานั่งข้างเอก เงียบ…แต่มือยังจับขอบเบาะเอกไว้เสมอ



เมื่อเดินเข้าเขต Auschwitz
เอกมองเห็นคำว่า “Arbeit Macht Frei”
เหล็กดัดที่แปลว่า “งานทำให้เป็นอิสระ”
แต่กลับเคยเป็น “ทางเข้าสู่ความตาย”

เสียงบรรยายของไกด์เริ่มขึ้น
เล่าถึงเด็ก
ถึงครอบครัว
ถึงความสูญเสีย
ถึงเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และของเล่นที่ถูกจัดวางไว้ในตู้กระจก
ราวกับเจ้าของเพิ่งหายไปเมื่อเช้า



เอกนิ่ง
นาน
ก่อนจะค่อย ๆ เดินช้าลง
แล้วหยุด
เสียงรอบตัวเริ่มเบาลง…เพราะเสียงในใจเขาดังขึ้น

“เด็กที่ไม่ได้โต…ครอบครัวที่ไม่ได้บอกลากัน…รอยยิ้มสุดท้ายที่ไม่มีใครเห็น”

Empathy ในตัวเอก…ค่อย ๆ ขยายออก
จากการเข้าใจ…กลายเป็น “รู้สึก”
จากรู้สึก…กลายเป็น “กลืนเข้าไปข้างใน”



จังหวะที่เดินเข้าเขต Birkenau
เอกเริ่มหายใจถี่
เป๋าหันมามองทันที
ก่อนจะจับข้อมือเขาไว้
แต่เอกกลับพูดเบา ๆ

“พี่ไม่ได้ร้องไห้เพราะสงสาร”
“แต่พี่เจ็บแทนเขาทั้งหมดเลย…”
“พี่รู้สึกว่าถ้าไม่ร้องแทนเขา…ใครจะร้อง”



ไม่ทันจบคำ
น้ำตาเอกไหล
แรง
จนเขาต้องก้มหน้า
ขาอ่อน…หัวใจเต้นถี่
แล้วทั้งตัวก็สั่นเหมือนจะล้ม

เป๋ารวบตัวเขาเข้ามากอดทันที
แขนสองข้างโอบแน่น
แน่นแบบที่ไม่เคยมาก่อน
มือหนึ่งวางบนกลางหลัง
อีกมือรองท้ายทอย
กดเอกไว้กับอกตัวเองอย่างมั่นคง

ไม่มีคำถาม
ไม่มีคำปลอบ
มีแค่ “อยู่ด้วย” ทั้งตัว



เอกสะอื้นแรง
จนเสียงในคอกลายเป็นเสียงลม
ร่างสั่น ตัวเกร็ง
จนเป๋าต้องกระซิบ
“ผมอยู่นี่”
“ผมอยู่นี่นะพี่…ไม่ต้องแบกของพวกเขาคนเดียวหรอก”



ภาพนั้น
นักท่องเที่ยวบางคนมอง
แต่ไม่มีใครว่า
เพราะการร้องไห้แบบนั้น…มันไม่ใช่อ่อนแอ
แต่มันคือ “มนุษย์”
ที่ยังรู้สึก…ในโลกที่กำลังลืมวิธีรู้สึกไปทีละนิด



เมื่อเอกเงียบลง
ยังคงซบอยู่กับอกของเป๋า
มือเป๋าลูบเส้นผมช้า ๆ
เบา
แต่แน่นอน

เหมือนจะพูดว่า
“ผมจะอยู่ตรงนี้จนกว่าหัวใจพี่จะไม่รู้สึกเจ็บแบบนั้นอีก”



คืนนั้น
เอกไม่เขียนอะไรลงสมุด
แค่เปิดไปหน้าว่าง
แล้ววางผ้าเช็ดหน้าที่เป๋ายื่นให้
ก่อนจะปิดสมุดอย่างแผ่วเบา

และรู้สึกว่า
วันนี้…เขาไม่โดดเดี่ยวเลย
แม้จะร้องไห้ที่สุดในชีวิต

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #23 เมื่อ03-04-2025 11:08:43 »

ตอนที่ 17: รอยยิ้มที่กลับมา…บนรถม้าในเมืองที่เงียบที่สุด

เย็นวันเดียวกัน
หลังทัวร์ Auschwitz
คณะทัวร์กลับถึงเมืองเก่า คราโคว

อากาศเย็นลงเล็กน้อย
แดดสุดท้ายของวันเริ่มเปลี่ยนเป็นทองส้ม
และเอก…ก็ยังคงเงียบ

เป๋าเดินเคียงข้าง ไม่พูด
ไม่ถาม
แค่เดินด้วยจังหวะเท่ากัน
จนเมื่อเดินถึงลานกลาง Rynek Glowny
เขาก็พูดแผ่ว ๆ ว่า

“ขึ้นรถม้ากันไหมครับ…ผมอยากให้พี่ได้เห็นมุมของเมืองที่เดินไม่ทันเห็นเมื่อตอนบ่าย”



รถม้าคลาสสิกจอดรอริมลาน
สีขาวประดับทอง ผ้าคลุมเบาะกำมะหยี่
ม้าสองตัวหน้าตาใจดี ยืนกระพริบตารอ
เอกพยักหน้าเบา ๆ
ก่อนจะก้าวขึ้นตามเป๋า

พอรถม้าเคลื่อน
เสียงล้อกระทบพื้นหินกรวดเริ่มดัง
ท้องฟ้าเปิด
ผู้คนเดินผ่านไปมา
แต่โลกในรถม้า…มีแค่สองคน



เป๋าหันมามองเอก
แล้วยื่นช็อกโกแลตห่อเล็ก ๆ ให้
“เห็นพี่มองในร้านตอนบ่าย แต่ไม่ได้หยิบมา”

เอกมอง
นิ่ง…แต่ตาเริ่มมีแววบางอย่าง
แล้วเขาก็พูด
“สรุปคือแอบสังเกตพี่ตลอดสินะ”

เป๋ายิ้ม
แล้วตอบแบบจริงจัง

“ผมไม่อยากพลาดทุกอย่างที่พี่อาจจะชอบ”



ลมเย็นพัดผ่าน
เอกกัดช็อกโกแลตไปคำหนึ่ง
แล้วหัวเราะเบา ๆ
ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้เป๋าต้องหันขวับ

“เป๋า…เรานี่…ไม่เหมือนใครเลย”
“พี่ไม่รู้จะหนีไปไหนแล้วแหละ”

เป๋าชะงัก
ก่อนจะยิ้ม
แต่ไม่ตอบ
แค่ขยับตัว…แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลงเบา ๆ

ทำนองแจ๊สจังหวะละมุน
คลอไปกับเสียงม้า
เอกเริ่มเอนหลังพิงเบาะ
แล้วเงยหน้าขึ้น…หัวเราะ “เสียงดังจริง ๆ” ครั้งแรกตั้งแต่มา

ไม่ใช่หัวเราะแบบมีมารยาท
ไม่ใช่หัวเราะแบบตามน้ำ
แต่มันคือหัวเราะ…ที่ “ลืมความเจ็บได้ชั่วคราว”



เป๋ามอง
ไม่พูดอะไร
แค่ยิ้มกว้าง
และกระซิบในใจว่า

“ดีแล้ว…พี่กลับมายิ้มอีกครั้ง”
“แล้วผมจะอยู่ตรงนี้…จนพี่ลืมวิธีร้องไห้ไปเอง”



ค่ำคืนนั้น
เอกแวะที่ Camelot Café กับเป๋า
ร้านกาแฟเล็ก ๆ บรรยากาศอบอุ่น
มีแมวเดินผ่านข้างโต๊ะ
เสียงคลาสสิกเบา ๆ
และกาแฟที่เป๋าสั่งมาให้โดยไม่ต้องถามว่าเอกชอบอะไร

เพราะ…เขาจำได้หมดแล้ว



เอกนั่งจิบเงียบ ๆ
ก่อนจะพูดโดยไม่หัน

“ถ้าเป๋าหายไปสักวัน…พี่คงไม่รู้ว่าจะหัวเราะอีกทีเมื่อไหร่”

เป๋าไม่ตอบ
แค่เอื้อมมือมาแตะมือเขาบนโต๊ะ
นิ่ง
แน่น
และไม่ปล่อย

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #24 เมื่อ03-04-2025 11:26:50 »

ได้เวลาไปฮังการี มนต์เสน่ห์บูดาเปสต์

ตอนที่ 18: วันเงียบ ๆ ที่ใครบางคนอยู่ข้างกันทุกจังหวะ

เช้าวันที่ 11 ของทริป
สนามบินคราโควคึกคักตั้งแต่เช้า
ทุกคนดูตื่นเต้นกับจุดหมายใหม่
ยกเว้นเอก

เขานั่งอยู่ริมกระจก มองเครื่องบินจอดเงียบ ๆ
ใบหน้าเรียบนิ่ง
ไม่มีแววตื่นเต้น ไม่มีคำพูด
เหมือนแบตเตอรี่ในใจเขากำลังเหลือน้อย

เป๋าเดินมาหา
ไม่พูดว่า “เหนื่อยเหรอ”
ไม่ถามว่า “เป็นอะไร”
แค่ยื่นขวดน้ำเย็น ๆ ให้
แล้วนั่งลงข้าง ๆ แบบเงียบสนิท



บนเครื่องบิน
เอกหลับตา
ไม่ได้ฟังเพลง
แค่หลบความคิดในหัวที่ดังเกินไป

– ความรู้สึกจาก Auschwitz ยังไม่จาง
– รอยยิ้มเมื่อวานยังอุ่นอยู่
– แต่ในหัว…ยังวนเวียนเรื่องพี่แบงค์ที่เขาไม่กล้าคิดถึงตอนนี้

เป๋าไม่ได้ปลุก
ไม่ได้จับมือ
แค่คอยห่มผ้าให้ตอนแอร์เย็น
แล้วหยิบหมอนรองคอวางไว้ข้างตัวเงียบ ๆ



10 โมงเช้า – บูดาเปสต์

วิวแม่น้ำดานูบเปิดรับสายตาทุกคน
เอกยืนริมกระจกล็อบบี้โรงแรม
แต่ไม่ได้ยิ้ม
แค่ “ยืน”
เหมือนกำลังรอใจตัวเองให้ตามมาทันร่างกาย

เป๋าเดินเข้ามาช้า ๆ
ส่งคีย์การ์ดให้
แล้วพูดเพียงว่า

“ห้องพี่อยู่ติดกับห้องผมนะ ถ้ามีอะไร…แค่เคาะ”

เอกพยักหน้า
ไม่พูด
แต่รู้สึกว่า “คำพูดนั้น”
คือประโยคที่เบาที่สุดในวันที่ใจเขาหนัก



บ่ายนั้น
พวกเขาเดินชมรัฐสภาฮังการี
ตึกหินขาวล้อมด้วยลานหญ้ากว้าง
เอกไม่ถ่ายรูป
ไม่ถาม
แค่เดินตามกลุ่ม
และเป๋าก็เดินข้าง ๆ
เงียบ
แต่ทุกก้าว…เท่ากัน



เย็น
ริมแม่น้ำ
มาถึงอนุสรณ์ “Shoes on the Danube”
รองเท้าเก่าหล่อปูนวางเรียงกัน
รำลึกถึงชาวยิวที่ถูกยิงทิ้งลงแม่น้ำ
อีกครั้งที่ความเจ็บของคนอื่น…สะเทือนใจเอกอย่างเงียบ ๆ

เป๋าเดินไปหยุดข้างเขา
ไม่ได้จับมือ
แค่พูดเบา ๆ

“พี่ไม่ต้องพูดอะไรหรอกครับวันนี้”
“ผมขอแค่อยู่ใกล้ ๆ”

เอกหันมา
ไม่ยิ้ม
แต่ดวงตาเริ่มอ่อนลง
เหมือนรู้ว่า “แม้วันนี้ไม่พูด…พรุ่งนี้ก็ยังมีใครรอฟังอยู่”



คืนนั้น
ดินเนอร์ที่ Costes Downtown
เป๋ายังนั่งฝั่งเดิม
ยังรินน้ำให้
ยังวางเนื้อปลาพอดีคำไว้ตรงหน้าจานเอก
แต่ไม่พยายามทำให้เอกยิ้ม

เพราะวันนี้…แค่ “อยู่” ก็พอแล้ว



ก่อนแยกเข้าห้อง
เอกหยุดที่หน้าห้องเป๋า
เคาะเบา ๆ
เป๋าเปิด
ยังไม่ทันพูด
เอกก็พูดออกมาก่อน

“ขอบใจที่อยู่ข้างพี่ทั้งวันที่พี่ไม่มีเสียง”

เป๋ายิ้ม
ตอบเบา ๆ

“ผมไม่ได้ต้องการเสียงพี่…ผมแค่ต้องการพี่”



คืนนั้น
เอกเปิดสมุดจด
เขียนบรรทัดเดียว

“ความรักบางที…ก็แปลว่า อยู่ข้างกันในวันที่ไม่มีอะไรน่ารักเลย”

และเป๋า…เข้าใจคำนี้ดี โดยไม่ต้องอธิบาย

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #25 เมื่อ03-04-2025 11:34:25 »

ตอนที่ 19: ดินเนอร์ใต้แสงพระอาทิตย์ตก – กับการจับมือ “ต่อหน้าคนอื่น” ครั้งแรก

เย็นวันนั้น
แม่น้ำดานูบสว่างด้วยแสงอาทิตย์ที่กำลังลาลับ
เรือไม้ลำยาวแล่นช้า ๆ ท่ามกลางลมเย็นและแสงทอง
แก้วไวน์บนโต๊ะกลมสะท้อนแสงระยิบระยับ
คนในคณะทัวร์พูดคุยกันเบา ๆ
ถ่ายรูป ดื่มไวน์ แล้วยิ้มให้กล้อง



แต่เอก…เงียบกว่าปกติ
ไม่ได้เศร้า
แค่ “นิ่ง”…เหมือนกำลังใช้เวลาคิดอะไรอยู่เงียบ ๆ

เป๋านั่งข้าง ๆ
เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดปล่อยแขนเสื้อ
ผมเซ็ตเบา ๆ ลมปลิวเข้าหน้า
และดวงตาที่ไม่ได้ละจากเอกเลย



พวกเขานั่งริมเรือฝั่งที่หันสู่พระอาทิตย์
วิวของ Hungarian Parliament ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นริมแม่น้ำ
ขณะนั้นเอง
ไกด์ชี้และเริ่มอธิบายประวัติ

คนในทัวร์เงยหน้าฟัง
รวมถึงคู่สามีภรรยาวัยเกษียณที่นั่งอยู่ไม่ไกล
พวกเขาหันมามองเป๋า…แล้วหันไปมองเอก
กระซิบกันเบา ๆ แล้วยิ้ม

เอกเห็นสายตานั้น
และหัวใจกระตุกวูบ
เพราะเขารู้ดีว่ากำลัง “ตกเป็นที่สังเกต”



เอกชะงัก
ก้มลงมองตักตัวเอง
ไม่รู้จะทำอย่างไร
เพราะนี่คือสิ่งที่เขากลัวมาตลอด

กลัวว่า…ถ้าคนรู้
กลัวว่า…จะถอยห่าง
กลัวว่า…เขาไม่เหมาะจะอยู่ตรงนี้
กลัวว่า…ตัวเองจะ “แก่กว่า” และเป๋าจะถูกมองว่าไม่จริงจัง



แต่ก่อนที่ความคิดจะดึงเขาไปไกล
มือข้างหนึ่ง
ก็วางลงบนหลังมือของเขา
ช้า
แน่น
ไม่เร่ง
แต่ “ชัดเจน”

เอกเงยหน้าขึ้น
เป๋ามองตาเขาตรง ๆ
แล้วพูดเสียงเบาที่สุดในโลก
แต่ดังพอจะสั่นสะเทือนหัวใจ

“ผมจับเพราะผมเลือกจับ ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย”

“อย่าเอาความกลัวของคนอื่น…มาบดเสียงหัวใจพี่”



เอกไม่ตอบ
แต่มือเขา…จับมือเป๋ากลับ
แน่น
นิ่ง
ต่อหน้าทั้งคณะทัวร์
แม้ไม่พูดอะไร
แต่มือสองคู่นั้น…ประกาศชัดเจนแล้วว่า

“เราจะไม่หลบอีกต่อไป”



ค่ำคืนนั้น
เรือยังแล่น
ไวน์ยังอุ่น
คนในคณะทัวร์บางคนหันมายิ้มให้
บางคนหลบตา
แต่ไม่มีใครว่าอะไร

และเอก…รู้สึกเป็นอิสระที่สุด
ในรอบหลายปี



หลังดินเนอร์
ระหว่างเดินกลับโรงแรม
เป๋าเดินข้างเอก
ไม่จับมือแล้ว
แต่พูดเบา ๆ ข้างหู

“พรุ่งนี้…ผมอยากให้พี่เรียกชื่อผมแบบธรรมดา”
“ไม่ต้องมีคำว่าหนู ไม่ต้องเกรงใจ”

เอกหัวเราะในลำคอ
หันไปถาม

“แล้วอยากให้เรียกว่าอะไร?”

เป๋าตอบยิ้ม ๆ
“ก็แค่ ‘เป๋า’ ก็พอครับ”



คืนนั้น
เอกกลับถึงห้อง
เปิดสมุดบันทึก
แล้วเขียนประโยคเดียวลงบนกระดาษ

“ความกลัวจะเบาลง…ถ้ามือใครบางคนจับเราไว้แน่นพอ”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #26 เมื่อ03-04-2025 11:50:28 »

ตอนนี้จะไปจุดที่สวยที่สุดของบูดาเปสต์
วิวเมืองจาก ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion)
และทางเดินหินของ Buda Castle



ตอนที่ 20: ชื่อของเธอ…ที่หลุดออกมาจากหัวใจ

เช้าวันที่ 12 ของทริป
ลมบนเนิน Buda พัดเย็นกว่าเมื่อวาน
พระอาทิตย์สาดแสงอ่อน ๆ ลงบนแม่น้ำดานูบ
กระจกหน้าต่างปราสาทวาววับเป็นประกาย
นักท่องเที่ยวบางตา
แต่หัวใจของใครบางคนกลับ “เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ”



เอกเดินเงียบ ๆ ขึ้นบันไดหินสู่ Fisherman’s Bastion
เป๋าเดินตามหลัง ไม่เร่ง
มองแผ่นหลังของเอก…ที่เริ่มหยุดรอเขาบ่อยขึ้น

เมื่อขึ้นถึงจุดชมวิว
ทิวทัศน์ของเมืองทั้งเมืองปรากฏตรงหน้า
หอคอย หอระฆัง โบสถ์ Matthias โดม Parliament ฝั่งตรงข้าม
แสงอาทิตย์ไล้แก้มเอกจนเป๋าเผลอมองนานเกินไป



เอกพูดขึ้นเบา ๆ
ไม่หันมา

“ถ้าเรามีบ้านอยู่ตรงนี้ คงตื่นมามองวิวนี้ทุกวันเลยเนอะ”

เป๋าเดินมาเทียบข้าง
ยิ้มอ่อน

“ถ้าเรามีบ้านตรงนี้ ผมจะทำไข่ดาวให้พี่ทุกเช้า”

เอกหัวเราะ
แห้ง ๆ แต่ใจเต้นแรง
ไม่ตอบอะไร
แค่หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายวิว



ระหว่างเดินลงมายัง Buda Castle
พื้นหินขรุขระบังคับให้เดินช้า
เอกสะดุดเบา ๆ
ก่อนที่มือของเป๋าจะประคองไว้ทัน

จังหวะนั้นเอง
เอกหันไปสบตา
เผลอพูดออกมาเบา ๆ โดยไม่ทันคิดว่าเสียงดังพอให้ได้ยิน

“…เป๋า”

แค่นั้น
สั้น ๆ
แต่เป๋าหยุดเดินทันที

เอกหน้าแดง
เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่า “เรียกชื่อเป๋า” ออกมาจริง ๆ
โดยไม่มีคำนำหน้า
ไม่มีช่องว่าง
ไม่มีระยะห่าง



เป๋าไม่พูดอะไร
เพียงยิ้มบาง ๆ
ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้อีกนิด
โน้มตัวลงมาพูดข้างหู

“ผมรอฟังพี่เรียกชื่อนี้…มาหลายวันแล้ว”

เอกหลบตา
แก้มขึ้นสีทันที
เหมือนเมืองทั้งเมืองเงียบลง เหลือแค่เสียงหัวใจของตัวเอง



ก่อนถึงมื้อกลางวันที่ Pierrot Restaurant
พวกเขาเดินผ่านสวนเงียบ ๆ ข้างทาง
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งสะดุดล้ม
ร้องไห้เบา ๆ
แม่ของเด็กรีบเข้ามา
แต่ดูเหมือนเด็กจะกลัวไม่ยอมลุก

เอกก้าวออกจากกลุ่ม
ค่อย ๆ ย่อตัวลงข้าง ๆ
พูดกับเด็กเป็นภาษาอังกฤษอย่างใจเย็น
เสียงนุ่ม น้ำเสียงอบอุ่น
มือค่อย ๆ วางลงที่หัวเข่าเด็ก
ไม่มีความกลัวในตาเด็กอีกเลย

เป๋ายืนมอง
ยิ้ม
และรู้ว่า…

“พี่ไม่ได้แค่ใจดี…พี่เป็นคนที่คนอื่นไว้ใจได้ แม้ยังไม่รู้จักชื่อ”



หลังจากมื้อกลางวัน
เป๋าหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเอก
โดยไม่ได้ขออนุญาต

เอกหันมา
ทำหน้าตกใจ

“แอบถ่ายเหรอ”

เป๋าตอบเรียบ ๆ
“ครับ แอบเก็บไว้ เพราะตอนพี่เรียกชื่อผม…มันมีแววตาที่ผมไม่อยากลืม”

เอกนิ่ง
ก่อนจะยิ้มบาง
แล้วพูดเบา ๆ กลับมา

“ครั้งหน้า…เรียกชื่อพี่บ้างนะ”



คืนนั้น
เอกเขียนลงในสมุดเพียงประโยคเดียว

“บางครั้งชื่อของใครบางคน…ก็หลุดจากหัวใจมากกว่าปาก”

และชื่อ “เป๋า”
คือลมหายใจของใครบางคน
ในวันที่ใจเริ่มเปิดรับ “บ้านหลังใหม่”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #27 เมื่อ03-04-2025 11:59:22 »

ตอนที่ 21: อ้อมแขนในห้องน้ำแร่ – เมื่อใจเต้นแรงโดยไม่ต้องกลัวอะไรอีก

ค่ำวันที่ 12
หลังมื้อกลางวันท่ามกลางวิว Buda Castle
เอกและเป๋ากลับมาที่โรงแรม
เปลี่ยนชุด
เตรียมตัวเดินทางไปยัง Széchenyi Thermal Bath
บ่อน้ำแร่กลางแจ้งที่เก่าแก่ที่สุดของฮังการี



ฟ้าเริ่มมืด
แสงไฟจากห้องอาบน้ำเรืองขึ้นช้า ๆ
ไอน้ำลอยเหนือผิวน้ำเป็นม่านเบา ๆ
คนเริ่มบางตา
เสียงรอบตัวแผ่วลง
เหลือแค่เสียงน้ำกระทบไหล่ และลมหายใจในใจของสองคน



เอกนั่งชิดขอบสระ
สายตามองไปทางไอน้ำ
ไม่ได้พูด
แต่เป๋ารู้ว่า…วันนี้เอก “เหนื่อยแบบสงบ”
แบบที่แค่ได้อยู่ในน้ำอุ่น ๆ ไม่ต้องพูดอะไรก็พอ

เป๋าค่อย ๆ ขยับตัว
มานั่งข้างหลัง
แล้วเอื้อมมือไปแตะไหล่เอกเบา ๆ
ไม่กด ไม่ลูบ
แค่แตะ…เหมือนจะบอกว่า
“พักเถอะพี่…อยู่ตรงนี้ได้เลย”



เอกเอนหลังพิง
หายใจลึก
หลับตา
แล้วพูดช้า ๆ

“พี่ไม่ได้หลับสนิทแบบนี้มาหลายปีแล้ว…”
“พี่กลัว…ว่าถ้าหลับ คนจะหายไป”

เป๋าเงียบ
ก่อนจะขยับตัวอีกนิด
ให้อกของตัวเองรองหลังเอกไว้
แขนวางรอบไหล่เบา ๆ
และพูดข้างหู

“งั้นผมขอนั่งตรงนี้…จนพี่ตื่น”



ไม่กี่นาทีต่อมา
เอก…หลับจริง ๆ
ไม่ขยับ
ลมหายใจสม่ำเสมอ
หน้าผากแนบไหล่เป๋า
ตัวอุ่นพิงอก
เหมือนหัวใจที่เคยเหนื่อย…กำลังพักลงในที่ที่ปลอดภัยที่สุด



เป๋านั่งนิ่ง
ไม่ขยับแม้แต่นิ้ว
กลัวเอกตื่น
กลัวตัวเองปลุก
กลัวโมเมนต์นี้จะหลุดหายเหมือนฝัน

เขาเงยหน้ามองไอน้ำ
ไม่รู้จะอธิษฐานกับใคร
แต่ใจเขาพูดประโยคเดียวในใจซ้ำ ๆ

“ถ้าคืนนี้…ผมทำให้พี่หลับได้อย่างไม่กลัว ผมขออยู่ข้างพี่แบบนี้ไปนาน ๆ”



หลังจากเอกหลับไปครู่ใหญ่
เป๋าค่อย ๆ กระซิบ
“ฝันดีนะพี่เอก”



คืนนั้น
ดินเนอร์ที่ Onyx Restaurant
เอกยังงัวเงีย
ตาแดงนิดหน่อยจากการหลับกลางบ่อน้ำร้อน
แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ “อ่อนที่สุด” ในทริปนี้
ไม่แข็ง
ไม่เก็บ
ไม่ต้องเสแสร้ง



ก่อนเข้านอน
เอกเดินไปเคาะประตูห้องเป๋า
เป๋าเปิดประตู…ตาโตนิดหน่อย

เอกพูดเพียงว่า
“เมื่อกี้…หลับไปจริง ๆ เหรอ?”

เป๋าตอบ
“ครับ หลับสบายมากเลย”

เอกหัวเราะ
แล้วยิ้มจนตาหยี
ก่อนจะพูดคำหนึ่งที่ทำให้เป๋าใจเต้นแรงที่สุดในทริปนี้

“พี่ไว้ใจเราจังเลยเนอะ”

เป๋าไม่พูดอะไร
แค่พยักหน้า
แล้วยิ้ม
เพราะรู้ว่า…การที่คนที่ “กลัวการไว้ใจ”
จะพูดว่าไว้ใจ
มันใหญ่กว่าคำว่า “ชอบ” หรือ “รัก” เยอะมาก

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #28 เมื่อ03-04-2025 17:34:54 »

ตอนที่ 22: ภาพถ่ายแรกที่มีแค่เรา…และคำขออนุญาตจากใจที่ไม่เคยล้ำเส้นใคร

เช้าวันที่ 13
อากาศปลายเดือนเมษายนในบูดาเปสต์เย็นสบาย
สายลมพัดจากฝั่งแม่น้ำขึ้นมายังเนินเขา Citadella Hill
เอกยืนอยู่หน้าราวกั้นเหล็ก
มองวิวเมืองเบื้องล่างแบบที่…ไม่เคยมองอะไรได้นานขนาดนี้

แม่น้ำดานูบทอดยาว
ตึกอิฐสลับสีเรียงเป็นแนว
รถราวิ่งเบา ๆ เหมือนเมืองนี้…เคลื่อนไปช้ากว่าปกติ

เป๋าเดินเข้ามาข้าง ๆ
ไม่พูดอะไร
แค่ยืนข้างกัน
นิ่ง

จนเอกเป็นฝ่ายพูดก่อน

“วิวแบบนี้ พี่อยากถ่ายเก็บไว้อะ…”

เป๋าหยิบกล้องขึ้นมา
ชูขึ้นสูงระดับไหล่
แล้วถามเบา ๆ แบบชัดเจนที่สุด

“ถ้าผมอยากถ่ายพี่…แต่ถ่ายกับผมด้วยนะ”

เอกหันมามอง
นิ่งไปนิด
ไม่ใช่เพราะไม่เข้าใจ
แต่เพราะ “ไม่เคยมีใครขอถ่ายรูปคู่แบบนี้…ตรง ๆ”

เป๋าไม่ได้ก้าวเข้ามาใกล้
แค่ยิ้มบาง ๆ
เหมือนกำลังรอคำอนุญาตจากหัวใจของใครอีกคน

เอกพยักหน้า
แล้วขยับตัวมาใกล้
เป๋ายกกล้องขึ้นอีกครั้ง
แล้วพูดว่า

“ผมจะตั้งเวลานะ จะได้ไม่ต้องมีใครถือกล้อง”



ภาพนั้น
คือภาพที่เอกกับเป๋ายืนเคียงกัน
ด้านหลังคือวิวทั้งเมือง
ลมพัดผมเบา ๆ
เอกยืนตัวตรงแต่แอบเอียงหัวนิด ๆ
ส่วนเป๋า…ยิ้มไม่สุด แต่ตามองเอกเต็มสายตา

ไม่หวาน
ไม่ตั้งใจ
แต่ “ธรรมชาติที่สุด”…เท่าที่หัวใจสองดวงเคยเป็น



จากนั้น
พวกเขาเดินลงจากเนิน
เข้าสู่ ตลาดกลาง (Great Market Hall)
เอกแวะดูพริกปาปริก้า ผ้าปัก เครื่องแก้ว
มีเสียงเรียกบ้าง
เสียงหัวเราะจากร้านค้า
แต่ทั้งคู่…ไม่ได้จับมือ

แค่เดินข้างกัน
แล้วเอกเป็นฝ่ายหยิบ “กระเป๋าผ้ารูปหัวใจ” มาส่งให้เป๋า
บอกว่า

“ถือให้หน่อย เดี๋ยวพี่ถืออย่างอื่น”

เป๋ายิ้ม
แล้วถือกระเป๋าให้
โดยไม่พูดว่ามัน “น่ารักเกินไป”
เพราะเขาแค่อยากถือต่อไปเรื่อย ๆ
แม้จะถูกแซวจากคนขายว่าเป็น “คู่รักน่ารักจังเลย” ก็ตาม



คืนนั้น
กลับถึงโรงแรม
เป๋าส่งภาพที่ถ่ายวันนี้ให้เอกทางอีเมล
ไม่มีข้อความแนบ
นอกจากชื่อไฟล์ที่ตั้งว่า

“First Us”



เอกเปิดไฟล์นั้นในมือถือ
จ้องอยู่นาน
แล้วค่อย ๆ บันทึกภาพลงเครื่อง
พร้อมกับเขียนในสมุดบันทึกว่า

“ไม่ต้องโพส ไม่ต้องโชว์…แค่เรารู้ว่ามีภาพที่มี ‘เรา’ อยู่ด้วยกัน ก็พอ”

ออฟไลน์ Shibaguy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: เยือนแมนแดนสรวง
«ตอบ #29 เมื่อ03-04-2025 17:52:52 »

ตอนที่ 23: ของขวัญจากใจ – ไม่ใช่ของแพง แต่คือสิ่งแรกที่พี่เลือกให้ผม

บ่ายวันนั้น
หลังจากเดินเที่ยว ตลาดกลาง Great Market Hall
เอกกับเป๋าเดินเลียบ Andrássy Avenue
ถนนสายยาวที่เต็มไปด้วยร้านน่ารัก คาเฟ่เล็ก ๆ และของพื้นเมืองที่ละลานตา

แสงบ่ายอุ่น ๆ ตกลงตามเงาต้นไม้
เสียงดนตรีข้างถนนแผ่วเบา
ผู้คนเดินสวนกันไม่ขาด
แต่เอกกับเป๋า…ก็ยังเดินเคียงข้างในจังหวะของกันและกัน



เอกแวะร้านโน้นร้านนี้
ดูโน่นนี่โดยไม่ได้ตั้งใจจะซื้อ
เป๋าก็เดินตาม…เงียบ ๆ
บางจังหวะก็ช่วยถือถุงเล็ก ๆ ให้

จนกระทั่ง…เอกหยุดที่หน้าร้านหนึ่ง
ร้านขายเครื่องหนังเล็ก ๆ
มีเข็มขัด หนังสือปกหนัง และ สมุดโน้ตทำมือ

เอกเดินเข้าไปเงียบ ๆ
หยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมา
เล่มเล็ก ขอบเย็บมือ สีเข้ม
มีแผ่นกระดาษที่หยาบนิด ๆ แบบที่เป๋าชอบใช้เขียนความคิดสั้น ๆ



เป๋าเดินเข้ามาข้างหลัง
ยังไม่พูด
แต่เห็นเอกยืนนิ่งอยู่นาน
มือแตะสันสมุดเบา ๆ
เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

ก่อนจะหันไปถามเจ้าของร้านว่า
“Can I take this?”
แล้วจ่ายเงินทันที…โดยไม่ปรึกษาเป๋าเลย



ตอนออกจากร้าน
เอกยื่นสมุดเล่มนั้นให้เป๋า
แล้วพูดช้า ๆ
เสียงเบากว่าปกติ

“ให้…เอาไว้เขียนอะไรที่ไม่อยากลืม”

เป๋ารับมา
มือสั่นนิด ๆ
หัวใจเต้นดังจนได้ยินเอง
เขาเงยหน้ามองเอก
แล้วถามเบา ๆ

“พี่รู้ได้ยังไงว่าผมใช้สมุดแบบนี้”

เอกยิ้ม
แล้วตอบไม่เต็มเสียง

“ก็ไม่รู้หรอก…แต่ตอนเห็น มันก็คิดถึงนายขึ้นมาก่อนเลย”



เป๋าก้มหน้าลง
ยิ้มแบบที่ไม่เคยยิ้มกับใคร
แล้วพูดเพียงว่า

“นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่พี่ซื้อให้ผมเลยนะ”
“ผมจะเก็บไว้ทั้งชีวิต”



คืนนั้น
ดินเนอร์ที่ Hungarikum Bistro
อบอุ่น เป็นกันเอง อาหารพื้นเมืองรสอ่อน
เอกกับเป๋านั่งข้างกัน
เสียงหัวเราะของเอกดังขึ้นหลายครั้ง
แม้จะไม่รู้ตัว

และตอนที่เป๋าเปิดสมุดดูหน้าปกอีกครั้ง
เขาเห็นเอกแอบเขียนไว้บรรทัดแรกให้แล้วว่า

“เผื่อว่าวันไหนจะเขียนว่า…รักใคร”



เป๋าไม่พูดอะไร
แค่ปิดสมุด
แล้วยิ้มเงียบ ๆ
เพราะรู้ว่า
“รักใคร” ในบรรทัดแรกนั้น…มันยังไม่มีชื่อ
แต่ใจเขารู้ดีว่า “ชื่อใคร” ที่พี่ตั้งใจเผื่อไว้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด