(รีไรท์)Mpreg โซ่รัก(คล้อง)หัวใจนาย EP.43(ป๊าเธียรVSม๊าบีม)เปิดตัว (ครึ่งแรก)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รีไรท์)Mpreg โซ่รัก(คล้อง)หัวใจนาย EP.43(ป๊าเธียรVSม๊าบีม)เปิดตัว (ครึ่งแรก)  (อ่าน 12095 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 942
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.42 (คิมVSปุณณ์) ปุณณ์ต้องการหยุดคิม

        Part’ s ปุณณ์   วันนี้ลูกชายผมชื่อปราชญ์ ได้ถูกส่งตัวมารักษาปอดติดเชื้ออีกรอบที่โรงพยาบาลเด็กที่มาเก๊า ผมจึงต้องบินมาเยี่ยมปราชญ์อีกรอบ ผมตรงไปหาเขาที่โรงพยาบาลทันทีที่ลงเครื่อง ผมรีบเรียกรถแท๊กซีก่อนที่จะโทรเรียกคนของป๋าผม ทันทีที่รถจอดด้านหน้าโรงพยาบาล ผมก็รีบไปที่แผนกเด็กทันที ซูหลินส่งหมายเลขห้องพักมาให้ผมแล้ว

   // ปุณณ์ ซูหลินออกไปซื้อของน่ะเดี๋ยวจะเข้ามา ตอนนี้ปุณณ์เขาหลับอยู่ค่ะ// ซูหลินพูด ผมรีบเดินไปที่ลิฟต์แต่จังหวะที่ผมเดินผ่านใครสักคน เขาเดินผ่านผมไปอย่างรวดเร็ว

   (ครับคุณฌอน เขาแวะมาเยี่ยมครับ ได้ครับ ครับผม) ผมเดินผ่านใครสักคนที่ผมคุ้นๆ หน้าเหมือนเขาเคยทำงานให้พ่อผมมาก่อน เขาคนนั้นคือ อมาโต้เป็นคนญีปุ่น เป็นยากูซ่าพ่อผมเคยช่วยเหลือเขาเอาไว้ แต่ว่าเขารีบเดินออกไปเสียก่อน เขาเลยไม่เห็นผม ผมก็รีบกดลิฟต์เพื่อจะไปหาลูกชายผมก่อน ทันทีที่ผมไปถึงชั้นที่ลูกชายผมพักฟื้นอยู่

   “สวัสดีครับ ผมเป็นผู้ปกครอง เด็กชายปราชญ์ครับ” ผมแจ้งพยาบาลประจำหวอดคนไข้เด็ก เขาหันมามองหน้าผม

   “เป็นพ่อเด็กเหรอคะ” เขาถามผม

   “ใช่ครับ” ผมตอบ

   “แต่ว่าตอนนี้คนที่บอกว่าเป็นพ่อเด็กอยู่ในห้องตอนนี้นะคะ” เขาบอกผม

   “ใครครับ” ผมถามเขา

   “เขาบอกว่าเป็นพ่อเด็กค่ะ” พยาบาลบอกผม

   “ผมคนเดียวที่เป็นพ่อเขาครับคุณพยาบาล” ผมพูดและผมก็ต้องรีบวิ่งไปที่หมายเลขห้องที่ลูกชายผมนอนอยู่ เขาแค่ห้าขวบเอง ผมเปิดประตูเข้าไปทันทีและคนที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่ ผมเห็นแค่ด้านหลังแต่ผมก็จำได้ดีว่าคนนั้นคือ ไอ้คิม

   “คิม!!” ผมเรียกไอ้คิม คิมค่อยๆ หันมามองหน้าผม รอยยิ้มที่ดูเหมือนคนมีเสน่ห์แต่นั้นคือรอยยิ้มของปีศาจร้ายในร่างคน

   “มึงเข้ามาหาลูกกูทำไม” ผมถามไอ้คิม ปุณณ์นั่งอยู่เขากอดของเล่นอยู่มันเป็น ผมหันไปมองของเล่นชิ้นนั้น

   “ป๊า” ปราชญ์เรียกผม ผมยกมือห้ามปราชญ์ก่อนจะหันมามองไอ้คิม

   “ผมก็แค่เอาของขวัญมาเยี่ยมลูกชายพี่นะครับ ผมเป็นอาที่ใจดีนะครับพี่ปุณณ์” คิมมันพูดกับผม

   “ปึก” เสียงประตูเปิดเข้ามาในนั้นซุหลิน ซูหลินเห็นคิมอยู่ในห้อง เธอตกใจมาก เธอเดินมาหาผมและเข้าไปกอดปราชญ์ทันที

   “ภรรยาพี่นี้สวยดีนะครับ” คิมพูดชมซูหลิน

   “อย่าแตะต้องคนของกูคิม” ผมพูดสายตาของผมจับจ้องไปที่ไอ้คิม

   “ก๊อกๆ “เสียงเคาะประตู คนนั้นคือพยาบาลประจำหวอดคนไข้

   “หมดเวลาเยี่ยมแล้วนะคะ ตอนนี้อนุญาตให้แค่คนเฝ้าไข้เท่านั้นค่ะ “เธอเดินมาบอกผมกับไอ้คิม ผมหันมาปราชญ์ ผมตรงไปกอดลูกชายผม ถึงผมจะไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีแต่เขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผม

   “พรุ่งนี้ป๊าจะมาเยี่ยมเราอีกน่ะ คืนนี้อยู่กับม๊าน่ะปราชญ์” ผมบอกปราชญ์ เขาพยักหน้ากับผม ปราชญ์เป็นเด็กใจกล้าและผมก็เดินออกไปเช่นกัน ผมเดินตามไอ้คิมไปติดๆ ทันทีที่ผมสองคนเดินพ่นประตู พยาบาลปิดประตูเข้าออกทันทีที่หมดเวลาเยี่ยม

   “มึงมาที่นี้ทำไมคิม” ผมถามไอ้คิม

   “ผมก็มาเยี่ยมลูกชายพี่ไง” คิมพูดกับผม ก่อนจะหันมามองหน้าผม

   “มึงโกหก” ผมพูด

   “ผมมีนัดกับลูกค้าชั้นดีครับพี่ปุณณ์ ชั้นที่พี่ปุณณ์ไม่น่าจะมีได้เพราะว่าเพื่อนพี่ปุณณ์แต่ละคนมันมือสมัครเล่นทั้งนั้น นี้ยังจะกลับไปหามันอีกเหรอ” คิมพูด

   “ชั้นดีแค่ไหน ชั้นที่เรียกได้ว่าสั่งให้มึงทำเรื่องชั่วๆ ได้นะเหรอคิม อันนี้เรียกชั้นเลววะคิม” ผมถามไอ้คิม คิมมองหน้าผม คิมเดินมาประชิดกับผม

   “ถ้าผมไม่ติดว่าพี่ปุณณ์คือลูกคนที่ป๋ารัก ผมคงเก็บพี่ไปแล้ว” คิมพูด

   “มึงก็ต้องใจกล้าหน่อยไอ้คิมเพราะถ้าไม่ มึงนั่นแหละที่จะโดนกูเก็บและถ้ามึงไม่ใช่ลูกคนที่เป็นคนทำให้กูเกิดกูก็คงเก็บมึงไปแล้วเหมือนกัน” ผมพูดไม่เสียงดังแต่ว่ามันคงสัมผัสได้ว่าผมแค้นมันมากแค่ไหน

   “ดังนั้นอย่ามาแตะต้องลูกกูและซูหลิน” ผมพูด คิมมองหน้าผมก่อนจะก้มลงมองมือผมที่จับที่คอเสื้อเขาอยู่ คิมมองผมอยู่แบบนั้นจนผมปล่อยมันเป็นอิสระ คิมยืนมองผมสายตามันบอกได้ว่ามันไม่รุ้สึกกลัวอะไรเลย คิมหันหลังเดินออก ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผมคงต้องอยู่ห่างๆ ปราชญ์และซูหลินสักพัก จังหวะนั้นประตูถูกปลดล๊อกและเปิดออกมา ผมหันไปมองคนนั้นคือซูหลิน เธอมองผมก่อนจะพยักหน้ากับพยาบาลและเดินเข้ามาหาผม

   “เขาจะมาทำร้ายปราชญ์เหรอปุณณ์” ซูหลินถามผม

   “มันไม่กล้าหรอก ป๋าสั่งมันแล้วแต่ว่าระวังตัวไว้ด้วยก็ดีน่ะ” ผมพูดกับซูหลิน

   “หมับ” ซูหลินเข้ามากอดผม เธอร้องไห้ ผมก็โอบกอดเธอตอบแต่ไม่ใช่ในฐานะคนรัก

   “ฉันจะพยายามปกป้องเธอสองคนให้ดีที่สุด ซูหลิน “ผมพูด ซูหลินก็ปล่อยผมเป็นอิสระ

   “ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ควรกอดคุณ” ซูหลินพูด ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ

   “ตอนนี้ ฉันได้คนงานคนไทยมาช่วยงานและเขาก็พักอยู่ใกล้ๆ กับฉัน เขาไม่มีวีซ่า ฉันอยากให้เขาอยู่ เขาอาจจะช่วยเหลือฉันได้ “ซูหลินบอกผม ผมหยิบเอาเบอร์ทหารและเขาเป็นคนสนิทของพ่อผม เขาอยู่ทีนี้ ผมส่งนามบัตรให้ซูหลินรับไป ไมเคิล ชาน เขาเป็นเพื่อนผมที่นี้เขาเก่งวิชาการต่อสู่เกือบทุกชนิด

   “ทนายของป๋านะ เก็บเอาไว้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรโทรหาเขาน่ะ เขาจะช่วย” ผมบอกซูหลิน

   “ฉันเข้าไปก่อนน่ะ “ซูหลินบอกผม

   “ปุณณ์ ปราชญ์เขาดีใจมากน่ะที่ปุณณ์มา” ซูหลินบอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินออกมาก่อนจะหยิบมือถือมาโทรหาคนที่ดูแลผับของป๊าผมที่นี้แต่ว่ายังไม่ทันได้โทรเลย ก็เจอคนสนิทของป๊าผมเดินมารอผมแล้ว

   “คุณปุณณ์ครับ คุณพ่อคุณบอกให้พวกผมมารอรับคุณปุณณ์ที่โรงพยาบาลครับ” เขาบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปขึ้นรถตู้ ผมหยิบมือถือมากดเปิดดูแอปพลิเคชัน เหมือนเช่นทุกที ผมเข้าไปดูพี่ธามก่อนเลย สิ่งที่ผมเห็น พี่ธามเขาโพสต์กับเด็กผู้ชายน่ารักคนหนึ่ง พร้อมกับถ่ายรูปดูแนบชิดกัน อย่าบอกน่ะนี้ลูกพี่ธามน่ะ

   (หลานชายสุดหล่อของแปะ) พี่ธามโพสต์ข้อความด้วยว่าหลานของแปะ ผมนี้ปิดปากขำเล็กน้อย แปะ ผมว่าน่าจะโกวมากกว่าน่ะ ผมก็เลื่อนดูไปเรื่อยๆ ผมยังคงคิดถึงภาพวันเก่าๆ ที่ผมกับไอ้ธันยังเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่ แต่จังหวะนั้นมือถือผมสั่นพอดี เป็นเบอร์ไอ้โน๊ต ผมกดรับสายไอ้โน้ต

   (ว่าไงไอ้โน้ต) ผมถามไอ้โน้ต ไอ้โน้ตคือคนเดียวที่รู้ว่าผมเป็นคนโทรบอกให้มันไปช่วยธันวันนั้นแต่ว่ามีคนช่วยธันเอาไว้ได้ทัน ส่วนผมน่ะถูกหลอกไปมาเก๊าคืนนั้นคืนที่ธันมันโดนทำร้ายนั้นแหละ

   (ไอ้ปุณณ์ กูต้องให้มึงช่วยแล้วว่ะ ตอนนี้ทีมพวกกูมีปัญหาว่ะ กูต้องการคนที่มีประสบการณ์อย่างมึงวะ ไม่อย่างนั้นทีมที่เราตั้งกันมาพังแน่ๆ” ไอ้โน๊ตพูด

   (มึงคุยกับธันหรือยัง) ผมถามไอ้โน้ต

   (กูคุยกับมันทีหลังว่ะ อย่างน้อยตอนนี้พวกกูต้องการมึงวะ) โน้ตบอกผม

   (กูจะเข้าไปคุยกับพวกมึงแต่คงต้องรอสักพักน่ะ ช่วงนี้กูมีงานต้องทำที่มาเก๊าวะ) ผมบอกไอ้โน้ต

   (ได้ว่ะ ขอบใจวะ) โน้ตบอกผมก่อนจะกดวางสายไปและรถที่มารับผมก็พาผมไปที่ผับของป๊า ผับที่หรูมาก ผมารีบเดินขึ้นไปด้านบนทันทีเพื่อไปดูที่ห้องผู้จัดการร้านที่ป๋าผมจ้างไว้ทำงานแทน เขาไว้ใจได้และซื่อสัตย์ ผมเดินเข้าไปในห้องทำงานนั้น

   “คุณปุณณ์สวัสดีครับ “เขาทักทายผมก่อน ผมยกมือไหว้ครับเหมือนเช่นทุกครั้ง

   “วันนี้ลูกค้าเรามีใครที่เป็นคนต่างชาติไหมครับ” ผมถามเขา

   “ไม่มีครับคุณปุณณ์” เขาบอผม ผมพยักหน้าเบาๆ แสดงว่าไอ้คิมไม่ได้นัดไอ้คนนั้นที่นี้ซิน่ะ ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน ผมหยิบมือถือมาจะกดโทรหาไอคิมมันดีไหม ผมว่าไม่ดีกว่า ผมเดินลงไปหาคนขับรถ

   “พาผมไปส่งที่โรงแรมเลยครับ” ผมบอกคนขับรถ เขาพยักหน้า ผมเดินไปที่รถฟอร์จูยเนอร์สีดำ รถคันนันแล่นไปอย่างรวดเร็ว



            Part’ s คิม ผมเดินทางมาเพื่อมาเจอฌอน ช่วงนี้มันเข้าไปเหยียบประเทศไทยไม่ได้เลย ต่อให้ฌอนมันมีแบกหลังดีเพราะว่าพ่อมันได้ทำเอาไว้ให้แต่ว่าพวกที่ดักรอมันที่ชายแดนทุกทิศมันไม่ได้พวกตรงข้ามกับมันทั้งนั้น มันเลยเข้าไปสั่งการใครไม่ได้ มันก็ทำให้ผมยิ้มเพราะว่าผมเองที่เหมือนเป็นอัลฟ่าแทนมันไปโดยปริยาย

      Rrrr มือถือของผมดังขึ้นเบอร์ของป๋าผม ผมกดรับสายทันที

      “คิม แกไปทำไมที่มาเก๊า ” พ่อถามผมทันที

      “แสดงว่าลูกรักของป๋าฟ้องมาเหรอครับ) ผมถามพ่อผม

      “เขาต้องฟ้องเพราะว่าแกมันลูกฉันและปุณณ์มันก็ลูกฉันคิม!” พ่อผมพูด

      “ลูกเมียน้อย” ผมพูด

      “ถ้านับจากที่ฉันแต่งแม่แกอาจจะใช้แต่ถ้านับว่าตามลำดับ เขามาก่อนแม่แกอีก” พ่อผมพูด

      “ป๋าจะโทรมาบ่นผมแค่เรื่องนี้เหรอครับ” ผมถามพ่อผม

      “แกห้ามแตะต้องลูกชายของปุณณ์เขา ถ้าแกไม่เชื่อฉัน ฉันจะให้คนทางโน้น จัดการรื้อทุกคดีออกมาดูซิว่าแกจะรับผิดชอบสิ่งที่แกทำอย่างไรบ้าง ดีไหมคิม!! “พ่อถามผม

      “ป๋ากำลังต่อรองกับผมอยู่นะครับ” ผมถามป๋า

      “ใช่ฉันยอมรับ ดังนั้นห้ามแตะต้องเขาทั้งคู่!!!” ป๋าบอกผผม ผมแอบหันไปมองคนที่เดินเข้ามาแล้วนั้นคือคิม

      “แค่นี้ก่อนนะครับป๊า “ผมบอกป๋าก่อนจะวางสายไป ผมเดินไปหาฌอน ฌอนมองหน้าผมพร้อมพยักหน้าให้ผมเดินไปที่ห้องรับรองที่เขาให้พนักงานจัดเอาไว้ให้ ผมนั่งลงและมองหน้าเขา

      “ช่วงนี้ช่วงนี้ผมเข้าไปด้านในไม่ได้เลย คุณรู้ไหม คิม” ฌอนถามผม

      “เพราะว่าหน่วยรบพิเศษ มันจมูกดีกว่าคุณว่างั้น” ผมพูด ไอ้ฌอนมันมองหน้าผม

      “ว่าแต่นายไปไหนมาถึงได้ไปที่โรงพยาบาล” ฌอนถามผม

      “ผมไปเยี่ยมลูกชายพี่ชายสุดที่รักของผมไง เขาป่วยเข้าโรงพยาบาล” คิมพูด

      “หึๆ” ฌอนหัวเราะในลำคอก่อนจะมองหน้าผม

      “มึงจะฆ่าพ่อมันตลอดเวลาแต่ยังมีน้ำใจไปเยี่ยมลูกชายเขาอีก “ฌอนพูด เขามองหน้าคิม

      “ก็เพื่อว่าพ่อเด็กมันตายผมอาจจะได้เลี้ยงดูมันก็ได้น่ะ เอาไว้เป็นลูกน้องผมอีกที มันคงทำให้ผมไอ้บุญเพิ่มนะคุณฌอน หึๆ” คิมพูดปนหัวเราะ "หรือถ้าเลี้ยงไม่เชื่องผมก็แค่ฆ่าทิ้งเพราะว่าผมไม่ชอบหมาที่ขอบเนรคุณคนให้อาหาร" ผมพูด ฌอนมองหน้าผมเขายิ้มและพยักหน้าเบาๆ

      “มึงนี้เลวกว่าหมาน่ะ หมามันยังไม่ฆ่าลูกศัตรูเลยน่ะมึง” ฌอนพูดก่อนจะกระดกวิสกี้

      “แต่…สำหรับผมแล้ว ผมไม่ชอบทิ้งอะไรเหลือเอาไว้เลย ผมชอบถอนรากถอนโคนมากกว่า “ฌอนพูด

      “คุณเลยอยากได้เด็กคนนั้นเพราะว่าคุณฆ่าพ่อเด็กไปแล้วใช่ไหม” คิมถามฌอน

      “ผมต้องการมากกว่านั้นจากเด็กนั้น ดังนั้น จะเป็นหรือตายผมไม่แคร์แต่ขอให้ได้ร่างเด็กคนนั้น ถ้าคุณเจอ ผมจะให้คุณเป็นใหญ่ในองค์กรของผมน่ะ” คิมพูด

      “ถ้าอย่างนั้นผมขอสนุกก่อนแล้วกันน่ะ ค่อยส่งให้คุณ “คิมพูด ฌอนพยักหน้าก่อนจะหยิบแก้วเหล้ามา

      “ดีล!!” ฌอนพูดก่อนจะหันไปมองเด็กเอ็นที่ฌอนหามา หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่มีลูกเล็กรอคอยเธออยู่บ้าน เธอมาทำงานเพื่อหาเงินไปซื้อนมให้ลูก

      “วันนี้อยากลองของไม่ใช่เหรอ เลือกเอาแล้วกัน” ฌอนบอกคิม เขาหันมามองสาวๆ

      “มานั่งดูแลเอาใจคุณเขาด้วยนะ อย่าขัดใจละ “คนที่ดูแลบาร์แห่งนี้บอกเด็กสาวทั้งหมดที่มีเอาใจและคิมและฌอน ฌอนรู้ว่าคิมเขาชอบเหยื่อแบบไหน เลยชี้นิ้วไปผู้หญิงที่เขาให้ผู้จัดการร้านสืบมาแล้วว่าคนนี้มีลูกน้อยรออยู่ คิมมันฝังใจเรื่องแม่ มันหันไปมองผู้หญิงคนนั้นที่กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ต้องทำเพื่อเงิน เขาควักมือมานั่งกับเขา เธอคงไม่รู้ว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เธอจะได้กลับไปเห็นหน้าลูกน้อยของเธอแล้วซิน่ะ

              Part’ s ปุณณ์ เมื่อคืนผมไปนอนพักที่โรงแรมไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากหนัก ผมนี้กำลังดึงเขาทั้งคู่เข้ามาสู่เขตอันตรายใช่ไหม ต่อให้ผมกับซูหลินจะไม่ได้เกิดมาจากความรักแต่ว่าผมก็ทำให้หนึ่งชีวิตเกิดขึ้นมา ผมก็ต้องรับผิดชอบเขาทั้งคู่ แต่ตอนนี้ผมคงต้องอยู่ห่างๆ เขาไว้ก่อน

   “คุณปุณณ์ครับคุณจะบินกลับเลยหรือเปล่าครับ คุณป๋าคุณโทรมาสอบถามครับ” คนที่ดูแลผมที่นี้เดินมาถาม ผมหันไปมองหน้าเขาขณะที่ผมกำลังแต่งตัวอยู่ ผมคงพลาดตอนที่ป๋าของผมโทรมานั้นเอง

   “บอกท่านว่าผมจะไปเยี่ยมลูกผมก่อนและผมจะบินกลับทันที” ผมบอกเขา เขาพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ผมเหลือบมองเวลา ไอ้คิมมันกลับหรือยัง เมื่อคืนมันไปพบใครกัน ตกลงมันทำงานให้ใคร?

       ผมเหลือบไปมองข่าวทางทีวี เป็นภาษาจีนแต่ผมก็อ่านออกและพูดได้ ผมหันไปดูทีวี ตอนนี้มีข่าวพบศพผู้หญิงเสียชีวิต ไม่ทราบว่าเธอคือใครคาดว่าน่าจะเป็นคนเอเชีย พบศพที่ผับแห่งหนึ่ง หน่วยชันสูตรศพแจ้งว่าเธออาจจะเสพยาเสพติดเกินขนาดจนหัวใจวาย มันทำให้ผมคิดเพราะว่าไอ้คิมมันอยู่ที่นี้ ผมกำมัดแน่น ผมเดินออกไปจากห้องพักทันที ผมลากกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ผมเดินไปขึ้นรถก่อนจะตรงไปที่โรงพยาบาล

   “รอผมสักครู่นะครับ ผมจะรีบลงมา” ผมบอกคนที่ดูแลผม เขาพยักหน้า ผมกดโทรหาป๋าผมทันที ป๋าควรจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทีนี้

   (ป๋า)

   (ว่าไงปุณณ์) ป๋าถามผม

   (ผมว่าไอ้คิมมันทำเรื่องอีกแล้วป๋า) ผมพูด

   (อะไรน่ะ!!) ป๋าตกใจมากที่ได้ยิน

   (ผมไม่มีหลักฐานและผมคงเข้าไปยุ่งไม่ได้ แต่วันนี้มีข่าวผู้หญิงเสียชีวิต มันเหมือนกับทุกรายที่ผ่านๆ มา ป๋า ป๋าควรจะหยุดมันได้แล้วป๋า!!) ผมพูด

   (ป๋าจะโทรหาคิมเอง เราก็เตรียมกลับมาได้แล้ว ส่วนซูหลินให้เขาไปอยู่ในที่ปลอดภัย ป๋าเชื่อว่าคิมมันยังฟังที่ป๋าขอเอาไว้บ้าง ช่วงนี้ปุณณ์ก็ห่างๆ เขาหน่อยน่ะ ลูกจะได้ไม่เป็นอันตราย) ป๋าบอกผม

   (ครับป๋า แต่ผมขอไปเจอเขาก่อนจะบินกลับ เจอกันครับป๋า) ผมพูดก่อนจะกดวางสาย ไป ผมมาหยุดยืนที่หน้าห้องคนไข้แล้ว ผมได้ยินเสียงซูหลินคุยกับปราชย์ เขาอายุแค่ห้าขวบเท่านั้น

   (ต่อให้ป๊ากับม๊าไม่ได้รักกันเหมือนคู่รักคนอื่น นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าป๊าเขาไม่รักปราชญ์นิ เขารักปราชญ์มากน่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปราชญ์คือเลือดเนื้อเชื้อไขของป๊าเขานะครับ) ซูหลินไม่เคยสอนให้เขาเกลียดผมเลยแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ในฐานะสามีเหมือนคนอื่นๆ เขา

   “ก๊อกๆ” ผมเคาะประตูก่อนจะ ไม่นานประตูก็เปิดออกมาโดยซูหลิน เขามองหน้าผมก่อนจะหันหลังไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ซูหลินพยักหน้ากับผม

   “ซูหลินจะหลงไปหาอะไรทานสักหน่อย ปุณณ์คุยกับลูกน่ะ” ซูหลินบอกผม

   “ซูหลิน” ผมเรียกเธอเอาไว้

   “ค่ะ” ซูหลินหันมามองผม

   “ขอบคุณนะครับ” ผมพูดเธอมองหน้าผม

   “ขอบคุณที่ไม่เคยสอนลูกให้รู้สึกแย่กับผม ที่ผมไม่อาจจะทำหน้าที่สามีที่ดีให้ซูหลินได้” ผมพูด

   “ฉันเข้าใจค่ะ หัวใจของคุณมีเจ้าของแล้ว ถ้าคุณไม่เปิดใจ ฉันก็เข้าไปไม่ได้ ต่อให้ฉันได้แค่กายมันก็ได้แค่นั้น อย่างน้อยคุณก็ยังเป็นป๊าที่ดีให้ลูกชายฉันได้ แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ” เธอพูดกับผมก่อนจะเดินออกไป ผมเดินเข้าไปด้านใน ปราชญ์เขานั่งอยู่บนเตียงคนไข้ เขาหันมามองหน้าผม

   “เฮ้บัดดี้!! เป็นไงบ้าง ผมถามลูกชายของผม เขามองหน้าผมเขาพยักหน้า

   “ฉันรู้ว่าฉันทำหน้าที่คนรักของม๊าเราไม่ได้แต่ฉันยังเป็นป๊าเราน่ะ “ผมบอกปราชญ์

   “ผมเข้าใจครับ” เขาตอบผม

   “ผมจะไปเรียนคาราเต้ครับ” ปราชญ์บอกผม ผมพยักหน้า

   “ฉันสนับสนุนเต็มที่น่ะ” ผมบอกเขา

   “ผมอยากเป็นตำรวจนะครับ” ปราชญ์พูด ผมมองหน้าเขา ใจผมก็ไม่อยากให้เขาเป็นเลยเพราะว่ามันเสี่ยงอันตรายและที่สำคัญ ตำรวจหลายคนก็อยากได้ยศตำแหน่งจนต้องขายศักดิ์ศรีของตัวเองให้คนทำความผิด แต่ผมเห็นสีหน้าและแววตาของเขาแล้วก็ต้องพยักหน้าตามเขานั่นแหละ ผมเหลือบมองเวลา

   “ป๊าต้องกลับแล้ว ช่วงนี้มีเรื่องวุ่นวายมาก ป๊าอาจจะไม่ได้มา ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ป๊าอยากให้ปราชญ์ ดูแลม๊าเราให้ดีที่สุด ปกป้องดูแลม๊า เขาคือคนที่รักเรา อาจจะมากกว่าป๊าก็ได้น่ะ ดูแลม๊าให้ดีดี ส่วนเรื่องที่เราอยากเป็นตำรวจ ป๊าก็ไม่ขัดน่ะ “ผมพูด

   “ป๊าไม่เห็นด้วยเพราะว่ามันขัดกับธุรกิจสีเทาของอากงใช่ไหมครับ” ปราชญ์ถามผม เขาโตเกินวัยไปจริงๆ ผมมองหน้าเขา ผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ เพราะเหตุนี้ผมเลยต้องอยู่ห่างๆ เขา ผมไม่อยากให้เขาซึมซับเอาธุรกิจสีเทาพวกนี้ไป ผมอยากให้เขามีอนาคตทีดีกว่านี้

   “ป๊ากลับน่ะ มีอะไรโทรไปหาป๊าหรือให้ม๊าเราติดต่อหาป๊าน่ะ” ผมบอกปราชญ์ ตอนนี้ซูหลินกลับเข้ามาแล้ว เธอมองหน้าผม

   “คุณจะกลับแล้วเหรอคะ” ซูหลินถามผม ผมพยักหน้ากับเธอ

   “ช่วงนี้ระวังตัวกันหน่อยน่ะแต่ไม่ต้องห่วง ป๋าเขาจะส่งคนติดตามคอยดูแลความปลอดภัยแต่ฉันคิดว่าไอ้คิมมันไม่กล้าหรอก ถ้าป๋าสั่งมัน ตอนนี้ป๋ายังมีอำนาจต่อรองมันได้อยู่ “ผมพูดกับซูหลิน

   “ฉันอาจจะไม่ค่อยได้บินมาที่นี้น่ะ ดูแลลูกชายให้ดี มีอะไรก็ติดต่อไปนะซูหลิน” ผมบอกเธอ

   “ดูแลตัวเองดีดีน่ะ “ผมพูด

   “ค่ะปุณณ์” เธอตอบผม

   “คุณเจอเขาหรือยังคะ” ซูหลินถามผม ผมหันมามองหน้าเธอ

   “ผมก็เจอบ้างแต่ว่า…” ผมพูด

   “ยังไม่กล้าทักเขาอีกเหรอคะ กล้าๆ หน่อยซิ “ซูหลินพูดยิ้มๆ และเธอก็เดินเข้าไปหาลูกชายเธอ เธอลงไปซื้อของโปรดปราชญ์มานั้นเอง ผมแค่หันไปเหลียวมองและเดินออกจากห้องพักคนไข้ไป ผมตรงไปที่รถที่จอดรอรับผมอยู่เพื่อจะไปส่งที่สนามบิน ผมตรงไปที่ห้องรับรองทันที ผมบินชั้นเฟิร์สคลาส ผมได้ห้องรับรอง น่าแปลกใจผมเข้ามาเจอไอ้คิมนั่งอยู่ในห้องนั้นด้วยเช่นกัน

   “เดินทางกลับเหมือนกันเหรอคิม” ผมถามคิม

   “มึงโทรไปฟ้องป๋า” คิมมันคงโกรธผมน่าดู

   “มึงยุ่งกับกูหลายเรื่องแล้วน่ะไอ้ปุณณ์” คิมลุกขึ้น มันมองหน้าผม

   “กูจะยุ่งมากกว่านี้ถ้ามึงมายุ่งกับลูกของกูและซูหลิน “ผมพูด

   “มึงจะหวงทำไม มึงก็เอาแค่ครั้งเดียวก็ไม่อยากเอาอีกไม่ใช่เหรอ” คิมพูด ไอ้คิมมันจะสุภาพกับคนอื่นเพื่อสร้างภาพเพราะว่าผมรู้สันดานจริงๆ มันแล้ว ดังนั้นมันไม่ต้องสร้างภาพอะไรกับผมหรอก

   “อย่าทำให้กูต้องขุดความชั่วมึงออกมาประจานน่ะคิมเพราะถ้ามึงล้ำเส้น กูจะไม่ทำแค่นี้ มึงจะได้ไปนอนคุกโดยที่ไอ้เวรตัวไหนก็ช่วยมึงออกมาไม่ได้” ผมพูด ผมมองจ้องเข้าไปในสายตาคู่นั้น มันนิ่งมากจนผมเองก็เดาความคิดชั่วๆของมันไม่ออกตอนนี้ มันทำได้แค่ยิ้มแค่นั้น

   “ขอโทษนะคะ ตอนนี้ใกล้ได้เวลาบอร์ดดิ้งแล้วค่ะ รบกวนไปที่ประตูเพื่อรอขึ้นเครื่องได้แล้วค่ะ” พนักงานของสายการบินเดินมาแจ้งผมสองคน ผมมองหน้าไอ้คิมก่อนจะเดินหันหลังออก

   “มึงจะกลับไปช่วยเพื่อนมึงอย่างนั้นเหรอปุณณ์” คิมถามผม

   “ใช่ กูยังมีเพื่อนว่ะแต่มึงน่ะ ไม่มีเพื่อนน่ะ มีแต่คนหาผลประโยชน์กับมึง...คิม” ผมพูดก่อนจะเดินออกไป มันคงโกรธที่ผมพูดจี้ใจดำมัน มันไม่มีใครรักมันจริงๆ สักคน ผมเดินออกไปเพื่อไปยังประตูรอขึ้นเครื่อง ผมจะเป็นชุดแรกที่ได้ขึ้นเครื่องก่อนเพราะว่าเป็นชั้นเฟิร์สคลาส ผมคงต้องช่วยผู้กองตั้นหาหลักฐานให้ได้ให้เร็วที่สุดและคนที่คิมต้องการหาคือใคร คนนี้อีกด้วย

      TBC….
   TBC….

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 942
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
EP.43(ป๊าเธียรVSม๊าบีม)เปิดตัว (ครึ่งแรก)

               Part’ s กันต์ธีร์  วันนี้ผมต้องทิ้งเจ้าลูกโซ่เพื่อจะได้มาทำเรื่องขอรับปริญญาบัตรพร้อมกับเพื่อนๆ ตอนแรกผมก็สองจิตสองใจแต่ว่าเพื่อนผมอยากให้ผมเข้าไปรับด้วยกันและถ่ายรูปด้วยกัน ถึงผมจะไม่ได้เกียรตินิยมแล้วก็ตาม วันนี้ม๊าบอกว่าป๊าอยู่บ้านช่วยดูเจ้าลูกโซ่ ผมเลยต้องตื่นมาทำอาหารให้ลูกโซ่ ทั้งอาหารเช้าและอาหารกลางวัน นี้จะครบแปดเดือนแล้วเริ่มทานอาหารหยาบได้บ้างแล้วแถมฟันซีที่สามก็กำลังจะมาในไม่ช้านี้แหละเลยค่อนข้างคันเหงือกหน่อยๆ

      “เคี้ยวแบบนี้ถุงมือมันจะขาดไหมเต้าหู้!!” พี่เธียรวิชญ์พูดกับลูกชายเขา

      "O_O" เหลือกตาขึ้นมองป๊าเขาทันที

      "อุ้ยย!! ไม่เรียกเต้าหู้ก็ได้ แค่นี้ก็งอนเนอะ"ป๊าเขาพูดกับลูกชาย พ่อลูกเขามีโมเม้นงอนกันด้วย

             

            วันนี้ผมจะไปมหาวิทยาลัยเลยต้องตื่นมาทำ พี่เธียรก็เลยต้องตื่นมาแต่ช้าเช่นกัน มาอุ้มลูกโซ่แต่เช้า ผมเองก็เดินเข้าเดินออกจากห้องครัวเพื่อมาดูพ่อลูกนี่แหละแลุะถุงมือที่ลูกโซ่เคี้ยวเป็นถุงมือที่มียางสำหรับเด็กที่ฟันกำลังขึ้นเคี้ยวเล่นได้แต่คงเคี้ยวหนักไปหน่อยป๊าเขาเลยกลัวลูกจะกินเข้าไป ดูซิ มีหันมาเหล่มองพี่เธียรเป็นระยะๆ

      “บีม ตื่นมาแต่เช้าเหมือนกันนะลูก” ม๊าเดินลงมาพอดีเลย

      “ผมมาเตรียมอาหารให้ลูกโซ่ก่อนนะครับ ก่อนจะออกไปนะครับม๊า” ผมพูด ม๊าทักผมก่อนจะหันไปเจอพี่พีเธียรวิชญ์ยืนอุ้มลูกโซ่อยู่

      “อุ้ยตาย!!!” ม๊าตกใจจนต้องเอามือกุมหน้าอกที่เห็นพี่เธียรวิชญ์

      “ตายแล้วลูกชายตื่นมาแต่เช้าเหมือนกัน “ม๊าพูดปนหัวเราะ

      “ผมก็ตื่นเช้าเป็นน่ะม๊าแต่แค่ไม่เคยเช้าขนาดนี้....หาวววววว” พี่เธียรวิชญ์พูดและอ้าปากหาวทันที ม๊าหันพยักพเยิดกับผม

      “มีลูกก็อย่างนี้แหละ เมื่อก่อนป๊าเรายิ่งกว่าเราซะอีก” ม๊าบ่นพี่เธียรทันที

      “ป๊าลงมาแล้วนั้น เราก็ขึ้นไปเตรียมตัวซิ จะไปกับบีมไม่ใช่เหรอเธียร” ม๊ากางมือไปขอรับลูกโซ่มาจากพี่เธียร พี่เขาพยักหน้ากับม๊า ป๊าเดินลงมาก็ตรงไปหาหลานทันที

      “บีมขึ้นไปเตรียมตัวได้แล้วมั้งครับ” พี่เธียรบอกผม ผมพยักหน้าแต่ผมก็ยังหันไปมอง ป๊าของพี่เธียรวิชญ์อุ้มเจ้าลูกโซ่ มันเป็นภาพที่น่ารักมาก

      “พี่ก็ไม่เคยเห็นป๊าแบบนี้มาก่อนน่ะ ป๊าที่ดูจะห่วงงานมากแต่นี้ยอมหยุดอยู่บ้านเพื่อจะดูหลาน “พี่เธียรพูด

       “พี่ต้องขอบคุณบีมน่ะ ที่ทำให้ป๊าพี่มีรอยยิ้มอีกอีกครั้ง” พี่เธียรวิชญ์บอกผมและพี่เธียรก็พยักหน้าให้ผมเดินนำไปเพื่อจะได้ขึ้นไปเตรียมตัว ต้องไปมหาวิทยาลัยวันนี้ หลังจากคลอดลูกโซ่ ผมก็ไม่ได้เข้าไปเลยและนี้ผมต้องเข้าไปทำเรื่องขอรับใบปริญญาบัตร ไม่รู้ว่าจะเจอสายตาใครบ้าง

       “บีมทำธุรส่วนตัวก่อนเลยครับ พี่จะได้เตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้” พี่เธียรวิชญ์รีบอกผม ผมหันมามองหน้าเขา เขานี่น่ะจะเตรียมเสื้อผ้าให้ผมแต่ผมก็พยักหน้าและเดินเข้าไปด้านใน ผมจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ ผมก็เห็นเสื้อผ้าที่วางอยู่ พี่เธียรวิชญ์กำลังเตรียมตัวเช่นกัน เขาหันมามองผม

        “เสื้อผ้าของบีมครับ อันนี้พี่เลือกเอาไว้ให้ครับ” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมเดินไปดู เสื้อผ้าราคาแพงทั้งนั้นเลย

        “พี่ดูจากไซ้เสื้อผ้าของบีม พี่ก็เลยไปเลือกซื้อเอาไว้ อันนี้ก็ปรึกษาเฮียธามด้วย ไม่รู้ว่าจะถูกใจบีมไหม” พี่เธียรวิชญ์ถามผม ผมยอมรับว่ามันถูกใจน่ะแต่ว่า

        “มันแพงไปนะครับ ผมไปแค่ไม่นานไม่ต้องแต่งขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ” ผมพูด

        “แต่งไปเถอะนะครับ พี่อยากให้คนที่เคยพูดจากไม่ดีกับบีม เขาเห็นแบบนี้เขาจะได้รู้ว่า พี่นี้ดูแลบีมอย่างดี ไม่ใช่อย่างที่เขาพูดกัน โอเคนะครับ” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมก็ต้องพยักหน้าและรับเสื้อผ้าเหล่านี้ไปสวมใส่ในห้องน้ำก่อนจะออกมาพี่เธียรวิชญ์ยืนรอผมอยู่ พี่เขาหันมามองผมและยิ้มทันที ก่อนจะเข้ามาช่วยผมตกแต่งเล็กน้อย

        “ตาพี่ใช้ได้เหมือนกันน่ะ นี่แค่กะ กะ เอานะครับ ยัง..” พี่เธียรวิชญ์พูด

        “ยังอะไร…” ผมถาม

        “ยังใส่ได้พอดีขนาดนี้ ถ้าพี่ได้สัมผัส พี่ว่าต่อไปพี่นี้ไปซื้อเสื้อให้บีมเองได้เลย บอกไซ้ได้ถูกแน่นอน “พี่เธียรวิชญ์พูด

        “ปึด!!” ผมบิดหัวนมพี่เขาทันที ทะลึ่งกับผมตลอดเลย

        “โอ๊ยย! บีม “พี่เธียรวิชญ์ร้องและรีบเอามือลูบหน้าอกตัวเองทันที ผมชี้นิ้ว ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงออกไปเพื่อให้พี่เขาเข้าไปแต่งตัวบ้าง แต่มุมปากผมก็กระตุกเป็นรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

        “ยิ้มแบบนี้แสดงว่าพี่เลือกให้ถูกใจใช่ไหมครับ” พี่เธียรวิชญ์มาพูดใกล้ๆ กับผม ผมรีบหันหน้าหนีทันที

        “น้ำหอมขวดนี้ก็ของบีมนะครับ” พี่เธียรวิชญ์รีบอกผม ผมหันไปมองด้วยความแปลกใจ

        “ไปเลือกซื้อมากับพี่ธามละซิ” ผมถาม

        “ไม่ใช่ครับ” พี่เธียรพูด

        “เลือกซื้อตอนจะบินกลับ ตั้งใจจะให้คนที่ทำวิทยานิพนธ์ให้พี่ครับ คนที่ยิ้มหวานให้พี่วันแรกที่เจอเขาอ่ะครับ พี่ฝากบีมไปให้เขาได้ไหมอ่ะ พี่อยากเห็นรอยยิ้มคนนั้นอีก นะครับ” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมหันมาและหยิบน้ำหอมขวดนั้นมาดู กลิ่นของผู้ชาย กลิ่นอ่อนๆ ดูเรียบหรู ผมหันมามองพี่เธียรอีกทีเขาก็เข้าห้องน้ำไปซะแล้ว



              จะว่าก็จริงนะ วันนั้นผมไม่รู้ว่าเขาคือคนเดียวกัน มันทำให้ผมเป็นตัวของตัวเอง แต่พอผมรู้ว่าเขาคือคนที่ทำกับผมคืนนั้น ความเป็นตัวเองของผมเริ่มหายไปเพราะว่ามัวแต่ตั้งแง้กับตัวเอง ผมก็หยิบขึ้นมาฉีด กลิ่นมันหอมดีจัง นับว่าเขาเป็นคนที่เลือกของใช้ได้เก่งพอสมควร

        “ฟึ้ด!!” เสียงคนสูดลมหายใจใกล้ๆ กับผม จนผมต้องหันไป

        “ปึก” ผมชนกับอกของพี่เธียรวิชญ์ พี่เขาก็ใช้มือประคองผมเอาไว้มันทำให้ผมเราสองคนแนบชิดเข้าไปอีก

        “กลิ่นน้ำหอมที่พี่เลือกให้นี้หอมจริงๆ ด้วย” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมก็มองหน้าเขา

        “พี่เลือกเองจริงๆ เหรอ” ผมถามเขา

        “ไม่เชิงอะครับ พี่แค่บอกเจ้าหน้าที่ดูแล พี่บอกเขาว่าคนที่พี่จะซื้อให้ เขาเป็นผู้ชาย เป็นหนุ่มที่ดูอ่อนหวาน ดูนุ่มนวลและเป็นคนละเอียดอ่อน ดูจากงานที่ทำให้พี่มันเรียบร้อยมากและพี่เดาว่าเขาต้องเป็นจิตใจอ่อนโยน เขาเลยเลือกกลิ่นนี้ให้พี่ครับ พี่ลองดมก็ชอบ เลยซื้อให้” พี่เธียรวิชญ์พูด

       “ครับ” ผมพูด

       “ปล่อยผมได้แล้วพี่เธียร” ผมพูดเพราะว่าเขายังกอดประคองเอาไว้อยู่เลย

       “อยากดอมดมนานๆ อ่ะ” พี่เธียรวิชญ์พูดพร้อมกับทำจมูกฟุตฟิต

       "อยากดมนานๆ ใช่ไหม...งั้นก็เอาไปเลยขวดน้ำหอมนี่ไปเลย ไปดมเอา" ผมพูดและหยิบขวดน้ำหอมนั้นส่งให้พี่เธียร พี่เขามองผมและมองขวดน้ำหอมก่อนจะรับไปและวางลง

        "ไม่อยากดมจากขวดจากดมจากคนฉีดมากกว่า" พี่เธียรวิชญ์พูด

        "ไม่เอาปล่อยผมเดี๋ยวนี้เลย"ผมพูด ทำหน้าเง้างอนอีก

        "ถ้าลูกทำมันจะน่ารักมากน่ะพี่เธียร แต่พี่น่ะโตแล้ว!" ผมพูด พี่เธียรวิชญ์เขายิ้มๆ ให้ผมก่อนจะยอมปล่อยตัวผม ผมหันไปมองไม่ได้เลยฉวยโอกาสตลอด

        “งั้นก็คงไม่ต้องมหาวิทยาลัยแล้วมั้งครับ” ผมพูด พี่เธียรวิชญ์เลยต้องยอมปล่อยผม พี่เขาก็จัดการแต่งทรงผม จะว่าไปเขาเป็นผู้ชายที่สำอางแต่ไม่ใช่สำอางแบบใบชาอะไรแบบนี้ เป็นคนดูแลตัวเองดี

         “ไปกันได้แล้วครับ ม๊า” พี่เธียรวิชญ์หันมาบอกผม ผมยืนอึ้งไปหลายนาทีเลย

         “เออ ไม่ชอบเหรอ ถ้าพี่จะเรียกว่าม๊า” พี่เขาถามผม

        “ไม่ใช่ แค่ยังไม่ชิน” ผมพูดเบาๆ

         “แต่พี่ชอบให้บีมเรียกพี่ว่าป๊าน่ะ เหมือนที่เวลาม๊าเรียกป๊าของพี่ เขาแทนกันว่าม๊าและป๊า มันดูเป็นครอบครัวดีนะบีม “พี่เธียรบอกผม ผมพยักหน้า

         “ผมจะลองดูน่ะ” ผมพูด พี่เธียรวิชญ์พยักหน้า พี่เธียรกำลังจะหันไปหยิบนาฬิกาข้อมือมาสวมใส่

         “ป๊า” ผมเรียกพี่เธียรวิชญ์ พี่เขาหันมามองหน้าผม

         “ผมสวมให้ไหมครับ” ผมถามพี่เธียรวิชญ์ พี่เขายิ้มให้ผมก่อนจะส่งนาฬิกาข้อมือสวยหรูเรือนนั้นมาและผมก็สวมใส่ที่ข้อมือให้พี่เขา ในห้องแต่งตัวของพี่เธียรเขามีแต่ของหรูๆ เยอะไปหมด ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก

         “ม๊าครับ” พี่เธียรเรียกผม ผมหันมามอง พี่เขายิ้มกับผม

         “ยิ้มอะไรน่ะ” ผมถามพี่เธียร

         “ยิ้มดีใจที่เรียกม๊าแล้วบีมหัน ถ้าอย่างนั้นพี่เรียกบ่อยๆ น่ะ” พี่เธียรวิชญ์พูดก่อนจะดึงผมเข้าไปหาและสวมนาฬิกาข้อมือให้ผม เลือนนี้เล็กมาก ผมหรี่ตามอง อย่าบอกน่ะว่าซื้อให้กันต์ธีร์อีกน่ะ

         “ม๊าเขาซื้อให้พี่พร้อมกับเรือนที่พี่สวมอยู่นี่แต่ว่าเขาขายแบบเป็นแพ๊กคู่ ม๊าเลยบอกว่าเอาไว้ให้แฟนแล้วกัน วันนี้พี่เลยหยิบมาใส่เพราะว่าพี่จะได้สวมมันให้บีมเหมือนกัน “พี่เธียรพูดพร้อมกับเอามาเทียบมันเป็นแพ๊คคู่จริงๆ ด้วยแต่ของผมเรือนเล็กกว่า ซึ่งมันก็เหมาะกับข้อมือเล็กๆ ของผม ถ้าเทียบกับข้อมือพี่เธียรวิชญ์ ผมเล็กกว่า

         “ไปครับ ไปกันได้แล้วน่ะ” พี่เธียรวิชญ์บอกผม ผมสองคนเดินลงไปที่ชั้นล่าง ผมไม่เจอลูกชายผมในบ้าน ผมยืนมองซ้ายมองขวามองหาลูกโซ่ จนพี่มลเข้ามาด้านใน พี่มลกับพี่บุ้งคุยกันยิ้มกันใหญ่เลย

          “วันนี้คุณนายกับคุณท่าน มีความสุขน่าดูนะมล “พี่เขาพูดก่อนจะมาหยุดที่ผมสองคน

          “อยู่ในสวนหย่อมค่ะ อากงกับอาม่าเขายิ้มมีความสุขเพราะว่าคุณนายน้อย อ้อนเอาใจน่าดูเลยค่ะ คุณบีมคุณเธียร” พี่มลพูดและหันไปยิ้มด้วยกัน ผมหันมามองพี่เธียร พี่เขาเดินไปแอบมอง ผมก็เดินไปแอบมองเช่นกัน ผมเห็นป๊าของพี่เธียรเขาอุ้มเจ้าลูกโซ่ โดยมีผ้าที่ใช้รองน้ำลายพาดบ่าเอาไว้และม๊าก็กำลังชี้ให้ลูกโซ่ดูนั้นดูนี้

          “ไปกันเถอะม๊า ถ้าลูกเห็นจะร้องตามเอาน่ะ” พี่เธียรวิชญ์บอกผม ผมพยักหน้าว่าจริงด้วย เห็นแบบนี้ ก็เริ่มร้องตามผมกับพี่เธียรแล้วด้วย

         “ลูกโซ่มีฉีดวัคซีนแปดเดือนเมื่อไหร่ครับม๊า” พี่เธียรถามผม

         “เดือนหน้าครับ” ผมบอกพี่เธียร

         “พี่ไปด้วยน่ะ “พี่เธียรพูด

         “ปกติพี่ไม่ชอบไปโรงพยาบาลเลย ไม่ชอบกลิ่น ไม่ชอบความวุ่นวายในโรงพยาบาลแต่นี่ลูกพี่ พี่ต้องไปครับ พี่อยากไปอยู่ใกล้ๆ เขา เพื่อเขาต้องการพี่” พี่เธียรพูด

         “ก็ไปซิ” ผมพูด

         “เจ้าลูกโซ่นะ พอเห็นทางเข้าโรงพยาบาลก็เริ่มร้องไห้แล้วครับป๊า” ผมพูด พี่เธียรวิชญ์เปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง

         “ก็พ่อกับลูกย่อมเหมือนกัน พี่เชื่อแล้วว่าจริงๆ” พี่เธียรวิชญ์พูด

         “แล้วไม่เหมือนผมเหรอ” ผมถามพี่เธียรวิชญ์

         “ชอบทำหน้าตาน่ารักอันนี้เหมือนม๊ามากครับ” พี่เธียรวิชญ์พูดก่อนจะปิดประตูและเดินอ้อมมานั่งข้างผมเพื่อจะเป็นคนขับรถพาผมไป ผมนั่งนิ่งเงียบ พี่เธียรก็เปิดเพลงรักเบาๆ คลอๆ ไปด้วยจนถึงมหาวิทยาลัย พี่เธียรเขาหันมากุมมือผมไปด้วย อันที่จริงๆ ก็ไม่ไกลกันมากแต่ว่าทำไมผมรู้สึกเหมือนเราใช้เวลาในรถนานมากและมันก็เหมือนคนเริ่มมีความรักกันใหม่ๆ



              รถคันหรูของพี่เธียรวิชญ์ขับมาถึงมหาวิทยาลัยของผมแล้ว รถหรูนำเข้า แน่นอนต้องมีคนมองแม้ว่านักศึกษาที่นี้ก็มีหลายคนที่มีรถหรูแต่ของพี่เธียรหรูที่สุด ในบรรดารถที่พวกผมเคยเห็น พี่เธียรนำเข้าไปจอดในที่จัดเอาไว้ ผมก็หันมามองพี่เธียรวิชญ์ เขาสวมแว่นตาแบรนด์ดัง ดูหล่อเท่มาก พี่เขาหันมามองหน้าผม

       “ป๊าจะเข้าไปด้านในกับผมหรือเปล่า” ผมถามพี่เธียรวิชญ์ พี่เขาพยักหน้ากับผม

       “เข้าไปซิครับเพราะว่าถ้าใครจีบม๊าของพี่กับลูกโซ่ มันโดนพี่แน่ๆ พี่พร้อมมาก” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมหันไปมองนี้มาเป็นเพื่อนผมหรือจะมาเพื่อรับงานให้ผมกันแน่

       "อุ้ย!!"พี่เธียรสะดุ้งทันที

       "พี่พร้อมมาเป็นการ์ดคุ้มกันม๊าบีมของลูกโซ่พี่ครับ" พี่เธียรวิชญ์พูด ผมมองบ่นใส่ทันที เพื่ออะไรเนี๊๊ยะ!! ผมนึกขึ้นได้

       “พี่เธียร!!” ผมเรียกพี่เธียรวิชญ์

       “แต่ว่าอยู่ข้างใน ผมไม่กล้าเรียกป๊าน่ะ” ผมหันมาบอกพี่เธียร พี่เขาพยักหน้าว่าเข้าใจ

       “เรียกพี่เธียรก็ได้ พี่ก็ชอบเหมือนกัน” พี่เธียรวิชญ์บอกผม

       “ครับ” ผมตอบพี่เขา

       “น่ารักเหมือนกันน่ะ ม๊าของลูกโซ่เนี๊ยะ” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมหันมามอง แหมพอยอมเข้าหน่อยได้ใจเลยน่ะ พี่เขาเอามือลูกหัวผมเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าว่าลงจากรถกันได้แล้ว ทันทีที่ผมก้าวเท้าลงมาจากรถ ผมก็เห็นผู้คนมากมายที่มาติดต่อขอรับปริญญาบัตรกัน แค่คณะผมก็เป็นร้อยคนแล้วเพราะว่ามีหลายสาขา ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที มือผมนี้เริ่มสั่นไปหมด ภาพสุดท้ายนั้นคือตอนที่ผมเจ็บท้องและพี่กันตภณอุ้มผมไป

        “หมับ” มือใครสักคนสอดเข้ามาจับมือผมที่สั่นเล็กน้อยและบีบมันเบาๆ ผมหันไปมอง ผู้ชายคนนี้ที่วันแรกที่ผมเจอเขา มันอาจจะจริงเพราะว่าผมกับเขาเจอกันในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดี ตอนนั้นผมก็อารมณ์ไม่ดีเหมือนกันก็ไอ้ผู้จัดการมันไม่ได้เทรนงานที่ผมควรจะได้เรียนแต่ชี้นิ้วใช้ผมทั้งที่ผมมาไปทำงานแทนเขาแท้ๆ เลยอารมณ์ไม่ดีพอกัน ถ้าเราเจอกันในวันที่ดี ในช่วงเวลาที่ดี ผู้ชายคนนี้คงทำให้ผมหลงรักเขาได้ไม่ยากแม้กระทั้งตอนนี้ ผมยอมรับว่าผมตกหลุมรักเขาเข้าไปแล้ว

       TBC….

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2024 19:55:37 โดย PFlove »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด