[ 12 ]Game Master กับ Player จอมอึดไอ้มังกรบอกว่า ในครึ่งชั่วโมงนี้ นอกจากควบคุมเวลาให้แม่นยำแล้ว ผมซึ่งบัดนี้ถูกเรียกว่าเกมมาสเตอร์ต้องตักน้ำเต็มถังสาดไปยังผู้เล่นแต่ละคนทุก ๆ ห้านาที
ผมยอมรับโดยไม่ต้องกังขาว่า ถูกใจเกมส์ตกปลาของไอ้มังกรอย่างที่สุดของที่สุด
ขณะที่ไอ้เป๊บซี่ร้องโอดโอย แค่ถอดผ้ามันก็ว่าหนาวเกินพอแล้ว แต่ถึงกระนั้นในตอนท้ายมันก็ลงเล่นเกมส์ เนื่องจากไอ้มังกรเพิ่มเหล้าของลุงสักอีกห้าไหเป็นรางวัลล่อตาล่อใจ
นายอัดลมขอเป็นคนแรกที่จะโดนผมสาดน้ำ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอวดเบ่งหรือว่าอย่างไร ขณะที่พรรคพวกของผมเลือกที่จะจับไม้สั้นไม้ยาวเพื่อจัดลำดับคิวกัน
ในขณะผมนั่งฆ่าเวลา รอสามคนนั้นอยู่ข้างบ่อด้วยการโกยถังพลาสติกขึ้นแล้วเทน้ำลงอย่างครึ้มใจ หมอนั่นก็เดินตามมา จากนั้นก็หย่อนสะโพกลงข้างตัวผม ฝ่ามือของเขาสัมผัสระกับผิวน้ำ ขณะสายตาจับอยู่ที่ใบหน้าผม ส่วนริมฝีปากก็เปรยว่า
“เย็นเอาเรื่อง”
ผมขยับตัวหนี ลุกไปนั่งอีกที่หนึ่ง เขาก็ลุกตาม แต่ทว่าเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากท่อนขาของเขาแนบชิดติดกับท่อนขาของผมจนเนื้อของเราแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
ถ้าผมขยับอีกครั้ง มีหวังในรอบนี้ หมอนี่ต้องคร่อมตักผมแน่...
“ตรงนี้ก็เย็นพอ ๆ กับตรงนั้น”
ผมเริ่มควบคุมสติ
ขณะสูดลมเข้าปอด ภาพควายในมโนก็ออกมาโลดแล่นพร้อมกับถูกนับจำนวนอยู่ข้างใน พยายามสร้างจินตนาการว่า ควายฝูงนั้นเรียงหน้ากันเข้ามาเพื่อสัมผัสกับน้ำเย็น ๆ ซึ่งผมโกยขึ้นจากบ่อด้วยฝ่ามือ แล้วลูบไล้ตัวมัน
“สนุกมากรึไง ?” นายอัดลมถาม
เมื่อเห็นผมไม่ตอบ เขาก็เริ่มพูดจาแปลก ๆ
“ท่าทางเอ็งคงกำลังขาดน้ำ ตรงข้ามกับตัวข้าเสมือนว่าในตอนนี้น้ำในตัวมีมากจนแทบจะระเบิด บางที
เขื่อนที่กักเก็บเอาไว้อาจพังทลายได้ง่าย ๆ แค่ใครสักคนพูดคำว่า...อิคึ อิคึ”
“ฉันรู้สึกสนุกที่จะได้เห็นใครบางคนถูกทรมานต่างหาก”
ผมโต้ตอบ พลางซัดน้ำก้นถังใส่เขา
นายอัดลมส่งเสียงซี๊ดซ๊าด นัยน์ตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับเหมือนตาพระเอกของป้าเอิบ ขณะเข้าพระเข้านางในละครไม่มีผิด ป้าเอิบบอกว่าตาของพระเอกคนนั้นยิ้มได้...
หลังจากจับไม้สั้นไม้ยาวเสร็จ ไอ้มังกรซึ่งได้คิวท้ายสุดก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าเกมส์ของมันกำลังเริ่มต้น
“ไอ้น้ำ...มึงต้องสาดน้ำให้เต็มถังนะเว้ย แล้วก็วนให้ครบทุกคน” มันออกคำสั่ง
อย่างทันทีทันใด ผมซึ่งตั้งท่ารออยู่แล้วก็ประเคนน้ำใส่นายอัดลมเป็นคนแรก หากตักน้ำให้ล้นถังได้ผมคงจะทำ
รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เขาไม่แสดงอาการใด ๆ ให้เห็น นอกจากรอยยิ้มที่ฉีกจนกว้างเหมือนเช่นเคย
เมื่อถึงคิวของไอ้แชมป์กับไอ้เป๊บซี่ ทั้งคู่ออกอาการสะดุ้งจนตัวยืด ขณะที่ไอ้มังกรกระโดดเหยง ๆ ราวกับกุ้งดีดหนีน้ำร้อน
ในเวลาต่อมา ทุกคนก็จดจ่อสมาธิอย่างแน่วแน่กับปลาซึ่งเริ่มตอดเบ็ดทันทีที่พวกเขาทิ้งเหยื่อลงไป แม้ว่าร่างกายของใครบางคนจะมีอาการหนาวสั่นปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนก็ตามที
ผ่านไปทั้งหมดสามรอบ...
ไอ้มังกรก็ตะโกนขึ้นก่อนใครว่า มันพอใจในขนาดของตัวปลาที่จับได้แล้ว
พอรอบที่สี่...
ไอ้แชมป์กับไอ้เป๊บซี่ก็พูดในลักษณะเดียวกันบ้าง ทั้งสามคนรีบสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
“หนาวว่ะ... กูกลับก่อนนะ”
ไอ้แชมป์ยอมรับกับผม เสียงของมันขาดเป็นห้วง ๆ เนื่องจากขากรรไกรแข็งค้าง หลังจากพูดเสร็จก็หิ้วถังปลา วิ่งตามสองคนนั้นไปซึ่งไม่ร่ำไม่ลาอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย ! พวกมึง... “ ผมร้องตาม
อึดใจต่อมา หลังจากเหลือบมองเวลาครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจของผมก็เริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรให้นายอัดลมเลิกเกมส์นี้เร็วขึ้น
“ถ้าการจับเวลา มันน่าเบื่อนัก...ก็มาตกปลาด้วยกันสิ” เขาชวนคุย เหมือนอยากทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัด
ผมรีบฮุบโอกาสซึ่งเขาเปิดช่องให้อย่างทันทีทันใด
“แค่นายเก็บคันเบ็ดแล้วกลับขึ้นบ้าน ชั้นก็หายเบื่อแล้วล่ะ”
“ในฐานะที่เอ็งเป็นเกมมาสเตอร์ ไม่มีผู้เล่นแม้สักคนทนเล่นเกมส์ของเอ็งจนกระทั่งครบเวลา เอ็งยังคิดจะยอมให้มันจบง่ายดายกระนั้นหรือ”
“แค่นายมองข้ามเงื่อนไขของเวลา เกมส์นี้ก็ถือเป็นอันจบน่า”
ผมกล่าวอย่างใจเย็น ถึงแม้ข้างในจะโต้แย้งเขาว่า
มันใช่เกมส์ของฉันที่ไหนกันเล่า…!“เอ็งกำลังจะบอกให้ข้าทำเรื่องทุจริต คอรัปชั่นอยู่” เขาว่า
“บ้าน่า...นายกำลังทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ต่างหากเล่า มันก็แค่เกมส์โง่ ๆ เกมส์หนึ่ง จะเอาดินที่ตัวตุ่นขุดมาปั้นให้เป็นภูเขาทำไม ?...นายเองก็จับปลาตัวใหญ่ได้ตั้งหลายตัว ชั้นรับรองว่านายชนะใส ๆ อีกอย่างนายก็รู้ว่าตอนนี้ทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้ว”
“เอ็งคนเดียวกระมังที่เข้าใจเยี่ยงนั้น ใช่ว่ากลับทุกคนเสียเมื่อไหร่”
สรุปแล้ว เขาไม่ใส่ใจในสิ่งที่ผมพล่ามเลยแม้แต่น้อย
“ก็ได้ ๆ ตกลง... เอาเป็นว่า ชั้นจะพูดให้ถูกต้องและเข้าใจง่ายอีกนิด ชั้นเบื่อที่จะต้อง...มานั่งเฝ้านาย !”
“ข้าว่า เอ็งเลิกเพ่งนาฬิกาเถอะ” เขาสรุปทันทีทันใด พร้อมกับชักคันเบ็ดขึ้นมา
ปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่งดิ้นโง่ ๆ อยู่กลางอากาศ
นายอัดลมปลดมันออกจากตะขอ โยนลงถัง แล้วติดเหยื่อชิ้นใหม่เข้าไปอีกครั้ง
ปลาพวกนั้นดิ้นกันขลุกขลักอยู่ในพื้นที่แออัด ซึ่งต่างจากผมที่เดินอึดอัดอยู่บนพื้นที่กว้าง
นายอัดลมเอ่ย ขณะยืนหันหลังให้ผมว่า
“ถ้าเอ็งอยากแก้เบื่อด้วยการตีหนอน แล้วกระฉูดน้ำเล่นจนกระทั่งครบเวลา ข้าก็ไม่ว่ากระไรดอก”
ผมรู้ดีว่าเขาจงใจพูดยั่วโทสะ จึงย้อนแค่เบาะ ๆ ว่า
“หนังหน้าของนายคงหลอมด้วยเหล็กล้า ถึงพูดเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไม่รู้สึกอายปาก”
เขาหัวเราะหึ หึ
“เอาอย่างนี้ ข้าจะช่วยสงเคราะห์และแก้อาการเบื่อให้เอ็ง ด้วยโชว์ที่แสนเย้ายวน”
พูดเสร็จ เขาก็หมุนสะโพกควงเป็นวงกลม พร้อมกับเดินไปด้านหน้าสลับมาด้านหลังเหมือนนกกระเด้าลมเดิน
ผมยอมรับว่ารู้สึกประหลาดใจที่เห็นหมอนั่นในท่วงท่าตลกอย่างคนเสียสติแบบนั้น แต่ถึงกระนั้น ผมก็พูดบางอย่างซึ่งทำให้เขาหยุดการกระทำในสิ่งที่กระตุ้นน้ำย่อยจากลำไส้อย่างเลวร้ายลง
“การแสดงเหมือนคนปวดท้องขี้ ฉันว่านายรีบขึ้นบ้าน แล้วไปเข้าห้องน้ำไม่ดีกว่าเรอะ”
อึดใจต่อมา เขาก็วางคันเบ็ดลง แล้วสปริงข้อเท้าดีดตัวขึ้นกลางอากาศ ม้วนหลังตีลังกา ก่อนจะลงเท้ายืนกับพื้นอย่างสง่างาม
ถ้าเป็นการกระทำของคนอื่น ผมคงกล่าวคำชื่นชมจากใจจริง แต่ความมาดมั่นของฝ่ายนั้นทำให้ผมเบะปาก
“ถามหน่อยเถอะ นายคิดว่าโชว์ของนายต่างจากสมัยเด็ก ๆ ตอนที่พวกเราเล่นน้ำแล้วใช่ไหม ? ชั้นว่า...เจ้าจ๋อซึ่งตัวเล็กกว่านายเกือบร้อยเท่าก็ทำแบบเดียวกันนี้ได้”
ชั่วครู่หนึ่ง เขาทำท่าลังเล เหมือนกำลังชั่งใจกับอะไรบางอย่าง
ผมรู้สึกว่า ตัวเองชักจะถือไพ่เอาไว้ในมือ จึงยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งอย่างนึกลำพอง
รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด นายอัดลมถอดกางเกงชั้นในของเขาลงสู่ปลายเท้า ก่อนจะเตะมันทิ้งด้วยขาข้างหนึ่ง
สาบานได้ว่า ผมดึงสายตาหนีไม่ทันความว่องไวของเขาอย่างแท้จริง อีกทั้งตกใจ ระคนไม่คาดฝัน
พับผ่าสิ !
ผมตะโกนขึ้นว่า
“ทำบ้าอะไรของนาย ไม่รู้จักอายคนบ้างหรือไง ?”
ถึงแม้ท้องฟ้าจะมืดมนแกมทะมึน แต่แสงไฟจากหลอดนีออนซึ่งติดอยู่โดยรอบก็สว่างเจิดจ้า สามารถเห็นอะไรต่อมิอะไรได้อย่างชัดเจน
ลูกกะตาแจ่มแจ้งเจ้ากรรมดันสั่งการสมองอย่างฉับพลัน จดจำทั้งรูปลักษณ์และรูปทรงอลังการ ซึ่งดูเหมือนว่ามันไม่สะทกสะท้านต่อสภาพอากาศเลยแม้แต่น้อย
เหนือแพไหมดกดำ หลุมสะดือลึกบุ๋มลง ท่ามกลางขนอุยลู่น้ำ เขาก้มมองต่ำ ถามผมด้วยน้ำเสียงติดไปทางภาคภูมิ
“เอ็งคิดว่า ข้าควรจะอายกระนั้นรึ ?”
ผมกระชากสายตาขึ้น จากความมโหฬารผ่านหน้าท้องแบนราบกับซิกแพคลาง ๆ จากหน้าอกแน่นเนื้อขึ้นสู่ใบหน้าคมเข้ม
นายอัดลมกล่าวต่อ พร้อมทั้งหัวเราะเบา ๆ ว่า
“ดูเอ็งทำหน้าเหมือนปลาบู่ตกใจ...อย่างกับว่าเมื่อก่อนไม่เคยจับมันกระนั้นแหล่ะ ทั้ง ๆ ที่สมัยเด็ก ๆ ...”
“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ชั้นอับอายแทนขนาดของนายต่างหาก”
ผมรีบตัดบท ก่อนที่เขาจะพล่ามต่อในเรื่องบ้า ๆ อย่างเพ้อเจ้อ
ทันทีทันใดนั้น ตาของเขาก็ลุกวาว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายฉาบโดยรอบมุมปาก
“ถ้าเช่นนั้น เอ็งคงไม่อายกระมังที่จะสำแดงให้ข้าได้เห็น ถือว่าเป็นบุญตาของข้าสักครั้ง”
“ฝันไปเถอะ ! “ ผมปฏิเสธ
“ชั้นไม่ใช่พวกจำอวด เอะอะ ๆ ถอด เหมือนอย่างนายหรอก”
ปี๊บ ! ปี๊บ !
ทันใดนั้นเอง สัญญาณบอกเวลารอบที่ห้าก็ดังขึ้น
ผมตักน้ำจนเต็มถัง แล้วสาดโครมไปที่เขาประหนึ่งว่ามันจะช่วยระบายความอัดอั้นลงได้
สาดแล้ว สาดอีก แล้วก็...สาดอีก
ขณะเดียวกัน ผมก็ตัดสินใจแล้วว่า ผมต้องเป็นคนถอดปลั๊กของเกมส์นี้ เวลาของเกมส์สิ้นสุดแล้ว