EP.33 แค่เอาไว้แสดงสิทธิ์เพื่อปกป้องคนสำคัญ
Part's เธียรวิชย์ หลังจากที่ผมรู้ความจริงว่ากันต์ธีย์ คือคนเดียวกับเด็กที่ผมมีอะไรด้วย ในวันนั้น ก็เพื่อนม่รู้ดันใส่ยาปลุกเซ็กส์ไว้ในแก้วแชมเปญที่ผมยกไปดื่ม และที่สำคัญแพรวายืนยันแล้วว่ากันต์ธีย์คือเด็กตั้งท้องในมหาวิทยาลัยอีกด้วยอีก และที่ผมมั่นใจว่าลูกผม เพราะว่าอากันตภณเป็นหมัน นั้นก็แปลว่าลูกผมแน่นอน ผมต้องคุยกับเขา ตอนนี้ผมก็เดินสับเท้าลงไปจนถึงห้องธุรการ รีบเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นทันที มีคนนั่งทำงานอยู่แต่ไม่มี กันต์ธีย์ และผมก็ยกมือขึ้นมาเคาะกระจกเพื่อเรียกคนด้านใน
“สวัสดีค่ะคุณเธียรวิชย์ มีเรื่องอะไรเหรอคะ” เจ้าหน้าที่ที่ป๊าผมส่งมาช่วยงานกันต์ธีร์ชั่วคราวและเขาคือคนที่ไปเรียกผมว่าแพรวามาหาผม เขาเดินออกมาถามผม ผมมองไปรอบภายในห้องก่อนจะเอ่ยปากถาม
“กันต์ธีย์ไม่อยู่เหรอครับ” ผมถาม
“เขาลาออกแล้วค่ะ นี้เพิ่งจะเก็บของและออกไปเลยค่ะ ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่านะคะ ดูเขารีบร้อนออกไป สีหน้าไม่ค่อยดีเลยค่ะคุณเธียร” เจ้าหน้าที่ธุรการคนพูด
“ไปไหนเหรอครับ” ผมถามเขา
“เขาคงจะลงไปรับลูกเขาค่ะ ลูกเขาชื่อลูกโซ่นะคะและเขาก็จะไม่ส่งลูกเขามาอยู่ที่นี้แล้วด้วยค่ะ เขาได้แจ้งดิฉันให้แจ้งเรื่องไปที่สาขาใหญ่ด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่คนนี้รายงานผม ผมพยักนห้า
“ลูกเขาชื่อลูกโซ่” ผมถามย้ำอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ธุรการก็พยักหน้าว่าใช่ ผมนิ่งไปพักหนึ่งผมน่าจะเอะใจตั้งแต่โดนทักว่าหน้าเขาเหมือนผมแล้ว ไอ้เซ้อไอ้เธียรวิชย์!! ทำไมคิดไม่ได้ตั้งแต่คำพูดครูพี่เลี้ยงที่พูดว่าเขาหน้าเหมือนผม ผมก็รีบหันหลังวิ่งออกไปจากห้องทันทีเช่นกัน มือถือผมสั่นสะท้านไปด้วย ผมไม่หยิบมาดูว่าเป็นของใคร ผมวิ่งไปจนถึงทางเดินที่จะไปห้องเด็ก ผมตรงไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ผมเปิดประตูพรวดพล้าดเข้าไปพร้อมกับอาการหอบเหนื่อย
“ครูครับ ครู เออ ผม แฮกๆ “ผมพูดไปก็พยายามหายใจไปด้วย
“คุณเธียรวิชย์มีอะไรหรือเปล่าคะ” ครูที่ดูแลลูกโซ่เขาถามผมด้วยสีหน้าตกใจ
“ลูกโซ่ยังอยู่ไหมครับ” ผมถามครูพี่เลี้ยงทันที
“น้องไปแล้วค่ะ เห็นคุณพ่อบอกว่าจะไม่ทำงานที่นี่แล้วด้วยค่ะ เพิ่งออกไปได้สิบนาทีนี้เองค่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะวิ่งออก แต่ว่าเขาจะไปทางไหนน่ะ ผมยืนคิด
“มีสายเขาในมือถือผม อากันตภณ ผมารีบกดรับสายทันทีเช่นกัน
//เธียร เกิดอะไรขึ้น ทำไมบีมเขาบอกเจ๊กว่าเขาลาออก นายไปทำอะไรให้เขาโกรธ//เจ๊กกันถามผม
//เจ๊กต่างหาก ทำไมไม่บอกผมว่ากันต์ธีร์เขามีลูกได้ เขาท้องได้ และกันต์ธีร์เขาชื่อเล่นว่าบีม เจ๊กไม่บอกผมเลย//
// เธียร เธียรรู้ได้ไงเรื่องนี้น่ะ //
//ลูกที่บีมอุ้มท้องอยู่น่ะ ลูกผมเจ๊ก!!! //
//ไอ้เธียร!! //
//และนี้ผมคงยกให้เจ๊กไม่ได้ ผมจะเอาลูกเมียผมคืน// ผมพูดกับคนในสาย ถึงเขาจะเป็นเจ๊กที่ผมรักมากก็ตาม ผมกดวางสายจากเจ๊คกันตภณ จังหวะนั้นผมเห็นคนทำสวนในโรงเรียน เขาเดินสวนมาพอดี
“ขอโทษนะครับ เห็นคนที่อุ้มเด็กเดินผ่านไปด้านหน้าไหมครับ” ผมถามคนสวนของโรงเรียน เขาก็ยืนนิ่งคิดสักครู่
“เห็นครับ เป็นคนทำงานที่นี้นี่ครับ ผมเขาเห็นเดินออกไปอุ้มลูกตากแดดไปโน่นน่ะครับ แดดก็ร้อน ร้อน สงสารเด็กนะครับ “คนทำสวนตอบผมพร้อมกับชี้นิ้วไปทางที่บีมเพิ่งเดินออกไป ผมก็วิ่งตามออกไปทันทีเช่นกัน ผมวิ่งไปทั้งอากาศร้อนๆ ขนาดผมเองยังรู้ร้อนขนาดนี้แล้วเด็กล่ะ เสื้อผ้าที่เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมา และสิ่งที่ผมเห็นคือ หนุ่มคนนั้นอุ้มเด็กน้อยเดินออกไป เขากำลังจะไปรอเรียกรถแท็กซี่แน่ๆ
“บีม!!” ผมเรียกชื่อเขา เขาหันมามองผมพร้อมกับเด็กคนนั้น เจ้าก้อนขาวๆ ของผม แต่บีมกำลังหันหลังเดินออกต่อ
“บีม!! หยุด” ผมเรียกเขาอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งไปถึงบีม ผมรีบคว้าตัวเขาเอาไว้ บีมดิ้นสะบัดโดยไม่หันมามองหน้าผม
“บีม “ผมเรียกเขาอีกครั้ง บีมหันมามองหน้าผม น้ำใสๆ ไหลรินออกมา
“ผมเคยคิดว่าคุณไม่ใช่ ไม่ใช่ไอ้คนที่มันฝากเรื่องแย่ๆ ไว้กับผม ผมมองคุณผิดมาตลอด ไปให้พ้นเลย ไปเลย” บีมค่อยๆ หันหน้ามามองผม ดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้น
“มึงก็ได้แล้วมึงก็ทิ้งแล้ว มึงจะเอาอะไรอีก ไอ้เชี้ย ฮือๆ” คนตรงหน้าผม ผมก็ดันเขาให้เข้ามาในร่มก่อน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดคำไหนเพราะว่าทั้งหมดมันคือความผิดของผม ที่ผมทิ้งเขาไว้กับเรื่องร้ายๆ แบบนี้ เป็นความผิดที่ผมต้องยอมรับแต่โดยดี ผมมองคนตรงหน้าที่ยืนนิ่งพร้อมกับพยายามระงับอารมณ์โกรธตัวเองไปด้วย และเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาที่มองผม เริ่มเอานิ้วมือใส่ปาก
“มะ มะ มะ “เด็กน้อยเรียกบีมไม่ชัด เรียกมะ มะ มะ บีมยืนปาดน้ำตาตัวเอง
//ฮัลโหล พี่ครับ ผมขอรถด่วน ผมต้องการรถตอนนี้ครับ // ผมโทรบอกคนขับรถที่ขับรถให้ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ก่อนจะหันมามองบีมที่ทำท่าจะเดินหนีผม ผมก็มองเจ้าก้อนขาวๆ ทื่มองผมกับบีมสลับกันไปมาอีก
“ไปกับพี่เดี๋ยวนี้” ผมบอกบีม
“กูไม่ไปกับมึง กูไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้น ไปให้พ้นจากกูสองคนเลยและมึงทิ้งกูไว้แบบนี้แหละ” บีมพูดด้วยความโมโห ผมไม่โต้ตอบอะไรบีมทั้งนั้น เพราะว่าทั้งหมดคือความผิดของผมเอง ผมก็ยืนคิดว่าถ้าผมพูดไปบีมที่ยังคงโกรธผมอยู่คงไม่ยอมฟังอะไรจากผมแน่นอน ผมเลยคว้าเจ้าลูกโซ่มาอุ้มไว้ เรียกว่าแย่งอุ้มไปเลยจะดีกว่า ผมแย่งลูกมาจากบีมทันที ผมแหงนขึ้นไปมองบนตึก ผมเห็นแพรวากำลังเดินออกมาจะมาตามผม ผมก็วิ่งไปพร้อมกับลูกของผม และบีมก็วิ่งตามผมทันทีเช่นกัน
“เอาลูกผมคืนมาน่ะ คุณจะเอาเขาไปจากผมไม่ได้ เขาเป็นลูกผมแค่คนเดียว “ผมได้ยินแต่ผมก็วิ่งทันที ผมก็วิ่งไปที่เพื่อไปที่จอดรถ ถ้ารอให้มารับคงไม่ทัน จังหวะนั้นแพรวาก็มองลงมาที่ผม
“พี่เธียร!!!” เสียงเรียกชื่อผมดังมาจากตัวอาคาร ผมก็แหงนขึ้นไปมองบนตึกน้ั้นอีกครั้ง และบีมที่หยุดเท้าเงยหน้าขึ้นไปมองแพรวาเหมือนผม ก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่ใช่อย่างที่เห็น
“เร็วซิ! “ผมหันมาเร่งบีมทันที
“ไม่ ไม่ไป เอาลูกผมคืนมาเดี๋ยวนี้น่ะ เขาไม่ใช่ลูกคุณ” บีมพูดและพยายามดึงลูกชายเขากลับ
“หน้าเหมือนขนาดนี้ ไปหลอกเด็กอนุบาลเถอะบีม” ผมพูดกับบีม
“และจะให้ใครเป็นพ่อเด็กล่ะ เจ๊กของผมเหรอบีม ผมไม่ให้หรอกน่ะ นี้ลูกผม” ผมบอกบีม เขามองหน้าผม
“แล้วจะมาอยากเป็นพ่ออะไรตอนนี้ ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ แต่ถ้ามึงมีความรับผิดชอบจริง มึงจะทิ้งให้กูเผชิญกับมันคนเดียวแบบนี้เหรอ ไอ้เชี้ยเธียร!! กูต้องเจออะไรบ้าง กูโดนอะไรบ้าง มึงอยู่ข้างกูไหม มึงดีแต่ทำกูท้อง มึงเคยหันมามองกูไหม ฮือๆ” บีมพูดไปพร้อมกับปาดน้ำตาไปด้วย และจังหวะนั้นรถแล่นมาพอดีรถที่ผมโทรไปแจ้งไว้ วันนี้ผมไม่ได้ขับรถมาเอง ให้รถที่บ้านมาส่ง ผมรีบโบกรถไว้ก่อนและคนขับรถก็วิ่งลงมาเปิดประตูพร้อมกับมองหน้าผมและมองเด็กน้อยที่ผมอุ้มอยู่
“ด่าจบหรือยังบีม” ผมถามบีม เขาเงยหน้าขึ้นมองผม
“ขึ้นรถและไม่ได้จะเอาไปแค่เด็ก เอาไปทั้งแม่และลูกนี่แหละ” ผมพูดบอกบีม ผมเห็นแพรวาวิ่งลงมาแล้ว แม้ว่าไอ้ไปส์มันจะพยายามดึงรั้งไว้ก็ตาม
“ขึ้นรถซิ!!!” ผมตะคอกเสียงดังใส่บีมเพราะว่าแพรวากำลังวิ่งลงมาแล้ว แต่คนที่วิ่งไปขึ้นรถไปกลับเป็นคนขับรถของผมซะเอง
“พี่ครับ พี่ขึ้นไปทำไมอ่ะครับ” ผมถามพี่คนขับรถ
“อ้าวคุณเธียรสั่งนี้ครับ” คนขับรถบอกผม ผมนี้ต้องแตะหน้าผากตัวเอง
“ผมสั่งเมียผม ไม่ได้สั่งพี่ครับ” ผมบอกคนขับรถ บีมสะบัดหน้าหันมามองผม
“ไม่ใช่ผมเหรอครับ” พี่คนขับรถถามผม ผมก็มองกลัวแพรวาจะมาถึง
“พี่เป็นคนขับและพี่ต้องปิดประตูนี้ครับ” ผมบอกพี่คนขับรถ ก่อนจะดันบีมขึ้นไป แต่เขาก็ขึ้นไปตามแรงดันของผม และผมก็เข้าไปนั่งทันที พี่คนขับรถรีบวิ่งลงไปปิดประตูก่อนจะวิ่งกลับขึ้นมา
“ออกรถเลยครับ เดี๋ยวนี้!!” ผมออกคำสั่ง
“จะให้ดีล๊อกรถก่อนด้วยครับ “ผมบอกคนขับรถทันทีที่ก่อนที่แพรวาจะวิ่งมาถึงและคนขับรถก็ล๊อกรถได้ทัน และขับรถออกทันที แพรวาก็ทำท่าจะวิ่งตามผม แต่คงยากเพราะว่าเธอสวมรองเท้าส้นแหลมขนาดนั้น ผมก็ต้องเอามือกุมหน้าอกตัวเอง แต่เจ้าลูกโซ่ที่ผมอุ้มไว้กอดไว้ เขาหันมามองหน้าผม
“แล้วนี่เราจะไปไหนกันดีครับคุณเธียร” คนขับรถหันมาถามผมผ่านกระจกมองหลังเพราะว่ารถแล่นออกมาได้สักพักแล้ว
“ไปโรงพยาบาลครับ” ผมบอกคนขับรถ
“ไปทำไม!!” คนข้างๆ หันขวับมาถามผมทันที
“ไปส่งผมที่โรงพยาบาลเอกชนสักที เอาดีดีหน่อย ผมจะไปตรวจดีเอ็นเอ” ผมพูดสายตาผมมองคนที่นั่งหน้างออยู่ข้างๆ
“ถ้าไม่มั่นใจว่าเป็นลูกมึง ก็แค่ไม่ต้องรับ เอาลูกกูคืนมา” คนข้างผมทำท่าจะคว้าลูกคืนแค่ผมไม่คืนให้
“ถ้ากลัวว่านี้ไม่ใช่ลูกตัวเองก็ไม่ต้อง กูอยู่กันได้” บีมพูด
“แต่ผมค่อนข้างมั่นใจครับ ว่าลูกคุณเธียร หน้าเหมือนกันราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกันขนาดนี้ครับ” คนขับรถพูดขณะที่ติดไฟแดง ผมก็หันไปมองพี่เขา
“ขอโทษครับ เพื่อจะช่วยในการตัดสินใจ อู้ย!! ไม่น่าเลยกู” คนขับรถของผม
“ไปโรงพยาบาลครับ “ผมบอกคนขับอีกครั้ง
“ผมไม่ไป จอดเลยผมจะลง” คนข้างผมพูด
“ผมบอกไปและไม่ต้องจอด ผมไม่ให้ใครลงทั้งนั้น” ผมหันไปพูด
“ผมบอกไม่ไปผมจะลง” บีมพูด
“ก็บอกไม่ให้ลง” ผมคัดค้านไม่ยอมให้บีมลง
“เออ ขอประทานโทษนะครับ ไปหรือไม่ไปครับ ตัดสินใจทีเถอะครับ ตอนนี้รถคันหลังๆ บีมแตรไล่ทั้งถนนแล้วครับ ผมเองก็ตัดสินใจให้ไม่ถูกครับ ไปหรือไม่ไปครับแต่ถ้ายังไม่ไปกันอีก เห็นทีคงจะเป็นผมน่ะครับที่ได้ไปก่อน แต่ไปโรงพักน่ะครับผม ตำรวจคงมาเขียนใบสั่งแน่ๆ ข้อหากีดขวางจราจรและทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนกันไปทั้งถนนครับคุณครับ” พี่คนขับรถพูด
"....."ผมกับบีมหันมามองหน้ากัน
“ผมตัดสินใจได้ในตอนนี้ ผมเป็นผู้บริหารแม้จะฝึกงาน สั่งให้ไป ถ้าไม่ไป ผมสีสิทธิ์ไล่คุณออก คุณคนขับรถที่ขัดใจนาย” ผมพูดเท่านั้นแหละรถแล่นออกไปทันที ผมหันมามองบีมเป็นไงละ ตำแหน่งผมใหญ่ที่สุดตอนนี้ถึงจะมีคำว่าฝึกหัดตามมาด้วยก็ตาม รถแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไฟเขียวจะเปลี่ยนเป็นไฟเหลืองแทนอย่างหวุดหวิด ผมยังไม่ได้รับสายใครทั้งนั้นและนี้ก็กระหน่ำโทรกันจัง แพรวานี้หนักที่สุดโทรมาเกือบจะห้าสิบสายได้เลย ส่วนบรรดาเฮียก็คนล่ะสี่ห้าสายก็พักแล้วแต่นี้แพรวาเธอไม่พักเลย แต่ผมก็เลือกที่จะไม่รับสายเธอ
“พี่รู้ว่านี้ลูกพี่แต่พี่ต้องตรวจ เพราะว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เข้าใจไหมบีม เห็นพี่แบบนี้พี่ไม่ยอมให้ลูกและ…”ผมพูด
“เมียพี่ไปลำบาก” ผมพูด บีมมองหน้าผมก่อนจะปาดน้ำตา ผมส่งผ้าเช็ดหน้าให้แทนแต่เขาไม่รับ ส่วนเจ้าลูกโซ่เป็นคนยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้าจากมือผมไปแทนและเอี้ยวตัวไปเช็ดให้บีมแทนผม ผมมองเด็กน้อยคนนี้ ทำไมฉลาดหนัก
“มะ มะ มะ “เขาเรียกบีมเหมือน เขาจะเรียกม๊ามากกว่าน่ะ
“คืนลูกผมได้หรือยัง” บีมหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงแล้ว ผมพยักหน้าก่อนจะส่งเจ้าก้อนเต้าหู้คืนไปให้บีม ผมหันมากดรับสายบรรดาเฮียที่กระหน่ำโทรหาผมก่อน ผมกดเรียกว่าชุมสาย
//ไอ้เธียร เกิดอะไรขึ้น// เฮียธีถามผมก่อนคนอื่น
//ผมยังพูดตอนนี้ไม่ได้เฮีย ไปเจอกันที่บ้านเย็นนี้เฮียและผมจะพูดพร้อมกันทีเดียว ทั้งป๊าและม๊าด้วย //ผมบอกกับเฮียธี
//เรื่องใหญ่เหรอว่ะไอ้ตี๋น้อย// เฮียธีถาม ผมรู้ว่าเฮียรักผมน่ะ ฟังจากน้ำเสียงเป็นห่วงและดูออก ถึงจะบ่นมากหน่อยก็เถอะ
//อืมม// ผมตอบเบาๆ ก่อนจะเอามือลูบหัวเจ้าก้อนเต้าหู้เบาๆ
//มึงไม่ใช่ไอ้ตี๋น้อยแล้วไอ้เธียร มึงน่ะ เยอะ!! เยอะทุกเรื่องไอ้ตี๋เรื่องเยอะ!! // เฮียธามพูด ผมน่ะกดวิดีโอคอลอยู่ ก่อนเบนกล้องไปที่สองคนที่กอดกันกลม เฮียธันก็เข้ามาชุมสายพอดี
//เฮ้ยลูกมึงเหรอว่ะ ไอ้เธียร// ประโยคแรกของเธียธันที่ได้เห็นหน้าเจ้าลูกโซ่
//เฮียว่าแล้วเชียว มิวก็บอกเฮียวันนั้นแต่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง…//เฮียธีทำท่าจะพูดแต่คงเห็นหน้าบีมเลยเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า
//อู้ยตายแล้วหลานสาวของโกว// เฮียธามพูดพร้อมทำตาวิ้งใส่หลานเพราะว่าเฮียแกขับรถอยู่คนเดียว ไม่มีป๊ากับม๊าอยู่ด้วยไง เลยกล้าทำ
//หลายชายเฮีย!! // ผมบอกเฮียธาม บีมสะบัดหน้ามามองเฮียธามทันทีเช่นกัน ใช่ครับไม่มีใครเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อว่าเฮียผมนี้แหละ สาวแตก ผมเงยหน้ามองพี่คนขับรถ เขาก็ตกใจไม่แพ้กัน ขนาดคนขับรถบ้านผมที่ขับรถรับส่งเวลาที่ไม่อยากขับรถเอง ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย ผมทำนิ้วจุปาก พี่เขาน่าจะเข้าใจแล้วว่า อย่าพูดให้ป๊าผมฟังแน่นอน
//เฮ้ย!! ป๊าอยู่ในสายด้วยเฮีย//เฮียธันพูด
//เฮ้ยฉิบหายแล้วกู หลายชายของแปะ!! // เปลี่ยนทันทีเลยน่ะเฮียธามของผม
//กูไม่เคยดึงป๊าเข้ามาไอ้เชี้ยธัน// พี่ธีพูด
//เฮียแค่นี้น่ะ นี่เฮียขับรถกลับกันเลยใช่ไหม//ผมถามเฮียของผม
//นี่มึงจะไปไหนอีกล่ะ// เฮียธามถามผม
//พาไปตรวจดีเอ็นเออ่ะ//
//มึงยังกล้าโผ่หน้าไปขอเขาตรวจดีเอ็นเออีกเหรอ เขาจะไม่ด่ามึงให้เหรอไอ้ตี๋น้อย เปลืองทรัพยากรแรงงานโดยใช่เหตุ//เฮียธันพูด
//เพราะว่าผลดีเอ็นเอของมึงกับหลานกูน่ะ อยู่บนหน้ามึงแล้วครับ //เฮียธามพูด ผมหันมามองคนข้าง
//ก็รู้ว่าดีเอ็นเอผมแรงเว้อ แต่ผมต้องใช้เฮียและมันก็จำเป็นมากจริงๆ เพื่อปกป้องลูกเมียผม //ผมพูดกับบรรดาเฮีย บีมหันมามองหน้าผม ผมพยักหน้าประมาณว่าจะอธิบายทีหลัง ส่วนเฮียน่ะเหมือนจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร
//เฮียรู้แล้วว่าทำไม เธียร//เฮียธีพูดขึ้น
//แค่นี้ก่อนน่ะ เฮียจะวางสายก่อนเพราะป๊าโทรมา มึงให้เฮียบอกป๊าว่าไง เธียร //เฮียธีถามผมก่อนจะวางสาย
//บอกว่าไปเจอกันที่บ้าน ผมมีเรื่องจะบอกแค่นั้นแหละเฮีย//ผมพูดกับเฮียธีและเฮียธีก็กดวางสายไปเช่นกัน
//งั้นเจอกันที่บ้านเลยตี๋น้อย เรื่องมึงนี้เยอะไม่สมกับตำแหน่งตี๋น้อยๆ ของอาม่าเลยว่ะ //เฮียธามอีกคนแต่ผมรู้ว่าเฮียธามรักผมไม่แพ้เฮียคนอื่นและเฮียธันก็แค่แร๊พโย๊ะมาให้ผมก่อนจะวางสายกันไป
ผมหันมามองเจ้าก้อนเต้าหู้ของผม (ผมเป็นคนที่ชอบทานเต้าหู้มากอาม่าทำให้ผมทานบ่อยและเจ้าโซ่ก็ขาวๆ อวบๆ เหมือนกัน) ตอนนี้เขาได้เอาหน้าหล่อๆเหมือนผม ซบลงที่หน้าอกของบีบและหลับปุ๋ยไปแล้ว ผมก็กดโทรศัพท์มือถือเสิร์ซหาดูว่าโรงพยาบาลไหนที่รับตรวจดีเอ็นเอ ดีที่สุดรวดเร็วและแม่นยำ จนผมไปเจอที่หนึ่ง เป็นโรงพยาบาลเอกชน ผมก็ส่งให้คนขับรถรับมือถือของผมไป เขาก็พยักหน้าตามนั้น ผมรับมือถือคืนกลับมาและกดปิดเครื่องทันที ไม่อยากรับรู้อะไรในตอนนี้ ผมหันมามองบีม ผมเห็นว่าเขาอุ้มนานแล้ว ผมก็แบมือแต่เขากลับมองผม
“ไม่มีสิทธิ์อุ้มบ้างหรือไง” ผมถามบีมกลับ เขาก็ส่งเจ้าก้อนเต้าหู้มาให้ผมรับมาอุ้มตัวนุ่มนิ่ม
“หิวหรือยังเพราะว่านี้ก็บ่ายโมงแล้วบีม” ผมถามบีม เขานิ่งไม่หันมามองหน้าผม
“บีม ผมรู้ว่าผมผิดพลาดในวันนั้น เออ แต่วันนี้ ผมไม่อยากจะแก้ตัวน่ะ แต่ผม” ผมพูดกับบีม
“คุณไม่ได้ตั้งใจและผมแค่ซวยใช่ไหม” บีมหันมาพูดก่อนจะหันหน้าออกไปมองด้านนอก ที่ตรงหน้าต่าง
“พี่รู้ว่า วันนั้นมันแย่มาก พี่ตกใจกับสิ่งที่พี่ทำลงไปบีม “ผมพูด ผมไม่กล้าสบตากับบีมเลย
“แหวนที่พี่ให้ไว้ล่ะ อยู่ไหนบีม วันนั้นพี่วางไว้ให้น่ะ” ผมถามบีม บีมหันมามองหน้าผม
“พร้อมกับเงินห้าพันบาท มึงคิดว่ามันคุ้มไหมอ่ะ กับที่กูต้องเกือบเรียนไม่จบ ถ้าไม่ได้อาจารย์กันตภณช่วยพูดให้ และไหนกูต้องแบกท้องโต โตไปเรียนให้จบเพื่อจะได้เลี้ยงลูกเอง และมึงก็น่าจะได้ยินที่แฟนมึงพูดน่ะ กูโดนแบบนั้น ทุกวันมึงรู้ไหม” บีมพูด ผมหันมามองบีม ผมคว้ามือบีบขึ้นมา
“จะทำอะไรน่ะ” บีมถามผมเสียงหลง
“ตบติ ตบพี่เลย พี่รู้ว่าบีบเจ็บกว่าพี่เยอะ ตบดิพี่จะได้เจ็บบ้างไงบีม “ผมพูดแต่บีมมองหน้าผมนิ่งมาก เขากัดปากตัวเองแน่น ผมก็ยังจับขอมือของบีมเขาตั้งเอาไว้ ผมยื่นแก้มไปใกล้ๆ เพื่อให้เขาตบหน้าผม เพื่อว่าจะลดความโกรธแค้นจะได้เบาลงแต่บีมกับเลือกที่จะลดมือลง
“กูอยากต่อยมึงมากตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว กูอยากจะ ฮึก” บีมพูดก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง ผมรู้ว่าเขาอาจจะอยากทำมากกว่านั้นถ้าเขาใจแข็งพอ
“แต่พอได้เจอหน้าลูก ได้อยู่กับลูก มันหายไปหมดแล้วอ่ะ ฮึกๆ “บีมพูดไปสะอื้นไปด้วย
“ความโกรธเชี้ยๆ อะไรพวกนั้นน่ะ ฮืกๆ” บีมพูดพร้อมกับปาดน้ำตาตัวเอง ผมเอามือจับคางนั้น แต่ข้างผมพยายามขืนตัวเองไว้ ไม่ยอมทำตามผม ผมเลยต้องออกแรงหน่อยไม่แรงมาก ผมใช้ผ้าเช็ดหน้าที่มีในกระเป๋าซับน้ำตานั้นอย่างเบามือ
“ตกลงแหวนบีมยังเก็บไว้ใช่ไหม” ผมถามบีมอีกครั้ง
“จะเอาคืนเหรอ” บีมหันมาถามผม
“อยู่ไหนล่ะ” ผมถามบีม บีมเขาก็ดึงสร้อยออกมาจากคอเขา เขาใช้ห้อยแหวนเอาไว้ตลอด รอยยิ้มพูดขึ้นที่มุมปากของผมเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปจับสร้อยเสร็จนั้น บีมทำท่าจะถอดมันออก
“ไม่ต้องถอดออกหรอก” ผมบอกบีม
“ทำไมไม่เอาคืนไปล่ะ แหวนวงศ์ตระกูลไม่ใช่เหรอ” บีมหันมาถามผม
“ใช่และมันมีมากกว่าคำว่าแหวนประจำวงค์ตระกูลน่ะ เก็บมันไว้ให้ดีที่สุด เก็บไว้ให้ถึงรุ่นลูกโซ่เลย” ผมพูดแค่นั้น ไม่นานรถก็แล่นมาจอดที่ตรงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง สำหรับตรวจดีเอ็นเอโดยเฉพาะ และคนขับรถก็รีบเดินลงมาเปิดประตู ผมเดินลงไปก่อนพร้อมอุ้มเจ้าลูกโซ่ลงไปด้วย ผมหันมาหาคนขับรถประจำที่พ่อผมจ้างเอาไว้
“ถ้ามีใครโทรหาหรือสอบถามอะไรเกี่ยวกับผมตอนนี้ รบกวนอย่าเพิ่งให้ข้อมูล ว่าผมอยู่ที่ไหน แม้กระทั่งป๊ากับม๊าผม หรือว่าเจ๊กกันตภณ นะครับ ผมขอร้อง” ผมบอกคนขับรถ เขาพยักหน้ากับผม
“หากเกิดอะไรขั้นผมรับผิดชอบเอง “ผมบอกคนขับรถเพราะดูจากสีหน้าเขากังวลว่าเขาอาจจะโดนไปด้วย แต่เขาก็พยักหน้ารับ ผมหันไป พยักหน้าให้บีมเดินเข้าไปกับผม บีมเลือกหยิบเอาบางอย่างใส่กระเป๋าเป้ไปให้ลูกด้วยเช่นกัน ผมเดินนำบีมเข้าไปพร้อมอุ้มคนที่หลับปุ๋ยคาอกผมไปด้วย มีแต่คนหันมามองผมกัน
“หล่ออ่ะ แก “คำชมที่มองให้
“มีลูกแล้ว แต่ไม่เห็นมีแม่มาด้วยเลย สมัครเลยไหม" ผมเดินยิ้มให้คนที่แซวผมพร้อมโบกมือทักทาย และบีมที่เดินตามเข้ามาพอดี และคนที่ยืนจะยื่นใบสมัครผมก็หันมามองหน้ากัน ผมว่าเขาคงขย้ำใบสมัครทิ้งก็ตรงนี้แหละ ผมเองไม่ใช่คนเจ้าชู้น่ะถ้าผมเจอคนที่เรียกว่าแฟนแล้ว แต่ที่ผ่านมายอมรับว่า เซ็กส์โซนมาตลอด เพราะว่าผมรอคนที่เหมือนม๊าของผมเท่านั้น
“สวัสดีครับ ผมมาติดต่อขอเข้ารับการตรวจดีเอ็นเอครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ เขาก็มองหน้าผมและหันไปมองบีมก่อนจะก้มลงมองเจ้าก้อนเต้าหู้ที่ผมอุ้มให้หลับอยู่กับอกของผม
“ตรวจแบบไหนดีคะ”
“ตรวจหาความเป็นพ่อลูกครับ”
“คุณหรือว่าเขาค่ะ “พยาบาลถามผม ก่อนจะชี้ไปที่บีม
“ทั้งคู่ครับ” ผมตอบ บีมหันมามองหน้าผม
“ดิฉันว่าผลมันออกมาแล้วมั้งคะ ดูหน้าเด็กกับหน้าคุณน่ะ น่าจะพ่อลูกกันเกือบ 99 % เลยนะคะ” พยาบาลบอกผม
“ผมจำเป็นต้องใช้เอกสารครับคุณพยาบาล “ผมกัดฟันบอกคุณพยาบาลไป
“ส่วนลูกผมน่ะจำได้ครับ ว่าผมทำใครท้อง “ผมหันมามองคนที่ยืนเบ้ปากและมองบน
“ตกลงตรวจทั้งคู่นะคะ” คุณพยาบาลถามผม ผมพยักหน้าทันที
“รอนานไหมครับ ภรรยาผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ผมบอกคนที่ทำหน้าที่อยู่”
“แล้วนี่จะตรวจภรรยาคุณด้วยไหมคะ” เขาถามผม ก่อนจะชี้ไปที่บีม
“ตรวจซิครับผมก็บอกไปแล้วว่าผมตรวจทั้งคู่” ผมพูดและชี้ไปที่บีม พยาบาลถึงกับสะบัดบ๊อบไปทางบีมทันที สองทีติด
“นี้คือภรรยาคุณเหรอคะ” เขาถามผม
“ครับ คุณบีมคือภรรยาผมครับ” ผมพูดชัดเจน
“ไม่ใช่ครับผมไม่ใช่ภรรยาของเขา ผมไม่ได้แต่งงาน” บีมพูดก่อนจะหันมามองผม “กับเขา” บีมพูด
“มีลูกก่อนแต่งนะครับ” ผมรีบบอกคุณพยาบาล
“ผมไม่ได้เต็มใจ” ผมหันมามองคนข้างๆ ขนาดไม่เต็มใจน่ะ ได้มาแล้วหนึ่งเลย
“แต่ผมตั้งใจทำ ภูมิใจนำเสนอด้วยครับ นี้ไงครับ” ผมพูดและโชว์ผลงานคุณพยาบาล เขาก็ก้มลงมอง
“พี่ว่าผลแม่นยำว่าเป็นพ่อลูกกัน ดูแค่หน้า เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วแหละค่ะว่าพ่อลูกกันแน่ๆ ”
“ถึงยังไงผมก็ไม่ต้องการ ให้เขาเป็นพ่อของลูกผมอยู่ดี” กันต์ธีย์พูด ก่อนจะหันหน้าหนี ผมก็ยิ้มๆ ให้พยาบาล เขาก็มองผมกับบีมสลับกันไปมา
“แต่นี้มันลูกผม คุณหนีความจริงไม่พ้นคุณกันต์ธีย์” ผมหันไปพูดกับบีม บีมหันขวับมามองผม
“ใช่ผมหนีไม่พ้นแต่ผมก็ไม่ยอม ที่จะ…”
“พอ พอเถอะค่ะ” คุณพยาบาลยกมือห้ามผมสองคนทันที ผมหันไปมองคนรอบๆ ที่หันมามองผมสองคนเถียงกันไปมา
“พอทั้งคู่ค่ะนะคะ จะเต็มใจหรือตั้งใจเดี๋ยวรู้ผลค่ะที่นี้ดีเอ็นเอแม่นยำ 99 % ค่ะ ไม่ต้องเถียงกันนะคะ และเห็นเถียงๆ กันแบบนี้น่ะ เดี๋ยวมาอีกคน “คุณพยาบาลพูดผม และมีแอบแซวเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกริ่มให้ผมกับคนข้างๆ แต่ข้างๆ นี่ซิ เอาแต่ยืนกอดอกเหลือกตาขึ้นบนใส่ผมทันที
“และเอาเป็นว่า ตรวจทั้งคู่นะคะ น่าจะตกลงกันก่อนจะลงจากรถมานะคะ เชิญนั่งเลยค่ะ “พยาบาลถามผมสองคนด้วยน้ำเสียงดุๆ ใส่ผมทั้งคู่
“เออ เดี๋ยวนะคะ ใครพ่อใครแม่ค่ะ” คุณพยาบาลหันมาถามผมกับบีม
“ผมพ่อ นี้แม่ครับ” ผมรีบตอบทันที คนที่ยืนข้างๆ ผมหันถลึงตาใส่ผมทันที
“โอเคค่ะ นั่งรอนะคะ คุณพ่อรูปหล่อ และคุณแม่น่ารัก รบกวนนั้งกันเงียบๆ อย่าตีกันนะคะ เพราะว่านี้คือสถานพยาบาลงดใช้เสียงและความรุ่นแรงนะคะ “คณพยาบาลพูดพร้อมกับยิ้มให้ผมและคนที่เดินหน้าคว่ำไปพร้อมๆ กับผม และเจ้าก้อนเต้าหู้ก็ตื่นพอดี เขามองหน้าผม และมองไปรอบๆ ก่อนจะหันมามองผมอีกที
“แหง๋!!!!! เอาร้องขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลย แถมยังดิ้นไปด้วย ดิ้นจนแทบจะตกจากแขนผมไปอยู่ที่พรมอยู่แล้ว ผมก็กอดไว้ ส่วนบีมเองก็ตกใจหันหน้าเข้ามาหาทันทีทั้งที่ก่อนหน้าหนี เอาแต่หันหน้าออก เจ้าก้อนเต้าหู้นี้ก็รีบดีดตัวขึ้นนั่งมานั่งและยืน มองซ้ายมองขวา กอดคอผมแน่นมาก
“เป็นอะไรไปล่ะ” ผมถาม
“เขาไม่ชอบโรงพยาบาลน่ะร้องทุกทีที่เข้ามา” บีมพูดกับผม ผมก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ (ผมเองก็เป็น ไม่ชอบกลิ่นไม่ชอบอะไรหลายๆ อย่าง ร้องไม่อยากมาจนผมโต พอรู้เรื่องนั่นแหละถึงได้ดีขึ้น) และบีมก็แบมือเรียกให้ลูกชายเข้าไปหา และเจ้าลูกโซ่ก็หันไปหาบีมทันที และพยาบาลก็เดินมาเรียกผมสามคนไปยังห้องตรวจ เพื่อเข้าไปคุยกับหมอก่อน ผมเข้าไปพร้อมกันทั้งสามคน ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้อง บีมชะงักเท้า
“บีม เชื่อใจพี่ไหม พี่ไม่ได้ต้องการรู้ว่าเขาคือลูกพี่จริงไหม เพราะว่าพี่เชื่อว่าเขาใช่ แต่พี่ต้องการเอกสาร ยืนยัน กับใครบางคน พี่รู้ว่าปัญหามันจะตามมาชุดใหญ่แต่พี่ จะไม่ให้ใครมาทำร้ายบีมกับลูกได้อีก พี่จะดูแลปกป้องด้วยตัวพี่เอง “ผมพูดกับบีม บีมพยักหน้ากับผมเบาๆ ผมหันไปยิ้มให้เขา
ผมนึกถึงคำพูดของอาม่า เมื่อสามวันก่อน จู่ๆ ผมถามอาม่าว่าถ้าวันหนึ่งผมต้องเลือกคนที่ผมต้องรับผิดชอบ แต่อาม่าบอกกับผมว่ามันไม่สำคัญ เพราะว่ามันสำคัญหลังจากนั้น และมันก็จริง เพราะว่าลูกผมต้องการแม่ และผมก็เชื่อว่าไม่มีใครทำหน้าที่ได้ดีไปกว่าแม่ที่แท้จริงๆ ถึงแม่คนนี้จะเป็นผู้ชายก็ตาม
ผมเดินเข้าไปนั่งคุยกับหมอ เขาก็ถามผมถึงจุดประสงค์ว่าทำไม ผมก็บอกไปตามจริง จนกระทั่งถึงขั้นตอนในการทำการเก็บดีเอ็นเอจากกระพุ้งแก้ม แต่ก็ยากสำหรับเจ้าลูกโซ่หน่อยเพราะบีมบอกว่าเขากินยายากมาก (เหมือนผม ผมกินยายากมาก ร้องไห้บ้านจะแตก และพอโตขึ้นมาแอบเอายาทิ้งก็บ่อย จนม๊าต้องนั่งจ้องว่าให้กินและกลืนให้ดู) ไม่นานทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ระหว่างที่นั่งคุยกับหมอที่ดูแล และเจ้าหน้าที่ ผมสังเกตเห็นว่าเขาก็มองหน้าผมกับลูกโซ่สลับกันไปมา ผมรู้ว่าหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ต้องเป็นลูกผมแน่ๆ แม้มันดูตลกมากหรือไง เวลาไม่นานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เหลือแต่พาเข้าบ้านซิน่ะ
TBC