บทที่ 5
“เมี๊ยว...” เสียงร้องเรียกมาพร้อมอุ้งเท้านุ่มวางลงบนหน้า เซนลืมตา ลูบหัวเจ้าแมวน้อยแล้วค่อยลุกจากเตียงไปจัดการตัวเอง
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเสื้อคลุมที่แขวนตากบนราวระเบียง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินตรงไปที่ครัว เปิดตู้เย็นหยิบวัตถุดิบออกมาทำอาหารง่ายๆ เทอาหารแมวให้ลูเซีย จากนั้นก็นั่งรับประทานอาหารไปดูทีวียามเช้าไป
“สวัสดีครับ เราสองคนเป็นตัวแทนจากมหาวิทยาลัย...” เสียงคุ้นหูและใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์
ซีลยืนอยู่กับชายหนุ่มตัวสูงที่เขาไม่รู้จัก ทั้งสองกำลังแนะนำงานเทศกาลที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัยพร้อมเชิญชวนคนที่สนใจไปเที่ยวชม โดยมีฉากหลังเป็นภาพชิงช้าสวรรค์ ไฮไลท์สำคัญของงาน
ร่างสูงโปร่งในจอพูดพลางยิ้มแย้มแนะนำสถานที่ต่างๆ อย่างสนุกสนาน
“อยากเจอเขาไหมลูเซีย”
“เมี๊ยว”
เซนยิ้มตอบแมวน้อย จากนั้นก็เก็บจานตัวเองและลูเซียไปล้างทำความสะอาด เตรียมออกจากห้องไปพบคนที่ลูเซียอยากเจอ
รออยู่หน้าประตูเกือบสิบนาที ในที่สุดประตูห้องข้างๆ ก็เปิดออกพร้อมกับเด็กหนุ่มสวมชุดนักศึกษาเรียบร้อย ก่อนเจ้าตัวจะชะงักไปเมื่อเห็นร่างสูง
“ลูเซีย” ซีลเบนสายตาไปยังแมวน้อยทันทีที่เห็นมัน จากนั้นก็ก้าวไปหาอย่างลืมตัว มือขาวเรียวลูบหัวมนนุ่มนิ่มด้วยหัวใจพองโต อยากขโมยก้อนขนสีขาวซุกไว้ในอกตนแล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงตลอดทั้งวัน
ซีลเกาคางเจ้าแมวน้อยด้วยความเอ็นดูอยู่สักพักก็ผละออกด้วยความเสียดาย เขาอยากเล่นกับเจ้าแมวน้อยนานขึ้นอีกหน่อยแต่ก็เกรงใจเจ้าของมัน
“ฝากไว้ที่คุณก่อน ผมลืมหยิบของ” พูดจบเซนก็ส่งลูเซียให้ซีลอุ้มไว้แล้วก้าวเข้าไปในห้อง เขาออกมาพร้อมกับร่มคันเล็กจากนั้นเดินนำไปที่ลิฟต์
ซีลเห็นเป็นโอกาสดีจึงไม่ได้ส่งคืนลูเซียให้คุณเชฟในทันที เขาเล่นกับแมวน้อยแล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าลิฟต์ไป
“เท้าคุณเป็นยังไงบ้าง” เซนถามพลางมองลงไปที่เท้าของเด็กหนุ่ม ดูเหมือนจะเดินได้ปกติดี
“ดีขึ้นแล้วครับ โชคดีได้คุณช่วยไว้ ไม่อย่างนั้นเมื่อวานผมคงแย่” ซีลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าข่าวแล้วยื่นให้อีกฝ่ายดู
“เมื่อคืนพวกเด็กแว้นขับรถเข้าไปในซอยนั้นแล้วเกิดอุบัติเหตุ ถ้าผมนั่งอยู่กับที่คงถูกรถชนไปแล้ว”
เซนอ่านเนื้อหาในนั้นจบก็ถอนสายตากลับมา เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาบ้างแล้วเปิดคิวอาร์โค้ดของตัวเอง
“แอดไลน์กันไว้ เผื่อฉุกเฉินคุณจะได้โทรหาผม”
“เอ่อ...ทำไมผมต้องโทรหาคุณด้วยล่ะ”
“ถ้าคุณตกอยู่ในอันตราย ผมอยู่ใกล้สุด ผมช่วยคุณได้ ร้านผมคุณก็รู้จัก ห้องผมคุณก็รู้ เคาะประตูเรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมง”
“ผมหมายถึง...” เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ทำไมผมต้องให้คุณช่วยต่างหาก
ซีลคิดแต่กลับไม่ได้พูดประโยคหลังนั้นออกไป รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรหาเรื่องบาดหมางกับคนตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็นับถืออีก
ฝ่ายในฐานะเชฟขนมฝีมือดี จะหาคนสอนเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับเขาเป็นศิษย์ ผูกมิตรไว้น่าจะดีกว่า
“ครับ” ซีลรับคำ จากนั้นก็เพิ่มอีกฝ่ายเป็นเพื่อนในไลน์อย่างเป็นทางการ
เซนตั้งภาพลูเซียเป็นรูปโปรไฟล์ตั้งแต่วันแรกที่รับเลี้ยงแมวน้อย จากนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนอีกเลย เขาจึงไม่รู้ว่าในบรรดาคนที่แอบเพิ่มเขาเป็นเพื่อนนั้นเสียใจมากแค่ไหนที่ได้แต่มองหน้าแมวแต่กลับไม่เคยได้เห็นใบหน้าเจ้าของแมวเลยสักครั้ง
ซีลมองภาพแมวน้อยเอียงคอมองด้วยหัวใจเต้นแรง แอบกดเซฟภาพนั้นไว้ จากนั้นก้มหน้าหอมหัวลูเซียด้วยความรักใคร่ แล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อยพูดคุยกับแมวอย่างสนิทสนม ส่วนลูเซียก็ร้องรับเสียงเบาราวกับเข้าใจคำพูดเหล่านั้น คนหนึ่งพูดตัวหนึ่งตอบ
เซนยิ้มนิดๆ แล้วเดินตามทั้งคู่ออกจากลิฟต์ไป
“เรื่องทำขนม คุณคิดไว้หรือยังว่าอยากเรียนทำขนมอะไร”
หัวข้อนี้ดึงดูดความสนใจของซีลได้ดีเลยทีเดียว เขาเงยหน้าขึ้นพลางนึกถึงปัญหาสำคัญที่เขาต้องเผชิญ
เขาทำอาหารไม่เป็นเลย
“คุณมีขนมแนะนำไหม สำหรับมือใหม่หัดเรียนทำขนม”
ซีลเงียบไปนิดแล้วกล่าวต่อ “อันที่จริงต้องพูดว่า ไม่มีพื้นฐานเลยสักนิดน่ะ”
“สำหรับผมต่อให้ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้ ขอแค่คุณมีความตั้งใจก็ทำได้ทุกอย่าง”
“อาจเพราะคุณยังไม่เจอคนแบบผมต่างหาก...” ซีลพูดเสียงเบา เขารู้ความห่วยของตัวเองอยู่ในระดับไหน ดังนั้นจึงไม่กล้าเสนอขอทำเค้กหรูหราอลังการ แค่ทำขนมที่พอกินได้สักชิ้นก็ถือว่าก้าวหน้ามากแล้ว
“บราวนี่ทำไม่ยาก ส่วนคัพเค้กก็ครีเอทได้หลายแบบ คุณชอบแบบไหน”
“ผมอยากทำคัพเค้ก!!” คัพเค้กตกแต่งตามความชอบได้ ดังนั้นเขาจึงนึกถึงความชอบของพี่บูม อีกฝ่ายชอบเล่นกีตาร์มาก ถ้าเขาสามารถทำคัพเค้กแล้วประดับด้วยช็อกโกแลตกีตาร์เล็กๆ สักอันจะต้องสร้างความประทับใจได้มากแน่ๆ
“งั้นก็เป็นคัพเค้ก ส่วนผสมใช้ที่ร้านของผมได้” เซนกล่าวอย่างไม่ถือสา เพราะแค่สอนอีกฝ่ายทำขนมคงไม่สิ้นเปลืองเท่าไร ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่มให้เสียเงินเปล่าๆ
“ไม่ได้ครับๆ จะใช้ของร้านคุณได้ยังไง นั่นเป็นต้นทุนทำขนมขายของคุณ อย่าเอามาสิ้นเปลืองกับผมเลยนะครับ พูดตามตรง คือ...ฝีมือผมแย่มาก ผมขอซื้อส่วนผสมพวกนั้นมาเองดีกว่า”
“คุณดูเหมือนคนเรียนเก่งมาก”
“ฮะๆ เรียนเก่งกับทำอาหารเป็นมันคนละเรื่องกันนะครับ เห็นผมเป็นแบบนี้ แต่เวลาทำอาหาร...ขนาดพ่อครัวเพื่อนยังส่ายหัวเลยครับ”
“ผมจะทำให้คุณเก่งเอง” เซนเชื่อมั่นในตัวเองมาก อย่างน้อยเรื่องทำขนมเขาก็ไม่เคยแพ้ให้ใคร กระทั่งการแข่งขันทำขนมระดับโลกเขาก็ได้รับรางวัลมาแล้ว สอนคนคนหนึ่งให้ทำขนมเป็นจะไปยากอะไร
“ผมก็เชื่อแบบนั้น” ซีลตอบยิ้มๆ
ดวงตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมด้วยความศรัทธาจนเซนรู้สึกอบอุ่นในใจ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้รับสายตาเชื่อมั่นแบบนี้ กระทั่งตอนที่กรรมการติดสินการแข่งขันบอกว่าขนมของเขารสสัมผัสดี เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงความจริงใจมากเท่าตอนนี้
“ขอบคุณ”
เห็นรอยยิ้มของคุณเชฟ ซีลก็นิ่งค้างไป
“ถึงร้านของผมแล้ว ขอบคุณที่มาส่ง” เซนรับลูเซียไปจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายก่อนจะเปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าร้านไป
ซีลที่เพิ่งได้สติก็มองตามหลังอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคุณเชฟยิ้มได้น่ามองแบบนี้
“...ทำไมเขาดูดีขนาดนั้นนะ” ซีลพึมพำกับตัวเองแล้วก้าวเดินต่อ “แล้วทำไมฉันต้องชมเขาด้วยละเนี่ย”
เขาสะบัดหัวไล่ความคิด รีบเดินไปยังป้ายรถเมล์เพื่อไปยังมหาวิทยาลัย
.................................
“พี่บูม” ซีลโบกมือทักทายรุ่นพี่แล้วเดินเข้าไปหา ก่อนสายตาจะสบเข้ากับหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกายพี่บูม ด้วยความที่เธอตัวเล็กเขาจึงมองไม่เห็นเธอในทีแรก
แต่พอเห็นเต็มตาก็จำได้ว่าเธอคือเพื่อนที่พี่บูมนัดพบที่ร้านอาหารข้างโรงภาพยนตร์เมื่อวันก่อน
บูมหันมาหารุ่นน้องด้วยใบหน้ายิ้มๆ ก่อนจะแนะนำคนข้างๆ ให้ซีลรู้จัก “นี่ฟาง แฟนพี่เอง ฟางนี่รุ่นน้องเราชื่อซีล”
“สวัสดีครับพี่ฟาง” ซีลยกมือไหว้หญิงสาวด้วยใบหน้าที่พยายามยิ้มแย้มยินดี แต่ลึกๆ ในใจกลับรู้สึกวูบโหวงที่ได้รับรู้เรื่องราวกะทันหันนี้
“สวัสดีค่ะน้องซีล ได้ยินชื่อมานาน ได้พบกันสักทีนะคะ” ฟางยิ้มให้รุ่นน้องของคนรักที่มักได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ ที่นัดกันคราวก่อนก็ได้ยินว่าต้องไปดูหนังด้วยกันเพื่อทำรายงาน
ตอนแรกเธอค่อนข้างไม่ไว้ใจนักเพราะแฟนหนุ่มของเธอเป็นที่นิยม อาจมีคนมาแอบชอบแล้วใช้คำว่าพี่น้องเข้ามาแทรกกลางระหว่างเธอกับแฟนก็ได้
แต่เมื่อได้พบเด็กหนุ่มที่ดูท่าทางตั้งใจเรียน เธอจึงค่อยสบายใจว่าทั้งคู่ไม่ได้คิดอะไรกันมากกว่าพี่น้องร่วมมหาวิทยาลัย
“ซีลเรียนห้องไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“เอ่อ...” ซีลเงียบไปนิดพลางสังเกตสีหน้าของแฟนรุ่นพี่ “ผมเรียนอีกตึกครับ แค่เดินผ่านมาทางนี้”
“อ้าวงั้นเหรอ” บูมเกาหัวนิดๆ เขาจำได้ว่าสัปดาห์ก่อนพวกเขาขึ้นเรียนตึกนี้ด้วยกัน แค่อยู่คนละชั้นกัน หรือว่าเขาจะจำวันผิด
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ซีลบอกลาทั้งคู่แล้วรีบเดินไปอีกทาง มือที่จับสายกระเป๋าสะพายสั่นระริก ด้วยกลัวว่าแฟนสาวของรุ่นพี่จะจับได้ถึงความสนิทสนมที่มากเกินควรระหว่างพวกเขา
สองเท้ารีบก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย หวังเพียงหลีกหนีไปให้ไกลจากทั้งคู่
คล้อยหลังซีล ฟางก็หันกลับมาคุยกับแฟนหนุ่มด้วยสีหน้างงงวย “น้องเขาไม่ค่อยสบายหรือเปล่า หน้าซีดมากเลย”
“ช่วงนี้อาจจะเครียดเรื่องเตรียมสอบน่ะ ไว้ฉันจะคอยดูเขาเอง ส่วนเธอไปเรียนได้แล้ว”
“ทีกับน้องไปส่งได้ ทำไมให้แฟนเดินไปเอง ใช้ไม่ได้!”
“ยัยตัวแสบ ฉันไปส่งเธอก่อนแล้ว แต่เธอต่างหากที่เดินตามฉันมา” บูมก้มมองนาฬิกาก่อนจะคว้ามือแฟนสาวเดินไปอีกทาง “ไปๆ เหลือเวลาอีกห้านาที ฉันจะเดินไปส่งเธออีกรอบ คราวนี้ไม่ต้องเดินตามฉันมาแล้วนะ”
“รู้แล้วน่า!” ฟางบ่นอุบแต่ก็แอบมีความสุขในใจที่แฟนหนุ่มตามใจเธอ
ShutDown : ซีล นายอยู่ไหนเนี่ย อาจารย์เข้าสอนแล้วนะ!
IAmZeal : วันนี้โดดเรียนคาบหนึ่ง ฝากจดเลคเชอร์ด้วย
ซีลตอบข้อความเสร็จก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะไม้หินอ่อน หลับตาลงพลางนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ตลอดหกเดือนที่ผ่านมา
ทำไมเขาไม่เคยถามอีกฝ่ายว่ามีแฟนหรือยัง ทั้งๆ ที่คนดีๆ แบบนั้นอย่างไรก็ต้องมีคนเข้ามาทำความรู้จักอยู่แล้ว ถ้าเขาได้รู้ก่อน อย่างน้อยก็จะได้ไม่เจ็บนาน ไม่ต้องคาดหวัง แล้วปล่อยให้ความรู้สึกถลำลึกเข้ามามากถึงเพียงนี้
ซีลปล่อยให้ความเสียใจทั้งหมดถูกระบายออกมาเงียบๆ เฝ้ามองเข็มนาฬิกาที่กำลังเคลื่อนผ่านตัวเลขไป อีกชั่วโมงกว่าๆ จะถึงคาบเรียนถัดไป หวังว่าเวลาเหล่านี้จะช่วยเยียวยาหัวใจเขาได้
ซีลหันหน้าไปทางชั้นวางที่เต็มไปด้วยหนังสืออ่านแล้ว หลังทำใจอยู่สักพักเขาก็ลุกไปช่วยอาจารย์ประจำห้องสมุดเก็บหนังสือเข้าชั้นตามเลขหมวดหนังสือ
“มาอีกแล้วเหรอเรา”
“มาอีกแล้วครับ ผมช่วยนะ” ซีลพูดยิ้มๆ พลางหยิบหนังสือเก็บเข้าชั้น
“การแอบชอบใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิด”
“!!” มือเรียวชะงักไป เช่นเดียวกับหัวใจที่ดิ่งลง หรือว่าอาจารย์รู้เรื่องของเขา
“ใครเอาหนังสือนิยายมาปนกับหนังสือวิจัยเนี่ย ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ” อาจารย์หยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาจากชั้น จากนั้นก็ยื่นให้เขา “เธอเอาเล่มนี้ไปเก็บที่หมวดนิยายให้อาจารย์ด้วยนะ”
“...ครับ” ซีลรับหนังสือเรื่องนั้นมาถือไว้แนบอก เหลือบมองสีหน้าอาจารย์ที่ยังคงมุ่งมั่นกับการจัดหนังสือเข้าชั้นแล้วลอบถอนหายใจ
“แต่ที่หนังสือว่าไว้ก็ไม่ได้ผิดหรอกนะ” อาจารย์พูดต่อ “การแอบชอบคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ตราบใดที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่พยายามแทรกกลางระหว่างคู่รัก อาจารย์คิดว่าเรายังคงแอบชอบเขาต่อไปได้อีกนานแสนนาน ดูอย่างศาสตราจารย์เซเวอรัส สเนปสิ เขายังชอบลิลลี่จนถึงวาระสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”
“อ่า...ครับ”
“อาจารย์ก็แค่เล่าสู่กันฟัง เธออย่าคิดมากล่ะ” อาจารย์ตบบ่าเขาก่อนจะลากรถเข็นเดินไปอีกทาง
ซีลก้มมองหนังสือในมือ จากนั้นก็นำไปเก็บที่ชั้น เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วคว้ากระเป๋ามาสะพาย
นั่นสิ การแอบชอบไม่ได้ผิดอะไร จะมามัวเศร้าใจไปเพื่ออะไร เป็นพี่น้องกันก็ได้นี่ ชอบแบบเคารพรักก็เป็นความชอบแบบหนึ่งไม่ใช่เหรอ
ซีลยิ้มให้ตัวเอง เขาคิดว่าการเปลี่ยนแนวคิดครั้งนี้ไม่เลวเลย ไม่ต้องสูญเสียความสัมพันธ์ที่สร้างมาเพียงเพราะความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของเขาเพียงฝ่ายเดียว แค่ตบๆ ให้กลับไปเป็นเหมือนตอนเริ่มต้นเท่านั้นก็พอแล้ว
“หายหัวไปไหนมา” ชัทเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมกลุ่มเพื่อน จากนั้นก็คิ้วขมวดเมื่อเห็นดวงตาแดงๆ ของเพื่อน “ใครทำอะไรนาย”
“ไม่มีใครทำอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันแค่เครียดเรื่องสอบไปหน่อย”
“ไม่หน่อยมั้ง คาบนี้นายไม่เคยโดดเลยนะ นายพูดเองว่าวิชานี้ยากไม่เข้าเรียนสักคาบคงไม่เข้าใจเลย แล้วทีนี้จะทำยังไง จะสอบได้ไหม”
ซีลแบมือไปหาคนตรงหน้า “ฉันรู้ว่านายอัดเสียงมา เพราะถ้าฉันเรียนไม่รู้เรื่องแล้วใครจะติวให้นายล่ะ”
“รู้ก็ดี คราวหน้าห้ามขาดอีก!” พูดจบชัทก็ส่งเครื่องอัดเสียงให้เพื่อนพร้อมกับชีท “ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร ไว้นายพร้อมค่อยบอกฉัน”
แม้จะถูกเบี่ยงประเด็นไปเรื่องสอบ แต่คนช่างสังเกตอย่างชัทก็พอจะดูออกว่าซีลไม่ได้เครียดเรื่องนั้น ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้เด็กเรียนประจำภาควิชาไขว้เขวได้ คงไม่พ้นรุ่นพี่สุดฮอตคนนั้นหรอก
ซีลกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็หันไปตั้งใจเรียนตลอดทั้งคาบ และตลอดทั้งวันจนถึงคาบสุดท้าย
“กลับบ้านเลยไหมเดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไปส่งที่ห้างนะ ฉันจะไปซื้อของหน่อย” ซีลบอกชัทแล้วทบทวนของที่ต้องซื้อ ตามรายการที่ได้รับจากคุณเชฟเมื่อช่วงบ่าย
“ปกติชวนไปห้างไม่ไป จะให้พาไปตลาดทุกที...” ชัทหรี่ตามองเพื่อน “แปลกๆ นะ”
“ของที่ต้องซื้อตลาดสดไม่มีขาย เถอะน่า เดี๋ยวดึกเกิน”
“เออ ไปก็ไป” ชัททำหน้าที่สารถีพาเพื่อนไปยังห้างหรูใจกลางกรุง ปกติเขามาเดินเล่นตอนว่างๆ หลังเลิกเรียน กินข้าวกับที่บ้าน หรือไม่ก็ไปเป็นเพื่อนแฟนสาวต่อแถวซื้อบัตรคอนเสิร์ต
แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาต้องมาช่วยเพื่อนหอบแป้งทำขนมและสารพัดวัตถุดิบที่ซื้อเหมือนจะเก็บไว้ใช้ทั้งปี
“เยอะไปไหมซีล นายจะทำขนมหรือเปิดโรงงาน” ชัทมองถุงเต็มสองมือที่หนักเอาการ ก่อนจะหันไปร้องห้ามซีลที่กำลังหยิบของบนชั้นวาง “พอแล้ว นายจะซื้อกาแฟทุกรสไปทำขนมไม่ได้!”
“ก็ฉันไม่รู้ว่ารสไหนอร่อย ซื้อไปเยอะๆ ไว้ทดลองไง”
“ไว้ค่อยมาซื้อวันหลังก็ได้ ใช้ไอ้ที่อยู่ในมือฉันให้หมดก่อนเถอะ” ชัทถอนหายใจ “ฉันอยากจะรู้นักว่าเชฟคนไหนกล้าสอนนาย เขาไม่กลัวเครื่องครัวพังหรือไง”
“ไม่พังหรอกน่า...” ซีลฉุกใจคิดเล็กน้อย “หรือว่าฉันควรจะซื้ออุปกรณ์ทำขนมไปเผื่ออีกสักชุดดี ถ้าพังจะได้หยิบมาใช้เลยไง”
ถ้าไม่ติดว่าถือของอยู่ชัทก็อยากจะยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากเหมือนกัน เขาส่ายหัวเล็กน้อยแล้วใช้ขาขวางเพื่อนที่ทำท่าจะเดินไปทางแผนกเครื่องครัว เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่ต้องซื้อแล้วโว้ย!!”
“เอางั้นเหรอ” ซีลถาม เมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้าอย่างแข็งขันเขาก็ยอมแพ้วางโหลกาแฟกลับเข้าที่
“เอาไปถือด้วย หนักมาก” ชัทยื่นถุงใส่ถ้วยกระดาษคัพเค้กให้เพื่อน แล้วเดินนำหน้าไปที่ประตูทางออก
“ฉันถืออีกก็ได้นะ” ซีลยิ้มยื่นมือไปหยิบไข่ไก่มาช่วยถือ จากนั้นก็เดินขึ้นรถไปด้วยกัน
ชัทเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปีแรกที่รู้จักกัน ช่วงนั้นซีลทำกิจกรรมไปด้วยเรียนไปด้วยทำให้เขาพักผ่อนน้อยจนเป็นลมไปหลายครั้ง ซึ่งกลายเป็นภาพจำของชัทว่าเขาสุขภาพไม่แข็งแรง
รวมกับเรื่องที่เคยถูกทำร้ายจนเลือดตกยางออก จากนั้นถ้าเห็นอะไรที่ดูเหมือนจะหนักเกินไป ชัทก็จะรับไปถือไว้เอง แม้ซีลจะบอกว่าแข็งแรง ถือได้ ชัทก็ดูเหมือนจำฝังใจไม่ฟังเขาเลยสักคำ
รถยนต์คันหรูจอดลงที่หน้าร้านคาเฟ่ทูบีเลิฟ ไลท์ที่กำลังเก็บโต๊ะจึงรีบเดินออกไปที่หน้าร้าน เพื่อบอกกล่าวลูกค้าว่าร้านปิดแล้ว
แต่ยังไม่ทันได้กล่าวคำ คนที่เจ้านายของเขารออยู่ก็ก้าวลงมาจากรถพร้อมของพะรุงพะรัง
“ผมช่วยนะครับ” ไลท์ยื่นมือไปรับของก่อนจะรีบยกขาขวางกันลูเซียที่วิ่งพรวดเข้ามา ด้วยกลัวว่าแมวเจ้านายจะไปนอนใต้ท้องรถ
“ลูเซีย~” ซีลย่อตัวลงอ้าแขนรับเจ้าเหมียวที่กระโดดข้ามขาพนักงานหนุ่มโผเข้าหาเขา แล้วกล่าวเสียงสอง “คิดถึงจังเลย~”
“เราเอาของเข้าไปเก็บกันเถอะครับ” ชัทรู้จักความบ้าขนฟูของเพื่อนสนิทดีจึงปล่อยให้ซีลเล่นกับแมวน้อยไป ส่วนเขาก็พิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าที่ซีลบอกว่าเป็นเชฟขนมฝีมือดี
แต่มองอย่างไรก็ดูเหมือนนักศึกษาคนหนึ่ง รุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา ไม่ได้ดูแก่ประสบการณ์เหมือนที่เพื่อนโม้ไว้สักนิด
“คุณทำงานมากี่ปีแล้ว”
“สองวันครับ”
“ห้ะ!”
ไลท์มองคนตรงหน้าที่ตกตะลึงยืนนิ่งอยู่กลางสวน “ร้านเพิ่งเปิดได้สองวัน ก็ทำงานมาสองวันไงครับ”
“เพิ่งเรียนจบก็ทำงานที่ร้านเลยเหรอ ไม่คิดจะเป็นลูกมือเชฟฝึกฝนประสบการณ์ก่อนเหรอ” เขาเดินต่อพลางถามไปด้วย
คนรอบตัวชัทส่วนใหญ่ ต่อให้เจ๋งแค่ไหนก็ต้องลองไปเป็นลูกน้องคนอื่นก่อนช่วงหนึ่งเพื่อเรียนรู้งาน น้อยมากที่จะกล้าเปิดกิจการเป็นของตัวเองทันทีหลังเรียนจบ
“ผมยังเรียนไม่จบ และไม่ได้คิดจะเป็นลูกมือเชฟด้วย” พูดจบไลท์ก็รู้สึกเหมือนมีตรงไหนไม่ถูกต้อง แต่กลับไม่รู้ว่าผิดตรงไหน
“เรียนไม่จบด้วย!” ชัทเบิกตากว้าง เขาหันกลับไปมองเพื่อนสนิทที่ยังงุ้งงิ้งกับแมวแล้วหันกลับมามองชายหนุ่มตรงหน้า
“คุณโคตรเทพเลย ทำได้ยังไงน่ะ”
ต้องบอกก่อนว่าลิ้นของซีลไม่ใช่ธรรมดา ของไม่อร่อยซีลไม่มีทางกินเป็นคำที่สอง คนที่เลือกกินแบบนั้นบอกว่าจะเรียนทำขนม ย่อมต้องหาคนที่ทำให้เชื่อมั่นในรสชาติได้อย่างลึกซึ้ง
“คนทั่วไปก็ทำได้นิครับ” ทำงานพาร์ทไทม์ไปเรียนไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แค่แบ่งเวลาเป็นก็ทำได้แล้ว ไลท์จึงไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมองตนแบบนั้น
“คนทั่วไปแบบผมทำไม่ได้” ชัทตบบ่าอีกฝ่าย “สู้ๆ นะครับ ถ้ากิจการไม่ดี มาเป็นปาติซิเย่ที่โรงแรมผมได้”
“ห้ะ?” ไม่ทันให้ไลท์ได้กล่าวโต้แย้ง เจ้านายของเขาก็เดินออกมา
“ร้านปิดแล้วครับ” เซนกล่าวกับคนตรงหน้าเพราะเข้าใจว่าชายหนุ่มคือลูกค้า จากนั้นก็เดินไปหาซีลที่กำลังอุ้มลูเซียอยู่
“ผมนึกว่าคุณไม่มาแล้ว”
“ได้ไงล่ะครับ คุณเชฟอุตส่าห์ตั้งใจสอนผม ผมก็ต้องตั้งใจมาเรียนรู้สิ” ซีลพูดยิ้มๆ
“งั้นเราเข้าไปเตรียมของกันเถอะครับ เดี๋ยวดึกเกินไป” เซนกวาดตามองรอบตัวอีกฝ่ายที่ปราศจากวัตถุดิบ “ของล่ะครับ?”
นิ้วเรียวชี้ไปยังเพื่อนสนิทที่กำลังอ้าปากค้างอยู่ “เพื่อนผมถือไปแล้ว”
เซนหันกลับไปหาลูกค้าหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างพนักงานของเขาแล้วพยักหน้ารับ “สวัสดีครับเพื่อนน้องซีล”
เพื่อนน้องซีล “= [] =”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ...” ชัทส่งของทั้งหมดให้ไลท์ แล้วรีบวิ่งกลับไปที่รถโดยไม่สนใจเสียงร้องทักของเพื่อน
เขาไม่อยากต้องรู้สึกหน้าแตกไปมากกว่านี้ ยิ่งนึกถึงคำตอบของพนักงานคนเมื่อกี้ เขาก็อยากเอาหัวมุดถังน้ำ
แค่คำว่าทำงานสองวัน เขาก็ควรคิดได้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นพนักงานร้าน ไม่ใช่ปาติซเย่
“น่าอับอายที่สุด!”