ตอนที่ 24 คนบ้าหรือจะสู้โรคจิต...
“ดีจังไม่ต้องตามหาไกล”
“...”
“ที่แท้ก็อยู่ร่วมชายคากันนี่เอง สตีเวน โจว ไม่สิฉันต้องเรียกนายว่า แดนเนียล เบอร์นาร์ด คงจะถูกกว่าจริงไหม”
มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่าถูกไอ้บ้านี่จับได้แล้วสินะให้ตาย
สตีเวนเปลี่ยนใจจากที่คิดจะเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน เพื่อที่จะหาทางออกทางหน้าต่างก็เป็นอันต้องเปลี่ยนแผนหันกลับมายิ้มให้คู่สนทนาที่ไม่ได้อยากพบปะกับมันเลยแม้แต่นิด
“แหม ๆ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ยังมีคนรู้จักชื่อนั่นอยู่ แต่ก็นะ...มันเป็นชื่อของใครกัน”
รอยยิ้มทีเล่นทีจริงที่ดูเหมือนไม่ทุกร้อนอะไรก็ทำเอาเจ้าบ้านอย่างโจเซฟรู้สึกว่าเส้นเลือดข้ามขมับเต้นตุบ ๆ เลยก็ว่าได้
‘กล้าเข้าบ้านคนอื่นหน้าด้าน ๆ แล้วยังจะทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้สึกเกรงกลัวหรือร้อนลนอะไรได้อีกไอ้พวกสวะ’
แรงกดดันจากโจเซฟไม่ได้ทำผู้มาเยือนสะทกสะท้านเลยสักนิดแถมยังกล้าเดินเข้าหาเขาเหมือนไม่เกรงกลัวอะไรเลย คงเดินรอบบ้านเขาแล้วสินะ
แต่คงไม่รู้สินะว่า...
“นั่นสินะ ไม่ว่าจะแดนเนียลหรือสตีเวน สุดท้าย...ก็ต้องตายอยู่ดี”
ฝีเท้าที่ลงมาจากขั้นบันไดหยุดชะงักมองสายตาที่เคร่งขรึมเมื่อครู่ ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นยิ้มแบบที่...ทำให้นึกถึงยอดยาหยีขึ้นมาเลยทีเดียว
เสียงฝีเท้ามากมายจากชั้นบนสุดทำให้สตีเวนที่ว่าตรวจสอบทุกห้องเป็นต้องชะงักค้างอีกครั้ง
ไม่อยากเชื่อว่าในคฤหาสน์หลังนี้จะมีคนมากขนาดนี้แล้วที่เขาเดินทั่วบ้านล่ะ!
“คิดว่าฉันมาที่นี่คนเดียวจริง ๆ น่ะเหรอ...คิดน้อยไปหรือเปล่า”
“ตายจริงต้อนรับได้น่าประทับใจเสียจริง เฮ้ย!” พูดจบแรงถีบมหาศาลก็ถูกส่งมากระแทกแผ่นหลังของสตีฟอย่างแรงจนเกือบคว้าราวบันไดไว้ไม่ทัน มันคงกะให้ตายจริง ๆ นั่นแหละ
“แรงดีนิสนใจมาเป็นลูกน้องฉันไหม โอ๊ะ อั้ก”
ขนาดโดนรุมทั้งหน้าและหลังตัวเขาก็ยังมีอารมณ์โต้ตอบ และชักจูงให้พวกของเขาไปเป็นพวกอีก ไอ้บ้านี่มันต้องเป็นคนแบบไหนกันแต่แบบนี้แหละที่เขาชอบ
โจเซฟมองการต่อสู้ขนาดย่อมภายในบ้านตัวเองที่รู้สึกว่าลูกน้องที่มีอยู่มันไม่ได้เรื่องสักคน คนสิบคนยังล้มชายคนเดียวไม่ได้แถมตั้งแต่ที่ยืนมองมาสตีเวนถูกต่อยไปแค่สองครั้ง กับการที่คนของเขาลงไปนอนสลบอยู่ที่พื้นแล้วหก
เสียเวลาที่สุด
ปัง
อึก
“หมดเวลาสนุกแล้ว!!...สตีฟฉันมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมากคงไม่มีเวลามองการเล่นสนุกของแกอีก”
การพูดคุยเหมือนไม่ทุกร้อนแต่การที่ลั่นไกลใส่กันจนได้แผลที่หัวไหล่ซ้ายแบบนี้คงทำให้ไอ้โรคจิตนี่สติหลุดได้ไม่นอนเลย
ดี..แบบนั้นแหละที่ต้องการให้มันเป็น
“ว้า!!เสียดายจังกำลังสนุกอยู่เลอะ...”
อั้ก!!
แรกกระแทกที่ท้ายทอยทำเอาคนเหลี่ยมเยอะอย่างสตีเวนหมดสติทันที ก่อนจะถูกสั่งให้เอาตัวไปขังไว้ก่อน
“ฉันเกลียดรอยยิ้มของแกที่สุด...เอามันไปขัง”
มือควงปืนก่อนจะเก็บลงที่เดิม เขายืนมองทั่วคฤหาสน์ของตัวเองแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ ที่นี่ถูกสร้างโดยเขามันดูดีได้ขนาดนี้ก็เพราะเขา ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่มันจะได้พบเจอเรื่องน่ารำคาญใจแบบนี้ บ้านที่เขาสร้างเพื่อหนีความวุ่นวายตอนนี้มันกลับนำพาสิ่งวุ่นวายและน่ารำคาญเข้ามา
เป็นเพราะมัน..อัดฮัม อัจมาน คาล์ล
แกร็ก
เสียงที่หน้าประตู้ทางเข้าทำให้แสงตะวันที่นั่งก้มหน้าบนเก้าอี้ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง จึงพบว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร
แสงจากด้านนอกทำให้เขารู้ว่าตอนนี้มันมืดค้ำไปแล้ว เพราะการที่ถูกยึดทุกอย่างไปแถมไม่รู้ด้วยว่าตัวเองโดนจับมานั่งในห้องนี้นานแค่ไหน เพราะมันมืดมากมีก็แค่ไฟดวงเล็กที่ห่อยอยู่บนหัวที่ให้แสงสว่างแค่เพียงนิดเท่านั้น
“เฮ้อ! คุณรู้ไหมว่าผมเกลียดอะไรมากที่สุด? ผมน่ะนะเกลียดพวกแมลงตัวเล็ก ๆ มากเพราะมันทำให้น่ารำคาญเวลามันมาบินรอบตัวเราสร้างความวุ่นวายให้เราจนอยากจะฆ่าทิ้งสักที แต่ก็นะถ้าจะฆ่ามันไปเลยก็น่าเสียดายว่าไหม”
แสงตะวันมองคนที่พล่ามอะไรที่เขาไม่เข้าใจอยู่ได้อะไรก็ไม่รู้แมลง รำคาญ ฆ่าให้ตาย
แต่เอ๊ะ...!! แมลง ฆ่า หรือว่า
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเหมือนเข้าใจความหมายทุกอย่างก่อนจะพยายามขยับตัวเพื่อจะลุกไปหาไอ้คนที่พูดอะไรให้ เขากังวล
“คุณพูดถึงอะไรกันแน่ จะฆ่าใคร!” แสงตะวันลนลานถามหาความจริงของความหมายที่เขาได้รับ มันต้องไม่ใช่แค่แมลงอะไรนั่นแน่ ๆ
ขอล่ะอย่าให้ใช่สิ่งที่คิดเลยเถอะนะ
“แหม่ เก่งจริงนะครับที่ทายถูกก็แค่เศษสวะ...ที่มันคิดว่าตัวเองเก่งแต่ดันโชว์โง่ให้ผมเห็นโดยการเดินเข้ามาเหยียบในบ้านผม ถ้ามันอยู่ในป่าความเสี่ยงที่จะรอดเยอะมาก..แต่มันโง่ไงโง่ฮ่าฮ่า!!!”
“ใคร!! บอกมานะใครมาที่นี่” เสียงหัวเราะหยุดชะงักเพราะสียงตะหวาดจากร่างเล็กตรงหน้า ก่อนมือหนาจะกระชากคางมนให้เงยหน้าขึ้นมามองสบตากันแสงตะวันเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรแถมยังมองจ้องกลับแบบท้าทายเหลือเกิน
แรงบีบจากมือหนามากขึ้นจนรู้สึกเจ็บ สายตาแข็งกร้าวสันกรามแกร่งถูกขบกัดจนขึ้นสันนูนเด่นแล้วพูดเสียงรอดไรฟันเพื่อคุยกับคนที่ถูกจับมัดตรงหน้า
“อย่าคิดว่าที่ฉันให้เธออยู่อย่างสบายแล้วจะสามารถมาตะคอกเสียงดังแบบนี้ใส่ฉันได้จำไว้” พูดจบก็สะบัดมือแรง ๆ จนใบหน้าสวยต้องหมุนไปตามแรงก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมาจ้องตาคนที่ก้มลงมาหาแล้วทำการอุกอาจบ้าเลือดเป็นที่สุด...
ถุ่ย!!
ร่างหนาหลับตาเกือบไม่ทันก่อนจะยืดตัวตรงใช้มือซ้ายปาดน้ำเหนียวที่มาจากปากเล็กออกจากหน้าตัวเองช้า ๆ แล้วลืมตามองแสงตะวันแบบคนที่สติขาดไปแล้ว
เพี้ยะ!!
แรงฟาดสุดแรงจนคนที่หนังอยู่บนเก้าอี้ถึงกลับล้มลงไปกองที่พื้นพร้อมเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ แถมยังรับรู้ถึงความเค็มคาวคละคลุ้งไปทั่วปาก
เขาเจ็บแต่เขาจะไม่มีน้ำตาให้มันแม้แต่หยดเดียว
โจเซฟนั่งลงด้านหน้าก่อนจะกระชากผมหนุ่มขึ้นมา มองคนตัวเล็กที่มีเลือดไหล่ออกมาจากมุมปาก
เห็นดวงตาดูตกใจทำตัวเหมือนเป็นห่วงใช้ผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้แต่เขาก็หันหน้าหนีถึงจะมีมือกำอยู่ที่เส้นผมก็ตาม
“จะ..เจ็บมากไหมครับ เนี่ยเห็นไหม ถ้าคุณทำตัวดี ๆ เรื่องนี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลย” เสียงพูดหนุ่มนวลต่างจากแรงที่ใช้กับเขาเหลือเกินก่อนจะถูกดึงเก้าอี้ขึ้นตามเดิม ทำเป็นปัดเส้นผมออกให้ดูเรียบร้อยถึงจะเบือนหน้าหนีก็จะถูกดึงกลับมาจ้องตากันอยู่ดี
“ถ้าคุณเลือกผม สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับคุณอี...”
“ไปตายซะ”
“เลือกเองนะ แสงตะวัน เธอจะไม่ได้สิทธิ์นั้นเป็นครั้งที่สองแน่” คำพูดกดเสียงตำเหมือนคนระงับอารมณ์ถูกพูดออกมาก่อนโจเซฟจะผละตัวออกมาจากห้องแล้วสั่งให้คนของมันปิดไฟในห้องปิดประตูแล้วออกห่างจากห้องนี้ซะ
และห้องทั้งห้องก็มืดสนิทไม่เห็นแม้แสงจันทร์ด้านนอกเลย
วังเวงเหลือเกิน
“คุณอยู่ไหนแล้วคุณเมฆ”
น้ำตาหยดเล็กร่วงหลนลงภายใต้ความมืดมิดไม่มีแต่เสียงสะอื้นไห้ให้ใครมาได้ยินเพียงแค่ปล่อยน้ำตาให้ไหล และความอ้างว้างอยู่เป็นเพื่อนเขาจนกว่าใครคนนั้นจะมา
“อิงรอคุณอยู่นะครับ”
โรงแรมของ คาล์ล
“บอสครับสตีฟขาดการติดต่อไปตั้งแต่บ่ายแล้วครับ” คาล์ลรู้สึกเครียดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินอีธานรายงานข่าว
ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าสตีฟเท่าไหร่เวลาอยู่ใกล้เจ้าหนู แต่ก็พูดไม่ได้ว่ามันมีฝีมือมากและมันยังเป็นลูกน้องที่ภักดีกับเขามานาน
“รู้เป้าหมายหรือยัง”
“ครับ”
“งั้นไป”
เขาห่วงความปลอดภัยของเจ้าหนูเหลือเกินเพราะเขาเองที่หัวร้อนเกินไปถึงได้สติหลุดสั่งลูกน้องตนระเบิดโรงงานทำรถและคาสิโนมันจนกระจุยไม่เหลือแม้แต่ซาก ให้มันกลับไปกู้เพียงเพราะคำรายงานจากสตีฟเมื่อวานตอนเย็นที่ว่าเห็นไอ้โรคจิตนั่นเดินเคียงคู่กับคนของเขาเหมือนไปฮันนีมูนกันมากกว่าโดนจับ ทั้งที่คนของเขาทำหน้าเหม็นเบื่อเกินทน
ไม่รู้ว่าจริงไหม แต่การที่มันทำแบบนี้มันหยามกันเกินไป
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าโมงเย็นแล้วที่สตีฟไม่ส่งข่าวมาหาพวกเขาเลยจนรู้สึกหน้าสงสัยแต่ยังดีที่สัญญาณชีพจรของมันยังทำงานพอให้โล่งอกโล่งใจไปได้บ้างว่าไม่ได้โดนฆ่าหมกป่าไปแล้ว
คาล์ลหันไปมองคนที่เงียบตั้งแต่เดินทางมาถึงก็ไม่พูดอะไรเอาแต่เงียบ จะมีพูดบ้างก็ตอนที่รายงานข่าวฝั่งท่านอาว่ายังปกติทุกอย่างก่อนจะกลับไปเงียบอีกครั้งตอนที่สตีฟขาดการติดต่อไป
“มันไม่เป็นอะไรหรอก ขนาดระเบิดเครื่องบินตัวเองมันยังรอด”
“นายท่าน...ผม”
“เชื่อในตัวมันหน่อยนายคือคนที่มันไม่อยากให้ผิดหวังที่สุด...พี่ชาย” ฟีนิกซ์มองนายใหญ่ที่เขาโตมาด้วยกันจนสามารถพูดคุยในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้กันหลายอย่าง ถึงเรื่องที่นายใหญ่มีใจให้เลขาหนุ่มคนนั้นจะยังไม่เคยคุยกันจริงจังก็เถอะ
แต่การที่เห็นนายหลุดบุคลิกตัวเองแบบนี้มันก็ชี้ชัดแล้วว่าเรื่องที่เขาคิดไว้มันจริงยิ่งกว่าจริงเสียอีก
“ครับ”
“เราต้องนั่งเรือเข้าไปประมาณชั่วโมงกว่าครับนาย ก่อนจะต้องดำน้ำเข้าไปอีกหนึ่งกิโล”
“ทำไมต้องดำน้ำ!”
“คุณสตีฟบอกว่าเผื่อมีเครื่องจับสัญญาณใต้น้ำครับ” คาล์ลฟังที่ลูกน้องที่ตนไม่รู้จักบอกถึงเหตุผลที่ต้องลงน้ำในเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแบบนี้แล้วเอ่ยออกไปว่า..
“ไม่...เอาเรือเทียบฝั่งฉันไม่ได้มาปล้น”
“...”
“ฉันแค่มาเยี่ยมเจ้าบ้าน..ก็เท่านั้น”
สิ้นประโยคที่น่าขนลุกนั้นทุกคนก็รับคำสั่งอีธานมองหน้าหัวหน้าตัวเองหรือเพื่อนสนิทที่ไม่คิดจะห้ามนายท่าน แล้วเขาก็คิดว่าคงคุยกันมาแล้วละมั่ง
คาล์ลสั่งคนของตัวเองทุกคนให้เตรียมความพร้อมให้เต็มที่อย่าได้มีข้อผิดพลาดอะไรให้เห็นเพราะเขาไม่ชอบ
เจ็ท สกี สองคันพร้อมกับเรือสปีดโบ๊ทอีกสามลำที่มีคนคุมคือ คิณ อีธาน และสองแฝด พร้อมชายชุดดำที่ลงเรือลำละห้าคน ส่วนคาล์ลและฟีนิกซืจองเจ็ท คนละคันพร้อมนำหน้าออกตัวไปก่อนไม่กลัวตาย
เพราะปลายทางที่พวกเขาไปต่างก็มีคนสำคัญอยู่เหมือนกัน
“อยากห้ามไหมพี่ชาย ตอนนี้คิดว่ายังทันนะ”
“นายท่านอยากทำอะไรเชิญตามสบายที่เหลือเดี๋ยวเคลียร์ให้เอง”
“หึ...ได้เวลาปิดบัญชีกับมันสักที”
“พวกแกก็เหมือนกันทำงานสบายมาปีกว่าแล้วสนุกให้เต็มที่ งานนี้ฉันอนุญาต” สองแฝดได้ยินแบบนั้นก็หันไปแท็กทีมกันทันทีอะไรมันจะมันไปกว่าการได้ปลดปล่อยให้เต็มที่กัน
“เฮียจะมันเหรอยิงทีได้แค่สองนัด”
“อยากลองไหม ออกเรือได้แล้ว” อนาคิณหันไปตอบลูกน้องตนที่มุมปากมีรอยช้ำม่วงติดอยู่ก่อนที่มันจะหน้าเสียแล้วรีบสตาส์ตเครื่อง รอยก็ไม่ได้มาจากใครหรอกเขาทำมันเอง
“อย่าคิดมากแล้วเจอกัน” อีธานพูดก่อนจะขึ้นเรือของตัวเองเพื่อนำทีมของตนที่เรียกตัวกลับมาด่วนจากสิงคโปร์
เพราะทุกทีมตอนนี้มาจากลูกน้องของแต่ละคนทั้งนั้นเพื่อง่ายในการคุมอย่างของสองแฝดก็บ้าดีเดือดเหมาเครื่องมาจากจีนโดยตรงโดยไม่ยอมเหลือพื้นที่ให้ผู้โดยสารอื่นเลยแต่สุดท้ายก็เอามาใช้งานจริงแค่ห้าคน
บ้าได้ลูกพี่มันกันทั้งนั้น
เจ็ทสกีสองคันจอดเทียบชายฝั่งด้านหน้าของคฤหาสน์อย่างอุกอาจบ้าเลือดโดยไม่มีใครคิดจะห้ามเลยแม้แต่คนเดียว ปืนที่สะพายหลังมาถูกถอดออกนำมาแบกไว้ให้ดูหน้าเกรงขาม
พวกชายชุดดำที่เห็นแบบนั้นก็พากันเล็งปืนใส่เตรียมยิงแต่ก็ช้ากว่าสองแฝดที่ส่งมีดบินออกไปไม่ถึงสิบวินาที พวกมันก็พากันล้มลงไปกองกันบนพื้นทรายระเนนระนาด
หากเป็นช่วงเช้าพื้นที่ตรงนี้คงเป็นสีแดงสดน่าสยดสยองเลยทีเดียว ดีที่มันเป็นตอนกลางคืนแถมเจ้าบ้านแม่งก็ไม่คิดจะเปิดไฟอีกด้วย
อยากประหยัดก็เชิญตามสบาย
แว่นตาอินฟาเรดคุณภาพชั้นเยี่ยมสามารถมองเห็นได้ในที่มืดถูกสวมใส่กันทุกคนก่อนจะเห็นฟีนิกซ์ส่งสัญญาณให้กระจายตัวออกไปแต่ก็ไม่ลืมบอกกล่าว
“อย่าเดินห่างจากตัวบ้านมากนัก สตีฟมันคงไม่มาแค่เล่น ๆ ”
เขารู้นิสัยของคนรักตัวเองดีคนอย่างสตีฟสั่งร้อยทำล้าน สั่งให้มาสังเกตการณ์ก็คงไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่าเป็นแน่
คงเพาะเมล็ดเม็ดโตไว้ใต้ดินไว้เยอะมากแน่
“ครับหัวหน้า”
“มึงสองตัวไปตามหาสตีฟ” สองแฝดรับคำลูกพี่ก่อนจะรีบพากันเดินออกไปอีกด้าน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกพี่ไม่ไปเองเพราะตอนนี้คนที่สำคัญกว่าผัวคือนายท่าน
“อีฟนายไปกับคินนะ”
“อือ ขอให้สนุก”
ทุกคนแยกกันออกไปคนละทิศทางก่อนที่เขาและคาล์ลจะเดินมุ่งหน้าไปทางตัวบ้านที่ใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียว
พวกเฝ้าเวรยามเห็นเขาก็รีบส่งสัญญาณทันทีก่อนจะพากันสาดกระสุนมาใส่พวกเขา ถามว่ากลัวไหม มันไม่มีอะไรหน้ากลัวไปกว่านายท่านยังปลอดภัยถ้านายยังเดินบุก ตัวเขาก็จะระวังหลังให้เอง
คาล์ลรัวกระสุนใส่ไม่ยั้งก่อนจะหาที่หลบดี ๆ ตอนที่ลูกมันทำท่าจะหมด ฟีนิกซ์ที่ใช้ปืนสั่นแต่ใช่ความแม่นยำของตัวเองจึงสอยพวกมันลงไปหลายคนก่อนจะหันไปมองนายที่เปลี่ยนปืนในมือแล้ว
การหลบข้างเสาแล้วเล็งปืนแบบนี้ทำให้เป้าหมายถูกต้องเป็นที่สุดก่อนที่เขาจะ
อั้ก
ถูกถีบจากด้านข้างจนล้มตัวลงกับพื้นก่อนที่มันจะทำท่าเข้ามากระทืบซ้ำแต่ใครจะรู้ว่าเขาไม่ได้พกแค่ปืนมา มีดสั่นขนาดพอดีมือถูกปาออกไปปักที่หัวของมันทันทีจนมันล้มตัวลงตายคาที่
“เป็นอะไรไหม!!” เสียงตะโกนถามข้ามเสาทำเอาคนที่นอนแผ่อยู่ที่พื้นรีบดีดตัวขึ้นมาทันที
บ้าจริงแทนที่จะดูแลนายท่านกับต้องมาทำตัวเป็นภาระ
การยิงกันจบลงตอนที่ทุกอย่างเงียบก่อนจะได้ยินเสียง...
แปะ แปะ แปะ
“แหม ๆ ทักทายกันแรงใช้ได้นะ...รุ่นพี่”
คาล์ลได้ยินเสียงที่ทักมาแบบนั้นก็ออกจากเสาทันที ก่อนที่ฟีนิกซ์จะรีบเดินเข้าไปหายืนประจันหน้ากับไอ้บ้าโรคจิตที่น่ารำคาญที่สุด
“ตอนแรงก็กะจะมาดี ๆ แต่เผอิญระหว่างเดินเข้ามามองไม่เห็น ก็แกเล่นปิดไฟแบบนี้อะนะ”
“มึงจะบอกว่าที่ฆ่าคนของกูเพราะมองไม่เห็นหรือไงห๊ะ!!” การพูดที่ค่อย ๆ เร่งเสียงขึ้นทำเอาแขกที่มาเยือนยิ้มเยาะใส่ ยืนไหวไหล่เหมือนจะบอกว่า…
ก็ประมาณนั้น
คาล์ลปรับสีหน้ากลับมาเคร่งขรึมก่อนจะถามถึงสิ่งที่ทำให้เขาถ่อมาถึงที่นี่ ที่ที่เขาไม่คิดจะค้นหาหรือรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน
“คนของฉันอยู่ไหน”
“โอ๊ะ คนไหนดีล่ะ ไอ้ฝรั่งผมทองที่คิดว่าตัวเองเก่งจนโชว์โง่ หรือหนุ่มน้อยผู้น่ารักกลิ่นตัวก็หอมทำอาหารก็อร่อย...นายถามถึงใครล่ะรุ่นพี่”
“มึงคิดว่าตัวเองสามารถเล่นลิ้นกับฉันได้จริง ๆ เหรอ ไอ้คุณสวีต”
“ทำไม!! มึงจะพังที่ไหนของกูอีก แหม ๆ แบบนั้นกูก็ไม่รับประกันคนของมึงนะว่าจะยังมีลมหายใจมาเจอมึงหรือเปล่า”
คาล์ลกัดฟันกรอดกดอารมณ์ไม่ให้พุ่งเข้าไปฆ่ามันตายก่อนจะได้เจอเจ้าหนูหรือไอ้บ้าสตีฟลูกน้องประสาทแดกของตัวเอง
เขามองหน้ามันก่อนจะเก็บปืนเข้าซองไว้เหมือนเดิมแล้วก้าวเดินตรงเข้าไปใกล้ชิดกับไอ้คนที่เอาคนของเขามาขู่อย่างไม่กลัวเกรง
โจเซฟเองก็ไม่ได้หลบหลีกอะไรแถมยังแสยะยิ้มน่าสยดสยองออกมาให้เห็นอีก มันทำเป็นใช้มือปัดฝุ่นออกจากเสื้อให้ก่อนที่แสงไฟในคฤหาสน์จะเปิดสว่างจ้าแล้วพบเข้ากับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินออกมาจากในตัวบ้านพร้อมกับสตีเวน ที่สภาพดูแทบไม่ได้เอาเสียเลย
“สตีฟ!!” เสียงของฟีนิกซ์ดูเดือดมากเมื่อเห็นสภาพของคนรักที่ทั้งสะบักสะบอมแถมที่ไหล่และต้นขายังมีแผลฉกรรจ์ให้เห็นอีก
“ทะ..ที่รัก อึก ฝันเปล่าวะ” ฟีนิกซ์ยกปืนขึ้นหมายจะฆ่าไอ้คนที่เอาปืนเล็งที่หัวสตีเวนแต่ก่อนที่เขาจะลั่นไกปืนออกไปโจเซฟก็พูดดักไว้ก่อน
“อ้ะ ๆ ยิงมากูไม่รับรองความปลอดภัยของอีกคนนะ” คาล์ลยกมือห้ามฟีนิกซ์ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นถ้าแสงตะวันเป็นอะไรไปพวกมันก็จะไม่มีชีวิตรอดเหมือนกันตอนนี้เขาต้องรออีธานก่อน จะผลีผลามตอนนี้ไม่ได้
“นิกซ์..ใจเย็น”
“ดีใจจังแฮะ ได้เห็นพวกแกเป็นห่วงกันด้วย” รอยยิ้มจากปากช้ำนั้นทำเอาหัวหน้าทีมอยากเขากัดริมฝีปากเพื่อกักเก็บแรงอารมณ์ก่อนที่แผนทั้งหมดจะเสีย เขาจะมาพังมันไม่ได้คนของนายท่านก็สำคัญเช่นกัน
“จะตายแล้วยังจะปากดี”
“อ่ะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ มันไม่สนุกเลยนะ”
“ต้องการอะไร” คาล์ลถามออกไปอย่างเหลืออดเพราะทนเห็นรอยยิ้มเหนือกว่าของมันไม่ไว้
รออีกหน่อยเถอะมึง
“เอาจริง ๆ ฉันว่านายรู้ดีเลยล่ะว่าฉันต้องการอะไร”
“หึ คนอย่างมึงนี่มัน...ไก่อ่อน”
“จุ๊ ๆ ฉันจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน”
“คิดว่าได้ไปแล้วนายจะอยู่ได้เหรอ อย่าลืมว่าที่นั่นไม่ได้มีแค่ฉัน อีกอย่างเด็กอย่างแกอยู่ได้ไม่นานหรอก โจเซฟ”
ใช่..สิ่งที่มันอยากได้เขารู้ดีว่ามันคืออะไร แหล่งทำเงินมหาศาลของเขาธุรกิจทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นมา พื้นที่เขาเป็นผู้ดูแลทั้งหมดในดูไบ เป็นสิ่งที่มันต้องการมาตลอด ขนาดว่าซื้อคนของเขาเพื่อแทรกแซงก็เคยทำมาแล้วโดยไม่รู้เลยว่าคนของเขาอยู่กับมันก็มีแถมใกล้ตัวมันมากเสียด้วย
“มันก็เรื่องของฉันนะ คิดดี ๆ คาล์ลจะมอบมันให้ฉันหรือ...คนรักของแกตาย”
อีกนิดเดียว เขาสามารถควบคุมตัวเองได้อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น
ทำไมอีฟมันช้าอย่างนี้นะ
ฟิ้ววว ฉึก
แต่อยู่ ๆ คนที่ใช้ปืนจี้หัวสตีเวนอยู่ก็ล้มลงกับพื้นก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ
พวกมันแตกตื่นกันยกใหญ่โจเซฟรีบดึงตัวของสตีเวนมาล็อกคอไว้แล้วหยิบมีดที่อยู่บนศพคนของตัวเองมาถือจ่อไว้ที่คอหอยของสตีเวน
“ถือแบบนั้นมันจะดีเหรอจิม!”
“นั่นสิเจมส์ ขนาดเรายังไม่กล้าเลย” เสียงที่ดังออกมาจากในตัวบ้านทำเอาโจเซฟ หันกลับไปมองทันทีก่อนจะตกใจว่าไอ้แฝดนรกมันเข้าบ้านเขามาได้ไง ตั้งแต่เมื่อไหร่
“สงสัยสินะว่าเข้าไปได้ไง พอดีลุงเขาทำเครื่องหมายไว้ให้น่ะ โอ๊ะลุง สภาพดูไม่จืดเลยนะนั่น” หยินที่เฉลยความสงสัยก่อนจะมองดูชายที่เคารพในสภาพที่หนักหนาเอาการ
หนักกว่าโดนลูกพี่ทุบอีก
งานนี้มีคนวอนตายซะแล้ว
“แฝด! ใครให้พวกมึกฆ่ามัน” ฟีนิกซ์เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทพร้อมรอยยิ้มที่เห็นทีไรเหมือนงานจะเข้าทุกที
“ละ..ลูกพี่คือพวกเรา..”
“แล้วฉันจะเอาอารมณ์ที่เหลือไปลงที่ใคร”
ฉิบ หาย แล้ว
สองแฝดอึกอักทันทีเพิ่งมารู้ตัวว่าได้ทำการแย่งเหยื่ออารมณ์ของลูกพี่ไปโดยไม่รู้ตัว
แต่ก่อนที่เขาจะโดนหมายหัวเสียงสวรรค์ผ่านสายก็ดังเข้ามาพอดี
นั่นคือ
“นายท่านเจอตัวอิงแล้วครับ”
“ดี อะไร ๆ ต่อจากนี้จะได้ง่ายขึ้น ฟีนิกซ์ จัดการได้ไหม” คาล์ลหันไปถามกับบอดี้การ์ดคนสนิทก่อนจะได้รับการพยักหน้าเป็นการตอบรับ และสอบถามผ่านสายว่าอยู่ทางไหนกัน
“สตีฟ ถ้ายังทำเล่นอยู่อีกกูจะถีบแล้วนะ”
“เจ็บจริงที่รัก นายดูสิ”
“นั่นมึงจะไปไหน อึก” เสียงโจเซฟเรียกตามหลังของ คาล์ล
เคร้ง พรึบ
“อ้า!! มันเกิดอะไรขึ้น พวกมึงทำอะไร”
“เห่อ ก็ถามไปแล้วว่ากล้าจับได้ไงไอ้นั่นน่ะ” หยางชี้ให้ดูที่มีดที่เพิ่งหล่นไปจากมือเขาเพราะอยู่ ๆ มันก็รู้สึกแสบร้อนขึ้นมาทันที ฝามือหนาเกิดเป็นผดผื่นแดงขึ้นเต็มไปหมดแถมยังแสบร้อนตลอดเวลาอีกด้วย
มันเกิดอะไรขึ้น! ที่มีดมีอะไร!
ในระหว่างที่โจเซฟมัวแต่สนใจมือตัวเองที่มันเริ่มร้อนและพุพองมากขึ้นจนลืมสังเกตบุคคลที่ตัวเองกำลังจับเป็นตัวประกันอยู่
ผลัก!! อั้ก!!
สตีเวนใช้แรงที่เหลืออยู่แทงศอกไปด้านหลังหวังว่ามันจะทำให้โจเซฟจุกจนปล่อยแขนที่ใช้ล็อกคอเขาอยู่ออก แต่มันไม่ได้ผลเมื่อแรงที่รัดคอมันกลับมากขึ้นแถมมันยังมีอาวุธใหม่ที่รู้สึกว่าน่ากลัวกว่ามีดบินของสองแฝดเสียแล้วสิ
มันเอาซ่อนไวตรงไหนวะ
เข็มฉีดยาขนาดเล็กถูกทิ่มเขามาที่ต้นคอของสตีเวนทันที ฟีนิกซ์ที่ตั้งท่าจะเขาไปรับตัวคนรักชะงักค้าง สองแฝดที่ถือมีดพร้อมเสียบก็ต้องหยุดเช่นกัน
“มึงเข้ามาอีกนิดกูจะฉีดสารตัวนี้เข้าตัวมันทันที แล้วกูก็ไม่รับประกันนะว่ามันจะแรงแค่ไหน แต่อย่างหนึ่งที่อยากบอกคือ...ไม่มียาแก้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ” เสียงหัวเราะเหมือนคนบ้าขาดสติมองรอบตัวเองอย่างท่าทาย จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้จนกว่าคนของเขาอีกพวกจะมาถึงการทำวิธีนี้คือทางรอด
“ถ้าเขาตายมึงก็ตาย”
“กูต้องกลัวด้วยหรือไง นายมึงมันพังทุกอย่างของกู ได้ในสิ่งที่กูอยากได้ กับเรื่องที่ต้องมาตายแค่นี้กูต้องหวั่นใจหรือห๊ะ!!!”
“มึง!!..ทำตัวมึงเองทั้งนั้น!!”
“ไม่!!..ถ้าไม่มีนายมึง พื้นที่ปกครองในดูไบก็ต้องเป็นของกะ...” เสียงโวยวายดังลั่นพื้นที่หน้าทางเข้า ด้วยความเดือดดานของคนที่ไม่ยอมรับความจริง
“มึงดูละครมากไปหรือเปล่าโจเซฟ มึงคิดว่าล้มนายกูได้แล้วคนอย่างมึงจะสามารถครอบครองมันได้เหรอ? มึงคิดว่าที่นั้นมีแค่นายกูหรือไง” ฟีนิกซ์เองก็เริ่มเอือมระอาเต็มทน ไอ้คนที่มันไม่คิดจะรับรู้เรื่องรอบตัวคิดว่าเมื่อมีอำนาจในมือแล้วจะทำอะไรก็ได้ที่มันต้องการ
ตะกะป่วย ความคิดแบบเด็กป่วย
“แต่ถ้า!!..ถ้าอัดฮัมมันตายทุกอย่างมันก็ไม่ใช่ปัญหา พวกมึงมันเป็นก้อนเนื้อน่ารำคาญ”
“ลูกพี่ไอ้นี่มันพล่ามอะไร คิดว่าบอสเราเป็นใครที่คิดว่ามันจะล้มเขาได้ง่าย ๆ กัน” หยินแฝดคนพี่ถามยิ่งมองหน้ามันก็ยิ่งรู้สึกอยากเล่นสนุกกับมันเหลือเกิน ใบหน้าที่ระแวงไปรอบข้าง เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวขึงตามใส่กัน ปากก็พล่ามกล่าวโทษคนอื่นถึงสิ่งที่ไม่สามารถเป็นของตัวเองได้
ไอ้คนแบบนี้มันน่าจับมาทดลองพิษตัวใหม่ที่เพิ่งได้มาเหลือเกิน
ฟีนิกซ์มองหน้าลูกน้องที่ถามออกมาแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปก่อนจะหันมามองคนที่เหมือนจะทรงตัวไม่อยู่อีกแล้ว
สตีเวนในตอนนี้สภาพเหมือนครั้งแรกที่มันทำงานพลาดแล้วบอสให้เขาเป็นคนลงโทษมันจัง
และใช่เขาทำมันได้คนเดียว เขาคนเดียวที่สามารถทำมันปางตายแบบนั้นได้
ส่วนไอ้พวกที่บังอาจทำมันแบบนี้แถมตอนนี้ยังเอายาเหี้ยอะไรไม่รู้มาทิ่มคาไว้ที่คอคนรักเขาแบบนี้ เห็นแล้วรู้สึกว่าความอดทนอดกลั้นกำลังจะหมดไป
“โจเซฟ สา...วีต ฉันว่าแกพล่ามมาพอแล้ว นะแกช่วย....เอามันออกไปจากคอเขาก่อนได้ไหม?” เสียงยานคางเหมือนคนเบื่อโลกถูกเปล่งออกมาจากเรียวปากสวย (หากว่าไม่มีเครารกลุงลังอะนะ) มือก็แกว่งปืนไปมาหยิบบุหรี่ที่ทิ้งมันไว้ในกระเป๋าเสื้อจุดสูบโดยไม่สนใจคนที่มองการกระทำของเขาอยู่
อยู่ ๆ ฟีนิกซ์ก็รู้สึกเปลี่ยนไป ดูเบื่อโรคดูเหนื่อยหน่ายใจ แตกต่างกับสายตาที่ดูเริ่มสนุกกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“คิดว่ามึงเป็นใครกันห๊ะ!!” เสียงลนลานพร้อมกระชับแขนให้แน่นมากขึ้น เท้าก็ขยับเดินถอยเข้าในตัวบ้านมือที่จับเข็มก็สั่นตลอดเวลาเพราะมันยังแสบไม่หาย
ผัวะ อึก อั้ก
แค่ก แค่ก
ปลายเท้ายาวที่เดินตามเข้ามาอย่างช้า ๆ ตะหวัดขึ้นเตะมือข้างที่จับเข็มนั่นไว้อย่างแม่นยำแถมสายตายังดูเหี้ยมขึ้น ร้อยยิ้มอันตรายที่สองแฝดเห็นแล้วยังต้องหยุดตัวลงที่กลางห้องโถงปล่อยเรื่องทั้งหมดให้ลูกพี่ทำ ดีกว่าเข้าไปยุ่งแล้วกลายเป็นเป้าเสียเอง
“งานนี้มีคนศพไม่สวยแน่” หยางกระซิบพี่ชาย
“เผลอ ๆ อาจไม่เหลือซาก” หยินเสริม
“มาเอาตัวลุงแกออกไป” สองแฝดรีบตรงเข้าไปหิ้วปีกสตีเวนออกมาทันทีที่ได้รับคำสั่ง
“ส่วนแก...อยากเล่นอะไรสนุก ๆ กับฉันไหม คุณสวีต”
TBC.