ตอนที่ 7 : สารที่ส่งมา
เพิงยืนหันรีหันขวางอยู่ชั้นล่างตึกที่ทำงานของภามชน ลุงชัยไม่แวะมาหาเขาห้าวันแล้ว ปากของชายหนุ่มก็บอกว่าดีแล้ว แต่ใจกลับอดเป็นห่วงไม่ได้ สุดท้ายก็มายืนอยู่ที่นี่
เพิงพยายามเรียกลุงชัย แต่อีกฝ่ายไม่ปรากฏร่างให้เขาเห็น ผ่านมาเกือบสิบห้านาทีเขาก็ยังติดต่อไม่ได้ เพิงจึงเริ่มคิดว่าหรือเขาต้องขึ้นไปที่บริษัทถึงจะเจอ
ชายหนุ่มคิดหนัก เพราะดันพูดไว้เสียงแข็งว่าจะไม่มาที่นี่อีก หลังจากคิดกลับไปกลับมา ก็สรุปได้ว่าอย่าขึ้นไปให้โดนหัวเราะเยาะเลย เพิงจึงตัดสินใจกลับบ้าน เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรดีการกลับไปปรึกษาใบบุญเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เพิงเดินเกือบถึงทางออกอยู่แล้วเมื่อแขนถูกรั้งไว้จากทางด้านหลัง เขาหันกลับไปด้วยความตกใจ สายตาปะทะเข้ากับร่างสูงที่ยืนอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาแฝงรอยยิ้มของใครบางคน
“ตกใจหมด” เพิงดึงแขนออกจากมือของภามชน
“ตกใจง่ายจริง” คนทำยังมีหน้ามาบ่นเขา
“ถ้าผมไม่ตกใจสิครับแปลก” เพิงอยากบอกว่าดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่อุทานออกมาให้เสียภาพลักษณ์
“คิดถึงผมเหรอ” คำถามยังไม่เท่าไหร่แต่ดวงตาที่มองมานี่สิ เพงเลือกที่จะส่งยิ้มระอากลับไปให้
“ผมกลับก่อนนะครับ” กับผู้ชายคนนี้ยิ่งต่อล้อต่อเถียงยิ่งชอบใจ เขาสังเกตมาหลายครั้งแล้ว
ภามชนยกยิ้มมุมปาก ยื่นมือไปจับข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ ออกแรงลากให้เดินตามมา
“ผมหิวแล้ว หาอะไรทานก่อนเถอะค่อยกลับ”
เพิงพยายามดึงมือกลับแต่สู้แรงของภามชนไม่ไหว
“แต่ผมยังไม่หิวครับ แล้วผมก็ไม่ได้มาพบคุณด้วย” เพิงมั่นใจว่าเขาไม่ได้โกหก เพราะเขามาหาลุงชัยต่างหาก
“คุณไม่ได้มาพบผม?” ร่างสูงหยุดเดิน หันกลับมามอง
“ใช่ครับ”
“เข้าใจแล้ว ที่นี้ไปทานข้าวได้หรือยัง”
“...”
เพิงไม่เคยรู้สึกจนคำพูดแบบนี้มาก่อน เขารู้แล้วว่าลุงชัยเหมือนใคร เหมือนเจ้านายนี่เอง
“เอาน่าคุณ อย่าโมโหผมเลย ผมหิวจริงๆ ไปทานเป็นเพื่อนผมหน่อยเถอะ”
เพิงนึกเสียใจขึ้นมา ที่เมื่อก่อนเขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นน้ำแข็งไฟ หยิ่งยะโส ไม่น่าคบหา ควรมีคนสอนให้ปรับปรุงตัว แต่ตอนนี้เขาอยากให้ภามชนกลับไปเป็นเหมือนเดิมมากกว่า ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้ทำเอาเข้าปรับอารมณ์ไม่ทัน
“ผมไม่ได้โมโหครับ ว่าแต่คุณเถอะเป็นยังไงบ้าง พักนี้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” ในเมื่อไม่เจอลุงชัยก็ถามกับเจ้าตัวเลยแล้วกัน
“ทุกอย่างปกติดี ตัวผมก็สบายดี”
“คุณก็อย่าชะล่าใจนัก บางอย่างยังไม่เกิดขึ้นก็ใช่ว่ามันจะไม่เกิด บางทีความเงียบก็มาก่อนพายุไม่ใช่เหรอ”
ภามชนซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ เพราะกลัวคนตรงหน้าจะตีความหมายผิดจากรอยยิ้มของเขา เดี๋ยวจะยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ดวงตาของเขาอ่อนแสงลง น้ำเสียงทุ่มต่ำนุ่มหู
“คุณห่วงผมเหรอ”
“ใครห่วงคุณ” เพิงไม่คิดจะรับ
“คุณไง ห่วงผม” ภามชนดีดนิ้วลงบนหน้าผากของเพิง
“ใช่ไหม”
“ตกลงจะกินอยู่ไหมครับข้าว ถ้าไม่กินผมจะได้กลับ” มีเพียงยอมไปกินข้าวด้วยเท่านั้นถึงจะจบเรื่องนี้ได้ การถูกหมอนี่จับได้ว่าเขาเป็นห่วงน่าขายหน้าชะมัด
“กินสิ” ภามชนพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“งั้นเอาร้านนั้นแล้วกันครับ” เพิงชี้ไปยังร้านอาหารไทยที่อยู่ไม่ไกล นอกจากร้านกาแฟแล้ว ชั้นแรกของอาคารยังมีร้านอาหารอีกสองร้าน
“ผมจะไปห้องน้ำ คุณภามชนเข้าไปก่อนเลยครับ”
“ไม่หนีใช่ไหม” ภามชนถามด้วยสายตายั่วเย้า
“จะหนีทำไมครับ ผมไม่ใช่เด็กจะได้เล่นเอาล่อเอาเถิดแบบนั้น”
ดวงตาที่มองมาคล้ายอยากถามกลับว่า ‘ไม่ใช่แน่เหรอ’ แต่เพิงแกล้งทำเป็นไม่เห็นเสีย
เมื่อเขาเดินกลับมาจากห้องน้ำและเข้าไปในร้านอาหาร เขาพบว่าธาวินนั่งอยู่กับภามชนด้วย
“สวัสดีครับคุณธาวิน” เพิงทักทายอีกฝ่าย
“สวัสดีครับคุณเพิง”
“ตอนเจอผมไม่เห็นทักทายดีแบบนี้” เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้น
เพิงหันไปส่งยิ้มให้ภามชน แน่นอนว่าเขายิ้มอย่างจริงใจที่สุด ใครจะไม่ดีใจล่ะ นานๆ จะพบโอกาสแบบนี้สักครั้ง
“ตอนผมเจอคุณ ผมถูกจับโยนออกจากตึกครับ”
ธาวินหัวเราะเสียงดัง เขาชอบมวยคู่นี้จริงๆ
“นั่นมันนานแล้ว ผมยังไม่รู้จักคุณดี” คนพูดแก้ตัวเสียงอ่อน
“ตอนนี้ยอมเชื่อว่าผมเป็นคนดีแล้วเหรอครับ”
“เชื่อ”
เพิงเลิกคิ้วขึ้น ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมรับง่ายๆ
“แล้วเชื่อเรื่องที่ผมบอกไหมครับ”
“เชื่อ” เสียงตอบรับมั่นคง ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายพูดจากใจจริง
เพิงถอนหายใจเบาๆ เขาโล่งอกเป็นอย่างมาก การเชื่อโดยไม่มีหลักฐานเป็นการเชื่อที่ยากที่สุด โดยเฉพาะกับคนที่การพบกันครั้งแรกไม่ค่อยดีนัก
เพิงคิดว่าแค่นี้ก็ดีมากแล้ว เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ยินสิ่งที่ภามชนกำลังจะพูดออกมา
“ขอบคุณที่เพิงมาเตือนผม แล้วก็ขอโทษที่แสดงกิริยาไม่ดีอย่างที่ผ่านมา”
เพิงมองร่างสูงด้วยสายตาแปลกใจ นายน้ำแข็งไฟกำลังขอโทษเขาอยู่เหรอ
“ถึงแม้ผมจะยังไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ผมเชื่อที่คุณบอก”
“ดีแล้วครับ ไม่ใช่ดีสำหรับผมแต่ดีสำหรับตัวคุณเอง”
“ครับ” ภามชนพยักหน้ารับ
“รู้ไหมครับว่าผมเกือบถอดใจแล้ว ถ้าไม่ติดว่าลุง..” เพิงงับปากทันที
ธาวินลอบสบตากับภามชน พวกเขาต่างได้ยินคำพูดเมื่อครู่
“สั่งอาหารกันไปหรือยังครับ” เพิงรีบเปลี่ยนเรื่อง ใจของเขาเต้นตุ๊บตั๊บ เกือบไปแล้ว อีกนิดเดียว พอคุยกันสบายใจเขาก็เกือบหลุดเรียกชื่อลุงชัยออกไป
“ผมสั่งไปบางส่วนแล้ว รอให้คุณสั่งเพิ่ม”
“งั้นผมไม่เกรงใจนะครับ” เพิงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณเรียกพนักงาน
ภามชนมองชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้า เขายกยิ้มมุมปากขึ้นช้าๆ
ช่างเถิด ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมบอก เขาก็จะยอมแต่โดยดี สักวันคงได้รู้ความจริง
• • • • •
“เพิง” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง ชายหนุ่มสะดุ้งโหยงเพราะกำลังใช้ความคิดกับงานที่กองอยู่เต็มโต๊ะ
“ลุง! มาเงียบๆ ทำผมตกใจหมด”
“ขอโทษที ลุงนึกว่าเราชินแล้ว”
“ใครจะไปชินกัน วันหลังลุงมาก็ให้สุ้มให้เสียงผมหน่อย” เพิงอดบ่นไม่ได้
“เมื่อกี้ลุงก็ให้แล้วนะ” ลุงชัยตอบประสาซื่อ
เพิงมองค้อนอดีตเลขาผู้ทรงประสิทธิภาพ ให้เสียงแบบนี้ต้องมีสักวันที่เขาหัวใจวายตาย
“แล้วนี่ลุงหายไปไหนมา” เกือบอาทิตย์แล้วที่เขาไม่เจออีกฝ่าย
“ลุงก็คอยเฝ้าอยู่ที่บริษัทนั่นแหล่ะ ไม่ได้ไปไหน ลุงไปงบอกท่านเจ้าที่แล้วนะ ขอให้ท่านช่วยสอดส่องให้ด้วย”
“ก็ดีแล้ว” เพิงพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่! ผมมีเรื่องจะถาม เกือบลืมไปแล้วเห็นไหม”
“ถามมาเลย”
“ทำไมลุงไม่ดูเบอร์ที่โทรเข้าเครื่องพวกนั้นล่ะ ลุงก็จำเบอร์มาให้ผม ผมจะได้เอาให้เจ้านายลุงไปตรวจสอบหารคนบงการ”
“มันไม่ขึ้นเบอร์น่ะสิ มันขึ้นเป็นชื่อที่บันทึกไว้ว่า ‘งานรถ’ ลุงเป็นผีนะกดโทรศัพท์ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นลุงดูไปแล้ว” ลุงชัยตอบด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก ถ้าไม่ติดว่าลุงชัยไม่ใช่คนละก็
“แค่นี้ต้องงอนด้วย ผมก็แค่ลองถามดู ใครจะไปว่าอะไรลุง” เพิงพูดด้วยน้ำเสียงเอาใจ
“มัวแต่พูดเรื่องอื่นจนเกือบลืม ลุงมีธุระสำคัญมาบอก” ลุงชัยรีบพูดเมื่อนึกถึงเหตุผลที่ตนเองมาได้
“เรื่องอะไรลุง”
“คุณพ่อคุณภามอยากเจอเพิง”
“หะ?!!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง เรื่องนี้เกินความคาดหมายของเขาไปมาก
“พ่อคุณภามชนเหรอลุง? ทำไมอยากเจอผมล่ะ รู้เรื่องผมได้ยังไง” ชายหนุ่มรัวคำถามเป็นชุด
“ใจเย็นๆ ลุงกำลังจะเล่านี่ไง” ลุงชัยเบรกคำถามไว้ก่อนที่จะยาวกว่านั้น
“คุณภามตัดสินใจเล่าให้คุณดลกับคุณจันทร์ฟังแล้ว” ชัยอนันต์หมายถึงธนดลและจันทร์ศิริ พ่อและแม่ของภามชน
“คุณดลเลยขอให้คุณภามพาเพิงไปพบท่าน”
“ทำไมถึงเล่าเรื่องแบบนี้ให้พ่อกับแม่ฟังนะ ถ้าเป็นผม ผมจะปิดไว้พวกท่านจะได้ไม่ต้องกังวล” ชายหนุ่มอดออกความคิดเห็นไม่ได้ เพราะตอนนี้เล่าไปก็เท่านั้น เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลใดๆ ที่มีประโยชน์มากพอ รังแต่จะทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงเปล่าๆ
“แต่ลุงว่าคุณภามทำถูกแล้ว จะได้ช่วยกันคิดช่วยกันระวัง”
“ก็จริงอย่างที่ลุงว่า” เพิงพยักหน้า
“แต่ผมไม่ไปดีกว่าลุง ไม่รู้พ่อกับแม่คุณภามชนเชื่อเรื่องที่ผมพูดหรือเปล่า ขี้เกียจโดนว่าซ้ำสอง” ลูกชายแค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว เพิงคิดว่าสิ่งที่เขาต้องทำก็ทำไปหมดแล้ว ไม่มีสิ่งไหนติดค้างในใจอีก
“ใครบอก คุณจันทร์เชื่อเรื่องนี้มากกว่าคุณภามเยอะ คุณจันทร์ชอบเข้าวัดเข้าวา ส่วนคุณดลท่านเป็นผู้ใหญ่น่านับถือ มีเหตุผล คุณภามเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังและบอกว่าเชื่อเพิง คุณท่านก็ฟัง” ลุงชัยอธิบายต่อ
“ถ้าเชื่อแล้วผมก็ยิ่งไม่ต้องไป”
“ไปเถอะ ท่านคงอยากได้ยินเอง ตอนนี้ก็กังวลกันอยู่”
“ถึงไปผมก็บอกได้เท่าเดิม” เพิงยังอิดออด การปฏิเสธผู้ใหญ่เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะไม่สามารถใช้วิธีเดินหนีได้
“ไปให้ลุงสักครั้งเถอะ ถือว่าลุงขอ”
“ลุงก็ขยันขอผมจัง” เพิงบ่นอีกฝ่าย
“ลุงขอโทษจริงๆ แต่...”
ลุงชัยยังพูดไม่จบประโยค ก็ถูกเสียงเปิดประตูบ้านและเสียงของใบบุญขัดขึ้นเสียก่อน
“เพิง เรากลับมาแล้ว”
“อยู่ในห้องทำงาน ลุงชัยมานะ” ชายหนุ่มรีบบอกตามระเบียบปฏิบัติ
“สวัสดีครับลุงชัย” ใบบุญยกมือขึ้นไหว้ เขาเล็งไปทางที่เพิงนั่งอยู่ คิดว่าอย่างไรเสียก็ต้องอยู่ข้างกัน
“เป็นเด็กดีจริงๆ” ลุงชัยชม
“บุญ ลุงชัยชมว่ามึงเป็นเด็กดี” เพิงบอกใบบุญตามที่ได้ยิน
“ขอบคุณครับ” ใบบุญยกมือไหว้อีกครั้ง
“ลุงชัยมามีอะไรหรือเปล่าครับ” ใบบุญอดเป็นห่วงไม่ได้ เขาถามอย่างนี้ทุกครั้งที่ลุงชัยมาหาเพิง เพราะกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
“พ่อกับแม่คุณภามชนอยากเจอกู”
“จริงเหรอ” แม้แต่ใบบุญยังแปลกใจ
“จริง กูว่าจะไม่ไปแต่ลุงชัยตื้อให้กูไป” เพิงรีบฟ้องเพื่อนสนิท แต่ใบบุญกลับเห็นด้วยกับลุงชัย
“ไปก็ดีนะ ไปพูดคุยกับท่านเสียหน่อย เราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เผื่อมีเหตุให้ต้องติดต่อพวกท่าน ไม่เคยรู้จักกันจะลำบาก”
ใบบุญพูดมีเหตุผลทีเดียว ชายหนุ่มเริ่มคล้อยตาม
“ไปก็ไป แต่มึงไปกับกูด้วยนะ”
“ได้ ไปเมื่อไหร่ล่ะ” ใบบุญรับคำเพื่อน ถ้าเป็นเรื่องที่ทำได้เขาไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว
“นั่นสิ ไปเมื่อไหร่ลุง” เพิงหันไปทางลุงชัย
“วันมะรืนเป็นไง คุณภามกับคุณวินไม่มีประชุมช่วงเย็น คุณดลกับคุณจันทร์ก็อยู่บ้านไม่ได้ไปไหน เพิงไปหาคุณภามที่บริษัท แล้วให้พาไปเจอที่บ้านได้เลย ไม่ต้องนัดล่วงหน้า” ลุงชัยออกความคิดเห็น
“ลุงนี่สมกับเป็นเลขาจริงๆ ตายไปแล้วก็ยังรู้ตารางงานทั้งเจ้านายเก่าเจ้านายใหม่” เพิงอดแซวลุงชัยไม่ได้ ก่อนหันไปถามใบบุญ
“ลุงชัยให้ไปวันมะรืน มึงว่างหรือเปล่า”
“ว่าง ไปได้”
“งั้นก็ตามนั้น ว่าแต่.....” ชายหนุ่มเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
“คุณภามชนไม่ได้บอกพ่อกับแม่เหรอลุงว่าไม่มีเบอร์ผม ติดต่อผมไม่ได้ แล้วจะจะพาผมไปพบได้ยังไง” เพิงถามเรื่องที่ข้องใจ
“คุณภามชนก็พยายามอยู่” ลุงชัยตอบอ้อมแอ้ม
“พยายามอะไรลุง” เพิงเลิกคิ้ว ไม่แน่ใจว่าพวกเขาคุยเรื่องเดียวกันอยู่ไหม
ใบบุญมองเพื่อนด้วยความสงสัยแต่ยังไม่ถามอะไร อยู่ด้วยกันมานานเขาจึงรู้จังหวะดี
“คือ..” ลุงชัยยิ้มแห้ง “คุณภามให้คุณวินจ้างนักสืบเอกชนตามหาตัวเพิง”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ!” ชายหนุ่มถึงกับร้องเสียงหลง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงสืบหาเขา แต่ไม่คิดว่าจะลงทุนขนาดนี้
“มีอะไรเหรอเพิง” ใบบุญตัดสินใจถามด้วยความเป็นห่วง เพิงจึงหันไปเล่ารายละเอียดให้ฟัง
“ไม่ต้องกังวล ลุงคอยดูให้อยู่ ถ้าตามใกล้เจอเดี๋ยวลุงบอกเอง” ลุงชัยรีบบอกให้สบายใจ
“งั้นผมไป ผมมีเรื่องต้องพูดกับคุณภามชนของลุงสักหน่อยเหมือนกัน”
สมควรเอาคำชมก่อนหน้านี้กลับคืนจริงๆ เพิงได้แต่เข่นเขี้ยวอยู่ในใจ
“งั้นเจอกันที่บริษัท” ลุงชัยเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มแล้วคิดว่าควรรีบไปให้เร็วที่สุด
แต่ก่อนที่ลุงชัยจะเลือนหายไป เพิงก็รีบพูดขึ้นมา
“วันมะรืนลุกยืนเฝ้ารถคุณภามชนไว้ ตั้งแต่ที่บ้านยันไปถึงบริษัทเลยนะลุง อยู่มันในรถนั่นแหละไม่ต้องแวบไปไหน ผมจะได้มั่นใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนผมต้องนั่งรถคันนั้น”
ลุงชัยหัวเราะออกมา “ได้ๆ ลุงจะเฝ้าให้ทั้งวันเลยเพิงไม่ต้องเป็นห่วง งั้นลุงไม่ลงไปรับเพิงนะ ขึ้นไปเองได้ใช่ไหม”
“ได้” จากการพูดคุยครั้งหลังสุด ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่าจะไม่โดนโยนออกมา
“งั้นวันมะรืนเจอกัน”
“คุ้มครองรถดีๆ นะลุง” เพิงยังไม่วายตะโกนส่งท้ายก่อนลุงชัยจะเลือนหายไป
ใบบุญเดินไปรินน้ำใส่แก้ว แล้วกลับมานั่งข้างเพื่อนรัก ยื่นแก้วใบหนึ่งให้
“เพิงจะเล่าให้พ่อกับแม่คุณภามชนฟังแค่ไหน” ใบบุญถามเหมือนเช่นทุกครั้ง ต้องทำความเข้าใจกันก่อน
“เล่าทั้งหมด แค่ไม่บอกเรื่องลุงชัย”
“ถ้าถูกซักจนจนมุมล่ะ” ใบบุญถามต่อ
“ถ้าถูกซักจนจนมุมก็ทำเหมือนทุกครั้ง สูงสุดคือบอกว่าคนตายเป็นคนบอกแต่ไม่เอ่ยชื่อ แต่ถ้าสถานการณ์ไม่บีบมากก็ยืนยันคำเดิม บอกไปว่ามีคนบอก ให้เดากันเองว่าคนมีชีวิตคนไหนบอก”
“ก็เอาตามนั้น ถ้าต้องบอกเรื่องลุงชัยแล้วเกิดอะไรขึ้น เราจัดการสถานการณ์เอง”
ใบบุญเป็นแบบนี้เสมอ เป็นเพื่อนที่เหมือนพี่ชาย คอยปกป้องเขาตลอดเวลา ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ออกหน้าก่อนเสมอ
“ขอบใจนะบุญ”
“ไม่มีปัญหา” ใบบุญส่งยิ้มให้เพื่อนรัก
** ตอนค่ำๆ จะมาลงเพิ่มให้อีกตอนนะคะ