ตอนที่19 “สมยอม”
*YAYU
ตื๊ด ตื๊ด !
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้องซึ่งผมกำลังนั่งทำรายงานเตรียมพร้อมพรีเซนต์อาจารย์ในวันพรุ่งนี้อยู่จริงๆมันก็เสร็จหมดแล้วแหละครับผมแค่นั่งทบทวนเพื่อฆ่าเวลารอคนตัวเล็กกลับมาก็เท่านั้นเองเห็นโทรมาบอกว่าจะออกไปสังสรรค์ปลอบใจเพื่อน
[“ว่าไงมึงโทรมาซะดึกเชียว” ผมกดรับสายเพื่อนสนิทอย่างงงๆ
[“มึงออกมารับเมียมึงกลับบ้านด่วนเลยเมากันหมดแล้ว”
[“ห๊ะ...ไหนว่าไปนั่งคุยเฉยๆไง”
[“นั่งเฉยๆอะไรละ...พี่ที่ร้านโทรมาตามกูเนี่ยฟาร์มก็เมาเหมือนกัน”
[“เออๆเดี๋ยวกูรีบไป” พอกดวางสายผมก็รีบไปที่ร้านทันทีทำไมชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะเมื่อผมถึงร้านก็พบว่าทั้งสามคนเมากันมากจริงๆซึ่งเขื่อนก็กำลังแบกแฟนมันไปขึ้นรถอย่างทุลักทุเลส่วนแฟนผมก็นอนฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะอย่างกับเป็นบ้านของตัวเอง
“มึงแล้วจัดเลี้ยงอ่ะเอาไว้ไหน”
“เดี๋ยวเอาไปไว้คอนโดกูก็ได้แต่มึงไปช่วยกูแบกด้วย”
“เออได้”
หลังจากที่ผมกับเขื่อนจัดการแบกฟาร์มกับจัดเลี้ยงเรียบร้อยผมก็มุ่งตรงกลับคอนโดทันที
“ทำไมเมาขนาดนี้นะ” ผมยืนมองร่างเล็กกว่าอยู่ข้างเตียงใบหน้าขาวๆของน้องตอนนี้กลายเป็นสีแดงละเรื่อดูไปดูมาก็น่ารักดีนะครับแต่กลิ่นนี่ไม่ไหวจริงๆสงสัยคงจะอ้วกไปหมดไส้หมดพุงแล้วมั้งครับเนี่ยไม่รู้ไปกินอะไรกันมา
ผมค่อยๆถอดเสื้อของเอแคลร์ออกเพื่อที่จะทำการเช็ดตัวตอนนี้มือของผมที่มีผ้าผืนเล็กสีขาวค่อยๆลูบไร้ไปทั่วลำตัวของน้องนึกถึงตอนนั้นเลยนะครับที่น้องถูสบู่ให้ผมตอนที่ไปออกค่ายตอนนั้นผมรู้สึกเกร็งมากและก็แอบเขินอยู่เล็กๆตั้งแต่โตมาก็ไม่เคยมีใครมาถูสบู่ให้ผมแบบนั้นเลยนึกแล้วก็เขินผมใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะไม่มองร่างขาวๆของน้องไม่อย่างนั้นผมคงอดใจไม่ไว้แน่ๆ
“อื่ม” ดูเหมือนว่าน้องจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วแหละครับผมถึงหยิบเสื้อตัวใหม่มาใส่ให้และอุ้มคนตัวเล็กไปนอนที่ฝั่งของตัวเองให้สบายตัว
“ขอน้ำหน่อย” เอแคลร์บ่นเสียงพึมพำในลำคอจนผมต้องกลมเข้าไปฟังใกล้ๆ
“อะไรนะครับ”
“รักพี่วานะครับ” เอแคลน์ไม่พูดเปล่าแต่กลับใช้แขนทั้งสองข้างขึ้นมาโอบขอของผมทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับมันอันตราย
“พี่ก็รักเอแคลร์ครับ” ผมก้มลงไปหอมคนที่นอนหลับตาอยู่เบาๆและพยายามแกะแขนของน้องออก ‘ไม่ได้ผมจะทำอะไรน้องตอนเมาไม่ได้เด็ดขาด’ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งผมแกะเอแคลร์ก็ยิ่งขัดขืนจนกระทั่งน้องพลิกตัวผมให้นอนหงายและเอแคลร์ก็พลิกขึ้นมาอยู่บนตัวของผม ‘เอาแรงมาจากไหนเนี่ย’ วินาทีนั้นผมตกใจมากเพราะไม่ทันได้คิด
“จะหนีผมไปไหนอีกครับ...อยู่กับผมนะๆๆๆ” โอ้ย~ ผมจะไม่ไหวแล้วนะครับทำไมเมาแล้วน่ารักขนาดนี้เนี่ย
“จะปล่ำพี่หรอครับ” คนตัวเล็กที่นอนทับผมอยู่ด้านบนลืมตาขึ้น
“ปล่ำหรอ...ไม่ปล่ำได้ไหมครับ...สมยอมเลยได้ไหม” ผมแทบจะหลุดขำกับคำพูดของน้องเอายังไงดีละครับผมจะสมยอมดีมั้ยเนี่ย
แต่ผมก็ยังไม่ทันได้พูดอะไรคนตัวเล็กก็ก้มลงมาประกบปากกับผมซะอย่างงั้นถ้าจะยั่วกันขนาดนี้ผมปล่อยไปก็เสียเชิงชายแย่เลยนะครับผมถึงพลิกตัวเองขึ้นมาอยู่ด้านบนในขณะที่ปากของเรายังคงจูบกันอยู่ ‘หวานจัง’ ปากของน้องยังคงหวานสำหรับผมเสมอจะให้จูบนานเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อผมใช้ปลายลิ้นตวัดเข้าไปในโพรงปากเล็กอย่างเมามันและดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“อื่ม” เสียงครางของคนด้านล่างหลุดออกมาผมจึงผละออกจากปากหวานและเลื่อนลงมาหยอกล้อกับลำคอขาวเนียนแทน
“อื่ม~” ดูเหมือนคนตัวเล็กจะพอใจกับการกระทำของผมเมื่อคนตัวเล็กให้ความร่วมมือผมจึงถอดเสื้อและกางเกงของน้องออกรวมถึงของผมด้วยผมเลื่อนไปหน้าลงมาจากซอกคอตอนนี้มาหยุดอยู่ที่ยอดอกทั้งสองข้างเม็ดสีชมพูอ่อนนี้ทำให้ผมแทบคลั่งไปชั่วขณะผมใช้เวลาหยอกล้อกับมันอยู่นานพอสมควรจึงเลื่อนต่ำลงมาอีกดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะตอบสนองกับการกระทำของผมไม่ใช่น้อยเพราะร่างของน้องขยับไปมาตามจังหวะของผมผมสุกไซร้อยู่บริเวณแก่นกายของน้องซึ่งตอนนี้มันพองตัวเต็มที่แล้วผมจึงใช้มือรูดขึ้นลงเป็นจังหวะ
“โอ้ยพี่วาผม...ผม” ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะเกร็งมากเวลาที่จังหวะการรูดมือขึ้นลงของผมเร็วขึ้น
“จะเสร็จละ...แล้วครับจะ” เอแคลร์หลับตาพูดขึ้นอย่างไม่เป็นภาษาผมจึงเร่งจังหวะให้ไวขึ้นอีกเพื่อให้คนตัวเล็กถึงที่หมายและสบายตัวมากขึ้นและทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้นมีน้ำใสๆไหลออกมาบริเวณมือของผมทีนี้คงถึงตาผมบ้างแล้วแหละครับผมจึงจับน้องให้นอนตะแคลงและงอเข่าไปด้านหน้าจากนั้นก็ใช้นิ้วแย่เข้าไปบริเวณด้านหลังของน้อง
“โอ๊ยเจ็บ...พี่ทำอะไรอะผมเจ็บ”
“ทนหน่อยนะครับ” นิ้วนางของผมค่อยๆขยับเข้าออกจนกระทั้งรู้สึกว่าเจ้าคนตัวเล็กจะเริ่มชินกับนิ้วของผมแล้วผมจึงเพิ่มนิ้วเข้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งคิดว่าน้องคงพร้อมสำหรับเจ้ามังกรของผมผมจึงแทรกแก่นกายของผมเข้าไปในร่างของน้องทันทีที่เอานิ้วออก
“โอ้ยเจ็บ...เจ็บครับ” แน่นครับแน่นจนผมขยับแทบไม่ได้แต่ผมก็ไม่คิดที่จะเอาออกแน่นอนผมจึงปล่อยแบบนี้นิ่งๆสักพักจนกระทั้งผมเริ่มขยับเจ้ามังกรของผมได้และคนตัวเล็กก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“พี่วาเบาๆหน่อยครับผมเจ็บ”
“ขอโทษครับพี่จะทำเบาๆนะครับ” ผมค่อยๆขยับเข้าออกอย่างระมัดระวังที่สุดเพื่อไม่ให้น้องเจ็บมากเพราะนี่คือครั้งแรกของเอแคลร์
“พี่วาครับแรงไปแล้วครับ” เบาไม่ได้แล้วครับที่รักพี่มาไกลแล้วจนมันไกลจะถึงที่หมายแล้วครับจังหวะนี้ผมคงต้องใส่อย่างเดียว
“อื่ม” เกิดเสียงครางขึ้นจากทั้งสองฝ่ายซึ่งตอนนี้แก่นกายของผมยังคงเร่งจังหวะการกระแทกให้ไวขึ้นและไวขึ้นจนกระทั้งผมปลอดปล่อยทุกสิ่งอย่างออกมาและเอแคลร์เองก็เช่นกัน
ผมรู้สึกดีมากเลยครับและผมว่าคืนนี้ก็ยังคงอีกยาวไกลสำหรับบทรักของเราสองคนน้องจะปล่ำผมเองนะครับผมไม่ได้ทำอะไรเลย
*Eclair
แสงแดดอ่อน ที่สั่งผ่านม่านบางเข้ามากระทบกับเปลือกตาของผมที่ปิดสนิทอยู่ให้เปิดออกทำไมเช้านี้ผมรู้สึกเพลียจังนะไม่รู้สึกสดชื่นเหมือนทุกเช้าเมื่อผมดันตัวเองให้ลุกขึ้นก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาที่บริเวณศีรษะคงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนแน่ๆที่ทำให้ผมปวดหัวแบบนี้แต่ทำไมผมรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวแบบนี้นะนี่ผมไปทำอะไรมาเนี่ยนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“ตื่นแล้วหรอครับที่รัก” ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงพี่วายุอยู่ในชุดลำลองเดินเข้ามาหาผมที่เตียง
“.............”
“มีไข้หรือเปล่า” คนหน้าเข้มยื่นหลังมือหนามาทาบบนหน้าผากของผม
“ปวดหัวครับแล้วก็เมื่อยตัวด้วย”
“ขอโทษนะครับ”
“ขอโทษทำไมครับ” พี่วายุขอโทษผมทำไมนะผมแค่ป่วยเอง
“เมื่อคืนพี่คงรุนแรงไปหน่อย” ห๊ะ! รุนแรงหรออย่าบอกนะว่าเมื่อคืนผมกับพี่วายุเอ่อ...เมื่อคืนเรื่องนั้นผมไม่ได้ฝันหรอกหรอครับเนี่ย
“เมื่อคืนผมกับพี่”
“ใช่ครับแต่พี่สัญญานะว่าครั้งต่อไปจะทำเบาๆ” ยังจะมีครั้งต่อไปอีกหรอแค่นี้ผมก็แย่แล้วนะ
“เมื่อคืนพี่ปล่ำผมหรอ”
“พี่เปล่านะ...เราต่างหากที่ปล่ำพี่”
“ห๊ะ...ผมเนี่ยนะ” พี่วายุพยักหน้า
“เดี๋ยวพี่ไปซื้อยาให้นะครับอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม...ที่ห้องมีแต่ยาพารา”
“มะ...ไม่ต้องไปหรอกครับ...ผม...มียาอยู่ในกระเป๋า” พอพูดจบพี่วายุก็มุงตรงไปที่กระเป๋าเป้ของผมทันที เอ้ย! เดี๋ยวนะมันไม่ได้มีแค่ยานี่หว่า
“พี่วาครับผมคงจำผิดไม่มียาหรอกครับ” ดูเหมือนว่าผมจะนึกช้าไปเพราะพี่วายุหยิบถุงกระดาษที่ใส่ยาออกมาโชว์ให้ผมดู
“นี่ไงครับ” พูดจบพี่วายุก็หยิบของออกมาจากถุงกระดาษใบนั้นใบหน้าเข้มดูเหมือนจะแปลกใจกับของในถุงนั้นเล็กน้อยส่วนผมได้แต่เอามือปิดหน้าไว้เพราะความอับอาย
“โหมีครบเลยนะครับ...นี่เตรียมพร้อมมาปล่ำพีโดยเฉพาะเลยหรอเมื่อคืนก็ไม่บอกว่ามีไอ้นี่กับไอ้นี่ไม่งั้นแคลร์คงเจ็บน้อยกว่านี้” พี่วายุชูกล่องเล็กๆและขวดเจลขึ้นมา ‘ชูมาทำไมล่ะครับคนยิ่งอายอยู่’
“ผมเปล่านะครับผมแค่กลัวพี่ปล่ำผมต่างหากไอ้ฟาร์มบอกว่าของพวกนี้มันช่วยได้ผมเลยซื้อมาติดไว้เฉยๆ” โอ้ยยิ่งพูดยิ่งอาย
“โอเคๆ...งั้นกินข้าวแล้วก็กินยานะครับจะได้หายไวๆเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้” ผมไม่ได้พูดอะไรได้แต่พยักหน้าตอบจะพูดอะไรล่ะครับแค่นี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
ผมนอนพักอยู่ที่ห้องหนึ่งวันเต็มๆส่วนพี่วายุก็ไม่ยอมไปเรียนแต่กลับให้เลขาเอางานมาให้ทำที่ห้องบอกว่าเป็นห่วงผมจริงๆผมก็เริ่มดีขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วนะครับแต่ตัวยังร้อนนิดหน่อยเท่านั้นเอง
“ไม่นอนพักอีกวันหรอครับ” พี่วายุทักขึ้นเมื่อเห็นผมใส่ชุดนักศึกษาเดินออกมาจากห้องนอน
“หายแล้วครับ”
“จริงหรอไหนมาเช็คหน่อย” คนหน้าเข้มเดินเข้ามาแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากของผม
“นี่วิธีตรวจไข้หรอครับ”
“ป่าวแค่อยากหอมแฟน” ด้วยความเขินผมจึงฟาดมือไปที่ตัวพี่วายุอย่างแรง
“โอ้ย...เจ็บนะทำไมชอบรุนแรง”
“ไอ้พี่บ้า”
“เขินหรอ”
“หิวแล้วผมจะกินข้าว
“โอเคๆ”
-หนึ่งสัปดาห์ต่อมา-
ตึงดึง! ตึงดึง! ในขณะที่ผมกำลังทำขนมในครัวก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าห้อง
“พี่วาครับใครมาไปดูให้หน่อยผมมือเปื้อน”
เงียบ
“พี่วาครับ”
เงียบ
ไปไหนของเขานะหรือว่าเข้าห้องน้ำผมจึงต้องถอดถุงมือออกและล้างมือจนสะอาดจากนั้นจึงเดินไปเปิดประตู
“มีของมาส่งครับ” ผู้ชายตัวสูงร่างใหญ่ยืนกล่องๆนึงมาให้ผมเมื่อผมดูชื่อผู้รับก็เห็นว่าเป็นชื่อของผมผมว่าผมไม่ได้สั่งอะไรมานะทำไมเป็นชื่อของผมล่ะส่วนผู้ส่งก็ไม่มีชื่อใครส่งมากันนะ
ผมจึงเซ็นรับไว้คงเดาได้ไม่ยากเพราะมีไม่กี่คนที่รู้ว่าผมย้ายมาอยู่ห้องนี้แล้วเมื่อรับของเสร็จผมจึงรีบแกะกล่องนั้นทันทีกล่องที่ผมได้เป็นกล่องขนาดกลางตามรูปแบบของกล่องพัสดุทั่วไปเมื่อผมแกะออกก็พบว่ามีกล่องเล็กๆอีกกล่องอยู่ด้านในและเมื่อเปิดกล่องเล็กๆสีดำนี้ก็พบว่ามันคือสร้อยและเป็นสร้อยทองคำขาวมาพร้อมกับจี้รูปกังหันฝั่งเพชรผมรู้ได้ยังไงน่ะหรอว่ามันคือทองและเพชรจริงๆเพราะมันมีใบรับประกันจากทางร้านอยู่ในนี้ด้วย
“ชอบไหมครับ” เสียงคุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปหา
“พี่วาสั่งมาหรอครับ”
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับที่รัก” พี่ว่าหยิบสร้อยและสวมให้ผมจากทางด้านหลัง
“ขอบคุณนะครับ...แต่มันไม่แพงไปหรอครับ”
“สำหรับเอแคร์ไม่มีคำว่าแพงสำหรับพี่เพราะเอแคร์คือสิ่งที่มีค่าที่สุดของพี่” ผมรู้สึกมีความสุขมากเลยครับไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีใครทำอะไรแบบนี้ให้ผมจึงหันหน้าไปกอดพี่วายุและสุกหน้าของตัวเองที่อกของคนตัวสูงกว่าอยู่ๆน้ำตาของผมก็ไหลขึ้นมาซะงั้น
“ร้องทำไมครับเนี่ย”
“ก็มันซึ้งอ่ะ” ผมยังคงกอดคนตัวสูงแน่น
“โอ๋ๆไม่ร้องน๊าาา”
“ผมรักพี่วานะครับ”
“พี่ก็รักแคลร์เหมือนกันครับ” เมื่อผมจัดการกับอารมณ์ซึ้งของตัวเองได้แล้วผมก็กลับไปจัดการทำเอแคลร์ต่อ
“นี่จะทำขนมไปไหนเยอะแยะครับ”
“เอาไปเลี้ยงเด็กๆที่มูลนิธินี่ครับที่ผมบอกเมื่อคืนไง”
“ขอโทษครับพี่คงเผลอหลับไปตอนเอแคลร์พูด” เห้อ~ แบบนี้ตลอดชอบหลับก่อนตลอด
“กินไหมครับ” ผมยื่นจานขนมเอแคลร์ที่ทำไว้ส่งให้พี่วายุ
“ไม่อยากกินเอแคลร์อันนี้แต่...อยากกินเอแคลร์คนนี้มากกว่า”
“พี่วา...ไม่ต้องเลยมาช่วยผมแพ็คขนมดีกว่ามา” ผมต้องหาอะไรให้พี่เขาทำครับไม่งั้นก็คงจะมากวนผมอยู่อย่างนี้จะพานให้ขนมของผมไม่เสร็จกันพอดี
วันนี้เป็นวันเกิดของผมและเป็นปีที่ผมมีความสุขมากเพราะปีนี้ผมมีพี่วายุอยู่ด้วย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่วายุเป็นแฟนที่ดีสำหรับผมมาโดยตลอดไม่คิดเลยนะครับว่าผมจะได้มีคนดีๆแบบนี้เข้ามาในชีวิตอย่างที่เขาบอกกันว่าฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอเมื่อก่อนผมเป็นทุกข์มากกับการที่ต้องรักข้างเดียวแทบจะมองไม่เห็นวี่แววความสมหวังเลยแม้แต่น้อยตอนนี้ผมได้พบกับความรักที่ผมใฝ่ฝันและรอคอยผมบอกกับตัวเองเสมอว่าผมจะต้องรักษามันไว้ให้นานที่สุด
“สร้อยสวยนะ...วายุให้หรอ” พี่เค้กทักขึ้นในระหว่างที่เรากำลังแจกขนมน้องๆที่มูลนิธิ
“ครับ”
“แหม...งั้นคงไม่อยากได้ของขวัญจากพี่แล้วมั้ง”
“ไม่เกี่ยวกันสักหน่อยไหนเอามาเลยของขวัญหน่ะ”
“อยู่ในรถเพิ่งไปเอามาเมื่อเช้า” ปีนี้พี่ผมซื้ออะไรให้ผมนะ ปกติไม่ซื้อนาฬิกาก็เสื้อผ้า
เมื่อเราสามคนแจกขนมเสร็จเราก็มานั่งพักกันที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่เพราะว่าผมมีโปรแกรมจะไปถวายสังฆทานแล้วก็ปล่อยปลาที่วัดอีกวันนี้เป็นวันเกิดผมจึงอยากทำบุญเผื่อผลบุญจะส่งผลให้ผมมีความสุขแบบนี้ตลอดไปนานๆ
“อะของขวัญ” พี่เค้กยื่นกล่องสี่เหลี่ยมแบนๆกล่องใหญ่มากส่งมาให้ผมถ้าให้ผมเดาจากรูปทรงภายนอกคิดว่าไม่นาฬิกาแบบแขวนก็กรอบรูปแหละครับทรงใหญ่ขนาดนี้
“พี่รีบหรอให้ที่บ้านก็ได้”
“วันนี้น่าจะกลับดึกเดี๋ยวจะไปเฝ้าร้านต่อพนักงานลาไปสองคนไม่มีคนอยู่ร้าน”
“โอเคครับขอบคุณนะครับผมแกะเลยดีกว่า” พูดจบผมก็แกะกล่องออกทันทีผมเดาไว้ไม่มีผิดมันคือกรอบรูปครับเมื่อผมแกะกระดาษสีน้ำตาลที่ห่อไว้ออกจนหมดก็พบว่ามันคือรูปของผมกับพี่วายุที่ถ่ายคู่กันที่สวนสาธารณะในตอนนั้นตอนที่พี่วายุเอารูปนี้ไปโพสต์ในโซเชียลเป็นครั้งแรก
“ชอบอ่ะดิยิ้มใหญ่เลย”
“ขอบคุณนะครับ”
“เออ..งั้นพี่กลับก่อนนะ...อ๋อแม่โทรหาหรือยัง”
“โทรมาแล้วโอนตังค์ให้แล้วด้วย” แม่ผมโทรมาตั้งแต่เช้าแล้วแหละครับแถมโอนตังมาอีกตั้งหมื่นนึงบอกว่าอยากได้อะไรก็ซื้อเอาโถแม่ผมน่ารักจริงๆเลยครับ
หลังจากที่พี่เค้กแยกตัวไปผมกับพี่วายุก็ไปทำตามโปรแกรมที่วางไว้และจบโปรแกรมโดยการมาดูหนังที่ห้างตั้งแต่ผมกับพี่วายุเป็นแฟนกันก็มีวันนี้นี่แหละครับที่เราได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน
“อ้าววามาดูหนังเหมือนกันหรอ” ผมที่กำลังก้มหน้าหาของในกระเป๋าอยู่ถึงกับต้องเลยหน้ามองว่าเสียงหวานๆที่ทักขึ้นเมื่อกี้คือใครเมื่มองก็พบผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาสวยดวงตาคู่โตจมูกโด่งใบหน้าเรียวยาวเธอมากับผู้ชายอีกคนที่ดูหล่อคิวเข้มผิวขาวคล้ายกับพี่วายุแต่ผมว่าแฟนผมหล่อกว่านะ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยสบายดีไหม” พี่วายุพูดคุยกับผู้หญิงคนนั้นอย่างสนิทสนมแต่ทำไมสายตาของพี่วายุถึงมองแฟนของผู้หญิงคนนี้แบบนั้นนะ
“ก็ดีนะนี่มากับน้องหรอหน้าตาน่ารักเชียว” เธอพูดกับพี่วาแล้วก็หันมามองหน้าผมผมจึงยิ้มแหงๆให้ส่งกลับไป
“นี่เอแคลร์แฟนเราเอง...เอแคลร์นี้ตาลหวานเพื่อนพี่”
“สวัสดีครับ” ดูเธอจะทำหน้าเวอร์เล็กน้อย
“แฟนหรอ...คนนี้นะหรอ” อ้าวเจ๊ทำไมคนนี้แล้วยังไง
“เราไปก่อนนะ” พี่วายุตัดบทโดยการพาผมเดินออกมาผมเป็นแฟนพี่วายุมันผิดตรงไหนทำไมต้องมองแบบนั้นด้วยเดี๋ยวนะทำไมหน้าคุ้นจัง อ๋อผมนึกออกแล้วเธอคือผู้หญิงในรูปที่พี่วายุเก็บไว้ในกล่องเก็บของเก่าที่อยู่บนหลังตู้นี่นาผมจำได้ตอนนั้นผมบังเอิญทำมันตกและผมก็เห็นรูปผู้หญิงคนนี้อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนเก่าผมไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องแฟนเก่าของพี่เขาหรอกนะครับเพราะทุกคนต่างก็ต้องเคยมีอดีตผมเองก็เช่นกันแต่สายตาพี่วายุที่มองผู้ชายคนนั้นต่างหากที่ทำให้ผมคิดมากแต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง
“พี่วาครับผมรักพี่วานะครับ” ผมเอ่ยขึ้นในขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย
“พี่ก็รักเอแครลร์ครับ” พี่วายุจูบที่หน้าผากของผม ซึ่งหลังจากที่เราดูหนังกันเสร็จเราก็ไปฉลองกันต่อที่ร้านประจำของแก๊งผมโดยมีเพื่อนๆและพี่ๆมาร่วมฉลองวันเกิดของผมด้วยตอนนี้ภายใต้ผ้านวมผืนหนามีร่างเปลือยเปล่าของเราทั้งคู่ซ่อนอยู่บ่งบอกว่าเมื่อคืนเราสองคนแสดงบทรักกันจนถึงเช้าเพราะยังไม่มีใครลุกขึ้นไปอาบน้ำเลยจนถึงตอนนี้โชคดีนะครับที่วันนี้ผมกับพี่วายุมีเรียนในช่วงบ่ายไม่อย่างนั้นคงจะต้องขาดเรียนแน่ๆ
“ไงมึงเมื่อคืนหนักหรอหน้าโทรมเชียว” ผมที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อนโต๊ะประจำของพวกเราเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงฟาร์มกับจัดเลี้ยงเดินมาพร้อมกับน้ำอัดลมและขนมเต็มไม้เต็มมือไปหมด
“นี่มึงซื้ออะไรมาเยอะแยะวะไม่กลัวน้ำหนักขึ้นกันแล้วหรอ”
“นี่มันขนมแคลอรี่ต่ำเว้ย...น้ำอัดลมนี่ก็สูตรไม่มีน้ำตาล” ฟาร์มว่า
“หรอวะ”
“แล้วนี่มึงเป็นอะไรเมื่อคืนทะเลาะกันหรอ”
“เปล่า”
“แล้วทำไมมานั่งหน้าเป็นตูดตรงนี้ล่ะ”
“มีเรื่องมากวนใจนิดหน่อยไม่มีอะไรหรอก”
“นี่กูเพื่อนมึงนะเล่ามากูอยากรู้” นี่มันเป็นห่วงผมจริงๆใช่ไหมครับเนี่ยฟังดูแปลกๆ
“มึงจำเรื่องรูปผู้หญิงที่กูเคยเล่าให้ฟังได้ป่ะที่กูไปเจอในห้องพี่วายุอ่ะ”
“เออจำได้ทำไมวะ”
“กูเจอคนในรูปเมื่อวานว่ะเขามากับแฟน”
“เขาก็มีแฟนใหม่แล้วมึงจะมาเครียดเพื่อ?”
“พี่วามองผู้ชายคนนั้นแปลกๆ”
“มึงจะบอกว่าพี่วาหึงแฟนเก่าว่างั้นเหอะ”
“ก็ไม่เชิงนะ...คิดว่าไม่น่าจะใช่แต่ก็อดคิดไม่ได้”
“ไม่มีอะไรหรอกมั้งมึงอ่ะคิดมาก”
“เออกูคงคิดมากจริงๆนั่นแหละ” ผมไม่ได้อยากเป็นคนคิดมากอะไรแบบนี้หรอกนะครับแต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงหยุดคิดไม่ได้สักที
“แคลร์...แคลร์...แฮกๆ...แคลร์ไปเร็ว...พี่วา...พี่วามีเรื่อง” ผู้ชายตัวเล็กใส่แว่นคนหนึ่งวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบด้วยท่าทีที่ร้อนรนนี่มันน้องรหัสพี่วายุนี่พี่วายุมีเรื่องอะไรนะ
“เรื่องอะไร”
“ไปดูเร็ว”
ผมไม่ถามอะไรต่อได้แต่ลุกขึ้นและรีบสาวเท้าไปยังคณะสถาปัตย์ทันทีฟาร์มกับจัดเลี้ยงก็ตามมาด้วยเช่นกันเมื่อถึงสถานที่เกิดเหตุผมก็พบกลุ่มนักศึกษาล้อมวงเต็มไปหมดเมื่อฝ่าวงล้อมเข้าไปก็พบว่าพี่วายุกำลังต่อยกับใครอีกคนอยู่ผมจึงเข้าไปห้ามคนทั้งคู่อะไรกันเนี่ยคนยืนเยอะแยะแต่กลับไม่มีใครห้ามแล้วพวกเพื่อนๆพี่เขาไปไหนกันหมดเนี่ย
“พี่วาครับหยุดครับ” พูดอย่างเดียวไม่พอผมจึงเข้าไปรั้งแขนนั้นด้วยพี่วาดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผม
“ฟาร์มจัดเลี้ยงช่วยที” ฟาร์มเดินเข้าไปพยุงผู้ชายคนนั้น ให้ลุกขึ้นส่วนผมกับจัดเลี้ยงพยุงพี่วายุเพื่อให้ทั้งคู่แยกจากกันดูเหมือนว่าทั้งสองคนก็เริ่มหมดแรงแล้วเช่นกันเลยไม่มีใครขัดขืน
“นี่มันอะไรกันเนี่ย” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นสายตาของผมจึงจดจ้องไปที่เสียงนั้นนั่นมันพี่ตาลหวานแฟนเก่าพี่วายุนี่อ๋อผมนึกออกแล้วผู้ชายที่ต่อยกับพี่วายุคือแฟนเก่าของพี่ตาลหวานนี่มันอะไรวันเนี่ยอย่าบอกนะว่าเรื่องที่ผมคิดมันจะเป็นเรื่องจริงพี่วายุหึงแฟนเก่าหรอทำไมเวลาคิดเรื่องนี้ผมต้องรู้สึกเจ็บด้วยนะนี่ผมจะต้องเจ็บอีกแล้วหรอไม่เป็นแบบนี้ได้ไหม ผมขอร้องแหละ
“ถามมันดูสิมาถึงก็ต่อยเอาต่อยเอา”
“นี่มันอะไรกันวามาต่อยแฟนเราทำไม”
“แน่ใจหรอว่ามันเป็นแฟนเธอคนเดียวอ่ะ”
“หมายความว่าไง”
“อย่าไปฟังมันตาลไอ้นี่มันบ้ามันคงอิจฉาพี่ตาลรักเรามากกว่า”
“หึ...อิจฉาหรอ...กูไม่ฉาแมงดาอย่างมึงหรอก”
“มึง” ผู้ชายคนนั้นทำท่าจะลุกมาต่อยพี่วายุแต่ฟาร์มรั้งไว้เสียก่อน
“กูว่าจับแยกเหอะ” ฟาร์มพูดขึ้น
ผมพยักหน้าและพาพี่วายุขึ้นรถเพื่อกลับคอนโดทันทีโดยที่ผมเป็นคนขับและพี่วายุก็นั่งมาข้างๆนี่เป็นครั้งแรกที่ผมขับรถในเมืองท่ามกลางรถเยอะๆแบบนี้ดีนะครับที่ระยะทางไปคอนโดไม่ได้ไกลมาก
“โอ้ยเบาๆสิพี่เจ็บ” คนหน้าเข้มร้องลั่นเมื่อผมใช้สำลีชุบน้ำเกลือจิ้มไปที่แผลตรงมุมปาก
“ตอนต่อยกันไม่เห็นบ่นว่าเจ็บ”
“เบาหน่อยนะครับ”
“ผมทายาให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว” ทั้งสงสารทั้งโมโหทั้งสับสนความคิดและความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันไปหมด
“โกรธพี่หรอ” ก็ยังจะกล้าถาม
“ครับมากด้วย”
“แต่พี่...”
“ถ้าพี่จะหึงแฟนเก่าขนาดนั้นแสดงว่าพี่ไม่รักผมแล้วใช่ไหมครับถ้าพี่ไม่รักผมแล้วเราจะเลิก” ผมกำลังจะพูดต่อพี่วายุก็ดึงผมเข้าไปกอดเวลานี้ทุกสิ่งที่ค้างอยู่ในใจผมก่อนหน้าได้ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดแล้วรวมถึงน้ำตาของผมบอกตามตรงว่าผมรู้สึกกลัวมากกลัวกว่าครั้งไหนๆผมกลัวว่าจะต้องเสียพี่เขาไป T.T
“พี่เคยบอกหรอครับว่าไม่รักแคลร์...อย่าพูดแบบนี้อีกนะครับพี่รักแคลร์มากนะแล้วพี่ก็ไม่ได้หึงใครด้วยถ้าพี่จะหึงจะห่วงก็มีแค่คนนี้คนเดียวเท่านั้นแหละครับรู้ไหม
“แล้วทำไม...พี่ต้องไปต่อย...คนนั้นด้วยล่ะ”
นั่นสิไม่หึงแล้วไปต่อยเขาทำไมผู้ชายคนนั้นไม่ได้มายุ่งอะไรกับผมสักหน่อย
“มันพูดไม่ถูกหูพี่นิดหน่อย...ไม่มีอะไรหรอก...อย่าโกรธพี่เลยนะครับพี่ไม่ได้คิดอะไรกับตาลหวานแล้วจริงๆ”
“จริงนะครับ” ดูเหมือนว่าพี่วายุจะไม่ได้โกหกนะครับ
“ครับ...มีแฟนน่ารักขนาดนี้จะไปรักคนอื่นได้ยังไงล่ะครับ”
ผมเชื่อครับว่าพี่เขารักผมจริงๆผมสัมผัสได้ถึงความจิงใจในคำพูดของพี่วายุทุกคำถ้าบอกว่าไม่มีอะไรผมก็จะเชื่อแบบนั้นถึงแม้ว่าผมจะยังไม่เข้าใจเรื่องก่อนหน้านี้ก็ตาม
*YAYU
“เสร็จหรือยังครับ”
“แป๊บนึงนะครับจะเสร็จแล้ว”
“เร็วๆหน่อยครับจะสายแล้ว”
“เสร็จแล้วครับๆ”
“มาครับพี่ช่วยถือ” ผมยื่นมือเข้าไปช่วยแฟนถือตะกร้าขนมสำหรับเอาไปฝากคุณแม่วันนี้ผมตั้งใจจะพาเอแคลร์ไปทำความรู้จักกับครอบครัวผมจริงๆผมว่ามันช้าไปด้วยซ้ำแต่ผมเพิ่งจะมีเวลานี่นาดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะตื่นเต้นไม่ใช่น้อยลุกขึ้นมาทำขนมตั้งแต่เช้าซึ่งผมเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันครับ
ผมเล่าเรื่องเอแคลร์ให้ที่บ้านฟังไว้บ้างแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสที่จะพาน้องไปโดยเฉพาะแม่ผมเมื่อรู้ว่าเอแคลร์คือเด็กคนนั้นที่เคยช่วยท่านไว้ท่านอยากเจอมากคาดว่าวันนี้ที่บ้านผมคงจะเตรียมการต้อนรับสมาชิกใหม่อย่างเอแคลร์ไว้แล้วแน่ๆ
“พี่วาพ่อกับแม่พี่ไม่ดุแน่นะ” คนตัวเล็กทำท่าทางตื่นเต้นในขณะที่นั่งอยู่บนรถ
“ไม่ครับ”
“แล้วพี่ชายพี่ล่ะ”
“ไม่ครับ”
“แล้ว...” ดูท่าทางจะตื่นเต้นจริงๆแหะ
“ไม่ต้องกลัวนะพี่ก็อยู่ด้วยทุกคนใจดีมาก”
“แน่นะครับ” ผมอดที่ยิ้มออกมาไม่ได้น่ารักจริงๆแฟนใครนะน่ารักแบบนี้จะให้ผมจะรักใครได้อีกล่ะครับนี่ผมยังอดคิดถึงเรื่องนั้นไม่ได้เลยนะครับคิดได้ยังไงว่าผมหึงแฟนเก่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับตาลหวานมานานมากแล้วแต่ที่ผมไปต่อยแฟนของตาลหวานก็เพราะ
-หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า-
“มึงวันก่อนไปเจอแฟนเก่าตาลหวานมาว่ะเรียนคณะเดียวกับเราเลยโลกแม่งโคตรกลม” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังซึ่งตอนนี้ผมนั่งอยู่ในโรงอาหารเพื่อรอเรียนคาบถัดไปส่วนเพื่อนๆของผมมีเรียนคนละวิชาจึงเลิกไม่พร้อมกัน
“ใครว่ะ”
“ก็ไอ้วายุประธานชมรมค่ายอาสาไง”
“โหทำไมเลิกกันว่ะกูว่าวายุโคตรดูดีแต่วายุมีแฟนแล้วไม่ใช่หรอ”
“เออวันนั้นกูก็เจอแฟนมันน่ารักดีว่ะ”
“แฟนมันเป็นผู้ชายไม่ใช่หรอ”
“ใช่กูว่าน่ารักดีดูซื่อด้วย...กูว่าถ้ากูหยอดก็คงจะติดไม่ยาก” ผมเริ่มกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินประโยคเมื่อสักครู่
“อ้าวแล้วตาลหวานล่ะ”
“ยัยนั่นโง่จะตายกูโกหกนิดหน่อยก็เชื่อกูละ...นี่กูเพิ่งบอกว่าจะเอาเงินไปลงทุนกับพวกมึงยังโอนเงินมาให้กูเป็นแสนเลย” ยิ่งฟังยิ่งโมโหผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะครับ
“กูสืบมาละน้องคนนั้นอยู่คณะบริหารกูว่าวันนี้จะไปส่องสักหน่อยมึงไปกับกูไหม”
“มาส่องกูก่อนไหมไอ้แมงดา” ผมหันไปพูดอย่างโมโหจะยุ่งกับใครก็ยุ่งไปแต่อย่ามายุ่งกับแฟนผมผมจึงปล่อยหมัดเข้าไปเต็มๆที่หน้าของมันดูเหมือนว่ามันจะงงไม่ใช่น้อย
“มึงต่อยกูทำไม”
“เสือกอยากมายุ่งกับแฟนกู” พูดแล้วก็โมโหผมจึงซัดเข้าไปอีกหนึ่งทีซึ่งเพื่อนมันที่นั่งอยู่ด้วยกันก็ดูตกใจแต่ไม่ได้เข้ามาช่วยจนกระทั่งเอแคลร์มาจากไหนก็ไม่รู้ผมจึงยอมหยุด