(รีไรท์)Mpreg โซ่รัก(คล้อง)หัวใจนาย EP.18 บีมเจ็บท้องก่อนกำหนด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รีไรท์)Mpreg โซ่รัก(คล้อง)หัวใจนาย EP.18 บีมเจ็บท้องก่อนกำหนด  (อ่าน 420 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 19:27:37 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
สารบัญ

คำนำ
EP.1 เปิดตัวนายเอก
EP.2 ครั้งแรกก็ไม่ถูกชะตา
EP.2 ครั้งแรกกับคนแปลกหน้า NC
EP.3 สิ่งที่ผมได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจ
EP.4 บีมแพ้ท้องหนักมาก
EP.4.1 อาจารย์กันตภณรู้เรื่องแล้ว
EP.5 อาจารย์กันตภณขอให้หมอภีมปภพช่วย
EP.5.1 หมอภีมจะดูแลของรักของภีมอย่างดี
EP. 6 บีมไม่อยากให้อาจารย์กันรับผิดชอบทั้งที่ไม่ได้ทำ
EP.7 ข่าวลืออาจารย์กันเข้าหูอาม่า
EP.8 ตามหาคนในคืนนั้น 1
EP.8.1 (เป็กซ์ X พี่ไปส์ )ตามหาคนในคืนนั้น
EP.9 ฟิล์มถูกทำร้าย
EP.9.1 สามเฮียของเธียรวิชญ์
EP. 10 ครั้งแรกที่บีมเจอดวงใจของเขา(ครึ่งแรก)
EP.10.1เจอกันครั้งแรกดวงใจของบีม(ครึ่งหลัง)
EP.11 ฝันเป็นลาง ลางว่าจะได้เป็นป๊า
EP.12 บีมเข้าโรงพยาบาลจนได้
EP.13 อาจารย์กันตภณ พยายามปกป้องบีม
EP.13.1 ยังไม่ทันคลอดเลยลูกโซ่แผลงฤทธิ์
EP.14 เจ๊กกันขู่เธียรวิชย์รีบกลับ
EP.14.1 บีมซ้อมเป็นแม่
EP.15. คนที่คิมต้องตามหา
EP.16 เธียรวิชญ์จะได้เจอคนนั้นไหม
EP.17แพรวาเซอไพรส์เธียร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 12:16:08 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
   
คำนำ

                            นิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายแนวผู้ชายท้องได้ค่ะ เป็นนิยายชายรักชาย เป็นนิยายแนวผู้ชายท้องได้ (อาจจะมีความรุนแรงทางเพศ อันนี้ยังไม่รู้ว่ารุนแรงไหม) เนื้อหาในเรื่องถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เนื้อหาบิดเบือนจากความเป็นจริง สถานที่ถูกสมมติฐานขึ้นมาทั้งหมด รวมทั้งชื่อและตัวละคร ไม่มีอยู่จริง

   


   พระเอกของเรื่องชื่อ เธียรวิชย์ เป็นลูกคนชายคนเล็ก ของมหาเศรษฐีหมื่นล้านเป็นเจ้าของโรงเรียนสามภาษาชื่อดังมีทั้งหมดห้าสาขาในเขตกรุงเทพ เธียรวิชย์ มี่พี่น้องสี่คน ชายาสี่ยอดกุมารเพราะว่าเป็นลูกชายทั้งสี่คน เขาเป็นลูกชายคนเล็ก  เธียรวิชย์เป็นหนุ่มหล่อ ทั้งบ้านหน้าตาดีสุดแต่เธียรวิชญ์หล่อแบบค่อนข้างลงตัวเพราะว่าเขามีเข้มของพ่อและความหวานของแม่ พ่อเขาเป็นครอบครัวคนจีนแต่ว่าค่อนข้างหัวสมัยใหม่เพราะว่าพ่อของเขาก็จบจากต่างประเทศเพื่อบริหารงานโรงเรียนอากงของเขาได้ก่อตั้งขึ้นมา 

 

                       นายเอกของเรื่องชื่อ นายกันต์ธีย์ หรือบีม บีมเป็นลูกครึ่ง แม่ของเขาแต่งงานกับคนอังกฤษ พ่อของเขาเป็นศาสตราจารย์ที่เก่งและชำนาญการเรื่องการตัดต่อพันธุรกรรม และเขาก็ได้นำสิ่งนี้มาใช้กับลูกชายคนแรกของเขา คือบีม ทำให้บีมมีสิ่งที่พิเศษในตัวเขาแต่เขาไม่เคยรู้เลยจนกระทั้งวันที่เขาพลาดให้กับคนที่เขาไม่รู้จักและนั้นก็ทำให้เขาได้พยานรักมาหนึ่งคน

                         
                    แพรวา สาวสวย ไฮโซ เป็นลูกสาวคนเดียวของรัฐมนตรีชื่อดัง พ่อของแพรวาเป็นเพื่อนรักกับพ่อของเธียรวิชย์อันที่จริงก็รุ่นพี่สองปี และนี้ก็ทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับเธียรวิชย์ในฐานะน้องที่เอาแต่ใจ เธอตามติดเธียรวิชย์ประดุจว่าเธอคือแฟนของเขา เธอเป็นคนหน้าตาสวยแต่น่าแปลกที่ไม่มีใครกล้าจะจีบเธอเลย เธอนั้นมีบางสิ่งที่พ่อและแม่ของเธอไม่กล้าบอกให้สื่อสังคมได้รู้ว่า แพรวานั้นไม่ปกติเหมือนเด็กคนอื่น ทำให้เธอนั้นกลายเป็นคนร้ายกาจจนน่ากลัวมากกว่าจะมีใครหลงรักเธอ

   
              รองศาสตราจารย์กันตภน เขาเป็นอาของเธียนวิชญ์ เขาเป็นน้องคนเล็กของป๊าของเขา เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยที่บีมเรียนอยู่และเขาก็เป็นอาจารย์ที่คอยให้การช่วยเหลือบีมตั้งแต่เขาได้เข้ามาเรียนปีหนึ่ง บีมเป็นคนเก่ง เขาจึงช่วยหางานพิเศษให้บีม โดยการThesis และรายงาน เพราะความที่บีมเป็นคนอ่อนน้อมจึงทำให้เขาหลงรักบีมและอยากดูแลบีม ในฐานะคนรัก

   

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2024 17:06:35 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
      
EP.1 เปิดตัวนายเอก    

            Part’ s กันต์ธีร์ ผมชื่อเล่นว่าบีม ผมเป็นลูกครึ้งไทยอังกฤษ แม่ผมเป็นคนไทย ส่วนพ่อผมเป็นศาสตราจารย์เคลวิน เบน กิฟสัน พ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้เจ็ดขวบและผมก็ต้องมาอยู่ที่ไทยตั้งแต่นั้นมา จากที่ไม่เคยใช้ชีวิตในไทย ผมก็ต้องมาเรียนรู้และพอยายของผมเสียชีวิต ผมก็ต้องมาอยู่กรุงเทพ มาเรียนที่นี้ แม่ผมก็แต่งงานใหม่กับคนอังกฤษ แม่ให้ผมใช้ชีวิตตามลำพังมานานแล้วตั้งแต่แม่ผมไปแต่งงานใหม่

         แม่มาหาผมปีล่ะครั้งสองครั้งแค่นั้น จนตอนนี้ผมเรียนมหาวิทยาลัยปี3เทอม2 ผมขอฝึกงานกับทางมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็คงหางานทำสักทีเพราะผมเก็บหน่วยกิตเกือบจะครบแล้ว และผมไม่อยากให้แม่ส่งเงินให้ผมแล้วด้วยเพราะว่าแฟนใหม่ของแม่ผม เขาชอบพูดจาดูถูกแม่ผมตลอดเวลาแต่แม่ก็ทน ผมรู้ว่าเพื่อผมนี่แหละ แม่ผมไม่ใช่แม่ทั่วไป ไม่เคยโอ๋ลูกแต่ผมก็รู้ว่าแม่รักผม ไม่เคยประคบประหงมผม ผมก็เข้าใจว่าทำไมแต่เพื่อนๆ ผมนี้ไม่มีใครเข้าใจแบบผมสักคน ต่างก็บอกว่าแม่ผมประหลาดไม่เหมือนแม่คนอื่นๆ เอออันนี้ผมก็ยอมรับน่ะ

      “บีม วันส่งท้ายปีเก่าอ่ะไปทำงานที่ผับหรือเปล่า” ใบชาถามผม ผมพยักหน้าทันทีเพราะว่าผมรับปากเขาเอาไว้แล้ว ผมเองก็ไม่อยากไปไหนด้วยอยากทำงานมากกว่า ปีนี้แม่ก็ไม่มาด้วยแม่บอกว่าฟิลิปส์พึ่งผ่าตัดใส่เลื่อนมา

      “อะไรวะบีมทำไมต้องไปวันเคาท์ดาวน์ด้วยวะ” ฟิล์มถามบีม คงอยากชวนผมไปเที่ยวซิน่ะ

      “ก็เขาอยากให้กูทดลองงานเป็นผู้จัดการร้านเลยและเขาก็จ่ายเงินดีด้วย ถึงยังไงพวกมึงก็ไปกับแฟนกันไม่ใช่เหรอ กูไม่อยากไปเที่ยวอยากเงินมากกว่า แม่ยิ่งมีปัญหากับฟิลิปส์ กูไม่อยากเพิ่มปัญหาวะ” ผมพูด ทุกคนมองหน้าผมกันหมด แก๊งของผมมีทั้งหมดห้าคน ฟิล์ม เป็กซ์ สองคนนี้เป็นเพื่อนตั้งแต่มัธยมจนเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนใบชาและมะนาวมาเจอกันตอนปีหนึ่งจนถึงตอนนี้

      “เขาให้มึงเป็นผู้จัดการร้านเลยเหรอบีม โชคดีว่ะ มีงานรอตั้งแต่ยังไม่จบเลย” มะนาวพูด

      “ก็มันเก่งขนาดนี้แต่เอาจริงๆ น่ะ มึงน่าจะไปได้งานที่ดีกว่านี่น่ะบีม” ใบชาพูด

      “ก็รอจบก่อน แต่งานนี้เขาไม่ต้องรอใบปริญญากูด้วยนิ เขาให้เลย กูก็คิดว่ามันก็ดีแต่หนักหน่อยทำกลางคืนกลางวันเรียน” ผมพูด

      “แต่ก็น่าแปลกนะบีม มึงระวังตัวไว้หน่อยน่ะ ทำไมเขารับมึงเป็นผู้จัดการโคตรง่ายเลยว่ะ” ฟิล์มพูดด้วยความเป็นห่วง

      “มันทำงานดีไงและมันก็ไปทำงานตามผับหลายผับ เขาคงคุยกันแหละ เลยรับมันทำงานซะเลย ก็มันเก่งนิใครก็อยากให้งานมันน่ะ ” มะนาวพูด ผมหันมามองมะนาว

      “เป็กซ์มันไปไหนวะ ช่วงนี้หายหัวตลอด” ใบชาพูด

      “ไปหาแฟนมันไง ไอ้โก้อ่ะ “ฟิล์มพูด

      “ไอ้โก้ มันก็ไปๆ มาๆ เลิกไม่เลิก เป็กซ์มันไม่เข็ดหรือไงวะ” มะนาวพูด

      “มันกลับมาหาเป็กซ์ตอนที่มันติดเงินพนันมาทุกที” ฟิล์มพูด

      “อย่าพูดเลย เดี๋ยวไอ้เอ็มมันก็มารับมึง มึงก็หายหัวพอกัน” มะนาวพูด

      “กูว่าจะห่างมันสักพักว่ะ “ฟิล์มพูด ผมหันมามองหน้าฟิล์ม เพราะว่าไอ้พี่เอ็มมันเริ่มทำร้ายฟิล์ม

      “กูก็อยากให้มึงเลิกกับมันน่ะฟิล์ม มันทำร้ายมึงอ่ะ” ผมหันมาพูดกับฟิล์มหันมามองหน้าผม

      “นี่ไงกูเลยไม่ค่อยอยากโทรหามันแล้วและมันก็เงียบไปเองด้วย ไม่รู้ไปติดสัดที่ไหน” ฟิล์มพูด

      “กูรู้ว่ามันไปติดสัดที่ไหน กูเห็นมันเดินไปซื้อถุงยางกับรุ่นน้องที่เรียนบัญชีอ่ะ ชื่อเหมือนน้องสาวไอ้เป็กซ์เลย ชื่อน้องแป้ง” ใบชาพูด

      “อีนี่!! มึงไปรู้กับเขาได้ไงเนี๊ยะ! มึงไปซื้อกับเขามาเหรอ” มะนาวถาม

      “กูก็ไปยืนต่อแถวซื้อต่อจากมันไง กูถึงรู้ มันซื้อรสสตอเบอรี่ด้วย โลคลาสวะ” ใบชาหันมาพูด ผมกับไอ้ฟิล์มถึงกับมองบนทันที

      “แล้วของมึงล่ะ “มะนาวถาม

      “ซีเควันค่ะ” ใบชาตอบ

      “เดี๋ยวน่ะ มึงซื้อมากรอกน้ำใส่แล้วเอามาปาเล่นเหรอ มึงยังไม่มีผัวไม่ใช่เหรอ!” มะนาวถามใบชาทันที

      “พี่กูฝากซื้อค่ะ มันอายค่ะเขาค่ะ มันไม่กล้าแต่ให้กูที่ไม่มีผัวนี่ไปซื้อให้ค่ะ ระบุไซ้ สี รสและกลิ่นพรอ้ม มันชำนาญกว่ากูอีกแต่ให้กูไปซื้อ เริศ! “ใบชาพูด

      “ถุ้ย!!” มะนาวหันมาถ้ยใส่ทันที (อีนี่นิ โสโครกเพราะแบบนี้ไง มึงก็คงไม่มีวันเดินหาซื้อเหมือนกัน ผัวคงหาไม่ได้หรอกมึงน่ะ ยี้!!) มะนาวกับใบชา ตีกันทุกวันแต่ก็ไปด้วยกันประจำ ผมหันมามองฟิล์มว่ามันจะไปไหนต่อไหม

      “วันนี้กูจะไปช่วยพี่ฟ้าว่ะ เขาบอกออเดอร์เยอะเลยช่วงนี้และต้องทำงานแทนคนที่ลาหยุดว่ะ ดังนั้นวันหยุดกูก็ไม่ได้ไปไหน” ฟิล์มพูด ผมพยักหน้า พี่ฟ้าคือพี่สาวของฟิล์ม แฟนพี่เขาทำงานอยู่การไฟฟ้า เงินเดือนไม่เยอะ พี่ฟ้าเลยรับทำขนมเค้กที่บ้านแทน

      “อาจารย์กันตพลมาบีม” มะนาวสะกิดเรียกผม ผมหันไปมอง อาจารย์หนุ่มหล่อที่สาวๆ ในมหาวิทยาลัยต่างก็หลงเสน่ห์ เข้าสอนทีไร สาวๆนั่งหน้ากันแน่นไปหมด ก็บุคลิกที่อบอุ่น หน้าตาก็หล่อ ไม่ตี๋แต่ว่าขาว เขาเดินเข้ามาหาผม

      “บีม “อาจารย์เขาเรียกผม

      “ครับ อาจารย์” ผมขานรับโดยมีพวกเพื่อนๆ ผมแอบแซว ผมรู้ว่าอาจารย์เขาคิดอะไรกับผมแต่ว่าผมเองกลับไม่ได้คิดอะไรเกินไปกว่าลูกศิษย์อาจารย์และอาจจะเป็นเพราะว่าผมเองก็อยากตั้งหน้าตั้งตาเรียนและหางานมากกว่า

      “บีมรู้หรือยังว่าเราจะได้คัดเลือกสำหรับเกียรตินิยมอันดับสองน่ะ” อาจารย์กันตพลพูด

      “จริงเหรอคะอาจารย์ บีมมันได้เกียรตินิยมอันดับสองเลยเหรอคะ” มะนาวถาม

      “บีมดีใจด้วยนะมึง” ฟิล์มพูด

      “วันนี้รีบกลับหรือเปล่า พี่ว่าจะพาไปทานข้าวเป็นการฉลองล่วงหน้า” อาจารย์กันตพลถามผม

      “ไม่ได้ครับ ผมต้องไปทำงานครับอาจารย์” ผมพูด

      “บีม พี่ว่าเราเลิกทำงานกลางคืนเถอะ พี่หางานที่ไม่ต้องทำกลางคืนให้ไหม พี่เป็นห่วง” อาจารย์กันตพลถามผม

      “เอาไว้ให้ผมเรียนจบก่อนดีกว่าครับ ตอนนี้ผมอยากมีรายได้เสริมแต่อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่กระทบการเรียนแน่นอนครับ” ผมพูดและยิ้มให้อาจารย์กันตพล

         Rrrrr มือถือรุ่นใหม่ของอาจารย์ก็ดังขึ้น อาจารย์พยักหน้าก่อนขอตัวไปกดรับสาย ผมหันมามองเพื่อนๆ ของผม แต่ล่ะคนหันมายิ้มแบบมีเลศนัยกันทุกคนเลย ผมหันมามองแต่ล่ะคน ส่ายหัวไปมาเพราะว่าพวกนี้เชียร์ผมกับอาจารย์กันตพลน่าดู

         “บีม กูไม่เห็นอาจารย์ใส่เสื้อที่มึงซื้อให้เลยอ่ะ “มะนาวหันมาถามผม ผมซื้อเสื้อให้อาจารย์กันตพลเมื่อก่อนปีใหม่ที่ผ่าน ก็เห็นอาจารย์ใส่อยู่แต่ว่าตอนนี้ไม่เห็นแล้ว เสื้อสีชมพูอ่อน มันดูอ่อนละมุนมากที่อาจารย์กันตพลเขาสวมใส่ แต่ว่าผมไม่เห็นหลังจากคืนนั้น คืนที่มีงานมหาวิทยาลัยและผมก็อยู่ช่วยงานจนเสร็จ คืนนั้นกลับดึกเลยทีเดียว ผมแอบเห็นว่ามีคนมารับอาจารย์กันตพลกลับบ้าน รถเก๋งสีดำ ปกติรถของอาจารย์กันตพลเป็นรถเก๋งสีบอนด์

         “บีมให้พี่ไปส่งไปไหม พี่จะกลับบ้านเลย ม๊าพี่เขาไม่ค่อยดีวันนี้ พี่ว่าจะพาไปหาหมอก่อนวันหยุดยาวน่ะ” อาจารย์กันตพลเดินกลับมาถามผม เพื่อนๆ พากันเชียร์ ให้ผมพยักหน้า

      “เออ ผมว่า พี่กันรีบกลับไปหาม๊าพี่ดีกว่า ผมกลับกับไอ้ฟิล์มดีกว่าเพราะว่าฟิล์มมันเอารถมาวันนี้และมันก็จะไปหาพี่สาวมันอ่ะพี่กัน” ผมพูดเลี่ยง ผมเกรงใจอาจารย์กันตพลเขา

      “ถ้าอย่างนั้นก็ได้” อาจารย์กันตพลพูด ผมหันมามองเพื่อนๆ ผม พวกนี้พยายามจะให้ผมไปกับอาจารย์กันตภณให้ได้

      (อาจารย์เขาอยากไปส่งมึงอ่ะ มึงจะเล่นตัวทำไม) ใบชาพูด ผมสั่นหัวทันทีเพราะว่าผมเจอมากกว่าที่พวกมันเจอซะอีก

      “ว่างเมื่อไหร่บอกพี่ด้วยน่ะจะพาไปเลี้ยงข้าวและเลี้ยงทุกคนด้วยเพราะว่าดีใจที่ลูกศิษย์ของพี่จะได้เกียรตินิยมแม้จะอันดับที่สอง ถือว่าฉลองล่วงหน้าเลยน่ะ” อาจารย์กันตพลพูด ขณะนั้นผมหันไปเห็น สาวสวยตัวท๊อปของมหาวิทยาลัย เธอชื่อแพรวา พ่อเธอเป็นคนมีตำแหน่งใหญ่โต เป็นรัฐมนตรี เธอเป็นดาวมหาลัยด้วย สวยสง่าแต่แปลกที่ว่าไม่มีใครในมหาวิทยาลัยจีบเธอสักคน

      “สวัสดีค่ะ เจ๊กกัน “แพรวาเรียกอาจารย์กันตพลว่าเจ๊ก ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าแปลว่าอะไร ฟิล์มพ่อมันเป็นคนจีนมันเลยบอกผมว่า เจ๊กคือน้องของพ่อแต่ว่าแพรวาไม่ใช่คนในครอบครัวของอาจารย์ตพลเลยด้วยซ้ำ

      “จะกลับแล้วเหรอแพรวา” อาจารย์กันตพลถามเธอ

      “ค่ะเจ๊ก วันนี้แพรวาจะไปหาพี่เธียรวิชญ์ค่ะ”

      “เธียรบินกลับมาเหรอ เจ๊กไม่หยักรู้” อาจารย์กันตพลถามแพรวา

      “ไม่แปลกนี่ค่ะแต่ถ้าแพรวาไม่รู้ นี่แปลกค่ะเพราะว่าแพรวาคือคนพิเศษของพี่เธียรค่ะเจ๊ก” แพรวาเธอพูด

      “งั้นแพรวาไปก่อนนะคะ คิดถึงพี่เธียรค่ะ” เธอพูดก่อนจะรีบเดินเชิงชายไปด้วยความมั่นใจพร้อมกับเพื่อนสาวอีกสองคนแต่ว่าพวกผมน่ะได้ยินนางนินทาแพรวาลับหลังที่ห้องน้ำประจำ

      “บีม มึงไปกับอาจารย์กันได้ไหม กูต้องแวะไปซื้อของให้พี่ฟ้าวะ กูลืม” ฟิล์มบอกผม ผมหันมามองหน้ามัน ทุกคนก็พยักหน้าขับไล่ผมกันหมดทั้งแก๊ง ผมนี่มองเพื่อนๆ ผมตอนแรกผมก็บอกอาจารย์แกไปแล้วว่าจะไปกับไอ้ฟิล์มมัน แผนพวกนี้แน่ๆ อาจารย์กันตภณหันมามองหน้าผมและเพื่อนผมสลับไปมา

      “งั้นพี่ไปส่งเองบีม “อาจารย์กันตพลพูดตัดบทแทน ผมก็ต้องไปกับอาจารย์กันตพลจนได้ใช่ไหมเนี๊ยะ ผมนี่อยากจะเคกกระบาลเพื่อนๆ ผมจริงๆ พ่อสื่อแม่สื่อกันทั้งแก๊งเลย ผมเดินตามอาจารย์กันตพลไปที่ลานจอดรถ ที่จอดเอาไว้ รถหรูของอาจารย์กันตพลจอดอยู่ที่ตรงโซนที่เขาให้เฉพาะอาจารย์เข้ามาจอด

      “อาจารย์กันตพลค่ะ จะพาลูกศิษย์ไปไหนเหรอคะ “จู่ๆ ก็มีเสียงทักทายอาจารย์กันตพล ตอนที่เขาเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง ผมนี้ไม่อยากไปเพราะแบบนี้ไง ไม่อยากทำให้อาจารย์กันตพลเสียชื่อเสียงเพราะผมเลย

      “ผมจะกลับบ้านน่ะครับและผมก็จะพาบีมเขาไปส่งบ้านเท่านั้นเองครับ คุณเปรมสินีย์ “อาจารย์กันตพลตอบ ผมก้าวเข้าไปในรถเรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอไม่ชอบหน้าผมเอาซะเลย อาจารย์เปรมสินีย์อะไรเนี๊ยะ ผมนั่งนิ่งรออาจารย์กันตพลในรถ เขายืนคุยกันอยู่ สีหน้าเรียบเฉย ไม่นานอาจารย์กันตพลก็เดินเข้ามาทำหน้าที่คนขับรถ เขาหันมามองหน้าผมแว๊ปหนึ่งก่อนจะออกรถ ผมหันไปก็ยังเจออาจารย์เปรมสินีย์ ยืนกอดอกมองผมกับอาจารย์กันตพล จนรถของอาจารย์ขับพ้นออกไป

      “แม่มาหาบ้างหรือเปล่าบีม” อาจารย์กันตพลถามผม

      “ช่วงนี้แม่ไม่ค่อยว่างนะครับอาจารย์ แม่ต้องดูแลแฟนแม่เพราะว่าเขาผ่าตัดนะครับ” ผมพูด

      “เรียกพี่ดีกว่า ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในคลาส เรียกพี่กัน นะครับ” อาจารย์กันตพลบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ

      Rrrrr จู่ๆ มือถืออาจารย์กันตพลก็มีสายเข้า อาจารย์รับสายผ่านบลูทูธที่อาจารย์แหนบเอาไว้ที่หลังหูของเขา

      (ครับเฮีย อะไรน่ะครับ ไม่ได้ไปที่บ้านน่ะเมื่อวาน ทำไมละเฮีย ทะเลาะกับเฮียเหรอ ไม่น่ะ ผมก็ไปนอนที่บ้านก็ไม่เจอ คงไปค้างกับเพื่อนหรือเปล่าเฮีย ผมไม่ได้ไปไหนเฮี่ยผมอยู่บ้านตลอดเลยเพราะว่าช่วงนี้ ม๊าเริ่มสับสน เวลากินเวลานอน ผมทราบครับเฮีย นี่ผมจะพาไปหาหมอเพราะว่าภีมเขาไม่อยู่เขาจะไปเที่ยวปีใหม่กับครอบครัวผมเลยจะพาไปก่อน ใช่เฮียอาม่าจะไปตรวจกับหมอภีมเท่านั้น ผมเองก็ไม่รู้ทำไม ม๊าไม่ไปตรวจกับคนอื่นบ้างเลย ครับเฮีย ไม่เป็นไร ผมไปเองก็ได้ เจ้หงส์บอกว่ามีงานด่วนกับเฮียวิทย์ ครับเฮีย ได้ครับแล้วผมจะโทรหา ครับเฮีย บาย// อาจารย์กันตพลคุยโทรศัพท์เสร็จก็วางสายและรถก็แล่นเข้าไปในคอนโดของผม คอนโดที่ดูธรรมดาไม่หรูมาก ราคาที่ใครก็เอื้อมถึงแต่ห้องพักเขาทำเอาไว้กวางมาก แม่ผมเลยตัดใจซื้อมาให้ผมอยู่

      “บีม ถ้าอยากให้พี่ช่วยอะไรบอกน่ะ พี่เต็มใจช่วย พี่ไม่อยากให้เราไปทำงานกลางคืนเลย เราน่ะมีความสามารถมากกว่านั้น พี่เสียดาย “อาจารย์กันตพลพูด ผมพยักหน้ากับความหวังดีขอบอาจารย์กันตพล แต่อาจารย์เขามีความสามารถและเป็นที่รู้จักในสังคม ผมอยากให้อาจารย์ไปเจอคนที่ดีกว่าผมมากกว่า

      “ขอบคุณนะครับพี่กัน” ผมไม่ลืมกล่าวขอบคุณ อาจารย์กันตพลพยักหน้าและผมก็รีบก้าวเท้าลงจากรถ คอนโดของผมก็มีนักศึกษา อาจารย์และเจ้าหน้าที่ที่ทำงานที่มหาวิทยาลัยพัก อาจารย์กันตภณมาส่งผมแค่ชั้นล่างผมไม่เคยชวนขึ้นไปบนห้องผมเลย อาจารย์เขาก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ห้องไหนเหมือนกัน

      ขณะที่ผมกำลังจะเดินลงจากรถหรูของอาจารย์กันตภณ ผมก็หันไปเจอสองสาว ที่เรียนคณะเดียวกันกับผมแต่คนละสาขาวิชา เขาสองคนยืนคุยกันและพยักหน้าด้วยกันพร้อมกับมองมาทางผม นั้นก็แปลว่าเขากำลังพูดถึงผมอยู่ ผมเองก็ไม่อยากสนใจ รีบเดินขึ้นห้องพักดีกว่าเพราะว่าต้องเตรียมไปทำงานแล้ว ผมทำงานที่ผับแห่งหนึ่งแต่ว่าค่าจ้างน้อยมากและผมกำลังสนใจผับที่กำลังจะเรียกผมไปทดลองงานเป็นผู้จัดการร้าน แต่น่าแปลกเขาให้ผมลองงานคืนวันส่งท้ายปีเก่าพอดี ค่าแรงที่ได้เยอะมากเลยน่ะ ผมว่าจะเอามาซื้อของขวัญให้แม่ผมสักหน่อย

      “เห็นไหม ได้เข้าเสนอชื่อเพราะแบบนี้หรือเปล่า เอาตัวเขาแลก เลยได้และไม่ใช่แค่เกรดดีอย่างเดียว แถมดันคุณหนูแพรวาตกกระป๋องไปเลย กูเห็นนางไปโวยวายกับอาจารย์เปรมสินีย์อยู่ อีนี่ก็สวยไม่มีสมองอีกคน แต่ละคนมหาวิทยาลัยนี้” ผมได้ยิน ผมหยุดชะงักเท้าก่อนจะหันมามองสองสาวที่คุยกัน เขาเบ้ปากใส่ผมทันที ผมแค่หันไปมอง ผมก็ต้องเลือกเดินต่อเพราะว่าแม่ผมเคยบอกเอาไว้ว่า อย่าลดตัวไปกัดกับหมา ดังนั้นผมก็ต้องเลือกไม่สนใจจะดีกว่า

      ผมรีบขึ้นห้องพักทันที พวกเพื่อนๆ ของผมหลายคนเตรียมตัวกลับบ้านต่างจังหวัดกัน นั้นคือมะนาวและใบชา ส่วนฟิล์มกลับไปช่วยพี่ฟ้าทำขนมเค้กตามสั่งแต่เป็กซ์ ผมไม่รู้เลย ได้ข่าวว่าทะเลาะกับแฟนชื่อไอ้โก้ เลยไม่รู้วาเป็กซ์ทำอะไรหรือเปล่าช่วงปีใหม่

      // บีม ยาที่แม่ส่งไปให้ ทานหมดหรือยัง ฮอร์โมนน่ะ ถ้ายังไม่หมด แม่จะได้ไม่ส่งไปรษณีย์ไปให้แต่เอาไปให้เองเดือนหน้า ค่าส่งมันแพง ไอ้ฟิลิปส์มันบ่นจนน่ารำคาญ// แม่ส่งข้อความหาผม ผมก็รีบเอามือถือขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าผมต้องทานทำไม

      //ยังเหลืออยู่ครับแม่// ผมส่งข้อความตอบกลับไปว่ายังไม่หมด แต่จริงๆ แล้วหมดไปแล้วเกือบสองอาทิตย์ ผมไม่อยากให้แม่ของผมทะเลาะกับแฟนใหม่เพราะผมเลยที่ต้องเสียเงินส่งของมาให้ผมที่นี้ ค่าส่งมันแพงมากแต่ผมอยากให้แม่เป็นคนบินมาหาผมมากกว่า ผมอยากเจอแม่ นี่เพื่อนของแม่ผมก็บอกว่าไปแต่งงานกับต่างชาติแล้วเลยไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กับผม เขาคือคนที่แม่ผมฝากผมเอาไว้ตั้งแต่วันที่แม่ผมบินไปอยู่กับฟิลิส์

      “กึก” ผมเตะกล่องที่ผมใส่ยาและของใส่เก็บเอาไว้ มันพลิกตะแคงออกมาทำให้ผมเห็นผ้าเช็ดหน้า ผมก้มลงหยิบผ้าเช็ดหน้า กลิ่นหอมอ่อนยังคงอยู่ แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม ผมได้มันมาตอนนั้นผมอยู่ที่สนามบิน ผมนั่งร้องไห้เพราะว่าผมยายผมเสียแต่ว่าผมก็ต้องออกมาจากที่นั่นด่วน ไอ้ฟิลิปส์ดันไปด่าคนในบ้านเขาเลยไล่ออกมาทั้งแม่ ผมและไอ้ฟิลิปส์ งานศพยายไม่ได้อยู่ และวันนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้ผม

   เขาเป็นใครผมไม่รู้ รู้แต้ว่าเขาหล่อมาก อีกคนหล่อหวานๆ ในตาสีฟ้า เขาทั้งคู่เหมือนอัลฟ่าและเบต้ามากจริงๆ ผู้ชายคนที่เหมือนอัลฟ่านั้น เขาหล่อเหมือนเจ้าชายทะเลทรายก็ว่าได้แต่ผมก็ไม่ได้เก็บรายละเอียดอะไรมากเพราะว่าวันนั้นแฟนใหม่แม่ก็อยากจะเอาผมไปด้วยให้ได้ แม่ก็ไม่อยากให้ผมไป เลยเหมือนทะเลาะกันในสนามบินและสุดท้ายเจ้าหน้าที่สนามบินเข้ามาไกล่เกลี่ยให้และขู่ไอ้ฟิลิปส์อีกว่าถ้ามีปัญหาจะโดนแบนไม่ให้เข้ามาอีก มันเลยยอม ไม่อย่างนั้นมันก็ตกเครื่องและนั้นเรียกได้ว่าผมรอดจากไอ้ฟิลิปส์มาได้ เพราะมีคนใจดีแจ้งเจ้าหน้าที่นั้นเอง

      (ตื้ดๆๆๆ) ข้อความเข้ามือถือของผม เป็นเบอร์ของเป็กซ์

      (บีม ตกลงมึงได้งานที่ผับตรงทองหล่อไหม) เป็กซ์ถามผม

      (ได้ดิ ว่าแต่มึงล่ะได้งานหรือยัง) ผมถามเป็กซ์

      (ได้แล้วทำใกล้ๆ บ้านอ่ะ ช่วงนี้แม่สุขภาพไม่ค่อยดีอ่ะ) เป็กซ์บอกผม

      (แล้วคืนนี้ล่ะ ไปทำงานหรือเปล่าบีม) เป็กซ์ถามผม

      (เออ ไปดิ แล้ววันนี้มึงไปไหน หนีกลับก่อน) ผมถามเป็กซ์

      (เออ กูมีเรื่องว่ะเลยกลับก่อน) เป็กซ์บอกผม

      (พรุ่งนี้มาหาที่คอนโดไหม มะนาวกับใบชาจะมาทำอะไรทานกันแต่ฟิล์มมันคงมาไม่ได้ มันทำงานพิเศษตลอดช่วงวันหยุดเลยอ่ะ มันทำแทนคนที่ลา) ผมบอกเป็กซ์

      (เออ ดูก่อนน่ะ ถ้าว่างจะไป) เป็กซ์บอกผม มันคงไปกับแฟนมั้นแน่ๆ

      (กูไปทำธุรกอ่นน่ะบีม เอาไว้ค่อยคุยกัน) เป็กซ์บอกผม ผมก็วางมือถือลง น่าแปลกนะทำไมช่วงนี้เหมือนเป็กซ์มันหลบหน้าผมยังไงก็ไม่รู้ แต่แฟนมันก็รู้ว่าพวกผมไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่ด้วยมั้ง

         ผมก็แต่งตั้วให้เรียบร้อย ผมเดินลงไปที่ชั้นล่าง ผมคงนั่งรถแท็กซี่ไปทำงานเพราะว่าไม่อยากขับรถคันเก่าที่แม่ซื้อเอาไว้ให้ผมใช้ ตอนนี้มันวิ่งแทบจะไม่ไหว ผมสั่นหัวเบาๆ ก่อนจะโบกมือเรียกรถแท๊กซี่และตรงไปยังผับที่ผมไปทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ ผมเคยไปเรียนชงเหล้ามาด้วย เพราะว่าถ้าเรียนมาก็หางานทำง่าย ตอนแรกผมว่าจะไปอยู่กับแม่เพื่อหางานทำช่วงปิดเทอม ที่นั่นรายได้ดีกว่าแต่แม่ก็ห้ามผมตลอด ผมตั้งใจมาผับนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วด้วย

      “มาแล้วเหรอบีม “พี่ที่ทำงานที่นั่นทักทายผม เขาหันมายิ้มให้ผม

      “ได้ข่าวว่ามาวันนี้วันสุดท้ายเหรอบีม” พี่เขาหันมาถามผมอีก ผมพยักหน้าว่าใช่

      “ได้งานที่อื่นเหรอ “พี่เขาถามผมอีก ผมพยักหน้าว่าใช่

      “ดีแล้วแหละบีม ไปก็ดีน่ะเพราะว่าที่นี้ง๊ก จ้างร้อยแต่งานน่ะเหมือนจ่ายห้าพัน ดังนั้นได้งานที่ไหนก็ไปเถอะ ขอให้โชคดีน่ะ” พี่เขาพูด

      “ขอบคุณครับพี่” ผมพูด

      “กว่าจะพูดได้ นึกว่ากลัวดอกพิกุลร่วง แต่จะว่าไป เสียงเราน่ารักดีน่ะ “พี่เขาพูดชมผม ผมก็หันไปรับออเดอร์ลูกค้าทันที ผมไม่ได้บอกพี่เขาหรอกว่าผมได้งานอะไร มันก็ไม่ได้ต่างจากเดิม งานกลางคืนเหมือนเดิมแต่แตกต่างตรงที่ผมไปเป็นผู้จัดการร้านแค่นั้นเอง

      “พี่บีม” ผมหันไปมองสาวน้อยที่อายุอ่อนกว่าผมแค่ปีเดียว น้องชื่อกิ๊ฟ เธอมาทำงานหลังเลิกเรียนเหมือนกัน

      “ว่าไงกิ๊ฟ” ผมถามกิ๊ฟ

      “พี่เขาบอกว่าพี่มาทำงานวันนี้วันสุดท้ายเหรอแล้วพี่จะไปทำงานที่ไหนอ่ะ” กิ๊ฟถามผม ผมกำลังชงเหล้าให้ลูกค้าพอดีเลย ทำคิ้วคาดปากให้เธอรอสักครู่

      (ขอบคุณนะครับ) หนุ่มหล่อที่ไหนก็ไม่รู้มารับแก้วเหล้าไปและยิ้มให้ผมด้วย ทำท่าที่เล่นหูเล่นตาใส่ผมด้วยแต่ผมน่ะไม่คิดจะหาใครช่วงนี้ เลยยิ้มแก้เขินไปอย่างนั้นก่อนจะเดินมาหากิ๊ฟ

      “พี่ได้งานผับอื่นน่ะ ทำประจำด้วย เป็นผู้จัดการร้านที่ผับเควันทูไนท์ “ผมบอกกิ๊ฟ

      “พี่บีม หนูก็ไปทำพาร์ทไทม์ที่นั่นน่ะและนี่เขาก็โทรให้หนูไปทำคืนส่งท้ายปีเก่าด้วยอ่ะ ตอนแรกจะไม่ไปแต่ว่าเขาเสนอเงินดีทีเดียวคืนเดียวได้ตั้งพันหนึ่ง เอาเลยอ่ะและเขาบอกว่าลูกค้าโคตรรวีไอพีเลย มากันเยอะคืนนั้นอ่ะ เลยอยากได้พนักงานเยอะๆ เลย” กิ๊ฟบอกผม

      “รู้จักด้วยเหรอกิ๊ฟ” ผมถามเธอ

      “รู้ซิ มีแต่คนมีตัง คนหล่อๆ ก็เยอะน่ะ” กิ๊ฟพูดยิ้มๆ ให้ผม

      “พี่น่ะสนแต่เงินค่าตอบแทน คนหล่อๆ ไม่ได้มาให้เราฟรีๆ หรอกกิ๊ฟ” ผมพูดก่อนจะหันไปมองลูกค้า

      “พี่ทำงานก่อนน่ะกิ๊ฟ” ผมบอกกิ๊ฟ

      “กิ๊ฟจะกลับแล้วอ่ะเพราะว่ามาแทนพี่เขาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง” กิ๊ฟพูด ผมพยักหน้า

      “ถ้าอย่างนั้นก็เจอกันที่ผับโน่นเลยดิ ดีด้วยจะได้ส่งท้ายปีเก่าด้วยกันกิ๊ฟเพราะว่าพี่ก็ไม่รู้จะไปไหน เพื่อนที่มีแฟนก็คงไปกับแฟนอ่ะ ส่วนบางคนก็กลับบ้านไปหาครอบครัวเขาที่ต่างจังหวัดกันหมดอ่ะ” ผมบอกกิ๊ฟ กิ๊ฟยิ้มให้ผมทันที ทำนิ้วโอเคเลย

      กิ๊ฟเคยชอบผมน่ะแต่ผมคิดว่าเธอควรจะไปหาผู้ชายที่ดีกว่าผม ผมน่ะไม่ค่อยเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป ผมรู้สึกน่ะแต่ไม่เข้าใจทั้งหมดแค่นั้นเอง ผมสังเกตดูจากแม่ของผมนี่แหละ ที่ระแวงผู้ชายคนไหนที่เข้ามาใกล้ๆ ผม เหมือนเขากลัวอะไรบางอย่างที่ผมเองไม่เคยรู้มาก่อน แต่ช่างเถอะ ผมคิดว่ายังไม่พร้อมจะสนใจเรื่องแบบนี้ ผมเลยคิดว่าหันมาทำงานเก็บเงินดีกว่า เพื่อว่าสักวันแม่จะได้มาอยู่กับผมและถ้าผมส่งตัวเองเรียนได้ มันจะดีมาก ผมเลยคิดว่าจะรับงานที่เขาเสนอให้ผมไปเป็นผู้จัดการร้านให้ได้ ผมจะได้ไม่ต้องใช้เงินไอ้ฟิลิปส์และผมก็จะจบแล้วด้วย

         TBC…
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 13:31:25 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.2ครั้งแรกก็ไม่ถูกชะตา

                    Part’s บีม     วันนแรกของการเป็นผู้จัดการร้าน ผมก็แต่งตัวให้ดูดีนิดหนึ่ง เสื้อผ้าผมที่แม่ซื้อมาให้ ยี่ห้อดีดีทั้งนั้นแต่ไม่ค่อยได้เอามาใส่ ผมหยิบมาสวมคืนนี้แหละ จะได้ดูดีภูมิฐานขึ้นมาหน่อยในฐานะที่ผมจะเป็นผู้จัดการร้านของผับที่กิ๊ฟบอกว่ามีแต่ไฮโซโก้หรูมากัน ผมเองก็รอข้อความจากแม่ที่บอกผมว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจมาหาผมก็ได้แต่ว่าไม่มีเลย

               Rrrr มีสายโทรเข้ามือถือของผม ผมหันไปหยิบมาดู เป็นเบอร์ของอาจารย์กันตภณ ผมเหลือบไปมองเวลายังพอมีเวลาคุยกัน ผมกดรับสายทันทีเพื่อว่าอาจารย์จะมีเรื่องด่วน

               // บีม วันนี้ไปเที่ยวไหนหรือเปล่า// อาจารย์กันตภณถามผม

               // ผมไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนครับเพราะว่าผมทำงานคืนนี้ครับพี่กัน// ผมบอกอาจารย์กันตภณ

               // คืนนี้ควรจะไปเที่ยวกับเพื่อนถึงจะถูกน่ะบีม// อาจารย์กันตภณพูด

               //ไม่ดีกว่าครับ ช่วงนี้แม่ผมมีปัญหากับแฟนเขาอยู่เรื่องส่งเงินให้ผม ดังนั้นผมทำงานดีกว่าครับพี่กัน// ผมพูด

               // พี่กันไปเที่ยวไหนเหรอครับ// ผมถามอาจารย์กันตภณ

               // พี่มาเที่ยวกับครอบครัวที่เขาใหญ่น่ะ พาม๊ามาพักผ่อนบ้านพักตากอากาศที่พี่ชายพี่ซื้อเอาไว้ ตอนนี้กำลังสร้าง เหมือนรีสอร์ตน่ะ จะพาเพื่อนมาเที่ยวบ้างก็ได้น่ะ บอกพี่ พี่พามา” อาจารย์กันตภณพูด

               //เอาไว้สอบเสร็จก่อนดีกว่าครับ //ผมพูด

               ( อากัน ลื้อโทรหาไอ้สีเทียนสีมันไปไหนของม่าน!!)

               // เสียงม๊าของพี่แน่ๆ เลย ผมว่าพี่ไปคุยกับม๊าพี่ก่อนดีกว่าครับ ผมกำลังจะเตรียมตัวไปทำงานนะครับพี่กัน// ผมบอกอาจารย์กันตภณ 

               //บีม… ไปทำงานระวังด้วยน่ะ พี่เป็นห่วง เจอกันวันเปิดเรียนน่ะ ขึ้นมาหาพี่ด้วยน่ะ พี่มีอะไรจะให้ดู//อาจารย์กันตภณบอกผม ทำไมผมแอบใจหายแปลกๆ

               // ครับพี่กัน// ผมพูด

               //พี่กัน…// ผมเรียกชื่ออาจารย์กันตภณ

               //ครับ// พี่เขารีบขานรับผมทันที

               // สวัสดีปีใหม่นะครับ ผมกลัวว่าผมจะยุ่งจนผมไม่ได้บอกสวัสดีปีใหม่นะครับ// ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

               // สวัสดีปีใหม่เช่นกันนะครับ พี่อยากบอกบีมคนแรก พี่ว่าพี่ชอบบีม//อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที

               // ผมขอบคุณนะครับที่พี่รู้สึกดีกับผมแต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากคิดเรื่องอื่น ผมอยากเรียนให้จบก่อนนะครับพี่กัน ผมเรียนจบแล้วเราค่อยว่ากันอีกทีเรื่องนั้นน่ะครับ // ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

               // ผมไปเตรียมตัวก่อนนะครับ พี่จะได้ดูแลม๊า บายครับ// ผมพูดก่อนวางสายไปจากพี่กัน ผมหันไปมองรอบๆห้อง ตอนนี้ผมอยู่ในห้องครัว ผมเก็บล้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมหันไปมองรูปถ่ายที่ผมมีเป็นรูปเดียวที่ผมได้มา รูปของแด้ดผม ผมหันหลังจะไปเตรียมตัวแต่จู่ๆก็มีข้อความเข้ามือถือของผม ผมเดินไปหยิบมาดู เป็นข้อความจากเพื่อนรักของผมเอง

               // บีมวันนี้มึงไปทำงานที่ผับใหม่ใช่ไหม เข้างานกี่โมงและเลิกกี่โมง// เป็กซ์ส่งข้อความหาผม

               //ใช่แล้วเป็กซ์ กูกำลังจะไปแล้ว // ผมส่งข้อความบอกเป็กซ์

               // เมื่อวานมึงก็ไม่มาอ่ะ ไปไหนของมึงน่ะ//ผมส่งข้อความไปบอกเป็กซ์

               // ช่วงนี้เรื่องเยอะว่ะบีมขอโทษนะบีม ที่กูเป็นเพื่อนที่ไม่ดีของมึง//เป็กซ์พูดแปลกๆ

               //เฮ้ย! กูว่ามึงแค่นิดเดียวเองและกูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซะหน่อย// ผมบอกเป็กซ์

               // เออ เอาไว้กูไปหามึงที่ห้องพักน่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ กูไปทำงานในผับตรงรัชดาว่ะคืนนี้ วางๆเรามาเจอกันบ้างน่ะบีม กูคิดถึงมึงว่ะ//ไอ้เป็กซ์มันส่งข้อความหาผม ช่วงนี้มันแปลกไปจริงๆด้วย ผมเริ่มเป็นห่วงเป็กซ์ทันที ผมรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ก็จะแต่งตัวดีนิดหนึ่งก็ผมไปเป็นผู้จัดการร้านก็ต้องดูดีกว่าทุกวันหน่อย ผมออกมามองรูปถ่ายแด้ดของผม

              “บีมไปทำงานนะแด้ด บีมอยากไปหาแด้ดแต่บีมทำไมได้ คงมีสักวันที่บีมจะบินไปหาแด้ดที่นั้น” ผมพูดกับรูปถ่ายก่อนจะปิดไฟและผมก้เดินออกมาจากห้องพักของผม วันหยุดยาวแบบนี้ที่คอนโดของผม ดูจะเงียบๆเพราะว่าต่างก็พากันกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดกัน ผมหันไปมองห้องข้างๆถัดไปสองห้อง ห้องใกล้ๆกับผมน่ะ เจ้าของเป็นคนต่างชาติมาซื้อเอาไว้แค่นั้น

              “บีมไปทำงานเหรอ”ผู้หญิงที่อยู่ข้างห้อง แฟนพี่เขาทำงานที่ต่างจังหวัด เขาต้องเลี้ยงลูกตนเดียวมาตลอด แฟนเขากลับมาอาทิตย์ละครั้ง ส่วนลูกน่ะเขาบอกไปฝากเลี้ยงเอาและมีเข้าโรงเรียนได้แล้วสองคน 

              “พี่หยุดเหรอครับ”ผมถามพี่เขา

              “พี่หยุดค่ะ แต่ว่าจะไปเที่ยว บ้านแม่แฟนพี่น่ะ เขาบอกว่าจะชวนพี่กับแฟนพี่ไปอยู่ที่นั้นค่ะ พี่เบื่อคอนโดค่ะ ลูกหลายคนไม่มีที่ให้เขาเล่นเลยบีม” พี่เขาพูดกับผม ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ ลูกเขาตั้งสามคน ผมเหลือบมองเวลา ผมก็จะสายเอาเสียแล้วซะด้วย

              “ผมต้องไปแล้วครับพี่ “ ผมบอกพี่สาวข้างห้อง เขาก็พยักหน้ากับผม ผมรีบวิ่งลงไปที่ลิฟต์ทันที ประตูลิฟต์เปิดออก มีคนใช้ลิฟต์หลายคนเลย เพราะว่าบางคนก็เริ่มแต่งตัวออกไปเที่ยวแล้ว ในวันส่งท้ายปีเก่าแบบนี้

              (ปุณณ์ กูโดนคำสั่งออกไปปฏิบัติหน้าที่แถวสถานบันเทิงว่ะ เขาไม่ให้กูไปที่นั้น เขาบอกว่าต้องรอให้เกิดเรื่องก่อน เขาไม่ให้ไปตรวจสอบปุณณ์ มึงคิดว่าคนละหน่วยกันเขาจะไม่ขิงกันเหรอวะ ก็รู้ว่าเขามีสิทธิ์ เขาจะให้เข้าไปอย่างนั้นเหรอ เออ กูรอแสตนบายหากมีอะไรจะได้เข้าไป ไม่ไกล ใกล้ๆแถวนี้แหละ… ที่ผับ…)

              “อึบ” จู่ๆก็มีคนดันผมออกมาก่อนแต่โชคดีที่ประตูลิฟต์เปิดพอดี เขาขอโทษผมและรีบเดินออกไป และผมก็ต้องเลือกเดินออกไปเพราะว่าผมอาจจะสายได้ ผมเดินไปถึงด้านหน้าก็รีบโบกมือเรียกรถแท็คซี่ทันที เพื่อจะไปที่ผับทีผมจะไปทำงานเป็นผู้จัดการร้านที่นั้น ครั้งแรกที่ผมได้ไปที่นั้น แต่อย่างน้อยก็มีน้องทีผมรู้จักไปทำที่นั้นด้วยวันนี้

              “ไปไหนครับ” พี่คนขับรถแท็กซี่ถามผม

              “ไปที่ผับเคทูไนท์ ทองหล่อครับ”ผมบอกเขา เขาก็พยักหน้า ผมเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่ ผับนี่อยู่ไกลไปจากที่พักผมสักหน่อย ไม่แน่ถ้าผมคิดว่างานดีผมอาจจะบอกแม่ว่าผมจะไปหาห้องพักอยู่ คอนโดนี้แม่จะขายไป ผมเองก็ไม่อยากอยุ่ที่นี้แล้วเหมือนกันและถ้าเพื่อนผมจบก็คงต่างไปทำงาน ไม่รู้จะได้มาเจอกันไหม ดังนั้นผมจะใช้เวลาปีที่เหลือกับเพื่อนๆของผมให้มากที่สุด

              “ถึงแล้วน้อง” พี่เขาบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะก้าวเท้าลงมา

                           ผับที่ผมเห็นตรงหน้า เออหรูจริงๆด้วย  ผมเดาว่าน่าจะเป็นแบบไพรเวทผับมากกว่า คือต้องมีเมมเบอร์การ์ดถึงจะเข้าไปได้ ผมเองก็ได้บัตรผ่านจากอิมเมลที่ส่งมาให้ ว่าให้ผมปรินซ์และหาป้านที่แขวนคอมาเอง ผมก็จัดการทำตามทันที ผมสวมป้ายเอาไว้ว่า ผู้จัดการร้าน

              “สวัดดีครับพี่ ผมมาฝึกงานผู้จัดการร้านนะครับ” ผมบอกพี่เขา พี่เขาหรี่ตามองป้ายของผม

               “ผู้จัดการเหรอ มาแทนเขาเหรอ” พี่เขาถามผม ผมก็ทำหน้างงเลยซิครับ

          “ ไอ้นั้นมันก็พึ่งเข้าไปน่ะ ไอ้ผู้จัดการคนเก่าน่ะ ว่าแต่เรามาเป็นคนใหม่เหรอ” พี่เขาถามผม

          “ครับ ผมมาเป็นคนใหม่แต่พี่คนเก่าเขาต้องสอนงานผมก่อนนะครับ” ผมบอกพี่เขา เขาก็พยักหน้าและให้ผมเดินเข้าไปได้ ผมเข้าไปด้านใน ค่อข้างมืดตอนแรก ผมเห็นมีหลายโซนมาก ผมเดินวนดูแล้ว มีแบ่งแยกเข้าไปด้านในด้วย น่าจะวีไอพีมากๆ ผมมองไปรอบๆเพื่อสำรวจก่อนจะหันมาเจอกับใครสักคนที่ยืนรออยู่แล้ว

          “น้องใช่คนที่มาทดลองงานเป็นผู้จัดการร้านหรือเปล่า” พี่เขาถามผม สีหน้าเอาเรื่องเหมือนกัน
 
          “ใช่ครับพี่” ผมพูด

          “ที่ชื่อนายกันต์ธีร์ แสนหาญใช่ไหม” พี่เขาถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ แสนหาญเป็นนามสกุลของแม่ผม เป็นชื่อในบัตรประชาชนของผม ผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมไม่ตรงกันแต่ผมก็ไม่ได้ใช้พาสสปอร์ตมานานแล้ว พาสสปอร์ตประเทศอังกฤษ แม่ผมต่อให้ทุกสิบปี

            “ไปเตรียมตัวที่ห้องนั้นน่ะและป้ายน่ะยังไม่ต้องห้อยหรอกครับน้องเพราะว่าน้องยังแค่มาทดลองทำงานวันนี้ ไม่ได้มาทำแทนพี่เลยและเพื่อไม่อยากทำต่อว่ะ หึๆ” พี่เขาพูดกับผมห้วนๆแถมยังหัวเราะผมอีก  ผมพยักหน้า เพราะว่าผมเองก็พึ่งจะมาถึง ผมเดินตามไปยังที่พี่เขาบอกผม เป็นห้องพักพนักงาน ผมตรงไปเก็บทุกอย่างใส่ลิ้นชักเพื่อจะได้ออกไปเรียนรู้งานทันที

           “พี่บีม” จู่ๆก็มีคนมาเรียกผม กิ๊ฟจริงๆด้วย

           “พี่บีมมาทำงานตำแหน่งอะไรอ่ะ”กิ๊ฟเธอถามผม

             “ผู้จัดการร้าน” ผมพูด

              “แล้วคนเก่าละพี่”กิ๊ฟถามผมก่อนจะมองไปที่คนเก่าที่ยืนสั่งงานอยู่

                “ไม่รู้อ่ะแต่เขาจ้างพี่มาแบบนี้น่ะ”ผมพูด

              “สงสัยมันโดนไล่ออกแน่ๆ มันชอบมาสายและมันก็ชอบชิ่งหนีเวลาเกิดเรื่องอ่ะพี่ แล้วพอโดนเจ้าของด่ามันโบ้ยไปทั่ว ทุกคนเอื่อมระอากันหมดพี่ “กิ๊ฟบอกผม ผมพยักหน้าว่าคงจะใช่  ถ้าพี่ได้เป็นผู้จัดการทีนี้ กิ๊ฟมาทำทุกวันเลยน่ะ”กิ๊ฟบอกผม ผมก็มองน้องเขา น้องเขาเรียนอยู่โรงเรียนอาชีวะ น่าจะปวสปีสองแล้ว

             “ช่วงนี้กิ๊ฟเก็บตังจะไปทำนม” กิ๊ฟกระซิบกับผม ผมหันมามอง น่าจริงๆ

             “เฮ้ย!! ตรงไปไหม” ผมถามกิ๊ฟ

               “ไม่ตรงไปหรอก บางที่กิ๊ฟก็คิดว่าพี่คือเพื่อนสาวน่ะ” กิ๊ฟพูด  ผมหันไปมอง ผมก็พอจะมีความแมนหลงเหลือบ้างน่ะ

               “ล้อเล่นน่ะพี่!” กิ๊ฟพูด

                “ว่าเราเถอะจะไปทำ ทำไม นี้ก็สวยอยู่แล้ว “ผมบอกกิ๊ฟ ผมก็ยอมรับว่าเธออกเล็กจริงๆ

                  “อยากอึมๆอ่ะ “กิ๊ฟพูด

                “น่าจริงๆ พี่ไม่พูดกับเราแล้วจะไปทำงานแล้ว ก่อนที่ไอ้ผู้จัดการจะไม่ยอมสอนงานพี่ งานจะเข้าเอา” ผมบอกกิ๊ฟ กิ๊ฟพยักหน้า เธอคงทำหน้าที่เด็กเสิร์ฟคืนนี้ ผมเดินออกไปยังห้องโถง วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เขาตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม เริ่มมีแขกเข้ามาแล้ว ผมว่าน่าแปลกตรงที่แขกน่ะ ดูมีอายุแล้วและน่าจะเป็นระดับเสี่ยเลยด้วยมั้ง

               “บีม” ผมสะดุ้งทันทีที่มีคนเข้ามาทักผม

               “เดินดูน่ะ คุยกับแขกด้วย แขกไม่พอใจอะไรก็แก้ปัญหาไปและถ้าแขกเขาชวนดื่มก็นิดนึงน่ะ มันคือมารยาทเข้าใจไหมบีม” พี่เขาพูด ผมหันไปมองพี่เขา

             “เข้าใจไหม!” พี่เขาถามผม ผมพยักหน้าว่าเข้าใจ

               “อ้ออีกเรื่องน่ะบีม มันจะมีห้องพักสำหรับแขกเมมเบอร์โกลด์ ห้ามเข้าไปเด็ดขาดแต่ว่าเราไม่มีบัตรพนักงานดังนั้นเข้าไปไม่ได้อยู่ดี ไม่เช่นนั้นจะโดนทำโทษหนักน่ะ เจ้าของเขาเคร่งเรื่องนี้มาก” ผู้จัดการคนนั้นบอกผม ผมพยักหน้าและเดินไปสำรวจโต๊ะที่มารอกันแล้ว ช่วงแรกนี้น่าจะเป็นดีเจมาเปิดแผ่นก่อนเพื่อความสนุก

   

   
******

               Part’s เธียรวิชญ์  ผมชื่อเธียรวิชญ์ เดชาวชิรภังกุลชร หนุ่มหล่อลูกชายคนเล็กของเกริก เดชาวชิรภังกุลชร เจ้าของโรงเรียนเจ้าของโรงเรียนสามภาษา โรงเรียนชิรภังกุลชรวิทยา มีทั้งหมดห้าสาขา ในเขตกรุงเทพสามและชานเมืองสองที่ เธียรวิชญ์เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เขาเป็นลูกคนเล็ก ที่ยักงรักสนุก ส่วนตัวเขาไม่ชอบงานบริหารเอาซะเลย เลยยังรักสนุกไปวันวัน เธียรวิชญ์มีพี่น้องทั้งหมดสี่คน เขาเป็นคนที่สี่ เฮียคนโตคือธีหรือธีรภพ คนที่สองเฮียธาม(แต่เธียรวิชญ์คิดว่าเจ๊มากกว่าเฮีย) คนที่สามที่สาม ชื่อเฮียธันแก่กว่าเธียรวิชญ์แค่ปีเดียว วัยที่ใกล้กันและชอบอะไรที่เหมือนกัน

             วันนี้ก็เป็นวันเคาดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เธียรวิชญ์แอบบินกลับมาไทยและเขาได้นัดเพื่อนแก๊งไฮโซมารวมตัวกันเพื่อจะฉลองส่งท้ายปีเก่าด้วยกันที่ผับแห่งหนึ่งแถวทองหล่อ ผับนี้ต้องเป็นเมมเบอร์เท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ ผับที่มีแต่คนมีเงินและส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองและบุคคลในเครื่องแบบ ผับนี้มีบางสิ่งที่ซ้อนอยู่การค้ามนุษย์แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาตรวจสอบ ส่วนพวกเธียรวิชญ์เขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนแค่อยากมาลองของใหม่กันเท่านั้น

       “ไอ้เธียร ทางนี้ว่ะ”เธียรวิชญ์เขาเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับสาวสวยชื่อว่าแพรวา เธอควงแขนเขาเพื่อแสดงถึงว่าชายคนนี้มีเจ้าของแล้ว แพรวาเธอมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากและเธอก็ยังมั่นใจอีกว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เธียรต้องแต่งงานด้วย เหตุเพราะว่าอากงของเธอกับอากงของเธียรที่เคยพูดเอาไว้ว่าจะให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน แต่ทั้งคู่ก็เด็กมาก เธียรวิชญ์ไม่ได้คิดอะไรแต่แพรวาเธอยังจำฝังใจว่า ผู้ชายที่จะมาเป็นคู่ครองของเธอต้องเป็นเธียรวิชญ์คนเดียวเท่านั้น และประจวบเหมาะว่าเธอเป็นคนที่เด็กที่สุด พ่อแม่เลยมักจะขอให้เธียรวิชญ์ตามใจเธอให้เขาหน่อย โดยไม่ได้คิดถึงผลกระทบในวันข้างหน้าสักนิด เช่นวันนี้ เขาก็ต้องลากเธอมาด้วย แม้จะไม่อยากก็ตาม

 

            “น้องแพรวา บังคับไอ้เธียรมาเหรอครับดูหน้ามันซิครับ” ไปส์ หรือว่าพิเชษฐ์ เป็นลูกนายห้างทองที่มีสาขามากมายเป็นที่เลื่องลือและมีชื่อเสียงอยู่ในตลาดทองคำ ไปส์ไม่ใช่คนเจ้าชู้แต่ไม่ยอมมีแฟนสักที ไปส์เรียนจบวิศวคอมพิวเตอร์มาแต่ค่อนข้างจะขัดกับทางบ้านแต่ไปส์ก็นำความรู้มาช่วยงานในทางการตลาดให้ป๊าและม๊าเขาได้เป็นอย่างดี ไปส์มีน้องชายชื่อปาร์ค ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่หก กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไปส์เป็นคนนิ่งแต่เวลาของขึ้น พี่แกโหดแบบสายวิศวะ(ไปส์เป็นหลานรหัสพี่กอล์ฟ เรื่องอุบัติเหตุจนได้รัก)

           “พี่เธียรค่ะ ยิ้มหน่อยซิค่ะ แพรวาไม่ชอบให้พี่ทำหน้าบึ้งแบบนี้ เวลาเดินกับแพรวานะคะ และทุกคนก็ต่างพากันเข้าใจว่าแพรวาบังคับพี่มากันหมดแล้วนะคะ ยิ้มหน่อยซิคะ” แพรวาพูดพร้อมกับช้อนตาขึ้นมองผม ผมแค่ปรายตาลงมองเธอแว๊ปหนึ่ง

          “อืมม” ผมรีบฉีกยิ้มให้กับแพรวาทันที

         “พอไหมครับน้องแพรวา” ผมถามแพรวาเหมือนประชดแต่ก็ประชดจริงๆ เพราะว่าผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับทำโน่นทำนี้ แต่ที่ต้องยอมแพรวาเพราะความรำคาญมากกว่า วันนี้เธียรวิชญ์เขามาเที่ยวพร้อมกับอารมณ์น้อยใจและเสียใจ เขาโดนป๊าบ่นเรื่องที่เขายังเรียนไม่จบปริญญาโทสักทีทั้งที่เข้าไปปีที่สามแล้ว ใช่เขายื้อเวลาเพราะว่าเขาไม่อยากกลับมาบริหารงานโรงเรียนของป๊าเขาและที่เขาโดนเพราะว่าเขาหนีกลับมาเที่ยว

                 “เออ ไอ้เธียร ไอ้ไปส์มันเจอเด็กน่ารักว่ะ ไม่รู้ว่าทอมหรือเปล่า มันอยากขอมานั่งด้วยว่ะ"ไอ้ราเชนเพื่อนคู่หูอีกคนที่เจ้าชู้ ราเชนทร์เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าสัวพิทักษ์ เขาเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเละทั่วโลก มีโรงงานผลิตอาหารทะเลแปรรูป ส่งออกหลายที่ ราเชนทร์เป็นเพื่อนในแกงคนเดียวที่มีแฟนแล้ว ชื่อนินา เป็นลูกเจ้าสัวเหมือนกัน เป็นเจ้าของเรือขนส่งสินค้าไปประเทศต่างๆ

       “แพรวาอยากเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มค่ะ ห้ามไปผู้หญิงที่ไหนมานั่งค่ะ พี่ราเชนทร์ ไม่งั้นแพรวาไม่ยอม!!!” แพรวาพูดขึ้น ผมหันไปมอง และเพื่อนๆ ผมก็ต้องเกาหัวกันหมด แพรวาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมากจนไม่ฟังใคร ทุกคนหันมามองทางผม ให้ผมเป็นคนจัดการ ผมยิ่งเซ้งๆอยู่

                “แพรวาครับ พี่บอกแล้วว่าไงครับก่อนจะมาว่าพวกพี่มาหาความสุขกัน อย่าทำให้เสียบรรยากาศซิครับ ถ้าอยากจะมากับพวกพี่อีก ก็ทำตัวให้น่ารักหน่อยได้ไหมครับ พี่ขอละ “ผมหันไปปรามแพรวา มีแค่ผมที่บอกเธอได้ พ่อเธอถึงได้ปล่อยเธอมากับผมแบบนี้

       “ก็…”แพรวาทำท่าจะค้าน ผมหันไปมองเธออีกครั้ง

       “ถ้าแพรวายังทำแบบนี้ พี่จะให้ลุงธรรมรัตน์มารับแพรวากลับบ้านนะคะ เพราะว่าวันนี้พี่อยากให้เพื่อนๆของพี่มีความสุขกันส่งท้ายปีเก่า นะคะแพรวา” ผมพูดเธอหันมามองหน้าผม ทำหน้าคุ้นเคืองแต่ก็ยอม

       “ก็ได้ค่ะ…แต่ห้ามมาเกาะแกะพี่เธียรนะคะ ไม่อย่างนั้น…”แพรวาพูด

       “แพรวาไม่ยอม!!”เพื่อนๆของผมพร้อมใจกันพูดแทนเธอ ผมหันไปมองพวกมันและชูนิ้วกลางทันที ผมอยากให้แพรวามันยืนสงบ ไปกวนเธอทำไม

               “น้องแพรวาครับไ ม่ต้องห่วงนะครับ คนที่พี่จะพามาเป็นเด็กผู้ชายครับผม น้องแพรวาเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มแน่นอน และไอ้เธียรมันก็ไม่เค้ย ไม่เคย ผ่านผู้ชาย มีแต่ผู้หญิงล้วนๆ เพราะว่ามันชอบ นมใหญ่มหึมาครับ “ไอ้ณัฐ หรือไฮโซณัฐ ณัฐภูมิ พ่อเป็นผู้พิพากษาและแม่ก็มีร้านเพชร ที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของเอเชีย   แต่มันเล่นพูดแบบนี้ แพรวาที่ก้มลงมองของตัวเอง ผมยอมรับว่าเธอเล็กมากจริงๆ

       “พี่ณัฐ ว่าของแพรวาเล็กเหรอคะ” นั้นผมกุมขมับทันที ผมหันไปทางไอ้ณัฐ ผมทำนิ้วให้มันรูดซิปปาก

       “พี่ไม่ได้ว่าแพรวา…. เล็ก…”ไอ้ณัฐมันพูดแต่ก็ยังทำให้คิดอยู่ดี

       “พอแล้วมึง นั้นไอ้ผู้จัดการมาแล้ว ให้มันไปลากน้องน่ารักของไอ้ไปส์มาเร็ว” ไอ้พีช หรือพิชยุตม์ เป็นลูกชายคนเล็กเช่นเดียวกันแต่ว่ามันมีพี่ชายและพี่สาว เป็นเจ้าของโรงงานที่ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้ารายใหญ่ ส่งออกไปยังต่างประเทศ

       “สวัสดีครับคุณลูกค้า มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” คนที่ไอ้พีชมันควักมือเรียกก็เดินตรงมาทันที ผมเห็นป้ายผู้จัดการร้าน

              “พวกผมอยากให้เชิญน้องที่เดินอยู่นั้นน่ะ มานั่งชงเหล้าให้พวกผมที ผมจ่ายหนัก ” ไอ้พีชมันบอกผู้จัดการร้านไป เขาหันไปมองตามมือไอ้พีช

       “เพื่อนผมเขาอยากให้น้องคนนั้นมาชงเหล้าให้และนั่งคุยด้วยหน่อย ได้ไหมครับ คุณผู้จัดการ ผมนี้เมมเบอร์การ์ดนะครับ ถ้าไม่ได้นี้ ผมฟ้องเจ้าของเลยน่ะ ผมรู้จักด้วย พี่กฤษณ์อ่ะ” ไอ้พีชมันพูด ไม่พูดเปล่า มันโอบไหลผู้จัดการร้านด้วย ดึงเข้ามากระซิบกระซาบอะไรสักอย่าง ไอ้ไปส์มันหันไปมองคนที่มันเล็งเอาไว้ ผมก็แค่ชะเง้อมองแต่ก็เห็นไม่ชัด ไอ้ไปส์มันก็มองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าตามสบายเลย ผมเองก็ดื่มเหล่าผสมแก้เซ้ง ไม่เซ้งได้ไหง โดนพ่อเม้งทันทีที่เจอหน้า ก็ผมไม่ชอบงานบริหาร แถมยังให้เรียนสายที่ผมไม่ชอบอีกต่างหากแต่ก็เรียนได้ ถามว่าเก่งไหม ไม่เลยแค่ผ่าน ผมต่างจากพี่ๆที่เรียนจบปริญญาและได้เกรดดีกันทุกคน ผมเลยโดนหนักที่สุด แถมผมยังหนีกลับมาเพื่อมาเจอเพื่อนอีก โดนอีกเช่นกัน ป๊าบอกว่าให้ผมกลับไปเรียนให้จบภายในปีนี้

       “พี่เธียร ถ่ายรูปคู่กับแพรวาหน่อยซิ “แพรวาพูด ผมหันไปมองเธอ

           “ไม่เอาอ่ะ ยิ่งโดนป๊าบ่นมาแพรวาและถ้าแพรวาถ่ายไปลงโซเชียวมีเดียอีก พี่ก็โดนอีก พี่ขอล่ะ” ผมพูดกับเธอ แพรวาหน้างอขึ้นมาทันที

        “ไอ้เธียร มึงจะรีบเมาเหรอวะ รอก่อนดิ นี้รอน้องน่ารักของไอ้ไปส์ชงเหล้าให้ก่อนค่อยเมา” ไอ้ราเชนบอกผม มันแย้งแก้วเหล้าผมไปทันที

           “มาแล้วครับ น้องเขาชื่อน้องบีมนะครับ น้องเขาจะดูแลคุณลูกค้าอย่างดีครับ “ผู้จัดการร้านแนะนำเด็กที่พามา ผมเองก็ไม่สนใจผู้ชายอยู่แล้วเลยไม่ได้หันไปมอง

           “บีม เดี๋ยวชงเหล้าให้พี่ๆ เขาน่ะ เอ็นเตอเทรนโต๊ะนี้โต๊ะเดียวพอไม่ต้องไปดูแลแขกโต๊ะอื่นๆน่ะ อย่าให้เขาร้องเรียนล่ะ ไม่อย่างนั้นงานเข้าและเสร็จแล้ว ค่อยไปหาลูกค้าด้านใน เขายังมาไม่ถึง ในห้องวีไอพี เข้าใจไหม” ผู้จัดการร้านบอกเด็กที่มายืนแบบกล้าๆ กลัวๆ ผมหันมองหน้าเขา ทรงผมรากไทร เด็กคนนี้ทำสีหน้ากังวลแต่ผู้จัดการคนนั้นก็รีบเดินออกไปซะก่อน

           “ไม่ต้องกลัวพวกพี่ครับ “ไอ้ราเชนมันหันไปบอกน้อง น้องเขาก็เข้ามาทำหน้าที่ชงเหล้าให้พวกผม ตัวเล็ก กะทัดรัด ทรงผมรากไทรเหมือนทอมมากกว่า

          “ว่าแต่น้องเป็นทอมหรือเปล่าเนี๊ยะ ดูหน้าหวานๆ” ไอ้ราเชนยิงคำถามก่อนจะหันไปยักคิ้วกับไอ้ไปส์คนที่สนใจน้องเขา

            “ไม่ใช่ครับ “น้องเขาตอบเสียงเรียบๆก่อนส่งแก้วเหล้ามาให้ราเชนและชงแก้วต่อไป

       “ชงได้ละมุนมาก จบด้านนี้มาเหรอครับน้องครับ” ไอ้ราเชนมันชมน้องเขาทันที ไอ้นี้ปากหวานและสาวนี้ติดมันทันทีแต่ว่ามันก็ทำได้แค่นั้นแหละ เพราะแฟนมันดุ

           “พี่เธียรค่ะ แพรวาอยากได้ คอกเทลอีกสักแก้วนะคะ เดินไปเป็นเพื่อนแพรวาหน่อยได้ไหมคะ” แพรวาหันมาอ้อนผมทันที เกาะแขนทำตาปิ้งๆใส่ผมด้วย

            “เออ น้องแพรวาครับ พี่มึนๆ แล้วอ่ะ น้องเดินไปคนเดียวได้ไหมคะ และมันก็ไม่ไกลด้วย” ผมบอกแพรวา เธอหันมาชักสีหน้าใส่ผม ผมก็มองเธอว่ายังไง

              “ก็ได้ค่ะ ไปคนเดียวก็ได้ พี่เธียรอ่ะ” แพรวาพูดด้วยน้ำเสียงเง้างอนผม แต่เธอก็ไม่กล้างอนผมนานเพราะว่าผมไม่เคยง้อ มีแต่เธอเท่านั้นที่ง้อผม แพรวาเดินเชิดชายออกไป ถึงเธอจะเล็กกระทัดรัดแต่ว่ารูปร่างของเธอก็เป็นที่หมายตาของผู้ชายหลายคนแต่ยกเว้นผม ก็เห็นมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ

          “ไม่หึงหรือไงว่ะมึง” ไอ้ราเชนเพื่อนผมมันกระซิบถามผม ผมหันมาส่ายหัวไปมา ว่าไม่หึงอ่ะ ให้ไปไกลสักพักก็ดีแล้วบ้าง

   
            “น้องชงให้พี่เธียรด้วยซิครับ” เพื่อนผมส่งแก้วเปล่าให้น้องเขาเอาไปชง ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู มีข้อความจากคู่ขาประจำ สาวผมทองน้องเอมมิลี่

      //I really miss you, when you back call me, please // เธอส่งข้อความหาผม

      //No worried I will call you straight away when I get back//ผมส่งข้อความหาเธอทันที ผมยอมรับว่าสาวๆพวกนี้ลีลาเด็ด น้องเอมมิลี่นี้ก็เคยโดนแพรวาตบมาแล้วแต่ว่าผมแซ่บไง นางเลยติดใจ ผมรีบเก็บมือถือใส่กระเป๋าก่อนทีแพรวาจะกลับมาและอาระวาด ถ้าเห็นว่าผมคุยกับเธออีก ทั้งที่ไม่ใช่แฟน เพราะเหตุนี้ด้วย ผมเลยไม่อยากกลับมาไทยแต่ว่าติดเพื่อน

            “เหล้าครับ” ผมได้ยินเสียงคนกระซิบ ผมหันมาทันทีและมันคงเร็วไปหน่อย เลยทำให้อกของผมชนเข้าอย่างจังกับแก้วเหล้าแล้วนั้น ได้ผลมันราดลงที่หน้าอกของผมทันที ใช่ครับเสื้อผ้า ราคาแพง แบรด์เนมทั้งนั้น ผมถึงกลับหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเช่นกัน ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนทำหน้าตกใจ

           “ผะ ผม ขอโทษครับพี่ “น้องเขารีบจะเอาผ้าอะไรมาเช็ดให้ผมก็ไม่รู้ ผมรีบสะบัดออก

            “ไม่ต้อง ผ้าอะไรก็ไม่รู้มาเช็ด” ผมพูดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินหันหลังออก พร้อมกับส่ายหัวให้ความซุ่มซ่ามของเด็กนั้น เสื้อผ้าหรูยี่ห้อดังของผมแถมแบรนด์เนมทั้งตัวที่ผมสวมมา กลับต้องมาเลอะเพราะความซุ่มซ่ามของนายนั้น ผมเดินไปในห้องน้ำไปซับและทำความสะอาดและก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะ และสิ่งที่ผมเห็นคือพวกมันกำลังมอมเหล้าเด็กคนที่ให้มาชงเหล้าให้ ผมก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ผมเห็นว่ามันวุ่นวายกับเด็กนี้ ผมเลยหยิบแก้วแชมเปญของที่วางอยู่ติดมือออกไป

          “พี่ผมไม่กินแล้วครับ ผมยังไม่เลิกงานนะครับพี่ พอแล้วพี่ “น้องเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูก็รู้ว่าเมาแล้ว

               “อะไรวะคออ่อนว่ะ นี่แค่ไม่กี่แก้วเอง อีกหน่อย” ผมก็มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นแพรวา ไม่รู้ว่าไปไหน

          “แพรวาไปไหนวะ” ผมถามเพื่อนๆของผม

              “เจอเพื่อนสมัยเรียนและนางก็หัวเสียหามึงไม่เจออีก เลยเดินออกไปยืนคุยกับเขาตรงโน้นน่ะ” ไอ้ราเชนบอกผมพร้อมกับชี้นิ้วไป ผมก็พยักหน้า

              “กูมึนว่ะ กูขอไปนอนพักก่อนได้ไหมว่ะ พวกมึงคงอีกยาวว่ะ” ผมพูดพวกเพื่อนๆของผม ไอ้ราเชนมันพยักหน้ากับผมและ เพื่อนผมมันบอกว่าที่มีห้องสำหรับเมมเบอร์เข้าไปนั่งพักยกได้ พักยกของบางคนคือพาสาวไปอิบอิบได้ด้วยว่างั้น แต่ตอนนี้ผมอยากไปนอนคิดที่ป๊าพูด ถ้าผมเรียนไม่จบสักที่จะยกส่วนของผมคืนเจ๊กกัน ผมก็อยากให้เป็นเช่นนั้นน่ะ ไม่อยากทำอ่ะ ดีเลยจะได้ไม่ต้องกลับเลย เที่ยวสนุกไปเลยแต่อาม่าซิ จะให้ผมเหรอ ผมก็คิดถึงอาม่าน่ะ



   TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 19:32:01 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.2.1 ครั้งแรกกับคนแปลกหน้า  NC

                    Part’ s เธียรวิชญ์ ผมก็หันไปหยิบเอาเมมเบอร์การ์ดมาเพื่อจะไปเปิดห้องพัก ถ้าไม่มีเมอเบอร์การ์ดก็เข้าไปด้านในไม่ได้และพวกผมมีแค่ใบเดียว แพรวาไม่มี อย่างน้อยผมคงแอบเข้าไปพักหูได้สักพัก น้องเอาแต่ใจจนผมเองก็รำคาญแต่ว่าน้องไม่สนไม่แคร์โลกผมเลยต้องปล่อยน้องไป เอาที่น้องเขาสบายใจแล้วกัน ผมคิดว่ากลับไปก็จะไปเลื่อนเที่ยวบิน บินกลับก่อนดีกว่า ยังอยากพักที่นี้สักพัก ผมหยักไหล่ให้ไอ้ไปส์ดูท่าคืนนี้มันคงได้น้องเขาสมใจ ดูท่าทางอ่อนปั๊วเปี๊ยะไปแล้ว ผมเลือกเดินเข้าไปด้านในดีกว่า ผมไม่ได้มองว่าเด็กคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงแต่ได้ยินพวกนี้ พยายามป้อนเหล้าให้น้องเขาน่าดู น่ารักหรือเปล่าผมก็ไม่รู้หรอก

            “ปึก” ผมชนกับใครสักคนที่สวมหมวกอำพรางใบหน้า

             “ขอโทษครับพี่” ผมเริ่มหัวเสียแต่ว่าไอ้คนนั้นหันมาขอโทษ ผมเลยโบกมือให้ไปและทำท่านะหันหลังเดินไปต่อ

                 (นั้นเพื่อนผม ผมไม่อยากทำแล้ว… เออ… ก็ได้…. แต่ว่าขอเมโมรีการ์ดคืนด้วย ก็ได้ ให้ไปที่ห้องไหนน่ะ) ผมได้ยินเสียงคนนั้นคุยโทรศัพท์ค่อข้างดัง ผมแค่หันไปมองไม่สนใจอะไร ตอนนี้อยากไปให้ถึงห้องพัก เพื่อจะได้นั่งจิบแชมเปญรอพวกนั้น

                 ในผับนี้ค่อนข้างหรู มีห้องพักเตรียมเอาไว้สำหรับแขกวีไอพีที่อยากไปพักยก ผมเปิดทีวีดู มีเตียงที่รูปวงกลม ผมก็หยิบแก้วแชมเปญขึ้นมาดื่มจนหมด ผมก็เอนตัวเพื่อจะพักสายตาสักพัก เวลาผ่านไปสักยี่สิบนาที ผมเริ่มรู้สึกแปลก ร้อนรุ่มในอก ร้อนจนผมต้องปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก แอร์ก็เปิดจนเย็นแต่ผมก็ยังร้อนอยู่ ผมเริ่มเอะใจเพราะว่าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ร้อนจนผมเริ่มนั่งไม่ติด ผมลุกขึ้นยืน ผมมองไปรอบๆภาพในห้องเริ่มจะเบลอๆ และกายผมมันร้อนมากเหมือนมีไฟมาสุมอยู่ในอกผมและตรงแกนกายของผมก็เริ่มปวดหนึบ

      ผมรู้แล้วแหละว่าผมกำลังโดนยาปลุกเซ็กซ์แน่นอน ผมเริ่มจะไม่ไหว ผมรีบเปิดประตูออกไปเพื่อไปหาเพื่อนผมแต่ว่า ห้องที่ผมเข้ามามันอยู่ลึกด้านในสุด ผมยืนมองใครสักคนที่เดินเลาะกำแพงมา ที่หน้าตาคุ้นเขาเดินมาตามกำแพง จนมาหยุดที่หน้าห้องผมและก็ใช้ฝ่ามือแตะที่แผ่นอกผมทันที

      “ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย คุณ ผมไม่รู้ว่าผมโดนอะไรมา” ผมก็มองคนที่ยืนตรงหน้าผม ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ กระดุมเสื้อที่ถูกปลดลมาจนเผยให้เห็นหน้าอก แบนๆ แต่ว่ามันกำลังปลุกเร้าความเป็นชายของผมให้ยิ่งผงาด ผมมองพร้อมกลับกลืนน้ำลายไปด้วย ส่วนคนที่ยืนก็เริ่มลูบไล้ตามลำตัวผมไปมา ตอนนี้ต่อให้ไม่เคยชอบแบบนี้ ผมก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะว่าผมเองก็ทนไม่ไหวเช่นกัน

    “หมับ” เขามากอดเข้าที่ลำตัวผมแบบนี้

          “ช่วยผมด้วย” เสียงกระเซ้าที่ฟังแล้วเชื้อเชิญเธียรวิชญ์มากกว่า

          “ได้แต่นายต้องช่วยฉันก่อน” ผมพูดก่อนจะดึงรั้งร่างนั้นเข้าไปในห้อง ผมล๊อกประตูทันที พอร่างนั้นเข้าอยู่ในห้อง เขายืนหมุนและกวาดมองไปรอบๆ ห้อง ผมเองก็เริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ผมเข้าไปกอดคนตรงหน้าจากด้านหลัง

            “อ้าห์ “เสียงครางออกมาเบาๆ ขณะที่ผมใช้ปลายจมูกโด่งรั้นของผมฝังลงไปที่ซอกคอขาวๆ นั้น มือที่ลูบไล้ไปตามหน้าท้องนั้น มันทำให้คนที่ผมกอดจากด้านหลังหายใจถี่ขั้น

            “อ้าห์ อืมมม” ผมเริ่มผลักร่างนั้นลงไปที่เตียงและรีบปลดกระดุมเสื้อผ้าคนที่นอนดิ้นส่ายไปมาอยู่บนเตี่ยง ผมเริ่มถอดมันออกไปชิ้นต่อชิ้นจนหมดสิ้น

             “ช่วยผมด้วย”

             “ก็นี่ไง จะช่วยให้ ก็หันก้นมาซิ คนอะไรหุ่นบอบบางขนาดนี้ ผิวก็สวยซะด้วย แก้ขัดได้อยู่น่ะ” ผมพูดเชิงออกคำสั่งกับคนนอนดิ้นไปมา เอามือลูบคลำเรือนร่างตัวเองไปด้วย ผมใช้มือลูบไล้เช่นกัน ผิวพรรณ์เนียนราวกับสตรีก็ไม่ปราณ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ผิวสวยขนาดนี้ ผมกลืนน้ำลายลงคอ ผมก็จับเขาให้พลิกมาอยู่ในท่าด็อกกี้ และผมก็ก้มลงมองแกนกายของผมมันชี้ตรงมากและมันก็ปวดระบบมากด้วย ไม่ได้ระบายนี้ตอนนี้ผมคงไม่ไหวแน่ๆ ผมก็ขึ้นไปนั่งคุกเข่าพร้อมกับหันซ้ายหันขวา ไม่มีเจลด้วยซิ

             “พี่ครับ ช่วยผมด้วย” ยังร้องเชื้อเชิญผมอีก

             “อย่าเร่งดิว่ะ กำลังช่วยอยู่” ผมพูดและมองหาไม่มีอะไรเลย เอาไงดีว่ะ ถุงยางก็ไม่มี ไม่น่าจะซวยหรอกว่ะเธียรเอ๊ย ผมก็ใช้น้ำลายผมนี้เป็นตัวช่วย ขยะแขยงหน่อยแต่ตอนนี้เธียรวิชญ์หนุ่มที่สำอางที่สุดของบ้านต้องยอมเพราะว่าน้องชายเธียรวิชญ์มันจะระเบิดแล้ว

            “พี่ใส่ถุงให้ผมด้วย เพราะว่าผมอาจจะ…. ท้อง!!” น้องเขาบอกว่าอาจจะท้อง ผมก็ก้มลงมอง มันมีงวงสั้นๆ ออกมาผมขนาดนั้น ผู้ชายที่ไหนจะท้องว่ะผมคิดในใจ ผมก็จับสะโพกนั้นให้นิ่งที่สุด

             “ซี้ด” สะดุ้งสุดตัวทันทีที่ผมจ่อสิ่งนั้นที่ปากทาง มันคับแคบมากจนยากจะดันแต่ว่ามันยิ่งทำให้ผมอยากมากขึ้น

            “ไม่มีหรอกถุงน่ะ ใครจะไปเดินหาว่ะ มาเร็ว ไม่ไหวแล้ว” ผมพูดและตัดการค่อยๆ ดันเข้าไป
 
           “โอ๊ย!!!! ผมเจ็บอ่ะ”

           “ก็ทนหน่อยซิ อยากไม่ใช่เหรอ อย่าต่อรองมากเดี๋ยวให้ไปร้องครางที่อื่นเลยนิ” ผมพูดก่อนจะค่อยๆ ดันเข้าไป เสียงเล็บจิกลงที่บนผ้าปูที่นอนลากยาวขณะที่ผมกำลังสวนแกนกายที่แข็งปังเข้าไปอย่างอยากลำบาก

           “เข้ายากจังว่ะ “ผมบ่นแต่ก็พยายามดันเข้าไปเรื่อยๆ จน

          “อ๊าก!!!!” ผมเองที่ร้องออกมาดังๆ เพราะว่ามันแคบมาและบีบรัดแท่งร้อนของผมจนแน่น แถมตอบรับอย่างดี มันรู้สึกดีว่าตอนที่ผมไปมีอะไรกับสาวๆ อีก แน่ล่ะผู้หญิงพวกนั้น ผ่านสมรภูมิมาไม่รู้เท่าไหร่แล้วมั้งแต่ว่าเธียรไม่เคยพลาดที่จะไม่สวมถุง มีแค่ครั้งนี้

           “โอ๊ย!!!! พี่ครับ ผมเจ็บ อ่ะครับ เอาออกเถอะครับ ได้โปรด ผมเจ็บพี่ ฮือๆ ”

           “ไม่ทันแล้ว ใกล้จะเสร็จแล้ว” ผมพูดบอกคนผมกำลังกดอยู่ด้านหลัง มือก็จับสะโพกยืดเอาไว้และผมก็เริ่มเด้งสวนใส่ไปแบบไม่บันยะบันยัง ร่างคนที่ผมจับโก้งโค้งก้นโด่งอยู่ เด้งโยกไปมา ตามแรงกระแทกของผม

           “โอ๊ย โอ๊ยย พี่ ผมเจ็บอ่ะครับ พี่ครับ ผมเจ็บ”

          “ไม่นานหรอกน่ะ จะเสร็จแล้ว ก็ดันมาช่วงนี้พอดี ซวยไป” ผมพูดและผมก็เริ่มเด้งสวนแบบรัวๆ จนกระทั่งแกนกายผมเริ่มกะตุ๊กและน้ำรักก็พุ้งกระชูด มันเยอะมากจริงๆ จนทะลักไหล่ย้อยลงมาตามหน้าขาคนที่ผมมีอะไรด้วย ผมก้มลงมองให้ชัดเจน เฮ้ยย นี้ผมมีอะไรกับใครก็ไม่รู้ มันเป็นใครชื่ออะไรก็ยังไม่รู้เลย ผมรีบถอนเจ้าโลกของผมออกทันที ก่อนจะก้าวถอยหลังลงมายืนมองคนที่ผมเพิ่งจะกระหน่ำแท่งไปไม่ยั้งจนสำเร็จความใคร่ไป เขานอนแผ่อยู่บนเตียง เพราะว่าผมมีอะไรกับใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักมาก่อนด้วย นี่มันคือการข่มขืนชัดๆ เลย เวรแล้วไอ้เธียรเอ๊ย!! ผมหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ตอนนี้ผมเริ่มได้สติ

          “ทำไมพี่ไม่ใส่ถุงอ่ะพี่ ผมอาจจะท้อง พี่….” ร่างคนนั้นหันมาพูดกลับผมทั้งที่อ่อนเพลียจนลืมตาแทบจะไม่ขึ้นแถมยังบอกว่าตัวเองอาจจะท้อง ผมว่าบ้าไปแล้วแน่ๆ มึงเป็นผู้ชายน่ะโว้ย ผมคิดในใจ

        ก๊อกๆเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องที่ผมเข้ามาพักอยู่ ผมรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่แบบลวกๆ ก่อนจะเดินออกไปเปิด เพื่อนๆ ของผมเดินมาหาผมพร้อมกับก้มลงมองสภาพเสื้อผ้าของผม ผมยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองก่อนจะชี้ไปที่เตียงที่อยู่กลางห้อง

          “ไอ้เธียร มึงมาอยู่ห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ไอ้พีชมันถามผม

           “กูมาพัก และแม่งใครใส่ยาในแก้วแชมเปญว่ะ “ผมถามไอ้พีชไอ้พีชมันหันไปมองหน้าไปสไปส์ทันที

          “ใคร!!!” ผมตะคอกถามทั้งคู่

           “กูใส่เอง และกูกะว่าจะให้น้องที่มาชงเหล้าดื่มแต่ดันมีคนมือดีหยิบมาและกูไม่คิดว่าจะเป็นมึงว่ะ” ไอ้พีชมันพูด พวกเพื่อนๆ ของผมมันเดินเข้ามาด้านใน ผมปิดประตูลง พวกมันเดินมามอง น้องคนนั้นผล๋อยหลับไปแล้ว ดูจากสภาพไม่ต้องบอกก็รู้ว่า น้องผ่านอะไรมา ใช่ผมมีอะไรกับเด็กคนนี้ ผมนี้กุมขมับเลย ตายแน่เธียร ป๊าเอาผมตายแน่ๆ ผมหันไปมองเพื่อนๆ ของผม

          “ไปเถอะว่ะ ก่อนนะที่จะมีใครมาเห็น มึงงานเข้าแน่ๆ และพ่อมึงเอาตายแน่ ไอ้เธียร” เพื่อนรักของผมพูด

ผมก็เดินมาดู เห็นเด็กคนนั้นนอนอยู่ ผมหยิบเอาเสื้อสูทที่ผมสวมทับมาคลุมร่างนั้นเอาไว้ ก่อนจะหยิบแบ่งพันออกมาห้าใบและว่างเอาไว้ข้างๆ แต่กลัวว่าจะไม่พอ เลยหยิบเอาแหวนทองที่สลักชื่อและตัวย่อนามสกุลผมเอาไว้ให้หนึ่งวง วงนี้ก็ราคาเกือบแสนได้แล้ว จะไม่ให้ก็ไม่ได้ ไม่มีอะไรติดมือมาเลย และราคาหลักแสนจิ๊บๆ แค่บอกม๊าผมว่าผมทำหายแค่นี้ม๊าก็ซื้อให้ผมใหม่แล้ว
          (ทั้งที่มันเป็นแหวนวงศ์ตระกูลแท้ๆ ตอนนั้นเธียรวิชญ์ไม่ได้คิด ลืมคิด)

          “โทษทีน่ะ นายดันซวยเอง” ผมพูดก่อนจะเดินไปหยิบทุกอย่างมือถือและกุญแจรถคันหรู ผมเดินออกไปกับเพื่อนๆ ผม ผมเห็นแพรวายืนหน้ามุ้ย กอดอกอยู่ ผมหันไปมองเพื่อนๆ ผม

            “อย่าบอกเรื่องนี้กับแพรวาน่ะมึง กูไม่อยากนั่งตอบคำถามปัญญาอ่อนและนางคงได้โวยวายจนป๊ากูรู้ ม๊ากูน่ะไม่เท่าไหร่ พี่กูก็คงเฉยๆ แต่ป๊ากูเนี๊ยะ เอาเรื่องแน่ๆ เพราะว่าป๊ากูเคร่งเรื่องพวกนี้มาก มันส่งผลกระทบกับหน้าที่การงานของป๊ากูโดยตรง” ผมบอกเพื่อนๆ ของผม พวกมันพยักหน้า ไอ้ณัฐมันเดินเข้ามาหาพวกผม ด้วยหน้าตาตื่น

            “กูว่าผับนี้งานเข้าว่ะ มีใครก็ไม่รู้ เหมือนหน่วยรบพิเศษแต่ว่ามาแบบนอกเครื่องแบบว่ะ เขาบอกว่ามาจับคนร้ายข้ามชาติว่ะ เรารีบออกเถอะวะ “ไอ้ณัฐพูด ผมหันมามองหน้ากัน

            “มีเรื่องอะไรที่กูพลาดไปหรือเปล่าวะ” ไอ้ณัฐมันถามขึ้น

           “ไปเล่าทีหลัง ตอนนี้รีบออก่อนเถอะวะ” ราเชนทร์พูด ผมเดินมาถึงโต๊ะที่แพรวายืนหน้ามุ้ยอยู่

            “พี่ไปไหนมาคะพี่เธียร!!!” แพรวาถามผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ ผมนี่ต้องเอานิ้วแคะหู เธอจะปรี้ดเสียงดังใส่หูผมทำไมหนักหนาก็ไม่รู้

            “พี่ไปนอนพักมาคะ พี่มึนหัวแต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แพรวาจะกลับเลยไหมคะ พี่จะได้ขับไปส่งที่บ้านค่ะ” " ผมบอกแพรวา

            “ทำไมรีบกลับละพี่เธียร” แพรวาถามผมประมาณว่าไม่อยากกลับ

           “กลับเถอะ พี่ต้องเตรียมบินกลับไปเรียนครับเลย” ผมพูดกับแพรวา ผมคิดว่าที่ว่าจะเปลี่ยนวันเดินทาง คงไม่แล้วแหละ

           “เธียร มึงกลับไปเรียนเลยเหรอวะ” ราเชนถามผม ผมหันมาพยักหน้าว่าใช่

           “กูต้องบินเลยเพราะว่าป๊ากูสั่ง “ผมพูด แต่ล่ะคนพยักหน้าแต่ว่าแพรวามองผมด้วยสีหน้าไม่อยากให้ผมไป ผมเห็นหน้าตาเง่างอนของเธอแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้แต่ว่าผมก็รู้สึกแค่น้องสาวจริงๆ ผมเองก็ไม่มีน้องสาวด้วย แต่แพรวาซิ ไม่ได้คิดแค่นั้นกับผม

            “อะไรกันพี่เธียร พี่จะรีบกลับทำไมคะ” แพรวาเดินเข้ามาประชิดผมทำหน้าออดอ้อน ทำท่าจะกอดผมแต่ว่าผมก็ดันเธอออกทันที

             “แพรวาอย่า” ผมพูดห้ามเธอเอาไว้

            “ทำไมละคะ พี่เธียรเป็นของแพรวา แพรวามีสิทธิ์กอดคนเดียว” แพรวาพูด

            “พี่เมาครับ เดี๋ยวพี่ก็ได้อาเจียนเลอะเราหรอก” ผมพูด แพรวามองหน้าผมก่อนจะถอยออกไปให้ผม

           “แพรวาพี่ต้องกลับไปเรียนนะครับ” ผมบอกกับเธอ

            “แพรวาอยากย้ายไปเรียนที่นั่นกับพี่เธียรอ่ะ แต่ป๊าไม่ยอม” แพรวาพูด

            “ก็เรียนที่นี้ให้จบปริญญาตรีซะก่อนซิคะ และพี่ก็จบแล้วปีหน้านี่เองนะคะ และพี่ก็คงต้องกลับมาอยู่ที่นี้อยู่ดี” ผมบอกแพรวา เธอหันมามองผมแววตาเป็นประกาย เหมือนเธอซ้อนอะไรบางอย่างเอาไว้ แต่ผมหันมามองเพื่อนๆ ของผม ก่อนจะพยักพเยิดให้พากันออกไปดีกว่า ก่อนที่น้องคนนั้นจะฟื้นขึ้นมาและออกมาตามหาคนร้ายนั้นคือผมเอง

            “ถ้าแพรวาเรียนจบที่นี้ พี่ให้รางวัลแพรวาได้ไหมคะ “แพรวาถามผม ผมหันไปมองเริ่มวุ่นวายด้านในแล้ว เพื่อนผมมันก็พยักหน้าว่าให้พากันออกได้แล้ว

           “โอเคแพรวา ถ้าแพรวาได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งหรือสอง พี่ให้” ผมพูดตัดความรำคาญไป แต่ละคนสะบัดหน้ามามองหน้าผม ผมพยักหน้าว่ามันยากไง เลยเสนอให้ แต่ละคนพยักหน้า แต่แพรวากลับยิ้มให้ผมซะนี่

           “แพรวาค่ะ ไปกันดีกว่าค่ะ พ่อแม่น้องจะโทรตามเอานะคะ” ผมบอกกับแพรวาและดันเธอออก แพรวาเธอก็ยังหน้ามุ้ยอีกครั้งก่อนจะยอมเดินตามผมออกไปแต่ว่าเธอต้องควงแขนผมไปด้วย ผ่านโต๊ะสาวๆ ที่มองผม เธอก็เบ้ปากใส่ ผมยอมรับว่าเธอสวยแต่นิสัยเธอไม่น่ารัก สมกับหน้าตาเท่านั้นเอง ทำให้ใครๆ ต่อใครเบือนหน้าหนี และทุกคนรู้จักเธอกันหมดว่าเธอคือลูกสาวคนเดียวของรัฐมนตรีชื่อดัง แม่เธอก็เป็นถึงคุณหญิง แน่นอนไม่มีใครอยากเข้ามาขัดขาด้วย เลยพากันหันกลับกันเป็นแถว ผมเองก็มึนมากแล้วด้วย

            “ไอ้เธียร กูขับให้ กูดื่มไม่เยอะ” ไอ้ณัฐหันมาบอกผม ผมพยักหน้าดีเลยมีไอ้ณัฐไปด้วยกันแพรวาให้ผมได้ แพรวาหันมามองหน้าไอ้ณัฐทันที

           “ก็ไอ้เธียรมันเมาน้องแพรวา” ไอ้ณัฐมันพูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วยน่ะ เธอถึงได้ทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่แต่ก็ต้องยอมเดินออกไปและขึ้นไปนั่งด้านหลังทันที ส่วนผมเข้าไปนั่งข้างคนขับ ไอ้ณัฐไปบอกไอ้พีชและไอ้ไปส์ ไอ้ราเชนว่าให้ขับตามไปเพื่อจะไปรับมันกลับไปบ้านด้วย ส่วนผมน่ะ คงกลับไปนอนบ้านเจ๊กกัน หรืออาจารย์กันตพล มีคนเดียวที่ไม่บ่นผม แต่ก็โดนป๊าผมบ่นแทนตลอด เพราะว่ารักหลานมาก



******


             Part’ s กันต์ธีร์ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา หนังตามันหนักอึ้งไปหมด นี้ผมเป็นอะไรไป ผมค่อยๆ นึกว่าผมทำอะไรบ้าง เท่าที่ผมพอจะจำได้คือผมดื่มกับแขกโต๊ะที่ผมไปชงเหล้าให้ ตอนแรกผมก็บอกว่าผมไม่ใช่เด็กชงเหล้า เขาก็ไม่เชื่อและสุดท้ายเขาก็พยายามมอมเหล้าผม ผมเลยบอกว่าผมไม่ไหวแล้วขอตัวไปห้องน้ำก่อนและคิดว่าผมคงไม่ไหวแล้วผมจะกลับบ้านเลย ผมเดินไปจนชนใครสักคน เขาถามอะไรสักอย่างแต่ผมจำไม่ได้และนั้นผมจำไม่ได้อีกเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมแต่ที่นี้แน่ๆ ตอนนี้ผมเจ็บปวดทางด้านหลังของผม เหมือนผมนี้ไปโดนรถชนมาเลย ผมขยับขึ้นนั่ง ผมสวมเสื้อผ้าแบบลวกๆ ผมเริ่มทบทวนบางสิ่งที่ผมพอจะจำได้อีก นั้นคือมีผู้ชายมากอดผม จูบผมและเขาก็ถอดเสื้อผ้าผมออกไปและเขาก็เอาส่วนสงวนนั้นมาทำลายประตูหลังผม ใช่แล้วผมถูกข่มขืนเมื่อคืน โดยใครก็ไม่รู้ ผมหันไปมองรอบๆ ห้องที่สลัวๆ สลัว ผมคลำดู มือถือก็ยังอยู่ในกางเกงและอีกข้างก็มีบางสิ่งในกระเป๋า มันเป็นแหวนและเงินสดอีกห้าพันบาท

            “ปึก” มีคนผลักประตูเข้ามาหาผม ผมก็รีบหดขาหนี อย่าบอกน่ะว่าไอ้คนนั้นน่ะ พอแสงไฟสว่างขึ้น ปรากฏว่าเป็นผู้จัดการร้าน

           “ซวยฉิบหายเลยวันนี้ แขกวีไอพีหนีหมดแถมยังมีหน่วยรบพิเศษเข้ามาอีก ใครโทรแจ้งวะ” เสียงไอ้ผู้จัดการร้าน เขาเดินมาหยุดที่ผม

             “ไอ้นี่หรือเปล่ามาวันแรกพี่” เขาถามผม

             “ผมไม่รู้เรื่องนะพี่และนี่ผมก็โดนทำร้ายด้วย ผมอยากแจ้งความ” ผมพูดเสียงสั่นๆ

             “น้องจะแจ้งความยังไง น้องก็คงโดนด้วย ดูดิ มึงเสพยากับแขกครับ” พี่ผู้จัดการร้านพูด ผมหันไปมองรอบ ๆ มีเข็มฉีดยาและมีผงสีขาวๆ อยู่ในถ้วยด้วย

              “ดีน่ะที่หน่วยรบพิเศษมันโดนสกัดเอาไว้ก่อนให้หยุดตรวจค้น ไม่อย่างนั้นมึงโดนแน่ๆ “ไอ้พี่ผู้จัดการร้านพูด “

               “พี่แต่ผมถูกเขาทำร้าย” ผมพูด น้ำตาผมกำลังจะไหล

“เรื่องของน้องแล้วกัน “พี่เขาพูดแค่นั้น

                   “รีบออกไปซะ น้องทำให้งานพวกพี่เสีย หรือจะให้พี่ฟ้องเจ้าของผับครับน้อง เขาจะได้ฟ้องน้องกลับ และน้องคงไม่รู้ซิน่ะว่า เจ้าของที่นี้น่ะ มีแบกดี เขาเป็อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เลย สั่งฆ่าน้องได้ง่ายๆ เลย เอาไหม” พี่ผู้จัดการร้านมันพูดง่ายๆ ผมหันไปมองทุกอย่าง

“อ้าวจะรออะไร กลับดิ” ไอ้ผู้จัดการร้านพูด ผมเดินออกไป ผมค่อยๆ เดินออกไปอย่างทุลักทุเล มันเจ็บปวดไปทั้งร่างกายเลย

              “พี่ ไอ้นี่ มันใช่เด็กที่พี่คิมเขาจะเอาไปลองยาหรือเปล่าพี่” ผมได้ยินตามหลังไป

             “มึงบอกว่ามันหนีออกไปเองแล้วกันช่วงชลมุนเพราะว่าถ้าคุณคิมรู้ว่ากูให้มันไปดื่มกับแขกกูจะโดน ถ้าคุณคิมบอกว่าเด็กเขา ห้ามให้ใครยุ่งแต่นี่มันจะทำให้กูตกงานกูเลย แกล้งให้มันโดนเขามอมเหล้าแทน” ไอ้ผู้จัดการมันพูด ผมนี้เจ็บใจหนักแต่ว่าตอนนี้สภาพร่างกายผมแทบจะยืนไม่ไหว ผมค่อยเกาะกำแพงเดินออกมา จะโทรหาเพื่อนก็ไม่รู้จะบอกเพื่อนว่ายังไง จนผมเดินออกมาเจอกิ๊ฟ ยืนอยู่ เธอเข้ามาพยุงผมทันที

             “พี่บีม” กิ๊ฟเรียกผม

            “พี่บีมจะไปโรงพยาบาลไหม” กิ๊ฟถามผม

            “ไม่ดีกว่า ไปก็ไม่รู้จะตรวจเจออะไร พี่เรียนอยู่กิ๊ฟ ถ้าเจออย่างที่มันพูด พี่คงแย่แน่ๆ กิ๊ฟ “ผมบอกน้องเขา

              “งั้นกิ๊ฟพาพี่ไปส่งที่ตรงป้ายรถเมย์น่ะจะได้นั่งแท๊กซี่กลับ” กิ๊ฟบอกผม ผมพยักหน้า กิ๊ฟรีบพาผมออกไปทันที ตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสามแล้ว

               “พี่จำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่” กิ๊ฟถามผม ผมส่ายหน้าไปมา

                “กิ๊ฟก็ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กิ๊ฟเข้าไปทำความสะอาด กิ๊ฟเห็นพี่นอนอยู่ กิ๊ฟยังตกใจเลยแต่จู่ๆ ไอ้ผู้จัดการร้านก็เข้ามาไล่กิ๊ฟออกไปจากห้องอ่ะ” กิ๊ฟพูด

               “พี่เข้าไปในห้องโซนนั้นได้ยังไงอ่ะ พี่ยังไม่มีบัตรเลยน่ะ มันต้องแขกวีไอพีหรือระดับหัวหน้าถึงจะเข้าไปได้” กิ๊ฟถามผม ผมเอาแต่ส่ายหัวไปมา ผมจำอะไรไม่ได้เลย

              “แต่หลังจากแขกกลับแล้วนั่นแหละพวกที่ทำความสะอาดถึงจะเข้าไปได้” กิ๊ฟพูด ผมพยักหน้า

              “พี่รถแทคซี่มาแล้ว” กิ๊ฟบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปนั่งในรถ

             “พี่ กิ๊ฟเรียกรถที่คนขับสูงอายุหน่อย เขาคงไม่ทำอะไรพี่หรอก” กิ๊ฟบอกผม ผมพยักหน้า

             “พี่บีมกิ๊ฟต้องกลับกับแฟนอ่ะ “กิ๊ฟบอกผม

             “หนูมีแฟนแล้วแต่ก็แอบชอบพี่น่ะ” กิ๊ฟบอกผม ก่อนจะเดินไปที่ด้านหน้าเพื่อไปบอกว่าผมอยู่ที่ไหน ผมเคยบอกเธอไว้ว่าผมพักที่คอนโดไหน

              “ขอบคุณนะคะลุง พาพี่เขาไปส่งดีดีนะคะ “กิ๊ฟบอกคนขับรถให้ผม ผมก็นั่งผิงเบาะ ผมพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ทำไมผมถึงได้ไปอยู่ในห้องนั้นได้ และไอ้คนที่มันทำแบบนั้นกับผม ผมเห็นหน้ามันรางๆ ผมรู้แค่ว่ามันคือคนที่ผมไปชงเหล้าให้ ผมจำได้มันชักสีหน้าไม่พอใจใส่ผมด้วยตอนที่ผมทำเหล้าหกใส่เสื้อผ้ามัน ผมกำหมัดแน่นเลย ไอ้คนสารเลว!!

               TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 18:55:13 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.3 สิ่งที่ผมได้มาโดยไม่ตั้งใจ

              Part’ s กันต์ธีร์  Part’ s กันต์ธีร์ หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ผมเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ยอมไปไหนเลย ไม่ได้โทรหาใครเลย มีเพื่อนส่งข้อความมาหา มาสวัสดีปีใหม่แต่ผมก็ตอบกลับไป ตอบข้อความน้ำตาก็ไหล แม่ก็ไม่ได้โทรหาผมเลย ผมรู้วาแม่ยุ่งมากแต่เวลานี่ผมก็ต้องการแม่ผมมากที่สุด

               และสุดท้ายเพื่อนผมก็มาหาผมที่ห้องนั้นคือฟิล์ม ฟิล์มาดูแลผม มันคงคิดว่าผมป่วยเป็นโรคกระเพาะ นี้ก็ลงไปหาซื้ออะไรมาให้ผมทาน ผมได้แต่นั่งนึกถึงเหตุการณ์คืนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม มันนึกยังไงก็นึกไม่ออก ไม่น่าเชื่อว่าผมจะนึกอะไรไม่ออกได้ขนาดนี้ แต่ผมจำได้รางๆ ใบหน้าคมคายได้รูปนั้น มันทำให้ผมต้อบหยิบเอาแหวนกับเงินห้าพันบาทที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของผม มีคนใส่เอาไว้ให้ ผมหยิบมาดู เพ่งพิจารณา แหวนทองคำ น้ำหนักพอสมควรแต่เท่าไหร่ไม่รู้เพราะว่าผมไม่ค่อยมีแหวนแบบนี้มาสวมใส่ มันเหมือนแหวนที่สั้งทำมากกว่า แหวนทองคำพลอยเม็ดเดียว ผมก็เพ่งมองให้ดี มีชื่ออยู่ในนั้น ผมรีบเอาไปส่องที่ตรงหน้าต่างหาเพื่อแสงสว่างช่วย มันมีชื่อจริงๆ ด้วย ชื่อเธียรวิชญ์ ด. ผมก็ไม่รู้ว่าเธียรวิชญ์นี้มันชื่อหรือนามสกุลแต่ดอเด็กตัวเดียวนี้

            “เธียร ใช่โต๊ะที่ผมไปนั่งดื่มด้วยหรือเปล่าวะ “ผมถามตัวเองก่อนจะสั่นหัวไปมา นี้ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์ได้แล้วผมเองก็ไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยเลย ตอนแรกวันนี้ก็ว่าจะไปหรอกแต่ว่าตื่นมาก็อาเจียนอย่างหนัก ผมคิดว่าผมคงเครียด แต่ว่าอาการมันมีมากกว่านั้น มันคลื่นไส้ มันเวียนหัวด้วย ทานอะไรเข้าไปก็อาเจียนเกือบหมด ว่าแล้วก็มาเลย

           “ปึก” ผมรีบเก็บแหวนนั้นไปก่อน ผมวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที

            “อ้วก!!!” มาอีกแล้วหรือว่าเพราะว่าผมนึกถึงไอ้คนก่อเหตุกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ผมกอดชักโครกอีกแล้ว

           “บีม!!” ฟิล์มมันเดินลงไปซื้อของมาให้ผม บีมก็คอยมาดูแลผมอยู่ที่นี้ มะนาวกับใบชาบอกว่าจะกลับจากบ้านต่างจังหวัดวันนี้

           “มึงอาเจียนรอบที่ห้าแล้วน่ะและมันก็ไม่มีอะไรออกมาเลยมึง” บีมพูด บีมเข้ามาลูบหลังผมทันที ผมเหลียวหลังไปมองหน้าบีม

           “บีม มึงไปหาหมอเถอะ” ไอ้ฟิล์มมันบอกผม

           “กูว่า กูไม่ไปดีกว่า” ผมพูด ไอ้ฟิล์มมันก็ลูบหลังผมไปด้วย ผมเริ่มคิดที่แม่ผมบอกผมว่า ให้ทานฮอร์โมนอย่าให้ขาดและถ้าขาดก็อย่าไปมีอะไรกับใครกับโดยเฉพาะผู้ชาย ผมเองก็บอกแม่ว่าผมไม่มีเด็ดขาดแต่นี่ผม

           “อึก!!” มาอีกแล้ว แต่ว่าไม่มีอะไรออกมาจริงๆ ด้วย ผมค่อยลุกขึ้นก่อน ฟิล์มมันพยุงผมไปล้างหน้าล้างตา ผมมองฟิล์มผ่านกระจก ฟิล์มมองหน้าผมนิ่งๆ

            “มึงกลัวอะไรบีม” ฟิล์มถามผม ผมหันมามองไอ้ฟิล์ม ผมไม่รู้ว่าถ้าผมบอกมันไปแล้ว มันจะรังเกียจผมไหม ถ้ามันรู้ความจริง ความจริงที่ผมเองก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นจริงๆ หรือมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ในหัวผมตีกันยุ่งเหยิงไปหมด

           “บีม มึงมีอะไรบอกกูมาดิ กูเพื่อนมึงน่ะและมึงไม่ยอมไปหาหมอแบบนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ ” ฟิล์มพูด ผมหันมามองเพื่อนรักก่อนจะโผ่เข้าไปกอดฟิล์ม น้ำตาผมมันไหลออกมาทั้งที่ผมพยายามจะเข้มแข็งแล้วแต่ทำไม่ได้

            “กูกลัวกูอาจจะท้องได้กูเลยไม่กล้าว่ะ ไม่กล้าไปหาหมอวะฟิล์ม” ผมหันไปพูดกับฟิล์ม

           “เฮ้ยย!!” ฟิล์มมันร้องตกใจเสียงหลงพร้อมกับดันผมออกทันที

           “มึงพูดเล่นใช่ไหมบีม” ฟิล์มพูด

          “ไม่ได้พูดเล่น พ่อกูเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาเป็นคนตัดต่อพันธุกรรมและเขาอาจจะทำกับกู กูรู้ว่ามัน มัน …” ผมพูดผมร้องไห้ออกมาอีกที ฟิล์มที่มองผม

           “หมับ” ฟิล์มมันดึงผมเข้าไปกอด

           “กูไม่คิดว่ากูจะซวยแบบนี้เลยฟิล์ม ที่ผ่านมากูก็ป้องกันตัวเอง แต่ แต่ ฮือๆ ไอ้เชี้ย ไอ้เชี้ยนั้นอ่ะ มันข่มขืนกูอ่ะฟิล์ม กูแม่งโดนผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มันทำแบบนี้กับกูอ่ะ ฮึกๆ ” ผมพพูดไปร้องไห้ไปด้วย

          “มึงมั่นใจเหรอวะว่ามึงท้องบีม” ฟิล์มถามผม

           “กูก็ไม่ค่อยมั่นใจแต่อาการมันใช่ว่ะ” ผมพูด

          “มึงไปถามอากู๋มาใช่ไหม” ไอ้ฟิล์มมันถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน

          “ใครวะ” ผมถามฟิล์มกลับ มันก็เกาหัวทันที

         “กูเกิลอ่ะ มึงไปเสิร์ชหามาจากกูเกิลใช่ไหมเลยคิดว่ามึงท้องแน่ๆ” ไอ้ฟิล์มมันพูด ผมพยักหน้าว่าใช่

         “ไหนมึงเล่าอาการมาดิ” ไอ้ฟิล์มมันถามผม

          “ก็คลื้นไส้ อยากอาเจียนแต่ไม่อาเจียน มันผอืดผอมอ่ะ บางที่ก็เวียนหัวบ้าง ช่วงนี้อยากบ้วนน้ำลายตลอดเวลา แถมยัง…” ผมพูด ไอ้ฟิล์มมันมองหน้าผม

           “อะไร” ฟิล์มถามผม

          “กูรู้สึกตึงๆ มันเหมือนคัดหน้าอกวะ” ผมพูด ไอ้ฟิล์มมันก็มองหน้าอกผมทันที ผมรีบเอามือปิด

           “มึงไม่มีหน้าอกไอ้บีม” ฟิล์มพูด

          “แต่กูรู้สึกอ่ะ” ผมพูด

         “เอาอย่างนี้มึงไปตรวจดูให้ดีดีก่อนบีม” ฟิล์มถามผม

         “ไปตรวจที่ไหนละ ใครเขาจะตรวจให้กูฟิล์ม” ผมถามฟิล์ม

         “เพื่อนอาจารย์กันตพลไง ที่เป็นหมออ่ะ” ฟิล์มแนะนำผม ผมก็รีบสั่นหัวไปมาทันที

        “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวอาจารย์กันก็รู้อ่ะดิ” ผมพูด ผมยิ่งไม่กล้าสู่หน้าเขาอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าเขาจะรังเกียจผมไหมถ้ารู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายปกติทั่วไป ผมนั่งกอดเข่า นึกอะไรไม่ออกเลย

        “งั้นไปตรวจโรงพยาบาลดิ “ฟิล์มบอกผม

        “แต่…” ผมพูด

         “เฮ้ยมีผู้ชายข้ามเพศเขาไปตรวจกัน มึงก็เนียนๆ ไป ลองตรวจดูก่อน บางทีมึงอาจจะแค่เครียดก็ได้บีม” ฟิล์มบอกผม ผมก็เงยหน้ามองหน้ามัน

         “แต่ถ้าใช่ มึงก็ต้องได้รับการดูแลที่ดี พี่ฟ้ากูน่ะตอนท้องลูกสาวเขาน่ะ แพ้ท้องหนักมาก อาเจียนหนักมาก ต้องไปเอายามาทาน กูเป็นห่วงมึง อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกมึงนะ ต่อให้พ่อมันเชี้ยแค่ไหนแต่เด็กก็เป็นลูกของมึง” ฟิล์มพูด ผมก็ก็มลงมองพุงของผม ผมยังไม่ได้คุยกับแม่เลย ไม่กล้าถามด้วย ว่าผมจะมีโอกาสกี่เปอร์เซนต์ที่จะท้องได้อย่างที่แม่เคยพูดเอาไว้

         “บีม” ฟิล์มเรียกผม ผมพยักหน้าเอาว่ะเป็นไงเป็นกัน “ผมลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปโรงพยาบาลตามที่ฟิล์มแนะนำ



            (กูจะพาบีมไปโรงพยาบาล อะไรน่ะ อาจารย์กันตพลอยากจะมาหามัน เออ บอกไปว่าไอ้บีมยังไม่กลับ มันไปเยี่ยมยายมัน กูรู้ว่ายายมันเสียไปนานแล้ว แต่อาจารย์แกไม่รู้ไม่ใช่เหรอ บอกไปแบบนั้นแหละ เออๆ แค่นี่น่ะ กูจะออกไปแล้ว มึงจะมาก็มา เออ ๆ บาย) ฟิล์มโทรศัพท์คุยกับใครสักคน

           “ใบชามันโทรมาหามึงอ่ะ มันบอกว่าอาจารย์กันตพลจะมาหามึงแต่พวกกูโกหกอาจารย์ไปว่ามึงไปเยี่ยมยายมึงว่ะ” ฟิล์มพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน

            “กูรู้ว่ายายมึงเสียไปแล้วและมึงยังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับอาจารย์กันตพลใช่ไหมวะ ดังนั้นนี้กูช่วยมึงอยู่” ฟิล์มถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ผมไม่เคยบอกอาจารย์กันตพลเรื่องยายผมที่ต่างจังหวัด ผมพยักหน้าขอไปทีก่อนจะเข้าไปแต่งตัวเรียบร้อบแล้ว



              ผมหยิบเอาพาสสปอร์ตออกมาแม่ยังต่อให้ผมทุกสิบปี พาสสปอร์ตประเทศอังกฤษผมยังมีสัญชาติอยู่ แต่ในพาสสปอร์ต ชื่อไทยจะอยู่ตรงกลางชื่อผมคือเบญจามิน เบน กิฟสัน แต่แม่มาทำเรื่องแจ้งเกิดที่ประเทศไทยบอกว่าอยู่ที่ต่างประเทศไม่ได้แจ้งเกิด แม่แจ้งเกิดให้ใหม่ให้เป็นกันต์ธีร์ กิฟสันแทนและในพาสสปอร์ตประเทศอังกฤษ ผมไม่ได้ระบุเพศ มันเลยเป็น “X” อีกต่างหาก

            “เออ ใช้อันนี้แหละเพราะว่ามันไม่ได้ระบุเพศและทรงผมมึงก็ได้อยู่น่ะ ออกทอมๆ หน่อยๆ ฟิล์มบอกผม ผมพยักหน้า ฟิล์มมันขับรถพาผมไปที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ ฟิล์มนำรถเข้าไปจอด ผมก็เดินเข้าไปด้านใน ผมรู้สึกกังวลจนอยากจะวิ่งไปอาเจียน สีหน้าตอนนี้ของผมตอนคงซีดน่าดู

             “กูไปทำประวัติให้” ฟิล์มพูดพร้อมกับเดินหายไปพักหนึ่ง ผมนั่งรอไปด้วยและดมยาดมไปด้วย สักพักฟิล์มมันก็เดินกลับมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่

             “ดูดิพี่เพื่อนผมมันจะแย่แล้ว รักษามันก่อนได้ไหมพี่ มัวแต่จะหานั้นหานี้ผมมว่าเพื่อนผมตายพอดีและถ้าเพื่อนผมเป็นอะไรไปนี้ ผมฟ้องนะพี่ “ฟิล์มเถียงกับเจ้าหน้าที่ เขาก็มองหน้าผม สภาพผมคือแย่มาก ผมดมยาดมตลอด

              “ก็ได้ เข้าไปที่ห้องฉุกเฉินเลยน้อง” พี่เขาพูดและฟิล์มก็พยุงร่างผมขึ้นมาและพาไปที่ห้องฉุกเฉิน พยาบาลก็เข้ามารับผมไปนอนบนเตียงนอน ฟิล์มเดินไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ผมนี่อยากจะกระโดดถีบหน้าไอ้คนที่มันกับผมเหลือเกิน มันจะรู้ไหมว่าผมนี้เป็นยังไงบ้าง

             “อึก อึก อึก” ผมพยุงตัวขึ้นเพื่อจะนั่งและกำลังจะอาเจียน

             “เฮ้ย!! พี่เพื่อนผมจะอาเจียน” ฟิล์มตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ เขาก็รีบวิ่งไปหยิบเอาภาชนะรองสำหรับอาเจียนมาให้ผมแทบไม่ทัน ผมก็อาเจียนเอาน้ำย่อยออกมาทั้งนั้นเลย

             “ตกลงเพื่อนน้องเขา ข้ามเพศมาใช่ไหมคะ” พี่พยาบาลถามฟิล์ม ผมเงยหน้ามองจะบอกว่าไม่ได้ข้ามมาแต่ผมน่ะมีทั้งสองอย่างในตัวเลยมั้ง

             “คุณหมอให้ส่งไปเจาะเลือดตรวจเลือดก่อนเลยนะคะ” พยาบาลพูดและผมก็ถูกให้ลงไปนั่งรถเข็นเพื่อไปยังห้องตรวจเลือดทันที สภาพผมแย่มากจริงๆ ตอนนี้ เวียนหัวและผอืดผอมหนักมาก ผมถูกเข็นไปยังห้องตรวจเลือดและไม่นานก็ถูกเจาะเอาเลือดผมไปหลายหลอดเลย ผมหันไปมองฟิล์ม

             “กูหวังว่าเขาจะไม่เช็กประวัติมึงละเอียดยิบน่ะบีม” ฟิล์มกระซิบข้างหูผม

              “กูส่งข้อความหาทุกคน มันกำลังจะมาที่นี้” ฟิล์มบอกผม

              “เป็กซ์ละ” ผมถามหาไอ้เป็กซ์ ฟิล์มมองหน้าผม

              “กำลังจะมาเหมือนกัน พวกกูพึ่งจะเห็นหน้ามันวันนี้เหมือนกันบีม มันเป็นอะไรของมันก็ไม่รู้ มันทำหน้าตกใจที่รู้ว่ามึงป่วยอ่ะ” ฟิล์มพูด ผมก็แค่พยักหน้าแค่นั้น ผมก็หันไปมองน้ำ ผมพยักหน้ากับฟิล์มว่าขอน้ำมาดื่มก่อนแล้วกัน จังหวะนั้นที่ผมกำลังจะรับแก้วน้ำมาดื่ม ผมก็ทำท่าจะอาเจียนอีกรอบ จนฟิล์มต้องรีบส่งถุงมาให้ผมแทนแก้วน้ำ

              “ไอ้บีม!!” พวกเพื่อนๆ ของผมวิ่งเข้ามากันแล้ว พวกเพื่อนๆ ของผมเป็นห่วงผมมาก ผมหันไปมองเพื่อนอีกคนที่ไม่ได้เจอกันเลย เป็กซ์ เป็กซ์มองหน้าผม สีหน้ามันดูกังวล ผมยิ้มอ่อนๆ ให้เป็กซ์

              “เป็กซ์ มึงหายไปไหนมาว่ะ” ผมถามเป็กซ์

             “คือว่ากูไปช่วยแม่กูขนของ เอาน้องสาวมาอยู่ด้วยว่ะ แป้งอ่ะ ย่าของพ่อมันบอกไม่อยากเลี้ยงแล้วมันดื้อเลยส่งมาอยู่กับแม่กูรอพ่อมันกับมาจากเกาหลีเพื่อจะเอาลูกสาวไปดูแลที่นั่นแทน” เป็กซ์พูด ผมพยักหน้า พ่อเลี้ยงมันไปทำงานที่ประเทศเกาหลีและก่อนไปเอาเงินแม่มันไปทำวีซ่าเกือบแสน เป็กซ์มันเลยทำงานใช้หนีแทนอยู่ ทำงานพิเศษเหมือนที่ผมทำนี้แหละ

            “มึงเป็นเยอะขนาดนี้เลยเหรอบีม” เป็กซ์ถามผม เสียงมันฟังดูสั่นๆ

            “กูแค่ ….” ผมพูด แต่จังหวะนั้นพยาบาลเดินออกมาและกวาดสายตามองไปรอบๆ

           “คุณเบนจามิน กิฟสัน” เขาเรียกชื่อผมแล้ว ผมพยักหน้ากับฟิล์ม

           “บีม เขาเรียกฝรั่งมึง มึงจะไปไหน” มะนาวทักท้วงทันที

           “ก็มันนี่แหละฝรั่ง นั้นชื่อมันโว้ยแต่ชื่อเก่า” ฟิล์มพูด

             “มีชื่อก่อนเข้าวงการด้วยเหรอวะบีม” ใบชาพูด ผมหันมาหยิบเอาถูงที่มาจ่อรอรับอาเจียนของผมจะปาแต่ว่าใบชามันยกมือร้องห้าม

            “อย่าเชียวน่ะมึง นั้นมันอ้วกมึง กูไม่เอา” ใบชามันพูด ฟิล์มมันก็เข็นผมเข้าไปในห้องตรวจ แต่ว่าพวกผมมาเยอะเกินไป

            “เข้าได้แค่คนไข้กับญาติหนึ่งคนค่ะ คนอื่นรอด้านนอกนะคะ ไม่ต้องไปช่วยลุ้นก็ได้ค่ะ หมอจะตกใจเอาค่ะคุณค่ะ” พยาบาลพูดกับเพื่อนๆ ของพวกผม ผมพยักหน้าว่าให้ฟิล์มมันเข้าไปกับผม ทันทีที่ผมเข้าไปถึงห้องตรวจ คุณหมอผู้หญิงที่นั่งอยู่เขาหันมามองหน้าผม

            “นางสาวเบน กิฟสัน คนนี้เหรอ” คุณหมอหันไปถามพยาบาลทันที ไปเป็นนางสาวตอนไหน หมอยังไม่เชื่อเลย แถมยังเอาพาสสปอร์ตมาเทียบหน้ากับผม ใช่หน้าตามันใช่แต่ว่าหมอก็เพ่งเล็งอีกที

            “ในพาสปอร์ตไม่ระบุเพศค่ะคุณหมอแต่น้องเขาคงยังซับซนอยู่น่ะคะว่าจะลงเพศไหนดี ตอนนี้ให้เป็นเพศหญิงไปก่อนน่ะเพราะว่าน้องบอกมาว่าอาจจะตั้งครรภ์คะคุณหมอ” พยาบาลเดินมาอธิบาย หมอเขาก็เงยหน้ามองหน้าผม ผมนี้ต้องก้มหน้าลงและตอนนี้อาการก็เริ่มมาอีกแล้ว

             “อึก อึก อึก” อยากจะอาเจียน แต่ว่า

             “โอเค หมอเชื่อแล้วค่ะ ไม่ต้องอาเจียนให้หมอดูนะคะ “คุณหมอรีบยกมือห้ามทันที

              “ผลตรวจเลือกออกแล้วนะคะ ผลก็คือคุณตั้งครรภ์ค่ะ อายุครรภ์ก็น่าจะหนึ่งเดือนได้ค่ะ” หมอพูด

              “ในประวัติบอกว่าไม่ทราบด้วย ประจำเดือนวันสุดท้ายเมื่อไหร่” หมอพูดและมองหน้าผม ผมหันไปมองไอ้ฟิล์มมันเป็นคนไปกรอกประวัติให้ผม

             “กูไม่รู้นี่หว่าว่าปจด มึงอ่ะมาเมื่อไหร่และวันสุดท้ายนี้เมื่อไหร่ด้วย” ฟิล์มกระซิบกับผม ผมเองยังไม่รู้เลยว่ามีด้วย

             “สรุปคือเพื่อนผมท้องใช่ไหมครับ” ฟิล์มถามคุณหมอ

              “ค่ะ ท้องค่ะ ตรวจเลือดผลแม่นยำมาก 99 เปอร์เซ็นต์ค่ะ” คุณหมอพูดและหันมามองหน้าผม

               “จะฝากครรภ์เลยไหมคะ” คุณหมอถามผม เท่านั้นแหละผมแทบจะล้มลงไปทั้งที่นั่งบนรถเข็นเลยทีเดียว สรุปคือผมท้องได้จริงๆ ผมหันมาบีบมือฟิล์มทันที พูดอะไรไม่ออก ผมท้องแถมผมท้องกับใครก็ไม่รู้ แม่งเป็นใครก็ไม่รู้ แต่มาทำให้ผมท้องได้ แล้วผมจะทำยังไงต่อไป น้ำตาผมไหลทันที

               “บีม” ฟิล์มกอดผมเอาไว้

              “เออ… “คุณหมอที่นั่งอยู่ตกใจจนต้องหันไปหยิบกระดาษทิชชูมาให้ผมซับน้ำตา

             “ท้องไม่พร้อมเหรอคะ” คุณหมอถามผม ผมเงยหน้ามองหน้าคุณหมอ

              “หมอเข้าใจน่ะแต่ว่าเด็กเขาไม่รู้เรื่องด้วยนะคะ” คุณหมอพูด เขามองหน้าผม

              “ผมยังเรียนอยู่” ผมพูด

             “เอาอย่างนี้ไหม ไปคิดก่อนน่ะและถ้าคิดว่าไม่พร้อม ก็ไปเอาออกแต่หมอก็ไม่อยากให้ทำนะคะ มั้นเสี่ยงอันตรายมากทีเดียวและยิ่งคุณ เออ คุณ เป็นเพศชายไปแล้วด้วย มันก็น่าจะยากกว่าเดิมนะคะ แม่เองก็ไม่เคยมีเคสแบบนี้นะคะ ถ้าคุณจะตัดสินใจยังไง แจ้งหมอนะคะ หมอจะส่งตัวคุณไปหาหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง” คุณหมอพูด ผมหันไปมองคุณหมอ ต้องส่งตัวไปไหนอีกด้วยเหรอ

             “ถ้าอย่างนั้น วันนี้หมอให้ยาแก้แพ้ไปทานก่อนนะคะ มียาบำรุงอันนี้จำเป็นมากค่ะ ดูแล้วอิดโรยมากจริงๆ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นต้องมานอนให้น้ำเกลือนะคะ” คุณหมอเขาพูด ผมพยักหน้าและคุณหมอเขาก็คีย์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ให้ผม



                ผมก็บีมมือฟิล์มไปด้วย ผมไม่รู้จะบอกแม่ผมยังไงดี แม่จะเข้าใจไหมก็ไม่รู้และอาจารย์กันตพลอีก ส่วนไอ้คนที่ทำผมคืนนั้น มันจะรู้ไหมว่ามันอะไรลงไปกับผมบ้าง มันจะรู้สึกไหม มันไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมร้องไห้กับฟิล์ม จนกระทั่งออกมานั่งรอรับยา เพื่อนๆ ของผมยังไม่ถามอะไรมากเพราะว่าฟิล์มยังส่ายหน้าว่ายังไม่พร้อมจะคุยตอนนี้ ผมรอจนได้คิวเข้าไปรับยา ผมก็ควักเงินห้าพันที่ไอ้นั่นมันให้มานั่นแหละจ่ายไป ผมยังไม่ได้พูดอะไรจนไปถึงห้องพักที่คอนโดของผม

              “บีม ตกลงมึงเป็นอะไร มึงบอกพวกกูดิ กูเป็นห่วงมึงอ่ะ “มะนาวถามผม

             “นั้นดิวะบีม กูเป็นหวงมึงน่ะบีม” ใบชาถามผม

               “บีมบอกพวกมันไปเถอะ มันเป็นห่วงมึงกันทั้งหมดนะบีม” ฟิล์มพูด ผมหันไปมองทุกคน

               “นี้มึงได้ยาบำรุงครรภ์มาทั้งนั้นเลยนะเนี๊ยะ” ใบชาพูด

             “ใช่กู… กู… กูท้อง!!!” ผมพูด ทุกคนลุกขึ้นยืนและมองผมกันหมดเลย

             “มึงท้องได้ยังไง!!!!” ทุกคนถามพร้อมกันหมดเลย ยกเว้นไอ้ฟิล์มคนเดียว

             “กูท้องได้เพราะว่าแด้ดกูอ่ะเป็นคนทำขึ้นมา กูก็ไม่อยากนะมึงแต่ว่าตอนนี้มันไม่ทันแล้ว กูท้องไปแล้วและกูก็ไม่รู้ กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นอ่ะ ฮือๆๆๆ” ผมพูดและผมก็ร้องไห้อีกแล้วแต่รอบนี้พวกเพื่อนๆ ของผมตรงเข้ามากอดผมกันหมด

              “กูจะทำยังไงต่อไป กูยังไม่รู้เลย กูจะบอกแม่กูยังไง ว่ากูท้องและกูก็ท้องเพราะว่ากูโดนเขาขมขื่นมา ฮือๆ” ผมร้องไห้โดยมีเพื่อนๆ ของผมกอดผมกันทุกคน

             “บีมกูจะอยู่ข้างมึง มึงไม่ได้อยู่คนเดียวน่ะ แม่มึงเขาไม่มาดูมึงก็ไม่เป็นไร พวกกูนี้จะดูแลมึง ช่วยมึงเลี้ยงหลานก็ได้น่ะ แต่มึงอย่าเอาเขาออกเลย เด็กไม่รู้เรื่องบีม” มะนาวพูด มะนาวมองหน้าผม

            “เราช่วยกัน น่ะบีมช่วยกันเลี้ยง แต่ให้กูเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่พ่อ กูว่าลูกมึงคงดูออก” ใบชาพูด ผมเงยหน้ามองหน้ามัน

             “ตอนนี้มึงต้องดูแลตัวเองได้แล้วบีม กินอาหารสักหน่อยและทานยาบำรุงที่หมอให้มา ช่วงนี้กูจะเอางานที่อาจารย์สั่งมาให้ กูจะบอกเขาให้ว่ามึงป่วยอยู่” ฟิล์มพูดกับผม



               ผมก้มลงมองพุงของผมมันยังไม่รู้หรอกเพราะว่าพึ่งจะหนึ่งเดือนเอง หมอนัดอีกทีสามเดือนให้ไปอัลตราซาวน์ ตอนนี้ผมคงต้องคิดว่าจะทำยังไง จะดรอปเรียนไหมคิดไม่ออกเลย ผมหันมามองเพื่อนๆ ช่วงนี้เพลียมากๆ

            “มึงดูไม่ค่อยดีเลยว่ะ เพลียมากขนาดนี้ มึงไปนอนพักเถอะบีม พวกกูจะอยู่ค้างกับมึงช่วงนี้ ผลัดกันเฝ้ามึงน่ะ” มะนาวพูด ผมหันไปมองเป็กซ์ เป็กซ์มันดูเงียบผิดปกติ

            “เป็กซ์ มึงต้องไปทำงานหรือเปล่า” ผมถามเป็กซ์

             “มึงไม่สบายอ่ะ กู เป็นห่วงมึง” เป็กซ์พูด

             “ขอบใจน่ะ” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าห้อง ผมอยากนอน อยากนอนเยอะ ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน ตื่นมาไม่นานก็ง่วงอีกแล้ว ผมล้มตัวลงนอนทันที ไม่นานก็ผล๋อยหลับไปเลย



                Part’ s เธียรวิชย์ หลังจากที่ผมบินกลับมาทันที ผมเองก็รีบกลับเพราะว่าผมต้องมาตั้งตาเรียนให้จบปีนี้ให้ได้ไม่อย่างนั้นป๊าจะยืดทุกอย่างของผมคืน รถหรูซูเปอร์คาร์ เงินในบัญชีและของแบรนด์เนมทุกอย่างแต่ป๊าบอกว่าจะไปบริจาคแทน และยังรวมไปถึงหุ้นส่วนของโรงเรียนอีกด้วย คือว่าไม่คิดจะเหลืออะไรไว้ให้ผมเลยว่างั้น

                (เธียร) เฮียธีร์ โทรมาหาผม

                (ว่าไงเฮีย) ผมถามเฮียธีร์

                (ป๊าบอกว่าให้ไปหาคุณดีน ที่ออฟฟิศให้หน่อย ป๊าเขาให้คุณดีนเดินเรื่องวีซ่าของครูที่จะมาสอนภาษาเอาไว้ เฮียส่งอิเมลไปให้แล้ว ด่วนนะเธียร) เฮียธีร์บอกผม

                (อันที่จริง ให้ผมดูแลทำเอกสารที่นี้อย่างเดียวเลยไม่ได้เหรอเฮีย ไม่ต้องกลับไป ให้เฮียดูแลไปเลยที่นั่นน่ะ) ผมพูดกับเฮีย

               (มึงทำยังกับว่าเอกสารมันมีทุกวันอย่างนั้นแหละ) เฮียธีพูด

               (แต่งานที่นี้น่ะ มันมีทุกชั่วโมง มึงกลับมาช่วยเลยไอ้ตี๋น้อย) เฮียธีพูดและชอบเรียกจริงๆ ไอ้ตี๋น้อยเนี๊ยะ

               (ไม่น้อยแล้ว) ผมพูด

                (ลืมไปมึงน่ะเรื่องเยอะ ทุกวันนี้มีแต่เรื่องมึงทั้งนั้นเลย ไอ้ตี๋เยอะ) เฮียธีพูด

                (ถ้าแซวแบบนี้จะวางสายแล้วน่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว) ผมพูด

                (งอนเหรอ น่าง้อตายเลย) เฮียธีพูด

                (เฮีย ถามหน่อยดิ ถ้าแหวนวงศ์ตระกูลหาย ม๊าจะทำให้ใหม่ได้ไหมเฮีย) ผมถามเฮียธีร์

                 (ไม่มีแล้ว นั้นอากงทำให้ มีคนละวงและถ้าหาย ไม่ต้องถามหาเมียเลย มึงอดมีเมีย) เฮียธีร์พูด

                 (ทำไมอ่ะ) ผมถามเฮีย

                 (ใครเขาก็รู้กันไหมวะว่าแหวนนี้อากงให้ไปขอใครสักคนที่อยากแต่งด้วย แต่อากงระบุว่าเมียว่ะ) เฮียธีร์พูด ผมเกาหัวเลย

                (แหวนมึงหายเหรอไอ้ตี๋) เฮียธีร์ถามผม

                 (ยังอยู่) ผมพูดแต่เสียงสูงไปหน่อย

                  (งั้นก็ยังมีได้เมียน่ะ) เฮียธีร์พูด

                  (แค่นี้แล้วกันนะเฮีย จะไปส่งเอกสารให้ป๊าแล้ว) ผมพูดก่อนจะกดวางสายเฮียธีร์ ผมเปิดอิเมลพร้อมกปริ้นซ์เอกสารที่เฮียธีย์ส่งมาให้ แสดงว่าแพรวามันต้องรู้ดิว่าแหวนนี้เอาไว้แต่ง ถึงได้คอยถามอยากจะได้น่าดู แต่ว่าผมดันให้คนนั้นไปแล้ว ป่านนี้คงไปอยู่ในโรงรับจำนำแล้วมั้ง ถ้าเจออีกไปถามแล้วกันว่าไปจำนำไว้ที่ไหนค่อยไปขอไถ่คืนแล้วกัน ตอนให้ก็ไม่ได้คิดซะด้วยซิ คิดว่าม๊าน่าจะสั่งทำให้ใหม่ได้

               “ติ้งต่อง” เสียงกดกริ่งหน้าห้องของผม ผมลุกขึ้นไปเปิดดูหน้าจอเพื่อจะได้ดูว่าใครกัน พอผมก้มลงมอง อะไรมันก้มๆ ขาวๆ อวบๆ แถมมีสองลูกด้วย เฮ้ยอะไรวะนั้น

              “ไฮ!!” เสียงทักทายและสองก้อนกลมๆ ก็ลดลงต่ำจนเห็นใบหน้าของคนที่มากดกริ่ง ไม่ใช่ใครอื่น เอมิลี่พนักงานของพี่ดีน คนที่ทำเรื่องวีซ่าให้กับครูที่จะไปสอนภาษาที่โรงเรียนของพ่อผมนั้นเอง เขาเป็นเอเจนซี่ที่มีประสบการณ์สูงแต่พนักงานพี่เขาก็ประสบการณ์งโชกโชนเหมือนกัน

                “ไฮ เอมิลี่ สบายดีไหมครับ” ผมเปิดประตูไปและทักทายแต่ว่าเธอดันผมเข้ามาในห้อง

                “ไม่ค่อยสบายค่ะ เพราะว่าเอมิลีคิดถึงเธียรค่ะ และไหนบอกว่าจะส่งข้อความหาเอมิลี่ไงค่ะ ทันทีที่กลับมาถึงนะคะ อืมมมมม “เอมิลี่พูดพร้อมกับเข้ามาจูบผมอย่างเล้าร้อนทันที ไม่ต้องถามหรอกว่าผมจะไม่จูบตอบเหรอ จูบซิครับรออะไร ทั้งจูบทั้งจับ ทั้งคลึง ผมไม่รู้ว่าเดินไปถึงไหนและมาหยุดที่เตียงได้ยังไงก็ไม่รู้ ผมดันเอมิลี่ลงไปบนเตียงนอนและก็ถอดเสื้อผ้าผมออก ผมกระโจนขึ้นไปหาคนที่ถอดชุดแซกสั้นออกไปเรียบร้อยแล้วพร้อมกับชุดชั้นในของเธอ ไม่ต้องให้บรรยายหรอกครับว่าเกิดอะไรขึ้น เตียงขยมขึ้นลงขนาดนี้
               “อ้าห์!!!” เสียงสุดท้ายก่อนภารกิจจะลุล่วงไปด้วยดี ผมน่ะสวมถุงเอาไว้ด้วย

              “ยังแซ่บเหมือนเดิมนะคะเธียร” เอมิลี่กล่าวชมผม เธอนอนคว่ำอยู่โดยไม่มีเสื้อผ้าปกปิด ผมลุกขึ้นแต่งตัวเสียก่อน

               “ว่าแต่คุณมาทำไมเหรอครับเอมิลี่” ผมถามเธอ

              “ดีนให้เอมิลี่มาเอาเอกสารนะคะ แต่จริงๆ แล้วเขาบอกกว่าคุณจะไปให้แต่เอมิลี่ร้อนใจค่ะเลยมาเอาเองดีกว่า” เอมิลี่พูด ผมพยักหน้าเบาๆ

               “เล่นเอาผมร้อนไปด้วยนะคุณเอมิลี่” ผมพูด

               “แล้วชอบไหมคะ” เอมิลี่ถามผม

                “ก็ต้องชอบซิครับ” ผมพูดตอบก่อนจะหันไปส่งเอกสารให้เอมิลี่

                “ผมว่าคุณรีบกลับดีกว่า เดี๋ยวดีนจะว่าเอาน่ะและพ่อผมรีบคับ ต้องให้คุณดีนทำเรื่องให้ด่วนนะครับเอมิลี่” ผมพูด เธอมองผมก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัว หันมากัดปากอยากได้อีกยกแต่ผมว่ะคิดว่าพอเถอะ

                 “ให้เอมิลี่มาหาอีกรอบไหมคะ” เอมิลี่ถามผม

                “พอเถอะครับ ผมมีนัดกับเพื่อนผมครับ อัลเบิร์ตนะครับ” ผมบอกเอมิลี่

               “ไม่นัดกับแฟนเขาหรอกนะคะ” เอมิลี่ถามผม ผมหันไปมองหน้าเอ

               “เอมิลี่ครับ ผมไม่ชอบน่ะ เพราะว่าผมกับคุณคุยกันแล้วว่าแค่เรื่องบนเตียง จบน่ะครับ” ผมหันไปบอกเธอ เธอชักสีหน้าใส่ผมทันที

               “แต่เอมิลี่คิดว่าเราควรจะเป็น…”

                “ถ้าคุณอยากเลื่อนขั้น ผมจะได้บอกคุณดีนให้ว่าคุณแอบเอาเวลางานมาหาผม เอาไหมครับ” เอมิลี่มองหน้าผม ก่อนจะหยิบเอกสารและเดินสะบัดบ๊อบออกไป ผมนี้ต้องพ่นลมหายใจออกมาทันที ผมเองไม่ชอบผูกมัดและเธอลืมไปว่า ผมเรียนจบก็ต้องกลับไปอยู่ที่ไทยอยู่แล้ว ยกเว้นแต่เธอจะใจกล้าไปหาผมที่นั่นและคงเจอฤทธิ์แพรวา ผมรีบแต่งตัวเพื่อออกไปหาเพื่อกรักของผมอัลเบิร์ต อัลเบิร์ตมีแฟนชื่อนาตาลีและเป็นคนรัสเซีย เธอมาเรียนที่นี้มาด้วยวีซ่านักเรียน เขาสองคนกำลังปลูกต้นรักกันอยู่และอาจจะมีแพลนที่จะแต่งงานกันด้วย



               TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 18:53:23 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
                           
EP.4  บีมแพ้ท้องหนักมาก

               Part’ s กันต์ธีร์  ผมไม่ยอมไปไหนเลย นอนอยู่ที่ห้อง มีแต่เพื่อนๆ ที่ออกไปซื้ออาหารมาไว้ให้ผม ผมไม่อยากทานอะไรเลย จนเพื่อนๆ ของผมพากันมานอนค้างที่คอนโดกับผมด้วย ด้วยความเป็นห่วง ผลัดกันเฝ้าเลยเพราะต้องไปมหาวิทยาลัย ต่างก็กลัวว่าผมจะคิดมากแต่ผมจะไม่ทำสิ่งที่เพื่อนๆ ผมกลัวเด็ดขาด ผมเชื่อว่าชีวิตของผมมีค่ามากกว่าคนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ผมมีชีวิตเพราะพ่อผมแม่ผม มาใช่เพราะเขา



                 แต่ที่ผมไม่ไปเพราะว่าผมไม่สะดวก แพ้ท้อง อาเจียนตลอด อาการแบบนี้ ใครเห็นก็ต้องฟันธงว่าผมท้องแม้ว่ามันใช่ก็เถอะและผมก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเพราะว่าผมเสียใจ ก็ผมกำลังจะไปได้ดี ผมไม่น่าไปทำงานที่ผับนั้นเลยในคืนนั้นและผมก็คงไม่ซวยขนาดนี้ และหลังจากที่ผมไปตรวจหมอบอกว่าท้อง หลังจากนั้นผมก็แพ้หนักมากมาตลอด ตื่นมาก็ทะเลาะกับชักโครกทันที ผมเลยหยุดเรียนอีกอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ อายุครรถ์เท่าไหร่เขาก็บอกว่าต้องอัลตราซาวน์ดูถึงจะรู้ขนาดตัวอ่อนในครรภ์ผม (เรียกซะตัวอ่อนผมนี่นึกไปถึงหนังเอเลี่ยนเลย)

     “บีม มึงทานอะไรบ้างซิวะ ไม่ห่วงตัวเองมึงก็ควรจะเป็นห่วงหลานพวกกูบ้าง หลานกูมันจะหิวเอานะมึงน่ะ” มะนาวพูด ผมหันมามองหน้ามะนาว ที่นั่งกินของดองต่อหน้าต่อตาผม

     “นี้ตกลงบีมมันท้องหรือมึงท้องกันแน่อีอ้วน” ใบชาพูดก่อนจะวางช้ามโจ๊กตรงหน้าผม ผมหันไปมองแต่ก็ยังไม่อยากทานเลย

     “กูไม่ได้ท้องแต่เขาบอกมาว่า คนท้องจะคลื่นไส้อาเจียนให้ทานของดองแก้ และไอ้บีมมันไม่ชอบแต่ว่ามันแพ้ท้อง กูเลยนั่งกินให้มันดูนี้ไงมันจะได้ดีขึ้น” มะนาวพูด

   “กูว่าน่ะ มึงกินจนพุงมึงล้ำหน้า พุงคนท้องไปหลายเดือนแล้วเนี๊ยะ” ใบชาพูด

   “นี่ขุนแม่กินซิคะ หรือจะให้อิฉันป้อนให้เจ้าค่ะ” ใบชาหันมาบอกผม และทำท่าจะตักมาป้อนผมด้วย ผมก็ต้องจับช้อนมาและทานเอง แต่ก็ทานแบบฝืนๆ นี้ผมตื่นมาก็อาเจียนทุกเช้าเลย

         “มึงต้องไปฝากท้องแล้วน่ะบีม” มะนาวพูด

   “ดูมึงแพ้มากเหมือนกันน่ะ” ใบชาพูด จังหวะนั้นไอแพตของผมมีสายเข้า แม่ผมโทรหาผม ผมหันมามองพวกกับใจที่เต้นแรง ผมหันมามองใบชาและมะนาว เอาไงดี

   “บีม มึงรับสายแม่มึงเถอะน่ะและมึงก็บอกแม่มึงไปว่ามึงท้องและมึงต้องท้องเก้าเดือนนะไม่ใช่เก้าวันจะได้ปิดได้น่ะ” มะนาวพูด

   “แม่มึงอาจจะรู้ทุกอย่างและเขาจะให้คำแนะนำมึงได้ดีกว่าพวกกูน่ะ เชื่อกูดิ” ใบชาพูด ผมก็ต้องหยิบไอแพตและปัดหน้าจอเพื่อกดรับสายแม่ของผม

    (ฉันบอกให้คุณพาลูกชายของคุณมาที่นี่ด้วยกัน เขาจะได้ช่วยงานบ้าง ดูสิลูกเลี้ยงของเพื่อนฉัน พอแม่ของพวกเขาแต่งงาน เธอก็พาลูกๆ ของเธอมาช่วยทำงานหาเงิน มีแต่ลูกชายของคุณนี่แหละที่ขอแต่เงินไปเรื่อยๆ) เสียงบ่นผมแม้จะเป็นภาษาอังกฤษผมก็แปลออกว่าเขาบ่นเรื่องผมไม่ไปอยู่ที่นั่นแต่เรื่องเงินผมแทบจะไม่เอ่ยปากขอ ขอน้อยมากๆ พยายามทำงานหาเงินเอง!

          (แค่หุบปาก นั่นคือเงินที่ฉันส่งให้เขา มันเป็นเงินของฉัน มันไม่ใช่เงินทั้งหมดของมึง…ไอ้ชาติหมา!!)  แม่ผมสวนไปทันควันเช่นกัน

   “แม่” ผมเรียกแม่ผมเพื่อให้แม่ใจเย็นๆ ก่อน

   “มันไปแล้วบีม เป็นอะไรทำไมหน้าซี้ดแบบนี้ละ ไปทำอะไรมา ดูผอมลงไปน่ะ” แม่ถามผมด้วยสีหน้าตกใจ ผมไม่เคยเห็นแม่ตกใจเพราะว่าเป็นห่วงผมแบบนี้เลย ผมนั่งชันเข่ามองแม่ผมอยู่บนโซฟา

   “แม่บีมท้อง” ผมพูด

   “อะไรน่ะบีม ท้องได้ยังไง ทำไมปล่อยให้ท้อง แล้วนี่ไม่ได้ทานฮอร์โมนหรือไงเพราะฮอร์โมนมันจะทำให้เราไม่ท้อง เราไม่ควรจะท้องตอนนี้บีม!!” แม่บ่นผมชุดใหญ่เลย

   “ผมแค่ซวยแม่และผมก็ไม่รู้ว่าผมท้องกับใครด้วยแม่” ผมพูดน้ำตาผมไหล มะนาวกับใบชามันรู้ว่าผมอยากคุยกับแม่ตามลำพังเลยขอไปนั่งที่อื่นแทน

   “อะไรกันเนี๊ยะบีม!! “แม่พูดพร้อมกับมองหน้าผม

   “ผมไม่รู้ว่าผมจะท้องได้จริงๆ นี่แม่” ผมพูดและปาดน้ำตาตัวเอง

   “ทั้งที่ผมเป็นผู้ชาย” ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วย

   “ตรวจดีแล้วใช่ไหมบีม” แม่ถามผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

   “ผมไปตรวจที่โรงพยาบาลแม่ เขาคิดว่าผมเป็นชายข้ามเพศมาเลยตรวจเลือดและผลมันก็ออกมาว่าผมท้อง รวมตอนนี้ก็เกือบสองเดือนแล้วแม่” ผมพูด

   “ฉันก็บอกแกแล้วบีม ว่าให้แกป้องกันตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นแบบนี้แล้วไปพลาดท่ากับใครก็ไม่รู้ และนี้ก็คือเหตุผลที่ฉันไม่เอาเรามาอยู่กับไอ้ ฟิลิปส์ ไอ้ตัณหากลับนี้ด้วยไงเพราะว่าฉันทำงานก็คงจะไม่มีเวลามานั่งเฝ้าเราหรอก” แม่พูดไปบ่นผมไปด้วย

   “ก็ผมไม่รู้ว่าผมจะซวยขนาดนี้นี่แม่ ฮือๆ” ผมร้องไห้

   “โอ๊ย!!! แล้วนี่จะทำยังไงหา เรียนก็ยังไม่จบ ไอ้ค่าเทอมน่ะฉันก็ออกให้แต่นี่ดันมา ท้อง!! แถมท้องไม่มีพ่อเด็กอีก” แม่ผมพูด ผมหันไปมองที่หน้าต่างคอนโดที่ แม่ผมเป็นคนซื้อเอาไว้และให้ผมอยู่ หรือว่าผมควรจะให้แม่ขายคอนโดนี้และผมไปหาห้องเช่าหลังเล็กๆ อยู่แทนดีแต่ถ้าผมเก็บลูกเอาไว้ ห้องเช่าจะพอไหมสำหรับลูกผมเพราะว่าคอนโดนี้ก็มีพื้นที่มากพอที่เพื่อนๆ ผมจะมาหามาพักด้วย

   “แม่ ผมขอโทษ ฮือๆ “ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วย ผมจำหน้าคนนั้นแทบจะไม่ได้แต่ผมจำชื่อเขาได้ เขาชื่อเธียรวิชย์ แต่เพื่อนๆ เรียกว่าเธียรและเขาคือคนแรกของผม คนแรกที่ปู้ยี่ปู้ยำจนผมท้อง มันกลับทิ้งไว้แค่แหวนและชื่อมันแค่นั้น ผมก็ไม่รู้ว่าเธียรวิชญ์นี้เป็นชื่อหรือนามสกุลและตัวดอเด็กนี้ชื่อมันหรือเปล่า

   “แกต้องไปโทษพ่อแกนั้น ที่อุตริเอาแกไปทดลอง จนได้เรื่องเป็นไง ได้มาเลยซิ ผู้ชายท้องได้ตามที่อยากทำ แต่ดันมาทำกับลูกตัวเอง ไอ้แก่เอ๊ย!! “แม่ผมพูดไปก็ด่าพ่อผมไปด้วย ผมปาดน้ำตาที่แก้มของผม

   “แม่ แม่จะบอกผมว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าพ่อผมเหรอครับแม่ ฮึก ฮึก” ผมพูดปนเสียงสะอื้น แม่หันมองหน้าผม ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ แทน

   “เอาล่ะ ฉันจะช่วยก่อน จนกว่าแกจะคลอดน่ะ หน้าซี้ดมาก ไปหาหมอได้แล้ว นี้ฝากท้องหรือยังบีม” แม่ถามผมน้ำเสียงที่อ่อนลง

   “ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะไปฝากหมอดีไหม” ผมพูด

   “อ้าว ถ้าไม่ฝากแกจะคลอดยังไงบีม ไปฝากครรภ์ซะ อย่างอื่นชั้นจัดการเอง ไปฝากท้องซะ จะได้ยาบำรุงมาทานและยาแก้แพ้ เราน่ะต้องอยู่ในการดูแลของหมอด้วยน่ะ “แม่บอกผม (อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้ว่าแม่ยังเป็นห่วงผมอยู่ ผมยิ้มอ่อนๆ ให้แม่)

   “แต่ลูกแกออกมาแกต้องเลี้ยงเองน่ะ ฉันคงไม่ช่วยไม่ได้หรอกน่ะบีม แค่ไอ้ฟิลิปส์ฉันก็จะแย่อยู่แล้ว เป็นเมียฝรังนึกว่าจะสบายมาเป็นเบ้ดูแลมันแท้ๆ เลยฉันเนี๊ยะ!” แม่ผมพูด ผมพยักหน้าเบาๆ พร้อมๆ กับปาดน้ำตาไปด้วย

   “แค่แม่ช่วยผมก่อน ผมจะกลับไปเรียนให้จบครับแม่เพราะว่าผมเก็บหน่วยกิตเกือบครบแล้ว ถ้าไม่ติดว่าผมท้อง ผมคงจบในเทอมหน้านี้เลยแต่ถ้าผมต้องดรอป ผมก็จะยืดออกไป” ผมพูดกับแม่ทั้งที่ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับไปเรียนไหม ผมจะกล้าไปนั่งเรียนแล้วมีสายตาคนอื่นมองมาที่ผมได้หรือไม่ แต่ตอนนี้ผมต้องบอกให้แม่สบายใจไปก่อน

   “ก็ไปฝากท้องให้เรียบร้อยแล้วกัน” แม่สั่งผม

   “แค่นี้น่ะบีม แม่จะรีบออกไปทานอาหารกับไอ้ฟิลิปส์มัน วันนี้ต้องพาไปหาหมออีก ไอ้นี่ก็โรคเยอะเหลือเกิน “แม่ผมพูด ผมพยักหน้าเพราะว่าแม่ผมจะรีบไป

         ผมกดวางสาย ผมนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องนอน ผมอยากรู้ว่าทำไมผมถึงได้ท้องได้ พ่อทำอะไรกับผม ผมสะอึกสะอื้น ร้องไห้อยู่คนเดียว จนกระทั่งเสียงกริ่งดังขึ้น ผมปาดน้ำตาที่แก้มก่อนจะเดินออกไปดูที่ช่องเล็กๆ เพื่อดูว่าใครกันที่มาหาผมที่นี้ และผมก็เปิดประตู ใบชากับมะนาวพึ่งจะเดินออกมาจากห้องครัว ผมมองช่องเล็กนั้น ก็เห็นว่าเป็นฟิล์ม ฟิล์มไปมหาวิทยาลัยวันนี้ ผมรีบเปิดประตูทันที



   “เป็นไงมั้งมึง “ฟิล์มถามผม ด้วยน้ำเสียงที่ดูห่วงใย ผมยิ้มอ่อนให้

   “กูไม่ถามน่ะว่ามึงโอเคไหม บีม เพราะว่าเป็นใครก็ไม่โอเคหรอกว่ะ” ฟิล์มบอกผม ผมปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอยู่ตลอด ผมอ่อนแอเหลือเกิน

   “แต่ที่กูถามคืออาการแพ้ท้องมึงเป็นยังไงบ้าง พี่ฟ้าเขาก็ฝากความเป็นห่วงมาให้ พี่ฟ้าบอกว่ามึงต้องไปฝากท้องได้แล้วน่ะบีม ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปเพราะนี้มันเสียงมากๆ สำหรับมึงน่ะ” ฟิล์มพูด

   “หมับ” ฟิล์มเข้ามากอดผมแน่นๆ

   “แต่กูจะอยู่ข้างๆ มึงบีม “ฟิล์มพูดพร้อมกับจับไหล่ผม

   “มึงกินอะไรหรือยังว่ะ บีม” ฟิล์มถามผม ผมสั่นหัวไปมา ฟิล์มหันไปมองใบชาและมะนาว

   “กูซื้อโจ๊กมาให้มึงกินว่ะ กินอะไรสักหน่อยน่ะบีม อย่างน้อยมึงก็มี สิ่งที่เรียกว่าเลือดเนื้อของมึงอยู่ในท้องมึงน่ะ เขาไม่รู้เรื่อง “ฟิล์มพูดก่อนจะผลักผมเข้าไป ฟิล์มพาผมไปนั่งในห้องครัวเล็กๆ ก่อนจะเดินไปหยิบชามเพื่อเทโจ๊กลงในชามเซรามิกซ์ก้นลึกมาให้ผม ผมก็รับมาและนั่งมองมันเพราะว่าตอนนี้ก็มีแต่ชามโจ๊กที่วางอยู่

   “กูก็ซื้อมามันก็ยังไม่กินเลย วางไว้อยู่นั้นน่ะ” ใบชาพูด ผมก็นั่งมองชามโจ๊กตรงหน้า

   “ฟิล์มมึงมาอยู่เป็นเพื่อนก่อนแล้วกัน กูสองจะลงไปซื้อของมาทำรายงานส่งนางยักษ์ก่อนและหาซื้อะไรมากินด้วย กูกลัวกูจะผอมแข่งกับบีมมัน” มะนาวพูด มันน่าจริงๆ ผมหันไปมองมะนาว ใบชามันเกือบจะเค้กหัวมะนาวอยู่แล้ว และนางยักษ์น่ะมะนาวมันหมายถึงครูเปรมสินีย์ วิชานี้โคตรหนักใจเลย ผมว่านางต้องไม่ให้ผมสอบแน่ๆ นางคงให้ผมติด 0 หรือไม่ก็ติดรอ และที่มะนาวเรียกนางยักษ์เพราะว่าเธอชอบทำหน้าเหมือนจะโกรธพวกผมตลอดเวลา

   “เออไปดิ “ฟิล์มพูดและผมก็พยักหน้าให้ทั้งคู่และต่างก็พากันเดินออกไป ผมหันมามองโจ๊ะที่วางเอาไว้อยู่

   “อ้าว!! มองแล้วท้องมึงจะอิ่มไหมบีม กินดิวะ สงสารหลานกูหน่อยเถอะ “ไอ้ฟิล์มพูด ผมก็ตักมาแค่ปลายช้อน ทำท่าจะทานแต่ว่าพอช้อนแตะเข้าไปเท่านั้นแหละ

   “อึก อึก อึก” อาการมาทันที ฟิล์มมันมองผมด้วยอาการตกใจ

   “เฮ้ย!! บีม” ผมก็รีบลุกพรวดและวิ่งตรงปรี่เข้าไปในห้องน้ำทันที ได้ผลผมก็ต้องอาเจียนออก ทั้งที่ไม่มีอะไรจะออกมาอยู่แล้ว ทำไมมันถึงได้ทรมารมากขนาดนี้น่ะ

   “บีม” ฟิล์มเดินมาเอามือลูบหลังผมเบาๆ ผมยกมือว่าผมโอเค ผมค่อยๆ ลุกขื้นยืน หันมามองหน้าเพื่อนรักของผม

   “กูมานอนเป็นเพื่อนมึงน่ะ บีม เห็นมึงแบบนี้กูสงสารมึงว่ะ พรุ่งนี้กูว่าง” ฟิล์มบอกผม ผมพยักหน้าเพราะว่าตอนนี้ผมคงไม่มีทางเลือกมากหนัก ผมเดินออกไปเพื่อไปดูยาที่หมอตอนที่ผมไปตรวจว่าผมท้องเขาก็ให้ผมมาทานอยู่

   “บีม อาจารย์กันตภณ เขาถามหามึงว่ะ ดูสีหน้าเขาเป็นห่วงมึงมากเลยว่ะ บีม” ฟีล์มบอกผม ผมหันไปมองหน้ามัน ฟิล์มมัน ฟิล์มมันส่งโทรศัพท์มาให้ผมดู ข้อความหาฟิล์มว่า

   (ฟิล์มพี่จะไปเยี่ยมบีมน่ะ พี่รู้ว่าบีมไม่ได้ไปต่างจังหวัดอย่างที่พวกเราบอกอาจารย์) อาจารย์กันตภณส่งข้อความหาฟิล์ม ฟิล์มมองหน้าผม ผมหลบหน้าอาจารย์ไม่กล้าสู้หน้าเลยให้เพื่อนบอกไปว่าผมไปต่างจังหวัดยังไม่กลับมา

   “เขารู้แล้วว่ามึงไม่ได้หายไปไหนไม่ได้ไปต่างจังหวัดด้วยบีม” ฟิล์มพูด

   “มึงต้องให้เขาช่วยบีมถ้ามึงไม่อยากรบกวนแม่มึง ก็ต้องเป็นใครสักคนที่มีศักยภาพมากพอ นั้นคืออาจารย์กันตภณ ที่จะเป็นคนช่วยมึงเรื่องนี้” ฟิล์มพูด ผมจำเป็นต้องบอกอาจารย์กันตภณจริงๆ เหรอ ผมหันไปมองหาอะไรบางอย่าง ที่ตรงลิ้นชักที่ตรงหัวเตียงผม

   “ปึก “มือผมปัดกล่องสี่เหลี่ยมกำมะหยี่ร่วงลงไป มีบางสิ่งกระเด็นหลุดออกมาจากกลอ่งนั้น กลิ้งไปหยุดที่ตรงเท้าของฟิล์ม และฟิล์มก็รีบก้มลงหยิบขึ้นมาดูก่อนจะส่งให้ผม มันคือแหวน แหวนวงนี้มันอยู่กับเศษเงินคนที่ทำให้ผมต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ จริงๆ มันมีแค่แหวนส่วนกล่องใส่แหวนน่ะของผมเอง ผมเอามาใส่เอาไว้ ผมไม่อยากเปิดดูมันเลยเพราะว่ายิ่งเปิดดูยิ่งแค้น ผมคิดในใจนี้มันคงคิดว่ามันจะเยียวยาผมได้ซิน่ะ สภาพจิตใจผมตอนนี้ แถมมันยังเป็นพ่อของเด็กในท้องผมด้วย

   “ใครวะ เธียรวิชย์ ด. “ฟิล์มเอ่ยถามผม ผมก็มองหน้าฟิล์มก่อนจะส่ายหัว ผมเองก็ไม่อยากรู้ว่ามันคือใคร ไอ้คนที่ทำให้ผมต้องมาแบกภาระที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แถมมันก็คิดจะรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นแล้วผมจะให้คนที่ไม่ได้ทำผมท้องมารับชอบอย่างนั้นเหรอ

          ตึง!! มีข้อความจากแม่ผมส่งมาหาผม

   (บีม แม่ส่งเงินไปให้แล้วน่ะ เอาไปหาหมอและฝากท้องซะนะ ถ้ามีอะไรก็โทรมาหรือส่งข้อความมา พยายามส่งเป็นภาษาไทยมาเพราะว่าไอ้ฟิลิปส์มันอ่านไทยไม่ออก เข้าใจไหม) แม่ส่งข้อความมาบอกผมว่าส่งเงินมาให้แล้วนั้นเองแต่ก็บ่นผมด้วย ฟิล์มมันยืนอ่านกับผม ก่อนจะหันมามองหน้าผม

   “นี้มึงโดนแม่มึงด่าด้วยใช่ไหมว่ะ เรื่องที่มึงท้องน่ะ” ฟิล์มนั่งลงบนเตียงนอนของผม ผมพยักหน้าว่าใช่

   “แม่มึงเขาไม่รักมึงจริงๆ เหรอว่ะ กูไม่อยากเชื่อเลยว่ะ” ฟิล์มถามผม ผมเลือกจะเงียบไม่อยากพูดอะไรผมรู้ว่าแม่ผมแปลกในสายตาเพื่อน แม่ทุกคนอ่อนโยนแต่ไม่ใช่กับแม่วัลของผม วัลภาของผม ที่ปากร้ายแต่แม่ผมรักผมในแบบที่เขาเป็น

   “กูว่าจะลงไปซื้อะไรมาเอาไว้ดื่มว่ะ อาหารทานไม่ได้อย่างน้อย นมก็ยังดีว่ะ” ผมหันไปบอกฟิล์มก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าสตางค์ ไอ้ฟิล์มมันรีบเดินตามผมมาติดๆ ทันที เพราะว่าถ้าผมปล่อยให้ผมเป็นแบบนี้ เป็นเยอะมากแม่ผมก็คงต้องบินมาและไอ้ฟิลิปส์มันคงรู้เรื่องผมอีก

   “ไปด้วย เดี๋ยวเกิดมึงไปเป็นลมเป็นแล้งที่ไหนใครจะช่วยมึงว่ะ” ฟิล์มบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะหันมาปิดประตู และผมก็ต้องตกใจที่หันมาเจอคนที่ผมเห็นจะหน้าเขาตลอดทุกครั้งที่มองมานั่งอยู่กับเรื่องแย่ๆ แต่ว่าผมตอนนี้ผม…กำลังเผชิญกับเรื่องที่แย่ที่สุด เท่าที่เคยเจอมา ผมกลับไม่กล้าไปหาเขาเหมือนเช่นทุกครั้งไป

   “บีม!!” ผมก็ต้องตกใจเพราะว่าคนที่มายืนที่หน้าห้องผมเป็นคนที่ผมกลัวที่สุด กลัวที่จะเผชิญหน้าและบอกสิ่งที่ผไม่อยากบอกเขา เพราะว่ามันไม่น่ายินดีเอาซะเลย อาจารย์มองหน้าผม สายตาที่บ่งบอกได้ว่าเขาเป็นห่วงผมมากแค่ไหน มันยิ่งเจ็บเท่านั้น เจ็บใจ ทีผมไม่ดีพอสำหรับเขาคนนี้เสียแล้ว

   TBC....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:31:05 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.4.1  อาจารย์กันตภณรู้เรื่องแล้วก

                  Part’ s กันต์ธีร์ ผมก็ต้องตกใจเพราะว่าคนที่มายืนที่หน้าห้องผมเป็นคนที่ผมกลัวที่สุด กลัวที่จะเผชิญหน้าและบอกสิ่งที่ผมไม่อยากบอกเขา เพราะว่ามันไม่น่ายินดีเอาซะเลย อาจารย์มองหน้าผม สายตาที่บ่งบอกได้ว่าเขาเป็นห่วงผมมากแค่ไหน มันยิ่งเจ็บเท่านั้น เจ็บใจ ทีผมไม่ดีพอสำหรับเขาคนนี้เสียแล้ว

         “พี่กันมาได้ยังไงครับ” ผมถามพี่กัน อาจารย์กันตภณหันไปมองฟิล์ม

         “อาจารย์ถามกูน่ะบีม กูเห็นอาจารย์เขาเป็นห่วงมึงมากเลยบอกว่ะ ว่าห้องพักมึงอยู่ชั้นไหน” ฟิล์มสารภาพกับผม

         “ทำไมไม่ไปมหา’ ลัย มีเรื่องอะไรบีม” อาจารย์กันถามผม ผมก้มหน้าลงไม่กล้าสู่หน้าอาจารย์หนุ่มรูปหล่อ

        “เอาอย่างนี้ไหมบีม กูไปซื้อให้ว่ะ นมน่ะ มึงจะได้คุยกับอาจารย์ว่ะ และเพื่อว่าอาจารย์อาจจะช่วยอะไรมึงได้ว่ะ” ฟิล์มเป็นฝ่ายขอตัวลงไปซื้อของให้ผมแทน ผมเงยหน้าขึ้น น้ำใสๆ มันไหลเออ ออกมาและคนที่ยืนตรงหน้าผม กลับใช้นิ้วโป้งปาดมันออกไปอย่างไม่นึกรังเกียจสักนิดก่อนจะควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับให้ผมอีกที

        “ไปคุยกับพี่” อาจารย์กันตภณบอกผม แต่แทนตัวเองว่าพี่

         “เพื่อว่าคำว่าพี่ชาย อาจจะทำให้บีมอยากคุยกับพี่มากกว่าคำว่าอาจารย์ “อาจารย์กันตภณบอกผมพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเสมอ ผมเดินกลับเข้าไปในห้องของผม ผมเดินไปหาที่นั่งที่โซฟา อาจารย์กันตภณนั่งลงข้างๆ ผม

         “ผมจะทำเรื่องขอดรอปการเรียนเอาไว้ก่อนนะครับ พี่กัน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามาก ผมรู้ว่ามันอาจจะทำให้คนฟังผิดหวังในตัวผม เพราะเขาคือคนเสนอให้ผมเข้าไปชิ่งเกียรตินิยมอันดับสอง

         “ทำไมล่ะบีม บีมมีปัญหาเรื่องเงิน เรื่องค่าเทอมหรือไง พี่ช่วยได้น่ะ” อาจารย์กันตภณรีบบอกผม พร้อมกับกุมมือผมเอาไว้ ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา

         “ไม่ใช่ครับ แต่ผมมีปัญหาเรื่องอื่น และมันก็มีผลกับการไปเรียนของผ” " ผมบอกเขา อาจารย์กันตภณมองหน้า เขาไม่เข้าใจ อย่าว่าแต่เขาเลย ผมเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ามันเกิดขึ้นกับผมได้ยังไงและนี่ผมควรจะบอกเขาดีไหม

        “เรื่องอะไรหรือบีม มันร้ายแรงหรือไง บอกพี่ได้ไหม เพื่อว่าพี่จะช่วยได้ พี่อยากให้เราเรียนให้จบพร้อมเพื่อนๆ และที่สำคัญ เราก็เรียนเก่งมาตลอดน่ะบีม” อาจารย์กันตภณพูด เขาพยายามสอดตามองตาผมเพราะว่าผมเองที่คอยหลบตาไม่กล้าสู้หน้าคนที่ตั้งความหวังไว้กับผมมากยิ่งกว่าแม่ผมซะอีก

        “พี่กันถ้าผมบอกพี่แล้วพี่อาจจะไม่อยากมาเจอผมอีกก็ได้น่ะ “ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

         “บอกพี่เถอะ พี่ว่าเราพอจะเดาได้ว่าทำไมพี่ถึงอยากช่วยเรา พี่ยอมรับว่าพี่ สนใจเรา และคิดกับเรามากกว่าลูกศิษย์” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมหันไปมองทางอื่นก่อนจะปาดน้ำตารตัวเอง และหันกลับมามองใบหน้าอันหล่อเปล่าของอาจารย์ จะว่าไป เขาก็มีหน้าตาละม้ายคล้ายให้คนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ แต่ก็คงไม่แปลกคนไฮโซมักหล่อแบบนี้แหละแต่นิสัยโคตรต่างกันเลย ไม่มีส่วนไหนคล้ายกันสักนิด

          “ว่าไงบีมบอกพี่เถอะน่ะ พี่สัญญาจะไม่หายไปไหนไม่ว่าจะร้ายแรงแค่ไหน พี่จะยังอยู่ตรงนี้กับบีม” อาจารย์กันตภณพูดกับผม ผมมองใบหน้านั้น ทำไมผมไม่เชื่อที่อาจารย์พูดว่าไม่อยากให้ผมทำงานแบบนี้ตอนกลางคืนตั้งแต่แรก เรื่องแย่ๆ แบบนี้คงไม่เกิดกับผม และผมคงเปิดใจให้อาจารย์ได้อย่างมั่นใจแต่ตอนนี้ผมไม่กล้าเลยแม้แต่จะคิด

           “พี่กัน ผม ท้องอ่ะครับ” ผมบอกอาจารย์กันตภณ

           “ห๊ะ!! เดี๋ยวน่ะ พี่ได้ยินผิดไปหรือเปล่าบีม” อาจารย์กันตภณพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมากถึงมากที่สุดที่ได้ที่ผมพูดออกไป

           “ผมท้องจริงๆ ครับ ฮือๆ ผมท้องอ่ะครับ และผมก็ท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ฮือๆ ผม “ผมพูดพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาทันที

           “หมับ” อาจารย์กันตภณเข้ามากอดผมทันที เขาคงรับรู้ได้ว่าผมตัวสั่นแค่ไหน ผมเสียใจมาก

           “มันเกิดขึ้นได้ยังไงบีม” อาจารย์กันตภณถามผม พร้อมกับเอามือลูบหัวผมเบาๆ

          “ผม ฮือๆ ผมไม่รู้อ่ะ ทำไมผมถึงได้ซวยขนาดนี้ อ่ะ ฮือๆ “ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วย

           “แล้วใครทำแบบนี้กับเรา บีม” อาจารย์กันตภณถามผม

           “ผมไม่รู้ครับ “ผมตอบอาจารย์ อาจารย์กันตภณถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันทันที

           “ผมมีอะไรกับใครผมเองยังไม่รู้เลยครับ เพราะว่าผมโดนเขาเอายาใส่ในเครื่องดื่ม ที่ผับที่ผมไปทำงาน และผู้จัดการเขาให้ผมไปเป็นคนชงเหล้าให้ เขาก็พยายามให้ผมดื่ม ดื่ม และสุดท้ายผมรู้สึกเหมือนผมร้อนรุ่มและผมก็เดินออกไปเพื่อจะไปห้องน้ำแต่ผมก็หลงไปไหนก็ไม่รู้ และจู่ๆ ก็มีคนมาดึงผมเข้าไปในห้องและมันก็ทำแบบนั้นกับผม ฮือๆ “ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วยอีกครั้ง

           “เราตรวจดีแล้วเหรอว่าเราท้อง “อาจารย์กันตภณถามผม

           “ครับ เพราะว่าผมไปตรวจที่โรงพยาบาลเมื่ออาทิตย์ก่อนครับ “ผมบอกอาจารย์กันตภณ เขาก็มองหน้าผม

           “ไอ้ฟิล์มมันเห็นผมอาการไม่ค่อยจะดี มันเลยให้ผมไปตรวจอย่างละเอียดและเขาก็จับผมตรวจเลือดตรวจทุกอย่าง จนสุดท้ายเขาบอกผมว่าผมตั้งครรภ์ เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ” ผมพูด

            “แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าผมเป็นผู้ชายท้องได้ “ผมพูด พี่กันมองหน้าผม ทำสีหน้าคิดหนัก

            “เรื่องมันเกิดนานหรือยังบีมที่เราไปมีอะไรกับใครน่ะ” อาจารย์กันตภณถามผม สีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าผมซะอีก

            “เดือนกว่าแล้วครับ ตอนนี้เด็กในเดือนกว่าเช่นกันครับพี่กัน” ผมพูด

           “ฟู่!!” เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ของอาจารย์กันตภณ อาจารย์กันตภณจับไหล่ผมและมองหน้าผม

           “แต่เทอมนี้มันจะสอบแล้วน่ะบีม ไปสอบก่อนดีกว่าไหมและเทอมหน้าค่อยว่ากันว่าจะดรอปไหม” อาจารย์กันตภณพูด เขามองหน้าผม

           “พี่เองก็เป็นรองอาจารย์ภาค พี่ก็พอรู้กฎระเบียบโรงเรียนน่ะ นักเรียนที่ตั้งครรภ์ในวัยเรียนสามารถมาเรียนได้ตามปกติ
“อาจารย์กันตภณพูด

           “แต่ผมขาดเยอะในบางวิชา โดยเฉพาะ วิชาของอาจารย์เปรมด์สินีครับพี่กัน” ผมพูด อาจารย์กันตภณมองหน้าผม

            “อาจารย์คนอื่นๆ พี่จะช่วยคุยให้ส่วนอาจารย์เปรมดิสินี่ยึงต้องปล่อยไก่อนนะบีม” อาจารย์กันตพณพูด ผมพยักหน้าก็คงจ้องเอาจามนั้นไปก่อน

             “ตอนนี้มีอะไรให้พี่ช่วย พี่ช่วยเราเต็มทีน่ะ แล้วนี่ไปฝากท้องหรือยัง” อาจารย์กันตภณถามผม ผมสั่นหัวไปมา

             “ผมไม่กล้าไป ผมกลัว ยิ่งสายตาที่เขามองผมแต่ล่ะคนมันแปลกประหลาดอ่ะครับพี่กัน” ผมพูด

             “เราต้องไปหาหมอเพื่อตรวจดู และฝากครรภ์เหมือนเช่นผู้หญิงคนอื่นๆ เขาทำกันบีม เพราะนี้คือความปลอดภัยของเราและเด็กที่ไม่รู้ในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นมา และพี่นี้ เต็มใจน่ะ ถ้าจะให้พี่ รับเป็นพ่อเด็ก” ผมถึงกับเงยหน้ามองอาจารย์กันตภณ เขากล้าที่ทำแบบนี้ได้ยังไงทั้งที่เด็กนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลย ถึงยังไงผมก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะว่ามันไม่ยุติธรรมกับอาจารย์เขา

              “ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่อยากรู้สึกผิด มากไปกว่านี้ “ผมพูด

              “พี่เต็มใจ” อาจารย์กันตภณพูดย้ำว่าเขาเต็มใจ

              “ช่วยผมด้วยวิธีอื่นจะดีกว่า แบบนี้มันไม่ใช่อ่ะครับ ถ้าวันที่พี่เจอคนที่เหมาะกับพี่ พี่จะเสียใจนะครับ ผมขอร้องและผมเองก็จะรู้สึกผิดมากๆ “ผมพูดกับอาจารย์เขา อาจารย์กันตภณมองหน้าผม

             “เออ พี่มีเพื่อนสมัยเรียนมัธยม เขาเป็นหมอน่ะ เขามีโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากนี้มากและพี่พอจะพูดกับเขาได้ ไปหาเขาแล้วกันน่ะ และถ้าต้องไปหาหมอและไม่มีใครพาไป พี่จะได้พาไปได้ “อาจารย์กันตภณเขาบอกผม ผมก็มองอาจารย์กันตภณ ทำไมเขาดีกับผมขนาดนี้ และเสียงประตูเปิดเข้ามาโดยฟิล์มและ เป๊กซ์ และใบชา เพื่อนในกลุ่มของผมแต่ไม่เห็นมะนาว แต่ละคนยกมือไหว้อาจารย์กันตภณกัน

             “สวัสดีครับอาจารย์” เพื่อนๆ ของผม

             “สวัสดี มาเยี่ยมเพื่อนกันเหรอ” อาจารย์กันตภณหันไปถาม คงหมายถึงเป็กซ์และใบชา

            “ครับ “เป็กซ์เป็นคนตอบ แต่อาจารย์น่ะรู้ว่าฟิล์มอยู่กับผมอยู่แล้ว

             “เรามาอยู่เป็นเพื่อนไอ้บีมมันนะครับอาจารย์ มันน่ะตื่นมาก็ไปกอดชักโครก นี้กินก็ไม่ได้ วิ่งเข้าวิ่งออกระหว่างโต๊ะอาหารกับชักโครก” ใบชาพูด อาจารย์กันตภณหันมามองผม

            “นี้เอานามบัตรของพี่เอาไปน่ะและพี่จะโทรไปคุยให้ก่อน แต่ถ้าเราจะให้พี่ไปเป็นเพื่อนบอกพี่ได้น่ะ พี่ยินดี พี่ยินดีทำมากกว่านั้น แต่พี่อยากให้เราเต็มใจให้พี่ทำตามที่พี่ได้เสนอเราไป ข้อเสนอของพี่ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนเพราะว่าพี่…. ยินดีที่จะดูแลเราสองคน” อาจารย์กันตภณบอกผม เพื่อนๆ ของผมยืนมองด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจเพราะว่าเขาไม่ได้ยินที่ผมกับอาจารย์คุยกัน

            “ถ้าบีมมีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเวลา “อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะลุกขึ้น ผมได้แต่มองอาจารย์กันณภณจนเขาเดินออกจากห้องผมไป ผมก้มลงมองที่นามบัดนั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์กันตภณ เดชาวชิรภังกุลชร คณะเศรษฐศาสตร์ ผมวางนามบัตรของอาจารย์กันตภณลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมผม

             “อาจารย์เขาจะช่วยอะไรมึง มึงก็รับไว้เถอะบีม ตอนนี้มึงไม่ต่างจากตัวคนเดียวเลยว่ะ แม่มึงก็แทบจะไม่มาดูดำดีมึงเลย มีแต่ส่งเงินมาให้ใช้ “เป็กซ์นั่งลงข้างๆ ผม

              “มะนาวมันบอกว่าแม่มันมาหามันอ่ะ รีบโบกรถแท๊กซีกลับไปแทบไม่ทัน” ใบชาพูด ผมพยักหน้า

              “มึงมันซวยอะไรเบอร์นี่ว่ะบีม กูนี้ยังไม่อยากจะเชื่อเลยวะบีมว่ามึงจะเป็นผู้ชายที่ท้องได้น่ะ” ใบชาพูด เพื่อนๆ ผมหันไปพร้อมกับทำท่าจะตบหัวใบชากันคนล่ะที

             “ปากมึงเหรอไอ้ชา” เป็กซ์หันไปพูด

             “เรียกกูใบชาเถอะ ไอ้ชามันดูเถือนๆ ว่ะ” ใบชาพูด ผมหันไปมองของที่ฟิล์มซื้อมาให้ผม เป็นนมสดรสต่างๆ

             “มึงควรจะบำรุงให้มากๆ ว่ะ เพราะว่า เด็กน่ะดูดแคลเซียมจากมึงไปเยอะน่ะ อันนี้พี่สาวกูบอกมาอีกทีว่ะ” ฟิล์มบอกผม ฟิล์มมีพี่สาวสองคน คนโตแต่งงานแล้วมีลูกสองคนแล้ว เหลือแต่คนที่สอง ที่ยังทำงานอยู่ ผมพยักหน้าก่อนจะรับนมมาดื่มเข้าไป

             “พรุ่งนี้ไปฝากท้องได้แล้วนะมึง เพื่อจะได้วิตามินมาทาน อันนี้พี่สาวกูก็บอกมาด้วย และมึงควรจะต้องตรวจคัดกรองอีกหลายอย่าง ช่วงก่อนไตรมาสแรกอ่ะบีม มันสำคัญมากๆ “ฟิล์มอธิบายกับผม ผมก็ต้องเลิกคิ้วสูง

             “อย่าถามกูเลย กูรู้แค่นี้และทั้งหมดนี้พี่ฟ้าก็บอกมา” ฟิล์มบอกผม

              “ให้พวกกูไปเป็นเพื่อนไหมว่ะ” เป็กซ์เอ่ยปากถามทันที ผมเงยหน้าขึ้นมองทุกคน ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ผมเองก็ไม่กล้าให้อาจารย์กันตภณไปกับผมแน่นอน มันอาจจะทำให้อาจารย์เขาเสียภาพหลัก ยิ่งเป็นถึงรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยด้วยแล้วผมยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ไม่กล้าไปดึงให้อาจารย์ลงมาแปดเปื้อนกับผมหรอก

               TBC......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 19:16:22 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.5 กันตภณขอให้หมอภีมช่วยเรื่องบีม

            Part’ s กันตภณ  ผมชื่อกันตภณ ผมเป็นน้องชายของเกริก เดชาวชิรภังกุลชร ผมเป็นน้องชายคนเล็ก ของเฮียเกริก ผมไม่ได้ดูแลกิจการของทางบ้าน ที่เปิดโรงเรียนสามภาษา สอนนระดับอนุบายและชั้นประถมศึกษา ผมรู้ว่าผมมีความสามารถมากกว่านั้น ผมจึงตัดสินใจมาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแทน สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ และวันนี้ผมต้องทำหน้าที่อาจารย์ช่วยเหลือลูกศิษย์ของผม ผมรู้ว่าผมช่วยเพราะว่าผมชอบน้องเขา นายกันต์ธีร์ เขาตั้งครรภ์ไม่พร้อม ผมเองก็ไม่รังเกียจอะไรพร้อมจะเข้าช่วยเต็มที ผมส่งอิเมลแจ้งเหตุผลไปยังอิเมลส่วนตัวท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัย ผมต้องคุยกับอาจารย์ที่นายกันต์ธีร์ลงเรียนด้วยก่อนเพื่อขอให้เขามาสอบ

          “ขอบคุณนะครับที่อาจารย์ให้ความร่วมมือที่จะช่วยให้นายกันต์ธีร์ สามารถจะเข้าสอบได้นะครับ” ผมเรียกประชุมอาจารย์ในคณะและผมได้ขอร้องให้กันต์ธีร์เขามาสอบได้ซึ่งแต่ล่ะคนก็ยินยอมจะให้นักศึกษาสามารถเข้าสอบได้ยกเว้นอาจารย์เปรมสินีย์

          “ที่พวกเรายอมเพราะว่านายกันต์ธีร์เขาตั้งใจเรียนและเรียนเก่งด้วยค่ะ อ่อนน้อมถ่อมต้นค่ะ อาจารย์กัน”

          “ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอไปสอนก่อนนะคะอาจารย์กัน” ผมพยักหน้าก่อน ผมหมดคาบสอนของวันนี้ ผมตั้งใจว่าจะไปหาหมอภีมเพื่อจะได้คุยกับหมอภีม

            “สวัสดีค่ะอาจารย์กันตภณ” เสียงทักทายทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง คนที่เดินเข้ามาในห้องทำงาน เธอชื่ออาจารย์เปรมสินีย์ เธอเข้ามาเป็นอาจารย์สอนวิชาบัญชี เข้ามาทีหลังผมแต่ว่าเธอก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นรองอาจารย์ภาคได้อย่างรวดเร็ว

             “สวัสดีครับอาจารย์เปรมสีนีย์ สอนเสร็จแล้วเหรอครับ” ผมถามอาจารย์เขาโดยไม่ได้มองหน้าเธอ

            “ค่ะ ปุ้มพึ่งจะสอนนักเรียนห้องที่อาจารย์กำลังกิ๊กกันอยู่เสร็จแล้วค่ะ “อาจารย์เปรมสินีย์พูด เขามองหน้าผม

            “ตกลงนักศึกษาของอาจารย์เขาเป็นอะไรไปค่ะ ป่วยเหรอคะ ป่วยเป็นโรคอะไรเหรอคะเลยมาเรียนบ้างไม่มาเรียนบ้างและนี้ก็หายไปเกือบสองอาทิตย์ได้แต่จะขอกลับมาสอบ มีใบแพทย์มาไหมคะ ปุ้มจะได้ทำเรื่องให้เขาสอบได้เหมือนอาจารย์คนอื่นๆ นะคะ” เธอถามผม ผมเงยหน้ามองอาจารย์เปรมสินีย์

             “ถ้าป่วยการเมือง ปุ้มไม่ให้นะคะ” เธอพูด ผมก็มองหน้าเธอ ผมไม่แปลกใจหรอกถ้าเธอจะไม่ให้

            “ถ้าอย่างนั้น ผมก็คงให้บีมลงเรียนใหม่แต่ผมหวังว่าจะได้เรียนกับคนที่มีจิตใจเมตตาที่พร้อมจะช่วยนักศึกษาในยามที่เขาต้องการ” ผมพูด

            “แต่เปรมดิสีนีย์ได้ยินจากอาจารย์ทันอื่นๆ เขาพูดกันว่าลูกศิษย์ของอาจารย์ตั้งครรภ์ไม่ใช่เหรอคะ” อาจารย์เปรมดิสินีย์ถามผม ผมหันไปมอง ใช่ครับ ผมพึ่งไปยื่นเรื่องกับอธิปบดีของทางมหาวิทยาลัยเอาไว้ผมแจ้งว่าบีมเขาตั้งครรภ์และกฎหมายได้ออกมาแล้วว่า นักเรียนที่ตั้งครรภ์มีสิทธิ์เข้าเรียนได้ตามปกติแต่น่าแปลกใจที่เรื่องนี้กลับมาถึงหูอาจารย์เปรมด์สินี่เร็วมาก

             “แล้วนักศึกษาคนดีของอาจารย์ ไปทำงานกลางคืน จนไป…พลาดท่ากับใครหรือเปล่าละคะแต่ว่าอาจารย์กลับอยากรับผิดชอบอย่างนั้นหรือคะ ใจดีจังเลยนะคะ” อาจารย์เปรมดิสินีย์พูด

            “อาจารย์ทราบได้อย่างไรครับบีมเขาไปทำงานกลางคืน ผมว่าบีมเขาไม่น่าจะสนิทกับคุณมากจนเล่าทุกอย่างหรอกมั้งครับ” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น ผมมองหน้าเธอ เธอก็มองหน้าผมชักสีหน้าตกใจ ผมเดินอ้อมจากโต๊ะทำงานออกมา ผมยืนประจันหน้ากับเธออยู่

            “ว่าไงครับ” ผมถามเธอ

            “ก็ได้ยินนักศึกษาเขาพูดกันนะคะ ว่าเด็กคนนี้ชอบออกไปทำงานกลางคืนบ่อยๆ” อาจารย์เปรมดิสินีย์พูดพร้อมกับหลบตาผมด้วยการหันไปมองทางอื่นแทน

           “แล้วเรื่องเขาท้องละครับ ผมว่าผมส่งเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวให้กับท่านอธิการบดีเท่านั้นน่ะครับ อาจารย์” ผมพูด เธอหันมามองหน้าผม

             ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องพักดังขัดจังหวะขื้นพอดี ผมหันไปมองตรงประตูพร้อมกับอาจารย์เปรมสีนีย์พอดี คนที่เปิดเข้ามานั้นคือ แพรวา ลูกสาวของเฮียธรรมรัตน์ ลูกของเพื่อนรักพ่อผมอีกทีและเขาก็เป็นรุ่นพี่ที่สนิทกับพ่อผมเช่นกัน ตอนนี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

             “ขอโทษนะคะ แพรวาเข้ามาขัดจังหวะอะไรกันหรือเปล่าคะ” แพรวาถามขึ้น เธอมองผมกันอาจารย์เปรมสีนีย์

             “มาพอดีเลย เข้ามาซิ อาจารย์มีข่าวดีจะบอกเธอน่ะ” อาจารย์เปรมดิสีนีย์พูด แต่ว่าผมกำลังจะออกไปพอดี ผมเลยหันหลังไปเก็บของเพื่อจะไปหาหมอภีมปภพที่โรงพยาบาลและจะรีบไปแวะดูบีมสักหน่อย

           (อาจารย์มีเรื่องข่าวดีอะไรเหรอคะ) แพรวาถามอาจารย์เปรมสินีย์

           (อาจารย์จะเสนอชื่อให้เธอได้รับเกียรตินิยมอันดับสองแทนใครบางคนเพราะว่าคน คนนั้นไม่เหมาะสมแล้วแหละ) ผมได้ยินเพราะว่าเธอจงใจพูดให้ผมได้ยินนั้นเอง ก็ถึงกับสะดุดหยุดนิ่งสักพัก

             (จริงเหรอคะอาจารย์ ดีจังเลยค่ะเพราะว่าแพรวาจะได้เอาไปให้พี่เธียรวิชย์แฟนของแพรวานะคะ พี่เธียรวิชย์เขาจะให้รางวัลแพรวา ให้แพรวาขออะไรก็ได้ แพรวาจะขอให้พี่เธียรวิชย์แต่งงานกับแพรวาค่ะ)

             “อาจารย์กัน สวัสดีครับ ผมขอโทษทีนะครับที่ผมติดธุระนะครับ ที่อาจารย์เรียกประชุมนะครับ” ผมเจออาจารย์อีกคนที่เป็นครูสอนวิชาที่บีมลงทะเบียนเช่นกัน

             “ไม่เป็นไรครับอาจารย์ว่าแต่อาจารย์สะดวกตามที่ผมขอไหมครับ” ผมถามอาจารย์เขา

             “สะดวกครับ ผมยินดีครับ ผมน่ะไม่ใจร้ายใจดำทำกับนักศึกษาได้ลงขอหรอกครับ” อาจารย์เขาพูดได้โอกาสพอดี ผมเข้าใจว่าอาจารย์เขาก็คงว่าเหน็บอาจารย์เปรมสินีย์เช่นกัน

            “ขอบคุณแทนกันต์ธีย์เขานะครับ ถ้ามหา’ลัยเรามีอาจารย์แบบครูเยอะๆ นี้ นักศึกษาคงดีใจนะครับและมั่นใจได้ว่าเขาได้เรียนจนจบแน่นอน” ผมพูด

            “ผมขอตัวนะครับพอดีผมจะแวะไปทำธุรนะครับ” ผมบอกอาจารย์ก่อนจะเดินแทรกออกไป ผมก็หยิบมือถือมา จะโทรหาหมอภีมดีไหม ตั้งแต่คืนนั้นงานประเพณีของทางมหาวิทยาลัย ผมก็ไม่ได้โทรหาหมอภีมอีกเลย ผมคิดอีกทีไปถึงแล้วค่อยโทรหาแล้วกัน

             //สวัสดีครับอาจารย์// ผมเลือกโทรหาบีมแทน ระหว่างที่กำลังเดินลงไปที่ลานจอดรถ

            // เป็นไงบ้างบีม วันนี้แพ้เยอะหรือเปล่า// ผมถามบีม

           //วันนี้ก็เบาลงหน่อยแล้วครับอาจารย์//บีมตอบผม

          // บีม พี่ขออาจารย์ให้แล้วน่ะ พี่จะส่งตารางสอบให้ว่าเขาสอบกันวันไหนและบีมก็มาเข้าสอบน่ะ// ผมบอกข่าวดีกับบีม

          //ขอบคุณครับอาจารย์//บีมขอบใจผมทันที

           // อาจารย์กำลังจะไปคุยกับหมอภีมเพื่อจะได้นัดเราไปฝากครรภ์บีม// ผมบอกกับบีม

           //ขอบคุณจริงๆ ครับอาจารย์ ผมไม่รู้ว่าผมจะชดใช้อาจารย์หมดไหม แต่ผมจะทำนะครับ//บีมตอบผม

          //ไม่ต้องชดใช้อะไรให้พี่หรอกครับ แค่บีมเรียนให้จบแค่นี้พี่ก็ดีใจแล้ว “ผมพูดกับบีม

           //อาจารย์ครับ ผมขอวางสายได้ไหมครับ ผมรู้สึกว่าผมจะ… อาเจียน….อ้วก….” บีมก็ทำท่าจะวางสายผมเพราะว่าเธอจะอาเจียน ผมก็เดินมาถึงรถเก๋งคลาสสิกของผม ผมมือถือของผม บีมกดตัดสายไปแล้ว ผมก็ก้าวเท้าขึ้นรถของผมไปทันทีเช่นกันเพื่อจะไปหาหมอภีมปภพ

              ผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาลของพ่อของหมอภีม แต่เขาก็ใกล้จะได้เป็นผู้อำนวยการอยู่แล้วในฐานะลูกคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาล ผมนำรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถสำหรับผู้มาติดต่อ ผมนำรถเข้าไปจอดด้านหลังเหมือนเช่นเคย ผมเดินเข้าไปด้านใน เดินเข้าทางนี้เพื่อจะไม่ให้ต้องผ่านด้านหน้าและผมก็รู้ว่าแผนกของหมอภีมอยู่ตรงไหน หมอภีมเขาเป็นหมอสูตินรีเวชและเป็นหมอที่เก่งเรื่องการทำคลอด น่าแปลกน่ะ

            “สายป่าน พี่ว่าพอได้แล้วมั้งค่ะ สายป่านจะเอาอะไรอีก” เสียงการสนทนาของหมอภีมภพ ผมชะงักเท้าหยุดทันที

             “น่าจะพอใจสายป่านได้แล้วมั้ง ที่ทำกับพี่และพี่กันเขาแบบนี้ ทั้งที่สายป่านก็รู้ว่า จริงๆแล้ว พี่สาวของสายป่านเขาก็อยากจะออกไปเจอคนที่รักเขาและการแต่งงานของพี่กันกับพี่สาวสายป่านมันก็เกิดจากผู้ใหญ่เขาจัดการกันเอง ไม่เกี่ยวกับพี่กันเลย” ผมชะงักเท้า

             “แต่พี่สาวสายป่านแต่งเพราะว่าพี่หลินเขารักพี่กันต่างหากและที่ต้องไปเพราะว่าพี่ ที่ส่งรูปที่พี่กับพี่กันนอนกอดกัน” สายป่านพูด

           “แล้วเป็นไงคะ ตอนที่พี่กันเขาเห็นพี่นอนแก้ผ้ากับสายป่านน่ะเขารู้สึกยังไง”

           “สายป่านเธอมันบ้าไปแล้วถึงได้กล้าทำเรื่องอะไรแบบนี้เพียงเพราะอยากแก้แค้น เธอมันไร้ยางอาย! “ผมนิ่งไปหลายนาที ผมควรจะเดินออกไปหรือถอยหลังกลับออกไปดีกว่า

            “สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ “พี่พยาบาลคนหนึ่งเขาทักทายผม ผมเดาว่าเขาจำผมได้ดี

           “นี้คุณกันเพื่อนคุณหมอภีมนี่น่ะ “เธอทักทายผมและจังหวะนั้นหมอภีมเดินเข้ามาพอดี เขาได้ยินชื่อผมนี่แหละ

           “กัน” หมอภีมเรียกผม

           “ม๊าของกันมีนัดตรวจวันนี้เหรอกัน” หมอภีมถามผม ผมก็ชะเง้อมองไปทางด้านหลังหมอภีมว่าหมอสายป่านเขาไปไหนแล้ว

          “มองหาใครเหรอกัน” หมอภีมถามผม

          “ไม่มีหรอกภีม” ผมพูด

           “แล้วม๊าละ “หมอภีมถามผม

          “วันนี้ม๊าไม่มีนัดตรวจหรอกภีม คือกันมีเรื่องจะมาคุยกับภีมน่ะ” ผมพูดกับหมอภีม หมอภีมได้ยินก็ฉีกยิ้มทันทีให้ผมทันที

         “พอดีว่าเป็นช่วงพักเบรกพอดีเลย ไปหาอะไรทานกันไหมกัน เคเฟ่ร้านเดิม ร้านที่อาจารย์กันตภณชอบ “หมอภีมปภพถามผม

           “ได้น่ะ” ผมพูด หมอภีมพยักหน้าและพาผมเดินออกไปทางด้านข้างโรงพยาบาล ระหว่างที่ผมเดินออกไปกับหมอภีม ผมรู้สึกว่ามีคนมองผมสองคนอยู่ ทำให้ผมชะงักเท้าและหันไปมองแต่ว่าไม่เจอ แต่ผมมั่นใจว่ามีคนมองผมกับหมอภีมจริงๆ

           “กัน หลินเขามาฝากท้องอีกแล้วน่ะ” หมอภีมบอกผม ผมหันไปมองหมอภีม

         “ก็หลินเขาอยากมีลูกหลายๆ คนนิ” ผมพูด

         “หมับ” ผมหันมามองคนที่จับแขนผมเอาไว้

         “ภีม ทำไมอ่ะ ทั้งที่กันก็รู้ความจริงๆ เรื่องหมอสายป่านแล้ว ทำไมกันยังไม่ให้อภัยภีมอีกละกัน “หมอภีมพูดกับผม ผมหันมามองหน้าหมอภีม

          “เรื่องของเรามันไม่ใช่เพราะหมอสายป่านหรอก” ผมพูด

          “ไปหาที่คุยกันก่อนได้ไหมภีม กันมีเรื่องอย่างให้ภีมช่วย” ผมหันมาบอกหมอภีม เขาพยักหน้ากับผมก่อน ตอนนี้ผมสองคนเดินมาถึงคาเฟ่เล็กๆ ไม่ไกลจากโรงพบาบาล ผมเดินเข้าไปด้านใน หมอภีมก็ไปสั่งกาแฟให้ผมทันที อเมริกาโนไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาล หมอภีมเดินมานั่งตรงข้ามกับผม

          “สั่งของโปรดให้แล้วน่ะ ว่าแต่มีเรื่องอะไรเหรอกัน” หมอภีมถามผม

         “ภีม ลูกศิษย์ของกันเขาตั้งครรภ์อ่ะ จะให้เขามาฝากครรภ์กับภีมได้ไหม” ผมพูดกับหมอภีม เขามองหน้าผม ด้วยสีหน้าตกใจ

          “ไม่ใช่กับกันแต่ว่ากับใครกันไม่รู้” ผมพูด หมอภีมก็พยักหน้า ทำสีหน้าคลี่คลายขึ้นมาทันทีก่อนจะยิ้มอ่อนๆ ให้ผม จังหวะนั้นกาแฟนมาเสิร์ฟพอดีเลย ผมก็มองของว่างที่หมอภีมสั่งให้ผม ของว่าที่เน้นสุขภาพจริงๆ ผมหันไปพยักหน้าขอบคุณพนักงานเสิร์ฟ

          “ที่สำคัญไปกว่านั้น คือน้องเขาไม่ใช่ผู้หญิงอ่ะภีม “ผมพูดกับหมอภีม เขาก็ตกใจมากกว่าตอนทีผมบอกว่าจะนักศึกษาของผมตั้งครรภ์ซะอีก

          “แต่ภีมไม่เคยมีคนไข้เป็นผู้ชายที่ตั้งครรภ์มาฝากท้องมาก่อนนะกัน” หมอภีมยื่นหน้ามากระซิบกับผมทันที

          “นะภีม น้องเขาเองก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ได้มาก่อน “ผมพูดกับหมอภีม เขาก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาทันที สีหน้ากังวลมาก

          “นะภีม กันขอร้อง ช่วยเด็กคนนี้ที เขาไม่กล้าไปฝากครรภ์ที่ไหนเพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย ถ้าภีมไม่ช่วย เขาแย่ๆ แน่ๆ แถมตอนนี้ก็แพ้ท้องหนักมาก กันเห็นแล้วสงสารมาก นะภีม กันขอร้องละ” ผมพูดกับหมอภีม หมอภีมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไปทันที ก่อนจะ

         “โอเค งั้นก็ให้น้องเขามาตรวจเลือด ตรวจคัดกรองเสียก่อนน่ะ ให้มาวันไหนดีละกันจะได้นัดพยาบาลเอาไว้ให้ “หมอภีมพูด ผมดีใจมาก

          “ให้เร็วที่สุดได้ไหมภีมเพราะว่าน้องแพ้หนักมากจริงๆ กันเป็นห่วงเขา” ผมพูด

         “กันเป็นห่วงขนาดนี้ กันรู้สึกอะไรกับเด็กคนนี้หรือเปล่า” หมอภีมถามผม

          “ยอมรับนะว่ากันรู้สึก กันอยากดูแลเขา กันไม่สนว่าเขาจะผ่านอะไรมา กันรักเขา “ผมพูด หมอภีมจากที่ยิ้มอยู่ก็หุบยิ้มทันที

          “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เลยก็ได้นะกัน” หมอภีมบอกผม ผมพยักหน้ากับหมอภีมด้วยความดีใจ

           Rrrrr จู่ๆ มือถือหมอภีมก็ดังขึ้น

           (ครับหญิงแม่ เออ ผมลงมาทานของว่างครับ ที่คาเฟ่ข้างๆ โรงพยาบาลครับ ผมลืมจริงๆ ครับหญิงแม่ ได้ครับ ผมจะขึ้นไปตนนี้เลย ครับ ครับแม่ ครับผม ได้ครับ เจอกันครับ) หมอภีมปภพ รับสายจากแม่ของเขา ผมกับพ่อและแม่ของหมอภีมไม่ค่อยได้เจอกันหลังจากที่เขาได้เรียกผมเข้าไปคุยขอร้องผมเรื่องหมอภีมปภพ เขาอยากให้ภีมมีครอบครัว มีลูกมีหลายเพื่อสืบทอดกิจการโรงพยาบาลที่ท่านสร้างมา ผมก็เลยยอมและเลือกแต่งงานแทนแต่สุดท้ายผมต้องเลิกรากับหลิน เพราะว่าผมเองก็ไม่ได้รักหลินและผมเองก็ให้สิ่งที่หลินเขาวาดฝันเอาไว้ไม่ได้เช่นกัน

           “ภีมไปก่อนนะกัน” หมอภีมอบกผม ผมพยักหน้า ผมลุกขึ้นยืน กันหันมามองผม

         “กันเดินไปจองคิวได้เลยน่ะ บอกเขาว่า ผมให้เขารัดคิวให้เพื่อน้องจะได้รีบตรวจคัดกรองให้เร็วที่สุด มันดีกับคนตั้งครรภ์น่ะกัน” หมอภีมบอกผม ผมพยักนห้าและหมอภีมก็เดินออกไปทันที ผมรีบเดินตามหมอภีมเข้าไปด้านในแต่ว่าหมอภีมเขารีบเดินจั้มอ้าวเข้าไปซะก่อน ผมเลยตามไม่ทัน ผมรีบเดินไปที่แผนกของหมอภีม

          “สวัสดีค่ะคุณกัน วันนี้จะให้ออกบัตรนัดให้อาม่าใช่ไหมคะ” พยาบาลถามผมทันที

          “ไม่ใช่ครับ ผมจะออกบัตรนัดให้กับ เออ ให้กับ ลูกศิษย์ของผมนะครับ อันนี้หมอภีมปภพเขาบอกว่าให้ลัดคิวให้หน่อยครับ” ผมพูดก่อนจะกดเพราะว่าผมเคยถ่ายภาพบัตรนักศึกษาของบีมเอาไว้ ผมก็ส่งให้พยาบาลดู เขามองดูบัตรนักศึกษาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมแต่ก็บันทึกและเบอร์ติดต่อ เพื่อทำการนัด เขาก็มองหน้าผมเป็นระยะๆ เพราะว่าบัตรนักศึกษาของบีมมันเป็นนายด้วยมั้ง แต่ก็ทำการนัดให้ผมทันที ผมคิดว่าจะขับรถไปหาบีมและไปบอกข่าวดีกับบีมด้วยตัวผมเองมากกว่า



               Part’ s กันต์ธีร์ ผมนั่งๆ นอนๆ เบื่อมากแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ แพ้ท้องถี่ๆ กันแบบนี้ ผมอาเจียนไปหลายรอบแต่ก็ทานได้อยู่ ผมก้มลงเอามือลูบท้องตัวเอง จะสามเดือนแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ฝากท้องเลยโชคดีที่หมอคนแรกที่ผมไปตรวจครรภ์เขาให้ยาบำรุงมาด้วย มีโฟลิกที่จำเป็นมากในการตั้งครรภ์

           “พ่อรู้ว่าเจ้าไม่ผิดอะไรแต่ว่าอย่ามาลงโทษพ่อแบบนี้ซิ ให้พ่อได้กินอะไรบ้างเถอะน่ะ “ผมบ่นเด็กน้อยในท้อง

          “มึงจะให้ลูกเรียกมึงว่าพ่อจริงๆ เหรอบีม” ฟิล์มถามผม ผมหันไปมองไอ้ฟิล์ม

            “ก็กูเป็นผู้ชายอ่ะ” ผมพูด

           “ผู้ชายคลอดลูกได้ มึงก็ได้สิทธิ์แม่ไปแล้ว เรียกพ่อคงไม่ได้มั้งมึง” ฟิล์มพูด

           “งั้นก็เรียกมี้ดิ น่ารักดี” ผมสองคนหันไปมองมะนาวมันชะเง้อคอมองเข้ามาในห้องน้ำ

           “บีม อาจารย์กันตภณมาหามึงอ่ะ” ใบชาตะโกนบอกผม เท่านั้นแหละ

            “อึก อึก อึก อ๊วก” มาอีกแล้ว ผมหันไปกอดชักโครกทันที ผมโบกมือให้พวกฟิล์มออกไปรับหน้าอาจารย์ก่อน ผมกลัวอาจารย์เขาจะเข้ามาตอนนี่ มาเห็นผมอาเจียนแบบนี้ ผมโก่งคออาเจียนจนแทบจะไม่มีอะไรออกมาอยู่แล้ว

           “หมับ” มีคนมาลูบหลังให้ผมเบาๆ

            “ฟิล์มอาจารย์กันกลับไปแล้วเหรอ” ผมถามคนที่ลูบหลังอยู่

            “ยัง” ฟิล์มตอบผมแต่ว่าน้ำเสียงมันอยู่ไกลจากผม ผมเหลียวหลังหันไปมองคนที่ลูบหลังผมนั้นคืออาจารย์กันตภณ ผมก็ตกใจทันที จนผมเท้าแขนผิดอาจารย์กันตภณก็เข้ามารีบรับร่างของผมเอาไว้ทันที กลัวผมล้มลงไปกระแทกพื้น ผมหันมามองหน้าอาจารย์ ใบหน้านั้นใกล้ชิดกับผมมาก จนผมต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ นั้นลงคอไป

           “บีมไหวหรือเปล่า” อาจารย์กันตภณถามผม ผมพยักหน้าและค่อยๆ ลุกขึ้น โดยมีอาจารย์กันตภณคอยพยุงผมขึ้นและพาผมออกไปนั่งที่โซฟา

           “พี่กันมาหาผมอีกแล้ว” ผมถามพี่กัน

          “พี่จะมาบอกข่าวดีว่า พี่คุยกับเพื่อนของพี่แล้วน่ะ เขารับจะรับฝากครรภ์ของบีมและพี่เชื่อว่าหมอภีมเขาจะดูแลเราอย่างดี “ผมพูด

          “แล้วพี่ได้บอกเขาไปไหมครับว่าผมเป็นผู้ชายนะครับ” ผมถามพี่หมอภีม

          “บอกซิครับแต่หมอภีมก็ยังทำหน้าสงาสัยนะครับ” พี่กันพูด

          “เราไปกันพรุ่งนี้เลยร่ะบีมจะได้ตรวจคัดกรองทุกยอ่างก่อน “พี่กันตภณบอกผม ว่าให้ผมไปพรุ่งนี้เลย อาจารย์กันตภณกุมมือผมเอาไว้ เขาคงรู้ว่าที่ผมเงียบเพราะว่าผมกังวล

          “พี่บอกหมอภีมแล้วดังนั้นหมอภีมน่ะจะกำชับกับพยาบาลเป็นอย่างดีอยู่แล้วนะภีม “อาจารย์กันตภนบอกผม ผมพยักหน้า ตอนนี้อาการแพ้ผมยังน่าเป็นห่วงอยู่ ถ้าได้ตรวจอย่างละเอียดอีกทีก็คงจะดี ผมนั่งคุยกับอาจารย์กันตภณสักพักอาจารย์เขาก็ขอตัวกลับก่อน ส่วนผมก็ต้องไปดูตารางที่จะใช้ในการสอบ อย่างน้อยเทอมผมยังได้สอบเทอมนี้และเทอมหน้าผมอาจจะขอดรอปเรียนจนกว่าลูกโซ่จะเดินได้นั่นแหละ นี่ผมต้องหางานทำเอาไว้รอก่อนเลยซิน่ะ หรือว่าผมอาจจะเรียนไม่จบเลยก็ได้มั้ง ลูกก็ต้องเลี้ยง งานก็ต้องทำอีก

         TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 12:23:34 โดย PFlove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.5.1 หมอภีมรับปากจะดูแลคนรักของกันอย่างดี

                Part’ s หมอภีมปภพ  นั่งรอคนไข้คนพิเศษของกันตภณ อยู่ในห้องตรวจ ตอนนี้ในหัวผมวุ่นวายไปหมด ถามว่าผมยังคงไว้แค่ขณะที่เพื่อนจริงหรือไม่ ไม่เลย ผมยังรักกันตภณอยู่ เขาเป็นเพื่อนคนแรกและเป็นรักแรกของผม จนถึงทุกวันนี้ก็ยังรักอยู่ แต่งานไปแล้วผมก็ยังรักเขาอยู่ จนเขาเลิกกันแล้วผมก็ยังรักเขาอยู่ดี และมาตอนนี้เขากำลังจะบอกว่าเขาชอบนักศึกษาของเขาแถมน้องเขายังตั้งครรภ์ได้ แต่กันตภณเขาบอกว่าไม่ใช่เขา เขารู้ว่าผมรู้ว่าเขาไม่สามารถมีลูกได้ แต่สีหน้าและแววตาที่ดูเป็นห่วงเด็กคนนั้นซิ มันไม่เหมือนตอนที่เขาพาหลินมาตรวจสุขภาพและนั้นความลับของกันก็ถูกเปิดเผย ภาพวันนั้นมันติดตาผมแต่ไม่เจ็บปวดเท่าสายตาของเขาวันที่มาขอร้องผมนั้น ผมตรวจคนไข้เสร็จก็นั่งพักรอคนไข้คนต่อไป

   Rrrr โทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น กันตภณ ผมรีบกดรับสายทันที

   (ภีม วันนี้บีมเขาไปกับเพื่อนๆ เขาน่ะ) กันตภณบอกผม

   (แล้วกันล่ะจะมาด้วยหรือเปล่า) ผมถามกันกลับไป

   (อยากไปแต่ไปไม่ได้ เขาเรียกประชุมด่วน เรื่องไร้สาระ) กันบ่นมาให้ผมฟัง

   (ก็บอกแล้วว่างานแบบนี้มันจุกจิก ทำไมไม่ลาออกมาบริหารงานโรงเรียนของป๊าตัวเองละ คราวนี้คุณกันตภณอยากได้แบบไหน ก็ได้ตามใจคุณเลยเพราะคุณคือเจ้าของ) ผมพูดแอบยิ้มเล็กน้อย

   (เรียนมาตั้งเยอะให้มาเป็นผู้อำนวยการนั่งเซนต์เอกสารเฉยๆ นี่น่ะ) กันพูด

   (ตกลงที่หงุดหงิดนี้เพราะว่าเขาเรียกประชุมหรือว่ามากับน้องบีมเขาไม่ได้กันแน่) ผมถามกันตภณกลับทันที

   (ไม่ได้ไปด้วยไง) กันตภณพูด ผมเองก็ไม่รู้จะถามทำไม ถามไปผมก็เจ็บเปล่าๆ

   (เอาน่ะ จะดูแลแทนอย่างดี) ผมพูด

   (น้องแพ้ท้องมากจริงๆ ภีม อาเจียนมากด้วยและทานได้นอนมาก กันเป็นห่วงมากน่ะภีม) กันตภณพูด ผมก็หันไปมองเวลา น้องยังไม่ได้เวลานัด

   (โอเค งั้นจะสั่งยาให้น้องจะได้ดีขึ้น เอาใจเลยน่ะเนี๊ยะ!) ผมพูด

   (ประชดหรือเปล่า) กันตภณถามผมกลับ

   (ไม่ได้ประชดเอาใจก็ผิดอีก) ผมพูดเชิงน้อยใจแต่จังหวะนั้นพยาบาลเดินเข้ามาพอดี ด้วยท่าทีรีบร้อย

   (แป๊บหนึ่งน่ะกัน สงสัยงานเข้า) ผมบอกคนปลายสาย

   “คุณหมอภีมค่ะ ไปห้องฉุกเฉินตอนนี้ด่วนเลยค่ะ มีคนไข้เจ็บท้องกะทันหันค่ะและตอนนี้แพทย์ที่ห้องฉุกเฉินกำลังช่วยทำคลอดแต่ว่าเด็กติดค่ะ น่าจะต้องผ่าคลอดด่วนค่ะ ตอนนี้เลยค่ะ” พยาบาลรายงานผม ผมเหลือบมองเวลา คนไข้คนพิเศษของกันตภณก็กำลังจะมาถึง

   (กัน ภีมมีเคสคนไข้ด่วนอ่ะ แค่นี้ก่อนน่ะ ภีมโทรหานะกันน่ะ ภีม…) ผมพูดและกำลังจะท้ายเหมือนเช่นเคยแต่ผมลืมไปว่าตอนนี้คงไม่ได้แล้ว

   (อะไรภีม) กันถามผม

   (ไม่มีอะไรกัน ดูแลตัวเองด้วยเป็นห่วง) ผมพูดก่อนจะกดวางสายไป ผมก็รีบวิ่งไปที่ห้องฉุกเฉินทันที ผมตรงไปสวมถุงมือและหยิบหูฟังมาพาดที่คออ่อนจะตรงไปที่เตียที่มีผ้าม่านปิดอยู่ ผมตรงเข้าไปตรวจดูแล้ว การเต้นหัวใจเด็กเริ่มอ่อนลง

   “เข้าห้องผ่าตัดตอนนี้เลย” ผมหันไปบอกพยาบาลอยู่ในห้องและผมก็เข้าไปเขียนใบส่งตัวขึ้นห้องผ่าตัดด่วน ผมคิดว่าผมคงไม่ทันได้เจอน้องบีมวันนี้ ผมรีบกดโทรไปที่แผนกของผมทันที แต่น้องเขาพึ่งจะสิบสองวีควันนี้ ผมคงทำอะไรไม่ได้มากเพราะว่าต้องให้เขาตรวจเลือดวัดค่าต่างๆ ก่อนถึงจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คือสั่งยาให้น้องก่อนเพื่อช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนก่อน

   “สวัสดีค่ะ แผนกแม่และเด็กค่ะ ภิญญาพัชร์รับสายค่ะ”

   “พี่อุ้งอิ้งครับ คนไข้ของผมมาถึงหรือยังครับ ชื่อคุณกันต์ธีร์นะครับ”

   “น้องมาถึงแล้วค่ะน้องพึ่งจะยื่นบัตรเมื่อสักครู่ค่ะคุณหมอ”

   “ผมฝากให้ส่งน้องเขาไปเจาะเลือดตรวจ คนไข้ฝากครรภ์นะครับ” ผมพูด

   “ห๊ะ!!!” พี่อุ้งอิ้งถามผมด้วยน้ำเสียงตกใจ

   “พี่ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ตรวจตามที่ผมแจ้งนะครับและส่งร้องไปห้องอัลตราซาวน์เลยนะครับ อัลตราซาวน์แบบละเอียดนะครับและให้เขาส่งไฟล์ให้ผมทันที ส่วนน้องก็ให้ไปรับยาที่ห้องยา มียากลับบ้านด้วยนะครับและนัดน้องเขาให้ผมด้วยนะครับ” ผมบอกพยาบาลประจำหน้าห้องตรวจของผม

   (ตื้ด!!!) ข้อความเข้ามือถือผมพอดี (ภีมค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบีม เข้าบัญชีกันน่ะ) กันตภณส่งข้อความหาผมทันที

   “พี่อุ้งอิ้งแจ้งแผนกการเงินด้วยนะครับว่าค่ายาและค่าเวชภัณฑ์ ผมไปจัดการเอง ส่วนค่าแพทย์ ผมไม่คิดครับ” ผมบอกกับพี่อุ้งอิ้งก่อนจะกดวางสายไป

   “ผมขอใช้คอมพิวเตอร์หน่อยครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ ผมเข้าไปสั่งยาให้บีมทันที นายกันต์ธีร์ กิฟสัน ชื่อคนไทยแต่นามสกุลฝรั่ง ลูกครึ่งเหรอ ผมก็รีบส่งยาให้เขาสองสามอย่างเพื่อนำกลับไปทานที่บ้าน ส่วนผมก็รีบขึ้นไปที่ห้องผ่าตัดด่วนเพื่อเข้าไปทำงานร่วมกับทีมแพทย์ผ่าตัดคนอื่นๆ พยาบาลและผู้ช่วยทีมผ่าตัดที่รออยู่แล้ว ผมเองก็ไม่อยากคิดเลยว่า บีมเขาจะเป็นยังไง มันจะผ่านไปได้ด้วยดีไหม ค่อนข้างกดดันผมยอมรับเลยทั้งที่ยังไม่ได้เจอกันเลย

   เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงการผ่าตัดผ่าคลอดด่วนก็เรียบร้อยไปด้วยดี ผมออกมาแต่งจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อจะได้ลงไปทำหน้าที่แพทย์ต่อ ตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้วด้วย ผมเดินไปเปิดล๊อกเกอร์หยิบมือถือของผมออกมา ก็มีสายไม่ได้รับจากเจ้าไปส์ ไปส์นี่เป็นเพื่อนกับหลานชายของภันตภณเหมือนกัน แม่ของไปส์เขาเป็นน้องสาวของแม่ผมอีกที

   (ว่าไงไปส์) ผมโทรหาไปส์ เพื่อว่ามีเรื่องด่วน

   (เฮียหวัดีครับ) ไปส์ทักทายผม

   (โทรหาเฮียมีเรื่องอะไรหรือเปล่า อี๊ของเฮียไม่สบายเหรอไปส์) ผมถามไปส์

   (แม่ผมนะสบายดี ฟังจากเสียงบ่นลูกชายเมื่อเช้าแปลว่าแม่ผมยังแข็งแรงอยู่เฮีย) ไปส์มันพูด

   (ไปทำยังไงให้อี๊เฮียบ่นเราแต่เช้าล่ะไปส์) ผมถามลูกพี่ลูกน้องของผม

   (เรื่องเดิมๆ อะเฮีย) ไปส์พูดเชิงน้อยใจ

   (ว่าแต่มีเรื่องอะไรล่ะโทรมาหาเฮีย) ผมถามคนปลายสาย

   (เฮียผมถามหน่อยดิ ผู้ชายมีโอกาสท้องได้ไหม) ไปส์ถามผม

   (เฮ้ย!! ถามแบบนี้ อยากไปท้องกับเขาบ้างหรือไง) ผมถามคนปลายสายทันที

   (ไม่ใช่เฮีย เพื่อนผมน่ะ มันไปมีอะไรกับผู้ชาย มันไม่รู้ตัวอ่ะ มันโดนยาด้วยและมันก็กลับมาฝันเป็นตุ๋เป็นตุ๋ว่ามีลูกอะไรแบบนี้) คนปลายสายพูดให้ผมฟัง ผมนี้เกาหัวเล็กน้อย แต่ว่าเด็กที่กันตภณพามาให้ผม เขาก็เป็นผู้ชายนี้ ผมก็บอกไปส์ไม่ได้อยู่ดี นี้ความลับคนไข้ถ้ากันตภณรู้เข้าคงโกรธผมมากแน่ๆ มากกว่าตอนที่ผมไปนอนกับหมอสายป่านแน่นอน (ทั้งผมเองก็ได้เต็มใจไปนอนกับเขา)

   (ไม่น่าจะเป็นไปได้น่ะ โครงการนี้แค่เริ่มต้นคิดเขายังไม่ทำกันนิ แต่ถามว่ามีไหม มีน่ะ พ่อพี่เคยเล่าให้ฟังว่ารุ่นพี่ที่พ่อพี่เคารพเขาเคยมีโครงการนี้ขึ้นมาแต่ถูกกลุ่มที่เขาไม่เห็นด้วย เขาต่อต้านเลยยกเลิกไป) ผมบอกไปส์ไป

   (คุณหมอค่ะ) ผมหันไปมองพยาบาลห้องผ่าตัดเขาเข้ามาเรียกผมเข้าไปดูคนไข้ก่อนจะส่งตัวไปพักที่หวอดคนไข้พักฟื้นหลังคลอด

   (ไปส์เฮียมีคนไข้อ่ะ เอาไว้ค่อยคุยกันน่ะ แต่เฮียมั่นใจว่าไม่น่าจะได้ ไปบอกเพื่อเราน่ะ พักผ่อนเยอะๆ อาจจะพักผ่อนน้อยไป เที่ยวเยอะไปหรือเปล่า เลยฝันไปเรื่อยเปื่อย) ผมบอกไปส์

   (โอเคเฮีย งั้นแค่นี้น่ะเฮีย เออ ม๊าผมบ่นคิดถึงแต่ไม่อยากไปโรงพยาบาลอ่ะ ว่างๆ เฮียพาม๊ากับป๊าเฮียมาทานข้าวบ้านผมบ้างน่ะ) ไปส์พูด

   (โอเค งั้นรอเฮียว่างน่ะ) ผมพูดกับคนปลายสายก่อนวางสายไป ผมเข้าไปดูคนไข้ทันทีและค่อยลงไปดูผลตรวจเลือดและอัลตราซาวน์ มันทำให้ผมคิดน่ะว่า หรือว่าโครงการนี้เขาเปิดแล้วกันแน่ ไม่น่าจะใช้น่ะ ผมต้องถามพ่อผมอีกที มันเป็นไปได้จริงๆ เหรอ ที่โครงการนี้เขาอนุมัติออกมาแล้ว



         Part’ s อาจารย์กันตภณ ผมเดินเข้าไปในห้องประชุมเล็ก มีอธิการบดีของทางมหาวิทยาลัยนั่งอยู่ด้วย อาจารย์เปรมสินีย์นั่งอยู่ใกล้ๆ กับอธิการบดี เธอหันมามองผม เธอยิ้มให้ผมทักทาย ผมก็ยิ้มทักทายเธอเช่นกันเหมือนกับว่าเราแสดงละครใส่กัน เขาแสดงมาผมก็แสดงกลับไป

   “สวัสดีครับ อาจารย์กันตภณ เชิญนั่งก่อนนะครับ ผมต้องขอโทษที่ต้องเรียกประชุมอาจารย์กะทันหันแบบนี้” ท่านอธิการบดีพูด ผมหันไปมองอาจารย์ท่านอื่นๆ เขาก็แอบชี้ไปที่อาจารย์เปรมสีนีย์ ผมรู้เลยใครคือที่ต้องการให้มีการประชุมขึ้น เขาเป็นรองอาจารย์ภาคเช่นกันแต่ว่าเขาเข้ามาแบบก้าวกระโดด

   “เริ่มเลยนะคะท่านอธิการบดี ดิฉันจะขอใช้สิทธิ์ในการคัดค้านให้นายกันต์ธีร์ที่ถูกเสนอชื่อเข้ารับเกียรตินิยมอันดับสองกับทางมหาวิทยาลัยเนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างยิ่งค่ะ” อาจารย์เปรมด์สินีย์พูด ผมหันไปมองเธอ เธอยิ้มให้ผมอย่างผู้จะมีชัย

   “เด็กคนนี้ที่อาจารย์กันตภณขอให้เขาได้เข้าสอบนี่ครับ เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้เหรอครับอาจารย์” อธิการบดีหันมาถามผมทันที

   “เขามีปัญหาสุขภาพนะครับแต่ว่าช่วงที่เขามาเรียนเขาก็ทำงานส่งเรียบร้อยและไม่เคยขาดเรียนเลยก่อนหน้านี้แต่มีแค่ช่วงนี้ที่เขาสุขภาพไม่ค่อยดีนะครับท่าน ผมจึงขอให้เขาเข้าสอบภาคเรียนนี้ก่อนและจะได้กลับมาเรียนตามปกติ” ผมพูดกับอธิการบดี ผมหันไปมองหน้าอาจารย์เปรมด์สินีย์

   “แต่อาจารย์บอกกับอาจารย์ท่านอื่นๆ ว่าเขาตั้งครรภ์นี่ค่ะ” อาจารย์เปรมดิ์สินีย์พูด อธิการบดีหันมามองหน้าผมทันที

   “จริงเหรอครับอาจารย์” อธิการบดีถามผม

   “จริงครับ แต่จะมาตัดสินให้เขาไม่สามารถมาเรียนได้นั้น ผมว่ามันไม่ถูกนะครับ” ผมพูด

   “ด้วยสาเหตุที่ว่าเขาตั้งครรภ์ในมหาวิทยาลัย เราไม่ควรไปสั่งพักการเรียนเขานอกเสียจากนักศึกษาประสงค์จะพักการเรียนเองและเขาควรจะมีสิทธิ์เข้ามาเรียนได้ตามปกติเพื่อจะได้จบตามแผนที่วางเอาไว้นะครับท่าน” ผมพูด

   “นายกันต์ธีร์เป็นคนเรียนเก่งมากค่ะ มีความรับผิดชอบ อ่อนน้อมถ่อมตน มารยาทดี ช่วยงานครูนักเรียนได้ดีทีเดียวค่ะ ดิฉันยืนยันอีกคนค่ะ” ครูประจำวิชาในคณะภาคพูด ผมหันไปยิ้มขอบคุณครู

   “แต่ก็ไม่สมควรที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าเกียรตินิยมค่ะ “อาจารย์เปรมด์ขณะที่ย์พูด

   “แล้วนี่คุณบอกมีรายชื่อนักศึกษาที่จะเสนอแทนอย่างนั้นหรือคุณเปรมดิ์สีนีย์ “ท่านอธิการบดีหันไปถามเธอ

   “ใช่ค่ะ ดิฉันขอเสนอ แพรวา นิวัฒตั้งวงศ์ไพศาลค่ะ ลูกสาวคนเดียวรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศค่ะ “อาจารย์เปรมดิ์สินีย์เอ่ยชื่อของแพรวา ทุกคนหันไปมองทีเธอพร้อมกันหมดเพราะว่าอาจารย์แต่ล่ะคนรู้จักกิตติศัพท์ของเธอดี นี้อาจารย์เปรมดิสินีย์ยังกล้าเสนอชื่อเธออีกหรือ

   “แพรวานี่นะคะ!!” อาจารย์หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น

   “นี่ค่ะเกรดเฉลี่ยของแพรวาค่ะ เขาไม่สูงมากแต่ว่าไม่ได้แย่และเข้าเกณฑ์ค่ะแถมความประพฤติก็ดี ตรงตามเกณฑ์นะคะท่านอธิการบดี” อาจารย์เปรมดิสินีย์พูดก่อนจะยื่นแฟ้มเอกสารให้ท่านอธิการบดีเปิดอ่าน เขามองหน้าอาจารย์เปรมดิสินีย์สลับกับเอกสาร

   “อะไรกันแน่ที่ดี สถานะทางการเงินหรือเปล่าที่ดี” มีอาจารย์หนึ่งในนั้นพูด ผมรู้ว่านีแค่ส่วนน้อยคงคัดค้านไม่ได้ถ้าอธิการบดีเขาเซนต์ชื่อลงลายลักษณ์อักษรเสียแล้ว

   “ผมขอพักเรื่องที่อาจารย์เสนอนายกันต์ธีร์เอาไว้ก่อนนะครับเพราะว่าความประพฤตินอกมหาวิทยาลัยก็สำคัญครับอาจารย์” อธิการบดีพูด อธิการบดีหันมามองหน้าผมเพราะว่าผมทำท่าจะคัดค้านท่านยกมือห้ามผมเอาไว้เสียก่อน

“ผมขอปิดประชุมเพียงเท่านี้ก่อนนะครับเพราะว่าผมมีธุรด่วนต้องรีบไปครับ “อธิการบดีพูดก่อนจะรีบลุกขึ้น เขาหันมามองผมอีกที

   “อาจารย์กันครับ คุณน่ะจบดอกเตอร์มาจากต่างประเทศ มีความรู้ความสามารถมาก ผมถึงได้ดึงคุณมาช่วยงานและมอบหน้าที่สำคัญให้คุณ แถมผมก็รู้จักพี่ชายคุณเป็นอย่างดีเพราะว่าคุณเกริกกับเขาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องจากมหาวิทยาลัยXXXเดียวกันกับผม ผมรู้จักครอบครัวคุณพอสมควรน่ะ ไม่ใช่ตระกูลธรรมดาน่ะ มีคนรู้จักมากมายทีเดียว” อธิการบดีพูด

   “ผมคิดว่า คุณอย่าเอาหน้าที่การงานของคุณมาเสี่ยงกับเด็กคนนี้เลยน่ะ มันไม่คุ้มกัน และผมเห็นว่าเขาน่ะ คงไม่จำเป็นหรอก เกียรตินิยมน่ะ เพราะว่าถ้าไม่มีเส้นมีสายหรือว่ามีบารมีจากครอบครัวเหมือนคุณ ได้ไปก็รับเงินเดือนเท่าๆ กับคนที่จบทั่วไปนั่นแหละ ดังนั้น ผมให้เขามาเรียนให้จบก็น่าจะพอแล้วมั้งครับ” ท่านอธิการบดีพูด มีคนยิ้มอยู่ข้างๆ ท่านก่อนจะเดินออกไปด้วยกัน ผมเองก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้ไม่ชอบบีมเอาซะเลย บีมไปทำอะไรให้เขากันแน่

   “ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะสมเหตุสมผลเพราะว่ามีนักศึกษาที่เรียนเก่งพอพอกับกันต์ธีร์แต่แพรวานี้ซิ มายังไง เขาเรียกม้ามืดเหรอคะ” อาจารย์คนอื่นยังสงสัยเลย

   “ผมได้ยินมาว่าพ่อเธอทุ่มเงินบริจาคให้กับนางศิษย์เก่าเยอะเลย และนี้คือเหตุผลมั้งครับ ที่ชื่อเธอจะถูกนำเสนอด้วยแต่เกรดนี้ผมไม่ทราบจริงๆ เธอเรียนสายบัญชี ต้องไปถามอาจารย์สายบัญชีดูนะครับ ว่าเธอได้เกรดเป็นอย่างไรบ้าง” อาจารย์อีกคนพูดขึ้น ผมเดินออกมาจากห้องประชุม วันนี้บีมเขาไปฝากครรภ์แล้วซิน่ะ ไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไรบ้าง แต่ว่าก่อนที่ผมจะวางสายจากหมอภีม เขามีเคสด่วนด้วยนิ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินกลับไปที่ห้องพักอาจารย์

   “นี่แก ที่แพรวามันพูดจริงไหมวะ ว่ามันจะได้เสนอชื่อแทนคนที่ชื่อกันต์ธีร์ ที่เรียนเก่งๆ อ่ะแต่นางแพรวามันไม่เก่งเลยน่ะ มันโง่ซะด้วยซ้ำ มันได้ไปได้ยังไงวะ กูก็คิดว่าพวกเราที่ตั้งใจเรียน ไอ้คนที่ชื่อบีมก็ดันมาไม่ได้เหมือนกัน” ผมได้ยินนักศึกษาพูดถึงแพรวาขณะที่เขาเดินผ่านเขาไปโดยไม่ได้สังเกตเขายืนอยู่ตรงนั้น

   “งานกลุ่มมันยังจ้างเขาเลยและเกรดนี้มาโด่งมาก มาได้ยังไงก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ คงเพราะว่าพ่อกระเป๋าหนักอ่ะ” พวกเขาพูดถึงแพรวากันแบบนี้

   “อาจารย์!” ผมสะดุ้งตกใจ พอผมหันหันมาเจอมะนาวกับใบชาเพื่อนของบีมเขาวิ่งเข้ามาหาผม

   “พวกเราไม่ได้ไปกับบีมกันหรือวันนี้” ผมถามทั้งคู่

   “ไม่ได้ไปค่ะพอดีว่าหนูกับใบชา มีรายงานต้องพรีเซนต์วันนี้ค่ะขาดไม่ได้จริงๆ ค่ะ” มะนาวพูด

   “อาจารย์ จริงหรือเปล่าครับที่คนที่ที่ชื่อ แพรวานะครับ เขาบอกว่าเขาจะได้ถูกเสนอชื่อแทนบีมเพราะว่าบีมมันท้องอ่ะครับ” ใบชาพูดกับผม

   “แพรวาเขาพูดไปทั่วมหาลัยแล้วมั้งคะอาจารย์” มะนาวพูด ผมหันไปมอง ผมตกใจมาก

   “แพรวารู้ได้ยังไง แพรวาเขารู้จักพวกเธอและบีมเหรอ ถึงได้เอาเรื่องบีมไปพูดแบบนั้น” ผมถามทั้งคู่

   “ไม่เคยอยากจะเฉียดมาเจอกันเลย นางน่ะ นางฟ้านางสวรรค์ครับอาจารย์ นางคิดว่าสวยเริศในปฐพีและเป็นคุณหนูไฮโซโก้หรูอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ครับ"ใบชาพูดก่อนะหันมามองผมที่ยืนอึ้ง

   "ขอโทษทีครับอาจารย์พวกผมลืมไปว่าอาจารย์ก็รู้จักนาง" ผมพยักหน้าว่าไม่เป้ฯไร

   "แต่ว่าที่นางเอาบีมไปพูดแบบนั้น ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แบบนี้ไม่ใช่นะครับอาจารย์” ใบชาพูด ผมพยักหน้าอีกครั้ง

   “อาจารย์รู้จักแพรวา อาจารย์จะไปพูดกับแพรวาให้นะ แพรวาน่ะเขาค่อนข้างพิเศษนิดหนึ่ง อาจจะทำอะไรที่ไม่ทันคิดบ้าง” ผมพูด ทั้งคู่มองหน้าผม

   “พ่อของแพรวาเขาเป็นเพื่อนแต่จริงๆ ก็รุ่นพี่ของพี่ชายอาจารย์น่ะและอากงของแพรวาก็สนิทกันกับป๊าของอาจารย์ด้วย” ผมพูด

   “ป๊านี้คือพ่อใช่ไหมคะอาจารย์และพ่อของอาจารย์เป็นคนจีนเหรอคะ” มะนาวถามผม ผมพยักหน้า "งั้นอาจารย์ก็เป็นซิคะ" มะนาวถาม ผมยิ้มๆ ใพร้อมกับพยักหน้าว่าเป็น

   “ดูไม่ออกเลยค่ะอาจารย์” มะนาวพูดผมก็พยักหน้า

   “บีมกลับจากโรงพยาบาลหรือยัง มีใครรู้ไหม” ผมถามทั้งคู่

   “ไอ้ฟิล์มบอกว่ากลับแล้วค่ะ พยาบาลบอกว่าน้ำหนักมันลงไปตั้งสองกิโลค่ะ ขนาดมันท้องน้ำหนักมันไม่ขึ้นเลยค่ะอาจารย์” มะนาวพูด

   “กูว่าน่ะ น้ำหนักมันมาอยู่ที่มึงแน่ๆ เลยมะนาว มึงน่ะขึ้นมาอีกสองกิโลตั้งแต่ไอ้บีมมันแพ้ท้อง” ใบชาพูด

   “จะไปหาบีมกันหรือเปล่า อาจารย์ไม่มีสอนแล้ว “ผมถามทั้งคู่

   “พวกเราว่าจะไปหาซื้อพาสต้าอ่ะค่ะ บีมมันอยากกินพาสต้า” มะนาวบอกผม

   “จริงเหรอ” ผมถามมะนาว

   “เมื่อก่อนบีมไม่ชอบกินหรอกค่ะ มันบอกว่ามันเบื่อเพราะว่ามันตอนมันเด็กๆ มันเมืองนอกกินแต่พาสต้าและบ่อยมากอาทิตย์สองสามครั้ง พอมาอยู่ไทยมันไม่เคยร้องกินพาสต้าเลยค่ะ แต่พอมันท้องนี้ มันร้องจะกินซะงั้นนะคะ” มะนาวพูด ผมพลิกนาฬิกาดู วันนี้เจ๊หงส์พี่สาวของผมบอกว่าจะรับม๊าไปทานข้าวที่บ้าน

   “งั้นไปซูเปอร์มาเก็ตกับอาจารย์หน่อย จะไปซื้อของมาทำพาสต้าให้บีมทานกัน” ผมพูด แต่ละคนหันมามองหน้าผมกันหมด

   “อาจารย์ไปเรียนเมืองนอก อาหารก็ต้องทำเองและที่สะดวกคือพาสต้า ชอบทานเหมือนกันและอาจารย์ก็ต้องทำให้หลานชายคนเล็กทาน เขาทานแต่พาสต้าน่ะ อาจารย์ก็ต้องทำให้เขาทาน” ผมบอกเขาสองคน ผมคิดว่าหมอภีมคงยุ่งด้วยผมเลยไม่อยากกวน เอาไว้ไปถามบีมดีกว่า ผมขับรถพาเพื่อนของบีมไปหาซื้อของที่ไปทำพาสต้า ผมเลือกเข้าไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต วิลล่า จะมีของที่ใกล้เคียงกับซูเปอร์มาร์เก็ตกับต่างประเทศ วันนี้ผมจะทำ โบโลเนสซอส ให้บีมทานเพราะว่าบีมต้องเน้นเนื้อสัตว์ ให้มากกว่านี้

   “อาจารย์ครับ อาจารย์ทำอาหารไปก่อนนะครับ ผมกับมะนาวจะลงไปอ่อยผู้ชายอ่ะครับ” ใบชาบอกผมขณะที่เปิดประตูเข้าไปในห้องพักของบีม

   “มะนาวก็อยากช่วยนะคะแต่งานครัวมะนาวไม่ค่อยถนัดค่ะ ถนัดชิมอย่างเดียวค่ะอาจารย์” มะนาวพูด

   “ชิมไปชิมมา หมดค่ะ” มะนาวพูด

   “อันนั้นเขาเรียกกินแล้วย๊ะหล่อนไม่ใช่ชิม” ใบชาพูด

   “หนูเห็นไอ้บีมมันยังหลับอยู่เลยค่ะอาจารย์” มะนาวพูด ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินไปโซนที่เป็นห้องครัว ภาชนะถูกจัดว่างเข้าที่อย่างเรียบร้อย

   “บีมมันเหมือนขุ่นแม่นะคะอาจารย์ เจ้าระเบียบ จนพวกผมแทบไม่กล้าหยิบของมันเลยค่ะ” มะนาวพูด

   “มึงน่ะทำให้ได้ครึ่งหนึ่งของไอ้บีมมันน่ะ แล้วผู้ชายจะมาขอไปทำเมีย” ใบชาพูด

   “งั้นอาจารย์ทำอาหารเลยนะคะ หนูกับใบชาไปทำธุรก่อนนะคะ ไม่อยากอยู่เป็น กขค ค่ะ “มะนาวพูด ผมหันมามองตกลงไปทำธุระหรือว่าแกล้งให้ผมกับบีมอยู่กันสองคนกันแน่ ผมสั่นหัวไปก่อนจะจัดการหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมาสวมทันทีและทำการหั่นนั้นหั่นนี้ พาสต้าที่ผมตั้งใจทำให้บีมทาน

   ระหว่างที่รอ ผมเดินไปแอบดูบิมที่นอนหลับอยู่ เขาไม่ได้ห่มผ้า ผมเลยเดินไปหยิบผ้ามาห่มให้เขา ผมก้มลงมองใบหน้าที่ดูเรียบเนียน ผิวขาวสวย ผมเคยอยู่กินกับหลินมาก่อน เขายังไม่สวยเท่าบีมเลย ทำไมบีมถึงได้ดึงดูดสายตาผมได้ขนาดนี้ แต่ว่าผมไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาส ผมเลือกเดินออกไปด้านนอกทันทีกลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

   TBC....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 12:27:24 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP. 6บีมไม่อยากให้อาจารย์กันรับผิดชอบทั้งที่ไม่ได้ทำ

        Part’ s บีม  หลังจากที่ผมไปทำการเจาะเลือดไปตรวจและอัลตราซาวน์ ผมเห็นเจ้าบีมน้อยๆ ของผมที่ตัวเล็กมากๆ เขาเหมือนนั่งชิงช้าเลยสวิงน่าดู มิน้าผมตื่นมาหน้ามืด เวียนหัวทันที ส่งสัยลูกผมแน่ๆ ไปได้ใครมา น่าบอกน่ะว่าไอ้คนที่มันทำให้ผมท้องน่ะและพอผมกลับมาถึงห้องพักก็ง่วงเลย ผมขอตัวไปนอน ฟิล์มมันบอกจะกลับหาแม่มันก่อน ส่วนเป็กซ์ก็แยกกันตั้งแต่โรงพยาบาลแล้ว คืนนี้ใบชากับมะนาวจะ มานอนเป็นเพื่อนผมแทน



             ผมนอนหลับไปได้สักพักก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น ผมได้กลิ่นอาหารที่หอมน่าทานโชยมาแตะที่ปลายจมูกกลิ้นพาสต้า ใครกันน่ะ เพื่อนผมเหรอ ไม่น่าจะใช้ ถ้าใช่นี่เซอร์ไพรส์ผมมากจริงๆ เพราะว่าพวกนี้ชอบอาหารอีสานกันมากกว่า ผมเดินออกไป สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจ ผู้ชายยืนหันหลังทำอาหารอยู่ เขาสวมผ้ากันเปื้อนอยู่นั้นคืออาจารย์กันตภณ

   “อาจารย์ครับ” ผมเรียกเขา เขาหันมามองหน้าผม ก่อนจะส่งยิ้มให้ผม

   “บอกว่าถ้าไม่อยู่ในมหาวิทยาลัยให้เรียกพี่ไงครับ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมเดินมาหยุดมองสิ่งที่อาจารย์เขาทำอยู่ เขาทำพาสต้าซอส

   “มะนาวบอกว่าบีมอยากทานพาสต้าพี่เลยอาสามาทำให้ทาน “อาจารย์กันตภณบอกผม ผมสูดดมเข้าไปมันหอมมาก หอมมากจน จน ผม เออ ผม

   “พี่กัน ผมขอตัวนะครับ “ผมหันหลังวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที

   “บีม!!” อาจารย์กันตภณเรียกผมเสียงหลง ผมรีบเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูไม่อยากให้อาจารย์เห็นผมสภาพนี้เลย ผมก็ก้มลงกอดชักโครกอีกแล้ว

   “บีม เปิดประตูซิ พี่จะได้เข้าไป” อาจารย์กันตภณเรียกผมจากด้านนอก

   “ไม่เป็นไรพี่กัน พี่อาจจะกินอะไรไม่ลงถ้าเห็นผม อ้วก!!!”

   “แต่พี่เป็นห่วงบีม ให้พี่เข้าไปเถอะบีม” อาจารย์กันตภณพยายามเรียกผม ผมก็อาเจียนจนเกือบหมดพุงเลยทีเดียว ผมรีบเปิดก๊อกน้ำล้างปากทันที ผมเอามือกุมท้องตัวเอง นี้ผมจะต้องแพ้ท้องไปนานแค่ไหนกันเนี๊ยะ! วันนี้ผมไม่ได้เจอหมอภีมปภพเลย หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่รู้แต่ผมรู้ว่าเขาสูงพอพอกับพี่กันนีแหละ ที่ผมรู้เพราะว่าเคยเห็นเขามารับพี่กันที่หมาวิทยาลัย ผมค่อยๆ เปิดประตูออกมา อาจารย์กันตภณยืนมองผม ฝ่ามือนั้นแตะที่หน้าผากผม มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

   “พี่ว่ากลับไปหาหมอภีมอีกรอบไหม” อาจารย์กันตภณถามผม ผมรีบสั่นหัวไปมาว่าไม่ไปดีกว่า ผมเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร อาจารย์กันตภณรินน้ำใส่แก้วน้ำมาให้ผมทันที ผมก็มองไปรอบๆ เพราะว่าปกติเพื่อนผมต้องอยู่แต่นี้หายไปไหนกันหมด

   “ใบชากับมะนาวเขาขอลงไปข้างล่างน่ะ ไปไหนก็ไม่ได้บอกซะด้วย” พี่กันตภณพูด

        “พี่มากับใบชาและมะนาว เขาบอกว่าเราอยากทานพาสต้า พี่ก็พากันไปซื้อของที่ซูเปอร์มาเก็ตวิลล่ามา” อาจารย์กันตภณบอกผม

   “หิวหรือยังครับ พาสต้าพี่เสร็จแล้วครับ” อาจารย์กันตภณถามผม ผมพยักหน้าว่าเริ่มหิวเหมือนกัน อาจารย์กันตภณตักพาสต้าใส่จานมาให้ผมตกแต่งเหมือนพาสต้าในภัตตราคารไม่มีผิด ผมเคยไปทานกับแด้ดและแม่ของผมในวันเกิดของผม ตอนเด็กๆ และอาหารที่ผมจะสั่งมาทานก็ไม่พ้นพาสต้า

   “ดูน่าทานจังเลยครับพี่กัน” ผมพูด

   “ทานเยอะๆ น่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม เข้ายิ้มให้ผม ผมใช้ช้อนส้อมหมุนเส้นพาสต้าทาน มันอร่อยมาก ผมก็ทานได้ อาจารย์กันตภณเขามองผมพร้อมกับอมยิ้มไปด้วย ผมเงยหน้ามองอาจารย์กันตภณ

   “พี่กลับช้าแบบนี้ม๊าพี่ไม่เป็นห่วงแย่เหรอครับ” ผมถามพี่กัน

   “พี่โตแล้วบีมและวันนี้ม๊าพี่เขาไปทานอาหารบ้านเจ๊ของพี่ครับ” อาจารย์กันตภณพูด ผมทานพาสต้าที่อาจารย์กันตภณตักมาให้ผมจนหมดจานเลย อาจารย์กันตภณมองผมยิ้มใหญ่เลย

   “บีม” อาจารย์เขาเรียกผมก่อนจะหันไปหยิบกระดาษทิชชูมาและเขาก็บรรจงเช็ดมุมปากของผมที่เลอะซอสพาสต้า เขาเช็ดมันออกอย่างเบามือ

   “ป่านนี้คงสวีตกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วแก” เสียงเพื่อนของผมเปิดประตูเข้ามาพอดี ผมก็รีบจับกระดาษมาเช็ดเองแต่คงไม่ทัน ใบชากับมะนาวมันคงเห็นแล้ว มันรีบปิดประตูทันทีเช่นกัน อาจารย์กันตภณหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้สองคนนั้นเข้ามา ผมนี้มองเพื่อนรัก ทิ้งไปไหนมา

   “กูลงไปซื้อขนมมา คืนนี้กูค้างกับมึงไง กลัวหิวอ่ะ “มะนาวพูดพร้อมชูถุงขนม มะนาวมองผมกับอาจารย์กันตภณ

   “กูว่าเราลงไปซื้อเพิ่มอีกดีไหมใบชา เดี๋ยวค่อยขึ้นมาใหม่” มะนาวถามใบชา ผมนี้มองบนใส่ทันที มันจะทิ้งผมไปอีกแล้ว

   “กูว่ารอบนี้กลับไปบ้านเถอะมึง” ใบชาหันไปบอกมะนาว

   “อาจารย์ต้องกลับแล้วครับ “อาจารย์กันตภรพูดปนหัวเราะ กับเพื่อนผม

   “ก็นึกว่าอยากอยู่ต่ออะค่ะ” มะนาวพูดก่อนจะวางถุงขนมถูกใหญ่

   “มาพอดีเลย พาสต้าอาจารย์ทำไว้ให้ทานได้เลยน่ะ” อาจารย์กันตภณพูด

   “บีมทานหรือยังครับอาจารย์” ใบชาถามอาจารย์กันตภณ

   “ทานแล้ว หมดจานเลยน่ะ” อาจารย์กันตภณพูด

   “อย่างนี้อาจารย์ต้องมาทำให้ทุกวันแล้วมั้งครับ ขุ่นแม่ของผมน่ะ ทานไม่ค่อยได้ ได้ฝีมืออาจารย์นี้คงจะดีจะได้บำรุงหลานผมไปด้วย “ใบชาพูด ผมเงยหน้ามองใบชา แบบประมาณว่าเบาๆ หน่อย

   “ถ้าอย่างนั้นอาจารย์กลับก่อนน่ะ พรุ่งนี้ต้องพาม๊าของอาจารย์ไปหาป๊าที่สุสานที่ชลบุรี” อาจารย์กันตภลพูด ก่อนจะหันมามองหน้าผม

   “เอาของฝากอะไรไหม” อาจารย์กันตภณถาม

   “ข้าวหลามน้องมนค่ะ/ครับ” คนที่ตอบไม่ใช่มะนาวกับใบชา พร้อมกันมากโดยไม่ได้นัดหมายกันเลย ผมหันไปมองไม่เกรงใจอาจารย์เขาเลยน่ะ

   “ได้ อาจารย์จะซื้อมาฝากน่ะ “อาจารย์กันตภณพูด

   “ดีจังครับ ผมไม่ได้ไปเห็นหลุมศพพ่อผมเลย ผมบินมาอยู่ไทยทันทีกับแม่ผมนะครับ” ผมพูด อาจารย์เขาหันมามองหน้าผม เขาก็แปลกใจเพราะว่าผมเองก็ไม่เคยเล่าให้อาจารย์ฟังเลย ว่าผมไม่ได้ไปแม้กระทั่งงานฝังศพแด้ดของผมเองเพราะว่า ผมถูกให้ออกจากที่นั่นด่วน

   “อาจารย์กลับบ้านดีดีนะครับ” ผมบอกอาจารย์กันตภณ เขาก็มองหน้าผมก่อนจะพยักหน้าและหันไปหยิบเสื้อสูทสวมทับ อาจารย์กันตภณหันมามองหน้าผม ผมคิดว่าผมจะไปตามหาชื่อไอ้คนที่ทำให้ผมท้องให้ได้ อย่างน้อยมันก็ควรจะทำอะไรให้ผมบ้างป่ะ ผมไม่ได้ต้องการให้มันมารับผิดชอบผมหรอกเพราะดูจากสีหน้าและแววตามันคืนนั้น คนอย่างมันน่ะ เป็นพ่อคนก็คงไม่ได้ และนั้นผมจะได้ตัดสินใจได้ถูกว่าผมควรจะยกตำแหน่งพ่อให้ใครดี พ่อแท้ๆ หรือว่าพ่อที่รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ กันแน่

   “บีม อาจารย์กันตภณเขาทำให้มึงขนาดนี้ มึงยอมเขาเถอะ” ใบชาพูด

   “กูควรจะยอมทั้งที่เขาไม่ได้ทำให้มันเกิดขึ้นมาอย่างนั้นเหรอวะ มันยุติธรรมแล้วเหรอว่ะ” ผมพูด

   “กูจะไปถามไอ้ผู้จัดการร้าน ว่าโต๊ะที่มันให้กูไปนั่งดื่มด้วยน่ะ เขาเป็นใคร มันบอกว่าพวกนี้เป็นลูกค้าชั้นดี แสดงว่ามันต้องรู้จัก” ผมพูด

   “มึงจะไปที่ผับนั้นอีกเหรอ มึงไปตามหาแล้วมันจะมารับผิดมึงเหรอวะบีม” มะนาวถามผม

   “แต่กูไม่อยากให้อาจารย์เขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ก่อขึ้นมา เขายังมีอนาคตอีกไกล กูเห็นเพจมหา’ลัย เขาพูดถึงกูกับอาจารย์อ่ะ กูรู้สึกแย่ว่ะ กูขอไปหาไอ้นั่นก่อนได้ไหม แต่กูไม่ได้อยากให้มันรับผิดชอบน่ะกูแค่อยากดูหน้ามันคนที่ขมขื่นกูอ่ะ ฮึกๆ” ผมร้องไห้อีกแล้ว

   “อาจารย์!” มะนาวเรียกคนที่เดินเข้ามา ผมรีบหันหลังปาดน้ำตาทันที

   “พอดีอาจารย์ลืมกุญแจเข้าบ้าน ม๊าของอาจารย์คงหลับแล้ว เดี๋ยวจะได้นอนนอกบ้านเอา” อาจารย์กันตพลพูด ใบชามันก็ไปเดินหาและหยิบไปส่งให้อาจารย์กันตภณ ผมหันไปฝืนยิ้มให้อาจารย์ เขาก็ยิ้มอ่อนๆ ให้ผม ก่อนจะเดินออกไป ผมนี้พ่นลมออกมาทันที ไม่รู้ว่าอาจารย์เขาได้ยินไหม

    TBC….

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2024 18:57:33 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP. 7นายข่าวลือเจ๊กกันทำนักศึกษาท้องถึงหูอาม่าจนได้)

              Part’s เกริกและธัญญารัตน์ พ่อแม่ของเธียรวิชย์และเป็นพี่ชายของอาจารย์กันตภณ วันนี้มีงานสมาคมแม่บ้าน ที่คุณหญิงชลดาเธอได้แต่งตั้งขึ้นมา คุณหญิงเขามีลูกสาวแต่ว่าไม่ยอมแต่งงานสักที วันนี้ได้เชิญเหล่าบรรดาคุณหญิง คุณหญิงธัญญารัตน์ภรรยาของเกริก ใครก็รู้จักเป็นอย่างดี ได้ถูกเชิญมาร่วมงานเช่นกัน เธอมาพร้อมกับแม่ของมิว ว่าที่ลูกสะใภ้ ตอนนี้เธอเกษียณราชการแล้ว เธอเคยเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของสำนักงานกระทรวงการศึกษามาก่อน วันนี้ว่างจึงขอมาเข้าร่วมชมรมกับธัญญารัตน์แม่ของธีร์ ในฐานะที่จะเป็นดองกันกับลูกชายคนโต ธีร

“ธัญญารัตน์ จะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ใช่ไหมคะ ถึงได้พาแม่ของว่าที่ลูกสะใภ้มาเปิดตัวด้วยอย่างนี่นะคะ” คุณหญิงชลดาเอ่ยทักตอนนี้กำลังแยกย้ายเพื่อจะกลับบ้าน

“ตอนนี้ก็…” ธัญญารัตน์ทำท่าจะพูดว่าธีกับมิวเขาขอเลื่อนไปก่อนเพราะว่าพ่อของมิวเขาประสบอุบัติเหตุ

“เร็วนี้แหละค่ะคุณหญิง ตอนนี้ทั้งคู่ก็พร้อมแล้วค่ะ มิวเขาก็เรียนจบมาหลายปีแล้ว น่าจะแต่งงานและมีครอบครัวกันเสียทีนะคะ” แม่ของมิวชิ่งตอบเสียก่อน

“จริงไหมคะคุณธัญญารัตน์” แม่ของมิวหันมาพูด ขยิบตาด้วย เธอก็พยักหน้าแต่ตอนที่คุยกับมิวและธีเขาจะขอเลื่อนไปก่อนนี้แต่แม่มิวเธอจะไม่อยากให้เลื่อน มันทำให้กัญญารัตน์สงสัย เธอไม่รักสามีเธอหรือไง แต่ก็ต้องปล่อยผ่านเพราะว่ามิวเขาเป็นเด็กดีและอาม่าของธีก็ชอบเธอ

“มีข่าวดีนี้บอกกันบ้างนะคะ เห็นทั้งคู่แล้วอิจฉาเลยค่ะ หน้าตาดีทั้งคู่แบบนี้ มีลูกหลานมานี้ต้องน่ารักมากๆ นะคะ” คุณหญิงชลดาพูด

“ขอตัวก่อนนะคะจะไปลาหญิงกมลทิพย์เสียหน่อย “คุณหญิงชลดาพูด ก่อนจะรีบเดินออกไป ธัญญารัตน์หันมายิ้มเจื่อนๆ กับแม่ของมิว เธอนึกในใจทำไมแม่กับลูกเขาพูดไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ เท่าที่ธัญญารัตน์ทราบมาคือมิวเขาอยู่กับพ่อมากกว่าแม่ พ่อกับแม่เขาแยกกันมาพักหนึ่งด้วยหน้าที่การงานหรือะไรนี่แหละ

“คุณหญิงค่ะ ได้รับข่าวดีหรือยังค่ะ” คุณหญิงนิดา เดินเข้ามาหาเธอทันที นิดาคือแม่ของแพรวา

“ข่าวดีอะไรเหรอคะคุณหญิง” ธัญญารัตน์ถามแม่ของแพรวาทันที

“ข่าวดีที่ว่า แพรวาจะได้เสนอชื่อเข้ารับเกียรตินิยมอันดับสองค่ะ เห็นแพรวาบอกว่าเธียรวิชย์ก็จะมีรางวัลใหญ่ให้ด้วยนี่ค่ะ สงสัยจะมีข่าวดีอีกคู่เช่นกันค่ะ” คุณหญิงนิดาวรรณ์พูด ทำให้ธัญญารัตน์ถึงกับอึ้งไปหลายนาทีเพราะว่าลูกชายคนเล็กที่แสนดื้อกับป๊าแต่ไม่เคยมีความลับกับเธอเลยและเธียรวิชย์ก็พูดกับเธอเสมอว่า ไม่เคยคิดอะไรกับแพรวามาก่อนเลย

“รางวัลให้น้องสาวเหรอคะ เธียรวิชญ์เขาก็ให้แบบนี้ประจำ” ธัญญารัตน์พูด ก่อนจะหันไปมองหาคนขับรถ ที่สามีของเธอส่งมาให้

“ไม่ใช่ค่ะ รางวัลของคนรักค่ะ” คุณหญิงนิดาพูด รุ่งรัตน์หันมามองเธอตกใจมาก

“เธียรเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฉันและเฮียเกริกเลยน่ะนิดา “ธัญญารัตน์พูด

“อาจจะเซอไพรส์หรือเปล่าเพราะว่าเด็กๆ เขาคบกันอยู่นี่ค่ะ” ธัญญารัตน์หันมามองแม่ของมิวแทน เธอพึ่งมาเข้าสมาคมก็เลยไม่รู้อะไรแน่ชัด

“ดิฉันขอตัวนะคะ ลูกสาวมารับแล้วค่ะ “แม่ของมิวพูดก่อนจะรีบเดินออกไปเช่นกัน ส่วนธัญญารัตน์ก็รีบขอตัวออกไปก่อนจะยาวมากไปกว่านี้

“ขอตัวนะคะ คนขับรถมาแล้วค่ะคุณหญิง” ธัญญารัตน์และรีบหันหลังเดินออกอย่างรวดเร็ว จนออกมาเจอมิว

“ม๊าสวัสดีค่ะ “มิวทักทายรุ่งรัตน์ธัญญารัตน์

“หวัดดีลูกมิวแล้วเฮียธีล่ะลูก” ธัญญารัตน์ถามหาลูกชายคนโตทันที

“เฮียบอกว่าเลิกเย็นนะคะ มิวเลยจะมารับแม่กลับบ้านก่อนและมิวจะได้กลับมาคอนโดค่ะ เฮียเขาขับรถไปเองค่ะวันนี้” มิวตอบธัญญารัตน์

“งั้นบอกให้ธีโทรหาม๊าหน่อยน่ะมิว นี่ม๊าจะรีบไปทานข้าวบ้านโกวหงส์เขา เขาเชิญทานข้าวด้วยกันวันนี้” ธัญญารัตน์พูดก่อนจะโบกมือเพราะว่าเธอหันไปเจอ พ่อบ้านที่มายืนรอแทนคนขับรถเรียบร้อยแล้ว วันนี้ต้องไปทานข้าวที่บ้านอาหงส์ น้องสาวคนกลางของเกริก ทันทีที่เกริกเห็นภรรยารีบเดินจ้ำอ้าวออกมาก็เดาได้ทันทีที่ว่าเธอหนีใครมา

“ม๊า จะรีบเดินทำไมเดี๋ยวก็ได้หกขล่มกันบ้างหรอก” เกริกเอ่ยถามภรรยาทันที ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เธอก็ยังตัวเล็กและขาว ผิวก็มีริ้วรอยบ้างแต่น้อย

“คุณหญิงนิด้าซิป๊า นี้บอกว่าลูกสาวจะได้เกียรตินิยมอันดับที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ม๊าไม่ได้ฟังแต่ที่ได้ยินคือเธียรจะให้รางวัลใหญ่และยังบอกอีกว่าจะได้ข่าวดีอีกคู่ นี้เธียรไม่ได้พูดเรื่องนี้กับม๊าเลยนะป๊า” ธัญญารัตน์พูดไปเอามือกุมหน้าอกตัวเองไปด้วย ป๊ายืนมองด้วยและยิ้มเล็กน้อย

“ยังมายิ้มอีกป๊า ป๊าก็รู้นิว่าแพรวาเป็นยังไงและยิ่งไม่ถูกกับม๊าเฮียด้วย คงทะเลาะกันบ้านแตกแน่ๆ” ธัญญารัตน์พูด

“ถ้าเธียรมันคิดอะไรด้วยจริงๆ คงไม่หนีไปต่างประเทศหรอกม๊า” เกริกพูดกับภรรยาของเขา

“ขึ้นรถเถอะ ม๊ารอทานข้าวอยู่ที่บ้านอาหงส์” เกริกพูดก่อนจะเปิดประตูให้ภรรยาของเขา สิ่งที่เสมอต้นเสมอปลายของเขาคือให้เกียรติและดูแล ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ถึงจะมีคนขับรถแต่เกริกต้องเป็นคนเปิดประตูให้ภรรยาเขาเองทุกครั้งไป แต่ว่าวันนี้เขาอาสาเป็นขับรถซะเอง

“ไม่ค่อยได้นั่งหน้า ไม่คุ้นเลยเนอะป๊า” ธัญญารัตน์หันมาพูดกับคุณพ่อบ้าน ที่ไม่บ่อยเลยที่จะมาขับรถเองปกติมีคนขับรถให้นั่ง

“ให้พงษ์เขาไปรับม๊า นี้บ่นว่าหลานๆ งานเยอะ ไม่มาทานข้าวด้วยแล้วเนี๊ยะ สงสัยจะเหงา” เกริกพูด

“ก็คงต้องให้ใครสักคนมีเหลนให้อาม่าได้แล้วมั้งเฮีย” ธัญญารัตน์พูด เกริกหันมามองภรรยาของเขา ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปก็ยังสวยเหมือนครั้งแรกที่เขาได้เจอหน้า ตอนที่ป๊าของเขาส่งแม่สื่อไปสู่ขอ เขาก็ไปด้วย

“ป๊า มองอะไรน่ะป๊า “ธัญญารัตน์หันมามองสามีด้วยอาการเขินอาย

“ยังสวยเหมือนเดิม” เกริกพูดกับภรรยาคนสวยของเขา

“ป๊าเนี๊ยะ! ปากหวานน่ะ “ธัญญารัตน์พูด

“ป๊า โทรหาเธียรหรือยัง” รุ่งรัตน์ถามเกริกว่าโทรหาลูกชายคนเล็กหรือยัง

“โทรไปแล้วแต่โทรไปสั่งงานและเขาก็ทำให้เรียบร้อยแล้ว แค่นั้นแหละเพราะว่าป๊าก็ไม่อยากบ่นมาก เธียรวิชญ์ไม่เหมือนคนอื่น เขามีความคิดเป็นของเขาเอง ดื้อแบบมีเหตุผลของตัวเอง “เกริกบอกกับธัญญารัตน์

“ให้เวลาเขาหน่อยป๊าและตอนนี้ก็ไม่ค่อยยุ่งกันเท่าไหร่นิ” ธัญญารัตน์พูด

“ต่อให้ไม่ยุ่ง ป๊าก็อยากให้เขามาเรียนรู้งานนิม๊า” เกริกพูด ตอนนี้รถแลนด์เข้าไปจอดบ้านของน้องสาวเกริก เขาไปรับม๊ามาทานข้าวด้วย หงส์หยกแต่งงานกับวิทย์ เป็นถึงรองผู้กำกับและยังมีลูกสาวสองคนชื่ออาหลิวและอาดอกเหมย ชื่อนี้ม๊าเขาเป็นคนตั้งให้

“สวัสดีค่ะม๊า” ธัญญารัตน์ตรงเข้าไปไหว้แม่สามีทันที ม๊าน่ะเป็นแม่สามีที่ประเสริฐที่สุดของรุ่งรัตน์ คอยช่วยดูแลเจ้าสี่กุมารของเธอมาตลอดจนตอนนี้อาม่าก็อายุเยอะแล้ว

“ลูกๆ ลื้อไม่มากันเหรอ “อาม่าถามเกริกลูกชายคนโต

“วันนี้ยุ่งกันนะม๊าและมันก็จะวันหยุดแล้วด้วย ใครก็พยากออกไปเที่ยวกันม๊า” อาหงส์ลูกสาวพูดกับม๊าของเขา

“อาหารพร้อมแล้วซ้อ ไปทานกันดีกว่าเพราะว่าม๊าเขาหิวแล้ว วันนี้นอนกลางวันยาวไปหน่อยเลยลืมทาน” อาหงส์พูด

“อั๋วไม่ได้ลืมแต่ใครจะทานตอนนอนหลับล่ะ ลื้อทำได้เหรอ กินข้าวตอนนอนหลับน่ะ มันอิมพอสซิเบิ่ล!!” อาม่าพูดกับลูกสาว หงส์หยกกำลังจะอธิบายให้ม๊าเขาเข้าใจแต่ดูแล้วจะไม่ได้ช่วย พี่สะใภ้เลยต้องแตะมือและพยักหน้าว่าพอเถอะแถมยังทำเอาหลานสาวแอบขำอาม่าของเขาทันที ทั้งหมดเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่ถูกจัดเอาไว้โดยคนใช้ในบ้านของเธอ เกริกต้องไปนั่งใกล้กับเพื่อนรักที่ได้หัวใจน้องสาวเขาไปครอง เขาเป็นรองผู้กำกับแล้ว พันตำรวจโทวิทย์ เขาคุยกันถูกคอทีเดียว

“วันนี้เจอแม่ของแพรวา เขาบอกว่าลูกสาวเขาจะได้เกียรตินิยมอันดับที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้จำซะด้วยซิ มัวแต่มองหาคนขับรถแต่ที่ไหนได้เป็นเฮียเกริกที่รออยู่” ธัญญารัตน์พูดขึ้น

“ยังเสนอชื่ออยู่ค่ะ กรรมการต้องทำการตรวจสอบอีกเยอะค่ะอึ้ม” อาหลิวพูด

“แต่มีคนพูดกันทั้งนั้นเลยนะคะอึ้มว่าแพรวา ได้เสนอชื่อเข้าไปได้ยังไงก็ไม่รู้ ไม่มีใครเชื่อ นางไม่ใช่คนเรียนเก่ง ออกจะหัวทื้อซะด้วยซ้ำ รายงานก็จ้างเขาทั้งเลยอึ้ม “อาหลิว ลูกสาวคนโตของอาหงส์หยกพูด เธอเรียนทีเดียวกันแต่เธอเรียนคณะอักษรศาสตร์ จะจบปีนี้เช่นกัน

“แต่ก็มีคนพูดนะคะว่า ที่แพรวาได้เพราะว่า เขาตัดคนที่เจ็คกันเสนอชื่อออกค่ะ คนนี้ลูกศิษย์คนสนิทของเจ๊กกันค่ะ” อาหลิวพูด พอบอกชื่อของกันตภณทุกคนก็หันไปมองอาหลิวกันหมดเพราะว่ากันตภณเขายุ่งจนไม่ได้เจอหน้ากันเลยช่วงนี้ เลยไม่ได้พูดคุยกัน กลับบ้านก็ดึกม๊าของเขาพูด

“เด็กคนนี้เขาท้องค่ะและมีแต่คนบอกว่าเขาท้องกับเจ๊กกันด้วยค่ะ” อาหลิวพูด ทำเอาอาม่าวางช้อนทันที

“แกร็ง!!” เสียงช้อนวางลง หงส์หยกหันไปมองลูกสาวทันที เธอกลัวว่าม๊าของเธอจะเสียใจ

“อาหลิว” หงส์หยกร้องห้ามลูกสาวทันที อาหลิวก็ลืมตัวเอามือปิดปากไม่ทัน

“เขาบอกว่าเจ๊กของเราไปทำเขาท้องเหรอ” อาม่าหันไปถามหลานสาวทันที

“ใช่อาม่า” อาหลิวตอบเสียงอ่อยๆ รู้สึกผิดที่พลั้งปากพูดไป

“ฮาๆ โอ๊ยยย ฮาๆๆ ขากรรไกรจะค้างตายฮา ฮาๆ ” แต่กลับตรงกันข้าม อาม่าหัวเราะดังลั้นแทน หัวเราะต่อเนื่องจนทุกคนแปลกใจแต่ก็มีคนที่นั่งข้างๆ ที่เป็นลูกเขยหัวเราะร่วนไปด้วยเช่นกัน

“ม๊า” หงส์หยกเรียกม๊าให้หยุดหัวเราะก่อนที่ขากรรไกรจะค้างจริงๆ

“ม๊า ไม่ต้องหัวเราะขนาดนั้น” เกริกอีกคน

“ฮึกๆ ฮ่า” มีคนหัวเราะไปด้วยนั้นคือเตี๋ยวิทย์ แฟนของโกวหงส์

“นี่เฮีย จะไปหัวเราะกับม๊าเขาทำไมเนี๊ยะ!” หงส์หยกถามผู้เป็นสามี

“ก็หัวเราะตามม๊าคุณไง นี้ขนาดได้ยินว่าลูกชายม๊าไปทำเขาท้อง ม๊ายังหัวเราะได้ขนาดนี้ “วิทย์พูดกับแม่ยายของเขา

“ไอ้วิทย์!” เกริกปรามเพื่อนรักของเขา

“จะไม่ให้อั๊วขำได้ยังไง ใครอุตริไปปล่อยข่าว บอกมาปรึกษาอาม่าบ้างน่ะ ขำตายเลยกูน่ะ ขำน้ำตาเล็ดเลย” อาม่าพูด เกริกหันไปมองม๊าของเขา เพราะว่าเกริกก็รู้ว่าทำไม

“ทำไมอ่ะอาม่า” อาดอกเหมยหลานสาวคนเล็กถามอาม่าของเธอ

“ก็ตอนอากันมันอยู่กับเมียเก่ามันน่ะ ห้าปีไม่ท้องสักคนแต่อาหลินไปได้อะไรน่ะ ผอออ คนใหม่ “อาม่าพูด ทุกคนหันไมองอาม่าอีกแล้ว

“ใครอ่ะอาม่า ผอออ คนใหม่ ม๊า และหาหลินเขาไปทำงานที่คุรุสภาโน้นเขาไม่ได้เป็นอาจารย์แล้วอาม่าแล้วเขาจะไปเจอผอคนใหม่ที่ไหนละม๊า” หงส์หยกถามม๊าของเธอทันที

“ผอ ก็คือผัวอาจารย์ และผัวคนใหม่อาหลิวก็ไง อาธามบอกอาม่าว่า ต้องยอหน่อย ผอ น่ะ มันโค้ดลับ เดี๋ยวเขารู้ว่าเรานินทาเขาอยู่” อาม่าหันมาพูด

“ม๊า!!!” ทุกคนร้องเรียกม๊าพร้อมกันหมด

(ธาม!!) เสียงลอดไรฟันจากป๊าของเขา

“เรียกพร้อมกันทำไม ไม่เคยเรียกหรือไง ม๊าน่ะ และตะโกนทำไม หูอั๋วไม่หนวกสักหน่อย พวกลื้อนิ” อาม่าหันมามองลูกตัวเอง ลูกเขย ลูกสะใภ้ทันที

“และตกลงอั๋วะหรือพวกลือกันแน่ที่แก่น่ะ หูตึงกว่าอั๊วะอีก แค่นี้ก็ต้องตะโกนอยู่ได้” อาม่าพูดและหันมาถามทุกคน ธัญญารัตน์ถึงกับแตะหน้าผาก รู้อย่างนี้ชวนลูกๆ มาด้วยก็ดี

“อาม่าไม่ตกใจเรื่องเจ๊กกันเหรออาม่า เขาลือกันจะทั้งมหาวิทยาลัยแล้วน่ะ” อาหลิวถามอาม่าเขา

“ให้เขาลือกันไปทั้งประเทศอาม่าก็ไม่ตกใจหรอก จะหัวเราะให้ฟันหักด้วยซิ “อาม่าพูด

“ตอนนี้อาม่าใส่ฟันปลอมคงไม่หักแล้วมั้งอาม่า” อาดอกเหมยถามอาม่า

“หักได้ซิ ถ้าหัวเราะและมันกระเด็นออกไปจากปากอาม่า มันก็หักได้เหมือนกันน่ะ” อาม่าพูด แต่ล่ะคนถึงกับกุมขมับ

“ฮาๆ” มีแต่หลานสาวนี่แหละที่หัวเราะอาม่า กันสองคน

“รู้อย่างนี้ชวนเจ๊ธามมาดีกว่า คงขำน่าดู “ดอกเหมยกระซิบกับพี่สาว

“ชวนมาซิ เจ้ธามโดนแปะเกริกแน่ๆ เล่นสอนอาม่าขนาดนั้น ฮา” สองพี่น้องเขาคุยกัน

“ก็ตอนเจ๊กกันเราอยู่กับอาหลินน่ะ ลูกสักคนก็ไม่มี แต่พออาหลินไปหาคนใหม่ ลูกมาปีละสองคน หัวปีคนท้ายปีคน ตอนนี้ไม่ตั้งทีมฟุตบอลได้แล้วเหรอ” อาม่าพูด

“อาม่า อาหลินน่ะพึ่งจะมีคนที่สี่เองอาม่าและคนที่ห้าก็กำลังตามมาแค่นี้เอง” อาหงส์พูดกับม๊าของเขา

“แค่นี้เองเหรอ อั๋วะก็นึกว่ามีมากกว่านี้น่ะ” อาม่าพูด ลูกสาวถึงกับมองบนทันที

“ดังนั้น ไม่ต้องไปเชื่อข่าวลืออะไรนี่หรอกว่าอีจะไปทำใครท้อง เมียตัวเองทำมาตั้งห้าปียังท้องไม่ได้เลย ซี่ซั๋วต่างอ่ะ” อาม่าพูด

“ถ้าเป็นไอ้เธียรวิชญ์ว่าไปอย่างน่ะ อาม่าจะเชื่อน่ะ “อาม่าพูด ทุกคนหันไปมองอาม่าอีกครั้ง

“ม๊า เธียรมันจะไปทำใครท้อง มันไม่กล้าหรอก กลัวป๊าเขาจะตายไป” ธัญญารัตน์พูดกับอาม่า

“ไม่แน่น่ะ มันอาจจะนำไปแล้วก็ได้น่ะ ไอ้นี่น่ะ พลสุ่มยิง นะอารัตน์น่ะ” อาม่าพูด

“อาม่า หลานอาม่าไม่ได้ไปเป็นทหารนะครับ จะไปเป็นพลสุมยิ่งได้ยังไงครับอาม่า” เตี๋ยวิทย์ถามอาม่า

“นั้นซิอาม่าและคนที่จะมีก่อน คงเป็นธีมากกว่าน่ะ อาเธียรวิชญ์นะยังลอยไปลอยมา คงอีกนาน “อาหงส์หยกพูดกับม๊าของเขา

“ไม่เชื่อลื้อคอยดูน่ะ อั๋วนี้เลี้ยงไอ้สีเทียนมากับมือ นี้มันก็ไม่มาเลย มันจะมาเมื่อไหร่ล่ะ มาตอนลูกเกิดเลยมั้งน่ะ” อาม่าพูดพร้อมกับหันไปทางลูกชายคนโตทันที อาเกริกถึงกับกุมขมับตัวเองทันที

“ว่าไงอ่ะ ลื้อเป็นป๊ามันไม่ใช่เหรอ “อาม่าถามลูกชายตัวเอง ภรรยาที่นั่งข้างพยักหน้าให้ตอบม๊าเขาหน่อย

“เดี๋ยวก็กลับแล้วอาม่า ผมยื่นคำขาดไปแล้ว ให้เรียนให้จบเร็วๆ” อาเกริกบอกม๊าของเชา

“อาม่า กินข้าวเถอะ เดี๋ยวเลยเวลาเข้านอนจนได้และกว่าจะไปถึงบ้านดึกกันพอดี “อาหงส์เลยชวนอาม่าเปลี่ยนเรื่องดีกว่า ธัญญารัตน์หันมามองเกริก เขาก็สั่นหัวว่าเขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวลูกชายคนเล็กเท่าไหร่ มื้ออาหารก็เป็นไปด้วยดี เกริกเขาขับรถมาเองและให้รถที่บ้านไปแวะรับอาม่ามาส่งที่บ้านน้องสาวดังนั้นเขาจึงให้คนขับรถขับกลับไปส่งม๊าเขาเช่นกัน บ้านอาม่าไปคนล่ะทางกันแต็ไม่ไกลมาก

“อาม่า อากันบอกว่าใกล้จะถึงบ้านแล้วน่ะ ถ้าอาม่าถึงก่อนก็ขึ้นบ้านนอนเลยน่ะ กันเขามีกุญแจบ้าน” อาหงส์หยกบอกม๊าเขา

“ทำไมวันนี้มันเลิกสอนดึกหนักล่ะ นักเรียนมันขยันเรียนขนาดนี้เลยเหรอเกริก ดึกๆ ดื่นๆ ก็ยังเรียนกับมันอยู่น่ะ” อาม่าหันไปถามลูกชายคนโต

“เลิกเรียนกันแล้วม๊าและไอ้เจ้ากันคงไปหาเพื่อนหรือเปล่าม๊า” อาเกริกตอบม๊าเขา

“อาพงษ์ เปิดเพลงให้อาม่าด้วยน่ะ “อาม่าบอกคนขับรถขอเพลงทันที

“เพลงอะไรดีอาม่า” คนขับรถถามอาม่า

“กังนัมสไตล์มาก่อนเลยน่ะ “อาม่าพูด

“พงษ์ อย่าเปิดให้อาม่าเขาโยกเยอะหนักล่ะ เดี๋ยวพอไปถึงบ้านก็หน้ามืดเวียนหัว งานจะเข้าเอาน่ะ” ธัญญารัตน์เดินไปคนขับรถทันที โสนคนใช้คนสนิทที่ไปนั่งข้างคนขับรถ ก็คอยกดเลือกเพลงให้อาม่า ส่วนคนขับรถก็เจ้าชู้ใช้หย่อน เดี๋ยวเจออาม่า

“โป้ก!!” ไม้ตะพดตีเข้าให้ทันทีเบาๆ ไม่แรงมาก

“อาม่าตีผมทำเหรอครับ” คนขับรถถาม

“มึงน่ะจะจีบไอ้โสน ไปถามเมียมึงที่บ้านก่อนไหมพงษ์เอ๋ย” อาม่าพูด

“ไม่ได้จีบอาม่าแค่กิ๊กกัน เมียผมมีแล้วแต่กิ๊กผมยังไม่มีครับอาม่า” คนขับรถพูด

“โป้ก!!” อีกโป้กหนึ่ง

“เอาอีกทีดีไหม อาม่าบอกไว้ว่ายังไงพงษ์” อาม่าถาม

“ไม่เอาแล้วครับอาม่า” คนขับรถรีบบอกอาม่าทันที

“ไม่ฟังแล้วเพลงน่ะ ท่องมาเลย ท่องจนกกว่าจะรักเมีย” อาม่าบอกคนขับรถ

“ไม่น่าเลย เลยไม่ได้ฟังเพลงกัน” คนขับรถพูด

“รักเมียต้องอดทน ต้องเป็นคนเคารพเมีย รักเมีย…” จากเพลงเพราะกลายมาเป็นท่องอาขยานแทนเลยคนขับรถนึกในใจ

“ท่องไปเลยให้ถึงบ้าน จะได้รักเมียเยอะๆ” อาม่าบอกคนขับรถ

ส่วนเกริกและธัญญารัตน์ที่แยกตัวกลับบ้าน เกริกเป็นคนขับรถให้ภรรยาคนสวยของเขานั่ง เห็นแบบนี้ตอนหนุ่มๆ ขับรถซิงน่าดูน่ะ ธันญารัตน์เลยไม่แปลกใจที่ว่าทำไมธันและเธียรจะไม่ชอบความเร็ว ขอบแข่งรถ เกริกขับรถกลับบ้านพร้อมกับหันมามองภรรยาของเขา ต่อให้เขามีลูก เขาก็ยังหาเวลาพาภรรยาของเขาไปเติมความหวานอยู่บ่อยๆ

“ป๊าคิดยังไงที่อาม่าพูดเรื่องเธียรนะ” รุ่งรัตน์ถามเกริก

“ม๊าคิดว่าไงล่ะ ถ้าเธียรมันทำใครท้องก่อนแต่ง” เกริกถามรุ่งรัตน์กลับทันที

“ถ้ามีเหรอ ก็ดีน่ะ บ้านเราเงียบเหลือเกิน ดูซิแต่ล่ะคนก็ไปอยู่ในที่ของตัวเองกันหมดเหลือเราสองคนนี้แหละ มีหลานเข้ามาคงไม่เหงาน่ะป๊า” ธัญญารัตน์พูด

“อย่างเจ้าเธียรเหรอ จะปล่อยให้ผู้หญิงที่ตัวเองไปนอนด้วยท้องน่ะ ป๊าเชื่อว่าเธียรไม่กล้าหรอกม๊า นอกเสียจากพลาดท่าเท่านั้นแหละ คราวนี้ม๊าจะได้ลูกสะใภ้แบบไหน คงต้องลุ้นเอาเลยแหละ” เกริกหันมาบอกภรรยาของเขา อันนี้ทำให้ม๊าของเธียรคิดหนักเลยทีเดียว

TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:39:35 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
     
EP.8. ตามหาคนในคืนนั้น 1

                    Part’ s กันตภณ  วันนี้ผมขับรถพาม๊าไปเยี่ยมอากงที่ฝังเอาไว้ ณ สุสานที่จังหวัดชลบุรี วันนี้ผมมากับอาม่าและพี่โสน ผมขับรถมาเองเพราะว่าวันนี้ให้พี่พงษ์เขาหยุดพักบ้าง เขาจะได้อยู่กับครอบครัวของเขาบ้าง จันทร์ถึงศุกร์ขับให้เฮียเกริกก็เหนื่อยแย่แล้ว ผมขับรถประมาณสองโมงกว่าๆ ก็มาถึง

            “ถึงแล้วครับม๊า” ผมบอกม๊าก่อนจะเปิดประตูลงไปพร้อมกับบิดขี้เกียจเล็กน้อย ผมเดินไปด้านหลังเพื่อไปเอารถวิลแชร์ไฟฟ้าพับได้ออกมา ถ้าไปไหนต้องเดินไกลหน่อยผมจะเอาไปด้วย ผมนำรถวิลแชร์เข้าไปเทียบ พี่โสนพยุงม๊าออกมาจากรถ

            “โบสถ์นี้สวยดีน่ะอากัน” อาม่าพูด ผมพยักหน้าว่าสวย เมื่อก่อนป๊ากับม๊าเคยอยู่ที่ชลบุรีมาก่อน ตอนที่แยกตัวออกมาใหม่และตอนนั้น ป๊ากับม๊าก็เริ่มเข้าศาสนาคริสต์ ม๊ากับป๊าก็มาที่นี้แต่ว่าผมน่ะเกิดมาตอนที่ป๊าย้ายไปอยู่กรุงเทพแล้วและเริ่มก่อตั้งโรงเรียน ผมเกิดมาทางบ้านก็มีฐานะพอดีแต่ว่าผมไม่เคยทำนิสัยเกเรกับป๊าและม๊าเลย เป็นเด็กตั้งใจเรียนมาตั้งแต่เด็ก มีแต่หมอภีมนี้แหละที่เกเรแรก แต่พอเขาเจอผมเขาก็เปลี่ยนไปตั้งใจเรียน และนัั้น ผมกับภีมถึงได้เป็นเพื่อนกันมาตลอด

             “โบสถ์นี้อาม่าพาเรามาสาบานตนที่นี้น่ะ ถึงย้ายไปกรุงเทพแต่ก็ยังนึกถึงโบสถ์นี้ตลอด” ม๊าบอกผม ผมเข็นม๊าไปที่หลุมศพป๊าของผม เวลาผ่านไปหกปีแล้วซิน่ะที่ป๊าจากผมไป ม๊าก็ยืนมองป๊าของผม

              “อากุ้ยเอ๋ย เป็นไงบ้าง สบายดีน่ะ แต่อั๋วะว่าลื้อสบายดีแหละ” ม๊าพูด

             “ม๊ารู้ได้ยังไงคะ” โสนถามม๊าผม ผมหันมามองพี่โสน

             “ถ้าลำบาก อากงเขาคงกลับมานานแหละโสนเพราะอากงน่ะไม่ใช่คนมักความลำบากนะอาโสนน่ะ” ม๊าผมพูด ผมนี้ต้องสูดลมหายใจเข้าก่อนจะหันมามองพี่โสน และส่ายหัวเบาๆ อย่างปูทางให้ม๊าผมบ่อย พี่โสนรีบยกมือขอโทษทันที

             “มักความลำบากด้วย ขอบคุณนะคะอาม่า อันนี้โสนเก็ตเลยค่ะ” พี่โสนแน่ล่ะ พี่โสนแกก็สอนอาม่าผมไว้เยอะเหมือนกัน ภาษาบ้านของพี่โสนเขาเนี๊ยะ

            “อากัน ป๊าลื้อน่ะ เขาไม่ใช่คนชอบความลำบากแต่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยผ่านนะ ผ่านมาเยอะ อุปสรรคก็เยอะตามประสบการณ์ ดังนั้น อี๊ก็อยากให้ลูกหลายอยู่กันอย่างสบาย ไม่ใช่แค่สบายเพราะอยู่บนกองเงินกองทองน่ะ สบายใจด้วย เขาถึงได้เหมือนคนที่ ไม่เข้าใจสิ่งที่เราเป็นที่ผ่านๆ มาน่ะ “ม๊าพูด

            “แต่ป๊าเราคงลืมคิดไปว่า โลกนี้มันเปลี่ยนไปเยอะ ตามยุกต์ตามสมัย ลื้อก็ต้องเอามาปรับใช้เอาแล้วกันน่ะ” อาม่าพูด ผมพยักหน้า

              “อากัง!” ม๊าเรียกผม ผมหันมามองม๊าอีกว่ามีอะไร ผมกำลังจะปัดกวาดหลุ่มศพให้ป๊าของผม

              “มีอะไรเหรอม๊า” ผมถามม๊า

             “มีอะไรจะบอกป๊าเราไหมล่ะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกป๊าลื้อได้น่ะ อั๊วะน่ะ บอกประจำและเวลามาที่นี้น่ะ” ม๊าพูด ผมหันไปมองม๊า ผมยอมรับว่าผมมีหลายอย่างที่อยากจะบอกป๊าของผม อย่างแรกผมอยากขอโทษ ที่ผมเป็นลูกที่ทำให้ป๊าไม่สบายใจหลายเรื่อง แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ทันเดือดร้อนเงินทองก็ตาม แต่ที่ไม่สบายใจเพราะว่าตอนที่ผมกับภีมคบกัน ในสายตาใครหลายคน มันยังมองว่าไม่ควรจะเกิดขึ้น ผมกับภีมคบกันแบบเงียบๆ ยังมีคนเอามาบอกป๊าผม แต่สุดท้ายผมก็ต้องเลือกปล่อยมือภีม ไม่ใช่เพราะป๊าผมแต่เป็นเพราะพ่อของหมอภีมเขามาขอผม เขามีลูกชายคนเดียว หมอภีมก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้ จนถึงตอนนี้

                ผมยืนทำความสะอาดสุสานให้ป๊าผม ส่วนม๊าผมน่ะให้พี่โสนพาไปเดินชมวิวรอบๆ โบสถ์ ไม่ไกลจากสุสานตรงนี้มากเท่าไหร่ ผมทำความสะอาดเอง ปัดกวาดเช็ดทำความสะอาด

             “น่ารักจังนะคะ มาทำให้คุณพ่อของคุณเหรอคะ” ผมได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง ผมหันไปมอง เขาเป็นซิสเตอร์ของโบสถ์แห่งนี้ ผมหันไปทักทายเขา

           “มากับอาม่าเหรอคะ” เขาถามผม

            “ครับ อาม่าผมไปเดินดูรอบๆ ด้านโน้นครับ” ผมพูด ตอนนี้ผมทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว

             “อาม่าเขาน่ารักมากนะคะ มาเกือบทุกเทศกาลโดยเฉพาะวันคริสต์มาส บางคนไม่เคยมาเลยค่ะ ก็ได้เด็กๆ ที่อยู่ที่โบสถ์และแม่ชีที่นี้ช่วยกันทำให้แทนค่ะ” ซิสเตอร์พูด ผมพยักหน้า

           “งั้นแม่ชีไปก่อนนะคะ พอดีเดินผ่านมาเลยแวะมาทักทายนะคะ” แม่ชีพูด ผมพยักหน้า เก็บอุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาดเข้าที่ก่อนจะเดินไปตามม๊า ผมว่าจะรีบกลับและไปแวะซื้อของฝาก ข้าวหลามน้องมนที่เพื่อนของบีมบอกผมเอาไว้

              (บีม พี่จะกลับแล้ว จะทานอะไรเป็นพิเศษไหม บอกพี่ได้น่ะเพื่อว่าเราอยากทานอะไรที่ไม่มีใกล้ๆ ที่พักของเรา) ผมส่งข้อความหาบีม

              (ไม่เป็นไรครับพี่กัน ตอนนี้ห้องผมเต็มไปด้วยขนมแล้วครับ ขอบคุณนะครับ) บีมส่งข้อความหาผม ผมยืนนิ่งคิดที่ผมได้ยิน ที่บีมคุยกับมะนาวกับใบชา ว่าจะไปตามหาคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ที่ผับ ผับไหนน่ะ ผมไม่ได้ยินชื่อ

               “อากัน กลับกันหรือยัง” ม๊าเรียกจนผมสะดุ้งสุดตัวเลย

               “ม๊า!” ผมหันมาเรียกม๊า

             “ยืนฝันถึงใครอยู่ละช่วงนี้น่ะ หน้าตาดูเหมือนคนกำลังมีความรัก “ม๊าถามผม ผมยิ้มให้ม๊า

             “ความรักน่ะเป็นสิ่งที่สวยงามนะกัน” ม๊าพูด ผมพยักหน้า

             “แต่ดูวัยด้วยเด็กไป มันจะเป็นโคแกชอบกินหญ้าอ่อนน่ะกันน่ะ” ม๊าพูด ผมนี้ต้องหุบยิ้มทันที

            “ไปม๊ากลับเถอะ” ผมหันไปบอกม๊าทันที

            “แค่นี้ทำเป็นงอน” ม๊าพูดอีก

              “มีคนมาบอกม๊าว่าเราไปทำใครท้องอ่ะ “ผมนี้สะดุดแทบหัวทิ่มไปข้างหน้า ผมหันมามองม๊า

            “ใครมาบอกม๊า” ผมหันมาถามม๊า

             “อาหลิวเขาบอกว่าที่มหาวิทยาลัยเราน่ะ เขาพูดกัน เป็นถึงอาจารย์คณะ มีข่าวซุบซิบกับเขายังกับเป็นดารานักแสดงไปได้” ม๊าพูด

            “แล้วม๊าคิดว่ายังไงล่ะ ม๊าน่ะรู้จักผมดีที่สุดน่ะ” ผมถามม๊า

           “ถ้าเป็นเรื่องจริงนะ อั๋วะคงต้องซื้อหัวหมูและไข่ต้มเยอะเลยไปแก้บน เคยบนเอาไว้ตอนที่ลื้อน่ะแต่งงานกับอาหลินใหม่ๆ นานมากเลยน่ะ แถมยังจำไม่ได้ว่าบนไว้วัดไหนบ้าง สงสัยอั๊วต้องไปทุกวัดเลยน่ะ” อาม่าพูด ผมหันไปมองม๊าของผม

          “อั๊วะบนเอาไว้ว่าให้ทำอาหลินท้องสักที “ม๊าพูด ผมหันมามองม๊า

           “ม๊าก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้จะบนไว้ทำไมละม๊า” ผมถามม๊าของผม

           “เออจริงนะ ไปบ่นให้ไอ้โสนถูกสองตัวตรงยังง่ายกว่าน่ะ” ม๊าผมพูด

            “ไปเลยไหมคะอาม่า มีวัดดังๆ แถวนี้หลายวัดเลยค่ะ “พี่โสนพูด ผมหันไปมองยังมาชวนม๊าผมอีก พี่โสนยิ้มเจื่อนๆ

             “ที่อั๋วะบนเอาไว้มันตั้งแต่ลื้อแต่งงานกับอาหลินใหม่ มันใช้เวลานานน่ะ กว่าสวรรค์จะเห็นคำขออั๊วะน่ะ แต่ส่งมาผิดคนน่ะ” ม๊าผมพูดก่อนจะพยักหน้ากับพี่โสนให้ตามไป ผมอยากจะบอกว่า ม๊าคงไม่ได้แก้บนหรอกเพราะว่าเด็กในท้องบีมไม่ใช่ของผมแต่ผมก็อยากจะได้มาเป็นลูก

              “ม๊า ถ้ากันไม่ได้ทำเขาท้องแต่ว่ากันอยากรับผิดชอบละม๊า” ผมหันมาถามม๊าของผม

            “ลื้อโตแล้วนิ คิดเอาซิว่า ควรไม่ควรน่ะ ไม่มีใครตัดสินให้ลื้อได้หรอก มันอยู่ที่ตัวลื้อ ความคิดของลื้อน่ะ และใจของลื้อนี้ “ม๊าบอกผม

              “ว่าแต่เด็กคนนั้นน่ะ เขาอยากให้ลื้อรับผิดชอบจริงๆ เหรอ” ม๊าถามผม

             “ยังอ่ะม๊า” ผมพูด

            “แสดงว่าเขายังมีความคิดที่ดีอยู่น่ะ ที่จะไม่เอาสิ่งนี้มาผูกมัดลื้อน่ะ เป็นคนอื่นคงตกลงไปตั้งแต่ลื้อถามเขาแล้วแหละ ลื้อมีหน้าที่การงานที่ดี มีเงิน มีสมบัติ นามสกุลลื้อก็ไม่เป็นรองใคร ใครก็อยากได้แต่เด็กนี้ไม่อยากได้ แสดงว่าไม่ใช่พวกหิวเงินหิวทองเหมือนคนอื่นๆ” ม๊าบอกผม ผมพยักหน้าว่าใช่

            “แต่บางที่เขาอาจจะรู้ว่าใครกันที่เขาควรจะรอมั้ง” ม๊าพูด ผมขมวดคิ้วทันที

             “กลับบ้านได้แล้ว ร้อนจะตายแล้วเนี๊ยะ “จู่ๆ อาม่าก็บอกผมให้พาเขากลับบ้านทันที รีบไปที่รถทันที สตาร์ทรถรอ ผมเดินมาพยุงม๊าไปนั่งในรถ ม๊ามองหน้าผม

              “อย่ามองความต้องการแค่ชั่วครั้งชั่วคราวแต่เลือกทิ้งความรักที่มีมานานไปเพราะว่าถ้า เสียไปแล้ว มันเรียกคืนยากนะกันน่ะ” ม๊าบอกผม

             “บางคนก็รอ นานแค่ไหนก็รอเพราะเขาเชื่อว่าระยะทางเป็นเครื่องวัดความรู้สึกและพิสูจน์ความเข้มแข็งของความรักเขาถึงได้รอนานได้ขนาดนี้น่ะ ลื้อละ รออะไรอีก ร้องเพลงรออยู่ได้” ม๊าพูดก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ



             ผมปิดประตูลงเบาๆ ผมนำรถเข็นเข้าไปเก็บผมก็ต้องปิดท้ายรถก่อนจะเข้าไปนั่งทำหน้าที่คนขับ และผมก็แวะซื้อของฝาก อาม่าก็ซื้อแต่ไม่เยอะ พวกผมไม่ค่อบชอบของฝากแบบนี้กันเท่าไหร่ ผมนะซื้อข้าวหลามไปหลายกระบอกเลย

           “ม๊า วันนี้ทานอาหารเย็นเลยน่ะ ไม่ต้องรอกัน” ผมบอกม๊าของผม ผมพาม๊ามาส่งที่บ้านก่อน ม๊ามองหน้าผมและมองกระบอกข้าวหลามที่ผมหยิบออกมาจากท้ายรถ ผมขับรถของป๊าผมไปวันนี้ ผมเลยต้องเปลี่ยนรถของผมต่อ

            “ลือจะไปกินข้าวหลามกับคนท้องเหรอ” ม๊าถามผม

            “กะทิน่ะเลี่ยนตายเลย จากที่แพ้อยู่ก็คงอาเจียนกันยกใหญ่ละ” ม๊าพูด

            “ผมเอาไปฝากคนที่มาดูแลน้องเขานะครับม๊า” ผมพูด ม๊าพยักหน้าว่าไปเถอะก่อนจะเข้าบ้าน ผมก็จะหันหลัง

            “อากัน นัดหมอภีมให้อั๊วะหน่อยซิ” ม๊าบอกผม

             “ม๊า พึ่งไปมายังไม่ถึงกำหนดนัดเลยน่ะม๊า” ผมถามม๊าของผม

             “อั๊วะควรจะบอกอาการของอั๊วะว่าให้รอหมอนัดเดือนหน้าก่อนเหรอถึงจะได้เจอหมอหรือไง” ม๊าถามผม

            “ม๊าไม่สบายเหรอ” ผมถามม๊า

            “อาการอยากเจอหมอ นัดให้หน่อย เข้าใจไหม” ม๊าบอกผม ผมพยักหน้าไป ไม่นัดให้ก็งอนผมอีก

             “อาการอยากเจอหมอ ได้อยู่นะคะอาม่า” พี่โสนกำลังเข็นม๊าผมเข้าบ้าน ผมก็จัดการขนทุกอย่างลงก่อนและกำลังจะไปหาบีม

              “จะให้อั๊วะมานั่งเก็บอาการอะไร เดี๋ยวขี้ไม่ออก ยังรักเขาก็บอกไป เล่นตัวจริงๆ” ม๊าผมพูด ผมนี่หันไปมองม๊าของผมแต่ว่าพี่โสนเข็นเข้าบ้านไปแล้วไง



                 ผมก็ขึ้นรถและขับไปหาบีมเลย ผมไม่ได้บอกด้วยว่าจะไป กะว่าไปเซอร์ไพรส์ ผมว่าจะชวนบีมไปทานข้าวข้างนอกดูบ้างเปลี่ยนบรรยากาศ ทันทีที่ผมไปถึงคอนโดของบีม ผมก็รีบเดินขึ้นไปที่ห้องของบีมทันที ผมขอคีย์การ์ดเอาไว้เพื่อว่ามีอะไรจะได้ขึ้นไปได้เลย แต่พอผมไปถึงที่หน้าห้อง ประตูล๊อก ผมหันซ้ายแลขวา ก็ไม่เจอใคร ผมโทรหาบีม

           (ฮัลโหลครับพี่กัน) บีมรับสายผม

           (บีมพี่มาที่คอนโดของบีมแต่ว่าบีมไม่อยู่ห้อง บีมไปไหนเหรอครับ) ผมบอกบีมว่าผมอยู่ที่หน้าห้องเขาแล้ว

           (ผมไปบ้านฟิล์มนะครับ) บีมบอกผม

            (อ้าวเหรอ พี่เอาข้าวหลามหนองมนมาฝากนะครับ) ผมพูด ผมไม่โกรธบีมน่ะเพราะว่าผมมาโดยไม่ได้บอกเขาเอง

             (พี่กันไปฝากไว้ที่ตรงร้านค้าด้านล่างได้ไหมครับ ผมเคยไปสอนพิเศษลูกเขาบ่อยๆ น่ะครับ เขารู้จักผม) บีมบอกผม

            (ได้ครับ) ผมตอบบีม ผมเสียดายอดเจอบีมเลย

             (พี่กันครับ ผมขอโทษทีนะครับ พอดีแม่ของฟิล์มเรียกผมทานข้าวแล้วนะครับ ผมจะรีบกลับไปชิมข้าวหลามพี่นะครับ ขอบคุณครับ) บีมบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ บีมกดวางสายไปแล้ว ผมกดดูข้อความ แต่ว่าข้อความผมมีการเช็กอินว่าอยู่ตรงไหนด้วย ผมขยายออกมาดู ที่บีมอยู่มันคือผับที่มีชื่อเสียงและผับนี้ค่อนข้างไพรเวทมากต้องเมมเบอร์เท่านั้นถึงจะเข้าได้ ว่าแต่บีมไปทำอะไรที่นั่นเขามีเมมเบอร์เหรอ ผับนี้ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ อย่าบอกน่ะว่าบีมจะไปตามหาไอ้คนนั้นน่ะ ผมหันไปเจอพี่ผู้หญิงที่อยู่ห้องข้างๆ กับบีมพอดี

             “มาหาบีมเหรอคะ ฉันเห็นบีมเขาออกไปกับเพื่อนนะคะ” เธอบอกผม เธอไปรับลูกกลับมาจากโรงเรียน

            “ผมโทรคุยกับบีมแล้วครับ” ผมพูด

            “ผมจะขอฝากของฝากให้บีมได้ไหมครับ” ผมบอกเธอ ผมก็ส่งให้ ไม่ได้มีแต่ข้าวหลามหรอก มีอย่างอื่นด้วย ผมส่งให้เขารับไปและผมก็รีบเดินลงไปทันที ผมเปิดดูเส้นทางผ่านแผนที่บนแอปพลิเคชัน ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ผมต้องรีบไปก่อนที่บีมจะกลับ ผมก็อยากรู้ว่าใครที่ทำให้บีมเป็นแบบนี้

*****

             Part’ s บีม ผมตัดสินใจกลับมาที่ผับนั้นอีกครั้งแต่ผมมาฟิล์มวันนี้ ฟิล์มบอกว่ามาเป็นเพื่อนผมและฟิล์มมันจะรีบกลับบ้าน ไม่อยากกลับมืดๆ ค่ำๆ เพราะว่าฟิล์มมันหลบหน้าไอ้พี่เอ็มอยู่ ผมเลยบอกว่ารีบไปรีบกลับ พอมาถึงอาจารย์กันตภณก็โทรหาผมทันที ผมก็ต้องรีบคุยและรีบกดวางสาย ผมนี้เอามือกุมหน้าอกเลย พ่นลมหายใจออกมาทันที ผมไม่อยากโกหกอาจารย์กันตภณหรอกแต่ผมไม่อยากให้เขามาที่นี้เหมือนกัน ผมหันมาพยักหน้ากับฟิล์มว่าจะเดินเข้าไป ที่ด้านหน้ามีคนยืนคุมอยู่



             “ผับนี้เหรอวะและเรามาตอนนี้ มันเร็วไปไหมบีม “ฟิล์มถามผม

            “ไอ้ผู้จัดการมันต้องมาก่อนเวลาไง กูถึงได้มาเร็วเพื่อดักมันก่อน” ผมพูด

            “แต่ผับนี้ดูหรูไฮโซและดูน่าจะส่วนตัวด้วยมึง เขาจะให้มึงกับกูเข้าเหรอว่ะ” ฟิล์มพูดถามผม ผมหันมามองหน้าฟิล์ม จะว่าไปผมเองก็ไม่ได้ไปตัดผมนานแล้ว ทรงผมรากไทยมันยาวเหมือนทรงผมทอมๆ ผมหันมามองหน้าฟิล์ม ฟิล์มมันมองผม

             “มึงเล่นเป็นพี่ชายกูหน่อย ส่วนกูเป็นน้องสาวมึงน่ะ กูจะบอกว่ากูมาตามหาไอ้ผู้จัดการร้านนั้น มันทำกูท้อง” ผมพูดไอ้ฟิล์มมองหน้าผม

             “มึงก็ท้องอยู่แล้วไง” ไอ้ฟิล์มพูด

             “กูรู้แต่คนที่ทำกูไม่ใช่ไอ้ผู้จัดการนั้น “ผมพูด ไอ้ฟิล์มมันก็มองบนใส่ผมทันทีก่อนจะพยักหน้า แต่จังหวะนั้น

             “พี่ครับ” ฟิล์มเรียกคนที่ทำหน้าที่ยืนคุมอยู่ด้านหน้า ผมสังเกตว่าวันนี้ทำไมคนคุ้มกันเยอะจัง

              “มีอะไรน้อง ผับยังไม่เปิดเลยนะครับน้อง “เขาหันมาบอกผมสองคน

             “ว่าแต่เรามีเมมเบอร์การ์ดไหม ผับนี้ไม่ได้ให้แค่บัตรประชาชนก็เข้าได้น่ะ ต้องเป็นเมมเบอร์เท่านั้นน้องและดูจากน้องสองคนนี้ ไม่น่าจะมีอ่ะ” พี่เขาพูด ผมหันมามองหน้าฟิล์ม

            “ผมไม่มีหรอกครับแต่ผมขอพบผู้จัดการร้านนะครับ “ฟิล์มพูด

            “ผู้จัดการร้านเหรอ มีปัญหาอะไรละน้อง” เขาถามผมท่าทีกวนๆ ไอ้ฟิล์มเริ่มถอยลงมา

             “ผม เอ๊ย หนูจะมาหาพี่ผู้จัดการร้านนะคะ “ผมพูดดัดเสียง พร้อมกับแอนพุงน้อยๆ ถ้ายืนปกติไม่เห็นน่ะแต่ถ้าแอ่นเล็กน้อยจะเห็นบ้าง

             “น้อง…” พี่เขามองและทำท่าจะพูด

              “หนูท้องกับพี่เขาค่ะ หนูจะมา มาให้เขารับผิดชอบ หนูขอเข้าไปหาเขาหน่อยได้ไหมคะ นี้หลบหน้าหลบตา เลวเนอะพี่” ผมพูดดัดจริตสุดๆ ไม่เคยทำมาก่อนเลย ฟิล์มยังมองผม มันยังตกใจเลย

              “เออ น้องผมน่ะ ทำแบบนี้ ไม่ได้น่ะ นี้ผมจะมาคุยกับมันก่อน ถ้าไม่ได้ผมจะไปแจ้งความ เอาตำรวจมาลากคอมันเลยน่ะพี่ ผับพี่คงดังเลยแหละงานนี้” ผมพูด คนที่ยืนอยู่ด้านหน้ามองผมก่อนจะหันไปคุยกัน

              “ให้เข้าไปได้แต่อย่านานน่ะ ผับนี้มีแต่พวกมีเงินและอีกไม่นานลูกค้าก็จะมาแล้ว “พี่เขาพูดก่อนจะพยักหน้าให้ผมสองคนเข้าไป ผมรีบเดินเข้าไปทันที ผมรู้ว่าห้องพักพนักงานอยู่ตรงไหน ผมหันไปมองทางเข้า มันลึกลับน่ากลัวมากจริงๆ วันนั้นผมมาทำงานแต่โชคดีที่ผมยังไม่ได้ให้เอกสารอะไรไป เพราะว่าแค่มาฝึกงานก่อน ผมเคยมาทำงานพาร์ทไทม์แต่ว่ามาเป็นบาร์เทนเดอร์ นานๆ มาที

               “พี่บีม” ผมสะดุ้งทันทีที่มีคนเรียกผม ผมหันไปมอง

               “กิ๊ฟ” ผมเรียกกิ๊ฟ กิ๊ฟมองซ้ายมองขวาก่อนจะรีบลากแขนผมและผมก็ลากไอ้ฟิล์มมาด้วย กิ๊ฟพาผมเดินออกไปทางด้านหลัง

              “กิ๊ฟ พี่จะมาหาผู้จัดการร้าน คนที่เทรนงานพี่” ผมบอกกิ๊ฟ

              “พี่ไม่ควรมาแล้วพี่บีม” กิ๊ฟหันมาบอกผม

              “ทำไมละ” ผมถามกิ๊ฟ

              “พี่น่ะไม่ควรย้อนกลับมาแล้วเพราะว่า พี่น่ะเป็นเหยื่อคืนนั้นรู้ตัวไหม” กิ๊ฟบอกผม

               “กิ๊ฟไม่รู้อะไรมากหรอก แต่ได้ยินไอ้ผู้จัดการน่ะ มันพูดกับพี่กฤษณ์และพี่กฤษณ์นี้ก็ไม่ใช่เจ้าของจริงๆ เจ้าของน่ะชื่อคิม “ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

                “ไอ้นี่โรคจิต วันนั้นเขาส่งพี่ไปให้คนนั้นอ่ะแต่ว่า มีหน่วยรบพิเศษเข้ามาซะก่อน ดังนั้นพี่ไม่ควรกลับมาอีก” กิ๊ฟบอกผม

             “หนูจะออกแล้วพี่บีม “กิ๊ฟบอกผม

            “พี่จำได้ไหม วันแรกที่พี่ไปทำงานผับไหนและไปเจอหนูอ่ะและคืนนั้นมีผู้หญิงที่ทำงานเป็น PR ที่มาเอนเตอร์เทรนคนมีสีเขามาฉลองกันน่ะและเธอเสียชีวิตอ่ะ หนูคิดว่าเจ้าของคนเดียวกับผับนั้นอ่ะ” กิ๊ฟบอกผม ผมจำได้ติดตาเลยเกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว ผมหันมามองฟิล์ม ผมยังเล่าให้ฟิล์มฟังเลย

           “แต่พี่อยากรู้ว่าคนที่ที่ไปชงเหล้าให้วันนั้น มันชื่ออะไรกิ๊ฟ แค่นี้เอง วันที่พี่มาทดลองงานเป็นผู้จัดการร้าน” ผมบอกกิ๊ฟ ผมก็เจอกิ๊ฟคืนนั้น อันที่จริงก็ได้มาแล้วแต่มันครบและผมก็ไม่รู้อันไหนชื่ออันไหนนามสกุล

             “โต๊ะ ริมสุดใช่ไหมพี่” กิ๊ฟถามผม

             “หนูไปดูในสมุดให้น่ะ เขาจะลงไว้เพราะว่าต้องจองแต่พี่อย่าออกไปไหนน่ะ อยู่ตรงนี้ และวันนี้ ไอ้ผู้จัดการร้านมันยังไม่เข้าอ่ะ ตั้งแต่พี่มีเรื่องมันดีใจไม่ต้องโดนไล่ออก” กิ๊ฟพูด ผมพยักหน้าและกิ๊ฟก็เดินออกไป ผมยืนแอบอยู่กับฟิล์ม ตกลงผมเป็นเหยื่อใครกันแน่

              “มึงมีอริด้วยเหรอวะบีม” ฟิล์มถามผม ผมสั่นหัวว่าไม่รู้

               “วันวันกูก็ไปเรียนกับมึงอ่ะ จะไปมีอริได้ยังไงวะ” ผมพูด

              “ฟิล์ม มีคนมา” ผมพูดและรีบไปหาที่แอบทันที ผมเข้าไปหมุดที่ตรงช่องแคบๆ

              (ป๋าครับ) เสียงพระเอกมากเลย

              (การที่ป๋าส่งพี่ปุณณ์ไปดูแลที่นั่นเมื่อห้าปีก่อน ป๋าน่ะจะให้พี่ปุณณ์เขาจัดการไปเลยก็ได้นี่ครับ)

               (ก็มันเป็นพี่ชายผมไม่ใช่เหรอครับป๋า)

              (ผมจัดการเรื่องของผมที่นี้ได้ครับป๋า ผมรู้ครับป๋า พี่ปุณณ์เขากำลังจะกลับไปช่วยเพื่อนเขา ถ้าเขาเลือกแบบนั้น เท่ากับว่าเขากำลังเป็นศัตรูกับผมนะครับป๋า ผมว่าจะไปหาพี่ฌอนที่ปอยเปรต)

             (ผมไม่มีหลักฐานแต่ผมมั่นใจว่า พี่ปุณณ์เขาโทรแจ้งหน่วยรบพิเศษ มันกระทบกับผมครับป๊า ผมเชื่อครับป๋าว่าใช่ ดังนั้นป๊าควรจะบอกลูกชายของป๊านะครับว่าอย่ามายุ่งกับธุรกิจของผม เข้าใจนะครับป๋า) เสียงโคตรนุ่มนวลแต่ว่าผมขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

            “คุณคิมครับ ไปเลยไหมครับ”

              “ไปเลย โทรบอกนังเปรมสินีด้วยนะว่า ให้จัดการคนที่มันจ้างทำงานด้วย อย่าให้ผมต้องลงมือเอง เข้าใจน่ะ ถ้ามันไม่ทำ มันไม่ได้ไปเจอลูกมันแน่ เพราะว่าเขาทำงานพลาด!” ผมนี่เอามือปิดปากจนเกือบจะกลั้นหายใจเลยก็ว่าได้ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกไปแล้ว ไอ้ฟิล์มก็เหงื่อแตก ผมนี้กลัวมันจะเป็นไฮเปอร์ ผมรีบบีบมือฟิล์มเอาไว้ ผมสั่นหัวว่าให้มันใจเย็นๆ หายใจลึกๆ

              “หนูเอาขยะมาทิ้งค่ะพี่” ผมได้ยินเสียงกิ๊ฟดังออกมา

              “เร็วๆ น่ะและปิดประตูด้วย” มีคนบอกเธอ ผมหันมามองฟิล์ม ผมสั่นหัวว่าอย่าพึ่งพูดอะไร

               “อ้าว!! หายไปไหนแล้วล่ะ” กิ๊ฟพูดบ่นพึมพำ

                “กิ๊ฟ” ผมเรียกกิ๊ฟไม่ดังมาก กิ๊ฟหันมามองผม ก่อนจะถอนหายใจ

              “นึกว่าโดน เก็บไปแล้ว” กิ๊ฟพูด ก่อนจะควักมือเรียกผมออกมาจากที่ซ้อน ผมกับฟิล์มหมุดออกมา

             “นี้ชื่อคนในโต๊ะนั้น ที่ได้มาเพราะว่าผู้หญิงเจ้าของบัตรเมมเบอร์เขาระบุเอาไว้แต่ไม่ได้ลงนามสกุลอ่ะ ส่วนผู้หญิงที่มาด้วยไม่รู้ชื่ออะไรแต่ว่ามันลงท้าย วา วา อะไรนี้แหละ” กิ๊ฟบอกผม

              “เวลานางพูด ดัดจริตสุดๆ หัวนี้ต้องส่ายไปด้วย ชอบทำเหมือนกับว่าฉันคือนางฟ้า นางสวรรค์ อะไรแบบนี้ สวยน่ะแต่ ปัญญาอ่อน” กิ๊ฟพูด ผมพยักหน้าและรับกระดาษนั้นมา

              “กิ๊ฟว่าพี่ออกไปก่อนเถอะ” กิ๊ฟบอกผมและพาผมออกไปทางด้านหลัง

              “ตรงนี้เขาให้รถขนขยะมาเท่านั้นพี่ พี่เดินตรงไปน่ะและจะมีทางออกไปอีกซอยพี่บีม” กิ๊ฟบอกผม ผมพยักหน้า

             “ขอบใจนะกิ๊ฟ” ผมบอกกิ๊ฟ

               “กิ๊ฟ กิ๊ฟเป็นคนสวมเสื้อผ้าให้พี่วันนั้นเหรอ” ผมถามกิ๊ฟ

              “เสื้อผ้าพี่ก็สวมอยู่แล้วนิ” กิ๊ฟพูด

              “กิฟท์เข้าไปก็มีคนอยู่กับพี่ เขาบอกว่าเป็นเพื่อนพี่ เขาจะไปเรียกรถแท็คซี่และเขาก็หายไปเลยอ่ะ กิ๊ฟก็ไม่ได้ถามชื่อ พี่ลองถามเพื่อนพี่ดูซิ” กิ๊ฟบอกผม มีคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนผมด้วย ไปกันใหญ่แล้วเรื่องของผม ผมพยักหน้า กิ๊ฟทำมือไล่ผมให้ไปได้แล้ว คงจะมี่คนมา ผมกับฟิล์มรีบเดินออกไปทันที ฟิล์มมันมองผม สีหน้ามันกังวลมาก ตกลงตอนนี้ชีวิตผมกำลังเผชิญกับอะไรนอกจากที่ผมโดนขมขื่นแล้วท้อง ยังมีอะไรอีกละเนี๊ยะ

             “กูไปส่งมึงที่คอนโดก่อนบีมและวันนี้กูต้องกลับบ้านว่ะ มึงอยู่ได้ไหม รออีมะนาวกับใบชา มันจะไปแรดกัน มันกลับมาก็คงตีหนึ่งตีสอง “ฟิล์มถามผม

           “ไปเถอะ กูอยู่ได้” ผมบอกฟิล์ม

           “เมื่อกี้อ่ะ กูโคตรกลัวเลย น้ำเสียงมันทำให้กูขนลุกชันเลยบีม” ฟิล์มพูด ผมเองก็ไม่เคยเห็นน่ะ แต่เคยเจอพี่กฤษณ์อะไรนี่แหละ ผมได้ยินเขาบอกว่าให้โทรบอกนางเปรมสินีย์ ไม่น่าจะใช้น่ะเพราะว่าเรียกจิกหัวขนาดนี้ อาจารย์เขาเป็นถึงรองศาสตราจารย์ขนาดนั้น ผมกับฟิล์มรีบนั่งรถแทคซี่กลับคอนโดทันที ผมคลี่กระดาษดู “เธียรวิชญ์”ตกลงนั้นชื่อไม่ใช่นามสกุลใช่ไหม ไอ้เธียรวิชญ์!!


            TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:40:51 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 
EP.8.1 (เป็กซ์ X พี่ไปส์ )ตามหาคนในคืนนั้น

      Part’ s เป็กซ์     ผมเป็นเพื่อนสนิทกับบีมมาพร้อมๆ กับฟิล์มเลย เรามีอะไรคล้ายๆ กันเลยคบกันและช่วยเหลือกัน มีกันสามคนมานาน ไม่ยอมให้ใครมารังแกใครแต่พอมาเข้ามามหาวิทยาลัยก็มีเพิ่มมาอีกสองคน เลยเป็นห้าคนเลยในแก๊งของผม เราก็ดูแลกันมาตลอด แม้กระทั่งตอนนี้ที่บีมเป็นแบบนี้ แต่สาเหตุมันก็มาจากเป็กซ์ส่วนหนึ่ง

           ผมกลับมาบ้านจากที่หลบหน้าหลบตาไอ้โก้แต่ไปค้างบ้านรุ่นพี่ที่รู้จักเพราะว่าใกล้กับที่ เพราะมันนี้แหละที่ทำให้เขาต้องทำร้ายเพื่อนเขาเอง เป็กซ์เดินเข้าไปในบ้าน พอไปถึงก็เห็นน้องสาวจอมขี้เกียจที่นั่งทานมาม่าดูทีวี ข้าวของกระจัดกระจายไม่ยอมทำความสะอาดไม่ยอมช่วยแม่ทำเลย

“กลับมาแล้วเหรอ” น้องสาวเป็กซ์ถาม เธอชื่อแป้ง เธออ่อนกว่าเป็กซ์หลายปีเลยแต่ไม่เคยให้ความเคารพ

"แม่ไม่อยู่เหรอ” เป็กซ์ถามแป้ง

“ไม่อยู่ ไปช่วยงานป้าศร คงกลับพรุ่งนี้อ่ะ ไปหาเงินให้ลูกชายไปบำเรอผู้ชายอีกที” แป้งพูด

“แป้ง!!” เป็กซ์เรียกน้องสาว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าใครสักคนเดินออกมา เขาหันไปมอง คนนั้นคือไอ้โก้ เป็กซ์แปลกใจว่าไอ้โก้มันเข้ามาในบ้านได้อย่างไร ถ้าแป้งไม่ได้ให้มันเข้ามา

“เขาอยากมาคุยกับพี่อ่ะ” แป้งพูด

“มึงเข้ามาทำไมในบ้านกู ออกไป ไม่อย่างนั้นกูจะแจ้งความว่ามึงบุกรุกบ้านกู” เป็กซ์หันไปบอกไอ้โก้และไล่มันด้วย

“ก็แป้งมันเปิดประตูให้กูเข้ามาหามึงอ่ะ มันเรียกว่าบุกรุกตรงไหนวะและนี่มึงหายไปไหนมา งานที่กูให้ทำน่ะ มึงก็ทำพลาด แค่ส่งเพื่อนมึงไปให้เขาแค่นี้ มึงก็ทำพัง มึงเตรียมหาโอกาสส่งเพื่อนมึงไปให้เขาเลยน่ะ” ไอ้โก้มันพูด

“มึงไปหาคนอื่นดิและไอ้บีมมันก็ทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว มันไม่ค่อยสบาย” เป็กซ์พูด

“มึงจะเอาเงินที่ไหนไปใช้คืนอาจารย์แกละ” ไอ้โก้พูด

“กูไม่ทำแล้วและถ้าพวกมึงขู่กูมากๆ กูจะไปบอกความจริงๆ คราวนี้กูไม่จบก็ช่างแม่ง พวกมึงติดคุกเอาไหมล่ะ” เป็กซ์พูด ไอ้โก้มันมองหน้าเป็กซ์

“อาจารย์เปรมสินีย์ด้วย ไปกันทั้งแก๊งเลยไหม ไปนอนคุก” ผมพูดไอ้โก้มันมองหน้าผม มือมันกำหมัดแน่น

“มึงอยากให้กูติดคุกเหรอ กูผัวมึงน่ะ” ไอ้โก้พูด จังหวะนั้นแม่ของเป็กซ์เข้ามาพอดีเลย

“อ้าวแม่ทำไมกลับเร็วจังละ ไหนบอกว่ากลับพรุ่งนี้” แป้งตกใจรีบเดินไปหาแม่ผม ผมก็เดินไปหาแม่เช่นกัน

“มีอะไรกันเหรอ” แม่ถามพวกผม แม่มองหน้าผมกับไอ้โก้ แม่รู้ว่าผมกับไอ้โก้คบกันอยู่

“ผัวเมียเขาคุยกันน่ะแม่” แป้งพูด ผมหันไปมองหน้าเธอ เธอก็เบ้ปาก ผมมองดูชุดที่เธอใส่ เธอใส่ชุดนี้ทั้งที่ไอ้โก้มันอยู่ในบ้านแบบนี้นี่น่ะ ดูจากกางที่มันสวมอยู่ กระดุมมันยังติดไม่เรียบร้อยเท่าไหร่เลยแสดงว่ารีบมาก ผมว่ามันกับแป้งคง มันไม่ใช่ครั้งแรกเพราะแบบนี้ไงแม่ถึงส่งเธอไปอยู่กับย่าเธอแต่จู่ๆ เขาก็ส่งกลับมาให้แม่ดูเอง

“ไม่มีอะไรครับแม่ ผมมาหาเป็กซ์นะครับ ผมโทรหาเขาไม่ติดเลยมารอที่บ้านนะครับ” ไอ้โก้พูด ผมมองหน้าแม่ผม

“มาก็คุยกันดีดีไม่ต้องเสียงดังใส่กันจะได้ไหม แม่ขอล่ะ เสียงดังเพื่อนบ้านคงได้แจ้งตำรวจบ้างล่ะ “แม่พูดเชิงต่อว่าก่อนจะมองแป้ง ที่แต่งตัวใส่ขาสั้นจู๋เลยแถมเสื้อก็สายเดียวนัดติ้วเลย นมน่ะมีนิดเดียวแหละ ผมหันมามองไอ้โก้ มันไม่เคยซื่อสัตย์กับผมเลยสักนาทีตอนหลับหลังผม

“แป้ง!! ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ ไปแต่งให้เรียบร้อยและลงมาช่วยแม่ทำอาหาร” แม่ผมพูด แม่ผมมองหน้าไอ้โก้

“อยู่ทานอาหารด้วยกันไหมล่ะโก้” แม่ผมถามไอ้พี่โก้ จังหวะนั้นมือถือไอ้โก้ดังขึ้นพอดี ผมเห็นเหมือนเป็นรูปผู้หญิงขึ้นมาแต่ว่ามันรีบรับสายเสียก่อนเลยไม่ทันได้มอง

(ครับ ให้ผมไปหาเลยเหรอครับ ครับ ได้ครับ ครับผม) ไอ้โก้มันคุยโทรศัพท์ก่อนจะกดวางสาย

“พอดีผมมีงานนะครับแม่ ผมไปก่อนนะครับ” ไอ้โก้มันพูดก่อนจะเดินออก จังหวะที่แม่ผมหันไปทางอื่นพอดี ไอ้โก้มันหันมาและทำมือว่าจะโทรหาผม สีหน้ามันเอาเรื่องมาก ผมควรจะไปหาที่อยู่ใหม่หรือหางานใหม่ดีไหม ผมเบื่อมากและที่ผมทำทุกวันนี้เพราะว่ามันเลยไอ้โก้ มันให้ผมไปค้ำประกันโต๊ะบอล ผมไม่อยากบอกแม่เลย

“เป็กซ์ มีอะไรกัน ถ้าไปกันไม่ได้ก็เลิกเถอะน่ะ” แม่ผมเดินมาพูดกับผม ผมมองหน้าแม่ผม ผมก็คิดว่าผมควรจะเลิกแต่ว่า ผมต้องรู้ก่อนว่าอาจารย์เปรมสินีย์มันทำงานให้ใคร แต่ว่าตอนนี้ผมต้องหาก่อนว่าคนที่บีมไปชงเหล้าให้วันนั้นพวกนั้นคือใครก่อน

“แม่ผมไม่ทานนะข้าวน่ะ ผมมีธุรด่วนแม่” ผมบอกแม่ผมก่อนจะรีบหยิบเอาเสื้อคลุมและหมวกแก๊ป ผมต้องไปที่ผับนั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเอาบีมไปให้ใคร มันจะเป็นพวกฆ่ามนุษย์หรือเปล่าและนี้ผมก็ไม่ได้บอกมันไปหรอกว่าบีมมันโดนใครทำอะไรกับมันในคืนนั้น ผมอุตส่าห์พามันหนีแต่ว่ามันดันไปโผ่ที่ห้องไอ้คนนั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคือใคร ผมออกมาได้ก็รีบโบกมือเรียกรถแท็กซี่ทันที

“ไปไหนครับน้อง” พี่เขาถามผม

“ไปผับXXX ทองหล่อครับพี่” ผมบอกพี่คนขับ เขาก็พยักหน้ารถแลนไปได้ไม่นานมากเพราะว่าบ้านผมอยู่ไม่ไกลจากทองหล่อ ผมรีบลงจากรถเพื่อจะเข้าไปด้านใน ผมรู้ว่าไอ้ผู้จัดการนั้นชืออะไร ผมเคยมาหามันตามที่อาจารย์เปรมดิ์สินีย์เขาใช้ผมมา แต่ผมไม่คิดว่าจะเกี่ยวกับบีม

“อ้าวน้องมาหาใคร” บอดี้การ์ดด้านหน้าถามผม

“ผมนัดกับพี่ผู้จัดการเอาไว้นะครับ” ผมบอกเขา เขาก็คงคิดว่าผมมาหาเหมือนทุกทีพี่เขาพยักหน้าให้ผมเข้าไปได้

(พี่ผมมาหาผู้จัดการร้านครับ) เสียงที่ผมไม่คุ้นหูเขาบอกว่ามาหาผู้จัดการเหมือนกันแต่ผมรีบเลยรีบเดินเข้าไปด้านใน ผมเดินไปยังห้องที่ผู้จัดการมันนั่งทำงานอยู่ ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะมีลูกค้า ไอ้ผู้จัดการนั้นมันนั่งสูบบุหรีอยู่ มันไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนเลยที่ทำให้ไอ้บีมโดนเขาจับไปทำแบบนั้น มันยังนั่งสูบบุหรี่ด้วยความสบายใจ ผมละเชื่อมันเลย

“อ้าวมึงมาทำไมอีกอ่ะ “ไอ้ผู้จัดการนั้นถามผม

“พี่ผมอยากรู้ว่าไอ้กลุ่มที่นั่งที่โต๊ะที่พี่ส่งเพื่อนผมไปดื่มน่ะ มันเป็นใคร” ผมถามเขา

“กูจะไปรู้ได้ยังไงวะ มันมีโต๊ะตั้งกี่โต๊ะแล้วมึงน่ะ พาเพื่อนมึงไปทิ้งไว้ที่ไหนละ ถึงได้โดนลากไปแบบนั้น” ไอ้ผู้จัดการปากหมา ผมนี่อยากจะเข้าไปต่อยมันฉิบหายเลย

“พวกผมรู้แค่ว่ามันชื่อเธียรวิชญ์แต่ไม่มี่นามสกุลอ่ะพี่ และมันทำกับเพื่อนผมอ่ะ พี่ก็ผิดน่ะที่ช่วยเขาปิดอ่ะ” ผมพูด ไอ้ผู้จัดการมันหน้าถอดสีไปนิดหนึ่งแต่ว่ามันก็ยังไม่ยอมปริปากอยู่ดี

“กูไม่รู้จักโว้ย!! “ไอ้ผู้จัดการมันโวยวายกลบเกลื่อน

“และเพื่อนมึงก็ยังโชคดีน่ะ ที่ไม่ได้ถูกส่งไปเป็นศพ แม่งแต่ก็ทำให้กูโดนพี่กฤษณ์ด่ากูยับเลยเพราะว่าคนที่เขาต้องการมันอ่ะ ใหญ่ขนาดไหนแถมยังซวยพวกหน่วยรบพิเศษเข้ามาอีก ยังหาคนโทรแจ้งไม่ได้ ดีที่พวกกูไม่ตกงานกันทั้งหมดละมึง” ไอ้ผู้จัดการมันพูดหน้าตาเฉย

“นี่มึงมาทำไม อาจารย์เขาใช้ให้มึงมาเหรอ มึงไปบอกอาจารย์ว่าให้เลิกติดต่อพวกกูสักพักเถอะน่ะ” ไอ้ผู้จัดการมันถามผม

“ไม่ใช่ กูมาเอง “ผมพูด

“เพื่อนมึงเขามาหากูแต่กูพึ่งเข้ามาทีหลังเลยไม่เจอกู” ไอ้ผู้จัดการร้านพูด อย่าบอกน่ะว่าบีมมาที่นี้อีก

“แต่ก็ดีน่ะ กูได้ทำงานเป็นผู้จัดการต่อ เพื่อนมึงนี่ซวยเองที่จะเข้ามาแย่งงานกูแต่ยังโชคดีที่มันคลาดกับเขา ไม่อย่างนั้นมันคงเป็นศพที่หก” ไอ้ผู้จัดการร้านพูด

“อะไรศพที่หก” ผมถามมัน

“มึงรีบออกไปซะกูจะเข้างานแล้ว มึงอยู่นาน กูเรียกรปภและมึงคงไม่ได้เข้ามาอีก” ไอ้ผู้จัดการร้านพูด

“ไปดิ!!” มันไล่ผม

“มึงไม่รู้เหรอว่าเขาให้บีมมาทำเพราะว่าเขาจะไล่มึงออก…ไอ้ควาย!!” ผมพูดและหันหลังเดินออกแต่จังหวะนั้นผมเดินไปชนกับใครสักคนและผมก็เหยียบเท้ามันด้วย ผมนี้กำลังหัวเสียเลย

“แม่งเดินยังไงวะ” ผมพูดและชนไหล่มันด้วยก่อนจะเดินสวนมันออกไป

“อ้าวเชี้ย!!มึงเดินมาชนกู และมึงก็เหยียบเท้ากู นี่มึงยังด่ากูอีก ไม่ขอโทษสักคำ มึงมีมายาทไหมวะ” ผมไม่สนใจกับเสียงของมันเพราะว่าผมหงุดหงิดมาก นี่บีมกลับมาหาคำตอบเหรอว่าใครกันในคืนนั้น ผมควรจะกลับไปหาคำตอบที่อาจารย์เปรมสินีย์ใช่ไหม แต่ผมไม่อยากทำร้ายไอ้บีมมันอีก ไม่อยากเป็นเครื่องมือให้เขาอีก ผมรีบโบกรถแท็กซี่ ระหว่างนั้นผมหันไปเห็นอาจารย์กันตภณ์ ผมรีบเอาหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าทันที อาจารย์เขามาทำไมวะ ผมรีบโบกรถแท๊กซีและขึ้นรถไปทันทีเช่นกัน ก่อนที่อาจารย์จะหันกลับมาเจอผม



               Part’ s ไปส์ ผมชื่อไปส์ ผมเป็นเพื่อนรักของไอ้เธียรวิชญ์ เป็นเพื่อนคนแรกเลยก็ว่าได้ ป๊ากับม๊าผมก็รู้จักครอบครัวเธี่ยรวิชญ์เป็นอย่างดี รู้จักมาตั้งแต่รุ่นอากง บ้านผมขายทองตั้งแต่มีแค่ไม่กี่สาขาตอนนี้มีสาขามากมายและอากงเขาจะซื้อทองแจกพนักงานเป็นของขวัญวันคริสต์มาส ก็ต้องมาร้านม๊าผมนี้แหละ ผมเลยสนิทกันมากเป็นพิเศษ

              นี้มันก็งานเข้าดันไปปักเสาเข็มของมันกับคนที่ผมเล็งเอาไว้ น้องเขาชื่ออะไร ขึ้นต้นด้วยบอใบไม้นี่แหละ และวันนั้นพวกผมก็เพ่นซิครับแต่ยังงานเข้าอยู่เพราะว่าไอ้เธียรวิชญ์มันใจดีครับเอาแหวนประจำวงศ์ตระกูลให้น้องเขาไปดูต่างหน้าด้วย ผมเลยต้องมาที่ผับนี้อีกครั้งเพื่อมาตามหาว่าน้องซินเดอร์เลล่าคืนนั้นเอาแหวนไอ้เธียรไปจำนำที่ไหน

“ซวยอะไรเบอร์นี่ว่ะกู คนที่ชอบก็โดนปาดหน้าไปเฉยเลยและยังต้องมาตามหาแหวนประจำตระกูลมันอีก” ผมพูดบ่นกับตัวเอง

“มาทำอะไรครับ ผับยังไม่เปิดเลยครับ” คนที่ยืนคุมอยู่ด้านหน้าถามผม ผมก็ชูบัตรเมมเบอร์การ์ด ผมได้มาเพราะว่าสมัครและเสียเงินด้วย บัตรโกลด์เลย เขามองเพ่งพิจารณามองมาที่ผม ผมน่ะแบรนด์เนมทั้งตัว

“คือว่ามันเร็วไปไหมครับคุณลูกค้า” เขาถามผมด้วยความสุภาพมาก

“ผมมาหาผู้จัดการร้าน” ผมบอกเขา

“ทำไมวันนี้มีแต่คนมาหาผู้จัดการร้านวะ มันต้องไปทำเรื่องอะไรไว้แน่ๆ” คนที่คุ้มหน้าประตูถามผม

“ขอเข้าได้ไหม ผมมีธุระจริงๆ “ผมบอกคนที่คุมด้านหน้า

“เชิญครับ” เขาพูดและผายมือให้ผมแต่ว่า ผมหันมามองหน้าเขา

“ใครมาขอพบผู้จัดการร้านเหรอครับ” ผมถามเขา เขาก็มองหน้าผม

“ก่อนหน้าคุณก็มีสองคนตามหาไอ้ผู้จัดการเหมือนกัน” ผมพยักหน้า

“เข้ามาทำไมเหรอครับ” ผมถามเขา เขามองหน้าผม

“เรื่องส่วนตัวเขาผมไม่ค่อยยุ่งครับ” เขาตอบผม ผมก็เลยต้องหยิบแบงก์สีม่วงให้ไป

“ไม่ส่วนตัวเท่าไร่หรอกครับ พอจะบอกได้นิดหน่อย” ผมก็สูดลมหายใจเข้าไปและอีกใบ

“บอกได้หมดเลยครับ” นั้นเปลี่ยนไปทันที ผมพยักหน้าว่าให้รีบบอกมา

“คนที่มาชุดแรกสองคน เหมือนทอมคนหนึ่งน่ะแต่ดูเดินท้องยืนมาหน่อยๆ เห็นบอกว่าท้องกับไอ้ผู้จัดการร้านเลยมาหาพร้อมกับพี่ชายอีกคน ผมก็เลยให้เข้าไปคุยกัน" ผมพยักหน้า ไม่น่าจะใช้ถ้าบอกว่าเหมือนทอมบอยและบอกว่าท้องกับไอ้ผู้จัดการร้านอีก

"แต่ว่าไอ้ผู้จัดการร้านน่ะ มันพึ่งจะเข้าไปก่อนหน้าคุณยี่สิบนาทีได้ครับ ” ผมพยักหน้า นั้นแสดงว่าผู้จัดการมันอยู่แน่ๆ

“แล้วมีใครให้ข้อมูลไปหรือเปล่า” ผมถามเขา

“ไม่น่าจะมีน่ะเพราะว่าแขกวันนั้นเยอะมากและดันมีเรื่องอีก มีหน่วยรบพิเศษมาส่งท้ายด้วยเลยวิ่งกันกระเจิง ทั้งแขกวีไอพีและไม่วีไอพีวิ่งหนีกันกระเจิงครับ ไม่มีใครนั่งจำหรอกครับว่าใครเป็นใคร ผมเองก็จำอะไรไม่ได้ครับ” พี่เขาตอบมา ผมพยักหน้า

“ขอบคุณมากพี่” ผมบอกพี่เขาก่อนจะรีบเดินเข้าไปด้านใน

              ผมก็คิดน่ะ ใครกันน่ะที่ว่าผมทรงผมเหมือนทอมบอย แต่ท้องยืนออกมาหน่อยๆ ไม่น่าจะใช่น่ะ เพราะว่าน้องคนนั้นไอ้เธียรมันบอกผู้ชายแท้ ไม่ใช่ผู้หญิงแน่นอน หรือว่ามันเมาแต่ผมก็เห็นว่าผู้ชายแท้เหมือนกัน มีสัมผัสผิวบ้าง ผิวเนียนมาก จนผมเองยังรู้สึกอยู่เลย อยากสัมผัสอีกแต่ไอ้เธียรวิชญ์มันให้ผมช่วยตามหานี่ซิ ผมเดินเข้าไปด้านในแต่ว่าลืมไปว่าแล้วอีกคนละ ใครวะ แต่น่าจะมีแค่คนเดียวไหม หรือว่ามันมีคนหลายคนสืบเรื่องไอ้เธียรวิชญ์ ผมมัวแต่เดินคิดอะไรเพลิน ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าน้องคนนั้นอีกที รูปเดียวผมถ่ายเอาไว้ ผมกดดูหน้าชัดๆ ทรงผมรากไทรนั้น หน้าตาหล่อน่ารักทีเดียว เหมือนลูกครึ่งน่ะ หรือจะใช่นะ

“ปึก” มีคนเดินมาชนและไม่ชนเปล่าเหยียบเท้าด้วยครับ

“แม่งเดินยังไงวะ” ผมพูดและชนไหล่มันด้วยก่อนจะเดินสวนมันออกไป

“อ้าวเฮ้ย!!มึงเดินมาชนกูและมึงก็เหยียบเท้ากู นี่มึงยังด่ากูอีก ไม่ขอโทษสักคำ มึงมีมายาทไหมวะ” ผมตะโกนตามหลังไปแต่ว่าไอ้คนนั้นมันเดินรีบร้อนออกไปแล้ว ผมก็ลงดูรูปที่ผมเปิดดู มันกดลบไปเลยและรูปนี้ผมลบไปแล้วไปลบอีกมันก็หายไปจากถังขยะเลยดิครับ หายไปแบบถาวรเลย

“เ-ี้ยแล้วกู!!” ผมพูดขึ้นมาผมอยากจะบ้า อยากจะออกไปเตะไอ้คนนั้นจริงๆ แต่ว่าจู่ๆ ผู้จัดการร้านตนนั้นก็เดินออกมา มันตกใจที่เห็นผมและทำท่าจะเพ่นหนีแต่ว่า

“หยุดเลยมึง!!” ผมชี้นิ้วห้ามและตรงไปหามันพร้อมกับกระชากคอเสื้อมันเอาไว้

“คุณ มีอะไรกับผมอีกเนี๊ยะ!” ไอ้ผู้จัดการร้านมันถามผม

“กูนะมีแน่ ตกลงน้องคนที่มึงส่งมาดื่มกับพวกกูน่ะ เขาเป็นใคร” ผมถามไอ้ผู้จัดการร้าน

“ผมไม่รู้ครับ เขามาทำงานไงครับและพวกคุณก็นระบุจะให้น้องเขา” ผู้จัดการร้านพูด

“มึงบอกกูมาว่าเขามาทำงานอะไร ใช่เด็กนั่งดริ้งหรือเปล่า” ผมถาม ผู้จัดการมันหน้าเปลี่ยนสีไปทันที หน้าซี้ดอย่างเห็นได้ชัด

“ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าเขามาทำงานวันแรกแค่นั้นเอง” ไอ้ผู้จัดการร้านพูด

“น้องเขาชื่ออะไร” ผมถาม

“ชื่ออะไร เออ ชื่อ บีมครับ ผมรู้แค่นี้” ผู้จัดการร้านพูด

“ชื่อจริงนามสกุลจริงอ่ะ กูจะไปหาว่าน้องเขาอยู่ไหน ที่ไหน กูมีเรื่อง เพราะว่าน้องเขาขโมยแหวนวงค์ตระกูลเพื่อนกูไป แพงมากนะมึง” ผมพูด โกหกน่ะอันนี้

“ผมไม่รู้ครับ ผมรู้แต่ชื่อจริงๆ เพราะว่าน้องแค่มาทดลองงานเฉยๆ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้มาทดลองงานหรอก แต่ผมไม่รู้ว่ามาเพื่ออะไรน่ะ มีคนบอกว่าให้ส่งเด็กคนนี้ไปให้ใครสักคน “ไอ้ผู้จัดการร้านพูด ผมก็โบกมืออันนั้นไม่ใช่เรื่องของผมแล้ว

“ถ้ามีใครมาถามหาพวกกู ห้ามบอกเด็ดขาด ห้ามให้ชื่อด้วย เข้าใจไหม แม้กระทั่งชื่อคนที่จองโต๊ะ ชื่อในบัตรเครดิตที่จ่ายไป ทุกอย่าง ทำได้ไหม” ผมถาม มันมองหน้าผม

“มันเสี่ยงมากเลยนะครับเพราะว่ามีคนมาถามหาคนชื่อเธียนวิชญ์เพื่อนที่อยู่ที่โต๊ะที่คุณนั่งด้วยแต่ผมบอกไปว่าไม่รู้จัก” มันพูด พร้อมกับทำหน้า ผมนึกในใจมันรู้ชื่อเธียรวิชญ์ ผู้ต้องหาตัวสำคัญซะด้วย

“เอาเท่าไหร่ปิดปาก” ผมถามผู้จัดการร้าน

“มันเสี่ยงตกงานมากครับ ผมขอหนึ่งหมื่นห้าพันบาท” ไอ้ผู้จัดการมันพูด ผมว่าแล้วเชียว ผมก็เตรียมเงินสดมาทันที ไม่อยากใช้บัตรหรือโอนเงินให้ไอ้นี่มัน ผมหยิบเงินออกมานับและส่งให้ไป มันยิ้มทันที

“ผมจะไม่ปริปากบอกเลยครับว่าโต๊ะนั้นชื่อใคร ผมจะไปลบออกจากสมุดจะได้ไม่มีใครหลุดปากบอกไป” ไอ้ผู้จัดการร้านพูด ผมพยักหน้าว่าได้

“ว่าแต่ไอ้คนที่มันพุ่งพรวดพลาดออกไปน่ะ มันใครวะ เหยียบเท้ากูด้วย ลูกน้องมึงหรือเปล่า” ผมถามผู้จัดการร้าน

“อ้อ เพื่อนน้องคนนั้นที่หาอยู่นั่นแหละครับ” ไอ้ผู้จัดการพูด ผมหันมามองหน้ามัน

“แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่แรก กูไปถามเขาจะได้เรื่องกว่ามึงไหมวะ” ผมพูดและวิ่งหันหลังไปเลย จะทันไหมมึง ไม่น่าเสียเวลากับไอ้ผู้จัดการร้านนี้เลย ไอ้เวรเอ๋ย ผมวิ่งออกไปจากร้าน ผมเห็นคนนั้นที่เหยียบเท้าผมหลังไวไวแต่ว่าเขาก้าวเท้าขึ้นรถไปแล้ว ไม่ทันเลยโธ่โว้ย!! ผมสบดในใจ

“ไปส์” มีคนเรียกชื่อผม ผมค่อยๆ หันไปมอง ผมถึงกับตกใจ คนนั้นคือเจ๊กกัน ของไอ้เธียรวิชญ์ สงสัยจะมาเที่ยวผับแน่ๆ

“ไปส์” เจ๊กกันเดินเข้ามาหาผม

“มาเที่ยวเหรอ” เจ๊กกันถามผม

“มาคนเดียวเหรอ” เจ๊กกันถามผมต่อ

“ผมมาเอาของครับ ผมเคยมาเที่ยวแต่ว่าผมลืมของเอาไว้ครับเจ๊ก” ผมพูด

“แล้วเจ๊กละครับมาทำไม” ผมถามเจ๊ก

“มาทำธุระ” เจ๊กพูด

“ว่าจะเข้าไปแต่ว่าเขาให้แค่เมมเบอร์เท่านั้น ว่าแต่เรามีไหม “เจ๊กกันถามผม

“ไม่มีครับแต่ผมแค่มาแวะเอาของ ผมมากับเพื่อนนะครับเจ๊ก เพื่อนผมเป็นเมมเบอร์ครับเจ๊ก “ผมพูด

“แน่น่ะ ไม่ได้มาเพราะว่าทำอะไรไว้” เจ๊กกันถามผม

“ไม่มีเจ๊ก” ผมพูด

“เมื่อวันส่งท้ายปีเก่า เธียรวิชญ์ไปกับเราหรือเปล่า” เจ๊กกันถามผม ฉิบหาย!! แล้วผมคิดในใจ วันนั้นผมไปส่งมันแค่ประตูบ้านอาม่า มันบอกว่าจะเข้าไปเอง มันคงไม่บอกหรอกว่าไปมากับพวกผม

“เออ ไม่ได้ไปครับ มันบอกว่ามันเฮิร์ทที่โดนป๊ามันด่าอ่ะครับ ผมเลยไม่ได้ชวนมันไปไหนครับ” ผมพูดกับเจ๊กกัน เจ๊กกันทำท่าเหมือนจะไม่เชื่อ

“แต่วันนั้นมีกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย เจ๊กเจอแพรวาน่ะ เห็นเขาบอกว่าจะไปหาเธียรและเธียรก็ไม่มีใครเป็นเพื่อนสนิทนอกจากพวกเรา “เจ๊กกันถามผม เหมือนกำลังต้อนผมเลย

“แต่ไม่เป็น อาไปถามแพรวาเอาดีกว่าน่ะเพราะว่ากำลังสอบ ยังไงก็เจอ” เจ๊กกันพูด

“เจ๊ก ไอ้เธียรมันเฮิร์ทมาจากป๊ามันอ่ะ มันเลยชวนผมมาเที่ยวจริง” ผมเลยต้องสารภาพก่อนที่แพรวาจะบอกว่าวันนั้นไอ้เธียรมันก็เมาด้วย ป๊าไม่ชอบให้มันดื่มจนเมา

“มาที่นี้ใช่ไหม” เจ๊กกันถามผมและชี้ไปที่ผับที่เกิดเรื่อง

“ใช่เจ๊ก แต่พวกผมก็รีบกลับกันเลยน่ะ เขามีเรื่องกัน ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เราเพ่นออกไปก่อนเจ๊ก” ผมพูด เจ๊กกันพยักหน้า

“อืมม” เจ๊กพยักหน้าเหมือนจะเชื่อว่าไม่ได้ทำอะไรกันไว้

“เราคุยกับเธียรบ้างหรือเปล่า” เจ๊กถามผม

“คุยครับเจ๊ก” ผมตอบ อยากบอกว่ามันโทรหาเพื่อนในกลุ่มแทบจะสามเวลา เพราะว่ามันฝันนี่แหละ

“ไม่ต้องบอกน่ะว่าเจอเจ๊กที่นี้ “เจ๊กบอกผม ผมพยักหน้า

“เจ๊กทำธุระเสร็จแล้ว จะกลับบ้านแล้ว “เจ๊กหันมาบอกผม ก่อนจะเดินหันหลังไปเพราะว่าเจ๊กจอดรถเอาไว้ รถคันหรู ดูคลาสสิกสมกับบุคลิกของเจ๊กกันแก่เลย ผมนี้เอามือกุมหน้าอก ไอ้เธียรวิชญ์ เพราะว่าเจ๊กนะสนิทกับเฮียภีม เฮียภีมก็เป็นหลานม๊าของผมอีก ลูกอึ้มของผมด้วย แล้วผมจะยืนทำไมก็ไปเหมือนกันซิครับ

//Rrrrrrr/// ผมกดโทรศัพท์หาเธียรวิชญ์ทันที

///RRrrrrr///รอบที่สองก็ยังไม่รับ

///RRrrrrr/// รอบที่สาม

//ไอ้ไปส์!!!// ไอ้เธียรมันกรอกเสียงตามสายมาแต่ดีน่ะที่ผมใช้บลูทูทผ่านรถยนต์ของผม

//มึงกระหน่ำโทรกูมีอะไรของมึงเนี๊ยะ//เธียรวิชญ์

// วันที่มาเคาดาวน์ มึงไม่ได้บอกป๊าหรืออาม่าใช่ไหมว่ามึงมาที่ผับกับพวกกู// ผมถามเธียรวิชญ์

//ไม่ได้บอกอ่ะ วันนั้นกูกลับไปถึงอาม่าเข้านอนพอดีและเจ๊กก็มีงานเลี้ยงกับเพื่อนที่เรียนปริญญาเอกด้วยกัน และกูตื่นมาก็บินกลับเลย ไม่ได้บอกใคร// เธียรวิชญ์มันพูด

(เธียร) เสียงเรียกก็บอกได้ว่ามันไปคว้าสาวผมบอร์นมาขึ้นเตียงแน่ๆแอคเซนมันชัดเจนไม่เหมือนคนไทย ไอ้เธียรเขาชอบสาวผมทอง ผมบอร์นอะไรแบบนี้  แต่นี่มันบ่ายโมงเองที่นั่นน่ะ

//ไอ้เธียร มึงพาสาวมาขึ้นเตียงหลังอาหารกลางวันเหรอมึง//

//ก็เขามาหากูตอนนี้มึงให้กูรอเที่ยงคืนหรือไง กูก็รีบด้วย มีเรียนต่ออีกกูทำเวลา ว่าแต่มึงมีอะไรอีกไหม กูจะได้เร่งสปีด//

//เออ ไม่มีอะไรแล้วแค่นี่แหละ //ผมพูดก่อนจะกดวางสาย ก็เธียรมันบอกรีบเอาไว้ผมได้ข้อมูลน้องเขาเยอะกว่านี้ก่อนแล้วกัน ค่อยคุยกับเธียร ผมกดวางสายทันที ผมขับรถกลับไปที่บ้าน ผมเห็นมีข้อความในมือถือ ชื่อน้องบิว น้องคนนี้ผมเจอที่ผับ ผมยอมรับว่าผมชอบผู้ชาย ผมกับน้องเขาก็คุยกันและพาไปขึ้นเตียงวันนั้นเลย ขึ้นครั้งเดียวจริงๆ วันนั้นผมวอนทฺไง แต่พอหลังจากนั้น น้องทำเหมือนผมต้องรับผิดชอบชีวิตน้องเขาไปตลอดชีวิตเลย ผมเลยไม่ยอมรับสายน้องเขาเลย ช่วงนี้เลยเป็นลูกที่ดีเข้าบ้านทุกวัน


TBC…







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:42:14 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.9 ฟิล์มถูกทำร้าย


        Part’ s ฟิล์ม ​​​​​​​ผมเป็นเพื่อนกับบีม เป็นเพื่อนมาตั้งแต่มัธยมแล้วจน จนขึ้นมหาวิทยาลัย ผมรู้ว่าแม่ของบีมเขาไปอยู่ต่างประเทศแต่งานกับฝรั่งแต่ไอ้บีมมันก็ลูกครึ่งไทยอังกฤษน่ะ แต่บีมมันบอกว่าพ่อมันเสียไปแล้วและมันก็ไม่รู้ว่าพ่อมันเสียเพราะอะไรด้วยซ้ำ แม่บีมของบีมมาบีมมาไว้ที่ไทยตั้งแต่เจ็ดขวบและพอยายมันเสียก็เอามาไว้ที่กรุงเทพตั้งแต่อายุสิบเอ็ดขวบได้ มันต้องมาอยู่กรุงเทพตามลำพังโดยมีเพื่อนของแม่ดูแลเขาพักอยู่ห้องข้างๆ แต่ว่าตอนนี้เขาย้ายตามแฟนเขาไปอยู่เยอรมันแล้ว พวกผมนี้ก็ได้ไปนอนพักนอนเล่นที่คอนโดมันนี่แหละ เราก็สนิทกันดูแลกันมา ผมสามคนไม่ได้มีครอบครอบครัวที่สมบูรณ์ ผมไม่มีพ่อ พ่อผมเสียไปนานแล้วมีแต่แม่และพี่สาว แต่ผมดูจะมีครอบครัวที่ดีกว่าทั้งคู่ ทั้งบีมและเป็กซ์ เป็กซ์นี้แย่ตรงที่น้องสาวมันขี้อิจฉาเป็กซ์เป็นที่สุด ใจแตกตั้งแต่ยังไม่สิบห้าเลย

             “ฟิล์ม” ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อผมกำลังไขกุญแจเข้าบ้าน ผมหันไปมองคนที่ลงจากรถมาเขาตรงมาจะมาหาผมและมาทำร้ายผมอีกซิน่ะ ไอ้พี่เอ็ม มันเป็นแฟนผม ตอนแรกก็รักผมดีแต่มาตอนนี้มันเริ่มจะทำร้ายผม มันหึงมันหวงแต่มันก็ไปนอนกับใครต่อใคร

              “อย่านะไอ้เอ็ม” ผมรีบห้ามมันทันที

             “มึงหายไปไหนมา โทรก็ไม่รับ มึงมีผัวใหม่ใช่ไหมฟิล์ม!!” ไอ้เอ็มมันถามผม

             “กูไม่ได้ไปหาใครเหมือนมึงน่ะไอ้พี่เอ็ม” ผมพูด

             “กูไปอยู่กับเพื่อนกูมา” ผมพูดและมองหน้ามัน

             “เพื่อนที่ใครก็พูดกันทั้งมหา’ลัยเหรอว่ะ ว่าโดนอาจารย์เอาจนท้อง” ไอ้เอ็มมันพูด

            “ถ้ามึงปากหมาว่าเพื่อนกู มึงก็กลับไป มึงมันบ้า อย่างที่เพื่อนๆ กูว่าจริงๆ ว่ะ พี่เอ็ม” ผมพูดและทำท่าจะเข้าบ้าน

           “มึงต้องคุยกับกูก่อน มึงไปกับกูเลยน่ะ “พี่เอ็มพูดแต่ว่าผมไม่ยอมไป ผมก็ผลักไอ้พี่เอ็มออก

           “กูจะเข้าบ้าน กูไม่ไปไหนกับมึง มึงกับกูเลิกกันเถอะว่ะ มึงทำร้ายกูแบบนี้ เพื่ออะไรวะ” ผมพูดและมองหน้าไอ้พี่เอ็มมัน

           “กูไม่เลิก กูไม่เลิกโว้ย!!” พี่เอ็มพูด

            “มึงเลิกเถอะ มึงไปเอาเด็กบัญชี เพื่อนกูเห็นมึงพากันไปซื้อถุงยางด้วยกัน ไอ้เชี้ย!! “ผมพูด ผมหันหน้าหนี ผมนี้มาซวยอะไรแบบนี้ว่ะ

           “เห็นก็ดีแต่กูไม่เลิก มึงยังเป็นเมียกูอยู่น่ะ ฟิล์ม” พี่เอ็มมันพูด ว่าผมยังเป็นเมียมันอยู่

           “กูไม่เป็นแล้ว มึงไปเอาเขาเลย กูยกให้ มึงจะไปเป็นผัวใครมึงก็ไป “ผมพูด ไอ้เอ็มมันหันมามองหน้าผมก่อน

           “ผลัก” มันต่อยปากผมทันที ผมลงไปนอนที่พื้นทันที

          “ผลัก” มันเข้ามาเตะท้องผมซ้ำทันที

          “กูไม่เลิก!!!” ไอ้พี่เอ็มพูด แต่จังหวะนั้นมีรถมาจอดพร้อมเปิดไฟสูงใส่ ผมเอามือป้องเพื่อดูว่าใคร พี่ฟ้ากับแฟนพี่ฟ้านั้นเอง

             “นี้มึงทำน้องกูอีกแล้วเหรอ ไอ้เอ็ม! “พี่ฟ้าลงมาจากรถก็ชี้หน้าด่าไอ้เอ็มทันที ไอ้เอ็มหันมามองหน้าผม มันชี้หน้าผม

             “ฝากไว้ก่อน กูจะกลับมาอีก เพราะว่ากูไม่เลิก!” ไอ้พี่เอ็มพูดก่อนจะเดินไปขึ้นรถมันและขับออกไปทันที ผมหันมามองพี่สาวที่วิ่งมาช่วยพยุงผมขึ้น พี่เขยก็ลงมายืนมองหน้าไอ้เอ็มเพราะว่ากลัวจะเข้ามาทำร้ายพี่ฟ้าแต่มันไม่กล้าหรอก มันรู้ว่าถ้าทำมันโดนพี่เขยผมเล่นมันแน่ๆ

             “อาฟิล์ม” ใบเฟิร์นวิ่งลงมาหาผมทันที แม่เปิดประตูออกมาเพราะว่าได้ยินเสียงพี่ฟ้า แม่รีบเดินมาหาผมเช่นกัน

            “มันมาทำร้ายเราอีกแล้วเหรอฟิล์ม” แม่ถามผมเสียงสั่นๆ

             “ฟิล์ม ต้องเลิกกับมันได้แล้วน่ะ พี่ขอละ” พี่ฟ้าพูด

              “ผมบอกมันว่าเลิกแล้วแต่มันไม่ยอมอ่ะพี่ฟ้า” ผมพูด

              “ไปแจ้งความดิฟิล์ม ให้ตำรวจเขาเรียกมันมาคุยและมันจะได้ไม่กล้าเข้าใกล้เราอีก “พี่เขยแนะนำผม ลุกขึ้นยืน มุมปากมีเลือดซิบเล็กน้อย

              “เข้าบ้านกันเถอะฟิล์ม” แม่บอกผม แม่พยักหน้ากับพี่ฟ้าและแฟนพี่ฟ้าและหลานๆ ผมก็พากันเข้าบ้าน

              “นี่ถ้าพี่กับพี่เชษฐ์ไม่มาถึงมันคงลากเราขึ้นรถไปซ้อมที่ไหนแน่ๆ ฟิล์ม” พี่ฟ้าพูด

              “ไปแจ้งความเลยน่ะฟิล์ม บันทึกประจำวันเอาไว้ “พี่ฟ้าพูดผมพยักหน้า ผมนั่งลงในห้องนั่งเล่น แม่ก็ไปเอาชุดทำแผลมาทำแผลให้ผม

              “แม่ทำขนมจีนเอาไว้ในครัวนะเชษฐ์ พาลูกๆ ไปทาน” แม่บอกพี่เชษฐ์ เขาพยักหน้าและพาหลานๆ ของผมไปทานกัน พี่ฟ้ามองหน้าผม

               “ว่าแต่มันมาหาเรื่องเราทำไมละฟิล์ม” พี่ฟ้าถามผม

                “ผมหายหน้าหายตาไปจากมันไงพี่ฟ้า ผมไปพักอยู่กับบีม ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน กลับมาก็มาเจอมันมาอยู่หน้าบ้านนี้แหละ” ผมพูด

               “โอ๊ยย แม่ เจ็บ” ผมพูดเพราะว่าแม่ทายาให้ผมตรงที่โดนไอ้เอ็มมันต่อยเอา

              “บีมเป็นไงบ้างละ แพ้ท้องเยอะไหมฟิล์ม” พี่ฟ้าถามผม แม่มองหน้าผม

              “บีมเป็นอะไรไปละฟิล์ม” แม่ก็ถามผมทันทีเช่นกัน แม่ก็รักบีมเหมือนมันเป็นลูกแม่อีกคนเช่นกัน

               “แม่บีมมันท้องได้” ผมพูด

              “อะไรน่ะ ท้องได้ยังไงล่ะ” แม่ถามผมอีก

               “ผมไม่รู้แม่ ไม่อยากถามเยอะแค่มันไปท้องกับใครก็ไม่รู้ก็แย่แล้วแม่ มันโดนลูกค้าในผับที่มันไปทำงานอ่ะแม่ จิตใจมันก็แย่ ผมเลยไม่อยากถามอะไรมาก” ผมพูด แม่ก็เอามือทาบอก ผมรู้ว่าแม้เห็นใจบีมมันมากกว่า

               “ก็ถึงได้บอกไงว่าอย่าไปหางานแบบนี้ทำ พวกนี้มันเอาแต่สนุกและมันก็ไม่รับผิดชอบ ซวยจริงๆ เลยบีมเอ๊ย!” พี่ฟ้าพูด

               “ไปฝากท้องหรือยังล่ะ” พี่ฟ้าถามผม

              “ไปฝากมาแล้วพี่ฟ้า บีมมันไปตรวจเลือดมาและอัลตราซาวน์มาด้วย ผมเห็นลูกมันตัวเล็ก มันสวิงน่าดูน่ะพี่ฟ้า” ผมพูด

             “สงสัยจะแสบน่าดูแหละน่ะ “พี่ฟ้าพูด

             “ไอ้บีมมันร้องไห้เลยน่ะที่เห็นลูกมันอ่ะ แต่มันก็ยังคิดไปถึงอนาคต ใครจะช่วยมันดูลูกมัน “ผมพูด

              “อันที่จริงก็มีคนอยากช่วยมันนะแต่ว่ามันไม่ยอมอ่ะ ผมไม่รู้ว่าทำไม คนนี้เป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย เขาชอบมันอ่ะพี่ฟ้า เขาอยากรับเป็นพ่อเด็กด้วยซ้ำแต่บีมมันยังปฏิเสธเขาอีกอ่ะ” ผมพูด พี่ฟ้ามองหน้าผม

               “เพราะว่ามันมีอะไรละเอียดอ่อนไงฟิล์ม แม่เองก็มีคนมาจีบนะตอนที่เลิกกับพ่อเราน่ะ แม่ก็ปฏิเสธแม่กลัวสารพัดเลย ถ้าได้คนใหม่ที่ไม่รักลูกเขาจะทำร้ายลูกแม่หรือเปล่า แม่เลยไม่ปฏิเสธไป” แม่ผมพูด

              “ถึงเราจะไม่บอกลูกว่านั้นไม่ใช่พ่อหรือแม่เขาจริงๆ เด็กก็รู้สึก บางทีบีมอาจจะมองตรงนี้ก็ได้น่ะและที่สำคัญอีกคนเขาก็ไม่ควรมารับผิดในสิ่งที่เขาไม่ได้ก่อขึ้นมา บีมอาจจะคิดแบบนี้ก็ได้ “แม่ผมพูด ผมพยักหน้าเบาๆ

             “เอาไว้พาบีมมาหาแม่บ้างแล้วกันจะได้ช่วยๆ กันดูแลไป บีมก็เหมือนลูกแม่อีกคนนะฟิล์ม เราน่ะดูแลกันมาตั้งแต่มัธยมน่ะ เรียนมหาวิทยาลัยก็ยังดูแลกันอยู่ ดังนั้นเรียนจบแล้วก็อย่าทิ้งกันล่ะ” แม่ผมพูด

             “ฟ้าไปทานขนมจีนได้แล้วเดี๋ยวเย็นหมดและนี่จะกลับเลยใช่ไหมล่ะ” แม่ผมถามพี่ฟ้าก่อนจะเดินคุยกันเข้าไปในห้องครัว ผมเก็บอุปกรณ์ทำแผลใส่กล่องยา ผมก็คิดน่ะ บีมมันคิดอะไรอยู่ จะรอคนที่เป็นพ่อเด็กจริงๆ เหรอ แล้วไอ้คนนั้นมันจะรับผิดชอบจริงๆ เหรอ ถ้ามันรู้ว่าคนที่มันทำให้ท้องเป็นผู้ชาย ผมกลัวตรงนี้แหละ กลัวบีมจะเสียใจมากกว่าเดิม คิดแล้วก็อดเป็นห่วงมันไม่ได้แต่ว่าผมคงไม่กล้าไปเจอหน้ามันสองสามวัน ก็แผลที่มุมปากนี่แหละและรอยเขียวช้ำตามร่างกายอีก ผมไม่อยากเพิ่มความไม่สบายใจให้บีมมัน ช่วงนี้ยิ่งเซนซิทีฟง่ายอยู่ด้วย เขาบอกว่าคนท้องจะค่อนข้างจิตใจเปราะบาง มันเป็นเรื่องจริงทีเดียว

           TBC ….






 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:43:06 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.9.1 สามเฮียของเธียรวิชญ์

   Part’s เฮียธัน ผมชื่อธัน ผมเป็นน้องพี่ชายเธียรวิชญ์ แก่กว่ามันหนึ่งปีเอง ผมพึ่งจะมาเป็นผู้อำนวยการได้ปีเดียว ผมจบมาก่อนไอ้เธียรวิชญ์หนึ่งปีแต่ว่าผมกลับมาก็มีเรื่องทันที เพราะว่าผมไปแข่งรถชนะลูกนักการเมืองชื่อดังและผมดันไปมีเรื่องจนมันเกือบจะฆ่าผมแต่ผมก็ป้องกันตัวและผมก็พลั้งมือฆ่าไอ้คนนั้นตาย แต่ว่ากำลังจะเอาปื้นจ่อหัวผมอยู่ มันต้องแลกว่าใครจะตาย ผมไม่ยอมตายเด็ดขาด ผมเลยต้องสู้จนเฮือกสุดท้าย และผมก็ต้องใส่กำไรที่ข้อเท้า กว่าผมจะเคลียร์ทุกอย่างป๊าก็วิ่งเต้นจนเกือบจะเสียงานไปด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ผมเลยต้องกลับมาทำหน้าที่ผู้บริหารที่ดีให้ได้

“ผับนี้หรูดีนะคะ ผับของใครเหรอคะธัน” พี่ลินดา เธอแก่กว่าผมเกือบห้าปีได้ เธอเป็นทีมที่เข้ามาช่วยผมทำเอกสารตรวจสอบมาตรฐานโรงเรียนของผม พี่ลินดาเขาเก่งมาก ผมก็เลยต้อง นิดนึง ผมพาเธอมาเที่ยวเป็นการตอบแทน

“ผับนี้เป็นผับของเพื่อนพี่ชายผมครับ เฮียธีนะครับ “ผมตอบพี่ลินดา เขาพยักหน้า ผมหันไปมองเจ๊ธามที่นั่งดื่มคอกเทล

“พี่ลินดาครับ เรื่องที่เราคุยกันโอเคนะครับ” ผมถามเธอ ผมนั่งเบียดอยู่กับเธอ เธอสวมชุดแซกสั้น เนื้อผ้าแนบชิดเข้ารูป ปกติเธอสวมเสื้อสูททับแต่พอมาเข้าผับกับผมเธอก็ถอดเสื้อสูทเธอออก มันทำให้ผมเห็นเรือนร่างที่อวบแบบเต็มไม้เต็มมือ พี่ลินดาเธอก็ไม่ใช่สาวซิ่งอะไร

“ถ้าคุยกันเสร็จแล้วขอตัวกลับก่อนนะครับ เพราะว่าผมก็ทำงานมาตั้งแต่เช้าแล้ว จะให้มาทำสว่างคาตาไม่ได้นะครับ” เจ๊ธามของผมพูด ผมหันไปมองเจ๊ธามของผมแต่ถ้าอยู่บ้านต้องเรียกเฮีย เพราะว่าเจ๊ลับหลังป๊าผมแค่นั้น ดูซิเอคเซนเซอรี่ ที่บ่งบอกได้ว่าพี่แกไม่ได้แมนเต็มร้อยแน่นอน ผมแบมือไปว่าทำไมเขาคือทีมผู้ตรวจสอบ เอาใจเขาหน่อย เจ๊ธามแอบมองบนใส่อีก

“เจ๊ เด็กในโอวาทสเจ๊อ่ะ ไอ้ดีเจเดย์น่ะ “ผมบอกเจ๊ธามของผม

“ของมึงละ ป้าในโอวาทส” เจ๊ธามกระซิบกับผม แม้ชมพี่ลินดาซะผมหันไปมองเลย

“ไปว่าพี่ลินดาเขา เดี๋ยวสาขาเจ๊ก็สอบตกหรอก” ผมพูด เจ๊ธามสะบัดหน้ามาหน้าผมทันที

“และผมกับพี่ลินดาห่างกันแค่ห้าปีเอง ไม่เยอะ” ผมพูดกับเจ๊ธามของผม

“ของกูมันห่างจากกูแค่สี่ปีเหมือนกัน ก็ยังไม่เยอะ” เจ๊ธามพูด ก่อนจะลุกขึ้น ไอ้เดย์มันมายืนรอแล้ว ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเจ๊ธามต้องประชดชีวิตแบบนี้ด้วยตั้งแต่แฟนเฮียเสียไปตอนวันที่เจ๊ธามผมรับปริญญาตรีและนั้นชีวิตเจ๊ธามผมก็เปลี่ยนไปเลย

“ว่าแต่ไอ้ตี๋น้อยมันจะกลับไหมว่ะ นี้จะเรียนให้ถึงปริญญาเอกค่อยมาบริหารงานโรงเรียนเหรอ ป๊าเรียกผู้อำนวยการสาขาที่จะให้ไอ้ตี๋ดูแลน้อยมาคุย ให้เขาอยู่ต่ออีกปีหนึ่ง” เจ๊ธามพูด

“ป๊าน่ะบอกไปแล้วว่าให้เวลาแค่ปีหนึ่งและยังบอกเจ๊คกันด้วยว่า ถ้าปีหนึ่งไอ้ตี๋น้อยเรียนไม่จบ ให้เจ๊กกันเตรียมลาออกจากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมาดูแลสาขานั้นแทนไอ้เธียรวิชญ์ได้เลย” ผมพูดเจ๊ธามหันมามองหน้าผม

“แล้วไอ้เธียรล่ะ” เจ๊ธามถามผม

“ก็โดนลอยแพรไงและป๊าพูดรอบนี้ป๊าเอาจริงนะ” ผมพูด

“กูว่ามันคงจุดพลุฉลองให้ตัวเองและมันคงกระโดดไปเป็นนักแข่งรถเต็มตัวซิไม่ว่าและนี้คือการชี้โพรงให้กระรอกชัดๆ ไม่ใช่ทำโทษให้มันเข็ดหลาบนะมึง” เจ๊ธามพูด

“ป๊าขู่มันแต่ป๊าก็กลัวเองเหมือนกันเพราะว่าป๊ารู้ว่าจริงๆ มันชอบอะไร” ผมพูด

“แต่เชื่อดิว่า เจ๊กกันน่ะต้องเข็นให้มันจบให้ได้ เพราะเจ๊กแกไม่อยากมาทำตรงนี้” ผมพูด จังหวะนั้นดีเจน้องเดย์ของเจ๊ธามเดินลงมาพอดี มันนอบน้อมมากไว้มาทุกโต๊ะ โต๊ะที่มันเข้าไปสาวๆ ทั้งนั้น มันชอบเล่นรุ่นใหญ่ทุกคนเลยมั้งน่ะ

“พี่ธันสวัสดีครับ” ไอ้เดย์มันยกมือไหว้ผม ผมพยักหน้าก่อนจะหันมาสะดุดกับพี่ลินดา เธอสวยน่ะ หน้าสวยทีเดียว ผมชอบคนสวยๆ ไอ้เดย์ยังมองเลยแล้วมองอีก

“เดย์!!” เจ๊ธามผมไม่ชอบถ้าจะเป็นคนของเจ๊ห้ามเรื่องพวกนี้ ผมมองหน้ามัน หาเรื่องแล้วไง

“ธัน พวกเพื่อนมึงมาแล้วน่ะ แหม มาแบบโสดเลยดิวันนี้ไม่มีใครพกเมียมาสักคน” เจ๊ธามพูด ผมยกมือว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ เพื่อนผมมีทั้งหมดหกคน แต่ล่ะคนชอบเหมือนกันความเร็ว ผมเลยตั้งทีมแข่งรถขึ้นมาด้วยทุนของพวกผมเอง ตอนนี้มีนักแข่งสองคน ผมเคยเป็นน่ะแต่ม๊าให้ผมเลิกเพราะว่าผมขับรถตีลังกาในสนาม ดีไม่ตายแค่บาดเจ็บ

“ไอ้โน๊ต เมียมึงล่ะ” เจ๊ธามถามทันที

“เมียมีเมียพี่ต้องมา ถ้าเมียไม่มาก็เพราะว่าเมียไม่มี” ไอ้โน้ตมันร้องเพลง ผมพยักหน้ามันช่างกล้าตอนลับหลังเมีย

“กูอัดเสียงไว้พอดีเลยให้กูส่งให้เลยไหมโน้ต กูมีเบอร์เจ๊มินนี่พอดีเลยมึง” เจ๊ธามถาม

“เจ๊!! เจ๊ธามคนสวยของผม อย่าทำร้ายน้องแบบนี้ซิ” ไอ้โน้ตรีบห้ามทันที

“มันปากดีไงเจ๊” ไอ้โอมมันพูด

“มึงล่ะ” เจ๊ธามถาม ไอ้โอมมันชี้ไปที่สาวสวยหุ่นดี นุ่งมาแบบแทบจะไม่ปิดอะไรเลย เห็นหน้าอกหน้าใจ ไม่ใช่ที่หนึ่งน่ะแต่นี้มัน

“เมียน้อยมึงนิ” เจ๊ธามถาม เธอชื่อน้องแนท พริตตี้โชว์รูมรถหรู เป็นลูกพี่ลูกน้องกับไนท์ ชื่อคล้องกันดีจริงๆ ไนท์เป็นแฟนเก่าผมเองแต่เลิกเพราะว่ามันอยากไปเติบโตในวงการรถแข่ง ไนท์คืออดีตนักแข่งรถของผม ฝีมือดีทีเดียว เพื่อนในกลุ่มผมจะมีไอ้โน้ตสนิทมากที่สุดเรียนมาตั้งแต่ประถม นิ๊กกี้มารู้จักตอนเรียนมัธยม ไอ้แพท ไอ้โอมนี้มาเจอตอนเรียนมัธยมปลายแต่พอเข้ามหาวิทยาลัยก็แยกย้ายกันไป แต่ล่ะคนพ่อแม่มีตังทุกคนและมีเมียกันทุกคน (เมียยังไม่แต่ง)

“กูเห็นไอ้ปุณณ์มันมากับใครไม่รู้ว่ะ นั่งอยู่ตรงโน้น” ไอ้แพทมันพูดกระซิบกับผม

“ไอ้คิมละมากับมันไหม” ผมถามไอ้แพท

“ไม่เห็นวะ” ไอ้แพทมันบอกผม

“ไอ้ไนท์มาไหมล่ะ” ผมถามไอ้แพทมันต่อเพราะว่าไอ้ปุณณ์นี้แหละที่มันนอนกับไอ้ไนท์ ผมไม่รู้หรอก ผมรู้แค่ว่าวันนั้นผมเปิดประตูไปเจอสองคนนอนด้วยกันบนเตียงแบบนั้น และนั้นความเป็นเพื่อนของผมขาดกัน มันก็ไปช่วยทีมน้องชายมันทีมนักแข่งคู่อริ ไอ้คิมนี้ก็ไม้เบื่อไม้เมาของผมตั้งแต่ตั้งทีมมาเลยก็ว่าได้



“ไม่เห็นวะ ไม่ถามเมียน้อยไอ้โอมดูละ” ไอ้แพทพยักหน้าไปที่แนท นั่งเบียดเสี่ยโอมน่าดู ส่วนเจ๊ธามที่เอ็นตี้เมียน้อยนี้มองแล้วก็เบ้ปากใส่ ส่วนแนทน่ะไม่แคร์ ผมหันมามองพี่ลินดา เธอแอบเอามือมาลูบต้นขาผมเป็นระยะๆ ผมหันมามอง สงสัยได้แน่ๆ คืนนี้ แต่ผมก็สนใจเธอน่ะ เธอเก่งและผมก็เพิ่งเลิกกับแฟนที่อายุเยอะกว่าสองปีไปหมาดๆ ด้วย

“พี่โอม เดี๋ยวแนทมานะคะ” น้องแพทบอกไอ้โอม โอมพยักหน้าและน้องแกก็เดินเฉิดฉายไปทันที เจ๊ธามหันไปมองไอ้โอมทันทีเช่นกัน

“เจ๊อ่ะ ก็เมียไม่ค่อยว่าง เรื่องอย่างว่ามันสำคัญแต่คนในหัวใจน่ะมีหนึ่งเดียว” ไอ้โอมมันพูด เจ๊ธามผมชูนิ้วกลางให้ไปทันที

“หนึ่งเดียวเลยเป็นไงมึง เจ๊แกให้มึงอ่ะ ฮาๆ “ไอ้นิกกี้มันพูด

“แนทมันบอกกูว่า ไอ้คิม มันไปประเทศเพื่อนบ้านช่วงนี้ งานมันเข้า ผับมันโดนหน่วยรบพิเศ่ษเข้าไปบุกมาสองผับรวดเมื่อตอนส่งท้ายปีเก่าผับหนึ่งแต่ผับนี้มันใช้ชื่อคนอื่น แนทมันรู้มาจากไอ้ไนท์อีกที” ไอ้โอมมันพูด ผมพยักหน้า

“และอีกผับพึ่งจะโดนไปเมื่อเดือนก่อน มันเลยเพ้นไปก่อนสักพัก ตอนนี้ไอ้ปุณณ์มันเลยเข้ามาดูทุกอย่างแทน มันพึ่งกลับมาจากมาเก๊า” ผมพยักหน้า ผมชะเง้อคอมองเห็นปุณณ์มันคุยอยู่กับพวกหุ้นส่วนของมัน นั่งอยู่ไกลๆ ไอ้โอมมันดีดตัวออกจากการสุมหัวเพราะว่าแนทเดินกลับมา ทาปากแดงมาแต่ไกล เดินมานั่งข้างไอ้โอมแบบเบียดกันน่าดู

“เจ๊กลับก่อนน่ะ อุจาดลูกตาวะ” เจ๊ธามพูดและพยักหน้ากับไอ้เดย์ เด็กเจ๊เขา มันก็หันมามองสองสาวอย่างเสียดาย พวกผมหันไปมองไอ้เดย์พร้อมกัน มันหดทันทีและเดินตามเจ๊ธามผมไปอย่างเชื่องๆ แต่เอาจริงๆ น่ะ

“ไอ้นี่มันเลี้ยงไม่เชื่องหรอกว่ะ “ไอ้โน้ตยังพูดเลย

“เจ๊กูก็แค่เอาไว้แก้ขัดป่ะ ไม่เอามันจริงหรอก” ผมพูด พวกนั้นพยักหน้า ผมหันมาอีกทีไอ้โอมกับน้องแนทนี้จูบแลกลิ้นกันแล้ว

“โว้ยยย!! ไปห้องพักดีกว่าไหมมึง” ไอ้นิกกี้มันเอาน้ำแข็งปาใส่ไอ้โอม

“ไปพักที่ไหนละมึง เมียกูเช็ก ที่นี่แหละที่ไม่กล้าเช็ก” ไอ้โอมพูด

“มีเมียกันแล้วเหรอ ธันล่ะ” พี่ลินดาหันมาถามผม ผมสั่นหัวไปมา

“อยากมีเหมือนกัน” ผมหันมาพูดกับพี่ลินดา

“แต่พี่ยังไม่คิดถึงขั้นนั้นนะคะ ขอดูก่อน พี่เลือกค่ะ” พี่ลินดาพูดแต่ดูจากฝ่ามือที่ลูบขึ้นลูบลงขนาดนี้

“กูเห็นเพื่อนเฮียธีว่ะ พี่ธีนอ่ะ และเฮียธันที่ชื่อเหมือนมึงอ่ะ เขาอยู่ตรงโน้น” ไอ้แพทมันพูด

“เฮียกูเลิกเที่ยวแล้วตั้งแต่มีแฟน “ผมพูด



Part’ s เฮียธัน ผมนั่งคลอเคลียกับพี่ลินดา ตอนนี้เด็กมาชงเหล้าให้พวกผมแล้ว ผมก็ดื่มกันและเพลงก็กำลังน่าเต้นเลย ผมพยักหน้ากับพี่ลินดา เขาลุกขึ้น ท่าโยกย้ายส่ายสะโพกนี้แบบนี้ เล่นเอาผมอยากจะพาเธอกลับไปที่คอนโดผมเลย

“เฮ้ย! ไอ้ทีมกระจอก พึ่งเปิดตัวไม่นานแต่อยากจะมาขึ้นแท่นนักแข่ง เป็นแชมป์แค่สมัยสองสมัยเอง ทำมาเป็นเก่ง” ผมได้ยิน ไอ้ทีมนี้แหละที่ไอ้ปุณณ์มันไปเป็นที่ปรึกษา ผมหันมามองหน้าพวกผม พวกผมก็มองหน้ามัน

“มึงว่าใครวะ” ไอ้แพทมันหันไปถาม

“หมับ” ผมจับแขนไอ้แพท

“อย่า! นี้ผับเฮียธีนเขา เฮียเขาเป็นเพื่อนเฮียธีกู เกรงใจหน่อย “ผมบอกเพื่อนผมว่าให้ถอยหลังออกมา

“ไก่อ่อนเอ๊ย!!” ดูมันกวนอารมณ์พวกผมขนาดไหน ผมน่ะพยายามไม่อยากมีเรื่องอีก ป๊ากำชับหนักกำชับหนาเพราะว่าผมเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแล้วไง อุตส่าห์มาผับเพื่อนเฮียธีเพราะว่าผับนี้ ไม่ค่อยมีพวกอันธพาลเท่าไหร่แต่นี่มันกำลังยั่วยุผมชัดๆ

“ไอ้ปุณณ์มึงไม่ทักทายเพื่อนมึงหน่อยเหรอวะ” หนึ่งในนั้นถาม ไอ้ปุณณ์มันหาพวกนี้พอดี มันหันมามองหน้าผม ผมก็ลุกขึ้นทันที

“เพื่อนที่หักหลังกู ไม่ต้องเดินมาทักกูหรอก” ผมพูด ไอ้ปุณณ์มันหลบตาผมทันที และมันก็เดินไปกระซิบคุยกันกับคนที่มันพามา มันลุกขึ้นก่อนจะพากันออกไปเหลือแต่ลูกสมุนของมันที่ยังนั่งดื่มกันอยู่ หันมามองพวกผมทำหน้าตากวนๆ ใส่ด้วย ไอ้โน้ตมันหยักไหล่ให้ผม ผมหลักไหล่ตอบว่าไม่สน ผมนั่งดื่มต่อ

“ธันพี่ว่ากลับกันดีกว่าน่ะ ธันเมามากจะขับกลับไม่ไหว พี่ไม่ชอบน่ะและถ้าเมาแล้วโดนตำรวจเรียกอีก พี่ก็ไม่อยากเป็นข่าว” พี่ลินดาพูด ผมพยักหน้า จังหวะนั้น ผมหันไปมองไอ้พวกที่มันปากดีกับผม

“มึงเอาชะนีแล้วไอ้ไนท์ละ มันไม่ถึงใจเหรอวะ” ผมได้ยินมันตะโกนมามันเริ่มทำให้พวกผมจะหมดความอดทน

“น่าเสียดายว่ะ รอบนั้นมึงเกือบได้ลงไปเป็นอาหารปลาที่แม่น้ำเจ้าพระยาอยู่แล้วแต่เสือกมีคนมาช่วยไว้ รอบนี้มึงคงได้ไปจริงๆ วะ” นั้นมันสารภาพมาแล้ว

“กลับกันเถอะวะ อยู่นานงานจะเข้า” ไอ้โน้ตพูด ผมพยักหน้าและพากันลุกขึ้น

“ป๊อดเหรอ” พวกนั้นมันถามพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน ได้ถ้าท้ามาขนาดนี้ ผมหันไปก็

“ผลัก!” แค่นั้นทุกอย่างก็มะรุมมะตุ้มกันใหญ่เลย ส่วนผู้หญิงสองคนก็ออกไปยืนไกลๆ ผมไม่รู้ว่านานแค่ไหน จนกระทั่งมีการ์ดเข้ามานั่นแหละ

“หยุด!!!” เสียงที่ทำให้พวกผมหยุด เสียงเฮียธัน เขาเป็นเจ้าของผับนี้ เขาเดินมาทำหน้าตาเคร่งขรึมมาเลย และการ์ดมาไม่รู้กี่คนมาห้ามพวกผม

“กูแจ้งตำรวจแล้ว กำลังมา” เฮียธันพูด

“อ้าวเฮ้ย!! มึงไอ้ธัน น้องไอ้ธีนี่หว่า” ผมหันไปมองกับเฮียอีกคน ชื่อเดียวกับผมเลย

“เฮียนี้น้องชายไอ้ธีมัน เพื่อนผมอะเฮีย” เฮียธีนเขาพูดและเฮียแกหันไปมอง

“คนละธีกัน” เฮียธีนพูด

“ตกลงมีสองธี” เฮียแกพูด

“แหละกูไม่รู้นี่หว่าแต่ว่ากูแจ้งตำรวจไปแล้ว” เฮียธันพูด

“เรียกเร็วไปไหมเฮีย” เฮียธีนหันไปถามเฮียเขา

“ก็เพื่อจะไปหาที่ปรับความเข้าใจกัน ที่โรงพักเพื่อประชาชน…แบบนี้…แบบที่ชอบตีต่อยกันแบบนี้ “เฮียธันพูด

“ไปปรับความเข้าใจกันก่อน ปรับได้แล้วค่อยมาเที่ยวไหม ปรับไม่ได้ไม่ต้องมาน่ะ มาเที่ยวแล้วมาตีกันเพื่อ?” เฮียแกพูด

“เรียกพี่มึงไปประกันตัวเองแล้วกัน เพราะว่าผับกูไม่สนับสนุนให้มีเรื่องกันยกเว้นชะนี กูให้ตีกันได้ อันนี้เฮียชอบนั่งดู” เฮียแกพูดและยิ้มด้วย พวกผมยกมือเก้าหัวทันที ผมคงต้องปลุกเฮียธีมาประกันตัวอีกแล้ว ผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ หันไปมองไอ้พวกที่กวนพวกผมจนขันติหลุด ไม่นานตำรวจก็มาถึง พวกผมก็ต้องไปที่โรงพักกัน

“โทรติดต่อหาคนมาประกันตัวเลยนะครับ” ตำรวจนายหนึ่งบอกผม ผมก็ต้องโทรหาเฮียธีทันที

(ฮัลโหล) น้ำเสียงที่บอกว่าเฮียผมนอนไปแล้วนี่มันตีหนึ่งเอง

(เฮีย ผมงานเข้าอ่ะ) ผมบอกเฮียธี

(งานใหญ่ไหม) เฮียธีถามผมด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าพยายามตื่น

(เฮีย มีอะไรเหรอคะ)

(ไม่มีจ๊ะมิว นอนต่อเถอะ เดี๋ยวเฮียมาน่ะ จ๊วบ!!) เฮียธีพูดกับแฟนสาวชื่อมิว เธอพึ่งจะจบเภสัชกรใหม่ๆ

(ไม่เล็กไม่ใหญ่เฮีย ผมกำลังจะไปโรงพักเฮีย สน. ใกล้ๆ กับผับเฮียธีนอ่ะเฮีย) ผมบอกเฮียธี

(งั้นเฮียไปถูก ไม่ต้องส่งโลเคชั่นมา เจอกันน่ะ น้องที่รักมาของเฮีย...จริง!ๆ) เฮียธีพูดแค่นั้นบอกรักมาด้วย ผมหันมามองคนอื่นๆ ดีที่เขาจับมาแค่พวกผมยกเว้นสาวๆ และโชคดีที่เจ๊ธามผมกลับไปก่อน ไม่เช่นนั้นงานไม่ใช่งานกลางๆ แน่ๆ น่าจะงานใหญ่ทีเดียว ก็คงต้องโทรตามป๊าและม๊ามาด้วยเลยมั้ง พวกผมถูกเชิญให้ไปนั่งในห้องขังทันทีที่มาถึงรอคนมาประกันตัว ไอ้พวกนั้นก็ตามเข้ามาติด พวกผมหันไปมองหน้ามัน มันยังทำหน้าตากวนๆ ใส่ผม

“มองหน้าเหรอ อยากโดนอีกใช่ป่ะพวกมึงอ่ะ “ไอ้นิกกี้ถาม มันก็ทำท่าจะเข้ามาหาผม

“หยุด!! อยู่ในนั้นยังกัดกันอีกเหรอครับ แทนที่จะได้อยู่ชั่วคราว เดี๋ยวก็ให้ค้างคืนซะเลยนิ” จ่าที่ยืนอยู่ด้านพูด ผมหันมามองหน้ากันดีน่ะพรุ่งนี้มีนัดทานข้าวกับป๊าและม๊า ถ้าไม่ไป ป๊าและม๊าคงรู้แน่ๆ

“จ่าแล้วชั่วคราวกับค้างคืนต่างกันจังไงอ่ะ” ไอ้โน้ตมันถามจ่าเขา

“ชั่วคราวก็ 450 บาทแต่ต้องทำเวลาหน่อย แต่ค้างคืนนี้ 600 บาท จัดได้ยันเช้า …” จ่าพูด

“เว้ย!! “จ่าแกหันมามองพวกผม

“มันใช่เวลาเล่นไหมเนี๊ยะ!!” จ่าเขาหันมา แต่ก็แอบหัวเราะ

“อย่าทะเลาะกันน่ะ เดี๋ยวให้ค้างคืน คิก ๆ “ยังอีกจ่าแกพวกไอ้โน้ตอีก พวกผมเลยต้องถอยไปอยู่คนละมุมทันที และไปนั่งในห้องขังกันรอคนมาประกันตัว ผมนั่งรอนอนรอจนสักพักก็มีนายตำรวจมาไขกุญแจให้

“ฝั่งโน้นไปก่อน ทนายพวกคุณมาแล้ว” พวกนั้นมันหันมาหยักคิ้วให้ผมว่าทนายพวกนั้นมาประกันตัวแล้ว

“ฝั่งนี้พี่ชายพวกคุณมาประกันตัวแล้วเชิญครับ” เขาก็เรียกพวกผม พวกผมก็พากันเดินออกไป นายตำรวจร้อยเวรที่นั่งอยู่ก็คุยกับเฮียผมอยู่ ผมเดินไปนั่งข้างๆ เฮียธี เฮียผมมาด้วยชุดนอนครับ ผมสะบัดหน้าไปมองเฮียธี ส่วนไอ้ฝั่งโน้นน่ะ ทนายมันมาจัดเต็มใส่สูทผูกเนกไท มาแน่นมาก พวกผมมองเฮียธีอีกที

“เฮียรีบมากและเฮียก็ขี้เกียจเปลี่ยนเพราะเฮียคิดว่าจะกลับไปนอนต่อน่ะ” เฮียธีพูดยิ้มๆ ให้พวกผม ผมมองร้อยเวร เขาชื่อร้อยตำรวจเอกรัชชานนท์

“ชื่อเหมือนเพื่อนเฮียเลยอ่ะ พี่ตั้นอ่ะ” ผมกระซิบกับเฮียธี

“ผมก็ชื่อตั้นนะครับ” นายตำรวจตรงหน้าพูดยิ้มๆ คือเขาได้ยินว่างั้น ผมกับเฮียธีร์พยักหน้าพร้อมกัน เหมือนแทบจะทุกอย่างหรือเปล่าไม่รู้ พี่เขากำลังปริ้นซ์เอกสารและส่งมาให้เฮียธีรับไปเซนต์

“ขอบคุณนะครับผู้กอง” เฮียธีพูดและหันไปมองทุกคนที่เฮียมาประกันตัว แต่ล่ะคนยกมือไหว้เฮียผมกันหมด

“ขอบคุณนะเฮีย” ไอ้โน๊ตพูด เฮียธีร์ผมรับไหว้ทุกคน

“ขอบใจน่ะ” เฮียธีพูดทุกคนสะบัดหน้ามามองเฮียธีร์พร้อมกันรวมถึงผมด้วย

“เฮียพวกผมซิต้องพูดคำนี่เฮีย” ไอ้โน้ตมันพูด

“ขอบใจที่ปลุกเฮีย!! ลุกมาจากที่นอน แต่เร็วไปน่ะ “เฮียธีพูด

“ปกติเฮียควรจะตื่นมาเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ไม่ใช่ตื่นมายังเห็นพระจันทร์แบบนี้ นี้ยังไม่สว่างเลย!” เฮียธีพูดและมองหน้าพวกผม

“ก็นี่มันพึ่งจะตีสองนะเฮีย พระอาทิตย์ขึ้นตอนนี้มันอิมพอสซิเบิ้ล!!” ไอ้โน้ตพูด พวกผมผมหันไปมองหน้า มันไม่สำนึกเลยว่างั้น

“ดังนั้นเฮียจะกลับไปนอนต่อเลยน่ะ ไม่ต้องเรียกแล้วน่ะ เฮียขอร้องและพวกมึงทั้งหลาย กลับไปนอนเถอะ เฮียก็ขอร้องเหมือนกัน” เฮียธีพูด พวกผมเดินลงมาจากโรงพัก ผมเห็นพี่ลินดายืนกอดอกรออยู่แล้ว ส่วนน้องแนทอะไรนี้รีบโผ่มากอดไอ้โอมทันที

“กูกลับเลยน่ะเพราะว่าน้องเขาเรียกร้อง” ไอ้โอมพูดและมันก็โอบไหล่น้องแนทไปทันที

“เฮีย ไปเอารถพวกนี้ได้ไหมอ่ะ ที่ผับเฮียธีนอ่ะ” ผมบอกเฮียธี เฮียก็พยักหน้า

“พวกมึงติดรถเฮียกูไปเลยไปเอารถพวกมึง ส่วนกู กลับคอนโดกูวะ” ผมพูดและหันไปโอบเอวพี่ลินดาพากลับไปคอนโด พี่เขามองหน้าผม เฮียธี เลิกคิ้วมองหน้าผม ก่อนจะเดินมาหาผม ขณะที่พี่ลินดาเดินแยกไปขึ้นรถ เธอคงจะขับให้ผมนั่ง รถหรูซุเปอร์คาร์

“ตกลงมึงทำเพื่อป๊าเหรอเลยพาผู้ตรวจสอบไปตรวจสอบคอนโดมึงอ่ะ” เฮียธีกระซิบถามผม ผมพยักหน้าว่าทำเพื่อป๊าจริงๆ ขยิบตาด้วย

“แรงว่ะ “เฮียธีพูด

“แล้วจะบอกพี่เขาให้ว่าให้ช่วยสาขาเฮียด้วย” ผมกระซิบ

“ให้มันได้แบบนี้ ค่อยน่ามาประกันตัวให้หน่อย ไอ้ผู้อำนวยการหัวร้อน” เฮียธีพูดก่อนจะเดินแยกไปและพาเพื่อนๆ ของผม ไอ้โน้ต ไอ้แพทและไอ้นิกกี้ ไปเอารถของมันจะได้พากันกลับบ้านใครบ้านมัน ผมก็แยกตัวกลับไปที่คอนโด ผมหันมามองพี่ลินดาเธอขับรถให้ผม เธอหันมามองผมเป็นระยะๆ แถมยังเอามาคล้ำโคนขาผมเล่นด้วย คลำไปคลำมาคลำจนถึงจุดยุทธศาสตร์ แล้วผมจะทนเหรอ พอไฟแดงก็หันมาจูบกันทันที ไม่ต้องถามหรอกว่าไปถึงห้องจะไปถึงขั้นไหน ผมชอบแบบมีประสบการณ์ ไม่ชอบสอนเด็กมือใหม่ เสียเวลา



Part’ s เฮียธี ผมชื่อเฮียธีหรือธีรภพ เป็นพี่คนโตสุดของบ้าน ผมดูแลสาขาแถวนนทบุรี ค่อนข้างไกลแต่ว่าผมมีแฟนเป็นเภสัชกรชื่อน้องมิว เปิดร้านขายยาแถวๆ อนุสาวรีย์ ทำไมคนละที่กันเลยเพราะว่าพ่อแม่ของมิวเขาเกษียณอายุราชการมาอยู่บ้าน มิวมีน้องชายชื่อแม็ซ กำลังเรียนสัตวแพทย์อยู่ ผมเปิดร้านยาให้มิวตอนนี้ เรากำลังแพลนจะแต่งงานกันแต่ก็มีอุปสรรค เมื่อปีก่อนพ่อของมิวประสบอุบัติเหตุรถชนเลยต้องผ่าตัดและต้องทำกายภาพ เดินไม่ค่อยได้ปกติแต่ก็เดินได้เลยเลื่อนไปก่อนแบบไม่มีกำหนด แต่ผมไม่เป็นไรหรอกเพราะว่าผมกับมิวก็อยู่กันก่อนแต่งอยู่แล้ว เราคบกันมาได้สี่ปีแล้ว จะเข้าปีที่ห้าแล้ว

วันนี้ผมประกันตัวน้องชายหัวร้อน ไอ้ธัน ผมมีพี่น้องสี่คน ผมเป็นคนโตสุด ผมเองพึ่งจะกลับมาอยู่กับป๊าและม๊าได้สี่ปีเท่ากับที่ผมคบกับมิวนั่นแหละ ผมไปเรียนอยู่เมืองนอก ไปอยู่กับแฟนที่เป็นผู้ชาย ผมเป็นเกย์มาก่อน แฟนผมคนนั้นชื่อภูริเป็นเพื่อนรักและเป็นรักแรกของผม แต่ว่าต้องเลิกกันและภูริก็กลับมาแต่งงาน ผมถึงได้คุยกับป๊าว่าจะขอกลับมา ป๊าก็ให้กลับมา ความรักของผมกับภูริ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีขวากหนามทิ่มตำจนอยู่ไปก็ทะเลาะกันและมันมาแย่ที่สุดเพราะผมเอง

“ขอบคุณนะเฮีย” ผมขับรถมาส่งโน้ต แพทและนิกกี้ เพราะว่าธันเขาแยกตัวกลับไปกับคุณลินดา มันเล่นของสูง เล่นคนที่อยู่ในทีมตรวจสอบมาตรฐานโรงเรียนซะด้วย ผมก็ไม่ยุ่งอยู่แล้วเรื่องส่วนตัว แนวใครแนวมัน ตอนนี้ผมแนวเด็กเฮีย มิวอ่อนกว่าผมรุ่นเดียวกับเธียรวิชญ์เลย

“ไอ้ธี” เสียงนี้ผมจำได้ดี ไอ้ธีน บ้านธอธงเหมือนบ้านผมเลย พี่ชายคนโตธีนชื่อเดียวกับผมเลยชื่อธี ธีร์เลย ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นแต่ธีของผมนี่ชื่อเล่นครับ

“มึงนี้มาไม่ให้เกียรติผับกูเลยไอ้ธี” ไอ้ธีนมันพูด ผมก้มลงมองทั้งชุด มันก็สุภาพน่ะไม่ได้แก้ผ้ามา

“กูก็ไม่ได้แก้ผ้ามา ไม่ให้เกียรติผับมึงตรงไหนวะ” ผมถามไอ้ธีน

“ผับกูนี้ มาเพื่อสนุก มาดื่ม มากินมาเต้น ไม่ใช่มานอน!!!” ไอ้ธีนมันพูด อ้อชุดของผมมันชุดนอน

“กูรีบ” ผมพูด

“ลืมไปว่าน้องมึงมาบวกกับเขาในผับกู” ไอ้ธีนมันพูด

“เป็นไงละ ชุดนอนไม่ได้นอนที่แท้ทรู” ไอ้ธีนพูด ผมหันไปยกมือไหว้บรรดาเฮีย อยู่กันครบเลย เฮียไธม์และเฮียธันและเฮียธี ของแท้

“สองทีเลยทีนี้” เฮียธันพูด หันไปนิ้วแร๊พโย้วให้เฮียคนโตของบ้าน

“เฮียกลับก่อนน่ะธี “เฮียแกพูดน้อยต่อยหนัก ผมโบกมือให้ ผมหันมามองสองเฮียพี่ชายไอ้ธีนที่ยืนมองชุดที่ผมสวมมาด้วย

“ชุดมันพร้อมมาก พร้อมมานอน” เฮียธันพูด

“ผมพร้อมตั้งแต่สามทุ่มแล้วเฮีย นอนไปแล้วด้วย แต่ดันมีโทรศัพท์ไปปลุกผมลุกขึ้นมา” ผมพูด

“แล้วนี่ประกันตัวกันไปหมดแล้วใช่ไหมวะ” เฮียไธม์ถามผม

“ครับเฮีย” ผมพูด

“ไอ้ที่ตีกันวันนี้ แก๊งนี้ไม่คุ้นหน้าว่ะ แต่บอกพวกมันไปแล้วว่าไม่ต้องมาแล้วเพราะว่าพยาธิที่เห็นเหตุการณ์” เฮียธัน

“พยาน!!” น้องๆ เฮีย

“กูกำลังได้ที่ไง ไปหลายแก้วเหมือนกัน จากพยานก็กลายเป็นพยาธิไปได้” เฮียธันพูด

“คนเห็นเหตุการณ์บอกว่ามันปากดี ต่อปากต่อคำกับน้องๆ มึงอ่ะ เฮียจะสั่งแบนมันไปซะ เอาใจสุดๆ เลย” เฮียธันพูด ผมยกนิ้วให้เฮียเลย

“ลูกค้า 3วีของกูอีกแล้ว” เฮียธันพูด

“เวรี่วุ่นวาย” เฮียธันพูด

“งั้นเฮียขอตัวน่ะ ไปนอน พร้อมมาก พร้อมนอนมาก “เฮียธันพูด ผมยกมือไหว้เฮียทั้งสองคน ผมหันมามองไอ้ธีน ผมเห็นสาวผมสีม่วงๆ

“แฟนมึงเปลี่ยนสีผมไม่ซ้ำกันเลยหรือว่าไม่ซ้ำคนกันแน่วะ” ผมถามไอ้ธีน ไอ้นี้เจ้าชู้ตัวพ่อ ผมนี่ขอเลยห้ามจีบน้องผม น้องธามผม

“กูไม่ชอบซ้ำทางเดิม” ไอ้ธีมพูด

“งั้นกูกลับน่ะ มิวนอนอยู่และพรุ่งนี้จะไปทานข้าวบ้านม๊ากับป๊ากูด้วย” ผมพูดพร่งนี้วันอาทิตย์

“มึง กูเจอเมียไอ้ภูริว่ะ” ไอ้ธีนมันบอกผม ผมหันมามองไอ้ธีน

“ลูกสามคน ไม่น่าจะเกินสี่ขวบคนเล็กและตามลำดับแถมยังท้องโย่อีกหนึ่ง นี้ไอ้ภูริมันเก็บกดจากมึงป่ะเนี๊ยะ” ไอ้ธีนมันถามผม

“จะมาเก็บกดอะไรจากกู” ผมถามมันกลับ

“ก็เมื่อก่อนมึงใช้ของมึงคนเดียวเลยไง พอมันไปแต่งงาน มันเลยใช้ของมันให้คุ้มค่า” ไอ้ธีมพูด ผมนี้ส่งนิ้วกลางให้มันเลย

“ไอ้ตั้นอ่ะ” ผมถาม ผมไม่ค่อยเจอมันเลยตอนนี้

“ไอ้ตั้นมันยุ่งมาก” ไอ้ธีนพูด ผมพยักหน้า

“บริษัทมันเหรอ” ผมถาม

“ไม่ใช่บริษัทมันหรอกที่ยุ่ง ยุ่งห้ามทัพชะนีกับเก้ง มันไปสอยเก้งมาเป็นเมียแล้วมึงรู้ยังและชะนีก็ตามจะเอามันกลับมาทำผัว ผัว มันเลยไม่ว่าง” ไอ้ธีนพูด ผมก็พยักหน้า ผมคิดในใจ ไอ้ตั้นมึงควรมีเพื่อนเมื่อพร้อม ผมยิ้มให้ไอ้ธีน

“ยิ้มแบบนี้ด่ากูชัดๆ” ไอ้ธีนพูด

“กูไปแล้ว จะไปนอนต่อ” ผมพูด น้องผมสีม่วงเดินมาหาไอ้ธีนและกอดทันที

“กูว่ามึงไม่ได้นอนแล้วไอ้ธีน” ผมพูด

“จะนอนไหวเหรอ เจอแบบนี้” ไอ้ธีนพูด หันไปหอมแก้มน้องเขาโชว์ผมด้วย และผมก็เข้าไปในรถ ผมสตาร์มรถ ก่อนจะส่งข้อความหามิว

“เฮียกำลังกลับนะครับมิว “ผมบอกแค่นั้นก็ขับรถกลับไปทันที ผมเลิกกับภูริแล้ว ตอนนี้คือมิว ผมรู้ว่าภูริมันแต่งงานไปก็ไม่มีความสุข เพื่อนๆ เลยเจอแค่เมียไม่เคยเจอภูริเลย เดินทางไปไหนกับเมียนี่แทบไม่เคยเจอเลยด้วยซ้ำนอกจากไปออกงานเท่าที่ผมรู้มา ส่วนผมกับมิวนี้ก็คบกันมาจะห้าปีแล้ว ผมก็มีบ้างที่ระหองระแหงกันแต่ก็หันกลับมาปรับจูนกัน เพราะว่าม๊าและอาม่าผมชอบมิว ผมต้องหาคนที่เข้ากับคนในครอบครัวก่อน ผมคิดว่ามิวนี้แหละใช่ที่สุด ผมเลยยอมปรับตัวเองให้เข้ากับมิวให้มากที่สุดเหมือนกัน

      TBC ….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:44:11 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP. 10 ครั้งแรกที่บีมเจอดวงใจของเขา(ครึ่งแรก)

         Part’ s กันต์ธีย์ วันนี้เป็นวันนัดตรวจครรภ์ครั้งที่สองของผม ครั้งแรกที่ไปตรวจเลือดผมไม่ได้เจอหมอภีมปภพเพื่อนของอาจารย์กันตภณและครั้งสองพี่หมอภีมก็นัดผมหลังจากวันนั้นแต่ผมก็ติดสอบอีก โชคดีที่ผมก็ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ เลยทำได้แค่คุยโทรศัพท์กันเล่าถึงอาการของผม ผมไม่ค่อยแพ้มาก ผมก็ไปสอบมาเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ของอาจารย์เปรมด์สินีย์ที่เขาไม่ยอมให้ผมสอบ แต่ก็ไม่เป็นไร ผมคงลงเรียนใหม่แล้วกัน

ผมได้ย้อนกลับไปที่ผับนั้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้อะไร ไปเจอน้องผู้หญิงที่ผมรู้จักเธอบอกว่าผมไม่ควรย้อนกลับไปอีก ผมเป็นเหยื่อ เหยื่ออะไรผมยังไม่รู้เลย ผมว่าน้องคงเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ ไอ้ฟิล์มมันจิตตก ห้ามผมไปหาข้อมูลคนที่ทำให้ผมท้องเด็ดขาด ผมเลยต้องหยุดไว้แค่ ได้ชื่อมันมา ว่าเธียรวิชญ์ แค่ชื่อนามสกุลก็ไม่ได้ มันจะมีประโยชน์อะไร ผมเลยคิดว่าพอดีกว่า
ผมยืนเพ่งพิจารณาไปที่แหวนที่ไอ้คนนั้นให้เอาไว้ มันราคาแพงมากแต่ผมไม่คิดอยากจะเอาไปขายหรือจำนำ ไม่ใช่ว่ากลัวเจ้าของมันจะรู้น่ะแต่ถ้ามันรู้ก็จะดี ว่าสิ่งที่มันทำไว้กับผมน่ะ แต่คิดอีกทีอย่ารู้เลยก็ได้ ผมอยู่กันได้สองคนพ่อลูก ผมคิดในใจ ผมก็เลยหันไปเก็บเอาแหวนใส่ไว้ในลิ้นชักเหมือนเดิม มันอยู่ตรงตู้ลิ้นชักข้างเตียงนอนของผมตลอด

Rrrrr มือถือผมดังขึ้น ผมเดินไปหยิบมาดู เบอร์อาจารย์กันตภณ ผมก็รู้สึกแย่น่ะที่จะให้คนที่มีอนาคตที่ไกลอย่างอาจารย์กันตภณมารับผิดชอบผม ที่มีแต่ทำให้เขาเสียชื่อ

//ครับพี่กัน// ผมกดรับสายอาจารย์กันตภณ

//บีม วันนี้หมอภีมเขานัดอัลตราซาวด์ใช่ไหมครับ/// อาจารย์กันตภณ เป็นคนที่คอยโทรถามผมบ่อยกว่าแม่ของผมซะอีก รองลงมาก็คือเพื่อนๆ ผม ส่วนแม่ผมส่วนมากจะส่งข้อความมาถามมากกว่า แม่บอกว่าฟิลิปส์คอยพยายามจะฟังแม้จะฟังไม่ออก บางที่ก็ใช้ตัวช่วยแปลเพื่อแอบฟังแม่คุยกับผม ฟิลิปส์มันเป็นพวกหัวหมอด้วย

//ครับ พี่กันรู้ได้ยังไงครับ// ผมถามอาจารย์กันตภณกลับทันทีด้วยความแปลกใจ

//ก็หมอภีมเขาเป็นเพื่อนกับพี่นี่ครับบีม และพี่ก็โทรไปถามเกี่ยวกับเรากับหมอภีมมาตลอด หมอภีมเลยบอกพี่มานะครับ// อาจารย์กันตภณบอกผม ผมก็ลืมไปซะสนิทเลย

//ครับพี่กัน// ผมตอบอาจารย์กันตภณด้วยน้ำเสียงที่เบามาก

// พี่เจอเพื่อนๆ เราน่ะและเขาบอกกับพี่พวกเขามีสอบกันอีกวิชาวันนี้ ดังนั้นพี่จะเป็นคนพาเราไปหาหมอภีมเอง /// อาจารย์กันตภณพูดขึ้น มันทำให้ผมต้องเงียบไปชั่วขณะ ไหนพวกนั้นบอกว่าว่างไงวันนี้ แต่จู่ๆ ก็มีสอบ สงสัยวิชาของอาจารย์เปรมดิสินีย์ซินะ ผมเลยไม่มี แต่ก็ดี ผมมีพบหมอพอดีเลยวันนี้

//ถ้าอย่างนั้นผม…// ผมกำลังจะบอกว่าไปแท๊กซี่เอง

// เดี๋ยวพี่พาเราไปหาหมอเองน่ะ พี่ว่างตอนบ่ายนะครับบีม // อาจารย์กันตภณรีบบอกผม

// อย่าปฏิเสธพี่น่ะ บีม เพื่อนเราบอกว่าช่วงนี้เราทานไม่ค่อยได้ อาเจียนก็บ่อยขึ้น พี่กลัวว่าเราจะไปเป็นลมกลางทางไม่มีใครช่วย และพี่บอกเราว่าพี่อยากดูแลเรา //อาจารย์กันตภณพูดล้อมผมจนได้

//พี่กันสงสารผมเหรอครับ//ผมเผลอถามอาจารย์กันตภณไป

//พี่ว่าเรารู้คำตอบดีว่าทำไม ไม่ใช่แค่คำว่าสงสารนะบีม พี่มีมากกว่านั้น// อาจารย์กันตภณพูด มันทำให้ผม ก้มลงมองสิ่งที่ผมถือไว้อยู่ แหวนไอ้คนที่ทำให้ผมท้องลูกของมัน มันจะรู้ไหมว่าผมนี้เป็นยังไงบ้าง กับการกระทำของมันวันนั้นน่ะ ไอ้คนเห็นแก่ตัว ไอ้ไม่มีความรับผิดชอบ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย (เออ ผมก็ผู้ชายนี่หว่า) ไอ้ ไอ้ นึกคำด่าไม่ออกแล้ว

//พี่ขับรถออกมาจากมหา’ลัยแล้วบีมและใกล้จะถึงแล้วด้วย น่าจะสิบห้านาทีได้ //อาจารย์กันตภณบอกผม

//ผมลงไปรอพี่ที่ชั้นล่างดีกว่าน่ะครับพี่กัน// ผมพูด ผมหันไปหยิบเสื้อเชิ้ตมาสวมทับ ท้องผมดูแทบจะไม่ออกมาว่าผมกำลังตั้งท้องอยู่ ถ้าไม่สังเกตดีดี ท้องแรกก็แบบนี้แม่ผมพูดดูไม่ค่อยออกและอายุครรภ์ก็ยังไม่เยอะด้วย

ผมก้มลงมองท้องน้อยๆ ของผม มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในนั้น ผมหันไปมองรูปพ่อของผม ดร.เคลวิน เบน กิบสัน เมื่อก่อนผมชื่อ เบนจามิน เบน กิบสัน แต่พอแม่ผมส่งผมมาอยู่ไทย แม่ก็เอาชื่อจริงที่คิดว่าจะตั้งให้ผมมาตั้งชื่อให้ใหม่ ส่วนบีมนี้เป็นชื่อเล่นที่คุณยายผมเรียกเวลาที่ผมมาอยู่ไทย และชื่อนี้เลยเป็นชื่อที่ทุกคนเรียกผมจนติดปากทุกวันนี้

//บีม พวกกูกำลังสอบแต่จะทำเวลาน่ะ จะรีบไปดูหน้าหลานว่ะ กูไปเจอมึงที่โรงพยาบาลเลยนะบีม ปล. กูขอโทษว่ะที่ต้องบอกอาจารย์กันตภณเป็นคนพามึงไปแทนพวกกู แล้วเจอกันน่ะ // ไอ้ฟิล์มมันส่งข้อความหาผม

“มันไม่ยุติธรรมกับเขาไงมึง ที่ต้องมาทำหน้าที่แบบนี้ ในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ “ผมพูดกับโทรศัพท์ของผมก่อนจะเดินออกจากห้อง ผมหันมาจับโซ่ที่คล้องประตูเอาไว้ออก ผมยืนเพ่งมองมันอยู่พักหนึ่ง โซ่คล้องประตู เพื่อนป้องกันไม่ให้เข้ามาทำร้ายคนในห้องได้ ลูกในท้องก็เหมือนสิ่งที่จะปกป้องหัวใจของผมที่แตกสลายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เช่นกัน

“ลูกโซ่ พ่อจะให้เจ้าชื่อว่าลูกโซ่นะครับ” ผมก้มลงพูดกับน้องน้อยๆ ของผม

“อุ้ย!” ผมรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งที่กระทุ้งแต่ไม่แรงเพราะว่าน้องยังเล็กมากแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเขาดิ้น

“แสดงว่าชอบชื่อนี้ใช่ไหมครับ ไปหาหมอกันน่ะ ดูซิว่า ตัวแสบของพ่อ ตัวโตขึ้นบ้างไหม พ่อจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” ผมพูดกับตัวเล็กของผมในท้องน้อยๆ ผมเดินออกมาก็เจอเพื่อนบ้านเขาก็ยิ้มทักทายผม ผมก็ยิ้มทักทายตอบ ผมอยู่ที่คอนโดนี้มานานมาก เพราะว่าแม่ผมซื้อเอาไว้ให้ ผมเดินลงถึงชั้นล่างของคอนโดของแม่ผม ผมก็เจออาจารย์กันตภณยืนรอผมอยู่แล้วที่ด้านหนาคอนโดของผม

// ป๊าเราล๊อกบัตรเครดิตทุกใบ ก็มันน่าไหมล่ะ เรียนยังไงไม่จบตามแผนที่วางเอาไว้ เราน่ะไม่ใช่คนเรียนไม่เก่งน่ะ นี้คงเอาแต่เที่ยวละซิ ก็ตั้งใจเรียนให้จบ ภายในปีนี้หรือถ้าเร็วกว่านั้นจะดีมาก โอเคเจ๊กจะพูดให้แต่ไม่รับปากน่ะ เพราะว่านั้นเฮียเจ๊กและที่สำคัญ ม๊าเรายังคุยให้ไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับเจ๊กละ แต่ถ้าเรายังไม่จบ เจ๊กจะพาอาม่าไปพาเรากลับ ไม่ได้ขู่ อาม่าบ่นถึงแล้ว กลับมาได้แล้ว อ้อ เจ๊กจะไปทำธุระก่อน แค่นี้ก่อนน่ะ เอาไว้เจ๊กโทรหา บาย // อาจารย์กันตภณพูดกับคนปลายเหมือนจะหัวเสียหน่อยๆ ก่อนจะวางสายไป เขาหันมายิ้มให้ผม ผมน่ะเดินมาด้วยท่าที่หันหน้าหันหลัง มันเหมือนระแวงสายตาคนที่เดินผ่านผมไปยังไงก็ไม่รู้

“เป็นอะไรไปน่ะบีม พี่เห็นเดินเหมือนระแวงอะไรเลย” อาจารย์กันตภณถามผม ก่อนจะมองตามที่ผมมอง แสดงว่าเขาสังเกตเห็นตอนผมเดินลงมา ผมยิ้มๆ ให้อาจารย์กันตภณ

“ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอกบีม เล่นใส่เสื้อตัวใหญ่ขนาดนี้ พี่เองยังดูเราไม่ออกเลยน่ะ” อาจารย์กันตภณพูดปนหัวเราะและชี้มาที่ผม ผมก็รู้แต่เหมือนเรารู้ว่าตัวเรามีอะไรที่ซ้อนสายตาเขาอยู่แค่นั้น

“อันที่จริงพี่ไม่น่าลำบากมาเลยน่ะครับ “ผมพูดขึ้นพร้อมกับทำสีหน้ารู้สึกผิด ที่ต้องให้คนที่ไม่ได้ทำกับผมมาคอยตามดูแลผมแบบนี้

“พี่เต็มใจอยากจะช่วย ให้พี่ช่วยน่ะ เพราะว่าเราเป็นเด็กดี เป็นเด็กตั้งใจเรียน พี่เสียดาย และพี่ก็รู้สึกดีกับเรามากๆ พี่จึงอยากยื่นมือเข้ามาช่วย “อาจารย์กันตภณพูด

“พี่ขอน่ะครับ อย่าพูดว่าพี่ไม่น่าลำบากมาเลยอะไรแบบนี้ พี่เสียกำลังใจ นะครับบีม” อาจารย์กันตภณพูดกับผมก่อนจะผายมือให้ผมเดินไปพร้อมๆ กับเขา ผมเดินไปที่รถเก๋งคันหรู หรูมากจริงๆ อาจารย์กันตภณหันมามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเสมอมาให้ผม

ตื้ด!!! มือถือผมสั้นเพราะว่ามีข้อความเข้าในแอปพลิเคชันที่ผมใช้คุยกับเพื่อนๆ เป็นไลน์กลุ่ม

//บีมถึงโรงพยาบาลหรือยัง พวกเราสอบเสร็จแล้ว//มะนาวเพื่อนสาวของพวกผม ตัวจะอวบๆ น่ารักๆ ส่งข้อความมาถามผม ผมหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ตอบ

// ใกล้จะถึงแล้วมะนาว// ผมส่งข้อความกลับไปหามะนาว อาจารย์กันตภณ หันมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น

//พวกเรานั่งรถแท็กซี่ไปเลย เจอกันบีม// มะนาวบอกผม ผมนั่งเอามือลูบท้องตัวเองเหมือนกำลังปลอบโดยเด็กน้อยในครรภ์ของผมอยู่ ไม่เป็นไรน่ะถ้าเจ้าจะมีแค่ พ่อคนเดียวไม่ได้มีครบเหมือนคนอื่นๆ เขา สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ   ขณะที่รถจอดรอไฟแดงอยู่ และจังหวะที่ผมหันมาก็ต้องสุดเพราะว่าอาจารย์กันตภณเข้าหันมามองจ้องผมอยู่ แววตาที่ดูอบอุ่นคู่นั้น

“พี่จะไม่พูดว่าบีมต้องเข้มแข็งให้มากๆ บีมอ่อนแอได้ บีมร้องไห้ได้ และพี่นี่จะอยู่ข้างๆ บีมเองและตลอดไป” พี่กันตภณพูดพร้อมกับใช้นิ้วมือจับปลายคางของผม ให้หันไปมองหน้าเขา อาจารย์กันตภณเอี่ยวตัวมาหาผม เหมือนกับว่าเขาทำท่าว่าจะจูบผม ผมนี่มองหน้าอาจารย์ที่ใกล้เข้ามาทุกที แผ่นหลังผมก็ติดชิดพนักพิงเบาะ ผมค่อยๆ หลับตาลงช้า ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมกำลังจะกลั้นหายใจเลยและที่ผ่านมาอาจารย์เขาก็ไม่เคยแสดงแบบนี้กับผมเลย แต่ว่าวันนี้เขากำลังจะ จะ …

“ปื้นนน!” เสียงแตรรถคันหลังบีบดังลั้นถนน ตอนนี้เป็นไฟเขียวแล้วทำให้อาจารย์กันตภณต้องหันเปลี่ยนเกียร์รถยนต์และขับตรงไปทันที ผมได้แต่นั่งกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ก่อนจะหลุบตาลงมองที่พื้นแทน ผมไม่กล้าหันไปสบตากับอาจารย์เขาเลย จนกระทั่งรถมาจอดที่สำหรับจอดรถสำหรับคนที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลนี้

“กึก” ผมรีบจับที่ตรงประตูรถและจะเปิดออกไป

“บีม” อาจารย์กันตภณเรียกผมเอาไว้ ผมจึงชะงักเท้าเอาไว้ก่อนจะก้าวลงจากรถอาจารย์ไป ผมค่อยๆ หันมามองหน้าอาจารย์กันตภณ จากที่ก้มหน้ามาตลอด

“พี่ขอโทษ ที่พี่…” อาจารย์กันตภณรีบมาขอโทษผมทันที เขาช่างเป็นคนที่สุภาพที่สุด ไอ้นั่นมันทำมากกว่าพี่มันยังไม่คิดจะขอโทษผมเลยด้วยซ้ำ

“” ไม่เป็นไรครับ พี่กัน ผม เออ ผม ขอโทษนะครับ ถ้าผมจะบอกว่าผมยังไม่พร้อมจะรับมือกับเรื่องอื่นๆ ตอนนี้ผมต้องโฟกัสที่เรื่องลูกในท้องผมก่อนนะครับ” ผมพูดกับอาจารย์กันตภ ผมยิ้มอ่อนๆ ให้อาจารย์ว่าผมไม่ได้โกรธเขา

“ครับพี่เข้าใจ พี่รอได้” อาจารย์กันตภณพูด

ผมกับอาจารย์เดินเข้าไปในโรงพยาบาล เพื่อนของอาจารย์เขาเป็นแพทย์ที่นี้และโรงพยาบาลนี้เป็นของพ่อและแม่ของพี่เขาด้วย พี่เขาเป็นลูกชายคนเดียวของคุณหมอที่เป็นหมอประจำบ้านให้กับครอบครัวอาจารย์กันตภณมานาน

“บีมนั่งรถเข็น พี่เข็นให้นั่งนะครับ” พี่หมอภีมถามผมก่อนจะชี้ไปที่รถเข็นคนไข้ ผมรีบส่ายหน้าทันที

“ไม่เอาอ่ะพี่กัน” ผมรีบหันมาพูดทันที (หึๆ) พี่เขาหัวเราะเบาๆ ทันที

“ไม่เอาก็ไม่เอา ปกติม๊าพี่มาพี่ต้องขอรถเข็นตลอดไง และเห็นเราเดินแบบนี้พี่กลัวเป็นลมไป พี่เลยถามเราดูและพี่ก็ไม่อยากให้เราเดินไกลแค่นั้นเอง” อาจารย์กันตภณพูด ผมยู้ปากเล็กน้อย

อาจารย์กันตภณเขาพาผมเดินไปยังแผนกแม่และเด็กแต่เขาแยกไว้สองฝั่ง ฝากครรภ์และอีกฝั่งคนไข้เด็ก ผมหันไปมองเด็กน้อยที่มานั่งรอหมอตรวจ มีทุกเพศทุกวัยจริงๆ มันทำให้ผมยิ้มอ่อนๆ ที่เห็นเด็กเล็กเด็กน้อย มากับพ่อแม่ พ่อแม่ของเด็ก ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ ผมเองก็รู้สึกน่ะว่าการที่เราอยู่กับคนที่ไม่ใช่พ่อหรือแม่แท้ มันแปลกแต่ถ้าเลือกได้ ผมก็อยากเลือกให้เขาอยู่กับคนที่ให้เขามีชีวิตจริงๆ ถ้าไม่ได้ก็คงต้องเป็นผมแค่นั้น
“สวัสดีค่ะ” พยาบาลเดินมาทักทายผมกับอาจารย์กันตภณ

“สวัสดีครับ ผมรองศาสตราจารย์กันตภณครับ ผมเป็นเพื่อนกับหมอภีมปภพครับ วันนี้ผมพาคุณกันต์ธีร์มาตามหมอนัดครับ” อาจารย์ทักทายพยาบาลหน้าห้องตรวจเขาพยักหน้าและผายมือให้ผมไปนั่งที่โต๊ะสักประวัติเพื่อจะได้วัดไข้หวัดความดัน ทุกอย่างปกติและชั่งน้ำหนัก พอผมขึ้นไป น้ำหนักเท่าเดิม ผมเดินกลับมานั่ง

“ขอโทษนะคะ เป็นคนไข้ของคุณหมอภีมปภพ ใช่ไหมคะ” พี่พยาบาลเขาถามผม

“ใช่ครับ” อาจารย์กันตภณรับตอบแทนทันที

“เดี๋ยวรบกวนนั่งรอสักครู่นะคะ คุณหมอแจ้งเอาไว้แล้วค่ะ “พี่เขาบอกผม
“พอดีว่ามีคนไข้ที่พึ่งจะส่งเข้าไปที่ห้องตรวจเขาก่อนนัดของคุณนะคะ รบกวนนั่งรอสักครูนะคะ คนไข้ออกมาแล้วจะไปเรียกนะคะ” พยาบาลหน้าห้องแจ้งผมสองคน ผมหันมามองหน้าอาจารย์กันตภณ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ที่มีแต่คนท้องนั่งอยู่ ตอนนี้เหงื่อผมเริ่มไหล ผมเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ ภาพตอนผมที่ยืนอุ้มท้องโย่มันผุดเข้ามาในหัวของผม

“หมับ” ข้อมือของผมถูกใครสักคนจับเอาไว้เพราะว่ามันเริ่มสั่น ผมหันไปมองคนที่จับมือผมเอาไว้

“หายใจลึกๆ บีม พี่เชื่อว่าบีมก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้พ่อแม่คนอื่น “อาจารย์กันตภณพูดกับผม มันทำให้รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผมทันที ผมเดินไปหาที่นั่ง และก็ชะเง้อคอมองเพื่อนๆ ของผมว่ามาถึงกันหรือยัง

“คุณกันต์ธีย์ กิฟสันค่ะ เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะ “พยาบาลเดินออกมาเรียกชื่อผม แต่ว่าเพื่อนของผมยังไม่มาเลย

“รอเพื่อนเหรอบีม” อาจารย์กันตภณมองตามสายตาของผมก่อนจะหันมาเอ่ยถามผม

“ครับ พี่กัน” ผมตอบ

“พี่จะบอกพยาบาลให้ว่าถ้าพวกเขามาถึงแล้ว ให้พวกเข้าไปในห้องตรวจได้” อาจารย์กันตภณบอกผมก่อนจะเดินไปคุยกับพยาบาลที่หน้าห้อง ผมเดินตรงเข้าไปในห้องตรวจ ผมก็เห็นคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ สวมแว่นตา การแต่งกายที่ดูภูมิฐาน เสื้อสูทสีขาว เสื้อกาวน์แพทย์ที่แยกชั้นว่าเป็นแพทย์ระดับมีฝีมือ

“เชิญนั่งครับ ใช่น้องบีมหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงที่นุ่มนวล พี่เขาทักทายผมอย่างเป็นกันเอง ผมหันไปมองคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ก็ละสายตาจากหน้าคอมพิวเตอร์หันมามองผมพร้อมรอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์ไม่น้อย

“ใช่ครับ สวัสดีครับคุณหมอภีมปภพ” ผมยกมือไหว้คุณหมอทันที

“เรียกพี่หมอว่าพี่หมอภีมก็ได้ครับ “พี่หมอภีมปภพบอกผม ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม

“พี่ขอโทษทีนะครับที่ไม่ได้เจอกันวันที่มาตรวจคัดกรองวันนั้น พอดีพี่มีเครสผ่าคลอดด่วนนะครับ” พี่หมอภีมปภพพูด เขาหันมามองผมแว๊ปหนึ่ง

“ไม่เป็นไรครับพี่หมอภีม ผมเองก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติครับ” ผมตอบพี่หมอภีม

“เพื่อนพี่ล่ะครับ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอครับ รองศาสตราจารย์กันตภณนะครับ” พี่หมอภีมปภพเอ่ยถามเพราะเห็นว่าผมเดินเข้ามาคนเดียว คำถามที่ปนเสียงหัวเราะเบาๆ

“พี่หมอภีมหมายถึง...” ผมกำลังจะเอ่ยถามคุณหมอหนุ่ม แต่คนที่พี่หมอกำลังถามถึงก็เดินเข้ามาพอดี อาจารย์กันตภณ

“ทำไมปล่อยน้องเขาเดินเข้ามาคนเดียวล่ะครับ ไอ้คุณแฟน” พี่หมอภีมปภพเงยหน้าขึ้นพร้อมกับถามอาจารย์กันตภณทันที ผมหันไปชำเลืองตามองนิดหนี่ง

“ไอ้ภีม” อาจารย์กันตภณทำท่าใช้นิ้วจุปาก

“โอเครู้กัน “พี่หมอภีมปภพพูดตัดบทก่อนจะหันมามองหน้าผม

“วันนี้เราจะอัลตราซาวด์ฟังหัวใจน้องกันนะครับ ตอนนี้ก็สิบหกสัปดาห์แล้วซิน่ะ พอจะเห็นอวัยวะเพศน้องได้แล้วน่ะ อยากรู้ไหมว่าน้องผู้หญิงผู้ชาย” พี่หมอภีมถามผม ผมก็หันไปมองหน้าอาจารย์เฉยเลย

“แต่ก่อนจะไปดูหน้าตาเด็กน้อยกัน พี่ขอดูผลการตรวจเลือดเราก่อนน่ะ ผลออกมาดีมากแต่ว่า ธาตุเหล็กต่ำไปหน่อย ทานไม่ค่อยได้เหรอครับ” พี่หมอภีมปภพถามผมยิ้มๆ ผมพยักหน้าว่าใช่

“ผมไม่อยากทานเนื้อสัตว์เลยอ่ะครับพี่หมอ ทั้งที่ผมพยายามทานแล้วแต่พอลิ้นผมสัมผัสเท่านั้นแหละผมก็ต้องวิ่งไปอาเจียนออกอ่ะครับ” ผมพูด อาจารย์กันตภณหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“พี่จะให้ธาตุเหล็กไปทานนะครับแต่ถ้านัดรอบหน้ายังต่ำพี่ต้องให้ธาตุเหล็กทางเส้นเลือดแทนนะครับ เพราะว่าอันนี้สำคัญมากๆ และวิตามินดี ก็ต่ำไปหน่อยแต่ไม่มาก พี่ว่าไม่ต้องทานแค่ ออกไปรับแสงแดด ช่วงเช้าและช่วงบ่ายสักหน่อยก็น่าจะพอช่วยได้ “พี่หมอภีมปภพพูด

“เพิ่มวิตามินให้บีมเขาหน่อยซิไอ้หมอ” อาจารย์กันตภณบอกพี่หมอภีม

“ได้ครับคุณกัน ลืมไปว่าเสี่ยกันมาเอง วันนี้จัดไปหนักๆ เลยน่ะ เพราะว่าคุณแฟนเขาเป็นห่วงเรามากน่ะ พี่นี่อิจฉาเลย” พี่หมอภีมปภพพูดแซวอาจารย์กันตภณทันทีแต่สายตาพี่หมอเขาที่มองอาจารย์กันตภณ มันทำให้ผมสังเกตได้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น มันนิ่งค้างอยู่หลายวินาทีก่อนจะหันมายิ้มให้ผมและทุกอย่างก็กลับมาสู่ปกติ แต่สายตาคู่นั้นมันสื่อให้ผมรู้ว่าเขาไม่อยากเสียคนนี้ไป

“ที่หมอดูโดยรวมทุกอย่างดีหมดยกเว้นเรื่องทานอาหารใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นพี่จะให้ยาทานเพิ่มเป็นวิตามินบี6 ช่วยลดอาการแพ้ได้ และเห็นบอกว่าปวดจุกแน่นท้องด้วยใช่ไหมครับ แสบร้อนกลางอก น่าจะกรดไหลย้อน พี่หมอแนะนำ ให้ทานแบบแบ่งมื้ออาหารแทนเอาน่ะครับ อย่าทานมือหนักเกินไป ให้แบ่งเป็นมือย่อยๆ ห่างกันสักอย่างน้อยสองถึงสี่ชั่วโมง “พี่หมอก็พูดอธิบายจนกระทั่ง

“คุณหมอค่ะ เพื่อนๆ ของคนไข้นะคะ เขาขอเข้ามาได้ไหมคะ” พี่พยาบาลถามพี่หมอภีมปภพ

“เชิญเข้ามาเลยครับ” พี่หมอภีมปภพพูด ผมหันไปมองเพื่อนๆ ของผมที่เดินเข้ามาด้านในมานั่งยืนล้อมเพื่อตั้งตารอจะเห็นหลานตัวน้อย ผมหันไปมองไอ้ฟิล์มที่ไม่เจอมาหลายวันและเป็กซ์อีกคนหายไปพอสมควร ส่วนมะนาวกับใบชานี่เจอกันทุกวัน

“กราบสวัสดีค่ะคุณหมอ “มะนาวเพื่อนสาวของผม เดินมายกมือไหว้คุณหมอ ไหว้สวยเกิ้นจนใบชาต้องสะกิด สั่นหัวไปมาด้วยและพยักหน้าไปที่พยาบาลที่ยืนอยู่

“แพ้เครื่องแบบแพทย์ค่ะ เห็นแล้ว อยากเป็นคนไข้แทนเลยค่ะ” มะนาวหันพูด

“มึงจะฝากท้องเหรอมะนาว มึงไม่มีลูก ที่มันยื่นไปน่ะ อาหารที่มึงกินเข้าไปทั้งนั้น” ใบชากระซิบกับมะนาว

“สวัสดีค่ะอาจารย์” และหันไปยกมือไหว้อาจารย์กันตภพอีกคน

“สวัสดีครับคุณหมอ สวัสดีครับอาจารย์” ฟิล์ม ใบชาและเป็กซ์ ก็ยกมือไหว้ปกติ

“เอาล่ะ พร้อมกันหรือยังที่จะเห็นหลานๆ ของพวกเรากัน ดูท่าจะตื่นเต้นกว่าคนท้องอีกน่ะ” พี่หมอภีมพูดปนหัวเราะเล็กน้อย

“พร้อมมากค่ะ” มะนาวรีบตอบก่อนผมซะอีก

“อีนาวไม่ใช่ลูกมึง” เป็กซ์รีบแย้งดึงแขนมะนาวทันที

“อ้าว! ก็อยากเห็นหลานอ่ะ เพื่อจะหน้าตาดีเหมือนกู” มะนาวพูดผมหันไปยิ้มให้มะนาว ทำท่าเขินเพราะลืมไปว่าอาจารย์กันตภพนั่งอยู่ด้วย

“เดี๋ยวรบกวนให้พี่พยาบาลเข้ามาช่วยพี่หมอก่อนนะครับ” พี่หมอภีมพูดก่อนจะเดินไปที่เตียงคนไข้และผายมือให้ผมเดินไปเพื่อไปขึ้นเตียงคนไข้ในห้องนั้น ผมรู้สึกใจสั่นยังไงก็ไม่รู้ที่จะได้เห็นหน้าเขา เด็กน้อยในพุงของผม มันกลัวและตื่นเต้น ปนดีใจ มันหลายอารมณ์มากจนผมทำตัวไม่ถูก ผมมองสายตาพี่หมอภีมเขาพยักหน้าให้ผมขึ้น

TBC….

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:45:36 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP. 10.1เจอกันครั้งแรกดวงใจของบีม(ครึ่งหลัง)
           
        Part’ s กันต์ธีร์ผมก็ลุกขึ้นตามไป ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ ก่อนจะขึ้นไปนอนรอที่เตียงคนไข้ ขณะที่ผมเอนตัวลงนอน พี่พยาบาลก็เข้ามาจัดการจับชายเสื้อของผมถลกขึ้นจนเห็นท้องที่นูนขึ้นมาหน่อยๆ และปรับของกางเกงให้ต่ำลงไปที่หัวหน่าว แต่ว่าพี่เขามีผ้าปิดให้ไม่ให้โป้จนเกินไป ระหว่างนั้นอาจารย์กันตภณเขาหันไปมองทางอื่นเหมือนเขินผมเองซะมากกว่า แต่เพื่อนผมซิ ต้องมองพุงน้อยของผมทันที ระหว่างที่พยาบาลกำลังวุ่นวายกับการเตรียมทุกอย่างรอหมอภีมที่ก้มหน้าก้มตากับการเตรียมตัว ผมหันมาบอกพวกเพื่อนๆ ผม ไม่ให้จ้องมองพุงน้อยๆ ของผมขนาดนี้ ผมเขิน

         “ก็อยากูอ่ะ พุงมึงเล็กกว่าพุงกูอีกบีม” มะนาวพูด

          “เอาล่ะ ตื่นเต้นกันไหมครับ” พี่หมอภีมสวมถุงมือเรียบร้อยก่อนจะลากเก้าอี้สูงมาและนั่งลงข้างๆ ผมค้อนไปทางกลางลำตัวผมหน่อย

           “ตื่นเต้นไหมครับ เพราะว่าวันนี้น่าจะชัดมากหน่อย กว่าครั้งแรกเพราะว่าน้องเริ่มโตขึ้นมากแล้ว “พี่หมอภีมพูด พี่หมอภีมหันไปหยิบเครื่องมือที่ใช้หนาบที่หน้าท้องของผม เจลสีฟ้าๆ ถูกบีบออกมาแต้มไว้ที่ตรงหัวเครื่องสแกนและพุงน้อยๆ ของผม ตอนนี้ผมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้ง

           “ดูที่หน้าจอทีวีกันได้เลยนะครับ “พี่หมอภีมปภพพูดกับผมและหันไปยิ้มให้ทุกคนที่ตั้งตารอโดยเฉพาะเพื่อนๆ ของผม

            “อุ้ย!!” ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะความเย็นของเจลใสๆ ที่คุณหมอเทเอาไว้ที่ตรงหัวสแกน ตอนนี้ได้ทาบลงที่หน้าท้องของผม กลิ้งไปมาอยู่พักหนึ่งเพื่อเสาะหาหัวใจตัวน้อยๆ เครื่องเริ่มทำงานผมเริ่มเห็นค่าการเต้นของหัวใจเด็กน้อยในท้องของผม มะนาวที่ยืนกุมมือฟิล์มยังกับลุ้นประกาศดาวเดือนคณะเลย

           “นี้ไง เจอแล้วเด็กน้อย” ภาพแรกที่หมอภีมให้ผมดูคือใบหน้าของเด็กน้อย

            “เห็นอะไรกันไหมครับ” พี่หมอภีมถามขึ้นก่อนจะหันไปมองรอบและหันมามองผม ผมน่ะเห็นใบหน้าเด็กน้อย ที่นอนลอยตัวในถุงน้ำคล้ำของผม ผมรู้สึกรักเขาอย่างบอกไม่ถูก

            “เห็นจมูกค่ะ จมูกโด่งมากเลยอ่ะค่ะลูก งานดีตั้งแต่ยังไม่เกิดเลยค่ะลูก” มะนาวพูด ทุกคนหันมามองมะนาวเป็นตาเดียวกันเลย

            “ดูซิ โด่งมาก โด่งกว่าพวกแกอีกอ่ะ” มะนาวหันไปพูดและชี้แต่ล่ะคน ของผมก็โด่งแต่ไม่มากโด่งพอประมาณ

            “อีมะนาว ปากมึงเหรอ มาว่าจมูกพวกกูแบน “ใบชาพูด ผมก็มองลูกน้อยของผมผ่านทีวี น้ำตาผมเริ่มไหล จู่ๆ ก็มีคนส่งกระดาษทิชชูมาให้ผม คนนั้นคืออาจารย์กันตภพ ผมรับมาซับน้ำตา น้ำตาแห่งความดีใจและต่อไปนี้ผมจะพยายามทานให้มากเพื่อลูกโซ่ของผม

             “จมูกโด่งมากจริงๆ น่ะ สงสัยพ่อจะโด่งมากเหมือนกันน่ะ” พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะหันมามองผมที่หุบยิ้มเฉยเลย ผมเองก็ไม่รู้ว่าไอ้คนนั้นมันโด่งไหมแต่โครงหน้าของคนนั้นมันคุ้นๆ หน้าผมอยู่น่ะ ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ มีความคลายกันพอสมควรแต่คนละแนวกัน

              “เออจะว่าไป มึงก็โด่งมากเหมือนกันน่ะ ไอ้กัน จมูกมึงน่ะ” ผมสะดุ้งผมได้ยินหมอภีมปภพพูดกับอาจารย์กันตภณ

              “บ้านกูโด่งกันทั้งบ้าน หลานๆ กูก็โด่งกันทุกคน โดยเฉพาะลูกๆ ของเฮียเกริก พี่ชายกูน่ะ “อาจารย์กันตภณหันมาพูดกับพี่หมอภีมปภพ ดูทั้งคู่สนิทกันมากดูจากสายตาของพี่หมอภีมมอง ก่อนจะหันกลับมาที่หน้าจอมอนิเตอร์นั้น

                “ผมก็ดกซะด้วยดูซิ และส่วนใหญ่คุณแม่ที่ลูกผมดกในครรภ์มักจะเป็นกรดไหลย้อนกันทุกคน “คุณหมอภีมปภพพูด แต่ผมน่ะหุบยิ้มตั้งแต่ที่หมอภีมปภพพูดว่าคุณแม่ คือผมไม่ใช่คุณแม่ไง พี่หมอภีมปภพหันไปมองอาจารย์กันตภณที่นั่งขยิบตาให้เขาอยู่ ก่อนที่คุณหมอจะพยักหน้าสองทีติดและหมอภีมปภพก็เลื่อนเครื่องมือสำหรับสแกนไล่ลงไปเรื่อย ๆ จน

               “เอาล่ะเรามาดูซิว่า เพศไหนดี อย่าหนีบขาซิลูก ลุงหมอมองไม่เห็นครับ” ผมต้องอมยิ้มให้ลูกโซ่ ที่นอนหนีบขาไม่ยอมให้ลุงหมอเห็น

               “อาขาซิลูก อามะนาวอยากเห็นมากเลยค่ะลูก “มะนาวไม่พูดเปล่าทำท่าแบมือออกเหมือนกับจะพยายามบอกหลานไม่ให้หนีบขา

              “อยากเห็นอะไรมะนาว หื่นนะมึงน่ะ นี้หลานโว้ย!” ฟิล์มหันมาถามมะนาว

              “พี่หมอครับ ผมว่าหลานไม่ให้ดูเพราะมะนาวมันนี่แหละ หลานเลยกลัวครับ ผมเอามันไปไว้ข้างนอกก่อนดีกว่าไหม “ใบชาพูด

            “ไม่ไป กูอยากู เพราะว่า กูอยากรู้ผู้หญิงหรือผู้ชายจะได้ซื้อของให้ถูกๆ ไง” มะนาวพูด

            “เจอแล้ว นี้ไง “ผมนี้เรียกได้ว่าลุ้นตัวโก่งมาก ผมก็อยากรู้ว่าน้องจะเป็นเพศไหน

           “มีจู๋ครับ คงไม่ต้องบอกแล้วว่าเพศไหน ยินดีด้วยได้ลูกชายครับ” หมอภีมปภพพูดออกมา ผมก็มองที่หน้าจอ

          “เยสสส!!” พวกเพื่อนๆ ผู้ชายผมทำท่าเหมือนตอนเชียร์ฟุตบอลแล้วลูกเข้าประตูไปกันเป็นแถว

           “โธ่เอ๊ย!! นึกว่าจะได้หลานสาวมาแต่งสวยด้วยกัน แต่อามะนาวก็รัก เพศไหนก็รัก มีจู๋ก็รัก” มะนาวพูด

           “อ่ะลุงหมอไม่ดูก้นแล้วก็ได้ลูก แม้เตะใหญ่เลยน่ะ ตัวแค่นี้สงสัยแสบไม่เบาน่ะ” พี่หมอภีมปภพแซวลูกผม ก็ต้องเตะไปทางด้านหลังทุกทีที่พี่หมอเอาที่สแกนไปวนใกล้ๆ ก้นเขา

           “พี่หมอจะนัดอีกทีเดือนหน้าน่ะ ตอนนี้คงเริ่มรู้สึกน้องดิ้นหน่อยๆ แล้วซิใช่ไหมบีม “พี่หมอภีมปภพหันมาถามผม ผมก็พยักหน้าว่ารู้สึกแล้ว

            “ไอ้หมอ แล้วบีมจะคลอดยังไง คลอดเมื่อไหร่” อาจารย์กันตภณ ถามพี่หมอภีม พี่หมอภีมหันมามองหน้าผมก่อน

          “ก็คงต้องผ่าคลอดว่ะกัน เพราะว่า…” พี่หมอภีมพูด

          “ไอ้บีมมันไม่มีรูใช่ไหมคะ ที่จะให้น้องออกมาได้นะคะ” มะนาวชิ่งตอบแทนทันที ทำเอาพี่หมอภีมและอาจารย์กันตภณหันไปมองมะนาวทันที พวกเพื่อนผมก็เช่นกัน

         “มะนาว!!” เพื่อนๆ ผม เรียกมะนาวพร้อมกัน

           “มึงตรงไปไหม เกรงใจพี่หมอกับอาจารย์หน่อยเถอะมึง” ใบชารีบห้ามมะนาวทันที

          “ก็ถูกนะครับมะนาว แต่ตรงไปนิด หึๆ” พี่หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะกับมะนาว ที่ยืนเกาหัวตัวเอง ผมก็ก้มลงเอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ

           “ต้องกำหนดผ่าเอาไว้ที่อายุครรภ์ 38 วีคขึ้นไป แต่จริงๆ ไม่อยากให้เกินสี่สิบวีค ไม่อยากให้รอจนเจ็บท้องเลยน่ะ “พี่หมอภีมบอกกับอาจารย์กันตภณ

           “จองห้องพิเศษเอาไว้เลยน่ะไอ้หมอ” อาจารย์กันตภณบอกพี่หมอ

          “แม้คนสำคัญของเพื่อนรัก จัดให้อยู่แล้ว” พี่หมอภีมปภพหันมาบอกอาจารย์กันตภณ

           “งั้นก็เรียบร้อยแล้วครับ และหมอจะนัดอีกทีเดือนหน้าเลยน่ะ และพยายามทานหน่อยน่ะบีม และหมอคิดว่าอาการแพ้น่าจะเบาๆ ลงบ้างแล้ว อย่าลืมทานวิตามินที่หมอให้น่ะบีม “พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะส่งกระดาษทิชชูให้ผมเช็ดทำความสะอาดเจลที่เลอะเทอะที่พุงของผมออกไป พี่หมอภีมพยักพเยิดเรียกอาจารย์กันตภณ ออกไปคุย ผมก็ค่อยๆ ลุกขึ้น โดยมีเพื่อนๆ มาช่วยกันพยุงผมขึ้น แต่ละคนเข้ามากอดผม ผมดีใจที่ผมมีเพื่อนดีและคอยอยู่เคียงข้างผมตลอด ผมก้มลงเอามือลูบท้องผมเบาๆ เจ้าคือดวงใจของพ่อ พ่อจะเลี้ยงดูเจ้าด้วยสองมือของพ่อเอง

            “บีม คราวนี้มึงคงรู้น่ะว่า ลูกต้องการมึงอ่ะ ดูแลตัวเองน่ะ “ฟิล์มพูด ผมมองหน้าเพื่อนรักของผม แต่ผมสังเกตที่ตรงมุมปากมันอ่ะ

            “ไอ้พี่เอ็มมันทำร้ายมึงอีกแล้วเหรอ” ผมถามฟิล์ม ผมเคยต่อยหน้ามันด้วยน่ะแต่ว่าผมก็ต่อยไปมันก็ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกไอ้เอ็มน่ะ ผมเดาว่ามันด้านแล้ว โดนต่อยจนชิน

           “กูไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับพี่ฟ้าแล้ว มันคบไม่กล้าเข้ามาหากูอีกบีม” ฟิล์มพูด ผมพยักหน้า ผมค่อยๆ เดินออกไปจากห้อง อาจารย์กันตภณกับพี่หมอภีมยืนคุยกันอยู่ สีหน้าอาจารย์กันตภณดูเครียดเล็กน้อย

“กลับได้บ้านเลยไหมบีม พี่ไปส่ง” อาจารย์กันตภณหันมาบอกผม ผมว่าจะกลับพร้อมเพื่อนสักหน่อย แต่ว่าเพื่อนๆ ผมซิ พยักหน้าให้ผมไปกับอาจารย์กันตภณดีกว่า

           “มีอะไรผิดปกติ มาหาพี่ได้ตลอดเวลาเลยน่ะบีม “พี่หมอภีมปภพบอกผม ผมพยักหน้าขอบคุณ จังหวะนั้นผมเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง สวมเสื้อกาวน์แพทย์เดินออกมา เขามายืนรอพี่หมอภีมปภพ

           “บีมไปครับ พี่พาไปหาซื้อะไรทานด้วยน่ะและไปซื้อพวกนมเอาไว้ดื่ม ซื้อพวกน้ำขิงด้วย พี่สาวอาจารย์บอกว่ามันช่วยได้ คุกกี้ที่มีขิงด้วยก็ช่วยมากน่ะ …บร้า” อาจารย์กันตภณเดินเข้ามาหาผมและพาผมเดินไปห้องรับยา ขณะที่กำลังจะเดินผ่านคุณหมอผู้หญิงคนนั้น เขามองผมกับอาจารย์กันตภณ ไม่วางตา

           “หมอสายป่านมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” หมอภีมปภพถามหมอผู้หญิงคนนั้น ผมหันมองอาจารย์กันตภณ ดูสีหน้าอาจารย์กันตภณเปลี่ยนไปทันที
          “ดูห่างเหินไปนะคะ พี่ภีม” หมอคนนั้นพูดพร้อมกับทำท่าจะควงแขนพี่หมอภีมแต่พี่หมอภีมเขาถอยหลังออกไป
          “สายป่านก็แค่จะมาทักพี่กันนะคะ ในฐานะที่สายป่านเคยเป็น…” พี่เขาพูด พวกผมมองหน้าเธอเหมือนจะรอฟังว่าเขาเคยเป็นอะไรกับอาจารย์
          “หมอสายป่านครับ ผมมีเคสหนึ่งที่ส่งไปให้คุณน่ะ รบกวนอธิบายให้ผมฟังทีนะครับ เชิญทางนี้ครับ “พี่หมอภีมรีบถึงแขนหมอคนนั้นเดินออกไป
           “เราไปรับยากันดีกว่านะจ๊ะได้กลับไปพักนะบีม” อาจารย์กันตภณพูด สีหน้าอาจารย์ตอนนี้ ผมเดาไม่ออกเลย

              ผมเดินตามอาจารย์กันตภณไป ผมหันหลังไป เธอหันมามองผมกับอาจารย์กันตภณพอดี อาจารย์กันตภณจับมือเอไว้ เหมือนกุมมากกว่า ผมก็ไม่ได้สะบัดออกเพราะผมคิดว่าน่าจะมีอะไรที่ทำให้อาจารย์แสดงออกมาแบบนั้นและมันอาจจะแย่ลงถ้าผมสะบัดมือเขาออกไป ผมก็หันมายิ้ม แต่มีคนแอบแซวผมกับอาจารย์อยู่ด้านหลัง นั้นคือเพื่อนของผมเอง

            “อาจารย์ค่ะ พวกหนูไปนั่งตรงโน้นน่ะ รู้สึกอยากดูอยู่ห่างๆ พอคะ อิ้ววว!!!” มะนาวพูดและปล่อยให้ผมนั่งเก้าอี้ข้างๆ อาจารย์กันตภณ ส่วนเพื่อนๆ ของผมไปนั่งไกลออกไป ผมหันมาพยักหน้าว่ามานั่งใกล้ๆ แต่ล่ะคนก็สั่นหัวกันหมด
           “บีม…” อาจารย์กันตภณเรียกชื่อผม
           “ขอบคุณนะครับ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า ถึงผมจะไม่เข้าใจทั้งหมดก็ตาม แต่ผมรู้ว่าในใจของอาจารย์กันตภณกำลังวุ่นวาย ผู้หญิงคนนั้นอาจจะมีอะไรที่เป็นความหลังที่ไม่คนดีกับอาจารย์เขาแต่ผมก็ไม่ถามว่า ผมได้แต่ยิ้มและนั่งรอยาตรงนั้นเงียบๆ ไม่มีคำพูดใดออกมามีแต่มือที่กุมมือผมเอาไว้อย่างนั้น มันรู้สึกดีน่ะแต่ว่าผมกลับยังคิดว่า หัวใจของอาจารย์เขายังมีเจ้าของอยู่ดี

            TBC….


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:46:49 โดย PFlove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.11 ฝันเป็นลาง ลางว่าจะได้เป็นป๊า

            Part’ s เธียรวิชย์  หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมไม่ได้หลับสนิทเลย ผมไม่น่าเลย ไม่น่าทำแบบนั้นเลยจริงๆ ก็คืนนั้นผมเสียใจที่โดนป่าต่อว่า ทั้งที่ป๊าน่าจะรู้ว่าผมชอบแบบไหน แต่ผมยอมรับว่าผมขอป๊าบินมามาเรียนปริญญาโทเองเพราะว่าอยากหนีแพรวา หนีมาสามปีแล้วทั้งที่เขาให้เรียนแค่สองปี ป๊าเลยยื่นคำขาดให้ผมเรียนให้จบในปีนี้อีก ผมยังไม่อยากจบอ่ะ เพราะว่าไม่อยากกลับไปอยู่ไทย ยังอยากใช้ชีวิตเจ้าสำราญที่นี้ มีผู้หญิงมาให้สนองตัณหาทุกวัน และถ้ากลับไปอยู่ที่ไทย แพรวาก็ตามติดจนผมไม่มีใครกล้ามาพลีกายให้ นางเล่นทำตัวหวงผมซะจนน่าเบื่อและนี้คือเหตุผลที่ผมยังไม่ยอมเรียนจนจบ

                    ตอนนี้ผมก็จัดสาวผมทองนมก็โต้ โต หุ่นก็แซ่บ เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก สาวๆ พวกนี้ไม่สนใจหรอกว่าต้องคบกันออกนอกหน้าถึงพลีกายให้ นี้แค่คุยกันถูกคอก็ได้แล้ว จัดไปสองยกติดๆ จนผมสลบผมนอนถอดกายที่เปลือยเปล่า ผมรู้สึกคอแห้งมากผมจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองเพดานห้อง ก่อนจะหันไปมองคนที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างๆ ผมและผมก็รู้สึกหนักอึ้งอยู่ที่หน้าอกของผม และน่าจะเป็นเพราะเด็กน้อยผิวขาวมากนั่งอยู่ เขาหันมามองผม พร้อมรอยยิ้ม ผมก็ขยี้ตาไปมาอยู่หลายที่ แต่เด็กน้อยนั้นก็ยังอยู่
           “มาหาใครน่ะ แล้วมานั่งบนนี้ทำไมน่ะ ลงไปเลย หนัก” ผมถามเด็กน้อยนั้น
           “ป๊า” เด็กนั้นเรียกผมว่าป๊า ผมก็ชี้ตัวเอง ผมนี่น่ะป๊า
           “นี่อย่ามาเรียกมัวๆ น่ะ เดี๋ยวโดนเต๊ะ ใครป๊า ฉันยังไม่ได้แต่งงานจะเป็นป๊าได้ยังไง ห๊ะ!!” ผมถามกลับทันที เด็กน้อยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาให้ผมเห็นได้ชัดเจน หน้าตาคุ้นๆ น่ะ เหมือนใครน่ะ ผมหันไปมองเพราะว่าในห้องนอนของผมมีตู้เสื้อผ้าฝังผนังและมีกระจก มันจึงทำให้ผมเห็นเด็กน้อยคนนั้นยิ้มให้ผมและหน้าตาเด็กน้อยกับหน้าของผม แทบจะก๊อบปี้กันไปเลยก็ว่าได้ เพราะว่านี้มันหน้าเธียรวิชญ์ตอนเด็กๆ ชัดๆ เลย
           “ป๊า” ยังจะเรียกผมว่าป๊าซ้ำๆ
           “ป๊าใจร้าย!! กลับมาหาม๊าด่วน!!!” ผมก็สะดุ้งเฮือกอีกครั้งและนี่คือการรู้สึกตัวจริงๆ ของผม เมื่อสักครู่ผมฝันไป ผมรีบยกฝ่ามือขั้นมาปาดเหงื่อที่ใบหน้าของผม ก่อนจะหันไปมองคนที่นอนถอดกายเปลือยเปล่าอยู่ ผู้หญิงผมทองที่ผมหิวมาด้วยเมื่อคืน นี้ผมฝันไปเหรอเนี๊ยะ!

              ผมเหลือบมองเวลาแอปเปิล IHOME ที่ตั้งอยู่ เป็นเวลาตีสองกว่าเกือบจะตีสาม และถ้าตอนนี้เป็นเกือบจะเวลาสิบโมงเช้าที่ไทยพอดี ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินไปในห้องครัว ห้องที่ผมอยู่เป็นคอนโดหรู อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่ผมมาเรียน ผมหยิบมือถือมาโทรหาเพื่อนผมก่อน เพื่อว่ามันจะช่วยทำนายฝันผมได้มั้ง
            // ฮัลโหล// น้ำเสียงที่บ่งบอกว่ามันยังไม่ตื่น
            //ไอ้ราเชน มึงไม่ไปทำงานหรือไงว่ะ//ผมถามเพราะว่าที่นี้เวลาเดินช้ากว่าหกชั่วโมง
            // ไปแต่รอตื่น มึงล่ะ เป็นห่าอะไร นอนไม่หลับหรือไง หรือว่าพาสาวที่ไหนมาอึบๆ กูจะโทรบอกแพรวาให้” ผมว่าฝันร้ายก็แย่แล้วเจอเพื่อนเอาแพรวามาขู่อีก
           //พอ พอ ไอ้เชี้ย กูไม่อยากได้ยินว่านางซื้อตั๋วเครื่องบินและให้กูไปรอรับที่สนามบิน กูขอล่ะว่ะ// ผมพูด ก่อนจะหันไปรินน้ำใส่แก้วยกขึ้นมาดื่ม
           //มีอะไรวะ และที่นั่นกี่โมงแล้วว่ะมึง// ไอ้ราเชนมันถามผม
           //ตีหนึ่งแล้ว// ผมตอบไป
           //ตื่นมาทำไมว่ะ ไอ้เธียร!!// เพื่อนมันถามผมได้น่ารักมาก นี้แหละคือที่ผมอยากบอกว่าทำไมผมถึงได้ตื่นมาตอนนี้ ทั้งยังไม่ควรจะตื่นเลยผมก็ไม่รู้จะสะดุ้งตื่นมาเพื่ออะไร?
           //กูฝันว่ะ กูฝันแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะมึง ฝันจนกูจะเป็นบ้าอยู่แล้ว! // ผมพูด ผมก็เล่าให้ไอ้ไปส์มันฟังไปแล้ว ผมให้มันไปหาคำตอบมาให้ผม ว่าคนผมอะไรด้วยคืนนั้นเป็นใครกันแน่
          //ฝันว่ามีเด็กมาอยู่ในห้องมึงเหรอว่ะ// ไอ้ราเชนมันถามผม แสดงว่าไอ้ไปส์ได้เล่าให้มันฟังแล้ว
           //เออดิ แต่รอบนี้มันหนักมากน่ะ มาเรียกกูว่าป๊าและบอกว่าให้กูกลับไปหาม๊าด่วนเลยมึง นี่กูจะประสาทหลอนอยู่แล้วเนี๊ยะ// ผมพูดพร้อมกับเอามือเสยผมไปด้วย
           //เขาบอกว่าฝันเห็นเด็กแสดงว่ามึงจะได้เป็นพ่อคนว่ะและกูว่าแม่ของลูกมึงอาจจะเป็นแพรวาเพราะว่าสาวหมวยจีนก็มีแต่แพรวาและที่มึงชอบอิบ อิบ ก็ผมทอง ผมบอร์นไม่น่าจะใช่ม๊าว่ะ ฮ่าๆ // ไอ้ราเชนพูดผมอยากจะบ้า
          //ไม่เอา ไม่มีทางเพราะว่าแพรวาน่ะ เป็นแม่คนไม่ได้หรอก มึงเชื่อกูและอาม่ากูคงได้ทะเลาะกับแพรวาวันสี่เวลาอีก กูคงประสาทกินก่อนแน่ๆ// ผมพูด
          //แล้วจะมีใครอีกว่ะที่มึงไปอิบ อิบ ด้วย และมึงไม่ได้ป้องกัน มึงนึกดิ" ไอ้ราเชนมันพูด ผมก้มลงมองพื้น อันนี้แหละที่คิดหนักเลยเพราะว่าคืนนั้นผมไม่ได้ป้องกันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธียรวิชญ์ที่ไม่ได้ป้องกันแต้ว่าน้องคนนั้นมันผู้ชายโว้ย!!
          //กูป้องกันตัวเองดี ไอ้เชี้ย// ผมพูด ผมหมายถึงกับผู้หญิงที่ผ่านๆ มา
         //ก็มึงพึ่งจะบอกอยู่ว่ามึงไม่ได้สวมถุงกับน้องที่มึงเอาเขาในผับอ่ะ น้องอะไรวะ กูลืมชื่อ น้องที่ไอ้ไปส์มันจะเอาน่ะแต่มึงแม่งแย่งมันไปลิฟต์// ไอ้เรเชนพูด
           //กูไม่ได้แย่งแต่น้องเขาดันเข้ามาตอนที่กู ต้องการ เป็นมึงจะห้ามตัวเองได้ไหม เสือกใส่ยาให้กูแบบนั้น!! //ผมพูด
           //เออ ๆ กูขอโทษว่ะ แต่ว่าน้องเขาท้องหรือเปล่าว่ะเลยทำให้มึงฝันเห็นเด็กน่ะไอ้เธียร// ไอ้ราเชนมันพูด ผมนี้คิดผิดมากที่โทรหามัน
          //ท้องบ้าบออะไร น้องเขาเป็นผู้ชายไอ้เชน กูจำได้ ว่าน้องเขาเป็นผู้ชาย// ผมพูดอย่างหัวเสีย ก่อนจะหันมาเห็นของดี ผู้หญิงที่ผมเพิ่งจะโป่ง โป้ง ฉึ้งไป เธอออกมายืนพิงขอบประตู ผมมองดูจากปลายเท้าไล่ขึ้นมาจนถึง ท่อนบน เธอสวมมาแค่เสื้อคลุมไหล่ที่เปิดยั่วยวนให้ผมอยากวางสายไอ้ราเชนทิ้ง
          “คุยกับใครคะ” เธอถามผมเสียงอ่อนเสียงหวาน
         “เพื่อน เพื่อนที่ไทยน่ะ เออ” ผมกระซิบบอกเธอ
          “คุยต่อไหมคะ” เธอเดินเข้ามาใช้นิ้วมือไล่จากแผ่นอกของผม ที่เธอหายไปนี้คือไปห้องน้ำมาเหรอ
          “ไม่แล้วครับ คุยกับเพื่อนไม่สนุกเท่าคุยกับคนนี้น่าจะสนุกกว่า “ผมบอกเธอก่อนจะยกมือถือผมขึ้นมา
           //กูงานเข้าว่ะ เอาไว้ค่อยคุยกันว่ะไอ้เชน แค่นี้น่ะ และกูคงได้หลับต่อแล้วว่ะ กู้ดไนท์// ผมพูดกับไอ้คนปลายสาย
           ก่อนจะรีบกดวาง ผมเดินไปหา แอสชลี สาวสวยผมบรอนด์ทอง ริมฝีปากที่อาบอิ่ม หน้าอกหน้าใจใหญ่โตสมกับเป็นสาวเมืองผู้ดี ผมตรงเข้าไปหาเธอ และแอชลีย์ก็กระโจนเข้าหาผม พร้อมกับมอบรสจูบที่ดูดดื่มให้ผม
           “แสดงว่าสองยกไม่พอขอต่อเหรอครับแอชลีย์”
           “ใช่ค่ะ เธียร แอชลีย์ อยากได้แบบถึงใจอีกนะคะ จัดให้แอชลีย์หน่อยนะคะ “เธอพูดพร้อมกับกอดคอผม และผมก็ยกสะโพกงามๆ นั้นลอยขึ้นพร้อมกับแขนของแอชลีย์ที่โอบรอบคอผม ศึกที่ต้องแลกมาด้วยน้ำกามของผมกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ผมวางแอชลีย์ลงที่เตียงนอนคิงส์ไซด์ของผม นุ่มระดับเหมือนนอนอยู่บนปุยเมฆ ตอนนี้นางแมวยั่วสวาทของผมขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับยกเขาขึ้นตั้งฉากรอให้ผมหมุดหัวเข้าไปและผมก็คืบคลานขึ้นไปจนกระทั่ง มองเข้าไปในหลืบนั้นและสิ่งที่ผมเห็นคือใบหน้าเด็กน้อยที่กำลังโผ่ออกมา "ป๊า!!"นี่มันมืดมากจนผมมองน้องหนูของเแอชลีย์ เป็นหน้าเด็กไปเลยเหรอ
            “เว้ยยย!!” ผมร้องตกใจเสียงหลงเลยพร้อมกับรีบถอยหลังออก จากตรงนั้นทันที แอลชลีย์ก็หนีบขาตัวเองทันทีเช่นกัน
             “เป็นบ้าอะไรของคุณน่ะ” แอชลีย์ถามผม
            “ก็เห็นมีหน้าเด็กอยู่ตรงนั้นน่ะ” ผมพูดและหลับตาชี้ไปที่ตรงนั้นของเธอ
            “นี่คุณพูดเรื่องบ้าอะไร หน้าเด็กบ้าบออะไรที่ไหน ไม่มี!! ฉันยังไม่เคยมีลูกน่ะและไม่คิดอยากจะมีด้วย” แอชลีย์พูด ผมเองที่ลงไปนั่งอยู่ที่พื้น และตอนนี้น้องผมมันก็หดหมดแล้วด้วย
            “ก็ผมเห็นจริงๆ และมันก็อยู่ตรงน้องหนูคุณเลยแอชลีย์! “ผมพูดพร้อมกับทำท่าขนลุกขนพองไปด้วย
            “นี้คุณจะบ้าเหรอและนี่จะทำไหม เซ็กส์น่ะ” แอชลีย์ถามผมด้วยสีหน้าที่เริ่มจะไม่พอใจ
            “คงไม่มาแล้ว เพราะว่าหดไปแล้ว” ผมพูด
            “โอเค งั้นฉันกลับน่ะ “นางรีบลุกขึ้นแต่งตัวแบบลวกๆ ก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าของเธอที่วางอยู่ แถมเธอยังหันขวับมามองหน้าผมอีก
            “ไอคิดว่ายู เออเราน่ะ ควรจะเจอกันแค่ครั้งเดียวพอน่ะ เพราะว่าไม่ถึงใจ คุณหล่อมากน่ะแต่เซ็กส์คุณแย่มาก” ผมก็ต้องหน้าชาไปทันที นี้ผมเอาไม่ถึงใจ ทั้งที่แต่ก่อนผมไม่เป็นแบบนี่น่ะ สาวๆน่าอ่อนระทวยให้ผมกันหมด แต่ว่าช่วงนี้ ทำไมน้องถึงได้ไม่อึดไม่ทน ผมก็ต้องยกมือขั้นกุมขมับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองสาวผมทองของผมเดินผ่านออกไป
            “ออกไปแล้วล๊อกประตูให้ด้วยนะคุณ ขอบคุณ” ผมบอกเธอตามหลังไป
           “f**k you”
           “Thank you very much” ผมตอบเธอไป ก่อนจะค่อยๆ ขึ้นมานั่งบนเตียง จะว่าไปเด็กน้อยที่ผมเห็นก็หน้าหวานๆ มันหวานเหมือนทอมๆ มากกว่า และไอ้เด็กที่ผมมีอะไรด้วยในคืนนั้นก็ออกจะเหมือนทอมมากด้วย จะว่าไปผมเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร ผมกลับมาเลย เลยไม่ได้ไปตามหาและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมทำเรื่องแบบนี้ลงไป มันแย่มากจริงๆ ผมพึ่งมารู้สึกผิดหลังจากที่ทำลงไปแล้ว ผมกลุ้มใจมาก ผมเลยต้องโทรไปหาเพื่อนรักที่ผมสนิทที่สุด.
          //ว่าไงวะเธียร นี่มึงนอนไม่หลับเหรอว่ะ มันพึ่งจะตีสามที่นั่นแต่เช้าที่นี้” ไอ้ไปส์มันพูด
          // ไอ้ไปส์เด็กที่มึงว่าจะเอาเขาน่ะคืนนั้นอ่ะ น้องเขาชื่ออะไรวะ// ผมถามไปส์
          //เด็กคนไหนวะ//มันยังตีหน้ามึนถามผมกลับอีก
          //ที่มาชงเหล้าไงว่ะ//ผมพูด
          //ที่มึงเอาเขาในห้องพักวีไอพีเหรอว่ะ //มันยังมาตอกย้ำอีก
          //ไอ้ไปส์ ไอ้เชี้ย!!” ผมด่ามันทันที
          //ก็มึงเอาเขาจริงๆ นี่หว่า แม่งกูอุตส่าห์เรียกเขามานั่งชงเหล้าและกูก็อุตสาห์มอมเขา สุดท้ายมึงเอาเขาแทนกู ให้เชี้ย!!//ไอ้ไปส์พูด
         //มึงจำได้ไหมว่าน้องเขาชื่ออะไร//ผมถามไอ้ไปส์
        //ชื่ออะไรวะ บอ บอ บีม อ้อ ชื่อบีมว่ะ //ไอ้ไปส์มันบอกผม
          // มีชื่อจริงไหมวะ ชื่อบีมนี้จะไปหาที่ไหน บีมคงมีเป็นล้านๆ คนอ่ะ// ผมถามไอ้ไปส์
          // ไอ้ผู้จัดการมันยังไม่รู้เลย เพราะว่ากูก็ไปถามให้มึง มันบอกไม่รู้ชื่อจริงเพราะว่าน้องมาทดลองงานแต่ไม่ได้บอกทดลองงานอะไรวะ// ไปส์มันพูด
         // มันโกหกหรือเปล่า รับคนมาทำงานไม่มีเอกสารส่วนตัวอะไรเลยแปลกว่า// ผมพูด
         //กูย้อนกลับไปเพื่อจะไปดูว่ามีใครให้ข้อมูลพวกเราไหม คนคุ้มด้านหน้าผับอ่ะบอกว่ามีคนมาตามหาผู้จัดการ หนึ่งในนั้นคือเพื่อนน้องเขา แต่ไอ้ผู้จัดการบอกว่าไม่ได้ให้ข้อมุลอะไรไปน่ะ ส่วนแหวนมึงน้องคงเอาไปขายแล้วมั้ง “ไอ้ไปส์พูด
        //ถ้าเขาเอาไปขาย มันก็ได้เงินเยอะอยู่น่ะ แต่แหวนก็คงไปไหนต่อไหนเลยเพราะว่าแหวนนั้นมีแต่ชื่อกู นามสกุลน่ะใส่ไม่หมด ชื่อกูยาว นามสกุลเลยไปได้แค่ ดอ เด็กตัวเดียว” ผมพูดกับไปส์
        //อ้อ เลยกลายเป็นไอ้เธียรวิชย์ หัวดอกเลยดิมึง//
       //ไอ้เชี้ยไปส์!!” ผมด่าส่วนไปทันที
         //แล้วนี่มึงก็ดันถอดแหวนวงศ์ตระกูลของมึงเองให้น้องเขาเอาไว้ดูต่างหน้าด้วย ทำไมไม่ควักเอาบัตรประชาชนมึงให้น้องเขาไปแทนล่ะวะ น้องเขาได้เห็นหน้าไอ้ผู้ร้ายที่ทำลายประตูหลังเขาชัดๆ และเอาหลักฐานมาโชว์พ่อบังเกิดเกล้ามึงล่ะครับ //ไอ้ไปส์มันพูด
        //มึงจะซ้ำกูอีกนานไหมไอ้ไปส์ เดี๋ยกูวางสายเลย// ผมพูดเพราะว่าผมจนมุมแล้วไง
        //มึงก็วางดิ มึงโทรหากู กูไม่ได้โทรหามึง// ไอ้ไปส์ไอ้วนกตีนขั้นเทพ
       //และมึงนี้แม่งเป็นผู้ร้ายไม่เนียนไปเรียนมาใหม่เถอะไป มึงข่มขืนเขาแล้วมึงยังทิ้งหลักฐานให้เขาเกือบได้พาตำรวจมาลากคอมึงอีก เทพมากเพื่อนครับ// ไอ้ไปส์มันด่าผมเป็นชุด
         //และดีที่พวกกูไหวตัวทัน กูเอาเงินอุดปากไอ้ผู้จัดการผับไปหมดแล้วว่าห้ามบอกว่ารู้จักพวกกูและมึง //ไอ้ไปส์มันพูด
         //เออ ขอบใจว่ะ แต่ที่กูให้เขาไว้ก็เพราะว่าห้าพันมันน้อยไปไอ้สัส!! และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกมึงคน่ะโว้ย!//ผมพูด ก่อนจะเอนตัวลงนอนราบกับที่นอน ผมรับรู้ได้ว่ามือถือผมมีข้อความเข้า ผมก็รีบกดเข้าไปดูและสิ่งที่ทำให้ผมตกใจแทบสิ้นสติ ผมเด้งตัวเองขั้นนั่ง
        //ไอ้เชี้ย ป๊าล๊อกบัตรเครดิตของกูไม่ให้กูใช้!!// ผมพูดเสียงดังใส่มือถือของผม
         //ก็เขาอยากให้มึงกลับไทยนี่หว่าไอ้เธียร//ไอ้ไปส์มันพูด
         //ก็กูยังไม่อยากกลับอ่ะ กูยังไม่อยากไปดูแลที่กูไม่รู้ว่ากูจะทำได้ไหม กูไม่ได้ชอบอ่ะ มึงเข้าใจกูไหมวะและกูเบื่อกลับไปแพรวาก็ตามติดกูอีก // ผมพูด
        //มึงก็บอกแพรวาไปดิว่ะ ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับเขา//ไอ้ไปส์มันแนะนำผมแต่มันก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างแพรวาเป็นยังไง
         //กูบอกยังไงวะ แพรวาเอาแต่ใจที่สุด พ่อเขาก็ตามใจ อธิบายก็ยาก ไม่เข้าใจหรือไม่ยอมจะเข้าในก็ไม่รู้//ผมพูดกุมขมับเลยผม
         //เออ แค่นี้ก่อนนะไอ้ไปส์ กูโทรหาเฮียกูก่อน// ผมพูดก่อนจะกดวางสายไอ้ไปส์และหันไปโทรหาเฮียผมทันที ตั่วเฮียของพวกผม เฮียธี
          //ว่าไงเธียร// น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าพี่ชายผมยุ่งมาก
          //เฮีย ทำไมป๊าล๊อกบัตรผมอ่ะ ผมก็ใช้เงินไม่ได้อะดิเฮีย” ผมพูดกับเฮียของผม
          //ป๊าอยากให้มึงกลับไทยได้แล้ว//
         //ก็ผมยังเรียนไม่จบนี่เฮีย//
         //เธียร มึงควรจะเรียนให้จบได้แล้ว เขาให้เรียนสองปี มึงจะสามปีแล้ว จบได้แล้วไอ้เธียร” เฮียธีพูด
           //หรือมึงจะเรียนไปตลอดชีวิต คราวนี้ป๊าโกรธเราแน่ๆ และเฮียก็จะไม่ช่วยอะไรมึงแล้ว ไม่ช่วยพูดและไม่ช่วยรับหน้าอะไรให้อีกทั้งนั้น เธียร// เฮียธีพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากกว่าทุกที ผมก็ต้องพ่นลมหายใจออกมายาวๆ
          //เฮียจะโอนไปให้ก่อนสองแสน พอไหม// เฮียธีพูด สุดท้ายเฮียก็ใจอ่อนจนได้ แต่สองแสนที่นี้มันก็น่าจะแค่พอชนเดือนน่ะ แต่เธียรก็ว่าดีกว่าไม่มีเลย
         //ก็โอเคอยู่น่ะเฮีย// ผมพูด
         //โอนมากไม่ได้เดี๋ยวป๊ารู้ มึงเข้าใจเฮียป่ะเธียร// เฮียธีพูด
         //แค่นี้น่ะเธียร เฮียมีประชุมครูที่โรงเรียนเธียร และเฮียจะให้เลขาจัดการเรื่องเงินให้ก่อน//เฮียธีบอกผม
         //ขอบคุณครับเฮีย รักเฮียอ่ะ// ผมพูดก่อนจะวางสายตาเฮียธีไป

              ผมยอมรับว่าผมควรจะจบตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วแต่นี่ผมกักไว้ เลยยืดเยื้อมาถึงสามปีแบบนี้ และนี้เมื่อคืนก็พาสาวสวยไปผับหรูที่ดาราฮอลลีวูดชอบเข้าและเสียเงินไปหลายพันดอลลาร์อีกต่างหาก แถมเช้านี้พ่อผมล๊อกบัตรอีกให้มันได้อย่างนี้ซิเธียร!! แต่จะว่าไป หน้าเด็กน้อยที่ผมเห็นมันช่างน่ารัก ยิ่งตอนที่เขาเอียงคอหันมามองผม ผมก็ต้องสั่นหัวตัวเองไปมาเพื่อไล่ภาพที่นั่นออกไป มันแค่ความฝันไอ้เธียร ผมเองก็พยายามข่มตาให้หลับต่อให้ได้ ผมเองก็รู้สึกผิดที่ผมทำกับเด็กคนนั้นไปอย่างนั้นอีก นั้นมันไม่ใช่นิสัยของผมแต่คืนนั้น มัน มัน บอกไม่ถูกว่าทำไม อธิบายไม่ถูกจริงๆ และผมต้องมานั่งรู้สึกแย่แบบนี้ น้องคงไม่รู้ซิน่ะ ว่าพี่เธียรวิชญ์รู้สึกแย่จริงๆ

            TBC....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:48:08 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.12 บีมเข้าโรงพยาบาลจนได้ 

        Part’ s กันต์ธีย์ ขณะที่เธียรวิชย์ยังคงใช้ชีวิตที่เสเพลอยู่ที่อังกฤษ เขายังมีความสุขกับอิสระ มันทำให้เขาไม่อยากเดินทางกลับมาไทย แต่ว่าบีม คนที่ต้องมาแบกรับสิ่งที่เขาทำเอาไว้ ถึงเธียรวิชย์จะไม่รู้ว่าก่อนว่าโลกนี้ยังมีผู้ชายท้องได้อยู่ คนนั้นก็คือบีม ตอนนี้ปาเข้าไปยี่สิบวีคแล้ว ตามมาด้วยอาการแพ้ที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะพยายามทานก็อาเจียนออกสิ่งที่ช่วยเขาได้คือนมสดรสสตรอว์เบอร์รี่ (เธียรวิชย์ชอบทานนมสดรสสตรอว์เบอร์รี่มากตั้งแต่เขายังเด็กๆ รสอื่นไม่เอาส่วนบีมนี้ไม่เคยดื่มเลยแต่ต้องมาชอบดื่มอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้)

        Rrrr มีสายเข้ามือถือของผม ผมไปยื่นเอกสารใบรับรองแพทย์เอาไว้ ว่าทำไมผมถึงได้ลาบ่อย ผมยังคงแพ้ท้องหนักมากอยู่เลย น่าแปลกจริงๆ ทั้งที่หมอภีมบอกว่าผมจะดีขึ้นแต่ไม่เลย

        “สวัสดีครับ ผมกันต์ธีร์ครับ” ผมกดรับสายที่โทรเข้ามา

        “สวัสดีค่ะ พี่ชื่ออรปรียานะคะ พี่เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการค่ะ พี่ได้รับอิเมลของน้องน่ะ ใบรับรองแพทย์นะคะ ที่ระบุว่าน้องตั้งท้องนะคะ” พี่เขาพูด กับผมแบบชัดถ้อยชัดคำว่าผมตั้งท้อง

        “ใช่ครับ” ผมคงต้องยอมรับมันซิน่ะ ว่าผมท้องจริงๆ

        “น้องลาเยอะมากนะคะ ลาเยอะขนาดนี้ พี่ว่าดรอปไปก่อนดีกว่าไหมคะ คลอดก่อนดีกว่า ค่อยมาเรียนใหม่นะคะ” พี่เขาพูดกับผม

        “พี่ครับพอดีอาจารย์กันตภณเขาบอกว่าผมสามารถไปเรียนได้นี่ครับ” ผมพูด

        “อ้อน้องคนนี้นี่เองเหรอคะ ที่ว่าเป็นเด็กของรองศาสตราจารย์กันตภณนะคะ ที่อาจารย์เขาเอาตำแหน่งมารับรองแทน พี่ขอโทษนะคะ พี่ไม่ได้สังเกตชื่อและนามสกุลนะคะ “ผมได้ยินแบบนี้ก็รู้สึก เสียใจที่ผมทำให้อาจารย์กันตภณเดือดร้อน

        “พี่ครับ ถ้าอย่างนั้น ผมทำเรื่องดรอปไปเลยก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนใคร” ผมพูดกับเธอ

        “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้น น้องกรอกเอกสารและซัมมิทเข้ามาเลยนะคะ พี่จะได้ส่งแหนบไปกับใบแพทย์ที่ระบุว่าน้องจะไปคลอดลูกก่อนนะคะ “พี่เขาพูดก่อนจะวางสายไป ผมนี้หน้าชาไปเลยทันที ผมหยิบเอาโน้ตบุคของผมและผมก็เปิดอิเมลดู มีเอกสารส่งมาหาผมแล้ว ผมก็รีบกรอกข้อมูลเพื่อจะได้ดรอป ผมเองก็ทนเดินเข้าไปแล้วมีแต่คนแซวผมไม่ไหวเหมือนกัน นี้ขนาดว่าพุงผมยังไม่ออกเลยน่ะ ผมกรอกทุกอย่างแล้วก็กดส่งไปทันที น้ำตาผมมันไหล่ ผมเสียใจที่ผมทำมาตลอดมันพังลงแค่นี้เหรอ เสียงประตูเปิดเข้ามา มะนาวกับใบชาบอกว่าจะไปซื้อนมรสสตรอว์เบอร์รี่ให้ผมและผมก็ว่าจะไปเรียนด้วยกัน ผมคงขอไปเรียนก่อนที่คำขอดรอปจะออกแล้วกัน ผมหันมามองเพื่อนรักของผม เดินเข้ามาพร้อมกับนมรสสตรอว์เบอร์รี่ ผมหันไปเห็น ผมถึงกับกลืนน้ำลายลงคอทันที ทั้งที่ไม่เคยคิดอยากจะดื่มเลยสักนิดตั้งแต่ผมจำความได้

       “อะบีมนมรสสตรอว์เบอร์รี่ ดื่มซะ” มะนาวซื้อมาฝาก ผมรีบหันมาหยิบและเปิดดื่มทันที เหมือนหิวมากแต่เป็นเพราะว่ามันอดใจไม่ไหว เห็นแล้วต้องดื่มให้ได้ เพื่อนผมยังอ้าปากค้างเลย

       “อะไรที่มึงไม่เคยกิน มึงก็มากินตอนท้องแทน กูละเชื่อเลยอาการแพ้ท้องที่แม่กูเคยบอกอ่ะว่า มักจะอยากกินอะไรทีไม่เคยกิน” มะนาวพูด

        “แต่แม่กูน่ะ กินทุกอย่างที่พ่อกูชอบนะ แถมแม่กูไม่ชอบแต่ก็อยากกินและนี่ไง กูออกมาหน้ากูนี่ ก๊อบปี้พ่อกูมาเกือบหมด ไม่ได้แม่กูมาเลย” ใบชาพูดพร้อมกับชี้ใบหน้าตัวเองเท่านั้นแหละ

        “พร้วด!!!” ผมรสสตรอว์เบอร์รี่ก็พุ้งพรวดออกมาทันที อย่าบอกน่ะว่าไอ้นั่นมันชอบนมรสสตรอว์เบอร์รี่น่ะ

        “ขุ่นแม่!!!” ทั้งคู่ร้องเรียกชื่อผมเสียงหลงเลย ผมก็พลิกดู จะทิ้งก็ไม่ได้อยากกินอ่ะ กินต่อก็ได้ว่ะ ทนเอาคิดในใจ ผมดื่มไปจนหมดก่อนจะหันไปมอง อะไรน่ะที่มะนาวเอามาด้วย

         “อาจารย์กันตภณฝากมาให้ เขาเห็นมึงชอบแวะซื้ออ่ะ เขาบอกว่าดีต่อขุ่นแม่น่ะ ฟรุ๊ตสลัด” มะนาวพูด ผมก็รับมาดู แค่เปิดเท่านั้นแหละ อาการผมมาทันที ผอืดผอม พร้อมที่จะวิ่งไปกอดชักโครกอีกแล้ว ทั้งที่พึ่งจะดื่มนมที่อยากดื่มเข้าไปแท้ๆ แต่พอเปิดที่อาจารย์กันตภณฝากมาให้ ยังไม่ทันได้ชิมเลย ผมวิ่งไปเขาห้องน้ำแล้ว

         “ขุ่นแม่!!” เรียกอีกแล้วแต่ผมวิ่งไปกอดชักโครกเรียบร้อยแล้ว

          “อ๊วกกกกกก” นั้นมาหมดเลย

          “อันนี้เขาเรียกว่าลูกมึงเขาเลือกคนเป็นพ่อใช่ไหมบีม” มะนาวถามผม ตอนนี้กำลังลูบหลังผมอยู่

         “แต่กูจะไม่เลือกไอ้นั่นเด็ดขาด ไอ้เธียรวิชย์ กูไม่เลือกมาเป็นพ่อของลูกกู เพราะว่า กู กู กู….” ผมพูด

         “กูจะอะไรล่ะ” มะนาวถามผม

         “จะ อ้วก!!!!” ผมพูดและนั้นออกมาอีกแล้ว หมดกันอาหารในกระเพาะผม ไปหมดแล้ว ผมว่าตอนนี้ผมกำลังจะหมดสภาพ เสื้อผ้านักศึกษาที่เตรียมเอาไว้ แขวนไว้นั้น คงต้องแขวนเอาไว้แบบนั้นทั้งที่ผมมีชั่วโมงเรียนวันนี้ด้วยแท้ๆ

         “บีมมึงจะไปเรียนไหวไหมวันนี้น่ะ กูว่ามึงอยู่ห้องเถอะ พวกกูบอกอาจารย์ให้ เขาเข้าใจมึง ว่าช่วงนี้มึงน่ะ ขึ้นๆ ลงๆ ” ใบชาพูด ผมหันไปมอง อะไรขึ้นๆ ลงๆ

         “อาการแพ้ท้องมึงน่ะ สามวันดีสีวันมาเหมือนกัน” ใบชาพูด บอกผม

            มันทำให้ผมคิดว่าที่ตอนแรกผมคิดว่าแค่ไปเรียนให้จบๆ แค่เทอมเดียวเองแต่ว่ามันยากกว่านั้นตรงที่ผมยังแพ้ท้องอยู่นี่แหละและอาจารย์กันตภณก็อยากให้ผมเรียนให้จบ จนต้องเอาตำแหน่งตัวเองไปรับรองให้ผมแบบนี้อีก แค่คิดก็รู้สึกมวนในท้องผม หรือว่าผมเครียดเกินไปด้วยมันเลยทำให้วันนี้ผมอาเจียนหนักกว่าทุกวัน

         “บีม อาเจียนหนักขึ้นขนาดนี้ ไปโรงพยาบาลเถอะว่ะบีม” เป็กซ์พูดยืนมองผมที่ยังคงโก่งคออาเจียนไม่หยุด

         “นั้นดิวะบีม หมอภีมเขาบอกอยู่แล้วว่าเป็นเยอะให้ไปหาเขา “ฟิล์มพูด

         “ลูกโซ่ สงสารพ่อบีมหน่อยซิลูก อามะนาวนะสงสารมากเลยแต่อาช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ “มะนาวพูดพร้อมกับหยิบเอายาดมขึ้นมาให้ผมดม ผมยกมือว่าผมจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า แต่ว่าทันทีที่ผมลุกขึ้นยืนก็รู้สึกโคลงเคลงยืนไม่อยู่ ภาพเริ่มบิดๆ เบี้ยวๆ และนั้นผมก็เหมือนมีคนมาปิดไฟใส่หน้าผมทันที เขาเรียกว่าภาพตัด

         “บีม!!!” เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่สติสัมปชัญญะของผมจะดำวูบลงไป ผมรับรู้ว่ามีคนช่วยกันนำร่างของผมออกไปจากที่ผมอยู่ล่าสุด คือในห้องน้ำ ที่คอนโดของผม

         “ไอ้บีมเป็นลม!!!” เสียงนั้นดังในหูผมแต่ผมลืมตาไม่ขึ้นเลย มันมืดไปหมด

             ช่วงที่บีมเป็นลมหมดสติไป ทุกคนก็วิ่งกันวุ่นวายจะทำยังไงดี ตกอกตกใจกันหมด แต่ล่ะคนก็ไม่ได้ตัวใหญ่ไปกว่ากันมีแต่มะนาว มะนาวเห็นตัวใหญ่ก็ไม่กล้าอุ้มบีมเหมือน ต่างก็หันมามองหน้ากันว่าเอายังไงดี ต้องพาบีมไปโรงพยาบาลก่อน

         “มึงลงไปเรียกคนมาช่วยดิ!!” ฟิล์มบอกเพื่อนของเขา ใบชารีบวิ่งออกไปจากห้อง จังหวะนั้นประตูลิฟต์เปิดพอดี มีหนุ่มในเครื่องแบบที่เขามาอยู่ที่นี้ได้สักพักกับแฟนสาวแต่ว่าตอนนี้แฟนสาวเสียชีวิตไปได้สามปี ผู้กองรัชชานนท์ เขาเป็นหัวหน้าทีม หน่วยสืบสวนสอบส่วนพิเศษด้วย แต่ว่าเขากำลังถูกย้ายไปทำงานด้านอื่นแทนเพราะว่าเขากำลังสืบถึงการเสียชีวิตของแฟนสาวของเขาอยู่

         “พี่เป็นตำรวจ” ใบชาพูด เขาก็กดลิฟต์ค้างเอาไว้อยู่นั้น เขาก้มลงมองเครื่องแบบ

         “ใช่ครับพี่เป็นตำรวจ” พี่เขาพูด

         “พี่…เพื่อนผมเป็นลมในห้องน้ำพี่!!” ใบชาพูด นายตำรวจหนุ่มเข้าใจได้ทันทีว่าต้องการความช่วยเหลือ เขารีบวิ่งออกไปจากลิฟต์ก่อนจะตรงไปที่ห้องที่เปิดประตูเอาไว้ เขาวิ่งเขาไปที่นั่น ภาพแรกที่เขาเห็นคือประตูห้องน้ำที่เปิดค้างเอาไว้ ฟิล์มก็พยายามพาร่างบีมออกมา แต่ว่าบีมท้องอยู่ เพื่อนๆ เขาจึงเป็นกังวล กลัวจะไปกระแทกกับอะไรเข้า ผู้กองหนุ่มตรงไปเขาเข้าไปในห้องน้ำและพยักหน้ากับทุกคนว่าเขาจะอุ้มเอง ร่างกายกำยำนั้นอุ้มร่างบีมลอยขึ้นมาทันที ก่อนจะอุ้มออกมาจากห้องน้ำ

         “แล้วน้องจะพาเพื่อนไปโรงพยาบาลหรือเปล่าครับ” ผู้กองหนุ่มถาม

         “ไปค่ะ “มะนาวรีบตอบ

         “ไปยังไงล่ะ” ฟิล์มถามเพราะว่าแต่ล่ะยังไม่มีรถกันทั้งนั้น

         “มีรถกันไหมครับ” ผู้กองหนุ่มถามอีก

         “ไม่มีค่ะ เอ้ยครับ” ใบชาตอบ

         “เอาอย่างนี้พี่มีรถกระบะน่ะนะครับ สี่ประตู น้องไปถอยรถพี่มา พีจอดเอาไว้ในที่จอดรถด้านข้าง ทะเบียน รช 451629 สีดำครับ “ผู้กองหนุ่มพูดและเอียงให้เขาหยิบกุญแจ มะนาวกับใบชามองหน้ากัน ผู้กองหนุ่มหล่อกล้ามโต ต้องมีการแบทเทิลกันหน่อย

         “หมับ!!” ทั้งคู่

         “น้องครับ กุญแจรถพี่อยู่ด้านข้างลำตัวพี่ครับ ไม่ใช่ตรงกลาง นั้นเป้าพี่นะครับ” พี่เขาพูด

         “อุ้ย! ขอโทษทีครับ ผมจับผิดนะครับ เห็นเหมือนๆ กัน” ใบชาแต่มะนาวนะหยิบกุญแจไปก่อน หันมามองเพื่อนสาว แอบค้อน ไม่บอกกูบ้างเลย

         “มึงเนียนน่ะมึง กุญแจกับช้างพี่เขาน่ะขนาดต่างกันอีชา!!” มะนาวกระซิบด่าเพื่อนทันที

         “ฟิล์มมึงไปถอยรถพี่เขามาเพราะว่ามึงเคยขับรถแฟนพี่ฟ้าอ่ะ” เป็กซ์บอกฟิล์ม เขาพยักหน้าและวิ่งลงไปกับเป็กซ์ก่อนเลย ส่วนมะนาวกับใบชาก็วิ่งไปเตรียมเอกสารให้บีม ผู้กองหนุ่มมองหน้าคนที่อุ้มและมองพุงน้อยๆ เขาเดาได้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่แน่ๆ เขารีบอุ้มไปที่ลิฟต์ เพื่อนข้างห้องพากันออกมาดูด้วยความตกใจไม่แพ้กัน

         “นี่น้องบีมนิ เป็นอะไรไปเหรอคะ” เขาถามผู้กอง

         “น้องเขาเป็นลมครับ ผมจะพาลงไปข้างล่างครับจะไปโรงพยาบาลนะครับ” ผู้กองหนุ่มตอบ

         “นี่ใครก็ได้กดลิฟต์เอาไว้ให้น้องเขาหน่อยเร็วๆ น้องเขาจะไปโรงพยาบาล!!!” พี่ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนข้างห้องตะโกนบอก ทำให้รู้ว่าอย่างน้อยโลกใบนี้ก็มีคนมีน้ำใจอยู่บ้าง คนที่ได้ยินก็กดประตูลิฟต์เปิดค้างเอาไว้ทันที ใบชาและมะนาวก็วิ่งตามออกมาติดพร้อมกับปิดประตู ผู้กองหนุ่มไม่รอช้า วิ่งไปที่ลิฟต์ทันทีและสองเพื่อนซี้ก็วิ่งตามไปติดๆ เช่นกัน พร้อมกับขอบคุณคนที่เปิดประตูลิฟต์เอาไว้ให้ ผู้กองหนุ่มถึงจะเป็นตำรวจหน่วยสืบส่วนสอบสวนแต่ก็มีประสบการณ์อยู่หน่วยกู้ชีพมาด้วย เขาไม่ได้อุ้มอย่างเดียว เขากำลังมองดูว่าคนที่อุ้มยังหายใจปกติดีไหม บีมยังหายใจได้ปกติแต่ไม่มีสติแค่นั้น

            ทันทีที่ผู้กองหนุ่มอุ้มร่างบีมลงมานั้นรถกระบะของเขาที่ขับมาโดยฟิล์มก็มาจอดและผู้กองก็รีบพาร่างนั้นไปที่รถ เขาพยักหน้าให้มะนาวขึ้นรถไปบนรถก่อนเขาจะได้ส่งร่างของบีมไปให้ มะนาวพยักหน้าและวิ่งไปขึ้นรถแต่ว่านั่งข้างคนขับทันที ทั้งที่เขาต้องการให้เธอขึ้นไปที่แคบหลังของเขานี่

         “อีนาว! เขาให้มึงนั่งกับขุ่นแม่ข้างหลังนี้ มึงเสลอไปนั่งหน้าทำไมเนี๊๊ยะ!” ใบชาพูดแต่ไม่ทันแล้ว ผู้กองหันมาพยักหน้ากับใบชาอีกว่าขึ้นสักคนเถอะ ใบชาก็รีบขึ้นไปแทน พี่เขาส่งร่างของบีมไปในรถ

          “พี่ไปโรงพยาบาล XXXX” ฟิล์มบอกผู้กองหนุ่ม เขาพยักหน้าและรีบไปทำหน้าที่ขับ

          “หนูบอกทางพี่เองค่ะ” มะนาวหันมาบอกผู้กองหนุ่ม

          “พี่ว่าตั้งจีพีเอสให้พี่เถอะ ใส่ชื่อโรงพยาบาลเลยครับ แม่นกว่าครับ” พี่เขาพูดก่อนจะออกรถทันที มะนาวมองบนเล็กน้อย ผู้กองหนุ่มก็รีบเพื่อจะนำร่างบางๆ นั้นไปให้ถึงโรงพยาบาล ดูบีมอ่อนเพลียมาก มะนาวจัดการตั้งค่าว่าจะให้ไปส่งที่ไหน ตามชื่อโรงพยาบาลที่โชว์อยู่บนหน้าจอ

         Rrrr จู่ๆ มีสายเข้ามาพอดี

         “ขออนุญาตรับสายนะครับ” ผู้กองหนุ่มตอบเพื่อว่าจะเป็นงานด่วน

         //สวัสดีครับ ผมร้อยตำรวจเอกรัชชานนท์//

        //ตั้น เมื่อคืน เข้าไปค้นที่ผับแถมXXXX เจออะไรไหม// เพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่อยู่ภูเก็ต

        // ไม่เจอว่ะปุณณ์ //ผู้กองหนุ่มตอบตาก็มองหาทางเข้าที่จะไปโรงพยาบาล เขาก็เหลือบมองคนร่างเล็กนั้น ไม่รู้ผู้หญิงหรือผู้ชายที่ยังไม่ได้สติไปด้วย

        (พี่ค่ะ ทางเข้าข้างหน้าค่ะพี่!!!) มะนาวตะโกนบอกผู้กองหนุ่มเพราะว่ากลัวผู้กองหนุ่มจะเลยทางเข้า ทั้งที่มันยังไม่ถึงเลยแต่ก็ทำเอาตั้นตกใจ เกือบเฉียวรถคันคืน

       “น้องครับ ไม่ต้องตะโกนก็ได้นะครับ พูดเบาๆ พี่ก็ได้ยินครับ// ผู้กองหนุ่มหันมาบอกเธอก่อนจะกุมหัวใจตัวเอง

       //ไอ้ตั้นเกิดอะไรขึ้นในรถมึง// คนปลายสายถาม

      //กูโทรกลับเพราะว่ากู พาน้องที่คอนโดเดี่ยวกันกับกูไปส่งโรงพยาบาลปุณณ์ //ผู้กองหนุ่มตัดสินใจตัดสายพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าไปในโรงพยาบาลทันที บีมเหมือนจะรู้สึกตัวแล้ว แต่ก็เพลียมากจริงๆ ผู้กองหนุ่มนำรถไปจอดที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที เขารีบลงจากรถพร้อมกับเข้าไปอุ้มร่างของบีมเพราะว่าเพื่อนๆ ก็ไม่กล้าอุ้ม เจ้าหน้าที่พยาบาลรีบนำรถเข็นนอนมารับร่างของบีมไปทันที เข้าไปยังห้องฉุกเฉิน แต่ล่ะคนพ่นลมออกมาพร้อมกันอย่างโล่งอก ที่บีมถึงโรงพยาบาลพอดี

      “ขอบคุณนะพี่” ฟิล์มกล่าวขอบคุณหนุ่มในเครื่องแบบที่พาบีมมาส่งโรงพยาบาล

       “ไม่เป็นไรครับ” ผู้กองหนุ่มพูด

       “พี่อยู่ชั้นไหนอ่ะครับ เพื่อว่าเพื่อนผมเป็นลมอีก ผมจะได้วิ่งไปเรียกพี่อีกทันทีเลย ขอกุญแจห้องด้วยก็ดีนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ” ใบชาถามผู้กองหนุ่มทันที ผู้กองถึงกับเกาหัวตัวเอง เขายิ้มเจื่อนๆให้

       “คือพี่อยู่ชั้นบนถัดไปหนึ่งชั้นน่ะครับแต่ว่าพี่ย้ายออกแล้วครับ ไปอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงานใหม่ของพี่นะครับ “ผู้กองหนุ่มตอบก่อนจะรีบก้าวเท้าขึ้นรถ เข้าต้องไปหาเพื่อนรักของเขา ตอนนี้เขากำลังสืบหาคนที่ฆ่าแฟนสาวที่กำลังตั้งครรภ์ของเขา แต่ว่าฆาตกร มีคนคอยช่วยเหลือที่เป็นคนใน ทำให้รูปคดีของเขาบิดเบือนไปและมีคนบอกว่า มีเด็กหนุ่มที่เข้าไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ผับนั้นเป็นคนเจอแต่ว่าเขากับไม่ถูกเรียกตัวมาเป็นพยานและเขาเองก็ไม่รู้ว่าคนนั้นคือใคร

TBC…

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:50:26 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.13 อาจารย์กันตภณ พยายามปกป้องบีม

      Part’ s อาจารย์กันตภณ ผมเพิ่งจะออกจากห้องที่ผมทำหน้าที่อาจารย์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาคให้กับนักศึกษาคณะบริหารและการจัดาร ผมยอมรับว่าผมเก่งด้านนี้และนี่ผมถึงได้เลือกเรียนสาขานี้โดยตรง เป็นวิชาที่ยากมาก ยากทั้งเรื่องเรียนและเลือกการสอบและนักเรียนนักศึกษาหลายคนแทบจะไม่อยากเรียนเลยจริงๆ แต่นี่คือวิชาบังคับของหลายสาขา ผมเดินมายังห้องพักคณะอาจารย์เพราะว่าชั่วโมงสอนของผมหมดแล้ว ผมตั้งใจว่าจะไปหาบีม แปลกน่ะช่วงนี้ บีมเจอหน้าผมเป็นต้องออกอาการแพ้ท้องทันที แพ้ท้องแบบชนิดที่ต้องวิ่งไปอาเจียน มันเลยทำให้ผมอยู่คุยกับเขาได้ไม่นาน

      “อาจารย์กันค่ะ” ผมค่อยๆหันไปมองคนที่เรียกชื่อผม อาจารย์เปรมสินีย์ เหมือนสนิทสนมแต่การกระทำนี้บอกได้ว่า เหลี่ยมทุกดอกจริงๆ เธอยิ้มให้ผม รอยยิ้มที่แปลได้ยากมากว่าตอนนี้เธอเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่

      “สวัสดีครับดอกเตอร์” แต่ผมก็ต้องทักทายเธอตามมารยาท เธอบอกว่าเธอจบดอกเตอร์แล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา ผมเลยต้องเรียกเธอว่าดอกเตอร์เหมือนผมเช่นกัน

       “แม้เรียกอาจารย์เหมือนเดิมเถอะค่ะ ว่าแต่ช่วงนี้ไม่เจออาจารย์เลยนะคะ เลิกสอนก็รีบกลับ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ดอกเตอร์เปรมสินี เธอพูดกับผม

       “ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ ผมสอนเสร็จก็รีบกลับบ้านครับ ผมต้องไปดูแล….” ผมพูด อาจารย์เปรมสินีมองหน้าผม

      “ม๊าของผมน่ะ ท่านอายุเยอะแล้ว” ผมพูด

      “ตกลงเด็กของอาจารย์นี้เขา มาเรียนสามวันดีสีวันหาย ตามสุขภาพเหรอคะ สามวันดีสี่วันไข้นะคะ “ดอกเตอร์เปรมสินีถามผม

      “ก็น้องเขาตั้งครรภ์และมันก็ต้องมีวันที่รู้สึกไม่ค่อยสบาย เขาเรียกว่าแพ้ท้องนะครับ” ผมพูด

        “มันเข้าใจยากหน่อยนะครับอาจารย์ ถ้าไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อน เลยไม่มีทางเข้าใจหัวอกคนที่กำลังจะเป็นแม่นะครับ” ผมพูด เธอมองหน้าผมทันที

       “ผมเองก็ไม่เคยนะครับ ผมยังเข้าใจความรู้สึกของเขาเลยนะครับ” ผมพูดยิ้มๆ กับอาจารย์ เธอมองหน้าผม ผมสังเกตเห็นมือที่กำกระดาษอะไรสักอย่างที่เธอถือมาด้วยแน่นมาก แต่ว่ามือถือผมสั่นซะก่อน ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาดู เป็นเบอร์ของฟิล์ม ผมรีบกดรับทันที ผมเดินหลบไปหาที่คุยไกลจากอาจารย์เปรมสินีสักหน่อย

       //ว่าไงฟิล์ม// ผมถามฟิล์ม

      // อาจารย์กันตภณครับ ตอนนี้ไอ้บีมมันอยู่โรงพยาบาลครับ มันอาเจียนจนเป็นลมนะครับ นี้ผมได้พี่ที่อยู่ที่คอนโดเขาขับรถพามาส่งที่โรงพยาบาลพี่หมอภีมและตอนนี้พี่หมอภีมเขาก็ให้แอทมิทครับอาจารย์” ฟิล์มบอกผม

      // อาจารย์จะไปหาบีมที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยฟิล์ม//ผมบอกฟิล์ม ผมรีบกดวางสาย ตอนนี้ตกใจมา ผมต้องรีบเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง สายตาของดอกเตอร์เปรมสินีที่ยืนมองผมอยู่

      “มีเรื่องด่วนเหรอคะอาจารย์” เธอถามผมทันที ที่เห็นว่าผมกำลังเตรียมตัวออกไป

      “ครับ ผมต้องรีบไปน่ะครับ ขอตัวนะครับ” ผมบอกเธอก่อนจะหันหลังออกเดินออก

       “ปุ๋มได้ยินนักศึกษาเขาพูดกัน มาว่า บีมเขาอาจจะไม่ได้ท้องกับอาจารย์นะคะ และใครเป็นพ่อก็ยังไม่รู้เลย น่าเห็นใจนะคะ” ผมกำลังจะหันหลังเดินออกไปอยู่แล้วเชียว ผมจำใจต้องหันกลับมา คนที่พูดว่าน่าเห็นใจแต่สายตาของเขาไม่ใช่ตามที่พูดเลยสักนิด

       “จะเป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้ชายหรือเปล่าคะแต่ดันมาท้องได้เหมือนผู้หญิงแบบนี้ คนทำเลยไม่อยากรับผิดชอบแต่กลายเป็นอาจารย์กันแทน ที่อยากรับทั้งที่ไม่ใช่นะคะ” อาจารย์เปรมสินีพูด ผมไม่รู่ว่าทำไมเขาคิดว่าเด็กนั้นไม่มีทางเป็นลูกผมไปได้ ดูเธอมั่นใจสิ่งที่เธอพูดออกมากเหมือนเธอรู้ว่าผมไม่สามารถมีได้จริงๆ แต่เรื่องนี้มีแค่ป๊า ม๊า เฮียและเจ๊ของผม และอดีตภรรยาผมเท่านั้นที่ทราบ

        “ผมขอไม่พูดดีกว่านะครับ อย่างน้อยก็เห็นแกเด็กเถอะครับอาจารย์ ต่อให้เขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เราเป็นครูเป็นอาจารย์สิ่งไหนปกป้องเขาได้ เราควรจะทำนะครับ ไม่ใช่ซ้ำเติมเขาครับ” ผมพูด อาจารย์เปรมสินีแค่ปรายตามองผม

        “อาจารย์คงยังไม่ทราบอีกเรื่องนะคะ พอดีปุ๋มเพิ่งจะได้รับคำสั่งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินใจเรื่องการรับปริญญาบัตร เกียรตินิยม บุ๋มเห็นอาจารย์ยังคงเสนอชื่อเด็กคนนี้อีกครั้ง อาจารย์มีอะไรพิเศษกับเด็กไหมคะ” ผมหันมามองหน้าเธอ นี้เธอเลื่อนขั้นไปเป็นคณะกรรมการตั้งแต่เมื่อไหร่ มันก้าวกระโดดเร็วเกินไปน่ะผมว่า

        “และทุกอย่างที่ถูกนำมาตัดสิน มันมาจากความสามารถของเด็กหรือว่ามาจากความพิศวาสส่วนตัวกันแน่คะ อาจารย์” ผมหันไปมองหน้าอาจารย์เปรมสินีเธอยืนมองผม มุมปากเธอแสยะยิ้มให้ผม

        “ไม่มีครับ ผมไม่มีคะแนนพิศวาสอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างเขาทำเอง ไม่ว่าจะรายงาน หรือว่างานต่างๆ ที่ผมสั่งและอาจารย์คนอื่นๆ คะแนนเก็บเขาก็ได้เพราะว่าเขามีงานส่งอาจารย์ทุกคนครบหมด และคะแนนพวกนี้มาจากคะแนนรวมทุกวิชาด้วยนะครับครับ” ผมหันมาตอบตรงหน้าเธอ มุมปากสวยๆ นั้นกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง

         “แต่ว่าภาคที่แล้ว อาจารย์ไปขอร้องอาจารย์ท่านอื่นๆ ให้เขาได้สอบ ทั้งที่เขาขาดบ่อยนะคะ” อาจารย์เปรมสินีพูดขึ้น เธอยืนกอดอกมองหน้าผม

         “ดังนั้นอาจารย์คงไม่โกรธนะคะถ้าปุ้มจะขอคัดค้านให้นายกันต์ธีร์ได้รับเกียรตินิยมอันดับสอง เพราะว่าเหตุผลมากมายที่ปุ้มทราบมาสำหรับเด็กคนนี้ อย่าให้ปุ้มต้องงัดออกมาเลยน่ะ อายเขาเปล่าๆ” ปุ้มพูด ผมหันไปมองหน้าเธอ ผมค่อยข้างตกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากคนที่ลูกศิษย์เรียกเธอว่าอาจารย์แบบนี้

        “ปุ้มว่าอาจารย์ไปทำเรื่องยกเลิกดีกว่านะคะ เด็กจะยังไม่เสียมากไปกว่านี้” ปุ้มพูด ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที ตอนนี้สายตาผมประสานกับสายตาของเธอ

        “แค่เขามาคลุกอยู่กับอาจารย์และดันมา… ท้องอีก…เป็นปุ้มคงไม่กล้าเดินเข้ามาหรอกค่ะ “อาจารย์เปรมสินีพูด

        “ผมอยากทราบว่าเด็กไปทำอะไรให้คุณ” ผมถามอาจารย์เปรมสินี จังหวะนั้นประตูถูกเปิดเข้ามาพอดีเพื่อขัดจังหวะผมสองคน

        “อุ้ย! ขอโทษนะคะ พอดีแพรวาไม่รู้ว่าอาจารย์มีแขกนะคะ” แพรวา เปิดประตูเข้ามา คงไม่แปลกเพราะว่าแพรวาเรียนการบัญชีกับอาจารย์เปรมสินี เธอมองผมกับอาจารย์เปรมสินีสลับกันไปมา

       “ผมขอตัวนะครับอาจารย์ ผมรีบครับ “ผมพูดตัดบทก่อนจะเดินออก ผมหันมาปิดประตูที่แพรวาเปิดค้างเอาไว้

       “อาจารย์ค่ะ ตกลงแพรวาได้เข้ารอบคัดเลือกเกียรตินิยมอันดับสองจริงๆใช่ไหมคะอาจารย์” เธอถามอาจารย์เปรมสินี ด้วยน้ำเสียงที่ดีใจมาก แต่ผมรู้สึกแทนบีมเลย ที่เขาควรจะได้เพราะว่าเขาตั้งใจแต่ดันไปให้คนที่ใช่เงินซื้อทุกอย่างแบบแพรวา ผมก็เดินปิดประตูลง บางครั้งการที่เป็นคนเถรตรงก็ไม่ได้จะช่วยให้ได้โอกาสดีดีกับใครเขาสักเท่าไหร่ นี้ผมคิดถูกแล้วใช่ไหมที่เลือกมาเป็นอาจารย์สอนในมหาลัย มากกว่าไปนั่งทำหน้าที่ผู้อำนวยการโรงเรียนของพ่อผมเองแต่นี่ผมยกให้พี่ชายไปหมดแล้วเพื่อให้หลานๆ ของผมได้ดูแล

       “ปีก” ผมรีบกุญแจรีโมทรถยนต์มากดปลดล๊อกรถเก๋งคันหรูของผมทันที

       “เจ๊กกันค่ะ” เสียงเล็กๆ ผมไม่ได้ยินบ่อยแต่ก็จำได้ดี แพรวานั้นเอง เธอวิ่งมาหาผม

       “ว่าไงแพรวา” ผมหันหน้ามาถามเธอ

       “แพรวาว่าจะถามเจ๊คกันตั้งแต่บนห้องแล้วค่ะ แต่เห็นเจ๊กกันกับดอกเตอร์เปรมสินีย์คุยกันด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดนะคะ “แพรวาพูดขึ้น

       “มีอะไรจะถามเจ๊กล่ะแพรวา” ผมถามแพรวา

       “เจ๊กกันได้คุยกับพี่เธียรไหมคะ แพรวาโทรหาเมื่อวันทั้งวัน และวันนี้ก็โทรแต่พี่เธียรไม่ยอมรับสายของแพรวาเลยค่ะ” ผมหันมามอง

       “เธียรมันติดเรียนหรือเปล่าแพรวาเพราะว่าเฮียของเจ๊ก ป๊าของเธียรเขา ยื่นคำขาดแล้วว่าต้องเรียนให้จบได้แล้ว” ผมพูดกับแพรวา

       “กลางคืนก็เรียนเหรอคะ แต่ถ้าบอกติดเรียนแพรวาว่ามันไม่น่าเชื่อสำหรับพี่เธียรสักเท่าไหร่นะคะ” แพรวาพูด ผมก็ยิ้มอ่อนๆ ให้เธอ

       “เจ๊กก็ได้คุยกับเธียรเมื่อวันก่อน เธียรเขาโทรมาบอกเจ็คว่า เฮียเกริกล๊อกไม่ให้เขาใช้บัตรกดเงินได้น่ะ” ผมพูดกับแพรวา

        “เหรอคะ” แพรวาถามผมเสียงอ่อยๆ

        “แพรวา เจ๊ครีบน่ะจะไปทำธุระ เราก็ลองโทรหาเขาอีกทีแล้วกันน่ะ เจ็กไปล่ะ “ผมหันมาพูดกับแพรวาก่อนจะเดินไปขึ้นรถอีกฝั่งด้านคนขับรถ

       “เจ๊กกันค่ะ “แพรวาเรียกผมไว้อีกครั้งหนึ่ง ผมหันหน้ามามองเธอว่ามีอะไรอีกอย่างนั้นหรือ

       “คือ บังเอิญว่าแพรวาได้ยินที่อาจารย์พูดกันนะคะว่า มีนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาเอกภาษาอังกฤษ ท้องเหรอคะ “แพรวาถามผม ผมหันมามองแพรวา ผมเองก็ยังไม่ได้พูดกับเธอเลยว่าอย่าเอาเรื่องแบบนี้ไปพูดเพราะว่ามันไม่สมควรอย่างยิ่ง

       “แถมเด็กคนนี้ยังชอบมาหาเจ๊กกันที่ห้องพักอาจารย์ มาช่วยงานเจ๊กกันบ่อยๆ ด้วยค่ะ อันนี้เขาพูดกันมานะคะ” แพรวาพูด ผมหันไปมองหน้าเธอ

      “แพรวาก็ไม่ได้อยากสนใจหรอกค่ะ แค่ได้ยินเขาพูดกันมาด้วยค่ะ และหวังว่าเด็กในท้องคนนั้นจะไม่ใช่ลูกของเจ๊กกันนะคะ” แพรวาพูด ผมหันมามองหน้าเธอ ผมเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากในตอนนี้เพราะคนที่เสียหายคือบีม

       “เจ๊กคิดว่าเราควรจะมาโฟกัสที่ความรู้สึกเขามากกว่าที่จะมาคิดว่าที่เขาพูดกันมันจริงหรือไม่จริงๆ ต่อให้เราไปพูดเป็นเรื่องจริงก็ตามแต่ถ้าเราทำร้ายจิตใครสักคนไปแล้ว มันยากจะทำให้กลับคืนนะแพรวา” ผมบอกแพรวา

       “และการที่เอาเรื่องคนอื่นไปพูด จะเหตุผลอะไรก็ตาม ก็ไม่สมควรอย่างยิ่งแพรวา อาม่าเขาไม่ชอบเรื่องนี้ ให้ใครสักคนพูดให้คนอื่นดูแย่ เราควรจะเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างนะแพรวา” ผมหันไปบอกเธอ เธอมองหน้าผมนิ่งที่ผมยกเอาม๊าของผมมา แพรวารู้ว่าเธียรวิชญ์รักอาม่าเขามากแต่ว่าม๊าผมกับแพรวานี่เรียกได้ว่าไม้เบื่อไม้เมากันเลย เธอยืนกำมัดแน่น

        “เจ๊กรีบจริงๆ เจ๊กไปก่อนนะแพรวา” ผมพูดและรีบชิ้งตัดบทขอตัวทันที ผมเองก็อยากให้เด็กคนนั้นน่ะเป็นลูกผมซะด้วยซ้ำ ผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ผมเห็นแพรวาหันไปคุยกับเพื่อนๆ ของเธอ ที่ยืนรอเธออยู่ห่าง ๆ ในบางครั้งเธอเหมือนคนที่ พูดโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเกินไป และความเห็นอกเห็นใจไม่มีเลยด้วยซ้ำ ผมพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะออกรถไปทันที พอผมขับรถออกมาได้สักพัก ก็มีสายโทรเข้ามาหาผม ผมกดรับสายผ่านบรูทูธทันที

        //สวัสดีครับ ผมรองศาสตราจารย์กันตภณครับ//

        //สวัสดีครับคุณกัน ผมอธิการบดีนะครับ//

       //ครับท่าน มีอะไรให้ผมช่วยครับ พอดีผมกำลังจะ…//

       //กำลังจะไปหาลูกศิษย์อาจารย์เหรอครับ// ผมไม่แปลกใจว่าทำไมท่านอธิการบดีถึงได้ทราบ ผมคิดว่าอาจารย์เปรมสินีคงไปรายงานซิน่ะ

       //ครับ ผมกำลังจะไปเยี่ยมลูกศิษย์ของผม เขาป่วย เขาต้องการให้ใครสักคนช่วยเขา ผมเป็นอาจารย์ ผมก็ยื่นมือเข้าไปช่วย มันถูกต้องอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ อธิการบดีครับ// ผมพูด

        //ผมไม่ได้จะโทรมาด้วยเรื่องนี้หรอกนะครับคุณกัน ผมพึ่งได้รับเอกสารจากเด็กของคุณกัน เขาขอดรอปการเรียน ดังนั้น เรื่องที่อาจารย์ขอเอาไว้ว่าให้ชื่อเขายังอยู่ในการคัดเลือกเกียรตินิยมคงต้องถอนออกไปได้เลยนะครับ กฎระเบียบต้องไม่ดรอปการเรียนนะครับ// อธิการบดีพูด ผมนิ่งไปในทันที บีมทำเรื่องดรอปเหรอ ก็เราคุยกันแล้วนิว่ามาเรียนได้เพราะว่าแค่เทอมเดียวเอง

       //ว่าไงครับคุณกัน// อธิการบดีถามผม

       //ผมเคยบอกคุณแล้วว่า อย่าเอาตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีของคุณมาแลกกับเด็กแบบนี้ คุณน่ะเก่งมากนะครับ ผมเสียดาย// อธิการบดีบอกผม ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที

       //ผมขอระงับชื่อเขาเอาไว้ก่อน ผมโทรมาแจ้งคุณกันเพียงแค่นี้ จะให้คนอื่นแจ้ง เขาก็เกรงว่าคุณกันจะคิดว่าพวกเขากลั่นแกล้งเด็กของคุณเอง // อธิการบดีพูด

     //ครับท่าน ผมจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้เอง ขอบคุณนะครับท่าน// ผมตอบไป ผมเสียดายและเสียใจ แต่ว่ามันคงเป็นทุกที่ซิน่ะระบบใต้โต๊ะ ที่ทำให้เพิ่มโอกาสในทุกช่องทาง อธิการบดีก็วางสายจากผมไปทันที มือผมจับพวงมาลัยรถเอาไว้แน่นเลย

       TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:51:14 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.13.1 ยังไม่ทันคลอดเลยลูกโซ่แผลงฤทธิ์

        Part’ s กันต์ธีย์ ผมนอนมองสายน้ำเกลือที่ห้อยอยู่ที่เสา สุดท้ายผมก็ต้องมานอนให้น้ำเกลือจนได้เพราะอาการอ่อนเพลียของผม ไม่รู้ว่าตอนที่แม่ตั้งท้องผมนั้น แม่จะเป็นหนักแบบนี้ไหม แพ้ท้องหนักแบบนี้ไหมน่ะ แต่ผมนี้ทรมานมากที่สุด ผมเอามือลูบท้องน้อยของผม ยี่สิบสัปดาห์แล้วน่ะ อดทนอีกหน่อยนะครับลูกโซ่

       “คนอะไรก็ไม่รู้หล่อและใจดีด้วยอ่ะ แต่ว่าเขาบอกว่าจะย้ายแล้วอ่ะ ย้ายไปไหนวะกูจะให้ขุ่นแม่ย้ายตามไป กูจะได้เจอพี่เขาอีก” มะนาวพูดถึงใครสักคน เขาบอกว่าเขาเป็นคนอุ้มผมและขับรถพาผมมาส่งโรงพยาบาลของหมอภีมปภพแทน ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ผมอ่อนเพลียมาก เพื่อนๆ ของผมหันมาเห็นผมก็พากันเดินมาที่เตียงนอนคนไข้ทันที

        “บีม ทานอะไรหน่อยไหมแก นี่ฉันซื้อของโปรดแกมาให้น่ะ” ผมหันไปมองของโปรดของผม นั้นคือบะหมี่ ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ผมมองบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง ที่ผมชอบมากแต่ว่าตอนนี้ผมเห็นเหมือนเป็นอะไรสักอย่างที่พาจะทำให้ผมรู้สึกคลื้นไส้อาเจียน

        “เฮ้ย! บีม นี้ของโปรดมึงน่ะ” มะนาวรีบหยิบชามบะหมี่ออกไปทันที เพราะว่าผมใช้มือปัดไปมากลิ่นกระเทียมมันทำให้ผมคลื่นไส้มากขึ้นไปอีก จนกระทั่ง ผมหันไปเห็นกล่องอาหารซีพีเข้า

        “พาสต้าไหมมึง แต่ปกติมึงบอกไม่ชอบทานน่ะ มึงชอบบะหมี่มากกว่า “ใบชาพูดแต่ผมพยักหน้าตอนนี้ท้องร้องมากเลย และใบชา เพื่อนผมคนนี้ มาจากทางเหนือ และสอบติดที่นี้ได้และมาอยู่หอกับพี่ชาย ที่ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพ พอใบชาเปิดกล่องออกมา มันน่ามแปลกที่ผมไม่รู้สึก ผอืดผอมเลยสักนิด ผมค่อยๆ ใช่ช้อนตักมาคำเล็กมากๆ ก่อนจะเปิดริมฝีปากเล็กๆ ของผม ชิมรสชาติก่อนและได้ผล ผมทานได้เฉยเลย

       “เฮ้ย! ปกติมึงไม่กินพาสต้าน่ะไอ้บีม” ฟิล์มมันรู้ดี เลยหันมาทำสีหน้าแปลกใจ ผมก็นั่งทานได้ปกติ

       “เคยได้ยินป่ะว่า คนท้องน่ะมักจะชอบทานอะไรที่แปลกแหวกแนวไปจากเดิมน่ะ เหมือนแม่ฉันนี่ตอนท้องฉันน่ะ แม่อยากกินมะนาวมาก หันมะนาวคลุกพริกกลัวกินเลยน่ะ ซึ่งปกติแม่ฉันไม่ชอบของเปรี้ยวเลย”

       “แม่มึงเลยให้ชื่อมะนาวว่างั้น”

       “โชคดีน่ะที่แม่มึงไม่ได้ชอบกินมะขวิดล่ะ"ใบชามันพูด สองคนนี้ขยันแขวะกันเองจริงๆ

       “ทำไมล่ะ” มะนาวถามกลับ

      “จะได้ตั้งชื่อแกว่ามะขวิดแทนมะนาวไง” เป็กซ์พูดแซว และนี้ก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้เล็ก ความสุขที่มีเพื่อนนั่งอยู่ด้วย

       “มะนาวดีใจน่ะที่บีมยิ้มได้ อย่าเครียดน่ะขุ่นแม่ของมะนาว สงสารหลานตัวน้อยๆ “มะนาวพูดพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้

       “เออ บีม มึงไปหาเจ้าหน้าที่ธุรการมาเหรอวะ เรื่องเรียนมึงอ่ะ เขาว่าไงบ้างวะ ที่มึงมาๆ หายๆ แบนี้” ฟิล์มถามผม

       “คือกูส่งใบรับรองแพทย์ไปให้เขาน่ะ เขาก็โทรมาหากูอ่ะกูขาดเยอะน่ะ แต่เขาก็บอกว่าอาจารย์กันตภณทำเรื่องขอกูไว้ กูเกรงใจเขาว่ะ เขาจะมาเสียเพราะกูเปล่าๆ” ผมพูด ผมรู้สึกผิดมาก

       “กูเลยบอกเขาว่าจะขอดรอปแล้วกัน เอาไว้มีโอกาสค่อยกลับมาเรียนใหม่” ผมพูดแต่ถ้าคลอดแล้วผมเองยังไม่รู้เลยจะมีโอกาสนั้นไหม เพราะว่าถ้าน้องตลอดมา ลูกก็ต้องเลี้ยงเองจะหาเวลาไปเรียนได้ไหม ไม่รู้เลย

        “มึงรู้ป่ะใบรับรองแพทย์นั้นน่ะ มันบอกว่ามึงท้องและแม่งเอาไปพูดกันและเพื่อนต่างห้องต่างคณะก็พากันมาถามพวกกูกันหมดเลยว่ะ” เป็กซ์พูด ผมหันไปมองเพื่อนๆ ของผม ทุกคนพยักหน้าพร้อมกันว่าจริง

        “ไอ้ฟิล์มมันก็ด่าส่วนไปเยอะแล้ววันนี้น่ะ ศัตรูบานเลยมึงไอ้ฟิล์มงานนี้ “เป็กซ์พูด ผมหันไปมองฟิล์ม ผมส่ายหัวไม่อยากให้ฟิล์มมีเรื่องเลย จะจบอยู่แล้ว

       “ก็มันเสือกเรื่องของมึงอ่ะและไม่ใช่ถามเพราะว่าเห็นใจน่ะ ถามแล้วพากันหัวเราะขำๆ ทั้งที่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาหัวเราะกันเลยน่ะมึง” ฟิล์มพูด

       “กูควรจะดรอปหรือว่ากูควรจะลาออกดีว่ะ กูทำอาจารย์เขาเสียไปด้วย” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะก้มลงมองพุงน้อยของผม เอามือลูบ

        “บีม มึงจะจบแล้วน่ะอีกไม่กี่ตัวเอง ทนหน่อยดิ” เป็กซ์พูด

       “น่ะบีมจะได้จบพร้อมกัน นี้กูเรียนรอมคงเลยน่ะ เทอมที่แล้วกูลงน้อยเพราะว่าอยากจบพร้อมมึงอ่ะ” ใบชาพูด ผมหันมามองเพื่อนๆ ของผม ผมยิ้มออกมาได้อีกครั้ง อย่างน้อยผมก็รู้ว่าเพื่อนคือสิ่งที่ดีที่สุดของผมในตอนนี้ ทุกคนเข้ามากอดผมกันหมด

        “อุ้ยย” ผมสะดุ้งทันที

       “บีม แกเจ็บท้องเหรอ “มะนาวถามผมเสียงหลงทันที

       “เจ็บอะไรล่ะ อายุครรภ์ไอ้บีมมันเพิ่งจะยี่สิบสัปดาห์เอง เขาต้องสี่สิบสัปดาห์โน่น ง้าวนะมึงน่ะ” ใบชาพูด

        “น้องดิ้นน่ะ “ผมพูดและก้มลงมอง ท้องไม่ใหญ่แต่หมอภีมบอกว่าน้องน้ำหนักตาเกณฑ์ทุกอย่างแถมแข็งแรงมากด้วย สังเกตจากการเริ่มถีบพุงผมเล่น

       “เตะเก่งเนอะ ส่งไปเรียนเตะฟุตบอลเลยไหมบีม” มะนาวพูด

       “รีบเสนอเชียวน่ะมึงมะนาว” ใบชาพูด

       “อามะนาวจะได้หาเรื่องไปนั่งดูนักเตะด้วยและดูแลหลานโซ่สุดหล่อของอามะนาวไปด้วย ฟินเชียว” มะนาวพูดปนหัวเราะ

        “อุ้ยย” ผมสะดุ้งอีกที ก่อนจะใช้มือลูบเบาๆ ผมสัมผัสได้ถึงสิ่งที่นูนๆ ไม่รู้ว่าก้นหรือเปล่าน่ะ แต่น่าจะก้นแหละเพราะถ้าเป็นหัวนี้แสดงว่าน้องกลับตัวพร้อมจะออกมาดูโลกแล้ว แต่ผมน่ะยังไงก็ไม่ได้คลอดธรรมชาติเหมือนผู้หญิงทั่วไปแน่ๆ ใช่ซิ ถ้าจะให้คลอดแบบนั้น น้องจะออกมาทางไหนกันล่ะ และจู่ๆ ประตูห้องพักที่ผมมาพักอยู่ก็ถูกเปิดออก อาจารย์กันตภณ เข้ามาพร้อมกับพี่หมอภีมปภพ ผมหันไปมองเพื่อนๆ ของผม

        “กูโทรบอกอาจารย์เองว่ามึงเข้าโรงพยาบาล อาจารย์เขาเป็นห่วงมึงมากนะบีม” ฟิล์มบอกผม ผมหันไปมองหน้ามัน ไม่อยากให้รบกวนอาจารย์ทุกเรื่อง ตอนนี้อาจารย์กันตภณเดินเข้ามาหาผมแล้ว

        “สวัสดีครับอาจารย์ “ “สวัสดีค่ะอาจารย์” เพื่อนๆ ของผมยกมือไหว้อาจารย์กันตภณ

        “ไงบีม ดูสีหน้าเราดีขึ้นน่ะ ดีขึ้นกว่าตอนที่เพื่อนๆ พาเรามาตอนแรกซะอีก พี่นี้ตกใจมากเลยน่ะ” พี่หมอภีมปภพพูด

         “พวกหนูก็ตกใจค่ะพี่หมอ ทำอะไรกันไม่ถูกเลย หน้ามันซี้ดมาก เหมือนมันคือแวมไพร์ทเลยค่ะพี่หมอ” มะนาวพูด ผมนี้อยากหาอะไรปาใส่มันจริงๆ เลย

        “แล้วมาโรงพยาบาลกันยังไงล่ะ” อาจารย์กันตภณถาม ผมเองก็ไม่รู้ว่ามายังไงแต่ตอนที่หมดสติไป ผมยังพอมีสติบ้างไม่มีบ้าง ผมรู้ว่ามีคนอุ้มผมวิ่ง ผมรับรู้ได้แต่ไม่เห็นคนที่อุ้มผม

        “พอดีผมไปเจอพี่รูปหล่อเครื่องแบบตำรวจนะครับ ผมเลยบอกพี่เขา พี่เขาก็วิ่งไปอุ้มไอ้บีมและยังขับรถมาส่งอีก ใจดีมากครับอาจารย์ งานก็ดี จนอยากตามพี่เขาไปเลย” ใบชาพูด ผมหันไปมองหน้า พวกฟิล์มและเป็กซ์มันมองใส่ทันที อาจารย์กันตภณพยักหน้า

         “อาเจียนเยอะจนเป็นลมเลยเหรอบีม” อาจารย์กันตภณถามผม

         “แต่นี้ก็ดีขึ้นแล้วน่ะ” พี่หมอภีมปภพพูด ผมพยักหน้าว่าใช่

        “ดีขึ้นเพราะว่ามันได้กินพาสต้าไปหมดกล่องเลยครับพี่หมอ มันเลยดีขึ้นนะครับ” เป็กซ์รีบหันไปรายงานพี่หมอภีมปภพทันที

         “แม้ชอบอาหารไฮโซซะด้วยน่ะหลานพวกผมน่ะครับพี่หมอ ข้าวธรรมดาไม่ยอมกิน” ใบชาพูดเสริมอีกคน

         “เหมือนหลานชายพี่กันเขาเลยเขาชอบกินแต่พาสต้า” พี่หมอภีมพูดถึงหลานชายอากันตภณ

         “ตอนนั้นที่นายพาไปรอรับกลับที่ไปเรียนพิเศษไง และมันเที่ยงแล้ว กันบอกจะไปหาอะไรทานก่อน และหลานชายตัวดีของเจ็กกันไม่ยอมจะกินแต่พาสต้าให้ได้ ต้องไปตระเวนหากันน่ะ ตอนนั้นหลายชายนายเพิ่งจะสิบห้าสิบหกได้ จำได้ป่ะ เดินหากันจนผ่านไปหลายชั่วโมงเลย หิวตาลายเลยอ่ะ “พี่หมอภีมปภพหันมาพูดกับอาจารย์กันตภณ ผมก็นึกว่าอาจารย์กันตภณชอบซะอีก เพราะว่าอาจารย์เขาทำพาสต้าวันนั้นอร่อยมาก

         “ทุกวันนี้มันก็ยังกินแต่พาสต้าน่ะ เฮียเกริกเนี๊ยะ! บ่นทุกวันเพราะว่าอยากให้ทานอาหารไทยปกติ เหมือนคนอื่นๆ ทานในบ้านน่ะ” อาจารย์กันตภณพูดขึ้นก่อนจะเดินมาหาผม

         “และนี่กูนี่แหละต้องเป็นคนทำให้ทานเอง ป๊ากับม๊าบ่นกูเลย” อาจารย์กันตภณขอกพี่หมอภีม

          “เอาไว้พี่ทำมาให้ทานอีกแล้วกันบีมน่ะเพราะว่าทำให้วันก่อนเห็นทานหมดเกลี้ยงเลยนิ” อาจารย์กันตภณพูดกับผม ผมยิ้มๆ ให้ พี่หมอภีมปภพทำสีหน้าแปลกใจ

          “นี้ทำให้ทานด้วยเหรอ” หมอภีมถามขึ้น ก่อนจะหันไปมองหน้าอาจารย์กันตภณ

         “ทำซิ ทำเองด้วย” อาจารย์กันตภณพูด พี่หมอภีมพยักหน้า

          “อาจารย์กันตภณนี้ เก่งมาเรื่องพาสต้าน่ะ ทำอร่อยมากเลย พี่นี่ฟันธงเลย” หมอภีมพูด ผมพยักหน้าว่าจริงๆ

         “ไม่เป็นไรครับผมเกรงใจพี่กันช่วงนี้งานพี่กันน่าจะเยอะเพราะว่าต้องส่งผลสอบแล้วมั้งครับ” ผมพูด

         “ตอนมาถึงได้สั่งเจาะเลือดเอาไว้ ธาตุเหล็กยังต่ำอยู่น่ะ พรุ่งนี้ก่อนจะกลับ พี่จะให้เขาเติมธาตุเหล็กให้ก่อนน่ะบีม ใช้เวลาแค่สามสิบนาทีเท่านั้นบีมและบีมก็กลับบ้านได้เลย กลับไปก็พักสักสองสามวันน่ะ อย่าพึ่งไปเรียนเลยน่ะ “พี่หมอภีมพูดกับผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ อาจารย์กันตภณ หันมามองผม เขาใช่ฝ่ามือลูบหัวผมเบาๆ ผมดูจากสายตาเหมือนกับว่าอาจารย์มีเรื่องมาเลย

         “งั้นขอพี่หมอไปดูคนไข้ห้องอื่นก่อนนะครับ เพราะว่าเดี๋ยวคนไข้คนอื่นๆ ของพี่หมอ จะน้อยใจเอาและห้องนี้คงมีคนรอทำหน้าที่แทนหมอแล้วแหละ “พี่หมอภีมพูด ผมพยักหน้า

          “งั้นพวกเราขอลงไปหาอะไรทานกันก่อนนะครับอาจารย์ คือไม่อยากเป็น กขคง เอกอารสอวอ” มะนาวพูด

         “นั้นมันแป้นพิมพ์ดีด!!!” เพื่อนๆ ของผม

         “ถ้าพูดธรรมดาจะขำกันเหรอ คิกๆ” มะนาวพูดและหัวเราะด้วย แต่ก็จริงนะ มีคนยืนแอบขำแต่ก็กลัวภาพคุณหมอหลุด แต่ก็แอบขำ จนอาจารย์กันตภณหันไปมองนั่นแหละ

         “พี่หมอไปก่อนนะครับ” พี่หมอภีมปภพพูดและเดินออกไปจากห้องพักของผม

         “จ้าแม่ตลกบริโภค “ใบชาพูดแซวมะนาว

        “รีบลงไปเดี๋ยวไม่ได้บริโภค มึงจะตลกไม่ออกเพราะว่าร้องหิว หิว หิว” ใบชาพูด

        “และอีแบบนี้มักได้บริโภคตัวตลกซะก่อนไม่ใช่บริโภคพระเอก” เป็กซ์พูด ทำให้มะนาวหันไปค้อนใส่ทันทีและทุกคนก็พากันเดินออกจากห้องคนไข้ไป เหลือไว้แค่ผมกับอาจารย์กันตภณ ผมเงยหน้ามองหน้าอาจารย์ สีหน้าอาจารย์ดูกังวลแปลกๆ

       “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับอาจารย์ “ผมถามอาจารย์กันตภณ

       “เออ ไม่มีครับ” อาจารย์กันตภณตอบผมแต่ว่าสีหน้าน่ะเห็นได้ชัดว่ามี

        “บอกผมเถอะครับ และผมเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนในคณะรู้แล้วว่าทำไมผมถึงได้ไปเรียนบ้างไม่ไปเรียนบ้าง เพราะว่าผมท้อง ใช่ไหมครับ” ผมพูดก่อนจะหันมามองอาจารย์กันตภพ

        “ที่จริงพี่ยื่นเสนอคณะกรรมการให้เราได้เข้ารับเลือกรับปริญญาบัตรเกียรตินิยมอันดับสองน่ะ พี่ยังคงยืนยันคำเดิมว่าบีมสมควรจะได้มัน เพราะว่าเราเรียนเก่งมากและเราตั้งใจมาตลอด” อาจารย์กันตภณพูด ผมเงยหน้ามองหน้าอาจารย์

        “แต่ตอนนี้ พี่ขอโทษที่พี่…” อาจารย์พูดเหมือนจะไม่กล้าบอกผมยังไงก็ไม่รู้

         “ไม่เป็นไรพี่กันและมันไม่ใช่ความผิดของพี่กันเลย” ผมพูด

         “พี่ต้องบอกให้เขายกเลิกเพราะว่าบีมจะได้ไม่โดนเขาทำร้ายจิตใจมากไปกว่านี้” อาจารย์กันตภณพูด ผมบอกว่าไม่เป็นแต่ว่าน้ำใสๆ มันก็ไหลรินออกมาเฉยเลย ก็ผมยายามตั้งใจเรียนมาตลอด

         “หมับ” อาจารย์เขากอดผมพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ เพื่อปลอบโยน

         “พี่ได้คุยกับอาจารย์ที่ดูแลกฎระเบียบน่ะ เขาบอกว่า นักศึกษาที่ตั้งครรภ์ เขาอนุโลมให้ไปเข้าเรียนได้น่ะสำหรับคนที่อยู่ปีท้ายๆ พี่จึงบอกให้เรากลับไปเรียนให้จบ พี่อยากเห็นเราเรียนจบพร้อมเพื่อนๆ “อาจารย์กันตภณบอกผม เขาอยากให้ผมเรียนจบพร้อมเพื่อนๆ ของผม

         “พี่ว่าผมควรจะกลับไปเรียนไหมครับตอนนี้ ผมรู้สึกแย่” ผมพูด อาจารย์กันตภมองผม

         “อธิการบดีโทรมาบอกพี่ว่า เราไปยื่นเรื่องขอดรอปเอาไว้และนี่จะเป็นเหตุที่เขาให้พี่ตัดชื่อเราออกไปจากการคัดเลือกบีม” อาจารย์กันตภณบอกผม

         “ว่าถ้ามันทำให้ใครหลายคนไม่พอใจและคนที่เดือดร้อนคือพี่ ผมไม่เอาก็ได้ครับ ผมอยู่ได้ถ้าไม่มีสิ่งนั้น ผมว่ามันก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมได้หรอก ถ้าผมจบไปสมัครงานและไม่มีเส้นมีสาย งานดีดีเงินดีดีก็หายากอยู่ดี” ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

         “แต่พี่ไม่อยากให้เราดรอป พี่อยากให้เราไปเรียนเถอะจะได้จบพร้อมกับเพื่อนๆ และพอจบน้องก็คลอดพอดี “อาจารย์กันตภณบอกผม ตอนนี้อายุครรภ์ของผมยี่สิบสัปดาห์ ก็อีกประมาณสิบแปดสัปดาห์ ผมก็คลอดน้องแล้วแต่กว่าจะคลอดผมต้องเดินผ่านทุกสายตาที่มองมาที่ผม ผมจะทนได้หรือไม่ ผมเองก็รู้ว่าอนาคตไม่ใช่แค่ของผมแล้วมันรวมไปถึงอนาคตเจ้าลูกโซ่ของผมด้วย อย่างน้อยวุฒิปริญญาตรีก็น่าจะพอหางานทำเลี้ยงลูกได้ ผมพยักหน้ากับอาจารย์กันตภณว่าผมจะเรียนต่อให้จบ

         “พรุ่งนี้พี่จะทำเรื่องระงับการดรอปของเราไว้ก่อน ส่วนบางวิชาที่เราขาด จะให้พี่ไปช่วยคุยให้ก็ได้น่ะพี่ยินดี “อาจารย์กันตภณบอกกับผม

        “ผมไม่รู้จะขอบคุณพี่ยังไงได้เพียงพอกับสิ่งที่พี่ทำให้ผม “ผมพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์กันตภณ อาจารย์เขาก็มองผมเช่นกัน

        “แค่มอบสิ่งนี้" อาจารย์กันตภณชี้ไปที่ตรงอกด้านซ้ายของผม         " ให้พี่ดูแลแทนได้ไหมครับ การที่พี่ทำให้เราทุกอย่างแบบนี้ นั้นแปลว่าพี่คนนี้พร้อมจะดูแลบีมและบีมน้อยๆ อย่างดี” อาจารย์กันตภณพูด ผมก็มองอาจารย์ และจู่ๆ อาจารย์เขาก็ก้มลงและหอมที่หน้าผากผมเบาๆ ผมนี้หลับตาปรี๋เลย

        "อึก อึก อึก" และผมกลับต้องดันอาจารย์กันตภณออกจากตัวผมทันที เพราะว่า ผมกับรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนขึ้นมาหน้าตาเฉย จนอาจารย์กันตภณต้องดมเสื้อผ้าตัวเอง

        "ผมขอโทษครับพี่กัน ผมขอถาดใส่สำหรับอาเจียนหน่อยครับ" ผมพูดและอาจารย์กันตภณก็ส่งถาดที่ลักษณะคลายเม็ดถัวมาให้ผม ผมก็ก้มหน้าก้มตาอาเจียน ผมนี้อายอาจารย์เขาที่สุดและพอผมหยุดอาเจียน อาจาย์กันตภพก็เดินเข้ามาใกล้ผมอีก คราวนี้ผมก็ผอืดผอมอีกครั้ง จนอาจารย์เขาต้องออกไปยืนถอยไปห่างผมนั่นแหละผมถึงได้หยุด

        "สงสัยน้ำหอมพี่แน่ๆ เลยบีม “อาจารย์กันตภณพูดพร้อมกับทำหน้าอย่างคนที่รู้สึกผิด

          "ผมขอโทษนะครับพี่กัน" ผมพูดเบาๆ และอาจารย์เขาก็ต้องถอยไปนั่งไกลๆ จากผมหน่อย ผมก้มลงเอามือลูบท้องน้อย มองลูกชาย นี้ร้ายไปนะแกล้งมี้แบบนี้ได้ยังไง ผมแอบต่อว่าลูกโซ่ในใจ (ที่ผมแทนว่ามี้ มาจากมามี้ คือว่าผมไม่กล้าให้ลูกเรียกว่าแม่เต็มปาก ผมกลัวว่าเขาจะถูกมองไม่ดี ถ้าเขาโตขึ้นและอาจจะโดนเพื่อนล้อเอาอีกว่าแม่เป็นผู้ชาย)

          “งั้นพี่นั่งห่างออกมาหน่อยแล้วกัน พี่จะรอจนกว่าเพื่อนของบีมจะมาน่ะ” อาจารย์กันตภพอบอกผม ผมรู้สึกผิดจริงๆ อาจารย์ก็นั่งเป็นเพื่อนผมจนเพื่อนๆ ของผมกลับมา พอทุกคนเข้ามาในห้องได้ก็มองผมกับอาจารย์ที่นั่งกันอยู่คนละมุมเลย

         “อาจารย์ค่ะ ทำไมนั่งห่างเหินกับไอ้บีมจังเลยละคะ” มะนาวถามอาจารย์กันตภณ

         “นั้นซิครับอาจารย์ นี้เพื่อนผมทำอาจารย์ไม่กล้าเข้าใกล้เลยเหรอครับ” ไอ้เป็กซ์มันถามอาจารย์ กันตภณ

         “ไม่ใช่ครับแต่พี่ไม่อยากทำให้บีมแพ้ท้องหนักขึ้นกว่าเดิมน่ะ พี่เลยคิดว่านั่งห่างๆ ตรงนี้ก็ได้” อาจารย์กันตภณพูด ทุกคนหันมามองหน้าผมกันหมด

        “บีมลูกมึงเลือกพ่อกูเข้าใจแต่พ่อประเสริฐแสนดีแบบอาจารย์กันตภณขนาดนี้ ทำไมลูกมึงไม่เลือกเขาเข้าไปว่ะ” ไอ้ฟิล์มมันกระซิบกับผม ผมเงยหน้ามองหน้ามัน

     “ก็ลูกกูยังอยู่ในท้องกูนี่ แล้วกูจะไปสอนยังไง ต้องรอออกมาก่อนนั่นแหละถึงจะสอนได้ ว่าพ่อแบบไหนที่ลูกกูควรจะมี” ผมพูดกระซิบกับบีม

         “แล้วทำไมอาจารย์กันเขาเข้าใกล้มึงไม่ได้อ่ะบีม” ใบชากระซิบถามผม

         “ไม่รู้ว่ะ “ผมพูด “มันเกิดอาการคลื่นไส้ทุกครั้งเลยไง “ผมพูดกับเพื่อนๆ ของผม เห็นอาจารย์เขากำลังตรวจงานผ่านไอแพตเครื่งจิ่วของเขาอยู่

         "เฮ้ยพี่หมอภีมปภพกลับมา” มะนาวพูด พี่หมอเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะมองอาจารย์กันตภณ

         “พี่หมอภีมมา มึงลองดูน่ะถ้าพี่หมอภีมเข้าใกล้มึงได้แสดงว่าลูกมึงอ่ะ ไม่อยากเป็นลูกอาจารย์กันวะ” “ใบชาบอกผม ผมหันไปมองพี่หมอภีมกับอาจารย์กัน ผมหันมามองเพื่อนๆ แต่ล่ะคนพยักหน้าพร้อมกัน

           “พี่หมอภีมครับ ไอ้บีมนะครับ มันรู้สึกไม่ค่อยดีที่ท้องมันะครับ” พี่หมอภีมหันมองหน้าผม เขาเดินเข้ามาหาผมทันที

           “มันบอกว่าปวดท้องนะคะ ไม่รู้เจ็บท้องหรือเปล่า” มะนาวพูด พี่เข้ามาหาผมเดินเข้ามายืนชิดติดขอบเตียง พี่หมอเขาก้มลงเพื่อจะคลำท้องผม ก้มลงมาใกล้ชิด ผมหันไปมองพื่อนที่พยักหน้ากับผม ผมก็ยื่นจมูกไป ผมสูดลมหายใจเข้า ดูซิว่าผมจะออกอาการเหมือนตอนอาจารย์กันตภณไหม พี่หมอภีมหันมาพอดี คงเห็นผมทำจมูกฟุตฟิต เลยยืดตัวขึ้นและก็หันมาดมเสื้อคุณหมอเอง

           “พี่มีกลิ่นแปลกๆ เหรอบีม เสื้อพี่เหม็นเหรอ” พี่หมอภีมถาม นั้นไง งานเข้าเลยผม พี่เขาก็ดมหากลิ่นตัวเองใหญ่

           “ไม่มีครับพี่หมอ” ผมพูดและทำท่าเขินด้วย

           “แล้ว?” พี่หมอภีมถามผมและหันไปมองเพื่อนๆ ของผมทุกคน

            “คือพวกผมอยากให้บีมมันพิสูจน์นะครับ ว่าถ้าพี่หมอเข้าใกล้มันจะออกอาการแพ้เหมือนตอนอาจารย์กันตภณไหมนะครับ” ไอ้ฟิล์มพูด

            “อ้อ!” พี่หมอภีมร้องอ้อทันทีและหันไปมองพี่กันตภณแทน

            “สงสัย พี่กันเขาได้สิทธิ์ที่ เขาเรียกว่าอาการเหม็นสามี ได้กลิ่นสามีไม่ได้ แพ้คลื่นไส้อาเจียน “พี่หมอภีมพูด พวกผมร้องอ้อทันที ผมเงยหน้ามองพี่หมอภีม แต่อาจารย์กันตภณเขาไม่ใช่สามีผมนะเอาจริงๆ

           “มีด้วยเหรออาการแบบนี้” อาจารย์กันตภณถามพี่หมอภีม

           “มีซิ มีคนไข้หลายคนเป็นแบบนี้น่ะ ทีมีอาการเหม็นแฟน เหม็นสามี แต่พอคลอดก็หายไปเอง” พี่หมอภีมพูด พวกผมพยักหน้าพร้อมๆ กัน นี่คงทำให้อาจารย์กันตภณคลายกังวลเรื่องของผมไปได้มาก อาจารย์เขาก็อยู่พักหนึ่งก่อนจะขอตัวกลับเพราะว่าต้องไปดูแลม๊าของพี่เขา ผมก็ว่าดีน่ะพรุ่งนี้วันหยุดเพื่อนว่าอาจารย์เขาอยากพาม๊าไปพักผ่อนที่ไหนบ้าง

TBC….

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:52:10 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.14 เจ๊กกันขู่เธียรวิชย์ให้รีบกลับมาได้แล้ว

      Part’ s อาจารย์กันตภณ ผมได้ไปสืบมาหลายอย่างเกี่ยวกับแพรวา ผมเริ่มเห็นอะไรทีผิดปกติทีเกรดของเธอ มันถูกแก้ไข ทั้งที่เกรดนี้ออกไปแล้วจะแก้ไขไม่ได้ นั้นแปลว่ามีอาจารย์หลายคนที่ ร่วมมือกับอาจารย์เปรมสินีย์ทำเรื่องทุจริต ผมไม่รู้ว่าเธอได้ค่าตอบแทนสูงหรือว่าเธอไม่ชอบกันต์ธีร์กันแน่

      “สวัสดีครับ อาจารย์กัน” ผมเดินเข้าไปในห้องอธิการบดี ผมแจ้งว่าผมจะขอคัดค้านการเสนอชื่อของแพรวาเช่นกันและผมยังยืนยันว่าบีมเขาควรจะเกียรตินิยมเช่นเดิมเพราะว่าคะแนนการสอบ เกรดเฉลี่ยของเขาถึงและมันก็นำหน้าแพรวาอีกด้วย

      “อาจารย์ครับ อาจารย์ยังไม่เข้าใจที่ผมพูดเหรอครับ ว่าเด็กของอาจารย์น่ะ ไม่จำเป็นหรอกครับสำหรับเกียรตินิยม ผมว่าไม่ต้องได้เขาก็มีงานทำแค่อาจารย์จ้างเขาไปทำงานเป็นธุรการในโรงเรียนของพี่ชายอาจารย์เองก็ได้มั้งครับ ธุรการน่ะไม่ต้องใช้เกียรตินิยมหรอกครับ” อธิการบดีพูดกับผม เขาพยายามหลบสายตาอยู่ตลอดเช่นกัน ผมสังเกตุว่าเขากำลังกังวล เหมือนเขาต้องทำแบบนี้เพราะมีคนสั่งให้เขาทำมากกว่า

   “แล้วใครที่ต้องการเหรอครับท่าน” ผมถามท่านกลับ

   “ลูกสาวคุณธรรมรัตน์ รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงการต่างประเทศอย่างนั้นเหรอครับ ทั้งที่เธอเรียนไม่เก่งแถมเกรดเฉลี่ยเธอก็ได้มาแบบงงๆ กันแบบนี้เหรอครับท่าน” ผมถามท่าน จังหวะนั้นประตูเปิดเข้ามาในห้องทำงานท่านพอดี

   “ดิฉันได้ยินว่าท่านอธิการบดีเรียกมาฟังคำคัดค้านที่อาจารย์กันตภณไม่เห็นด้วยที่จะให้แพรวาได้ “อาจารย์เปรมสินีย์พูดเธอหันมามองหน้าผม

   “ความรักนี่ทำให้อาจารย์ตาบอดไปนะคะ” อาจารย์เปรมสินีย์พูด

   “ทิ้งภรรยาเก่ามาเพื่อสิ่งนี้หรือเปล่าคะ” อาจารย์เปรมสินีถามผม ผมหันไปมองหน้าเธอ เธอรู้ได้อย่างไรว่าผมเคยแต่งงานมาก่อน

   “คุณทราบได้ยังไง” ผมถามเธอ

   “ผมเคยเล่าให้เธอฟัง ผมขอโทษน่ะ ที่เล่าไปโดยไม่ได้ขอคุณน่ะ อาจารย์กัน” อธิการบดีพูด ผมหันมามองหน้าเธฮอีกครั้ง

   “แต่ผมยังยืนยันที่จะให้บีมเขาได้รับเกียรตินิยมอันดับสอง” ผมหันไปบอกอธิการบดี

   “งั้นคุณก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันเพื่อจะได้หักล้างกับที่อาจารย์เปรมสินีเป็นคนตั้งเอาไว้ว่าทำไมเด็กคุณถึงไม่ควรจะได้” อธิการบดีพูด

   “คุณก็เช่นกันอาจารย์เปรมสินี หาหลักฐานมาเพื่อจะได้ยืนยันได้ว่าสิ่งที่คุณเอามานั้นมันจริงๆ ยังมีเวลาน่ะเพราะว่าเด็กรับปริญญาปีหน้า ผมจะรอน่ะ” อธิการบดีพูด อาจารย์เปรมสินีย์มองหน้าผม

   “และถ้าดิฉันหามาได้ อาจารย์เขาจะโดนอะไรบ้างเหรอคะ ถ้าหลักฐานทุกอย่างมันเป็นเท็จที่เขาได้นำมายืนกับทางมหาวิทยาลัย” อาจารย์เปรมสินีย์ถามขึ้น ผมหันไปยิ้มกับเธอ นี้เธอคงอยากได้รองอาจารย์ภาคจากผมซิน่ะ

   “ผมจะลาออก” ผมพูด

   “อาจารย์ อาจารย์แน่ใจแล้วเหรอที่จะเอาตำแหน่งของอาจารย์มาเพื่อเด็กคนนี้” อธิการบดีพูด ผมหันไปมองหน้าเขา

   “น้องผมคงไม่ต้องอยู่จนต้องบีบให้ออกหรอกมั้งครับ” ผมหันไปมองคนทีเดินเข้ามา เฮียเกริก ผมไม่รู้ว่าเฮียมาได้ยังไง เฮียมองอธิการบดีที่เป็นรุ่นพี่ของเฮียเกริก

   “สวัสดีเกริก มาไม่บอกล่วงหน้ากันเลย” อธิการบดีพูด เขาพยักหน้าไล่อาจารย์เปรมสินีย์ออกไปก่อน

   “อั๊วะจะให้น้องชายของอั๊วะลาออกเลยก็ได้น่ะ ทั้งที่เขาพยายามทำหน้าที่อาจารย์เต็มที่แล้วแบบนี้ นายยังจะบีมน้องอั๊วะให้ออกอีกเหรอ “เฮียเกริกพูด ผมรีบเข้าไปว่าจับแขนเฮียเกริก ผมสั่นหัวไปมา

   “ลื้ออยากให้น้องชายอั๊วะมาช่วยงานเพราะเขาเก่งแล้วนี่อะไร ลื้อจะว่ายังไง “เฮียเกริกพูด

   “อั๊วะแค่ไม่อยากให้น้องชายลื้อเอาตำแหน่งมาปกป้องเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ “อธิการบดีพูด

   “เฮีย!!” ผมจับแขน

   “ลื้อใจเย็นๆ ก่อนเกริก อั๊วะนะ จะทำให้เป็นกลางที่สุด ดังนั้น อั๊วะขอเวลาสักหน่อยน่ะ “อธิการบดีพูด

   “อั๊วะต้องไปทำธุระด่วนที่กระทรวง ขอตัวก่อนน่ะ เอาไว้เราคุยเรื่องนี้กันวันที่ออกรอบได้ไหมเกริก อั๊วะขอล่ะ นี้มหาวิทยาลัยเกริก “อธิการบดีพูด เขาเดินมาจับไหล่พี่ชายคนโตของผม เฮียเกริกมองหน้าผม ก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงาน

   “เฮียมาทำไม” ผมถามเฮียเกริก

   “มาช่วยเราไง ตอนมันอยากได้ มันขออั๊วะแทบจะกราบอั๊วะ” เฮียเกริกพูด

   “เอาจริงๆ เฮียจะให้ผมออกเพื่ออะไร” ผมถามเฮีย

   “ก็ไอ้หลานชายเราน่ะมันไม่ยอมเรียนให้จบตามกำหนด ดังนั้นเราต้องลาออกจากที่นี้และไปดูสาขาที่เฮียจะยกให้แต่ถ้าลื้อออกไป เฮียจะไม่ยกอะไรให้เธียรทั้งนั้น ในเมื่อเธียรไม่ได้ชอบก็คืนให้เราไป กัน” เฮียเกริกพูด ผมหันมามองหน้า

   “เฮีย ผม ก็ไม่อยากได้” ผมพูด

   “ของป๊า นายไม่อยากได้อย่างนั้นหรือ ป๊าจะเสียใจไหม นายคิดดู “เฮียเกริกพูด ผมพ่นลมหายใจออกมา

   “อย่างน้อย นายไปดูแลและให้เธียรมันไปเป็นลูกจ้างก็ยังดี ถ้าเธียรไม่ได้ชอบบริหารงานจริงๆ ก็ไปเป็นลูกจ้างแทนเลย เพื่อเธียรจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น กัน! “เฮียเกริกพูด ผมมองเฮียเกริก

   “ผมขอเวลาคิดก่อน ผมขอจัดการทุกอย่างตรงนี้ก่อนนะเฮีย ผมขอล่ะ” ผมพูด เฮียเกริกพยักหน้า ก่อนจะเดินลงตึกไป ผมหันไปมอง นักศึกษาที่เดินผ่านไปมา ผมนัดบีมเอาไว้ที่ห้างสรรพสินค้าว่าจะไปซื้อของใช้เด็กอ่อนด้วยกัน ผมเดินกลับไปที่ห้องพักอาจารย์ ผมเดินไปหยุดที่บอร์ดที่เหล่าอาจารย์ยืนอ่านอยู่

   “อาจารย์กันยังไม่เห็นใช่ไหมคะ” อาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งถามผม ผมสั่นหัวไปมา ผมเดินแทรกเข้าไปอ่าน มันเป็นหนังสือแจ้งว่าผมถูกปลดออกจากคณะกรรมการที่จะตัดสินนักศึกษาที่จะได้รับเกียรตินิยม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

   “อาจารย์ ไปทำอะไรให้เธอโกรธอาจารย์ขนาดนี้เหรอคะ “อาจารย์ผู้หญิงคนนั้นพูด ผมมามองหน้าเธอ ผมไม่ได้พูดอะไร ผมเดินไปที่โต๊ะอาจารย์เปรมสินีย์ทันที

   “อาจารย์คิดว่าทำแบบนี้แล้ว ลูกศิษย์ที่อาจารย์ช่วยเขาในทางที่ผิดจะได้เหรอครับ “ผมถามอาจารย์เปรมสินีย์

   “ดิฉันนี่เหรอคะที่ช่วยแพรวาในทางที่ผิด” เธอถามผมยิ้มๆ

   “แพรวาน่ะมีความสามารถแค่เรียนจบแต่ไม่ได้ถึงเกียรตินิยม ถ้าเธอได้ไป เวลาเธอไปทำงาน คนจะมองเธอว่ายังไงถ้าความสามารถของเธอมันขัดกัน อาจารย์คิดถึงตรงนี้บ้างไหมนี่มันคือการทำร้ายเธอทางอ้อมชัดๆ” ผมถามเธอ

   “ดิฉันคิดมาดีแล้วค่ะอาจารย์ อาจารย์ไม่ต้องมาเป็นห่วงลูกศิษย์ของดิฉันหรอกค่ะ ไปเป็นห่วงลูกศิษย์อาจารย์ดีกว่าไหมคะ ท้องโย่มากแล้วนะคะ เดินไปไหนมาไหนใครก็หัวเราะกัน ไปดูแลตรงนี้ดีกว่านะคะ” อาจารย์เปรมสินีย์พูด เธอลุกขึ้นยืน

   “หวังว่าลูกศิษย์อาจารย์คงไม่ทำให้อาจารย์ต้องทิ้งตำแหน่งและความสามารถเพราะว่าเขาหรอกนะคะ ถ้าเป็นเช่นนั้น ถ้าดิฉันเป็นเขาก็คงทนไม่ได้เหมือนกันที่จะทำร้ายใครสักคนที่เขารัก คงเป็นบ้า” อาจารย์เปรมสินีย์พูด

   “ผมน่ะไม่ได้จะหาแค่เหตุผลว่าทำไมกันต์ธีร์ถึงไม่ควรได้สิ่งที่เขาควรจะได้อย่างเดียวนะครับอาจารย์ ผมกำลังตามหาคนที่คิดร้ายกับนักศึกษา ผมคิดว่ามีหลายคนซะด้วยซิครับทีเป็นเหยื่อ และกันต์ธีร์เขาคือกุญแจในการไขเรื่องนี้ด้วย  “ผมพูด อาจารย์เปรมสินีย์เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมทันที เธอกำลังกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ

   “ดังนั้น ถ้าคุณยังทำอะไรกันต์ธีร์อีก อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะครับ ถ้าคุณยอมแลกกับหน้าที่การงานที่คุณอุตส่าห์ได้มาแบบผิดๆเช่นกัน ผมก็พร้อมน่ะจะแลกกับตำแหน่งผมเช่นกัน คุณน่าจะรู้น่ะว่าใครกันที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด” ผมพูดเธอมองหน้าผม เธอพยายามเก็บอาการแต่ผมก็ยังสังเกตเห็นว่าเธอใช้มือกำกระโปรงของเธอแน่น ผมเดินหันหลังออกทันที ผมควรจะทำเรื่องไหนก่อนดี ผมคิดว่าเรื่องเธียรวิชญ์ก่อนเลย หลานตัวแสบ ไม่ยอมกลับมาซะที อุตสาห์บอกว่าให้ตั้งใจเรียนจะได้มาดูแลที่อากงปูทางเอาไว้ให้เพราะว่าผมไม่อยากทิ้งความรู้และความสามารถของผมไป ผมเลยต้องหยิบเอามือถือผมขึ้นมาและกดโทรหาเธียรวิชย์ทันที

   //ฮัลโหลเจ๊ก” เธียรวิชย์รับสายผม ผมเหลือบมองเวลานี่มันน่ะสว่างแล้วน่ะทำไมน้ำเสียงยังเหมือนพึ่งตื่นนอนอยู่เลย //

   //เธียร นี่เราเรียนยังไง ถึงยังไม่จบสักที!!// ผมถามหลานชายคนเล็ก ผมกับเธียนวิชญ์นี้โตมาด้วย ผมเป็นอาที่อายุใกล้เคียงกับหลายชายคนโตห่างกันไม่ถึงรอบและม๊าผมก็เลี้ยงเธียรวิชย์มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งผมก็ไม่ได้โตมากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ของผมกับเธียรวิชญ์ค่อนข้างแน่นมาก

   //เจ๊ก โทรมาบ่นต่อจากป๊าเลยเนี๊ยะ!!// เธียรวิชญ์พูด

   // นายต้องจบได้แล้ว นายติดอะไร บอกเจ๊กมาซิ// ผมถามเธียรวิชญ์

   // ผม… ผม… ผมยังไม่อยากกลับอะเจ๊ก//

   // นายต้องกลับ!! อากงสร้างโรงเรียนเอาไว้ นายต้องมาดูแล!! ดังนั้นนายต้องกลับได้แล้ว ถ้านายยังดื้อ เจ๊กจะพาอาม่าไปเที่ยวและไปบ่นนายชุดใหญ่ที่นั่นเลย นายจะเอาอย่างนั้นใช่ไหม!!//ผมพูด นี้คือไม้ตายแล้วที่ผมต้องเอาม๊าผมที่เป็นอาม่าที่เธียรรักมาขู่

   // เจ๊ก!!!//

   //นายติดขัดอะไรถึงยังไม่จบเสียที บอกเจ๊กมา เจ๊กจะช่วย// ผมบอกหลานชายของผม

   // วิชาอื่นไม่ติดหรอก ติดวิชาเดียว ยากมาก เพราะว่าผมไม่ชอบบริหารและเวลาเข้าเรียนผมก็ยังไม่พอ ดังนั้นไม่ต้องถามถึงวิทยานิพนธ์ ผมจะรอดไหม อาจารย์คนนี้โคตรเข้มงวดเลย//

   // ใครล่ะ //ผมถามเขา เพราะว่าผมก็จบที่นี้มาด้วยเช่นกัน

   //เขาเป็นดอกเตอร์แล้ว ดอกเตอร์ภรัณญู// ผมว่าผมคุ้นๆ ชื่อนี้น่ะ

   // คนไทยนี่เธียร ทำไมคุยยากละ//

   // ยากมากแต่ว่านี้เขานัดผมออกไปคุย ว่าจะเอายังไง เพราะว่าเขาเสียเวลาอะเจ๊ก// เธียรพูด ผมเดาว่าเธียรยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเฮียผมแน่

   // ออกไปคุยกับเขาก่อน มีอะไรให้เจ๊กช่วย บอกมาเจ๊กจะช่วยแต่นายต้องกลับ เพราะว่าเจ๊กไปดูสาขาของนายไม่ได้ เจ๊กเรียนมาเยอะเธียร เจ๊กอยากใช้ความสามารถของเจ๊กให้เต็มที่ก่อน เข้าใจไหม ถ้าไม่ นายจะได้เจอาม่าบินไปหาแน่!!// ผมพูดและกดวางสายเธียรวิชญ์ไปทันที ผมเหลือบมองเวลา ผมนัดบีมเอาไว้นี่ นี่เลยมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วด้วย ผมกดโทรหาบีม

   //ฮัลโหล บีม //

   // ครับพี่กัน//

   // พี่ขอโทษ พี่ติดธุระน่ะ // ผมพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด

   // พี่กัน ผมมาที่ห้างสรรพสินค้าแล้วครับ ผมเกรงใจพี่กันอะครับ//

   // บีม!! พี่บอกแล้วไงว่าอย่าพูดว่าเกรงใจพี่// ผมพูด บีมเงียบไปทันที

   //พี่ตามไปที่นั่นน่ะ พี่อยากซื้อของขวัญเอาไว้ต้อนรับเขาเหมือนกัน นะครับ เจอกันอีกสิบห้านาทีครับบีม // ผมบอกบีม ผมรีบเก็บทุกอย่างทันที ผมเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์และรีบเดินตรงไปที่ลิฟต์โดยสาร ผมรีบก้าวเท้าเข้าไป ผมแอบนึกในใจ ทำไมชีวิตเด็กน้อยที่แสนธรรมดาถึงได้ยุ่งเหยิงขนาดนี้น่ะ

   (ตกลงแพรวาไม่ไปกับพวกเราเหรอ ที่จะไปเที่ยวอ่ะ เรียนจบทั้งที ถามว่าถ้านางไม่ไป วอรี่ไหม ไม่เลยน่ะแค่อยากรู้ว่าทำไ   ม)

      (นางบอกว่าจะไปหาแฟนเลย เห็นบอกว่าจะไปเซอไพรส์ แฟนนางน่ะเป็นถึงลูกเจ้าของโรงเรียนสามภาษาเลยน่ะ นางยังบอกอีกว่าอาจจะมีข่าวดีตอนกลับมาเลยก็ได้ นางบอกว่าแฟนอาจจะขอนางแต่งงานเลย)

   (กูเห็นพูดมาร้อยครั้งได้แล้ว เชื่อตายเลย)

   (ตกลงที่นางพูดน่ะว่า อาจารย์กันตภณเป็นพ่อของเด็กจริงๆ หรือเปล่าและคนนั้นน่ะที่เคยเป็นคู่แข่งนางน่ะและนางบอกว่าเขี่ยกระเด็นไปได้แบบสบายๆ เพราะว่าพ่อนางใหญ่ทำอะไรก็ได้ จริงเหรอ) ผมยืนอยู่ด้านหน้าเธอ เธอคงไม่ได้สังเกต

   “อุ้ย อาจารย์กันตภณ” ผมหันไปส่งยิ้มให้เธอ เธอรีบก้มหน้าก้มตาลงทันที และจังหวะนั้นประตูลิฟต์เปิดพอดี ผมนี้อยากจะอัดคลิปไปให้อาจารย์เปรมสินีย์เห็นจริงๆ ความประพฤติแบบนี้สมควรแล้วหรือ แต่ว่าผมก็ไม่สมควรทำอยู่ดีเพราะว่าครอบครัวผมกับครอบครัวแพรวา เรารู้จักกันมานาน

   TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:55:37 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
                
EP.14.1 บีมซ้อมเป็นแม่
                    Part’ s กันต์ธีร์ ตอนนี้เข้าไป31 สัปดาห์กับอีก1 วัน แล้วที่เราอยู่ด้วยกันมา มีบางวันทะเลาะกันบ้างก็ไปลงกับชักโครก ผมก็ไปเรียนทั้งที่ท้องโย้ มีคนหัวเราะผมก็หลายคน ผมเองก็ต้องเดินไป ท่องคาถาไปด้วยเพื่อให้ใจสงบนิ่ง ผมเองก็ไม่อยากหันไปฟาดฟันกับใครเขา อย่างน้อยอีกแปดสัปดาห์ ผมก็จะคลอดลูกแล้วและนั้นผมจะสอบแล้วด้วยจะได้จบสักที ผมว่าจบก็บุญหนักหนาแล้ว ไม่ต้องไปถามถึงเกียรตินิยมอันดับสองเลย ใครอยากได้ก็เอาไปเถอะ ผมคิดในใจ

               (บีม พวกฉันไม่ไปช่วยเลือกน่ะไม่อยากเป็นส่วนเกินอ่ะ ปล่อยให้ขุ่นพ่อกับขุ่นแม่เขาเลือกของใช้ลูกด้วยกัน น่ารักดี อย่าลืมถ่ายรูปตอนอาจารย์เขาซื้อของให้ลูกมึงมาให้ดูด้วยน่ะ จะเอาไว้อวดลูกมึงตอนเกิดน่ะ ขอบทำมึงอ้วกใส่อาจารย์เขาดีหนัก)

           มะนาวส่งข้อความมาหาผม วันนี้คนเยอะอยู่น่ะ ผมเดินไปตรงที่เขามีกิจกรรมแม่และเด็กเพราะว่าเขามีผลิตภัณฑ์เด็กมาแจก และยังมีของเล่นที่เป็นเลโก้เป็นชุดให้กับแม่และลูกเท่านั้น ผมเดินไปยืนมอง เอามือลูบพุง แต่ว่าไม่กล้าเข้าไปหรอก ผมไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อไหมว่าผมน่ะเป็นแม่

          “พี่ครับ ผมมีแต่พ่ออ่ะ พ่อได้ไหมเพ่!!” เสียงเด็กน่าจะอายุประมาณเก้าขวบสิบขวบได้ ยืนต่อรองกับพนักงานที่จัดงานอยู่

          “ไม่ได้น้อง เขาเอาแค่แม่กับลูก ถ้าน้องมีแต่พ่อน่ะ รอตอนที่เขาจัดให้พ่อกับลูกแล้วกันนะคะ คอนเซ็ปท์นี้เขาต้องการแม่กับลูกค่ะ สานสัมพันธ์กันค่ะน้อง ยังไม่ถึงคิวพ่อกับลูกค่ะและที่เราเน้นวันนี้คือ แผ่นซับน้ำนมคุณแม่ค่ะ น้องไปหาอย่างอื่นดีกว่านะคะ // มันทำให้ผมคิดน่ะว่าถ้าลูกผมเป็นแบบนี้ล่ะไม่เข้าใจว่าพ่อกับลูกแต่ไม่มีแม่ จะเป็นยังไง และเด็กคนนทำไมมีแต่พ่อล่ะ ขณะที่ผมกำลังเดินหันหลังเพื่อหาที่นั่ง จะได้นั่งรออาจารย์กันตภณ

            “พี่ครับ” ผมรู้สึกว่ามีมือใครสักคนมากระตุกมือของผม ผมหันไปมองเด็กผู้ชายหน้าตากวนๆ เอียงคอมองผมและมองพุงของผมที่ยืนออกมาเล็กน้อย ผมก็ก้มลงมองพุงผมเช่นกัน

             “พี่เป็นแม่ให้ผมหน่อยดิ ผมอยากได้เลโก้อ่ะ ผมไม่มีแม่ มีแต่พ่อกับพ่อ แต่เขาไม่ให้อ่ะ พี่เป็นให้หน่อยได้ไหมครับพี่” น้องเขาบอกผม

            “พี่ก็คงเป็นให้ไม่ได้หรอก พี่ก็เป็นพ่อ” ผมพูด น้องเขามองหน้าผม

            “ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่รู้หรอก นะพี่น่ะ ผมอยากได้เลโก้ ผมไม่บอกเขาหรอก” น้องเขาพูดแต่ว่าผมทำท่าจะปฏิเสธแต่ก็ไม่ทันแล้ว น้องเขาดึงแขนผมเข้าไปหาพนักงานทันที

             “ผมพาแม่มาแล้วพี่ “น้องเขาบอกเจ้าหน้าที่คนที่ยืนเถียงกับน้องเขาอยู่ เขาหันมามองหน้าเด็กกับหน้าผม

             “นี่แม่เหรอ” เขาถามน้องผู้ชายคนนั้น

              “แม่ผมท้องอยู่ พี่คิดว่าพ่อผมท้องได้เหรอ” เขาถามเจ้าหน้าที่ ผมนี้ต้องก้มหน้าลง ไม่กล้าสู้หน้าพี่เขาเลย พี่เขามองหน้าผม

              “ทรงผมแม่เฟี้ยวดีเนอะ” พี่เขาพูด ทรงผมรากไทรสั้น

              “ได้ค่ะเชิญมากรอกรายละเอียดทรงนี้ก่อนนะคะ” พี่เขาบอก เด็กน้อยก็พาผมไปยืนกรอกข้อมูล เขากรอกเองเลย ก่อนจะส่งให้เจ้าหน้าที่

               “น้องค่ะแม่ชื่ออะไรคะ” เจ้าหน้าที่เขาถาม ผมหันไปมองเด็กคนนี้ ผมเองยังไม่รู้เลยว่าชื่ออะไร

              “เออ แม่ชื่อ ชื่อ” น้องเขาหันมามองหน้าผม

               “แม่ชื่ออะไรอ่ะ” น้องเขาถามผม

                “ตกลงเป็นแม่ลูกกันจริงๆ หรือเปล่าคะ” เจ้าหน้าที่เขาถามผม ผมอยากจะบอกว่าพึ่งเจอเมื่อกี้เอง

               “แม่ผม ชื่อมี้ครับ “น้องเขาบอกเจ้าหน้าที่ไป

              “เมื่อก่อนแม่ของแม่ผมชอบเล่นดั้มมี้ครับ” ผมหันมามองเด็กน้อย ไม่ใช่สักหน่อย

              “อ้อ แล้วน้องชื่อมิ้น ใช่ไหมคะ” เขาถามเด็กน้อย ผมหันมามองชื่อน่ารักน่ะ มิ้น พอเจ้าหน้าที่เดินผ่านไป น้องเขาหันมามองหน้าผมก่อนจะยื่นมือมาเช็กแฮนด์

              “ผมชื่อมิ้นครับ ผมอายุเก้าขวบ พ่อผมชื่อหมอดิวกับพ่อแอ้ ยินดีที่ได้รู้จักครับมี้ครับ” น้องเขาแนะนำตัวก่อนด้วยและยื่นมือมาเพื่อจะ เช็กแฮนด์กันด้วย ผมก็ทำตามน่ะ ผมยิ้มเจื่อนๆ ให้

             “เชิญค่ะ ขึ้นไปเล่นเกมน่ะคุณแม่กับคุณลูก ถ้าชนะจะได้รางวัลใหญ่ค่ะ เลโก้ชุดใหญ่ ถ้าไม่ชนะได้ชุดเล็กไปปลอบใจค่ะ “พิธีกรบนเวทีบอกผม ผมก็หันมามองเด็กคนนี้ว่าเอาจริงๆ เหรอ พนักงานเดินมาเขียนชื่อติดเอาไว้ที่อกข้างซ้าย ของผมน่ะมี้และลูกจำเป็นของผมน่ะชื่อมิ้น

             “เกมของเราคือจะต้องต่อเลโก้ตามที่ได้รับและถ้าใครทำเวลาเร็วกว่ากันชนะค่ะ” ผมขึ้นไปก็เป็นเกมต่อเลโก้ ที่แม่กับลูกช่วยกันต่อ เลโก้ตัวใหญ่หน่อย ผมจำได้ดี พ่อผมชอบเล่นมาก ผมนั่งต่อเลโก้ได้เป็นวันวันเพราะว่าไม่มีอะไรจะทำ พ่อผมไม่ค่อยสนับสนุนให้ผมเสพโซเชียลมีเดียหรือว่าเล่นเกมออนไลน์ แต่เลโก้นี้ซื้อเอาไว้ให้ผมทุกครั้งที่มา ผมเลยมองเด็กน้อยนั้นและผมสองคนก็ช่วยกันต่อ แถมต้องทำเวลาด้วย ผมก็ช่วยกันน่ะ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน จะว่าไปก็สนุกเหมือนกันน่ะ

           (มิ้น!!) ผมได้ยินเสียงคนเรียกชื่อใครสักคน

            (ไอ้มิ้น!!!) ผมได้ยินก่อนจะก้มลงมองชื่อที่ติดที่หน้าอกนั้นของเด็กน้อย

           “เราชื่อมิ้นใช่ไหม” ผมถามเพื่อความมั่นใจ เขาก็พยักหน้าและก็ยังคงต่อเลโก้ไม่สนใจโลกเลย

          “พี่ว่ามีคนตามหาเราอยู่น่ะ” ผมพูด

           “ไม่เป็นไรหรอกพี่ พี่ชายผมน่ะครับ เดี๋ยวเขาเหนื่อยก็มานั่งรอผมเองแหละ” น้องเขาพูด ผมก็ต้องพยักหน้าผมช่วยกันต่อจนกระทั่งเสร็จ ผมชนะซะด้วย ผมน่ะเซียนเลโก้เลยแหละ

            “เราได้ผู้ชนะแล้วค่ะ” พิธีกรบนเวทีพูดออกไมโครโฟนและเขาก็พยักหน้าให้ผมสองคนออกไปรับรางวัล ผมยืนมองเด็กน้อยที่ดีใจได้รางวัล

            “คุณแม่ ท้องลูกคนที่สองเหรอคะ” พี่เขาถามผม

             “คนแรกครับ” ผมตอบ

             “อ้าว!! แล้วนี่ละคะ” เขาถามผมและชี้ไปที่ลูกจำเป็น

            “ใช่ครับ ลูกคนที่สอง” ผมพูด ผมลืมไปเลย

              “คุณแม่ลืม เฮอะๆๆ” พี่เขาพูดปนหัวเราะ

             “ไอ้มิ้น!! “มีคนมายืนเรียกมิ้นที่ตรงหน้าเวที ดูน่าจะแก่กว่าสี่ ห้าปีได้ พิธีกรมองหน้าผมสองคนเลิกลัก มิ้นรีบบอกผมว่าลงจากเวทีกันได้แล้ว

              “เดี๋ยวซิคะคุณแม่ค่ะ! “พิธีกรก็เรียกแต่ผมก็รีบเดินลงมาแล้ว

             “ไอ้มิ้น มึงขึ้นไปทำไมน่ะบนเวที และนี้พวกกูวิ่งหามึงกันทั่วเลย ไปทุกชั้นเลย พี่ไอกำลังลงมาแล้วด้วย พี่ไอบอกว่าเจอมึงน่ะ มึงโดนหนักแน่!! พ่อก็รีบจะไปธุระเขารอมึงคนเดียวเลย!” น้องเขาพูด

             “ก็อยากได้เลโก้อ่ะ พ่อดิวไม่ซื้อให้อ่ะ บอกว่ามิ้นชอบเล่นพังอ่ะ” มิ้นตอบและคนที่มาตามผมเดาว่าน่าจะเป็นพี่ชาย

             “อุ้ยย!!” เขาหันมาทำสีหน้าตกใจใส่ผม ก่อนจะลากน้องออกไปกระซิบคุยกัน คุยอะไรกันก็ไม่รู้

             “พี่ครับ ผมขอโทษแทนน้องผมด้วยน่ะครับ คือช่วงนี้น้องผมคงเรียนหนักเลยเครียดมากไปหน่อย ผมขอตัวนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” จู่ๆ เขาก็ลากเอาเด็กที่มาขอให้ผมเป็นแม่ให้ ไปเฉยเลย ผมก็ยืนงงไปซิ

             “คุณแม่ค่ะ” พี่คนที่อยู่บนเวที เดินมาหาผม

             “แล้วลูกคุณแม่ไปไหนแล้วเหรอคะ” เขาถามผมว่าเด็กคนนั้นหายไปไหน ผมเองก็ยืนก็ไม่รู้ แต่ก็หันมายิ้มให้เขา

            “ไปห้องน้ำนะครับ เอ้อค่ะ” ผมตอบ

            “คุณแม่ค่ะ พอดีเรามีเลโก้ชูดพิเศษมอบให้ด้วยค่ะ คุณแม่นี้เก่งนะคะ “เขาบอกผมก่อนจะส่งเลโก้ที่เป็นชุดรถแข่งมาให้ผม ผมก็อดแปลกใจไม่ได้แต่ก็รับเอาไว้ เลโก้รูปรถแข่ง ฟอร์มูล่า น่าแปลกผมไม่เคยมีเลโก้รถแข่งเลย จะว่าไปน่าสนใจอยู่น่ะ

             “อุ้ยย!!” ผมยืนสะดุ้งเพราะว่าลูกผมดิ้น ผมเลยต้องเอามือประคองพุงตัวเองไว้ก่อน

            Rrrr มือถือผมดังขึ้นพอดีเลย ผมรีบกดรับสายทันที เบอร์อาจารย์กันตภณ

             //บีมพี่ถึงแล้วครับ บีมอยู่ชั้นไหนครับ //

            //ผมอยู่ชั้นหนึ่งครับ ตรงที่เขาจัดงานผลิตภัณฑ์แม่และเด็กน่ะครับ ///ผมบอกอาจารย์กันตภณ

            // พี่เห็นแล้วครับ พี่เดินไปหาเราน่ะ// อาจารย์กันตภณพูด ผมหันหลังไปมอง อาจารย์กันตภณเดินตรงมาหาผมพอดี ผมยืนถือเลโก้ที่เขาให้มาอยู่ด้วย อาจารย์กันตภณมองในมือของผม

            // ซื้อไว้ให้ลูกเหรอบีม เร็วไปไหม// อาจารย์กันตภณถามผม

             //ผมไม่ได้ซื้อครับ พอดีผมขึ้นไปเล่นเกมกับทางบูธเขานะครับ และพี่เขาก็ให้ผมมาเพราะว่าผมชนะนะครับ ///ผมพูด อาจารย์กันตภณมองผมแบบไม่อยากเชื่อสายตา

           “ผมไม่ได้ขึ้นไปคนเดียว มีเด็กเขาขอให้ผมขึ้นไปด้วยและเขาก็ไปแล้วครับพี่กัน “ผมพูดทำแก้มป่อง

           “เชื่อแล้วครับ” อาจารย์กันตภณพูด ก่อนจะแบมือรับเลโก้นี้ไปถือให้ผม

            “สงสัยลูกผมจะชอบรถนะครับพี่กัน” ผมพูด อาจารย์กันตภณหันมามองผม

           “ตอนที่ผมรับสิ่งนี้มาถือเอาไว้ เขาดิ้นทันทีที่พุงของผม” ผมพูด อาจารย์กันตภณมองหน้าผมและมองของชิ้นนั้น เขาก็มองหน้าผมอีกที สีหน้าเขากังวลแปลกๆ

           “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามอาจารย์กันตภณ

           “ไม่มีครับ อาจจะแค่บังเอิญนะครับ” อาจารย์กันตภณพูด ผมพยักหน้าก่อนจะพากันเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปเพื่อนไปซื้อเสื้อผ้าเด็กอ่อน เอาไว้รอต้อนรับน้องลูกโซ่ ผมต้องเตรียมเอาไว้ก่อน จะได้ซักตากและพับเก็บเอาไว้ จะให้รอใกล้ๆ คงไม่ดีแม่ผมบอกว่าต้องไปซื้อเอาไว้ก่อน รอให้ท้องโตกว่านี้ เดินไม่ไหวแน่ๆ แม่ก็โอนเงินมาให้ผมอีก แต่ว่าผมเองกลับแทบจะไม่ได้ใช้เงินที่แม่โอนมาให้เลย พี่แต่เงินที่อาจารย์กันตภณออกให้เกือบทุกอย่างจนผมเกรงใจไม่กล้าจะบอกอาจารย์เลยว่าจะไปไหน

            “เมื่อวานไปอัลตราซาวด์มาอีกเป็นไงบ้าง” อาจารย์กันตภณถามผม ผมหันไปมองหน้าเขา

           “โตขึ้นเยอะเลยครับ ดิ้นเก่งมากๆ เลยครับ “ผมพูด

          “ดีแล้ว ดูแลเขาให้ดีดีน่ะ เขาคือคนที่จะเยียวยาบีมให้ดีขึ้น” อาจาย์กันตภณพูด

            “นี้ก็จะสอบแล้วน่ะ พี่ได้ข่าวมาว่าเราทำคะแนนได้ดีทีเดียว อาจารย์แต่ล่ะคนเสียดายบีมมากเลยน่ะ เขาบอกว่าบีมควรจะได้เกียรตินิยมอันดับสองน่ะ เขาเชื่อว่าเกรดเทอมสุดท้ายออกมา ยังไงบีมก็ชนะแต่ว่า” อาจารย์กันตภณพูด

           “ถ้ามันทำให้พี่กันลำบาก ผมว่าพอเถอะครับ ผมอยู่ได้ แค่ให้ผมเรียนจนจบก็พอและถึงยังไง ผมต้องหางานทำอยู่ดีและมันอาจจะจริงนะครับที่บอกว่า ถ้าผมไม่ได้มีเส้นมีสาย ได้ไปก็เท่านั้น” ผมพูด อาจารย์กันตภณมองหน้าผม

             “พี่จะช่วยเรา” อาจารย์กันตภณพูด

              “ผมว่าไม่ดีกว่า ผมควรจะดูแลเขาด้วยตัวผมเองนะครับ” ผมพูด

               “พี่หมายถึงช่วงแรก น้องต้องการแม่อย่างน้อยสักปีหนึ่ง อยู่กับเขาก่อน” อาจารย์กันภณพูด ผมมองหน้าอาจารย์ ผมยิ้มให้เขา อาจารย์กันตภณเขามองผมพร้อมกับจับแขนผมเหมือนเขาจะดึงผมเข้าไปและทำท่าจะหอมที่หน้าผากของผม ใช่แล้ว มันจะมาทุกทีที่อาจารย์กันตภณทำแบบนี้

               “ปึก” ผมดันอาจารย์กันตภณออก ผมหันไปมองหาห้องน้ำครับ

               “อีกแล้วเหรอ” อาจารย์กันตภณถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ ผมเห็นสัญญาลักษณ์ว่าห้องน้ำ ผมรีบวิ่งไปทันที

                “บีมอย่าวิ่ง!!” อาจารย์กันตภณบอกผม แต่ผมควรจะรีบไปให้ถึงก่อนที่จะออกมากองบนพื้นและคนคงมองผมกันหมด ผมรีบตรงไปยังห้องน้ำ แต่ว่าห้องน้ำไหนดี ห้องน้ำหญิงแล้วกันน่ะ ผมขอโทษ ผมคิดในใจ ผมตรงไปถึงก็เข้าไปที่ห้องน้ำห้องที่ว่างและก็โก่งคออาเจียนทันที แต่ก็ไม่ได้มีอะไรออกมามากหนัก

                “ลูกโซ่!! มี้จะโกรธแล้วน่ะ” ผมบอกลูกโซ่ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและรีบออกมาล้างหน้าล้างตา ผมทิ้งอาจารย์กันตภณเอาไว้ด้านนอกนั้น ต้องรีบออกไป

                 “ลูกโซ่ ต่อให้เขาไม่ใช่พ่อเจ้าแต่เขาดีกับเจ้าน่ะ รู้ไหม” ผมพูดกับพุงน้อยๆ นั้น ผมหันไปดึงกระดาษมาเช็ดมือ

                (ก็ไปเจอกันที่โน่นเลยซิคะแม่ แพรวาอยากไปเซอไพรส์พี่เธียร แพรวามาเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินจะไปก่อนค่ะ ไม่รอค่ะ ยังไงแพรวาก็ได้ค่ะเพราะว่าไอ้คนนั้นมันไม่มีทางได้แน่นอนค่ะ ประวัติมันเสียแถมยังทำเจ๊กกันเสียไปด้วยอีกค่ะ เจ๊กโดนปลดจากคณะกรรมการตัดสินดังนั้นก็ไม่มีใครขวางหนูแล้วค่ะแม่ หนูได้แน่นอนดังนั้นหนูนีแหละที่จะได้เป็นสะใภ้ หนูจะทำให้อาม่านั้นช๊อกตายไปเลยค่ะแม่ อยากแย่งความรักพี่เธียรดีหนัก แก่จะตายอยู่แล้ว) ผมยืนฟังที่เธอคุยโทรศัพท์ อย่าบอกน่ะว่าเจ๊กกัน ผมได้ยินเธอเรียกอาจารย์กันตภณว่าเจ๊กกัน นี่ผมทำอาจารย์กันตภณเดือดร้อนขนาดนี้เลยเหรอ

                 “ปึก” ผมหันมาก็ชนเธออีก

                “เดินภาษาอะไรเนี๊ยะ” เธอบ่นผมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา

                “แกนี่มันคนที่ท้อง กับเจ๊กกันเหรอ” เธอถามผม

                “ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้ท้องกับอาจารย์” ผมพูด

                 “อาจารย์เปรมสินีย์บอกว่าเธอไปมั่วกับแขกที่เธอไปทำงานนิ เลยหาพ่อไม่ได้ มาให้เจ๊กกันเขารับให้เหรอ” แพรวาพูด

                  “ผมไม่ได้มั่วกับใครครับ” ผมพูดแต่จะว่าไป หน้าเธอคุ้นๆ น่ะ ใช่ผู้หญิงที่มาในงานนั้นหรือเปล่า แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นเธอแต่งหน้าจัดจ้านกว่านี้ ดูเหมือนคนละคนกันเลย

                  “แต่ก็ขอบใจน่ะที่สละเกียรตินิยมให้ฉัน ถ้าฉันได้ ฉันจะให้รางวัลเธอก็ได้น่ะ เพราะว่าพ่อฉันรวยมากและแฟนฉันพ่อเขาก็รวยมาก มีหน้ามีตาด้วยน่ะ แค่เศษเงินน่ะฉันแบ่งให้ได้น่ะ เพราะว่าเจ๊กกันเขาไม่ได้ดูแลกิจการแล้ว ฉันช่วยเธอซื้อนมลูกได้น่ะ จนลูกโตเลยก็ได้น่ะ” เธอบอผม ผมหันมามองหน้าเธอ เธอยิ้มให้ผม

                 “ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าผมทำงานหาเลี้ยงเขาได้” ผมพูด

                “ทำเป็นปากดี” เธอพูด

                “อีกอย่างนะครับ ถ้าผมเป็นคุณน่ะ ผมจะไม่เที่ยวพูดไปทั่ว อวดไปทั่ว เช่นคุณมีเงินก็เที่ยวบอกว่ามีเงิน คุณมีชื่อเสียงก็เที่ยวบอกใครเขาไปทั่วว่าคุณมีชื่อเสียง คุณเรียนเก่งจนได้เกียรตินิยมก็พูดไปทั่วเลยแบบนี้เพราะว่าถ้าถึงวันที่คุณไม่มีอะไรจริงๆ มันอายเขาครับ” ผมพูดและเดินหันหลังออกทันที

               “อ้าย!!!!” เสียงเธอกรี้ดในห้องน้ำห้างสรรพสินค้า ผมเดินออกมาเจออาจารย์กันตภณยืนรออยู่ด้วยสีหน้ากังวล ผมพยักหน้าว่าผมโอเคแล้วและผมก็พยักหน้าว่าเดินไปหาซื้อชุดเด็กอ่อนกันดีกว่า ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้หญิงคนนั้นที่บอกว่ารู้จักกับอาจารย์กันตภณจะเป็นคนนิสัยแบบนี้ ผมเคยเชื่อว่าคนที่ศิลเสมอกันเขาจะคบกันแต่นี้อะไรแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย แต่ก็อย่างว่า เธอลูกศิษย์คนโปรดอาจารย์เปรมสินีย์

             TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:56:42 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.15. คนที่คิมต้องตามหา

                 Part’ s ปุณณ์ เขานั่งอยู่ที่สำนักงานของป๋าของเขา ปุณณ์คือเพื่อนที่เคยสนิทมากกับธันมาก่อน เขามารู้จักธันตอนที่ย้ายมาจากภูเก็ตตอนมัธยมต้น ปุณณ์ ธัน โน้ต และเริ่มมาเจอเพื่อคนอื่น โอม แพทและนิกกี้ตอนเข้ามาเรียนมัธยมปลาย และยังเคยตั้งทีมนักแข่งรถมาด้วยกัน ปุณณ์เป็นคนเก่งที่ขับรถเก่งพอพอกับธัน แต่เขาก็มาวางมือ เขาคลุกคลีกับวงการนี้มาพอสมควรตอนที่ไปอยู่ที่มาเก๊ากับป๊าของเขาและนั้นทำให้ปุณณ์เคยเป็นที่ปรึกษาแต่สุดท้ายก็มาแตกคอเพราะว่าไอ้น้องชายที่เกิดจากเมียหลวงป๋าของเขานี่แหละ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่เอาไว้บังหน้าธุรกิจสีเทาของป๋าเขา ปุณณ์ก็ไม่อยากทำแต่เขาก็คือป๋าของปุณณ์

          “หมับ” จู่ๆ ก็มีคนเดินมาหยุดด้านหลังผมและก้มลงกอดผม ผมรีบจับมือถือเอาไว้ก่อนทั้งสองข้าง พี่โรส ลูกสาวของป๋ากับภรรยาคนแรกที่ไม่ได้แต่งเหมือนแม่ผม แต่ไม่ใช่ภรรยาที่พ่อผมออกหน้าออกตา คนสองที่เป็นภรรยาแต่งและออกหน้าออกตามากกว่าแต่ว่าเธอมาฆ่าตัวตายเสียก่อนตอนที่ไอ้คิมมันยังเด็กและไอ้คิมมันก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น เรียกได้ว่าเห็นแม่ตายต่อหน้าต่อตา

            “พี่โรส อย่าครับ” ผมพูดก่อนจะเงยหน้ามองหน้าเธอ เธอพยายามจะใช้ร่างกายเพื่ออ่อยผม

             “ทำไมละปุณณ์ พี่ไม่ดีเหรอ” พี่โรสถามผม ผมหมุนเก้าอี้ทำงานที่ผมนั่งตรวจดูบัญชีธุรกิจสีเทา กาสิโนและบาร์ที่พ่อผมมีอยู่ตอนนื้ ทั้งที่ไทยและมาเก๊า ผมหันมามองหน้าเธอ เธอสวมชุดแซกสายเดียว ให้เห็นเนินอกแต่ว่ามันไม่ได้ทำให้ผมอยากมองสักเท่าไหร่

              “พี่สู้อีซูหลินมันไม่ได้เหรอ” พี่โรสถามผม เธอยืนกอดอกมองผม

              “ไม่ครับ” ผมพูด

              “ไม่ต้องไปสู้กับเธอหรอกครับเพราะว่าคนละอย่างกัน ผมกับซูหลินมีลูกด้วยกันก็จริงแต่เราอยู่ดูแลกันอย่างเพื่อนและผมก็ทำหน้าที่ป๊าให้ลูกผม เราอยู่ด้วยความเข้าใจครับ แต่พี่นี่ซิ ที่อยากจะ….อย่างว่ากับผมทั้งที่ผมเป็นน้องชายพี่นะครับ พี่โรส” ผมพูดก่อนจะหมุนเก้าอี้กลับมาทำงานต่อ

               “ป๋ารอพี่อยู่ เชิญครับ ในห้อง” ผมพูดโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเธอเลย เธอเดินกระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจเข้าไปหาป๋า จังหวะนั้นมีคนเดินเข้ามาในสำนักงานของผม ผมหันไปมอง เพื่อนรักที่ผมรู้จักมาตั้งแต่เด็ก แม่ของเขาแม่ของผมเคยทำธุรกิจสปาด้วยกัน ผู้กองตั้น หรือร้อยตำรวจโท รัชชานนท์

               “มาแล้วเหรอ” ผมถามตั้น เขาหันไปมองรอบๆ

             “พี่โรสเหรอ” ผมถามตั้น ตั้นมันพยักหน้า ตั้นมันยังกลัวเลย

            “อยู่ในห้องทำงานป๋าน่ะ” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น ผมเดินออกไปกับตั้น ผมจะพากันไปหาอะไรทานด้วยกันก่อนจะได้คุยกัน

           “เจ ไปกับพี่” ผมหันไปบอกเจ หนุ่มน้อยที่นั่งกดมือถือเล่นเกม เจเป็นคนสนิทของผมมาตั้งแต่ยังไม่สิบแปดปีเลยและพออายุสิบแปดก็เริ่มทำงานและนั้นผมก็ได้ช่วยชีวิตเขาไว้เพราะว่าเจ ทำให้ไอ้คิมจะฆ่าแต่ว่าผมขอชีวิตเจเอาไว้ ผมเดินออกมาพร้อมกับตั้น สำนักงานผมตั้งอยู่ในกลางเมืองก็ต้องใกล้กับสถานที่ต่างๆ มีคาเฟ่ชื่อดังอยู่ ผมพยักหน้าตั้นให้เขาไปคุยกับผมในนั้น

            “เจไปสั่งกาแฟให้พี่สองคนด้วย พี่กับพี่ตั้นเอาอเมริกาโน่ ส่วนเราสั่งเลยว่าจะเอาอะไร” ผมพูดก่อนจะส่งธนบัตรสีเทาให้ไป และผมก็เดินไปหาที่นั่งคุยกันกับตั้น วันนี้เขามาด้วยชุดนอกเครื่องแบบ ตั้นเสียแม่ไปนานแล้วก่อนจะเรียนจบตำรวจซะอีกและมันก็เจอแฟนสาวที่คบหากันมาตั้งแต่ที่ภูเก็ตมาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันสร้างแฟนสาวทำงานพีอาร์ แฟนมันสวย ตั้นเรียนจบบอกว่าจะแต่งงานเลยแต่ว่าแฟนก็จากไปเพราะว่าถูกฆาตกรรม ผมคิดเอาไว้ว่ามันน่าจะเป็นฝีมือไอ้คิมนี่แหละแต่หาหลักฐานไม่ได้

            “มึงไปไหนมาวะช่วงนี้” ผมถามตั้น

            “กูก็ถูกส่งไปทำงานเล็กๆ น้อยๆ” ตั้นพูด จังหวะนั้นกาแฟถูกนำมาเสิร์ฟ

            “ผมไปนั่งแถวโน้นนะพี่ เพื่อว่าดูลาดเลา ว่าไม่มีใครแอบมาฟังพี่คุยกัน” เจบอกผม ผมพยักหน้า

           “ไอ้คิมมันไม่อยู่เหรอวะ” ตั้นถามผม

           “มันไปแถวชายแดน มันไปหาใครก็ไม่รู้ว่ะ ไอ้คนที่ไอ้คิมไปหานี่ป๋ากูบอกว่าพ่อมันเคยเป็นนายตำรวจชั้นผู้ชั้นแต่โดนยึดอำนาจไปและเขาก็มีลูกน้องที่ได้ดีในกรมหลายคน เลยเรียกว่ามีแบกดี” ผมพูดก่อนจะดื่มกาแฟไปด้วย

           “เขากันมึงออกเพราะว่ามึงพยายามสืบคดีของข้าวฟ่างแฟนมึงใช่ไหมวะ” ผมถามตั้น ตั้นพยักหน้า

           “นี่มึงย้ายคอนโดแล้วเหรอวะ” ผมถามตั้นอีก

            “ใช่ว่ะ กูทนอยู่ไม่ได้ว่ะ กูคิดถึงข้าวฟ่าง กูย้ายออกมาได้หลายอาทิตย์แล้วด้วย” ตั้นพูด ผมเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรักผม ผมถึงได้อยากจะช่วย ถ้าไอ้คิมมันผิดจริงๆ ผมก็คงไม่เข้าข้างต่อให้มันเป็นน้องชายต่างมารดาแต่พ่อเดียวกันก็ตาม ผมก็ไม่เข้าข้างมัน

            “กูได้ยินไอ้คิมมันพูดว่ามันกำลังตามหาเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ไปส่งให้ใครก็ไม่รู้ว่ะ มันต้องตามหาให้ได้ มันบอกว่าเด็กคนนี้พิเศษและมันหาได้ มันคงได้อะไรมากมายตอบแทน กูอยากรู้ว่ะเด็กคนนี้คือใคร ถ้าไอ้คิมได้ไป มันคงไม่ดีแน่ๆ” ผมพูดกับตั้น

            “กูก็ตามหาเด็กคนหนึ่งเหมือนกัน เขาเป็นคนเจอว่าข้าวฟ่าง นอนเสียชีวิตอยู่ มีคนในผับบอกกูมาแต่ว่าน่าแปลก เขาไม่เรียกน้องคนนั้นมาให้ปากคำหรืออะไรเลย กูว่าน้องคนนี้อาจจะรู้ทุกอย่างก็ได้” ตั้นพูด

            “งั้นมึงช่วยกูหาเด็กคนที่ไอ้คิมมันอยากได้ให้หน่อย กูก็จะช่วยมึงตามหาเด็กที่มึงบอกว่าเขาเห็นข้างฟ่างคืนนั้น เพราว่าเด็กที่ทำงานในผับ บางที่ก็ยังคงทำงานเดิมๆ กูเปิดผับน่าจะเจอได้ไม่ยากว่ะ” ผมพูดตั้นหันมามองหน้าผม ตั้นพยักหน้า

                    Rrrrrr โทรศัพท์ของตั้นดังขึ้น ตั้นเดินหลบไปคุยโทรศัพท์ ผมก็นั่งกดดูแอปพลิเคชัน แม้จะไม่ได้คุยกันเพราะว่าผมกับน้องชายพี่เขาไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วก็ตามแต่ผมก็ยังแอบส่องอยู่ดี พี่ธาม ผมแอบชอบพี่เขามานานแล้วแต่ตอนที่ผมชอบพี่เขา พี่เขากำลังคบกับพี่ตะวัน พี่คนนี้เรียนเก่งเป็นลูกชายคนเดียวแต่ว่าดันมาประสบอุบัติเหตุวันที่พี่ธามกำลังรับปริญญา ตอนนั้นผมก็เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วเหมือนกันและหลังจากนั้น ผมดันมีเรื่องกับธันและนั้นก็ทำให้ผมกับธันขาดการเป็นเพื่อนกันไป

             “กูต้องไปแล้วว่ะ มีงานด่วน” ตั้นเดินมาบอกผม

             “กูว่าคนที่อยู่เบื้องหลังไอ้คิมน่าจะเป็นพวกสีเดียวกับกูนี่แหละและตำแหน่งใหญ่ๆ ทั้งนั้น” ตั้นพูด

             “ป๊าบอกว่าจะพยายามเลิกกิจการสีเทาสักทีเพราะนี้เองที่ดึงพวกนี้เข้ามา” ผมพูด ตั้นพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้น

             “ป๋ากูนัดไปทานข้าวที่เขาใหญ่ บ้านที่ป๋ากูพึ่งไปซื้อมาได้ไม่นาน” ผมพูด

             “ไอ้คิมมันคงจะไป ถ้ากูได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม กูจะบอกมึงน่ะตั้น” ผมพูด ไอ้ตั้นมันลุกขึ้นก่อนจะโบกมือให้ผมและเดินออกไปทันที ผมเดินออกมาเห็นไอ้เจมันนั่งดูซีรีส์ในมือถือ

             “เจไป พี่จะไปเขาใหญ่ ไปกับพี่” ผมบอกเจ เจพยักหน้า เจลุกขึ้นตามผมออกไป ผมขับรถเอง ไม่ค่อยชอบมีคนขับรถให้เท่าไหร่และไปไหนก็จะมีเจนี่แหละที่เป็นคนติดรถผมไป ไม่เหมือนไอ้คิม มันมีมือปืนติดตามแน่ละมันทำตัวแบบนี้ใครก็อยากเป่ากระบาลมัน ผมคิดว่าน่ะ

             “จะไปเขาใหญ่ใช่ไหมครับพี่ปุณณ์” เจถามผม ผมพยักหน้า ขณะที่ผมขับรถออกมาเพื่อจะออกจากกรุงเทพ ผมเหลือบไปเห็นรถหรูซูเปอร์คาร์ สีเหลือง เท่มาจอดอยู่ข้างทาง ผมจำได้ดีถึงไม่ได้คุยแต่เห็นในโซเชียลมีเดียว่าใครคือเจ้าของรถคันนี้ ส่วนเจ้าของน่ะยืดตรวจเช็ดด้วยท่าทางหงุดหงิด เขาเจ้าสำอางขนาดนั้น ผมนำรถเข้าจอดทันทีแต่เลยไปไกลพอสมควร

                “เจ ลงไปดูรถให้พี่ธามเขาหน่อย” ผมพยักหน้ากับเจ เจเรียนจบช่างยนต์มาด้วย เจหันมามองหน้าผม

                 “ไปซิ พี่เขาซ่อมรถไม่เป็นหรอก” ผมบอกเจ เจหันมามองหน้าผม

                 “ที่ผมมอง คือ…ทำไมพี่ไม่ลงไปดูเองอะครับ พี่ชอบพี่เขาอยู่ไม่ใช่เหรอ” เจถามผม ผมหันมามองหน้าเจ

                 “พี่มีเรื่องกับน้องชายเขา เขาจะให้พี่ยืนซ่อมรถให้เขาโดยที่พี่เขาจะไม่กระโดดถีบเหรอ “ผมถามเจ เจหันมามองหน้าผมก่อนจะยิ้มเล็กน้อยแต่ก็เดินลงไปโดยดี เจเดินย้อนไปที่รถที่พี่ธามเปิดฝ่ากระโปรงเอาไว้ ผมเหลือบตามองเป็นระยะๆ เจมันก็ก้มๆ เงยๆ ก่อนจะหันมามองผมเป็นระยะเช่นกันทำเอาผมต้องปรับเบาะเอนนอนลงไปไม่อยากให้พี่ธามเห็น นึกด่าไอ้เจในใจ

                        ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที ก่อนจะกระดกหัวขึ้นไปมอง ฝากระโปรงรถปิดลงแล้วแสดงว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเห็นพี่ธามเดินมายืนคุยกับเจ เหมือนขอบอกขอบใจอะไรกันนี่แหละ มีจับคางด้วยน่ะ ผมนี้…อืมมม และเจมันก็ขอตัวเดินกลับมา ผมก็ต้องรีบนอนลง ผมยังคงกระดกหัวขึ้นไปมอง รถหรูของพี่ธามขับผ่านไปและไอ้เจมันก็เดินกลับมาพอดี มันรีบหากระดาษทิชชูเช็ดมือตัวเอง

                 “ทำไมพี่ไม่ลงไปดูให้เองละพี่ปุณณ์” เจพูด ผมหันมามองหน้าเจ

                  “พี่เห็นน่ะ “ผมพูด

                  “ก็พี่ไม่ลงไปเองนิและผมก็ไม่ได้บอกให้พี่เขาลวนลามผมสักหน่อย” เจพูด

                   “ผมเกือบพลั้งปากบอกไปแล้วว่า อย่าจับผมบ่อย เดี๋ยวพี่ปุณณ์ที่อยู่ในรถจะเตะผมเอา” เจมันพูด ผมหันมามอง น่าเตะมันจริงๆ

                     ผมก็ออกรถทันทีเช่นกันต้องรีบไปเขาใหญ่ พ่อผมซื้อบ้านของพี่ตะวัน ครอบครัวเขาขายทิ้งเพราะว่าจะไปอยู่เมืองนอก เขาไม่มีเสาหลักของบ้านแล้ว ไม่มีความหวังของครอบครัวแล้วเลยคิดจะไปอยู่เมืองนอกและไม่กลับมาเลย ไร่พี่ตะวันกำลังจะเปลี่ยนเป็นนามสกุลของป๋าผมแทน ไร่นี้อยู่ข้างๆ กับบ้านพักตากอากาศของครอบครัวพี่ธามเลย ผมขับรถไปเกือบสามชั่วโมงก็ถึงบ้านไร่ ผมเห็นรถยนต์หลายคันจอดอยู่ ผมเดาได้เลยว่าไอ้คิมมันมาด้วย ผมรีบลงจากรถทันที

                   “ไปพักเถอะเจ “ผมบอกเจ เขาพยักหน้าและตรงไปยังบ้านพักที่มีให้ลูกน้องและคนสนิทพัก ผมเดินขึ้นไปบนบ้าน ป๋ามาถึงก่อนผมได้ไม่นาน ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารเย็น พี่โรสนั่งอยู่ เขาจัดเอาไว้ให้ผมนั่งข้างๆ เขา

                   “ปุณณ์ ไปเยี่ยมแม่มาหรือเปล่า” ป๋าถามผม

                   “ผมไปมาเมื่อวันก่อนครับป๋า แม่ก็เริ่มคุยได้บ้างแล้วนะครับป๋า” ผมพูด

                   “แม่พี่หายหลอนหรือยังละครับ พี่ปุณณ์” ไอ้คิมมันถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามัน มันนี่แหละที่ทำให้แม่ผมเป็นแบบนี้ เป็นโรคซึมเศร้าและตอนนี้ก็หนักขึ้นเรื่อยๆ

                  “ปุณณ์ นี่ของโปรดปุณณ์เลยน่ะ พี่โรสอ่ะ สั่งเอาไว้ให้ปุณณ์” พี่โรสพูดพร้อมกับตักมาใส่จานของผม

                  “เอาใจน่าดู น่ะพี่โรส สงสัยว่าพี่คงอยากได้พี่ปุณณ์ของผมเป็น…” ไอ้คิมพูด

                  “คิม พอ!! นี่บนโต๊ะอาหาร ป๋าอยากนั่งทานและคุยกันไม่ใช่ชวนกันทะเลาะ “ป๋าเป็นคนเอ่ยปากห้ามแทน ผมหันมามองพี่โรส เธอหันช่วงบนมาหาผม เธอสวมเสื้อผ้าได้น้อยชินมาก โชว์เนินอกขาวๆ อวบๆ ให้ผมดู

                   “โรส เวลามาทานข้าวแต่งตัวให้สุภาพหน่อยก็ดีน่ะ คนใช้ในบ้านจะได้ไม่ว่าเอาได้” ป๋าผมพูด พี่โรสหันไปมองป๋า

                   “ไปเอาเสื้อคลุมมาสวมไปแล้วออกมาทานอาหารเย็น” ป๋าพูดก่อนจะหันไปพยักหน้ากับคนใช้ให้รินไวน์ใส่แก้วให้

                    “ไวน์ไหมปุณณ์” ป๋าถามผม ผมก็พยักหน้า ป๋าพยักหน้าให้คนใช้ในบ้านเดินมารินไวน์ให้ผมเช่นกัน อาหารแบบตะวันตก สเต๊กโคขุน ผมเงยหน้ามองคิมที่กำลังทานอาหารอยู่

                    “ป๋าบอกพี่ชายของผมหรือยังว่า ไม่ให้เขาส่งใครไปวุ่นวายกับผับผมอีกนะครับ ผับผมมีแต่คนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี ทำแบบนี้ มันลดเครดิตผมนะครับพี่ปุณณ์ “คิมพูดกับป๋า ป๋ามองหน้าผม

                    “ปุณณ์ ไม่ต้องส่งใครไปที่ผับของคิมเขาจะได้ไหม ป๋าขอละ” ป๋าพูด ผมเงยหน้ามองไอ้คิม

                   “มันซ้อนอะไรไวละป๋า” ผมพูดและมองหน้าไอ้คิม

                   “ผมน่ะไม่ได้ซ้อนอะไรทั้งนั้นครับพี่ปุณณ์ ผมไม่ใช่พี่นิ ที่ซ้อนลูกซ้อนเมียเอาไว้ ซ้อนไว้จากผมด้วยใช่ไหมครับพี่ปุณณ์ “คิมพูดมันยิ้มๆ ผมกำส้อมและมีนแน่น ผมมองหน้ามัน

                   “ผมรู้ว่าพี่อยากจะช่วยเพื่อนตำรวจคนนั้นสืบคดีที่แฟนสาว ตายในผับซิน่ะ แต่ผมได้ข่าวว่าโดนย้ายไม่ใช่เหรอ เขาหาเรื่องไปทั่ว เดี๋ยวต่อไปคงโดนไล่ออก” คิมพูด

                 “มันหาคนที่ฆ่าแฟนมัน แฟนมันท้องอยู่ มันกำลังมีลูก ไอ้คนนั้นแม่งต้องใจหมาจริงๆ ว่ะ ถึงทำได้ลงคอ” ผมพูดไอ้คิมมันหันมามองหน้าผม มันขบกรามจนเป็นสันนูนขนาดนั้นแสดงว่า มันน่าจะรู้เห็นเรื่องนี้ดี

                “ป๋า ผมอิ่มแล้ว ผมขอตัวนะครับ ผมว่าจะกลับเลยเพราะว่าผมมีนัดกับคนใหญ่คนโต ผมไม่ชอบนัดคุยกับพวกกระจอก พวกมือสมัครเล่นหัดบริหารงาน” คิมพูด เขาหันมามองหน้าผม

                  “ตกลงไอ้ไนท์มันจะกลับไปซบอกไอ้ธันใช่ไหมครับพี่ปุณณ์ นี้มันยังไม่บินกลับมาจากไปหาพ่อมันอีกเหรอครับ  “คิมมันถามผม

                  “และเพื่อนมึงนี่มันคิดว่ามันจะชนะกูใช่ไหมวะ ถ้ามันได้ไอ้ไนท์คืนไป” ไอ้คิมมันพูด

                 “มันคงดีใจน่ะครับที่ได้ของเหลือๆคืนจากเพื่อนที่ทรยศเขานะครับพี่ปุณณ์ หึๆ” ไอ้คิมพูด ผมลุกขึ้น

                “ปึก!!” ฝ่ามือผมทุบลงบนโต๊ะอาหาร สายตาผมกับไอ้คิมประสานกัน

                 “พอ!!” คนที่ห้ามผมสองคนคือป๋าอีกเช่นกัน ส่วนพี่โรสออกมาด้วยชุดที่ดูสุภาพมากขึ้น เธอมองผมกับไอ้คิม สลับกันไปมา ก่อนจะนั่งลงโดยไม่ได้สนใจอะไร ผมก็ต้องยอมถอยออกมานั่ง ส่วนไอ้คิมมันยิ้มที่มุมปาก ผมกำมีดและช้อนเอาไว้ มันเป็นคนทำให้ผมกับไอ้ธันต้องผิดใจกันและคืนนั้น ผมกับไอ้ไนท์ไม่ได้มีอะไรกันแต่มันเป็นเพราะว่าผมพลาดเอง

                   Rrrr มือถือผมดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดู เป็นเบอร์โทรจากต่างประเทศ +853 ผมรีบหลบไปกดรับสายทันที

                   “ปึก!!” เสียงช้อนและส้อมถูกวางกระแทกโดยพี่โรส ผมก็เดินออกไปอีกห้องหนึ่ง

                   (ว่าไงซูหลิน) ผมถามเธอ

                   (ปุณณ์ ปราชญ์เข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าเขาติดเชื้อที่ปอดน่ะ นี้ต้องนอนโรงพยาบาลด้วย) ผมตกใจมาก ปราชญ์คือลูกชายที่เกิดกับซูหลินแต่เกิดจากความไม่ตั้งใจ ซูหลินคือผู้หญิงที่ผมช่วยเอาไว้ไม่ให้ถูกส่งไปขายต่อและผมก็ดันเผลอไปมีอะไรกับเขา แค่ครั้งเดียวก็มีทายาทออกมา เธอมารู้ทีหลังว่าผมมีคนรักแล้วเธอจึงขออยู่ในฐานะแม่ของปราชญ์แค่นั้น

                   (ฉันจะบินไปคืนนี้เลยซูหลิน) ผมบอกเธอ ผมรีบเข้าไปในห้องอาหารทันที

                    “ป๋า ผมจะบินไปมาเก๊าด่วน ลูกผมป่วยครับป๊า” ผมบอกป๋า ป๋านะรู้ดีทุกอย่าง เขาหันมามองหน้าผมก่อนจะพยักหน้ากับผม พี่โรสหันมามองผม เธอกำมีดหันสเต๊กแน่น

                  “ทำไมปุณณ์ต้องไปทั้งที่ปุณณ์บอกว่ามันเป็นแค่แม่ไง” พี่โรสพูด

                 “โรส ยังไงซูหลินก็เคยเป็นเมียปุณณ์และที่เขาให้ปุณณ์ไป ก็เพราะว่าเด็กนั้นก็ลูกปุณณ์ และแกน่ะ เป็นพี่สาว อย่าทำอะไรให้มันเกินงามหนัก นั้นน้องชายแก ลูกชายฉัน” ป๋าพูด ผมพยักหน้าและรีบเข้าไปในห้องเพื่งแต่งตัวและแพ็คกระเป๋าทันที ผมหยิบพาสสปอร์ตและรีบลงไปเพื่อจะไปที่สนามบิน ผมคงใช้เวลาในการบิน ไม่ถึงสี่ชั่วโมง กว่าจะไปถึงก็คงเช้ามืดที่นั่น ผมก็คงตรงไปที่โรงพยาบาลทันที

                    Part’ s คิม (ตัวร้าย)  คิมเดินทางมาที่เขานัดกับใครสักคนที่คอยหนุนให้เขาทำแต่สิ่งชั่วๆ เขาเชื่อมากกว่าพ่อบังเกิดเกล้าเขาซะอีก ทุกสิ่งที่เขาทำก็เลียนแบบมาจากคนนี้ คิมเดินไปที่ผับหรู ที่อยู่ฝั่งปอยเปต ผมนัดเขาเอาไว้และนี้ก็เป็นที่ผมพาเหล่านักการเมืองที่โลภมากมาด้วย

                  “นั่งลงซิ “คนที่ผมนัดเอาไว้หันมามองหน้าผม เขาชื่อฌอน ฌอน บอกคิมให้นั่งลง เขาหันมามองคิม ก่อนจะส่งรูปเด็กผู้ชายวัยเจ็ดขวบที่เขาต้องการหา

                 “ตกลงเด็กคนนั้นใช้คนที่ผมกำลังตามหาไหม” ฌอนถามคิม คิมหยิบขึ้นมาพิจารณา

                  “ผมยังไม่เจอเด็กนั้นแต่ผมคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ชื่อตามที่คุณบอกผมมาน่ะและเด็กนี้อยู่ที่ไทยด้วย” คิมพูด เขาส่งเอกสารใบสมัครที่เด็กคนนี้กรอกเอาไว้แต่ยังไม่ได้ขอตัวจริงๆ มา ชื่อที่กรอกคือกันต์ธีร์ แสนหาญ (บีมคิดว่าการทำงานในผับมันไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับครูอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ เขาจึงใส่นามสกุลของแม่แทน)

                   “ไม่ใช่เบญจามินอย่างที่คุณต้องการ” คิมพูด ฌอนเขาเปิดอ่านดู

                    “แต่เด็กนี้ผมตั้งใจจะเอามาเป็นของเล่น ผมคิดว่าผมอยากหาอะไรทำแก้เซ็งสักหน่อย” คิมพูดฌอนมองหน้าคิมเขารู้ได้ทันทีว่าคิมคงอยากจะทำเหมือนห้าศพที่ผ่านๆ มา

                    “วันก่อนคุณไปไม่ถึงผับผม เพราะว่าไอ้หัวหน้าหน่วยรบพิเศษได้กลิ่นตุๆ ก่อนใช่ไหม ก็เลยยกเพื่อนๆ มันไปไปขุดผับของผมแบบนั้น “คิมพูดและมองหน้าฌอน เขากระดกเหล้าที่ชงเอาไว้ให้แล้ว

                      “ไอ้คนที่เป็นหัวหน้าหน่วยใช่ ไอ้อ้นไหม” คิมถามฌอน เขายังจำได้ดีวันที่ผู้กองอ้น คาดคั้นเขาเมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้ว เพราะว่าเขาฆ่าคนตายและนั้นคือศพแรกของเขา

                      “ไม่ใช่… แต่มันชื่อหมอดิว มันเป็นแพทย์ทหารและมันก็คงอยากเอาคืนให้เมียมันอ่ะ กูทำให้เมียมันเสียลูกมด มันคงแค้นกู หึๆ” ฌอนพูด เขายิ้มที่มุมปากสะใจสิ่งที่เขาทำไว้กับหมอดิว

                       “ผมว่าเด็กคนนี้ไม่น่าจะใช้ ดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษเพราะถ้ามี อิเปรมสินีคงบอกผมหมด “คิมพูด เขามองรูปที่ที่ใบสมัครงาน แม้จะเห็นแค่ใบหน้าก็ตาม

                        “เด็กคนนี้อาจารย์เปรมสินีย์เขาฝากผมจัดการที เขาบอกว่าเสี้ยนหนาม ผมเลยจะเอาไปเล่นสนุก แต่เสียดาย ที่พวกนั้นมาขัดซะก่อนแต่รอบหน้า ไม่มีใครกล้ามาขัดผมแน่ๆ ผมอยากได้ก็ต้องได้” คิมพูด

                       “มึงนี่เลวได้ใจกูจริงๆ ว่ะคิม ไม่เสียแรงที่กูเลือกเก็บมึงเอาไว้” ฌอนพูด

                       “คุณสอนผมมา” คิมพูด ใช่เขาเรียนรู้มันมาจากฌอน

                        จังหวะนั้นเขาหันไปมองกลุ่มที่มากับทัวร์ นักการเมืองและคนที่ทำงานระดับใหญ่ๆ ทั้งนั้น เดินเข้ามาพร้อมกับอาจารย์เปรมสินี วันหยุดแบบนี้พวกนี้คงต้องมาหาอะไรสนุกทำเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อาจารย์เปรมสินีนี่ก็ใช้ตัวแลกมากับทุกอย่าง

                      “อย่าสนุกจนลืมงานของผมล่ะ หาตัวเด็กคนนี้ให้เจอ ผมต้องการตัว ผมอยากรู้ว่าไอ้ศาสตราจารย์เคลวินมันหักหลังพ่อผม มีนปิดบังอะไรเอาไว้ที่ลูกชายของมันและถ้าเราได้เด็กคนที่ผมให้ออกตามหา ผมจะแจกของรางวัล “ฌอนพูด

                    “สวัสดีครับคุณฌอน “คนแรกคือนายตำรวจยศระดับผู้บังคับบัญชา เขามาถึงก็ทักทายฌอนทันที เขานั่งลงก่อนจะหันมาทักทายคิม ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ คิมหันไปมองอาจารย์เปรมสินีที่พาลูกศิษย์มาหาค่าขนม เพื่อบำเรอพวกที่มานี้

                   “สวัสดีครับคุณธรรมรัตน์” คิมหันไปยกมือไหว้ธรรมรัตน์ตอบ พ่อของแพรวาและเขาก็มีความสัมพันธ์ลับๆ กับอาจารย์เปรมสินี จนมีลูกสาวหนึ่งคน

                    “วันนี้ผมพาอธิการบดีมาด้วยนะครับ หาคนดูแลเอาใจท่านสักหน่อย” ธรรมรัตน์พูด เขาแนะนำอธิการบดีให้คิมและฌอนรู้จัก

“ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยให้ลูกสาวผมได้รับคัดเลือกได้เกียรตินิยม” คิมพยักหน้าเข้าใจทันที ว่าธรรมรัตน์พาเขามาเพราะว่าเขาช่วยเรื่องลูกสาวที่ดูเหมือนคนไม่ปกติแต่ก็พยายามให้เรียนให้จบมหาวิทยาลัย คิมหันหน้าไปมองเปรมสินีย์ เธอหยักไหล่ใส่ คมเดินออกไปก่อนจะพยักหน้า ให้เธอเดินตามผมออกไป

                    “ตกลงคุณทำงานพลาดน่ะ” ผมพูดกับเปรมสินี

                    “เอาเด็กคนอื่นได้ไหม ฉันไม่อยากมีเรื่องกับอาจารย์กันตภณ เขาเป็นรองศาสตราจารย์ภาคแล้ว” อาจารย์เปรมสินีพูด

                  “ยิ่งยากผมยิ่งชอบคุณรู้ไหม” คิมพูด

                  “ว่าแต่ใครเหรอ รองศาสตราจารย์กันตภณ หรือว่าเขาเป็นคนที่คุณอยากได้มาเป็นสามีแทนธรรมรัตน์เหรอครับ” คิมถามเธอ

                 “ถ้าได้” เธอตอบคิม

                  “แล้วคนที่คุณจ่ายงานไปล่ะ จัดการหรือยัง” คิมถามเธอ

                “มันไม่กล้าหรอก คนที่ฉันจ่ายงานไป มันก็ไม่จ้างเมียมันอีกที เมียมันก็ทำเพราะว่ามันกลัวไม่จบ ดังนั้น มันไม่กล้าหักหลังแน่นอนและฉันคิดว่ายังเก็บเอาไว้ทำได้หลายงานอยู่น่ะ” เปรมสินีพูด คิมพยักหน้า

                 “ตอนนี้ฌอนเขาอยากให้ผมตามหาเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ลูกครึ่งตอนนี้อายุน่าจะราวๆ สิบเก้ายี่สิบนี่แหละ” คิมพูดกับเปรมสินีย์

                  “ถ้าเจอ คุณอาจจะได้เลื่อนขั้นไปในตำแหน่งที่ดีกว่า “คิมพูดเขาหันไปเหล่ตามองที่อธิการบดี เปรมสินียิ้มทันที แสดงว่าอธิการบดีคนนี้อาจจะถูกเก็บเร็วๆ นี้ก็ได้

                   “ฉันจะพยายามน่ะ” เปรมสินีย์พูดและทำท่าจะเดินกลับเข้าไปด้านใน

                   “ว่าแต่ลูกสาวเธอเป็นไงบ้าง” คิมถามเธอ อาจารย์เปรมสินีย์หันมามองหน้าคิม เพราะเหตุนี้ด้วยเธอถึงได้เข้ามาทำงานให้คิมเช่นกัน ลูกสาวคนเดียวที่ได้ตั้งครรภ์กับธรรมรัตน์ เธอรู้สึกธรรมรัตน์มานานหลังจากที่เขาแต่งงานกับแม่แพรวา เธอก็ตั้งครรภ์ไล่ๆ กันกับแม่ของแพรวาและเธอก็ถูกส่งไปอยู่เมืองนอก

                    “ก็สบายดี” เธอตอบคิม

                    “จะคลอดเมื่อไหร่” คิมถามเธอ

                   “ตอนนี้มันพึ่งจะสามเดือนเอง ก็คงอีกหกเดือนไง” อาจารย์เปรมสินีพูด คิมหันไปมองหน้าของเธอ

                   “และถ้าลูกสาวฉันคลอดแล้วก็ปล่อยลูกสาวฉันไปน่ะ ถ้าอยากได้แค่ทายาทก็เอาแค่ทายาทไปแต่ลูกฉัน ฉันไม่ให้ “เปรมสินีพูดกับคิมก่อนจะเดินกลับเข้าไป

                  "หมับ"คิมจับต้นแขนของเธอและบีบมัน "คุณคงไม่รู้ตัวซิน่ะว่าพูดอะไรออกมานะครับ ผมว่าคุณน่าจะรู้จักผมดีน่ะ คนที่จะไปจากผมได้คนนั้นต้องไปอย่างคนไร้ลมหายใจนั่นแหละผมถึงจะปล่อย หึๆ" คิมพูดกระซิบ น้ำเสียงที่ฟังดูสุภาพแต่ว่ามันกลับทำให้คนฟัง ขนลุกชันขึ้นมาทันที คิมปล่อยแขนเปรมสินีให้เดินกลับไป เขายิ้มที่มุมปาก มีเหรอที่เขาจะปล่อยใครไปง่ายๆ มันต้องตายเท่านั้นถึงจะได้ไป คิมคิดในใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปรวมวงสนทนาและสังสรรค์กับพวกคนใหญ่คนโต เปรมสินีก็นั่งเอาใจ อย่างคนที่มีประสบการณ์มาก่อน เพื่อจะไต่เต้าให้ขึ้นมาเป็นรองศาสตราจารย์คณะได้ขนาดนี้ พร้อมกับเด็กนักศึกษาที่เธอส่งมาเพื่อหารายได้พิเศษ


                      TBC….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:57:42 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.16 เธียรวิชญ์จะได้เจอคนนั้นไหม

           Part’ s เธียรวิชญ์ วันนี้ผมโดนเจ๊กกันตภพล ที่รักและเข้าใจผมมากที่สุดเพราะว่าผมนั้นโตมากับเจ๊กกัน ก็เจ๊กกันเป็นลูกหลงของอาม่าผม เลยห่างกันไม่มากและเจ๊คกันก็คอยแก้ตัวแทนผมกับอากงตลอด แต่ว่าวันนี้ ผมโดนเจ๊กต่อว่าและบอกว่าให้ผมรีบเรียนให้จบและกลับไปดูแลกิจการของอากง ผมเองก็ไม่ชอบงานบริหารและวิชาที่ผมติดอยู่ตอนนี้คือวิชาของอาจารย์ที่เข้มงวดที่สุด เขาจบดอกเตอร์แล้ว ผมว่าน่าจะรุ่นเดียวกับเจ๊กกันผมเลย ผมเลยให้อัลเบิร์ตโทรนัดเขาออกมาคุยกับผมหน่อย ที่โรงแรมหรูระดับเจ็ดดาวเลยทีเดียว
         
 ผมขับรถซูเปอร์คาร์ของผมไปที่โรงแรมนั้น ผมพ่นลมออกมายาวก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถหรูของผมเอง ผมเลือกจอดเอาไว้ด้านหน้าโรงแรมหรู ไม่ได้นำเข้าไปจอดด้านใน ผมหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาอัลเบิร์ตเพื่อนสนิทที่นี้
    // ฮัลโหล ฉันมาถึงแล้วอัลเบิร์ต//ผมบอกอัลเบิร์ต
        // ไอยังไปไม่ถึงไหนเลยเธียรเพราะว่าถนนเส้นที่ไอจะไปรถติดแต่น่าจะไม่ถึงราวๆ สิบห้านาทีได้//อัลเบิร์ตบอกผม
        //ดอกเตอร์เขาจองโต๊ะเอาไว้แล้ว นายเข้าไปด้านในได้เลยและบอกว่าเป็นแขกของดอกเตอร์ภรัณญู เขารู้เพราะว่าโรงแรมนั้นเป็นของเขา// อัลเบิร์ตพูด ผมหันหลังไปมอง โรงแรมหรูขนาดนี้เลยเหรอแล้วไปเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยทำไม ว่างเหรอผมคิดในใจ
       // ก็ได้ งั้นก็เจอกันเพื่อน// ผมบอกอัลเบิร์ต พร้อมกับวางสายไป ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง ผมเดินเข้าไปด้านใน พนักงานต้อนรับดูสุภาพมากก็อย่างว่านี้เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดับขึ้น
       “สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” มีพนักงานแต่งตัวดูดีเครื่องแบบพนักงานต้อนรับ เดินเข้ามาสอบถามผม ผมว่าไม่บ่อยเลยที่จะมีพนักงานเดินเข้ามาถามแบบนี้ ผมยอมรับว่าถ้าเป็นที่ไทยเป็นเรื่องปกติแต่ที่ต่างประเทศ เราต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาหากต้องการความช่วยเหลือ
       “ผมมีนัดกับดอกเตอร์ภรัณญูนะครับ เขาได้จองโต๊ะที่ห้องอาหารเอาไว้ด้วยครับ” ผมแจ้งเธอ เธอพยักหน้าก่อนจะเดินไปสอบถามพนักงานคนอื่นๆ สักพัก เธอก็เดินกลับมาหาผม
       “คุณต๊ะเขาได้แจ้งเอาไว้แล้วค่ะ เชิญที่ห้องอาหารได้เลยค่ะ” เธอบอกผม ผมหันไปส่งยิ้มให้เธอ ดูเธอสวยน่าสนใจทีเดียว
       “ไม่เดินไปส่งผมสักหน่อยเหรอครับ ผมมาครั้งแรกครับ” ผมถามเธอ
       “ดิฉันจะให้พนักงานไปส่งนะคะ เพราะว่าหน้าที่ดิฉันคือต้อนรับและให้ข้อมูลเท่านั้นค่ะ” เธอพูดพร้อมกับเดินไปเรียกพนักงานแต่เป็นชาย รูปร่างสูงใหญ่เดินมาหาผมทันที
        “ผมว่าแค่บอกทางผมก็พอ ผมไปถูกครับ” ผมพูด
        “แน่ใจนะครับ” เขาถามผม
        “ครับยิ่งกว่าแน่ซะอีกครับ” ผมพูดและเขาก็ผายมือให้ผมเดินไป ผมก็รีบเลยซิครับ น่าแปลกอาจจะเป็นเพราะว่าผมไปแต่ล่ะที่ที่มีแต่ผู้หญิงที่ผมหยอดติดแต่ไม่ใช่ที่นี้ ผมเดินตรงเข้าไปในห้องอาหารหรู ผมก็ต้องเจอพนักงานอีกแล้ว เธอสวยและยิ้มหวานมีเสนห์แบบสาวผมทอง
        “ขอชื่อนามสกุลค่ะ” เธอถามผม
        “เธียรวิชย์ เดชาวชิระภังกุลชร ผมเป็นแขกของดอกเตอร์ภรัณญูครับ” ผมบอกเธอ เธอมองหน้าผม
        “คนไทยใช่ไหมคะ” เธอถามผมโดยไม่ได้มองหน้า
        “คุณเธียรวิชย์แขกของคุณต๊ะนะคะ รบกวนตามมาดิฉันมาเลยค่ะ คุณต๊ะได้ระบุเอาไว้แล้วค่ะ” เธอบอกผมก่อนจะเดินนำผมเข้าไปในห้องอาหารหรู ผมก็ว่าหรูดีมีสไตล์แต่ผมก็เคยไปมาแล้ว ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่แต่ตื่นเต้นตรงพนักงานแต่ละคนหน้าตาคัดสรรมาจากไหน หน้าตาดีทั้งนั้น ผมนั่งลงก่อนจะเงยหน้ามองเธอ
       “รับเครื่องดื่มรอเลยไหมคะ คุณต๊ะแจ้งว่าน่าจะมาถึงช้าสักสิบนาทีเพราะว่าวันนี้มีประชุมค่ะ” พนักงานคนที่นำผมมาเขาถามผมทันที
       “ผมขอไวน์ก่อนเลยแล้วกันนะครับคุณคนสวย” ผมพูด ผมพูดและทำท่าจะขอจับมือแต่ว่าเธอก้าวถอยหลังและยิ้มให้ผมฟาล์วเลยผม
       “ได้ค่ะ รอสักครูนะคะ” เธอบอกผม ผมพยักหน้า ผมน่ะเคยเจอแต่ผู้หญิงที่สปากปุ๊ปก็ติดปรับแต่นี้ผู้หญิงสวยๆ ทั้งนั้น ไม่มีใครให้ผมสปากเลยสักคน น่าแปลก หรือว่าเจ้าของนี้เคร่งครัดเรื่องแบบนี้มากกันแน่
       “พนักงานโรงแรมของผม ได้รับการอบรมเป็นอย่างดี กับการปฏิบัติกับแขกนะครับ ถ้าพวกเขาปฏิบัติหน้าที่อยู่จะไม่มีการ สัมผัสกับแขกที่มาใช้บริการหากไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรที่ควรจะทำนะครับคุณเธียรวิชญ์ คุณอย่าหาโอกาสเลยนะครับ” ผมได้ยินเสียงดีงมาจากด้านหลัง ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปยื่นมือไปเช็กแฮนด์ทักทาย ผมเรียนกับเขาก็จริงแต่แทบจะไม่เคยได้สนทนากับเขาเลย
      “เชิญนั่งครับ” เขาบอกผม
      “เพื่อนผมกำลังจะมาถึงครับ” ผมคนตรงหน้า
      “ผมทราบแล้วครับและเขาคือคนที่นัดให้ผมมาคุยกับคุณก่อน” คนตรงหน้าผมพูด ผมพยักหน้า
      “คุณสั่งเครื่องดื่มแล้วใช่ไหมครับ” เขาถามผม ผมพยักหน้า
       “จะรอเครื่องดื่มมาดื่มรอก่อนหรือว่าจะให้ผมพูดเลยดีครับคุณเธียรวิชญ์” เขาถามผมแบบนี้ ผมเตรียมกลืนน้ำลายลงคอ
       “นามสกุลของคุณนี้ไม่ธรรมดาน่ะ เดชาวชิรภังกุลชร มีธุรกิจโรงเรียนสามภาษาตั้งห้าแห่งและน้องของพ่อคุณเขาก็เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังซะด้วย แถมเขายังจบมาจากที่เดียวกับที่คุณมาเรียน” คนตรงหน้าพูดนี้เขาไปสืบผมมาจากไหนเนี๊ยะ!
       “เขามาเรียนปริญญาตรีควบปริญญาโทที่นี้ ภายในห้าปีเขาก็จบปริญญาตรีสองใบ ปริญญาโทสองใบเพราะว่าเขาเรียนสองทีและยังจบดอกเตอร์อีกด้วย” คนตรงหน้าพูด ผมเงยหน้ามองหน้าเขา ใช่ครับเจ๊กผมโคตรเก่งกว่าผมเลย
        “คุณมีพี่น้องสี่คน” เขาพูดกับผมก่อนจะส่งไอแพตมาให้ผมดู เขาสืบมาจากกูเกิลเหรอ
        “คุณจะเอายังไงครับ คุณอยากจะจบไหมหรือว่าจะยอมยกธงขาวบินกลับไปมือเปล่าครับคุณเธียรวิชญ์” เขาถามผมแบบนี้
        “บ้านคุณนี้จบปริญญาโทกันหมดแล้วไม่ใช่เหรอครับ” เขาถามผมอีก ผมพยักหน้า
        “ผมจะบอกให้น่ะ พ่อผมก็มีโรงเรียนแต่เป็นระดับมัธยม น่าปวดหัวกว่าโรงเรียนคุณอีกและโรงแรมอีกมากมายที่พวกผมต้องแข่งขันกับโรงแรมอื่นๆ เพื่อให้ได้ยอดผู้เข้าพักและทำกำไรให้ได้ทุกปี ทำให้ขึ้นแท่นเป็นโรงแรมที่มีคนเข้าพักอันดับหนึ่งให้ได้ทุกปี “เขาพูดกับผม
       “คุณคิดว่าถ้าคุณไม่พัฒนาตัวคุณเองตอนนี้ คุณจะไปบริหารงานโรงเรียนคุณได้ยังไงครับ” เขาถามผม ผมก็จนมุมหมดหนทางตอบเลย
       “ผมจะให้โอกาสคุณน่ะ ผมเองก็ไม่ใช่คนใจร้าย คุณทำงานส่งผมจนครบและคุณก็ทำวิทยานิพนธ์ส่งผมแค่นั้น ผมจะให้คุณผ่านแต่คุณต้องเข้าเรียนวิชาผมให้ครบถ้วนด้วย ผมถึงจะให้ผ่านนะครับ” คนตรงหน้าพูด ผมพยักหน้าเบาๆ
       “ผมรู้จักกับเจ๊กคุณน่ะ เราเรียนด้วยกันหลายวิชาอยู่น่ะแต่ไม่ได้คุยกันนานแล้ว เขาส่งอิเมลมาหาผม ผมถึงได้ยอมมาคุยกับคุณ ดังนั้น นี้คือโอกาสเดียวที่คุณจะได้ ไม่อย่างนั้น คุณก็เตรียมแพ็คกระเป๋ากลับมือเปล่าได้เลย” เขาพูดก่อนจะลุกขึ้นยืน
       “ผมมีงานต้องทำต่อแต่ไม่เป็นไร โต๊ะนี้ผมจองเอาไว้ให้คุณ ตามสบายเลยนะครับ อาหารของโรงแรมผมน่าจะทำให้คุณประทับใจบ้างที่ได้มาคุยกับผม คุณเธียรวิชญ์” ผมพยักหน้า คนนี้โคตรโหดอย่างที่นักศึกษาเขาพูดกันเลยจริงๆ เขายิ้มให้ผม

          ผมหันไปมองเพื่อนรักของผมมาถึงแล้ว อัลเบิร์ตและแฟนสาวนาตาลี แฟนสาวของอัลเบิร์ตเป็นคนรัสเซีย ตาสีฟ้าสวย แฟนเพื่อนผมไม่ยุ่งอยู่แล้ว ดอกเตอร์เขาเดินออกไปและเขาได้ทักทายอัลเบิร์ตด้วย ทั้งคู่เดินเข้ามาพร้อมกัน ผมหันไปมองทำไมพึ่งจะมากัน ทั้งคู่นั่งลงตรงข้ามกับผม
        “ไฮ เป็นไงบ้าง” อัลเบิร์ตเขาถามผม ก่อนจะหันไปยิ้มแปลกๆ กับแฟนสาว
        “ก็โดนไปชุดหนึ่งเลย “ผมพูด
        “เขาไม่ธรรมดาน่ะ เขาไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ ด้วย เขาถึงได้ขึ้นแท่น อาจารย์ขาโหด ใครไม่ตั้งใจเรียนอย่าหวังจะผ่านง่ายๆ
        “ไอ้อัลเบิร์ตพูด ผมหันมามองนาตาลี คนสวย
        “บินมาเมื่อไหร่ครับ” ผมถามนาตาลี เธอบินกลับไปเพื่อต่อวีซ่าและมาเรียนที่นี้ต่ออีก
        “ก็วุ่นวายกับเอกสารวีซ่าอะเธียร ไม่ง่ายเลยน่ะที่จะอยากจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนแต่มีอุปสรรคมาขวางอ่ะแต่ว่าเราทั้งคู่ก็จะไม่ปล่อยมือกัน” นาตาลีพูด ผมพยักหน้า พอดีไวน์ยี่ห้อหรูดูดีมาเสิร์ฟพอดีเขาเสิร์ฟให้ผมสามคน
         “เธียร” อัลเบิร์ตเรียกผม ผมหันไปมอง เขาก็ชูนิ้วแฟนสาวให้ผมดู แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายนั้นก็แปลว่า เธอถูกขอแต่งงานแล้วซิน่ะ
         “นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม!!” ผมถามด้วยอาการดีใจมากกว่า
         “ไม่ใช่แน่นอน เรื่องแบบนี้ใครจะมาล้อเล้น ฉันพึ่งจะขอเขาตอนที่ไปรับมาจากสนาม ก็ขอแต่งงานเลย” อัลเบิร์ตพูด ผมรีบยกแก้วไวนร์ขึ้นมาเพื่อฉลองให้เพื่อนรักของผมกับแฟนสาว ผมนับถือเลย ถ้าเป็นผมละจะทำได้เท่าไอ้อัลเบิร์ตไหม มีแฟนที่ไม่ใช่พลเมืองที่นี้และยังต้องมาสู้รบกับเอกสารการยื่นวีซ่าเพื่อจะได้อยู่ด้วยกัน ลุ้นตัวโก่งทุกที เอกสารมากมาย เป็นผมคงท้อก่อนผมคิดว่าน่ะ
         “ดีใจด้วยน่ะทั้งคู่เลย ขอให้เรื่องวีซ่าผ่านไปได้ด้วยดีน่ะ ขออย่าให้มีอุปสรรคน่ะ” ผมพูดบอกทั้งคู่
         “ไอน่ะนับถือเลยน่ะ “ผมพูดกับอัลเบิร์ต
        “ถ้านายรักใครสักคนจริงๆ ต่อให้มีอุปสรรคมากแค่ไหนและนายอาจจะต้องพยายามหลายเท่าเพื่อให้เขาอยู่กับนาย นายจะรู้ว่ามันมีค่ามากจริงๆ และคนคนนั้นต้องสำคัญกับนายจริงๆ จนนายจะไม่ยอมเสียเขาไป หากต้องแลกกับทุกสิ่งที่นายมี นายก็จะยอม “อัลเบิร์ตพูด ผมพยักหน้าว่าอาจจจะจริง แต่ผมคิดว่ายังไม่เจอน่ะ ผมยิ้มๆ ให้ทั้งคู่ นั่งทานอาหารกัน มืออาหารมื้อนี้ก็จะมีรสชาติความหวานของคู่รักเข้ามาเติมเต็ม
         ตื้ด!! มีข้อความเข้ามือถือผม เป็นข้อความจากเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง สายชอบเที่ยวด้วยกัน ผมมีเพื่อนหลายคนน่ะแต่อัลเบิร์ตนี้เพื่อนที่สนิทคุยกันได้ทุกเรื่องมากกว่า
       “เธียร ไออยู่ที่ผับXXXX มีสาวสวยมาเที่ยวหลายคน ยูอยากจะมารู้จักสักคนไหม ตามมา” นั้นไงเชื้อเชิญมาขนาดนี้จะไม่ไปได้เหรอ
        “ไปไหนต่อหรือเปล่า” อัลเบิร์ตถามผม
        “เอนโทนี่ ชวนไอไปเที่ยวต่อ” ผมบอกอัลเบิร์ต
        “งั้นก็ตามสบายเลย ไอจะพานาตาลีกลับแล้ว เธออยากพักน่ะ เธออุตส่าห์มาเที่ยวและเรื่องวุ่นวายเยอะแยะด้วยช่วงนี้เลยขอผ่านไปก่อนเลยเรื่องเที่ยว” อัลเบิร์ตพูด นาลาลีหันมากุมมืออัลเบิร์ต มันทำให้ผมรู้สึก อยากมีแบบนี้ขึ้นมาเฉยเลย คนที่กุมมือผมในเวลาที่ผมต้องการใครจริงๆ สักคน
        “He’ s a good man” ผมบอกนาตาลี
        “ฉันเห็นด้วยน่ะเธียรแต่ฉันว่าคุณก็เหมือนกันน่ะ ถ้าคุณเจอคนที่คุณรักเขาจริงๆ คุณก็จะเป็นเหมือนเขาน่ะ” นาตาลีพูด ผมพยักหน้าใช่ผมเชื่อว่าผมเป็นได้เพราะว่าผมเห็นป๊ากับม๊าแต่ว่าตอนนี้เธียรวิชญ์ยังไม่เจอคนนั้นไง เลยขอลอยไปลอยมาก่อนดีกว่า
         ผมกับอัลเบิร์ตก็แยกย้ายกันกลับ ผมเดินไปขับรถคันหรูของผมไปผับที่เพื่อนผมบอก ผมไปกันบ่อย ผมขับรถไปผมก็คิดไปด้วย ถึงเหตุการณ์คืนนั้น ทำไมมันยังติดต่อผมอยู่เลย ที่ผมไปมีอะไรกับเด็กผู้ชายคนนั้น ถ้าป๊ารู้ว่าผมไปมีอะไรกับผู้ชายและผมข่มขืนเขาอีก ป๊าจะว่ายังไงวะ เธียรวิชญ์เองก็ไม่เคยมาก่อนด้วย คิดไม่ออกเลย แต่ตอนนี้ต้องเรียนให้จบก่อน เจ๊กกันด่ามาแล้วด้วย ผมไม่เคยโดยเจ๊กกันด่าขนาดนี้เลย
             ผมนำรถเข้าไปจอดด้านหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในผับดังย้ายที่มีแต่สถานบันเทิงและผู้คนมากมายที่ยืนอยู่ เขามาเพื่อมาเที่ยวกัน ปลดปล่อยด้วยกัน ผมเดินฝ่าผู้คนเข้าไปด้านในจนถึงเพื่อนๆ ของผม สาวสวยที่พวกนี้นัดกันมา แต่ตั้วได้สุดยอด กันทั้งนั้น โชว์สัดส่วนกันได้แจ่มๆ เลย ผมก็ยิ้มให้แต่ล่ะคน
        “ไฮเธียร เป็นไงบ้างเพื่อน” ไอ้เอนโทนี่เพื่อนของผม เป็นเพื่อนอัลเบิร์ตเหมือนกัน
        “อัลเบิร์ตล่ะ” เขาถามผม
        “ไปกับนาตาลี” ผมบอก
        “แฟนมาหาแล้วเหรอ เห็นมันหงอยไปหลายเดือนเลย” ไอ้เอ็นโทนี่พูด ผมหันมาเจอสาวสวยคนหนี่ง เธอสวยจริงๆ หน้าสวยมาก หุ่นก็ดี สูงยาว ความสูงเท่าๆ กับผมเลย เธอหันมายิ้มให้ผม ผมยาวคลุมแผ่นหลังแต่ว่าเธอหันมายิ้มให้ผมพร้อมกับปัดผมไปด้านข้าง ทำให้เห็นเสื้อเว้าด้านหลัง ผมนี้หันมามองเธอแบบเต็มๆ ตา
        “น้องชื่อZoe พึ่งจะจบมหาวิทยาลัย ไม่มีแฟนแต่น้องเขาเลือกเยอะ ถ้ามึงทำให้น้องเขาถึงใจอาจจะได้เป็นแฟนก็ได้น่ะ
        “เอ็นโทนี่บอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินไปนั่งข้างๆ เธอ
        “ไฮ สบายดีไหมคะ” เธอถามผม
        “ไม่ค่อยสบายครับ ผมคิดว่าผมกำลังตกหลุมอยู่” ผมพูด ผมนั่งจ้องมองใบหน้าที่สวยสะดุดตาของเธอ ดูเธอวางตัวดีน่าดู ผมชอบคนว่างตัวดีมาก
        “จะขอฉันเดทใช่ไหมคะ” เธอถามผม ผมก็ยิ้มให้
        “แล้วได้ไหมครับ” ผมถามเธอทันที
        “ก็ดูก่อนนะคะว่าคืนนี้คุณจะทำให้ฉันพอใจแค่ไหน” เธอพูดก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ ผมก้มลงมองชุดแซกสั้นโชว์แผ่นหลังเกือบจะทั้งแผ่นและข้างหน้าก็ดูปกติแต่เดาได้ว่าหน้าอกไม่ธรรมดา ผมมองเธอก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ๆ เหล้าถูกรินมาให้ผม ผมรับมาและขอชนแก้วกับเธอทันที ไม่ต้องถามหรอกว่าผมจะพลาดไหม ผมไม่น่าจะพลาดแน่นอน แต่ผมยอมรับว่าเธอสวยมากกว่าทุกคนที่ผมคั่วมา ผมคิดว่าผมกำลังตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง
        TBC....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-04-2024 11:58:29 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
         
EP.17แพรวาเซอไพรส์เธียร
              Part’ s เธียรวิชย์ ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องถามผมหรอกว่าจะได้โซอี้มาไหม ผมได้ครับ เธอรุปร่างดี สมส่วนดี ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป เธอหน้าสวยมาก จนผมเริ่มรักเธอเข้าแล้วจริงๆ หรือว่าผมจะได้แฟนเป็นฝรั่งจริงๆ แต่ในฝันผมน่ะ เด็กน้อยเขาเรียกแม่เขาว่าม๊าน่ะ พวกเพื่อนผมเลยแซวว่าผมอาจจะได้ลงเอยกับแพรวา ผมคิดว่าคนที่ผมฝันถึง หน้าตาไม่ใช่แพรวาเลยสักนิด ห่างไกลกันมาก แต่ว่าตอนนี้ผมกำลังนอนกับสาวหุ่นดีเปลือยเปล่า ที่ผมจัดมาจากที่ไปดื่มกับเพื่อน

     กริ่ง!!! เสียกริงหน้าประตูห้องสตูดิโอ้ของผม

          “ที่รักใครมากดกริ่งหน้าห้องของคุณนะคะ” สาวสวย ผมที่นอนเปลือยกายอยู่ สะกิดเรียกผม ผมค่อยหันไปมองหน้าเธอ ใบหน้าที่ดูสวยในงามที่ไม่มีเครื่องสำอางแบบนี้ ผิวที่ขาวเนียนนอนเปลือยเปล่าคว่ำอยู่ข้างๆ ผม แอบเห็นอกตูมๆ วับๆ แว๊บๆ ผมทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง เมื่อคืนผมจัดไปสองยกติดๆ เลย ดูน้องเขาก็ไม่เบาเช่นกัน

            กริ่ง!!!ดังอีกแล้วรอยนี่ดังยาวหน่อย

              “ที่รักค่ะฉันคิดว่าเขาอยากจะคุยกับคุณนะคะ ไปเปิดประตูดูซิคะ” โซอี้บอกผม
              “ผมคิดว่าเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์มากกว่านะครับโซอี้” ผมตอบข้างๆ ไปโดยไม่ยอมลืมตาขึ้นอยากนอนกอดร่างเปลือยเปล่านั้น
              “เดี๋ยวฉันจะทำอาหารเช้าสไตล์ฝรั่งเศสให้คุณทานนะคะ ที่รัก” ผมพึ่งจะรู้ว่าเธอมีเชื้อสายฝรั่งเศสด้วย เธอเช้ามากระซิบที่ลงข้างหูของผม ผมก็พยักหน้าตอบในขณะที่ผมนอนคว่ำทับเจ้าโลกของผมอยู่

               ผมก็หลับตาลงนอนต่อ วันนี้ต้องไปส่งวิทยานิพนธ์ของอาจารย์ที่หินที่สุด มหาโหดมากๆ ไม่รู้จะผ่านไหมแต่ผมต้องจบให้ได้เร็วที่สุดแล้วป๊าเร่งมาอีกแล้วไงแต่ที่ผมต้องทาถมเพราะว่ารอบนี้ป๊าบอกว่า ถ้าผมไม่กลับ ป๊าให้ผมหางานทำและเลี้ยงตัวเองที่นี้ไปเลย เลยต้องเร่งมือรีบจบทันที เห็นแบบนี้ หางานยากน่ะสำหรับผมที่ไม่รู้อะไรที่นี้มากหนัก
              “อีหน้าด้าน!!” เสียงดังมาจากด้านน้อง ทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง กระดกหัวขึ้นรอฟังเสียง ใครวะ ใครมาด่า หรือว่าโซอี้เปิดทีวีแต่ว่านี้ภาษาไทย ผมไม่มีช่องภาษาไทยเลย
              “นังบ้า! นี่หล่อนเป็นใครกัน? “เฮ้ยย!! โซอี้พูดกับใคร
             “ฉันก็เป็นแฟนคนที่แกนอนด้วยไง อีด-ก!! และหล่อนนั่นแหละเป็นใคร ถึงได้หน้าด้านมานอนห้องพี่เธียรชั้นแบบนี้” น้ำเสียงที่ฟังแล้วคุ้นหูมาก
            “เธอพูดว่าอะไรน่ะ” เสียงโซอี้กำลังโต้เถียงกับใครอยู่
            “ฉันเป็นแฟน” เธอพูดย้ำชัดว่าเป็นแฟนผมด้วย ใครวะเฮ้ย!!!
            “ตอแหล!!” โอ้วมายกู้ดเนส!! เสียงด่าทอใส่กันมันดังมาจากด้านนอกนี่เอง
            “ฉาด!! “ผมถึงกับดีดตัวขึ้น เพราะว่าเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าใครสักคน
            “ใครกันแน่ที่ตอแหล!! ฉาด!!” เสียงฝ่ามือดังมาอีกที ผมว่าชัดแล้ว มีตบตีกันด้านหน้าแน่ๆ คอนโดนี้เน้นเรื่องความสงบเป็นที่หนึ่ง มีหวังเธียรวิชญ์คงได้ต้องย้ายคอนโดด่วนเพราะว่าโดนไล่
           “โคล้ม!!” ผมรีบดีดตัวขึ้นจะวิ่งออกไปแต่ว่าแก้ผ้าอยู่ ผมก็เลยต้องวิ่งกลับเข้ามาในห้องและตรงไปที่ในห้องเสื้อผ้า พร้อมกับหยิบเอากางเกงบอกเซอร์มาสวมก่อนจะวิ่งออกไปข้างนอกห้องนอนของผม

           สิ่งที่ผมเห็นคือผู้หญิงที่รูปร่างคุ้นๆ กำลังคร่อมอยู่บนตัวผู้หญิงที่ผมพามาโป่ง โป้ง ฉึ่งกันเมื่อคืน และเธอก็พลิกคนที่ตบเธออยู่ให้ลงไปและเธอก็ตบหน้าคนนั้นกลับคืนทันที และนั้นถึงทำให้ผมรู้ว่า แพรวา ผมจะยืนอยู่ช้าอะไรล่ะ รีบเข้าไปดึงแม่เสือสาวของผมออกไปก่อนและแพรวาก็ลุกขึ้นมาก็ผลักผมกระเด็นและตรงเข้าไปตบโซอี้อีกหลายฉาดติดกัน
           “หยุด!!ได้โปรด!นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันครับคุณ? “ผมลุกขึ้นตะโกนห้ามทั้งคู่ ก่อนที่ทั้งคู่จะหยุดและหันมามองหน้ากัน
           “เกิดเรื่องบ้าอะไรกันครับ?” ผมถามทั้งคู่ ก่อนจะหันมามงแพรวาและโซอี้ สภาพที่ยับเยินไม่แพ้กับแพรวาเช่นกัน
          “แล้วนี่แพรวา เธอมาได้ยังไง เธอสอบเสร็จแล้วเหรอ ถึงได้แอบนีมาแบบนี้” ผมถามแพรวาเธอบ้าง
          “ก็มาเซอไพรส์พี่เธียรไงคะ แต่ดันได้มาเจออีฝรั่งหัวทองนี้ พี่เอามันเหรอ พี่นอนกับมันเหรออ อีกระ-หรี่นี้น่ะ” แพรวาด่าผู้หญิงคนนั้น ผมนี้กุมขมับตัวเองเลย หรือผมควรจะทำตามที่ป๊าผมบอก หางานและอยู่มันที่นี้ไปเลย
          “ผู้หญิงคนนี้เขาพูดว่าอะไรคะ ที่รัก” โซอี้หันมาถามผมทันทีเพื่อให้ผมแปลที่แพรวาพูด
          “ไม่มีอะไรครับ “ผมรีบหันไปตอบทันที สีหน้าเธอไม่เชื่อผมหรอก
          “ฉันบอกว่าหลอนน่ะมันกะหรี่ไง!!” แพรวาพูด และมันก็เหมือนการเติมเชื้อไฟลงไปในกองเพลิงชัดๆ เลย ผมทำท่าจะยกมือห้าม
          “ที่รัก!!” โซอี้อเรียกผมและแพรวาก็หันมามองประมาณว่าพร้อมบวกทุกเมื่อแบบนี้
         “ชู!!” ผมทำนิ้วว่าอย่าเสียงดังเดี๋ยวข้างห้องร้องเรียนไป
         “เราค่อยๆ คุยกันดีไหม” ผมถาม
          “ไม่!!!” นั้นพร้อมใจกันตอบแบบนื้ เธียรวิชญ์อยากจะบ้า ผมหันไปมองแพรวา ใครปล่อยเธอมา อยากรู้ ส่วนคนนี้ภาพลักษณ์ที่ผมมองเมื่อคืนหายไปหมดเลย สวยแต่รูปภายนอกจริงๆ ผมนี่ไม่ชอบให้ผู้หญิงมาตบตีแย้งกัน ถึงผมจะเจ้าชู้แต่ผมก็จะบอกเลยว่าอันไหนแฟนอันไหนแค่ปั่ม ปั้มแต่นี่ผมยังไม่ได้ให้สถานะเลย ผมคงคิดว่าผมไม่อยากไปต่อกับโซอี้แล้วแหละ พอเถอะ ยังโวยวายใส่กันไม่เลิกอีก
         “พอได้แล้ว!!” ผมตะคอกห้ามทั้งคู่เสียงดัง
         “ผมไม่ใช่แฟนของคุณทั้งคู่. ไม่มีใครเป็นแฟนผมทั้งนั้น! ผมพูด ก่อนจะหันหน้าไปมองทางอื่น เพราะว่าภายในห้องผมเละเทะไปหมด ส่วนแพรวา ที่ยืนกอดอกยิ้มเยอะเย้ยให้โซ่อี้
        “คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง คุณบอกว่าคุณรักฉัน บอกรักฉันทั้งคืนเลยน่ะ เธียร” โซอี้บอกผม
       “นั้นมันอารมณ์พาไปแต่ว่าตอนนี้ผม…” ผมพูดเพราะว่าผมเปลี่ยนใจดีกว่า ภาพที่ผมเห็นเธอคือผู้หญิงที่สง่างามแต่ภาพที่เธอตบตีกับแพรวา ผมว่าไม่ได้ต่างจากผู้หญิงที่ผมหิ้วมานอนด้วยเลยจริงๆ
        “ผมบอกว่าผมชอบคุณ ถูกใจคุณแต่ไม่ได้บอกว่าผมจะรักคุณ มันยังไม่ถึงขั้นนั้น เราพึ่งจะเจอกันเองนะโซอี้” ผมพูด
         “แต่ดูแล้วผมว่าเรา ไปได้แค่นี้จริงๆ” ผมพูดกับเธอ แพรวายืนกอดอกยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะแต่โซอี้ยืนมองผม เธอกำหมัดแน่น
        “แล้วอีนี่มันใคร มันมาถึงก็ตบฉัน นี่เมียคุณเหรอ” โซอี้ถามผม
        “เขาก็ไม่ใช่เมียผม แต่เป็นใคร ไม่ใช่เรื่องของคุณ โอเคน่ะโซอี้” ผมตอบโซอี้
        “ได้ ฉันจะเรียกตำรวจ” เธอบอกผมว่าจะเรียกตำรวจอีก งานใหญ่แน่เธียรวิชญ์
       “โซอี้ ไม่เอาน่ะ คุณจะเรียกตำรวจทำไมเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง “ผมพูดก่อนจะหันมามองแพรวา
       “มันตบฉัน มันทำร้ายฉัน คุณก็เห็น” โซอี้พูดผมก็ต้องยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง
       “แพรวา ขอโทษเธอซะ เธอเข้ามาตบเขาก่อน เธอผิด” ผมหันมาบอกแพรวา
      “ไม่ค่ะ แพรวาไม่ขอโทษ มันน่ะผิดที่มายุ่งกับพี่” แพรวาพูด
      “แพรวา ขอโทษโซอี้เขาซะ หรือเธอจะให้เขาโทรแจ้งตำรวจ พ่อเธอไม่ได้ใหญ่ที่นี่น่ะแพรวา เพราะว่าที่นี้ไม่ใช่เมืองไทย” ผมพูด พร้อมกับเอามือเท้าสะเอว
        “แต่...”
        “แพรวา พี่ขอร้อง เพราะว่าพี่เองก็ไม่อยากมีปัญหาที่นี้ และปัญหานี้มันก็มาจากเธอ!! ที่จู่ๆ เข้ามาตบเขา แถมเธอก็ไม่ได้เป็นแฟนพี่ “ผมพูดกับแพรวา นี้ไม่ใช่ประเทศไทย กฎหมายเขาแรงมากเรื่องทำร้ายร่างกาย อาจจะต้องไปขึ้นศาลเลยด้วยซ้ำ ผมหันมามองหน้าแพรวา
        “พี่เธียร!!” เธอหันมามองหน้าผม โซอี้ยืนกอดอกมองเธอ รอการขอโทษ
         “แพรวา พี่ขอล่ะ ขอโทษเขาซะ” ผมพูดกับแพรวา เธอหันไปมองหน้าโซอี้
         “ฉันขอโทษ!” คำขอโทษที่กระแทกเสียงใส่โซอี้
         “ไม่มีใครเขาสอนเธอเรื่องมารยาทบ้างเหรอ “โซอี้พูดใส่หน้าแพรวา
        “อี!!” แพรวาก็ง้างมือรอแต่ว่าผมรีบคว้าข้อมือเธอเอาไว้ก่อน
        “อย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ แพรวา!” ผมพูด
        “เธออาจจะโดนแบนและไม่ได้มาที่ประเทศนี้อีก เพราะเขาจะปกป้องคนในประเทศเขาก่อน เชื่อพี่ซิ และเธอผิด” ผมพูดแพรวามองหน้าผมก่อนจะลดมือลง
        “โซอี้ ผมขอโทษแทนแพรวาด้วยนะครับ เธอเป็นน้องสาวผม” ผมพูด
         “และผมขอโทษที่ผมทำให้คุณเข้าใจผิด ที่ว่าว่าเราเป็นแฟนกัน คือว่าผมเองก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นน่ะคุณ มันเร็วไปนะครับ “ผมหันไปพูดกับเอมิลี่ เธอหันมามองหน้าแพรวา ก่อนจะหันมามองหน้าผม
        “F **k you! son of a bitch!! “แรงน่ะเนี๊ยะแต่ผมก็หันไปมองแค่หางตา ก่อนจะหันมามองตัวต้นเหตุ แพรวา และโซอี้ก็เข้าไปแต่งตัวก่อนจะเดินออกมา เขามองหน้าผมและแพรวา แต่แพรวาไม่สนใจ ลอยหน้าลอยตาใส่เธอด้วย
       “ฉันเป็นถึงนางแบบ ฉันไม่แคร์หรอกน่ะ มหาเศรษฐีเข้ามาต่อคิวกับฉันเยอะแยะ คุณคิดว่าคุณรวยเหรอ กระจอก!! เสียเวลารู้อย่างนี้ไปกับไอ้แกร้อยล้านนั้นดีกว่า!” เธอด่าใส่ผมทันที และเธอยังบอกว่าไปกับเศรษฐีแก่ๆ ผมเห็นอยู่น่ะมาที่ผับ เขารวยจริงๆ ตกลงนี้เธอคือผู้หญิงหน้าเงินว่างั้น ผมหันมาพยักหน้าเฉยๆ โชคดีไปเธียรวิชญ์ถ้าได้เป็นแฟนไม่อยากจะคิดเลย ไม่ตรงปกจริงๆ ด้วย ผมแอบคิดในใจ
         “ฉันหวังว่าเราจะไม่เจอกันอีกนะคะ คุณเธียร เสียเวลาฉัน “เธอพูดก่อนจะเดินสะบัดก้นออกไปและปิดประตูเสียงดังใส่ผมสองคนทันที แพรวาที่ยืนทำปากล้อเลียนเธอ ผมหันมามองหน้าเธอ
         “พอใจหรือยังแพรวา และเธอไม่มีสิทธิ์จะมาหาพี่ที่นี้ และนี้มันก็เป็นที่ส่วนตัวของพี่” ผมพูดก่อนจะเอามือเท้าเอวพร้อมกับพยายามสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ
         “ก็แพรวาจะมาบอกพี่ว่า แพรวาจบปริญญาตรีแล้วค่ะ และแพรวาก็ได้เกียรตินิยมอันดับสองด้วย ตามที่พี่เคยบอกแพรวาเอาไว้ไงคะ ว่าจะมีรางวัลให้แพรวานะคะ” แพรวาพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้าเธอว่าเธอได้มาได้ยังไง ผมไม่คิวด่าเธอจะได้เธอไม่ใช่คนเรียนเก่งอะไรเลย
        “เธอได้มาได้ยังไง” ผมถามเธอ
        “ความสามารถซิคะ” เธอตอบผม
        “แต่เธอก็น่าจะรอให้พี่กลับไทยก่อนก็ได้มั้งแพรวา” ผมหันมาพูดกับเธอ
        “และนี่เธอมากับใครแพรวา ถึงได้บินมาหาพี่แบบนี้” ผมถามเธอ
       “มากับคนของคุณพ่อค่ะ คุณพ่อคุณแม่แพรวาน่ะไปทำธุระกันก่อนจะมาลงเมืองนี้ค่ะแต่แพรวามาก่อนค่ะ มาเซอร์ไพรส์พี่ค่ะ
       “แพรวาพูด ผมหันไปมองหน้าเธอ
        “พี่จะไปมหาวิทยาลัยนะ และเธอก็อยู่ที่นี้ไม่ได้น่ะ ไม่คิดว่าพ่อเธอจะเข้าใจพี่ผิดบ้างเหรอแพรวา” ผมพูดก่อนจะหันหลังออกและเดินเข้าไปในห้องนอน ผมล๊อกประตูเพื่อนจะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยทันที ผมเดินออกมาจากห้องหลังจากที่ผมเสร็จธุระส่วนตัว ผมออกมาก็เจอแพรวานั่งหน้ามุ้ยอยู่ด้านนอก
         “ทำไมค่ะ แพรวาโตแล้วนะคะ พี่เธียรและแพรวาก็พร้อมแล้วที่จะเป็นแฟนพี่เธียร แพรวาพร้อมจะแต่งงานกับพี่เธียรแล้วค่ะ ใครก็บอกว่ารอให้แพรวาเรียนจบมหาวิทยาลัย ก็จบแล้วไงคะ จะบ่ายเบี่ยงอะไรแพรวาอีกละค่ะ” แพรวาพูดหันมาพูดกับผม ผมยืนเอามือเท้าโต๊ะอาหารเช้าก่อนจะหันไปมองแพรวา
         “เอาจริงๆ น่ะแพรวา พี่ไม่เคยคิดอะไรเกินไปว่าพี่ชายน้องสาวกับแพรวาเลยน่ะ จะแต่งงานกันได้ยังไง” ผมพูดกับเธอ
         “แพรวาว่าพี่ก็ต้องคิดบ้างแหละ แพรวาอยู่กับพี่เธียรไปไหนมาไหนกับพี่เธียร พี่ไม่คิดอะไรกับแพรวาเลยเป็นไปไม่ได้” แพรวาลุกขึ้นพูดกับผม

         Rrrr เบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ผมก็รีบกดรับสายทันที
         // เธียร ลูกสาวลุงอยู่กับเราหรือเปล่า// พ่อของแพรวาโทรมาหาผมทันที
         //ครับน้องอยู่ที่นี้ครับ ถ้าอย่างนั้นลุงคุยเองแล้วกันน่ะครับ” ผมบอกคนปลายสายพร้อมกับหันมาส่งโทรศัพท์ให้แพรวาทันทีเช่นกัน และแพรวาก็รับไปยืนคุยห่างจากผมไปหน่อย ผมนี้ต้องพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนที่แพรวา จะเดินมาหาผมและส่งโทรศัพท์คืนให้ผม
        “พ่อของแพรวาว่าไงครับ” ผมถามแพรวา
        “ให้แพรวาไปรอที่โรงแรมค่ะ คุณพ่อคุณแม่กำลังจะมาถึง และให้พี่ไปทานอาหารเย็นด้วยกันด้วยค่ะ” แพรวาตอบผม
        “แล้วยังไงต่อ” ผมถามแพรวาต่อ
        “ให้แพรวากลับ ไปกับท่านเลยค่ะ “แพรวาตอบผมด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
       “พี่ต้องเป็นแฟนแพรวา แพรวาไม่ยอมให้พี่ไปมีคนอื่น และที่แพรวามาคลุกอยู่กับพี่แพรวาก็เสียหาย” แพรวาพูด
       “แต่พี่ไม่เคยทำอะไรกับเธอเกินเลย แพรวา “ผมสั่นหัวด้วยความเอือมระอ้า
       “ไม่รู้ล่ะ แพรวาต้องเป็นแฟนพี่เธียรคนเดียวเท่านั้น เท่านั้น!! “แพรวาพูดก่อนจะนั่ง

              ผมเดินไปกดเปิดเครื่องชงกาแฟและจะได้ไปส่งสาวน้อยที่เอาแต่ใจตัวเองกลับไปหาพ่อเธอ ระหว่างที่ผมรอเครื่องชงกาแฟทำงาน นี่ผมหลับยาวยันเช้าเลยเหรอ โดนไม่ตื่นมาฝันเห็นเด็กน้อยที่นั่งอยู่กับผมทุกคืน แปลกน่ะและมันกลับทำให้ผมรู้สึกใจหายยังไงพิกล เล่นมาเข้าฝันอยู่หลายเดือนขนาดนี้ จนคิดว่าเราอยู่ด้วยกันไปแล้วแต่นี่ก็หายไปเฉยๆ อีก
         “แพรวา นี่เราได้คัดเลือกได้ยังไง ให้เข้ารับปริญญาบัตรเกียรตินิยมอันดับที่สองน่ะ ไหนเราบอกว่าเขาตัดสินให้คนอื่นไปแล้วไง ที่เราบ่นกับพี่ก่อนพี่จะกลับมานี่น่ะ” ผมถามแพรวา
        “ตอนแรกแพรวาก็คิดว่าไม่ได้ค่ะ แต่ตอนนี้คนที่จะได้ เขาดันตั้งท้องค่ะพี่เธียร “แพรว่าพูด ผมก็พยักหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองแพรวา
        “แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ ในเมื่อกว่าจะเข้ารับก็ปีหน้า ลูกคลอดแล้ว และมันก็ไม่แปลกน่ะถ้าจะตั้งครรภ์ทั้งที่เขาจะจบแล้ว และสมัยนี้ เขาไม่ปิดกั้นแล้วไม่ใช่เหรอ” ผมเทกาแฟใส่แก้วและตามด้วยน้ำตาล คนคนหน่อย
       “ก็คนนั้นมันเป็นผู้ชายไงคะพี่เธียร”
        “พล้วด!!!” กาแฟพุ้งกระจายออกมาทันที เฮ้ย!! ทำไมผมต้องได้ยินคำว่าผู้ชายท้องได้ตลอดในหัวผมว่ะ
        “พี่เธียรเป็นอะไรไปเนี๊ยะ!!” แพรวาหันมาถามผม ผมยกมือเบรกว่าไม่มีอะไร แต่ในหัวผมคิดว่า ที่แพรวาบอกว่าผู้ชายท้องได้ มันทำให้ผมหวนไปคิดถึง เด็กคนนั้นทันที คำพูดที่พูดออกมาเหมือนคนไร้สติว่าเขาอาจจะท้องถ้าผมไม่สวมถุงและผมก็ไม่ได้สวมถุงจริง ๆ ไม่น่าจะใช้คนเดียวกันหรอก
        “พี่เธียร” แพรวาเรียกผม
         “ก็แค่ตกใจ คนที่จะได้เขาโดยคัดออกเพราะว่าเขาท้องและเขาก็เป็นผู้ชายท้องได้” ผมถามแพรวาอีกครั้ง
        “ใช่ค่ะ และแพรวารู้มาอีกนะคะพี่เธียร แต่พี่เธียรจะรู้หรือเปล่าน่ะว่า “แพรวาพูด ผมก็วางแก้วกาแฟลง
        “คนนั้นน่ะเขาเป็น ลูกศิษย์คนโปรดของเจ๊กกันพี่ด้วยนะคะ “แพรวาพูดผมสะบัดหน้าไปมอง แน่ล่ะอากันเขาเป็นน้องชายของพ่อผมและเป็นอาจารย์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยที่แพรวาเรียน ผมเลิกคิ้วสูง มองแพรวา แพรวาหันมามองผมคงจะเดาได้ว่าผมไม่ค่อยเชื่อ
          “ก็ก่อนที่เขาจะมาทำเรื่องขอดรอปเรียนนะคะ เขามักจะมาคลุกอยู่กับอากัน ช่วยงานอากันตลอด และตอนนี้อากันก็ไปดูแล ใกล้ชิด ทำเหมือนอากันน่ะพ่อเด็กในท้องเลยนะคะพี่เธียร” ผมก็มองแพรวา ไม่จริงมั้ง ผมไม่เคยได้ยินว่าอากันชอบแบบนี้น่ะ
          “ไม่จริงอ่ะ พี่ไม่เคยได้ยินเจ๊กกันพูดว่าชอบหรืออยากมีแฟนเป็นผู้ชายเลยน่ะ และเจ๊กกันเขาก็…..” ผมเกือบหลุดแต่ว่าผมไม่พูดดีกว่า เพราะนี้คือเรื่องภายในครอบครัว เอามาบอกแพรวา ก็คงได้รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง
         “เจ๊กกันทำไมเหรอคะพี่เธียร” แพรวาหันมาถามผมทันที
         “ไม่มีอะไรหรอกครับแพรวา” ผมพูดตัดบทก่อนจะหันไปเก็บแก้วกาแฟหย่อนใส่ลงไปในเครื่องล้าง
        “เฮ้ย! แพรวาพี่ต้องไปแล้วพี่จะสายเอาเพราะว่าพี่นัดอาจารย์ที่ดูแลเรื่องทำThesis เอาไว้ นะครับแพรวา “ผมบอกแพรวาและนางก็ลุกขึ้นพร้อมกับชักสีหน้าไม่พอใจผม และจะเข้ามาควงแขนผม ผมก็รีบดึงแขนเธอออกก่อน
        “ไปครับแพรวาพี่จะรีบไปส่งและรีบไปหาอาจารย์พี่น่ะครับ อาจารย์พี่คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าพี่พลาดไปคือจบ พี่มาเรียนฟรีไม่มีใบปริญญากลับไป ไม่ต้องถามเลยว่าป๊าพี่จะให้อะไรพี่บ้าง ไม่น่าจะให้อะไรเลย โอเคนะครับ” ผมพูดก่อนจะเปิดประตูและดันนางออกจากห้องผมทันที

             ผมเดินลงมาพร้อมกับแพรวา ผมก็คิดน่ะว่า ทำไมมันยากกว่าเรียนที่ไทยอีก แถมต้องมางี่เง่ากับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เขาเป็นคนหยุมหยิม เรื่องนิดๆ หน่อยก็เอามาเป็นประเด็น เอาว่ะเรียนให้จบๆ ไปแล้วกัน เพื่อว่ามันอาจจะดีก็ได้น่ะ พี่เขายังบอกผมเลยว่า เขาเองก็ไม่ได้ชอบแต่นี้คือกิจการของครอบครัว แต่ก็ยังได้ทำสิ่งที่เขารัก คือเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยได้ (แต่ขาโหดไป ใครก็เอ่ยถึงดอกเตอร์ ภรัณญู)

TBC....


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
   
EP.18 บีมเจ็บท้องก่อนกำหนด 

                Part’ s กันต์ธีย์ ผมทำตามที่อาจารย์กันตภณบอกให้ผมมาเรียนได้ทั้งที่ผมตั้งครรภ์อยู่ เพราะว่าเป็นปีสุดท้ายแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจึงอนุโรมให้ทำได้ แต่ตลอดเวลาที่ผมกลับมาเรียน ยอมรับว่าผมต้องเจอกับสายตามากมายที่มองผม มีทั้งแซวผมบ้าง หาว่าผมไม่ได้ท้องจริงบ้าง แน่นอนใครจะเชื่อว่าผู้ชายอย่างผมท้องได้ และผมก็ต้องใช้ความอดทนสูงมากจริงๆ เพื่อที่ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ และทั้งนี้ผมก็ได้กำลังใจจากเพื่อนผมทั้งนั้น ฟิล์ม เป็กซ์ ใบชา และมะนาว แถมทั้งสี่คนยังหันไปโต้ตอบคนที่แซวผม เหน็บแหนมผมด้วย บางคนเหน็บชนิดที่เรียกได้ว่าทำเอาผมน้ำตาไหลเลย ทั้งทีผมพยายามจะเข้มแข็งที่สุดแล้ว แต่ก็ยังทนไม่ไหวเลย



                 และตอนนี้อายุครรภ์ของผมก็เข้าไปที่ 35วีคแล้ว ช่วงนี้ก็จะสึกปวดร้าวลงขา เพราะว่าครรภ์ที่ใหญ่ขึ้น พี่หมอภีมบอกจะหายไปหลังจากคลอดน้องแล้ว แถมอาการปวดหลังก็เริ่มมาอีก ไม่ใช่เพราะว่าอายุเยอะแต่เพราะว่าผมต้องแบกรับน้ำหนักเจ้าลูกโซ่ ที่เพิ่มขึ้น โชคดีที่ทุกอย่างที่ผมทานไปลงที่ลูกผมหมดเลย ผมเลยกลายเป็นมี้ที่ผอมแห้งไปโดยปริยาย ทำไมถึงเรียกมี้ เพราะว่าจากคำว่ามัมมี้ จะให้เรียกแม่ก็เกรงใจ มะนาวเลยบอกให้ผมสอนลูกโซ่ตั้งแต่ในครรภ์เลย แทนตัวเองว่ามี้อย่างนั้นอย่างนี้ และดูน้องจะชอบซะด้วย ดิ้นถีบพุงเล่นทุกทีที่พูดคุยกับเขา



            ของใช้ของลูกโซ่ ผมก็ได้มาจากพี่สาวของฟิล์มหลายอย่างเลย เพราะว่าพี่เขามีลูกสองคนแล้วพี่เขาพอแล้ว พี่เขาบอกว่าเหนื่อยมาก และไหนจะต้องทำงานทั้งคู่ ผมได้มาก็มีเปลนอนของเด็กเล็ก เปลโยกของเด็ก ตอนแรกอาจารย์กันตภณบอกจะซื้อให้ใหม่หมด แต่ผมว่าถ้าประหยัดได้ก็ควรประหยัด แต่เสื้อผ้านี้อาจารย์เขาพาผมไปซื้อมาไว้ให้น้องหลายชุดเลยแถมยังช่วยผมเลือกอีก ของใช้ทุกอย่างของเด็กอ่อน ก็ได้เพื่อนรักของผมนี่แหละที่รวยรวมเงินและซื้อมาให้ผมบ้าง และที่น่าแปลกใจอาจารย์กันตภณซื้อของใช้ที่ผมจำเป็นทั้งนั้นเลย ไม่เว้นแม้กระทั้งกระเป๋าที่เรียกว่า กระเป๋าผ้าอ้อมหรือ Nappy bag ของที่คุณแม่ต้องมีเพื่อใส่ของใช้ลูกเวลาหอบหิ้วลูกไปไหน อันนี้เซอไพรส์ผมมากทีเดียวแต่ถ้าบอกว่าอาจารย์เขามีลูกแล้วผมละเชื่อเลย  ผมจำได้ว่าอาจารย์บอกว่ามีหลานหลายคน ลูกพี่ชาย ลูกพี่สาว

               วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายแล้วของผม ผมก็รู้สึกขอบคุณตัวเองน่ะที่แบกทุกอย่างมาได้จนถึงวันนี้ ผมคิดว่าผมคงต้องดรอปและจะได้กลับมาเรียนไหม ผมไม่รู้เลยแต่ว่านี้ผมอดทนคำดูถูกนินทามาจนวันสอบวันสุดท้ายได้ ผมขอบคุณตัวเองจริงๆ

               “แกนี้ไง ที่แพรวาพูดว่า ท้องน่ะและสงสัยว่าจะท้องกับอาจารย์กันตภณด้วย” ขณะที่ผมยืนอยู่ในลิฟต์ ผมกำลังจะขึ้นไปที่ห้องพักอาจารย์ เพื่อไปหาอาจารย์กันตภณพอดี มันทำให้ผมหยุดชะงัก ผมว่าจะไปขอบคุณเขาสักหน่อยที่ช่วยให้ผมผ่านวิกฤติอันเลวร้ายนี้ไปได้ แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่ยอมหมดนี่ซิ ผมยืนนิ่ง ในลิฟต์

   “แพรวามันรู้ได้ไงวะ” ผมได้ยินเขากระซิบคุยกัน

   “ก็อาจารย์กันตภณคืออาแท้ๆ ของคนที่แพรวาบอกว่าเป็นแฟนอ่ะ ที่ไปเรียนปริญญาโทที่เมืองนอกอยู่ตอนนี้” ผมพึ่งรู้น่ะว่าหลานอากันตภณเป็นแฟนของแพรวา

   “แกแล้วแพรวามันไปไหนวะวันนี้”

   “ไปเซอไพรส์แฟนไงและไปบอกข่าวดีว่านางได้เกียรตินิยมอันดับสองด้วยไง พอนางสอบเสร็จก็บินไปเลย”

   “อิจฉาเลยอ่ะ แฟนหล่อมาก เท่มากด้วย แถมหล่อรวยช่วยไม่ได้มาครบหมดแต่ไม่น่าเป็นแฟนแพรวาเลยแก ไม่สมกันน่ะ” เพื่อนนางก็นินทานางลับหลัง ทุกที

   “หน้าตาเหรอ”

   “หน้าตานะใช่แต่สมองไง แพรวามันไม่ใช่ฉลาดแก โง่จะตายไป”

   “ไม่แน่ผู้ชายของมันก็คง พอพอกันมั้ง ไม่อย่างนั้นจะเป็นแฟนกันได้ยังไงแก จริงปะ คิกๆ” นินทากันสนุกไปเลย  ผมไม่เคยพูดคุยกับเธอเลยจนกระทั้งเจอกันในห้องน้ำวันนั้นแหละ ผมก็ว่าเธอไม่น่าจะใช่คนปกติน่ะ แต่ว่าผมก็ไม่อยากคิดอะไรกับเธอ เธอน่าสงสารน่ะในสายตาของผม

   “แต่ว่าฉันก็ยังแคลงใจอยู่น่ะที่นางได้เกียรตินิยมอันดับสองอ่ะ ได้ไปได้ยังไงวะ”

   “พ่อใหญ่ขนาดนั้น ไม่ต้องเรียนก็ได้แล้วมั้ง”

   “โอ๊ย!” ผมรู้สึกเจ็บจี้ดขึ้นมาเฉยเลย จนผมต้องงอตัว และหายใจยาวๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เจ็บท้องเหรอไม่น่าจะใช่น่ะ เพราะว่าอายุครรภ์ผมเพิ่งจะ35 วีคเอง กลุ่มสาวๆ ที่พูดถึงเรื่องของผมกับอาจารย์กันตภณ ก็หันมามองผมและจังหวะที่ลิฟต์เปิดพอดีพวกนางก็พากันเลยเดินออกไป เหลือไว้แค่ผม แต่ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง พวกเขาหันมามองและหันกลับไปทันที

          “โอ๊ย!” ผมรู้สึกปวดขึ้นมาอีก คราวนี้หนักกว่าเดิม และคราวนี้ผมรับรู้ได้ว่ามันคือแรงบีบตัวของท้องผมเอง ผมใช้มือสัมผัสดู ท้องผมแข็งปังเลยทีเดียว ที่เขาเรียกว่าภาวะหมดลูกบีบตัว ผมก็ต้องสูดลมหายใจเข้าทางปากและผ่อนออกช้าๆ พอจะช่วยได้ สงสัยว่าผมจะเดินมาไกลไปหน่อยวันนี้

   “โอ๊ย” ผมจี้ดขึ้นมาเป็นระยะและถี่ขึ้น มันปวดจนผมเองก็ก้าวขาไม่ออก ผมต้องค่อยทิ้งตัวลงนั่งในลิฟต์นั้น

   “โอ๊ย!!! “เจ็บขึ้นมาอีกครั้ง รอบนี้แรงและยาวนานกว่าทุกรอบ จนกระทั่ง ประตูลิฟต์เปิดออก และคนที่ยืนก็คือเหล่าอาจารย์ หนึ่งในนั้นมีอาจารย์เปรมสินียืนอยู่ด้วย

   “ตายแล้ว!! เธอ เป็นอะไรไปน่ะ อย่าบอกน่ะว่าเธอจะ! “เสียงอาจารย์เปรมสินีร้องด้วยความตกใจ จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้าหาผม เขาย่อตัวลง เขามองผม ตอนนี้ใบหน้าผมเต็มไปด้วยเหงื่อที่แตกผลักๆ และคนนั้นก็คืออาจารย์กันตภณ เขาเหมือนซุปเปอร์แมนของผมในบางเวลาที่มาทันทีที่ผมต้องการเหมือนกัน

   “บีม เป็นอะไรไปบีม” ผมรู้สึกเหมือนผมเจอพระเอก เหมือนในหนังซีรีส์ที่ผมชอบดู ผมกำลังจะอ้าปากบอกอาจารย์ว่าผม

         “ผมเจ็บท้องอ่ะครับ พี่กัน โอ๊ย!!” ผมพูดไปมือก็กุมท้องผมไปด้วย

   “อาจารย์ค่ะ กันต์ธีย์เขา เจ็บท้องเหรอคะ” เสียงอาจารย์อีกท่านเอ่ยถามอาจารย์กันตภณ ตอนนี้ผมปวดจนไม่อยากขยับปากพูดอะไรทั้งนั้น และอาจารย์คนนั้นก็เข้ามาจับแขนผม ด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง มีแค่อาจารย์เปรมสินีและคนอื่นที่ยืนมองผมเหมือนผมเป็นตัวประหลาดมากกว่า

         “อย่าบอกน่ะว่าจะคลอดในมหาวิทยาลัยแบบนี้” เธอพูดโดยไม่ได้มองหน้าผม

   “ผมขอพาเขาไปโรงพยาบาลเลยแล้วกันนะครับ” อาจารย์กันตภณพูดกับอาจารย์ที่เข้ามาดูผม

   “ถ้าไม่มีใครคิดจะช่วยก็รบกวนไปใช้ลิฟต์ตัวอื่นนะคะ “อาจารย์ทันนั้นหันไปบอกคนที่ยืนอยู่ด้านนอกลิฟต์นั้น

   “ไหวไหมกันต์ธีย์ “อาจารย์ผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามานั่งย่องๆ ถามผม และอาจารย์กันตภณก็หันไปกดลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่างสุด

   //ฮัลโหล หมอภีม บีมเจ็บท้อง ใช่ดิ เอาไง ดูท่าจะเจ็บจริงไม่ใช่เจ็บเตือน ไปเดี๋ยวนี้แหละ ได้ โอเค เจอกัน รอหน้าประตูเลย เออ แค่นี้น่ะ” อาจารย์กันตภณโทรหาพี่หมอภีมปภพ ก่อนจะย่อตัวลงเขาก็อุ้มร่างผมลอยละริ้วขึ้นมาทันที

   “ไปโรงพยาบาลเลยน่ะบีม พี่ไปส่ง” อาจารย์กันตภณพูด ผมมองหน้าเขาตาผมเริ่มพล่ามัวเพราะว่าความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาถี่ๆ ผมเข้าใจความรู้สึกที่ว่า คนเป็นแม่ที่ทำหน้าที่คลอดลูก จะต้องผ่านความเจ็บปวดที่เหมือนกระดูกหักทั่วร่างมันเป็นยังไง

   “โอ๊ย! ผมเจ็บอ่ะพี่กัน” ผมบีบแขนอาจารย์กันตภณ พร้อมกับผ่อนลมหายใจเข้าออกยาวๆ

   “ไม่เป็นไร พี่หมอภีมรออยู่ ไม่เป็นไรน่ะคนดี” อาจารย์กันตภณพยายามบอกผม

   “ฮึกๆ พี่กัน อยู่กับผมน่ะ” ผมไม่เคยพูดคำนี้กับเขาคนนี้เลยแต่นาทีนี้ผมกลับต้องการเขา

   “แน่นอน พี่จะไม่ทิ้งเราไปไหน “อาจารย์กันตภณพูดและอุ้มผมออกมาจากลิฟต์ ท่ามกลางสายตานิสิตนักศึกษามากมาย ผมเจ็บใจตัวเองเหลือเกิน ทำไมต้องมาเจ็บวันที่ผมมาเรียนด้วยน่ะ ทั้งที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว และนี้ผมอาจจะทำให้อาจารย์กันตภณเดือดร้อน

   “แกเขาอุ้มเมียด้วยอ่ะ อาจารย์อ่ะแก ดูซิ” ผมได้ยินแว่วๆ แต่อาจารย์กันตภณก็รีบพาร่างผมไปที่รถเก๋งของเขาโดยไม่สนใจเสียงซุบซิบจากคนรอบๆ

   “บีม” เสียงมะนาววิ่งมาหาผม บีมมองผมที่อยู่ในอ้อมแขนอาจารย์กันตภณ

   “บีมมันเป็นอะไรไปอ่ะคะอาจารย์” มะนาวอาจารย์กันตภณด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมาก

   “บีมเจ็บท้อง อาจารย์จะพาไปโรงพยาบาลตอนนี้น่ะมะนาว” อาจารย์กันตภณบอกมะนาว

   “แล้ว แล้ว “มะนาวหันรีหันขวางทันที ทำท่าตกใจมากกว่าผมซะอีก

   “อาจารย์ไม่รู้ว่าบีมจะคลอดน้องเลยไหม อาจารย์ไม่รู้แต่ต้องรีบไปแล้วมะนาว” อาจารย์กันตภณพูดมะนาว

   “ห๊ะ!!! ไอ้บีมจะคลอดลูกเหรอคะอาจารย์!!! “มะนาวพูดก่อนจะรีบเอามือปิดปากตัวเอง

   “แล้วมะนาวต้องทำยังไงบ้างอ่ะคะ มะนาว เออ มะนาว ตกใจค่ะ อาจารย์ มะนาวทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะอาจารย์!!!” มะนาวพูดด้วยท่าที่ลนลาน ผมหันไปมองเพื่อนผม จะมาตกใจอะไรตอนนี้

   “ไม่ต้องทำอะไรมาแค่ มะนาวตั้งสติก่อนน่ะ แล้วโทรบอกเพื่อนๆ แล้วมะนาวกับเพื่อนๆ ค่อยตามอาจารย์ไปแล้วกันน่ะเพราะว่าอาจารย์ต้องไปแล้วมะนาว” อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะนำร่างผมใส่ไว้ที่ในรถเก๋งของเขา อาจารย์ปรับเก้าอี้ให้เป็นนอนราบลง

               “ตั้งสติ ตั้งสติ ถ้าอย่างนั้นมะนาวโทรหา พวกไอ้ฟิล์มเลยนะคะอาจารย์” มะนาวพูดด้วยอาการร้อนรน มือไม้สั่นไปหมดก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาพยายามกดโทรหาเพื่อนแต่มือมะนาวมันสั่นยังกับเจ้าเข้า

              “หายใจลึก ลึก มะนาว และโทรบอกเพื่อนน่ะ แต่ตอนนี้ อาจารย์ต้องไปแล้ว เจอกัน” และอาจารย์ก็รีบเข้ามานั่งทำหน้าที่คนขับรถ ผมเองกลับหยุดปวดท้องไปชั่วขณะเพราะว่ามัวแต่มองมะนาวที่ยืนหายใจเข้าออกยาวๆ เหมือนเขาเจ็บท้องแทนผมซะมากกว่า ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาและกดโทรหาคนนั้นคนนี้ใหญ่เลย

      “โอ้ววว!!” ผมร้องขึ้นมาอีกครั้ง มันเจ็บจี้ดขึ้นมาอีกแล้ว

      “บีมไหวไหม บีบมือพี่ได้ถ้าเจ็บมากน่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผมพร้อมกับยื่นมือมาให้ผม

      “โอ้ววว” ปวดขึ้นมาอีกแล้ว

      “ลูกโซ่ โอ๊ย!! หนูอย่าเพิ่งอยากออกได้ไหม มี้ว่าลูกโซ่ควรจะรอให้ถึงวันที่ลุงหมอนัดจะดีกว่าน่ะ โอ๊ย!!!” ผมพูดบอกลูกน้อยในครรภ์ แต่ดูท่าจะไม่ยอมฟังเลยผมก็ยิ่งปวดมากขึ้น จนต้องคว้าข้อมืออาจารย์กันตภณเอามาจับไว้ แต่ผมก็ต้องบีบทุกครั้งที่ความปวดมันแล่นมา ผมบีบจนข้อมืออาจารย์กันตภณแดงเป็นจั้มๆ และรถของอาจารย์กันตภณก็แล่นมาจนถึงหน้าห้องฉุกเฉิน และอาจารย์เขาก็รีบกระโดดลงจากรถไปทันที

     “แฟนผมเจ็บท้องครับ ขอเตียงเข็นให้คนไข้ด้วยครับ “เสียงอาจารย์กันตภพเรียกพนักงานเข็นคนไข้ ผมเองก็ปวดจนเบลอไปหมดแล้ว และร่างผมก็ถูกอุ้มออกจากรถเข็นทันที และถูกวางลงอย่างเบามือที่สุดบนเตียงเข็นคนไข้

            “ไอ้หมอ!!” เสียงอาจารย์กันตภณเรียกพี่หมอภีมปภพ ตอนนี้ผมได้ยินแต่เสียงเพราะว่าผมเจ็บปวดจนไม่อยากลืมตาดูอะไรเลย

   “พาคนไข้เข้าไปเลยครับ “ผมได้ยินแต่เสียงและภาพแสงนีออนบนเพดาน ผมกำลังจะตายหรือเปล่าครับ แด้ด ทำไมแด้ดทำกับผมแบบนี้ มันเจ็บปวดเหมือนร่างจะแหลกเป็นเสียงๆ ผมไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับผมบ้าง ผมรู้แค่ว่ามีคนมามะลุมมะตุ้มกับผมหลายคนทีเดียว

   “บีม พี่หมอภีมน่ะ” ผมค่อยลืมๆตาแต่ว่ามันยากลำบากมา

   “พี่หมอผมเจ็บท้อง ผมจะคลอดน้องจริงๆเหรอครับ” ผมถามพี่หมอภีม

   “มันปวดบีมใช่ไหมบีม” พี่หมอเขาถามผม

   “ครับพี่หมอ” ผมพูด

   “พี่จะให้ยาแก้ปวดเราก่อนเพราะว่าน้องพึ่งจะ35 สัปดาห์เอง อันที่จริงอย่างน้อยต้อง 37 สัปดาห์ เพราะตอนนั้นปอดน้องจะทำงานได้เต็มที่ ดังนั้นพี่อาจจะฉีดยากระตุ้นปอดน้องไปก่อน ถ้ารอได้พี่จะให้บีมรอน่ะ ถ้ารอไม่ได้ก็คงต้องผ่าคลอดคืนนี้เลย” พี่หมอภีมบอกผม ผมพยักหน้า และทุกอย่างก็ดำเนินการไปแบบรวดเร็วมาก แม้กระทั้งผมเองที่ผล็อยหลับไป



               TBC….

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด