King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนพิเศษ 5: 29 ตค.64 จบบริบูรณ์
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: King Class Away: ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง (18+) ตอนพิเศษ 5: 29 ตค.64 จบบริบูรณ์  (อ่าน 21246 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

นิยายเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์สมมุติ ชื่อตัวละครและสถานที่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเท่านั้น นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหารุนแรงหรือพฤติกรรมที่เหมาะสม ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรพิจารณา งานเขียนนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้เขียน ห้ามคัดลอก, ทำซ้ำ, เผยแพร่หรือตีพิมพ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

********************************************************************************

King Class Away
ทำยังไงไม่ให้ติดห้องคิง

สารบัญ
ตอนที่ 1: ค่าเข้าใกล้ 85%
ตอนที่ 2: Invisible Man
ตอนที่ 3: วันประกาศผล
ตอนที่ 4: มาได้แค่นี้
ตอนที่ 5: โรงเรียนเก่า
ตอนที่ 6: เปิดเทอม
ตอนที่ 7: ฝึกบาสครั้งแรก
ตอนที่ 8: Dimension
ตอนที่ 9: ซีคอน
ตอนที่ 10: อ่อนนุช 17
ตอนที่ 11: หลักฐานชิ้นสุดท้าย
ตอนที่ 12: วิ่ง
ตอนที่ 13: เพื่อนเก่าจากห้องคิง
ตอนที่ 14: มาบ้านเรามั้ย
ตอนที่ 15: พิซซ่า
ตอนที่ 16: Phishing
ตอนที่ 17: ด้านมืด
ตอนที่ 18: เรื่องที่ขอ
ตอนที่ 19: 1 on 1
ตอนที่ 20: 送君千里 终有一别
ตอนที่ 21: จุดวิกฤต
ตอนที่ 22: Union and Except
ตอนที่ 23: เผย
ตอนที่ 24: Inquisition
ตอนที่ 25: Vertical Lookup
ตอนที่ 26: PIN
ตอนที่ 27: Revealation
ตอนที่ 28: งานกลุ่ม
ตอนที่ 29: เดทแรก
ตอนที่ 30: Inception
ตอนที่ 31: Deception
ตอนที่ 32: Stress
ตอนที่ 33: Dreams Are My Reality
ตอนที่ 34: By Your Side
ตอนที่ 35: นั่งกับเราไปเรื่อย ๆ ได้มั้ย
ตอนที่ 36: Before The Final Countdown
ตอนที่ 37: Enter The Exam
ตอนที่ 38: Sour เปรี้ยว, Bitter ขม
ตอนที่ 39: เซตว่าง (Ø)
ตอนที่ 40: Stairway To Heaven
ตอนที่ 41: แอร์ห้องปกครองหนาวมาก
ตอนที่ 42: Beginning Of The End
ตอนที่ 43: In The End
ตอนพิเศษ 1: แข่งบาสครั้งแรก
ตอนพิเศษ 2: กลับไปดวงจันทร์กันเถอะ
ตอนพิเศษ 3: มีมึงในชีวิตกู มีกูในชีวิตมึง
ตอนพิเศษ 4: รหัสลับ
ตอนพิเศษ 5: ดีก็รักสิ (จบบริบูรณ์)
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2021 23:35:50 โดย Sorrowkung »

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep1
ค่าเข้าใกล้ 85%


29 มีค. 7:15น.

รถของพ่อค่อย ๆ ขยับฝ่ารถที่โคตรติดเข้าใกล้ปากซอยโรงเรียนที่ผมไม่คุ้นเคย นักเรียนเยอะแยะในชุดเครื่องแบบต่าง ๆ เต็มไปหมดเพราะวันนี้เป็นวันสอบเข้าม.4 ถึงจะเคยมาครั้งหนึ่งตอนสมัครสอบสัปดาห์ที่แล้ว แต่วันนี้มันเครียดและอึดอัดชิบเป๋ง พ่อบ่นกดดันเข้าไปอีก
“จะสายแล้วเนี่ย รถติดมากเลย ขนาดเผื่อเวลาแล้วนะ สอบกี่โมงนะพัต?”
“9 โมงครับพ่อ”
พ่อถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเริ่มบ่นต่อ “พัตลูกดูไว้ พวกนี้คู่แข่งทั้งนั้น จำไว้นะสายวิทย์-คณิตเขารับแค่ 15 คน”
ผมได้แต่ตอบเบา ๆ ว่าครับ
โรงเรียนรับเด็กม.4 จากภายนอกจำนวนไม่มากเพราะมีเด็กม.3 ภายในโรงเรียนขึ้นม.4 อยู่แล้ว การแข่งขันจึงสูงมาก
“เอกสารครบแล้วนะ? เช็คหรือยัง? บัตรประจำตัว บัตรประชาชน ใบคะแนน O-Net ดินสอ ยางลบ” พ่อย้ำเป็นรอบที่สาม

ยิ่งเข้าใกล้ปากซอยโรงเรียนรถก็ยิ่งติด “พ่อว่าลูกลงเดินไปเองละกัน ดีไหม?” ผมได้แต่ขานครับ

คำว่า “ดีไหม” ของพ่อไม่เคยตอบอย่างอื่นได้ ขืนพูดอะไรตอบไปมากกว่านี้มีแต่จะโดนบ่นเพิ่มอีก ใจผมก็อยากลงรถก่อนจะเครียดมากไปกว่านี้เดี๋ยวความรู้ที่ติวมาจะหายหมด
“เดี๋ยวพ่อชิดซ้ายจอดให้ ดูด้านหลังให้ดีก่อนเปิดประตูนะ สอบเสร็จโทรบอกพ่อด้วย”

ก่อนผมจอดประตูลงจากรถ พ่อออกคำสั่งชุดสุดท้าย “ตั้งใจสอบนะ ทวนซิจำอะไรที่พ่อสั่งได้บ้าง?”
“ต้องได้สายวิทย์-คณิตครับ”
“อะไรอีก?”
“ต...ต้องได้ห้องคิง”
“อะไรอีก? อันนี้สำคัญมากนะ!”
“ถ...ถ้าเจอคุณครูบิ๊วห้ามทักเด็ดขาด”

ผมเดินตามกระแสคนเลี้ยวเข้าซอยโรงเรียนที่เคยมาสมัครสอบ เกือบตายคารถพ่อแล้วตรู แต่ความเครียดยังรออีกเยอะจนกว่าจะสอบเข้าม.4 เสร็จ รู้สึกเหมือนหนังสายลับชิบเป๋ง ถ้าเจอคุณครูบิ๊วจะทำแบบคนไม่รู้จักกันได้ไหมฟระ อันที่จริงผมอยากเจอครูนะแต่…

“น้องพัตทำได้ 98% แบบนี้ครูสบายใจละ ได้ห้องคิงแน่ ๆ ครับ”

ครูบิ๊วเช็คคะแนนเทสต์อันสุดท้ายบนจอคอมในห้องผมแล้วหันมายิ้มจนตาเกือบปิด ครูเพิ่ง 34 เหมือนเป็นพี่มากกว่าคุณครู 

“อาทิตย์หน้าจะสอบละ น้องพัตทำได้แน่ครับ” ครูยิ้มบาง ๆ ด้วยความดีใจ (หรือไม่ก็โล่งอกที่ติวจบซะที ผมว่าครูเองก็กลัวพ่อผมพอ ๆ กันแหละ)
“ครับ” ผมตอบเบา ๆ ความเครียดตลอดการติว 3 เดือนจบแล้ว มั่นใจว่าสอบเข้าได้แน่ ๆ

ครูบิ๊วหันมองประตูห้องแว่บนึงแล้วยื่นหน้าเข้ามากระซิบ ใกล้จนรู้สึกความอุ่น “ถ้าได้ห้องคิง ครูจะซื้อเกม Switch ให้ตามสัญญานะ”

...คำพูดของครูเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ใจชื้นขึ้น...

เสียงคนสองคนกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาจากข้างหลัง
“เฮ้ย! ไอ้บอม สอบกี่โมงวะ?”
“กรูจำไม่ได้!”
“ฉิบหายแล้ว ๆ กินข้าวทันมั้ยวะ”
“ไอ้เหรี้ย! ไปดูห้องสอบก่อนแล้วค่อยหาข้าวกิน!” คนทางขวาหันมาตะคอกเพื่อนแต่เป้าของเสียงกับน้ำลายกลายเป็นผมที่ดันอยู่ตรงกลางเต็ม ๆ

“ฮ...เฮ้ย! โทษที! เราไม่ได้ตั้งใจ!”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบไปพลางเช็ดหน้า
เขาหันมาหัวเราะแหะ ๆ หน้าเกลี้ยงผิวสีน้ำตาลอ่อนผมสั้นคิ้วเข้มนั่นทำผมชะงักไปแว่บนึง

“เข้าสอบ 9 โมงน่ะครับ ยังมีเวลานะ” ผมตอบให้คนแปลกหน้า
“อ้อเหรอ! เอองั้นไม่ต้องวิ่งละ นายก็มาสอบเหมือนกันเหรอ?” คนชื่อบอมถาม
“ครับ”
“ดี ๆ งั้นไปด้วยกันนะ ถ้าหลงก็หลงกันทั้งสามคนนี่แหละ” คนทางซ้ายพูดพลางหัวเราะ
“ปากไม่มงคล มรึงหลงไปคนเดียวเหอะไอ้สน พวกกรูไม่พลาดตามมรึงหรอก” บอมเอื้อมมือผ่านไหล่ผมไปผลักหัวเพื่อน

พวกเราสามคนเดินผ่านประตูโรงเรียน ยกมือไหว้ศาลอะไร ๆ ทั้งซ้ายขวาเอาฤกษ์ไว้ก่อน แล้วดูกระดานประกาศห้องสอบที่สนามกลางโรงเรียน
“กรูได้ห้อง 132 ตึก 1 ชั้น 3 ว่ะ” สนพูด
“สาด นี่เพื่อนใหม่อยู่ด้วยนะมรึง พูดสุภาพสิครับ” บอมตบแขนเพื่อน
“แล้วมรึงสุภาพ?”
“กรูพูดครับ”
“สรรพนามพ่อขุนรามของมริงสุภาพตรงไหนวะครับคุณบอม เพื่อนใหม่เค้าคุณหนูนะครับ” สนชี้กางเกงสีน้ำเงินของผม
“พูดปกติก็ได้ครับ เราชื่อพัต”
“เราบอมครับ”
“เราสน ชื่อเต็มชื่อใบสนแต่ชื่อน่ารักเกิน เรียกสนก็พอ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ บอม สน เราได้ห้อง 136”
“เราก็ห้องเดียวกัน” บอมชี้กระดาษบนกระดาน
“งั้นไปเดินหาห้องสอบให้สบายใจก่อนแล้วไปหาข้าวกินกัน” ทุกคนพยักหน้า

สองคนในชุดเครื่องแบบนักเรียนกางเกงสีน้ำตาลนี้ดูสนิทกันจัง

พอหาห้องสอบเจอพวกเราก็เลือกนั่งรอตรงระเบียงใกล้ ๆ ที่ยังพอว่างอยู่ คนที่มาสอบต่างนั่งอ่านกันหน้าดำคร่ำเคร่ง ความเครียดก่อนหน้านี้ที่หายไปหมดเริ่มกลับมาอีกแล้ว

“เชรี่ย! กดดันว้อย แดกข้าวไม่ลงละ” สนกับบอมบ่นแล้วหยิบตำราออกมาอ่าน
“จริง ๆ อ่านตอนนี้ก็ไม่เข้าหัวหรอกครับ นั่งสมาธิดีกว่านะ” ผมบอก
“จริงอ่ะ?”
“จริงดิ” ผมเปิดกระเป๋าเช็คถุงเครื่องเขียนให้สบายใจแล้วนั่งสมาธิหลับตาตามที่คุณครูบิ๊วสอน

“แต่ทำใจยากนะ เราไม่ค่อยเก่งด้วย”
ผมเหลือบตามองบอม หน้าเขาเวลาขมวดคิ้วโคตรน่ารักเลยว้อย กลิ่นหอมจาง ๆ เวลาอยู่ใกล้นี่รู้สึกดีจัง
“บอมเคยลองทำข้อสอบเก่ามั้ยครับ?”
“เคย ได้ 80%”
“เราได้ 73.6%” สนตอบบ้าง
“งั้นไม่ต้องกังวลหรอก 70% ก็ติดแล้ว คุณครูบิ๊...” ผมหยุดคำพูด เกือบหลุดปากเรื่องที่ครูบิ๊วบอก

“คะแนนต่ำสุดปีนี้ที่ประเมินไว้คือ 78%สำหรับสายวิทย์
70%สำหรับสายศิลป์
85%คือต่ำสุดที่จะเข้าห้องควีน
ถ้าห้องคิงต่ำสุดคือ 90% ยังไงน้องพัตก็ได้แน่ครับ”


“ค...ครูแนะแนวที่โรงเรียนเก่าเราบอกน่ะครับ”
“เหรอ ฟังแล้วอุ่นใจขึ้น ขอบใจนะครับพัต” 
 
85% คือต่ำสุดที่จะเข้าห้องควีน คำนี้วนในหัวผม เดิมทีผมไม่เคยสนใจเกณฑ์คาดเดาต่ำสุดของห้องควีนเพราะพ่อย้ำทุกครั้งว่าต้องเป็นห้องคิงเท่านั้น แต่ความคิดบางอย่างกำลังก่อตัว บางอย่างที่ทำให้อกผมบีบรัด

ข้อนี้ใครตอบผิดจะให้กินบอระเพ็ด
ทำไมทำคะแนนได้น้อยกว่าห้องปกติ ไปวิ่งรอบสนาม 5 รอบ
…...85%คือต่ำสุดที่จะเข้าห้องควีน…..


“พัต นายเป็นอะไรวะ? ทำหน้าน่ากลัว” สนถาม
“เราขอไปห้องน้ำก่อนนะครับ” ผมลุกออกไป

พวกเธอตอบปัญหาวิชาการแพ้เด็กห้องโน้นได้ไง วันนี้อดข้าวนะ
อย่าขี้แยนะ จะเก่งก็ต้องแบบนี้แหละ


ผมล้างหน้าอีกที ใกล้เวลาสอบแล้ว ผมรีบเดินกลับมาหน้าห้องสอบเจอบอมนั่งคนเดียว

“พัตไปนานจัง สนมันไปเข้าห้องสอบแล้วนะ นายไม่สบายหรือเปล่า?”
“ป...เปล่าหรอก เราสบายดีครับ เตรียมตัวเข้าห้องสอบกันเหอะ”

ผมเปิดกระเป๋าหยิบถุงเครื่องเขี…..เฮ้ย!!!
“บอม เห็นถุงดินสอของเรามั้ย?”
“นายถือไปห้องน้ำไง”
“แย่แล้ว!”

นี่ผมใจลอยขนาดนั้นเลยเรอะ! ผมรีบวิ่งไปห้องน้ำแต่บอมจับแขนไว้
“พัตกลับไปหาของตอนนี้ไม่ทันหรอก ครูเรียกเข้าห้องสอบแล้วนะ”
บอมยื่นซองดินสอกบเหลายางลบมาให้ “เอานี่ไปละกัน เราเตรียมมาเยอะ”
“ข...ขอบใจนะครับบอม”
“เพื่อนกันน่า”

หลังจากเข้าห้องสอบและแยกไปนั่งประจำที่ บอมก็หันมายิ้มให้ผมอีกครั้ง

คุณครูผู้คุมสอบแจกกระดาษคำตอบตามด้วยข้อสอบวิชาเลข ทำให้สมาธิที่กระเจิดกระเจิงกลับมาได้ ข้อสอบไม่ยากแฮะทำให้ผมมีเวลาชำเลืองมองบอมได้บ้าง เขาดูใกล้มากทั้งที่นั่งห่างไปครึ่งห้อง ผมสั้นกับต้นคอผิวสีน้ำตาลอ่อน เสื้อนักเรียนสีขาวกับไหล่กว้างนั่น
“เราก็ห้องเดียวกัน” รอยยิ้มของเขาตอนชี้กระดาน

ผมทำข้อสอบเสร็จแล้ว ยังเหลือเวลาอีก 20 นาทีสำหรับทบทวนซ้ำ
ตอบได้ 49 ข้อ
ไม่มั่นใจ 1 ข้อ
มันคือ 98% ...หัวใจบีบรัดแน่นอีกครั้ง ผมมองก้อนยางลบ…

“เชรี่ยเอ๊ย! โคตรยากเลยทั้งสองวิชา” สนบ่นพลางเดินนำไปโรงอาหาร
“พัตทำได้ไหมอ่ะ?”
“ก็...ก็พอทำได้ครับ”
“เฮ้อ! อีกสามวิชาพวกกรูจะรอดไหม ยังไงเราขอดูดซึมความรู้นายบ้างนะ” สนเกาะแขนแล้วซุกหน้าเข้าซอกคอ
“โอ๊ย! อย่าาา! จั๊กจี้!”
“โรงอาหารคนเยอะมากเลย สั่งอะไรยังไงดีล่ะเนี่ย เราไม่รู้จักโรงเรียนนี้อ่ะ”
“แยกกันไปเหอะจะได้กินเร็วหน่อย เราอยากนั่งอ่านภาษาอังกฤษ ได้ข้าวแล้วกลับมารวมกันที่โต๊ะนี้นะ”

“พัตชอบข้าวหมกไก่เหรอ?” บอมมองจานผมหลังกลับมานั่งรวมกัน
“เปล่า เราชอบก๋วยเตี๋ยวอ่ะ แต่คนเยอะขนาดนี้มีโอกาสสูงที่เราจะโดนชนแล้วหกใส่เสื้อจะลำบากตอนสอบตอนบ่าย”
“เชร้ดดดด! นี่นายวิเคราะห์ทุกอย่างแบบนี้หมดเลยเหรอ?”
“ก...ก็แค่กันไว้ก่อนน่ะครับ สนไม่แน่ใจตรงไหนในวิชาภาษาอังกฤษก็ถามเราได้นะ เผื่อเรารู้”
“เรายังงงเรื่อง Past perfect ถูกกระทำ เติม ing อะไรเนี่ย เขียนทีไรผิดทุกที”
“สนเรียงแบบนี้นะครับ Per-Con-Pass คือ tense เสริมสามตัวนี้จะเรียงตามลำดับแบบนี้เสมอ Perfect , Continuous, Passive ท่องประโยคนี้นะ I have been being told...” ฉันถูกบอกเล่ามาเสมอว่า

“เอ้อ เทคนิคนี้เข้าใจง่ายดีแฮะ”
บอมกับสนถามอีกหลายข้อ ผมดีใจที่ช่วยให้เพื่อนใหม่ลดความกังวลลงได้ บอมเวลาขมวดคิ้วก็น่ารักแล้ว แต่เวลาเขายิ้มออกนี่น่ารักกว่าเดิมล้านเท่า

ผมเหลือบตามองชื่อจริงของบอมที่ปักบนอกเสื้อ ศรุต บูรณาวิทย์
คือตั้งใจแค่อยากรู้ชื่อเท่านั้นจริง ๆ นะ แต่ทำไมรู้สึกเขิน ใจเต้นแรงเหมือนกำลังลวนลามหน้าอกเขา

บอมเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมาพอดี ผมรีบหลบตา
“ใกล้เวลาเข้าสอบวิชาที่ 3 แล้ว ขึ้นห้องกันเถอะ” ผมพูด 
“แล้ววันประกาศผลมาเจอกันไหม? ถ้าติดกันทุกคนนี่ไปฉลองกันเถอะ” สนพูดเพราะสอบยาวติดกันสามวิชา ตอนเลิกอาจไม่ได้เจอเพื่อนใหม่คนนี้อีกแล้ว
“เรายังไม่รู้จะมาดูตอนกี่โมงน่ะครับ”
“เรารอ มาดูด้วยกันเหอะ” บอมพูดแบบหน้าตาจริงจังมาก
“เรามีธุระจริง ๆ”
“แอดมานะพัต เดี๋ยววันนั้นเราโทรหา”

เข้าห้องสอบอีกครั้ง ผมมองบอมจากด้านหลัง ขอให้บอมกับสนทำคะแนนได้เยอะ ๆ นะ หวังว่าจะได้เจอพวกเขาอีก

---------------------------------------------------------------------------

วิชาสุดท้ายภาษาอังกฤษผมทำจนวินาทีสุดท้าย ...เป็นการทำข้อสอบที่ยากที่สุดในชีวิตผม…พอออกมาก็ไม่เจอบอมกับสนแล้ว ใจมันโหวง ๆ เหมือนผมจะไม่ได้พบพวกเขาสองคนอีกแล้ว ผมยังไม่ได้คืนดินสอยางลบกบเหลาให้บอมเลย

ผมเปิดเครื่องมือถือแล้วโทรหาพ่อให้มารับ
“ทำได้ไหมพัต?” ประโยคแรกที่เดาได้ไม่ผิดเลย
“ยากกว่าที่คิดครับ”
“เหมือนเทสต์ที่ครูบิ๊วให้เราทำไหม?”
“......”
“พ่อหมายถึงครูเค้าเก็งข้อสอบตรงไหม?”
“ไม่ค่อยเหมือนครับ”

กลับถึงบ้านผมกินข้าวอาบน้ำเข้านอนทันที
“เหมือนเทสต์ที่ครูบิ๊วให้เราทำไหม?” บางอย่างสะท้อนในอก พ่อคิดว่าจ้างครูบิ๊วมาช่วยโกงสอบให้เราเหรอ

ผมเปิดไลน์มีแต่เพื่อนที่โรงเรียนเก่าทักมา
เอ็ม: สู้ ๆ นะเว้ยไอ้พัต
โต้ง: พัตสอบยากป่ะวะ
โต้ง: กลับมาได้นะเว้ย


ครูบิ๊วไม่ส่งข้อความอะไรมาเลย
ผมเลื่อนดูข้อความของบอม มีแค่สติ๊กเกอร์ที่เขาส่งมาตอนแอดกันตอนเที่ยง

ถึงบ้านยัง? ….พิมพ์หาบอมแบบนี้ดีเปล่าวะ
ข้อสอบยากเนอะ ….โอ๊ยไม่อยากพูดเรื่องสอบแล้ว
อาบน้ำยัง? ...ฟังดูหื่นไปป่ะวะ
นอนยัง อยากคุย ...ดูเหมือนตั้งใจจีบเหรี้ย ๆ
ชื่อนายเพราะนะ ศรุต ...stalker ชัด ๆ ไอ้พัตเอ๊ย

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep2
Invisible Man


30 มีค. 6:17น.

เช้าวันจันทร์ของปิดเทอม ผมลืมตามองเพดาน ...ขนาดปิดตั้งปลุกแล้วก็ยังตื่นเวลานี้ตามความเคยชินอยู่ดี แล้วตรูจะมีปิดเทอมทำไมวะ ไม่มีติวแล้ว ไม่มีคุณครูบิ๊วด้วย ตอนนี้ก็แค่รอประกาศผลในอีก 6 วัน….อะไรแข็ง ๆ ข้างหมอน อ้าว! เมื่อคืนนอนดูมือถือจนหลับไปเลยเหรอ เปิดจอมาเหลือแบต 1% ผมงัวเงียควานหาสายชาร์จข้างเตียงพลางเปิดไลน์ดูข้อความ

Yesterday 22:47
บอม: ไปหมูกะทะกับเพื่อนเพิ่งกลับ พัตนอนยัง?

เฮ้ย!!!!!!
แล้วมือถือก็ดับไปเลย เฮ้ย! ข้อความจากบอม!! หัวใจผมเต้นแรง รีบเสียบชาร์จทันที บู๊ตเครื่องเสร็จรีบเปิดไลน์พิมพ์ตอบทันที

6:26
พัต: โทษทีเราเพิ่งตื่น เมื่อคืนเหนื่อยเลยนอนเร็ว

ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ รอเขาตอบ…ตอบดิ...ลุ้น ๆ ...ตอบดี๊….อ้อ! เช้าขนาดนี้ใครจะตื่นฟระ ร้อนใจโว้ย! อาบน้ำละกัน จะทำอะไรก็ไม่มีสมาธิ เงี่ยหูรอเสียงตะดึ้งนี่แหละ วันนี้ตั้งใจจะอ่านทบทวนวิชาสังคมล่วงหน้าแต่ใจมันไม่มีสมาธิเลยลงมานั่งเล่นข้างล่าง

“ลูกตื่นเช้าจัง ปิดเทอมนะเนี่ย” แม่เอ่ยถามพลางแต่งตัวเตรียมไปทำงาน
“เคยชินน่ะครับแม่”
“เมื่อวานสอบยากไหมลูก?”
“ก็...ทำได้เยอะอยู่ครับ”
“ลูกแม่ติดแน่จ้ะ แล้ววันนี้จะทำอะไร จะไปเที่ยวกับเพื่อนไหม?”
“พัตไม่ได้นัดเพื่อนไว้เลยครับแม่ สนใจแต่เรื่องสอบเข้า ไม่ได้นัดอะไรเลย”
“งั้นไปนั่งเล่นที่โรงแรมไหม วันนี้แม่มีประชุมถึงบ่ายสี่แล้วตอนเย็นถ้าลูกไม่ได้ไปไหนเราไปหาอะไรกินฉลองสอบเสร็จดีไหม?”

แม่ผมเป็นผู้จัดการเครือโรงแรม ทำงานทุกวันแทบไม่เคยมีวันหยุด ยิ่งวันหยุดเนี่ยงานยิ่งเยอะ

ระหว่างขับรถไปทำงาน แม่หันมาถาม
“ไม่ได้นัดใครแน่นะพัต?”
“ไม่มีครับแม่ ทักเอ็มกับโต้งไปแต่ยังไม่มีใครตื่นเลย” เอ็มกับโต้งคือเพื่อนสนิทที่โรงเรียนเก่า
“ก็เห็นพัตเช็คมือถือตลอดเลย รอใครอยู่รึเปล่า?” แม่ถามโดยไม่ละสายตาจากการขับรถ
หน้าผมร้อนผ่าววูบหนึ่งทันที ตอนนั้นเองมือถือก็ดังตะดึ๊ง

9:12
บอม: พัตตื่นเช้าจัง =_=zZ ได้นายเป็นนาฬิกาปลุกทุกวันคงดี

โอ๊ยส่งมาแบบนี้ตรูไปไม่เป็นเลยว้อย ถึงจะพยายามทำหน้านิ่ง ๆ แต่หูของลูกชายแดงระเรื่อขึ้นมา อังคณาอมยิ้ม

หลังจากถึงโรงแรม แม่ฝากผมไว้ที่ห้องพักพนักงานหลังฟร้อนต์ของโรงแรม เป็นที่ประจำของผม แม่บอกอยู่ตรงนี้จะได้ฟังฝรั่งพูดบ่อย ๆ ผมสวัสดีพี่ ๆ พนักงานแล้วหาโต๊ะที่หลบมุม วางเป้ลงแล้วใช้เวลากับสิ่งที่ยากสุดคือ….ตรูจะตอบบอมยังไงดีวะ!? เปิดมาแบบนี้ โอ๊ย!

ความเคยชินน่ะ ปกติต้องตื่นเช้ามาติว ….ฟังดูอวดเก่งหรือเปล่าวะ
บางวันก็ตื่นสาย ….เค้าสนใจเรื่องมรึงตื่นเช้าจริงเหรอไอ้พัต
ให้ปลุกนายทุกวันก็ได้นะ ...ถ้าจะตอบแบบนี้ขอเป็นแฟนไปเลยเหอะ
กินข้าวยัง? ….ฟังดูเทคแคร์ออกหน้าออกตามาก
อาบน้ำยัง? ….โอ๊ย ทำไมใจตรูวนเวียนแต่เรื่องนี้วะ
ยังไม่ทันจะพิมพ์ตอบบอมก็ส่งมาอีก

บอม: ขอบใจนะที่นายบอกให้นั่งสมาธิ ช่วยติวอังกฤษให้ด้วย เราว่าเราทำสอบได้ดีขึ้น
พัต: ดี ๆ
บอม: โทรได้ไหม?

ประโยคสั้น ๆ ของบอมทำใจผมพองโต ผมอยากคุยกับเขา อยากฟังเสียงเขา แต่ตอนนี้ผมอยู่ในห้องพักพนักงาน มีคนอื่นอยู่ด้วย แม่สอนเสมอว่าห้ามรบกวนพี่ ๆ เค้า

พัต: โทษนะเราอยู่ออฟฟิซแม่ คุยไม่ได้
บอมเงียบไปเลย เค้าจะโกรธที่เราขัดใจเปล่าวะ? ผมเริ่มกังวลและเสียดาย

บอม: ไม่เป็นไร งั้นถามหน่อย เลขข้อ 45 ที่หาพื้นที่สามเหลี่ยมใหญ่ที่สุดในวงกลมตอบอะไรเหรอ?
พัต: ตอบ 3 อ่ะ

บอมส่งสติกเกอร์ยิ้มดีใจ ...แปลว่านายตอบถูกสินะ

บอม: เทคนิคจำ tense ที่พัตสอน เราได้ใช้ข้อนึงด้วย
อ๊าก!!! ดีใจชิบเป๋ง
 
บอมถามอีกหลายข้อและส่วนใหญ่เขาตอบถูก ผมคิดฝันไปไกล ภาพที่เขาชี้นิ้วบนกระดานแล้วพูดว่าเราก็ห้องเดียวกัน ...บางทีเราอาจได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่โอกาสมันน้อยแค่ 1 ใน 7 เพราะห้องสายวิทย์มี 7 ห้อง สายศิลป์มี 6 ห้องตามที่ครูบิ๊วบอก ไม่สิ...ยังไงผมไม่ได้ห้องคิงหรือห้องควีนแน่ แปลว่าโอกาสมีแค่ 1 ใน 5 ถึงจะมีโอกาสมากขึ้นแต่ก็ยังน้อยอยู่ดี

บอม: เราไปกินข้าวนะ บาย

แล้วผมก็อยู่คนเดียวอีกครั้ง ผมมองหน้าจอบทสนทนา ตั้งใจจะมองให้เห็นเขาที่อยู่อีกด้าน ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหมที่ผมจะได้ใกล้เขามากกว่านี้ แล้วเขาคิดกับผมยังไง เพื่อนใหม่ที่บังเอิญเจอ หรือแค่หาคนช่วยหาห้องสอบ หรือแค่คนเฉลยข้อสอบเหรอ ….หรือผมอาจไม่ได้เป็นอะไรในสายตาเขาเลย...เฮ้อ! ยังไงตอนนี้หาข้าวกินก่อนดีกว่า ผมหยิบโทรศัพท์พิมพ์หาแม่

พัต: แม่ครับทานข้าวเที่ยงกัน
แม่: แม่ยังประชุมไม่เสร็จ ลูกไปคนเดียวละกันนะ
พัต: ครับแม่
แม่: เรื่องมื้อเย็น แม่คงยังไม่เสร็จงาน
พัต: ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมกลับเองครับ


มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก ชินแล้ว ผมสะพายเป้ขึ้นหลังแล้วเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าไปสยาม ถ่ายรูปโพสเผื่อเพื่อนสักคนจะทักมา หาเป้ใหม่กับปากกาใหม่ดีกว่า เวลาเรียนจะได้มีสีสันหน่อย แล้วไปดูเกมที่ MBK ชั้น 6 เฮ้อ...เกมที่เล็งไว้ก็ยังไม่มา ผมอยากได้สติกเกอร์จอย Switch ลายมิกุ แต่คิดอีกทีเดี๋ยวตอนแม่มาทำความสะอาดห้องแล้วเห็นก็หาว่าสิ้นเปลืองบ้างล่ะ ติดเกมเสียการเรียนบ้างล่ะอีกแหง ๆ

ตอนนี้บ่ายคล้อยแล้ว ความหิวเพิ่มมากขึ้นแต่ผมอยากแวะร้านอนิเมทก่อน วันนี้มีฟิกเกอร์ Fate ด้วย อยากซื้อจัง...แต่ว่า...ถ้าผลสอบออกมาอย่างที่ผมตั้งใจจริง ๆ ผมว่าฟิกเกอร์ Jeanne d’Arc คงมีอายุแค่ 6 วัน สุดท้ายก็ได้แค่พวงกุญแจเล็ก ๆ ผมติดมันเข้ากับซิปด้านในเป้ใบใหม่สีฟ้า พ่อแม่จะได้ไม่เห็น

ก่อนกลับก็มื้อเย็นที่ฮะจิบังตรงชั้นโรงหนังโต๊ะริมทางเดินตามเคยเพราะอากาศเย็นกว่าโต๊ะในร้าน วันนี้ซัด 2 ชามเลยชดเชยมื้อเที่ยงด้วย สักพักก็มีข้อความเข้า

โต้ง: อยู่ไหนแล้วมริง?
พัต: สยาม เพิ่งตื่นเหรอสาด เราทักไปตั้งแต่เช้า
โต้ง: กรูเล่นคอมทั้งวัน ปิดทุกแอพไม่งั้นเสียสมาธิ มริงอยู่อีกนานไหมจะไปหา แชร์โลมา

พัต: 
โต้ง: ฟวย เอาดี ๆ
พัต: จะกลับบ้านแล้ว ไว้วันหลังนะ
โต้ง: แล้วสอบเป็นไงบ้าง
พัต: ประกาศผลเสาร์นี้
โต้ง: ติดแน่ มริงทำได้


...ผมไม่รู้จะพิมพ์ตอบโต้งยังไงดี...
...ถ้าโต้งรู้ว่าผมทำอะไรลงไป มันจะแหกปากยังไง...
ผมเปิดดูรูปตารางที่นั่งวันสอบ กระดาษที่มีชื่อผมกับเขา...เราอาจได้อยู่ห้องเดียวกันแบบนี้ใช่มั้ย…

“โห! รอบคอบขนาดถ่ายที่นั่งสอบเลย”
“เฮ้ย!!! บอม!” ผมหันหลังกลับไปตามเสียง บอมยืนชะโงกหน้าดูมือถือผมจากด้านนอกร้าน เป็นผีเหรอวะ วาร์ปมาโคตรได้จังหวะ
บอมในชุดเที่ยวกับเสื้อวอร์มดูแปลกตา แต่กลิ่นน้ำหอมคุ้น ๆ ยืนยันว่าเป็นเขาจริง ๆ

“เออแฮะ ชอบกินก๋วยเตี๋ยวจริง ๆ ด้วย” (จำได้ด้วยเหรอ!)
“บ...บอมมาได้ไง?”
“อือ...เรามาดูหนังกับเพื่อนน่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“Invisible Man”
“เหรอ กินอะไรด้วยกันก่อนไหม?”
“หนังจะฉายแล้วอ่ะ เราไปดูหนังละนะ”

ผมได้แต่มองแผ่นหลังของเขาที่เดินห่างออกไป โคตรดีใจที่ได้เจอกันเร็วขนาดนี้ แต่ก็แค่แป๊บเดียวเอง อยากอยู่กับเขาให้นานกว่านี้ มีคำมากมายในหัวแต่พูดไม่ออกสักคำ

กล้บถึงบ้านด้วยความรู้สึกโหวง ๆ ภาพบอมในชุดเที่ยวยิ่งทำให้ผมอยากอยู่ใกล้เขามากขึ้นไปอีก
….โว้ย! ตรูจะไม่นั่งเหงาเศร้าบ้าเป็นพระเอกซีรีส์หรอก คิดเหรอว่าผมจะทำได้แค่นี้!
ผมหยิบมือถือเข้าเฟสบุ้คพิมพ์ #InvisibleMan

ถ้าบอมใส่ hashtag ชื่อหนัง ผมก็มีโอกาส ...แล้วผลลัพธ์ก็เป็นของคนที่หาหนทาง

Saroot Bomberman
ดูคนเดียว จะน่ากลัวไหมเนี่ย?
#InvisibleMan


------------------------------------------------------------------------------------
*ขอบคุณภาพจาก https://pbs.twimg.com/profile_images/3779230943/1dc39730b0c09f93f970016053913c92.jpeg
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2021 23:18:39 โดย Sorrowkung »

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep3
วันประกาศผล


3 เมย. 13:57น.

ผมยังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยความสับสนมาตลอด 3 วัน ไอ้พัตเอ๊ยมริงนี่แมร่ง stalker ตัวจริง แอบดูทั้งชื่อจริงบนอกเสื้อของบอม แล้วตอนนี้ยังแอบได้เฟสเขามาอีก

Saroot Bomberman ผมเลื่อนดูเฟสเขาทีละอันอ่านทุกคอมเม้นต์อย่างช้า ๆ
คนอะไรชื่อ Bomberman น่ารักฉิบหาย! ถ้ามีโอกาสจะถามเขาว่าชอบเล่นเกมนี้เหรอ อยากกดไลค์อยากแอดเฟรนด์มาก แต่ถ้าทำจริงนี่ความแตกแน่ เขาจะเกลียดผมไหมที่แอบหาข้อมูลเขาขนาดนี้ (จริง ๆ จะสมัครเฟสใหม่เพื่อส่องโดยเฉพาะก็ปลอดภัยดี แต่ผมอยากดูด้วยเฟสตัวเองมากกว่า)

เลื่อนลงมาเจอภาพเขากับสนถอดเสื้อเล่นบาสทำผมแทบเลือดกำเดาพุ่ง
เลื่อนกลับขึ้นไปที่โพสบนสุด มีเพื่อนมาคอมเม้นต์หลายคนละ

ดูคนเดียว จะน่ากลัวไหมเนี่ย?
#InvisibleMan

ไปไม่ชวน
   รีบอ่ะ เพิ่งนึกได้ว่าอยากดู
   มีงี้ด้วย
        วัยรุ่นใจร้อน
สนุกไหม? รีวิว ๆ
   สนุกมาก ดูเอง
สาดไม่ชวน งี้กรูก็ต้องดูคนเดียวสิ
   สนออกค่าตั๋วให้ดิเดี๋ยวไปอีกรอบ
ดูแล้ว หนุกมาก
   เนอะ


บอมเพื่อนเยอะดีเนอะ เทียบกับผมที่มีเพื่อน 2 คนถ้วน ผมเหมือนมนุษย์ล่องหนที่ได้แต่มองเขาไกล ๆ
พรุ่งนี้จะเป็นวันประกาศผลสอบแล้ว เครียดเรื่องนี้ก่อนดีกว่าไหมตรู?

ผมเปิดเกมเล่นให้หายคิดถึงหลังจากหยุดเล่นมาหลายเดือนตั้งแต่ตอนสอบไฟนอลเทอมที่แล้วต่อด้วยการติวส่วนตัวกับคุณครูบิ๊ว 3 เดือนรวด และพรุ่งนี้พอผลสอบออกผมคงโดนห้ามเล่นเกมไปอีกนานเลย ...หรือไม่ก็อาจโดนหนักกว่านั้น

ผมกลัวพ่อ อยากคุยกับใครสักคนแต่ก็ไม่มี 

17:04น.
มื้อเย็นวันนี้พ่อแม่อยู่กันพร้อมหน้า ถึงหน้าตาจะยิ้มแย้มแต่ก็มีบรรยากาศกดดันซ่อนอยู่
“พรุ่งนี้ประกาศผลแล้วนะพัต”
“ครับพ่อ” ผมก้มหน้าตอบ ไม่กล้าสบตาพลังทำลายล้างของพ่อ
“อืม ตอนเย็นไปฉลองกันนะ” พ่อพูดยิ้ม ๆ
เอาแล้วไง บรรยากาศกดดันชนิดบารอมิเตอร์ระเบิด คือตรูต้องติดห้องคิงเท่านั้นใช่มั้ย

“พัตทำเต็มที่แล้ว ทำใจให้สบายนะ” แม่เอ่ยฝ่าบรรยากาศกดดันแต่เหมือนจะกู้ระเบิดไม่สำเร็จแถมยังเพิ่มความอึมครึมกว่าเดิม
“ครับแม่ ผมไปอ่านเลขต่อนะครับ”

20:47น.
อ่านเลขม.4 ทบทวนจบไป 5 บท คืนนี้พอแค่นี้ละกัน ...ผมชอบเรียนจริง ๆ หรือแค่ทำตัวดีให้พ่อพอใจ
อย่างน้อยผมก็พอติวม.4 ให้บอมได้ก็แล้วกัน เขาต้องติดแน่ ๆ
ว่าแล้วก็ทักหน่อยดีไหม ไหน ๆ เขาก็อยากให้ผมไปดูประกาศผลสอบพร้อมเขา

พัต: บอมเป็นไงบ้าง สบายดีไหม? พรุ่งนี้ไปกี่โมงเหรอ?
บอม: ลุ้น ๆ อยู่
บอม: พรุ่งนี้ไป 8 โมงน่ะ
พัต: อือ แล้วเจอกันนะ

บอมไม่ตอบอะไรอีก ขอเฟสบุ้กเขาเลยดีไหมจะได้ไม่ต้องแอบส่องอีกแล้ว แมร่งเอ๊ยน่าเกลียดเปล่าฟระ? ถ้าเขาเลิกคุยกับผมไปเลยล่ะ?

บอม: โทรได้ไหม?

ห้ะ!...อะไรนะ มือสั่นเลยตรู คือคอลคุยกันตอนค่ำแบบนี้มันเหมือนคนจีบกันฉิบหาย (ยังไม่ทันอะไรนี่คิดไปไกลแล้ว) ไม่หรอกเขาอาจแค่ขี้เกียจพิมพ์เหมือนเคย อย่าเพิ่งฝันไปไกล

พัต: ได้สิ
ตึ๊ก! ตึ๊ก! ตึ๊ก! ใจเต้นเลย ยังไม่ทันเตรียมใจบอมก็คอลไลน์มาจริง ๆ กดรับมือสั่นเลยตรู

“ห...หวัดดีบอม”
“เออ เราพิมพ์ช้าเลยโทรหาดีกว่า”
เสียงโคตรหล่อเลยว้อยยยยย

“บอมยังไม่นอนเหรอ?”
“ยังไม่ง่วงเลย คิดเรื่องสอบแล้วนอนไม่หลับ แต่พัตคงสบายมากนะ เข้าได้แน่ ๆ”
“เออ ทำใจให้สบาย ๆ อย่าเครียด”
ปากพูดแบบนั้นแต่ตอนนี้ตรูทำใจสบาย ๆ ไม่ได้แล้ว มือจับโน่นจับนี่คุมสมาธิไม่ได้เลย

“อืม ขอบใจนะพัต”
“ล...แล้วบอมอาบน้ำยัง?”
ฉิบหายแล้ว! หลุดปากออกไปแล้ว!! แย่แล้วไอ้พัต!!! เค้ารู้ความหื่นหมดแล้ว!!

“กำลังจะไปอาบน่ะ แล้วพัตอาบยัง?” บอมตอบนิ่ง ๆ
“ก...กำลังจะไปอาบเหมือนกัน”
“อือ อาบพร้อมกันเลย”

โอ๊ย! ตอบมาแบบนี้ทำตรูคิดไปไกลสุดขอบจักรวาล! ทำไมนายชอบพูดอะไรให้ตรูคิดฟระ หรือใจเราพร้อมจะไปทางนี้ตลอด แล้วตรูจะนอนหลับไหมคืนนี้! ภาพในหัวมันจินตนาการไปไกลบวกกับภาพที่บอมถอดเสื้อเล่นบาส

“พัต” บอมพูดเสียงเบา ๆ
เหรี้ย! เข้ากับภาพในหัวตรูตอนนี้เลย ผมกับเขาใต้ฝักบัว บอมยื่นหน้าเปียกปอนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที

“หือ” ผมตอบเสียงเบา ตอนนี้จิตใจเตลิดเข้าโหมด NC ไปแล้ว
“ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันใช่ม้ย? เราดีใจที่ได้เจอพัตนะ”
“อืม” ผมตอบได้แค่นั้น

เขาคงกังวลว่าจะสอบเข้าไม่ได้ ถึงอยากจะบอกให้เขาสบายใจแต่ผมไม่ควรให้ความหวังว่าเขากับสนจะสอบเข้าได้ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่รู้แน่เหมือนกัน

“เอ่อ งั้นเราขอแอดเฟสของบอมได้ไหม?”
“ได้สิ ศรุต บอมเบอร์แมน”
“แป๊บนะ” ผมกดสลับไปเฟสบุ้กแล้วกดแอดเฟรนด์ทันที ในที่สุดตรูก็ได้เฟสบอมอย่างเป็นทางการรรรรร ทีนี้ผมก็ได้เป็นเพื่อนเขาเต็ม ๆ แล้ว ไม่ต้องแอบส่องแล้วว้อย!!

“แอดไปแล้วนะ เห็นยัง?”
“เห็นละ” บอมตอบ
“พรุ่งนี้เจอกันตรงไหนดี?” ผมถาม แต่บอมกลับเงียบไป

“พัต นายรู้ได้ไงว่าเฟสเราสะกดเป็นภาษาอังกฤษ?”
ฉิบหายแล้ว!!!

“เอ่อ….อ่า...ร...เราก็ลองพิมพ์ดูน่ะ”
“อืม งั้นเราไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันร้านน้ำหน้าโรงเรียนนะ”
บอมวางสายไปแล้ว เกือบซวยแล้วตรู ผมนั่งมองมือถือ

Saroot Bomberman accepted your friend request.

-----------------------------------------------------------------

4 เมย.

7:37น.
รถของพ่อเคลื่อนฝ่าการจราจรที่หนาแน่นเช่นเคย เช้านี้คือวันประกาศผลสอบ บรรยากาศในรถตอนนี้มีแต่ความเงียบที่โคตรกดดัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวิทยุเป็นรายการหรือเพลงอะไร

“ตื่นเต้นเหรอพัต?”
“ครับ”
“ลูกคงรู้นะว่าต้องได้เท่านั้น ลูกน่ะ...” พ่อขยับปากเหมือนจะพูดอะไรแต่แล้วก็กลับนิ่งต่อ


“ให้พ่อส่งถึงหน้าโรงเรียนไหม?”
“รถติดมาก ผมลงเดินไปเหมือนครั้งที่แล้วดีกว่าครับ”

ผมเดินเข้าซอยโรงเรียน นักเรียนหลายคนมีพ่อแม่มาด้วย ก็มันเป็นวันสำคัญนี่นะ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้พ่อแม่มาด้วยเลยเพราะมั่นใจว่าโศกนาฎกรรมกำลังจะเกิดด้วยน้ำมือผมเอง...จริง ๆ ผมก็อยากให้พ่อแม่เดินมากับผม ครั้งสุดท้ายที่ผมจำได้คือตอนป.5 ที่ผมไม่สบายแล้วแม่ลางานมารับที่โรงเรียนตอนบ่าย

“กินยากับวิตามินซีตามที่หมอบอกนะลูก”
“พัตไม่อยากกินวิตามินซี มันแสบปาก”
“งั้น...เราไปกินไอติมมะนาวกันนะ คงมีวิตามินซีเหมือนกัน”

แต่พอขึ้นป.6 ผมได้อยู่ห้องคิงนั้น ชีวิตก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย

ตรงหน้านั่นผมเห็นบอมกับสนยืนอยู่หน้าร้านค้าแล้ว อย่างน้อยก็มีอะไรบางอย่างให้ผมมีความสุขก่อนระเบิดจะลง
“หวัดดีครับ บอม สน”
“หวัดดีพัต ป่ะเดินเข้าไปพร้อมกันเลย”
“ตื่นเต้นว่ะ” สนพูด
สำหรับผม ใช้คำว่าหวาดกลัวดีกว่า

“จะได้อยู่ห้องเดียวกันไหมนะ?” สนพูด
...ความเป็นไปได้ที่สามคนจะได้ห้องเดียวกันมีแค่ 1/25
“จะได้ห้องคิงไหมว้า?” บอมพูดแทงเข้ากลางใจผมดังฉึกเลย
“มริงเนี่ยนะจะได้ห้องคิง รู้เหรอห้องไหน?”
“เออ ไม่รู้แฮะ”

ห้อง 4/1 คือห้องคิง ห้อง 4/7 คือห้องควีน ผมท่องคำของคุณครูบิ๊วในหัววนไปมาแต่พูดออกมาไม่ได้

พวกเราสามคนเดินฝ่าคนมากมายตรงไปกระดานกลางสนามใต้หลังคาอันใหญ่
ผมไล่นิ้วที่ห้อง 4/1 ที่คาดหวังสุด ๆ ว่าจะไม่เจอชื่อผมในนี้ ในห้องที่พ่อแม่ผมคาดหวังไว้สูงมาก
ทั้ง 45 รายชื่อ….ไม่มีชื่อผม อกผมโหวง ๆ ไม่รู้ว่ามันคือดีใจหรือเสียใจหรืออะไร

ใจผมเต้นแรงขึ้น ๆ เมื่อขยับไปดูรายชื่อห้องถัดไป

ไล่รายชื่อห้องต่อไป 4/2
เจอชื่อ ศรุต บูรณาวิทย์
“บอม นี่ไงชื่อนาย!”

ทั้งสองคนพุ่งหัวเข้ามาดู “เฮ้ย! จริงด้วย ไอ้บอมมริงติดแล้วว้อย!” ทั้งสองคนกอดคอกันดีใจ
“มา ๆๆ เราช่วยดูชื่อพวกนายให้!” บอมกล่าวเสียงดังอย่างลิงโลด
“พัตชื่ออะไรเหรอ? เราช่วยหาให้”
“นนทภัทร วงศ์ประสาน”

ผมไล่นิ้วลงมาทุกชื่อของห้อง 2 ...แต่ไม่มีชื่อผมในห้องนี้

แล้วผมก็เจอ นนทภัทร วงศ์ประสาน ห้อง 4/4
ผมเหมือนหูอื้อ เสียงต่าง ๆ รอบตัวหายไปหมด

-------------------------------------------------------------------------------

“มีสนามบอลกว้าง ๆ ด้วยโว้ย ดีใจชิบเป๋ง วู้ววว!!!” สนตะโกนพลางวิ่งนำไปสนามบอลหลังโรงเรียน
“สอบติดแล้วโว้ยยย! ห้อง 8 โว้ยห้อง 8!!”
“ไม่อยากเชื่อเลยพวกเราเข้าโรงเรียนดังนี้ได้ สุดยอดเลยเนอะ” บอมยิ้มหน้าบานแฉ่ง

คือบรรยากาศตอนนี้ผมควรดีใจใช่มั้ย…ผมสอบเข้าได้สายวิทย์-คณิตโดยไม่ใช่ห้องคิงหรือห้องควีน ทุกอย่างตามที่ผมตั้งใจแล้วนี่

“เราสองคนอยู่ห้องใกล้กันเลยเนอะพัต ดีจัง” บอมหันมายิ้มจนตาปิด
“......”
“พัตเป็นอะไรเงียบไปเลย ไม่สบายเหรอ?”
“เปล่าครับ”
กลับบ้านไปผมตายแน่ พ่อกับแม่คงผิดหวังมาก ลาก่อนเครื่องสวิตช์ ฟิกเกอร์และหนังสือการ์ตูนที่เหลือรอดจากระเบิดลงคราวที่แล้ว
“ไปลองขึ้นอัฒจันทร์นั่นกันไหม? สูงดีนะ!”

พ่อกับแม่อุตส่าห์จ้างครูสอนส่วนตัวตั้ง 3 เดือน แต่ผมก็...ผมทำถูกหรือเปล่านะ แต่ผมเกลียดห้องคิงนี่หว่า ผมไม่ยอมเข้าห้องนรกอีก 3 ปีเหมือนตอนม.ต้นหรอก

ห้องนรกที่ไม่มีใครเข้าใจ บ่นไปก็มีแต่คนบอกว่าครูทำถูกแล้ว ถูกเหรี้ยอะไร! ให้ผมกินบอระเพ็ดโคตรขมทุกครั้งที่ตอบผิด โดนลงโทษต่าง ๆ นานา ให้อดข้าวฟังครูด่า วิ่งรอบสนาม

“พัตไม่สบายหรือเปล่า? ทำไมทำหน้าแปลก ๆ” บอมหันกลับแล้วเดินมา
ผมมองบอม ความผิดหวังที่เจ็บสุดคือผมไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับบอม ทำไมผมถึงโง่ตั้งความหวังกับความเป็นไปได้แค่ 1 ใน 5

“ไหนดูหน่อยตัวร้อนไหม?” บอมพูดแล้วคว้าแขนผมไปลูบจนถึงข้อพับ
“เอ่อ….บอ….บอมครับ” มือของบอมยกมือมาแตะหน้าผากผม หน้านิ่งที่จ้องตาผมนี่….
“ตัวไม่ร้อนนี่ นายเป็นอะไรไหมอ่ะ? เห็นซึม ๆ”
“เปล่า เรากำลังดีใจน่ะครับ”

บอมยิ้มแล้วกอดคอผม “พัตไม่ต้องพูดครับกับพวกเราแล้วนะ เราฟังแล้วแมร่งโคตรเกร็งเลย เราเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันแล้วนะ”
“อื้ม”
“งั้นไปเดินดูโรงเรียนกันเถอะพัต” เขากำข้อมือผมแล้วดึงให้วิ่งผ่าสนามบอลไปกับเขาไปเลย โอ๊ย! นี่นายเป็นพวกถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้เลยเหรอฟระ ...แต่ก็รู้สึกดี ความอุ่นจากมือเขาลบความกังวลความเศร้าหายไปหมด จะมัวกังวลกับความทุกข์ทำไมในเมื่อความสุขอยู่ตรงหน้า นั่นสินะ ถึงจะอยู่คนละห้องแต่เขาก็อยู่ตรงนี้แล้ว อยู่โรงเรียนเดียวกันแล้ว...ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว…

“อัฒจันทร์สูงดีเนอะ โรงเรียนเก่าเราเทียบไม่ได้เลย แล้วของที่โรงเรียนเก่านายสูงขนาดนี้มั้ยพัต?”
บอมหันมาถามพลางยิ้ม เอ่อ...เจอรอยยิ้มระยะประชิดแบบนี้ตรูคำนวนความสูงไม่ถูก ตรูคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น

"เออ พัตจะเลือกชมรมอะไรเหรอ?"
"ไม่รู้สิบอม เรายังไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย ก็คงชมรมคอมมั้ง" ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมสนแต่เรื่องหนีให้พ้นห้องคิงเท่านั้น
"พัตอยู่ชมรมบาสเถอะนะ ตอนอยู่โรงเรียนเก่าเรากับสนเป็นนักกีฬาบาสนะ นี่ก็กะจะเข้าชมรมบาสอีก เราอยากเป็นตัวจริงทีมโรงเรียนด้วย"
"เหรอ!" มิน่าบอมกับสนตัวสูงหุ่นดีจัง

"นะพัตนะ อยู่กับเรานะ" บอมไม่พูดเปล่าแต่แขนขวาโอบไหล่ผม มือซ้ายกุมมือผมแน่น ตางี้เป็นประกายมาก คือจะให้ผมเข้าชมรมบาสให้ได้ใช่มะ อ้อนแบบนี้ใครจะปฏิเสธได้ฟระ

"ก...ก็ได้" โอบกันขนาดนี้ขออะไรผมก็ให้หมดแล้ว บอมยิ้มกว้างจนตาปิด
"แต่เราเล่นบาสไม่เป็นเลยนะ เคยเรียนตอนม.ต้นแต่ก็ลืมหมดละ"
"พวกเราจะสอนพัตเอง ไม่ต้องห่วงนะ"
"อืม"
“ถ่ายรูปที่ระลึกกันเหอะ” สนหยิบกล้องขึ้นมาเซลฟี่พวกเรา

--------------------------------------------------------------------------

หลังจากแยกกับสองคนนั้นผมก็โทรเรียกพ่อมารับ ...มาแล้วช่วงเวลาที่ผมกลัวที่สุด…ผมเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้าไปนั่ง ทุกวินาทีมันเงียบและอึดอัดเหลือเกิน ความสุขเมื่อครู่หายไปหมด

“เป็นไงบ้างพัต?” พ่อถามเสียงนิ่ง ๆ
“ส...สอบติดครับ”
“ติดห้องอะไรเหรอ?”

“...ห้อง 4 ครับ”

ผมกลั้นใจรวมพลังใจกว่าจะพูดออกมาได้ ถึงจะเตรียมใจมาแล้วก็ยังไม่กล้ามองหน้าพ่อตอนนี้ พ่อเองก็รู้จากคุณครูบิ๊วว่าห้องคิงห้องควีนคือเลขห้องอะไร พ่อนั่งนิ่งไม่ขับรถ ทุกอย่างหยุดนิ่ง...นิ่งเหมือนระเบิดปรมาณูกำลังจะทำงาน ผมกัดฟันแน่น ภาพตอนผมลบคำตอบช่องที่ถูกออกแล้วจงใจกาผิดฉายวนซ้ำ ๆ ในหัว ถึงจะทำใจมาตั้งแต่วันสอบแต่ผมก็ยังกลัวพ่ออยู่ดี ผมกลัวเวลาพ่อโมโห

“ห้องวิทย์-คณิตใช่มั้ย?”
“ครับ”
พ่อนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วขับรถขึ้นถนนช้า ๆ ตามองไปที่ถนนตรงหน้าไม่หันมามองผม พ่อไม่เปิดวิทยุเหมือนทุกครั้ง

“ลูกทำได้ดีมาก พ่อภูมิใจตัวลูกนะ”

ห้ะ! ผมหูฝาดไปเรอะ!?

“ข้อสอบคงยากใช่ไหม?”
“ค...ครับ” กลืนน้ำลายดังเอื๊อก
“สอบติด ได้ห้องดีก็ดีแล้ว เย็นนี้กินอะไรดี?”
“อะไรก็ได้ครับ”

นี่พ่อตัวจริงหรือเปล่าฟระ? ทุกทีเนี่ยโมโหอาละวาดตวาดผมแน่ ทำไมมันต่างจากที่ผมกลัว แต่ยังไงก็โล่งอกไปที ทรมานมาตลอดหลายวัน...อะไรก็ได้ แค่พ่อไม่โมโหก็พอ…พอหายกลัวผมก็มองทิวทัศน์ริมถนนรอบข้าง นี่จะเป็นภาพที่ผมได้เห็นตลอดอีก 3 ปี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2021 14:58:08 โดย Sorrowkung »

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep4
มาได้แค่นี้


4 เมย. 9:07น.

หลังจากส่งลูกชายลงหน้าโรงเรียนบรรพตก็ขับรถไปร้านกาแฟตรงห้างใกล้โรงเรียนเพื่อนั่งรอลูกชาย เขาร้อนใจอยากจะไปดูผลสอบพร้อมลูกด้วยซ้ำแต่อังคณาบอกเขาให้รอลูกหาที่นี่ ให้ลูกโทรหาเอง นี่ก็นานแล้วนะ แค่ดูผลสอบนี่เจ้าพัตจะใช้เวลานานอะไรขนาดนี้ เสียการเสียงานหมดแล้ว

เสียงกระดิ่งประตูดังกริ๊ง หญิงสาวที่เขาคุ้นตาเดินเข้ามา
“อ้าวคุณ วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอ?”
“ชั้นลาตอนเช้าค่ะคุณ”

เขางงงวยแต่ก็ลุกขึ้นขยับเก้าอี้ให้ภรรยาของเขานั่งร่วมโต๊ะ เขานิ่งไม่เอ่ยอะไร คำถามว่า “ถ้าคุณลาได้แล้วทำไมคุณไม่มาส่งลูกเอง?” อยู่ที่ริมฝีปากแต่เขาพอรู้แล้วว่าอังคณามาทำไม

“ลูกโทรมาหรือยังคะ?”
“ยังเลย” บรรพตส่ายหน้าเบา ๆ ทั้งสองรู้จักลูกชายของพวกเขาดี ไม่โทรมาแบบนี้ก็หมายความว่า…

ตอนลูกอยู่โรงเรียนเก่าได้ห้องคิง พอให้ลาออกมาสอบเข้าโรงเรียนใหม่กลับไม่ได้ห้องคิง เขารู้สึกเสียหน้าและอับอายกับการตัดสินใจครั้งนี้มาก
“คุณคะ ชั้นขอพูดอะไรได้ไหม?” เธอกุมมือเขา
“คุณคะ ความดุของพวกเราพาลูกมาได้แค่นี้ค่ะ”

----------------------------------------------------------------------------

เขาจ้องลูกชายที่นั่งเบาะข้างคนขับ ถึงพัตจะนั่งนิ่งแต่ไหล่ก็สั่นเล็กน้อยตอนพูดว่า “ห้อง 4 ครับ”
ลูกพลาดทั้งห้องคิงและห้องควีน ความดุของเขาพาลูกมาได้แค่นี้ ลูกตัวน้อยที่เคยยิ้มสดใสเวลาทำการบ้านได้ ตอนนี้กลัวตัวสั่นเหมือนลูกนก เหมือนตอนเขาพาลูกลาออกจากโรงเรียนเก่า
“ห้องวิทย์-คณิตใช่มั้ยลูก?”
“ครับ”
...ความดุของเขาพาลูกมาได้แค่นี้...

“ลูกทำได้ดีมาก พ่อภูมิใจตัวลูกนะ ข้อสอบคงยากใช่ไหม?”
“ค...ครับ”
“สอบติด ได้ห้องดีก็ดีแล้ว เย็นนี้กินอะไรดี?”
“อะไรก็ได้ครับ”

แล้วเขาต้องใช้อะไรถึงจะพาลูกไปต่อจากนี้

----------------------------------------------------------------------------

ตอนเย็นทุกคนเลือกฉลองที่ภัตตาคารอาหารจีนใกล้บ้าน
“วันนี้ผมได้เพื่อนใหม่ 2 คนนะครับชื่อบอมกับสน จริง ๆ รู้จักกันตั้งแต่วันสอบเข้าเลยครับ บอมกับสนก็สอบติดเหมือนกันครับ บอมห้อง 2 สนห้อง 8 ครับ พอดูผลสอบเสร็จพวกเราก็ไปเดินดูรอบโรงเรียนเลยครับ หลังโรงเรียนมีสนามบอลกับอัฒจันทร์ด้วยครับ” พัตเล่าเรื่องวันนี้ยาวเฟื้อย

“ดีจัง เพื่อนลูกก็เรียนเก่งนะเนี่ย แล้วพ่อแม่เค้าทำงานอะไรเหรอ?”
“ไม่รู้อ่ะแม่”
“วันหลังก็ลองถามเค้าดูนะ”
“คร้าบ” พัตหน้ามุ่ยเล็กน้อย ลูกยังไม่เข้าใจหรอกว่าพวกเขาถามเรื่องอาชีพพ่อแม่ฝ่ายโน้นเพื่ออะไร

“แล้วเพื่อนในห้องล่ะรู้จักใครไหม?”
“ยังไม่รู้จักใครเลยครับ”
“ลูกแม่มนุษยสัมพันธ์ดีเนาะ รู้จักเพื่อนต่างห้องก่อนซะงั้น ฮะ ๆๆ”
“แล้วต้องทำอะไรต่ออีกไหม?”
“อีก 3 วันไปมอบตัวครับพ่อ วันอังคารหน้า”

ลูกชายคนเดียวของเขากลับมาเป็นเด็กสดใสพูดไม่หยุดอีกครั้งหลังจากเขาได้ยกภูเขาแห่งความกดดันออกจากอกของพัต

“แล้วโรงอาหารก็คนเยอะมากเลยครับ มีร้านขายเบอร์เกอร์ด้วยครับแต่ตอนวันสอบแถวยาวมากเลยไม่ได้ซื้อครับแต่กลิ่นหอมมากเลย พอวันประกาศผลสอบบอมก็ชวนกันไปกินเบอร์เกอร์ร้านนี้ครับก่อนเที่ยงเดี๋ยวคนเยอะ อร่อยจริง ๆ ด้วยครับไม่เหมือนเบอร์เกอร์ในร้านฟาสต์ฟูดเลย อ้อ! ชั้นบนของโรงอาหารเป็นหอประชุมครับ เดี๋ยววันรายงานตัวพ่อแม่จะได้ขึ้นไปดูครับ เป็นเธียเตอร์นั่งสูง ๆ เหมือนที่โรงเรียนเก่าครับแต่เก้าอี้ใหม่กว่าเยอะเลย”

“แล้วช่วงปิดเทอมที่เหลือนี่พัตกะจะทำอะไรดี? บรรพตเอ่ยถาม
“ผมกะจะไปดูคลาสเรียนพิเศษที่ตึกที่ผมเคยเรียนน่ะครับ”
“ไม่เลือกในเน็ตไปก่อนเลยล่ะจะได้ไม่เสียเวลา กว่าจะเทียบคอร์สอะไร ๆ เยอะแยะ”
“เอ่อ...ผมว่าไปเดินเลือก อาจมีพวกคอร์สที่เค้าไม่ได้ลงในเน็ตด้วยน่ะครับ”
“อืม ก็ตามใจลูก”

-----------------------------------------------------------------------------------------------

5 เมย.

10:15น.
ผมเลือกชุดที่หล่อที่สุด วันนี้ผมนัดบอมและสนมาเลือกที่ติวด้วยกัน อีกเดี๋ยวจะได้เจอบอม ได้อยู่กับเขาทั้งวัน เลือกที่ติวเดียวกัน วิชาเดียวกัน ทานอาหารด้วยกัน พอเลิกเรียนตอนเย็นผมอาจกล้าพอชวนเขาไปเที่ยวบ้านผมที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ นี่จะเป็นช่วงปิดเทอมสุดท้ายของม.3 ที่มีความสุขที่สุด

พวกเขาเดินข้ามถนนมาพร้อมนักเรียนอีกจำนวนมาก ถึงอย่างนั้นผมเห็นบอมโดดเด่นกว่าใคร
“หวัดดีสน บอม”
“หวัดดีพัต”
วันนี้บอมในชุดเที่ยวก็หล่ออีกแล้ว เสื้อวอร์มสีดำแดงมีโลโก้ทีมบาสดูแตกต่างเป็นอีกคนที่เคยเจอที่โรงเรียนในชุดนักเรียนแต่ความอบอุ่นเวลาอยู่ใกล้ยังเหมือนเดิม

“หวัดดีจ้าพัต” ผู้หญิงที่เดินข้ามถนนมาพร้อมกับบอมและสน...แต่ยังยืนอยู่ข้างบอม...เอ๋!!?
“เราชื่ออัมพรจ้า เรียกอั้มก็ได้นะ ยินดีที่ได้รู้จักนะพัต” ...เดี๋ยวนะ นี่ใคร?
“นี่อั้มเพื่อนสนิทของเรากับบอม เรียกอ่ำก็ได้” สนพูดกลั้วหัวเราะ
“อีสน อีบ้า!” อั้มตวาดแว้ด ๆ แล้วหัวเราะ
“เรียกอัมพรหรืออำพลก็ได้” บอมพูดบ้าง
“โอ๊ย บอมก็อีกคน” อั้มฟาดมือเบา ๆ ใส่หลังบอมแบบดูแว่บเดียวก็รู้ว่าสนิทกันมาก
“มือหนักชิบเป๋ง ฮ่า ๆๆ” บอมหัวเราะขำพร้อมหลบฝ่ามือที่กวัดแกว่ง

เฮ้ย ๆๆๆๆ!! นี่คือใคร อะไร ยังไง แล้วความสนิทระดับเล่นหัวกันได้ขนาดนี้คืออะไร??

“พวกเราสนิทกันมาตั้งแต่ม.1 แล้วล่ะ พอบอกว่าจะมาหาที่ติว อั้มเลยอยากมาด้วย” บอมเล่าพลางเปิดดูตารางคอร์สหลายใบหลังจากเดินสำรวจขึ้นมาหลายชั้น
“เหรอ?” ความโหวง ๆ จี๊ด ๆ ในใจแล่นวูบขึ้นลง

“เราว่าคอร์สนี้น่าสนนะ ครูเค้าได้เกียรตินิยมด้วยนะ เหลืออีกไม่กี่ที่เอง” ผมยื่นโบรชัวร์วิชาเลขให้ อันนี้ผมเลือกแล้ว น่าเรียนมากต้องถูกใจทุกคนแน่

“สน อั้ม พวกนายว่าอันนี้โอเคป่ะวะ?” แล้วสามหัวก็สุมมารวมกัน ...ความสนิทขนาดหัวชิดกันขนาดนี้...ต่อหน้าผมเลย
“อีอั้มผมมรึงบัง โอ๊ย! มริงตีกรูทำไม!?”
“พูดสุภาพดิ พัตเค้าอยู่ด้วยนะ”
“มริงนี่พูดเหมือนไอ้คุณบอมเป๊ะ”
“เอ่อ...ทุกคนพูดกันตามปกติก็ได้ครับ”

“เราว่าแพงไปอ่ะ ที่เก่าเราถูกกว่านี้” สนเปรย (เฮ้ย! อย่าแบบนี้ดิ)
“พัต เราว่าเราเรียนไม่ไหวอ่ะ” (เฮ้ย! สองเสียงแล้ว ไม่นะ ๆๆ ตรูชักใจเสียแล้วนะ)
“เราก็ว่ามันแพงเกินน่ะ เราต้องติวหลายวิชาด้วย แถมไกลบ้านอีก” (ไม่นะ ไม่ๆๆๆ)

“ต...แต่ที่นี่สอนดีมากเลยนะ” ผมคะยั้นคะยอแต่บอมได้แต่นิ่งแล้วถอนหายใจ
“หรือดูอันอื่นก็ได้นะ เราว่าอันนี้ก็...”
“เราขอบใจนะพัตที่แนะนำที่เรียนดี ๆ ให้พวกเรา แต่เราสู้ค่าเรียนแต่ละคลาสไม่ไหวน่ะ”
“อืม”
ผมจำไม่ได้แล้วว่าพูดอะไรต่อจากนั้น หัวมันหวิว ๆ จำได้แค่ทั้งสามคนโบกมือลาแล้วลงบันไดเลื่อนไป

...อะไรกัน
...คิดว่าจะได้เรียนพิเศษที่เดียวกัน
...ได้สนุกใกล้ชิดกันตลอดปิดเทอมแล้วไปโรงเรียนด้วยกันต่อ
...ไม่มีอะไรเหมือนที่ฝันไว้เลย
...แถมยังเห็นอั้มสนิทกับบอมขนาดนั้น
...ไม่ใช่เพื่อนแน่นอน

“นาย...นาย!”
“ห้ะ!” ผมสะดุ้งเมื่อมือใครสะกิดบ่าเบา ๆ เจอคนยืนข้างผม
“เราได้ยินนายบอกว่าจะลงเลขม.4 ครูวิงใช่มั้ย? ใกล้เต็มแล้วนะเมื่อกี้เราก็เพิ่งสมัคร”
“เหรอ...ข..ขอบใจนะครับ” ผมรีบเก็บเอกสารบนโต๊ะใส่เป้เพื่อรีบไปสมัครก่อนคลาสเต็ม ถึงจะเสียใจแต่เรื่องที่ต้องทำก็ต้องทำไม่ให้การเรียนบกพร่อง

หลังจากสมัครและจ่ายค่าเรียนเสร็จก็ได้บัตรประจำตัว พนักงานเอ่ยถามว่าจะลงเคมีด้วยเลยไหม
“เย็นนี้มีคลาสทดลองเรียนชั่วโมงครึ่งด้วย น้องจะลองเรียนไหมเดี๋ยวพี่จองที่ให้”
“ได้ครับ”

วิชาเคมีเป็นคลาสที่ยังไม่เต็มเพราะเด็กสายวิทย์บางคนอาจนึกว่าเป็นวิชาเลือก จริง ๆ วิชาที่เป็นทางเลือกคือชีววิทยา อันนี้ที่คุณครูบิ๊วบอก ผมเข้าคลาสก่อนเวลานิดนึง ผมควรแชทหาบอมไหม มันจะเหมือนผมขี้ตื๊อไหม? เขาอาจกำลังเที่ยวสนุกกับอั้ม โอ๊ย! ปวดหัว จี๊ดที่ใจมาก

“อ้าว! เจอกันอีกแล้ว” คนที่ช่วยสะกิดผมเมื่อครู่นั่งลงเก้าอี้ถัดจากผม
“ขอบใจนะครับที่ช่วยเตือนเราให้รีบมาสมัคร”
“ครับ เราชื่อเอส”
“เราชื่อพัต ยินดีที่ได้รู้จักนะครับเอส”
“แล้วเพื่อนนายเค้าลงเรียนด้วยไหม?”
“เอ่อ...พวกเค้าไม่ได้ลงน่ะ เค้าไม่สะดวก”
“เหรอ งั้นนายก็ลงคนเดียวเลยดิ?”
“อืม”
“เราก็เหมือนกัน งั้นนั่งเรียนด้วยกันเลยนะเราจะได้มีเพื่อน”
“ก็ดีครับ”

“เราว่า...เราคุ้นหน้านายนะ” เอสจ้องหน้าผม “จำได้แล้ว เราเห็นนายตอนวันประกาศผลสอบ”
“อ้าว! นี่เอสเรียนที่เดียวกับเราเหรอ? เราห้อง 4”
“เราห้อง 3 โลกกลมดีเนอะ ดีจังได้เพื่อนร่วมโรงเรียนมาเรียนพิเศษด้วย”
“ห้องติดกันด้วย ดีจัง”
“ถ้าเคมีสอนดีเราก็จะลงด้วยเลย นายลงด้วยป่ะ?” เอสยิ้มดีใจ

ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ คนตัวสูงที่นั่งข้างหน้าก็หันมาเอ็ดเบา ๆ
“เฮ้! เงียบหน่อย เค้าให้มาเรียนไม่ใช่มาคุย”
“อ...เอ่อ ขอโทษครับ”

คลาสเคมีสอนน่าสนุกได้ความรู้ดี แน่นอนผมกับเอสเลือกเรียน พอออกมาจ่ายค่าสมัครพวกเราก็เดินลงตึกมาด้วยกัน
“โชคดีมากเลยได้พัตเป็นเพื่อนเรียนด้วยกันแล้ว ตอนแรกมาคนเดียวนึกว่าปีนี้จะน่าเบื่อซะละ เพื่อน ๆ เราแยกกันไปหลายโรงเรียนเลย” เอสบิดขี้เกียจ
“เราก็ดีใจเหมือนกัน”
“แต่หวังว่าไอ้บ้าเรียนนั่นจะไม่ลงด้วยนะ” เอสหน้านิ่ว
“เค้าก็พูดถูกนะ พวกเราก็คงคุยเสียงดังจริง ๆ”
“ไม่รู้แหละ ไม่ชอบหน้ามัน เออเดี๋ยวเรากลับบ้านก่อนนะ”

ผมหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าแต่ไม่รู้จะแชทอะไรหาบอม ไม่รู้ตัวเองรู้สึกอะไรกันแน่ ตอนนี้อย่าพิมพ์อะไรหาเค้าเลย

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สวัสดีนักอ่านทุกท่านครับ ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ King Class Away ลงวันแรกให้อ่าน 4 ตอนนะครับ แล้วจะมาทุกวันอังคารนะครับ

ไม่ได้กลับมาเล้าเป็ด 13 ปี นานจนลืมรหัสและอิเมล์ตอนสมัคร 555 ขอฝากผลงานเก่าด้วยนะครับ ผมไม่ใช่เด็กขายน้ำโว้ย สมัยนั้นคุณ Junrai_Hyper™ พลูน้อยกลอยใจช่วยอัพให้ครับ ดีใจที่ผ่านมา 13 ปียังมีคนอ่านด้วย รีพลายล่าสุด 8 กย.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2020 13:11:45 โดย Sorrowkung »

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep5
โรงเรียนเก่า


กลับมาถึงบ้านผมก็ล้มตัวนอน แผนที่คิดหวังพังหมดเลย แล้วยังเห็นบอมกับอั้มสนิทกันขนาดนั้น

พวกเราสนิทกันมาตั้งแต่ม.1 แล้วล่ะ พอบอกว่าจะมาหาที่ติว อั้มเลยอยากมาด้วย

ถ้าสนิทกันมา 3 ปีขนาดพามาด้วยแบบนี้คิดยังไงก็เป็นแฟนกันแน่ ...ผมไม่น่าชวนบอมกับสนมาดูที่เรียนพิเศษเลย...ไม่สิ เราแนะนำสิ่งที่ดีให้เค้าทำไมต้องคิดย้อนเสียใจด้วยล่ะ อีกอย่างถึงผมจะรู้หรือไม่รู้ บอมก็สนิทกับอั้มอยู่แล้ว ...ผมก็แค่เจ็บเร็วขึ้นเท่านั้นเอง

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากอยู่ใกล้บอม เป็นแค่เพื่อนก็ได้ บางทีผมอาจช่วยติวเขาได้ ผมรื้อตำราเรียนม.4 ที่ผมเรียนจบไปตั้งแต่ตอนอยู่ห้องคิงม.3 มาดูว่ายังอยู่ครบทุกวิชาไหม ช่วงปิดเทอมที่เหลือตอนนี้ผมมีติวแค่เลขกับเคมีตอนวันอาทิตย์ ผมเขียนรายชื่อวิชาม.4 ที่จะทบทวนลงไปในวันว่างที่เหลือ เผื่อ 2 วันไว้อ่านของม.5 ล่วงหน้าด้วย

เปิดตำราเรียนแล้วก็ย้อนคิดถึงเรื่องดี ๆ สมัยนั้น...ภาพผมกับโต้งนั่งเรียนด้วยกัน...แล้วก็...ก็ไม่มีแล้วนี่หว่า ที่นึกออกก็มีแค่เนี้ย
ผมหยิบโทรศัพท์จะไลน์หาโต้ง แต่คิดอีกทีโทรหาเลยดีกว่า (แต่มันจะปิดเครื่องหรือเปล่าไม่รู้)

“หวัดดีพัต”
“หวัดดีโต้ง”
“ไงวะมริง ผลสอบเป็นไงบ้าง?”
“...อือ”
คือผมไม่รู้จะเล่าเรื่องทั้งหมดยังไงให้มันฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่ผมไม่ติดห้องคิง ถ้าผมเล่าทางโทรศัพท์นี่มันคงแหกปากกลับมาจนผมหูตึงไปข้างนึงแน่

“ติดอ่ะดิ ดีใจด้วยนะมริง”
“...อือ” โทษนะโต้งผมยังไม่พร้อมจะเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง
“แล้วโทรมานี่มีอะไรวะ?”
“ไม่มีอะไร้ คิดถึงเพื่อน ก็เลยโทรมาคุยด้วย”
“เออ มริงน่ะไม่โทรหากรูก็โทรหาเอ็ม”

“ซึ่งไอ้เหรี้ยเอ็มแมร่งก็ไม่เคยรับสายเลย” ผมกับโต้งพูดพร้อมกันแล้วก็หัวเราะ
“กรูโทรหามันทีไรมันก็ไม่รับสาย พอไปถึงโรงเรียนก็บอกโทษทีกรูลืมโทรกลับ”
“เออ เราก็โดนประจำ บ้านมันมีแต่โทรเลขมั้ง”

“พัตมริงพิมพ์มาก็ได้นะ บางทีกรูปิดเครื่อง เดี๋ยวโทรไม่เจอกรูมริงก็เฮิร์ตอีก”
“มันไม่เหมือนกันหรอก ได้คุยรู้สึกดีกว่า”
เหมือนเวลาบอมโทรหาผม ผมก็รู้สึกดีกว่าอ่านข้อความเยอะเลย

“ปากหวานขึ้นนะ เหรี้ยกรูนึกว่ามริงกำลังจีบกรู”
“ฟวย! ไปอาบน้ำละ”
“เออ ๆ ขอบใจนะที่โทรมา ไว้เจอกันใหม่”

หลังอาบน้ำเสร็จผมก็เปิดเน็ตหาคอร์สติวม.5 ช่วงปิดเทอม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น บอมโทรมา!
เอาไงดีวะ! ตั้งสติก่อน ๆๆ มริงต้องไม่งอนที่เขาไม่ยอมเรียนพิเศษกับมริงนะพัต มริงต้องไม่เฮิร์ตเรื่องอั้ม มริงต้องทำตัวเป็นเพื่อนแล้วมริงจะไม่เจ็บ

“หวัดดีบอม”
“หวัดดีพัต เออ โทษทีนะที่พวกเราไม่ได้ลงเรียนที่นั่น เรารู้ว่าพัตตั้งใจเลือกคอร์สให้มากเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกบอม นายลองอ่านตำราเรียนล่วงหน้าสิ ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นนะ ถ้าสงสัยตรงไหนถามเราได้”
“ได้เลย เอ้อ! วันพุธนี้พัตว่างไหม?”
“ว่างสิ มีอะไรเหรอ?”
“ทีมบาสโรงเรียนเก่าเราจะมีแข่ง เรากับสนก็ลงด้วย พัตมาดูด้วยกันนะ”
“ห้ะ! ด...ได้สิ ที่ไหน กี่โมง?”
“สนามอยู่ข้างเซ็นทรัลบางนา พัตรู้จักมั้ย?
“ส่งโลเคชั่นมานะ เราไปถูก”
“บ่ายสามถึงห้าโมงเย็นนะ”
“ได้ ๆ เราว่าง” ต่อให้ผมไม่ว่างผมก็ว่าง!!

“นี่คือแข่งชิงถ้วยระดับประเทศเหรอ?” ผมถามด้วยความตื่นเต้น
“ฮะ ๆๆ ไม่ใช่อ่ะพัต พวกเราจัดแข่งกันเองสนุก ๆ ก่อนเปิดเทอม”
“เหรอ? ได้ ๆ แล้วเจอกันนะ!”
ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ถ้าได้ใกล้ชิดบอมผมก็โอเคหมดแหละ เชรี่ย! ผมจะได้ไปดูบอมแข่งบาส

------------------------------------------------------------------------

8 เมย.

12:25น.
หลังจากทานข้าวเที่ยงล้างจานเสร็จผมก็ขึ้นห้องมาแต่งตัวเตรียมไปดูบอมแข่งบาส ถึงใจหนึ่งจะโคตรมีความสุข แต่อีกใจก็หวั่นว่าจะเห็นภาพเขากับอั้ม ...ทีมบาสโรงเรียนเก่า ก็แปลว่าอั้มมาด้วยแน่ ๆ สุดท้ายผมเปลี่ยนใจไม่ใช้เป้สีฟ้าใบใหม่ที่อุตส่าห์ซื้อมา วันนี้แต่งดีแค่ไหนก็ดับ ใบนี้เอาไว้ใช้ตอนเปิดเทอมละกัน ผมปิดบ้านแล้วไปขึ้น BTS เช็คจากมือถือแล้ว นั่งยาว ๆ ไปสถานีอุดมสุขแล้วต่อแท็กซี่เอา

พอขึ้นรถไฟฟ้าแป๊บนึงบอมก็โทรมาเลย
“หวัดดีบอม”
“หวัดดีพัต นายมายังไงเหรอ?”
“เราไป BTS น่ะ”
“พัตมาถูกนะ? เราเป็นห่วง”
“มี google map ไม่ต้องห่วง บอมเตรียมตัวแข่งให้สบายใจเถอะ”

พอรถแท็กซี่ไปถึงสนาม เชร้ดดด! ผมนึกว่าเป็นลานปูนกลางแดด ที่ไหนได้เป็นอาคารใหญ่ สนามในร่ม พื้นไม้ ติดไฟติดแอร์ด้วย อลังการมาก ผมกดส่งข้อความไปบอกพ่อแม่ว่ามาถึงสนามแล้วพร้อมส่งโลเคชั่นให้สบายใจ

“พัตมาแล้วเหรอ!”
เสียงบอมดังมาจากข้างหลัง ผมหันไปหาบอมด้วยความดีใจ บอมยืนยิ้มในชุดบาส เชรี่ย!!! ตรูลืมไปเลยว่าชุดบาสมันเป็นเสื้อกล้ามนี่หว่า แค่เห็นแขนกับหัวไหล่ของบอมตรูก็แทบเลือดกำเดาพุ่งแล้ว ไอ้พัตมริงต้องเก็บอาการรรรร!
“หวัดดีบอม”
“พวกเราอยู่ทางนี้ ป่ะเดี๋ยวพาไปรู้จักกับเพื่อน ๆ เรา” บอมชี้มือไปเห็นสนยืนคุยกับอั้มอยู่
“ทุกคนนี่พัตเพื่อนเราที่โรงเรียนใหม่ พัตนี่เพื่อนเราชื่อป๊อก, เตเต้, ภู, แดง” จริง ๆ มี 8 คนแต่ผมจำได้แค่นี้ เป็นคนที่จำหน้าจำชื่อคนอื่นไม่ค่อยได้
“และก็อั้ม ที่พัตเจอเมื่อวานก่อน”
“หวัดดีครับทุกคน หวัดดีครับอั้ม เราชื่อพัตครับ”
“หวัดดีพัต ดีใจจังเจอกันอีกแล้ว”
“อั้ม งั้นกรูฝากพัตไว้กับมริงนะ พวกกรูไปอุ่นเครื่องละ” สนพูดก่อนวิ่งลงสนาม

เอาแล้ว เข้าบรรยากาศวางตัวยากละตรู ผมพยายามบอกตัวเองว่าบอมเป็นเพื่อน ๆๆ อั้มก็เป็นเพื่อน ๆๆ
“พัตมายังไงเหรอ?”
“เรามารถไฟฟ้าแล้วต่อแท็กซี่น่ะ แล้วอั้มมาไงเหรอ?”
“โอ๊ยไกลมากอ่ะ มาจากสมุทรปราการ”
“อ้าว มาไกลจัง”
“โรงเรียนอยู่ที่นั่นอ่ะ แต่สนามดีที่ใกล้สุดอยู่ตรงนี้ ก็ดีนะไม่ต้องตากแดด มีแอร์ด้วย”
เออ ผมก็น่าจะเอะใจว่าตอนเจอบอมกับสนครั้งแรกเขาใส่กางเกงสีน้ำตาล แปลว่าอยู่จังหวัดอื่นนี่นา

พวกบอมเริ่มแข่งจริงแล้ว ผมดูไม่รู้เรื่องหรอกแต่ก็คอยเชียร์ตามคนอื่น ๆ เวลาบอลลงห่วง บางทีก็เบียดกันแรงมาก ดูไปก็เป็นห่วงเขาไป ผู้ชายคงสนุกกับอะไรแบบนี้สินะ
“พัตกินอะไรมายัง มีขนมเต็มเลยนะ น้ำก็มี”
“ขอบใจนะอั้ม เราทานมาแล้วน่ะครับ”

จังหวะบอมเคลื่อนไหวผมก็อดไม่ได้ที่จะมองลอดช่องเสื้อไปเห็นอะไรต่อมิอะไร เป็นกีฬาที่ชุดโคตรโป๊เลย ผมควานหาอะไรกินในถุงขนมก่อนเลือดกำเดาจะพุ่ง มีแต่ขนมขบเคี้ยวที่แม่ห้ามแฮะ ส่วนอั้มก็ถ่ายรูปคนในสนามไปเรื่อย ๆ ผมเองก็อยากถ่ายรูปตอนบอมเล่นบาสบ้าง แต่มันคงดูน่าสงสัย

คนที่ไม่ใช่แฟนทำแทนทุกเรื่องไม่ได้

“พัก 2 นาที” กรรมการเป่านกหวีดแล้วประกาศ
พวกบอมกับสนเหงื่อโชกเดินมาหยิบน้ำ ผมทำตัวไม่ถูกเลยว่าควรทำอะไร ทำไมพักเร็วจัง บอมนั่งลงข้างผมหอบแฮ่ก ๆ พลางจิบน้ำ
“บาสมี 4 ควอเตอร์นะ อันนี้ควอเตอร์แรกแล้วพัก 2 นาที เดี๋ยวจบควอเตอร์ที่สองก็จะพักครึ่ง 15 นาที”
บอมคงเห็นผมกำลังงงเลยอธิบายกติกาให้ผมซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลย เชรี่ยแล้วตรู นึกว่ามันพักครึ่งแบบฟุตบอล (จริง ๆ ตอนม.2 ก็เรียนบาสนะแต่ลืมหมดแล้ว)

“เบื่อไหมพัต?”
“ไม่เบื่ออ่ะ สนุกดี” ผมสิควรถามบอมว่าเบื่อผมไหมที่อยากเข้าชมรมบาสแต่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง
“ก็เห็นทำหน้าเซ็ง ๆ”
...แย่แล้ว ผมว่าผมพยายามทำหน้าสนุกแล้วนะ บอมยังเห็นอีกเหรอ

“เห็นเขาเบียดนายแรงมากเลย เป็นอะไรมั้ย?”
“โอ๊ย ธรรมดา ฮะ ๆๆ เราล่ะอยากโดนเบียดจะได้ฟาล์ว จะหมดเวลาแล้วเราไปเล่นต่อละนะ”

อีกสักพักบอมก็ขอเปลี่ยนตัวมานั่งพักอีก เพื่อนเขาลงไปเล่นแทน
“พัตถ่ายรูปเท่ ๆ ของเราไว้บ้างมั้ย? ดูหน่อยสิ”
“ห้ะ! ค...คือบอมอยากให้เราถ่ายรูปให้เหรอ?”
แย่แล้ว ผมไม่ได้ถ่ายเลย ก็ใครจะกล้าแย่งหน้าที่แฟนอย่างอั้มล่ะ

“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเราพักหายเหนื่อยแล้วจะลงไปเล่นต่อ ฝากพัตถ่ายเราเท่ ๆ นะ” บอมยิ้มจนตาปิด ตัวบอมที่เต็มไปด้วยเหงื่อตอนนี้ร้อนจนผมรู้สึกไออุ่นได้เลย สักพักเขาก็เปลี่ยนตัวกลับลงสนาม

ผมถ่ายรูปบอมกับสนไปเรื่อย ๆ ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ จนพักครึ่งแต่บอมกับสนก็ไปนั่งประชุมวางแผนกันเพราะคะแนนสูสีเลยไม่ได้มาคุยกับผม ไม่เป็นไรอ่ะ ได้เห็นพวกเขาสนุกกันแบบจริงจังแค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว ช่วงครึ่งหลังย้ายฝั่งสนามแล้วสักพักสนก็ออกมานั่งพักบ้าง
“ไงพัต สนุกมั้ย?”
“อื้ม ดูสนุกดี”
“เห็นบอมบอกว่าพัตจะเข้าชมรมบาสกับพวกเราใช่มะ? นายดูแล้วชอบเล่นตำแหน่งไหนเหรอ?”
“เราเล่นไม่เก่งน่ะ จริง ๆ เราลืมกติกาหมดแล้วด้วย ไม่รู้เราเหมาะกับตำแหน่งไหน” กับบอมผมไม่กล้าพูดเรื่องนี้
“ไม่ใช่เหมาะไม่เหมาะ มันอยู่ที่ใจนายชอบอะไร” สนจิ้มเบา ๆ ที่อกผม

“ไม่ต้องแคร์ความสูง เก่งไม่เก่ง ถนัดไม่ถนัด กีฬามันมีไว้ให้คนเราข้ามขีดจำกัด ถ้านายชอบนะเราว่านายทำได้ทุกอย่าง คนเพิ่งเริ่มฝึกนี่แหละโคตรตัวเซอร์ไพรซ์ป่วนเกมเลย”
“ขอบใจนะสน”
“เราก็ขอบใจนายที่ช่วยติวอังกฤษตอนวันสอบเข้าให้ ตรงหลายข้อเลยว่ะ เราไปเล่นต่อละ”

เกมดำเนินไปจนจบควอเตอร์ที่ 3 ทุกคนกลับมาพัก 2 นาที ผมหยิบน้ำจะเอาไปให้บอมแต่เห็นเขายืนคุยกับอั้ม บอมยื่นโทรศัพท์ให้อั้มดูแล้วเขาสองคนก็ยิ้มให้กัน...จี๊ดเลยตรู เปิดขวดน้ำแดรกเองเลยละกัน

เกมดำเนินต่อจนจบ ทุกคนเข้ากอดกันแล้วบอมก็เดินมาตรงที่ผมกับอั้มนั่งอยู่

“เราไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวกลับด้วยกัน”
...คือบอมพูดกับอั้มหรือผมวะ?...

มริงคิดว่าเขาพูดกับใครล่ะ ก็ต้องแฟนเขาอยู่แล้ว เมื่อกี้ยังไม่ชัดเจนพอหรือไง แปลว่าอีกคนที่เหลือต้องกลับบ้านเองไง จะนั่งรอจนเป็นหมาหัวเน่าเหรอ เค้าให้มาเป็นตากล้องเสร็จงานแล้วก็กลับบ้านดิ ผมมองไปรอบตัว แต่ละคนก็ยืนคุยนั่งคุยกันบ้าง เก็บของบ้าง

“พัต รอบอมก่อนสิ” อั้มพูด
“เอ่อ...เรากลับเองน่ะครับ ไปละอั้ม บ๊ายบาย”
...ผมก็ต้องไปเงียบ ๆ เป็นแค่เพื่อนจะเรียกร้องให้เขาดูแลเท่าแฟนเหรอวะ…

ผมกดส่งภาพทั้งหมดให้บอมกับสนแล้วสะพายเป้ขึ้นหลังเดินออกมานอกอาคาร สงสัยต้องเดินไปเรียกแท็กซี่ถึงถนนใหญ่

“พัต! รอเราด้วย”
อ้าว! บอมหอบกระเป๋าสัมภาระวิ่งตามผมมา

“ป่ะ พัต กลับบ้านกัน เนี่ยสนก็กำลังมา”
“ร...เรานึกว่าบอมจะไปส่งอั้ม”
“เราชวนพัตมา เราก็ต้องไปส่งพัตดิ”
“ว่าแต่บ้านพัตอยู่ไหนวะ?” สนเดินตามมาถามบอม
“บ้านเราอยู่แถวพญาไท”
“งั้นก็ไปรถไฟฟ้าละกัน พัตไปลง BTS พญาไทใช่มั้ย?”
“อืม”

บอมกับสนคุยกันเรื่องเกมที่เพิ่งเล่นจบไปตลอดทางที่นั่งรถเมล์มาจนถึงสถานี BTS แล้วขึ้นรถไฟฟ้า
“ขอดูรูปที่พัตถ่ายหน่อยสิ”
“เราส่งให้บอมกับสนไปแล้วล่ะตั้งแต่ตอนแข่งเสร็จ”
“อ้าวเหรอ เรายังไม่ทันดูเลย เราออกมาเห็นนายไม่อยู่ อั้มบอกว่าพัตกลับแล้วเราก็รีบวิ่งตามมา”
“ร...เราขอโทษนะบอม”
บอมกับสนตั้งใจจะกลับกับผมตั้งแต่แรกแล้วเหรอ

“น่า ไม่เป็นไร” บอมตบไหล่ผม
“เราขอดูจากมือถือพัตได้มะ? ของนายจอใหญ่ดีอ่ะ” สนพูด
“ได้สิ” ผมยื่นเครื่องของผมให้สน
“พัตก็มาดูด้วยกันดิ” บอมโอบไหล่ผมให้หัวมามุงสามหัวชนกัน ดูยากกว่าเดิมอีก แต่ก็สนุกดี
“โห! รูปนี้เจ๋ง นายถ่ายเก่งนะเนี่ย” บอมพูดโดยไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอ เขาไม่รู้ว่าผมเหลือบตามองเขา ไม่ได้มองจอ
"จังหวะดีด้วยนะมีแค่มริงกับกรูใต้แป้น"
"เออ ตอนนั้นโคตรว่างเลย ไอ้ภูส่งหลอกไปนอกเขตพวกนั้นเลยวิ่งตามไปหมด"

ผมไม่รู้เขาคิดอะไร แต่ผมมีความสุขกับบรรยากาศสามคนแบบนี้ อยากอยู่ไปนาน ๆ

บอมกับสนลงสถานีอ่อนนุช ทั้งสองคนโบกมือให้แล้วผมนั่งรถต่อไปลงสถานีพญาไท สักพักผมเปิดเฟสก็เห็นบอมอัพรูปเขากับสนตอนกำลังชุลมุนใต้แป้น รูปที่ผมถ่าย
แก๊งสามคน
   ไหนวะสามคน กรูเห็นแค่สอง
   อีกคนก็พัตถ่ายรูปไง


ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep6
เปิดเทอม


หลายสัปดาห์ช่วงปิดเทอมผมอัดตารางอ่านหนังสือทั้งทบทวนม.4 ติวล่วงหน้าม.5 ผมอาจเล่นบาสให้เก่งทันไปลงสนามกับบอมและสนไม่ได้ แต่ผมสามารถช่วยพวกเขาเรื่องการเรียนได้ นอกจากนี้ผมก็ซื้อลูกบาสมาฝึกซ้อมพื้นฐานตามยูทิวป์ แต่เอาเข้าจริงก็ยากชะมัด ลูกบาสกระเด็นไปนอกรั้วบ้านบ่อยมาก บางครั้งบอมโทรมาถามวิชาต่าง ๆ ทำให้ผมรู้ว่าเขาอ่านล่วงหน้าอย่างที่ผมเคยแนะนำจริง ๆ

และแล้วก็ถึงวันอาทิตย์สุดท้ายของการปิดเทอม
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอบอมแล้ว” ผมบอกกับตัวเองพลางหยิบชีตเคมีออกมาเตรียมเรียน
“ห้ะ พัตว่าอะไรนะ?” เอสเงยหน้ามาถาม
“อ...เอ่อ เราหมายถึง...” หมายถึงอะไรดีฟระ
“เกมใหม่ของ switch น่ะ จะขายพรุ่งนี้พอดี”
“นายก็เล่น switch เหรอ เราก็มีเหมือนกันแต่ไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นเลย แอดเราได้มะ?”
“ได้ดิ” แล้วเอสก็บอก friend code มา
“แล้วเกมใหม่ที่พัตบอกคือเกมอะไรเหรอเราไม่เห็นรู้เลยว่าจะมีเกมออกใหม่ตอนวันเปิดเทอม”
เอสยังพูดไม่ทันจบประโยค คนตัวสูงที่นั่งข้างหลังก็กระแอมไอเบา ๆ หันไปเจอเขามองตาขวางเลยวุ้ย

“จองเวรจองกรรมพวกเราจริง ที่ตั้งเยอะทำไมมันไม่ไปนั่งที่อื่นฟระ?” เอสกระซิบบ่น
“จริง ๆ พวกเราก็ไม่ควรคุยกันในห้องเรียนน่ะนะ”
“งั้นแอดไลน์เราไว้ละกันนะ”
“ได้ ๆ แต่เราเล่นเกมได้แค่สัปดาห์ละ 3 ชม.นะ”

กลับมาถึงบ้านผมก็อาบน้ำจัดกระเป๋า พรุ่งนี้จะเปิดเทอมแล้ว
โทรหาบอมดีมั้ย คุยอะไรดีล่ะ ยังไม่ทันตัดสินใจอะไรบอมก็โทรมา! เฮ้ย! ขอตั้งสติก่อน!!

“หวัดดีบอม”
“.............” อ้าวทำไมไม่พูด เป็นอะไร?
“ฮัลโหลบอม”
“พัตไม่ค่อยโทรหาเราเลยอ่ะ” เดี๋ยว ๆๆ ไอ้น้ำเสียงแฝงความงอนนี่คืออะไรฟระ

“เฮ้ย เราก็คิดถึง เอ๊ย นึกถึงบอมเหมือนกัน แต่เราเรียนเยอะเลิกก็ดึกแล้ว เราไม่กล้าโทรกลัวรบกวน”
จริง ๆ ที่ผมไม่ค่อยกล้าโทรหาบอมเพราะกลัวจะทำเขารำคาญ มีแต่บอมแหละเป็นฝ่ายโทรมา

“โทรได้ ถึงนอนก็ตื่นมารับได้”
“อืม ๆ แล้วบอมไปเล่นบาสกับเพื่อน ๆ อยู่ไหม?”
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เล่นอ่ะ เตรียมตัวเปิดเทอมกัน”
ผมกับบอมคุยกันต่าง ๆ ที่ทำช่วงปิดเทอมจนเกือบสามทุ่ม

“คืนนี้รีบนอนเถอะพัตพรุ่งนี้เปิดเทอม”
“อืม แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ”
“ราตรีสวัสดิ์นะพัต”

ผมรวบรวมความกล้า
“วันแรกพวกเราเดินเข้าโรงเรียนพร้อมกันไหม? ห...หมายถึงเรา บอม สน”
“..............”
เฮ้ยอย่าเงียบดิ บอมเงียบไปเลยแบบนี้ตรูชักใจเสียนะ

“ได้สิ บอมรอร้านน้ำเหมือนเดิมนะ”
“โอเค แล้วเจอกัน”
บอมวางสายไปแล้ว ผมเอามือถือเสียบชาร์จแล้วล้มตัวลงนอน ประโยคที่บอมเรียกชื่อเล่นตัวเองนี่…โอ๊ย!!! น่ารักชิบเป๋ง เรียกบอมแทนตัวเองแบบนี้ด้วยเสียงหล่อเข้มแบบนั้นแล้วหลับไม่ลงเลย ผมหยิบน้ำยามาขัดหัวเข็มขัดและเข็มกลัดโรงเรียน จัดเป้ใบใหม่ของผมอีกครั้ง พรุ่งนี้ผมต้องดูดีที่สุดสำหรับบอม ผมแทบรอวันเปิดเทอมไม่ไหวแล้ว

--------------------------------------------------------------------------------------------

วันจันทร์เปิดเทอม

พอพ่อจอดรถผมก็ลงเดินเข้าซอยโรงเรียน บรรยากาศทุกอย่างแปลกใหม่ไปหมด นักเรียนหลายระดับชั้นเป็นสิบ ๆ คนเดินเข้าไปทางเดียวกัน ผมสะพายเป้ใบใหม่สีฟ้าที่ซื้อตอนปิดเทอมสำหรับวันนี้โดยเฉพาะ เดินไปถึงหน้าร้านก็เจอบอมกับสนยืนรออยู่แล้ว บอมกับสนที่ผมยาวขึ้นในชุดเครื่องแบบใหม่ เข็มสีทองที่กลัดบนอกเสื้อสีขาวกว้าง ๆ นั่นดูดีชะมัด กางเกงขาสั้นสีดำกับท่อนขายาว ๆ  ถุงเท้าขาว รองเท้าดำ ดูดีไปหมด

“โห! มาเช้ามาก ขอโทษทีนะที่ให้รอ”
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเรามาเร็วน่ะ ป่ะเข้าโรงเรียนกันเถอะ”
“เอ๋...เป้ของพัต” บอมจับที่เป้ใบใหม่ของผม
“มีอะไรเหรอ?”
“เป้นายเหรอ?” บอมถาม
“ใช่ เราเพิ่งซื้อวันที่เราเจอบอมที่ร้านฮะจิบังหน้าโรงหนังไง จำได้มะ?”
“อ้อ วันนั้นเราก็นึกว่าพัตมากับใคร” บอมพูด
“เรามากับใคร? ยังไงนะ? เห็นผีฮะจิบังนั่งร่วมโต๊ะกับเราเหรอ?”
“ก็เรานึกว่าพัตมากับเพื่อน เห็นมีก๋วยเตี๋ยวสองชามแล้วก็มีเป้สองใบ”
“อันนั้นเรากินคนเดียว”
“โห! กินเยอะขนาดนั้นได้ไง”

“เอ่อ...พัต โรงเรียนเก่านายเค้าให้ใช้เป้แบบนี้เหรอ?” สนถามบ้าง
“อืม ทำไมเหรอ?”
“กรูว่าละ นายมาจากโรงเรียนเอกชนนี่เอง รู้มั้ยว่าโรงเรียนนี้เค้าไม่ให้ใช้เป้อื่นนอกจากเป้ตราโรงเรียน”
“อ้าว จริงอ่ะ?”
ทันทีที่พูดจบอาจารย์ที่ใส่แว่นหนายืนหน้าโรงเรียนก็แกว่งไม้เรียวเรียก ฉิบหายซวยแล้วตรู

“นักเรียนคะ รู้ไหมคะว่าห้ามใช้เป้แฟชั่น ต้องเป็นกระเป๋าหนังดำหรือเป้โรงเรียนเท่านั้น”
“ขอโทษครับ”
“ในระเบียบการก็มีเขียนไว้นะคะ ถือสมุดตำราไปค่ะ แล้วเขียนชื่อเบอร์โทรเหน็บเป้ไว้ตรงนี้ ตอนเย็นค่อยมารับกลับค่ะ แล้วพรุ่งนี้ใช้กระเป๋าหรือเป้ให้ถูกระเบียบนะคะ”

อะไรฟระ วันแรกของการเข้าเรียนดันโดนครูด่า เป้ที่อุตส่าห์ซื้อสำหรับมาเรียนโรงเรียนใหม่โดยเฉพาะก็โดนยึด
“ไม่เป็นไรนะพัต” บอมปลอบ
“เสียดายแทนเลยว่ะ เป้นายออกจะสวย” สนพูดพลางโอบไหล่ปลอบใจ
“อือ ขอโทษพวกนายด้วยนะ วันแรกก็ฤกษ์ไม่ค่อยดีละ”
“โอ๊ย อย่าคิดมาก”
เช้าวันแรกผมอุตส่าห์ตั้งความหวังจะได้เดินเข้าโรงเรียนพร้อมบอม มีต้นไม้ประจำโรงเรียนที่ยังเหลือดอกประปรายอยู่สองข้างทาง ...แต่นี่มันผิดจากที่หวังไปหมดเลย

“อ้อ! เราเอานี่มาคืนบอมด้วย ขอบคุณมากนะ วันนั้นถ้าไม่ได้บอมช่วยเราคงแย่แน่” ผมหยิบถุงดินสอยางลบกบเหลายื่นคืนให้บอม
“อืม มาเราช่วยถือหนังสือ” บอมยิ้มจนตาปิด รอยยิ้มที่เป็นกำลังใจให้ผมมาตั้งแต่วันสอบเข้า

พอเดินขึ้นถึงชั้นสามก็มาถึงห้องประจำชั้นม.4/2 บอมยื่นหนังสือคืนให้
“เราไปก่อนนะสน พัต แล้วตอนพักเที่ยงมากินข้าวด้วยกันนะ มริงด้วยสน”
“เออ ห้องพัตถัดไปอีก 2 ห้องใช่มั้ย? เดินไปด้วยกันนะ” สนพูด

ตอนเดินผ่านห้องถัดไป ห้องประจำชั้นม.4/3 ผมมองกวาดเข้าไปแต่ดูเหมือนเอสยังไม่มา
“ถึงห้องเราแล้ว” ผมชี้ป้ายห้อง
“งั้นเราไปละ ห้องประจำชั้นเรา 4/8 คงอยู่สุดระเบียงโน่นเลย” สนโบกมือแล้วเดินต่อไป

ผมเดินเข้าห้องที่ไม่คุ้นเคย ไม่รู้จักใครสักคนเลย แถวหน้าสุดยังว่างอยู่ เอาไงดีหว่า ไม่อยากพลาดอะไรแบบเรื่องเป้อีก ผมเลยเดินเข้าไปหาคนที่อยู่ใกล้สุด

“หวัดดีครับเราชื่อพัตนะ เค้ากำหนดไหมว่าใครต้องนั่งตรงไหนครับ?”
“ไม่รู้สิ แต่ไม่เห็นมีกระดาษอะไรบอกไว้หน้าห้องนะครับ เราก็นั่งตามใจเหมือนกัน เราชื่อตุลย์นะ”
“ขอบคุณครับตุลย์” เลือกตามใจชอบงั้นก็ดี ผมเลือกแถวหน้าซ้าย ทำเลที่ครูจะไม่บังกระดาน แล้วจัดสมุดหนังสือเรียนใส่ลิ้นชักโต๊ะ

“โดนยึดเป้เหรอครับ?” ตุลย์ย้ายมานั่งข้าง ๆ
“แหะ ๆ ใช่ครับ”
ผมหยิบมือถือมาเปิดรูปตอนบอมกับสนเล่นบาส แก๊งสามคน ...ตอนนี้แต่ละคนไปอยู่คนละห้องเลย ผมรู้สึกใจหาย...ผมกดปิดมือถือเก็บใส่กระเป๋ากางเกง

“พัต! ป่ะไปซื้อเป้โรงเรียนกัน” บอมเดินเข้าห้องมา
“ซื้อเป้เหรอ?”
“ใช่ พัตจะได้ไม่ต้องหอบสมุดแบบนี้ทั้งวัน”
“บอมครับนี่ตุลย์ ตุลย์ครับนี่บอม”
“หวัดดี ๆ”
บอมดึงมือผมให้รีบเดินตาม “ต้องรีบขนาดนี้เลยเหรอ?”
“นายจะได้ไม่รู้สึกแย่ไปตลอดวันไง”

ตรูไม่ใช่เปราะบางแบบนั้นนะว้อย!

เดินมาถึงห้องสหกรณ์ แย่ละคนเต็มไปหมดเลย และส่วนใหญ่คือ...มาซื้อเป้ เหอ ๆๆๆ
“บอมคนเยอะมากอ่ะ เรามาซื้อเองทีหลังก็ได้ นายไปเตรียมตัวเข้าเรียนเถอะ”
“ไม่ได้หรอก เราตัดสินใจแล้วต้องทำให้ได้”

ผมมองเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังออในห้อง นั่นเอสนี่หว่า
“เอส!” ผมตะโกนเรียก
เอสหันมาเห็นผม ผมโบกมือให้
เอสทำมือเป็นแว่นแปะหน้าพลางทำหน้าโหด ๆ แล้วทำท่าสะพายเป้ ผมผงกหัวหงึก ๆ เขาทำนิ้วโอเคแล้วสักพักก็ออกมาพร้อมเป้ 2 ใบ

“พัต นายก็ซวยเหมือนเราใช่มะ?”
“ฮะ ๆๆ ช่าย โดนยึดเป้ ขอบใจมากนะครับ ราคาเท่าไหร่เหรอเอส?”
“750 บาทอ่ะ”
“เราไม่มีแบ๊งค์ย่อยแฮะ เดี๋ยวโอนให้ได้มั้ย?”
“ได้สิ”

บอมยืนงงมองหน้าผมกับเอสสลับกัน
“บอมครับนี่เอส เอสครับนี่บอม”
“หวัดดีเอส”
“หวัดดีบอม”
“บอมอยู่ห้อง 2 น่ะ” ผมบอก
“อ้าว งี้ก็ห้องเรียงกันเลยดิ บอมห้อง 2 เราห้อง 3 พัตห้อง 4” เอสพูด
“ขอบใจอีกทีนะครับเอส เดี๋ยวพวกเราขึ้นห้องก่อนนะ”
“อืม บ๊ายบาย เราจะไปเดินเล่นรอบ ๆ ก่อน”

ระหว่างที่เดินขึ้นบันไดกลับไปห้องประจำชั้นบอมก็เอ่ยถาม “เพื่อนจากโรงเรียนเก่าเหรอ? ดูสนิทกันจัง”
“เปล่านะ เรารู้จักเอสตอนเรียนพิเศษ บังเอิญมากเลย”
“นายนี่” บอมขยี้หัวผม
“ว้อย อย่าดิเดี๋ยวผมเสียทรง”
“เรานึกว่านายเป็นพวกลูกคุณหนู แต่นี่เปิดมาวันแรกนายก็มีเพื่อนตั้งหลายคนแล้ว นายโดนยึดเป้ก็ไม่เห็นจะเสียใจ จัดการปัญหาอะไร ๆ ได้สบายเลย”
“เราไม่คุณหนูแบบนิยายอย่างนั้นหรอก เราแสบกว่านั้นเยอะ”
“อย่างเช่น?”
“ไม่บอก” ผมอมยิ้ม ผมมันร้ายกว่าที่นายนึกนะบอม

------------------------------------------------------------------

เอสสะพายเป้ใบใหม่เดินกลับขึ้นห้อง
“เปิดเทอมวันแรกก็เสียตังค์ละ ซวยชิบเป๋ง แล้ววันนี้จะมีอะไรอีกไหมเนี่ย?”
“ก็ช่วยนั่งเงียบ ๆ ไม่คุยเสียงดังแบบตอนเรียนพิเศษละกัน”

...เสียงใครฟระโคตรคุ้นเลย เอสหันหลังกลับไป
“เฮ้ย!!!”
“เราไม่ได้ชื่อเฮ้ย เราชื่อตี้”

------------------------------------------------------------------

คาบ 3 และ 4 เป็นวิชาฟิสิกส์ที่ต้องย้ายมาเรียนอาคาร 4 เป็นอาคารสำหรับกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์
พวกเราทยอยเดินเข้าห้องในขณะที่อาจารย์ยืนรออยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ดแล้ว คุณครูบิ๊วที่เคยติวพิเศษที่บ้านให้ผมสามเดือนระหว่างปิดเทอมนั่นเอง

“อาจารย์ชื่อพิพัฒน์นะครับ เรียกอาจารย์บิ๊วก็ได้”

ถึงจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วแต่ก็อดรู้สึกเกร็งไม่ได้ที่ต้องแกล้งทำเหมือนไม่เคยรู้จักคุณครูมาก่อน สองคาบแรกเป็นความรู้ฟิสิกส์เบื้องต้นและหน่วย SI ซึ่งผมเรียนตั้งแต่อยู่ห้องคิงม.3 โรงเรียนเก่าแล้ว คิดเสียว่าเรียนทบทวนเล่นฉากเดิมเก็บไอเท็มให้ครบ 100% ก็แล้วกัน ยังไงก็อย่าเรียกผมให้ตอบคำถามอะไรนะเพราะผมคงทำตัวไม่ถูกถ้าต้องแกล้งทำว่าไม่เคยเรียนมาก่อน

จบคาบ 4 ทุกคนทำความเคารพอาจารย์แล้วเดินออกจากห้อง ผมเดินก้มหน้าออกมาโดยไม่มองคุณครูบิ๊ว ถึงเวลาพักเที่ยง ผม, บอม, สนก็แยกกันไปซื้ออาหารแล้วมานั่งรวมกัน

“คาบสุดท้ายเย็นนี้เป็นคาบสันทนาการนะ ทุกคนมาเล่นบาสกันนะ”
บอมยิ้มกว้าง ดูท่าเขาจะชอบบาสมาก ท่าทางดีใจจนเนื้อเต้นเหมือนเด็กกำลังจะไปร้านของเล่นยังไงยังงั้น
"พัตบอกว่าเล่นไม่เป็นแต่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพวกเราสอนนายให้ เนอะสน?" บอมกอดคอผมพลางถามเพื่อนสนิท

นายนี่ถึงเนื้อถึงตัวตลอด แล้วจะไม่ให้ผมคิดอะไรได้ไงฟระ ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ บอมนะ แต่เรื่องอยู่ชมรมบาสกับพวกนายเนี่ย…ผมนึกถึงภาพบอมกับสนถอดเสื้อเล่นบาส...คือถ้าตรูต้องเจอช็อตแบบนี้ทุกวันจะเก็บความรู้สึกได้ยังไงฟระ

“เอ่อ...เราจะไปเล่นสแครบเบิ้ล” สนตอบ
“ห้ะ! มริงเนี่ยนะ?”
“เออดิ เค้าว่าเล่นสแครบเบิ้ลจะได้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเพิ่ม”
“จริงเหรอพัต?”
“ก็จริงนะ” ผมก็เคยอยู่ตอนม.ต้น ก็ได้คำศัพท์เยอะขึ้นนะ รวมถึงคำศัพท์แปลก ๆ อย่าง AA, FAQIR, QANAT แต่ผมไม่ไปหรอกเพราะเดาได้เลยว่าจะเจออะไร

“งั้นพวกเราไปลงสแครบเบิ้ลด้วยกันทั้งสามคนเลยมั้ยจะได้เรียนเก่ง แล้วตอนเย็นค่อยมาเล่นบาสกัน” บอมเสนอ
“......” ก็อยากตอบนะแต่ผมเลือกจะเงียบดีกว่า พวกนายไม่รู้หรอกว่าจะเจออะไร

“บอม มริงอยากเล่นบาสก็เล่นไปดิ” สนพูดแล้วลุกออกไปเลย
“อ้าวเฮ้ย มริงเป็นอะไรวะ?” เหลือแค่บอมกับผมนั่งอยู่กับบรรยากาศอึมครึม
“มันเป็นอะไรฟระ พัตรู้มั้ย?”
“บอมครับ ใจเย็นนะ”
“นายรู้เหรอสนมันเป็นอะไร?”
“ห้อง 8 คือสายศิลป์ เราว่าสนอาจรู้สึกแย่ที่ทำคะแนนสอบได้น้อยเลยอยากเรียนเก่งขึ้นมั้ง เราเดานะ”

---------------------------------------------------------------------------------

15:40น.
คาบสันทนาการ

สนก้าวเข้ามาในห้องตึก 11 ที่จัดเป็นห้องเล่นสแครบเบิ้ลสำหรับคาบนี้ คุณครูประจำชมรมเข้ามาถามชื่อ
“ใบสนครับ ห้อง 4/8 ครับ”
“เคยเล่นสแครบเบิ้ลมาก่อนไหมจ๊ะ?”
“เคยเล่นแค่ตอนเด็ก ๆ ครับ”
“งั้นเดี๋ยวครูหากลุ่มให้นะ ต้องเล่น 4 คนแบ่งเป็น 2 ทีมนะ มีใครอยากให้เพื่อนใหม่เล่นด้วยไหมจ๊ะ?”
ทั้งห้องเงียบกริบ...อะไรฟระ?
“งั้นใบสนนั่งกับกลุ่มนี้นะ พวกเธอช่วยสอนเพื่อนด้วยนะ” ครูรุนหลังผมเข้าไปในกลุ่ม 3 คน

เด็กแว่นที่สนจับคู่ด้วยอธิบายกติกา
“เราจะหยิบตัวอักษรออกมา 7 อันแล้วเรียงใส่บาร์ ระวังอย่าให้ฝ่ายโน้นเห็น”
“อ้อ เราพอเข้าใจอยู่”
“งั้นนายเรียงคำแรกบนบาร์ให้เราดูหน่อยว่าจะใช้คำไหน อย่าอ่านออกเสียงนะ”
BAND
“บ้าเปล่าวะ อักษรใช้ง่ายพวกนี้เก็บไว้ก่อน มันผสมคำได้หลายแบบ” ไอ้แว่นกระซิบ
“เราขอโทษ เอ่อ...งั้นนายเล่นไปละกันเราขอดูก่อน”

อะไรฟระ ทำไมมันดูไม่สนุกประเทืองปัญญาอย่างที่คิดไว้เลย ไอ้แว่นนี่แม่งก็อารมณ์ร้ายฉิบหาย เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชม. ยิ่งเล่นยิ่งเบื่อ ว่าแต่ไอ้แว่นนี่ทำไมมันชอบก้มขึ้นก้มลงตลอด
“ไอ้เสก มริงแบมือมาดิ๊!” อีกฝ่ายตวาด
“อะไร กรูไม่ได้ทำอะไร”
“กรูบอกให้มริงแบมือ!”

เชรี่ยอะไรวะพวกมริงเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ จู่ ๆ ทะเลาะกันเพราะอะไรฟระ? ก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นไอ้แว่นก็ยัดบางอย่างใส่มือผมที่อยู่ใต้โต๊ะ ตัวอักษรสแคร้บเบิ้ลตั้งหลายอัน! ผมเข้าใจทุกอย่างทันที

“เฮ้ย! นี่นายเล่นโกงเหรอ?” เข้าใจแล้วว่าตัวอักษรที่เกินมามันมาจากไหน ไอ้แว่นจกขึ้นมาจากถึงตอนต้นเกมมากกว่า 7 ตัวนั่นเอง
“ค...ใครเขาก็เล่นกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ไม่เชื่อขอดูในมือแต่ละคนสิ!” ไอ้แว่นตอบ
ผมมองไปรอบห้อง ทำไมมีแต่คนหลบตา แมร่งโกงกันทุกคนเลยเหรอฟระ!?

“พวกนายโกงทุกคนเลยเหรอ นี่เล่นสแครบเบิ้ลหรืออะไรกันวะ?” ไม่มีใครตอบ
“ไม่อยู่แล้วว้อย” ผมหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้อง

อะไรฟระ! นี่เหรอกิจกรรมส่งเสริมสติปัญญา!! เล่นโกงทุกคนแบบนี้เนี่ยนะ!!!
“นี่ๆๆ ใบสน อย่าเพิ่งไปเลยนะจ๊ะ เพิ่งมาวันแรกเองนะ” คุณครูประจำชมรมวิ่งตามมา
“ขอโทษนะครับคุณครู แต่ผมคงอยู่ไม่ได้ ผมขอไปหากิจกรรมอื่นนะครับ” ผมยกมือไหว้ลา
“พวกเธอจะลาออกทั้งสองคนเลยเหรอจ๊ะ? ครูเสียใจนะเนี่ย”
“พวก...ผม?”

พอหันไปข้างหลังก็เจอไอ้แว่นอีกคนยืนอยู่ด้วย ไอ้แว่นยักไหล่หนึ่งที
“ครับ ผมก็ลาออกด้วยครับ”

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep7
ฝึกบาสครั้งแรก


15:40 น.
คาบสันทนาการ

“ตอนม.ต้นพัตเล่นบาสบ้างใช่มั้ย?”
“อืม ก็เล่นตอนม.2”
“งั้นลองเลี้ยงบอลให้ดูหน่อย”
บอมส่งลูกบาสมาให้ ผมก็พยายามตีให้มันเด้งขึ้นลง
“ทำแบบนั้นจะเจ็บมือนะ นายต้องใช้ปลายนิ้วเลี้ยงลูกบาส”
“ยังไงนะ?”
“กางนิ้วออก ไม่ต้องเกร็ง พอลูกบาสเด้งขึ้นมาใช้นิ้วรับ แล้วตอนกดมันลงก็ใช้แค่ข้อนิ้วกับข้อมือ”
...ยากมาก…
“นึกว่าเล่นแมงมุมขยุ้มหลังคาละกัน” บอมก็วางฝ่ามือบนหลังมือผมแล้วทำท่ารวบปลายนิ้วเข้าตรงกลาง
“ข...เข้าใจละ” วิธีอธิบายของนายทำสติสตังผมเตลิดหมดแล้ว

“งั้นวันนี้พัตลองเลี้ยงอยู่กับที่ก่อน แล้วค่อยเดินไปเลี้ยงไป เดี๋ยวเราไปคุยกับรุ่นพี่ก่อนแล้วจะกลับมาสอนชู้ตนะ นายจะได้มีเบสิคไว้เล่นคนเดียวได้”
ผมมองบอมจากระยะไกล มีความสุขชะมัด ช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขา อยากให้มีไปนาน ๆ ถึงแม้ว่าต้องฝึกอะไร ๆ ที่ไม่คุ้นเคยก็ตาม

“เริ่มเลี้ยงบอลได้แล้วนะ งั้นส่งบอลให้เราหน่อย” อ่ะก็โยนลูกบาสให้
“ฮะ ๆๆ ต้องใช้นิ้วของสองมือประคองลูกบาสไว้ระดับหน้าอก แล้วสะบัดข้อมือดันลูกบาสออกไป”
...ยากอีกแล้ว…

“ทำได้ไหม? โอเคแบบนั้นแหละ ส่งลูกบาสให้เราเลย ทีนี้เราจะส่งกลับ พัตก็รับด้วยท่าเดียวกันนี้นะจะป้องกันนิ้วบาดเจ็บ”

“เอาล่ะ นายเริ่มเบสิคได้แล้ว เดี๋ยวมาเรียนการชู้ตกัน แป้นตรงนั้นว่างละ ลองชู้ตดู”
ผมก็ทุ่มลูกบาสไปแต่ไม่โดน

“ฮะ ๆๆ อันนั้นท่าทุ่มลูกฟุตบอล มันจะไม่โด่ง”
“แล้วชู้ตยังไงเหรอ?” ตรูทำอะไรเป็นบ้างฟระ? บอมจะเบื่อผมไหมเนี่ย

“เอามือนึงยกขึ้นเหนือหัวแบบนี้ โอเคนั่นแหละ มือนี้คือมือที่จะออกแรงส่งลูกด้วยข้อมือ แล้วอีกมือประคองด้านข้าง”
“ยังไงนะ?”
บอมสอนหลายทีแต่ผมก็ยังทำไม่ได้ ตรูเลือกผิดหรือเปล่าฟระเนี่ย ผมกลัวเขาเบื่อรำคาญผมแล้วสิ

“อือ...งั้นเอาอย่างนี้ละกัน” แล้วบอมก็เดินอ้อมมาข้างหลัง อกทาบหลัง แขนทาบแขน
“ทำตัวตามสบายนะ” บอมเอียงหัวเข้ามาคุยด้านข้างซอกคอแล้วจัดแขนผมให้ถูกท่า ...คือ...คือนายกำลังกอดเรา ซุกซอกคอเรา พูดเบา ๆ ข้างหูเรานี่ทำตัวตามสบายไม่ไหวหรอกว้อยยย

“ลองชู้ตดู สะบัดแค่ข้อมือนะ”
“ต้องเล็งยังไง?”
“ตามองกรอบสีบนแป้นบาส ไม่ต้องเล็งห่วง เล็งกรอบสีแล้วสะบัดข้อมือ จำความรู้สึกนี่ไว้”
...จำความรู้สึกได้เลยว่าอุ่นมาก...อกกับแขนบอมแข็งมาก ไม่สิ นี่ตรูจะพาตัวเองเข้าโหมด NC แล้วใช่มั้ย

บอมบอกให้ผมยืนที่เดิมแล้วตัวเองวิ่งไปเก็บบอล
“เมื่อกี้บอลต่ำไป ลองเล็งให้สูงขึ้น นั่นแหละ” คราวนี้บอลสูงขึ้นก็จริงแต่เบี้ยวขวา ผมเดินไปจะเก็บลูกบาสแต่บอมกอดเอวไว้
“พัตไม่ต้องไป ยืนที่เดิมนี่แหละ จำความรู้สึกไว้ เดี๋ยวเราไปเก็บลูกให้เอง”

ผมชู้ตอีกหลายครั้งแต่ไม่ลงสักที บอมวิ่งเก็บจนเหงื่อเริ่มเต็มตัว เขาปลดกระดุมลงสองเม็ด เชรี่ยแล้วตรูสมาธ้งสมาธิไม่อยู่แล้ว

พัตมริงต้องตั้งใจ ถ้ามริงชู้ตไม่ลงสักทีแล้วเขาเบื่อมริงล่ะแย่แน่ ในที่สุดลูกบาสก็โดนกรอบสีบนแป้น กระเด้งขอบห่วงแล้ว...กระเด็นออกไป
“เยี่ยม ๆๆ อีกทีนะ คราวนี้เล็งให้สูงกว่ากรอบนิดหน่อย”

ครั้งนี้ลูกบาสโดนเหนือกรอบแล้วหล่นลงห่วงดังซวบ
“เย้! พัตทำได้แล้ว” บอมเข้ามาตบบ่า ตอนนี้เสื้อเขาชื้นเหงื่อเต็มไปหมดเพราะวิ่งเก็บลูกบาสให้ผมครั้งแล้วครั้งเล่า มองเห็นหุ่นเขาลาง ๆ จนผมต้องหลบตา

พวกเราออกมานั่งพักข้างสนาม
“ขอบใจมากนะครับ บอมเหนื่อยแย่เลย โทษนะเพราะเราเล่นบาสไม่เป็น”
“แต่ตอนนี้เล่นเป็นแล้วนี่” บอมหันมายิ้มและโอบเอวผม

...มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะหยุดเวลา หยุดเสียงจอแจรอบข้าง
...ผมเพิ่งสังเกตชัด ๆ ว่าตาของบอมเป็นสีน้ำตาล
...เขาไม่หลบสายตา...ผมก็เช่นกัน
...ไออุ่นที่เขาโอบกอดผมหลายต่อหลายครั้ง...ดึงให้ผม...ลืมเรื่องแฟนเขาไป
...หน้าบอมเคลื่อนใกล้เข้ามา...อะไรก็ได้...ผมอยากได้ทั้งหมด

“เฮ้ยบอม พัต กรูกลับมาแล้ว! ห้องสแครบเบิ้ลแมร่งโคตรเชรี่ยเลย!”
$&%&^*^%$%$#^% แย่แล้ว!!! เมื่อกี้ตรูเกือบทำอะไรฟระ!!

“มีเรื่องอะไรเหรอวะสน?”
สนเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในคาบสแครบเบิ้ล เป็นอย่างที่ผมคาดไว้เลย เพียงแต่ไม่นึกว่าสนจะระเบิดลงตั้งแต่คาบแรก เหอ ๆๆๆ
พวกนายนึกภาพไม่ออกหรอกว่าสังคมเล็ก ๆ ที่หลายคนเอาเปรียบกัน ชิงดีชิงเด่น อิจฉากันทุกวินาทีเป็นยังไง นี่ยังไม่รวมถึงความกดดันและการลงโทษจากครู การกวดวิชาถึงสามสี่ทุ่ม ที่สำคัญคือพ่อแม่ไม่เข้าข้างเรา พวกเขาเห็นด้วยกับเรื่องพวกนี้

“อย่างนี้มริงมาเข้าชมรมบาสเลยละกันนะ”
“เออ กรูก็ว่าที่นี่แหละน่าจะเหมาะสุดละ”
“เมื่อกี้กรูก็คุยกับรุ่นพี่แล้ว เขาว่าจะคัดคนเก่งฟอร์มทีมลงกีฬาสีเลย มริงมาด้วยนะ เดี๋ยวพี่เขาจะแบ่งทีมเล่นกันตอนนี้เลยก่อนจบคาบ”
“งั้นเราเล่นด้วยนะ” อย่าทิ้งตรูดิ ผมก็อยากมีส่วนร่วม
“พัตนั่งดูก่อนละกันนะ อันนี้เราเล่นกับตัวจริงม.5 ม.6 เขาจะเล่นกันโหดมาก เล่นแรงกว่าตอนพวกเราเล่นกันวันนั้นอีก”
“อืม ก็ได้”

หลังจากแข่งเสร็จก็เย็นแล้ว บอมไปคุยอะไรกับรุ่นพี่ ผมกับสนช่วยกันเข็นลังอุปกรณ์เข้าไปเก็บในโรงยิม
“เออนี่พัตรู้มั้ย ตอนเราลาออกจากห้องสแครบเบิ้ลน่ะมีคนลาออกพร้อมเราด้วย”
“โห! เพื่อนสนเหรอ?”
“ไม่อ่ะ ไม่รู้จักเลย เขาบอก ‘ผมก็ลาออกด้วยครับ’ แล้วก็เดินหายไปอีกทางเลย”
“อืม ถ้าเจอแบบนั้นก็คงทนไม่ไหว”

สนปล่อยมือจากรถเข็นไปถอดเสื้อนักเรียนที่ชุ่มเหงื่อออกพาดบ่า
$&^%&^$^%o_O”&%^%#@

“ร้อนชิบเป๋ง เออ! พัต เราลองอ่านหนังสือล่วงหน้าตามที่บอมบอกว่านายแนะนำ แต่แมร่งไม่รู้เรื่องเลยว่ะ ทำไงดีวะปรึกษาหน่อยสิ”
“เอ่อ...งั้น...ว...ว่าง ๆ เรามาติวกัน เราอธิบายให้”
“ขอบใจนะเพื่อน” สนโอบไหล่ผมแน่น ๆ

...นายช่วยใส่เสื้อก่อนได้ไหม กล้ามของสนเป็นมัด ๆ ทั้งกล้ามอกกล้ามท้อง เหงื่อเกาะพราวตัวเงาวับ ตรูจะตายละว้อยยย!! ตรูไม่อยากเป็นคนหลายใจ จิ้นหลายคนว้อย

“เป็นไรวะพัตเดินแข็ง ๆ?”
“เปล่านี่”
นายนั่นแหละต้นเหตุ

“แล้วมีวิธีไหนอีกที่ทำให้เรียนเก่ง?”
“ก็...อ่านเว็บภาษาอังกฤษเรื่องที่นายชอบและมีแอพดิคชันนารีไว้เปิดดูความหมาย แล้วจดใส่สมุดพก”
“เออ เราจะลองดูนะ แล้วแอพนี่มันต้องซื้อหรือเปล่า?”
“มีแอพฟรีหลายอันนะ เดี๋ยวเราส่งลิ้งค์แอพที่เราใช้ให้นะ”
“ขอบใจนะพัต” สนพูดพร้อมจับผมหันไปหาเขา เห็นเขาเปลือยท่อนบนเต็ม ๆ ระยะประชิด เชรี่ยแล้ว ตรูละสายตาไม่ได้

ผมคิดถูกไหมเนี่ยที่เข้าชมรมบาสเดียวกับพวกเขา ถูกเนื้อต้องตัวกันขนาดนี้ ถอดเสื้อให้เห็นแบบนี้...ผมว่าสักวันความคงแตก หรือไม่ผมก็ทนไม่ไหวปล้ำบอมแมร่งบนสนามนี่แหละ

...ผมลืมอะไรไปรึเปล่าหว่า...เฮ้ย! ลืมโทรให้พ่อมารับ!!
“พ่อครับ ขอโทษครับ ผมเพิ่งเสร็จธุระครับ”
“ทำไมเย็นจังล่ะ พ่อเห็นเด็กคนอื่นเดินออกมาตั้งแต่บ่ายสี่แล้ว”
“ค...คาบสุดท้ายของ ม.4 เป็นคาบสันทนาการน่ะครับ เลิกช้าหน่อย”
“อืม รอหน้าประตูโรงเรียนแหละไม่ต้องเดินออกซอยมา มันเริ่มมืดแล้ว”
“ครับ ขอโทษครับพ่อ”

รถของพ่อแล่นมาจอดหน้าประตู เปิดประตูเข้าไปเจอพ่อหน้าบูด
“คาบสันทนาการเหรอ? ชมรมใช่ไหม?”
“สันทนาการแยกกับชมรมครับพ่อ เราเลือกไม่เหมือนกันก็ได้ครับ”
“ลูกเลือกชมรมอะไร? คอมพิวเตอร์, ภาษาอังกฤษ, ห้องสมุด หรือสแครบเบิ้ลเหมือนที่โรงเรียนเก่า?”
“เอ่อ...”
“ชมรมอะไรเหรอ?”
“บ...บาสเก็ตบอลครับ”

บรรยากาศกดดันก่อตัวขึ้นในรถทันที
“แล้วเป้นั่น...”
“ครับพ่อ คือโรงเรียนห้ามใช้เป้สี ผมเลยต้องซื้อเป้โรงเรียน”
“แล้วเป้สีฟ้าของลูกอยู่ไหน?”
“ผมลืมไปเอาคืนจากห้องปกครองครับ พอจบชมรมห้องก็ปิดแล้ว”

พ่อนิ่งเงียบไป...
“งั้นพรุ่งนี้ไปเอาเป้คืนจากห้องปกครองนะ แล้วต่อไปพ่อต้องมารับกี่โมง?”
“สัปดาห์แรกผมยังไม่รู้เลยจะมีกิจกรรมอะไรเลิกกี่โมงครับพ่อ แต่ผมจะโทรบอกพ่อก่อนเลิกครึ่งชั่วโมงนะครับผมสัญญา”

พ่อนิ่งเงียบไปอีกครั้ง คราวนี้นานเลย
“พัต นี่วันแรกลูกก็เหลวไหลหลายเรื่องเลยนะ”
“ครับพ่อ”

“แล้วลูกว่าการเล่นกีฬาจะทำให้เสียการเรียนไหม? วันก่อนลูกบาสของลูกก็ทำกระจกแตกไปบานนึงแล้ว”
“ผ...ผมจะไม่ให้การเรียนตกครับ การออกกำลังช่วยเพิ่มพัฒนาการร่างกายและสมองครับพ่อ”
ผมรู้แล้วว่าพ่อต้องการพูดอะไร

“แต่เวลาแข่งจริงก็อาจบาดเจ็บจนต้องขาดเรียนก็ได้หรือเปล่า? พ่อว่าย้ายไปชมรมสแครบเบิ้ลดีไหม?”
“ผ...ผม...ผมจะไม่ลงเล่นจริงครับ …มันจะเป็นแค่กิจกรรม”

หลังอาบน้ำกินข้าวเสร็จผมก็ขึ้นห้องนอนทันที
...แต่ตอนนี้เล่นเป็นแล้วนี่…ใบหน้าบอมที่ยิ้มตอนพูดประโยคนี้
...ผมจะไม่ลงเล่นจริงครับ มันจะเป็นแค่กิจกรรม...

ทำไมวะ...ทำไมวะ...คิดวนไปมา ผมก็แค่...อยากเป็นคนปกติธรรมดา...อยากเล่นบ้าง

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น บอมโทรมา
“ห...หวัดดี..บอม”
“เออ จะโทรมาบอกว่าวันนี้พัตพัฒนาเร็วมากเลย ฝึกเรื่อย ๆ นะ”
“ข...ขอบใจนะบอม”
“เฮ้ย! ทำไมเสียงนายแปลก ๆ วะ?”
“เรา...เราคงเป็นหวัดน่ะ”
“เหรอ งั้นรีบพักผ่อนนะ ขอให้หายไว ๆ นะพรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนได้”
“อืม ขอบใจนะบอม”

ผมกดวางแล้วมองมือถือ...ผมตั้งภาพบอมกับสนเล่นบาสเป็นภาพหน้าจอแล้วกำมือถือนอน
...เราก็คงได้แค่นี้…ก็ได้แค่คนนอกสนาม

----------------------------------------------------------------------

บรรพตนั่งในความมืดของห้องทำงาน เขากดเบอร์โทรใครคนหนึ่ง
“สวัสดีครับคุณครูบิ๊ว ผมมีอีกงานหนึ่งอยากจะไหว้วานคุณครู”
“สวัสดีครับคุณพ่อของน้องพัต มีอะไรเหรอครับ?”
“ครูช่วยดูผลสอบเข้าของพัตหน่อยว่าตอบผิดข้อไหนบ้าง ผมจะได้หาติวเตอร์สอนพัตในจุดที่เขาอ่อน”
“เอ่อ...กระดาษคำตอบเก็บที่ส่วนกลาง ผมเกรงว่าจะดูยากนะครับ”

“เวลาคุณครูให้เด็กทำข้อสอบ คุณครูมีการเฉลยคำตอบทีหลังใช่มั้ยครับ เพื่ออะไรครับ?”
“เพื่อให้เด็ก ๆ เรียนรู้จากความผิดพลาด จะจดจำได้แม่นมากและไม่ทำผิดซ้ำอีกครับ”
“นั่นสิครับ ที่ผมขอให้คุณครูทำก็จุดประสงค์เดียวกัน พัตจะต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด คุณครูเองก็อยากให้ลูกศิษย์พัฒนาตัวเองใช่ไหมครับ?”

“เอาเป็นว่าผมจะลองดูว่าจะเข้าถึงกระดาษคำตอบได้ไหมนะครับ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2021 18:39:20 โดย Sorrowkung »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep8
dimension


ตื่นเช้ามาปวดเมื่อยเนื้อตัวมาก คือไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสินะเรา แต่ก็ต้องฝืนทำตัวเหมือนปกติไม่ให้พ่อเอามาเป็นประเด็นบ่นอะไรเพิ่มได้อีก
“วันนี้ก็อย่าลืมไปเอาเป้คืนนะ แล้วเอาไว้ใช้แค่ตอนไปเรียนพิเศษพอ” พ่อกำชับตอนจอดรถส่งหน้าปากซอยโรงเรียน
“ครับ”

“หวัดดีพัต”
“หวัดดีบอม สน”
“เป็นไงบ้างหายหวัดยัง?” บอมโอบไหล่มือมาโดนต้นแขนผม
“โอ๊ย!”
“อ้าวเฮ้ย! เจ็บเหรอ?”
“อือ เจ็บแขนนิดหน่อย”
“ความผิดมริงเลยไอ้บอม มริงก็รู้ว่าพัตเค้าเด็กเรียน เสือกฝึกเขาซะหนัก”
“โทษนะพัต เรา...เราเห็นนายทำได้ก็เลยอยากฝึกให้เยอะ ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกบอมสน สนุกดี เราชอบ” เห็นบอมทำหน้าเหมือนจะเจ็บแทนผมแค่นี้ผมก็หายเจ็บแล้ว

“แล้วตกลงหายหวัดยัง?” บอมถามและเอามือแตะหน้าผากผมทันทีไม่รอคำตอบ ...มือของเขาทำให้เรื่องกลุ้มใจทั้งหมดของผมหายไป
“เราหายแล้..” ผมพูดยังไม่ทันจบมือของบอมก็ลอดเข้าปกเสื้อผมมาจับต้นคอ
“เออตัวไม่ร้อนแล้ว ค่อยยังชั่ว” ผมจะไข้ขึ้นก็เพราะมือปลาหมึกของนายนี่แหละ ถึงเนื้อถึงตัวทำให้คิดตลอดเลย

“เราว่าที่พัตเป็นหวัดอาจเพราะใส่ชุดนักเรียนเล่นบาสนะ มันอุ้มเหงื่อ พัตเรียนพละวันไหนเหรอ?”
“วันศุกร์น่ะ”
“เฮ้ย เหมือนกันเลย เราเรียนคาบ 7 กับ 8”
“เราเรียนคาบ 5 กับ 6 น่ะบอม”
“ดี ๆ รุ่นพี่บอกว่าทุกเย็นวันศุกร์จะซ้อมใหญ่ ใส่ชุดพละน่าจะโอเคกว่า เตรียมเสื้ออีกตัวมาเปลี่ยนตอนเล่นเสร็จด้วยนะ แล้วมริงเรียนพละวันไหนเหรอสน?”
“กรูเรียนพฤหัส”
“แบบนี้จะซักตากทันไหม?”
“ไม่น่าทันนะ นี่ก็หน้าฝนด้วย แต่เอาเสื้อบาสมาใช้แทนก็คงได้นะ หลังเลิกเรียนครูคงไม่ว่าหรอก”
“งั้นกรูเอามาบ้างดีกว่า” บอมบอก
...ผมจะได้เห็นบอมกับสนในชุดบาสอีกแล้ว จะดีใจหรือหวาดเสียวดีฟระ...

“เอ่อ...บอมสน เย็นวันศุกร์เราอาจอยู่ได้ไม่นานนะ พ่อเรามารอรับ”
“อ้าวเหรอ นึกว่าจะได้ซ้อมกันนาน ๆ ยังไงพัตลองขอพ่อดูดิ”
“อืมจะลองดู” (ไม่มีทาง แค่นี้พ่อก็จะฆ่าผมอยู่แล้ว) ผมตอบแล้วแยกไปเอาเป้ที่ห้องปกครอง

“เออสน ไหน ๆ จะเอาเสื้อบาสมา มริงว่าเอารองเท้ามาด้วยดีมั้ยจะได้เล่นคล่อง ๆ”
“รองเท้ากรูแมร่งพื้นจะหลุดตั้งแต่แข่งครั้งที่แล้ว ปะกาวสองรอบแล้ว”
“อ้าวเหรอ?”
“นี่ก็เก็บตังค์ซื้อใหม่อยู่”
“อือ แล้วเจอกันตอนพักเที่ยงโต๊ะเดิมนะ”

-----------------------------------------------------------------

“วันนี้ลองร้านใหม่ มีผัดมะกะโรนี น่าอร่อยดีแฮะ” บอมเดินถือจานมานั่งรวมกัน
“พัตกินข้าวหมกไก่อีกแล้วเหรอ?”
“วันนี้ปวดแขน ไม่อยากต่อคิวร้านอื่นนาน ๆ น่ะ คนเยอะเบียดกันไม่ไหว”
“อืม ยังไงถ้าอยากกินร้านอื่นบอกเราได้เดี๋ยวไปซื้อให้ ของสนเป็นข้าวกะเพราหมูสับเหรอน่ากินดีแฮะ”

สนนั่งเหม่อไม่ตอบอะไร
“สน มริงเป็นอะไรวะ?”
“อ..อ้อ ไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่สั่งไข่ดาวด้วยเหรอ เห็นมริงสั่งข้าวกะเพราทีไรต้องมีไข่ดาวประจำนี่?”
“เมื่อเช้ากินมาเยอะแล้วเลยไม่ค่อยหิวน่ะ”

-----------------------------------------------------------------------

ช่วงพัก 30 นาทีระหว่างคาบ 6 กับคาบ 7 สนเดินไปนั่งคนเดียวหลังโรงเก็บของข้างที่จอดรถหลังตึก 10

“เฮ้อ…ทำไงดีวะเนี่ย?”
เดือนนี้เหลือเงินอยู่แค่ 2,500 ไหนจะค่าเรียนพิเศษที่ต้องสมัครภายในสุดสัปดาห์นี้ ถ้าสมัครช้ามันเต็มไปก่อนก็ต้องไปเรียนที่ไกลขึ้นก็ต้องมีค่าเดินทางอีก ห่านเอ๊ยเพิ่งเรียนได้สองวันตรูไม่เข้าใจหลายวิชาเลย แล้วจะเหลือเงินซื้อรองเท้าใหม่ไหมฟระ

เอ๋...มีเสียงคนคุยอะไรอยู่ใกล้ ๆ

“เฟิร์ส ดิมบอกแล้วไงว่าไม่โทรตอนเรียน”
“ก็ตอนเย็นเราต้องเรียนเปียโนเราคุยกับดิมไม่ได้ แม่มานั่งเฝ้า พอค่ำดิมก็อ่านหนังสือนี่”
นั่นไอ้แว่นคนที่ลาออกจากห้องสแครบเบิ้ลพร้อมเรานี่หว่า

“ช่วงเปิดเทอมดิมมีอะไรต้องทำเยอะน่ะ”
“เราก็การบ้านเยอะเหมือนกัน ดิมมีเรื่องเยอะขนาดลืมเราเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่นะ”
แล้วมันจะเปิด vdo.call ทำไมฟระ แต่ก็ดี ชอบฟังคนเป็นแฟนง้อกัน สนุกดี แปลง่าย ๆ ว่าเผือก แฟนแมร่งเสียงน่ารักดีนะ

“แล้วดิมจำได้ไหมว่าเดือนหน้า...”
“จำได้วันเกิดเฟิร์ส ดิมไม่ลืมหรอก”
“ดิมจำได้ไหมว่าสัญญาจะให้อะไรเป็นของขวัญเรา”
“เอ่อ...เอาเป็นว่าเราจะเลือกของที่ถูกใจเฟิร์สให้นะ”
“ดิมอ่ะ...ดิมสัญญาแล้วนะว่า...”
“เฟิร์ส”
“ดิมสัญญาแล้วนี่ ทำไมล่ะ? รู้ไหมว่าเรารอดิมมาตลอด” สัญญาอะไรฟระ พูดวนไปวนมา
“ตอนปีใหม่ดิมก็บอกว่าไม่พร้อม วาเลนไทน์ก็บอกรอก่อน แล้วตอนนี้ดิมยัง...”
“เฟิร์ส! พวกเรายังเด็กอยู่นะ” เฮ้ย อะไรฟระ? อย่าบอกว่าที่กำลังทวงสัญญาคือเรื่อง XXX อะไรแบบนั้น

“แค่นี้ก่อนนะ ดิมต้องไปเรียนแล้ว”
เสียงออดหมดเวลาพักดังขึ้น แต่ไอ้หมอนั่นไม่ยอมขยับเลย แล้วตรูจะเดินออกไปยังไงฟระ

1 นาทีผ่านไป ไอ้แว่นทำไมมริงยังไม่กลับห้อง ไหนมริงบอกแฟนว่าจะไปเรียนไง
2 นาที มันยังถอนหายใจยืนจ้องมือถือพร้อมใบไม้ร่วงลงมาเบา ๆ ประหนึ่งมิวสิควิดีโอ
3 นาที ไม่ไหวแล้วว้อย ตรูจะเข้าเรียนสายแล้ว ค่อย ๆ ย่องผ่านด้านหลังมันไปละกัน...แต่ชีวิตจริงไม่ใช่ละครตลก...เพราะไอ้แว่นมันหันมาพอดี…

“เอ่อ...เราไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนายนะ อันที่จริงเรามาก่อนน่ะ คือเราก็มานั่งกลุ้มปัญหาชีวิตอยู่ตรงนี้ก่อนนายแล้ว”
ไอ้คนชื่อดิมยืนนิ่งตาเบิกโพลงเหมือนคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงกับผมดี

“คือเราก็มีปัญหาชีวิต นายก็มีปัญหาชีวิต เราสองคนเจ๊ากันเนาะ อะไรที่เราได้ยินเราจะลืม ๆ ไปละกัน คอนเวิร์สทางใครทางมันละกันนะ”
“นายได้ยินอะไรบ้าง?” ไอ้คนชื่อดิมเดินเข้ามาพูดเบา ๆ
“ก็ได้ยินไม่ชัดหรอก แค่...เอ่อ...แฟนนายอยากให้นายมีอะไรอย่างว่ากับเขา แต่นายผลัดมาตั้งแต่ปีใหม่วาเลนไทน์สงกรานต์เช็งเม้งวันแรงงานจนเดือนหน้าจะเป็นวันเกิดเขาแล้ว” วิชาย่อความตรูได้คะแนนเต็ม

ดิมจับบ่าผมไว้ ก้มหน้านิ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เชรี่ยแล้ววว”
“พวกนายค่อย ๆ คุยกันนะ เราเอาใจช่วยนะ ใส่ถุงกินยาคุมนะเพื่อน ขอเราไปเรียนได้ไหม กรูจะเข้าสายแล้วเนี่ย”
“เฮ้อ...ทำไงดีวะเนี่ย?” ดิมก้มหน้าถอนหายใจ

ตรูก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะว้อย! ดันบังเอิญแอบฟังแฟนทะเลาะกันเพราะไอ้ผู้ชายไม่ยอม XXX แบบนี้จะให้พูดปลอบหรืออะไรยังไงไปไม่เป็นเลย

“เฮ้ยดิมปล่อย! อย่าให้เราต้องใช้กำลังนะเว้ย”
เอ๋า! เงียบอีก ไอ้สาด ตรูจะกล้าใช้กำลังจริง ๆ ได้ไงในเมื่ออยู่ข้างตึกเรียนที่ทุกห้องทุกชั้นมีนักเรียนกำลังนั่งเรียน ขืนมีเรื่องเสียงดังกันตรงนี้แมร่งชะโงกมาดูกันทั้งตึก ห้องประจำชั้นตรูก็อยู่ชั้นสาม

“เอางี้ดิม! เราไม่บอกใคร นายกลุ้มใจอะไรมานั่งคุยกันหลังเลิกเรียน ตกลงไหม?”
“เออ...ก็ได้”
“ป่ะ ไปเรียนได้แล้ว ตอนเย็นกลับมาเจอกันตรงนี้”
“อืม ขอบใจนะ”

แต่ไอ้ดิมก็ยังเดินขึ้นบันไดตามมาเรื่อย ๆ
“มริง...เอ๊ยนายก็แยกไปดิ จะเดินตามเรามาทำไม?”
“ก็ห้องเราอยู่ทางนี้” ดิมชี้มือห้องติดกับห้องประจำชั้นของผม “เราอยู่ห้อง 7” อ้าวเฮ้ย! นี่อยู่ห้องติดกันเลยนี่หว่า ไม่ทันสังเกตเลย ดิมพูดเสร็จก็เดินเข้าห้องตัวเองไป ส่วนผมค่อยย่องมุดประตูหลังห้องเข้ามานั่งโต๊ะตัวเอง

“ไอ้สน เมื่อกี้มริงเดินมากับเด็กห้องควีนเหรอ?”
“หืม? อะไรนะ? ห้องควีน”
“ใช่ ห้อง 7 ไงห้องควีน มริงไม่รู้เหรอ? เป็นห้องเด็กเก่งรองจากห้องคิง”
“อ้าวเหรอ? มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอฟระ? นึกว่ามีแค่ห้องคิง” ...ไอ้แว่นนกเขาไม่ขันไม่มีปัญญาอึ๊บแฟนนั่นน่ะนะเด็กเรียนเก่ง
“เออ เมื่อวานพวกกรูจะตีสนิท ไปนั่งทานข้าวกับพวกห้อง 7 แมร่งลุกหนีเลยซะงั้น”
“แบบนั้นเลยเหรอ แมร่งยังกะนิยาย แต่มันก็แล้วแต่คนรึเปล่าวะ ไอ้ดิมก็ดูไม่หยิ่งแบบนั้นนะ”
“มริงก็ระวังไว้ เดี๋ยวเจอพวกมันเชิดใส่มริงจะหน้าชา”

-----------------------------------------------------------------

หลังเลิกเรียน ดิมมานั่งรออยู่แล้ว ผมนั่งลงข้าง ๆ
“ไงดิม นายดีขึ้นรึยัง?”
“อืม ขอบใจนะใบสน”
“นายรู้ชื่อเราด้วยเหรอ?”
“เราจำได้ตั้งแต่นายระเบิดลงกลางห้องสแครบเบิ้ลน่ะ ฮะ ๆๆ”
คำตอบของดิมทำผมอึ้งไปแว่บนึงแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก คือผมจะชวนคุยอะไรยังไงได้ฟระ อึดอัดชิบเป๋ง เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อนเลยแถมไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วย

“ตอนนายโมโหนั่นโคตรเจ๋งเลยนะ ตอนนี้นายดังในกลุ่มห้องคิงกับห้องควีนเลยนะ 555 เราล่ะอยากมีความกล้าแบบนายบ้างจัง”
“รู้สึกยังไงก็ทำออกไปอย่างนั้น แค่นั้นแหละ เดี๋ยวนะ! แล้วห้องคิงห้องควีนมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?”
“ส่วนใหญ่ในชมรมสแครบเบิ้ลก็พวกห้องเรากับห้องโน้นแหละ”
นี่ตรูเดินเข้าไปในชมรมเด็กเรียนระดับหัวกะทิเรอะ แล้วทุกคนมีนิสัยขี้โกงแบบนั้นน่ะนะ

“แล้วที่ใบสนบอกว่ามีปัญหา บอกเราได้มั้ยเผื่อเราช่วยได้ ไหน ๆ นายก็ช่วยเราแล้ว”
“เรียกเราสนเถอะ เรียกชื่อเต็มเรารู้สึกจั๊กจี้ยังไงไม่รู้ และเราไปช่วยอะไรนายตอนไหน?”

ดิมผงกหัวเบา ๆ
“แค่มีนายนั่งอยู่ด้วยตอนเรามีปัญหาก็ช่วยเราแล้ว...คิดดูดิเรื่องแบบนี้เราจะเล่าให้ใครฟังได้”
มันก็จริงนะ ถ้านกเขาตรูไม่ขัน ไม่อยากปั่มป๊ามกับแฟนเนี่ยไม่เล่าให้ใครฟังแน่
 
“แล้วปัญหาของสนคืออะไรเหรอ?”
“คือ…เอ่อ...เราไม่มีตังค์ไปเรียนพิเศษน่ะ นี่เพิ่งเปิดเทอมมา 2 วันเราเรียนไม่รู้เรื่องตั้งหลายวิชา”
ทำไมตรูถึงเล่าเรื่องนี้ให้คนที่เพิ่งรู้จักฟังได้ง่าย ๆ ฟระ? ขนาดไอ้บอมผมยังไม่บอกมันเลย

ดิมมองผมด้วยหน้านิ่ง ๆ ไม่มีการล้อเลียนหรือทำหน้ารังเกียจ
“สนไม่เข้าใจวิชาไหนบ้าง?”
“เลข อังกฤษ วิทยาศาสตร์” เพิ่งเปิดเทอมได้ 2 วัน ตรูไม่เข้าใจวิชาหลักสักตัว

ดิมนิ่งไปสักพักนึงแล้วหันมาตอบ “เราติวให้นายได้นะ เราอาจไม่ได้เก่งมากแต่ก็คงช่วยนายประหยัดค่าเรียนพิเศษได้”
“เฮ้ย! เกรงใจน่ะดิม”
“ให้เราช่วยอะไรสนบ้างเหอะ เอาเป็นว่าวันมะรืนมาเริ่มติวที่นี่หลังเลิกเรียนครึ่งชม.นะ”
“ตอนเย็นเราต้องซ้อมบาสน่ะดิม”
“‘งั้นตอนเช้าก็ได้ เดี๋ยวเราไปก่อนนะสน” ดิมพูดพลางลุกขึ้น แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันจะติวให้ผมทำไมเลยกุมมือมันไว้ก่อน
“ดิม ถ้านายจะทำดีกับเราเพื่อปิดปากเราเรื่องนั้นน่ะ ไม่ต้องก็ได้ เราไม่พูดอยู่แล้ว”
“เราอยากแก้ปัญหาให้เพื่อน ถ้าไม่ใช่ปัญหาใหญ่คงไม่มานั่งกลุ้มคนเดียวใช่มั้ย เราเพื่อนกันแล้วนะ”
ผมมองตามันว่ามันหมายความแบบนั้นจริง ๆ หรือแค่อยากอวดว่ามันฉลาดกว่าผม

“ถ้าเราทำให้นายรู้สึกไม่ดี เราขอโทษนะ”
“ไม่หรอก คือเพื่อนห้องเราเพิ่งเล่าเรื่องที่มันไปคุยกับคนห้องนายแล้วโดนเมิน เราเลยคิดว่าจริง ๆ นายอาจไม่อยากสุงสิงกับเรา”
“เรื่องนั้นนี่เอง” คราวนี้ดิมทำหน้าอมทุกข์แบกโลกหนักยิ่งกว่าตอนคุยกับแฟนมันซะอีก แมร่งนิ่งไปเลย นิ่งไปนานด้วย เฮ้ย ๆๆๆ
“ดิมนายเครียดไปเลยเหรอ เราก็แค่ห่วงว่านายฝืนทำเพื่อปิดปากเรา ก็แค่นั้นแหละ ติวก็ติวดิวะ!”
“อืม มะรืนนี้เจอกันนะ”

------------------------------------------------------------------

เวลาเดียวกัน ณ ห้องเก็บเอกสารแผนกธุรการ

“คุณน้องบิ๊วคะ ตกลงหาแบบใบประเมินการสอนปี 60 เจอไหมคะ?”
“ยังไม่เจอเลยครับพี่ศรีเพ็ญ ผมว่าน่าจะอยู่ลังนี้มั้งครับ”
“จำเป็นต้องใช้ด่วนเหรอคะ? ปีการศึกษานั้นก็ผ่านไปนานแล้วนะคะ”
“คือผมจะทำพรีเซนต์ข้อมูลย้อนหลังคืนนี้น่ะครับ ขอโทษด้วยนะครับ เกรงใจพี่จริง ๆ ครับ”
“พี่ต้องรีบกลับบ้านด้วยสิ งั้นพี่ฝากปิดห้องด้วยนะคะ ไม่ต้องปิดประตูเหล็กนะคะเดี๋ยวรปภ.มาจัดการเอง”
“ได้ครับ ขอบคุณมากครับ”

กระดาษคำตอบสอบเข้าม.4 อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญแต่โรงเรียนก็ต้องจัดเก็บ 3 ปีตามมาตรฐาน ISO มีอีกทางที่จะได้เห็นคือเข้าไปดูฐานข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์แต่ต้องได้ลายเซ็นอนุมัติจากอาจารย์หัวหน้าแผนก...พร้อมกับคำถามว่าทำไมถึงอยากดู อันนั้นแหละที่ผมไม่อยากให้ใครรู้ ที่มาขอหาเอกสารตอนหลังเลิกเรียนก็หวังให้อ.ศรีเพ็ญทิ้งผมไว้ในห้องแบบนี้แหละ ลังกระดาษใหม่ล่าสุดที่เพิ่งย้ายมาเก็บห้องนี้ กระดาษคำตอบอยู่ในนี้ ผมรู้เลขประจำตัวผู้สอบของน้องพัตจึงหาไม่ยาก

กระดาษคำตอบวิชาแรก คณิตศาสตร์ ...นนภัทร วงศ์ประสาน...49/50
ผมถ่ายรูปเก็บไว้พลางสงสัย ที่ผมรับงานแปลก ๆ นี้จากพ่อน้องพัตเพราะเรื่องนี้แหละ

กระดาษคำตอบวิชาที่สอง วิทยาศาสตร์ ...นนภัทร...50/50 พัตไม่ได้ห้องคิงทั้งที่ตอนติวทำได้ดีมาก คะแนนแต่ละวิชาก็สูงขนาดนี้
กระดาษคำตอบวิชาที่สาม ภาษาไทย ...นนภัทร...49/50
กระดาษคำตอบวิชาที่สี่ สังคม ...นนภัทร...47/50
แทบจะได้เต็มทุกวิชา หรือคอมพิวเตอร์ตรวจผิด?

กระดาษคำตอบวิชาสุดท้าย ภาษาอังกฤษ ...นนภัทร...17/50

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep9
ซีคอน


6:35น. เช้าตรู่วันพฤหัสบดี
 
“ฮ้าวววว! ขนาดแม่ปลุก ตรูยังไม่เคยตื่นเช้าเท่านี้เล้ย” ผมบ่นพลางหาวง่วง ทำไงได้ไอ้ดิมนัดติวตอนเช้า ยังดีที่ติวในโรงอาหาร คงเรียนไปกินข้าวไปได้นะ ผมแวะซื้อข้าวกะเพราหมูสับแล้วเดินไปที่โต๊ะ...ที่ไอ้ดิมนอนฟุบอยู่
“เฮ้ย นัดเรามาแท้ ๆ ดันนอนซะนี่”
“อ...อือ...สนมาแล้วเหรอ โทษที” ดิมเงยหน้ามางัวเงียหยิบแว่นใส่
“ถ้าตื่นไม่ไหวก็อย่านัดเช้าดิ แล้วกินข้าวยัง?”
“ยังเลย”
“อ่ะ” ผมดันจานไปตรงหน้ามัน
“สนกินไปเลยก็ได้ เดี๋ยวเราค่อยไปซื้อ”
“อันนี้ตั้งใจซื้อมาให้นายเป็นค่าติว เดี๋ยวเราไปซื้ออีกจาน กินไปเลยนะไม่ต้องรอ”

ผมวางกระเป๋ากับถุงกางเกงวอร์มและไม้ปิงปองบนม้านั่งแล้วเดินกลับไปซื้อข้าวกะเพราหมูสับอีกจานมานั่งกินตรงข้ามกับมัน ดิมมองสองจานแล้วอมยิ้ม
“สนใจดีเนอะ”
“ใจดีไงวะ?”
“ก็จริง ๆ แล้วข้าวกะเพรานี่นายกะจะกินเองใช่มั้ย? พอไปซื้ออีกจานก็ยังเป็นข้าวกะเพราเหมือนเดิมทั้งที่มีตั้งหลายร้าน”
ดิมอธิบายแบบเข้าใจตรูทะลุปรุโปร่ง ...ตรูเริ่มเข้าใจความน่ากลัวของพวกเด็กเรียนแล้ว แมร่งอ่านใจตรูได้จากแค่ข้าวกะเพรา 2 จาน!
“คิดมากอ่ะมริง รีบกินเหอะ” ผมตัดบท หลังจากกินเสร็จผมเอาจานไปเก็บข้างหลังโรงอาหารแล้วเริ่มติวซะที
“วิชาเลขละกันนะ สนไม่เข้าใจตรงไหน?”
“ฟังก์ชั่นคอมโพสิตอ่ะ โคตรงง fog gof อะไรไม่รู้เรื่องเลย”
“อือ งั้นเริ่มจากโจทย์ง่าย ๆ ก่อนจะได้เข้าใจรูปแบบ” แล้วมันก็เริ่มวาดรูป
“ดูกลับหัวแบบนี้เรายิ่งงง เดี๋ยวเราไปนั่งฟากเดียวกับนายดีกว่า”

ผมนั่งข้างซ้ายของดิม มือขวามันจะได้ไม่บัง
โจทย์กำหนดว่า f = {(1,b),(2,c),(3,d)}
และ g = {(d,x),(b,y),(c,z)}

“เมื่อเขียนเป็น gof(1) เราก็ไปดูว่าชุดวงเล็บไหนของ f ที่นำหน้าด้วย 1 ก็คือ (1,b)
ดู b ตัวหลังให้ดีนะเราจะใช้มันเป็นตัวไปหาคำตอบขั้นถัดไป
มาดูบรรทัดของ g ชุดวงเล็บไหนที่นำหน้าด้วย b ก็คือ (b,y)
เราก็เอาตัวหลังของชุดนี้มาเป็นคำตอบ
gof(1) = y
คล้าย ๆ เล่นเกมปริศนามองหาไล่ไปตามลำดับน่ะ”

“อ๋อ ก็ไม่ยากนี่นา แบบนี้ถ้า gof(2) ก็เท่ากับ z ใช่มั้ย?” ผมเขยิบเข้าไปดูกระดาษให้ชัด ๆ ไอ้ดิมก็เขยิบหนี
“จะกระเถิบไปทำไมล่ะ ช่วยดูหน่อยเราตอบถูกมั้ย?”
“เออ...ตอบถูกแล้ว” จากนั้นดิมก็เขียนโจทย์ให้ลองทำอีกหลายข้อแล้วค่อย ๆ ยากขึ้น เออแฮะตรูทำได้เว้ยเฮ้ย
“ขอบใจนายมากเลยนะ เข้าใจขึ้นเยอะเลย”
“อืม เพื่อนกันน่ะ เราช่วยสนประหยัดค่าเรียนได้เราก็ดีใจ”
“เจ็ดโมงครึ่งละ ป่ะขึ้นห้องเอากระเป๋าไปเก็บด้วยกัน”

ระหว่างเดินผ่านลานกลางโรงเรียนเพื่อไปห้องประจำชั้นผมก็หาเรื่องชวนดิมคุย
“นายอุตส่าห์ติวให้เรา ถ้ามีอะไรให้เราช่วยก็บอกเราได้นะดิม”
“อืม”
“แล้วชอบดูหนังดูละครอะไรไหม?”
“ไม่ได้ดูอ่ะ” เออ...เด็กเรียนเขาก็แบบนี้สินะ
“แล้วตอนนี้เข้าชมรมอะไรเหรอ?”
“คอมพิวเตอร์”
“เออดีเนอะได้เล่นเกม”
“เขียน Python น่ะ” คืออะไรฟระ คล้ายไบก้อนไหม?
“หลังเลิกเรียนนายทำอะไรบ้างที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนเนี่ย?”
“ก็...วิ่งล่ะมั้ง”
“เฮ้ย! เรานึกว่านายเป็นเด็กเนิร์ดบ้าเรียนตลอดเวลาซะอีก ก็ออกกำลังเหมือนกันนี่หว่า ดี ๆ วิ่ง 100 เมตรเหรอ? หรือวิ่งผลัด?”
ดิมนิ่งไปครู่หนึ่ง “ก็แค่วิ่งรอบสนามบอลน่ะ ไม่ได้เป็นนักกีฬาอะไร” เอ็งวิ่งรอบสนามบอลเป็นงานอดิเรกหลังเลิกเรียนเหรอ?

“ถึงห้องเราละ เราไปก่อนนะสน พรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิม” ดิมพูดแล้วเดินเข้าห้อง 4/7 ไป ผมเดินต่อไปห้องประจำชั้นตัวเองก็เจอพัตเดินผ่านมา
“หวัดดีพัต” อ้าวทำไมมันไม่ตอบฟระ หน้าตาเครียด ๆ
“พัต เป็นอะไรวะ?”
“อ้าว! สน หวัดดี”
“นายเป็นอะไรทำหน้าแปลก ๆ?”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก ...แล้วบอมอยู่นี่ด้วยไหม?”
“ไม่อ่ะ มันคงอยู่ที่ห้องมันมั้ง เราก็เพิ่งมาจากโรงอาหาร มีธุระอะไรกับไอ้บอมเหรอ?”
“เอ่อ...ไม่มีหรอก ก็ปกติเห็นสนกับบอมอยู่ด้วยกัน งั้นเราไปก่อนนะ ใกล้ได้เวลาเข้าแถวแล้ว”

สนมองตามหลังของเพื่อนไป
“พัตมันเป็นอะไรของมันวะ?”

---------------------------------------------------------------------------------

7:15น.
หลังจากลงรถพ่อที่ปากซอยผมก็รีบเดินไปร้านน้ำหน้าโรงเรียน ...แต่ไม่มีเขาที่นั่นเหมือนวันก่อน ๆ
นี่เปิดเทอมมาหลายวันแล้วพวกเขาก็คงมีเพื่อนมีกลุ่มในห้องตัวเอง คงไม่มารอเราเหมือนวันแรก ๆ อีกแล้วล่ะ… ผมปลอบใจตัวเอง ช่างเถอะเดี๋ยวตอนเข้าแถวก็ได้เจอกัน ผมหยิบมือถือมาเช็คข้อความก่อนปิดเครื่องตามระเบียบโรงเรียน หืม! มีข้อความจากครูบิ๊ว!

ครูบิ๊ว: เย็นนี้พัตมาเจอครูที่ศูนย์อาหารห้างซีคอนชั้น 4 นะครับ

ตั้งแต่ติวเสร็จก่อนสอบเข้าจนถึงวันนี้ครูบิ๊วไม่เคยส่งขอความอะไรมาเลย...ครูนัดเจอที่ห่างไกลโรงเรียนแบบนี้...หรือว่าหรือครูรู้แล้ว? ผมเม้มปากแน่น หรือมันอาจไม่มีอะไรก็ได้ ผมยืนคิดทั้งที่ในหัวสับสนไปหมด

ตอนนี้ผมอยากเจอบอม ภาพที่เขาหันมายิ้มในห้องสอบ ภาพนั้นที่ทำให้ผมมีความกล้าทำเรื่องบ้า ๆ นี้...แต่มันก็เป็นไปไม่ได้...ผมต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้ด้วยตัวเอง ที่แน่ ๆ ต้องกลับบ้านค่ำแน่เพราะห้างอยู่นอกเส้นทางกลับบ้านขนาดนี้ผมต้องโทรบอกพ่อก่อนไม่งั้นระเบิดลงอีก 

“พ่อครับ เอ่อ...เย็นนี้ผมจะกลับบ้านเองนะครับ”
“หืม? มีอะไรเหรอลูก?” พ่อเสียงดุมาเลย แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ชัดอย่างหนึ่งคือ...พ่อไม่รู้ว่าครูบิ๊วนัดผม ไม่งั้นพ่อคงพูดขึ้นมาเองแล้ว
“ผมจะไปติวกับเพื่อนครับ เดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองครับ”
“เพื่อนคนไหนเหรอ? ทำไมไม่อ่านตอนพักเที่ยง กลับดึกมันอันตรายนะ” ชิบเป๋งละยังไม่ทันคิดเลย!
“อ่า...เอ..เอสครับ เพื่อนที่เคยเรียนพิเศษด้วยกันตอนปิดเทอมครับ” ชื่อเดียวที่คิดขึ้นมาได้
“อืม ถ้าจะให้พ่อไปรับก็โทรบอกได้นะ”
“ครับพ่อ”

ผมกดลบข้อความของคุณครูบิ๊วแล้วปิดมือถือ ผมยังยืนงง ๆ ว่าหลอกพ่อประมาณนี้โอเคใช่ไหม พ่อไม่รู้ว่าครูบิ๊วนัดผมแปลว่าครูไม่ได้บอกพ่อ อย่างน้อยครูน่าจะอยู่ข้างผม ผมเดินผ่านประตูโรงเรียนไปขึ้นอาคารเรียน ในหัวยังสับสนและกลัวไปหมด
“พัต เป็นอะไรวะ?” เสียงของสนดึงสติผมกลับมา
“อ้าว! สน หวัดดี”
“นายเป็นอะไรทำหน้าแปลก ๆ?”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก ...แล้วบอมอยู่นี่ด้วยไหม?”
“ไม่อ่ะ มันคงอยู่ที่ห้องมันมั้ง เราก็เพิ่งมาจากโรงอาหาร มีธุระอะไรกับไอ้บอมเหรอ?”
“เอ่อ...ไม่มีหรอก ก็ปกติเห็นสนกับบอมอยู่ด้วยกัน งั้นเราไปก่อนนะ ใกล้ได้เวลาเข้าแถวแล้ว”
นั่นสินะ ชีวิตจริงไม่ใช่นิยายที่เวลาเรามีปัญหาแล้วเขาจะโผล่ออกมาได้จังหวะแบบนั้น...อะไรที่ทำไปก็ต้องจัดการให้จบให้ได้ด้วยตัวเอง

ใกล้ได้เวลาเข้าแถว เพลงมาร์ชโรงเรียนดังทั่วโรงเรียน ผมลงไปยืนประจำแถวที่ลานหน้าเสาธง แถวของห้องม.4/4 และมองไปข้างหน้าอีกสองแถว ผมมองหาบอมเหมือนทุกวันแล้วก็เห็นเขาอยู่ตรงนั้น แถวของห้องม.4/2 ทุกเช้าผมเห็นแผ่นหลังของเขา ผมรองทรงสั้นกับต้นคอสีน้ำตาลอ่อน เห็นเวลาเขายิ้มคุยกับเพื่อน เห็นแบบนี้ทุกเช้าจากระยะห่างได้แค่นี้ ไม่รู้ว่าผมกำลังเศร้าหรือสุข ตอนพักเที่ยงผมก็นั่งโต๊ะอื่นเพราะกลัวจะซ่อนสีหน้าจากบอมไม่ได้

--------------------------------------------------------------------------------

16:37น.

หลังเลิกเรียนผมสะพายเป้เดินออกประตูใหญ่ไปขึ้นรถเมล์เพื่อไปซีคอน นักเรียนเยอะมากทั้งไปขึ้นรถโรงเรียนและรถเมล์ มันเป็นบรรยากาศที่ผมไม่คุ้นเคย ตั้งแต่ตอนสอบเข้าจนถึงวันนี้วันที่ 4 ของการเปิดเทอมผมไม่เคยขึ้นรถเมล์แถวนี้เลย เปิดแอพเช็คสายรถเมล์ ต้องไปต่อรถที่สี่แยก ชักกังวลนิด ๆ จะไปถูกไหมเนี่ย ผมเดินเข้าไปยืนรอที่ศาลาหน้าโรงเรียน คนเยอะมากเลย ฟ้าก็เริ่มครึ้มฝนทำให้ผมเครียดมากขึ้น ผมต้องส่งข้อความบอกบอมด้วยว่าเย็นนี้ไม่ไปซ้อมบาส

พัต: โทษทีบอม วันนี้เราต้องกลับก่อนนะ มีธุระ

สักพักมือถือผมก็ดังขึ้น บอมโทรมาเลย
“พัตมีธุระเหรอ? ตอนเที่ยงเราก็ไม่เห็นนาย”
“เอ้อ ใช่ ๆ เราต้องรีบกลับน่ะ”
“เสียงดังจังพัต นั่นนายอยู่ศาลาหน้าโรงเรียนเหรอ?”
“ใช่ ๆ” ทำไมเดาแม่นจังฟระ
“เฮ้ย! พัตจะไปไหนอ่ะ? นั่งรถเมล์ไปเหรอ? ขึ้นเป็นหรือเปล่า?” คือตรูไม่ใช่ลูกคุณหนู แต่ก็ดีใจที่เขาเป็นห่วงนะ
“ไปซีคอนน่ะ”
“เหรอ ไปทำอะไรน่ะ ดูหนังเหรอ?”
“เปล่า คือเราไปติวหนังสือน่ะ”
“โห ไปไกลจัง เอ้อ! สนบอกเราว่าเมื่อเช้านายเครียด ๆ เป็นอะไรรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอก เราแค่ห่วงว่าจะไปห้างไม่ถูกน่ะ เราไม่เคยไป”
“ให้เราไปด้วยไหม เดี๋ยวเราไปหาที่ศาลา แถวนั้นบ้านเราเอง เราชำนาญ”
“ไม่เป็นไรหรอก บอมซ้อมบาสเถอะ แค่เราโดดซ้อมก็เกรงใจมากแล้ว”
“ไปไหวจริง ๆ เหรอ ให้เราพาไปก็ได้นะไม่ต้องเกรงใจ อยากโดดซ้อมเหมือนกัน 555”
“เราไปได้ ขอบใจนะบอม”
“อืม งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ ฝนใกล้ตกนะดูแลตัวเองด้วย ไปถึงก็โทรมานะ”

ก่อนหน้านี้ผมรู้แค่ว่าบอมลง BTS อ่อนนุชแต่ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ตรงไหน ตอนนี้แค่รู้ว่าบ้านบอมอยู่แถวซีคอนผมก็ใจชื้นขึ้นมาละ แบบนี้ใช่มั้ยที่เขาบอกว่าแค่เห็นหลังคาบ้านก็ชื่นใจ ผมลงรถเมล์ที่หน้าห้างแล้วหาทางขึ้นศูนย์อาหารชั้น 4 พอไปถึงก็เจอคุณครูโบกมือให้จากโต๊ะที่หลบหลังมุมกำแพง ผมยกมือไหว้แบบเกร็ง ๆ นี่เป็นการพูดคุยกันครั้งแรกตั้งแต่สอบเข้า

“ครูนัดกะทันหันไปนิด น้องพัตกลับบ้านได้อยู่นะ?”
“ได้ครับ” ผมนั่งลงด้านตรงข้าม บนโต๊ะมีตำราเรียนที่ครูวางไว้ให้เหมือนนักเรียนมาติวกับติวเตอร์
“คุณครูมีธุระอะไรเหรอครับ?” เข้าประเด็นไปเลย ทุกอย่างมันผิดปกติไปหมดจนไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว คุณครูไม่พูดอะไรแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วยื่นถุงพลาสติกให้ ผมรับมาแบบงง ๆ
“ตามสัญญาครับ น้องพัต” เกมใหม่ของ Nintendo Switch เหรอ?
“แต่...แต่ผมไม่ได้ห้องคิงนะครับ”
“ครูเห็นคะแนนสอบของพัตแล้ว น้องพัตอยากเล่าอะไรให้ครูฟังก็เล่าได้ทุกเรื่องนะ ครูปิดทุกอย่างเป็นความลับให้”
“ค...ครู...รู้แล้วเหรอ?”
“รู้แล้วครับ ลูกศิษย์คนนี้ทำได้สูงมากทั้ง 4 วิชา คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาไทย, สังคม
ยกเว้นวิชาสุดท้ายของการสอบ...ทำให้ได้แค่ 17 ข้อจาก 50 ข้อ” ...ครูรู้แล้ว...
“วิชาสุดท้ายคือภาษาอังกฤษ...วิชาถนัดที่สุดของพัต ถนัดถึงขนาดมั่นใจว่าตอบถูกแค่ 17 ข้อแล้วคะแนนเฉลี่ยออกมาเป็น 84.8% คะแนนสูงสุดที่จะได้เข้าสายวิทย์-คณิตแน่นอน โดยไม่เข้าห้องคิงและห้องควีน ไม่ใช่ความบังเอิญใช่ไหมครับน้องพัต?”

...คุณครูพูดทุกอย่างที่ผมตัดสินใจทำ...ความคิดแค่แว่บเดียวในตอนนั้น

“ฮึกๆๆ ครูอย่าบอกพ่อแม่ผมนะครับ” ผมกลั้นทุกอย่างไม่ไหวแล้ว
“คุณพ่อของพัตให้ครูค้นหากระดาษคำตอบเพื่อจะหาติวเตอร์มาสอนจุดที่พัตได้คะแนนน้อย แต่ไม่ต้องห่วงนะครูแต่งเรื่องให้แล้วว่าข้อสอบปีนี้ยากและพัตอ่อนวิชาสังคม”

“ผม...ผมไม่อยากอยู่ห้องคิง ฮึก ๆๆ ครูรู้มั้ย...ผมเจออะไรบ้างตั้งแต่ป.6 จนถึงม.3”

“พวกผมถูกบังคับให้เรียนของม.4 ทำการบ้านมากกว่าห้องปกติ 3 เท่าทุกวัน พอตอบผิดก็โดนบังคับให้กินบอระเพ็ดขม ๆ โดนทำโทษให้วิ่งรอบอาคาร ฮึก ๆๆ ผมอาย”

“ไปแข่งตอบปัญหาสัปดาห์วิชาการแพ้โรงเรียนอื่นก็โดนด่า โดนอดอาหาร”

“พวกผมต้องเขียนโจทย์ยาก ๆ ให้เพื่อนในห้องตอบไม่ได้แล้วเขาจะโดนทำโทษ แต่ถ้าเขาทำได้ผมต้องโดนทำโทษ ครูรู้มั้ยพวกเราโดนบังคับให้กลั่นแกล้งกันเองแบบนี้ทุกวัน ผม...ผมไม่มีเพื่อน ทุกคนกลัวว่าคนอื่นจะเก่งกว่า”

“ต้องฝึกปัญหาเชาว์ คณิตคิดในใจ คิดช้าโดนประจาน หลังเลิกเรียนต้องเรียนกวดวิชาให้ครบทุกวัน ต้องติวถึง 3-4 ทุ่มช่วงก่อนสอบ ผมเจอแบบนี้มาตลอด”

“ฮึก ๆๆ แล้วครูรู้มั้ยว่าอะไรที่แย่ที่สุด? คือตอนที่ผมบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ แต่เค้าบอกว่าดีแล้วอยากเก่งต้องเคี่ยวเข็ญแบบนี้! ...ไม่มีใคร...เห็นใจผมเลย ฮึก ๆๆ”

“พัต...ครูไม่เคยรู้เลยว่า...”

“ไม่เป็นไรครับ ครู...ครูอย่าบอกพ่อแม่ผมก็พอ...ขอบคุณสำหรับเกมนะครับ...” ผมเก็บมันลงในเป้ น้ำตามันเอ่อจนเห็นอะไรไม่ชัด

“สำหรับครูแล้วพัตเป็นยิ่งกว่าเด็กห้องคิงนะครับ พัตเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง ต่อไปถ้าพัตมีปัญหาอะไรปรึกษาครูได้ตลอดนะ”
“ข...ขอบคุณครับ งั้นผม ก..กลับบ้านนะครับ”
“ให้ครูไปส่งไหม?”
“ฮึก...ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ครับ”

ผมเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ สภาพตรูตอนนี้ทุเรศชะมัด แต่ก็ดี...อย่างน้อยผมได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นมานานซะที แต่ตอนนี้แมร่งปริ่ม ๆ จะร้องไห้ตลอดเวลา เดินเล่นสักพักให้ใจสงบก่อนดีกว่า...ตอนนี้ผมเป็นอิสระแล้วใช่มั้ย เป็นนักเรียนธรรมดา ไม่มีห้องคิง ไม่มีการเรียนโหดร้ายแบบนั้นอีกแล้ว จะเดินห้าง จะเล่นเกมตู้ จะแวะร้านเกมร้านการ์ตูนก็ได้แล้วใช่มั้ย คุณครูก็ช่วยโกหกพ่อแม่ให้แล้ว คงไม่มีใครสงสัยอีกแล้วใช่มั้ย

ครืน….ครืน…เสียงอะไร? อย่าบอกนะว่าฝนใกล้ตก ลมพัดแรงมากพร้อมละอองฝน ผมรีบข้ามสะพานลอยไปฟากตรงข้ามห้าง ฝนเริ่มตกแล้ว เมฆฝนมืดตื๋อเลย พยายามเรียกแท็กซี่แต่ทุกคันมีคนโดยสารหมด แล้วสักพักฝนก็ตกหนักแบบมืดฟ้ามัวดิน ทีนี้ตรูจะกลับบ้านยังไงฟระ! รถติดแน่ ๆ รถเมล์ก็ไม่มา จากนี้กว่าจะถึงบ้านจะใช้เวลากี่ชั่วโมง ผมวิ่งเข้าไปหลบฝนใต้สะพานลอยพลางชะเง้อหาแท็กซี่แต่ดูจะไร้ความหวังเพราะวินาทีนี้แทบทุกคนก็เรียกรถอุตลุต กว่าจะมีหลงมาถึงป้ายรถเมล์ที่ผมยืนสักคัน ผมวิ่งฝ่าฝนไปที่รถแต่พอบอกว่าไปพญาไทหรือสถานี airport link เขาก็ไม่ไป

เกือบสองทุ่มแล้ว ผมเริ่มเปียกมากขึ้นทุกที แย่แล้วพ่อด่าแน่
“พัต!”

ผมหันไปตามเสียง ผมไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย คนผมรองทรงในชุดนักเรียนที่เปียกปอนนั่น...บอม!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2020 03:01:15 โดย Sorrowkung »

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep10
อ่อนนุช 17


“บอม นายมาได้ยังไง?”
บอมก้าวยาว ๆ เบียดเข้ามาหลบฝนใต้สะพานลอยกับผม ถึงจะเปียกไปทั้งตัวแต่เขาหอบเหมือนวิ่งมาไกล
“แฮ่ก ๆ...กว่าจะหานายเจอ”
“นายตามหาเราเหรอ?”
“ก็เราเป็นห่วง กลัวนายหลงทางเลยโทรหาแต่โทรไม่ติด เรากลัวว่านายจะเป็นอะไรเลยตามหา”
“อ้าวเหรอ?” ผมหยิบมือถือมาดู แบตหมดตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ผมหยิบพาวเวอร์แบ๊งค์มาเสียบ

ฝนที่สาดเข้ามาทำให้บอมเดินกระเถิบเข้ามาอีก “เราเป็นห่วงนะเนี่ย”
“ขอบใจนะบอม ขอโทษนะตอนเรามาถึงห้างก็ลืมโทรบอกบอมด้วย”
“น่า พัตสบายดีเราก็สบายใจแล้ว”
“แต่ตอนนี้เนี่ยสิ แค่หารถไปสถานีหัวหมากยังยากเลย” ผมมองการจราจรบนถนน
“ถนนศรีนครินทร์รถติดมาก แถมกำลังสร้างรถไฟฟ้าอีกไม่มีแท็กซี่คันไหนยอมไปแน่”
“อือ นี่เราก็เรียกมาเป็นชั่วโมงละ รถเมล์ก็ไม่มาเลย เฮ้อ” ทำยังไงดีถึงจะกลับบ้านได้ ป่านนี้พ่อแม่เป็นห่วงแย่แล้ว

“เราว่าคืนนี้นายค้างบ้านเราดีกว่า”
เฮือก!!!

------------------------------------------------------------

แท็กซี่เลี้ยวเข้าซอยอ่อนนุช 17 ตามที่บอมบอก ฝนยังตกอยู่ บอมเปิดประตูรั้วทาวน์เฮาส์ 4 ชั้นแล้วบอกผมรีบวิ่งลุยน้ำท่วมตามเข้ามา ถอดรองเท้าถุงเท้าไว้หน้าบ้าน
“เอาเป้ไว้หน้าบ้านละกัน เอาสมุดหนังสือข้างในออกมาด้วยนะ” ยังดีที่ฝนเข้าไม่ถึงข้างในเป้ไม่งั้นสมุดหนังสือเปียกเละหมดแน่
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้วครับ พัตมาค้างด้วยครับ”
บอมตะโกนไปด้านในตัวบ้าน คุณแม่ของบอมเดินออกมาหน้าตาตื่น

“เปียกฝนกันมั้ยเนี่ย? ว้าย! ระวังเป็นหวัดนะ! บอมรีบพาเพื่อนไปอาบน้ำเร็ว!”
“สวัสดีครับคุณน้า ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ผมยกมือไหว้คุณแม่ของบอม
“สวัสดีจ้ะ คนนี้เหรอพัตที่บอมพูดถึงบ่อย ๆ รีบไปอาบน้ำก่อนเถอะ บอมรีบให้พัตอาบห้องข้างบนนะ แล้วลูกมาอาบห้องข้างล่าง”
“ครับแม่ ป่ะพัต” บอมคว้าแขนผมขึ้นบันไดไปชั้นสองแล้วเปิดไฟห้องน้ำให้
“พัตเข้าไปอาบก่อนเลย เดี๋ยวเราหาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าให้”

ด้วยความต่างที่ เขาบอกให้ทำอะไรผมก็ทำ พอถอดชุดนักเรียนที่เปียกโชกออกก็ก้าวเข้าไปอาบฝักบัว สักพักบอมก็เคาะประตู ก๊อก! ก๊อก!
“พัต เราเอาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้ามาให้แล้ว”
เดี๋ยวนะ ตอนนี้ตรูแก้ผ้าแล้วจะเปิดประตูห้องน้ำได้ไงฟระ
“เดี๋ยวนะบอม ขอเราแต่งตัวก่อน”
“เฮ้ย! นายจะกลับไปใส่ชุดเปียก ๆ ทำไม เนี่ยเราเอาชุดใหม่มาให้”
“เอ่อ...ก็”
“เร็ว ๆ เราหนาว”

ผมแง้มประตูห้องน้ำเปิดไปรับผ้า เจอบอมเปลือยท่อนบนนุ่งแต่ผ้าเช็ดตัว เชร้ดดด! เจอภาพแบบนี้เข้าไปตรูคุมสายตาตัวเองไม่ได้เลย
“ข...ขอบใจนะบอม”

บอมที่ไม่ใส่เสื้อแทบจะเป็นคนละคนกับที่ผมมองจนเคยชินในชุดนักเรียน หุ่นผอมไหล่กว้างผิวสีน้ำตาลอ่อนกับกล้ามล่ำไปถึงกล้ามท้อง มีน้ำชื้นยิ่งขับกล้ามให้ชัดขึ้น ถึงจะเคยเห็นในเฟสเขาแล้วแต่เจอจัง ๆ แบบนี้ทำตัวไม่ถูกเลย

บอมดึงผ้ากลับแต่เดินชิดเข้ามาที่ช่องประตู อมยิ้มขำ ๆ
“เอ่อ...บอม เราขอผ้าเช็ดตัว” ผมพยายามหลบหลังประตูและเอื้อมมือออกไป
“เราว่า...” บอมยิ้มมุมปากแล้วผลักประตูห้องน้ำเบา ๆ
“เราอาบกับนายดีกว่า”
“เฮ้ย! อย่า!! ไม่ได้!!!”ผมผลักประตูห้องน้ำต้าน เล่นอะไรของนายวะบอมมมมม ตรูแก้ผ้าอยู่!!
“ฮะ ๆ ไม่ได้จริงอ่ะ?” หนุ่มนักบาสยังหยอกไม่เลิก พยายามดันประตูเปิดเข้ามาให้ได้
“ไม่เอ๊า! ไม่เล่น!” มริงอย่าคะยั้นคะยอ เดี๋ยวตรูเปลี่ยนใจ!! ปากบอกไม่เอาแต่ใจผมตอนนี้นึกเตลิดไปไกลแล้ว
“ก็ได้ ๆๆ ไม่แกล้งพัตละ เอ้านี่ผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้า เดี๋ยวเราไปอาบข้างล่างนะ”

เชรี่ยละ! นี่มันบอมเวอร์ชั่นที่ผมไม่เคยเจอ ปกติแค่เจอความเทคแคร์เพื่อนแบบโคตรถึงเนื้อถึงตัว เดี๋ยวจับแขน เดี๋ยวแตะหน้าผาก เดี๋ยวโอบกอดก็ทำตรูจิ้นไปถึงไหนต่อไหนละ เลเวล 2 คือจะอาบน้ำด้วยกันเลยเรอะ! เขาเล่นกับเพื่อนแบบนี้ทุกคนรึเปล่าฟระ อาบน้ำไปก็ใจเต้นไม่หยุด ถ้าเมื่อกี้ผมตอบตกลงบอมจะเข้ามาจริงไหม ...ห่านเอ๊ย! ทำไมตรูปฏิเสธ... เขาจะคิดอะไรกับผมหรือเปล่า แล้วถ้าผมเข้าใจผิดไปเองข้างเดียวล่ะ...ตรูคิดถูกมั้ยที่มาค้างบ้านเขา

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ เอ่อ...แล้วจะตากผ้าเช็ดตัวตรงไหนหว่า ชุดนักเรียนที่เปียกนี่อีกจะให้ไว้ตรงไหน บอมก็ยังอาบน้ำไม่เสร็จ ครั้นจะเดินลงไปถามคุณแม่ก็ไม่รู้จะคุยกับผู้ใหญ่ยังไง มีเสียงคนเดินขึ้นบันไดมาพอดี
“พัตอาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ?”
“อืม เราต้องตากผ้าที่ไหนเหรอ?”
“เอามาตากที่ระเบียงห้องเราเลย” บอมที่นุ่งแต่ผ้าเช็ดตัวเดินนำไปยังห้องที่ประตูเปิดแง้มมีแสงไฟ “รกหน่อยนะ”
ผมเปิดประตูระเบียงเอาผ้าไปตากที่ราวแล้วนั่งลงบนเตียง ให้ตายเหอะผมไม่สามารถหยุดชำเลืองมองบอมที่กำลังแต่งตัวได้เลย ผิวสีน้ำตาลอ่อนมีกล้ามทั้งตัว บอมสวมกางเกงเข้าไปใต้ผ้าเช็ดตัวก่อนดึงผ้าเช็ดตัวออกแล้วหยิบขวดทรอสโคโลญจ์สูตรสีเขียวขึ้นมาทาตัวแล้วใส่เสื้อยืดทับ บอมเดินเอาผ้าเช็ดตัวมาตากที่ระเบียงบ้าง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ผมเจอประจำเวลาเขาอยู่ใกล้คือโคโลญจ์อันนี้นี่เอง บอมนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ผม ใกล้จนได้ความอุ่นบวกกลิ่นหอม ผมยุ่ง ๆ เป็นธรรมชาติหลังอาบน้ำของเขาเป็นภาพที่ผมรู้สึกดีมาก ๆ
“โทรบอกที่บ้านเรียบร้อยแล้วนะ?”
“อืม โดนดุเลย ฮะ ๆๆ”
บอมอมยิ้ม “ดีจังที่ชวนพัตมานอนกับเรา”
“ด...ดียังไงอ่ะ?”
“ก็เวลาอยู่ที่โรงเรียน นายเหมือนเด็กเรียน เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด ชอบทำหน้าเครียด” บอมโอบไหล่ผม
“เพิ่งเห็นเวลาพัตหัวเราะ”
“เหรอ ฮะ ๆๆ”

บอมไม่พูดอะไร เอาแต่มองกับยิ้มบาง ๆ และลูบไหล่ผมช้า ๆ อีกมือวางลงบนขาผมเบา ๆ
...คืออะไรวะ...ช่วงเวลาที่ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง ผมมองตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น บางอย่างบอกให้ผม
...ก้าวข้ามเส้น...ความรู้สึกเหมือนเย็นวันนั้นข้างสนามบาส...ควบคุมตัวเองไม่ได้
...แขนอุ่น ๆ ของเขา…ผมคิดไปเองไหมว่าแขนเขากำลังดึงผมเข้าไปใกล้เขามากขึ้น หน้าผากเราสองคนจะแตะกันแล้ว เขาจะทำอะไร...อะไรก็ได้

“บอมรีบพาเพื่อนลงมากินข้าวเร้ววว!”
“ครับแม่!” บอมขานรับแล้วดึงแขนผมลุกจากเตียง “ป่ะ ไปกินข้าวกัน”
“อ...อืม” ผมใช้มือซ้ายกดเป้ากางเกง เชร้ดดดของขึ้นเลยตรู...เกือบไปแล้ว! บอมคงไม่สังเกตเห็นนะ

“ตักเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจเลยนะลูกพัต กินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ”
“ขอบคุณครับคุณน้า”
“เรียกแม่เถอะจ้ะ” คุณแม่ของพัตพูดพลางแตะแขนผม (ผมรู้ละ นิสัยชอบจับแขนจับตัวของบอมมาจากใคร)
“เห็นบอมบอกว่ามาติวที่ซีคอนแล้วติดฝนเหรอลูก?”
“ช...ใช่ครับคุณแม่” คือตอนเรียกคุณแม่ใจก็เต้น หน้าร้อนวูบวาบ

“ขยันจังเลย ดีนะพ่อแม่คงดีใจมาก”
“เอ่อ...ครับ”
“พัตเค้าเรียนเก่งมากเลยครับแม่ ช่วยสอนผมตอนสอบเข้าด้วย”
“อุ้ย! ลูกแม่สอบได้เพราะหนุ่มน้อยคนนี่เอง”
“ไม่หรอกครับ บอมเค้าเก่งอยู่แล้ว สอนผมเล่นบาสด้วยครับ”
“ดีจ้ะ จะได้แข็งแรง แล้วลูกพัตบอกคุณพ่อคุณแม่ยังจ๊ะว่าคืนนี้นอนที่นี่?”
“บอกแล้วครับ”
“ดีแล้ว พ่อแม่จะได้ไม่เป็นห่วง แล้วมาค้างบ่อย ๆ นะบอมจะได้มีเพื่อน ลูกแม่เค้าไม่ค่อยเห็นพาใครมาเที่ยวบ้าน มีแต่สนนี่แหละที่มาบ่อย ๆ”
“ก็เพื่อนคนอื่นอยู่ทางสมุทรปราการนี่แม่”

คุณแม่ชวนคุยเรื่องต่าง ๆ สักพักก็ขอตัวไปพักผ่อน
“สองหนุ่มทานไปเรื่อย ๆ นะ แม่ไปนอนก่อนนะ”
“ครับ เดี๋ยวผมจัดการครัวเองครับแม่” พอทานเสร็จผมก็ช่วยบอมล้างจานคว่ำตากแล้วขึ้นห้องนอน บอมเอาแปรงสีฟันอันใหม่ให้ผมแปรงฟันแล้วไปจัดกระเป๋าต่อ

“พรุ่งนี้พัตเรียนวิชาไหนบ้างล่ะ เอาหนังสือเราไปแทนก่อนนะ”
“ขอบใจนะบอม เอ่อ...ก็มีเลข ภาษาไทย เคมี พละ สุขศึกษา สังคม”
“เอ้อ! พัตมีพละวันศุกร์คาบ 5-6 นี่นา! เราก็มีพละคาบ 7-8 ทำไงดีล่ะเรามีชุดพละตัวเดียว?”
“ไม่เป็นไร เทอมนี้เรียนปิงปอง ไม่ต้องใส่ชุดพละก็เล่นได้ เราขอยืมแค่ไม้ปิงปองก็พอ”
“แต่พัตจะโดนครูดุหรือเปล่า? นายเอาชุดเราไปเถอะ”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ มาค้างนี่ก็เกรงใจมากแล้ว เราไม่เครียดกะแค่เรื่องไม่มีชุดเครื่องแบบหรอก ขอยืมไม้ปิงปองก็พอ เดี๋ยวตอนจบคาบเราเอาไปให้บอม”
“อืม งั้นคืนนี้เข้านอนกันเหอะ”
ผมขึ้นนอนบนเตียงฝั่งหนึ่ง บอมกดปิดไฟแล้วเดินมาที่เตียง เอาจริง ๆ ผมใจเต้นไม่น้อยเลย ผมกำลังจะได้นอนข้างบอมบนเตียงเดียวกัน

มันยากมากที่ต้องอยู่ใกล้เขาที่ไม่ระวังตัวอะไรเลยแบบนี้ เดี๋ยวนุ่งผ้าเช็ดตัว เดี๋ยวจะอาบน้ำด้วย เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้า แล้วยังตอนนั่งบนเตียงโอบไหล่มองหน้ากันนั่นอีก ผมจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว อยู่แบบนี้อีกสักพักคงบังเอิญได้กันแน่ ๆ
 
ไฟมืดลง เสียงฝนยังตกไม่หยุด มีแต่แสงจากไฟถนนลอดผ่านม่านเข้ามาพอเห็นเงาตะคุ่ม ๆ บอมเดินมาที่อีกฝั่งของเตียง บอมจับที่ชายเสื้อยืดตัวเองแล้ว...ถอดออก O_o!! เขาสอดตัวเข้ามาใกล้ผมใต้ผ้าห่ม ขยับตัวสักพักก็เห็นบอมโยนกางเกงออกไป ตรูไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย...

“อ้อ! เผื่อพัตอยากเข้าห้องน้ำตอนดึก มีสวิตช์ไฟตรงนี้นะ”
บอมชันตัวขึ้น เอื้อมตัวผ่านผมไปชี้สวิตช์ไฟที่หัวเตียง ...หน้าบอมแทบติดกับหน้าผม...และท่อนบนของบอมไม่มีเสื้อผ้าเลย!! (ท่อนล่างก็น่าจะไม่มีเหมือนกันเพราะเขาโยนกางเกงออกไปแล้ว)
“อ...โอเค เรารู้ละ”
“งั้นราตรีสวัสดิ์นะพัต”
“อืม...”

หลับไม่ลงละทีนี้ บอมนอนห่างจากผมแค่สองคืบ...และเขา...เปลือย นี่คือเลเวล 3 ของนายใช่มั้ย? ภาพใกล้คมชัดสุด ๆ เมื่อกี้กับอกและไหล่ที่พ้นผ้าห่มขึ้นมานี่ยืนยันว่าผมกำลังนอนกับบอมที่แก้ผ้าอยู่

ตึก ๆ! ตึก ๆ! ตึก ๆ! ตึก ๆ! ตึก ๆ!

อากาศหนาวแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าใต้ผ้าห่มตอนนี้ร้อนเหมือนผมรู้สึกอุณหภูมิจากตัวบอมที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า
ผมพยายามข่มตาแต่หลับไม่ลงจริง ๆ ใจมันเต้นแรงมาก ...บอมนอนแก้ผ้าอยู่ข้าง ๆ ผม…

ทั้งห้องมีแต่ความเงียบกับเสียงฝน ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ...เขาอาจหลับแล้ว...ผมตะแคงตัวช้า ๆ ไปทางเขา...อยากเห็นหน้าบอมตอนนอน คิ้วเข้มกับตาที่หลับอยู่ คนที่ผมเคยได้แต่แอบมองจากข้างหลัง ตอนนี้อยู่ตรงหน้าห่างไปแค่ไม่กี่คืบ ผมไล่สายตาไปตามคาง คอ ไหล่และอกที่เปลือยเปล่า

บอมลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ผมจะหันหนีหรือแกล้งหลับก็ไม่ทันละ ได้แต่นอนนิ่ง ๆ มองเขากลับไป
“พัตนอนไม่หลับเหรอ?” บอมกระซิบ
“เอ่อ...เดี๋ยวก็หลับแล้วล่ะ”
“มีเรานอนด้วยนายคงนอนไม่สบายใช่มั้ย เดี๋ยวเราลงไปนอนข้างล่างก็ได้”
“ไม่ต้องหรอก บอมนอนนี่แหละ เราคงแค่แปลกที่น่ะ” ผมจับตัวบอมใต้ผ้าห่ม ไม่อยากให้เขาไปที่อื่น เอ่อ...ตรูจับได้ส่วนไหนวะเนี่ย รู้แต่มันอุ่น ไออุ่นที่ทำผมรู้สึกดี การมีนายนอนข้าง ๆ นี่แหละผมโคตรมีความสุขแล้ว…

“บอม” ผมกระซิบออกไปโดยไม่รู้ตัว
“หืม?”

ผมคุมตัวเองไม่ได้แล้ว เสียงเพลงของวงดิอิมพอสซิเบิ้ลที่พ่อเคยเปิดในรถมันกำลังบรรเลงในหัวผม...หนาวเนื้อห่อเนื้อจึงหายหนาว…หนาวราวอกร้าว ห่มอกหาย…

เราชอบนาย...พูดไปดิวะ! บรรยากาศมาขนาดนี้แล้ว
ไม่! เขามีแฟนอยู่แล้วนะ อั้มไง!

“เอ่อ...นายไม่ใส่อะไรเวลานอนแบบนี้ทุกทีเหรอ?” คือตรูไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
“อืม ใส่แล้วเรานอนไม่สบาย อึดอัด พัตไม่เคยเหรอ? ลองดูดิ” เขากระซิบ
“อ่า...เดี๋ยวเราไปลองที่บ้าน”
“อือ” บอมตอบเบา ๆ ในคอแล้วหลับตานอนต่อ ผมปล่อยมือจากตัวบอม พลิกตัวหันหลังให้ก่อนที่ใจจะเตลิดไปไกลกว่านี้ ถ้าตรูถอดตอนนี้ รับประกันได้ว่าผมห้ามตัวเองไม่ให้ปล้ำคนข้าง ๆ ไม่ได้แน่

ในที่สุดความเพลียมาตลอดวันก็ชนะความหื่น เหนื่อยสุดก็การห้ามใจไม่ให้คิดนี่แหละ ผมเริ่มง่วงเคลิ้มหลับไปกับเสียงฝน

เอี๊ยด! เตียงยุบไปทำให้ผมตื่น บอมขยับตัวเหรอ ผมจะตะแคงตัวไปดูแต่…เขาคร่อมอยู่บนตัวผมแล้ว
“บ...บอม” เงาดำที่คร่อมอยู่บนตัวผมดึงผ้าห่มออกช้า ๆ
“เราถอดให้นะ พัตจะได้นอนสบาย” เขาพูดพร้อมเสียงหายใจหนัก ๆ ที่บอกว่านี่ไม่จบแค่ถอดเสื้อผ้าตรูแน่นอน

เสียงเพลงของพี่เบิร์ดแว่วมา

เมื่อเราสบตา เหมือนว่าจะรู้ ทั้งที่มองอยู่แต่ก็ดูเหมือนยังไกล

ตาสีน้ำตาลคู่นั้นอยู่แทบชิดกับหน้าผม หน้าผากเคลื่อนจนมาแตะกัน ...ลมหายใจอุ่น ๆ…
เขาคิดอะไรอยู่ ผมเหมือนจะรู้แต่ก็ไม่รู้ ตรูควรห้ามเขาไหม...ห้ามก็บ้าแล้ว...พวกเรากำลังข้ามเส้นแล้ว แต่นี่บ้านเอ็งนะเฟ้ย! แม่ก็อยู่นะ ใจผมเต้นแรง แต่ก็ยกตัวให้เขาดึงเสื้อออกง่ายขึ้น

ช่วยกระเถิบมา เข้ามาฝากใจ ซบลงตรงไหล่ แอบอุ่นไอของกายกัน
 
“พัตเคยมั้ย?” บอมกระซิบเสียงสั่นพลางซุกหน้าลงที่ไหล่ผม เนื้อแนบเนื้อ อกทับอก จมูกกับปากไซ้ที่ข้างหูพร้อมเสียงหายใจหนัก ๆ บอมไซ้จมูกลงที่ซอกคอซ้ายขวาจนกลับมาจ้องตาผม...ตาสีน้ำตาลมองนิ่งเหมือนขอคำตอบ

ลมหายใจอุ่นอุ่น ไอละมุนจากเธอ ใจฉันคงละเมอไปแสนไกล

เคยอะไรวะ? บอมหมายถึงอะไรก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้อะไร ๆ ผมก็ไม่เคยทั้งนั้น รู้แค่ว่าตัวบอมหนักและอุ่นมาก ผมไม่รู้จะวางมือลงตรงไหน ทั้งอยากทั้งกลัว ผมแตะที่หน้าขาแน่น ๆ ของบอม ลูบขึ้นมาที่เอวและแผ่นหลัง ผิวเรียบลื่นและอุ่นจนอยากลูบไปเรื่อย ๆ

คำรักเพียงแผ่วแผ่ว ฟังแล้วยอมหมดใจ ลืมฟ้าดินใดใดไปทั้งวัน

“บอมไม่เคยอ่ะ” หน้าเกลี้ยงเกลาคลุกซุกไซ้ลงมาที่คอ เลื่อนมาที่อก มือก็จับกางเกงผมแล้วรูดลง...
“บ...บอม...” สัมผัสของเนื้อแนบเนื้อทุกส่วนแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน
“พัต...” บอมเอ่ยชื่อผมแล้วประกบปาก ลิ้นของเขากวาดเข้ามา เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของผมหลุดออกไปแล้ว บอมไล้ลิ้นปาดตั้งแต่คอของผม...ลงไปที่ท้อง...ต่ำลงไปเรื่อย ๆ ผมกัดฟันกรอด พยายามจับแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของเขาไม่ให้ลงต่ำไปกว่านี้แต่ก็หยุดเขาไม่ได้ เขางับหยอกตั้งแต่ข้างล่างไล่มาตามตัวผมจนถึงริมฝีปาก
“พัต...” บอมเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“อ...อือ...” ผมตอบเสียงกระซิบที่ข้างหู
“พัต”
“อือ...บอม...เรา...”
“พัตตื่นเร็ว! จะเช้าแล้ว!” O_o! ผมสะดุ้งเด้งขึ้นจากเตียง บอมในชุดพละทำหน้าเหวอ
“ขอโทษนะที่ปลุก”
“เอ่อ...ไม่เป็นไร บอมปลุกเราก็ดีแล้ว”
“พัตไปอาบน้ำนะ นี่เสื้อนักเรียนของเราแขวนไว้ให้แล้ว เดี๋ยวเราลงไปรอข้างล่างนะ”

ผมชันตัวขึ้นมาตั้งสติ เสื้อผ้ายังอยู่ครบ เกือบฉิบหายแล้วไอ้พัต ไอ้บ้า!!!
“พัต” บอมเรียกระหว่างเปิดประตูออกจากห้องนอน
“หืม?”
“มีของเหมือนกันนะนายเนี่ย”

อุ๊ก! ผมเอามือปิดที่เป้าที่แข็งตั้งขึ้น บอมอมยิ้มแล้วเดินออกไป แมร่งเอ๊ย ไม่ทันแล้วใช่มั้ย!?

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep11
หลักฐานชิ้นสุดท้าย


“หลับสบายไหม?” บอมถามระหว่างที่พวกเรากำลังโหนรถเมล์ไปโรงเรียน รถแน่นมากจนตัวชิดกัน
“อืม” ...หลับลงที่ไหนเล่า บอมเล่นถอดโชว์ทุกวินาทีจนแทบไม่เหลือที่ให้จินตนาการ โดยเฉพาะช็อตสุดท้ายแก้ผ้านอนทำหัวใจผมเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ จนเก็บไปฝันเรตเอกซ์เหมือนจริงสุด ๆ 
“ฝากขอบคุณคุณแม่บอมด้วยนะ อุตส่าห์เอารองเท้าไปผิงไฟให้แห้งด้วย”
“แม่บอกไม่ต้องเกรงใจนะ วันหลังมาเที่ยวอีกนะ”
บอมในชุดพละสีน้ำเงินมีเสื้อยืดสีขาวข้างใน หอมกลิ่นโคโลญจน์มาก หน้าเขาใกล้มากจนผมไม่กล้าสบตา ภาพฝันเมื่อคืนซ้อนเข้ามา ไม่ไหวแล้วตรู ต้องเอาเรื่องพวกนี้ออกจากสมองให้ได้

“พัตหิวข้าวยัง?”
“ยัง เออแล้วบอมไม่ได้ทานข้าวเช้าเหรอ? ทุกทีเราเจอบอมหน้าโรงเรียนก็เดินขึ้นห้องเรียนเลยนี่?”
“อืม ปกติเราก็ทานข้าวเช้าที่บ้านนะ แต่วันนี้อยากไปดูสนที่โรงอาหารแล้วทานข้าวที่นั่นเลย พัตทนหิวนิดนึงนะ”
“ดูสนที่โรงอาหาร?”
“เขาติวเลขตอนเช้าน่ะ ขยันโคตร”
“ติวกับใครเหรอ?”
“เพื่อนเขาชื่อดิมน่ะ ห้อง 7 เราก็ไม่เคยเจอ วันนี้เลยจะไปหาพร้อมกันเลย”
“ห้อง 7?” ผมทวนคำพูด ห้องควีนนี่นา แปลกจัง ห้องควีนเป็นสายวิทย์แต่สนอยู่สายศิลป์...แล้วทำไม...
“พัตทำหน้าแปลก ๆ มีอะไรเหรอ?”
“หืม? เปล่า ๆ เราคิดอะไรไปเรื่อยน่ะ”

พอลงรถเมล์ที่หน้าโรงเรียนก็เดินข้ามถนนเข้าซอยโรงเรียน เพิ่ง 6 โมงเช้าคนยังไม่ค่อยเยอะ บอมเดินเร็วทั้งที่หอบสัมภาระมากกว่าผม
“ถุงรองเท้าบาสน่ะ วันนี้วันศุกร์กลับบ้านเย็นได้จะเล่นให้เต็มอิ่มเลย เดี๋ยวจบคาบ 8 พัตใส่เสื้อพละของเรานะเวลาเหงื่อออกจะได้ไม่ป่วย พัตคงไม่รังเกียจนะเราใส่เสื้อข้างในมา เราเอาชุดบาสของเรามาเปลี่ยนด้วยล่ะ”

บอมคิดทุกอย่างเพื่อดูแลผมขนาดนี้เลย
“ขอบใจมากนะบอม...แต่เราอยู่ได้แค่ห้าโมงเย็น ขอโทษทีนะทั้งที่เราเข้าชมรมบาส”
“อ้าวเหรอ?” บอมทำหน้าผิดหวัง...เป็นสีหน้าที่ผมไม่อยากเห็นจากเขาที่สุดแล้ว
“คือ...เรา” ถึงคุณครูบิ๊วจะช่วยโกหกพ่อเรื่องคะแนนสอบเข้าจนผมน่าจะหมดเรื่องกังวลไปหนึ่งอย่างแต่ก็ยังติดเรื่องสัญญากับพ่อว่าจะไม่เล่นกีฬาจนกระทบการเรียน

“เราเข้าใจ พัตต้องตั้งใจเรียนใช่มั้ย?”
“อืม ขอโทษนะบอม”
“เฮ้ย! ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าพัตมาติวเราด้วยละกัน” บอมยิ้มตาปิด ขอบใจนะที่ทำให้ผมรู้ว่าผมยังมีค่าในทางที่ผมพอจะทำได้

พวกเราเดินขึ้นบันไดโรงอาหารก็เจอสนกับอีกคนนั่งอยู่ข้างกัน
“หวัดดีสน”
“อ้าว หวัดดีบอม พัต ไหงมาแต่เช้า? นี่เพื่อนเราชื่อดิม”
“หวัดดี” ดิมเงยหน้าขึ้นมาโบกมือ
“เราชื่อบอมนะห้อง 2 นี่พัตห้อง 4 แล้วพวกนายกินข้าวกันยัง?” บอมถามสนกับดิม
“พวกเรากินแล้วน่ะ”
“งั้นเรากับบอมไปซื้อข้าวก่อนนะ พวกนายติวกันตามสบายนะ”
ผมพูดพลางเดินไปวางกระเป๋าบนโต๊ะที่ห่างออกมา บอมวางตามแล้วเดินมาซื้อข้าวด้วยกัน

“ทำไมไม่นั่งโต๊ะเดียวกับเขาล่ะพัต?”
“เขาติวอยู่ จะไปนั่งกินข้าวข้างพวกเขาคงเสียสมาธิ”
“เออก็จริง”

พอทานข้าวแล้วเอาจานไปเก็บเสร็จ สนกับดิมก็ติวเสร็จพอดี
“ป่ะ เดินขึ้นตึกพร้อมกันเลย” สนพูด
“เออ...แล้วไปไงมาไงดิมถึงติวให้สนได้ล่ะ?” บอมถาม แต่สองคนกลับทำหน้าแปลก ๆ
“คือเราบ่นว่าอยากประหยัดตังค์ค่าเรียนพิเศษมาซื้อรองเท้าบาสน่ะ ดิมเค้าเลยอาสาติวให้ นี่เขาอยู่ห้องควีนนะ เรียนโคตรเก่งอ่ะ”
“โห นายเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ สุดยอดอ่ะ เราเคยได้ยินเพื่อนบอกว่ามีห้องคิงห้องควีนแต่ก็ไม่เคยคุยกับคนสองห้องนี้เลย” บอมพูด
“เราไม่เก่งขนาดนั้นหรอก”
“ถึงห้องเราแล้ว เราไปก่อนนะ” บอมโบกมือให้แล้วเดินเข้าห้องประจำชั้นตัวเอง
“เราก็ไปละนะ” ผมโบกมือแล้วมองหาเอสในห้อง 3 ...อ้าว! เอสไม่อยู่แฮะ

“สนกำลังเก็บเงินไปซื้อรองเท้าบาสเหรอ?” ดิมถามระหว่างเดินกับสนไปห้องประจำชั้นสุดระเบียงตึก
“อืม โทษนะที่เราบอกนายไม่หมด คือ เอ่อ...มันฟังดูบ้า ๆ น่ะ ประหยัดเงินค่าเรียนพิเศษไปซื้อรองเท้า ทำให้นายต้องมาลำบากติวเราด้วย”
“เฮ้ย ไม่บ้าหรอก และก็ไม่ลำบากเราเลย ดีซะอีก เราน่ะเล่นกีฬาอะไรไม่เป็นสักอย่าง”
“เดี๋ยวเลิกเรียนมาเล่นบาสด้วยกันกับพวกเราสิ เราสามคนอยู่ชมรมบาส เราสอนให้นายได้นะ”
“หลังเลิกเรียนเราต้อง...ไปวิ่งรอบสนามบอลน่ะ” ดิมตอบ
“งั้นเราไปวิ่งด้วยนะ ยังไงเราก็ต้องวิ่งวอร์มอัพอยู่แล้ว”
“จริงนะสน!?” ดิมยิ้ม
“อือ แล้วเจอกันหลังเลิกเรียนที่ม้าหินข้างสนามบอลนะ”

-------------------------------------------------------------------------------

ณ ห้องสหกรณ์

เอสกำลังเขย่งหยิบน้ำขวดที่ชั้นบนสุด แต่อีกมือก็เอื้อมจากข้างหลังและหยิบไป เอสหันกลับไปมองคนตัวสูงที่ยืนข้างหลัง
“อ้าว! ตี้”
“จะเอาอันนี้เหรอเตี้ย?” ตี้ยื่นขวดให้เอส
“ขอบใจ” เอสรับมาแบบหงุดหงิด
“ชอบกินอันนี้เหรอวะ? พยายามหยิบขนาดนั้น” ตี้ถาม
“เปล่า เห็นขวดมันมีรูปการ์ตูนก็เลยอยากรู้ว่าเรื่องอะไร ...อืม...ไม่ใช่การ์ตูนแฮะ เหมือนแถมโค้ดเกม”
เอสยืดแขนพยายามยัดขวดน้ำกลับไปบนชั้นแต่ตี้ดึงไปจากมือ
“นายชอบเล่นเกมไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เอาล่ะ? เราเห็นนายคุยกับเพื่อนเสียงดังเรื่องเกมตอนเรียนพิเศษ”

เอสหันกลับมามองไอ้โย่ง
“ตี้”
“หืม?” ตี้ยักคิ้ว
“เราขอโทษเรื่องคุยในห้องเรียน โอเคนะ?”
“เครรรร” ตี้จ่ายเงินแล้วเปิดฝาดื่มทันที “นายนี่พูดตรงดีเนอะเอส”
“เออ เราไม่รู้จะทะเลาะกับเพื่อนร่วมห้องนาน ๆ ทำไม และอันที่จริงเราก็ทำผิดก่อน”
“แล้วตะกี้นายไม่เอาไอ้เนี่ย คือนายไม่เล่นเกมอะไรพวกนี้เหรอ?”
“อืม อันนี้แถมโค้ดไอเท็มเกมออนไลน์ เราไม่เล่นอ่ะ เล่นแต่ switch กับอ่านการ์ตูน”

“เอส!” ผมเดินเข้าไปเอสในห้องสหกรณ์
“หวัดดีพัต มีอะไรเหรอ?”
“เรามีธุระจะคุยด้วยน่ะ เอ๊ะ! นี่!” ใครน่ะหน้าคุ้นมาก นี่คนที่ติวคลาสเดียวกันตอนปิดเทอมนี่หว่า
“นี่เพื่อนห้องเราเอง ชื่อตี้ พัตจำได้ใช่มั้ย?”
“จำได้ ที่เรียนพิเศษคลาสเดียวกันตอนปิดเทอม”
“หวัดดีพัต” ตี้โบกมือทักทาย
“หวัดดีตี้”
“เดี๋ยวเราขึ้นห้องก่อนนะ ไปล่ะ” ตี้พูดก่อนเดินขึ้นตึกไป

ผมจูงมือเอสมาข้างตึกช้อปอุตสาหกรรม ตรงนี้น่าจะลับสายตาที่สุดแล้ว
“พัตมีอะไรเหรอ?”
“เรามีเรื่องอยากให้เอสช่วย” ตอนนั้นผมไม่น่าพลั้งปากบอกชื่อเขากับพ่อเลย แต่มันคงแปลก ๆ ถ้าผมจะไปติวคนเดียว
“เรื่องอะไรเหรอพัต?”
“สัญญาก่อนนะว่าจะไม่บอกใคร”
“อืม แต่รีบพูดนะใกล้จะเข้าแถวหน้าเสาธงแล้ว” อย่างน้อยเอสก็น่าจะพอจะเป็นที่พึ่งให้ผมได้
“คือถ้าพ่อแม่เราถามว่าเมื่อวานนายไปติวที่ซีคอนกับเราหรือเปล่า นายช่วยตอบว่า “ใช่” ได้ไหม?”
“ห้ะ! ยังไงนะ?”
ผมมองหน้าเอส ถึงเวลาต้องเล่าความจริงให้หมดแล้ว ผมทนสร้างเรื่องโกหกเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว ผมยอมให้เอสรู้เพราะมีความเป็นไปได้สูงมากที่พ่อจะถามหาเอส พ่อแม่จะรู้เรื่องที่ผมจงใจทำคะแนนสอบเข้าต่ำ ๆ ไม่ได้เด็ดขาด!

“เฮ้ย! นี่นายจงใจกามั่ววิชาสุดท้ายเพื่อจะไม่ต้องอยู่ห้องคิงห้องควีน ประมาณนั้นใช่มั้ย?” เอสอุทานหลังฟังเรื่องทั้งหมด
“ใช่! เราไม่อยากอยู่ห้องแบบนั้นแล้ว เราโดนเยอะมากตั้งแต่ประถมจนม.3”
“เชร้ด! นี่นาย...” เอสตบบ่าผม

“นายตัดสินใจเด็ดเดี่ยวมาก มิน่านายแมร่งเก่งชะมัด ตอนเรียนพิเศษทั้งเลขทั้งเคมีนายเข้าใจหมดเลย ตอนนั้นเรายังทึ่งเลยนะ”
“เราไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก ยังไงก็ขอโทษนะที่ดึงนายเข้ามาเกี่ยวด้วย”
“ไม่เป็นไร ตื่นเต้นดีนะยังกะนิยายสายลับ ไม่ต้องห่วงนะถ้าเราเจอพ่อนายจะคุยเนียน ๆ ให้”
“ขอบใจนะเอส”
“เออ แล้วถ้าพ่อแม่นายถามว่าจะไปติวอีกไหมให้เราตอบยังไง?”
“บอกว่าวันนั้นลองเรียนแล้วติวเตอร์ไม่ค่อยเก่งเลยไม่เอา”
“โอเค แบบนี้ก็ง่ายดี”

เสียงเพลงมาร์ชโรงเรียนดังแล้ว ผมกับเอสรีบเดินแยกไปเข้าแถวชั้นตัวเองที่หน้าเสาธง ผมเคลียร์ทุกปัญหาหมดแล้วใช่มั้ย ...หมดแล้วสิ...ไม่น่ามีอะไรเหลือให้พ่อแม่ผมรู้ได้อีกแล้ว…

--------------------------------------------------------------------------------

คาบ 5 วิชาพละ

“นายนนภัทร ทำไมไม่ใส่ชุดพละ?” อาจารย์ถาม
“ผมลืมครับ”
“สก๊อตจัมป์ 20 ที แล้วคราวหน้าอย่าลืมล่ะ” มันก็แค่นี้แหละไม่เห็นน่ากลัวเลย แต่ผมไม่ยอมให้บอมยกชุดพละให้ผมแล้วโดนลงโทษแบบนี้แน่

ผมจับคู่กับตุลย์ฝึกตีปิงปองกันจนจบคาบ 6 ผมก็นั่งรอในโรงยิมสักพักคนห้อง 4/2 ก็ทยอยเข้ามา ช่วงเวลาสลับคาบเป็นตอนที่ห้อง 4/4 ของผมจะเรียนเสร็จแล้วเปลี่ยนจากกางเกงวอร์มกลับเป็นกางเกงนักเรียนและห้อง 4/2 ของบอมจะเปลี่ยนกางเกงนักเรียนเป็นกางเกงวอร์ม ตอนแรกผมตั้งใจรอเวลานี้เลยแหละหวังว่าจะได้เห็นบอมเปลี่ยนชุด แต่เมื่อคืนตรูดูไปเยอะมากละ ป่านนี้ยังจำได้เลย เหอ ๆๆ
“เป็นไงพัต ครูว่าไงบ้าง?” บอมในกางเกงวอร์มเดินมาหา ผมยื่นไม้ปิงปองให้
“แค่สก๊อตจั๊มป์น่ะ จิ๊บ ๆ”
“โชคดีนะโดนน้อย เราเป็นห่วงนาย” บอมจับมือผมแทนที่จะจับไม้ปิงปอง! เฮ้ย! เลือกเวลาหน่อยว้อย นี่ต่อหน้าเพื่อนทั้ง 2 ห้องเลยนะเฟร้ย
“แล้วเจอกันที่นี่ตอนเลิกเรียนนะพัต มาเปลี่ยนชุดก่อนไปเล่นบาส”
“ด...ได้ แล้วเจอกัน”
บอมยิ้มแล้วรับไม้ปิงปองวิ่งไปรวมแถวอีกฟากของโรงยิม

คาบ 7 เรียนสุขศึกษา แทบไม่มีสมาธิเลย นึกถึงแต่ตอนบอมจับมือผม ดีนะไม่มีใครทันสังเกต...หรือผู้ชายจับมือกันเป็นเรื่องปกติวะ อยากให้จบคาบ 8 เร็ว ๆ จัง ตอนนี้ผมใส่ชุดนักเรียนของบอมนี่นา นอกจากเข็มโรงเรียน,เข็มขัด, รองเท้าแล้วทุกอย่างเป็นของบอมทั้งหมดเลย ...เหมือนเขาอยู่ข้าง ๆ แล้วผมยังได้เอาชุดนี้กลับบ้านไปซักให้เขาอีก อย่างน้อยผมก็มีของของเขาข้าง ๆ ตลอดเสาร์อาทิตย์นี้ ...คิดแบบนี้แล้วมีความสุขจัง
----------------------------------------------------------------------------

16:30 หลังเลิกเรียน

ผมเดินขึ้นตึกมารอบอมที่โรงยิม ห้อง 4/2 เพิ่งเลิกพอดี บอมเดินมาหาเหงื่อเต็มตัวเลย
“แค่เรียนปิงปองทำไมเหงื่อท่วมขนาดนั้นล่ะบอม?”
“จับคู่เล่นกับเพื่อนมันไปหน่อยน่ะ จะเรียนทั้งทีก็ต้องเอาให้เต็มที่ดิ ฮะ ๆๆ”
“บอมชอบเล่นกีฬาจริง ๆ นะ”
“อือ ถือว่าวอร์มไปในตัวเลย ป่ะไปเปลี่ยนชุดกัน”

เฮือก!

ผมเดินเขาไปห้องแต่งตัว ตอนนี้ไม่มีใครในห้องแล้ว ...มีแค่ผมกับเขา…บอมถอดเสื้อพละออก เสื้อยืดสีขาวข้างในรั้งติดขึ้นมาด้วย เห็นกล้ามท้องเต็ม ๆ
“อ่ะ พัตใส่ตัวนี้” บอมยื่นชุดพละให้แล้วถอดเสื้อยืดออก

ไอ้พัตแกต้องทำตัวตามปกติ! อย่าหันไปดู ๆๆ ผมปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกพาดราวข้างผนัง
“พัตตัวขาวจัง” บอมพูด ผมงี้ทำตัวไม่ถูกเลย พยายามเอาเสื้อพละยัดเข้าตัวแต่มันเก้ ๆ กัง ๆ เขินโว้ย!

พยายามไม่ชำเลืองดูบอมแต่ก็ห้ามสายตาตัวเองไม่ได้ บอมที่เปลือยท่อนบนถอดกางเกงวอร์มออก...เหลือแค่กางเกงในตัวเดียว...โอ๊ย! ทำไมเขาไม่ใส่เสื้อบาสก่อนละว้อยยยย! บอมนั่งเปิดเป้ควานหาชุดบาส ตาย ๆๆ ช็อตนี้ตรูตายแน่!! กว่าเขาจะแต่งตัวเสร็จผมแทบหัวใจวายละ นี่มันเลเวล 4 แล้ว!!
“ป่ะพัต ไปอุ่นเครื่องที่สนามกัน”
“อ...อือ เสื้อนักเรียนของบอมเดี๋ยวเราเอาไปซักให้นะ วันจันทร์จะเอามาคืนให้”
ภาพเมื่อกี้ติดตามาก ไอ้บอมมมม! ทำไมไม่ระวังตัว เปิดอ้าซ่าโชว์ห่อหมกทุกอย่างขนาดนี้!!

เดินลงมาจากโรงยิม สมาชิกทีมบาสมาที่สนามแล้ว แต่ไม่เห็นสน
“อ้าว! ไอ้สนไปไหนเนี่ย?” บอมหยิบมือถือออกมาจากเป้โทรหาเพื่อนสนิท
“โทรไปก็ไม่รับสาย ยังไงวะ?”
“หรือยังไม่ลงมาจากชั้น 3? ให้เราไปตามไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอก มันคงไปทำธุระอะไรก่อนละมั้ง พัตมาฝึกก่อนละกันนะ”

บอมในชุดบาสนี่หล่อที่สุดละ เห็นไหล่ใหญ่กับต้นแขนชัด ๆ ตลอดแบบนี้มีความสุขชะมัด แต่ช่วงเวลาความสุข 30 นาทีผ่านไปเร็วเหลือเกิน แป๊บเดียวจะห้าโมงเย็นแล้ว
“บอม เราต้องกลับบ้านแล้วนะ พ่อมารับที่หน้าโรงเรียนแล้ว” ผมไม่อยากกลับเลย อยากอยู่กับเขานาน ๆ
“เราเดินไปส่งนะ”
“อืม” ดีจัง ช่วงเวลาความสุขจะยืดไปอีกนิด ตอนเย็นอากาศดี ผมกับบอมเดินผ่านถนนหน้าโรงเรียนมาด้วยกัน
“ถ่ายรูปกันหน่อย” บอมโอบคอผม

ผมเห็นรถพ่อจอดหน้าโรงเรียนแล้ว...ตึก ๆๆ…ทำไมรู้สึกแปลก ๆ ฟระ? ลางสังหรณ์ของผมบอกว่าบางอย่างที่น่ากลัวกำลังจะเกิด...อะไรฟระ...พ่อเปิดประตูรถออกมา...บางอย่างเตือนผมว่า...จะให้พ่อเจอบอมไม่ได้!

“นั่นพ่อของพัตหรือเปล่า?”
“อืม”

พวกเราเดินไปที่รถ
“สวัสดีครับคุณลุง” บอมยกมือไหว้
“ไหว้พระเถอะลูก นี่เพื่อนที่พัตไปค้างบ้านเขาเมื่อคืนใช่ไหม?” พ่อยิ้มและรับไหว้
“ครับพ่อ นี่บอมครับ”
“ขอบใจนะที่ดูแลพัตเมื่อคืน เป็นนักกีฬาบาสด้วยใช่มั้ยที่พัตเคยไปดูเราแข่ง เก่งมากเลย”
“ขอบคุณครับคุณลุง ยังไม่เก่งขนาดนั้นหรอกครับ”
“แล้วเรียนห้องไหนเหรอลูก?”
“ผมอยู่ห้อง 2 ครับ”
“เรียนเก่งกว่าลูกลุงอีกสิเนี่ย? พัตอยู่ห้อง 4 เอง”
“ผมว่าโรงเรียนคงจัดคละ ๆ กันไม่เกี่ยวกับเลขห้องมั้งครับ เพราะจริง ๆ พัตเรียนเก่งกว่าผม”

...ผมเริ่มรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา...อะไรฟระ…

“จริงเหรอ? ลูกบอมท่าทางเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่งนะเนี่ยตัวสูงเชียว”
“เก่งสู้พัตไม่ได้หรอกครับ พัตเค้าเคยเฉลย...” บอมพูดพลางดึงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

ซวยแล้ว!!! ไอ้นั่นไง! หลักฐานที่ผมยังไม่ได้จัดการ! สิ่งที่ผมไม่เคยคาดถึง...แชทไลน์ของผมกับบอม! แชทที่ผมเฉลยข้อสอบเข้าให้บอม!!! บอมหยิบมือถือออกมาแล้ว...ผมยืนตัวแข็งทื่อ...ผมทำอะไรไม่ได้เลย วิกฤตที่สุดแล้ว!

ทันใดนั้นโทรศัพท์ของบอมก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล สนมีอะไรเหรอ? ….ห้ะ! อะไรนะ?”

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep12
วิ่ง


16:30 หลังเลิกเรียนที่สนามบอลหลังโรงเรียน

ผมแต่งชุดบาสมายืดเส้นรอที่ม้าหินข้างสนามบอลแล้ว สักพักดิมก็เดินถือกระเป๋ามา
“สนมารอนานยัง?”
“เพิ่งมาน่ะ นายเพิ่งเลิกเรียนเหรอ?”
“อืม” ดิมถอดแว่นใส่กล่อง
“ป่ะสน ไปวิ่งกัน”
ผมวิ่งคู่ไปกับดิม จะว่าไปหน้าตามันตอนไม่ใส่แว่นก็ดูดีนะ แว่นมันตลกไม่เข้ากับหน้า
“ดิมมาวิ่งทุกวันไหม?”
“ไม่ทุกวันหรอก”
“มีเป้าหมายยังไงเหรอ? วิ่ง 100 ม. วิ่งข้ามรั้วหรือมาราธอน? แต่ละแบบมันฝึกไม่เหมือนกันนะ”
“แค่วิ่งไปเรื่อย ๆ น่ะ”

พอผ่าน 2 รอบก็มีคนวิ่งมาข้าง ๆ ดิม
“ไงดิม กี่รอบวะ?”
“8” ดิมตอบสั้น ๆ
“ของกรู 5 รอบ จะตายห่าละ มริงก็สู้ ๆ นะดิม”

“นั่นใครเหรอ?” ผมวิ่งไปถามดิมไป
“เพื่อนห้องเราน่ะชื่อโกมล”
“นายจะวิ่ง 8 รอบเลยเหรอ นี่ 3 กิโลเมตรกว่าเลยนะ ไหวเหรอ?”
“ก็ต้องไหวน่ะ” ดิมพูดพลางวิ่งต่อไป

ยังไงดีวะเนี่ย จริง ๆ ผมวอร์มอัพ 2 รอบนี่ก็พอแล้วนะ ป่านนี้พวกบาสคงเริ่มเล่นแล้วด้วย แต่พอเห็นอาการแปลก ๆ ของดิมแล้วผมชักเป็นห่วงจนต้องวิ่งตามมันไปเรื่อย ๆ
“ดิม ปกตินายกลับบ้านกี่โมง?”
“ก็แล้ว..แต่ บางวันก็...ห้าโมง” มันพูดไปหอบไป
“ดิม นายพูดไม่ถนัดแล้ว! อาการนี้คือนายไม่ไหวแล้วนะ”
“เราไหว...อีก... 2 รอบเอง”
“ไอ้ดิมหน้ามริงซีดแล้ว พักก่อนโว้ย!” ตรูไม่สนละจับมันลากมาที่ม้าหินเลย

ผมเอนตัวดิมลงนอนกับม้าหินแล้วปลดกระดุมเสื้อออก หน้าซีดตัวเย็น หายใจเบา ๆ แต่ถี่ แมร่งจะเป็นลมเหรอวะ? เอาไงดีล่ะตรู หลังเลิกเรียนห้องพยาบาลก็ปิดแล้ว คิดอะไรไม่ออกเลย รีบโทรหาไอ้บอมก่อนดีกว่า
“ฮัลโหลสน มีอะไรเหรอ?”
“เฮ้ยบอมอยู่ไหนวะ ไอ้ดิมวิ่งรอบสนามบอลแล้วจะเป็นลม ตอนนี้อยู่ม้าหิน”
“ห้ะ! อะไรนะ? เออ ๆ เดี๋ยวกรูรีบไป”

“จิบน้ำก่อนนะ อย่ากินเยอะล่ะ” ผมเอาน้ำขวดจากกระเป๋าให้มันจิบก่อน เอาหนังสือพัดให้ สักพักบอมกับพัตก็วิ่งหน้าตื่นมา
“เราไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง” ดิมพูดช้า ๆ
“หน้าซีดตัวเย็นเลยนะเนี่ย” บอมแตะหน้าผาก
“ไปหาหมอก่อนมั้ย พ่อเรามารับพอดี เดี๋ยวให้พ่อไปส่ง”
“เราไม่เป็นอะไรหรอก นั่งพักก็หาย”
“มริงอย่าดื้อดิวะไอ้ดิม!” ผมดึงแขนมันมาพาดไหล่ “ไปโรงบาลกัน”

พวกเราช่วยกันเอามันนอนที่เบาะหลัง พัตถือกระเป๋าของดิมไปนั่งข้างหน้า
“รถไม่พอนั่งน่ะสน บอม แต่ไม่ต้องห่วงนะพ่อจะพาไปโรงพยาบาลตรงนี้”
“เออ ฝากด้วยนะพัต ขอบคุณนะครับคุณลุง”
 
พ่อขับรถออกมาพ้นปากซอยโรงเรียนก็เลี้ยวซ้ายไปกลับรถเข้าโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกล บุรุษพยาบาลเข็นรถมารับดิมไปตรวจ ผมกับพ่อนั่งรอข้างนอก
“ดิมนี่ห้องเดียวกับลูกเหรอ?”
“เปล่าครับ เขาอยู่ห้อง 7”
“ห้อง 7 ใช่ห้องควีนที่ครูบิ๊วเคยบอกไหม?”
“ใช่ครับพ่อ”
“แล้วสนิทกันไหม?”
“เพิ่งรู้จักกันวันนี้แหละครับ”

บุรุษพยาบาลเข็นดิมออกมาแล้ว สีหน้าดีขึ้นเยอะเลย
“น้องไม่เป็นอะไรนะครับ คุณหมอบอกว่านอนน้อย อ่อนเพลียและออกกำลังหนักเกินไป เดี๋ยวญาติเชิญนั่งรอจ่ายเงินกับรับยาด้านโน้นเลยนะครับ”
“ขอบคุณคุณลุงกับพัตมากนะครับ” ดิมยกมือไหว้
“ไม่เป็นไรหรอกลูก หนูสบายดีก็ดีแล้ว”

“อันนี้เป็นน้ำเกลือแร่นะคะ ชงดื่มบ่อย ๆ นะคะ ส่วนวิตามินทานหลังอาหาร 3 มื้อ ไม่มียาอย่างอื่นนะคะ” เจ้าหน้าที่แจ้งตอนผมเดินไปรับยา
“คุณลุงครับเดี๋ยวผมกลับเองก็ได้ครับ”
“ลุงไปส่งดีกว่า บ้านอยู่ตรงไหนเหรอ”
“อยู่แถวห้างอิมพีเรียลสำโรงครับ”
“โห! นี่มาเรียนยังไงไกลขนาดนั้น?”
“นั่งรถเมล์บ้าง บางทีก็ BTS ไปสถานีพญาไทแล้วต่อลง Airport link มาลงสถานีหัวหมากครับ”
“ลุงไปส่งหนูที่บ้านดีกว่า”
“ขอบคุณครับ”
“พัตไปนั่งข้างหลังช่วยดูเพื่อนนะ”
“ครับพ่อ”
“แล้วตอนนั้นไปทำอะไรถึงเป็นลมได้ล่ะ?” พ่อเอ่ยถามระหว่างขับรถไปตามทางที่ดิมบอก
“คือ...ผมทำการบ้านไม่เสร็จ ครูเลยทำโทษให้วิ่งรอบสนามบอลครับ”

...บรรยากาศในรถเงียบกริบทันที…

รถเลี้ยวเข้ามาในซอยจนมาหยุดหน้าบ้านตามที่ดิมบอกทาง
“ขอบคุณนะครับคุณลุง”
“อืม หายเร็ว ๆ นะลูก”

ผมถือกระเป๋าของดิมเดินตามเขาไปถึงหน้าบ้าน
“ขอบใจนะพัต”
“เพื่อนกันน่า ยังไงก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว”
“เอ่อ...พัต”
“หืม?”
“พัตอย่าบอกสนกับบอมได้มั้ย เรื่องที่เราโดนทำโทษ แล้วก็เรื่องที่บ้านเราอยู่ไกลด้วย”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็เดี๋ยวสนจะเกรงใจ ไม่ติวกับเราอีก เราแค่จัดเวลาไม่ได้แค่นั้นแหละ อีกสองสามวันคงดีขึ้น”
“ก็ได้ อ้อ! สนเขาฝากเราขอไลน์นายด้วย”
“อืม เบอร์โทรเรานะ...” ผมกดแอดไลน์ตามเบอร์ที่ดิมบอก แล้วกดส่ง contact ของสนให้ดิม
“ขอบใจนะพัต เดี๋ยวเราโทรหาสน” ดิมพูดแล้วถือกระเป๋าเข้าบ้านไป ผมกลับมาขึ้นรถแล้วพ่อก็ขับออกไป ตลอดทางเราแทบไม่คุยอะไรกัน ผมพอเดาได้ว่าพ่อคิดเรื่องอะไร แต่ช่างเถอะผมก็มีเรื่องต้องคิดเหมือนกัน
------------------------------------------------------------------

หลังอาบน้ำและเอาชุดทั้งของผมและบอมไปใส่ตะกร้าแล้วผมก็เข้าห้องนอน คิดเรื่องที่สำคัญสุดตอนนี้ ผมต้องลบแชทไลน์ของผมกับบอมให้ได้ มันเป็นหลักฐานที่แน่นหนามากว่าผมสามารถทำข้อสอบเข้าได้คะแนนดีกว่าไอ้ที่ผมกามั่วไป ถ้าบอมเอาให้พ่อแม่ดูล่ะก็ผมตายแน่

simulation 1
พัต: บอม นายช่วยลบแชทไลน์อันนั้นได้ไหม?
บอม: ทำไมเหรอ?
พัต: คือมันเป็นหลักฐานว่าเราฉลาดมากแต่จงใจกามั่วเพราะไม่อยากได้ห้องคิงน่ะ
แมร่งขึ้นฟังดูโคตรอวดตัวเองเลย จำได้ว่าเขาเคยเปรยว่าอยากเข้าห้องคิง บอมคงหมั่นไส้ผมแน่ ผมต้องหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้

simulation 2
พัต: บอม นายช่วยลบแชทไลน์อันนั้นได้ไหม?
บอม: ทำไมเหรอ?
พัต: คือเราหมดแพชชั่นกับนายแล้ว ช่วยลบแชทเลิกกันแบบไม่เหลือเยื่อใยอะไรเลยได้ไหม?
บ้า บ้ามาก ๆ

จะหาข้ออ้างยังไงก็ไม่เนียนสักทาง หรือว่า...ผมแอบเข้ามือถือบอมเองซะเลย แต่มันมีรหัสนะ
อ้อ! ลืมเกมใหม่ที่ครูบิ๊วซื้อให้เลย ผมเปิดเป้หาเกม...เอ๋ เกมอยู่ไหนวะ? ลืมไว้ที่โรงเรียนเหรอ? ไม่นะวันนี้ทั้งวันผมไม่ได้หยิบออกมาเลย ...ไม่สิ ผมไม่เห็นมันในเป้ตลอดทั้งวันเลยต่างหาก หรือผมลืมไว้บ้านบอมตอนที่รีบเอาสมุดหนังสือออกจากเป้ตอนวิ่งฝ่าฝนเข้าบ้าน
กริ๊ง!!! ผมหยิบโทรศัพท์มาดู บอมโทรมาพอดีเลย
“หวัดดีพัต ดิมเป็นไงบ้าง?”
“หมอบอกว่าแค่อ่อนเพลียน่ะ ไม่ต้องห่วง”
“เออ ค่อยโล่งอก อ้อ! พัตลืมของไว้บ้านเราน่ะ”
“กล่องเกมใช่มั้ย?”
“ไม่รู้สิ มันเป็นถุงน่ะ เราก็ไม่ยังไม่ได้เปิดดูเลย คิดว่าเป็นของส่วนตัวของพัต”
“บอมเปิดดูเลยก็ได้ น่าจะเป็นเกม switch น่ะ เอ่อ...เราเพิ่งซื้อที่ซีคอน”
“ได้ งั้นเราเปิดดูให้นะ”

...บอมเงียบหายไปพักนึง...ทำไมใช้เวลาเปิดนานจัง
“ฮัลโหล บอม”
“อ...เอ้อ ใช่กล่องเกมจริง ๆ แหละพัต ยังห่อพลาสติกอยู่เลย พัตจะรีบเล่นเสาร์อาทิตย์นี้ไหม เราเอาไปให้ได้นะ”
“โห บ้านเราสองคนไกลกันมากเลยนะ บอมไม่ต้องลำบากหรอก รบกวนเอามาให้เราวันจันทร์ละกัน เราจะได้เอาหนังสือกับชุดไปคืนนายด้วย”
“อืม”
“หรือบอมจะแกะเล่นก่อนก็ได้นะ เกมนี้เราดูรีวิวเขาว่าสนุก”
“มันของเครื่องอะไรเหรอ?”
“เครื่อง Nintendo switch น่ะ”
“เราไม่มีน่ะ มีแต่เพลย์ 2 แต่ก็น่าจะพังละมั้งไม่ได้เปิดเล่นนานแล้ว” ผมนึกภาพบอมตอนเล่นเกมไม่ออกจริง ๆ คงน่ารักดีเนอะ
“งั้นวันหลังบอมมาเล่นที่บ้านเราดิ” เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นี่ตรูกำลังชวนเขามานอนค้างบ้านผมนี่หว่า โอ๊ย! ไอ้พัต! ฉิบหายแล้วเค้าจะคิดมากมั้ย!
“เอ่อ...ระ...เรา ...มะ...หมายความว่าบอมกับสนน่ะ หรือชวนเพื่อนคนอื่นก็ได้”

“อืม พัต เราถามอะไรนายหน่อยสิ”
“อะไรเหรอ?”
“พัตมีแฟนยัง?”

เฮือก! โทรศัพท์แทบหลุดมือ ตะกี้ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย? ไอ้ประโยคแบบนี้กับน้ำเสียงเบา ๆ กระซิบนิด ๆ
นี่มัน...เหรี้ยยยย! ประโยคจีบชัด ๆ!!! ทำตัวไม่ถูกแล้วตรู! เสียงเข้ม ๆ ของเขาถามคำถามแบบนี้ เหมือนเขามานั่งถามอยู่ตรงหน้าเลย
“...ยัง...” ผมตอบกลับไปเบา ๆ บอมเงียบไปนานมาก เขาจะพูดอะไรต่อวะ
เราก็ยังไม่มีใคร
พัตรู้สึกยังไงกับเราหรือเปล่า
พัตเป็นแฟนเราได้ไหม
คบกับเรานะ
ลองมั้ย ลองมาเรียนรู้กัน นายยังไม่ต้องชอบเรามากก็ได้ แค่เปิดใจให้กันก็พอ (คือถ้านายนึกอะไรไม่ออจะก้อปจากซีรีส์มาพูด ตรูก็ไม่ถือ)


“อืม...แล้วเจอกันวันจันทร์นะ พัตรีบนอนนะ”
“อือ ราตรีสวัสดิ์นะบอม”
อ้าว! อะไรวะ!? เปิดประเด็นแบบนี้แล้วก็จบไปเฉย ๆ โอ๊ย! โคตรค้างเลยว้อย! หรือเป็นเรื่องธรรมดาที่เพื่อนผู้ชายเค้าถามกันวะ?

ผมเปิดเฟสเขา เลื่อนขึ้นลงไปมา หวังว่าเขาจะโพสอะไรสักอย่าง จะบอกใบ้หรือระบายความในใจอะไรสักอย่างให้ผมรู้ทีเถอะว่าเมื่อกี้มันคืออะไร ...แต่ก็ไม่มีอะไรเลย เอาจริง ๆ บอมแทบไม่เล่นเฟส ผมวางมือถือลงแล้วกลับมาคิดวิธีลบแชทไลน์ต่อ ผมชวนเขามาบ้านแล้ว ถึงยังไม่รู้วันไหนแต่ก็มีโอกาสมากที่พ่อแม่ผมจะได้เห็นแชทอันนั้น ต้องลบให้เร็วที่สุด แต่มันก็เป็นบันทึกเรื่องดี ๆ ระหว่างผมกับเขา

...บางครั้งเขาก็ห่วงผมมาก...ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลย
...แต่อั้มเป็นแฟนเขา
...แต่เย็นเมื่อวานเขาก็วิ่งตามหาผมทั้งห้าง
...แต่เมื่อกี้เหมือนผมเป็นคนไม่สำคัญ หรือบอมอาจดีกับเพื่อนทุกคนแบบนี้อยู่แล้ว ผมไม่อยากเข้าใจผิดเข้าข้างตัวเองเลย
...ตอนวันจันทร์ที่สนามบาส ที่เขาเอาหน้าเข้ามาใกล้ผม...โอเคอันนั้นตรูน่าจะคิดไปเอง ใครจะบ้ากล้าจูบกลางสนามบาสกลางโรงเรียนตอนแดดเปรี้ยง ๆ แบบนั้น...แต่เมื่อคืนที่บอมนั่งโอบไหล่ผมบนเตียง ดึงผมเข้าไปหาหน้าเขาช้า ๆ จนหน้าจะติดกัน...ยังไงไม่ใช่เพื่อนทำกันแน่นอน

ตะดึ๊ง! เสียงเตือนของเฟสดังขึ้น
บอมโพสรูปที่เขากอดคอถ่ายคู่กับผมเมื่อตอนเย็น แท็กชื่อผมด้วย แต่ไม่เขียนข้อความอะไรเลย ผมไม่รู้ว่าระหว่างเราคืออะไร ที่แน่ ๆ คืนนี้ผมคงหลับยากอีกคืน

---------------------------------------------------------------------------------

“ฮัลโหล นั่นดิมเหรอ?” สนกดรับเมื่อมีไลน์คอลแปลก ๆ โทรมา
“อือ พัตส่ง contact ของสนมาให้เรา”
“มรึงเป็นไงบ้างดิม หายดียัง?”
“แค่นอนน้อยน่ะ เราชอบอ่านหนังสือดึก ๆ แล้วดันไปวิ่งเยอะน่ะ ไม่ต้องห่วงนะสน”
“กรูก็เห็นมรึงมานอนตอนเช้ารอติวกรูทุกวัน ดิมถ้ามรึงไม่ไหวก็ไม่ต้องติวให้กรูนะ”
“เฮ้ยเราสบายดีจริง ๆ หรือสนจะย้ายไปติวตอนเที่ยงมั้ย?”
“กินข้าวเสร็จก็ไปติวก่อนคาบ 5 งี้เหรอ?”

ผมย้ายมานั่งคุยบนเตียง
“เอางั้นก็ได้ กรูก็ตื่นเช้าไม่ค่อยไหวเหมือนกัน ฮ่า ๆๆ”
“ขอบใจนะที่พวกนายช่วยเราที่สนามบอล”
“เออ คราวหน้าก็อย่าวิ่งเกินตัวนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอกกรูได้นะ ดิมอุตส่าห์ติวให้เราขนาดนี้”
“เอ่อ...ถ้านึกออกเมื่อไหร่จะบอกสนละกันนะ”
“ได้ ๆ อ้อ! แล้วเรื่องมริงกับแฟนนี่ดีกันยัง?”
“........”
“เอ่อ...ดิม กรูโทษทีนะถ้าถามเรื่องส่วนตัวมริง คือเราก็เพิ่งเป็นเพื่อนกันแต่กรูรู้สึกสนิทกับมริงเลยพลั้งปากไป”
“ไม่เป็นไรหรอก คือเรายังไม่ได้คุยกับเฟิร์สเลย ตอนนี้ห้องเรารกน่ะ”
“ห้องรกเกี่ยวอะไรฟระ?”
“เฟิร์สเค้าให้เรา vdo.call อย่างเดียว ไม่โทรคุย”
“อ๋อ วันนั้นมริงเลยต้อง vdo.call ตรงโรงเก็บของ”
“เราเลยได้เจอสนไง ฮะ ๆๆ”
“อือ ขอให้ดีกันไว ๆ นะ นี่ดึกแล้วดิมพักผ่อนเถอะ”
“อืม แล้วเจอกันวันจันทร์ตอนเที่ยงนะ”

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep13
เพื่อนเก่าจากห้องคิง


เช้าวันเสาร์ผมมีเรื่องต้องรีบทำ ผมหยิบโทรศัพท์กดโทรหาโต้ง หวังว่ามันจะรับสายนะ โต้งเป็นเพื่อนร่วมห้องคิงสมัยม.ต้นที่เก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าวันไหนเขาเล่นเกมจะปิดมือถือและออฟไลน์ทุกสื่อตัดขาดจากโลกเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะไปหามันที่บ้านอยู่ดี
“หวัดดีพัต โทรมาแต่เช้ามีอะไรเหรอ?”
“นายสบายดีไหม?”
“ก็สบายดี แล้วมรึงล่ะพัต?”
“สบายดี วันนี้ไปเดินห้างกันไหม ครั้งที่แล้วก็ไม่ได้เดินกับนาย”
“วันนี้กรูมีเรียนทั้งวันว่ะ พรุ่งนี้จะว่าง”

11 โมงวันอาทิตย์ผมไปรอโต้งที่ MBK หน้าร้านอนิเมะชั้น 7 ร้านโปรดของพวกเราสองคน มาทีไรก็ต้องแวะร้านเกมแล้วมาดูการ์ตูนกับฟิกเกอร์ที่นี่แล้วค่อยไปหาอะไรกินหรือดูหนัง วันนี้พวกเราได้การ์ตูนมาคนละเล่มแล้วเลือกร้านบุฟเฟต์เพราะนั่งอ่านไปกินไปได้นาน ๆ
“การ์ตูนสมัยนี้แพงสาดเลยนะพัตมรึงว่าไหม เล่มนึงเกือบร้อยบาทละ”
“อืม เรื่องที่เราตามอยู่ก็โดนยกเลิกลิขสิทธิ์ เซ็งมาก” ผมเอาเนื้อไปแกว่งในหม้อแล้วคีบเข้าปาก
“พัต มรึงมีอะไรรึเปล่าวะ? เห็นมริงทำท่าเหมือนจะพูดอะไร” โต้งหรี่ตามองผม
“จริง ๆ คือ…” ผมโน้มตัวไปกระซิบ

“เราอยากให้โต้งช่วยแฮ็กไลน์เพื่อนเราคนนึงน่ะ”
“พรบ.คอมนะ มริงรู้ใช่มั้ย? ถึงกรูจะยังเด็กม.ปลายก็เหอะ” มันตอบกลับทันที
“นายก็ทำแบบเนียน ๆ ก็ได้นี่ เรารู้ว่านายทำได้ ช่วยเราหน่อยนะ”
“มริงเห็นกรูมีสแตนด์ Paisley Park? หรือเป็น CSI, อีธาน ฮอว์ก, อัศวินคอมพิวเตอร์อัลโก้หรือแมคไกเวอร์หรือไง?”
“นะ ๆๆ”
“บอกกรูก่อนว่ามริงจะแฮ็กไลน์เขาทำไม?”
“เรื่องมันยาวมาก นายมีเวลาฟังไหมอ่ะ?”
“มีถมเถ บุฟเฟต์ชั่วโมงครึ่ง ถ้ามรึงยังเล่าไม่จบก็ไปต่อร้านไอติม”

ผมหยิบแผ่นเมนูขึ้นมา “คือตอนสอบเข้าที่นี่เราจงใจทำให้ได้คะแนนน้อย ๆ ไม่ให้ติดห้องคิงห้องควีน”
พรวด!! เศษเนื้อพุ่งออกมาจากปากโต้ง ตรูคิดถูกที่หยิบเมนูป้องกันไว้ล่วงหน้าแล้ว
“จริงดิมริง? ก็ไหนวันนั้นกรูถามมริงเรื่องสอบเข้า มริงก็อือ ๆ กรูก็นึกว่ามริงติดห้องคิงไปแล้ว!”
“ที่เราไม่บอกทางโทรศัพท์วันนั้นก็เพราะรู้ว่านายจะแหกปากลั่นแบบนี้นี่แหละ กลัวหูตึงข้างเดียว”
“นี่มริงบ้าบิ่นขนาดนี้เลยเหรอไอ้พัต! แล้วพ่อแม่มริงรู้มั้ย?”
“ก็ไม่รู้น่ะสิ! ขืนพ่อรู้เราหัวขาดแน่ เขาตั้งความหวังไว้มากเลยว่าเราจะติดห้องคิง เราบอกว่าข้อสอบมันยาก แต่ยังไงเราก็ได้สายวิทย์คณิตอย่างที่พ่ออยากได้ เค้าก็เลยไม่บ่นอะไร”
“เชรี่ย! ช็อกสาดดด! ตอนเรียนด้วยกันมริงเงียบ ๆ ติ๋ม ๆ นะ อะไรทำให้มริงกล้าขนาดนี้” ...บอมไง รอยยิ้มของเขาทำให้ผมกล้า...

“แต่กรูเข้าใจนะที่มริงพยายามให้ตัวเองไม่ติดห้องคิงถึงขั้นนี้ แล้วไลน์เพื่อนมริงเกี่ยวอะไรด้วยวะ?”
“คือเรารู้จักเขาตอบวันสอบเข้า ก็แลกไลน์กัน แล้วพอสอบเสร็จเขาก็แชทมาถามว่าข้อนั้นข้อนี้ตอบอะไร เราก็เฉลยคำตอบให้เขาไปน่ะโต้ง”
“อ๋อ! เข้าใจล่ะ แชทอันนั้นกลายเป็นหลักฐานเลยว่าจริง ๆ มริงทำข้อสอบได้แต่จงใจตอบผิดเพื่อให้หลุดห้องคิง”
“ใช่ แล้วตอนนี้เราเลยต้องลบมันให้ได้ ถ้าพ่อแม่เราเจอ เราตายแน่”
"พ่อแม่มริงจะมีโอกาสอ่านแชทเพื่อนมริงเหรอ กรูว่าแค่ลบแชทในไลน์มริงก็พอมั้ง"
"เราลบในไลน์เราแล้ว แต่เมื่อวานพ่อเราเจอเขาพอดีตอนมารับที่หน้าโรงเรียน คุยกันไปคุยกันมาแล้วเขาก็เกือบเปิดให้ดู"
“เชรี่ยละ แล้วทำไมมริงไม่อธิบายให้เพื่อนมริงฟังล่ะพัต เขาก็จะได้ลบแชท แค่นี้ก็จบเรื่องละ”
“คือเรา...เรากลัวเขาจะหมั่นไส้เรา...นายก็รู้ ใคร ๆ ก็อยากอยู่ห้องนี้ ใครจะเข้าใจอะไรเหมือนนายกับเราว่าอยู่ห้องคิงเนี่ยเจออะไรบ้าง”

โต้งนิ่งเงียบไป “อือ...กรูเข้าใจมริงละพัต...ก็ได้ กรูขอเฟสของเพื่อนมริงคนนั้นหน่อย”
“นายจะเอาเฟสทำไมวะ เราอยากให้แฮกไลน์”
“พัต มริงรู้มั้ยไลน์มีระบบป้องกัน การแฮกทางดิจิตัลแมร่งยากและเสี่ยงโดนจับ”
“แล้ว?”
“แต่การแฮ็กมือถือทำได้ง่ายกว่า”
“คือยังไงวะ?”
“อธิบายง่าย ๆ กรูจะใช้แอคเค้าต์เฟสปลอมส่งข้อความ phishing หลาย ๆ แบบให้เพื่อนมริง ถ้าเขาพลาดกดลิ้งค์นั้น กรูก็จะสามารถเปิดหน้าจอมือถือเขาได้ ที่เหลือมริงต้องจัดการเอง”
“phishing คืออะไรวะโต้ง?”
“จริง ๆ มันก็คือการตกปลา fishing นั่นแหละเพราะกระบวนการคือเอาเหยื่อล่อวางแล้วเป้าหมายเข้ามาติดเองเหมือนการตกปลา ปลากัดเหยื่อแล้วโดนตะขอเกี่ยวปาก แต่เขียนเป็น phishing เพื่อระบุว่าเป็นการหลอกลวงทางคอมพิวเตอร์”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” ...โต้งเริ่มวิชาคอมพิวเตอร์ 101...

“แต่วิธีนี้จะได้ผลถ้าเขากดข้อความนั้นด้วยมือถือเท่านั้น ถ้าเขากดอ่านด้วยคอมก็ฟาล์วเพราะระบบป้องกันของคอมพิวเตอร์ดีกว่ามือถือ เขาเล่นเฟสด้วยคอมพิวเตอร์ด้วยไหม?”
“ไม่นะ ที่เราเห็นบ้านเขาไม่มีคอมเลย”
“เพิ่งเปิดเทอมสัปดาห์เดียว มริงไปบ้านเขาแล้ว?” โต้งกระตุกคิ้ว
“วันนั้นเราไปซีคอนแล้วติดฝน เลยไปค้างบ้านเขาที่อยู่ใกล้ ๆ น่ะ”

โต้งหรี่ตามองผมเหมือนรู้ว่าผมเล่าไม่หมด อย่าดิมรึง ผมก้มหน้ากินเนื้อในจาน
“โอเค ขอเฟสเขาหน่อย” ผมเปิดหน้าเฟสของบอมให้เขาดู
“เพื่อนเราชื่อบอม”
“คนนี้เอง”
“โต้งรู้จักเหรอ?”
“กรูรู้จักเมื่อคืนนั่นแหละ” มันเลื่อนจอไปรูปที่บอมเพิ่งโพส เพราะบอมแท็กชื่อผมสินะเพื่อนทุกคนของผมเลยเห็นรูปนี้ด้วย

“มริงดูมีความสุขดีนะ นานแล้วไม่ได้เห็นมริงยิ้มแบบนี้ สามปีที่เรียนห้องเดียวกันหน้ามริงบูดเป็นตรูดตลอดเวลา”
“ก็ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ห้องคิงแล้ว”
“ที่นี่ก็เป็นเหรอวะ?”
“เรารู้จักคนนึงอยู่ห้องควีน ทำการบ้านไม่ทัน โดนครูสั่งวิ่งรอบสนามบอลจนเป็นลมเลย”
“เชรี่ยยยยย” โต้งเขี่ยเนื้อวนไปมาในหม้อพลางดูหน้าเฟสของบอม

“โอเคกรูจะช่วยมริง เดี๋ยวเย็นนี้กรูเริ่ม phishing ให้เลย”
“ขอบใจนะโต้ง”
“ถามหน่อย ถ้าปลดล็อกมือถือของบอมได้มริงอยากให้เป็นกี่โมง เพราะมือถือจะเปิดหน้าจอแค่แป๊บเดียวตามที่เจ้าของเครื่องตั้งเวลา ถ้าไม่มีใครกดอะไรมันก็จะล็อกหน้าจออีก มริงมีเวลาแค่แว่บเดียวต้องเข้าใช้เครื่องให้ทัน กรูต้องเขียนโค้ดล่วงหน้าไว้ในโปรแกรมให้ทำงานวันรุ่งขึ้นตามเวลาที่กำหนด โปรแกรมจะได้มีขนาดเล็ก เขาจะไม่ทันสังเกตตอน phishing ว่ามันดาวน์โหลดอะไรผิดปกติ”
“16:44 ละกัน เรากับบอมอยู่ชมรมบาส ทุกเย็นหลังเลิกเรียน 16:30 เขาจะเอามือถือใส่กระเป๋าแล้วไปเปลี่ยนชุด ช่วงเวลานั้นจะชุลมุน ไม่มีใครทันสังเกตแน่”

“เดี๋ยวนะ มริงอยู่ชมรมบาส?”
“อืม”
“มริงที่ตอนม.1 วิชาพละเล่นแชร์บอลไม่เป็นจนต้องถือตะกร้าอย่างเดียว”
“อืม”
“ม.2 ไม่เคยชู้ตบาส 3 แต้มลงสักลูก”
“อ...อืม”
“ม.3 มริงก็ไม่เคยเสิร์ฟลูกวอลเลย์ข้ามเน็ต” โต้งยิ่งหรี่ตาจ้องผมหนักกว่าเดิม
“เอออออออ เราก็เลยอยากเล่นกีฬาไง ห่าน! เล่นแต่สแครบเบิ้ลมาหลายปีจนจะต้มกินแล้ว” ผมเร่งไฟหม้อต้มให้เดือด ๆ เนื้อจะได้สุกไว ๆ ให้โต้งเลิกจับพิรุธผม

“ได้! มีข้อแม้อีกอย่างนึงด้วย”
“อะไรเหรอ?”
“ทันทีที่บอมโดน phishing กรูจะโทรบอกมริง แล้วเย็นนั้นมริงต้องมาหากรูที่บ้าน กรูจะบอกขั้นตอนสุดท้ายให้”
“ทำไมไม่บอกทางโทรศัพท์วะ?”
“จะเอาไม่เอา?”
“ก็ได้ ขอบใจนะโต้ง”
“เออ เพื่อนที่กรูสนิทที่สุดก็มีแต่มริงนี่แหละ เสียดายนะที่มริงย้ายไปที่อื่น”

...ถ้าไม่มีเรื่องนั้นผมก็คงยังเรียนที่เดิม...

“แล้วตอนบ่ายมีเรียนพิเศษไหม?”
“อืม เรามีเรียนเลขกับเคมีแถวบ้านน่ะ”
“เสียดายไม่ได้ดูหนังด้วยกันเลย กรูอยากดูดิจิม่อน ถ้าชวนคนอื่นแมร่งคงล้อกรูฉิบหาย”

สังคมเด็กเรียนที่ผมกับโต้งอยู่ด้วยกันมาสามปี มีแค่เราสองคนที่ชอบอะไรเหมือนกันทั้งเกมและการ์ตูน
“พัตมริงไม่เรียนออนไลน์แบบกรูวะ? อยากเรียนตอนไหนก็กดดู”
“เราไม่มีสมาธิดีขนาดนายน่ะโต้ง เคยลองละ เรียนผ่านหน้าจอเราหลับทุกที”
“อือ ไว้คราวหน้าดูหนังกัน เดี๋ยวเย็นนี้กรูจัดการเรื่องของมริงให้”

---------------------------------------------------------------------------------------

พอแยกกับโต้งผมก็ขึ้นรถไฟฟ้ามาลงใกล้ที่เรียนพิเศษ ผมขึ้นบันไดเลื่อนไปห้องเรียนก็เจอเอสกับตี้นั่งรออยู่ร้านน้ำหน้าห้องเรียน เอสโบกมือเรียกผม
“ทางนี้พัต เดี๋ยวรอคลาสโน้นเลิกก่อนค่อยเข้าไป”
“หวัดดีเอส หวัดดีตี้”
“หวัดดี” ตี้ยกมือทักทายห้วน ๆ ตามเคย
“เอส เมื่อเช้าเราไปร้านอนิเมะที่ MBK ได้การ์ตูนเล่มใหม่มาน่ะ นายอ่านเรื่องนี้มั้ย?”
“เอ้อ! เรื่องนี้เราก็อ่านอยู่ ออกเล่มใหม่แล้วเหรอเนี่ย ดีจัง”
“เราอ่านจบแล้วล่ะ เอสเอาไปอ่านต่อไหม?”
“เออดี ๆ เรายืมคืนนึงนะเดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปคืนที่โรงเรียน ว่าแต่จะเสี่ยงโดนครูยึดรึเปล่าเนี่ย?”
“ถ้าไม่หยิบขึ้นมาในคาบครูคงไม่ว่าหรอก”

ตี้จ้องมามองตาดุ ๆ เอสเลยหันไปหา
“นี่ยังไม่เข้าคลาสเลย นายจะดุที่พวกเราคุยกันทำไมฟระ?”
“เรายังไม่ทันพูดอะไรเลยเตี้ย” ตี้ทำหน้ากวนแล้วก้มหน้าอ่านตำราเลขต่อ
“เออพัต เห็นว่าการ์ตูนเรื่อง 7 Deadly Sins ทำเกมด้วยนี่ นายเล่นยัง?”
“มือถือเรารุ่นเก่าน่ะเล่นไม่ไหว เอสเล่นยัง? สนุกไหม?”
“เราก็ยังไม่ได้เล่น ไม่รู้สิเกมมือถือส่วนใหญ่ก็ระบบเดิม ๆ แต่แค่อยากดูอนิเมชั่นน่ะ เห็นว่าเสียงญี่ปุ่น”
“ไหนนายบอกไม่เล่นเกมมือถือไง แล้วนี่มาเรียนหรือมาคุยเรื่องเกมเรื่องการ์ตูนฟระ?” ตี้เอ็ด
“นี่ก็จับผิดจ๊าง! ตกลงเป็นพ่อหรือแฟนเราฟระ?”
“เราเลือกได้แค่สองอย่างเหรอ? งั้นขอเป็นอย่างหลังดีกว่า เป็นพ่อนายต้องจ่ายค่าขนมเท่าไหร่วะ เช้าก็แดรก เที่ยงก็แดรก ตอนบ่ายพักก็แดรก ตอนเย็นก็แดรก แล้วก็ยังเตี้ยเท่าเดิม”
“170 เซนไม่เตี้ยว้อย ความสูงปกติ นายมันโย่งเกินต่างหาก”
“เอ่อ...พวกนายสองคนดูสนิทกันดีนะ” ผมพยายามห้ามศึก
“ไม่สนิท!” ตี้กับเอสตอบพร้อมกัน

หลังจบคลาสวิชาเลข พวกเราสามคนก็ไปหาอะไรทานที่ศูนย์อาหารเพื่อรอเข้าคลาสเคมีตอนเย็นต่อ หลังเรียนเสร็จเราสามคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

หิวน้ำแฮะ ผมแวะร้านนมขนมปังปิ้งพลางเปิดเฟสในมือถือ รูปคู่ของผมกับบอมที่เขาโพสเมื่อวันศุกร์มีทั้งเพื่อนผมและเพื่อนบอมมาเม้นต์เยอะเลย และส่วนใหญ่เม้นต์ทางเดียวกันคือ “เปิดตัวเหรอวะ?” ...ถ้าเปิดตัวก็ดีสิ... หารู้ไม่นี่เกือบเป็นรูปสุดท้ายในชีวิตผมละ หลังจากถ่ายปุ๊บบอมก็เกือบเปิดแชทไลน์เฉลยข้อสอบของผมให้พ่อผมดู

บอมยังไม่ตอบอะไรสักเม้นต์ เขาอาจไม่ได้คิดอะไรเลยทั้งที่มีแฟนคืออั้มอยู่แล้ว ผู้ชายก็คงเป็นแบบนี้ล่ะมั้งไม่ต้องคิดมากอะไร อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนใครมองใครแซว ผมก็อยากเป็นได้แบบนี้บ้างจัง แต่ทำไมเวลาผม “ทำอะไรอย่างที่อยากทำ” มันดันกลายเป็นเรื่องยุ่งไปทุกที แล้วตอนนี้ผมก็ต้องตามทำลายหลักฐานแชทไลน์นั่นอยู่เนี่ย

บอมกอดคอถ่ายรูปกับผมแบบเพื่อน แต่ผมกลับกำลังหาทางแฮ็กมือถือเขา ถ้าบอมรู้ เขาจะยังนับผมเป็นเพื่อนไหมเนี่ย? หวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมต้องมาตามแก้ความผิดพลาดที่ตัวเองทำไว้…

“น้องพัตยังไม่กลับบ้านเหรอครับ? เดี๋ยวถึงบ้านดึกนะครับ” ครูวิงติวเตอร์วิชาเลขยืนอยู่ข้างโต๊ะผม
“เอ่อ...ผมหิวเลยหาอะไรทานน่ะครับ บ้านผมอยู่แถวนี้เองครับ”
“หืม โรงเรียนอยู่แถวพัฒนาการแต่บ้านอยู่แถวนี้ แบบนี้ก็เดินทางไกลทุกวันเลยสิครับ”
“พี่วิงรู้โรงเรียนผมด้วยเหรอครับ?”
“มีเขียนในใบสมัครน่ะครับ ทั้งชื่อเล่นทั้งชื่อโรงเรียน แล้วเห็นทำหน้าเครียด เรียนไม่เข้าใจหรือเปล่า?”
“เอ่อ...ใช่ครับ เรียนยาก แหะ ๆ”...ความเครียดมันแสดงออกมาชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย...
“สงสัยตรงไหนก็ถามพี่ได้นะครับ พี่เป็นรุ่นพี่โรงเรียนเรานะไม่ต้องเกรงใจ”
“ห้ะ! จริงเหรอพี่?”
“ใช่ครับ จบมานานละ”
“ขอบคุณครับพี่วิง ถ้าผมสงสัยตรงไหนจะถามนะพี่”

เสียงโทรศัพท์ของพี่วิงดังขึ้น “ฮัลโหล ป้อมมาแล้วเหรอ? ได้ ๆ เดี๋ยวเราลงไปนะ”
“งั้นพี่ไปก่อนนะครับน้องพัต”
“ครับพี่ ขอบคุณครับ”

-----------------------------------------------------------------------------------------

เอสก้าวเข้ารถไฟฟ้า ยังพอมีที่นั่งว่างท้ายรถ แล้วคนตัวสูงก็นั่งลงข้างเขา
“อ้าวเฮ้ยตี้! มาทางนี้ด้วยเหรอ?”
“อือ เราอยู่หมู่บ้านเมืองทอง แล้วบ้านนายอยู่ไหนวะเอส?”
“เราอยู่ศรีนครินทร์”
“เออดี! ลงสถานีเดียวกัน ปลุกเราด้วยนะ”
“ทำไมเราต้องปลุกนายด้วยวะ? แล้วตั้งใจจะนอนจริงเหรอเนี่ย?”
“เออ เราขึ้นรถทีไรง่วงทุกที ถ้านั่งเลยก็แย่สิ” ตี้พูดแล้วพิงหัวลงที่ไหล่เอส
“หลับสัปหงกแล้วปวดคอ ไหน ๆ มีเพื่อนมาด้วยเรานอนให้สบายดีกว่า”
“โอ๊ย! ผมนายจิ้มคอเรา” เอสบ่นแต่ตี้ไม่สนใจ

รถ airport link แล่นไปเรื่อย ๆ เอสเริ่มง่วงเช่นกัน ไม่นานสองหนุ่มม.4 ก็หลับพิงกันไปในรถที่เคลื่อนผ่านความมืดของกทม.

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep14
มาบ้านเรามั้ย

เช้าวันจันทร์ระหว่างกำลังนั่งฟังอาจารย์พูดหน้าเสาธงดิมยื่นมือมาสะกิดผม
“สน เดี๋ยวเที่ยงนี้มากับเราหน่อยสิ”
“ได้สิ มีอะไรเหรอ?”
“เดี๋ยวเราบอกให้ เจอกันที่ระเบียงตอนจบคาบ 4 นะ”

พอจบคาบ 4 คนอื่น ๆ รีบลงไปโรงอาหารกัน ดิมยืนรอที่หน้าห้องแล้ว
“ดิม มริงหายดีแล้วเหรอ?”
“นอนพักตลอดเสาร์อาทิตย์ก็โอเคแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปห้องของพี่ ม.5 กัน”
“หืม? ไปทำไมเหรอ?”
“ไปขอหนังสือเรียนน่ะ”
“ยังไงนะ กรูไม่เข้าใจ”
“เราจะไปขอหนังสือเรียนของรุ่นพี่น่ะ พอสอบไฟนอลจบเทอม 2 ส่วนใหญ่เค้าก็ไม่ใช้หนังสือเรียนกันแล้วจริงมั้ย เราก็ขอพี่เค้าไว้ล่วงหน้าเลย สนจะได้ประหยัดค่าหนังสือปีหน้าไปได้เยอะเลยไง”
“เฮ้ย ความคิดดีนี่หว่า”

แต่การเดินเข้าห้องพี่ ม.5/8 มันกดดันเหมือนกันนะเนี่ย ผมว่าผมก็ตัวสูงนะแต่พวกพี่ ๆ สูงกว่าผมอีก ดีที่มาตอนพักเที่ยงเลยมีคนไม่เยอะ ไม่เครียดเท่าไหร่
“หวัดดีครับพี่ เอ่อ...ผมชื่อใบสนนะครับอยู่ ม.4/8 ครับ”

รุ่นพี่หันมาทำหน้างง ๆ
“ครับน้อง มีอะไรเหรอ?”
“คือผมจะขอหนังสือเรียนของพี่หลังจากสอบไฟนอลเทอม 2 เสร็จน่ะครับ ได้ไหมครับพี่?”
“เออ...น้องบอกว่าห้อง 4/8 ใช่มั้ย?”
“ครับพี่”
“พี่เรียนมา 4 ปีเพิ่งเคยได้ยินรุ่นน้องห้องมาให้เทคแคร์ว่ะ อืม...ก็ได้นะ สอบปลายภาคเสร็จก็ไม่ได้ใช้ตำราของม.5 แล้วนี่นะ ถ้าน้องใบสนจะรับช่วงต่อก็ได้ แต่พี่วาดรูปเล่นไปเยอะแล้วว่ะ เอาจริงเหรอ?”
“ได้ครับพี่ ผมขอบคุณมากเลยครับ”
“อือ เดี๋ยวพี่เก็บไว้ให้ละกันนะ”


“ขอบใจมริงมากนะดิม กรูไม่เคยนึกถึงวิธีนี้มาก่อนเลย ถ้าทำแบบนี้เนี่ยประหยัดเงินค่าตำราได้เยอะทุกปีเลยนะเนี่ย” ผมพูดกับดิมระหว่างเดินไปโรงอาหาร
“บางทีหนังสือของรุ่นพี่ก็มีเขียนสรุปไว้ด้วย ทำให้เรายิ่งเรียนได้ดีขึ้น เราทำแบบนี้มาตลอดเลย”
“นี่สินะเทคนิคเรียนดีของมริง พัตเองก็แนะนำให้อ่านพวกเว็บภาษาอังกฤษ มีเพื่อน ๆ ดีแบบนี้กรูโคตรโชคดีเลย”
“แต่วันนี้คงติวไม่ทันแล้ว นี่ก็เที่ยงครึ่งละ รีบทานข้าวกันเถอะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยติวกัน”
ผมกับดิมเข้าแถวซื้อข้าวแล้วเดินไปโต๊ะประจำที่บอมกับพัตนั่งอยู่

“นั่นถุงอะไรเหรอวะบอม?”
“พัตซักเสื้อนักเรียนมาคืนกรูน่ะ ที่วันนั้นไปค้างบ้านกรู”
“แล้วดิมเป็นไงบ้าง หายดียัง?” พัตถาม
“เราสบายดีแล้วล่ะ ขอบใจทุกคนนะ เอ้อ! รู้ยังว่าอีก 2 สัปดาห์จะมีสอบเก็บคะแนนวิชาเลข” ดิมพูด
“งั้นพวกเรามาติวด้วยกันตอนเที่ยงไหม มีทั้งดิมกับพัตน่าจะดีนะ” สนยิ้มพลางหันไปหาดิม
“ดี ๆ งั้นช่วงนี้พวกเรารีบกินข้าวแล้วมาติวกันตอนเที่ยงครึ่งนะ”



ผมรับถุงชุดนักเรียนกับถุงเกมมาจากบอมแล้วรีบยัดถุงเกมใส่เป้ ถ้าอาจารย์มาเห็นอาจโดนยึดได้
ตอนนี้ในเป้มีทั้งเกมที่คุณครูบิ๊วซื้อให้กับการ์ตูนที่เอสเอามาคืนเมื่อเช้าและเสื้อพละสำหรับใส่เล่นบาสคาบสันทนาการ

พอถึงคาบ 8 ผมก็มารอที่สนามบาส แบตมือถือใกล้จะหมดแล้วผมจึงเสียบพาวเวอร์แบ้งค์แล้วใส่ในกระเป๋า
“ป่ะ พัตไปเปลี่ยนชุดกัน” บอมดึงมือผมไปห้องน้ำใต้โรงยิม
“บ...บอม ไม่ต้องก็ได้”

คือแค่นี้ผมก็รู้สึกแย่ที่กำลังหาทางแฮ็กมือถือบอมอยู่ แล้วจะอยู่ใกล้เขาที่ยิ้มให้ผมตลอดเวลาแบบนี้ผมโคตรรู้สึกผิดเลย (ถึงจะอยากเห็นเขาถอดเสื้อก็เถอะ)
“เออ จริงด้วย พัตคงอยากรีบซ้อมก่อนคนมาเยอะใช่มั้ย?”
พูดจบบอมก็แกะกระดุมเสื้อนักเรียนถอดออกข้างสนามบาสเลย เฮ้ย! ตรูไม่ได้หมายความแบบนี้!!!

ที่บอกว่า “ไม่ต้องก็ได้” คือไม่ต้องชวนตรูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมนายก็ได้ว้อย ไม่ได้บอกให้ถอดเปลี่ยนกันตรงนี้! ถึงแม้ว่าหลายคนจะทำแบบนั้นก็เถอะ แต่บอมมริงควรเก็บไว้ให้ผมมองคนเดียวว้อย! หัวใจเต้นแรงมากทั้งเขินทั้งอยากดูทั้งหวง! ผมเลยจำใจต้องถอดเปลี่ยนตรงนี้บ้าง พอเปลี่ยนใส่ชุดพละเสร็จก็เห็นบอมอมยิ้มจ้องผมอยู่
“พัตเขินเหรอ?”
“...ซ...ซ้อมกันเถอะ” ผมพูดอะไรไม่ออกที่รู้ว่าเมื่อกี้บอมมองผมอยู่
“พัตตัวขาวเนอะ ดีนะสนามบาสที่นี่มีหลังคานายจะได้ไม่คล้ำ ดูสิเราดำมากเลย เล่นกลางแดดตั้งแต่ม.1”
บอมเอาแขนมาทาบกับแขนผม เนื้อแนบเนื้อแบบนี้ผมทำตัวไม่ถูกเลย

“พัตรู้มั้ย เวลานายเขินนี่หน้าตลกมากเลย”
“เดี๋ยวนะ นี่เมื่อกี้นายตั้งใจเหรอ?”
บอมหัวเราะ “เออดิ ก็นายชอบทำหน้าเครียดทั้งวัน จะเล่นกีฬาต้องทำอารมณ์สนุกดิจะได้ผ่อนคลาย”

แย่ละ! จุดอ่อนของตรูโดนดูออกง่ายขนาดนี้เลยเหรอฟระว่าตรูแพ้เวลาเห็นคนถอดเสื้อ? แต่เหมือนบอมไม่คิดมากอะไร แถมยังแกล้งหยอกผมซะอีก...เดี๋ยวนะ แล้วไอ้ที่เขาบังเอิญถอด ๆ ต่อหน้าบ่อย ๆ นี่...ตกลงมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่มั้ยฟระ!?

“วันนี้เราจะสอนการเลย์อัพนะ พัตรู้จักมั้ย?”
“เคยเรียนตอนม.2 แต่ลืมหมดแล้ว” (โง่เรื่องพละมากเลยผม)
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพัตลองใช้มือเดียวโยนลูกบาสให้สนนะ”
“ใช้มือเดียวเหรอ? ไหนบอมบอกว่าเวลาส่งบอลต้องใช้สองมือ”
“อือ แต่อันนี้เราอยากดูอะไรหน่อยน่ะ พัตโยนเบา ๆ มาให้เราก็พอ” สนบอก
ผมก็โยนเบา ๆ ไปให้สน

“ถนัดซ้าย ดีเลยว่ะบอม”
“คืออะไรเหรอสน?”
“เราอยากรู้ว่าพัตถนัดมือไหนตามธรรมชาติน่ะ เนี่ยตะกี้นายใช้มือซ้ายโยนให้เรา”
“อ๋อเหรอ แล้วดียังไงเหรอ?”
“ก็คนส่วนใหญ่ถนัดขวาไง ถ้าพัตเลย์อัพมือซ้ายเค้ามักเดาทางไม่ถูก”

“พัตดูเรานะ ปกติเวลาเลี้ยงบอลเราห้ามจับบอลเดิน แต่เวลาเลย์อัพเราจับบอลเดินสองก้าวได้ ของนายคือให้ก้าวขาซ้ายก่อน แล้วก้าวขวาสปริงตัวขึ้นไป”

“มือซ้ายชูบอลขึ้นไปให้สูงสุด เล็งช่องระหว่างห่วงกับแป้นนะ มือขวายกนิดหน่อยไว้กันคนปัดบอล สะบัดข้อมือให้บอลไปโดนด้านซ้ายของกรอบใน เดี๋ยวบอลจะเข้าห่วงเอง”
“พัตฝึกวนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ยังไม่ต้องวิ่งเร็วนะ ตั้งใจแค่ท่าถูกก็พอ รับบอลแล้วเลี้ยงมาวนรอบกรวยอันนี้”
สนเอากรวยมาวางนอกเส้นสามแต้ม
ผมก็ฝึกไปเรื่อย ๆ สนุกดีแฮะ รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้กระโดด ระหว่างนั้นบอมกับสนแยกไปเล่นทีมกับรุ่นพี่

“เป็นไง เบื่อยังพัต?” บอมเดินกลับมา เหงื่อเต็มตัวเลย
“ไม่เบื่อเลย สนุกดี”
“ฟอร์มเริ่มสวยละ งั้นก็...” บอมเดินไปยืนหน้าแป้น
“พัตเลย์อัพอีกทีซิ”
ผมก้าวเท้าซ้าย ตามด้วยขวา สปริงตัวขึ้นพร้อมชูบอล….บอมก็กระโดดขึ้นยกมือกัน
เชรี่ยยย! หน้าแทบจะชนกัน!

“เวลาเลย์อัพจริงอาจมีคนกระโดดกันแบบนี้ พัตลองฝึกดูจะได้ชิน”
“เอ่อ...ร...เราขอฝึกคนเดียวได้มั้ยบอม?”
คือตรูดีใจนะที่ได้ใกล้ชิดนายขนาดนี้ แต่...แมร่งเอ๊ย! ทำตัวไม่ถูกว้อย!! หน้าแทบชนกัน ตัวก็ชิดกันเลย

“พัตไม่ค่อยเล่นกับใครเลยรู้สึกขัด ๆ เวลามีคนบล็อกหรือเปล่า? ไม่ต้องกังวลเรานะ นายใช้มือขวาบังแขนเราเลย”
ตรูไม่ได้รู้สึกขัดหรือกังวล แต่ตรูทำตัวไม่ถูกที่ไอ้คนนั้นดันเป็นนายนั่นแหละบอม!!
“มา ๆ ลองอีกที ไม่ต้องกลัวเรานะ”
มันเป็นช่วงเวลาที่ผมบอกไม่ถูกว่ามีความสุขหรืออะไรกันแน่ ทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ ใบหน้านั้น...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น...ความอบอุ่นกับกลิ่นโคโลจ์นนั้น

“แฮ่ก ๆ จะห้าโมงเย็นแล้ว เราต้องกลับแล้วล่ะบอม”
ผมถอดเสื้อพละที่ชื้นเหงื่อออก เปลี่ยนกลับเป็นเสื้อนักเรียน
“อืม เดี๋ยวเราเดินไปส่งนะ” บอมโอบไหล่ผม
...เพื่อนผู้ชายเค้าเดินไปส่งทุกครั้งเหรอฟระ... บอมเทคแคร์ผมมาก...มากจนผมกลัวว่าวันหนึ่ง...ผมจะห้ามใจไม่ไหว

“ไม่เป็นไรหรอกเราไปเองได้ บอมไปซ้อมทีมกับพวกพี่ ๆ เค้าเถอะ ขอบใจนายกับสนมากนะที่ช่วยสอนเราวันนี้” (ผมไม่พลาดให้บอมเจอพ่อแบบเมื่อวันศุกร์แน่ จนกว่าจะลบแชทไลน์นั้นได้ก่อน)
“อือ แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ”

“ลูกเล่นจนเหงื่อชุ่มเลยนะเนี่ย ระวังจะป่วยนะ”
“สบายมากครับพ่อ วันนี้เรียนบาสสนุกดีครับ พรุ่งนี้เพื่อน ๆ จะติววิชาเลขกันด้วยครับ อีก 2 สัปดาห์จะมีสอบเก็บคะแนน”
“อืม...ถ้าลูกบริหารกิจกรรมกับการเรียนได้พ่อก็ไม่ว่าอะไรนะ ถ้าอยากอยู่กับเพื่อนต่ออีกหน่อยก็บอกพ่อให้มารับเย็นกว่านี้ก็ได้นะ”
“ขอบคุณครับพ่อ”


กลับมาถึงบ้าน อาบน้ำทานข้าวเสร็จผมก็กลับขึ้นห้อง ได้เวลาเอาเกมของมาเล่นละ
หืม? มีกระดาษอะไรแปะไว้ด้านหลังกล่องด้วย

ให้น้องพัต นักเรียนคนเก่งของครูนะครับ

คุณครูบิ๊วเขียนโน้ตให้ผมเหรอ? ...เดี๋ยวนะ...แล้วตอนนั้นที่บอมโทรมาบอกว่าผมลืมถุงนี่ไว้ที่บ้านบอมแล้วผมให้เขาเปิดดู บอมได้อ่านไอ้นี่ไหม? ถ้าอ่านเขาจะคิดว่ามันคืออะไรวะ? ที่แน่ ๆ บอมคงรู้แล้วว่ามันไม่ใช่เกมที่ผมซื้อเอง เขาจะรู้เรื่องผมกับครูบิ๊วไหม?

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น บอมโทรมา
“หวัดดีบอม”
“หวัดดีพัต วันนี้ซ้อมเยอะเลยปวดเมื่อยตัวมั้ย?”
“ไม่นะ”
“อืมดีละ เราก็เป็นห่วงว่าเราซ้อมให้นายเยอะไปไหม นี่ตามตารางวันพรุ่งนี้เรากับสนจะฝึกการส่งชิ่งให้นาย จะได้ลงเล่นจริงด้วยกันเร็ว ๆ”
“โห! บอมวางแผนการซ้อมให้เราล่วงหน้าแบบนี้เลยเหรอ?”
“ใช่ พวกเราอยากให้พัตมาเล่นบาสจริง ๆ ในสนาม นายจะได้สนุกกว่านี้ สัปดาห์นี้ก็ฝึกเดินเลี้ยงบอลบ่อย ๆ นะจะได้ชิน”
“อืม ขอบใจนะบอม ขอบใจสนด้วย”
“ตอนนี้ก็ยังขาดสมาชิกทีมอีกเยอะเลย เดี๋ยวพัตเก่งขึ้นแล้วเราจะบอกรุ่นพี่ให้พัตเป็นตัวสำรองนะ”
“ข...ขอบใจนะบอม”

พูดไม่ออกเลยว่าผมสัญญากับพ่อว่าชมรมบาสจะเป็นแค่กิจกรรมสันทนาการ ผมจะไม่ลงแข่งจริง...บอมอุตส่าห์ตั้งความหวังกับผม...ตอนนี้ช่างมันก่อนละกัน พ่อก็ดูท่าทีอ่อนลงเยอะ ถ้าผลสอบกลางภาคออกมาดีผมอาจขอเป็นตัวสำรองก็ได้

“อือ งั้นแค่นี้นะนายจะได้รีบนอน”
“เอ่อ...บอม”
“หืม? พัตมีอะไรเหรอ?”

ผมควรถามเขาไหมฟระว่าบอมได้อ่านโน้ตในถุงเกมนี่หรือเปล่า...แต่เท่าที่คุยเขาก็ไม่ถามถึงหรือมีท่าทีอะไรนะ งั้นผมไม่ควรถามให้เขาเอะใจดีกว่า
“เอ่อ...จะถามว่า...”

ถามอะไรดีวะ?

อาบน้ำยัง? ห่าเอ๊ยไอ้พัต มริงจะเลิกคิดเรื่องบอมแก้ผ้าสักครั้งได้ไหม
บอมมีแฟนยัง? คราวที่แล้วบอมยังถามผมเลย ผมก็ควรถามกลับไหม แต่กลัวคำตอบ ถึงวันนั้นจะเห็นเขาคุยยิ้มกับอั้มซึ่งก็โคตรชัดเจนอยู่แล้ว
ชวนคุยเรื่องที่เขาชอบไง! บาสไง! หาเรื่องคุยเล่นกับเขาเลย

“แล้วบอมดูรายการแข่งบาสอะไรบ้างมั้ย?”
“เราก็ดูหลายรายการนะ”
จากนั้นบอมร่ายยาวเลย ชื่อรายการ ชื่อทีม ชื่อนักกีฬา ซึ่งแน่นอนตรูไม่รู้จักสักชื่อ พลาดไหมดันชวนเขาคุยเรื่องนี้ ป่านนี้เขาคงรู้แล้วว่าจริง ๆ ผมไม่รู้จักกีฬานี้สักนิด ผมดูน่าเบื่อในสายตาเขาไหมเนี่ย?

“แต่เราไม่ค่อยได้ดูสดน่ะพัต ไม่มีเคเบิ้ลทีวี ตามร้านอาหารเค้าก็เปิดแต่ฟุตบอล ส่วนใหญ่เราดูแต่เทปเก่าในเว็บเอา”
“แล้วเร็ว ๆ นี้มีแมตช์ไหนที่อยากดูไหมอ่ะ?”
“ก็มีคืนวันศุกร์กับเช้าวันเสาร์นะ รายการเช้าวันเสาร์จริง ๆ คือแข่งตอนค่ำที่อเมริกาคืนวันศุกร์น่ะ”
“งั้นมาดูที่บ้านเราไหมล่ะ? ชวนสนมาด้วยดิ”
“ก็ดีนะ ว่าแต่จะรบกวนพ่อแม่พัตไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอกเค้าไม่อยู่ สุดสัปดาห์นี้พ่อแม่เราไปสมุย”
“ไปเที่ยวเหรอ? แล้วพัตไม่ไปด้วยล่ะ? สมุยน่าจะสวยมากเลยนะ”
“แม่เราไปทำงานน่ะ พ่อเราไปเฝ้า แต่เราไม่ไปหรอกต้องนั่งอยู่แต่ในโรงแรม”
“ห...เหรอ แล้วพัตไม่เหงาเหรอ?”
“ตอนเด็ก ๆ ก็เหงาบ้าง แต่ตอนนี้ชินละ”
“อืม ขอบใจนะพัต เดี๋ยวดูก่อนละกันว่าเรากับสนไปได้ไหม”
“อืม ราตรีสวัสดิ์นะบอม”

เย็นวันศุกร์นี้บอมกับสนจะมาค้างที่บ้านผมว้อย!!! ดีใจนอนไม่หลับเลย!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep15
พิซซ่า


เที่ยงวันอังคาร หลังทานข้าวเสร็จพวกเราก็เริ่มติววิชาเลขบทที่ 1 จบทันหมดพักเที่ยงพอดี
ดิมอธิบายเข้าใจง่ายมาก สมกับเป็นเด็กห้องควีนเลย

“วันนี้วันเกิดอยากกินพิซซ่าน่ะ ทุกคนไปกินด้วยกันไหม? วันอังคารมีโปร 1 แถม 1 พอดี” บอมพูดขึ้นมา
...ห้ะ! วันนี้วันเกิดบอมเหรอ เมื่อคืนตอนคุยโทรศัพท์ไม่เห็นบอกผมเลย

“ก็ดีนะ ถาดใหญ่หารกัน 4 คนก็ไม่แพงนะ” ดิมพูด
“แต่มีการบ้านวิชาเลขอีกตั้ง 10 ข้อนะ ถ้าเลิกเย็นเดี๋ยวทำการบ้านดึกแน่” สนแย้ง
“งั้นมาช่วยกันทำการบ้านตอนเลิกเรียนไหมล่ะ แบ่งกันคนละ 2-3 ข้อแป๊บเดียวก็เสร็จ” ผมเสนอ
“แบบนั้นก็ลอกการบ้านน่ะสิพัต?” บอมถาม
“ไม่หรอก ใครทำข้อไหนก็ต้องอธิบายวิธีทำให้ทุกคนรู้ แบบนี้จะเข้าใจละเอียดเหมือนทำการบ้านด้วยตัวเองเลย ตอน ม.ต้นเรากับเพื่อนก็เคยทำแบบนี้”
“ไอเดียนายดีนะพัต” ดิมพูด

...ตอนอยู่ห้องคิง การบ้านสุดยากวันละ 20 ข้อ ผมก็ต้องหาทางออก…

“งั้นเลิกเรียนมาเจอกันที่โรงอาหารนะ รีบทำรีบอธิบายแล้วจะได้ไปกินพิซซ่ากัน” สนนัดแนะทุกคน

ผมส่งข้อความไปบอกพ่อว่าวันนี้กินเลี้ยงวันเกิดเพื่อน จะกลับเอง
ดีใจชิบเป๋ง!!! ผมกำลังจะได้ฉลองวันเกิดบอม! ช่วงนี้มีเรื่องดีมาติด ๆ กันเลย ตอนนี้ก็ลุ้นว่าศุกร์นี้บอมกับสนจะมาค้างดูรายการบาสที่บ้านผมมั้ย


16:15น.
ห้องม.4/3 วิชาแนะแนว

คาบสุดท้ายวันนี้เป็นวิชาแนะแนว ผมกำลังทำแบบทดสอบอาชีพที่เหมาะสม ใช้หมุดปักกระดาษตามคำถามแล้วดูผลว่าเหมาะกับอาชีพอะไร คือผมก็ตั้งใจจะเป็นสถาปนิกอยู่แล้ว แต่ลองดูเผื่อมีอาชีพอื่นแปลก ๆ

“เอส” ตี้กระซิบ
“หืม? มีอะไรเหรอตี้ อย่ามาลอกการบ้านเรานะ”
“จะบ้าเหรอ ไอ้จิ้ม ๆ เนี่ยเค้าแนะแนวอาชีพที่เหมาะกับเรา จะลอกนายเพื่ออออออ?” ตี้กวนตีน
“แล้วนายมีอะไร?”
“เย็นนี้ไปห้องโสตกับเราหน่อย”
“ไปทำไม?”
แมร่งฟังเหมือนชวนไปทำมิดีมิร้าย ชวนไปห้องมืด ๆ เปลี่ยว ๆ แบบนั้นหลังเลิกเรียน

“มาช่วยดูเทปรายการที่เราตัดต่อหน่อย”
“เราจะรู้วิธีใช้เครื่องตัดต่อมั้ย ก็ให้คนในชมรมช่วยสิวะ”
“เทปมันตัดต่อเสร็จแล้ว แค่ไปนั่งดู”
“ให้เราไปนั่งดูเพื่ออะไร?”

“ก็อยากให้คนนอกช่วยดูว่ามันใช้ได้ไหม ช้าไปเร็วไปหรือเปล่า ถามรุ่นพี่ในชมรมเค้าก็อาจตอบเอาใจเรา”
“เฮ้อ แทนที่จะได้กลับบ้านเร็ว ๆ ต้องมานั่งดูอะไรวะเนี่ย?”
“บ้านอยู่ใกล้แค่เนี้ย น้ำจงน้ำใจไม่มีเลย”

ผมยังไม่ทันขยับปากด่า รุ่นน้องสองคนก็เดินเข้ามา
“พี่คะ รูปนี้ใช่พวกพี่สองคนมั้ยคะ?”
แล้วน้องก็เปิด IG ให้ดู ...รูปผมกับไอ้ตี้หลับหัวพิงกันบนรถไฟฟ้า

“เอ่อ...น้องครับ รูปนี้มาจากไหนเหรอ?”
“IG Cute_student ค่ะ”
เปล่า! หมายถึงใครถ่าย! ต้องเป็นใครสักคนบนรถขบวนนั้นแน่ ๆ นี่มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเลยนะว้อย

“พี่คะ หนูอยากถามว่า เอ่อ...คือ...พวกพี่สองคน...” น้องยิ้มกรุ่มกริ่มทำผมขนลุก

ไอ้ตี้กระซิบ “เอส ถ้านายไม่ไปดูเทป เราจะบอกน้องเค้าว่านายเป็นแฟนเรา”
“เชรี่ย อย่านะเว้ย เดี๋ยวลือไปไกล” รูปก็โคตรส่ออยู่แล้ว
“ไม่รู้ล่ะ” ตี้กระซิบแล้วหันไปยิ้มหวานให้รุ่นน้อง
“เออ” ผมกระซิบตอบอย่างจำใจ

“พวกพี่เป็นเพื่อนสนิทกันครับ IG พี่ Ty_Tweetie นะครับ ฝากฟอลโล่ด้วยนะ” ตี้ฉีกยิ้มแล้วโอบไหล่ผม รุ่นน้องก็ร้องวี้ดว้ายใหญ่
“ไอ้ฟาย โอบไหล่นี่เค้ายิ่งเข้าใจผิด!”
“ความสัมพันธ์ชวนจิ้นแบบนี้แหละขายดี เชื่อเรา เผื่อฟลุ้กติดกระแส Y มีคนฟอลโล่เยอะ ๆ อาจได้รับรีวิวสินค้านะเว้ย”
“ชื่อ Tweetie คิดได้ไงวะ ไม่เข้ากับนายเลย”
“ก็ชื่อจริงเรา ธวัชตรี พิมพ์ภาษาอังกฤษยาก คนจำยากขายไม่ได้เว้ย”

แมร่งเอ๊ย อยู่ดี ๆ ต้องโดนจิ้นกับไอ้โย่งเนี่ย อย่าให้รู้นะว่าใครถ่าย จะฟ้องละเมิด!


16:56น.
โรงอาหาร

วิธีแบ่งกันทำและเฉลยการบ้านได้ผลมาก ประหยัดเวลาไปเยอะเลย
ถึงตาผมเฉลยข้อสุดท้ายละ
“พอแทนค่าสมการแล้วจะได้ว่า X-Y=5 และ X*Y=36 วิธีเร็วสุดคือแยกตัวประกอบของ 36 คือ 3*12 ---> 3*3*4 ---> 3*3*2*2 แล้วจับคู่คูณใหม่ให้กลายเป็นเลข 2 ตัวแทนค่าลงสมการฝั่งซ้าย
18-2=16 ไม่ใช่
12-3=9 ไม่ใช่
9-4=5 อันนี้ใช่ สรุป X=9 Y=4”

“พัต...มริงไปเร็วมาก ห่านเอ๊ย! กรูยังงง ๆ ตรง X-Y กับ X*Y อยู่เลย” สนบ่น
“จะได้รีบไปกินพิซซ่าวันเกิดบอมไง แต่วิธีนี้จะใช้ยากถ้าผลคูณของ X*Y เป็นเลขจำนวนมาก ๆ น่ะ”

...ทำไมสามคนมองหน้ากันแปลก ๆ…

“ใช่ ๆ พวกเรารีบไปฉลองวันเกิดไอ้บอมกันเหอะ” สนพูดแล้วเก็บสมุดหนังสือใส่กระเป๋าแล้วเดินนำลงจากโรงอาหาร
“ขอบใจนะพัต เทคนิคนายนี่ทำการบ้านไวมากเลย แถมเข้าใจมากกว่านั่งทำคนเดียวอีก” บอมพูดยิ้ม ๆ

เพื่อบอม ผมทำได้ทุกอย่างแหละ…ว่าแต่ฟ้าครึ้มเร็วมากเลย เมฆก็ดำทะมึนมาเลย ผมอยากรีบทานรีบกลับบ้าน แต่อีกใจก็อยากอยู่กับบอมนาน ๆ ในวันพิเศษของเขา พอไปถึงประตูโรงเรียนก็เจอเอสกับตี้พอดี บอมตะโกนทัก
“หวัดดีเอส”
“หวัดดีบอม”
“เราชื่อตี้นะ หวัดดีทุกคน” ตี้ยกมือทักทาย
“หวัดดีตี้ วันนี้พวกเราจะไปกินพิซซ่าน่ะ พวกนายไปด้วยกันไหม? มีโปร 1 แถม 1” บอมชวน
“ก็ดีนะ มีคนหารเยอะดี” เอสพูด
“พอมีของกินล่ะใจง่ายเชียว ไหนเมื่อกี้บอกว่ารีบกลับบ้าน” ตี้พูด
“เอสจะรีบกลับบ้านเหรอ?” ผมถาม
“เปล่า ๆๆ อย่าไปฟังไอ้ตี้มันมาก”
“ป่ะ งั้นเรียกรถกะป๊อไปเลย”

ผมได้นั่งติดกับบอม โชคดีชะมัด (อันที่จริงทุกคนก็ติดกันไปหมดแหละ รถคันนิดเดียวอัดเข้ามาตั้ง 6 คน) บอมหันมาอมยิ้มให้ผมตลอดทางจนไปร้านพิซซ่าที่สี่แยกใกล้โรงเรียน พอขึ้นไปชั้นสองสั่งพิซซ่าเสร็จก็นั่งคุยกัน

“พวกเรานี่คนละห้องกันหมดเลยเนอะ นี่บอมห้อง2, เอสกับตี้ห้อง3, พัตห้อง4, ดิมห้อง7, เราชื่อสนนะห้อง8”
“เรา พัต สน อยู่ชมรมบาสนะ หลังเลิกเรียนมาเล่นด้วยกันได้นะ” บอมพูด
“เราชื่อดิมนะ อยู่ชมรมคอม ใครอยากโหลดหนังก็บอกเราได้”
“หนังประเภทไหนก็ได้เหรอวะ?” สนถาม
“หนังปกติเท่านั้นว้อย เซิฟเวอร์มันมีบันทึกประวัติ” คำตอบของดิมทำทุกคนฮา
“เราชื่อเอสนะอยู่ชมรมห้องสมุด ตอนนี้มีระบบ interactive ด้วย ไปลองเล่นกันได้นะ”
“เราชื่อตี้ อยู่ชมรมโสตทัศน์”
“ชมรมนี้ทำอะไรบ้างเหรอ?”
“ก็อ่านข่าว ทำสารคดี เดี๋ยวจะมีหนังมาฉายทีวีในโรงอาหารด้วยนะ เราอยากเป็นนักข่าวน่ะ”
“กวนตีนเก่งอย่างนายเนี่ยนะโย่ง จะเป็นนักข่าว” เอสพูดกับเพื่อนร่วมห้อง
“จุดขายจะตาย”

“ดิมอยู่ชมรมคอมเหรอ มือถือเราพักนี้มีข้อความอะไรแปลก ๆ เข้ามาแฮะ ไม่รู้โดนไวรัสรึเปล่า” บอมพูดขึ้นมา
...เฮือก! ฉิบหายแล้วตรู...

“ถ้าโดนไวรัสมันจะส่งข้อความออกไปนะ ไม่ใช่รับข้อความเข้ามา แต่ยังไงก็ไม่ควรกดอ่านลิ้งค์จากคนแปลกหน้านะ อันตราย”
...ดิมอย่าไปแนะแบบนั้นสิว้อย แล้วไอ้โต้งเพื่อนผมจะแฮ็กมือถือบอมได้ไงเล่า…

“เอ่อ...เราไปห้องน้ำแป๊บนึงนะ”
แย่แล้วบอมไม่หลงกลง่าย ๆ แถมมีดิมช่วยให้คำแนะนำอีก แบบนี้แผนของผมไม่สำเร็จแน่ ทำไงดีว้า...เรื่องนั้นช่างมันก่อนละกัน วันนี้วันเกิดบอมนะไม่ควรคิดเรื่องอะไรไม่ดี พอกลับมาที่โต๊ะ พิซซ่าถาดใหญ่ 2 ถาดก็มาเสิร์ฟพอดี แต่ละคนทานไปคุยกันไป ผมชอบบรรยากาศนี้จัง สมัยอยู่ห้องคิงไม่เคยมีเพื่อนเยอะ ๆ มานั่งทานเล่นสนุกกันแบบนี้

“พัตทานเยอะ ๆ สิ” บอมตักพิซซ่าอีกชิ้นใส่จานผม
“ขอบใจนะบอม” ตาสีน้ำตาลมองมาที่ผม ตาคู่นี้ผมมองได้ไม่เคยเบื่อเลย

“มาแล้วค่าาา!! ♫♪ Happy birthday to you! Happy birthday to you!! ♫♪”
เสียงพนักงาน Swensen’s เดินขึ้นบันไดมาพร้อมร้องเพลงอวยพรวันเกิดและไอศครีมชามใหญ่ที่ผมแอบสั่งตอนไปห้องน้ำ

ไอศครีมที่ติดป้าย Happy Birthday ถูกวางลงตรงกลางโต๊ะพร้อมจุดเทียนวันเกิด
“สุขสันต์วันเกิดนะบอม” ผมหันไปยิ้มให้เขา

บอมยิ้มแห้ง ๆ ทำตัวไม่ถูก
“พัต...นายสั่งมาเหรอ?”
“อื้ม วันเกิดบอมไง ไม่ต้องห่วงเราจ่ายตังค์ไปแล้ว บอมเป่าเทียนดิ”

สนหัวเราะร่วนและตบบ่าผมในขณะที่บอมยังยิ้มแห้ง ๆ ค้างตั้งแต่เมื่อกี้
“ฮ่า ๆๆ เราว่าแล้ว! พัตนายเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิด?”
“ใช่ นายเข้าใจป่ะ? ที่ไอ้บอมแมร่งพูดน่ะ วันนี้วัน-เกิดอยากกินพิซซ่า ไม่ใช่วันนี้วันเกิด-อยากกินพิซซ่า”

อะไรนะ! นี่ไม่ใช่วันเกิดเค้าเหรอ? ตกลงตรูแปลคำเขาผิด?
ดิมอมยิ้ม “พัต โอ๊ย! ฮ่า ๆๆ เราก็ว่านายพูดแปลก ๆ ตั้งแต่ตอนทำการบ้านละ”
“พัต นายแมร่งเล่นใหญ่จัดเต็มไอติมวันเกิดอ่ะ เชรี่ย! บอมมริงน่ะคนผิดเลย เสือกพูดกำกวม”
“พัต เราขอโทษ” บอมกุมมือผมทั้งที่ยังยิ้มไม่หยุด “ยังไงก็ขอบใจมากนะ”

“เดี่ยวพี่ถ่ายรูปให้นะคะ มายืนรวมกันน้า!” ทุกคนมารวมกัน บอมกอดคอผม เป็นการหน้าแตกที่ผมมีความสุขมากเลย
“พี่ครับ รบกวนเอามือถือผมถ่ายอีกรูปให้ด้วยนะครับ” บอมยื่นมือถือให้พี่พนักงาน
“ได้ค่า”

“สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้าละกันนะบอม นายเป่าเทียนดิจะได้กินไอติมกัน” ตี้ช่วยจบความหน้าแตกให้ผม
“พัตแมร่งตั้งใจมากอ่ะ รีบช่วยทุกคนทำการบ้านเพื่อมาฉลองวันเกิดให้มริงนะบอม นายคิดอะไรรึเปล่าว้าพัตตตตตต?” สนหยอกพลางหัวเราะ
“อย่าแซวว้อย รีบกินเลย!” บอมหน้าแดงทันที เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเขาแบบนี้

สักพักเค้าก็เอารูปใส่กรอบกระดาษมาให้บอม เขายิ้มดีใจเขิน ๆ
“แล้ววันเกิดบอมจริง ๆ วันไหนเหรอ?” ผมถามระหว่างที่ทุกคนกำลังจ้วงไอติม
“19 มกรา 47 น่ะ แล้ววันเกิดพัตล่ะ?”
“วันเกิดเรา 24 กุมภา 47”
“งั้นเราเป็นพี่พัต 1 เดือนสินะ เอาไว้วันนั้นเราเลี้ยงวันเกิดนายคืนนะ” บอมหันมายิ้มให้ผม
“อืม”
บอมหยิบรูปที่พนักงานให้ขึ้นมาดูแล้วยิ้มกว้าง “ขอบใจพัตมากนะ”

พอทานเสร็จฝนก็เริ่มตก ซวยแล้ว! ทุกคนรีบจ่ายเงินหารกันค่าพิซซ่าแล้วลงมาชั้นล่าง
“เอส นายจะกลับยังไง?” ตี้ถาม
“อือ เรียกแท๊กซี่ไปก็ได้มั้ง ไม่ไกล แล้วมีใครไปทางเดียวกับเราไหม?” เอสตอบ
“เรากับสนอยู่อ่อนนุชน่ะ ก็ไม่ไกลหรอกแต่ว่าพัตนี่สิอยู่ไกล” บอมตอบและหันมามองผม
“เราไป airport link ได้”
“งั้นเราเดินไปส่งพัตที่สถานีนะ” บอมพูด
“บอมงั้นมริงกับกรูส่งพัตแล้วขึ้นรถเมล์ตรงนั้นเลย ดิมแล้วบ้านมริงอยู่ไหน?” สนถาม
“เอ่อ...ก็...”

รถเก๋งคนหนึ่งขับช้า ๆ มาหน้าร้าน Swensen’s และกะพริบไฟ
“ใครน่ะ?”
รถมาหยุดหน้าร้าน กระจกลดลง เป็นคุณครูบิ๊วนั่นเอง
“นั่นอาจารย์ฟิสิกส์นี่นา” ตี้พูด

“นักเรียนครับจะกลับบ้านกันหรือยัง เดี๋ยวอาจารย์ไปส่ง” ครูบิ๊วถามผ่านหน้าต่างรถ
ทุกคนมองหน้ากัน เอาไงดี

“ขึ้นมาเถอะเดี๋ยวเปียกฝนเป็นหวัดจะลำบากนะ”
“งั้นดิมมริงขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกอ่ะ” สนดันดิมขึ้นเบาะหลัง
“ตี้ นายตัวสูง ไปนั่งหน้าเลย”
“เอส นายมานั่งหน้ากับเรา” ตี้บอก
“บ้าเหรอ นั่งสองคนแล้วอาจารย์จะมองกระจกข้างได้ไง” เอสตอบ

ชุลมุนกันแป๊บนึงทุกคนก็ขึ้นรถได้หมด ตอนนี้ตี้นั่งหน้าข้างคุณครู ส่วนพวกผมอีกห้าคนที่เหลืออัดกันอยู่ที่เบาะหลัง
“อย่างกับกายกรรมเปียงยาง จะนั่งยังไงหมด ดิมกรูนั่งตักมริงนะ” สนพูด
ส่วนเอสกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนผมกับบอม

“ใครชื่ออะไร บ้านอยู่ตรงไหนกันครับ?” คุณครูบิ๊วถามทุกคน
“ผมชื่อตี้ครับอาจารย์ บ้านผมอยู่หมู่บ้านเมืองทองแถวโรงเรียนครับ”
“เอสครับ บ้านผมอยู่แถวแยกพระรามเก้าครับ”
“ผมชื่อบอมครับ อยู่อ่อนนุช 17 ครับ”
“ผมชื่อสนครับ อยู่ซอยตรงข้ามบ้านบอมน่ะครับ”
“นั่งท่านี้ไม่ถนัดเลยแฮะ บอมเรานั่งตักนายได้มั้ย?” เอสขยับตัว
“ได้สิ”
“ผมชื่อดิมครับ อาจารย์ส่งผมที่สถานี BTS อ่อนนุชนะครับ”
“บ้านดิมอยู่ไหนเหรอ ฝนตกแบบนี้อาจารย์ไปส่งที่บ้านดีกว่านะเดี๋ยวโดนฝนจะไม่สบาย”
“อยู่แถวอิมพีเรียลสำโรงครับ”
“โห ไกลมากเลย นายมาเรียนทุกวันไหวได้ไงเนี่ยดิม” ทุกคนพูดแทบจะพร้อมกัน

“อาจารย์ชื่อบิ๊วนะครับ” คุณครูบิ๊วหันไปบอกสน ซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่เคยเรียนกับคุณครูเพราะสนอยู่สายศิลป์ 
“สวัสดีครับอาจารย์บิ๊ว”
“งั้นอาจารย์ไปส่งเอสก่อนนะ แล้วเลี้ยวมาส่งตี้ แล้วไปส่งคนอื่น ๆ นะ”
ครูบิ๊วเริ่มขับรถออกจากลานจอดรถของห้างไปส่งเอสคนแรก บรรยากาศแบบนี้ก็สนุกดีนะครับเพื่อนเต็มรถ ...แต่พอเหลือบไปทางขวาเห็นสน บรรยากาศระหว่างสนกับดิมรุนแรงมาก

“ดิม” สนกระซิบเบา ๆ ไม่ให้รบกวนคนอื่น แต่น้ำเสียงนี่ชัดมากว่ากำลังโมโห
“ครับสน” ดิมตอบคนที่นั่งบนตักตัวเอง
“ที่มริงมางีบที่โรงอาหารทุกเช้าเพราะแบบนี้ใช่มั้ย? บ้านมริงแมร่งไกลชิบ”
“ครับสน”
“ไหนมริงบอกไม่ลำบากเลยที่ต้องมาติวกรูตอนเช้า”
“ครับสน ก็ไม่ลำบากนะ” ดิมยิ้มกวนแล้วกอดเอวเขา
“ถึงบ้านแล้วโทรหากรู เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ครับสน” ดิมยิ้มกวนอีกที

ด้านขวาเตรียมเกิดสงคราม ดิมนายตายแน่
ผมหันทางซ้ายมามองบอมดีกว่า ดีใจจังได้นั่งชิดกับเขา วันนี้ได้อยู่ใกล้กับบอมทั้งวันเลย

รถมาถึงบ้านเอสแล้ว
“ขอบคุณครับอาจารย์บิ๊ว หวัดดีนะทุกคน พรุ่งนี้เจอกัน” เอสบอกแล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน

พอไปส่งตี้เสร็จ บอมก็ย้ายไปนั่งข้างคนขับแทน ผม, สน, ดิมเลยนั่งหลังสบายขึ้น ผมคุ้นเส้นทางไปบ้านบอมเพราะเคยมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันพฤหัสที่แล้ว (เป็นคืนที่สนุกมาก เหอ ๆๆ) อิจฉาสนจังได้เป็นเพื่อนกับบอมตั้งแต่เด็ก บ้านก็ใกล้กันด้วย

รถเลี้ยวเข้าซอยอ่อนนุช 10 เป็นบ้านของสนที่อยู่ลึกในซอยนี้ คือซอยตรงข้ามกับซอยบ้านบอมนี่เอง
“ขอบคุณครับอาจารย์ ดิมถึงบ้านแล้วโทรหาเรานะ” สนพูดแล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน

“พัตค้างกับเราอีกมั้ย?” บอมพูด (อย่าชวนจริงเดี๋ยวผมตกลง)
“ไม่ได้อ่ะ เดี๋ยวพ่อว่า”
“งั้นเราไปละนะ ขอบคุณครับอาจารย์” บอมพูดก่อนเปิดประตูรถวิ่งเข้าบ้าน

ผมย้ายมานั่งหน้าข้างคนขับ ส่วนดิมนั่งหลัง
“ทำไมดิมมาเรียนไกลจังครับ?” คุณครูบิ๊วชวนคุย ผมก็สงสัยตั้งแต่คราวที่แล้วละว่าทำไมดิมเลือกโรงเรียนที่อยู่ไกลขนาดนี้
“ตอนแรกก็ลองมาสอบไว้เผื่อเลือก พอดีได้ห้องควีน พ่อเลยบอกให้เรียนที่นี่ครับ”
“แสดงว่าดิมเรียนเก่งมากเลยนะเนี่ย”
“ไม่หรอกครับ ทำแบบฝึกหัดทีไรก็ผิดหลายข้อทุกที โดนสั่งวิ่งรอบสนามบ่อยครับ ฮะ ๆๆ”
...คำพูดของดิมทำคุณครูบิ๊วและผมนิ่งเงียบพูดต่อไม่ถูกเลย...

คุณครูจอดส่งดิมที่ BTS อ่อนนุช จากนั้นก็ขับรถไปส่งผมต่อ
“ขอบคุณนะครับคุณครูบิ๊วที่ส่งผมกับเพื่อน ๆ”
“คือ...อันที่จริงครูมีเรื่องจะคุยกับพัตด้วยแหละ”
“เรื่องอะไรเหรอครับ?”
“พัตอาจได้ย้ายไปห้องควีน”

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep16
Phishing


“พัตอาจได้ย้ายไปห้องควีน”
“ครูบิ๊วหมายความว่ายังไงครับ?”

“เด็กห้องคิงคนนึงได้ทุนไปต่ออเมริกา ยูที่โน่นบอกว่านักเรียนจากเอเชียต้องเรียนภาษาอย่างน้อย 1 ปีถึงจะเข้าเรียนมหาลัยได้ ทีนี้ผู้ปกครองเลยบอกว่าไหน ๆ ก็ต้องเสียเวลาแล้วสู้เทียบโอนหน่วยกิตไปเข้าไฮสคูลเอกชนที่โน่นเลย เรียนจบแล้วเข้ามหาลัยต่อทันที”

ผมนั่งอึ้งคิดอะไรไม่ออกเลย

“สรุปคือเด็กคนนั้นจะไปเรียนไฮสคูลที่อเมริกาหลังจากสอบกลางภาคเทอม 1 เสร็จ ทีนี้เก้าอี้ห้องคิงก็ว่าง 1 ตัว ผอ.เลยคิดว่า...”
“จะเลื่อน 1 คนจากห้องควีนไปอยู่ห้องคิง แล้วเลือกนักเรียน 1 คนจากห้องปกติไปอยู่ห้องควีน” ผมสรุป
“ใช่แล้วครับ และจากผลคะแนนตอนสอบเข้าม.4...คนนั้นก็คือน้องพัตที่ทำได้ 84.8%”

เชรี่ยแล้ววว! รู้งี้แกล้งทำผิดอีกสักข้อดีกว่า

“มีอาจารย์แย้งว่าเปิดเทอมมาได้สักพักแล้ว เด็กนักเรียนหลายคนอาจเรียนเก่งขึ้น จึงควรใช้เกณฑ์อื่นมาพิจารณา”
“คืออะไรเหรอครับ?”
“คะแนน test เบื้องต้นและการบ้านทุกวิชาตั้งแต่เริ่มเปิดเทอม ...ซึ่งก็คือ...น้องพัตอยู่ดี” คุณครูบิ๊วหันมายิ้มแห้ง ๆ พลางถอนหายใจ

“คุณครูครับ ผมไม่อยากอยู่ทั้งห้องคิงห้องควีน ครูก็เห็นดิมแล้วว่าเป็นยังไง”
“ครูก็พยายามช่วยที่สุดละ ครูบอกว่ายังไงรอดูผลสอบกลางภาคก่อนจะได้เห็นศักยภาพนักเรียนจริง ๆ”
“มีทางเดียวคือ...ผมต้องจงใจสอบให้ได้คะแนนต่ำเพื่อดึงเกรดเฉลี่ยลงเหรอครับ?”
“น้องพัต...”
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้ครับครู ผมต้องทำให้ได้คะแนนสูงสุดเพื่อขอพ่อลงทีมบาส”
“ทีมบาส?”
“ผมอยู่ชมรมบาส ผมอยากเล่นกีฬาเหมือนคนอื่น ๆ แต่พ่อให้ผมเล่นแบบเป็นกิจกรรม ไม่ให้แข่งจริง พ่อบอกว่าจะเสียการเรียน”
“พัตเลยจะทำคะแนนสูง ๆ ให้พ่อเห็นว่าไม่เสียการเรียน จะได้แข่งบาสสินะ?”
“ผมกำลังจะได้เป็นตัวสำรองแล้วครับ”
“งั้นก็ทางออกอีกวิธีที่พอเป็นไปได้”
“ยังไงเหรอครับ?”
“ถ้าตัวเต็งอันดับสองมีเกรดเฉลี่ยสูงกว่าน้องพัต”

...ฟังเหมือนง่ายแต่มันจะเป็นไปได้เหรอ ผมไม่อยากโอ้อวดนะแต่ผมเรียนเนื้อหาม.4 มาตั้งแต่ม.3 แล้ว จะให้นักเรียนในห้องปกติที่เพิ่งเรียนม.4 ตอนนี้ทำคะแนนให้สูงกว่าผมนี่แทบเป็นไปไม่ได้เลยเว้นแต่จะเป็นช้างเผือก ซึ่งต่อให้เป็นแบบนั้นจริงเขาก็ไปอยู่ห้องคิงห้องควีนหมดแล้ว...

“ตัวเต็งคนนั้นคือใครเหรอครับ?”
“คณะกรรมการกำลังคัดเลือกอยู่น่ะ”

โทรศัพท์ผมดังขึ้น โต้งโทรมา! เอาไงดีวะ เขาโทรมาแบบนี้แปลว่าบอมกด phishing แล้วแน่ ๆ และแปลว่าผมต้องไปบ้านโต้งตอนนี้...ผมควรบอกให้ครูบิ๊วไปส่งที่นั่นไหม...ไม่...โต้งคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ ผมเองก็ไม่คิดว่าคุณครูจะเห็นด้วยกับการแฮ็กมือถือเพื่อน ครูคงให้ผมไปอธิบายกับบอมตรง ๆ มากกว่า

ผมกดรับโทรศัพท์ “หวัดดีโต้ง โทษทีเรายุ่ง ๆ อยู่ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ” พูดจบปุ๊บผมกดวางสายทันทีไม่ให้ครูได้ยินอะไรทั้งนั้น
“เพื่อนโทรมาน่ะครับ” ผมตอบคุณครูบิ๊วที่หันมามอง
“คุณครูบิ๊วครับ ฝนไม่ตกแล้ว คุณครูจอดส่งผมตรงนี้ดีกว่าไม่ต้องไปส่งถึงบ้านหรอกครับ เกิดพ่อแม่ผมจำรถครูได้จะสงสัย”
“อืม ก็จริงนะ” ครูบิ๊วจอดรถข้างทาง
“เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองครับ ขอบคุณคุณครูมากนะครับ”
“ครับน้องพัต เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อเรื่องเกรดเฉลี่ยที่อื่นละกันนะ”

ผมเรียกแท็กซี่ไปบ้านโต้งทันที นี่มันคืนอะไรวะเนี่ยจู่ ๆ ก็มีแต่เรื่องปวดหัว
“ฮัลโหลโต้ง เรากำลังไปบ้านนายละ” ผมรีบโทรกลับไปบอกมันก่อนที่มันจะอารมณ์เสียมากไปกว่านี้


โต้งเดินมาเปิดประตูบ้าน

“พ่อแม่กรูนอนหมดละไม่ต้องห่วง” โต้งกระซิบและเดินนำเข้าห้องนอนมัน สมัยม.ต้นผมมาที่นี่บ่อย เป็นที่เดียวที่ผมมานั่งเล่นเกมกับโต้ง อ่านการ์ตูนกันสบายใจ ผมนั่งบนบีนแบ็คใบใหญ่ที่นั่งประจำ ส่วนโต้งนั่งเก้าอี้ตัวโปรดของมันหน้าโทรทัศน์

“แล้วเราต้องทำยังไงต่อเหรอโต้ง? ต้องรีบคุยนะตอนนี้เริ่มดึกละเดี๋ยวพ่อแม่เราโมโห”
“ฉลองวันเกิดสนุกป่ะ?”
“นายรู้ได้ไงวะ?”
“บอมเพื่อนมริงเพิ่งโพสเฟสเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว”

โต้งเปิดหน้าจอให้ดูเฟสของบอม...เมื่อ 2 ชม.ที่แล้วผมยังโคตรมีความสุขอยู่เลยก่อนจะเจอข่าวร้ายจากคุณครูบิ๊ว
“สนุกดี แต่จริง ๆ เราเข้าใจผิดน่ะ บอมไม่ได้เกิดวันนี้ เขาบอกเราว่าวันเกิดอยากกินพิซซ่า เราเลยเข้าใจผิด ฮะ ๆๆ สั่งไอติมวันเกิดให้เขาด้วย เรานี่โคตรบ๊องเลย”

แต่ดูเหมือนโต้งไม่ขำด้วย หน้าตามันซีเรียสซะงั้น
“โอเคนายไม่ขำ งั้นบอกมาเลยว่าเราต้องทำยังไงเรื่องแฮ็กมือถือ”
“ก็ตามที่คุยกันวันนั้นแหละ พรุ่งนี้ 16:44 มือถือเขาจะปลดล็อก มริงก็แอบคว้าเครื่องแล้วลบแชท”
“อ้าว! แล้วเรียกเรามาทำไมวะ?”
“กรูเรียกมริงมาเพราะจะบอกเรื่องอื่น”
“อะไรวะโต้ง?”
“พัต มริงชอบบอมใช่มั้ย?”

...ผมอึ้ง...ไม่รู้จะตอบยังไง โต้งเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมสนิทสุดและไม่อยากโกหกอะไรมันเลย...ผมไม่รู้จะตอบยังไง…

“ตอนมริงเล่าเรื่องบอมให้กรูฟัง มริงรู้มั้ยหน้ามริงแดง ดูออกง่ายเหรี้ย ๆ”

“แล้วมริงแคร์เขามาก ไม่กล้าอธิบายเขาเรื่องที่มริงหนีห้องคิง กลัวเขาจะหมั่นไส้มริง”

“มริงเข้าชมรมบาสตามเขา ทั้งที่มริงเกรดพละได้ 2 ทุกที”

“ดูดิ รูปมริงกับเขา ยิ้มระรื่นทั้งที่เมื่อก่อนมริงหน้าบูดตลอด”

“มริงสั่งไอติมวันเกิดให้เขาอีก”

“เออ...เราชอบบอม”

โต้งฟังแล้วเงียบไป

“นายรังเกียจเรามั้ย?”
“บ้าเหรอวะ จริง ๆ กรูก็พอดูออกตั้งนานแล้ว มริงก็คือมริงคนเดิม”
โต้งกอดผม “ที่กรูถามเพราะกรูอยากบอกมริงว่ามือถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว มริงเตรียมใจหน่อยถ้าเจออะไร”
“โต้ง...”
“พัต มริงน่ะจอมเจ้าเล่ห์ แต่วางแผนห่าอะไรก็แป๊กแทบทุกที กรูเป็นห่วงว่าครั้งนี้ก็จะเหมือนกัน”

...มริงห่วงตรูหรือมริงด่าตรูฟระ...

“นั่นสิเนอะ เมื่อกี้ครูก็เพิ่งบอกเราว่าเราอาจได้ย้ายไปห้องควีน เชรี่ยเอ๊ยพยายามขนาดนี้ยังหนีไม่พ้น”
ผมเล่าเรื่องที่เพิ่งคุยกับคุณครูบิ๊วให้โต้งฟ้ง

“เรื่องอื่นมริงอาจะห่วยจะแป๊กนะพัต แต่เรื่องเรียนมริงเป็นนิวไทป์อันดับต้น ๆ ของห้องคิง คนนั้นจะทำคะแนนแซงมริงได้ไงในเมื่อมริงเองก็เปิด Trans-Am Mode สอบให้ได้คะแนนสูงสุดไปขอพ่อเล่นบาส”
“นั่นแหละที่เราคิดไม่ตก ยังไงเดี๋ยวค่อยคิดละกันยังพอมีเวลาก่อนสอบกลางภาค ขอบใจนายมากนะ เรากลับบ้านก่อนนะโต้ง” ผมตอบ
“แล้ว...อีกเรื่อง” โต้งนั่งลงหน้าผม สองมือจับมือผมเบา ๆ
“พัต กรูเสียใจด้วยนะที่พ่อมริงให้มริงย้ายโรงเรียนเพราะแค่มริงเพื่อนน้อย”
“โต้ง...”
"มีเพื่อนสองคนนี่ไม่พอเหรอวะ ทำไมพ่อมริงต้องให้มริงลาออก" เสียงมันเริ่มสะอื้น
ผมกอดโต้ง เรื่องบางเรื่องเราก็รู้กันแค่สามคน ผม โต้ง เอ็ม

“ถึงเราจะมีแค่นายกับเอ็ม แต่เราก็ดีใจแล้วล่ะ กับนายเราคุยได้ทุกเรื่องจริง ๆ”
“กรูเห็นรูปงานวันเกิด กรูดีใจที่ตอนนี้มริงมีเพื่อนเพิ่มแล้ว กรูเลยอยากให้มริงระวังให้ดีเรื่องลบแชท กรูห่วงกลัวมริงจะเสียเพื่อน”
“ขอบใจนะโต้ง วันหลังไปดูหนังกันอีกนะ”


กลับถึงบ้านเจอแม่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก แม่ยิ้มเหนื่อย ๆ
“ขอโทษครับแม่ ฝนตกรถติดเลยกลับช้าครับ”
“แล้วลูกโดนฝนไหม? รีบไปอาบน้ำนะ”
“ผมไม่โดนฝนครับ ขึ้นแท็กซี่ทันก่อนฝนตก แล้วพ่อไปนอนแล้วเหรอครับแม่?”
“อืม พรุ่งนี้พ่อมีประชุมเช้า แม่เลยนั่งรอลูกแทน”
“ผมขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แล้ววันเกิดใครเหรอ?” แม่ถาม
“วันเกิดบอมครับ แต่จริง ๆ ไม่ใช่วันเกิดเค้านะ ตลกมากเลยครับแม่”
ผมเล่าเรื่องปาร์ตี้วันเกิดอลเวงวันนี้ให้แม่ฟัง

“แม่ดีใจที่ลูกมีเพื่อนเยอะเลย”
เหตุผลเดียวที่พ่อให้ผมลาออกจากโรงเรียนเก่า เพราะอยู่มา 3 ปีมีเพื่อนแค่ 2 คน พ่อบอกเพื่อนคือ connection ที่มีค่าที่สุด ถ้าอยู่นานแล้วมีได้แค่นี้ก็ลาออกไปเริ่มที่ใหม่ ...เหตุผลบ้าบอที่สุด...แม่คัดค้านแต่ก็ไม่สำเร็จ

“วันหลังชวนเขามาเที่ยวบ้านเราด้วยนะ”
“ครับแม่ งั้นผมชวนเพื่อน ๆ มาค้างวันศุกร์นี้ได้ไหมครับ?”
“ได้สิ เสียดายแม่กับพ่อไปสมุยคืนนั้นพอดี แต่คงได้เจอกันทันกินข้าวเย็นนะ แม่กับพ่อขึ้นเครื่องสี่ทุ่ม”
“ครับแม่”

อย่างน้อยคืนนี้ก็จบด้วยเรื่องดี ๆ
...วันนี้ผมได้มีช่วงเวลาดี ๆ กับบอมและเพื่อน ๆ ...
...พรุ่งนี้ผมจะลบแชทไลน์ของบอมให้ได้ตามแผน…
...วันศุกร์บอมกับสนจะมาค้างดูบาสที่บ้านโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแชทนั่นอีกแล้ว…
...มันจะเป็นสัปดาห์ที่ดีมากแน่ ๆ...
...แล้วสัปดาห์หน้าค่อยคิดเรื่องตัวเต็งอันดับสองอะไรนั่น...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2020 03:08:49 โดย Sorrowkung »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ดูเป็นเด็กฉลาดที่มีเพื่อนได้

ออฟไลน์ UnisonMinor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึง วิงกับป้อม มาก ๆ ดีใจที่คุณคนเขียนแอบใส่มาให้หายคิดถึง  :hao5:

ประทับใจเรื่องเก่าของคุณ Sorrow มากเลยครับ อ่านซ้ำหลายรอบมากกกกก เพิ่งอ่านจบอีกรอบไปเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วเองครับ มาอ่านเรื่องนี้แล้วสไตล์ยังเหมือนเดิม สนุกมาก ๆ เลยครับ

กริช กับ ต้น จะมีแอบโผล่มาบ้างมั้ย แอบคิดถึงอะ  :hao7:

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep17
ด้านมืด


พวกเรายืนล้อมวงกันกลางห้อง

“ประสิทธิ์ จะถามใคร?”
“ถามพัตครับ 15*17 ได้เท่าไหร่?”
...5*7ได้ 35 ...ทด 3 ไว้… 7+3 ได้ 10...เรียงเป็น 105...ยก 15 ไว้หลักร้อย รวมเป็น...
“ช้าไป! นนทภัทรวิ่งรอบสนาม 1 รอบ!”

“วิรุฬห์ จะถามใคร”
“ถามพัตครับ 12*25 ได้เท่าไหร่?”
...แตกตัวประกอบ 12 ได้ 2*6 ...เอา2ไปคูณ 25 ให้เป็น 50 จะได้คิดง่ายๆ ...50*6 ได้…
“ช้าไป! นนทภัทรวิ่งรอบสนาม 2 รอบ!”

“ระพีพร จะถามใคร?”
“ถามพัตค่ะ 23*27 ได้เท่าไหร่?”
...3*7ได้ 21 ...เขียน 1 ...ทด 2 มาบวก 7ที่คูณสองเป็น 161 ...23 เบิ้ลสองเป็น 46 ไว้หลักร้อย รวมเป็น…
“ช้าไป นนทภัทรวิ่งรอบสนาม 3 รอบ”

ผมลืมตาตื่นขึ้นมามองเพดานห้อง

“621” ผมพึมพำคำตอบเบา ๆ

...ฝันร้ายแบบนี้อีกแล้ว…
...ผมหนีพ้นห้องคิงแล้วมันยังตามมาหลอกหลอนอีก ไอ้เกมคณิตคิดเร็วเนี่ย…
...สังคมแบบนั้นใครจะอยากมีเพื่อนฟระ...
...ความสุขที่เพิ่งทานพิซซ่ากับบอมแทบหายไปหมด...
...ผมจะเจอฝันแบบนี้อีกนานแค่ไหน…
...หรือมันกำลังจะกลายเป็นเรื่องจริงอีกครั้ง...

“ลูกไม่สบายหรือเปล่า เช้านี้เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดเลย” พ่อถามระหว่างขับรถมาส่งตอนเช้า
“เปล่าครับ”
“เมื่อคืนกลับดึกนะ อย่าทำแบบนี้บ่อยสิพ่อกับแม่เป็นห่วง” แล้วที่ให้ผมเรียนพิเศษถึง 3-4 ทุ่มนี่ไม่เป็นห่วงผมบ้างหรือไง
“ครับ ขอโทษด้วยครับ ผมไปละครับพ่อ” ผมตอบเบา ๆ แล้วเปิดประตูรถลงหน้าโรงเรียน

ร้านค้าหน้าโรงเรียนมีทั้งร้านเครื่องเขียนและร้านขนม ปกติผมไม่แวะซื้อขนมพวกนี้เลยเพราะแม่บอกว่ามันไม่มีสารอาหาร มีแต่แป้งกับน้ำตาล
“ช่างแมร่ง” ผมจ่ายซื้อป๊อกกี้ 10 บาทเปิดกิน อารมณ์ไม่ดี ขอกินอะไรหวาน ๆ หน่อยเถอะ
“ตะกี้นายว่าอะไรเหรอ?” สนมายืนข้างหลัง
“เฮ้ย!”
“อะไรวะ! ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น?” ...เชรี่ยแล้ว สนดันมาเจอด้านมืดของผม
“อ๋อ ๆๆ คือแม่เราไม่ค่อยให้ทานขนมแบบนี้อ่ะ แม่บอกเดี๋ยวอ้วน สนทานด้วยกันมั้ย?”
“เอาดิ” สนรับป๊อกกี้ไปสองแท่ง
"นายเล่นบาสทุกวันเนี่ยกินขนมก็ไม่อ้วนหรอก ดูเราสิ" พูดจบสนก็ดึงเสื้อโชว์หน้าท้องแบนราบ
...โอ๊ย! นายกับบอมนี่ชอบเปิดโชว์อยู่เรื่อย!

“ล...แล้วบอมไม่ได้มาพร้อมกันเหรอ?”
“มันบอกคุยโทรศัพท์ดึกเลยตื่นสาย เราเลยมาก่อน”
“เหรอ...” ผมพูดเบา ๆ ...บอมคุยกับใคร...นี่ผมหึงเหรอวะ…

“เออ กินป๊อกกี้แล้วนึกขึ้นได้ ช่วงนี้มันฮิตอะไรเหรอ เห็นคลิปในยูทิวป์คนกดดูเป็นล้านเลย”
สนกดเปิดมือถือ ผมเดาว่าฉากกินป๊อกกี้เนี่ยมันต้องเป็น...
“เนี่ย ดูดิ” ...ว่าแล้ว ใช่ซีรี่ส์วายอย่างที่ผมคิดจริง ๆ…
“อ่า...นายก็ลองเปิดดูดิสน”
“เน็ตเราช้าน่ะ กดทีรอตั้งนานก็เลยไม่เคยเปิดดู กินป๊อกกี้มันสนุกตรงไหนวะ แล้วหน้าชิดกันขนาดนั้นนี่กินยังไงวะ?”

สนคาบขนมแท่งหันมาหาผม “ลองดูมั้ยพัต?”
“บ้า” ผมตอบสั้น ๆ ...นี่นายไม่เคยเล่นจริง ๆ เหรอเนี่ย…
ด้านมืดของผมมันเริ่มทำงานแล้ว อันที่จริงสนก็หน้าตาดีนะ บวกกับตัวสูงหุ่นนักกีฬาด้วย...เชรี่ยเอ๊ย ภาพกล้ามเป็นมัด ๆ เขาตอนที่ถอดเสื้อคุยกับผมวันนั้นมันผุดขึ้นมาในหัวแล้ว

“หวัดดีสน หวัดดีพัต” ดิมตะโกนทักมาจากด้านหลัง
“หวัดดีดิม กินขนมมั้ย? ช่วยกันกินให้หมดก่อนเข้าโรงเรียน เดี๋ยวครูดุ” ผมยื่นซองป๊อกกี้ให้ แต่สนหันไปหาดิม
“มากินอันนี้กับเราดิ” สนพูดทั้งที่คาบป๊อกกี้ในปาก ดิมสะดุ้งแล้วหยิบจากถุงในมือผมกินแทน
“แล้ววันนี้มาโรงเรียนยังไงเหรอ?”
“นั่งรถเมล์มาต่อรถที่บางนาน่ะ” ดิมตอบ
“ช่วงนี้ทำรถไฟฟ้าด้วย รถติดแย่เลยมริง เออตรงนั้นเราก็นั่งรถผ่านสมัยเรียนม.ต้นที่สมุทรปราการนะ” สนบอก
“ที่สนเล่าให้ฟังเมื่อคืนใช่มั้ย?”

แล้วดิมกับสนก็คุยกันเรื่องสมัยม.ต้นอย่างสนุกสนานเพราะเคยเป็นเด็กสมุทรปราการเหมือนกัน
“อยากไปเที่ยวบางกระเจ้าอีกเนอะ” ดิมพูด
“เออ คิดถึงเหมือนกัน แล้วพัตเคยไปมั้ย?”
“ไม่เคยเลยอ่ะ เป็นยังไงเหรอ?”
“เป็นสวนใหญ่มากเลยล่ะ มีให้ปั่นจักรยานด้วย วันหลังพวกเราไปเที่ยวกันนะ”
“อืม”


คาบ 4 ห้องม.4/3 วิชาภาษาไทย

“การพูดที่มีประสิทธิภาพ ต้องควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ให้ประหม่าหรือตื่นเต้นจนเกินไป, ทักทายผู้ฟังอย่างเป็นมิตร, ท่ายืนเวลาพูดต้องแสดงความมั่นคง และมองผู้ฟังอย่างทั่วถึง ไม่มองจุดใดจุดหนึ่งเพียงจุดเดียว”

ผมกำลังจดตามที่อาจารย์พูด สายตาของอาจารย์มองกวาดไปทั่วห้องแล้วมาจุดที่...ที่ผมนี่หว่า...ทำไมสายตาแปลก ๆ ชวนเสียวสันหลังวาบ
“นายธวัชตรี! ทวนที่อาจารย์สอนเมื่อกี้หน่อยซิหลักการพูดที่มีประสิทธิภาพมีอะไรบ้าง?” โชคดีอาจารย์ไม่ได้เรียกผม แต่เป็นไอ้ตี้เพื่อนคู่กัดที่นั่งข้างหลังผม
“เอ่อ...ต้องมองผู้ฟังอย่างทั่วถึงครับ” ตี้ลุกขึ้นยืนตอบ
“แล้วหลักข้ออื่นอีกล่ะ?”
“เอ่อ...”
“เธอไม่ได้ฟังอาจารย์นี่ เห็นนั่งก้มทำอะไรอยู่?”
“ไม่ได้ทำอะไรครับ”
“นายเอกยุทธ ไปดูใต้โต๊ะเขาซิ” ...คราวนี้แหละอาจารย์เรียกผมจริง ๆ ละ...

ผมลุกขึ้นพลางเหลือบตาไปมองเจ้าตี้เพื่อนตัวโย่งที่นั่งข้างหลัง ผมเดินไปก้มมองใต้โต๊ะ
“ไม่มีอะไรครับอาจารย์”
“เอกยุทธ เธอช่วยปกปิดให้เพื่อนหรือเปล่า?”
“ไม่นะครับ” ผมพูดแล้วเดินกลับมานั่งโต๊ะตัวเอง
“เดี๋ยวอาจารย์เดินไปดูเอง ถ้าเจอล่ะก็พวกเธอสองคนโดนทำโทษแน่”

อาจารย์เดินมาดูใต้โต๊ะ ตี้เขยิบให้อาจารย์เห็นชัด ๆ แต่ใต้โต๊ะก็ไม่มีอะไรนอกจากสมุดหนังสือเรียน
“แล้วไป ตั้งใจเรียนด้วยอย่าเอาแต่นั่งก้มหน้า”
“ครับอาจารย์” ตี้ตอบ

หลังจบคาบ 4 ทุกคนเดินออกไปทานข้าวที่โรงอาหาร แต่ผมยังนั่งทำการบ้านอยู่จนเหลือแค่เราสองคน
“เอส...”
“หืม?”
“เอส เราขอบใจนายนะ”
“เออ แล้วนายคิดบ้าอะไรนั่งเล่นเกมในคาบ? เราพลอยซวยโดนอาจารย์เพ่งเล็งไปด้วย” ผมยื่นมือถือที่ล้วงมาจากใต้โต๊ะมันคืนให้
“ก็แค่อยากลองเล่นเกมที่นายเคยเล่าให้ฟัง”
“เราบอกว่าเราโหลดมาดูแค่อนิเมชั่นเปิดเรื่อง เราไม่ได้เล่นว้อย ก็บอกแล้วไงเกมออนไลน์พวกนี้มันก็แค่ให้เราทำเควสต์ประจำวันวน ๆ ไปเรื่อยแล้วก็กดซื้อไอเท็ม”
“ก็ตอนแรกกะจะดูแค่นั้นแหละ แต่พอเกมมันบอกให้ทำโน่นทำนี่ เราก็เลย...”
“ก็เลยติด เกือบทำเราซวยไปด้วย รีบลบเลยนะ”
“ดุสาด ลบก็ได้วะ นี่พ่อหรือแฟนวะเนี่ย ดุจริง ๆ”
“ติดเกมมือถือนี่ไม่เข้ากับตัวโย่ง ๆ ของนายเลยนะ”
“แล้วต้องแบบไหนวะที่นายว่าจะเข้ากับเรา”
“นายอยู่ชมรมโสตทัศน์ก็ต้องเป็นตากล้อง หรือไม่ก็เล่นดนตรี เล่นกีฬา...”
“ดำน้ำ ปลูกปะการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูดิสนีย์ออนไอซ์ แรลลี่ ตีกอล์ฟ ล่องเรือ ส่องสัตว์ ช๊อปปิ้ง ดูงิ้ว ดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต” ตี้ทำหน้ากวนตีน
“เยอะไปละ”

“ตกลงนายชอบให้เราทำอะไรบ้าง?”
“ก็ถ่ายรูป เล่นดนตรี เล่นกีฬาไง”
“เอาอย่างเดียวดิว้อย ฝึกทุกอย่างพร้อมกันเราไม่มีเวลาเรียนพอดี”
“ก็เลือกที่นายชอบดิ๊ จะมาถามเราทำไมจะรีบทำการบ้าน เนี่ยเหลืออีก 3 ข้อไม่เสร็จเลย”
“โอ๋ ๆๆ นึกว่าช่วยเราแล้วนั่งเก๊กเท่ ๆ ที่แท้ทำการบ้านไม่เสร็จ เตี้ยเอ๊ยให้เราช่วยไหมล่ะ?”
“ไม่ต้องว้อย การบ้านเค้าให้ทำเอง” แมร่งเอ๊ย ตรูทำการบ้านช้ากว่าไอ้โย่งที่ติดเกมเนี่ยนะ รู้สึกเสียศักดิ์ศรีมาก
ตี้ชะโงกหน้ามาดู “ก้อนในวงเล็บทางซ้ายมีค่าเท่ากับก้อนด้านขวานะ ตัดมันทิ้งทั้งสองฝั่งเลยไม่ต้องคิด”
“ห้ะ! จริงเหรอ?”
“เนี่ยดูสิ ฟากนี้มีรูปสมการ (X-Y)² อีกฟากมี X² -2XY +Y² โจทย์จงใจใส่มาให้เราตัดทิ้ง” เชร้ด! ไม่ทันดูเลยนะเนี่ย
“เล่นเกมในห้องเรียนยังเก่งขนาดนี้” ผมแซวไอ้ตี้
“ไม่กัดเราซักแป๊บได้ไหมเตี้ย เลิกเล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว ประวัติด่างพร้อยหมดละ”
“เฮอะ! เห็นคนเล่นเกมพวกนี้เดี๋ยวก็กลับมาเล่นใหม่”
“งั้นเอามือถือเราไปทั้งวันเลยครับคุณแฟน เดี๋ยวตอนเย็นเราค่อยเอาคืน บอกพาสให้ด้วย 9876”
“พาสง่ายแบบนี้ไม่ต้องบอกก็เดาได้”
“อีก 2 ข้อทำเสร็จยัง?”
“ยัง โย่งนายไม่ต้องช่วยแล้วนะ”
“เออ ไม่ช่วยก็ได้” ว่าแล้วมันก็นั่งลงข้าง ๆ

"ยอด follow เราขึ้นเพียบเลย เพราะรูปคู่นั้นแท้ ๆ" ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์สนใจเรื่องนั้นหรอก รีบปั่นการบ้านให้เสร็จก่อนคาบ 5 ก็พอ
“ไปกินข้าวไป๊” ผมไล่ไอ้โย่งไปไกล ๆ จะได้มีสมาธิ
“จะทิ้งนายไว้คนเดียวได้ไง”
“เราไม่มีสมาธิว้อยนายนั่งมองเราแบบนี้”
“ทำไม่ทันก็อย่าพาลดิว้อย ไปกินข้าวก็ได้ นายจะเอาอะไร”
“บอกว่าอย่ากวนไง”
“ก็อยากรู้ว่านายชอบกินอะไร จะซื้อไว้ให้”
“ข้าวไข่เจียวผัดผักบุ้ง”
“ก็แค่นั้นแหละ ข้อนี้ติดตัวหารไว้นะไม่ต้องไปคำนวน เดี๋ยวตอนจบมันจะตัดกันหมดไปเอง” มันพูดพร้อมขยี้หัวผม
“ไอ้สาด” ผมหยิบยางลบปามันแต่มันหลบได้และวิ่งหนีไป

ตี้ซื้อข้าวเสร็จก็มานั่งรอเอส เห็นกลุ่มบอมเพิ่งลุกไปพอดีเหลือแต่สนกับดิมนั่งอยู่
“ดิม กรูว่าจะถามการบ้านดาราศาสตร์ด้วยอ่ะ แต่เกรงใจเห็นทุกคนติวเลขกัน”
“ได้สิสนถามเรามาเลย ยังพอมีเวลาก่อนขึ้นคาบ 5”

ดิมอยู่ห้องควีนสายวิทย์นี่หว่า เรียนวิชาดาราศาสตร์ของสายศิลป์ด้วยเหรอ? ตี้คิดในใจเงียบ ๆ


16:25 น.
ห้องม.4/4 วิชาภาษาอังกฤษ

...ใกล้เวลาแล้วนะ รีบ ๆ เลิกสิครับอาจารย์...ผมนั่งกระสับกระส่าย

ผมต้องเข้าถึงมือถือของบอมให้ทันเวลา 16:44
โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าผมลบแชทไม่สำเร็จแล้ววันศุกร์นี้บอมกับสนไปค้างที่บ้านผม เจอพ่อแม่ผม ...ผมจะพลาดไม่ได้!

“วันนี้พอแค่นี้นะ อย่าลืมทำการบ้านและอ่านทบทวนนะ”
“ทุกคนยืนตรง ทำความเคารพอาจารย์”

16:32 ผมต้องรีบแล้ว! ผมคว้าเป้วิ่งลงจากอาคารไปที่สนามบาส โชคดีบอมกับสนยังไม่มา

16:40 ผมถอดเสื้อนักเรียนออกเหลือแค่เสื้อยืดที่ใส่ไว้ข้างใน วิธีนี้ประหยัดเวลาที่สุด บอมกับสนจะได้ฝากกระเป๋าไว้ที่ผมตอนไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องแต่งตัวในโรงยิม เหลือเวลาอีก 4 นาที

“พัตมาไวจัง เปลี่ยนเสื้อแล้วด้วย วันนี้ฟิตมากเลยนะ” บอมเดินมาโอบไหล่
“ช...ใช่ ๆ วันนั้นบอมบอกว่าให้ตั้งใจซ้อมเผื่อจะได้เป็นตัวสำรองไง”
ผมอยากให้เขาโอบไหล่แบบนี้นาน ๆ จัง แต่ไม่ใช่วันนี้นะ

“บอมรีบไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ มาช่วยฝึกเรานะ” 16:41 แล้ว
“เปลี่ยนตรงนี้เลยก็ได้” ว่าแล้วเขาก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อ นี่แหละที่ตรูอยากเห็น เอ๊ย! ไม่ใช่ว้อย!!!
“ไปเปลี่ยนที่ห้องดิ๊!”
“พัตเขินเราเหรอ?” บอมหันมายิ้มกวน ๆ เหมือนจงใจแกล้งจุดอ่อนของผม
“เปล่า!” จริง ๆ คือใช่! อยากดู เขินว้อย หวงด้วย
เหมือนตั้งใจจะแกล้ง บอมก้มหน้าลงปลดกระดุมหมด เชรี่ย!! ไม่ไหวแล้ว! กล้ามอกกล้ามท้องอยู่ตรงหน้าเลย

อาจารย์ฝ่ายปกครองเดินมาพอดี
“นายศรุต! ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำ อย่ามาทำตรงนี้ นักเรียนหญิงเยอะแยะ”
“ครับอาจารย์ งั้นเราฝากกระเป๋าไว้หน่อยนะพัต” บอมยื่นกระเป๋าให้ แล้วดึงกระเป๋าเงินกับมือถือส่งมาให้ผม นี่แหละที่ผมต้องการ

16:42 บอมเริ่มเดินไปโรงยิม เหลือเวลาอีก 2 นาที ใจเย็น ๆ พัตมริงทำได้ แต่มริงต้องนิ่ง อย่าลุกลนจนเขาสังเกต ผมรอจนบอมเดินไปไกลไม่น่าหันกลับมาดูแล้วแน่ ๆ ตอนนี้สนอยู่ไหนนะ? เขาคงไม่โผล่มาได้จังหวะแบบเมื่อเช้าอีกนะ ปฏิบัติการลับสุดยอดแต่ดันต้องทำกลางโรงเรียนต่อหน้าคนเป็นพันนี่โคตรเสี่ยงเลย! 

16:43 ผมหันหน้าเข้ากำแพงวางกระเป๋าบอมลงข้างเป้ผม ผมเปิดเป้แล้วยัดมือทั้งสองข้างพร้อมมือถือของบอมเข้าไปจัดการในนั้น แบบนี้ใครมองมาก็จะนึกว่าผมแค่กำลังหาของในเป้ เหลือเวลาอีกไม่ถึงนาที เร็วสิว้อย ๆๆๆๆๆ

16:44 หน้าจอมือถือของบอมสว่างวาบขึ้น โต้งนายนี่สุดยอดจริง ๆ เพื่อนรัก!
...วินาทีถัดมา...ผมก็เห็นภาพพื้นหลังของหน้าจอบอมอย่างชัดเจน…
...มริงเตรียมใจหน่อยถ้าเจออะไร…
...มือถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว...
...นายพูดถูกว่ะโต้ง...
...และผมก็ไม่ได้เตรียมใจเชรี่ยอะไรเลย…
...ภาพพื้นหลังมือถือบอม เป็นภาพอั้มกำลังหอมแก้มบอม…

ใจผมเหมือนตกลงไปในหลุมดำ

วันนั้นที่บอมแข่งบาสกับเพื่อนโรงเรียนเก่า ที่บอมยื่นโทรศัพท์ให้อั้มดูแล้วพวกเขาสองคนก็ยิ้มให้กัน มันคือรูปนี้นี่เอง ผมน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว ก็เขาสองคนสนิทกันขนาดนั้น แต่ผมยังหลอกตัวเองให้มีหวังเล็ก ๆ ว่าอั้มกับบอมอาจเป็นแค่เพื่อนกัน

...ไอ้พัตมริงตั้งสติไว้ จะเฮิร์ตอะไรไปเฮิร์ตทีหลัง ตอนนี้ทำภารกิจหลักให้เสร็จก่อน! ผมรีบมองหาไอค่อนไลน์ กดเข้าไป แชทของผมอยู่ไหนวะ? อยู่ตรงข้างบนนั่นไง...บอม pin chat ผมไว้เลย

เขาให้ความสำคัญกับผมขนาดนี้เลยเหรอ...กับเพื่อนชั่วคนนี้ที่กำลังแฮ็กมือถือเขา…ผมกดเข้าไป ถึงจะคิดเตรียมขั้นตอนไว้ล่วงหน้าแล้วแต่ตอนนี้สติผมหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ผมอยากจะลบแค่เฉพาะข้อความเฉลยข้อสอบเข้า แต่มันเยอะมากจะเลือกลบทีละอันไม่ทันแน่
Menu - Other Settings - Delete chat history

If you delete this chat’s history, you won’t be able to recover it. Are you sure you want to continue?

กดสั่งลบประวัติแชททั้งหมดแล้วกด backup ให้มั่นใจว่าแชทเฉลยนั้นจะหายไปตลอดกาล...พร้อมกับทุกข้อความระหว่างเขากับผม…

...จังหวะดีเหมือนประชดชีวิต...เขาชอบอั้ม ข้อความของผมก็สมควรโดนลบแล้ว…
ผมกดออกมาหน้าจอหลักแล้วปิดเครื่อง ทุกอย่างเป็นไปตามแผน และทุกอย่าง...จบแล้ว... ผมดึงมือถือของบอมออกมาจากเป้
“ป่ะ พัตไปฝึกกัน วันนี้เราจะสอนการชิ่งบอลให้นาย ว่าแต่สนมายังอ่ะ?”
“ยังเลย เรายังไม่เห็นเขาเลย”
“เออ งั้นมาเล่นส่งบอลกันสองคนก่อนก็ได้” บอมยิ้มสดใสในชุดเสื้อบาส
“อืม” ผมยื่นกระเป๋าเงินกับมือถือคืนให้บอม

เวลานี้ผมไม่อยากอยู่ใกล้เขาเลย รู้สึกโหวง ๆ ...บอมเป็นแฟนอั้ม…
จริง ๆ มันก็ชัดตั้งแต่ตอนไปดูที่กวดวิชาครั้งนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ…บอมกับอั้มสนิทเล่นหัวกันขนาดนั้น...ไหนจะตอนที่สนามบาสอีก มีแต่ผมที่โง่หลอกตัวเองว่าเขาคงเป็นแค่เพื่อนกัน

“บอม พัต กรูมาแล้ว โทษทีจารย์ดันมีเทสต์ย่อย เกินเวลาไปเยอะเลย” สนตะโกนมาแต่ไกล
“เหรอ แล้วเป็นไงบ้างทำได้ไหม?”
“ก็ได้นะ ดิมมันติวให้เราเยอะ เข้าใจโจทย์มากขึ้นเยอะเลย”
“เออแล้วดิมไม่มาเล่นด้วยกันเหรอ”
“มันอยู่โน่นน่ะชมรมคอม” สนชี้มือไปที่อาคาร 5 ด้านบนคือศูนย์คอมพิวเตอร์ เห็นดิมยืนโบกมืออยู่ จริง ๆ อยู่เป็นเพื่อนกันหลาย ๆ คนแบบนี้ก็ดีมั้ง ผมคิดในใจพลางดูบอมกับสนเล่นบาสกัน

“พัตรับบอล!” บอมตะโกนพร้อมส่งลูกมา
“เลย์อัพให้ดูหน่อย”
“เอ่อ...เรา” ตอนนี้ผมไม่มีกะใจจะทำอะไรเลย
“ไม่ต้องห่วงนะพัต เล่นกันสนุก ๆ” สนบอก
“อืม” ผมเลี้ยงบอลเข้าไปหน้าแป้น วิ่งสองก้าวแล้วเลย์อัพตามที่เขาเคยสอน

การหลอกตัวเองเป็นเรื่องถนัดที่สุดของผม แค่เปลี่ยนโหมดความรู้สึกน่ะไม่ยากหรอก

พวกเราสามคนเล่นกันจนห้าโมงเย็น ได้เวลากลับบ้านแล้ว
“เออ เรากับสนตกลงไปดูบาสที่บ้านนายนะพัต” บอมบอก
“ได้เลย ไปนอนค้างกันนะ”
“ดี ๆ ดูถ่ายทอดสดกันหลายคน” สนพูด

ถ้าผมไม่เห็นภาพหน้าจอนั่นผมคงมีความสุขกว่านี้...คงเป็นไอ้ไง่ที่มีความสุขไปวัน ๆ นานกว่านี้


กลับมาถึงบ้าน ผมล้มตัวลงนอน มันโหวง ๆ ในใจ เจ็บและเหงา ...ก็เป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้นแหละ ผมเปิดภาพถ่ายของพวกเราสามคน ...มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่วันแรกแล้วนี่นา…ที่ผ่านมา ที่เขากอดคอ โอบไหล่ จับมือและอะไร ๆ อีกหลายอย่าง มันก็แค่การเทคแคร์เพื่อนในแบบของเขาเท่านั้นแหละ มีแต่ผมที่คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอด คนนิสัยดีแบบบอมจะไม่มีแฟนอยู่แล้วได้ยังไง

กริ๊ง ๆๆ เสียงมือถือผมดังขึ้น บอมโทรมา
ตรูจะปรับอารมณ์ยังไงโหมดไหนดีวะเนี่ย? ตอนนี้ผมไม่อยากรับสาย ไม่อยากได้ยินเสียงเขาเลย
“หวัดดีบอม”
“พัต! มือถือเราเป็นอะไรไม่รู้! แชทนายหายหมดเลย!”
เปิดเรื่องมาก็แทงใจดำตรูเลย ใช่ คนร้ายคือคนที่นายกำลังคุยด้วยนี่แหละ

“ม...มือถือรวนเหรอ หรือแอพมันเพี้ยนรึเปล่า ลองอัพเดทยัง?”
“เราทำแล้ว กู้จากแบ็คอัพด้วยแต่ข้อความก็หายไปหมด” ...เราขอโทษนะบอม...เราจำเป็นต้องทำ...
“เออ ไม่เป็นไรนะบอม ยังไงเราก็ไปโรงเรียนทุกวันได้คุยกันอยู่แล้ว”
“ก็เราเสียดายนี่นา พัตเป็นเพื่อนคนแรกที่เรารู้จักที่นี่ สอบเข้าก็ห้องเดียวกัน อยู่ชมรมเดียวกันด้วย”

เชรี่ย ตรูรู้สึกผิดมาก T_T

“เห็นสนบอกว่ามีเทสต์ย่อย เดี๋ยวห้องพวกเราก็คงมีบ้าง เราหาข้อสอบเก่ามาลองทำดูมั้ย?”
“อือ ก็ดีเหมือนกัน”
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันตอนเที่ยงเหมือนเดิมนะ” ...ถึงยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนเขาได้นี่นา สิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้เขาได้

วางสายแล้วผมก็เตรียมตัวไปอาบน้ำ โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คุณครูบิ๊วโทรมา ผมรีบคลุมโปงแล้วกดรับ
“สวัสดีครับ คุณครู” ผมตอบเสียงกระซิบให้เบาที่สุด
“ครับน้องพัต ครูโทรมาบอกเรื่องตัวเต็งอันดับสอง”
“ใครเหรอครับ?”
“เขาชื่อ…”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2020 04:03:26 โดย Sorrowkung »

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep18
เรื่องที่ขอ


เช้าวันพฤหัสบดี
7:15น.

ผมมาที่ข้างโรงเวิร์คช้อปที่เดิม พัตรอผมอยู่แล้วตามที่โทรนัดเมื่อคืน
“หวัดดีพัต นายมีอะไรเหรอ?”
“หวัดดีเอส คือ...คือเรามีเรื่องต้องรบกวนนายอีกแล้ว”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“เร็ว ๆ นี้จะมีเด็กห้องคิงคนนึงไปเรียนต่อที่อเมริกา แล้วโรงเรียนจะคัดเด็กห้องควีนคนนึงไปอยู่ห้องคิง”
“แล้ว?” ผมกระเถิบเข้ามาใกล้ นี่ผมกำลังได้รู้ความลับวงในเลยนะเนี่ย
“จะมีการคัดเด็กจากห้องปกติคนนึงย้ายไปอยู่ห้องควีน”
“พัต นายกำลังจะบอกว่า...”
“คุณครูบิ๊วบอกว่าเราอาจโดนเลือกไปอยู่ห้องควีน”
“เฮ้ย! ผีหลอกวิญญาณหลอน นี่ขนาดนายพยายามหนีห้องคิงแล้วนะ”
“อืม แต่มันยังมีทางอยู่ คือโรงเรียนมีตัวเต็งอันดับสองไว้เผื่อเลือกด้วย ถ้าผลสอบกลางภาคเค้าได้คะแนนมากกว่าเรา คนนั้นจะได้ไปอยู่ห้องควีนแทนเรา”
“แล้วพัตรู้มั้ยว่าตัวเต็งอันดับสองนั่นคือใคร?”
“รู้ และนั่นแหละที่เราอยากถามเอส เขาอยู่ห้อง 3 ห้องเดียวกับนาย”
“เฮ้ย! มีคนเก่งขนาดนั้นอยู่ในห้องเราเหรอวะ? ใครเหรอ?”
“ชื่อธวัชตรี นายรู้จักไหม?”
“ห้ะ! ไอ้ตี้เนี่ยนะ!?”
“ตี้เหรอ?”

“พัต นายแน่ใจนะว่าข่าวไม่ผิด?”
“แน่ใจ คุณครูบิ๊วบอกเราเอง”
“จะว่าไป ไอ้ตี้มันก็ฉลาดนะ การบ้านยาก ๆ มันก็ทำเสร็จสบายเลย แต่เราว่าคงยากที่ตี้มันจะทำสอบได้มากกว่านายนะ เพราะตอนนี้แมร่งติดเกมมือถือ”
“หา!?”
“ไอ้ตี้มันเล่นในในห้องเรียนเลย เมื่อวานมันก็โดนอาจารย์เรียก เรายังเกือบซวยไปด้วย”
พัตอึ้งไป แหงล่ะผมก็ยังอึ้ง จะว่าไปผมเองก็มีส่วนทำให้ตี้มันเป็นแบบนี้

“มาสายเป็นประจำอีก บ้านมันอยู่ใกล้โรงเรียนนะแต่ดันมาสายบ่อยซะงั้น วัน ๆ สนใจแต่ IG”
หน้าพัตสลดไปเลย

“เราว่าไอ้ตี้ไม่น่าเป็นทางรอดของนายนะพัต แต่ถ้าเป็นจริงเราก็คงดีใจ เบื่อแมร่งชอบทำตัวน่ารำคาญ  ตี้มันชอบแกล้งเราตลอด ถ้ามันโดนย้าย เอ๊ย! เรียกว่าได้ย้ายไปห้องควีน เราก็สบายไม่มีคนแกล้งละ” ...ถึงจะอิจฉามันหน่อย ๆ ก็เถอะ ไอ้โย่งนั่นเหรอตัวเต็งห้องควีนอันดับสอง...
“ถ้าอย่างนั้นเรากับเอสต้องทำให้ตี้ขยันเรียนขึ้น ให้เกรดดี ๆ”
“ถ้าทำให้คน ๆ นึงเกรดดีถึงระดับเข้าห้องควีนได้เนี่ยเราทำเองไปแล้วพัต”
“มันก็พอมีทาง”
“จริงดิ? ทำไงล่ะ จะจับมันไปเรียนกวดวิชาเพิ่มอีกงั้นเหรอ?”
“การจะเรียนดีไม่ใช่แค่กวดวิชาอย่างเดียว มีองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วยที่ช่วยเพิ่มพัฒนาการของสมอง นั่นคือสารอาหาร, การออกกำลัง, การพักผ่อน, อ่านตำราล่วงหน้า, ทบทวนความรู้”
“เชร้ด! นี่เคล็ดลับของเด็กห้องคิงเหรอเนี่ย?”
“เราไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกเอส อย่างที่เอสบอกว่าจริง ๆ ตี้เรียนเก่งอยู่แล้ว ถ้าปรับปรุงเรื่องพวกนี้ได้เราว่าผลการเรียนเขาดีขึ้นแน่ ๆ”
“แต่จะทำให้คนที่ไม่ได้อยากเรียนเก่งลุกขึ้นมาปรับปรุงตัวเองนี่มันยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาอีกนะ”
“ก็มีวิธี แต่เราคงต้องรบกวนเอสให้ช่วยเราน่ะ เอสช่วยเราทีนะ”
“เฮ้อ! เอาวะ ถ้าทำให้ไอ้โย่งปากหมานั่นย้ายไปห้องควีนได้เราก็จะลองดู”
“ขอบใจนะเอส”
“สรุปว่าไอ้ตี้คือคู่แข่งชิงตำแหน่งห้องควีนของนาย ซึ่งนายพยายามจะให้เขาชนะโดยไม่รู้ตัว แต่นายเองก็ต้องทำคะแนนให้เยอะที่สุด นี่แมร่งการแข่งอะไรวะ?”


8:30 น.
ห้องม.4/3

เอาไงดีวะ ถึงพัตจะอธิบายแผนการให้แล้ว แต่จะเริ่มจริงผมก็ยังหวาด ๆ แฮะ ใกล้จะเริ่มคาบแรกแล้ว ยังไงก็ทำขั้นตอนแรกก่อนละกัน

ผมหันหลังไปหาไอ้บอยคนที่นั่งข้างตี้
“บอย ย้ายที่กับเราได้มั้ย?”
“ห้ะ? ย้ายทำไมวะ?” บอยทำหน้างง ตี้ก็ทำหน้างง (พวกมริงอย่างงดิ เราเองก็งงเหมือนกันว่าทำอะไรอยู่)
“คือเราสายตายาว อยากกระเถิบห่างกระดานอีกนิด”
“นายก็ย้ายไปหลังห้องดิวะ”
“นั่นไกลไป”
“งั้นก็ย้ายไป 2 แถวดิ”
“น...นั่นก็ไกลอยู่”
“อะไรของนาย เราไม่ย้ายว้อย” โอ๊ย! ไอ้บอยมริงจะดื้อด้านอะไรตอนนี้ เดี๋ยวอาจารย์เข้าห้องมาก็หมดโอกาสเปลี่ยนที่แล้วนะ
“ช่วยหน่อยดิว้า! เราอยากนั่งกับตี้!”

ดันเป็นจังหวะที่ห้องเงียบพอดี ทุกคนหันมามองผม
“อารายของนายว้าเอสสสส”
“ม...ไม่มีอะไร!”
“เอาเว้ย คู่จิ้นออกเรือละว้อย!” นุชตะโกนแซวมาจากหลังห้อง เชร้ด! นี่เธอเห็นรูปคู่ใน IG นั่นแล้วใช่มั้ย?
เท่านั้นแหละ ทั้งห้องก็เพ่งความสนใจมาที่ผมทันที แค่เริ่มต้นแผนก็บรรลัยแล้ว
“คู่จิ้นอะไรวะนุช สองคนนี้กัดกันประจำ”
“เธอยังไม่รู้ข่าวล่ะซี้ ไปหาใน IG ของตี้นะ” ผมหันไปหาไอ้ตี้ มริงน่ะตัวต้นเหตุเลย

“เออน่าบอย ช่วยย้ายหน่อยนะ ช่วยไอ้เอสมัน” ตี้พูด
“เอ๊า! นี่ตกลงพวกมริงสองคนเป็นใช่มั้ย?”
“เป็นป๊ะมริงสิ เอสมันมองกระดานไม่ชัดก็แค่นั้นแหละ ช่วยเพื่อนแค่นี้เอง”
“ก็ได้วะ ใช่ซี้กรูมันเมียน้อย ได้กรูแล้วก็ทิ้ง เมื่อวานพวกมริงสองคนก็ช่วยกันปิดเรื่องเล่นเกมในห้อง กรูก็เห็น สวีตกันมาก ยินดีด้วย ไปเถิดทั้งคู่ไปสู่ประตูสวรรค์” บอยหยิบหนังสือออกมาจากใต้โต๊ะพร้อมปล่อยมุกที่ผมไม่ค่อยจะฮา

 “ขอบใจนะบอย”
“เออ เราก็หยอกเล่นแหละ แฟนกันอยากนั่งด้วยกันก็บอกตรง ๆ นะเพื่อน เราพร้อมสนับสนุนเสมอ”
แฟนบ้าอะไรเล่า! ขี้เกียจต่อปากต่อคำแล้วว้อย ผมจัดหนังสือใส่ใต้โต๊ะ ตี้นั่งมองเงียบ ๆ ...ทำไมมันไม่แซวอะไรแบบทุกทีวะ…
“สายตายาวจริงเหรอเอส?”
“อ...อืม”
“ไปหาหมอตายัง?”
“ป...ไปแล้ว หมอบอกยาวนิดเดียวไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวก็หายเอง” เฮ้อ! พอไอ้ตี้ทำน้ำเสียงเป็นห่วงแบบนี้ผมรู้สึกแย่ที่ผิดศีลมุสาวาทา

ตี้ยื่นมือถือมาให้ผม
“อะไรเหรอ?”
“ก็บอกแล้วไงเวลาเรียนจะฝากมือถือที่นาย คุณแฟนจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเล่นเกม”
“ฟวย!”
ตี้หัวเราะชอบใจ ห่านเอ๊ย! เดี๋ยวลือกันทั้งโรงเรียนแน่ เอาเหอะขั้นตอนแรกย้ายมานั่งคู่กับตี้เพื่อควบคุมพฤติกรรม สำเร็จ! ผมมองมันอย่างเหี้ยมเกรียม ทนอีกเดือนเดียวเราจะส่งนายไปห้องควีน! หรือไม่ก็ส่งตัวเองนี่แหละหนีมันไปห้องควีนซะเลย



12:30น.
โรงอาหาร

เที่ยงนี้พวกเราสี่คนก็ติววิชาเลขกันเหมือนเดิม ผมดีใจจังที่มีคนเก่งทั้งดิมและพัตมาช่วยติวแบบนี้สนุกดี แถมประหยัดเงินกวดวิชาได้เยอะเลย ถ้าสอบเก็บคะแนนวิชาเลขได้ดีผมกะจะไปซื้อรองเท้าบาสคู่ใหม่ละ
“ดิม ศุกร์นี้พวกเราจะไปค้างดูถ่ายทอดสดบาสที่บ้านเราน่ะ ดิมไปด้วยกันมั้ย?” พัตเอ่ยถามหลังติวเสร็จ
“เอ่อ...เรามีธุระน่ะ ขอบใจนะพัตที่ชวน”
“วันนั้นพ่อแม่พัตไปต่างจังหวัดด้วยนะ มาปาร์ตี้กันไง เนอะพัต”
“อืม มาด้วยกันหลาย ๆ คนสนุกดีนะดิม”
ผมอยากให้ดิมไปด้วยจริง ๆ นะ อยากเห็นเขาได้สนุกด้วยกัน ลืมเรื่องเรียนอะไร ๆ ไปบ้าง
“ขอบใจนะสน แต่เราติดธุระจริง ๆ ไว้โอกาสหน้าละกันนะ”

หลังจากแยกย้ายกัน ผมกับดิมเดินกลับห้องพร้อมกัน
“เสียดายจัง อยากให้มริงไปด้วยว่ะดิม”
“อือ เราก็อยากไปนะแต่มีธุระ”
“เอ้อ! วันก่อนห้องกรูมีเทสต์เก็บคะแนน อาจารย์ออกใกล้กับที่มริงติวมากเลย ขอบใจนะ”
“แล้วสนทำได้ไหม?”
“อือ กรูว่าน่าจะได้เกิน 80% เลยล่ะ”

ดิมยิ้มดีใจ จะว่าไปดิมมันทำอะไรให้ผมตั้งหลายอย่าง ทั้งติวทั้งพาไปขอหนังสือเรียนจากรุ่นพี่
“ดิม ถ้ามีอะไรที่มริงอยากได้มริงบอกกรูเลยนะ กรูหาให้ ทำให้ได้ทุกอย่าง”

ดิมเงียบไป อ้าว! จะเงียบทำไมวะ
“กรูพูดจริง กรูไม่ใช่คนพูดเล่น ถ้าไม่ใช่อะไรแพง ๆ กรูทำให้ได้หมดอ่ะ มริงช่วยกรูตั้งเยอะ”
“เราไม่ได้ติวเพื่อให้นายตอบแทนนะ เราแค่อยากช่วยเพื่อน เหมือนที่นายช่วยเรา”
“เออกรูรู้ แต่กรูก็อยากให้มริงกลับบ้าง”

ดิมเงียบไปอีก “ทุกอย่างจริงเหรอ?”
“จริงดิ๊ กรูพูดแล้วไม่คืนคำหรอก”
“งั้น...สนมากับเราหน่อยดิ”

ดิมจับมือผมเดินไปห้องเก็บของหลังอาคารเรียน ที่ที่ผมเจอมันตอนคุย vdo.call กับแฟนมันครั้งนั้น
“สน...คือเรา...”
“มริงบอกมาเหอะ อยากได้อะไร”
“ถ้าเราขอ...” ดิมยังกำมือผม แมร่งบีบแน่นขึ้นด้วย เหมือนว่าสิ่งที่มันอยากขอเป็นเรื่องใหญ่มาก

“สน นายลองคบกับเราได้ไหม?”

...ผมได้ยินผิดหรือเปล่าวะ…

“สนลองคบกับเราได้ไหม? แค่สามสัปดาห์ก็ได้”
“ดิม มริงล้อกรูเล่นใช่ป่ะ?” ผมดึงมือกลับ
ดิมจ้องหน้านิ่งแทนคำตอบว่ามันไม่ได้ล้อเล่นแน่ ๆ “เราพูดจริง”
“คือ...ดิม กรู...กรูไม่ได้ชอบแบบนี้”
“คือเราเลิ...”
“ดิม มริงเลิกพูดเถอะ!”

ดิมแมร่งหน้าสลดไปเลย ผมก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง
“เราขอโทษนะสน เราขอโทษที่พูดอะไรที่นายไม่ชอบ” พูดแล้วดิมก็เดินไปเลย

...เชรี่ย…ดิมมันคิดกับผมแบบนี้เหรอวะ…


16:30น.

หลังเลิกเรียน ผมยืนที่ระเบียงอาคาร ทุกเย็นผมจะรอไอ้ดิมตรงนี้ว่ามันจะไปวิ่งรอบสนามบอลหรือไปชมรมคอม ถ้ามันไปวิ่งผมจะไปวิ่งด้วยเพื่อวอร์มอัพ คอยดูมันด้วยว่าไม่เป็นลมแบบวันนั้นอีก แต่ถ้ามันไปชมรมคอมผมก็จะไปเล่นบาสเลย แต่วันนี้ผมไม่รู้ยืนรออะไร ...ผมไม่อยากเจอหน้ามัน...ไม่อยากไปวิ่งกับมัน...แต่มันโหวง ๆ เหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง

วันไหนมันออกจากห้องมาหน้าซึม ๆ มันจะไปวิ่งแก้เครียด ผมจะไปวิ่งกับมันด้วยจนมันยิ้มออก
วันไหนมันไปชมรมคอมเลย มันจะหันมายิ้มโบกมือ
ทุกวัน ผมจะทำจนมั่นใจว่ามันยิ้มได้ แต่วันนี้ผมแน่ใจว่า...ไม่ว่าทางไหน...ผมก็จะไม่เห็นมันยิ้ม

“หงุดหงิดโว้ย!” ผมเดินลงบันไดไปสนามบาสเลย ที่ผ่านมาทั้งหมดแมร่งคิดกับผมแบบนี้เหรอวะ…ที่ติวให้ผมเพราะอะไรวะ...มริงเป็นไบเหรอ...มริงมีแฟนอยู่แล้วแต่จะให้ผมเป็น...เป็นเหรี้ยอะไรก็ไม่รู้!  ไม่อยากคิดแล้ว!
“ว้ากกก!!!” ผมปาบอลใส่แป้นให้หายโมโห ยิ่งคิดยิ่งโกรธ!
“ไอ้ห่าสน! มริงจะปาทำเชรี่ยไร กรูขี้เกียจวิ่งเก็บลูก” บอมตะโกนด่า
“เป็นอะไรของมริงวะสน?”
“วันนี้กรูเรียนหนักอ่ะ กรูเครียด วิชาปิงปองก็ไม่สะใจพอ บอมมริง 1 ต่อ 1 กับกรูมั้ย?”
“ก็ได้ แต่พัตนั่งดูอย่างเดียวจะเบื่อน่ะสิ”
“พัตกับบอมคู่กัน 2 คนเลย”
“ให้เราเล่นด้วยเหรอ?” พัตเหวอ
“อืม พัตคู่กับบอม เราคนเดียว ไม่ต้องห่วงพวกเราจะเล่นเบา ๆ”
“ก็ได้”

ได้ออกเหงื่อสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน พัตเองก็เคลื่อนไหวดีขึ้น เล่นบาสแล้วมันลืมเรื่องแย่ ๆ ไปหมด
“จะห้าโมงเย็นแล้ว เราต้องไปก่อนนะสน บอม”
“ป่ะ เดี๋ยวเราเดินไปส่ง”
“ไม่เป็นไร บอมกับสนเล่นกันต่อเถอะ ขอบใจนะวันนี้สนุกมากเลย”
“ป่ะ ไปซ้อมกับทีมใหญ่ต่อ”


17:30 ทุกคนเลิกซ้อมช่วยกันเก็บของ
“บอม เดี๋ยวกรูไปห้องน้ำแป๊บนะ”
“อืม เดี๋ยวกรูเก็บอุปกรณ์ให้”

ผมมองขึ้นไปที่ห้องชมรมคอม ไฟปิดหมดแล้ว มันไม่น่าอยู่ที่นั่นนะ ผมเดินไปที่สนามบอล ทีมบอลเองก็กำลังจะเลิก ไม่มีใครวิ่งรอบสนามแล้ว แหงดิวะ ถ้าดิมมันวิ่งตั้งแต่บ่ายสี่ครึ่งถึงตอนนี้มันคงไปลงมินิฮาล์ฟได้แล้ว...ผมจะมาหาอะไรวะ…


วันศุกร์
11:50 น.

พักเที่ยงแล้ว ผมมองผ่านประตูห้องม.4/7 เข้าไปเห็นดิมนั่งอยู่ ผมก็เดินผ่านห้องมันไปเลย...ผมไม่อยากคุยกับมัน…ไม่อยากเจอมัน...พอซื้อข้าวมาถึงโต๊ะ บอมก็เอ่ยถาม
“ดิมล่ะ?”
“ไม่รู้สิ ตอนเราเลิกคาบ 4 มันยังนั่งในห้องอยู่เลย”
“งั้นวันนี้คงติวกันสามคนละกัน เอ้อ! เตรียมชุดมาค้างบ้านพัตแล้วใช่มั้ย?”
“อืม เอามาแล้ว นาน ๆ จะได้ดูถ่ายทอดสดบาสเมืองนอก จะพลาดได้ไง”

ติวเสร็จผมก็ยังไม่เห็นดิม ไม่รู้จะโล่งใจที่ไม่ต้องเจอหน้ามัน ...หรือเป็นห่วงที่มันยังไม่ทานข้าว ไอ้แว่นเอ๊ย! กรูควรรู้สึกกับมริงยังไงวะ? ผมแวะซื้อแซนวิชชิ้นนึง ถ้ามันทานข้าวแล้วผมก็เก็บไว้กินเองตอนบ่ายละกัน ผมเดินกลับขึ้นห้อง จังหวะเดียวกับพวกห้อง 7 ทยอยเดินออกมาพอดี นี่เพิ่งเลิกเรียนคาบ 4 กันเหรอวะ ใกล้จะหมดพักเที่ยงแล้วนะ

ไอ้ดิมเดินออกมา ใจผมเต้นแรง ...ไม่อยากเจอมัน ไม่อยากคุยกับมัน ไม่อยากให้มันพูดเรื่องเมื่อวานอีก แต่ก็เป็นห่วงที่มันยังไม่ทานข้าวเที่ยง เป็นความรู้สึกที่โคตรกระอักกระอ่วนใจไม่รู้จะทำยังไงดี แต่มันหลบตาเดินผ่านผมไปเฉยเลยไม่พูดไม่ทักสักคำ

...เออ พอกรูไม่ยอมตามที่มริงขอ กรูก็หมดประโยชน์เลยใช่มั้ย กรูไม่น่าเป็นห่วงมริงเลย เก็บแซนวิชไว้แดรกเองก็ได้วะ! ผมเดินเข้าห้อง หงุดหงิดว้อย ต่อไปต่างคนต่างอยู่เลยไอ้แว่นกรูจะไม่ยุ่งกับมริงอีกแล้ว เสียแรงที่กรูอุตส่าห์รู้สึกดีกับสิ่งที่มริงทำ

“ไงล่ะมริง” ไอ้โบ้สะกิดผม
“อะไรของมริงวะโบ้?”
“เมื่อกี้กรูเห็นนะที่ไอ้แว่นเพื่อนเลิฟของมริงเมินมริงอ่ะ” ผมตอบไอ้โบ้ไม่ถูกเลย
“กรูบอกแล้วว่าพวกห้องควีนก็แบบนี้แหละ พอจะสนิทด้วยแมร่งก็เชิดใส่” ไอ้โบ้เบะปาก
“เขาเพิ่งเลิกเรียน อาจจะหิวข้าวจะรีบไปโรงอาหารก็ได้ มริงก็มองโลกแง่ร้ายว่ะโบ้” ไอ้ป้องแย้ง
“ทักสักคำมันยากตรงไหน?”
“ช่างแมร่งเหอะ” ผมแกะแซนวิชกิน ผมรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังอารมณ์เสีย แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอารมณ์เสียเพราะอะไร
ช่างแมร่ง! ขอผมอารมณ์เย็นลงกว่านี้ก่อนละกัน


16:30 น. สนามบาส

“เย็นนี้ตามโปรแกรมเราซ้อมชิ่งบอลกันสามคนนะ” บอมพูด
“เอาล่ะ พวกเราสามคนทีมเดียวกันนะ พัตยืนตรงนี้นะ สนมริงตรงโน้น เดี๋ยวเราเริ่มเลี้ยงบอลเข้าไปที่แป้น พัตเข้าไปรอในเขตโทษเลย”

บอมส่งลูกให้ผม ผมเลี้ยงแล้วส่งต่อให้พัต
“พัตเลย์อัพเลย”

แน่นอนว่าครั้งแรกพัตคงตื่นเต้นแล้วก้าวเท้าผิด
“ไม่เป็นไรนะพัต นายเพิ่งเคยรับบอลจากคนอื่นเป็นครั้งแรก ทำซ้ำ ๆ เดี๋ยวก็คล่อง เดี๋ยวสนส่งบอลให้เรา เราจะเลย์อัพให้พัตดูนะ ไม่ต้องเข้าไปใกล้แป้นมากเพราะเราก้าวเท้าได้สองก้าวอยู่แล้ว”

ทำซ้ำครั้งที่ 6 พัตก็เริ่มทำได้
“เยี่ยมมาก ๆ เดี๋ยวซ้อมอีกแบบ พอพัตได้บอลแล้วเราตะโกนว่า ‘หลัง’ พัตส่งบอลกลับมาให้เราชู้ตนะ”
“อืม”

เวลาซ้อมกันสนุก ๆ ผมก็ลืมเรื่องไอ้ดิมไปได้สักพัก ความหงุดหงิดก็ลดลงด้วย...ขอผมหัวโล่งใจเย็นลงกว่านี้อีกหน่อยค่อยคิดเรื่องนั้นต่อ…พอซ้อมถึงห้าโมงเย็น พ้นช่วงเวลารถติดแล้ว ก็ได้เวลาไปเที่ยวบ้านพัตซะที พวกเราเปลี่ยนชุดแล้วเตรียมไปขึ้นรถเมล์

เอ๋! มี missed call จากแม่ช่วงที่ซ้อมบาส
“ฮัลโหลแม่ เมื่อกี้แม่โทรมามีอะไรเหรอ?”
“สน เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเยี่ยมลุงต้อมกัน แม่จะทำแกงไปฝากลุงด้วย ลูกกลับมาช่วยแม่เตรียมของหน่อยนะ”
“อ้อ ได้ครับแม่” โอ๊ย! อะไรเนี่ย กำลังจะไปดูบาสที่บ้านพัตแท้ ๆ แต่ผมก็ขัดแม่ไม่ได้น่ะนะ
“พัต โทษที เราไปไม่ได้แล้วล่ะ เราต้องไปช่วยแม่ทำงาน แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องไปต่างจังหวัดกับแม่ด้วย”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2020 10:32:00 โดย Sorrowkung »

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep19
1 on 1


วันศุกร์
17:00น. สนามบาส

...โต้งเคยบอกว่าผมมันจอมเจ้าเล่ห์ แต่วางแผนห่าอะไรก็มักจะแป๊กทุกที
...และผมก็เห็นด้วยกับโต้ง เวลาผมทำอะไรที่อยากทำ มันมักจะผิดพลาดและเดือดร้อนหนักกว่าเดิม
...ผมอยากลบแชทไลน์ของบอม แต่สุดท้ายจบด้วยการเห็นภาพอั้มหอมแก้มบอม และมันเป็นภาพหน้าจอของมือถือบอมซะด้วยสิ ชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

...ก่อนหน้านี้ผมอยากเอาใจบอมด้วยการชวนเขาและสนมาดูบาสที่บ้าน แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสถานการณ์ลำบากใจและผมไม่สามารถยกเลิกได้
...ผมกำลังจะต้องอยู่ใกล้เขามากโดยที่รู้ว่าเขาคิดกับผมแค่เพื่อน
...ภาพหน้าจอทำให้ผมรู้ตัว ที่บอมโอบไหล่ กอดเอว จ้องตา เป็นแค่การเทคแคร์เพื่อนเท่านั้น
...ที่เขาจะอาบน้ำด้วย แก้ผ้านอนด้วย เปลี่ยนเสื้อต่อหน้า ก็แค่เรื่องปกติของเพื่อนผู้ชายหยอกล้อกัน

...และตอนนี้สถานการณ์ก็เลวร้ายสุด ๆ เพราะ
“พัต โทษที เราไปไม่ได้แล้วล่ะ เราต้องไปช่วยแม่ทำงาน แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องไปต่างจังหวัดกับแม่ด้วย”
สน นายอย่าทิ้งเราไว้กับบอมสองคนตอนนี้สิว้อย!!!

พวกเราสองคนยืนอยู่บนรถไฟ airport link มุ่งหน้าเข้าเมือง ผมพยายามรักษาระยะห่างแต่พอถึงสถานีรามคำแหงคนก็ขึ้นมาจนเต็มรถ บอมกับผมโดนเบียดเข้าใกล้กันเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง
“คนเยอะเลยนะ พัตอึดอัดไหม?” บอมยื่นหน้ามาคุย
“ไม่อ่ะบอม ปกติเราก็ขึ้นรถเมล์รถไฟฟ้านะสบายมาก มีแค่เฉพาะตอนมาโรงเรียนน่ะที่พ่อมาส่งมารับ นี่ก็กะจะขอพ่อขึ้นรถ airport link มาเองละ เพราะดิมก็มาเส้นนี้เหมือนกัน”
“พัตมายืนในมุมนี้สิจะได้ไม่โดนเบียด” บอมจัดให้ผมยืนที่มุมรถ ส่วนตัวบอมยืนกันไม่ให้คนอื่นเบียดเข้ามา มุกเกาหลีที่สุด! ตำแหน่งนี้หน้าผมกับบอมหันเข้าหากันตลอดทางเลยสิฟระ ฉากโรแมนติกขนาดนี้ เดี๋ยวรถก็เลี้ยว หน้าบอมจะคะมำมาเกือบแตะหน้าผมแน่ ๆ ว่าแล้วรถก็เลี้ยวจริง ๆ หน้าบอมเข้ามาใกล้มากพร้อมกลิ่นโคโลญจน์ที่หอมเข้มขึ้นตามอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่งเล่นบาสมา

ต่อไปจะอะไรอีกวะ? ลำโพงบนรถจะเปิดเพลงโรแมนติกล่ะสิ!?
หากฉันเพ่งมองตาเธอให้ลึกหน่อย อย่างน้อยอาจทำให้ต้องเฉลียวใจ
ว่ามีความหมายใด ซ่อนในดวงฤทัย บ่งบอกความในใจที่ดวงตา

เข้าบรรยากาศสุด ๆ เพลงเก่าได้โล่ เพลงคีรีบูนกันเลยทีเดียว!!!! แล้วทำไมบอมต้องมองผมนิ่ง ๆ แบบนี้ด้วยวะ มริงจะทำให้ตรูจิ้นไปถึงไหน!

แล้วบอมก็จะชวนคุยอะไรที่ทำให้จินตนาการผมยิ่งเตลิดล่ะสิ?
“แล้วพ่อแม่พัตไปต่างจังหวัดแบบนี้บ่อยไหม?”
“ก็ เดือนสองเดือนทีนึง แต่บางทีก็ไปบ่อย”
“แล้วพัตอยู่คนเดียวเหงาไหม?” ...นายจะถามอะไรให้มันโรแมนติกแบบนี้ทำไม
“ก็เหงาบ้าง แต่เราก็อ่านหนังสือ แล้วก็เล่นบอดี้เวทในบ้านตามยูทิวป์”
“ห้ะ! พัตเล่นบอดี้เวทด้วยเหรอ?”
“ใช่ จะได้เล่นบาสเก่งไง”

ผมพยายามคุยเรื่องอะไรก็ได้ที่ทำลายบรรยากาศโรแมนติก คืนนี้ต้องไม่มีคำว่า “เคลิ้ม” เด็ดขาด!
“เพิ่งเริ่มฝึกใช่มั้ย พัตต้องเน้นกล้ามเนื้อคอร์มัซเซิลนะ”
“คือตรงไหนเหรอ?”
“คือแกนกลางลำตัวน่ะ” บอมวางกระเป๋าลงที่พื้น แล้วใช้มือจับท้องผม เชรี่ยแล้ว ๆๆๆ
“ตั้งแต่กล้ามท้องที่เรียกว่าซิกแพค จริง ๆ มีกล้ามด้านข้างอีกหลายส่วน ไปจนถึงด้านหลัง”
มือบอมลูบไปตามเอวผม ลูบอธิบายไปถึงข้างหลัง ตายห่าแล้วตรู!!! ท่านี้บอมกำลังโอบเอวผมชัด ๆ
“เนี่ยพัตลองจับตรงเอวกับหลังเราดูสิ”
“ม...ไม่เป็นไร”
“นายต้องลองจับจะได้โฟกัสถูกว่าตอนคอร์มัซเซิลทำงานคือยังไง” ผมจับไปตามที่บอมบอกแล้วบอมก็เกร็งกล้ามส่วนนั้น
“จับแรง ๆ เลย รู้สึกใช่มั้ยว่ากล้ามส่วนนั้นแข็งขึ้น?” บอมถาม
“อืม เข้าใจแล้ว” ผมค่อย ๆ ดึงมือกลับ

นี่ขนาดพยายามทำลายบรรยากาศ ไหงมันยิ่งฮาร์ดคอร์กว่าเดิมฟระ? กลายเป็นลูบ ๆ โอบ ๆ กันในรถไฟฟ้า!! อีกนานเลยกว่าจะถึงบ้าน มันจะมีฉากหวาดเสียวชวนเคลิ้มแบบนี้อีกกี่ซีนวะ ที่แน่ ๆ ผมจะไม่ยอมให้เกิดซีนอุบัติเหตุล้มปากชนกันอะไรแบบนั้น เพราะในความเป็นจริงริมฝีปากกับฟันน่าจะกระแทกกันได้เลือดมากกว่า

“สวัสดีค่า วันนี้ดีเจกุ๊งกิ๊งมีเคล็ดลับดี ๆ มาบอกกันนะคะ อยากรู้มั้ยคะว่าเขาคนนั้นแอบชอบเราอยู่หรือเปล่า ลองเล่นจ้องตากับเค้าสิคะ คนที่ชอบเราจะไม่สามารถจ้องตาเราได้ถึง 10 วินาทีค่าาาา” เสียงจากลำโพงรถส่งความบรรลัยมาละ

“พัต”
“หืม?”
“ลองดูมั้ย?”
“ลองอะไรเหรอบอม?” คือตรูรู้แหละว่าบอมพูดถึงอะไร ตรูพยายามไม่ยอมจิ้นไม่ยอมเคลิ้มกับอะไรทั้งนั้น
“จ้องตาไง”
“เอาดิ”

1วิ คิดซะว่าแข่งจ้องตากับเพื่อนแบบสมัยประถมก็ได้
2วิ สมัยนั้นผมจ้องได้เป็นนาที
3วิ ไอ้การหลอกตัวเองเนี่ยเรื่องถนัดของผมอยู่แล้ว
4วิ ถึงตรงหน้าจะเป็นบอมสุดหล่อของผมก็เถอะ
5วิ ท่องไว้สิเขามีแฟนแล้วชื่ออั้ม
6วิ และผมจะไม่ยอมให้มิตรภาพของเราพังไปกว่านี้
7วิ เพราะฉะนั้นผมไม่ยอมหลบตาแน่
8วิ บอมหลบตาผม

อ้าวเฮ้ย!!? ทั้งผมและบอมนิ่งเงียบไปนาน แม้จะมีเสียงเพลงบนรถ แต่ทุกอย่างเหมือนจะเงียบไปหมดเพราะใจของผมจดจ่ออยู่กับคนตรงหน้าเท่านั้น เมื่อกี้มันคืออะไรวะ? บอมหลบตาหันหน้าเอียง ๆ แก้มแดงระเรื่อ คิ้วเข้ม ตาสีน้ำตาลอ่อนกับขนตายาว ๆ สายตาผมไล่โลมเลียหาคำตอบไปตามผิวแก้มถึงริมฝีปากที่น่าจูบ หยุด! ไอ้พัตมริงหยุดเลย!

“สถานีต่อไป สถานีพญาไท Next station Phaya Thai station” เสียงประกาศในรถปลุกสติผม
“บ...บอม ไปกันเถอะ”
พวกเราสองคนลงที่สถานีสุดทางจนได้ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นผมยังเหนื่อยสุด ๆ กับการห้ามใจและฉากชวนเคลิ้มทั้งหลาย โดยเฉพาะตอนเล่นจ้องตานั่นดาเมจแรงสุดเลย คงเหลือแค่หิมะตกเท่านั้นที่ยังขาดไป ผมจะผ่านคืนนี้ไปได้ไหมวะเนี่ย?


ผมเดินนำบอมเข้าซอยมาแป๊บนึงก็ถึงบ้าน ผมไขกุญแจประตูรั้วเข้าไป
"บ้านพัตใหญ่นะเนี่ย"
"ไม่หรอก" พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอพ่อกับแม่รอที่โต๊ะอาหารแล้ว ผมกับบอมวางเป้กระเป๋าที่โซฟาแล้วไปสวัสดีท่าน
"พ่อครับแม่ครับผมกลับมาแล้ว บอมมาด้วยครับ"
"สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า"
บอมยกมือไหว้พ่อกับแม่ บอมเคยเจอคุณพ่อแล้ว

"สวัสดีจ้ะบอม คนนี้เองที่พัตพูดถึงบ่อย ๆ หนูเป็นนักบาสใช่มั้ยจ๊ะ?"
"ครับคุณป้า"
"เรียกคุณพ่อคุณแม่เถอะจ้ะ"...ไม่นะแม่อย่าพูดอะไรชวนจิ้นแบบนั้น...
"เห็นลูกพัตบอกว่าจะพาเพื่อนมา 2 คนนี่? บอมกับสน ใช่มั้ย?" พ่อถาม
"ครับคุณพ่อ แต่สนเขามีธุระด่วนต้องไปช่วยงานคุณแม่ครับก็เลยไม่ได้มา"
"ดีจังเลยช่วยงานคุณแม่ เสียดายนะไม่ได้เจอสนเพื่อนพัต นี่แม่ทำอาหารกับขนมไว้เยอะเลยกะจะมีลูกชายทีเดียว 3 คน" แม่พูดยิ้ม ๆ
"แล้วบ้านลูกบอมอยู่แถวไหนเหรอ?" คำก็ลูก สองคำก็ลูก เดี๋ยวก็ได้ลูกชายเพิ่มหรอก
"บ้านผมอยู่อ่อนนุชครับ"
"โห! มาไกลนะเนี่ย แล้วบ้านสนล่ะลูก เห็นพัตเล่าว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่โรงเรียนเก่าใช่มั้ยจ๊ะ?"
"บ้านสนก็อยู่อ่อนนุชครับ อยู่ใกล้ ๆ กับบ้านผมครับ" บอมตอบพลางหันมายิ้มให้ผม ประมาณอยากถามว่าผมเล่าอะไรไปบ้างเนี่ย

"แบบนี้ก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้วสิ?"
"ครับ ตั้งแต่ป.4 เลยครับ"
"พัตบอกว่าตอนม.ต้นเรียนแถวสมุทรปราการ ทำไมไปเรียนไกลบ้านจังล่ะบอม?"
"พวกผมเป็นนักกีฬาบาสตอนประถมแล้วได้โควต้าไปเรียนต่อที่นั่นครับ แต่เดินทางไกลบ่อย ๆ คุณพ่อคุณแม่เลยอยากให้เรียนม.ปลายใกล้บ้านก็เลยมาสอบเข้าม.4 ที่นี่ครับ"
ผมนั่งฟังอย่างตื่นเต้น ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ดีจังผมอยากสนิทกับบอมตั้งแต่ประถมอย่างนี้บ้าง

"มิน่าตัวสูงเชียว สอนลูกแม่เล่นบาสด้วยนะพัตจะได้สูงบ้าง"
"ครับ พวกเราสามคนอยู่ชมรมบาสครับ พัตก็ซ้อมทุกวันตอนเย็น ตอนนี้ก็เริ่มเล่นเก่งแล้วครับ"
"ยังไม่ขนาดนั้นหรอก" บอมชมนี่ผมเขินเลย
พ่อหันมองแม่แว่บนึง

"แล้วบ้านบอมทำอะไรเหรอลูก?"
"คุณพ่อผมเป็นวิศวกรสถานีขุดเจาะน้ำมันครับ นาน ๆ กลับบ้านที คุณแม่เป็นเจ้าหน้าที่เนิร์สเซอรี่ครับ"
"โอ้! งานดีนะเนี่ย แล้วจะเป็นวิศวกรเหมือนคุณพ่อไหม?" พ่อถาม
"ก็ดู ๆ อยู่ครับ"
"ลูก ๆ ทานข้าวกันเยอะ ๆ นะ คืนนี้พ่อกับแม่ต้องไปดูงานโรงแรมในเครือที่สมุยน่ะ ไว้คราวหน้ามาเที่ยวอีกนะ ทั้งสองคนบอมกับสนเลยนะ"
"ครับคุณแม่"

พ่อกับแม่เตรียมของไว้ในรถแล้ว ผมเดินไปเปิดประตูรั้วให้รถออก
"เล่นกับบอมให้สนุกนะ คืนนี้พ่ออนุญาตให้นอนดึกได้ เอาเกมมาเปิดทีวีใหญ่ข้างล่างก็ได้นะ"
"ขอบคุณครับพ่อ เดินทางปลอดภัยนะครับ" ถึงสีหน้าผมจะยิ้มแต่ในใจพูดว่า...พ่อจ๋า แม่จ๋า อย่าทิ้งผมไว้กับบอมสองคนนนน!

ผมกลับมานั่งกินข้าวกับบอมต่อ
"คุณพ่อคุณแม่นายน่ารักเนอะ" ...มาเป็นลูกอีกคนเลยไหมล่ะ...เอ๊ย! ไม่ใช่!...การฟังเรื่องของบอมทำให้ผมยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกับเขามากขึ้น เหมือนได้เข้าไปร่วมในชีวิตเขาตั้งแต่ป.4 เห็นภาพเขาขยันซ้อมทุกวัน
"เพิ่งรู้ว่าบอมกับสนเล่นบาสเก่งจนได้โควต้าเลย"
“ยังไม่เก่งมากมายอะไรหรอก พัตเล่าเรื่องตอนประถมให้เล่าฟังบ้างดิ แลกกันไง”

ผมเล่าเรื่องสมัยป.4 ตอนเลิกเรียนจะรีบวิ่งไปเล่นเกมที่ร้านข้างโรงเรียน 5 บาทครึ่งชั่วโมงแล้วรีบวิ่งกลับมาให้ทันพ่อมารับ
“ฮ่า ๆๆ นึกภาพพัตติดเกมไม่ออกเลยนะเนี่ย ตอนเด็ก ๆ เราก็ชอบเล่นเกมนะ เกมบอมเบอร์แมนน่ะ เลยเอามาตั้งชื่อเฟส”
“อือ เราก็ชอบเหมือนกัน ใกล้ถึงเวลาถ่ายทอดสดละ บอมอย่าเพิ่งอิ่มนะแม่เตรียมขนมไว้ให้ด้วย กินไปดูไปละกันนะ”

ผมจัดการเปิดโทรทัศน์ช่องเคเบิ้ล จัดโซฟาแล้วเอาขนมออกมาจากตู้เย็น
“ทีมเนี่ยเป็นแชมป์หลายสมัยมาก แต่ปีที่แล้วเสียแชมป์ อีกทีมก็ผลงานดีมาตลอด แมตช์นี้เลยน่าดูมากว่าเขาจะชนะได้มั้ย”
ผมนั่งลงอีกปลายโซฟา ใจเริ่มเต้นแรง ...ตลอดคืนนี้ผมจะอยู่กับบอมสองต่อสอง…
“พัตมานั่งใกล้เราดิเราจะได้อธิบายให้ฟัง”
ผมจำใจขยับเข้าใกล้เขา ...มันจะไม่มีการเคลิ้มอะไรทั้งนั้น...บอมจะตั้งใจดูรายการแข่งบาส เราจะดูจนจบแล้วก็อาบน้ำเข้านอน แค่นั้นแหละ
“พัตคอยดูนะเดี๋ยวเบอร์ 11 จะชู้ตสามแต้ม ไม่ลงหรอกแต่เพื่อนเขารอรีบาวน์อยู่”
คือตรูดูไม่รู้เรื่อง ถ้าฟังเขาอธิบายแล้วยังไม่เข้าใจ เขาจะเบื่อเราน่ะสิ ถ้าสนมาด้วยเขาสองคนคงดูกันสนุกไปไม่ต้องอธิบายให้ผมฟังก็ได้

“นั่นไง!!! รีบาวน์จริง ๆ ด้วย! แต้มนำแล้ว!!” แขนบอมโอบไหล่ผมด้วยความดีใจ ส่วนตรูเหมือนกำลังตกนรก อยากเคลิ้มแต่ทำไม่ได้ ท่องไว้เขามีแฟนแล้ว ๆๆๆ
เกมผลัดกันรุกรับเร็วมากจนถึงช่วงพักครึ่งแต่บอมก็ยังไม่คลายแขนออก
“พัตก็ลูกคนเดียวเหมือนกันใช่มั้ย?” บอมหันมาถามในระยะใกล้ หน้าแทบแนบชิดคมชัดระดับ Full HD
“อืม”
“ดีใจจัง เราเหมือนได้เพื่อนที่เข้าใจเราเลย” บอมกระชับแขนให้ผมเข้าไปชิดเขามากขึ้น
“รู้มั้ยตั้งแต่เด็ก ๆ เราอยากมีน้องชายสักคนมาเล่นอะไร ๆ กับเรา เราเคยได้ยินว่าพี่น้องจะแย่งของเล่นกัน แต่ถ้าเรามีน้อง เราจะยกให้หมดทุกอย่างเลย”

...บรรยากาศโรแมนติกมาแล้ว…ตรูตายแน่...ผมภาวนาให้สนโทรมาบอกว่าเปลี่ยนใจแล้วนะอยากมาดูบาสด้วย...ใครก็ได้ช่วยมาคั่นตรงกลางที สองต่อสองแบบนี้ผมจะอดใจไม่ไหวแล้ว
“พัต”
“หืม?”
“รู้มั้ยตอนเราเจอพัตครั้งแรก”
“ต...ตอนนั้น...ทำไมเหรอบอม?” ตาสีน้ำตาลจ้องมาแบบเว้าวอน หรืออะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้จะบรรยายยังไง
"เรา…" บอมจ้องตาเหมือนกำลังตัดสินใจจะพูดบางอย่าง ลางสังหรณ์บอกผมว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเกิด ผมต้องหยุดความโรแมนติกหรืออะไร ๆ นี่ให้ได้ ผมควานหารีโมทแล้วกดอะไรมั่ว ๆ หวังว่าจะมีรายการน่าสนุกให้บอมไปสนใจเรื่องอื่นแทน รายการโทรทัศน์กลายเป็นช่องยูทิวป์แล้วมิวสิควิดีโอก็เล่นขึ้น

ฉันไม่รู้สักนิดว่าเธอน่ะคิดถึงใคร ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำทำไมต้องคิดถึงเธอ
ก็อาจจะเป็นรอยยิ้ม ในเมื่อวันแรกเจอ ได้รู้จัก


“เราพลาดตะโกนใส่หน้านายที่อยู่ตรงกลางพอดี นายไม่โมโหแล้วยังช่วยบอกเวลาให้เราด้วย”

ฉันไม่รู้ว่าฉันทำไมควบคุมไม่อยู่ ฉันไม่รู้ไม่รู้อะไรสักอย่าง
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าใจฉันวางไว้ข้างเธอ


“นายอาจขำเรานะ คือ...เราเหมือนเจอน้องที่เราอยากได้มาเป็นสิบปี”

ถ้าไม่ใช่ ไม่ต้องมาคอยใส่ใจได้มั้ย ถ้าไม่ชอบ เอาตาคู่นั้นหลบไปให้ไกล
ถ้าไม่เชื่อ เดี๋ยวฉันห้ามใจตัวเองไม่ไหว จะช่วยหยุดใจฉันมั้ย


“ตอนอยู่บนอัฒจันทร์ ที่เราถามพัตว่าอยากอยู่ชมรมอะไร พัตบอกว่าอยากอยู่ชมรมคอม”
“อืม”
“แล้วเราขอให้พัตอยู่ชมรมบาส นายจำได้มั้ย?”
“อืม จำได้”
“เราอยากถามพัตมานานแล้ว แต่เราไม่กล้า”
“ถามมาเหอะ”

ฉันเป็นของเธอทุกวัน เธอเป็นของฉันเหมือนกันบ้างหรือเปล่า
มันมีความสับสน ปนกับความเหงาเหงา คอยกั้นเราด้วยเส้นบางบาง


บอมจ้องตาผมนิ่ง “พัตเต็มใจมาอยู่ชมรมบาสกับเราหรือเปล่า? พัตชอบบาสจริง ๆ หรือว่าเราบังคับนาย?”
ผมจะตอบยังไงดี...ตอบเอาใจบอมมั้ย? แต่บอมเปิดใจพูดขนาดนี้แล้วนะ

ฉันเป็นของเธอแล้วไง อีกนานแค่ไหนจะรู้ใจฉันบ้าง
เธอก็ยืนอยู่ตรงนี้ แต่ก็ยังอ้างว้าง ได้แค่แอบรักเธอ


“ตอนแรกเราเข้าชมรมบาสเพราะเราอยากอยู่กับนายน่ะบอม” ...เป็นคำตอบที่ออกมาจากใจผมที่สุดแล้ว

ฉันไม่รู้สักนิดที่คิดน่ะผิดหรือถูก ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังจะเศร้าหรือสุข
มันจะดีจะร้าย มันก็ขึ้นกับใจของเธอ ทุกคำตอบ


บอมนิ่งเงียบไป ผมก็เช่นกัน ผมไปต่อไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าผมพูดอะไรมากไปกว่านี้ความในใจอาจพรั่งพรูออกมา
“ช่วงครึ่งหลังน่าจะมาแล้ว” ผมกดรีโมทกลับไปดูการแข่งขันต่อแต่บอมก็ยังเงียบไปเลย
“บอม”
“หืม?”
“ตอนนี้เราเริ่มชอบบาสจริง ๆ นะ นายช่วยฝึกเราให้เป็นตัวสำรองทีนะ เราอยากไปแข่งกับนาย”
“ได้สิ” บอมยิ้มจนตาปิดและกลับมาพากษ์อธิบายการแข่งต่อจนจบ

“ทีมโปรดเราชนะล่ะ!” บอมสรุปพร้อมยิ้มดีใจ
“ดีใจด้วยนะบอม”
“อาบน้ำเข้านอนกันเถอะ มีอีกคู่พรุ่งนี้เช้า”
ผมพาบอมถือกระเป๋าไปไว้ที่ห้องนอนผมที่เปิดแอร์ไว้ก่อนแล้ว ผมหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ให้และเปิดไฟห้องน้ำให้บอมเข้าไปอาบน้ำ ส่วนผมแยกไปอาบอีกห้อง สักพักบอมในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มก็เดินมาพร้อมผ้าเช็ดตัวและชุดพละ ...ดีนะที่เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ถ้านุ่งผ้าเช็ดตัวมานี่...
“ขอบใจนะพัต คืนนี้สนุกมากเลย”
“อืม เอาผ้าเช็ดตัวตากที่ระเบียงได้นะ” บอมตากผ้าเสร็จก็พับชุดใส่กระเป๋าแล้วขึ้นมานอนบนเตียง
“ยังไม่ค่อยง่วงเลย”
“เล่นเกม Bomberman กันมั้ย?”
“มีเหรอ?”
“ของ Nintendo Switch นะ เล่นสองคนได้ มีแบบแข่งกันกับแบบช่วยกันลุยด่านด้วย” ผมยื่นจอยให้บอม
“ดีจังเกมโปรดของเราเลย” ...ผมซื้อมาเพื่อบอมโดยเฉพาะเลย...

“ทำไมนายเล่นเก่งจังว้า!” แหงละ บอมไม่ได้เล่นมานานจะสู้ผมที่เล่นประจำได้ไง
“เออนี่พัต เพื่อนตอนประถมของเราคนนึงก็เล่นเกมเก่งเหมือนนายนะ”
“เหรอ?” แล้วบอมกับผมก็สลับกันเล่าเรื่องสมัยประถมให้กันฟัง เราสองคนเล่นเกมจนถึงห้าทุ่ม ได้เวลาเข้านอนซะที ในที่สุดผมก็เอาตัวรอดมาจนเข้านอนได้ ไม่มีเคลิ้มอะไรทั้งนั้น ผมดับไฟเพดานแล้ว เหลือแค่ไฟหัวเตียงก็…

บอมพลิกตัวมาทางผม “พัตจำสัญญาได้มั้ย?”
“สัญญาอะไรเหรอ?”
“ก็ที่นายบอกว่าถ้าอยู่บ้านจะแก้ผ้าตอนนอนไง”
“อ...เอ่อ...จำได้”
“ลองทำยัง?”
“ยังเลย”
“งั้นลองเลย คืนนี้แหละ”
“ม...ไม่ดีมั้ง”
“ทำไมล่ะ?” บอมขยับเข้ามา ทำหน้าแกล้งไม่พอใจ
“ก็...ก็นายอยู่ด้วย”
“คืนนั้นเราก็ถอดตอนพัตอยู่ด้วย ไม่เห็นเป็นไรเลย นี่ไง” ว่าแล้วบอมก็ถอดเสื้อออก อารมณ์ไหนของนายวะบอม!!!
“ไว้วันหลังนะ”
“หึ ๆๆ ไม่มีวันหลังแล้ว” บอมพูดแบบขำ ๆ แต่การกระทำไม่ขำเพราะเขาดึงชายเสื้อผมขึ้นจริง ๆ
“เฮ้ย! ไม่!! บอม! ไม่เอ๊าาาา!!”
“บอมเบอร์แมนเราแพ้ แต่เกมแก้ผ้าเราชนะนายแน่!”

อ๋อ นี่นายแก้แค้นใช่มั้ย?!! ตัวอุ่น ๆ กับกลิ่นโคโลญจ์นอ่อน ๆ ของบอมที่กำลังปล้ำถอดเสื้อผ้าผมออกให้ได้ ผมก็ดิ้นสู้สุดฤทธิ์ บอมเล่นโกงใช้นิ้วจั๊กจี้เอวผมด้วย
“แว้ก! ฮะ ๆๆ บอม ฮะ ๆๆ อย่าดิ๊!!” ผมหลับตาปี๋พยายามปัดมือและดิ้นกุมเสื้อไว้
...อ...อะไรถูแก้มผม...อะไรบางอย่างที่นุ่ม กับเสียงหายใจอุ่น ๆ หนัก ๆ…

ผมลืมตาดู หน้าของบอมแนบกับหน้าผม จมูกกับปากของบอมแตะไล้แก้มผมเบา ๆ
“พัต…” เสียงหายใจหนักของบอม แววตาแสดงความรู้สึกมากมายที่ผมไม่เคยเจอ

“...บอม...”

บอมแนบหน้าลงบนหน้าผมหนักขึ้น เสียงหายใจหอบกระเส่า
“เราเคยนึกว่าเราชอบนายแบบน้อง แบบเพื่อน ไม่รู้ทำไมเราว่านายน่ามันเขี้ยว เราอยากเล่นกับนาย”
สองมือของบอมลูบไปตามตัวผมแล้วกลายเป็นกอดรัดแรง ๆ 

“พัต ร...เราอยากอยู่กับนาย” หน้าของบอมคลุกบดแก้มผม ไม่เหมือนการหอมแก้มละ เหมือนบอมกำลังคลั่ง

...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับบอม ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่เคลิ้มไปกับมัน ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่ทิ้งทุกเหตุผลอะไรควรไม่ควร

"เราก็อยากอยู่กับบอม" ผมพูดคำที่เก็บลึกไว้ในใจที่สุด ความรู้สึกแรกที่เกิดในใจผมตอนเจอเขา คำที่ผมไม่เคยได้พูดออกไป ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราสองคนจะเลยเถิดถึงขั้นไหน แต่ตรงนั้นจะมีบอม

“พัต...” ริมฝีปากของบอมบดกับแก้มผมอีกข้างพร้อมเรียกชื่อผมซ้ำแล้วซ้ำอีก วงแขนที่กอดรัดถูไปมาตามตัวเลื่อนไปที่ชายเสื้อของผมแล้วดึงขึ้นช้า ๆ จนพ้นตัว

ผมประคองหน้าของบอมเบา ๆ เส้นผมเขานุ่มมาก หน้าแดงระเรื่อ ผมแตะริมฝีปากนั้นเบา ๆ ...บอมไม่ขัดขืน...ผมเม้มลิ้มรสริมฝีปากทั้งบนล่าง บอมยอมผมทุกอย่าง ไม่มีเสียงอะไรในหัวผมอีกแล้ว ไม่มีเสียงห้าม ไม่มีเสียงยุ ...มีแค่ผมกับบอม…

ผมสอดลิ้นเข้าไปในปากเขาช้า ๆ เจอฟันแล้วก็ลิ้น...ลิ้นคนอื่นสากและเปียกแบบนี้เหรอ...กลิ่นยาสีฟัน...จูบเป็นแบบนี้เหรอ...นี่คือภายในตัวบอม...บอมของผม

บอมเอนตัวลงบนเตียง โน้มผมเข้าประกบจูบเขาอีกครั้งใช้ลิ้นซอกซอนไปมาในปากผมอย่างช้า ๆ ผมนอนทับบนตัวอุ่น ๆ ของเขา แลกลิ้น จูบแก้ม ซุกหน้าที่ซอกคอ บอมนิ่งให้ผมทำอะไรก็ได้ ผมไล้ลิ้นที่ซอกคอลิ้มรสไออุ่นของผิวที่ผมเคยได้แต่มอง ผมเคลื่อนมาที่อกแน่น สูดกลิ่นโคโลญจ์ หัวใจบอมเต้นแรงมาก มือผมลูบไปตามไหล่และแขน บอมตัวสั่น

"พัต...พัต…" เสียงเรียกชื่อผมเบา ๆ เหมือนคำอนุญาตให้ผมสัมผัสทุกส่วนของบอมที่ผมไม่เคยรู้จัก

ผมเองก็กำลังกลายเป็นตัวตนที่ผมไม่เคยเป็นเหมือนกัน ผมไม่เคยขัดใจบอมเลยแต่ตอนนี้ผมกุมมือบอม นิ้วสอดนิ้วกดลงบนเตียงไม่ให้ดิ้นตอนผมลงลิ้นที่หัวนม...กล้ามท้อง...และต่ำลงไปเรื่อย ๆ บอมครางดิ้นไปมา เข้าใจแล้วที่เขาว่าอยากจะกินกลืนเธอทั้งตัวคือความรู้สึกยังไง ตัวผมทับท่อนล่างของเขา บางอย่างแข็งขึ้นจนรู้สึกได้

บอมพลิกตัวให้ผมนอนลงบนเตียง ...ร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของบอมในแสงสลัวขึ้นคร่อมบนตัวผม...นี่ไม่ใช่ความฝัน…

หน้าของเขาเข้ามาชิดแล้วจูบอีกครั้ง ลิ้นของบอมสอดเข้ามา ปากที่บดบี้และจมูกกับใบหน้าที่คลุกกับหน้าผมอย่างคลุ้มคลั่ง ผมสอดแขนโอบกอดเขา ตัวบอมทั้งอุ่นและหนัก ทุกส่วนของเราสัมผัสกันจนร้อนผ่าว บอมถอนริมฝีปากออกพลางไล้ปลายลิ้นไปที่ใบหู “พัตอยู่กับบอมนะ”

“อืม เราจะอยู่กับบอม” ผมตอบตกลงไปแทบไม่เป็นภาษาพลางลูบแผ่นอกแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามของบอม บอมบดปากจูบสลับกับไซ้ซอกคอซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่วนเอวขยับถูกับตัวผมแรงขึ้นเรื่อย ๆ... ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีก ไม่รู้คืนนี้จะไปจบที่ไหน รู้แค่ผมมีบอม…

ทุกอย่างหยุดนิ่งไป

...ผมลืมตาขึ้น บอมจ้องตาผม...แต่สายตาเขาไม่เหมือนเดิม...มันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
"พัต...เราขอโทษ...เราไม่ตั้งใจ"

...เกิดอะไรขึ้น…
...ผมไม่เข้าใจ…
...แต่ผมก็ไม่แปลกใจ…
...เวลาผมทำอะไรอย่างที่อยากทำ...มันจะแย่กว่าเดิมเสมอ...ครั้งนี้เช่นกัน…
...เรื่องของเรามันจบแล้ว...

“ไม่เป็นไรนะบอม เราก็ขอโทษเหมือนกัน เราก็ไม่ได้ตั้งใจ”
บอมขยับตัวไปนอนห่าง ๆ “พัต...เรา...”
“้เราไม่เป็นอะไรจริง ๆ...เรา...เราขอโทษนะบอม” ผมใส่เสื้อผ้า เขาคงรู้สึกผิดกับอั้ม

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในรถไฟฟ้า...ไม่ได้มีแค่ผมที่เคลิ้มจนห้ามตัวเองไม่อยู่...บอมก็เช่นกัน
ผมคุมตัวเองให้ไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น ก็แค่ผู้ชายสองคนเล่นอะไรห่าม ๆ ขำ ๆ
...การหลอกตัวเองเป็นเรื่องถนัดที่สุดของผม...
...ก็แค่เด็กผู้ชายสองคนที่บางอย่างเตลิดไป…
...ผมชินแล้ว เวลาผมคาดหวังอะไร ๆ ก็มักจบแบบผิดคาดเสมอ
...ตอนป.5 ที่ผมตั้งใจเรียนให้พ่อแม่ดีใจ มันก็จบด้วยการเข้าไปอยู่ห้องคิง…
...ตอนผมร้องไห้บอกแม่ว่าครูให้กินบอระเพ็ดขม ๆ แม่กลับบอกว่าครูทำถูกแล้ว…
...ตอนทำใจว่าถ้าตั้งใจเรียนชีวิตคงดีขึ้น แต่มันก็จบด้วยการโดนให้ลาออก…
...ตอนอยากติดห้องเดียวกับบอม ก็ดันได้คนละห้อง…
...ผมพยายามอยู่ใกล้เขา แต่มันก็จบแบบนี้...

ตอนนี้บอมคงอยากกลับบ้าน แต่มันเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยผมก็ให้เขาได้อยู่คนเดียวละกัน
“เราไปนอนข้างล่างละกันนะบอม”
แต่บอมจับมือผมไว้ “พัตไม่ต้องไปหรอก นอนนี่กับเรานะ”

...ผมควรทำแบบนั้นจริงเหรอ...เขาแค่พูดตามมารยาทหรือเปล่า…

“นะพัตนะ นอนกับเรา”
“อืม” ผมนอนลงบนเตียงอีกครั้ง กดปิดไฟหัวเตียง
“ราตรีสวัสดิ์นะบอม” ผมเอ่ยในความมืดแล้วหลับตาลง

ผมฝืนหลอกตัวเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น แต่ผมก็ทำไม่ได้เลยนอนตะแคงหันหลังให้บอม ...ทุกอย่างพังหมดแล้ว...ตอนนี้ผมเป็นอะไรให้บอมไม่ได้เลยแม้แต่เพื่อน ...ก็ผมไม่เคยคิดกับเขาแบบเพื่อนมาตั้งแต่แรกแล้วนี่นา ถ้าเป็นเพื่อนจริงผมคงห้ามบอมไม่ให้นอกใจอั้มสิ...แต่นี่ผมกลับ…

แขนของบอมพาดเบา ๆ ลงบนตัวผม ...ไม่มีคำพูดใด ๆ ...ไม่ต้องอธิบายว่าสัมผัสนี้คืออะไร เพื่ออะไร...แต่แค่นี้ก็ทำให้ผมหยุดทุกความคิดและหลับตาลงได้

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Sorrowkung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
King Class Away: ep20
送君千里 终有一别


ผมลืมตาตื่น… 5:17 เช้าวันเสาร์
ผมลุกขึ้นนั่งเรียกสติพลางมองบอมที่ยังหลับอยู่ และแขนของเขายังพาดบนตัวผม ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกยังไง จะว่าเสียใจก็ไม่เชิง สุขก็ไม่ใช่อีก
"พัตอยู่กับบอมนะ"
"อืม เราจะอยู่กับบอม"

นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เราคุยกันดี ๆ ...หลังจากนั้นมีแต่ภาษากายล้วน ๆ

ขอบใจนะบอมที่ให้เรายังอยู่ข้างนาย ถ้าเมื่อคืนผมลงไปนอนข้างล่าง ผมคงตื่นมาด้วยความรู้สึกที่แย่กว่านี้มั้ง อย่างน้อยผมได้เห็นเขาเป็นคนสุดท้ายก่อนนอน เป็นคนแรกที่เจอตอนตื่น
“อ...อือ” บอมลืมตาตื่นช้า ๆ
“พัตตื่นเช้าจัง” บอมพูดทั้งที่ยังงัวเงีย ถึงจะนอนข้างกันทั้งคืนแต่ผมก็ยังไม่กล้าสู้หน้าเขาอยู่ดี
“ก็นายบอกว่าถ้าได้เราเป็นนาฬิกาปลุกทุกวันคงดีไง”
“พัตจำที่เราพิมพ์แชทนั้นได้ด้วยเหรอ?” บอมยิ้มบาง ๆ
“อืม”
“เสียดายจัง แชทมันหายไปได้ยังไงก็ไม่รู้” ...เออ ผมนี่โง่จริง เปิดประเด็นให้ตัวเองเจ็บเอง…
“เดี๋ยวเราไปเตรียมอาหารเช้าให้นะ” ผมลุกจากเตียงแต่บอมดึงผมเข้าไปกอด
“ยังไม่หิวอ่ะพัต”
“บ...บอม”
ไม่มีเสียงตอบอะไรจากเขา เขาแค่นอนกอดผม มีแต่เสียงหัวใจเขาเต้นที่ผมได้ยินผ่านแผ่นหลังของผม

“พัต เรายังเป็นเพื่อนกันไหม?”
“อืม” ผมโคตรรู้สึกผิดเลย ทั้งที่บอกตัวเองตลอดว่าเขามีอั้มเป็นแฟนแล้ว แต่สุดท้ายผมก็คุมตัวเองไม่ได้
ไม่มีการคุยอะไรต่อ สักพักบอมก็คลายวงแขน
“เราไปเตรียมอาหารก่อนนะ บอมนอนต่อก็ได้ ยังเช้าอยู่”
ผมรีบอาบน้ำแล้วเตรียมอาหารเช้า สักพักบอมก็เดินลงมา ผมยังเปียกยุ่งชี้โด่เด่เป็นธรรมชาติ
“เช็ดหัวให้แห้งดิ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
“ข้าวกล่องไมโครเวฟนี่นา นึกว่าแน่” บอมยิ้มกว้างพร้อมเช็ดหัวไปด้วย
“คิดว่าจะเจอเราทำอาหารเช้าแบบในหนังเหรอ ทอดไข่ยังไม่เป็นเลย”

ผมกดเปิดรายการถ่ายทอดสดแข่งบาส บอมถือข้าวกล่องมานั่งกินหน้าโทรทัศน์ ผมนั่งอยู่ห่าง ๆบอมหันมายิ้มและตบเบาะข้าง ๆ นัยว่ามานั่งด้วยกันดิ แต่ผมส่ายหัว
...ถ้าเมื่อคืนผมยืนกรานจะนั่งไกล ๆ เหมือนตอนเข้าแถวทุกเช้า
...เขาอยู่แถวห้อง 2 ส่วนผมอยู่แถวห้อง 4
...มิตรภาพเราคงไม่จบแบบนี้
ยังไงก็ขอบใจนะบอม ที่พยายามทำทุกอย่างเหมือนปกติ ผมหลับตาซึมซับบรรยากาศนี้ คนเราแสร้งทำได้ไม่นาน ผมรู้ดี อย่างน้อยขอเป็นความทรงจำดี ๆ หลังจบการแข่งขันบอมกลับขึ้นไปเอากระเป๋า เขาพร้อมจะกลับบ้านแล้ว
“ป่ะ เดี๋ยวเดินไปส่งที่สถานี”
“ส่งแค่ประตูบ้านก็พอ”
“เดินไปส่งปากซอยก็ได้”
“เดินส่งพันลี้ก็ต้องจากกันอยู่ดี”
ผมถึงกับขำก๊ากน้ำตาไหล “นี่นอกจากดูบาสแล้วเราต้องนั่งดูหนังจีนเป็นเพื่อนนายด้วยไหม?”
บอมหัวเราะตบไหล่ผม “พัตยิ้มออกซะทีนะ เจอกันวันจันทร์นะ”
“อื้ม”

บอมกลับไปแล้ว บ้านเงียบจัง ผมกลับไปที่ห้องนอน บอมจัดเตียงให้เรียบร้อยแล้ว ผมนอนลงข้างที่ที่เขาเคยนอนเมื่อคืน ห้องดูเล็กลงไปจากเมื่อคืนที่มีบอมอยู่ด้วย ฟังเขาเล่าเรื่องสมัยประถมตลอดเวลาที่เล่นเกมด้วยกัน มันเหมือนโลกของผมขยายขึ้น แต่ตอนนี้...มันโหวง ๆ หน่วง ๆ ในใจ เจ็บเกินกว่าจะร้องไห้ระบายได้ ...ถ้าผมคุมตัวเองได้ ผมคงไม่ทำผิดแบบกู่ไม่กลับอย่างนี้...


วันอาทิตย์

ผมไปรอเอสกับตี้ที่ร้านสเต็คในตึกติว ถึงจะเสียใจเรื่องบอมแต่ผมก็มีอีกภารกิจคือช่วยตี้ให้เรียนเก่งขึ้นเพื่อหนีห้องควีน
“หวัดดีพัต”
“หวัดดีเอส ตี้ มาพร้อมกันเลยเหรอ?”
“อือ บ้านอยู่ใกล้กันน่ะ” เอสนั่งลงตามตำแหน่งที่ผมบอกไว้ล่วงหน้า ตี้เหลือที่นั่งเดียวคือด้านซ้ายของผม
“เราบอกนายแล้วว่าไม่ต้องรีบมาก็ได้” ตี้บ่น
“ก็เรากลัวรถติดนี่หว่า”
“รถไฟฟ้าเนี่ยนะ?”
“เออนะ มาเร็วก็ดีกว่ามาช้า”
“ตี้เคยอ่านสรุปฟิสิกส์เล่มนี้ไหมอ่ะ?”
“ไม่เคยแฮะ ทำไมเหรอ?”
“เล่มนี้สรุปเข้าใจง่าย มีเทคนิคทำโจทย์ยาก ๆ แบบละเอียดเยอะเลย เค้ามีภาพประกอบเข้าใจง่ายดีนะ”
(พิสูจน์แล้วว่าใช้เล่มนี้สอบเนื้อหาม.4 จบตั้งแต่ม.3 ที่ห้องคิงโรงเรียนเก่า)

ผมเปิดอธิบายทริคต่าง ๆ ในหนังสือที่แปะกระดาษไว้เรียบร้อยหมดแล้ว
“เออดีแฮะ งั้นเดี๋ยวเราไปหามาบ้างดีกว่า” แผนแนะนำคู่มือเป็นไปได้ด้วยดี
“แล้วของวิชาภาษาอังกฤษมีอันไหนแนะนำไหมพัต เราไม่ค่อยรู้เรื่องเลย” เอสถาม
“เราว่าเล่มนี้ดีอ่ะ เขามีกฎไวยากรณ์ที่มักออกสอบสรุปแยกให้ด้วย แล้วก็อีกเล่มอันนี้สำหรับทำข้อสอบ TOEIC พาร์ต reading เป็นแนวทางทำข้อสอบไว ๆ เพราะพาร์ตนี้กินเวลาที่สุด”

“แล้วของวิชาสังคมล่ะ?” ตี้ถามบ้าง
“ข้อสอบสังคมเปลี่ยนไปเหตุการณ์บ้านเมืองนะ ปีที่แล้วเน้นเรื่องกฎหมายควบคุมมลพิษ แต่ปีนี้น่าจะเน้นเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย เราว่าเรียนออนไลน์คลาสคนนี้ตามข่าวสารทันสมัยดี”
“พัต ทำไมนายพูดเหมือนนายเคยเรียนม.4 มาแล้ววะ?”
“ร...เราดูข้อสอบเก่าในเน็ตน่ะ”
แผนให้คนอื่นถามนำเพื่อให้ตี้กล้าเผยวิชาที่ตัวเองอ่อนออกมา ได้ผลแต่ก็เกือบพลาด

“ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วโมง หาอะไรกินกันก่อนดีไหม?”
“เราเพิ่งทานข้าวเที่ยงไปเอง” ตี้บ่น
“นี่บ่ายสองแล้ว เดี๋ยวต้องเรียน 2 คลาสรวดถึงหนึ่งทุ่ม กินสเต็คไปก่อนเหอะ” เอสพูด
“ครับคุณแฟน สั่งจังเลย สั่งให้เราเลยไหมล่ะ?”
“ได้ เอาสเต็คปลาดอรี่จานนึงกับสเต็คปลาแซลม่อนจานนึงครับ เครื่องเคียงขอข้าวกล้องอบธัญพืชครับ” เอสสั่งให้ตามที่วางแผนไว้
“ผมเอาสเต็คปลาแซลม่อนด้วยครับ”

แผนทานอาหารให้ครบโภชนาการสำเร็จ! ในบรรดาร้านอาหารทั้งตึกนี้ สเต็คปลาเป็นตัวเลือกที่ได้สารอาหารครบโภชนาการที่สุดละ มีโปรตีนกับไขมันดีและได้วิตามินจากผักช่วยการพัฒนาสมอง

“บงการชีวิตทุกอย่างเลย พรุ่งนี้จะโทรปลุกด้วยไหมเนี่ย?” ตี้กระเซ้า
“กล้าป่ะล่ะ?” เอสท้า
“หกโมงครึ่งนะ”
“เดี๋ยวเจอเลย เดี๋ยวเจอ” แผนตื่นเช้าสำเร็จแบบงง ๆ ขอบใจมากเอสเพื่อนรัก

หลังจบวิชาเลขตอนสี่โมงเย็นก็นั่งร้านขนมปังนมสดระหว่างรอเรียนเคมี เลือกแบบไม่หวานกับขนมปังโฮลวีตก็ดีต่อสุขภาพ เรียนเยอะแบบนี้ใช้พลังสมองเยอะต้องเติมน้ำตาลด้วยคาร์บเชิงซ้อน
“ทำไมจู่ ๆ พวกนายแดรกกันโหดจังฟระ เราตัวสูงยังกินไม่เยอะขนาดนี้เลย”
“เออน่า กิน ๆ ไปเหอะ” เอสบอก
(ผมก็ซัดจนอิ่มถึงคอหอยเหมือนกัน นี่เป็นคอร์สอาหารบำรุงสมองสำหรับคนตัวสูงแบบนายเลยล่ะตี้)


จบติววิชาเคมี ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เอสกับตี้เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี airport link พญาไท
“ตี้ เราหิวอ่ะ” เอสบ่น
“แดรกไปขนาดนั้นแล้วยังหิวอีกเหรอ?”
“ก็เรียนเยอะ ใช้สมองเยอะ แล้วนี่ก็ถึงเวลามื้อเย็นแล้ว”
“เออ เราก็หิวนิด ๆ แฮะ แต่วันนี้ไม่ค่อยง่วงนอนเหมือนทุกที” ตี้พูด
“ที่นายง่วงนอนเพราะสารอาหารไม่พอไง ตัวโย่งเป็นเสาไฟฟ้าแบบนายต้องกินเยอะ ๆ เข้าใจไหม?”
“แล้วทำไมไม่บอกตอนอยู่ที่ตึกล่ะ ร้านอาหารเยอะแยะ”
“ก็เราเบื่อนี่หว่า กินที่ตึกสองมื้อแล้ว” เอสบ่น
“สรุปคือนายอยากหาอะไรกินกับเราสองต่อสองใช่มั้ยเอส?” ตี้ถาม
“ทำไมประโยคของนายมันแปลก ๆ วะ?”
“เออ ๆ เดี๋ยวไปถึงสถานีหัวหมากแล้วหาอะไรกินกันค่อยแยกย้ายกลับบ้าน”

พูดจบตี้ก็จับหัวเอสซบบนไหล่ตัวเอง
“เฮ้ย! ทำไร?”
“ก็นายเตี้ยกว่า ครั้งที่แล้วเราพิงนายโคตรเมื่อยคอเลย รอบนี้นายเอาหัวพิงเรา เราเอาหัวพิงนายอีกทีน่าจะได้ตำแหน่งกำลังดี”
“นี่คนนะว้อยไม่ใช่เบาะไฟฟ้า แล้วไหนว่าไม่ง่วง?”
“ไม่ง่วง แต่มันไม่มีอะไรทำ”
“งั้น...แปลเพลงที่กำลังเปิดนี้ให้ฟังทีดิ”
“หือ?”
“ก็ถือว่าฝึกภาษาอังกฤษไง เราได้ยินเพลงนี้ตอนเด็ก ๆ แต่แปลไม่ค่อยออก” เอสพูดทั้งที่หัวโดนตี้พิงทับ

She’s so vulnerable แปลว่าเธอช่างเปราะบาง”
Like china in my hands เหมือนเครื่องกระเบื้องบางใสในมือฉัน”

“china คือประเทศจีนไม่ใช่เหรอวะ?”
“มันเป็นคำทับศัพท์น่ะ สมัยโบราณประเทศจีนทำเครื่องกระเบื้องเนื้อบางได้ก่อน คนตะวันตกชอบก็เลยนำเข้าและเรียกทับศัพท์ว่า china”
“นายรู้ได้ไงวะเนี่ย?” เอสถาม
“ก็เราอยากเป็นนักข่าวเลยชอบอ่านเยอะ ๆ อยากมีความรู้รอบตัวเยอะ ๆ”

I could never hurt the one I love ฉันไม่อาจทำร้ายคนที่ฉันรักสุดหัวใจ”
She’s all I’ve got เพราะเธอคือทุกอย่างที่ฉันมี”

“ถ้าไม่นับความปากหมาแล้ว นายเนี่ยเหมาะกับห้องควีนจริง ๆ ด้วย”
“ตะกี้นายว่าอะไรนะเอส?”
“เอ่อ….ถ้าไม่นับความปากหมา”
“สาด หลอกด่าเหรอวะ? แล้วประโยคหลังอะไรควีน ๆ จริง ๆ นะ”
“เอ่อ...เราบอกว่านายแปลเก่งจริง ๆ”
“ขอบใจนะเอส” ตี้ยิ้มเขิน ๆ แล้วเงียบไปสักพักก่อนยกมือถือขึ้นมาเซลฟี่
“อย่าบอกนะว่านายจะลงรูปหัวพิงกันแบบนี้อีกแล้ว”
“แน่นอน ลงทุกจันทร์, พุธ, ศุกร์, อาทิตย์อ่ะ”
“เฮ้ย!”
“ไม่เคยเข้ามาดู IG เราเลยล่ะสิ?”
“ไม่เคยใช้เลยตะหาก! IG ต้องรูปสวย ๆ กว่าจะถ่ายแต่ละที เสียเวลาชีวิต”
“อันนั้นมันเทรนด์ที่คนส่วนใหญ่นิยม พวกเราไม่ต้องเหมือนเค้าก็ได้ เนี่ยเราเน้นลงวันเดิมเวลาเดิมทุกครั้ง มันเหมือนดูซีรีส์ไง ทำสักพักเดี๋ยวก็มีแฟนคลับ”
“อย่านับเราเข้าไปใน ‘พวกเรา’ ของนายนะว้อย เอามาดูเด๊ะ มีรูปอะไรบ้าง!”

รูปตอนผมอยู่คลาสติวเลข นี่มันตั้งแต่วันแรกที่เจอไอ้ตี้เลยนี่หว่า
รูปตอนเอื้อมหยิบขวดน้ำในห้องสหกรณ์ มีมันเป็น foreground
รูปผมกินข้าว มีมันอยู่ห่าง ๆ ที่โรงอาหาร
รูปตอนเรียนปิงปองด้วยกัน
รูปหัวพิงกันบนรถไฟฟ้าที่น้องคนนั้นเอามาให้ดู
รูปตอนผมดูเทปตัดต่อในห้องโสต และมีมันเป็น foreground เช่นเคย
รูปตอนกินพิซซ่า
รูปตอนมันกับผมซื้อนมกล่องช่วงพักตอนบ่าย
รูปตอนผมหลับในห้อง มีมือมันเติมเขา
รูปตอนเดินคู่กันหลังเลิกเรียน
“รูปนี้เด็ดสุดเลยนะ เราให้เพื่อนถ่ายให้ จะได้มีมุมกล้องหลายแบบไม่ใช่แค่เซลฟี่”
“ฟวย! IG นายมีแต่รูปคู่กับเราแบบนี้ ต่อให้บอกคนทั้งประเทศว่าเป็นเพื่อนกันเค้าก็ไม่เชื่อหรอก เอารูปเรามาลงไม่ขออนุญาตแบบนี้ได้ไง ลบเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“มีสปอนเซอร์เข้าแล้วนะ 5,000 เอาป่ะ?”
“สปอนเซอร์? รีวิวสินค้าอะไรงี้เหรอ?”
“อืม จะยังให้ลบรูปไหม?”
“ไม่ ว่าแต่สินค้าอะไร?”
“แคลเซียมเพิ่มความสูง”
“แมร่งเอ๊ย ชิ! คนละครึ่งนะว้อย”
“โอเค เราชอบนายจริง ๆ นะเอส หัวไวคุยง่ายดี แล้วจะกินอะไรล่ะ? เบอร์เกอร์ ไก่ทอด พิซซ่า?" ตี้ถาม
"มีแต่จั๊งค์ฟู้ด กินแซนวิช Subway ดีกว่า มีเนื้อ มีผัก ขนมปังโฮลวีต"
"จู่ ๆ ก็รักสุขภาพขึ้นมานะนายเนี่ย"
"จะได้เรียนเก่ง ๆ ไง" เอสตอบ
"เกี่ยวเหรอวะ? มีอะไรก็แดรก ๆ ให้อิ่มไปเหอะ สนใจอะไรยุ่งยาก"
"ก็เรานี่ไงสนใจ ใกล้สอบกลางภาคแล้ว ต้องบำรุงทุกทางอ่ะ"

ตี้เถียงไม่ออกเลยเงียบไป สักพักหัวเอสก็เคลื่อนหล่นจากไหล่ตี้ "เตี้ย นั่งดี ๆ ดิวะ”
ไม่มีเสียงกัดกลับจากอีกฝ่าย “เอส...นี่หลับแล้วเหรอ?"

ตี้จับเอสพิงดี ๆ "เอสเอ๊ยยยยย"

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด