(รีไรท์) คืนใจ❤ ให้ได้รักนายอีกครั้ง EP.11.1 พี่ควรจะบอกเลิกผมได้แล้ยวพี่ณุก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รีไรท์) คืนใจ❤ ให้ได้รักนายอีกครั้ง EP.11.1 พี่ควรจะบอกเลิกผมได้แล้ยวพี่ณุก  (อ่าน 2603 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2021 11:11:32 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2021 09:37:27 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
   
        สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เคยลงแล้วตอนนี้คนแต่งนำมาแก้ไขปรับปรุงแก้ไขคำผิด  แต่คนแต่งก็ยังมือใหม่อยู่นะคะ เรื่องนี้นายเอกเป็นคนเหนือนะคะแค่คนแต่งไม่รู้ภาษาเหนือเลย ต้องขออภัยอย่างยิ่ง ฝากใด้วยนะคะ มีแนะนำได้เลยค่ะยินดีปรับปรุงค่ะ 

   หนุ่มหน้าหวานราวกับสตรีก็ไม่ปาน รูปร่างเล็กบอบบาง ผิวพรรณเรียบเนียนจนไร้ที่ติ เขาเป็นลูกชายคนเล็กที่ได้ทุกอย่างมาจากแม่ แม่ของเขาเป็นสาวเหนือ ด้วยความที่พ่อแม่ตั้งใจอยากจะมีลูกสาวแต่ได้เด็กผู้ชายน่ารักราวกับตุ๊กตามาแทน พวกเขาจึงตั้งชื่อให้เขาว่า ซอมพอ ที่แปลว่า นกยูง ปกติเขาจะตั้งให้เด็กผู้หญิงกันแต่นี้ก็เพราะเขาทั้งสองตั้งใจเอาไว้แล้วตั้งแต่ตอนแม่แว่นแก้วท้อง แม่บอกว่าแม่แพ้ท้องหนักมากจนถึงคลอด แน่นอนใครก็ถักว่าจะได้ลูกสาว

   และเนื่องจากที่บ้านนี้มีลูกชายแล้วเป็นลูกคนโต ชื่อว่าน่านฟ้า หรือน่าน ทำไมถึงได้ชื่อน่านฟ้า ตอนที่น่านเกิดพ่อของเขายังคงทำงานเป็นนักบินให้กับสายการบินแห่งหนึ่ง พ่อของเขาไม่ใช่คนเหนือ เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด และได้มาพบรักกับสาวเหนือนั้นเอง แถมอุปสรรคความรักของพ่อกับแม่ก็มีมากพอสมควร เนื่องจากตากับยายไม่เห็นด้วยในความรักของพ่อกับแม่แต่ก็ห้ามให้พ่อกับแม่เขารักกันไม่ได้  แม่แว่นแก้วรักพ่อของเขาทั้งคู่มาก แม่แว่นแก้วจึงตัดตัดสินใจออกไปทนลำบากกันตามลำพังโดยมีน่านฟ้าพ่วงไปด้วยอีกคน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ที่คุณตาคุณยายก็ยอมให้อภัยและยอมรับพ่อของเขา พร้อมกับให้แม่แว่นแก้วกลับไปอยู่ในไร่และดูแลกิจการทุกอย่างแทน พ่อพสินของเขาก็ต้องลาออกจากการเป็นนักบินเพื่อมาทำหน้าที่พ่อเลี้ยงของไร่ธาดาวรวงศ์

            ซอมพอเป็นคนตัวเล็ก ผิวขาวอมชมพูด ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตาเรียวสวยราวกับสตรีก็ไม่ป่าน มันก็ยิ่งทำให้พี่ชายรักและหวงแหนเขาราวกับไข่ในหิน รักและหวงมากจนไม่ยอมให้ใครมาเข้าใกล้หรือแจกขนมจีบกับซอมพอได้เลย แต่ทว่า เมื่อซอมพอเข้าเรียนชั้นมัธยมต้นปีที่สอง หนุ่มหล่อที่รุ่นราวคราวเดียวกับน่านฟ้า แต่อยู่คนห้องกันกับน่าน ได้ย้ายมาเรียนในช้นปีการศึกษาที่หกกะทันหัน และนั้นคือรักแรกของซอมพอ ผู้ชายคนนั้นก็คือพี่ณุก ความรักที่หวานชื่นแต่มันบาดตาบาดใจพี่ชายที่รักน้องชายเกินน้องแท้  ต้องเจ็บปวด ต้องทนเห็นน้องชายตัวเองไปไหนมาไหนกับณุก นั่งอิงแอบแนบชิดกัน แต่ทว่าความของณุกและซอมพอ ก็หวานชื่นได้แค่ปีเดี่ยว ณุกหายไปโดยไม่ล่ำลาซอมพอสักคำ ทั้งที่เขาได้บอกกับซอมพอว่าจะเรียนมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่นี้ และนี้ก็คืออีเหตุผลที่ซอมพอยังไม่มีแฟน ซอมพอยังไม่เรื่องติดข้างในใจกับพี่ณุก เพราะว่าเขายังไม่ได้บอกเลิกซอมพอเลยเสียด้วยซ้ำ แต่ว่าเขาหายไปไหน มันเป็ณคำถามที่ค้างคาใจซอมพอมาเป็นเวลา เก้าปี เก้าปีที่เขาไม่ติดต่อมา แต่ทว่าหัวใจซอมพอยังคงเฝ้ารอ เขาคนนั้นโดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ไหน บนโลกใหญ่ๆใบนี้

“ซอมพอ มีจดหมายมานะลูก” แม่แว่นแก้ว หญิงสาวที่มีผิวพรรณงดงามแม้จะอายุล่วงเลยไปจนเกือบหลักห้าแล้วก็ตามแม้ก็ยังดูสาวดูสวยอ่อนเยาว์กว่าวัย ใครก็บอกว่านี่คือกรรมพันธุ์ที่สืบทอดมาจนถึงซอมพอเช่นกัน ทำให้ซอมพอกลายเป็นผู้ชายที่ผิวสวย และเป็นที่สะดุดตาหนุ่มๆหลายคน ที่ชื่นชอบในเพศเดียวกัน แต่คนที่ชอบต่างเพศยังมองเลย

“ครับแม่” ซอมพอ เด็กหนุ่มลุกจากที่นอนหมอนอิงของเขา เดินออกไปหาผู้เป็นมารดา ซอมพอ พึ่งจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาได้ไม่นานและเพิ่งจะเข้ารับปริญญาไปไม่กี่วันที่ผ่านมาเช่นกัน เขาจบปริญญาตรีคณะมนุษยศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ แต่ว่าซอมพอชอบเรื่องการออกแบบเครืองประดับจึงขอพ่อและแม่ไปเรียนเพิ่มเติมมา เพราะว่าเขาก็เรียนตามที่พ่อแม่เขาต้องการแล้วดังนั้นจึงขอเรียนตามใจที่เขาต้องการด้วยเช่นกัน ทำให้เขาจบหลักสูตรออกแบบเครื่องประดับมาในระยะเวลาสั้นๆ แต่ด้วยใจรักและมีพรสวรรดิ์ด้านนี้ พี่ชายเขาเลยขอพ่อของเขาให้อนุญาตซอมพอไปเรียนมา และพี่น่าน ก็รับหน้าที่ดูแลกิจการทุกอย่างแทนน้องชาย ทั้งที่น่านฟ้าจบวิศวการบินมาแต่เขาก็เลือกที่จะทิ้งวิชาที่เรียนมาเพื่อมาดูแลรีสอร์ตและไร่ชา

“จะรีบวิ่งมาทำไมเรานี้.....เดินก็ได้” แม่แว่นแก้วเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว เมื่อนางเห็นลูกชายวิ่งมาหาตนยังกับเด็กๆ ทั้งที่อายุก็เข้าไปยี่สิบสองปีแล้ว ซอมพอเข้ามาสวมกอดผู้เป็นแม่ถามกลางสายตาผู้เป็นพ่อที่มองตาขมึง

“อย่ากอดนานนั้นเมียพ่อ” พ่อพสินพูดก่อนจะปรายตามามองลูกชาย ที่ดูอ่อนแอ่น น่ารักราวกับลูกสาวก็ไม่ปราณ

“แม้พ่ออ่ะ นี้ก็แม่ผม ผมจะกอดนานๆ เลย”

“หึๆ ให้มันจริงนะ แต่อีกไม่นานก็คงเป็นผู้หญิงอื่น สู่พ่อก็ไม่ได้มีหญิงเดียวโว้ย” พ่อของซอมพอพูด ซอมพอก็หยิบเอาจดหมายในมือของแม่มาเปิดอ่านทันที เป็นเหมือนจดหมายจากบริษัทมากกว่า นี้เขาจบมหาวิทยาลัยมาได้เกือบปีแล้ว แต่พ่อกับแม่เขาไม่อยากให้เขาไปทำงานที่อื่น อยากให้อยู่ช่วยพี่ชายเขาดูแลกิจการครอบครัวมากกว่า

“แม่...ทางบริษัทที่ผมสมัครงานไว้เขาตอบกลับมาว่าให้ผมไปเริ่มงานได้เลยแม่” ซอมพอหันบอกผู้เป็นแม่ด้วยอาการดีใจอย่างเป็นที่สุด

“อะไรนะ นี้แกไปสมัครงานตอนไหน ที่ไหนซอมพอ” พ่อวางหนังสือพิมพ์ลง พ่อมองหน้าซอมพอบุตรชายคนเล็ก และแม่ผู้ที่เข้าใจเขามากที่สุดก็หันมามองลูกชายคนเล็ก

“คือผมได้ทำเรซูเม่ สำหรับสมัครงานและยื่นออนไลน์ไว้กับทางมหาวิทยาลัยนะครับพ่อ” ซอมพอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ผู้เป็นแม่ยังคงมองใบหน้าลูกชายที่กล้าๆ กลัวๆ ที่จะบอกกับพ่อของเขาตรงๆ จริงๆเขาส่งไปทางอินเตอร์ที่เขาประกาศรับสมัครงาน

“สมัครไว้ที่ไหนละเรา” แม่แว่นแก้วเอ่ยถามลูกชาย

“หลายทีเลยแต่นี้ที่กรุงเทพครับแม่ แต่ก็ไม่ไกลมากนะแม่แค่ ...”

“กรุงเทพ ..ฉันไม่ให้ไป” พ่อของเขารีบปฏิเสธทันที

“พ่อ ...ผมเรียนจบด้านออกแบบเครื่องประดับมา ผมอยากทำในสิ่งที่ผมรัก น่ะพ่อ นะ นะ “ซอมพอหันไปทำหน้าอ้อดอ่อนผู้เป็นพ่อ พ่อของเขาได้แต่ส่ายหัวเขาไม่เห็นด้วย

“ไกลไปนะแม่ว่า” แม่แว่นแก้วอีกคน

“ก็ซอมพอสมัครหลายทีแล้วที่นี้นะแม่ ที่เชียงใหม่ และงานประเภทนี้มันก็ไม่ได้หาได้ง่ายนะครับแม่” ซอมพอยังคอเกลี้ยกล่อมผู้เป็นแม่ของเขา

“แล้วทำไมไม่ทำงานที่รีสอร์ตตัวเองละซอมพอ งานที่นี้ก็ตั้งเยอะแยะ ไอ้งานออกแบบเครื่องประดับนะให้เรียนเพราะชอบแต่ไม่ได้บอกให้ไปทำนิ และตอนนี้ไหนไอ้พี่ชายเราเขาจะทำไร่กาแฟขึ้นมาอีก ไร่ชางานก็ตั้งเยอะ ซอมพอ” พ่อของซอมพอพูด ซอมพอหันไปมองพ่อพสินก่อนจะหันมามองแม่แว่นแก้ว ใช่เขาจบปริญญาตรีเอกภาษาอังกฤษมาก็เพราะว่าพ่อกับแม่ขอให้เขาเรียนแต่งานออกแบบเครื่องประดับนี้เขาขอไปเรียนเสริมมา เพราะใจเขารักงานด้านนี้และนี้อยากจะออกไปหาประสบการณ์บ้าง ซอมพอนั้นไม่เคยไปไหนไกลบ้านโดยไม่มีพ่อแม่หรือพี่ชายของเขาเลย มันทำให้เขาไม่เคยได้เรียนรู้โลกกว้างด้วยตัวเองสักที

“พ่อผมอยากออกไปเรียนรู้โลกกว้างบ้าง ให้ผมออกไปหาประสบการณ์ก่อนได้ไหมอ่ะพ่อ ถ้ามันไม่ดีผมจะกลับมา...อยู่ที่นี้ “ซอมพอพูดทำหน้างอนผู้เป็นพ่อ ทำเอาแม่แว่นแก้วหันไปส่งสายตาแอบดุพ่อของเขาเพราะว่ากลัวลูกชายคนเล็กที่อ่อนไหวง่ายจะเสียใจ

“ถ้าอยากออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกได้แต่ควรจะหาที่นี้ ไม่ใช่ ไปทำงานไกลบ้านขนาดนั้นพ่อไม่อนุญาต” พ่อของซอมพอยังคงยืนยันคำเดิม

“แม่!!” ซอมพอหันมาอ้อนแม่ของเขาแทน

“อะไรกันนะซอมพอ นายอายุจะยี่สิบสามแล้วนะ นายยังออดอ้อนแม่เป็นเด็กๆ อีก” เสียงพี่ชายของเขาดังเข้ามาพอดี พี่คงพึ่งจะเดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ พี่น่านต้องเดินทางติดต่อเรื่องงานทุกเดือน เดือนละครั้งเป็นอย่างต่ำที่กรุงเทพ

“พี่น่าน ซอมพอได้งาน” ซอมพอหันไปบอกพี่ชาย พี่เขาพยักหน้าแต่แอบหันไปมองหน้าพ่อที่ส่ายหน้าเหมือนทั้งคู่กำลังพยายามส่งซิกอะไรบางอย่าง

“แล้วยังไง” พี่น่านถามซอมพอไม่ได้มีสีหน้าตื่นเต้นมองน้องชายยิ้มๆ ทำเอาซอมพอทำแก้มป่องแอบงอนพี่ชายขึ้นมาทันที

“ผมอยากไปทำแต่”

“พ่อไม่ให้นายไป” พี่น่านรู้ทัน หันไปมองผู้เป็นพ่อที่พยักหน้า

“งานที่ไหนละ” พี่น่านถามซอมพอ

“ที่กรุงเทพ” ซอมพอตอบเสียงเบาๆ

“ไกลไป พี่ก็ไม่เห็นด้วย” น่านฟ้าพูดขึ้นทำเอาซอมพอหน้างอไปกว่าเดิมอีก เสียใจที่ไม่มีใครเข้าข้างเขาบ้างเลย ทำให้ซอมพอคิดถึงแม่ย่า แม่ย่าเสียไปเมื่อปีที่แล้ว แม่ย่ารักเขามากตามใจเขาตลอด

“ถ้าแม่อุ้ยอยู่แม่อุ้ยจะเข้าข้างซอมพอและฟังซอมพอบ้าง” ซอมพอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ซอมพอรักคุณยายของเขามากแต่ท่านเพิ่งจะเสียไปก่อนที่ซอมพอจะรับปริญญาไม่กี่เดือน

“ซอมพอ อยู่ช่วยงานพี่ก็ดีแล้วนิ นายจะไปเป็นลูกจ้างเขาทำไม เพราะนายอาจจะโดนใช้ทำนั้นทำนี้ อยู่ที่นี้สบายจะตาย และนายก็เป็นนายคนไม่ได้ไปเป็นลูกจ้างเขาด้วยน่ะซอมพอ” พี่น่านพูดปลอบน้องชาย

“ทำไม ผมแค่จะไปหาประสบการณ์ ผมอยากไปเรียนรู้การใช้ชีวิตในโลกภายนอกบ้างที่ไม่ใช่แค่...ในนี้ “ซอมพอพูดด้วยน้ำเสียงที่เสียใจมาก เขาเสียใจที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะโตพอที่จะออกไปประเชิญกับโลกใบใหญ่ใบนี้

               สาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นพ่อและพี่ชายของเขานั้นห่วงเขามาก็มาจากที่ซอมพอนั้นเคยมีแฟน ตั้งเรียนมัธยมต้น ตั้งแต่ ม.2 แฟนของซอมพอนั้นเป็นผู้ชาย เป็นหนุ่มหล่อ หน้าหล่อเหลาเป็นดาราได้เลย พี่เขาย้ายมาจากกรุงเทพ มาเข้ามาเรียนมัธยมปลายปีเดียวกับน่านฟ้าแต่อยู่คนล่ะห้องกันเพราะน่านฟ้าเป็นคนเรียนเก่งกิจกรรมเด่น เขาเลยได้อยู่ห้องคิงมาตลอด และนี้ทำให้ใครต่อใครรู้ว่า ซอมพอนั้นเป็นเกย์ ชอบผู้ชายด้วยกัน แต่บางคนที่ยังไม่ทันสมัยก็มองว่าเขานั้นเป็นตุ๊ด เป็นแต๋ว แต่ความรักก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อคนที่ซอมพอรักมากได้ทิ้งเขาไป ทั้งที่เขาบอกกับซอมพอว่าเขาจะเรียนมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่หลังจากเรียนจบมัธยมปลายที่นี้แต่จู่ๆ เขาก็มาหายไปโดยไม่ล่ำลาซอมพอสักครับ แต่ก่อนที่เขาจะขาดการติดต่อ ซอมพอกับพี่ณุก มีเรื่องทะเลาะกันนิดหน่อย ก็ความที่ซอมพอเป็นคนเอาแต่ใจ และทุกครั้งพี่ณุกจะตามใจเขาแต่ว่าไม่ใช่สำหรับครั้ง นั้นคือครั้งแรกที่พี่ณุก กล้าขัดใจเขาและเดินออกไป และเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย

                  จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบเดือน คนที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ เอาแต่ร้องไห้ก็คือซอมพอ และเมื่อซอมพอรอให้เขามาง้อไม่ไหว ซอมพอเลยตัดสินใจให้เพื่อนขับรถมอเตอร์ไซด์ไปที่บ้านของพี่ณุก แต่เขาก็พบว่าบ้านถูกล๊อกและประกาศขาย ทำเอาซอมพอหน้าซีด น้ำตาไหลรินตลอดทางที่เพื่อนรักเขาขับพามาส่งที่บ้าน ผีซ้ำด้ำพลอย เขามาเจอผู้หญิงที่แต่งตัวดี เหมือนกับว่าเขาจะเห็นครั้งหนึ่งที่บ้านของพี่ณุก ซอมพอรีบเดินเข้าไปในบ้านและได้สัมพัดถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดของพ่อแม่เขาและคนที่ยืนกอดอกอยู่ พอผู้หญิงคนนั้นหันมาเจอซอมพอเข้า

“อ้อ อยู่นี้นี่เอง นี้ ฉันจะมาบอกว่า ให้เลิกตามจอแจลูกชายฉันได้แล้ว เขาไม่ได้รักผิดประเภทแบบเรา “ผู้หญิงคนนั้นหันมาพูด

“พี่ณุกอยู่ไหนครับ” ซอมพอถามด้วยเสียงสั่นเครือ

“ซอมพอ มาหาแม่” แม่แว่นแก้วเรียกซอมพอเข้าไป ซอมพอได้แต่ยืนมองผู้หญิงที่แต่งตัวดีคนนั้นที่ยืนมองเขาด้วยสายตาที่ดูเหยียดๆคู่นั้น

“คุณพูดจบแล้วก็เชิญกลับไปได้แล้ว และลูกชายผมก็จะไม่ไปเหยียบบ้านคุณอีก คุณนิดา และบอกลูกชายคุณด้วยว่า ไม่ต้องมาเหยียบที่นี้เช่นกัน ไม่ต้องมายุ่งกับลูกชายผมอีกด้วย ขาดกันไปเลย!” พ่อพสินพูดด้วยน้ำเสียงเกลี่ยวกลาด อย่างที่ซอมพอไม่เคยเห็นมาก่อน

“ดี ห้ามลูกตัวเองด้วยนะ นี้ผู้ชายนะ ถ้าเป็นผู้หญิงละ”

“หยุด! คุณออกไปได้แล้วคุณนิดา ก่อนที่ผมจะเหลืออดและโทรเรียกตำรวจมาแทน” พ่อพสินพูด ทำเอาคุณนิดา หันมามองด้วยหางตาก่อนจะก้มลงหยิบกระเป๋าราคาแพงขึ้นมาถือไว้

“ฉันไปแน่ไม่ได้อยากอยู่ที่...นี้หรอกนะ บ้านนอก” คุณนิดาพูดและหันมาแสยะยิ้มให้ครอบครัวผม แม่แว่นแก้วที่กอดซอมพอไว้ ซอมพอได้แต่ร้องไห้จนตัวโยน

“ขึ้นบ้านเถอะลูก” แม่แว่นแก้วพูด ซอมพอหันไปมองพ่อ พ่อได้แต่ยกมือห้ามซอมพอก่อนจะหันหลังเดินกลับขึ้นไปที่ห้องทำงาน สายตาคนงานที่มองก็พากันมองด้วยความเห็นใจแต่ก็อาจจะไม่ทุกคนและนั้นก็เริ่มมีคนนินทามากขึ้น ซอมพอเก็บตัวไม่ออกไปไหน ไม่อยากไปเรียนจนกระทั่งครูประจำชั้นต้องมาพบพ่อแม่เขา เพื่อนๆ ก็พากันมาหาเขาทุกวันเพื่อให้เขากลับไปเรียนกลับไปใช้ชีวิตปกติ

                    แต่หลังจากนั้นซอมพอต้องพบเจอสิ่งที่บั่นทอนชีวิตของเขา ด้วยคำพูดที่ใครต่อใครพูด ว่ารักชายกับชายมันไม่จีรังหรอก เปลี่ยนคู่บ่อย รักแล้วก็เลิก ผู้ชายเจอผู้หญิงอื่นก็ทิ้งไปเพราะว่าโลกนี้เขาสร้างไว้ให้ผู้ชายคู่ผู้หญิงไม่มีใครโง่หรอกที่จะมารักเขาจริง  แต่เหตุผลที่พี่ณุกทิ้งเขาไปนั้นคืออะไร ซอมพอยังอยากหาเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้เขาจึงรอจนกว่าพี่ณุกจะเป็นผู้มาไขมันเอง  และเหตุการณ์วันนั้นพ่อของเขายื่นคำขาดว่าห้ามมีแฟนเป็นผู้ชายอีก ทั้งที่เขาก็พยายามจะคบผู้หญิงแต่ก็เรียกว่าฝืนจนทนไม่ได้และเขาก็พูดกับพ่อแม่ของเขาตรงๆ ว่าเขาไม่อาจจะรักผู้หญิงได้ พ่อเขาจึงบอกว่าถ้ารักไม่ได้ก็ไม่ต้องแต่งไม่เอาแล้วนะผู้ชายนะ ถ้าไม่มีก็อยู่แบบนี้กับพ่อกับแม่ เพราะพวกเขาไม่อยากเห็นซอมพอเสียใจอีกนั้นเองแต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างน่ั้น เมื่อป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ของซอมพอที่ดูแลไร่ชาอีกแห่งหนึ่งและรีสอร์ต เขารับไม่ได้จึงต้องการให้ซอมพอแต่งงานกับผู้หญิงที่ป้าเขาต้องการ  เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ดองกันมานานตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย และในเมื่อซอมพอพูดแล้วว่าเขารักผุ้หญิงไม่ได้ สุดท้ายคนที่ต้องทำหน้าที่แต่งแทนก็คือน่านฟ้าพี่ชายของเขา ผู้เสียสละให้น้องชาย แต่เหตุผลหลักๆของเขานั้นคือ เพื่อหนีความจริงในใจเขา เขารักน้องชายเกินกว่าน้องแท้ๆของเขา

              ก๊อก ก๊อก ก๊อก  เสียงเคาะประตูห้องนอนของซอมพอ นี้เขาไม่ได้ลงไปทานอาหารเย็น อยู่แต่ในห้อง เสียใจที่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะสามารถไปใช้ชีวิตตามลำพังได้ ทุกคนยังมองว่าเขาเป็นเด็กน้อยทั้งที่เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว

“ไม่ได้ล๊อก” ซอมพอเปล่งเสียงออกไป และคนที่เปิดประตูเข้ามาก็คือพี่ชายของเขานั้นเอง พี่น่านฟ้า น่านฟ้ามองน้องชายที่นั่งอยู่บนเตียงนอนของเขา

“ซอมพอ” พี่น่านฟ้าเปิดประตูเข้ามายืนมองซอมพอ ซอมพอเขาแค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าเขาเสียใจที่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะเข้มแข็งพอ

“ซอมพอ เรื่องที่เราอยากไปทำงานนะ” พี่น่านเอ่ยขึ้น

“พี่น่าน ซอมพออยากออกไปหาประสบการณ์จริงๆ นะ “ซอมพอหันมาพูดกับพี่ชายของเขาด้วยสีหน้าจริงจัง

“ผมจบมหาวิทยาลัยแล้วนะพี่น่าน ผมไม่ใช่เด็กอนุบาลทำไมไม่มีใครเชื่อผมบ้างเลยว่า” ซอมพอพูดด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ

“แล้วเมื่อไหร่ผมจะรู้ว่าผมควรจะรับมือกับโลกใบนี้ยังไง” ซอมพอพูด ทำเอาผู้เป็นพี่ชาย พ่นลมหายใจออกมา

“ทำไมนายต้องเลือกไปกรุงเทพ” พี่น่านฟ้าถามซอมพอ เหมือนเขากำลังคิดว่าซอมพอจะไปหาไป ณุกนั้นหรือเปล่า นี้จะเก้าปีแล้วนะที่ณุกมันหายไป น่านฟ้ารู้แค่ว่าเขากลับกรุงเทพฯ ไปกับแม่ของเขา แม่ของเขาไม่ชอบซอมพอ น่านฟ้ารู้แค่นั้นแต่นี่มันก็ทำให้เขาดีใจจนเนื้อเต้น เพราะจะได้ไม่มีใครมาแย้งความรักน้องชายของเขาไปและที่สำคัญเขากับซอมพอก็กลับมาเป็นพี่น้องที่สนิทกันเหมือนเดิม หลังจากที่ไม่ได้คุยกันมาหลายเดือน สาเหตุก็เพราะว่า น่านต่อยพี่ณุกจนคิ้วแตก และนั้นก็ทำให้ซอมพอโกรธเขามากจนไม่ยอมพูดกับเขาเป็นเวลาเกือบสองเดือน

“ก็บริษัทนี้เขาติดต่อผมมาและผมคิดว่าน่าสนใจมาก ไม่ได้ไกลสักหน่อย นั่งเครื่องชั่วโมงกว่าๆ เอง” ซอมพอพูด ก่อนจะทำแก้มป่อง

“นายไม่เคยไปกรุงเทพนานไม่รู้หรอกว่า มันต่างจากบ้านเรามากแค่ไหนและ ...มันไม่ได้น่าอยู่นะ” พี่น่านฟ้าพูดกับน้องชายของเขา

“ก็ให้ผมได้ลองก่อนซิ ถ้าไม่ดี ผมก็กลับมาช่วยพี่ดูแลกิจการเหมือนเดิม นะพี่น่าน “ซอมพอพูดอ้อนพี่ของเขาอีกครั้ง

“และพี่ก็ต้องไปกรุงเทพฯ ทุกเดือน นะพี่น่าน “

“ก็ได้ จะให้นายลองแค่สามเดือน ถ้าไม่ดีกลับนะ เพราะยังไง บริษัทก็คงให้นายทดลองงานสามเดือนเหมือนกัน ว่าแต่บริษัทอยู่ตรงไหนล่ะ” พี่น่านฟ้าพูดทำเอาหนุ่มน้อยหน้าหวานยิ้มหวานให้พี่ชายของเขากลับทันที

“บริษัทอยู่ตรงสีลม แต่อย่าถามนะสีลมอยู่ตรงไหน ฮาๆ” ซอมพอพูดยังมากวนพี่ชายตัวเองอีก น่านฟ้าส่ายหัวกับน้องชายของเขา ก็แบบนี้ไงเขาถึงไม่อยากให้น้องชายเขาไป ยิ่งตัวเล็กบอบบาง รูปร่างสวยราวกับสตรีแบบนี้

“การใช้ชีวิตในกรุงเทพน่ะไม่ง่ายเลยนะซอมพอ” พี่น่านฟ้าพูดกับซอมพอ

“ซอมพอรู้ครับ แต่ซอมพอคิดว่าซอมพอเรียนรู้มันได้ น่ะ น่ะ พี่น่าน” ซอมพอออดอ้อนพี่ชาย เขาคิดพี่ชายกำลังใจอ่อนแล้วแหละแพ้ลูกอ้อนของน้องชายเสมอ

“เราแน่ใจนะว่าต้องการไปทำงานไม่ได้ไปตามหา” น่านฟ้าพูด

“ตามหาอะไร” ซอมพอทำหน้างงกับสิ่งที่น่านฟ้าพูด

“ก็พี่คิดว่าเราจะไปตามหา......ไอ้...” พี่น่านฟ้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าเขานั้นยังอาฆาตณุกหนุ่มที่ทิ้งเขาไปอยู่ แม้จะหลายปีแล้วก็ตาม

“พี่น่าน หมายถึง พี่ณุกเหรอ”

“ใช่” น่านฟ้าตอบน้องชายของ

“พี่น่าน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ณุก อยู่ตรงไหน ส่วนไหนของกรุงเทพ ถึงรู้ก็ไปไม่ถูกหรอกและ” ซอมพอพูด จนมาหยุดนิ่ง

“เพื่อนของซอมพอนะเคยเจอพี่ณุกเพราะว่าเขาไปเรียนที่ต่างประเทศ เพื่อนของซอมพอเห็นพี่ณุกเขา...เดินอยู่กับผู้หญิงในสนามบิน และเขาน่าจะเป็นแฟนกัน” ซอมพอพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทำเอาผู้เป็นพี่ถึงกับนิ่งตามเช่นกัน ทำให้เขารู้สึกผิดที่ไม่น่าขุดมันขึ้นมาอีก

“ดีแล้ว และนายก็จะได้เลิกคิดว่าเขาจะกลับมา นี้แสดงว่ามันแค่หลอกน้องพี่ “พี่น่านฟ้าพูด

“หมับ “น่านฟ้านั่งลงที่เตียงนอน ซอมพอและรวบร่างบางๆ ของน้องเขาเข้าไปกอดไว้ สัมผัสได้ว่าเขาทั้งรักและห่วงน้องชายคนเล็กเขามากแค่ไหน

“พ่อแม่และพี่ไม่อยากเห็นเราเสียใจอีก พ่อแม่ทนไม่ได้นะรู้ไหมซอมพอ” พี่น่านฟ้าพูด เด็กหนุ่มพยักหน้ายิ้มตาหยีให้พี่ชายของเขา

“ก็ได้พี่จะพูดกับพ่ออีกครั้งและเราต้องพักที่คอนโดของพี่ อยู่ไม่ไกลจากสีลม นั่งรถแทกซี่ก็ประมาณ สิบห้านาทีได้ หรือจะนั่งรถมอเตอไซด์ไปต่อบีทีเอสก็ได้นะ ห้ามไปอยู่ที่อื่น “พี่น่านฟ้ายื่นข้อเสนอให้น้องชายของเขา ซอมพอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“พี่ละเบื่อนายชอบทำหน้าตาอ้อนพี่ยังกับลูกแมว” พี่น่านฟ้าพูด พร้อมกับเอามือลูบหัวน้องชายเบาๆ อย่างเอ็นดู นี้เขาก็ทำราวกับว่าน้องของเขาไม่ใช้ผู้ชายเหมือนกันนะ เพราะเขาทั้งรักและถนอมซอมพอมากกว่าไข่ในหินซะอีก จนกระทั่งไอ้ณุกเข้ามานั่นแหละ หน้าที่พี่ชายเริ่มหายไป มีแต่ความรำคาญจากน้องชาย  ก็พอซอมพอมีแฟน ซอมพอก็อยากจะอยู่ตามลำพังกับพี่ณุกแต่น่านฟ้าก็ไม่ไว้ใจพี่ณุกและไม่พอใจที่พี่ณุกเข้ามาแย่งความรักความสนใจไปจากเขาอีก หลังจากที่ณุกหลุดหายไปจากชีวิตซอมพอ หน้าที่พี่ชายหวงน้องก็เริ่มกลับมา ไปไหนก็จะมี่แค่พี่ชายน้องชายอยากที่เขาต้องการ ตลอดจนซอมพอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ และเมื่อจบมา พี่ชายก็ยังตามติดน้องชายของเขาอยู่ดี

“เอาละ เดี๋ยวเตรียมตัวลงไปทานอาหารด้วยล่ะและพี่จะลงไปคุยกับพ่อให้นะ” น่านฟ้าพูด ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องนอนซอมพอไป จริงๆ พ่อของเขาก็เคารพการตัดสินใจของเขาเพราะว่าน่านฟ้าบรรลุนิติภาวะแล้วและเขาก็ทำหน้าที่พี่ชายได้ดีตลอดมา

ซอมพอเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน บ้านของเขาเป็นเรือนไทย ปลูกด้วยไม้สักทองทั้งหลัง มรดกตกทอดมาจากรุ่งคุณปู่ของเขา แม้จะมีการซ่อมแซมไปตามกาลเวลาก็ตาม ซอมพอเห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่พร้อมกับพี่ชายของเขา ทุกคนคงสนทนากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ซอมพอ มานี่ซิลูก” แม่แว่นแก้วเรียกซอมพอไว้ ซอมพอเดินมาหาแม่ของเขาพร้อมกับมองบิดาของเขาเช่นกัน

“พ่อคุยกับพี่เราแล้วนะ จะให้เราไปทำงานที่กรุงเทพได้แต่นายต้องพักที่คอนโดของพี่น่านเขา” พี่น่านฟ้าพูดกับผมต่อหน้าพ่อและแม่ ผมก็พยักหน้ารับ เพราะอย่างน้อยผมก็ได้ออกไปเผชิญโลกที่ไม่ใช่แค่ในรีสอร์ตหรือในเชียงใหม่

“เอาละ นายก็แพ็คกระเป๋านะ เอาไปแค่พอใช้ก่อน พี่ต้องไปทุกอาทิตย์จะขนตามไปให้บ้าง” พี่น่านฟ้าพูดกับซอมพอ แค่นี้ก็ทำให้ซอมพอส่งยิ้มตาหยีมาให้และ โผเข้าไปกอดแม่และพ่อ

“ที่อย่างนี้ละยิ้มออกมาเชียวนะ “พ่อของซอมพอแอบแซวลูกชายคนเล็ก

“ซอมพอจะวีดิโอคอลหาแม่แว่นแก้วทุกวัน” ซอมพอออดอ้อนผู้เป็นแม่ ในสายตาแม่แว่นแก้วยังคงมองซอมพอว่าเป็นเด็กเสมอและนี้ต้องไปอยู่ไกลหูไกลตาอีก ก็คงอดที่จะกังวลไม่ได้

“พี่จะพาเราไปกับพี่ก่อนหนึ่งวันเพื่อแนะนำการเดินทางอะไรอีกหลายอย่าง” พี่น่านฟ้าพูด

“น่านฟ้า วันนี้เราบอกน้องคำแก้วไปทานอาหารไม่ใช่รึ” แม่แว่นแก้วพูด พี่น่านหันไปมองแม่แว่นแก้วและพยักหน้า ผมรู้สึกว่าพี่น่านเหมือนอึดอัดยังไงบอกไม่ถูก แต่พี่น่านก็ทำตามที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย นั่นคือทางพ่อแม่ผมและแม่ของพี่คำแก้ว คุณตาของผมและคุณปู่ของพี่คำแก้วเป็นเพื่อนกัน ทำธุรกิจรีสอร์ตมาด้วยกันแต่คนละที่ แต่ก็พึ่งพาอาศัยกันมาตลอดจนเมื่อทั้งคู่จึงตกลงกันว่า ถ้ามีหลานถ้าเป้นชายหญิงให้หมั้นหมายกันและคนที่ทำหน้าที่ตามที่คุณตาผมตกลงกันไว้ก็คือพี่น่านฟ้า  แต่ผมแปลกใจว่าทำไมพี่น่านไม่เคยมีแฟนเลยนะและไม่เคยจีบใครจนพ่อแม่ผมเลยถึงเวลาที่ควรจะให้พี่คำแก้วและพี่น่านได้พยายามรู้จักกันมากขึ้น ผมดูก็รู้ว่าพี่คำแก้วนะชอบพี่น่านฟ้า พี่คำแก้วเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยและไม่เคยขัดคำสั่งพ่อแม่เลยสักครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นแม่ไม่จัดสำหรับกับข้าวรอเรานะ และรีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว อย่าให้คำแก้วรอนาน” แม่แว่นแก้วหันไปบอกลูกชายคนโต พี่น่านฟ้าขึ้นไปเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัว ส่วนซอมพอก็เข้าครัวช่วยแม่ จัดโต๊ะอาหาร ถึงแม้ว่าที่บ้านจะมีคนทำงาน แต่เรื่องงานครัวแม่แว่นแก้วจัดการเองหมดและยิ่งซอมพออยู่ด้วยนี้ ซอมพอจะเป็นคนช่วยแม่จัดโต๊ะตลอด มันทำให้แม่แว่นแก้วเหลือบไปมองลูกชายและอดคิดไม่ได้หากเขาไปอยู่ไกลๆ แม่แว่นแก้วคงคิดถึงลูกชายคนเล็กมากมาย

“แม่ ทำไมทำสีหน้าแบบนั้นละครับ” ซอมพอถามแม่แว่นแก้ว

“ก็แม่อดคิดไม่ได้นิเพราะว่าเราจะไปอยู่กรุงเทพซะแล้ว ใครจะช่วยแม่จัดโต๊ะอาหารละทีนี้” แม่แว่นแก้วพูด

“อันที่จริงแม่ให้พี่ๆ เขาทำแทนก็ได้นะ แม่แว่นแก้วจะได้พัก “ซอมพอพูด

“ไม่ได้หรอก หน้าที่นี้คือหน้าที่ศรีภรรยาเขาทำกัน “แม่แว่นแก้วพูดพร้อมกับใช้นิ้วเสยผมที่ปกใบหน้าผากเขาอย่างเอ็นดู ซอมพอยิ้ม เพราะแบบนี้ไงพ่อถึงรักแม่แว่นแก้วมาก เขาเองก็อยากเป็นแม่ศรีเรือนให้ได้ครึ้งหนึ่งของแม่แว่นแก้วก็ยังดี ถึงแม่ว่าเขาจะเป็นผู้ชายก็ตาม ซอมพอนั้นเคยฝันไว้ว่าเขาจะดูแลพี่ณุกแบบนี้แบบที่แม่ผมปฏิบัติต่อพ่อผม แม่แว่นแก้วคือศรีภรรยาและเป็นแม่ที่ดีที่สุด
 TBC.....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2021 10:49:20 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ผมเดินทางมาถึงกรุงเทพวันเสาร์พร้อมกับพี่น่านฟ้า พี่น่านฟ้าก็อธิบายการเดินทางไปยังที่ทำงานและการใช้ชีวิตที่ต้องเดินทางไปไหนยังไง แต่จะว่าไปสะดวกสบายกว่าบ้านผมอีก ที่ต้องนั่งรถเป็นสิบๆ กิโลเพื่อเข้าตัวเมืองเพื่อที่จะไปซื้อเสื้อผ้าตามห้างใหญ่ๆ แต่นั่งรถไฟฟ้าแค่ไม่กี่สถานี เดินออกไปไหนก็เจอร้านสะดวกซื้อที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่มีปิด มีของให้กินตลอดเวลา ยิ่งไปที่ทำงานผมนะมีแต่ร้านกาแฟ แต่พวกคาเฟ่แถวรีอร์ทผมก็มีแต่ไม่มาก เขาเน้นบรรยากาศและรสชาติกาแฟแต่นี่ส่วนใหญ่เน้นเข้ามานั่งทานกาแฟและเล่นอินเทอร์เน็ตกัน

“ฮัลโหล พี่น่าน” ผมกดรับสายพี่น่านหลังจากที่ผมก้าวลงจากบีทีเอสเพื่อจะเดินไปต่อรถมอเตอร์ไซด์ไปยังบริษัทที่ผมจะเข้าไปทำงานวันแรก

“อยู่ไหนแล้วเรา” พี่น่านถามผม

“กำลังจะนั่งวินไปที่ทำงานครับ” ผมบอกพี่น่าน ว่าผมกำลังจะนั่งรถวินมอเตอร์ไซด์ไปยังที่ทำงานต่อ

“นั่งดีดีนะ อย่าลืมถามหาหมวกกันน๊อกนะซอมพอ” พี่น่านสั่งผม

“ครับ คุณพ่อ”

“นายว่าพี่หน้าแก่เท่าพ่อเหรอ” พี่น่านทำเสียงดุใส่ผม ผมยิ่งหัวเราะ ผมชอบเรียกพี่น่านฟ้าว่าคุณพ่อเวลาพี่เขาสั่งโน้นสั่งนี้จนดูเยอะไปกว่าพ่อผมซะอีก

“พี่ละขึ้นเครื่องหรือยัง” ผมถามพี่น่านเช่นกัน พี่น่านออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ เห็นบอกจะรีบกลับเพราะว่ามีคนมาตรวจที่รีสอร์ตพี่น่านต้องไปช่วยพ่อตอบ เพราะช่วงนี้เขาต้องการตรวจเข้มมากเรื่องการบริการที่ถูกหลักอนามัย

“ขึ้นเครื่องแล้วกำลังรอเครื่องออกอย่างเดียวแหละ “พี่น่านพูด

“อย่าลืมนะ เลิกงานแล้วห้ามไปไหน พี่ทำอาหารใส่ตู้เย็นไว้ให้แล้ว อย่าออกไปไหนตอนกลางคืนถ้าไม่จำเป็น ถ้าอยากไปไหนรอพี่ไปแล้วพี่จะพาไปน่ะซอมพอ เพื่อนชวนไปเที่ยวก็บอกว่าพี่ไม่ให้ โอเคน่ะ “พี่น่านฟ้ายังคงสั่งกำชับผมอีกแล้ว พี่เขาบอกว่าไม่ไว้ใจให้ผมอยู่ตามลำพังก็เพราะว่าที่นี้อันตรายกว่าบ้านเรา แต่ผมก็ดูผู้คนที่นี้ก็ไม่มีอะไรแค่ เขาทำเหมือน เดินกันตามลำพังและแต่ละคนก็สังคมก้มหน้ากันหมด ก้มจนแถมจะเดินชนกันคือเงยหน้ามาอีกทีก็เกือบแล้วและนั้นเขาถึงจะเดินเลี่ยงไปคนละทางและก้มหน้าใหม่อีกครั้ง

“ครับพี่น่าน ถึงยังไงซอมพอก็ยังไม่กล้าไปไหนอยู่ดี” ผมบอกพี่น่านฟ้าไป

“ดีแล้ว ถ้างั้นแค่นี้นะ เครื่องบินพี่จะออกแล้ว พี่เป็นห่วงเรานะ เลิกงานโทรหาพี่ทันทีนะซอมพอ” พี่น่านฟ้าสั่งผมอีกแล้ว

“ครับผม เดินทางปลอดภัยครับพี่น่าน ซอมพอรักพี่น่านเช่นกัน” ผมพูดและพี่น่านก็กดตัดสายไป ผมเดินมาหยุดที่วินรถมอเตอไซด์ คนขับรถวินหันมามองหน้าผม น่าจะคิวเขาพอดี

“ไปไหนครับ” เขาหันมาถามผม

“ไปบริษัทSST Group ครับ” ผมบอกพี่เขา

“อ้อบริษัทเครื่องเพชรเครื่องประดับตรงหัวมุมโน้นใช่มั้ยครับ ไปครับ 15 บาท” พี่เขาพูดผมก็พยักหน้าแต่ยังไม่ขึ้น

“ยืนรออะไรละครับขึ้นซิครับหรือจะไม่ไปเพราะว่าราคาสิบห้าบาทนี้แพงไป” ยังมาถามผมอีกน่ะ

“หมวกกันน๊อกด้วยครับพี่ “ผมถามหาหมวกกันน๊อกพร้อมกับแบมือ พี่เขาก็หันมาพร้อมกับเลิกคิ้วสูง มองซ้ายมองขวา คือแต่ละคนกระโดดขึ้นโดยไม่ถามหาหมวกกันเลยสักคน

“น้องกลัวผมเสียทรงหรือไง” พี่เขาถามผม

“ผมกลัวหัวกระแทกพื้นมากกว่าผมเสียทรงครับพี่ ผมขอหมวกด้วยครับ” ผมพูดและแบมือ

“ก็ได้ เพิ่มห้าบาท” ผมก็ทะลึ่งตาแต่ก็จำใจเพราะความปลอดภัยมาก่อน พี่เขาก็เดินไปหยิบหมวกที่ดูไม่น่าจะป้องกันได้มากแต่ก็ดีกว่าไม่มี ผมรับมาสวมและซ้อนท้าย พี่เขาขับเร็วมากจนน่ากลัว ผมคิดว่าจะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าเองดีกว่าปลอดภัยกว่าเยอะ

“นี่ครับพี่ 20 บาท “ผมส่งเงินให้หลังตาที่ถึงจุดหมายปลายทางเกือบจะไม่ถึงอย่างปลอดภัย เล่นเอาผมช่วยพี่เขาเบรกไปหลายรอบคือดึงเอวพี่ไว้ตลอดเลย

“ที่หลังไม่ต้องช่วยพี่เบรกนะไอ้น้องพี่มีเบรกเป็นของตัวเอง ถ้าสาวๆ นี้จะไม่เล่นเนื้อเล่นตัวเลยจริงๆ กอดซะแน่นเชียว” พี่เขาพูดทำเอาผมนี้หน้าแดงไปเลยอายครับ ก็ผมแทบจะไม่เคยซ้อนมอเตอร์ไซค์เลย มีแค่เขาคนเดียวที่เคยขับพาผมตะลอนในเชียงใหม่ มันทำให้ผมยืนอมยิ้มเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ นี่ผมยังไม่ลืมเขาอีกหรือ ผมเดินเข้าไปในตัวอาคาร เป็นตู้โชว์มีสินค้ามากมาย ผมเข้าไปก็เจอคนที่ทำหน้าที่เหมือนจะเป็น รปภ. ผมเลยตรงเข้าไปสอบถาม

“ขอโทษนะครับ ผมมาทำงานวันแรกนะครับ ผมจะขึ้นไปห้องแผนกฝ่ายบุคคลนะครับ “ผมถามพี่เขา

“ได้ครับคุณ เดินตรงไปที่ลิฟต์และขึ้นไป ชั้นที่ 12 “พี่เขาบอกผม ผมก็พยักหน้า

“น้อง ต่อไปถ้ามาทำงานอีกให้เข้าด้านหลังนะครับ ด้านหน้านี้ให้ลูกค้าครับ” พี่เขาบอกผม ผมก็พยักหน้า แอบเกาหัวแก้เขินด้วย ผมเดินไปตามที่พี่เขาบอกจนมาถึงชั้นที่ 12 ผมมองหาป้ายธุรการ ผมต้องเข้าไปรายงานตัวกับพี่เขาก่อนจะไปที่ห้องทำงาน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูห้องที่เขียนว่า ฝ่านบุคคล ผมมาทำงานใหม่ เป็นพนักงานใหม่เลยต้องมาติดต่อห้องนี้ก่อน ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะไปทำงานที่ห้องไหน ชั้นไหน

“เชิญค่ะ” น้ำเสียงที่ฟังดูสุภาพดังลอดออกมาเพราะว่าประตูไม่ได้ปิดสนิท แต่เปิดไว้แง้มๆ ผมก็เปิดออกและเดินเข้าไป ก็มีโต๊ะทำงาน 4 ตัวแต่มีแค่คนเดียวที่นั่งวุ่นวายอยู่กับหน้าคอมพิวเตอร์ แต่งตัวดูดีแม้จะมีรูปร่างที่อวบมากผมว่าเกินระยะสุดท้ายไปแล้ว แต่ใบหน้าเขาสวย

“สวัสดีค่ะ น้องชื่อ?”

“ซอมพอครับ” ผมพูด พี่เขาก็ค้นหาอะไรสักอย่าง จนกระทั่งพี่เขาหาเจอ

“น้องซอมพอนะคะ ที่มาจากเชียงใหม่ “พี่เขาถามผม ผมก็พยักหน้าให้เบาๆ

“เชิญนั่งค่ะ นี้น้องที่ว่าจะมาจากเชียงใหม่นะคะ “พี่เขาถามผมอีกครั้ง ผมก็พยักหน้าว่าใช่ครับ

“พี่ชื่อพี่ส้มค่ะ เป็นหัวหน้าฝ้ายบุคคลที่นี้ค่ะ” พี่ส้มแนะนำตัว

“ครับพี่ส้ม ผมฝากตัวด้วยนะครับ” ซอมพอพูดกับพี่ส้ม พี่ส้มเป็นสาวแก้วป่อง ออกจะอวบๆ หน่อยแต่เขาสวยน่ะผมว่า สาวๆ ในกรุงเทพนี้หน้าตาดีก็เยอะนะเท่าที่ผมเห็นบนรถไฟบีทีเอส แม่แปลกใจที่แม่ของพี่ณุกจะบอกว่าพี่เขามีแฟนแล้วและเป็นผู้หญิงสวยหน้าตาดี ตระกูลดี

“วันนี้ไปเรียนรู้งานกับพี่หลินนะคะ พี่เขาจะมาสอนเราแต่แค่วันนี้นะคะ เพราะว่าพี่เขายื่นใบลาออกไว้นานแล้วแต่นี้พี่ก็ขอให้เขาอยู่ต่อจนกว่าจะหาคนมาแทนได้ จนมาเจอใบสมัครของเรานี้แหละ พอดีมันตกไปอยู่ในจังเมลนะคะและพี่เขาก็จะบินไปอยู่กับสามีเขาที่เมืองนอกแล้วด้วย “พี่เขาพูด ผมก็ยิ้มๆ แล้วผมจะเรียนรู้งานทั้งหมดในวันเดียวกันได้ไหมเนี๊ยะ!

“แป๊บหนึ่งนะคะ พี่จะถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวให้เลยค่ะเพราะว่าหนูต้องใช้เข้าออกจากบริษัทนะคะ เพราะเขาจะต้องสแกนพนักงานก่อนเข้าออกค่ะ” พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้า

“พักที่ไหนคะตอนนี้” พี่เขาถามผม

“ผมพักที่ไดมอนด์สวีทเอ็กซ์คลูซีฟครับ อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานครับพี่” ผมพูด พี่เขาเงยหน้ามองผมแบบตกใจ

“หนู ที่นั่นมันแพงมากนะคะ เงินเดือนจะพอเหรอลูก!” พี่เขายิ่งทำหน้าตกใจเข้าไปใหญ่ ผมนี้กลืนน้ำลายลงคอไปเลย

“พี่ชายผมซื้อไว้นานแล้วนะครับ “ผมพูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ ส่งไปแน่ล่ะ เงินเดือนผมนี้คงแทนจะไม่พอจ่ายแน่ๆ และใครจะไปเชื่อ

“จริงซิ ที่นั่นน่ะดูสวยดูแพง แต่ก็แพงจริงๆ ว่าแต่พี่ชายแน่เหรอไม่ใช่มีเสี่ยเลี้ยงนะคะเพราะดูเราซิ ผิวพรรณสวยแบบนี้ เป็น...เออ..เป็น สาวประเภทสองมั้ยคะ” พี่เขาถามผม ผมก็ต้องอ้าปากหวอ

“ขอโทษนะที่ถาม แต่พี่ไม่ว่าจ้า จะเป็นอะไรก็เป็นแต่ขอให้ตั้งใจทำงาน” พี่เขารีบพูดทันที

“ผมไม่ได้เป็นครับ ผมเป็นผู้ชายครับ” ผมพูดแต่จริงๆ ผมเป็นเกย์ ที่ชอบผู้ชาย แต่ตอนนี้ต้องพัก เพราะผมให้สัญญากับพ่อแม่ไว้แล้ว ว่าจะพยายามชอบผู้หญิง แต่ให้ผมลองกี่ครั้งก็ไปไม่รอด และอีกข้อหนึ่งคือถ้ามีแฟนเป็นผู้หญิงไม่ได้ให้อยู่เป็น โสดไป ผมคงเลือกอย่างหลังดีกว่า อยู่เป็นโสด

“จริงอ่ะ “พี่เขาเหล่ตามองผมยิ้ม

“จริงครับ ผม แมนครับ” ผมพูดแต่แมนนี้เต็มเสียงเท่าไหร่

“อ่ะนี้บัตรพนักงานค่ะ อย่าลืมรูดบัตรเข้าออกทุกครั้งนะคะ พี่มีเอกสารการขอทดลองงานสามเดือนแต่พี่รอคุณติณณภพเซนต์อยู่ ไว้พี่จะเรียกเราเข้ามาเซนต์อีกทีนะคะ “พี่ส้มพูดยิ้มๆ ผมพยักหน้าว่าได้

“เอาละ เดี๋ยวซอมพอลงไปชั้นล่าง ชั้นที่เก้านะคะลูก และไปหาพี่หลินนะคะ พี่เขาอยู่รอสอนงานเราอยู่และอย่าลืมยืนเอกสารธนาคารที่จะให้เงินเข้าบัญชีด้วยนะหนู ก่อนวันที่20 เพราะพี่ต้องส่งเรื่องเบิกเงินเดือนไปที่แผนกบัญชีค่ะ” พี่ส้มพูด

“ได้ครับ ผมมีแล้วครับ ผมเพิ่งไปเปิดมาครับ” ผมพูดและส่งตัวสำเนาให้พี่ส้มไป

“ดีมากเลยน่ารักจริงๆ ปกตินะแต่ละคนต้องเคี้ยวเข็นให้ไปเปิดแต่พอเปิดแล้วเปิดช้าทำเอาส่งเงินเดือนช้าก็มาเขี้ยวเข็ญเอาเงินเดือนให้ตรงซะงั้น “พี่ส้มพูดไปก็ขำไปด้วย

“งั้นก็ไปที่ห้องทำงานได้แล้วค่ะ ขอให้เรียนรู้งานเยอะๆ นะคะ “พี่ส้มพูดผมพยักหน้าและส่งยิ้มให้ก่อนจะเปิดประตูออกไปเพื่อตรงไปยังห้องทำงานของผม แต่จะว่าไปเจ้าของบริษัทชื่อติณณภพ แค่ได้ยินชืาผมก็รู้สึก นุ่มละมุนหูยังไงก็ไม่รู้ชักอยากเห็นหน้าซะแล้วซิแต่คำพูดของพ่อพสิน บอกว่าห้ามมีแฟนเป็นผู้ชาย

ผมเดินลงมาจนถึงห้องชั้นที่พี่ส้มบอกผม ผมเห็นเป็นห้องกระจกใสๆ ใสจนเห็นคนในห้องมีอยู่ด้วยกัน 4 คน ดูแต่ละคนก็น่าจะอายุมากกว่าผมหลายปีอยู่

“ก๊อกๆ” ผมเคาะประตูก่อนจะเปิด

“เชิญค่ะ “ประตูถูกเปิดออกโดยพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างเล็กๆ ดูบอบบาง ผิวขาวสวยหน้าตาจัดว่าสวยทีเดียว เป็นคนมาเปิดประตูให้ผม ผมก็พยักหน้าขอบคุณ

“พี่หลินใช่ไหมครับ” ผมถามชื่อแต่จริงผมเห็นป้ายห้อยคอวงเล็บว่าหลินห้อยอยู่

“ใช่ค่ะ น้องซอมพอใช่มั้ยคะ ที่จะมาทำงานแทนพี่” พี่หลินถามผม ผมก็พยักหน้า

“นี้แก คนมาแทนชั้นมาแล้วค่ะ” พี่หลินหันพูดดังบอกทุกคน

“ไหน...มาแล้วเหรอ เชิญค่ะ “พี่อีกคนดูแต่งกายจะผู้หญิงก็ไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิง คือสวมกางเกงสแล็คสวมเสื้อเชิ้ตรัดรูป พี่เขาไม่ได้ดูผอมแต่ก็อวบระยะสุดท้าย พี่เขาเดินกรีดกรายลุกจากเก้าอี้ขึ้นมา พร้อมกับผายมือต้อนรับผม ผมนี้เขินเลยครับจะเข้ามาก็เจออีกสองคนเป็นผู้หญิงทั้งคู่ส่งยิ้มมาให้ผมแต่อีกคนทำหน้าบึ้งและผลักอีกคนไม่ให้จ้องผมนานหนัก

“หนูชื่อซอมพอเหรอคะ ชื่อน่ารักจังเลย เป็นคนที่ไหนคะ” พี่คนที่ผมว่าเหมือนจะตุ้งติ้งมากกว่าแมนๆ ดูน่าจะพี่สาวมากกว่า ผมก็ยกมือไหว้

“พี่ชื่อพี่กัส หรือเรียกพี่ว่ากัสจังก็ได้ค่ะ “พี่เขาแนะนำตัวเอง

“นี้พี่โบวี่ ชื่อในเฟสแต่จริงๆ ก็อีโบว์นี้แหละค่ะ” พี่กัสซี่แนะนำผู้หญิงอีกที่มองผมและยิ้มแต่คนข้างๆ ไม่ยิ้มด้วย ผมก็เลยต้องหุบยิ้มทันที

“อีกคนพี่แก้มค่ะ พี่คนนี้สายโหด ฮาร์ดคออ่ะ” พี่กัสพูดและยังจำพี่เขาอีก

“ยินดีที่รู้จักพี่นะครับผมชื่อซอมพอครับ ผมฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ผมไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนเลย ถ้าผิดพลาดยังไงแนะนำผมได้เลยนะครับ” ผมพูดบอกพี่ๆ

“จ๊า น่ารักขนาดนี้ ว่าแต่มาทำงานไกลนะ ไม่คิดถึงบ้านแย่เหรอ พี่นี้บ้านอยู่อุบล พี่ยังคิดถึงใจจะขาดอยากย้ายกลับไปแต่ทำไม่ได้” พี่กัสพูด

“ทำไมละเจ้ ...หรือว่าติด...”

“ติดผู้ชาย อีผัวฉันนะซิ มันไม่ยอมกลับไป มันเป็นโรค กลัวความลำบาก” พี่กัสพูด

“ชื่อซอมพอ เป็นชื่อทางเหนือเหรอคะ ชื่อเพราะดีจัง พี่โบว์ชอบ”

“ชื่อหรือคนค่ะพี่โบว์ แต่ตอบดีดีนะ เพราะตรีนนะที่จะลอยไป...ไม่ใช่ปากนะคะที่จะไปกระทบที่แก้มป่องๆ ของหลอน” พี่กัสหันไปแซวพี่โบว์ที่นังทำหน้าเขินผมอยู่

“แม้พี่กัสนิ อย่าซิเดี๋ยวน้องรู้” พี่โบว์พูด ผมก็ยังง แต่ดูพอรู้นิดหน่อยว่าพี่โบว์กับพี่แก้มต้องเป็นแฟนกันแน่ๆ เลย ผู้หญิงชอบผู้หญิง ผมก็ยิ้มๆ กลับ

“ชื่อซอมพอ พี่ขอไปตั้งให้ลูกได้มั้ยคะ พี่กำลังหาชื่อไว้ให้ลูกในท้องอยู่พอดีเลยค่ะ” พี่หลินพูด ผมยิ้มๆ

“ดีเลยหลิน แต่ผัวแกนะมันนิโก้ ลูกออกมาก็ต้องดำ ไม่ดำทำธรรมดา ดำมาก ดำขำเลย แต่แกจะเอาชื่อซอมพอ ชื่อคนเหนือและช่วยดูเจ้าของชื่อด้วยว่าเขาผิวสวยขนาดไหน นางโบว์ยังชิดซ้ายเลย “พี่กัสหันไปแซวพี่หลิน

“แม้พี่กัส ก็เผื่อว่าลูกหนูมันอาจจะเกิดมาแล้วได้แม่มันมากกว่าพ่อ”

“นิถ้าลูกแกออกมาแล้วขาวขัดกับพ่อเด็กนี้มันคงนึกว่าลูกชู้ แล้ว” พี่แก้มพูดทำเอาทั้งห้องพากันขำ หัวเราะ ผมนี้ชอบบรรยากาศแบบนี้ยังมันดูอบอุ่นแบบพี่น้อง ผมเคยฝึกงานมาก่อนและที่นั่นอบอุ่นมาก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูเข้ามาขัดการสนทนาของทุกคน และผมก็เห็นว่าใครสักคนเปิดประตูเข้ามา รูปร่างผอมบางสูงเพรียวมาพร้อมกับกระโปรงที่สั้นมากแต่พี่เขาหุ่นดีมันดูสวยอยู่แล้ว

“โอ๊ย! ลมอะไรหอบมาจ๊ะหญิงลี่ “พี่กัสแซวพี่ที่เปิดประตูเข้ามา

“ก็ลม...อุ้ย! ใครอ่ะ พนักงานใหม่เหรอ “พี่ทำท่าจะพูดก่อนจะหันมาเจอผมเข้า พี่เขาก็ชี้นิ้วมาทางผมทันที

“ใช่เป็นไง บอกแล้วแผนกนี้เขาคัดเข้ามาที่หน้าตาล้วน ไม่พึ่งความสามารถ “พี่กัสพูด

“จริงๆ ถ้าคัดมาด้วยความสามารถ งานคงไม่ต้องส่งแก้ ส่งแก้ตลอดแบบนี้หรอก อ่ะ นี้งานแก้ค่ะพี่หลิน “พี่เขาพูดและวางกล่องที่ดูแล้วจะเป็นสร้อยคอที่มีเพชรเม็ดใหญ่ประกอบอยู่ ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าพี่เขาเซ้งมาก

“อะไรกันเพิ่งจะแก้ไป ลูกค้าคนนี้แก้หลายรอบแล้วเนี๊ยะ” พี่หลินบ่นอุบอิบทันที

“เขาบอกว่ารอบนี้ แก้ไม่ผ่านเขาจะให้ออก” พี่ลี่พูด

“ไม่ต้องกูออกแล้ว โทรหาผัวก่อน ผัวจ๊าซื้อตั๋วด่วน กูจะไปอยู่แดนมะกันแทน” พี่หลินพูด

“งั้นรีบแก้เลยนะพี่หลินไม่งั้นใครจะแก้ต่อ” พี่ลี่พูด

“จริงพี่ งานหนูก็เยอะเนี๊ยะ “พี่กัสอีกคน

“ไม่ต้องมองมาทางหนูสองคนเลย หนูก็รีบ เพราะจะลายาวไปแต่งงานกัน” พี่โบว์พูดและหันไปพยักพเยิดกับพี่แก้มอีกคน

“งั้นผมเองครับ ผมช่วยพี่หลิน ผมพอมีประสบการณ์จากที่ผมฝึกงานมาบ้าง” ผมพูดกับพี่หลิน ตอนที่ผมไปเรียนเขาก็ต้องส่งไปฝึกงานก่อนจะได้ใบประกอบ

“ก็คงต้องตามนั้นค่ะ แต่พี่จะทำให้ดีที่สุดก่อนเพราะไม่อยากทิ้งไว้เป็นภาระเราแน่นอนค่ะ” พี่หลินพูด ผมก็พยักหน้าและเดินไปนั่งที่โต๊ะที่พี่หลินเพื่อเตรียมเป็นลูกมือพี่หลินทันที

“งั้นพี่ทำเสร็จไปส่งให้ห้องคิวซีเลยนะคะ ไปก่อนนะคะ เออ น้องชื่อ...”

“ซอมพอครับ”

“ชื่อซอมพอเหรอพี่มีเพื่อนชื่อนี้นะ พี่เรียนจบตากมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ เรามาจากเชียงใหม่เหรอ” พี่ลี่ถามผม

“ครับผม”

“แต่เพื่อนพี่มันเป็นผู้หญิงอ่ะ” พี่ลี่พูด ผมก็ต้องเกาหัวนิดๆ เพราะว่ามีแต่คนทักผมแบบนี้ทั้งนั้นเลย

“ครับ ชื่อซอมพอ ส่วนใหญ่เป็นชื่อของผู้หญิงครับ และถ้าใครได้ยินชื่อผมก็จะขำกันนะครับ “ผมพูดและแอบขำชื่อตัวเองเช่นกัน

“แต่ก็น่ารักอยู่สำหรับพี่” พี่กัสพูด

“งั้นพี่ฝากงานด้วยนะคะซอมพอ ไปละ” พี่ลี่พูด ผมก็พยักหน้าและหันมาช่วยพี่หลินแก้งาน เพราะว่าพี่หลินจะไม่มาทำงานแล้ว ผมก็ทำไปด้วยคุยกันไปด้วย ผมดูแล้วงานติดไม่เรียบถ้าไม่ใช่เซียนเครื่องเพชรเครื่องพลอยเครื่องประดับจริงจะดูยาก ผมเพิ่งรู้ว่าลูกค้าคือน้องสาวของเจ้าของบริษัท ที่ตอนนี้เขาได้ยกให้ลูกชายคนโตที่ชื่อติณณภพดูแลทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างจุกจิกจู้จี้

“เฮ้อ! เสร็จซะที ขอบใจนะซอมพอ พี่ว่าดูดีขึ้นเยอะเลย เก่งนะเรานะ “พี่หลินพูดชมผมใหญ่เลย

“นี้วันนี้รับน้องกันไหม” พี่กัสหันมาพูดผมก็มองพี่กัส พี่เชาชี้นิ้วมาที่ผม และพยักหน้า

“เรานะ พนักงานใหม่และเลี้ยงส่งพี่หลินด้วย เออ ..ไปกินหมูกระทะเปิดใหม่ดีกว่า เขาบอกว่าติ่งเกาหลีต้องไปร้านนี้ มีหมดที่เป็นเกาหลี” พี่เขาพูดผมก็ยิ้ม ผมไม่เคยทานเลยหมูกระทะ เพื่อนๆ นี้ชวนไปกันแต่แม่ผมไม่อยากให้ผมไปทาน เพราะว่ามันเป็นปิ้งย่าง แม่ผมว่ามันไม่ค่อยดี ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ จะปฏิเสธดีไหมนะ ไม่เคยทานมาก่อนกลัวจะเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก

“ไปนะซอมพอ” พี่โบว์หันมาเชิญชวนผม

“คือผม..”

“ทำไมเหรอ “พี่กัสหันมาถามผม

“ผมไม่เคยทานหมูกระทะนะครับ”

“ทำไมละ!!!” พี่กัสทำเสียงสูง

“แม่ผมว่ามันไม่ค่อยดีกับสุขภาพนะครับ” ผมพูดเบาๆ เขินๆ

“โอ๊ย! ไม่ได้ทานบ่อย ไปเถอะ..นะ นะซอมพอ” พี่กัสพูดชวนผม

“แถวไหนครับ ผมนะยังไม่ชินกับกรุงเทพ ผมกลัวว่าจะ”

“พี่กัสขับรถไปส่งค่ะ และร้านอยู่ไม่ไกลค่ะ เลยไปสองซอยได้ “พี่กัสพูด ผมก็จำใจพยักหน้าไป

“เย้ๆ วันนี้เคลียร์งานเร็วๆ นะจะได้ไปแรดดดด” พี่กัสพูด

“เรื่องแบบนี้ขอให้บอก โบว์วี่จัดให้ค่า” พี่โบว์อีกคน ผมเห็นพี่แก้มตีแขน และเขาก็เข้าโหมดสวีทกันสองคน แต่ผมซิ จะต้องหาวิธีหลอกแม่ยังไงว่าไม่ได้ไปทานหมูกระทะนะ ถ้าแม่รู้แม่บทแน่ๆ

“พี่หลินอย่าลืมบอกน้องซอมพอด้วยนะว่าให้ลงเพชรแหวนหมั้นน้องสาวคุณติณณภพด้วยนะ เห็นว่าเขาเลื่อนงานเข้ามาอีก “พี่โบวี่พูด ผมหันไปมองพี่หลิน

“เลื่อนเข้ามาเป็นอีกสองอาทิตย์แต่งานแต่งงานยังเป็นฤกษ์เดิม” พี่โบวี่พูด

“ก็รออยู่เขาเอาไปสลักชื่อก่อน แหวนคนมีเงินก็ต้องพิถีพิถันกันหน่อย “พี่หลินพูด ผมก็ยิ้ม

“น้องสาวคุณติณนะ เขาจะแต่งงาน หน้าตาดีสวยหล่อทั้งบ้านเลยบ้านนี้นะ แฟนเขาก็หล่อมากเลย พี่เจอสองครั้งยังหลงรักเลย คนอะไรก็ไม่รู้หล่อเหมือนโดม ปกรณ์ลัมเลย สไตล์นั้นเลย” พี่หลินพูด ผมก็ยิ้มๆ อีก จะว่าไปมันทำให้ผมนึกถึงพี่ณุก พี่ณุกนะใครก็บอกว่าเหมือนโดม ปกรณ์ลัมไม่มีผิดเพี้ยนเลย และนี้มันทำให้ผมต้องสั่นหัวไล่มันออกไป เพราะผมบอกกับตัวเองแล้วว่าจะไม่คิดถึงเขาอีก ผมต้องตัดเขาออกไปจากหัวใจผมให้ได้ ไหนเมื่อเขาตัดผมได้ผมก็ต้องตัดเขาได้เช่นกัน

TBC......


ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
         วันนี้ซอมพอมาทำงานได้สี่วันแล้ว จะว่าไปเขาก็เริ่มคิดถึงบ้านมากเหมือนกัน มาอยู่ในเมืองที่ไม่มีใครรู้จักเลย แต่พี่น่านฟ้าของเขาบอกว่าจะบินมาหาเขาวันอาทิตย์นี้เพราะวันเสาร์พี่น่านติดธุระต้องไปร่วมงานหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์พี่น่านฟ้าจะนำใบชาที่พ่อเขาปลูกไปลงเช่นกันและจะบินแต่เช้าวันอาทิตย์จะได้พาผมไปเดินเที่ยวสยามและพาไปดูหนังเรื่องใหม่ด้วย อันที่จริงพี่ชายเขาก็ทำอยู่แล้วในวันหยุดที่เขาว่างจริงๆ เขาก็จะพาน้องชายไปเดินห้างในตัวเมืองเชียงใหม่ ดูหนังแต่ยกเว้นเรื่องเข้าร้านอาหารอย่างเดียว กลัวแม่งอนเลยกลับไปทานอาหารพื้นบ้านดีกว่า และวันก่อนเขาก็โดนพี่ชายทำโทษว่าห้ามออกไปไหนอีก เนื่องจากว่าเขาไปกินหมูกระทะกับพี่ที่ทำงานแล้วกลับมาดึก สี่ทุ่ม ถามว่าดึกของที่นี้ไหม ไม่เลยธรรมดา



“สวัสดีค่ะซอมพอ” พี่ส้มนั้นเองผมเจอพี่เขาตอนกำลังรูดบัตรเข้าทำงานพอดี ผมหันไปยกมือไหว้พี่ส้ม



“สวัสดีครับพี่ส้ม”



“เป็นอย่างไรบ้างคะซอมพอทำงานมาได้เกือบอาทิตย์แล้วเนอะ พรุ่งนี้อีกวันก็วันหยุดแล้วนะ” พี่ส้มบอกผมยิ้มๆ ผมเพิ่งจะเข้าใจหัวอกคนทำงานที่ตั้งตารอวันก็คราวนี่เอง



“ครับ” ผมพยักหน้ารับและก็ยิ้มๆ ให้พี่ส้มเช่นกัน



“พี่ยังไม่ได้เสนอเอกสารเราเลยน่ะ เพราะว่าคุณติณภพเขาไม่อยู่ไปต่างประเทศน่าจะกลับวันนี้แต่พี่ว่าจะลาครึ้งวันไม่รู้จะได้เจอคุณติณไหม เอาเป็นวันจันทร์แล้วกันนะจ๊ะ” พี่ส้มบอกผม



“ได้ครับพี่ส้ม” ผมพยักหน้าและพี่ส้มก็แยกตัวออกไป ผมก็รีบขึ้นห้องทำงาน เพราะว่าผมกำลังสนุกกับการทำงานที่ผมชอบ วันนี้แหวนแต่งงานคู่ที่เป็นของน้องสาวคุณติณณภพ จะส่งมาให้ผมทำยังไม่เห็นแบบแต่แอบตื่นเต้นที่จะได้ทำแหวนที่สำคัญและมันจะมีค่ามากๆ เลยเพราะมันคือแหวนหมั้นและแหวนแต่งงาน



“ซอมพอ” พี่โบวี่เดินมากับพี่แก้ม ทั้งคู่คงลงไปซื้อของขึ้นมาทานกันด้วยกัน คู่นี้ก็น่าอิจฉาผมว่าหนุ่มๆ ทั้งบริษัทคงอกหักกันระนาวเลย ทั้งคู่ดูสวยดูเท่ แต่เขากับไม่ชอบผู้ชายทั้งคู่



“สวัสดีครับพี่โบวี่ พี่แก้ม” ผมยกมือไหว้พี่ทั้งสองคน



“พี่ซื้อผลไม่มาเดี๋ยวทานด้วยกันนะซอมพอ” พี่โบวี่บอกผมพร้อมชูถุงผลไม้ที่พี่เขาไปซื้อมาจากด้านข้างบริษัท



“พี่กัสจังเขามาแล้วเหรอครับ” ผมถามพี่โบวี่



“มาส่ายน่ะวันนี้ เมื่อคืนผู้ชายพาไปเมา...จนป่านนี้ไม่รู้ฟื้นหรือยังหรอก “พี่โบวี่พูดผมก็ยิ้มๆ และเดินเข้าไปในห้อง ผมก็เห็นกล่องว่างอยู่ มีจดหมายไว้ว่า ฝากถึงน้องซอมพอ ผมดูแล้วน่าจะกล่องงาน ผมเลยเปิดดู ใช่จริงๆ ด้วยแหวนคู่ ผมหยิบขึ้นดู ทำไมผมกับนึกถึงพี่ณุกนะเรามีแหวนเงินที่ไปซื้อมาจากบ่อสร้างด้วยกันเป็นแหวนเกลี้ยง ผมยังคงห้อยคอไว้ ผมอยากจะสวมมันอีกครั้งจัง ผมแอบคิดว่าถ้าแหวนคู่นี้เป็นของผมกับพี่ณุกก็คงจะดี



“แหวนหมั้นน้องสาวคุณติณเหรอซอมพอ” พี่โบวี่ถามผม



“น่าจะใช้ครับ” ผมตอบพี่โบวี่



“ใครนะเอาว่างแบบนี้ ถ้าหายไปนี้ซวยแย่เลย” พี่แก้มพูด



“นั้นซิ คงเป็นพี่ลี่นั่นแหละ “พี่โบวี่พูดพร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา ผมก็ทำได้แต่ยิ้มๆ ไป ผมก็เปิดดูมีเพชรมาด้วยน้ำงามมากดูสวยงามจริงๆ ผมก็จัดการเตรียมเริ่มงานทันที แหวนผู้ชายก็จะเกลี้ยงแตสวยเพราะเป็นทองคำขาว สัมผัสได้ว่าเนื้อดีมากถึงแม้จะฝังเพชรแค่เม็ดเดียวแต่มันดูสวยผมก็หยิบพลิกดูแหวนมีการสลักชื่อว่า ปริญญ์ ❤ตรีญาดา ชื่อเขาสองคนดูว่าเหมาะสมกัน



ผมตั้งหน้าตั้งตาทำงานของผมจนเกือบเสร็จเหลือเก็บรายละเอียดนิดหน่อย แต่ว่าตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้วด้วยซิ แต่พี่กัสจังก็ยังไม่มาสงสัยว่าจะไม่มาแล้วแน่ๆ เลย



      ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องทำงาน มีผู้หญิงแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ารัดรูปรัดมากจริงๆ แต่ว่าเขาตัวเล็กและได้สัดส่วนไปหมดแต่ทำไมผมถึงได้หน้าแดง ไม่ใช่ชอบแต่มันอายแทนเขายังไงก็ไม่รู้ ผมค่อยเห็นใครใส่แบบนี้มาทำงานนัก ส่วนใหญ่ก็เสื้อเชิ้ตหรือไม่ก็เสื้อโปโลทำงาน ทุกคนหันมามองหน้ากันพร้อมกับเหลือกตาขึ้นบนกันหมด พี่เขาเดินเข้ามาหยุดอยู่กลางห้อง มองกวาดสายไปตารอบห้อง ผมเพ่งมองอีกที พี่เขาแต่งหน้าจัดจ้านมากทาลิปสติกสีแดง



“ใครชื่อซอมพอคะ” พี่เขาถาม พี่โบวี่ก็ชี้มาที่ผม คราวนี้พี่เขาหันมองที่ผมทันที



“ท่านประธานเชิญที่ห้องหน่อยค่ะ ตอนนี้ค่ะ” ผมก็สะดุ้ง ทุกคนหันมามองหน้าผมหันหมด



“มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่วุ้น” พี่โบวี่เอ่ยถามพี่คนที่มาเรียกผมให้ไปห้องประธาน ขณะที่พี่เขากำลังจะหันหลังเดินออก



“ไม่ทราบค่ะ ท่านประธานไม่ได้บอกไว้ บอกแค่ให้ตามคนที่แก้แหวนให้คุณหญิงฤดีค่ะและพี่ส้มก็บอกว่าน่าจะเป็นคนที่มาทำงานแทนคนที่ชื่หลิน พี่ส้มบอกว่าเขาชื่อซอมพอ ฉันเลยมาตาม “พี่เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ห้วนมาก และเขาก็เดินออกไป ผมก็ลุกขึ้น รู้สึกตัวเย็นๆ ยังไงไม่รู้ แน่ล่ะมายังไม่ถึงอาทิตย์โดนเรียกเข้าห้องเย็นซะแล้วอ่ะ



“มีอะไรเรียกพี่นะ “พี่โบวี่เดินมาบอกผม ผมพยักหน้าและยิ้มๆ ให้ ทำใจดีสู้เสือเอาวะ ผมเดินออกมาและตามพี่คนสวยๆ ไปที่ห้องประธาน นี่ผมมาทำยังไม่ถึงอาทิตย์เลย หรือว่าจะโดนไล่ออกก่อนสามเดือนว่ะซอมพอ อุตส่าห์ได้ออกมาเผชิญโลกกว้าง หรือมันกว้างเกินไปสำหรับซอมพอ ถึงได้อยู่ยากจริงๆ



“เชิญค่ะ” พี่วุ้นพูดก่อนจะเปิดประตูและผายมือให้ผมเข้าไปผมแอบเห็นเขาเบ้ปากใส่ผมด้วย แต่ผมซิยิ้มเจือนๆ ไปเพราะผมกำลังจะบอกขอบคุณอยู่พอดี และผมก็เดินเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมเห็นมี หญิงวัยกลางคนรูปร่างดีทีเดียว ทรงผมม้วนปลายทำให้ดูสวยสมวัยและมีชายเลยวัยกลางคน และมีผู้หญิงอีกคนที่ดูไม่ผอมและไม่อ้วนยืนอยู่การแต่งตัวทำให้รู้ว่าเซียนเครื่องประดับแน่ๆ เพราะว่าเครื่องประดับจัดเต็มมาก



“อ้าว หนู หนูชื่ออะไรลูก” ผู้หญิงคนที่รูปร่างดีหันมาถามผม หน้าไม่สามารถระบุอายุได้เพราะว่าดูสวยและดูไม่แก่เหมือนอีกคน ที่ดูรู้ว่าผ่านวัยกลางคนไปแล้วและ รอยยิ้มที่ดูมีเมตตาและดูอบอุ่นส่งมาให้ผม



“ผมชื่อซอมพอครับ พี่วุ้นเขาไปเรียกผมให้เข้ามาพบท่านประธานครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา



“เราใช่มั้ยที่แก้แหวนให้ฉัน” ผู้หญิงอีกคนเอ่ยถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ แอบกลืนน้ำลายลงคอ



“เข้ามาใกล้ๆ ซิคะลูก” น้ำเสียงที่ดูมีเมตตามากๆ เรียกผมเข้าไปอีก ผมค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้อีกหน่อยด้วยความเกรงใจ



“นี้ส่งมาให้แก้ไม่รู้กี่ครั้ง” ผู้หญิงอีกคนพูดขึ้น ซึ่งผมก็ได้ยินมาแบบนั้นจากปากพี่หลิน



“ผมขอโทษนะครับ ถ้าผมทำไม่ดี ผมจะปรับปรุงครับ” ผมรีบพูดขอโทษทันที



“ใครบอกเธอ ดูดีเรียบสวยดีขึ้น ฉันเลยขอดูหน้าคนทำหน่อย นี้เธอเป็นผู้ชายแต่มือเบาและทำสวยขนาดนี้ หนูมาจากไหนคะลูก” ผู้หญิงเจ้าของแหวนเพชรที่ผมช่วยไม่ซิ ผมเองดีกว่าที่แก้แทนให้พี่หลิน เขากล่าวชมผม



“มาจากเชียงใหม่ครับ” ผมพูดเบาๆ



“ดูซิผิวพรรณดีจริงๆ อย่างที่เขาพูดคนเชียงใหม่ผิวพรรณดี นี้ถ้าบอกว่าเป็นผู้หญิงก็เชื่อนะ” ผู้หญิงอีกคนพูดขึ้น



“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวเบาๆ



“เอาละ ฉันให้นี้เป็นรางวัล รู้ใหม่แหวนนี้ฉันจะเอาไปให้ลูกสาวเขาจะแต่งงาน ฉันถือเป็นของขวัญให้เขา “ผู้หญิงเจ้าของแหวนควักแบ่งพันส่งมาให้ผม



“ผมไม่รับได้ไหมครับ เพราะว่าผมทำด้วยใจ และผมก็ได้เงินเดือนแล้ว อันนี้ผมรักงานพวกนี้จริงๆ ผมก็เลยตั้งใจทำนะครับ” ผมบอกปฏิเสธเขาไป



“มีอย่างนี้ด้วย” ผู้หญิงคนนั้นทำท่าจะต่อว่าผมแต่อีกคนที่น่าจะเป็นภรรยาท่านประธานยกมือห้ามเขาไว้ซะก่อน ผมเองก็กลัวถูกเอ็ดเหมือนกัน



“งั้นก็ขอบใจมากนะ”



“นาฏ พี่ไปก่อนนะพี่ต้องรีบบินไปเยอรมันตอนเย็นเลย”



“ได้ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะคุณพี่”



“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้



“มารยาทน่ารักเชียวนะ ทำไมหนูมาทำงานไกลจังละลูก “คุณตรีนาฏเอ่ยถามผม



“คือผมอยากลองมาหาประสบการณ์จากเมืองใหญ่ดูนะครับ คุณหญิง” ผมตอบ



“เรียกคุณนาฏก็ได้จะ ฉันชื่อตรีนาฏ เป็นภรรยาคุณตรัย “คุณตรีนาฏพูด ระหว่างนั้นประตูก็ถูกเปิดออก มีชายหนุ่มรูปร่างสูงไม่ใหญ่ หุ่นดี เสื้อผ้าทรงผมดูเนี้ยบมาก พี่เขาเดินเข้ามาขณะกำลังสนทนากับใครสักคนผ่านมือถือ



“พี่เพิ่งถึงครับตรี ได้ครับ พี่จะบอกคุณแม่ให้นะครับ ครับผม ครับ สวัสดีครับ”



“กลับมาแล้วรึติณ” ผมหันไปมองคนนี้หรือคือคุณติณณภพ พี่เขาหันมาเห็นผมเข้าพอดีและชะงักไป ผมคงเหมือนเด็กกะโปโลแน่เลย ผมยืนก้มหน้าลงมองพื้นทันทีไม่กล้ามองหน้าพี่เขา พี่คนนี้น่ะหรือติณณภพ ชื่อที่ฟังดูอบอุ่น ผมทำได้แค่ช้อนตาขึ้นมองเป็นระยะๆ พี่เขาก็คงรู้ว่าผมแอบมอง



“ตาติณ” แม่ของพี่ติณณภพเรียกชื่อเขา



“เออ..ครับ..แม่ ...ผมขอโทษนะครับ ผมไม่ทราบว่าคุณพ่อคุณแม่มีแขก” คุณติณภพพูดและยังหันมามองผมอยู่



“น้องเขามาทำงานใหม่แทน คนที่ชื่อหลินนะ และนี้เขาก็แก้แหวนให้คุณน้าเขา รอบนี้รอดผ่าน นี้ยิ้มดีใจกลับไปแล้ว” คุณตรีนาฏพูดกับคุณติณณภพสะบัดหน้ามามองผม



“เหรอครับ ผมนี้ก็เบื่อนะครับแม่ คือบางเรื่องไม่ควรจะจู้จี้จุกจิกเลย” คุณติณณภพพูด ผมก็ยังคงก้มหน้าอยู่



“แล้ว????”



“หนูซอมพอ”



“ชื่อซอมพอเหรอครับ” คุณติณณภพถามผม ผมก็พยักหน้ายิ้มๆ



“ใช่ .... ฝีมืองานนี้เนี๊ยบเลยทีเดียวแสดงว่าใจเย็นมาก มือก็คงเบา น่าจะเอาไว้ทำงานสำคัญๆ นะติณ” คุณตรีนาฏพูด ผมเงยหน้าตกใจ



“ผมประสบการณ์ยังไม่เยอะครับ ผม”



“ก็ดีนะครับแม่ บางงานต้องการคนที่ฝีมือดี” คุณติณณภพพูด



“หนูจบอะไรมาเหรอลูก “คุณตรีนาฏถามผม ผมหันไปมองคุณติณณภพเขาก็ยิ้มให้ผม ดูรอยยิ้มที่อบอุ่น



“มนุษยศาสตร์เอกภาษาอังกฤษครับ แต่ตอนสมัครงานผมใช้ใบเซอร์ที่ผมไปเรียนด้านออกแบบมาสมัครงานครับ” ผมตอบไป คุณตรีนาฏหันไปมองพี่ติณณภพก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผม



“ซอมพอ” คุณตรีนาฏเดินมาจับมือผมเรียกผม ผมก็มองหน้าเขาว่ามีอะไรหรือเปล่า



“พอดีว่าตอนนี้ พี่ติณเขาต้องการเลขาด่วนนะลูก สนใจไหม มาทำงานเป็นเลขาให้พี่ติณ “คุณตรีนาฏ พูดผมก็สะบัดหน้าไปมองผมยังไม่มีประสบการณ์เลย



“งั้นก็ให้เข้าไปนั่งทำงานในห้องติณดีไหม “สะบัดหน้าหันไปมองคุณติณณภพ



“ก็ดีนะครับแม่ จะได้มีคนดูแลพวกเรื่องเอกสารสำคัญให้ผมด้วย “คุณติณณภพพูด ผมก็ยังคงมืนงง



“คือว่าผม..ผม..ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานออฟฟิศมาก่อนเลยนะครับ...ที่นี้ที่แรก แม้ว่าจะเคยฝึกงานมาก่อนก็ตามนะครับ” ผมตอบไปเสียงอ่อนๆ



“พี่ติณเขาสอนได้ นะหนู เพราะว่าพี่ติณเขา...ต้องการคนช่วยงานจริงๆ” คุณตรีนาฏพูด ผมก็หันไปมองพี่ติณณภพ ก็เลยพยักหน้าไปใครจะกล้าขัดสายตาที่ดูมีเมตตา



“ถ้าอย่างนั้นติณคุยกับคุณส้มแล้วกันนะและบอกคุณส้มให้แม่วุ้นนะว่าไปทำงานธุรการแทน " แม่พี่ติณณภพพูดผมก็สะบัดหน้าไปมองหน้าพี่ติณณภพอีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นพี่คนเมื่อกี้เขาก็คือคนที่ทำงานตำแหน่งนี้ก่อนผมเหรอแล้วทำไมจู่ๆ ให้เขาไปซะล่ะ ขนาดเมื่อกี้เขายังไม่ค่อยชอบหน้าผมและนี่คงได้เกลียดเลยมั้ง



“อุ้ย! เลยเวลาแล้ว หนูทานข้าวเที่ยงหรือยังลูก “คุณตรีนาฏหันมาถามผม



“ยังครับ..เดี๋ยวผมลงไป...”



“งั้นไปลงไปทานด้วยกันลูก..ไปพ่อไปทานข้าวเที่ยงกันหลังจากทานข้าวแล้วพ่อต้องไปหาหมอกระดูกนะพ่อ” ผมก็มองหน้า ฮะ ตกใจอย่างตั้งตัวไม่ทัน นอกจากได้ตำแหน่งใหม่ยังได้ไปทานข้าวกับผู้บริหารอีกด้วย



“ไปทานด้วยกันเลยลูก” คุณตรีนาฏพูดนี้เขาไม่ถือตัวเลยทั้งที่ผมเพิ่งจะมาเจอท่านวันนี้เอง ผมหันมามองคุณติณณภพเขาก็พยักหน้า



“อย่าขัดใจแม่พี่นะ แม่พี่นะขี้น้อยใจนะครับ” พี่เขาเข้ามากระซิบข้างหูผม



“อะไรติณเดี๋ยวโดน” แม่ของพี่ติณณภพชี้หน้าพี่ติณ ดุแบบไม่ได้จริงจังอะไร ผมก็รอให้ท่านเดินนำหน้าไปก่อน และผมก็เดินตาม คุณติณณภพ เขาหันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับ จะว่าไปถ้าผมไม่ติดว่าเคยสัญญากับพ่อแม่ไว้ว่าจะไม่มีแฟนเป็นผู้ชายอีกนี้ผมคงใจละลาย เพราะคุณติณณภพนี้แน่ๆ เป็นผู้ชายที่ใครๆ ก็คงฝันอยากจะได้ หน้าตาหล่อเหลาคิ้วก็เข้ม แถมยังสูงเพรียว ยิ่งสวมสูทผูกไทแบบนี้ยิ่งดูดีดีจน



“ทำไมเดินตัวลีบจังครับ กลัวเหรอครับ” คุณติณณภพหันมาแซวผมในลิฟต์ขณะที่พ่อแม่เขากำลังคุยกัน



“ก็คือ...แม้..ผมเพิ่งมาทำงานได้อาทิตย์เดียวก็ได้รับเชิญทานอาหารกับท่านประธานซะแล้ว “ผมพูดยิ้มๆ



“คุณติณณภพ” ผมเรียกชื่อเขา



“เรียกพี่ติณก็ได้ครับเพราะว่าคุณติณ พี่ดูแก่จัง” พี่เขาบอกให้ผมเรียกเขาว่าพี่



“ครับพี่ติณ” ผมพูดเบาๆ ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก ก็มีสาวๆ ออฟฟิศที่กำลังจะใช้ลิฟต์ หยุดและรอให้คุณนาฏและแฟนตรีนาฏหรือพ่อของคุณติณณภพนั้นเอง เขาทั้งคู่ก็ก้าวออกไปก่อนตามด้วยพี่ติณณภพและผม สายตาสะบัดมที่ผมกันหมด



“ใครอ่ะ “มีแต่คนถาม ผมก็ยิ่งอาย ผมคงดูเหมือนเด็กกะโปโลมากที่เดินตามผู้บริหารแบบนี้



“ไม่รู้อ่ะ ไม่เคยเห็น”



“เราไปทานที่ไหนกันดีติณ “แม่ของพี่ติณณภพหันมาถา



“ข้างๆ บริษัทนี้เลยไหมครับคุณแม่ เดินไปได้เลยครับ” พี่ติณณภพพูด คุณแม่ของพี่ติณณภพหันไปมองพ่อของพี่ติณท่านก็พยักหน้าและผมก็เดินก้มหน้าก้มตาตาม ไม่กล้ามองสบตาผู้คนที่เดินผ่านจนกระทั่ง



“ตุบ! “ผมชนกับ แผ่นอกของพี่ติณณภพ เพราะว่าพี่เขาหยุดโดยที่ผมไม่รู้



“เดินก้มหน้าแบบนี้เดี๋ยวก็ชนประตูหรอกครับ ซอมพอ” พี่ติณณภพพูดขำๆ ผม



“ก็ดูซิ มีแต่คนมองผมอ่ะคุณ...เอ๊ย! พี่ติณ” ผมพูดเขินๆ ผมกับพี่ติณณภพก็เดินคุยกันไปจนถึงร้านอาหาร ดูในร้านหรูหรามาก น่าจะเป็นอาหารตะวันตก ผมก็เดินตามท่านเข้าไปนั่งด้านใน ผมนั่งฝั่งเดียวกับพี่ติณณภพ



“อยากทานสั่งได้เลยนะหนูซอมพอ” คุณแม่ของพี่ติณณภพหันมาบอกผมและท่านก็หันไปคุยกับคุณพ่อของพี่ติณต่อ พี่ติณมองผมยิ้มๆ



“ทำไมครับ ไม่ชอบหรือครับ พี่เห็นเปิดดูและผ่าน”



“คือผมไม่เคยเข้าร้านอาหารแบบนี้เลยครับพี่ติณ นี้ถ้าแม่รู้แม่ตีตายเลยครับพี่ติณ” ผมบอกพี่ติณ พี่เขาก็เหมือนจะกั้นหัวเราะผม



“แม่ชอบให้ผมทานอาหารพื้นบ้านนะครับและส่วนใหญ่เป็นอาหารทำเอง แม่ผมขี้น้อยใจนะครับ ถ้าผมไปทานอาหารนอกบ้าน” ผมพูดและก็อดคิดถึงแม่ไม่ได้ แต่นี่ผมเลือกเองที่จะมา



“พี่เลือกให้ครับ เออ เราทานรสจัดไหมครับ”



“ไม่ครับ ผมไม่ทานเผ็ดครับ “ผมบอกพี่ติณ พี่เขาก็เงยหน้ามองผมแบบยิ้มๆ ก่อนจะหมุนรายการอาหารมาให้ผมดู



“สปาเก็ตติคาโบนาร่า” ผมอ่านตามที่คุณติณชี้ให้ผมดู



“ครับน่าจะสำหรับเรา น้องสาวพี่ชอบมาก สั่งบ่อยเลยถ้ามาร้านนี้” พี่ติณพูดปนหัวเราะ ผมก็ยิ้มให้และพยักหน้าว่าเอาอันนี้ ไม่น่านพนักงานก็เข้ามารับออเดอร์ พี่ติณก็สั่งอาหารให้ทุกคนและสั่งเครื่องดื่มให้ผมอีกด้วย



“หนูซอมพอ หน้าสวยมาก แม่เป็นคนเหนือใช่ไหมคะลูก”



“ครับแม่ผมเป็นคนเหนือครับแต่พ่อผมเป็นคนกรุงเทพครับ”



“อ้าวเหรอพ่อเราเป็นคนกรุงเทพ แล้วนี่พ่อเราก็ย้ายไปอยู่ที่โน่นเลยหรือ” พ่อของพี่ติณณภพถามผม ผมพยักหน้า ผมรู้แค่ว่าพ่อผมไม่มีใครพี่น้อง เป็นลูกคนเดียวแต่ปู่กับย่าผมเสียไปหลายปีแล้วพ่อผมเลยขายบ้านที่กรุงเทพ



“ลูกหน้าตาดีขนาดนี้พ่อแม่ปล่อยมาทำงานได้ไงไกลๆ แบบนี้ ไม่เป็นห่วงแย่รึไง” แม่ของพี่ติณณภพพูดและยิ้มๆ ให้ผม



“คือผมอ้อนขอคุณพ่อนะครับ ผมอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ นะครับ “ผมพูดกับท่าน



“ติณพรุ่งนี้เราต้องไปงานแสดงเครื่องเพชรด้วยนะ แม่คงไปด้วยไม่ได้นะ คุณยายนะเขาจะให้แม่ไปดูฤกษ์งานหมั้นยายตรีใหม่และยายตรีเองก็เร่งแม่เหลือเกินเขาอยากได้เลิกที่เร็วขึ้น” แม่ของพี่ติณณภพพูด พี่ติณหันมามองหน้าผม แต่พี่ติณกับส่ายหัวเล็กน้อย



“พ่อคงไม่ไปแน่ๆ” พี่ติณพูด



“งานแบบนั้นถ้าไม่มีแม่แกไปฉันก็ไม่ไป” พ่อของพี่ติณ



“ผมเอาซอมพอไปเป็นเพื่อนละกัน เพราะว่าผมก็ไม่ค่อยชอบไปนั่งกับลูกสาวไฮโซ สวยแต่คุยไม่รู้เรื่อง” ผมก็สะบัดหน้าไปมองและต้องสำลักน้ำที่ผมยกขึ้นดื่ม



“แคร๊กๆ”



“ทำไมตกใจขนาดนั้นละครับน้องซอมพอ”



“พี่ชวนผมไปด้วยจะดีเหรอครับงานสำคัญแบบนั้น” ผมพูดเบาๆ



“เอานะ ไปเป็นเพื่อนพี่เขาหน่อย มีเพื่อนจะได้อุ่นใจ แต่ก่อนจะเป็นยายตรี แต่ตอนนี้ยายตรีเขาจะมีครอบครัวแล้ว พี่ติณเขาเลยไม่ค่อยอยากไปออกงานสักเท่าไหร่” แม่พี่ติณพูด ผมก็ยิ้มๆ ผมแอบคิดในใจเบาๆ แค่นี้ก็โดนนินทาแย่แล้วนี่ถ้าไปออกงานด้วย ตายแน่ซอมพอ



“พรุ่งนี้งานจะเริ่มราวๆ บ่ายสองโมงครั้ง พี่จะเข้าไปรับที่ห้องทำงานนะครับ ก่อนเที่ยงสักครึ้งชั่วโมง เราจะได้ไปหาอะไรทานกันก่อนและค่อยไปเข้างานนะครับ” พี่ติณณภพพูด ผมก็หันไปมองจะดีเหรอ



“นะครับ” พี่ติณบอกผมอีกครั้ง ผมหันไปเจอแม่ของพี่ติณที่ยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู ยิ่งเป็นผู้บริหารด้วยใครจะกล้าปฏิเสธละครับผมก็พยักหน้าตอบตกลงไป ผมก็นั่งทานอาหารพี่ติณก็ชวนคุยนั้นนี้ พี่ติณณภพน่ารักมาก พี่ชายน่ารักขนาดนี้น้องสาวจะน่ารักขนาดไหนนะแต่พี่ผมกับน้องสาวพี่เขารุ่นเดียวกันเลย ส่วนพี่ติณณภพก็รุ่นเดียวกับพี่น่านผมด้วย แต่พี่น่านแก่กว่าเกือบปีได้ ดังนั้นพี่ติณก็จะอายุเท่ากับพี่ณุกผมเลยซิ เกิดเดือนเดียวกันแต่ห่างกันแค่สองวันเองทำไมเขาทำให้ผมคิดถึงพี่ณุกขึ้นมาซะเฉยๆ



“ซอมพอ...ไปครับกลับขึ้นออฟฟิศกัน พ่อกับแม่พี่เขาจะรีบไปธุระต่อ” พี่ติณณภพบอกผม ทำเอาผมสะดุ้งเลยเพราะมัวแต่มองพี่ติณแต่ทำไมภาพพี่ณุกมันลอยมาแทนก็ไม่รู้



“ครับ ๆ “ผมตอบอย่างเร็ว ระหว่างที่ผมกับพี่ติณณภพกำลังเดินผ่านร้านเครื่องดื่ม ผมเห็นชาเขียวแล้วก็ นึกถึงเขา เพราะว่าผมชอบอ้อนให้พาไปคาเฟ่ ไปนั่งกินชาเขียวกับมาการอง ถ้าอาทิตย์ไหนไม่พาไปนี้งอนมาก ก.ไก่ล้านตัวเลย



“จะซื้อเหรอครับ” เสียงที่ทำให้ผมได้สติ ผมหันไปมองพี่ติณณภพ



“คือผม..”



“สั่งเลยครับ พี่รอ” พี่ติณพูด ผมก็หันมามองพี่ติณณภพ



“จะดีเหรอครับ ให้ผู้บริหารมารอพนักงานอย่างผม”



“แล้วผู้บริหารไม่ใช่คนเหมือนพนักงานอย่างคุณซอมพอเหรอครับ” พี่ติณณภพพูดหยอกผม ผมนี้เขินเลย



“ดูซิเขินก็น่ารักเชียว” พี่ติณณภพยังคงแซวผมอยู่



“จะทานอะไรดีครับ” พี่ติณณภพถามผม



“ชาเขียวลาเต้ครับ ปั่นด้วยครับ เอาหวานน้อย” ผมบอกกับคนขายเขาก็ยิ้มๆ ให้ผมสองคน



“งั้นผมเอาเหมือนกันครับ” พี่ติณณภพบอกคนขายน้ำที่อยู่ในซุ้มขายน้ำเล็กกะทัดรัดน่ารัก



“ปกติพี่ไม่ดื่มชาเขียวนะ วันนี้ลองดู “พี่ติณณภพพูดผมก็แอบเขินอีกแล้วครับ



“คนเหนือชอบดื่มชาเหรอครับ” พี่ตรีนภพถามผม



“บ้านผมก็มีไร่ชาครับ และนี้ก็เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านผมครับ ผมบอกพี่ติณณภพแต่ผมไม่กล้าบอกว่าผมีรีสอร์ตด้วย ผมกล้วเขาจะไล่ผมกลับไปช่วยพ่อแม่ดูแลรีสอร์ตดีกว่ามาเป็นพนักงานแบบนี้



“ได้แล้วค่ะ ชาเขียวลาเต้หวานน้อย สองแก้วค่ะ” ผมก็ยื่นมือไปจะหยิบแก้วชาเขียวที่วางแต่ใจตรงกันกับพี่ติณซะง้นเราหยิบแก้วเดียวกันเลย



“อุ้ย..ซอมพอก่อนเลยครับ” พี่ติณณภพพูดผมก็หยิบมาหนึ่งแก้วและส่งให้พี่ติณณภพอีกหนึ่งแก้ว



“วันนี้เลิกงานไปไหนต่อไหมครับ ซอมพอ” พี่ติณณภพถามผม ผมก็มอง



“ไปเดินห้างเล่นกันไหมครับ” พี่ตรีนภพถามผม



“ไม่ได้ครับวันนี้...คือว่า..ผมโดนทำโทษอยู่ครับ ผมโดนพี่ชายดุที่ไปทานหมูกระทะแล้วกลับดึกครับ” ผมพูดเสียงอ่อยๆ ก็วันก่อนที่พี่กัสชวนไปทานหมูกระทะ เลี้ยงรับผมและเลี้ยงส่งพี่หลินนะครับ ทานไปทานมาจนลืมดูเวลา ผมกลับถึงห้องพักผมเกือบสี่ทุ่ม พี่น่านบ่นผมชุดใหญ่เลย



“พี่ชายหวงมากเหรอครับ” พี่ติณณภพถามผมด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ



“พี่เป็นห่วงมากกว่านะครับ เพราะว่าซอมพอไม่เคยมาอยู่เมืองใหญ่ๆ แบบนี้” ผมพูดกับพี่ติณณภพ



“เอาไว้พี่คุยกับพี่ชายเราให้ไหม จะบอกว่าพี่ขอดูแลแทน” พี่ติณณภพพูด ผมเงยหน้ามองตาค้างเลย ทำตาปริบๆ พี่จะกล้าเหรอ เพราะว่าที่ผ่านมาผมไม่มีใครจีบก็เพราะพี่น่านฟ้านี้แหละมาจีบได้ไม่เกินสองวันหายหมด และเพื่อนนี้ไม่มีใครกล้าชวนผมออกไปไหนเลยนะมีกล้าแต่ก็ค่อยบ่อยอยู่สองคนคือไอ้ตองกับไอ้การ์ตูน



“ทำไมเหรอ คำพูดพี่มันเฉยเหรอครับ...ซอมพอ!” ผมก็ก้มหน้าลง และนี้มันก็เหมือนชวนเป็นแฟนเลยอ่ะ ขอพี่ดูแล แต่ว่ามันคล้ายกับพี่ณุกมากตอนที่เขาเข้ามาจีบผมใหม่ๆ ขอพี่ดูแลได้ไหม



“พี่ติณณภพครับผมขึ้นห้องทำงานก่อนนะครับ เออ นั้นพี่ๆ ที่ทำงานในห้องทำงานผมครับ “ผมกับพี่ติณณภพเดินเข้ามาในตัวอาคาร ผมก็เห็นพี่โบวี่โบกไม้โบกมือให้ผม



“ได้ครับ ... พี่จะให้คนจัดโต๊ะให้ก่อนแล้วซอมพอค่อยย้ายเข้ามาทำที่ห้องพี่นะครับ ส่วนเรื่องงานที่ห้องนั้นพี่คุยกับคุณส้มเองนะครับซอมพอ ว่าให้คุณส้มจัดหาคนใหม่ทำแทนตำแหน่งคุณหลิน” พี่ติณณภพพูด ผมก็ยิ้มๆ ระหว่างที่ผมเดินออกมา พี่ติณณภพก็ยังคงยืนมองผม ผมนี้ไม่อยากจะเชื่อเลยนี้ผมฝันไปหรือเปล่า มาถึงได้เปลี่ยนงานไปทำงานห้องผู้บริหารเลย



“ซอมพอ...พวกพี่รออยู่นึกว่าโดนเฉือดไปซะแล้ว” พี่โบวี่รีบเข้ามาหาผม



“คือว่าผม...ผมไม่ได้โดนเฉือดครับ...คุณฤดีเขาชอบงานที่ผมแก้ครับ และคุณแม่พี่ติณณภพเขาชวนผมออกไปทานข้าวด้วยเลยนะครับ” ผมบอกพี่โบวี่



“จริงซิ คุณตรีนาฏนะใจดีมากกกก” พี่โบวี่พูด



“จะมีข่าวดีหรือเปล่า” พี่แก้มแซวผมอีก ผมก็ยิ้มและส่ายหัว



“เอาละเราขึ้นไปทำงานกันเถอะ พี่กัสน่ะ ลาจ๊ะ เจ้แกมาไม่ไหววันนี้น่ะ ถ้าอย่างนั้น เราให้พี่ไปส่งแทนแล้วกันนะ ซอมพอ” พี่โบวี่พูด เพราะว่าพี่กัสอาสาขับรถพาผมกลับตลอดเลยจน วินแอบแซวผมว่าแค่เก็บค่าหมวกกันน๊อกเพิ่มถึงกับเลิกนั่งรถเขาเลยเหรอ ฮาๆ จริงๆ ไม่ใช่หรอกและผมบอกเขาไปแบบนั้น ก็พวกพี่ๆ เขาชวนติดรถกลับบ้านทุกวันนี้ครับ
TBC......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2021 07:42:24 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Part ซอมพอ วันนี้ผมตื่นมาแต่เช้าเหมือนเช่นทุกวันเพื่อลงไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋และรีบขึ้นมาแต่งตัวเพื่อจะไปทำงาน วันนี้ก็จะพิเศษหน่อยเพราะว่าพี่ติณภพจะพาผมไปออกงานด้วยไปดูแฟชั่นโชว์สวมเครื่องเพชรหรูหราและยังมีเครื่องเพชรจากบริษัทพี่ติณณภพด้วย ผมนี่รู้สึกตื่นเต้นมาก ผมเลยเลือกเสื้อผ้าสีอ่อนหวานหน่อยสวมรองเท้าสีน้ำตาลหัวตัด กับเข็มขัดที่พี่น่านฟ้าซื้อให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดปีที่แล้ว



“ตื้ดๆ” เสียงมือถือผมสั่นเพราะว่ามีข้อความเข้าในกล่องสนทนาของผมกับพี่น่านฟ้า

พี่น่านฟ้า = “ตื่นหรือยังครับซอมพอ วันนี้ไปทำงานอีกวันก็หยุดแล้วนะ”

ซอมพอ = “ตื่นแล้วครับพี่น่านผมกำลังเตรียมตัวไปทำงาน”

พี่น่านฟ้า = “จะเอาอะไรเพิ่มไหม พี่จะได้หิ้วติดมือไปให้ “พี่น่านถามผม พี่น่านบอกว่าจะมาถึงเช้าวันเสาร์และพาผมไปเที่ยว

ซอมพอ = “ไม่ครับพี่น่านเพราะว่าที่ห้องพี่ก็มีครบหมด” ผมบอกพี่น่านฟ้า

พี่น่านฟ้า = “โอเค ถ้าอย่างนั้นไปทำงาน เดินทางดีดีนะซอมพอ ถึงที่ทำงานแล้วอย่าลืมโทรหาพี่ละ”

พี่น่านฟ้า = “ห้ามไปเที่ยวไหนนะคืนนี้วันศุกร์คนเที่ยวเยอะพี่เป็นห่วง” พี่น่านฟ้าย้ำผมอีกแล้ว

ซอมพอ = “ครับคุณพ่อ”

พี่น่านฟ้า = “ซอมพอนายนี่น่ะ แต่พี่รักนายนะ เจอกันเร็วๆ นี้” พี่น่านฟ้า ผมเหลือบไปมองเวลาตายแล้วเดี๋ยวสายและช่วงนี้คนขึ้นรถไฟฟ้าเยอะมากแน่นเบียดกันจนถึงสถานีที่ผมต้องลงเลยทีเดียว บางเที่ยวก็เบียดจนไม่ที่จะยืนจนต้องรอเที่ยวต่อไป



“อุ๊บ!” ผมรีบเดินและตรงไปกดลิฟต์แต่จังหวะนั้นมีมือใครสักคนมากดพร้อมกันกับผมพอดี



“ขอโทษครับพี่” ผมหันไปมอง หนุ่มชุดนักศึกษาหน้าตาดี ผิวขาวหน้าตาไปทางเกาหลีหน่อยๆ ส่งยิ้มมาให้ผม



“ไม่เป็นไรครับ” ผมพูดและส่งยิ้มกลับให้เขา เด็กหนุ่มมองผมและยิ้มๆ ให้ผมตอบเช่นกัน จนกระทั่งมือถือของเขานั้นดังขึ้นและลิฟต์ก็มาจอดที่ชั้นผมพอดี ผมสองคนเดินเข้าไปในลิฟท์ ยังเช้าอยู่เลยยังไม่ค่อยมีคนใช้ลิฟต์เท่าไหร่



“ฮัลโหล ครับ ...ไดมอนด์กำลังไปนี้ไงครับ รู้ครับ ทำไมต้องงอนด้วยก็ไดม่อนบอกว่าไดม่อนอ่านหนังสือดึก ...เดี๋ยว...” น้องเขาเหมือนกำลังทะเลาะกับใครสักคนผ่านมือถือและปลายสายก็กดสายทิ้ง มันช่างเหมือนผมตอนที่คบกับพี่ณุกไม่มีผิด ผมน่ะพอเวลาโกรธพี่ณุก แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น เหมือนกับแฟนน้องคนนี้เลยผมคิดว่า ไม่ฟังเหตุผลเอาแต่ใจ ถ้าผมย้อนกลับไปได้ผมจะไม่ทำแบบนั้นเลยจริงๆ ผมเห็นสีหน้าน้องเขาดูจะกังวลและทำท่าจะกดมือถือไปอีกครั้ง และผมก็เดาได้ว่าปลายสายไม่รับและตัดสายทิ้ง เหมือนที่ผมทำกับพี่ณุกจนพี่ณุกต้องเดินลงจากห้องเรียนมาหาผมและง้อผม



“ทะเลาะกับแฟนเหรอครับ “ผมถาม



“แฟนผมงี่เง่านะพี่ ผมบอกว่าผมอ่านหนังสือและผมดันเผลอหลับไป ผมเลยไม่ได้โทรกลับหาเขา ทั้งที่ผมบอกว่าผมมีสอบวิชาสำคัญมาก” น้องเขาพูด



“เอาน่ะ แฟนเราคงตั้งตารอสายเราอยู่และการที่ใครบางคนกำลังงี่เง่ากับคนที่ตัวเองรักนั้นแปลว่าเขารักคนนั้นมากเหมือนมากน่ะ เขาอยากให้คนคนนั้นเอาใจใส่เขาด้วยน่ะ” ผมหันไปพูดกับไดม่อน เขาก็หันมามองหน้าผมทำท่าคิดนิดนึง



“แต่มันบ่อยเกินไปอ่ะพี่ “หนุ่มที่ยืนข้างๆ ผมพูดพร้อมกับหลุบตาลง



“ก็ไปง้อเขาหน่อย พาไปทานอะไรที่ชอบเดี๋ยวก็หาย” ผมพูดเพราะว่าพี่ณุกทำแบบนี้กับผมบ่อยและมักจะพาไปร้านประจำเป็นคาเฟ่ที่มีเด็กนักเรียนมานั่งติวเตอร์ทุกวัน เพราะว่าเขาให้ใช้ไฟไวฟรีและที่สำคัญมันไม่น่าเกลียดเพราะไม่ใช่ที่ลับตาคน คือพี่น่านฟ้าเขากลัวว่าพี่ณุกจะทำอะไรผมซะก่อน จะว่าไปก็เสียดายน่ะ เขาคือคนรักคนแรกของผม



“ไปง้อเขาในวันที่เขายังรออยู่น่ะ ถ้าเขาหายไปแล้ว…นายอาจจะไม่มีโอกาสสนั้นน่ะ “ผมพูดใจก็หวนคิดไปถึงพี่ณุก ถ้าวันนันผมไม่งี่เง่าเอาแต่ใจจนไม่ฟังพี่ณุก เขาก็คงไม่หายไปจากผม จนไม่มีแม้แต่คำลาให้ผมสักคำ



“พี่พึ่งเข้ามาอยู่ใหม่ใช่ไหมครับ ผมไม่คุ้นหน้าพี่เลย” น้องเขาถามผม ผมก็ทำหน้าแปลกใจ



“เพราะว่าตึกนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างชาติ “น้องเขาพูด ผมพยักหน้าเบาๆ



“ครับพี่มาใหม่ พี่ชายพี่เขาซื้อไว้นะครับและพี่ก็มาทำงานที่นี้” ผมบอกน้องเขา



“พี่ชื่ออะไรครับ ผมชื่อไดม่อนครับ” น้องเขาแนะนำตัว



“พี่ชื่อซอมพอครับ” ผมบอกชื่อน้องเขาทำตาโต



“ชื่อแปลกจังแต่ฟังแล้วเพราะนะครับ พี่เป็นคนที่ไหนครับ”



“พี่เป็นคนเชียงใหม่ครับ “



“อ้อ...ผมชอบไปเชียงใหม่ครับ อากาศดีที่พักก็สวยแต่แฟนผม บ้านเขามีรีสอร์ตทางภาคใต้นะครับ แฟนผมเขาเป็นคนใต้ครับ” น้องไดม่อนบอกผม ผมพยักหน้ารับและคิดถึงสาวใต้สวยๆ ตาคมๆ



“สวยแน่ๆ เลยแฟนน้องไดม่อนน่ะ” ผมพูดชม



“ฮาๆ แฟนผมไม่สวยหรอกครับ “น้องไดม่อนหัวเราะร่วนทันที



“ทำไมละ ถ้าไม่ชมว่าแฟนตัวเองสวยแล้วจะไปชมใครละ ต้องชมแฟนตัวเองไว้ก่อนซิ” ผมพูด



“แฟนผมนะหล่อครับ เขาไม่สวย เพราะแฟนผมเป็นผู้ชายครับ” น้องเขาพูด ผมก็อดขำตัวเองไม่ได้เช่นกัน



“ผมดูไม่เหมือนเกย์ใช่ไหมครับ”



“อืมม...นิดหน่อย” ผมพูด ก็น้องเขามีหนวดเคลาแบบเด็กห้าวๆ ทั่วไปถ้าบอกว่าเด็กช่างนี้ก็ได้เลยนะ ผมเชื่อสนิท



“อ้อ..ไดม่อนพี่ต้องรีบไปแล้วนะ ยินดีที่รู้จัก” ผมหันไปบอกไดม่อน เขาก็ยิ้มให้ผม



“ยินดีที่รู้จักครับพี่ซอมพอ...พี่ครับ ผมอยู่ชั้นบนพี่ไปหนึ่งชั้น ห้อง1509 พี่เรียกผมได้ตลอดเลยนะพี่ อยากมีเพื่อน” น้องไดม่อนตะโกนตามหลังไป ผมก็ยกนิ้วโป้งให้ว่าเยี่ยมเลยและผมรีบวิ่งออกจากที่พักและจะตรงไปขึ้นบันไดเพื่อไปที่สถานีรถไฟฟ้า



“ปี้น!!!” เสียงแตรรถ ผมก็หยุดและหันไปมอง มีรถจอดอยู่ที่ริมฟุตบาท รถคันนั้นก็เปิดกระจกลง พี่ติณณภพ



“ซอมพอ” พี่เขาเรียกผมไม่ดังมากแต่ก็ทำให้ผมตกใจมาก ก็ใครจะไปคิดว่าผู้บริหารจะมาจอดรถอยู่ข้างทางแบบนี้ คงไม่ได้มารอผมน่ะ



“พี่ติณ” ผมเรียกชื่อพี่เขาและเดินไปใกล้รถเก๋งคันหรูของพี่เขา



“ขึ้นซิครับ พี่จอดรออยู่พี่ไม่กล้าโทรไปกลัวน้องซอมพอยังเตรียมตัวไม่เสร็จนะครับ” พี่ติณภพพูด ผมหันซ้ายหันขวาและก็เดินวนมาขึ้นรถพี่ติณภพวันนี้พี่เขาขับรถมาเอง พี่ติณหันมามองผม



“พี่รู้ได้ยังไงว่าผมพักที่นี้อ่ะครับพี่ติณ” ผมถามพี่ติณภพ พี่เขายิ้มๆ และชูใบสมัครงานที่พี่ส้มบอกว่ายื่นเสนอพี่ติณภพอยู่ ผมทำแก้มป่อง พี่ติณก็ชะเง้อมองคอนโดที่ผมอยู่ก่อนะจหันมามองผม ผมรู้ว่าไม่มีใครเชื่อหรอกว่าผมจะพักคอนโดหรูขนาดนี้ตามลำพัง



“พักกับใครครับน้องซอมพอ” พี่ติณภพถามผม



“ห้องพี่ชายผมครับ พี่เขาซื้อไว้นานแล้วครับ เพราะว่าพี่น่านต้องมากรุงเทพทุกเดือนครับ” ผมบอกพี่ติณณภพ พี่เขาพยักหน้า



“แต่พี่ชายผมอยู่ที่เชียงใหม่กับพ่อแม่ผมครับ” ผมพูด พี่ติณณภพหันมามองหน้าผมยิ้มเล็กน้อย ผมก็นั่งนิ่งแต่ว่าพี่ติณณภพเขายังไม่ออกรถและยังหันมายิ้มให้ผมอีก ทันใดนั้นพี่เขากก็เข้าใกล้ผม เขาเอื้อมแขนมาผ่านตัวผมไป ผมนี้หลับตาปรี่นี้พี่เขาจะจูบผมเหรอ ไม่น่ะนี่มันถนนใหญ่รถผ่านไปมานะพี่ติณ



“พี่จะออกรถได้ยังไงละครับซอมพอ” พี่ติณภพพูดเชิงกระซิบกับผม



“เรายังไม่คาดเข็มขัดนิรภัย พี่จะโดนเขียนใบสั่งเอานะครับ” พี่ติณภพพูดผมก็ค่อยลืมตา พี่ติณเขาเอี้ยวตัวมาเพื่อดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ผมนั้นเอง



“ผมขอโทษครับพี่ติณ” ผมพูดแบบรู้สึกผิดที่คิดไปไกล ฮาๆ



“คิดอะไรอยู่ หึ?” พี่ติณภพถามผม



“เปล่าคิดนี่ครับพี่ติณ” ผมตอบพี่ติณแบบไม่กล้ามองหน้าพี่ติณภพตรงๆ กลัวเขาจับได้



“เอี้ยด!!!” ระหว่างที่พี่ตริงกำลังจะออกรถก็มีรถสปอร์ตคันหนึ่งเลี้ยวออกมาอย่างเร็วดีนะที่พี่ติณภพเบรกทัน แต่ก็ทำเอาผมเกือบหัวทิ่ม



“ซอมพอพี่ขอโทษ เป็นอะไรไหมครับ “พี่ติณภพถามผมทันทีด้วยความตกใจ ผมก็ชะเง้อมองรถคันนั้นที่เปิดกระจกดู นั้นมันนายไดม่อนนั้นเอง เขามองผมก่อนจะลงจากรถมาที่รถผมที่ผมนั่ง ผมก็หันไปมองพี่ติณภพและเลื่อนกระจกลง พี่ติณภพก็มองนายไดม่อนเช่นกัน



“พี่ซอมพอ ผมขอโทษครับพี่เป็นอะไรไหมครับ พอดีผมมัวแต่อ่านข้อความในมือถือนะครับ” ไดม่อนบอกผม



“ไม่เป็นไรครับไดม่อน” ผมพูด



“นิ นายขับรถยังไงของนาย นายรู้จักให้ทางไหม ทางโทต้องให้ทางทางเอกก่อน” พี่ติณภพพูด ไดม่อนก็มองหน้าพี่ติณภพ ผมก็มองหน้าสองคนสลับไปมาเช่นกัน



“ก็ลุงนะมัวแต่ทำท่าจะออกไม่ออกไง “ไดม่อนถามพี่ติณภพ และมาเรียกพี่ติณว่าลุงอีก คนข้างๆ ผมคงอยากจะลงไปเตะนายไดม่อนแย่แล้ว



“นาย” พี่ติณภพ



“เอาเป็นว่าพี่ไม่เป็นอะไรแล้วกันนะไดม่อน และไดม่อนควรจะระวังหน่อยนะ รู้ไหมครับ” ผมพูดเพื่อตัดบทไม่อยากให้ทั้งคู่ทะเลาะกันเลยและรถนายไดม่อนก็จอดขวางทางออกอยู่ด้วย



“ไดม่อนมีรถจะออกต่อจากรถเรานะ” ผมบอกไดม่อน



“ดีนะลุงที่มีรถคันอื่นรออยู่นะ” ไดม่อนด์พูดกับพี่ติณภพ



“พี่ซอมพอ..วันนี้เลิกงานเร็วไหมครับ ผมว่าจะชวนพี่ไปหาอะไรทานใกล้ๆ ผมอยู่คนเดียวเหงา” ไดม่อนเอ่ยชวนผมซะงั้น ผมหันมามองพี่ติณภพ



“เหงาก็ชวนเพื่อนดิ ไม่มีใครคบเหรอที่มหา’ลัยนะ” พี่ติณภพพูด



“มีเยอะด้วยแต่..อยากไปกับเพื่อนใหม่ “น้องไดม่อนพูด



“นะครับพี่ซอมพอ...ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนบ้านกัน” น้องไดม่อนพูด



“ซอมพอ...วันนี้คงเลิกเย็นมากพี่ว่าจะแวะทานอาหารเย็นเลย พี่ก็ไม่มีเพื่อนทานเหมือนกันกว่าจะขับรถกลับไปถึงบ้าน พ่อแม่พี่คงทานกันหมดแล้วพี่ก็คงหิวไส้กิ่วเลย” พี่ติณภพ ทำเอาซอมพอไปไหนไม่ถูกเลย ซ้ายก็ไดม่อนที่เพิ่งรู้จักกัน ขวาก็พี่ติณภพเจ้านายที่ทำงาน เออ...แล้ว .ผมควรจะ..



“ไดม่อนเอาเป็นวันอาทิตย์ได้มั้ยครับ คุณติณภพเขาเป็นเจ้านายพี่ พี่ต้อง”



“ใช้แรงงาน” ไดม่อนพูด



“แต่ก็ได้ครับพี่ซอมพอ ขอทั้งวันเลยนะ” ไดม่อนพูด



“ไดม่อนไปออกรถได้แล้วหลายคันแล้วนะที่รอจะออกและพี่ต้องไปทำงานแล้วพี่จะสายเอาได้นะครับ” ผมบอกไดม่อน เขาก็พยักหน้ายิ้มให้ผมแต่มาแยกเขี้ยวให้พี่ติณภพซะงั้น พี่ติณภพก็ชิ้งออกรถทันที



“อะไรกัน เสน่ห์แรงไปไหมซอมพอ ดูซิเด็กมหาลัยจีบด้วยอ่ะ” พี่ติณภพพูดเหมือนแซวผมเลยนะ ผมก็แอบเขินแต่ผมนะไม่ได้คิดกับทุกคนซะหน่อย แอบทำแก้มป่อง



“ทานอาหารเช้ามาหรือยังครับซอมพอ” พี่ติณภพถามผม ผมหันไปมองพี่ติณ



“พี่มีคาเฟ่ใกล้ๆ กับที่บริษัท พี่แวะทานกับตรีประจำก่อนไปส่งเขาที่โรงเรียน โรงเรียนของตรีเขาจะอยู่ใกล้ๆ กับบริษัทครับ” พี่ติณภพบอกผมและชี้ให้ผมดู เป็นโรงเรียนสามภาษานั้นเอง ผมยิ้มให้พี่ติณภพ พี่ติณก็ยิ้มกลับมาให้ผมและพี่ติณก็เลี้ยวรถเข้าไปด้านหลังคาเฟ่แห่งหนึ่ง



“เชิญครับ” พี่ตรีนภพจอดรถและรีบเดินลงไปเปิดประตูให้ผมทันที ผมนี้เขินหนักเลยครับแต่ก็ก้าวเท้าลงมาจากรถ ผมกับพี่ติณภพผมเดินเข้าไปในร้าน ดูพนักงานจะคุ้นเคยกับพี่ติณภพดี ผมก็เดินตามพี่เขาเข้าไปนั่ง



“ทานอะไรดีครับซอมพอ”



“เออ ...ผมขอเป็นข้าวต้มกุ้งครับพี่ติณ” ผมบอกพี่ตริง พี่เขาก็ขมวดคิ้ว



“ข้าวต้มกุ้งเป็นอาหารเช้าเหรอครับ ไม่หนักไปหน่อยเหรอครับ” พี่ติณภพถามผม



“ไม่หรอกครับ ปกติอยู่บ้านทานชุดใหญ่กว่านี้ แม่ผมนะทำไว้เยอะทุกวันครับ” ผมพูด



“ปกติของพี่ก็แค่ขนมปังปิ้งไข่ดาว แฮม ไส้กรอก และของโปรดพี่นะ egg benedict sauce อันนี้แม่บ้านพี่ทำให้ทานบ่อยเพราะว่าพี่ชอบตั้งแต่ตอนไปเรียนที่อเมริกาแล้วครับ” พี่ติณภพพูด ผมก็ทำตาโตพี่เขาเรียนที่อเมริกาด้วยเหรอ



“พี่ไปอยู่กับพี่สาวของแม่พี่นะครับส่วนน้องสาวพ่อพี่ยังไม่อยากส่งไปและเพิ่งตัดสินใจส่งไปตอนที่เขาจบม.3 นะครับ พี่น่ะไปเรียนตั้งแต่ม.1เลยครับ” พี่ติณภพพูด ผมก็ยิ้มๆ ผมนั่งทานอาหารกันไปจนเสร็จเรียบร้อยพี่ติณภพก็พาผมไปยังที่ทำงาน จริงๆ ก็ไม่ไกลจากที่พักผมเท่าไหร่แต่แค่ต้องนั่งรถไฟฟ้า มันอ้อมไปหน่อยถ้าขับรถเองก็สามารถเข้าซอยทางลัดได้นั้นเอง



“ซอมพอ...พี่ลงมารับตอนเที่ยงนะครับ “พี่ติณภพบอกผม ผมก็พยักหน้าและรีบเดินไปรูดบัตรเข้าทำงานปกติ



“อ่อยเก่งเนอะเรานะ ไปยืนอ่อนท่าไหนละคุณติณภพถึงลากขึ้นรถมาด้วยนะ” พี่วุ้นที่เป็นเลขาฯ ของพี่ติณณภพทักผมแบบไม่ค่อยดีหนัก ผมหันไปมองเขา



“ผมไม่ได้อ่อยอะไรใครนี่ครับ” ผมพูดขึ้น



“ถ้าไม่อ่อยจะมาพร้อมกันแบบนี้เหรอ ไม่น่าจะใช่ความบังเอิญหรอก โกหกไม่เนียนไปเรียนมาใหม่!” พี่วุ้นหันมาพูดกระแทกเสียงใส่ผม



“ซอมพอ...” พี่กัสนั้นเองที่เดินมาหาผมและมองพี่วุ้น



“มีอะไรหรือเปล่าซอมพอ...เหมือนกับมีชะนีตาร้อนแถวนี้” พี่กัสพูดและมองหน้าผมพร้อมกับเหล่ตามองพี่วุ้นที่ยืนกอดอก



“พี่ไม่มาวันเดียวได้ข่าวว่าซอมพอจะย้ายไปทำงานที่ห้องคุณติณภพเหรอ พี่ดีใจจริงๆ เลย พี่ดูก็รู้ว่ารูปร่างหน้าตาผิวพรรณแบบนี้ ต้อง...”



“ต้องอะไร...คุณติณภพก็แค่ให้ไปนั่งเฝ้าเอกสาร” พี่วุ้นพูด



“แต่ยังดีกว่าเลขาแบบเธอที่โดนถีบไปนั่งไกลเจ้านาย อ่อยไม่ขึ้นไม่มีวาสนาแถมยังพาเขารำคาญ เธอนะควรจะไปเรียนอ่อยมาใหม่!”



“นี่!!” พี่วุ้นหันมาชี้หน้าพี่กัส



“เอาซิ เดี๋ยวกูตบให้ซิลิโคนกระเด็นเลย”



“พี่กัสพอเถอะคนมองใหญ่แล้ว” ผมรีบห้ามพี่กัสก่อนและพากันเดินออกจากจุดรูดบัตรทันที



“ยายชะนีหน้าวอกนี้มันอิจฉาซอมพอ เพราะว่าทุกคนรู้ พี่รู้ แม่คุณติณภพก็รู้ว่านางอ่อยคุณติณอยากได้คุณติณภพจน...สั่นไปหมด” พี่กัสพูด



“แต่พี่เชื่อว่าเรามีดีกว่านางชะนีนี้เยอะ พี่ดีใจด้วยนะ ได้ดีอย่าลืมพี่กัสนะคะ” พี่กัสพูดกับผม



“พี่กัส ผมไม่ได้ไปได้ดีอะไรแค่เปลี่ยนที่นั่ง ยังไงผมก็ยังเป็นพนักงานเหมือนพี่นะครับ”



“แม้แววนายหญิงมาแล้ว คว้าเลย คุณติณภพนะเป็นผู้ชายที่อบอุ่น พี่ยังแอบฝันเลย แต่น้องได้ดีพี่ก็ดีใจ “พี่กัสพูดระหว่างที่ผมเดินขึ้นไปยังห้องทำงาน



“ซอมพอ” พี่ส้มเรียกผมไว้ขณะที่ลิฟต์เปิดออกพี่เขาก็รีบออกมาจากลิฟต์ทันที



“พี่กำลังจะโทรตามเราพอดีเลย พี่ต้องทำบัตรพนักงานให้เราใหม่นะ แม้มาทำงานไม่ถึงอาทิตย์ตำแหน่งเลื่อนเลยนะ “พี่ส้มบอกผม ผมก็ยังคงทำหน้างง



“เลื่อนเป็นอะไรคะพี่ส้ม เมียเจ้าหรือของเปล่า” พี่กัสพูด



“เลขาหมายเลข 1 ค่ะ ส่วนแม่วุ้นอะไรนั้นตกไปเป็นธุรการค่ะ” พี่ส้มพูดและพากันแตะมือกับพี่กัส ผมก็มองมีอะไรกันหรือเปล่า



“แม่คนนี้นะ มาถึงก็วางมาดเลขาและก็หาเรื่องเขาไปทั่วกะว่าฉันได้ใกล้ชิดคุณติณภพและอ่อยคุณติณแต่...”



“เขาไม่เล่นด้วย” พี่กัสกับพี่ส้มพูดพร้อมกันประโยคนี้



“แถมนางยังพยายามทำเรื่องน่าเกลียดกับคุณติณ ไม่มียางอายเอาซะเลยจน” พี่กัสหันมามองหน้าผมแอบเบ้ปากนิดนึง ผมก็เลิกคิ้วสูงว่าเขาทำอะไรที่น่าเกลียดเหรอ แต่พี่กัสก็ไม่ได้พูดต่อ



“คุณแม่เขาเลยให้ไปนั่งไกลโพ้นเลย สมน้ำหน้าเนอะพี่ส้ม” พี่กัสพูด ผมก็ยิ้มๆ เพราะว่าผมไม่รู้เรื่อง ผมมาที่หลัง ผมก็เข้าไปนั่งและหยิบงานที่ผมทำค้างไว้นั้นคือแหวนแต่งงานน้องสาวพี่ติณภพ ผมก็นั่งทำไปเงียบ พี่โบวี่เดินเข้ามาก็ยิ้มทักทายผมไม่ได้พูดอะไร เพราะว่าผมต้องการสมาธิ



โต๊ะทำงานผมก็ยังไม่เรียบร้อยเพราะว่าต้องรอให้บริษัทคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้ซะก่อน ผมเลยขอนั่งทำงานที่ค้างให้หมดก่อนที่ผมจะย้ายไปนั่งเป็นเลขาฯ พี่ติณณภพ คิดแล้วผมก็รู้สึกผิดนะ เหมือนกับว่าผมน่ะเข้ามาแย่งตำแหน่งงานพี่วุ้นเขายังไงก็ไม่รู้ แบบนี้เขาคงไม่ชอบหน้าผมแน่ๆ ดูแล้วน่าจะเกลียดผมไปเลยด้วยซ้ำ โธ่เอ๋ย! ไอ้ซอมพอ ยิ่งไม่อยากมีปัญหากับใครอยู่

TBC.....

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Part ซอมพอ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงคนมาเคาะประตูห้องทำงานที่ผมนั่งอยู่ พี่ๆ หันมามองหน้ากันก่อนที่ พี่โบวี่เป็นคนอาสาเดินออกไปเปิดและกลับเข้ามาพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มสี่แก้ว ผมก็เงยหน้าขึ้นมอง



“ลาภปาก ....คุณติณเขาซื้อให้ซอมพอและก็เลยซื้อให้พวกเราด้วยค่ะ ชาเขียวจากร้านดังด้วย” พี่โบวี่พูดและเอาแก้วเครื่องดื่มมาวางให้ผมถึงโต๊ะทำงานของผมแถมยังมีเขียนโน้ตแปะมาด้วยว่า



อย่าลืมนะครับเจอกันตอนเที่ยง (ตั้งใจทำงานนะครับ)

จากพี่ติณภพ



ผมอ่านข้อความก็อดยิ้มไม่ได้แต่ระหว่างนั้นก็มีสายตาพี่ๆ แอบมองผม ยิ่งทำให้เขินกันไปใหญ่ นานมาแล้วน่ะที่ผมไม่มีใครกล้าจีบแบบนี้ เพราะว่าผมอยู่ห่างพี่จอมหวงของผมด้วยมั้ง



“ดูซิคนมีความรักอ่ะ น่าอิจฉาอ่ะ “พี่โบวี่พูด



“พี่โบอ่ะ อย่าแซวผมซิ ผมเขิน” ผมพูด และก้มหน้าก้มตาทำแหวนต่อไปจนเสร็จเรียบร้อย ผมเห็นพี่กำลังจะเตรียมตัว ผมก็มองนาฬิกา นี้เที่ยง ห้านาทีแล้ว ผมต้องรีบไปแล้ว ผมก็จัดการเก็บของทุกอย่างลงลิ้นชักใส่กุญแจ พรุ่งนี้ผมจะเอาไปส่งให้คิวซีเขาตรวจสอบก่อน



“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูก่อนจะมีคนเปิดเข้ามา และคนนั้นก็คือพี่ติณณภพ



“สวัสดีค่ะคุณติณ” พี่ๆ ทุกคนทักทายพี่ติณณพกัน ผมก็มองอย่างรู้สึกผิดที่ผมไม่ตรงเวลา



“สวัสดีครับ เออ ผมมารับซอมพอไปทานข้าวและว่าจะชวนไปดูงานเป็นเพื่อนผมนะครับ” พี่ติณณภพบอกพวกพี่ๆ ทุกคนหันมาเหล่มองผมและทำท่าจะแซวผมด้วยแต่ก็คงเกรงใจพี่ติณณภพอยู่



“ได้เลยค่ะ งั้นพวกเราไปนะ ไม่อยากเป็น กขค” พี่กัสพูด ผมรีบทำแก้มป่อง พี่ติณภพก็ยิ้มๆ ไม่มีแก้ให้ผมเลยนะพี่ติณณภพ ทุกคนก็เดินออกกันหมด มีโบกมือบายๆ ผมด้วยนะ



“ผมขอโทษครับพี่ติณที่ผมไม่ตรงเวลานัด” ผมพูดขอโทษพี่ติณณภพใหญ่เลย



“พี่โกรธมากนะ” พี่ติณพูด ผมก็ทำหน้าเศร้า



“ต้องทำโทษ...เลือกร้านอาหารให้พี่เลย เอาที่ซอมพอชอบ” พี่ติณพูด ผมเงยหน้ามองนี้คือคนโกรธเขาทำกันเหรอครับ



“อ้าว! นั้นแหวนน้องสาวพี่หรือเปล่าครับ” พี่ติณณภพถามผม



“ครับ ผมว่าจะเอาไปให้คิวซีดูก่อน” ผมบอกพี่ติณณภพ พี่ติณก็เดินมาหยิบขึ้นมาดูและมองผมและมองที่แหวน



“ถ้าไม่สวยผมแก้ให้ใหม่นะครับ” ผมพูดกับพี่ติณณภพด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ พี่ติณณภพมองหน้าผมและยิ้มๆ



“สวยครับ ไม่ต้องถึงมือคิวซีหรอกครับ พี่ว่าผ่าน “พี่ติณฯภพพูดและหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป



“พี่ติณ ผมยังไม่รู้ว่ามัน”



“ผ่านแล้ว พี่ยืนยันให้ “พี่ติณณภพพูด ผมก็ยิ้มเขินๆ



“เราไปหาอะไรทานกันก่อน ไปทานที่ห้างพี่ขับรถไปประมาณครึ้งชั่วโมง น้องซอมพอหิวมากไหมครับ” พี่ติณภพถามผม ผมก็ยิ้มๆ และส่ายหัวเบาๆ



“งั้นเราไปกันดีกว่านะครับ ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงแต่ละร้านคนเยอะครับซอมพอ พี่กลัวน้องซอมพอจะไม่ได้ทานและพี่ติณจะรู้สึกผิดมาก” พี่ติณณภพ บอกผม ผมก็พยักหน้าตามนั้น ผมเดินลงมากับพี่ติณ



“พี่ไม่ได้ขับรถไปเองนะครับ พี่ไปรถบริษัท เพราะว่าถ้างานเลิกเย็นมาก หรือว่าต้องไปออกงานที่พี่ต้องดื่มพ่อแม่พี่ไม่อยากให้พี่ขับเองครับ” พี่ติณณภพพูด ผมก็พยักหน้า



“ส่วนรถพี่คนขับรถที่บ้านจะขับพาพ่อกับแม่พี่กลับครับ” ผมพยักหน้าตามนั้น ระหว่างที่เดินทางจะออกที่ไปที่ด้านหน้า ผมหันไปเจอสายตาอาฆาตของพี่วุ้น เขามองผมและยืนกำกระดาษ พี่ติณณภพคงสังเกตผม



“มีอะไรหรือเปล่าครับซอมพอ” พี่ติณภพถามผม



“เออ...ไม่มีอะไรครับพี่ติณ”



“งั้นเราไปขึ้นรถกันนะครับ” พี่ติณณภพบอกผมและเอาแขนเหมือนมาโอบที่เอวผมพร้อมค่อยดันผมเดินไปข้างหน้าเบาๆ ผมยังคงเห็นสายตาพี่วุ้นผ่านกระจก ผมแอบกลัวอยู่นะ ผมเข้าไปนั่งในรถคันหรูลีมูซีมของบริษัท



“ออกรถได้เลยครับพี่พงษ์” พี่ติณณภพเงยหน้าขึ้นบอกพี่คนขับรถของเขา



“ครับคุณติณ ไปที่ห้างก่อนใช่ไหมครับ” คนขับรถของพี่ติณณภพถามขึ้น



“ใช่ครับ ผมจะไปทานอาหารกันก่อน “พี่ติณบอกพี่คนขับรถ



“ครับผมคุณติณ” พี่คนหันมาพูดกับพี่ติณณภพและส่งยิ้มให้ผมผ่านกระจกมองหลัง ผมก็ยิ้มกลับเช่นกัน



“พี่พงษ์นี้น้องซอมพอครับ เขามาเป็นเลขาฯ ผมแล้วครับ” พี่ติณณพแนะนำผมกับพี่พงษ์ พี่เขาก็พยักหน้ารับทราบ ผมนี้เขินอีกแล้วก็ผมผู้ชายนี้ครับ



“พี่ติณครับ ทำไมพี่ให้ผมเป็นเลขาละครับทั้งที่ พี่มีพี่วุ้นเป็นเลขา” ผมถามพี่ติณณภพ



“คือว่า...พี่ว่าเขาไม่น่ารัก ไม่ควรจะเป็นเลขาพี่นะครับซอมพอ คนที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ควรมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี นี้เขาเที่ยวไปคุยกับใครๆ ว่าพี่กับเขากำลังจะคบกันเพื่อข่มคนอื่น พี่ไม่ชอบและ..” พี่ติณณพพูด ผมก็ได้แค่ยิ้มๆ เพราะผมไม่ทราบตื้นลึกหน้าบางระหว่างพี่วุ้นกับคุณติณมากหนักแต่พอจะได้ยินมาว่า พี่วุ้นอยากจับคุณติณแค่นั้น แต่ด้วยวิธีอะไรผมไมได้ถาม



“อย่าให้พี่พูดเลยนะซอมพอ มันน่าเกลียดน่ะ เอาไว้เราก็คงรู้เองแหละ ...” พี่ติณณภพพูด ผมก็พยักหน้าและไม่กล้าถามต่อ



“แล้วนี่ เขาข่มเราหรือเปล่า” พี่ติณถามผม ผมก็ส่ายหัวทันที ทั้งที่ผมก็เพิ่งเจอมาสดๆ ร้อนตอนเช้าเลยแต่ผมไม่ใช่คนจุกจิกช่างฟ้องเลยไม่บอกจะดีกว่า



“ถ้าเขาว่าอะไรเรา บอกพี่น่ะ ถึงเขาจะเป็นลูกสาวเพื่อนแม่พี่แต่ถ้าทำตัวไม่น่ารักพี่ก็ไม่อยากได้ คนที่อยากทำงานมีเยอะ เช่นซอมพอ” พี่ติณณภพพูดผมก็ยิ้มๆ ให้



“แป๊บหนึ่งนะครับ น้องสาวพี่โทรมาครับ” พี่ติณภพพูดและกดรับสายเฟสไทม์ จากมือถือไอโฟนรุ่นล่าสุด รุ่นหลังจากผมอีก ผมนะไม่อยากฟุ่มเฟือยแต่นี้พี่น่านฟ้าซื้อให้เป็นของขวัญหลังจากที่ผมเรียนจบมหาวิทยาลัย



“พี่ติณ...แม่บอกว่าพี่จะมีแฟนเหรอ” พี่ติณเปิดลำโพงคุยกับน้องสาว พี่ติณหันมายิ้มให้ผม ผมก็ทำหน้าตาเหลอหลาซิครับเงยหน้ามองพี่ติณ



“ไม่รู้ซิ น้องเขาบอกต้องไปขอพี่ชายเขาก่อน”



“ขอน้องดูหน่อยน่ารักหรือเปล่า” น้องสาวพี่ติณบอกพี่ติณขอดูหน้าผมหน่อย ผมนี้เขินอีกแล้วผมกลัวเขาจะว่าผมเป็นเด็กกะโปโลจังและพี่ติณณภพก็เบนมือถือมาที่ผม



“น่ารักอ่ะ ชอบๆ สวัสดีค่ะซอมพอ” น้องสาวพี่ติณภพ เขาดูน่ารักตาคมและหน้าหวานมาก ดูสวยมากหน้าเขาเหมือนกับขวัญ อุษามณีเลย



“คุณตาของคุณตาของแม่พี่อีกที เขาเป็นคนแขกขาวน่ะครับ พี่นะได้พ่อมาเต็มๆ น้องสาวพี่ได้ทางแม่ไปเยอะกว่าพี่ เลยดูเหมือนลูกครึ้งใช่ไหมครับ” พี่ติณภพพูด ผมก็ยิ้มโบกมือทักทายน้องสาวพี่ติณ แต่จะว่าไปผมก็เห็นแววแขกขาวนิดๆ จากพี่ติณภพนะ ผมคิดในใจ



“เราชื่อตรีนะซอมพอ”



“ยินดีที่รู้จักครับตรี”



“คนนี้เหรอที่ทำแหวนให้ตรีเหรอคะ” น้องพี่ติณภพพูด ผมก็ยิ้มให้เขา



“ใช่ครับ ผ่านไหมครับตรี” พี่ติณณภพพูดและหันมามองหน้าผมอีก



“ผ่านซิคะ สวยมากเลย ขอบใจนะซอมพอ “ตรีญาดาพูด ผมก็ยิ้มแก้มแทบปรีเหมือนกันมีคนชมผม



“แล้วไอ้ตัวแสบละไปไหน”



“ไปดูงานค่ะที่สิงคโปรไปเมื่อวานค่ะไปกับพี่มาร์ค” ตรีญาดาพูด คงเขาหมายถึงแฟนเขา



“น้องพี่จะกลับมาหรือยังครับ” พี่ติณณภพพถามน้องสาวเขา



“อยากไปใจจะขาดเพราะว่างานหมั้นก็ใกล้แล้วแต่ตรียังเหลืออีกวิชาเดียวมันมีปัญหานะพี่ติณไม่งั้นน่ะ ไปสิงคโปรกับด้วยแล้วไม่มานั่งเหงาอยู่คนเดียวแบบนี้หรอก” ตรีญาดาพูดด้วยน้ำเสียงเหงางอนตามประสาผู้หญิง



“เอานะ เอาเรื่องเรียนเราให้เรียบร้อยก่อน แล้วนี่ไอ้ตัวแสบมันไปวัดตัวตัดชุดหรือยัง ทำไมพี่เห็นมีแต่เรานะที่วุ่นกับงานแต่ไอ้”



“ตรีไม่อยากทะเลาะกันอีกอ่ะพี่ติณ และก็ยุ่งกันมากด้วยช่วงนี้พี่ติณ ตรีเลยไม่อยากไปเซ้าซี้” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเสียใจและน้อยใจ



“พี่ก็เข้าใจนะตรีแต่” พี่ติณณภพพูดและหยุด พร้อมกับหันมามองหน้าผม



“พี่ว่าถ้าไม่พร้อมเลื่อนไปก่อนไหมล่ะตรี”



“พี่ติณทำไมพูดแบบนั้นละ ตรีอยากเลื่อนเข้ามาอีกด้วยซ้ำไปและอยากจะเลื่อนงานแต่งด้วยอ่ะพี่ติณ” ตรีญาดาพูด ผมเลยหันไปดูอย่างอื่นนอกรถดีกว่าเพราะว่านี้คือเรื่องส่วนตัวของพี่ติณกับน้องสาวเขา



“ตรี มีอะไรหรือเปล่าทำไมเรา อย่าบอกนะว่า”



“ไม่หรอกค่ะพี่ติณ ตรีแค่กลัวไปเอง”



“มันมีคนอื่นหรือไง่”



“ไม่เชิงแต่..ไม่รู้ซิ ตรีอาจจะคิดมากไปเองพี่ติณ แต่บางที่ก็ทำเหมือนตรียังไม่ใช่แฟนเขานะพี่ติณ” ตรีญาดาพูด ผมนี้เข้าใจเขาเลยคือเวลามีคนรักก็ต้องรู้สึกระแวงว่าจะมีคนมาแย้งเขาไปตลอดเวลาคอยคิดนั้นนี้ แต่พอผมเลิกกับพี่ณุก ผมกับไม่ได้ไปคิดอะไรแบบนั้นอีกเลย



“เอานะ ถ้าพี่เจอมันพี่จะบ่นมันซะหน่อย” พี่ตรีนภพพูด



“ไม่เอานะเดี๋ยวก็หาว่าตรีเป็นคนขี้ฟ้องและดูพ่อตัวดีของพี่น่ะทำท่าไม่พอใจถ้าโดนพี่ติณบ่นหรือว่าเอาทุกทีเลย "  ตรีญาดาพูด 


"เอาเป็นว่าตรีจะรีบบินไปดูหน้าพี่สะใภ้เร็วๆ นี้นะ อ้ออยากได้ไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ป่ะ คิกๆ “น้องสาวพี่ติณภพพูด พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูก็รู้ว่าเขามีสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ แต่ก็ยิ้มให้พี่ชายของเขา


“ไม่ได้ ไม่ได้ เดี่ยวเพื่อนไอ้เจ้าบ่าวมันจีบของพี่ พี่หวง” พี่ติณภพพูด ผมหันมาอยากตีจริงๆ เลย ทำไมพูดแบบนั้นนะ พี่ติณภพยิ้มให้ผมและหยักคิ้วที่ดูเจ้าเหล่ให้ผมด้วย ทำไมทุกกิริยาบทของพี่เขามันช่างคล้ายกับเขาคนนั้นเหลือเกิน พี่ณุก 



“ถ้าอย่างนั้นก็รีบขอซอมพอเลยซิจะได้แต่งไปพร้อมกันเลย “ตรีญาดาพูด ผมนี้อยากเอาหน้าหมุดหายไปอยู่ใต้เบาะจริงๆ เลย พี่ติณณภพยิ่งมองหน้าผมเข้าไปอีก



“ต้องรีบทำความรู้จักคุณพี่ชายน้องซอมพอด่วน “พี่ติณภพพูด



“พี่ติณณภพ ตรีต้องรีบไปมหาลัยแล้ว ตรีจะโทรหาแม่หลังจากกลับมาแล้วนะคะ “ตรีญาดาบอกพี่ติณณภพ



“ได้ครับพี่จะบอกแม่ให้ อย่าโทรดึกนะครับเพราะว่าพี่อยากให้คุณแม่กับคุณพ่อเขาพักผ่อนมีเวลาสวีทกันบ้าง” พิ่ติณพูด



“ค่ะพี่ติณ ซอมพอ ตรีไปก่อนนะ เจอกันเร็วๆ นี้นะว่าที่พี่สะใภ้ “ตรีญาดาพูดผมก็ยิ้มและโบกมือบ่าย บายให้ก่อนที่สายจะถูกตัดไป รถก็แล่นมาจอดที่ตัวห้างพอดีเลย วันนี้รถติดนิดหน่อย



“วันนี้คงเพราะบางบริษัทเลิกงานเที่ยงนะครับ” พี่พงษ์หันมาบอกผมกับพี่ติณ



“พี่ชายซอมพอมาหาวันไหนครับ พี่อยากชวนไปทานอาหารที่บ้านพี่” พี่ติณณภพถามผม ผมก็มองจะดีเหรอ



“นะครับ พี่จริงจัง”



“พี่หมายถึง” ผมเอ่ยถาม



“ซอมพอ พี่รู้สึกชอบตั้งแต่ที่พี่เดินเข้าไปเจอในห้องที่ซอมพอคุยกับพ่อแม่พี่แล้ว และพี่บอกพ่อกับแม่พี่ตรงๆ พ่อแม่พี่เป็นคนสมัยใหม่ ไม่ยึดติดกับเพศครับ ท่านไม่ได้รังเกียจเรื่องความรักแบบเพศทางเลือกครับ” พี่ติณภพพูด ผมก็ทำหน้าไม่ถูกมันบอกไม่ถูกจริงๆ



“คือเออ” ผมจะบอกยังไงดี ผมก็ยังกลัวกับความรักแบบนี้อยู่ดี



“นะครับ พี่อยากมีใครสักคนเคียงข้างบ้างแล้วตอนนี้ อยากมีคนไปไหนด้วยกัน เดินทางไปด้วยกัน พอวันหยุดก็พากันไปนั้นไปนี้ที่เราชอบ นะครับ” พี่ติณภพพูด ผมก็ทำตาปริบๆ



“ผมจะบอกพี่น่านฟ้าให้นะครับ พี่น่านมาวันเสาร์นี้ครับ” ผมบอกพี่ติณ ผมคงรอให้พี่น่านฟ้ามาก่อนแล้วค่อยบอก เพราะถ้าบอกไปพี่น่านก็จะไม่เห็นด้วยและก็พาลจะพาผมกลับเชียงใหม่ด่วน ผมอยากให้พี่น่านเจอพี่ติณภพได้ลองคุยกับพี่ติณและครอบครัวพี่ติณพี่น่านจะได้สบายใจ เหมือนผม ผมรู้สึกอบอุ่นที่ได้ทำงานที่นี้ยังไงก็ไม่รู้แม้จะคิดถึงบ้านมากก็ตาม



“พี่ว่าเราลงไปหาอะไรทานกันก่อน ตกลงเราเลือกได้หรือยังว่าทานอะไรดี” พี่ติณภพเอ่ยถามผม ผมก็ยิ้มๆ เพราะผมลืมไปเลย



“คงต้องให้พี่ติณเลือกแล้วละครับ ผมมัวแต่ฟังตรีเลยลืมคิดไปเลยอ่ะครับ” ผมบอกพี่ติณณภพ พี่เขาแอบหัวเราะผม



“ถ้าอยางนั้นเราลองไปทานที่ร้านอาหารเวียดนามดูไหมครับ” พี่ติณภพพูด ผมก็พยักหน้าแบบว่าตอนนี้อะไรก็ได้ พี่ติณจับมือผมตอนขณะกำลังจะข้ามถนนเพื่อนเข้าไปยังตัวห้าง ผมนี้รู้สึกหน้าแดงๆ ร้อนๆ ยังไงก็ไม่รู้ เขินหนักไปอีกแล้วนะซอมพอ ผมแอบบอกตัวเองในใจ พี่ติณพาผมไปที่ร้านอาหารเวียดนามและก็สั่งมาทานกับผมหลายอย่างเลย ผมรู้สึกชอบ พี่ติณบอกว่าจะพาผมมาทานอีกบ่อยๆ

TBC.....

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
      Part พี่ติณภพ ผมไม่เคยเจอรักแรกผมมาก่อน และผมก็ไม่เคยเชื่อว่ามันจะมีจริงๆ จนกระทั่งผมได้พบเจอซอมพอครั้งแรก ในห้องทำงานของคุณพ่อและคุณแม่ของผม แม่ผมเองยังบอกว่ารู้สึกชอบซอมพอเลยตั้งแต่แรกพบเหมือนกัน น่าจะเป็นเพราะแม่อยากมีลูกสาวอีกคน ที่จริงแม่ผมมีน้องสาวสองคน คนกลางเสียไปหลังจากที่ผมเดินทางไปอยู่กับป้าผมที่อังกฤษ

        อายุอานามของผมในตอนนี้ก็เกือบจะสามสิบแล้ว หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เข้ามาช่วยพ่อแม่ดูแลกิจการทันที ผมไม่มีเวลาไปหาคู่รักกับใครเขาด้วยความที่ผมยังไม่เจอคนที่ใจผมต้องการด้วย แม้กระนั้นก็ไม่วาย พี่สาวของแม่ผมก็พยายามหาผู้หญิงมาให้ผมรู้จักแต่เคมีไม่ตรงกันสักคน ไปทานข้าวด้วยกันผมก็ไม่อยากไปด้วยอีกมันไม่ใช่ เพื่อนแม่ก็พาลูกสาวมาแนะนำผมก็ยังว่าไม่ใช่อีกจนตอนนี้พ่อกับแม่ผมบอกปฏิเสธให้เองเลย เขาคงรู้ว่าผมไม่ได้ชอบทางนี้แน่นอน

“พี่ติณครับ” ซอมพอเรียกชื่อผม ผมหันไปมองหนุ่มน้อยของผมว่าไง นี้ผมชวนซอมพอมาดูงานเครื่องประดับ มีชุดของบริษัทผมเข้าไปอยู่ในงานชุดหนี่ง เรียกได้ว่าเป็นชุดเด่นของงานด้วย เป็นชุดฟินาเล่ของงานเลยก็ว่าได้

“ครับซอมพอ เบื่อเหรอครับ” ผมถามซอมพอที่นั่งใกล้ชิดกับผม

“ไม่ครับ ไม่เลย ผมชอบครับ ผมได้เห็นแบบใหม่ๆ ชุดเครื่องประดับพวกนี้สวยงามมากเลยครับพี่ติณ” ซอมพอพูดผมหันไปยิ้ม

“เออ..” ผมก็เห็นว่าเส้นผมมันลงมาปกหน้าผากของซอมพอ ผมก็กลัวว่าซอมพอจะมองไม่ถนัดและไหนนั่งจดชื่อเครื่องประดับที่นางแบบใส่ออกมาโชว์อีกผมเลยใช้นิ้วเขี่ยให้ ทำเอาหนุ่มน้อยของผมออกอาการเขินผมทันที

“หึๆ” ผมหัวเราะเขาในลำคอ

“หัวเราะผมทำไมอ่ะพี่ติณ” ซอมพอถามผม ผมก็ทำท่าหันไปมองทางอื่นแทน พอผมหันกลับมาซอมพอยังมองผมอยู่ ผมแอบคิดในใจยังอีกยังไม่เลิกทำหน้าตาน่ารักอีก นี้ถ้าไม่เกรงใจมีนักข่าวมาทำข่าวนี้มากผมคงโชว์สวีทหวานมากกว่านี้แล้ว

“ก็เราชอบทำหน้าตาน่ารักเหมือนลูกแมวไงครับ” ผมกระซิบกระซาบกับซอมพอ

“หลังจากเสร็จงานนี้แล้ว เราลองไปทานอาหารญี่ปุ่นทานกันไหมครับ ซอมพอชอบทานอาหารญี่ปุ่นไหม” ผมถามซอมพอ เขาหันมามองหน้าผมและยิ้มแหยๆ เออ ผมลืมไปว่าแม่ของเขาแทบจะไม่ให้เขาไปทานอาหารที่อื่นเลยและซอมพอก็ติดฝีมือแม่เขามากซะด้วยเช่นกัน

“ยังเลยครับ แต่ผมก็อยากลองนะพี่ติณ” ซอมพอพูด ผมยิ้มให้

“ลองดูครับ “ผมกระซิบ

“อาหารญี่ปุ่นเหรอครับ” ซอมพอหันมาถามผม

“ลองพี่นี้แหละครับ” ผมกระซิบกับซอมพอ

“พี่ติณอ่ะ” ซอมพอทำท่าจะตีไหล่ผม

“เอาไว้วันอื่นดีกว่าครับ พี่ติณเพราะว่าถ้ากลับดึกผมกลัวพี่น่านฟ้าบ่นผมนะครับ “ซอมพอพูดปฏิเสธผมสงสัยว่าพี่จะดุจริง

“เธอนี้คุณติณภพนี้ หนุ่มหล่อทายาทนักธุรกิจเพชรพลอย ว่าแต่เขาเป็นเกย์เหรอ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยดูซิมากับใครน่ะ “ผมได้ยินสาวๆ จากด้านหลังนินทาผมได้ระยะเผาขนมาก ผมหันไปยิ้มให้ทันที เขาก็ก้มหน้าก้มตา แต่ผมก็จับได้ถึงปฏิกิริยาของซอมพอ เขาขยับออกแต่ผมดึงเขากลับ

“ทำไมครับ” ผมถามซอมพอ เขามองหน้าผมและก้มหน้าลง

“ซอมพอคิดว่าพี่แคร์เหรอครับ “ผมถามซอมพอ และหันไปมองกลุ่มผู้หญิงที่นินทาผมกับซอมพอ จังหวะที่อีกคนเงยหน้าขึ้นมาเจอผมพอดีและเขาก็ยิ้มให้ผมแบบเขินๆ เพราะถูกผมจับได้ว่านินทาผมอยู่

“สวัสดีครับคุณญาณี “และผมรู้จักเขาเช่นกันครับ

“สวัสดีค่ะคุณติณ เออ...มากับใครคะนั้น ไม่เคยเห็นหน้าเลยค่ะ” คุณญาณีถามผม ผมก็หันมามองซอมพอ

“เลขาส่วนตัวของผมน่ะครับ” ผมตอบ

“อ้อเหรอคะ ..ปกติเห็นมากับน้องสาวหรือไม่ก็คุณแม่นะคะ”

“ครับ แต่ช่วงหลังมานี้แม่ผมไม่อยากเดินทางบ่อยครับ ช่วงนี้ผมก็อยากให้ท่านพักบ้างแล้วนะครับและเลขาฯ ผมก็กำลังเรียนรู้งาน” ผมบอกคุณญาณี ผมสะกิดซอมพอที่นั่งก้มหน้า ให้หันไปทักทายคุณญาณี แบบนี้เหมือนการเปิดตัวนิดๆ หน่อยๆ ไปในตัว

“สวัสดีครับ” ซอมพอหันไปทักทายคุณญาณี คุณญาณีก็เป็นกลุ่มนักธุรกิจเครื่องประดับเช่นกัน และผมสองคนก็หันมาดูการแสดงชุดต่อไป

ผมนั่งดูการแสดงเครื่องเพชรและเครื่องประดับจนจบงาน ผมเหลือบมองเวลานี่ก็เกือบจะสี่โมงเย็นแล้วด้วย ผมว่าจะพาซอมพอไปทานร้านอาหารโรงแรมนี้ซะหน่อย เป็นร้านอาหารสไตล์อิตตาเลี่ยน ยายตรีชอบมาทานและยายตรีก็บอกว่าไอ้ณุกมันก็ชอบทานอาหารอิตาเลี่ยนเช่นกัน

“ซอมพอครับ ถ้าอย่างนั้นเราดูร้านอาหารที่นี้เลยนะครับ “ผมบอกซอมพอ

“เออ ..ที่นี่เหรอครับ”

“ใช่ครับ ร้านอาหารอิตตาเลี่ยนครับ “ผมบอกซอมพอ เขาก็ดูสีหน้ากังวลนิดหน่อย

“เอานะลองดูถ้าซอมพอไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้ลอง” ผมบอกซอมพอ เขาก็ยิ้มๆ ให้ผมและผมสองคนก็พอกันเดินออก

“ผมสองคนไปก่อนนะครับคุณณี” ผมหันไปบอกคุณญาณี ถึงพวกเขาจะนินทาผมแต่ยังไงก็ยังต้องเอื้อธุรกิจกันอยู่บ้าง คุณญาณีได้แต่ยิ้มๆ ให้ผม ผมก็จูงมือซอมพอออกไป

“เห็นไหมแก...เกย์ชัดๆ เลยอ่ะคุณติณนะ เสียดายชะมัดเลยอ่ะ” ที่ผมได้ตามหลังมาทันที ผมไม่แคร์ครับ

“ผมขอโทษนะครับพี่ติณที่ผมทำให้พี่ติณ”

“พี่ไม่แคร์ครับ พี่จะแคร์ก็คือคนที่พี่รักคนเดียว” ผมบอกซอมพอ เขาก็ยิ้มเอียงอาย ผมมาพากันเข้าไปในร้านอาหารอิตาเลี่ยน แน่นอนสิ่งที่ต้องสั่งในร้านอาหารอิตตาเลี่ยนก็คือ พาสต้าและพิซซ่า

“ทานอะไรดีครับพาสต้าหรือว่าพิซซ่าดีครับ” ผมถามซอมพอทันทีที่พนักงานเอาเมนูอาหารมาให้ และเขาก็เดินไปรับออร์เดอโต๊ะอื่นก่อน

“เออ..พิซซ่าดีกว่าครับ ผมทานได้และชอบด้วยครับ” ซอมพอพูดทำตาหยี ผมก็อดที่จะฉีกยิ้มให้กับความใส่ๆ น่ารักของซอมพอไม่ได้

“งั้นเอาหน้าเปปเปอโรนี่และฮาวายเอี้ยน ดีไหมครับซอมพอ” ผมถามซอมพอ เขาก็ยิ้มๆ พยักหน้าให้ผม พนักงานรับออเดอร์เดินมาพอดี ผมก็สั่งอาหารทันที

“ซอมพอมาทำงานไกลบ้านแบบนี้ไม่คิดถึงบ้านแย่เลยเหรอครับ” ผมถามซอมพอ ซอมพอเงยหน้าขึ้นมองผมและยิ้มเจื่อนๆ

“คิดถึงครับ คิดถึงแม่ผมมาก ผมแทบจะไม่เคยไปค้างที่ไหนเลยนอกจาก ไปเข้าค่ายแม้กระทั่งบ้านเพื่อนผมยังไม่เคยไปค้างเลยครับ แต่..นี้ผมเลือกขอมาเองเพราะว่าผมอยากลองใช้ชีวิตโดยลำพังดูบ้างนะครับ” ซอมพอพูด ผมก็ต้องแปลกใจขนาดบ้านเพื่อนก็ไม่ได้เลยเหรอ แต่ตอนนั้นน้องยังเด็ก ตอนนี้คงไม่แล้วมั้ง

“ผมเป็นลูกคนเล็กและมีพ่อแม่พี่ชายอีกคนที่รักและเป็นห่วงผมมาก จนคนรอบข้างก็คิดว่าผมนะเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วไปซะด้วยซ้ำครับ” ซอมพอพูด

“แต่ผมแปลกใจอยู่อย่างหนึ่ง คือทำไมพี่ติณณภพไม่มีแฟน ทั้งที่พี่หล่อและพร้อมขนาดนี้มันแปลกนะครับพี่ติณ “ซอมพอถามผม

“แคร๊กๆ” ทำเอาผมสำลักน้ำที่ผมกำลังดื่มทันที

“พี่ติณ ซอมพอขอโทษครับ “ซอมพอพูดและรีบเข้ามาลูบหลังผมทันที ทำเอาสาวๆ รอบๆ ถึงกับหันมามองและกระหยิ่มยิ้มย่องให้ผมสองคน

“น่ารักเนอะ แฟนกันแน่ๆ เลยอ่ะแก” เสียงแซวจากสาวๆ ดังแว่วมา

“ขอบคุณครับ” ผมพูดขอบคุณซอมพอ ซอมพอก็กลับไปนั่งที่และดูท่าจะเขินซะด้วยที่เริ่มสังเกตมีสายตาหลายคู่จับจ้องมองมาที่เขาและผม

“เล่นเอาพี่สำลักน้ำเลยน่ะครับซอมพอ “ผมพูดแซว

“แม้..ผมก็แค่ถาม พี่นะสำลักเองต่างหาก” ซอมพอพูดและทำหน้าเขินผมด้วย

“พี่ยังไม่ได้ตอบผมเลยนะ” ซอมพอทวงคำตอบจากผมพร้อมกับทำแก้มป่อง มันช่างน่ารักน่าเอ็นดูซะนี่กระไร คนอะไรนะ ดูหน้าก็เด็ก เหมือนคนอายุ 16ปี มากกว่าจะอายุ 22ซะอีก

“คือจะให้พี่พูดยังไงดี ที่พี่ไม่มีแฟน เพราะว่าพี่รู้สึกตัวมาได้สักพัก ตั้งแต่พี่มีเพื่อนคนหนึ่ง พี่แอบชอบเขาแต่พี่ก็ไม่เคยบอกเขานะ เพราะความที่เราสนิทกันเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก” ผมบอกซอมพอ ผมก็แอบคิดถึงมันนะ ตอนนี้มันก็จะแต่งกับน้องสาวที่ผมรักแล้วเช่นกัน

“แล้ว” ซอมพอทำท่าจะถามผม

“เขาจะแต่งงานแล้วแหละและพี่ก็ยินดีกับเขาด้วย นั้นคือสิ่งที่ธรรมชาติเขาสร้างมาอยู่แล้ว เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงที่รักเขามากที่สุด” ผมตอบซอมพอ ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย เพราะผมเองก็ไม่เคยบอกไปว่าผมรู้สึกยังไง แต่ถึงยังไงเขาก็จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวผมและคงจะเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทผมด้วยเช่นกัน

“พี่...เออ..พี่..ก็รู้ตัวเองมาพักหนึ่งแล้วแหละครับว่าพี่เป็นเกย์นะซอมพอ” ผมพูดบอกซอมพอ ซอมพอก็มองผมแต่ไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย แค่พยักหน้าให้ผม

“เอาอย่างนี้ พี่ไปส่งเราน่ะ จะให้นั่งรถไฟฟ้ากลับไปเองน่าจะลำบากน่าดูนะเวลานี้ “ผมบอกซอมพอ ผมเหลือบมองเวลาบนนาฬิกาโรเล็กซ์ของผม

“และเวลานี้ คนเริ่มจะเลิกงานกันแล้วด้วย คนก็จะใช้รถไฟฟ้ากันเยอะ “คนที่นั่งตรงข้ามผมก็พยักหน้า ตอนนี้ผมสองคนก็น่าจะอิ่มแล้วด้วย

“ท่าทางจะชอบทานพิซซ่านะเราน่ะ” ผมแอบแซวและเห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ก็ทานเก่งเหมือนกันและคนโดนแซวถึงกับอายม้วนไปเลย

“ครับ พี่ติณ “ซอมพอตอบผม ผมเรียกพนักงานเพื่อนำบิลมาให้ผม และผมก็รูดบัตร เพื่อชำระค่าอาหาร

“อย่าลืมนะครับ วันอาทิตย์ไปทานอาหารที่บ้านพี่ ถ้าเป็นไปได้ชวนพี่ชายไปด้วยนะครับ” ผมบอกซอมพอ

“ได้ครับ” ซอมพอยิ้มให้ผม ผมสองคนลุกเดินออกมา ก่อนที่ผมสองคนจะเดินผ่านโต๊ะสาวๆ ที่มองผมสองคนและซุบซิบกัน ผมแอบได้ยิน พวกเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรผมสองคนในทางที่ไม่ดี มีแต่แซวแบบน่ารักๆ กัน ผมก็ยิ้มตอบกับให้

“พี่ติณครับ ผมอยากทานไอติมได้ไหมครับ” ซอมพอถามผม ขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านร้านไอศกรีมยี่ห้อดังที่มีอยู่ในห้าง

“ได้ซิครับ แต่พี่คงไม่ทานนะครับ พี่ไม่ค่อยชอบทานของหวานหลังอาหารทันที “ผมพูดและซอมพอก็เดินตรงเข้าไปสั่งทันที ผมยืนมอง ทำไมเขาดูใส่น่ารักเหมือนผ้าขาวบางแบบนี้นะ เด็กน้อยจริงๆ น่ารักแบบนี้พี่ชายจะห่วงไหมนะ

“Rrrrrr “สายเรียกเข้าจากคุณหญิงแม่ของผมเอง

“สวัสดีครับแม่”

“นี้ติณ ออกมาจากงานหรือยังนะลูก”

“ผมออกมาได้สักพักแล้วครับและผมก็พาซอมพอไปหาอะไรทานกัน กำลังจะไปส่งซอมพอที่คอนโดน้องก่อนนะครับแม่” ผมตอบหญิงแม่ของผม

“เออแม่อยากให้เรามารับแม่หน่อยนะพอดีคุณหญิงนภาเขาจะพาเพื่อนต่างชาติมาด้วย เขาจะมาคุยเรื่องเครื่องเพชรกับแม่แต่แม่กลัวว่าจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง” แม่ของผมพูด

“กี่โมงครับแม่”

“น่าจะมาถึงประมาณสองทุ่มนะติณ” ผมก็ค่อยโล่งอกหน่อย

“ได้ครับแม่ถ้าอย่างนั้นผมส่งซอมพอและไปหาแม่เลยนะครับ” ผมบอกหญิงแม่ของผม

“ได้จ้ะ แล้วนี่ได้ชวนซอมพอไว้หรือยังว่าจะมาทานอาหารที่บ้านเราน่ะติณ”

“ชวนแล้วครับแม่ เห็นซอมพอบอกว่าพี่ชายจะมาหาพรุ่งนี้ ผมว่าจะให้ซอมพอชวนพี่เขาไปด้วยครับ”

“แม้กะจะเอาใจเพื่อจีบน้องชายเขาละซิ เรานิ”

“แม่นี่รู้ทันผมอีกแล้ว สมกับเป็นคุณหญิงแม่ของผมจริงๆ “ผมแซวแม่ผม

“เอาละ แค่นี้ก่อนนะ อย่ามาสายละ และขับรถดีดีนะลูก”

“ครับแม่” ผมพูดและกดวางสายทันที ผมก็รีบหันไปว่าจะบอกซอมพอว่า

“ปึก” ผมก็รู้สึกว่าผมชนกับซอมพอเข้าอย่างจัง

“แผละ” ถ้วยไอติมร่วงลงไปคว้ำอยู่กับพื้นและก่อนที่ถ้วยนั้นจะลงไปมันก็ต้องไถลผ่านเสื้อเชิ้ตเข้ารูปของผม สีไข่ไก่อ่อนกับ ไอศกรีมที่มีรสและสีสตอเบอรี่ราดลงมา มันช่างเด่นชัดมาก

“พี่ติณ ผมขอโทษ!!” ซอมพอพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมากและรีบหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดทำความสะอาดให้ผมอย่างเร็ว ผมก็อดขำไม่ได้เลย

“ไม่เป็นไรซอมพอ แต่พี่ต้องไปงานกับแม่นี้ซิ” ผมพูดและแอบขำตัวเอง

“พี่รีบมากไหมครับ”

“ก็มากอยู่นะ จะกลับไปเปลี่ยนที่บ้านก็จะไม่ทันเอาเพราะว่าแม่พี่นัดไว้สองทุ่ม” ผมเหลือบมองเวลานี่มันจะหกโมงครึ้งแล้วด้วย และไหนจะไปส่งซอมพอก่อนอีก

“ถ้าอย่างนั้นไปคอนโดผมก่อน ผมมีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบไม่น่าจะนาน” ซอมพอพูด ผมก็คิดว่าคงต้องตามนั้น

“ซอมพอจะลำบากใจหรือเปล่า” ผมถามซอมพอ

“ผมจะลำบากใจได้ยังไงละพี่ติณ และที่พี่เลอะเทอะแบบนี้ก็เพราะผมน่ะพี่ติณ” ซอมพูดและทำแก้มป่อง ผมก็พยักหน้าเอาตามนั้นแล้วกัน ก่อนที่ผมจะเดินลงไปที่ลานจอดรถ ผมก็ต้องเข้าห้องน้ำเช็ดทำความสะอาดออกนิดหน่อย ดีที่มีเสื้อสูทพอจะปกปิดไปได้ถึงที่จอดรถ

[ซอมพอ] พี่ติณณภพให้คนขับรถของพี่เขาขับมาส่งที่คอนโดของผมและพี่ติณก็บอกให้พี่เขาไปหาอะไรทานก่อนแล้วค่อยกลับมารับพี่ติณ ผมก็รีบพาพี่ติณขึ้นไปที่ห้องผมทันที ผมกลัวว่าพี่ติณณภพจะไปหาคุณแม่พี่เขาสาย และต้นเหตุมันก็มาจากความซุ่มซ้ามของผมเองด้วย โชคดีที่มีเครื่องซักผ้าแบบที่มีระบบซักแบบเร่งด่วนและเครื่องอบและเครื่องรีดผ้าอีก ผมยอมรับว่าห้องพี่น่านฟ้านี้เรียกได้ว่าทันสมัยสุดๆ

“พี่ติณ ถอนเสื้อผ้าซิครับและพี่ก็ไปอาบน้ำก่อนเลยนะครับ ผมดูแล้วมันน่าจะเหนียวเหนอะหนะนะพี่ติณ” ผมบอกพี่ติณ

“แอบคิดอะไรกับพี่หรือเปล่า” พี่ติณถามผมปนหัวเราะ (เห็นผมมีแฟนตั้งแต่ม.ต้นแต่ผมยังซิงอยู่ครับ เพราะว่าพี่และพ่อหวงผมมาก พี่ณุกนะทำได้แค่จับมือและหอมแก้มผมแต่นับครั้งได้เลย) และนี้ผมน่ะจะมาคิดอะไรกับพี่ติณ

“พี่ติณอ่ะ “ผมแสดงอาการเขินด้วยการ หยิบเอาหมอนอิงปาใส่ทันที พี่ติณก็เข้าไปในห้องนอนผมเพื่อเปลี่ยนชุด ผมก็เตรียมพวกผ้าขนหนูไว้ให้เรียบร้อย

“พี่ติณ เสร็จหรือยังครับ ผมจะได้รีบซักเสื้อให้พี่นะครับ” ผมถามพี่ติณ

“เสร็จแล้วครับ “พี่ติณตอบผม ผมก็ค่อยเดินเข้าไป ผมเห็นพี่ติณยืนอยู่มีผ้าขนหนูพันกายอยู่

“ผมเอาเสื้อผ้าไปซักให้นะครับ ไม่นานครับ” ผมตอบพี่ติณ และรีบหยิบเสื้อผ้าพี่เขาออกไป นี้กลับเป็นผมเองที่อายพี่เขา ดูรูปร่างพี่ติณซิ พี่เขาน่าจะดูแลตัวเองดี แม้จะไม่มีกล้ามท้องที่เป็นรอนๆ เหมือนกับพี่น่านฟ้าก็ตาม รายนั้นชอบฟิตเนสชออออกกำลังกายแบบฮาร์ดคอ และยิ่งชอบต่อยมวยด้วยแล้ว พี่น่านฟ้าจะเน่นกล้ามท้องเพื่อเอาไว้รองรับหมัดคู่ต่อสู้ และอาหารก็มักจะเน้นพวกโปรตีนเป็นหลัก ไม่แตะขนมหวานเลยสักนิด มีแต่คนคิดว่าพี่น่านฟ้าเป็นเทรนนอร์ผมเห็นพี่น่านฟ้าบ่นให้ผมฟังประจำชอบมีคนทักไลน์มาขอให้พี่น่านฟ้า ไปเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัว ส่วนผมนะผอมจนแม่บอกว่าให้ผมทานให้เหมือนพี่ชายผมบ้างแต่ผมนะทานโปรตีนน้อย ผมเน้นทานผัก เป็นคนชอบทานผักกับน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่องนี้ชอบมากๆ

ผมนำเสื้อผ้าพี่ติณณภพใส่เครื่องซักและเรื่องระบบซักแบบรวดเร็ว ขณะที่ผมรออยู่ผมก็หยิบเอาแอร์พ็อตมาใส่หูฟังสบายๆ ไปด้วย ผมคิดว่าพี่ติณณภพคงอีกนานกว่าพี่เขาจะอาบน้ำเสร็จ ถ้าเสร็จแล้วพี่เขาก็น่าจะเดินมาเรียกผมเอง

TBC.....

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
    EP.6.1

        [พี่ติณภพ] ผมอาบน้ำชำระล้างซะสะอาด ผมก็รีบเช็ดตัวให้แห้ง ใช้ผ้าขนหนูพันกายไว้ พออกมาจากห้องน้ำก็ยังไม่เห็นซอมพอและชุดที่ซอมพอลเอาไปซักให้ผม ผมจึงเดินออกมาจากห้องนอน ผมเองก็ไม่รู้ว่าห้องซักผ้าของซอมพออยู่ตรงไหนมุมไหน ผมกวาดตามองไปรอบๆ จะว่าไปคอนโดออกแบบมาแบบพิเศษ ไม่เหมือนแบบคอนโดทั่วไป น่าจะกั้นห้องเพิ่มเอง และอุปกรณ์ทุกอย่างดูไฮเทคเรียกว่าสมาร์ตโฮมดีดีนี้เอง ซอมพอบอกผมว่านี้มันคอนโดของพี่ชายเขานิ แสดงว่าเป็นคนค่อนข้างที่จะหัวสมัยใหม่ น่าจะคุยกันได้ไม่ยากนะ ผมคิดว่า



“แกร็ก” เสียงมีคนรูดบัตร หรือว่าซอมพอลงไปซื้อของนะ ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามาแต่ ไม่ใช่ซอมพอ เขาสูงมากกว่า และดูหุ่นที่ล่ำกว่าเยอะและพอผมมองขึ้นไปเรื่อยๆจนมาหยุดที่ใบหน้า หล่อเข้มจนถึงขั้นดูดุ



“เฮ้ยย!” ทั้งเขาและผมก็ร้องออกมาพร้อมๆ กัน



“มึงเป็นใคร!! ” ไอ้นี่มันเปิดประตูเข้ามาและมาถามผมว่าผมเป็นใคร



“คุณนั่นแหละเป็นใคร นี้ผมอยู่ห้อง....เออ...แฟนผม” ผมบอกคนที่เปิดประตูเข้ามา เขาวางกระเป๋าเดินทางใบเล็กน่ารักเชียวและมีเหมือนถุงน่าจะเป็นพวกเนื้อสัตว์และผักที่ไปซื้อจากห้างมา เขาวางลงที่พื้น มองผมด้วยสีหน้าดุดันมาก เหมือนผมนี้ไปเผาบ้านเขามาเลย ผมก็ถอยหลังทันที และแอบกลืนน้ำลายลงคอ



“พูดใหม่ดิ มึงแฟนใคร! ” นั้นชี้หน้าผมด้วย ผมก็ค่อยๆ ถอยอีก อาจจะเมายามาแน่ๆ



“และดูมึงแต่งตัวดิ นี้ มึง ทำอะไรน้องกู!!! ” ผมก็เหมือนนึกได้ว่าซอมพอบอกว่ามีพี่ชายนิ



“ใช่ น่านฟ้าหรือเปล่า” ผมถามเขากลับ



“จะใช่หรือไม่ใช่ ไม่ใช่ธุระอะไรของมึง น้องกูอยู่ไหน!! ” นั้น มาแบบคล้ายๆ ช้างกรูอยู่ไหนเลย และจากท่าทีที่ตั้งการ์ดมาด้วย แฟนคลับจาพนมแน่ๆ



“เออ...ไป..ซักผ้า… อยู่” ผมพูดชี้นิ้วไป แต่จะชี้ไปไหนล่ะ อยู่ตรงไหนผมยังไม่รู้เลย



“อย่ามาโกหก มึงทำอะไรน้องกู! ”



“ปึก” หลังผมชนกลับ ฝาผนังห้องหมดหนทางหนีแล้ว แต่คนที่ข่มขู่ผมก็ยังคงเดินหน้าเข้ามาหาผม หน้าตานี้บอกได้ว่าโหดจนผมต้องหลับตาปรี๋



“ไม่ได้ทำอะไรผมแค่มา..มาส่งซอมพอและอุบัติเหตุ ผมเลยขอขึ้นมา..” ผมรีบตอบคุณพี่ขาโหดพร้อมกับค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมอง พี่ขาโหดเขายืนเอากำปั้นทุบกับฝ่ามือรออยู่ด้วย ตกลงนี้พี่หรือหมาว่ะนี้ผมคิดในใจ ดุอะไรเบอร์นี่



“มึงคิดระยำอะไรกับน้องกู!!” หน้าตาผมมันบ่งบอกว่าเป็นพวกคนร้ายเหรอครับ ผมหันไปมองกระจก หน้าตาก็ออกจะพระเอกขนาดนี้



“ไม่ได้คิดด~~~” ผมพูดแอบกัดฟัน เพราะจริงๆ นะผมคิด ก็น้องซอมพอตัวเล็กๆ ขาวๆ น่ารักขนาดนี้ใครบ้างไม่คิดหันมามองพี่ชายที่จับตามองผม



“โกหก) )) )) )” พี่ชายที่ผมวาดภาพไว้เพราะดูจากการแต่งห้องที่ทันสมัย แต่ตอนนี้ภาพนั้นมันหายไปหมดเกลี้ยงเหลือไว้แต่ภาพสุนัขพันธุ์ที่ดุสุด คือร๊อตไวเลอร์ ชัดเลย



“ก็ผมบอกว่าเออ..ไม่ได้คิด ระยำแต่แค่คิด..”



“คิดอะไร” นั้นขึ้นเสียงใส่ผมด้วย ดีนะที่ไม่ตามมาด้วยเสียงขู่



“คิดว่าชอบ” ผมตอบ



“หมับ!” เฮ้ย! คนตรงหน้าผม เขาดึงผ้าขนหนูผม ผมรีบคว้าแต่เหมือนจะไม่ทัน แต่ก็ดึงรั้งเอาไว้ที่สุด เพราะว่ามันกำลังจะหลุดไปกับมือไอ้พี่มหาโหดนี้แล้ว



“นี้คุณจะดึงผ้าผมทำไม ผมไม่มีกางเกงในนะคุณ”



“มึงไม่ได้ใส่มาหรือว่ามึงพึ่งถอดออกไปละ...” ดูมันยิ่งทำหน้าโหดเข้าไปใหญ่ผมก็ดึงรั้งเอาไว้ คนที่ยื้อแย่งก็พยายามกระชากผ้าผืนน้อยที่ผมมีให้ได้



“แล้วใครจะอาบน้ำทั้งกางเกงในละคุณ ผมก็ต้องถอดออกซิครับ” ผมพูดแต่เหมือนจะยิ่งเติมเชื้อไฟ หน้ายิ่งโหดมากไปอีก



“พี่ติณครับ ได้แล้ววว” ซอมพอออกมาพอดีเลย



“ซอมพอ!” ผมกับพี่ชายของซอมพอเรียกชื่อเขาออกมาพร้อมกัน



“พี่น่าน~~~~~~~~~” ซอมพอเรียกชื่อพี่ชายเขาเสียงหลงแต่ผมคิดว่าก่อนจะตื่นเต้นที่พี่ชายมา ช่วยมาห้ามให้เขาไม่ดึงผ้าพี่ก่อนดีกว่าไหมครับ เพราะว่าผมเองก็ไม่เคยแก้ผ้าให้ใครอื่นดูมาก่อนเลยนะจริงๆ จังหวะนั้น ผ้าผืนน้อยของผมก็หลุดไปกับมือของพี่ชายซอมพอ



“แล้วนี่ ...พี่น่าน ไปดึงผ้าคุณติณทำไมอ่ะ” ซอมพอร้องถามพี่ชายตัวเอง และรีบเอามือปิดตาตัวเองทันที ผมก็มอง ผมโป้คือไม่มีอะไรปิดบังเลย ผมก็รีบหันไปคว้าเอาหมอนอิงมาหนึ่งใบแต่ทว่าก้นผม เอามาอีกหนึ่งใบ



“ไอ้นี่มันเป็นใคร!” พี่โหด นี้ผมคิดผิดไหมที่จะให้ซอมพอชวนไปบ้านผม ไปกินข้าว



“เขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ผมทำงานอยู่พี่น่าน” ซอมพอเหล่ตามองผม คงเห็นว่าผมก็มีอะไรปิดบังอยู่บ้างก่อนจะค่อยๆ เดินเข้ามาและส่งเสื้อผ้าให้ผมที่ซอมพอซักและรีดมาให้เรียบร้อยเลย



“แล้ว เอามันมาทำไม หรือว่ามันหลอกน้องพี่มา” ผมสะบัดหน้าไปมอง



“คุณ...คิดได้ยังไง น้องคุณนะยี่สิบกว่าแล้วนะไม่ใช่สองขวบผมจะได้หลอกเขามา” ผมหันไปบอกคนทำหน้าโหด



“ก็...น้องกรูอาจจะอ่อนต่อโลกกว่ามึงไง ดูหน้าก็รู้ว่าหื่นขนาดไหน” นั้นมาว่าหน้าผมหื่น ผมชี้ตัวเอง ผมนี้นะ ใครๆก็ชมว่าผมเหมือนเทพบุตรนี้ดูยังไงว่าผมหน้าตาหื่นกาม



“พี่น่าน ไหนพี่บอกว่ะจะมาพรุ่งนี้ไงละ” ซอมพอหันไปถามพี่ชาย



“เปลี่ยนใจ ถ้าไม่เปลี่ยนใจก็คงไม่มาเห็นไอ้เจ้าของบริษัทจอมหื่น ที่ตามลูกน้องมาถึงห้องแบบนี้หรอก”



“สองคำก็หื่น สามคำก็หื่น เดี๋ยวก็หื่นจริงๆ เลย” ผมพูด



“มึงอยากลองดีใช่ไหม” ทำท่าจะเดินเข้ามาหาผมอีก



“พี่น่านฟ้า!!” ซอมพอรีบเข้ามาดึงแขนพี่ชายเขาเอาไว้



“พอแล้ว ให้พี่ติณไปแต่งตัวได้แล้วพี่เขาจะรีบไปงานต่อ พี่น่าน” ซอมพอพูดห้ามพี่ชายตัวเองที่ดุราวกับร๊อตไวเลอร์ออกไปและผมก็รีบวิ่งเข้าห้องนอนซอมพอทันที



“นี้ให้มันเข้าห้องนอนเราด้วยเหรอ” ผมได้ยินเสียงตามหลังมาผมก็รีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว พี่ชายจะดุอะไรเบอร์นั้น มิน่าล่ะ น้องก็น่ารักหน้าไม่โหดแต่ทำไมน้องถึงโสดจนป่านนี้ อ้อ ก็เพราะพี่นี่แหละที่โหดขนาดนั้น ผมคิดเองตอบเองทันที ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาเห็นสองคนพี่น้องที่นั่งกันคนละมุม



“มาแล้วเหรอมึง” นั้นคือคำทักทายที่น่าฟังจริงๆ



“พี่น่าน ซอมพอบอกแล้วไงว่าให้พูดกับพี่ติณเพราะๆ เขาเป็น”



“ลูกเจ้าของ แล้วไง “



“ก็..ซอมพอไม่พูดกับพี่น่านแล้ว..ไม่น่ารักเลย “ซอมพอลุกขึ้นและเดินมาหาผม



“ผมขอโทษนะพี่ติณ เออ พี่จะรีบไปหรือเปล่าเพราะว่ามันทุ่มครึ้งแล้ว” ซอมพอบอกผมก็พยักหน้า เห็นด้วยว่าผมควรจะรีบไป 



“รีบๆ ไปเถอะ อย่ายืนนาน เกะกะ” ผมก็ชะเง้อมอง



“ตกลงนี้พี่หรือพ่อครับ”



“ทำไมมึงกว่ากูหน้าแก่เหรอ” นั้นของขึ้นทันที



“ก็เห็นดุ “ผมพูดไป ทำให้คนที่นั่งจะลุกขึ้นมาหาผมอีกรอบ



“พอ พอ พี่น่านหยุดเลย หัวร้อนก็ไปอาบน้ำก่อนเลย และผมจะได้จัดโต๊ะอาหารให้ ส่วนผมนะทานมาแล้ว กับพี่ติณ” ซอมพอพูด ผมก็หยักคิ้วให้



“อะไรนะ นี้เราไป”



“ผมไปดูงานกันและพี่ก็ไม่ได้บอกว่าพี่จะมาซะหน่อย พี่ติณเลยพาผมไปทานก่อน “ซอมพอพูด ทำเอาอีกคนไม่กล้าเถียง



“ฝากไว้ก่อนนะมึง” นั้นมีชี้หน้าอาฆาตอีกและลุกขึ้นเดินไปอีกห้องทันที



“พี่ไปก่อนนะครับเดี๋ยวคุณแม่พี่รอ เออ ยังไงวันอาทิตย์ ซอมพอไปทานอาหารกับที่บ้านพี่นะครับ แม่พี่นะให้ชวนซอมพอให้ได้แต่ พี่จอมโหดของซอมพอนะก็ไปได้นะครับ “ผมพูด ซอมพอก็ปิดปากหัวเราะผมด้วย



“รบกวนหาอะไรครอบปากพี่ชายไปด้วยนะครับเพราะว่าคุณพ่อคุณแม่พี่เขา จะช๊อกเอาได้นะครับ” ผมบอกซอมพอแบบว่าเบาๆ มากๆ



“กูได้ยิน” นั้นคนในห้องนั้นตะโกนออกมา อย่างนั้นก็แสดงว่าแอบฟังอยู่



“งั้นผมลานะครับคุณพี่” ผมตะโกน



“ไปซะทีซิโว้ยย!!” ไพเราะจริงๆ ว่าที่พี่เขย



“พี่ไปนะครับซอมพอ”



“ครับพี่ติณ พี่ลงไปเองได้นะครับ “



“มันโตแล้วซอมพอให้มันลงไปเอง” นั้นไงเปิดประตูออกมาและยืนมองผม



“พี่ลงเองดีกว่าครับ พี่...เกรงใจพี่เข้มเขานะครับน้องซอมพอ” ผมบอกซอมพอและแอบส่องพี่ชายซอมพอด้วย คนที่ยืนกอดอกกระดิกเท้าด้วยเหมือนจะบอกผมเป็นลางยังไงก็ไม่รู้ หรือว่าพี่เขาจะเป็นฮ่องกงฟุต มันเหมือนจะขันๆ ที่เท้า



“ดี ถ้าเรื่องมากกูนี้จะเตะก้นมึงลงไป และมึงคงจะหายหื่นไปอีกนาน” พี่เขาพูด ผมก็รีบหันไปคว้ารองเท้าและสวมใส่อย่างว่องไว ซึ้งปกติผมจะจัดระเบียบรองเท้าให้ดูดีดูเนียบด้วยแต่วันนี้ไปจัดข้างหน้าครับผมรีบ



ผมก็หันไปจะโบกลาอีกสักทีแบบอาลัยอาวรณ์ แต่พี่ชายซอมพอก็ยืนกอดอกมองผม ผมก็รีบเปิดประตูออกไปแทบไม่ทัน เรียกว่าใส่ตีนหมาอย่างที่ใครๆ พูดเลยก็ว่าได้ ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเลยนะเนี๊ยะ! อายครับ ผมเดินมาถึงหน้าลิฟต์ได้ก็กดรั่วๆ เลยครับ ไม่นานมีลิฟต์กำลังขึ้นมาพอดีเลย จังหวะนั้นทันทีที่ลิฟต์เปิดออกผมก็รีบและก็มีคนเดินสวนออกมาเช่นกัน เขาคนนั้นก็เกือบจะชนผมเข้า เพราะว่ามัวแต่กดมือถือตลอดเวลา



“ขอโทษ...เฮ้ย ลุง” นั้นไงไอ้เด็กที่มันจะขับชนรถผมและมันยังลงมาเรียกผมว่าลุงอีก ตอนนี้มันก็เรียกผมว่าลุงเหมือนเดิม



“นี้ หน้าฉันนะไม่ได้แก่ไปกว่าหน้าของนายเลยด้วยซ้ำ อย่าเรียกลุง” ผมบอกเด็กนั้น



“ทำไมอะ เรียกลุง เรียกเบาๆ ก็เจ็บ” นั้นไง ผมก็มองชุดนักศึกษา



“ยังเรียนอยู่ อย่าปากดีนะ เดี๋ยวจบมาจะไม่มีงานทำ” ผมพูดเพราะว่าผมก็รู้จักบริษัทมากมาย เดียวบอกไม่ให้รับไอ้หมอนี้ซะเลย



“ผมไม่กลัวเพราะว่า..”



“ทำไม” ผมถามแบบรำคาญ และทำท่าจะแทรกไปเขาลิฟต์แต่ไอ้คนนี้มันขวางผม



“พ่อผมรวยมากกกกกก” มันพูดและลากเสียงยาวประมาณว่ารวยระดับบิล เกตส์เลยหรือไง



“อืมม..มหาจำเริญ ใช้เป็นแต่เงินพ่อหาเองก็ไม่ได้ ถ้าได้มีแฟนก็คงดูแลไม่ได้หรอกเชื่อฉัน” ผมพูดและมันได้ผลด้วยคนตรงหน้าผมชักสีหน้าโกรธขึ้นมาทันที



“หลบด้วยฉันรีบไป” ผมบอกคนที่ยืนขวางอยู่



“นี้คุณขึ้นมาทำไม “



“ก็น้องซอมพอเขาชวนผมขึ้นมา ก็คนพิเศษ” ผมบอก



“พี่ซอมพอเพิ่งจะบอกว่าคุณนะเป็นเจ้านาย ใช่สิทธิ์เจ้านายบังคับหรือเปล่า “ไอ้หนุ่มปากดี ผมแอบคิดในใจวันนี้มันซวยอะไรขนาดนี้ว่ะนี่ เจอพี่ดุยังมาเจอเด็กปากบอนอีก



“หลบ ฉันจะไป ไม่อยากยืนเถียงกับเด็กสร้างบ้าน” ผมพูดและดันเด็กคนนั้นออก



“ผมน่ะ จะเป็นนักสร้างบ้านในอนาคตแน่นอนเพราะว่าผมเป็นวิศวะและพ่อผมก็มีบริษัทสร้างบ้านที่มีสาขาทั่วประเทศ พี่สนใจสร้างกับผมไหมล่ะ แต่คงไม่ใช่เรือนหอแน่นอน บ้านเอาไว้พักยามชรานะได้น่ะและจะออกแบบให้สะดวกสบายเพราะอยู่คนเดียว แบบโสดๆ “ดูมันพูด ผมนี้พ่นลมหายใจยาวๆ และรีบเดินก้าวเข้าไปในลิฟต์ซะก่อนจะหันมากระทืบเด็กมหาลัย ก่อนที่ลิฟต์จะปิดสนิทผมก็หันไปยกนิ้วกลางให้ทันที ผมยืนกอดอกเอามือกุมขมับ นี้ผมคงเจอศึกหนักทั้งพี่ชายและไอ้เด็กมหาลัยปากดีนี้อีกคน แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ ผมจะเอาซอมพอมาเป็นแฟนผมให้ได้ ภาพซอมพอยิ้มละไมกับผมตลอดทั้งวันวันนี้แล้วมันทำให้ผมมีกำลังใจขึ้น สู้โว้ยติณภภพ บอกตัวเอง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

               [ซอมพอ] ผมนั่งฟังพี่น่านฟ้าบ่นผมชุดใหญ่ บ่นมากกว่าพ่อพสินอีก และนี่ก็บ่นผมเรื่องการไว้ใจคนมากเกินไป พี่ติณณภพเขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ผมทำงานด้วยแท้ๆ หาว่าหน้าตาเขาไม่น่าไว้ใจ และเจ้าของบริษัทดีดีอะไรจะมาหาลูกน้องถึงห้องนอน ก็ผมพาเขามาแต่ผมก็ไม่อยากเถียงทนฟังไป มีพี่แก่กว่าหลายปีเป็นแบบนี้นี่เอง ฮาๆ



“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น พี่น่านหันมามองหน้าผม ผมก็คิดว่าพี่ติณภพคงจะลืมอะไรแน่ๆ



“พี่ติณอาจจะลืมของนะพี่น่าน” ผมพูดและทำท่าจะลุกแต่พี่น่านยกมือห้ามผม



“พี่เปิดเอง” พี่น่านฟ้าพูดและเดินไปเปิดประตูแต่พอพี่น่านฟ้าเปิดก็ต้องปิดทันที ผมที่นั่งดูทีวีอยู่ก็เหลือบตาหันไปมองว่าทำไม



“ฟู” เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวๆ



“นี้ใครอีกเนี๊ยะ ไอ้ชุดนักศึกษานี้อ่ะ ฮะ ซอมพอ” พี่น่านฟ้าถามผม ผมก็ขมวดคิ้ว



“ใครอ่ะ” ผมถามและพี่น่านก็เปิดประตู



“พี่ซอมพอ ผมเองพี่ ผมไดม่อนนะครับ” ผมก็นึกขึ้นได้คนที่ผมเจอตอนเช้า



“อ้อ ไดมอนด์เหรอ ว่าไง” ผมตะโกนถามไป



“อย่าได้คิดจะก้าวเท้าเข้ามา..มึงยืนตรงนั้นเลย!” พี่น่านฟ้าร้องห้ามไดมอนด์ ผมก็ลุกขึ้นไปดูเอง



“ไดมอนด์ ว่าไง “ผมถามไดมอนด์ ไดมอนด์มองพี่น่านฟ้าและผมสลับกันไปมา ไดม่อนพยายามมองลอดช่องประตูที่พี่น่านฟ้าไม่ได้เปิดทั้งหมดแค่แง้มๆ เอง



“พี่ชายพี่นะครับ ชื่อพี่น่าน เขาเพิ่งมาจากเชียงใหม่นะครับ” ผมบอกไดมอนด์ ไดมอนด์รีบยกมือไหว้พี่น้านฟ้าทันที



“สวัสดีครับพี่” ไดมอนด์



“ไอ้นี่มันใคร” พี่น่านถามผมและชี้ไปที่่ไดม่อน



“เพื่อนบ้านครับ ผมอยู่ขึ้นไปหนึ่งชั้นครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่น่าน “ไดมอนด์พูด



“แล้ว..” พี่น่านฟ้ายกข้อศอกขึ้นขั้นประตูแบบก่ายหน้าผากก้มมองไดมอนด์ ไม่มีการยิ้มตอบรับใดๆ ไดมอนด์ก็เริ่มหน้าเสีย



“ไดมอนด์มีอะไรกับพี่ไหมอ่ะ “ผมถามไดมอนด์



“ดูท่าฤกษ์จะไม่ดีนะพี่ซอมพอ ไดมอนมาวันหลังแล้วกันนะพี่ ไดมอนซื้อขนมมาว่าจะ”



“วันไหนก็ไม่ต้องมา ทำไมไม่มีเพื่อนคบหรือไงที่มหาลัยนะและน้องกูไม่ชอบคบเด็กสร้างบ้าน” พี่น่านฟ้าพูดและผมก็เงยหน้ามองพี่ชายผม แอบส่ายๆ เล็ก



“เด็กสร้างบ้านอีกแหละ “ไดมอนด์แอบบ่นพึมพำ



“วันอื่นก็ได้ไดมอนด์ พอดีวันนี้พี่ชายพี่เขาอารมณ์ไม่ค่อยดีไม่รู้ไปกินรังแตนที่ไหนมา” ผมพูดและแอบเหล่มองพี่ชายจอมโหดของผม พี่น่านฟ้า



“ครับ ถ้าอย่างนั้นวันเสาร์ผมมาหาได้ไหมครับ”



“ไม่ได้นะพี่ชายพี่เขาจะพาไปดูหนัง”



“ดูหนังเรื่องอะไรพี่ผมขอ”



“จะขอไปด้วย “พี่น้านฟ้าเปลี่ยนเป็นท่ากอดอกมองไดม่อนและยังกระดิกเท้าอีกด้วยนะ



“สงสัยจะไม่ได้” ไดมอนด์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ



“ดูปากนะ... ฉันจะไปกันแค่สองคนพี่น้องและฉันก็มีน้องชายคนเดียว” พี่น่านพูดทำเอาคนฟังพยักหน้าหงึกๆ เลย



“ถ้าอย่างนั้นราตรีสวัสดิ์.... “



“ปึก” พี่น่านฟ้าปิดประตูใส่ไดมอนด์ทันที และหันมามองหน้าผม



“นี้เรามาอยู่ไม่ถึงเดือน มีเพื่อนบ้าน มีเจ้าของบริษัท มาเที่ยวหาที่ห้องแล้ว พี่นี้อยู่นี้ไปๆ มาๆ เกือบห้าปี ยังไม่รู้จักใครสักคน ข้างห้องยังไม่รู้เลยซอมพอ “พี่น้านฟ้าพูด ผมก็เอานิ้วแหย่หูตัวเอง



“ก็พี่เล่นทำหน้าโหดตลอดเวลาแบบนี้ใครจะกล้าทักทายพี่ละ “ผมพูดและทำท่าจะเดินหันหลังออก



“เราไว้ใจใครมากเกินไปไม่ได้ซอมพอ พี่ขอเตือน เราไม่รู้จักพวกเขา และพวกเขาก็ไม่เหมือนคนในหมู่บ้านของเรา” พี่น้านฟ้าพูด



“พี่คิดว่าผมไม่ควรจะมีเพื่อนเลยหรือไง” ผมถามพี่น่านฟ้า



“พี่รู้ไหม ผมไม่เคยมีเพื่อนเกินสองคนเลย และไม่เคยไปเที่ยวบ้านเพื่อนเลย ไม่เคยพาเพื่อนมาค้างบ้านเลย “ผมหันมาพูดกับพี่น่านฟ้า



“เพราะว่า ไม่เคยมีใครไว้ใจให้ผมคบได้เลย ในสายตาพี่น่าน! “



“ก็ตั้งแต่ไอ้ณุกมันทำกับเราแบบนั้นไง”



“แต่มันจบไปแล้วนะพี่น่าน” ผมพูดและหันมามองพี่น่านฟ้า



“ผมจะไปนอนแล้ว ผมง่วง ราตรีสวัสดิ์” ผมพูดและรีบเดินหันหลังออกหยิบไอแพตที่ผมนั่งเล่นอยู่และเดินเข้าห้องนอนตัวเองทันที



“ตึง” เสียงข้อความดังขึ้น



//ซอมพอ ขอบคุณนะครับ ที่ซักเสื้อและรีดให้พี่ด้วย และขอบคุณที่ไปออกงานเป็นเพื่อนพี่นะครับ นอนหลับฝันดี เจอกันวันอาทิตย์นะครับ //

ติณณภพ”



    ปากก็บอกว่าเรื่องพี่ณุกมันจบไปแล้ว แต่ในใจผมเขายังไม่เคยไปไหนเขายังคงวนเวียนอยู่ในหัวใจผมตลอดเวลา หรือว่าผมแค่ต้องการเหตุผลจากปากเขากันแค่นั้น แต่ว่าหลังจากที่พี่ณุกหายไปแม่ของพี่ณุกก็ไปหาผมที่บ้านและเขาก็บอกว่าพี่ณุกนะไม่เคยรักผมเลยและไม่เคยคิดอะไรแบบผม เขาไม่ใช่แบบที่ผมเป็น มันจริงหรือเปล่าและเขาก็ยังมีแฟนอยู่แล้วเป็นผู้หญิง ตอนที่ผมคบกับเขาก็มีแค่ผมคนเดียวจริงๆ และพี่ณุกก็ดูตามใจผมมากเหมือนกับว่าเขามีผมแค่คนเดียวเท่านั้น แต่คำถามที่ค้างคาอยู่ในใจผมตลอดเก้าปีที่ผ่านมา พี่หายไปไหนพี่ณุก หายไปทั้งที่เรายังรักกันหรือเปล่า หรือว่าพี่หมดรักผมไปแล้วกันแน่แต่ทำไมพี่ไม่บอกผมล่ะพี่ณุก 

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
         ณุก  ผมชื่อณุก ชื่อจริงปริญญ์ ปุณยะพันธุ์กุล ผมเป็นบุตรชายคนโตของคุณพ่อธนินทร์ที่เป็นเพื่อนรักของอาตรัย พ่อของติณณภพและตรีญาดาคู่หมั้นของผม พ่อผมกับอาตรัยเป็นทั้งเพื่อนและเปิดบริษัทมาด้วยกัน นั้นคือบริษัทเกี่ยวกับเครื่องประดับ และผมก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร หลังจากที่พ่อผมประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถเดินได้และนั้นหุ้นส่วนของพ่อผมก็อันตรธานหายไปซะเฉยๆ นี้เลยทำให้ผมต้องกลับมาท่วงคืนในรูปแบบที่ผมเองก็ไม่อยากทำ แต่แม่นิดาบอกผมว่ามันไม่ยุติธรรมกับผมและน้องชายของผมนิรุทธ์ที่จะไม่ได้อะไรเลยแบบนี้ (แต่ไอ้น้องชายคนนี้ของผมมันขี้เกียจซะเหลือเกิน)



ผมเพิ่งเดินทางกลับมาจากสิงคโปร์หลังจากไปคุยกับลูกค้าและผมก็ได้ออเดอร์เข้าบริษัทของผม ด้วยจำนวนเงินเกือบร้อยล้านในวันนี้ ผมเป็นนักธุรกิจที่มีเงินทุนหมุนเวียนเป็นพันล้านแต่มันยังไม่พอสำหรับผม ผมต้องการหุ้นส่วนของพ่อผมคืน



ผมนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวที่บาร์แห่งหนึ่ง มีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ชายตามาให้ผม แม้กระทั่งสาวๆ สวยๆ ก็มีมา แต่ผมหาได้สนใจไหม ผมนั่งคิดตรึกตรองถึงคนสองคนที่ผมเข้าไปในชีวิตเขาเพื่อจุดหมายใกล้เคียงกัน คือหาผลประโยชน์และอีกคนเพื่อแก้แค้นแทนแม่นิดาของผม



ตรีญาดา คือผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างหน้าตาที่สะสวย ผิวพรรณดี เป็นลูกหลานผู้ดีเก่า และเป็นลูกสาวคนเดียวของเพื่อนรักของพ่อผมที่ร่วมเปิดบริษัท และเป็นหุ้นร่วมกันมานานหลายสิบปี จนตอนนี้โด่งดังไปทั่วโลก



ส่วนอีกคน ซอมพอ เด็กผู้ชายน่ารักตัวเล็ก เป็นคนเชียงใหม่ ตอนนั้นแม่ผมให้ผมไปเรียนมัธยมปีที่หกโดยให้เหตุผลว่าหากว่าผมต้องการเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไทยให้ผมไปเรียนเพื่อรีเกรดใหม่เพราะว่าระบบหลายอย่างต่างกัน



แต่เหตุผลหลักที่แม่ให้ผมไปเรียนที่เชียงใหม่ก็เพื่อให้ผมไปจีบเด็กผู้ชายคนหนึ่ง แม่บอกผมว่า พ่อนะหายไปอยู่เชียงใหม่และไปติดผู้หญิงคนหนึ่งจนทิ้งแม่ให้ตรอมตรมอยู่ที่กรุงเทพ ตอนนั้นแม่ให้ผมใช้ชื่ออาณุภาพในการเข้าเรียนที่นั่นและที่แม่นิดาให้ผมไปจีบเด็กคนนี้ ก็เพราะว่าบ้านนี้มีแต่ลูกชาย แม่ต้องการให้ลูกบ้านนั้นรู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่เขาทำกับแม่นิดา ผมก็เลยจำเป็นต้องทำ เพื่อแกล้งรักซอมพอและทำให้ซอมพอเสียใจแค่นั้น และผมก็ต้องกลับมาเลือกตรีญาดา ผู้หญิงที่เพียบพร้อมและเธอจะทำให้ผมได้หุ้นส่วนของบริษัทคืน ผมคิดว่าผมก็คงรักตรีญาดาได้ ก็ไหนๆ เธอก็หลงรักผมเข้าไปแล้วนิ



แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น ตลอดเวลาหนึ่งปี ที่ผมพยายามแกล้งรักเขาแต่มันไม่ใช่ ผมหลงรักซอมพอไปจนหัวใจผมไม่มีที่ว่างไว้ให้ตรีญาดา ทั้งที่ผมสัญญากับแม่นิดาเอาไว้แล้ว แต่ผมก็ทำไม่ได้ จนผมเองต้องถอนตัวเองถอยหลังออกไป ผมคิดว่าการหายไปจะดีกว่า อันที่จริงแม่นิดาต้องการให้ผมควงตรีญาดาไปเพื่อให้ซอมพอรู้ว่าผมก็มีผู้หญิงคนที่คู่ควรอยู่ด้วยแล้ว แต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมเลือกกลับไปเรียนเมืองนอกกับติณณภพอีกครั้งทันที และนั้นก็คือการหายไปของผมในตอนนั้น



“ริง “ เสียงมือถือผมดังขึ้น นี้เป็นสายที่ ห้าสิบแล้วนะที่ตรีญาดาโทรหาผม



“ว่าไงตรี” ผมรับสายด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย ทั้งที่ผมกับตรีตอนนี้กำลังจะหมั้นหมายกันอีกไม่ถึงเดือน ผมนะอยากให้เลื่อนออกไปด้วยซ้ำเพราะว่างานผมเยอะขึ้นเงินหมุนเวียนก็เข้ามาเยอะขึ้น แต่ตรีอยากจะเลื่อนเข้าทั้งงานหมั้นและงานแต่งซะด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาคอยหวาดระแวงว่าผมกำลังมีคนอื่นตลอดเวลาๆ แต่จริงๆ แล้วผมนะไม่เคยมีเขาในหัวใจผมเลยด้วยซ้ำ



“พี่ณุก พี่ไปไทยหรือเปล่า” ตรีญาดาถามผม



“ตรี พี่บอกว่าพี่อยู่สิงคโปร์ ตรีถามพี่ไม่รุ้กี่ครั้งแล้วนะตรี ถ้าตรีไม่ไว้ใจพี่ พี่ว่าเราควรจะหยุดความสัมพันธ์เราไว้ดีกว่าไหม เพราะถ้ามันก้าวข้ามไปถึงชีวิตคู่มันจะไปไม่รอด” ผมพูดออกมาตรงๆ เพราะว่าผมเองก็เริ่มคิดว่าไม่อยากได้แล้วซิหุ้นส่วนของพ่อผมนะ ผมเริ่มอึดอัดเต็มที



“พี่ณุก “ตรีญาดาเสียงสั่นเครือ เขาเอาน้ำตามาเป็นเครื่องต่อรองผมอีกแล้ว ถึงจะไม่เห็นแต่ผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังลอดมาจากมือถือ



“ตรีรักพี่ณุกนะ และเราก็คบกันมา จะ9 ปีแล้วนะพี่ณุก เราจะหมั้นกันแล้วและแต่งงานกัน ทำไมพี่พูดแบบนี้ละพี่ณุก ฮือๆ” ตรีญาดาสะอึกสะอื้นร่ำไห้ ใช่ และที่เธอพูดว่า 9 ปีที่เราคบกัน มันก็คือ 9 ปีที่เจ็บปวดของผมเช่นกัน ที่ผมต้องทิ้งเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาเหมือนกัน



“ก็เราไม่เคยไว้ใจพี่ ไม่เคยเชื่อใจพี่นี้ครับตรี พี่ก็เลย.." ผมพูดอย่างหัวเสีย



“ไม่เอานะพี่ณุก อย่างพูดแบบนี้กับตรี  ตรีเชื่อพี่ณุกแล้วค่ะ และที่ตรีถามคือตรีอยากให้พี่ณุกไปวัดตัวตัดชุดค่ะ ใกล้งานเราแล้วนะพี่ณุกและแหวนหมั้นของเราสองคนก็เสร็จแล้วด้วย” ตรีญาดาพูด



“ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้พี่จะไปนะคะ ตอนนี้พี่ขอตัวพักผ่อนก่อนได้ไหมคะตรี พี่เหนื่อย” ผมพูดกับตรี



“ได้ค่ะ พี่ณุก ตรีรักพี่ณุกมากนะคะ “



“พี่รู้ค่ะ ตรีก็เตรียมตัวไปมหาลัยได้แล้วมั้งคะ เพราะว่าตรีมีเรียนนี้ค่ะวันนี้และตรีจะได้เรียนจบป.โทไงคะ และนี้จะเป็นของขวัญวันหมั้นของเรา” ผมพูดพร้อมพ้นลมหายใจยาวๆ



“ได้ค่ะพี่ณุก ตรีเลิกเรียนแล้วตรีโทรหาได้ไหมคะ”



“เอาเป็นว่าพี่โทรหาตรีเองนะคะ ทันทีที่พี่ตื่น นะคะ แค่นี้ก่อนนะคะ ตรี “ผมบอกตรีและกดวางสายทันที ผมเดินออกมาจากมุมที่เขามีไว้ให้สูบบุหรี เพื่อที่จะเดินไปยังบาร์ที่ผมนั่งดื่มอยู่ ระหว่างที่ผมเดินออก



“ทำไม ถ้ากูมันไม่ดีเหมือนที่เพื่นมรึงว่า ก็ไม่ต้องมาคบกับกูไอ้ม่อนด์”



“ใช่ซิ กูมันขี้หวีนชี้เหวี่ยง เที่ยวเก่ง และมึงนะเป็นแฟนที่แย่มากเอาแต่เล่นเกม ไม่ต้องมาพูดแล้วกูเบื่อฟัง ใช่ถ้าเบื่อมากก็เลิกไปเลย “มีเด็กผู้ชายสวมชุดนักศึกษามหาลัยกำลังยืนเถียงกับใครสักคนในโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ดูแล้วก็น่าจะทะเลาะกับแฟนมา จะว่าไปก็น่าสนใจอยู่ หาที่ระบายดีกว่าผม ผมเดินช้าๆ จนน้องเขาหันมาอย่างเร็วและชนกับผมเข้า มือถือน้องเขาตกลงพื้นทันที ผมก็ก้มลงเก็บให้ และเงยหน้าพร้อมส่งมือถือคืน



“มือถือครับ” น้องที่กำลังหัวเสียก็ยื่นมือมารับมือถือน้องคืนแต่ น้องได้สะดุดกับใบหน้าอันหล่อเหลาของผมอย่างจัง



“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ พี่ได้ยินเหมือนทะเลาะกับแฟน” ผมถามน้องคนตรงหน้า



“แฟนมันไม่เคยรักผมพี่ มันรักแต่เกม และเพื่อนๆ มันก็ไม่ชอบผม มันก็บอกว่าผมนะขี้หวีน ไปทางไหนก็วงแตก” น้องเขาพูด



“แล้ว? แค่งอนกัน?” ผมพูดและทำท่าจะเดินออก



“หมับ” น้องเขาจับต้นแขนผมไว้



“มากกว่างอน มันบอกเลิกผมไปแล้ว” น้องคนที่จับแขนผมไว้บอกผม ผมหันมามองหน้าน้องเขาและเลิกคิ้ว



“พี่มาคนเดียวเหรอครับ”



“ผมชื่อปวินครับ พี่ชื่อ...”



“พี่ณุกครับ”



“ชื่อน่ารักจัง พี่มาคนเดียวเหรอครับ”



“ครับ พี่มาคนเดียว ก็ไม่มีใคร...ตามพี่มานี่ครับ”



“ผมมากับเพื่อนแต่ผมอยากหาใครสักคนปลอบใจได้ไหมครับ” ปวินพูดและใช้นิ้วมือของเขาค่อยๆ ไล่จากแผ่นอกของผม เสื้อเชิ้ตแบรนด์เนมที่รัดรูปของผมรัดแผ่นอกแมนๆของผมด้วย ผมก็มองตามนิ้วเรียวๆของน้องเขา



“ไปหาที่นั่งดื่มกันไหมครับ พี่ก็เบื่อพอดีเลย แฟนพี่ก็งี่เง่า “ผมพูดน้องเขาก็กอดอกทำท่าคิด



“ถ้าทำให้พี่ติดใจอาจจะเลิกกับแฟนมาหาคนที่ถูกใจกว่า” ผมพูด



“งั้นก็คงต้องเลิกกับแฟนคืนนี้แน่ๆ “ปวินบอกผม ผมสองคนมองตากันเหมือนเข้าใจสิ่งที่ต้องการทั้งคู่และผมก็พากันเดินออกมาข้างนอกทันที ปวินโทรหาเพื่อนบอกเพื่อนว่าจะไปกับคนรู้จักไม่ต้องรอให้กลับได้เลย ผมโทรไปเปิดโรงแรมชื่อดังย่านธุรกิจแห่งหนึ่งที่ผมพักประจำและหาเศษหาเลยมาบำเรอความใคร่ของผม



“โรงแรมหรูจังครับพี่ณุก” ปวินพูด ระหว่างที่ผมสองคนนั่งรอเครื่องดื่มกระตุ้นอารมณ์กันและจะได้ไปจบกันบนเตียง ผมสั่งเซ็กซ์ออนเดอะบีชให้น้องเขา ส่วนผมก็วิสกี้



“เรียนที่ไหนครับน้องปวิน” ผมถามคนที่นั้งมองผมตรงหน้า ปวินหน้าตาค่อนข้างดี แต่ดูท่าจะไวไฟไปหน่อยและผมก็ชอบไม่ต้องเทรนกันนาน ขึ้นไปขย่มแล้วจบเลย ผมชอบนั้น ผมยอมรับว่าผมมาหาเศษหาเลยแบบนี้แต่ผมมไม่เคยอยากแตะต้องตรีญาดาเพราะว่าผมไม่ได้ต้อองการเธอเป็นภรรยาของผมจริงๆ แค่ต้องการแค่หุ้นส่วนของผมคืน



“เรียนมหาวิทยาลัยxxxx สาขาการเงินการธนาคารครับ “น้องปวินพูด ผมพยักหน้า



“เป็นคนใต้เหรอครับ” ผมถามปวิน



“พี่ณุกรู้ได้ยังไงอ่ะครับ” ปวินถามผม



“ไม่รู้ซิพี่เดาเพราะว่าเราดูมีเค้านะแต่ผิวเราขาว คนใต้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยขาวเท่านี้ “



“แม่ผมเป็นคนกรุงเทพครับ ผมเป็นลูกคนสุดท้อง ผมมีพี่เป็นผู้หญิงทั้งหมดและทุกคนก็ผิวไปทางพ่อผม มีผมคนเดียวที่ออกมาขาวมากที่สุด” ปวินพูดและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ



“แต่ส่วนหนึ่งผมก็ทานกรูตาไธโอนด้วยมันก็เลยขาวแบบมีออร่านะครับ” ปวินพูดและจิบเครื่องดื่มไปด้วยสายตาก็มองผม น้องเขาก็ยกเท้าขึ้นมาเขี่ยที่ต้นขาผมและค่อยๆ ไต่ ดีที่เป็นมุมที่อับแสงและคงกันเอาไว้สำหรับคู่รักที่อยากมาพลอดรักกัน



“ขึ้นห้องเลยไหมครับ ” ผมช้อนตาขึ้นมองและถามปวิน ผมรู้สึกว่าน้องจะปลุกผมน่าดู ปวินยิ้มให้ ผมก็พากันลุกขึ้น เพื่อนขึ้นไปยังห้องพักของผม ผมเปิดประตูห้องพัก ขณะที่กำลังปิดประตูลงปวินก็กระโจนใส่ผม ผมกับปวินนัวเนียกันเหมือนอดอยากมานาน เสื้อผ้าถอดและโยนไปคนละทิศละทางและสองร่างเปลือยเปล่าก็กระโจนขึ้นเตียง ฟาดฟันกันจนเหงื่อท่วม ปวินนี้คงประสบการณ์เยอะน่าดู ลีลานี้ถึงใจผมมากแต่..ผมไม่เลือกเด็กใจแตกที่ยอมนอนกับใครในแค่ไม่กี่ชั่วโมงแบบนี้แน่ๆ สองร่างพากันหลับใหลหลังจากสูญเสียพลังงานจนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่



“ริงๆ “เสียงมือถือผมดังขึ้น ผมก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ผมรู้สึกได้ว่ามีแขนใครมาพาดอยู่ ผมก็กระดกหัวขึ้นมอง เพิ่งจะจำได้เด็กที่ผมหิวมาเมื่อคืน และผมจับแขนคนที่นอนก่ายกอดผมออก ผมเหลือบมองเรือนร่างที่เปลือยเปล่ามีแค่ผ้าห่มที่พาดผ่านช่วงล่างไว้เท่านั้น ผมลุกขึ้นและหันไปหยิบมือถือของผมขึ้นมา ไอ้มาร์คคู่หูและคู่นักธุรกิจของผม เราเป็นเพื่อนกันมานานมาร์คสูญเสียพ่อแม่ไปนานแล้วตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย



“ว่าไงมาร์ค” ผมถามต้นสายด้วยน้ำเสียงที่งัวเงีย



“นี้ยูไม่บอกตรีเหรอวะว่ายูอยู่ไทยแล้ว” ไอ้มาร์ค ถามผม



“ทำไมเขาโทรหายูเหรอวะ”



“ใช่ดิ แต่อย่าบอกตรีว่าไอบอกนะ และไอไม่อยากให้ยูขู่ตรีว่าจะเลิกกับเขาวันละสามเวลาแบบนี้ “ไอ้มาร์คพูด



“ก็มันน่ารำคาญ ยูเห็นไหมล่ะ “



“เขาอยากให้ยูไปวัดตัวตัดชุดซะที ยูจะหมั้นและแต่งงานแล้วนะโว้ย!” ไอ้มาร์คมันพูดและย้ำผม



“ยูไปแทนไอทีดิว่ะ” ผมบอกไอ้มาร์ค



“ยูบ้าไปแล้ว ถ้าไอเดินเข้าไปในร้านที่ยูสองคนไปคุยกันเรื่องชุดแต่งงานแต่วันนั้นดันเสือกไม่วัดตัวเลยดันบอกมีธุระด่วน และวันนี้ให้อีกคนไปวัดแทน มันใช่เหรอวะ ไอ้ณุก”



“ยูเพื่อนเจ้าบ่าวไอไง” ผมบอกมันไป



“แล้วเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างไอนี่ ต้องมาทำหน้าที่แทนเจ้าบ่าวทุกอย่างเหรอวะ ให้ไอแต่งแทนเลยไหม” ไอ้มาร์ค ไอ้นี่พอส่งมันไปเรียนภาษาไทยได้มันบ่นผมเป็นชุดเลย ใจผมก็อยากให้มันแต่งแทนไปเลยถ้าทำได้



“โอเคโอเค พี่มาร์คครับ ผมขอคุณมาร์คแค่ครั้งนี้ อ้อนวอนด้วยไปวัดตัวให้ผมหน่อย ผมติดงานจริงๆ คุณมาร์คจะเอาเงินเข้าบริษัทไหมครับ “ผมถามไอ้มาร์ค



“Oh come on man!” ไอ้มาร์ค



“เออนะ ไปวัดให้ไอหน่อย ยังไงยูก็ไซ้เดียวกับไออยู่แล้วแต่ยกเว้นตรงเป้า ให้ทำเพื่อไว้ยังไงยูก็เล็กกว่าไอ” ผมพูดและกดตัดสายทันที ผมหันไปมองคนที่นอนยิ้มให้ผมและลุกมากอดผมจากด้านหลัง



“พี่ณุก ผมมีความสุขมากเลยครับเมื่อคืน “ปวินพูดผมหันไปยิ้มและ



“พี่ก็มีความสุขมากนะครับแต่..”



“หึ” ปวินทำเลิกคิ้วขึ้น



“เราแค่สนุกนะพี่ยังไม่คิดว่าเราจะไปถึงขั้นแฟนกัน แค่สนุก” ปวินทำสีหน้าตกใจ



“ไหนพี่บอกว่า” ปวินลุกพล้วดขึ้นมานั่งทันที



“ถ้าทำให้พี่ติดใจแต่นี่พี่ยัง ไม่ติดใจและดูจากลีลาทั้งคืนที่ผ่านมา น้องคงผ่านมาเยอะมาก” ผมพูดและเหลือมองปวิน



“ผมไม่เคยผ่านใครมา..เยอะสักหน่อย ผมมีแฟนแค่คนเดียวแต่..” ปวินพูด



“ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปหาแฟนน้อง หรือไม่ก็แค่เป็นของสนุกของพี่ เลือกเอาแล้วกัน” ผมหันไปถามหนุ่มน้อยที่นั่งหน้างออยู่บนเตียง ส่วนผมนะแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและเตรียมจะออกไป ผมว่าจะแวะไปเซอร์ไพรส์ ไอ้ติณภพมันสักหน่อยก่อนจะบินไปประเทศอื่นต่อและค่อยกลับไปหาตรีญาดา ถึงยังไงผมก็ต้องทวงธุรกิจของพ่อผมคืนก่อน ผมเข้าไปในห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวและออกมาสวมเครื่องประดับของผม เด็กหนุ่มน่ารักยังคงนั่งอยู่บนเตียง ผมหันมามองเหลือบมอง



“ไม่เอาน่า เราสนุกกันดีกว่าไหม จะมาสร้างพันธะกันทำไม เพื่อว่าเราเจอคนที่ถูกใจกว่าพี่ เราจะได้ไปไม่ต้องมานั่งกังวลกัน” ผมถามปวิน



“ทำไมไม่เสือกพูดแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก” ปากดีซะด้วย ผมหันมาและเดินมาที่เตียง



“หมับ” ผมใช้ฝ่ามือจับเข้าที่คางและบีบมันด้วยความโกรธ ผมรับรู้ว่าปวินรู้สึกเจ็บ



“ทำไมพูดกับพี่ไม่เพราะเลยครับ พี่ไม่ชอบนะครับ” ผมพูดและมองหน้าปวิน



“ซี้ด” ปวินทร์คงเจ็บมีเสียงที่รอดออกมาจากไร้ฟันคู่งามนั้น



“หรือว่าไม่พอใจ ทั้งที่สมัครใจมาเอง หรืออยากจะได้เงินค่า..”



“ผมไม่ได้มาขายตัว” ปวินขึ้นเสียงกับผม



“ก็ดี แต่งตัวและเตรียมตัวกลับได้แล้ว พี่จะไปธุระ ถ้าคิดได้ก็โทรกลับมาหาน่ะ ถ้าคิดว่าอยากได้แบบพันธะผูกพันก้ไปหาที่อื่น พี่ไม่ได้ชอบแบบนั้น” ผมพูดและสวมเสื้อสูททับก่อนและผมก็เดินออกทันที ผมส่งหนามบัตรและเงินหนึ่งพันบาทให้



“พี่ไม่ได้ให้เพราะว่าค่าตัวแต่ให้เป็นค่ารถแทกซี่กลับ ทำตัวน่ารักน่ารักแล้วจะได้หาความสุขกันอีกนะครับ ปวิน พี่ชอบเรานะร้อนแรงถึงใจพี่ดีแต่พี่ไม่ได้คิดถึงขั้นต้องเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันและกัน โอเคนะ จ๊วบ” ผมพูดและหันไปหอมแก้มซะหน่อย ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างเพื่อเช็กเอาท์ แต่มันก่อนเวลาผมเลยจะบอกว่าให้รอน้องอีกคนค่อยเคลียร์ห้องและทุกอย่างผมก็จ่ายผ่านบัตรอยู่แล้ว



“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณปริญญ์ ขอบคุณที่ใช้บริการนะคะ “พนักงานต้อนรับสาวสวยที่ค่อยส่งยิ้มหวาน และพยายามทอดสะพานให้ผมทุกครั้งที่ผมมาตรงกับวันที่เธอทำงานตลอดและครั้งนี้ก็เช่นกัน



“ขอบคุณนะครับ คุณ”



“ณัฐรีย์ค่ะ ยินดีให้บริการ”



“ครับ รอบหน้าคงได้มีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้นนะครับ คุณณัฐรีย์” ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกมาที่หน้าโรงแรมเพื่อรอรับรถคันหรูของผมและขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมเหลือบมองเวลานี้ก็เกือบ สิบโมงเช้าแล้ว ไอ้ติณณภพคงมาที่บริษัทเรียบร้อยแล้วแหละ ไอ้คนนี้มันขยันและมัวแต่ทำงานเลยไม่มีเวลาหาแฟน

TBC....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
           [ณุก] ผมขับรถคันหรูเข้ามาจอดด้านหน้าบริษัท ผมก็เหลือบไปเห็นรถประจำตำแหน่งที่คุณแม่ของติณภพและพ่อของเขานั่ง มีคนขับให้นั่งด้วย ตำแหน่งเจ้าของบริษัทแต่ได้มาจากส่วนหนึ่งของพ่อผมแท้ๆ ผมเงยหน้ามองป้ายนั้น ชื่อนี้ถูกเปลี่ยนหลังจากที่ติณณภพกลับมาดูแลมันแทน



“ต่อให้ตอนนี้ผมมีเงินเยอะแล้วก็ตามนะพ่อแต่ผมจะทวงสิ่งที่เป็นของพ่อคืน เพื่อให้แม่และไอ้รุทมัน ถึงยังไงมันก็น้องชายผมพ่อ” ผมพูดในใจตัวเองและสวมแว่นตาเรแบนด์ราคาแพง ผมเดินเข้าไปในบริษัท พนักงานทุกคนรู้จักผมดี ประชาสัมพันธ์ก็ยกมือไหว้ผม



“นี้เธอ ใช่คุณณุกหรือเปล่าน่ะ” ผมกำลังยืนรอลิฟต์อยู่ มีพนักงานบริษัทของติณณภพซุบซิบกันผมหันไปและขยับแว่นตาเรแบนและส่งยิ้มเท่ๆ ให้ไป



“ใช่ด้วยอ่ะแก หล่อจัง “พนักงานสาวสวยหันไปกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยกันและหันมาทางผม ผมยอมรับว่าผมเป็นคนหน้าตาดี หน้าตาเหมือนดาราคนดังคนหนึ่ง แต่ผมคิดว่าผมหล่อกว่านะ



“คุณณุก สวัสดีค่ะ” สาวๆ สองคนรวบรวมความกล้าทักทายผมทันที



“สวัสดีครับ”



“มาคนเดียวเหรอคะ”



“ครับ พอดีว่าตรีเขายังไม่เรียบร้อยนะครับ ยังไงผมก็ต้องบินไปรับเขากลับมางานหมั้นผมอีกสามอาทิตย์แน่นอน” ผมบอกสาวๆ สองสาวยิ้มเจื่อนให้ผม



“อิจฉาคุณตรีจังเลยอ่ะ ทำบุญด้วยอะไรนะ แฟนถึงได้หล่อแบบนี้” ผมยืนฟังเขาซุบซิบกันไปมาจนกระทั่งลิฟต์มาจอดยังชั้นของผู้บริหารและผมก็เดินออกจากลิฟต์ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินไปที่ห้องทำงานติณณภพ ผมก็เจอคุณส้ม หัวหน้าฝ่ายบุคคลที่กำลังเดินมา น่าจ้ะเพิ่งออกมาจากห้องทำงานติณณภพ



“สวัสดีครับคุณส้ม” ผมกล่าวทักทาย ดูคุณส้มตกใจผมเล็กน้อย



“อ้าวคุณณุก กลับมาแล้วเหรอคะ แม้ไม่เจอกันเกือบครึ้งปีได้เลยนะคะ ว่าแต่มาคนเดียวเหรอคะ” คุณส้มทักทายผมทันที ใช่ผมเจอคุณส้มก็ตอนงานทำบุญบริษัทเมื่อหกเดือนที่ผ่านมา



“ครับ พอดีว่าตรีเขายังติดเรื่องเรียนปริญญาโทเขาอยู่นะครับ แต่ไม่นานครับตรีก็จะกลับมาช่วยติณดูแลบริษัทแล้วครับ” ผมบอกคุณส้ม



“แล้วนี่คุณส้มเพิ่งออกมาจากห้องไอ้ติณมาหรือเปล่าครับ” ผมถามคุณส้ม



“ใช่ค่ะ พอดีว่าส้มลงมาให้เด็กๆ เขายกโต๊ะทำงานไปไว้ในห้องคุณติณนะคะ” คุณส้มพูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ พร้อมกับทำท่าคิด



“เออ คุณส้มบอกว่าย้ายโต๊ะทำงานเข้าไป อย่าบอกนะครับว่ายายแม่เลขาทื่ชื่อวุ้นอะไรนี้กลับเข้าไปในนั่งในห้องไอ้ติณนะครับ” ผมพูดและคุณส้มก็ทำสีหน้าจะหัวเราะแต่ก็กลั้นไว้



“โอ๊ยย!! คุณณุก คุณก็รู้ว่าคุณติณนะสยองแม่นั้นจะตายไปค่ะ “คุณส้มรีบหันมาพูดกับผม ผมรู้ว่ามีแค่ไม่กี่คนหรอกที่รู้เรื่อง เลขาฯ วางยาเจ้านายเพื่อหวังจะได้เป็นภรรยาและเคราะห์ดีที่ผมดันมาช่วยมันไว้ซะก่อน นางก็ร้องห่มร้องไห้จนแม่ของติณต้องเก็บนางเอาไว้อีก



“ผมก็นึกว่าไอ้ติณเรียบร้อยแม่นั้นไปแล้ว “ผมหันมาพูดกับคุณส้ม



“ไม่หรอกค่ะและคงไม่มีโอกาสแล้วค่ะ เพราะว่า” คุณส้มหันมาเหมือนจะบอกอะไรผม ผมก็ยิ้มเลิกคิ้วสูง



“คุณณุกเพิ่งจะมาคงยังไม่รู้ว่าคุณติณมีเลขาใหม่แล้วนะคะ ผู้ชายด้วยค่ะ น้องน่ารัก ผิวสวย เป็นคนเหนือค่ะคุณณุก” คุณส้มบอกผม



“แม้คุณส้มพูดมาขนาดนี้ ผมนี่ชักอยากจะเห็นแล้วซิ ว่าน่ารักมากมายขนาดไหนไอ้ติณถึงได้เอาเข้าไปนั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยกันเลย “ผมพูดและแอบหัวเราะ สุดท้ายนายก็หนีความจริงตัวเองไม่พ้นที่ผมเคยบอกว่ามันนะเป็นเกย์แน่นอน มันก็ปฏิเสธผมมาตลอด ผมเดินมาหยุดที่หน้าห้องติณภพ ผมยังคงเห็นภาพที่ผมสองคนเล่นด้วยกัน ติวหนังสือกันสองคนแต่ก่อนผมไปมาเที่ยวไทยก็ไม่ได้เข้าไปอยู่บ้าน ผมมาค้างบ้านติณตลอดและนอนห้องเดียวกันด้วย แต่ทว่าสิทธิ์ของพ่อผมก็ต้องเรียกคืน



  ก๊อก ก๊อก ก๊อก  ผมเคาะประตูห้องทำงานของติณณภพ ยืนรอให้คนในห้องเอ่ยปากเชิญซะก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปด้านใน ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กก็ตาม



“เข้ามาได้” เสียงติณภพ ผมเปิดประตูเข้าไป คนที่ก้มหน้าก้มตาเซนต์เอกสาร



“มีออเดอร์เข้าเยอะหรือไงถึงเซนต์ซะมือหงิกเชียว” ผมพูดและถอดแว่นตาเรแบนด์ออก สวมไว้ที่กระเป๋าเสื้อด้านบน ของผม ติณภพเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม ผมเดินไปหยุดและนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมกับหมุนเก้าอี้เพื่อจะได้นั่งไขว่ห้างเท่ๆ ได้สะดวก ติณทำสีหน้าเหมือนจะตกใจแต่ก็ไม่



“นี้มึงมาโดยที่ไม่บอกน้องกูอีกแล้วใช่ไหมณุก” ไอ้ติณภพเงยหน้าขึ้น ทันทีที่มันเห็นว่าเป็นผม มันเปิดฉากบ่นผมทันที



“มึงก็รู้จักน้องมึงดี “ผมพูดก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับติณภพ



“และถ้าน้องกูมันงี่เง่าเอาแต่ใจ มึงจะแต่งกับน้องกูทำไม” ติณภพเงยหน้าขึ้นถามผม



“มึงรู้ดีคำตอบนั้น” ผมพูดก่อนจะมองหน้าติณณภพ ทำยังกับว่าไม่รู้ว่าน้องสาวตัวเองเอาแต่ใจแค่ไหน  และนั้นก็ทำให้ติณภพ ต้องวางปากกาลง คนที่อยากแต่งกับผมมากนั้นคือตรีญาดาน้องมันไม่ใช่ผม แต่ผมจำใจต่างหาก



“เอานะ ยังไงกูก็รักตรี และที่กูไม่บอกก็เพราะว่ากูอยากให้ตรีเรียนจบและจะได้มาช่วยมึงไง กูก็ไม่อยากทิ้งให้ตรีอยู่ที่อังกฤษคนเดียวเพราะว่ากูงานเยอะเดินทางก็บ่อยขึ้น จะให้กระเตงตรีไปด้วยทุกที มันไม่ได้หรอกว่ะ” ผมบอกไอ้ติณภพและหันไปมองมีโต๊ะทำงานใหม่



“มีเลขาคนใหม่เหรอวะ คุณส้มเพิ่งจะบอกแล้วนี่ไปไหนอ่ะ อยากเห็น” ผมถามถึงเลขาฯ คนใหม่ตินภพทันที



“แม่กูลากไปด้วย “ติณภพพูด



“หึๆ” ผมหัวเราะในลำคอ "หว่าอดเห็นเลยกู ว่าจะขอชมซะหน่อย เห็นบอกว่าเป็นคนเหนือผิวพรรณก็ดี แต่เป็นผู้ชาย"ผมพูด  "แต่นี้แม่ยายกูดันลากออกไป หรือว่าเป็นลูกสะใภ้แล้วว่ะ" ผมหันมาพูดกับติณณภพ ติณณภพเป็นเป็นนั่งไขว้ห้่างมองผม 



“ก็ลูกสาวแม่กูแฟนมึ และว่าที่คู่หมั้นของมึงอีก ติดมึงแจจนลืมแม่กูไปแล้ว แม่ก็เหงาและพาลไปคิดถึงลูกสาวอีกคนที่เสียไป และพอมาเห็นน้องเขาน่ารักก็เลยคิดว่าเป็นลูกสาวอีกคนแล้วมั้ง” ติณภพพูด



“อย่าบอกน่ะว่ามึงจริงจังน่ะ  “ผมแอบแซวติณณภพมัน ผมไม่เคยเห็นมันจีบใครสักคน จนป่านนี้ 



“ว่าแต่มึงน่ะไปวัดตัวหรือยังวะชุดงานหมั้นมึงน่ะ” ติณภพถามผม มันเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาหน้าตาเฉย ผมเหลือบมองข้อความในมือถือผมลืมอ่านเลยที่ไอ้มาร์คมันส่งมามันบอกว่ามันไปมาแล้ว



“ไปมาแล้ววะ”



“ดี แต่ถ้าจะให้ดีมึงควรจะกระตือรือร้นหน่อยเรื่องงานหมั้นและงานแต่ง เพราะญาติแม่กูนะ เขามองว่าน้องกูอยากแต่งแต่มึงไม่อยากแต่ง” ติณภพพูด ผมก็เอนหลังและคิดว่าตาดีจริงๆ มันใช่เลย



“ถ้าไม่อยากจะขอแต่งทำไมวะ “ผมพูดกับติณภพ



“เออ กูแค่แวะมาทักทายและจะไปมาเลเซียต่อ และก็บินไปรับน้องสาวมรึงกลับมางานหมั้น” ผมพูดและทำท่าจะลุกขึ้น



“แหวนหมั้นเสร็จแล้วนะ น้องเขาทำให้” ไอ้ติณภพพูดและโบ้ยปากไปที่โต๊ะทำงานใหม่ นั้นแปลว่าคนเลขาฯ เป็นคนทำเหรอ ผมพยักหน้า



“ตรีบอกว่าสวยถูกใจไม่ต้องแก้แล้วนะ” ติณภพพูดและส่งกล่องแหวนให้ผมดู ผมก็เปิดดู



“ก็สวยดี” ผมพูดและจะส่งกลับคืนให้



“มึงเก็บไว้ดิ “ติณภพพูด ผมก็รับกลับมา



“งั้นกูกลับก่อนนะ ฝากสวัสดีพ่อกับแม่ด้วยนะ “ผมพูดก่อนจะหันหลังออก



“ณุก “ติณภพเรียกชื่อผม ผมหันหลังไป



“แม่มึงเอาสร้อยที่เคยสั่งทำที่นี้ และนำกลับมาเพื่อขายคืนวะ มันฝังเพชรเม็ดเล็กๆ ไว้และยังเขียนไว้ด้วย กูคิดว่าพ่อมึงน่าจะให้ไว้เป็นตัวแทนความรักวะ แต่คุณหญิงนิดาต้องการอะไรอันนี้กูไม่รู้วะ” ติณภพพูดและส่งกล่องสร้อยคอเลื่อนมาให้ผม ผมหันไปหยิบมาเปิดดู มันเขียนไว้ที่จี้หัวใจ ว่ารักนี้สุดเขตแดนสยาม ผมไม่เคยเห็นสร้อยเส้นนี้มาก่อน



“พ่อกับแม่กูบอกว่าพ่อมึงสั่งทำไว้ให้ผู้หญิงที่เขารักมาก นั้นคงหมายถึงแม่มึงแน่ๆ ว่ะ ณุก” ติณภพพูด ผมก็มองหน้าติณภพ



“แม่กูเอาเงินไปเท่าไหร่” ผมถาม



“ห้าล้านบาท”



“กูขอซื้อคืน” ผมพูดและนั่งลงพร้อมกับหยิบสมุดเช็คขึ้นมา



“เฮ้ย! เอาไว้ก่อนก้ได้วะ” ติณภพพูด แต่ผมก็ก้มหน้าก้มตาเซนต์เบิกให้และฉีกส่งให้ติณภพ



“กูจ่ายเลย เพราะแม่กูคงเอาเงินไปทำอะไรต่อมิอะไรหมดแล้ว และอาจจะไปใช้หนีให้ไอ้น้องชายที่ขี้เกียจและหาแต่เรื่องมาให้แม่กูเสียเงินจ่ายเงินที่มันติดเขาจากการเล่นการพนัน” ผมพูดด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคือง ผมอยากจะเล่นมันหนักๆ แต่ก็เกรงใจแม่ผม ผมรู้สึได้เลยว่าไอ้อนุรุจนี้มันไม่น่าจะใช่พี่น้องแท้ๆ ของผมแน่นอน แต่ผมก็ไม่กล้าถามแม่ผมตรงๆ และผมหยิบสร้อยนั้นและหย่อนมันลงไปในกระเป๋าเสื้อสูทด้านในของผม

         ผมเดินออกจากห้องทันที ผมอยากรู้ว่าทำไมแม่ถึงได้ทำแบบนี้ ทั้งที่เป็นสร้อยที่พ่อให้เป็นของขวัญ พ่อสั่งทำพิเศษให้ ถ้าแม่เดือดร้อนอะไรทำไมไม่บอกผมเหมือนทุกครั้ง ผมรีบเดินลงมาชั้นล่างเพราะว่าผมต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปสนามบินและบินไปที่มาเลเซียเพื่อพบลูกค้าคนสำคัญและคงหาเที่ยวบินและบินกลับอังกฤษเลยทันที ผมยังไม่ได้เข้าบ้าน ผมได้แต่โทรหาแม่บ้านที่ดูแลบ้านและพ่อผม เขาก็บอกว่าพ่อผมนั้นเหมือนเดิมไม่มอะไรเปลี่ยนหรือดีขึ้น ส่วนแม่นิดาก็ไม่อยู่บ้าน เห็นแม่บ้านบอกว่าเดินสายไปทำบุญกัน



“เจอไหมลูก เจอเหรอ ดีจ๊า ขอบใจมากนะ แม่นี้หลงๆ ลืมๆ ดูซิ ของสำคัญลืมได้ยังไง จ๊ะๆ แม่รอลูก ยังไงเราก็ต้องขึ้นไปดูห้องทำงานใหม่ด้วยกัน “ผมเดินมาเจอคุณแม่ของติณภพและว่าที่แม่ยายของผม ที่กำลังโทรคุยกับใครสักคน



“อ้าวตาณุก มายังไงนี้” แม่เขาหันมาทักผมแบบตกใจ



“คือผมไปสิงคโปร์มาครับ ก็เลยแวะมาหาติณก่อนจะบินกลับไปมาเลเซีย และผมก็จะบินกลับไปอังกฤษเลยครับ เพื่อไปรับตรีครับ” ผมบอกว่าที่แม่ยายของผม



“แล้วนี่เราไป”



“ไปแล้วครับแม่”



“ดีแล้ว เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดี แม่เห็นตรีเขาร้อนใจเหลือเกิน “ผมก็ยกมือขึ้นเกาหัวนี้รู้เลยว่าลูกสาวได้ใครมา



“ผมจะจัดการให้เรียบร้อยทุกอย่างก่อนวันงานแน่นอนครับแม่” ผมพูด



“ทุกอย่างนะเรียบร้อยหมดแล้วแหละพ่อคุณ เหลือแต่พาตัวมาก็พอ “แม่ของตรีพูด



“เอาละ แล้วนี่”



“ผมจะไปเตรียมตัวและไปขึ้นเครื่องบินครับแม่ ถ้าอย่างน้่นผมขอตัวนะครับ” ผมพูด



“อ้อ ผมเพิ่งจะทราบว่าคุณแม่จะได้ลูกสะใภ้เป็นผู้ชายน่ารัก ดีใจด้วยนะครับคุณแม่” ผมพูด



“ขอบใจจ้ะณุก ว่าที่ลูกสะใภ้แม่คนนี้น่ารักแถมยังมาจากทางเหนือด้วยนะ” แม่ของติณพูด ผมก็สะดุดตรงคำว่าคนเหนือนี้แหละ ไม่น่าจะใช้นะ เพราะว่าคนเหนือน่ารักมีหลายคน ผมคงไม่ซวยขนาดนั้น ผมหันมายิ้มให้ว่าที่แม่ยายผม และยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกไป



“ริงๆ” เสียงมือถือผมดังขึ้น ผมก็กดรับสายทันที ระหว่างที่ผมกำลังคุยก็มีคนกำลังถือของผมก็มีน้ำใจนะเปิดประตูให้



“พี่ณุก ผมเองนะครับปวิน “



“ว่าไงครับ” ผมถามคนที่โทรหาผม



“ผมขอโทษ ที่ผมเร่งรัดพี่มากไป พี่ครับพี่ณุก คือ...”



“จะเป็นเด็กดีของพี่ว่างั้น”



“ครับ”



“พี่จะไปธุระนะอีกประมาณอาทิตย์หนึ่งพี่จะกลับมารอพี่แล้วกันนะ เป็นเด็กดีแล้วพี่จะให้รางวัล” ผมพูดระหว่างนั้นก็มีเสียงแทรกเข้ามา



“ขอบคุณครับ” คนที่ขอบคุณผม เพราะว่าผมเปิดประตูค้างไว้ แต่ผมไม่ได้มอง



“พี่ณุก ผมรอให้รางวัลพี่แบบจัดเต็มนะครับ” ปวินพูด ผมรู้สึกคุ้นหูน้ำเสียงเมื่อกี้มาก มันเหมือนที่ผมเคยได้ยินจากเด็กผู้ชายตัวเล็ก บังเอิญว่ามีรถเช็นกล่องผ่านผมไปพอดี และผมก็ไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น ผมคงหูฝาดไป เขาคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้หรอกณุกและมันก็ผ่านมาเก้าปีแล้ว ป่านนี้คงมีแฟนใหม่ไปแล้วแหละ ใครกันจะรอนายได้ตั้งเก้าปี



“ได้ครับ พี่ก็จะให้รางวัลงามๆ เราสักหน่อยเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นแค่นี้นะครับ พี่รีบ จ๊วบ” ผมบอกปวินและส่งจูบผ่านมือถือไป ยังไงซะปวินอาจจะมีประโยชน์กับผมก็ได้เก็บไว้ก่อนดีกว่า ผมคิดว่าอย่างนั้น ผมหยิบแว่นตาเรแบนขึ้นมาสวมและเปิดประตูรถหรูราคาหลายสิบล้านบาท ก่อนจะออกรถผมเหลือบมองบริษัทที่ผมกำลังจะทวงมันคืนโดยการแต่งงานกับตรีญาดา ผู้หญิงที่เพียบพร้อมแต่ทำไมเขาไม่สามารถทำให้ผมรักเขาได้เลย มีเขาแค่คนเดียวที่กุมหัวใจผมแต่ผมก็ต้องเลือก ที่จะตัดเขาออกไปจากหัวใจของผม ผมเหลือบไปหยิบสมุดที่ใช้บันทึกการนัดหมายของผม ผมเปิดไปยังหน้าที่ผมสอดเอาดอกซอมพอใส่ไว้ในนั้น ผมยังคงเก็บมันไว้ตลอด

“พี่ขอโทษ พี่แค่ไม่อยากรอวันที่นายเกลียดพี่แล้วเราค่อยเลิกกัน “



“พี่ณุก ทำไมไม่โทรหาตรีค่ะ ตอนนี้พี่อยู่ไหนคะ”



“ตรีรู้ดีว่าพี่อยู่ไหน มาร์คบอกพี่หมดแล้ว” ส่งข้อความไปหาตรี



“ก็พี่ณุกไม่บอกตรีว่าไปไทยนี่ค่ะ”



“พี่ไปวัดตัวและพี่ไม่อยากให้เราร้องตามมาทั้งเรื่องของเรายังไม่เสร็จ นี้พี่จะไปเตรียมตัวเพื่อจะบินไปมาเลเซียเพื่อคุยงานและบินกลับไปหาเรา จะได้เดินทางกลับมาไทยพร้อมกันค่ะ” ผมส่งข้อความไปหาตรี แปลกนะผมไม่ค่อยอยากคุยกับตรีนานๆ เท่าไหร่



“จริงนะ รีบๆ มานะ ตรีเหงา”



“ครับ พี่จะรีบไป แค่นี้ก่อนนะครับพี่ขับรถ รักตรีนะครับ” ผมส่งข้อความและรีบชับรถออกเพื่อตรงไปยังคอนโดของผม ผมไม่เคยพาใครไปที่นั่นเลยแม้แต่ตรีญาดา



****

[ติณภพ]



ผมนั่งเซนต์เอกสารงานต่างๆ ไม่ว่าจะใบสั่งซื้อและใบส่งงานให้บริษัทนอกทำเพราะว่าเครื่องประดับบางรุ่นต้องให้เขาขึ้นโครงมาให้และทางผมเป็นคงลงเครื่องเพชร ผมเหลือบมองเวลา นี้แม่ผมลากเลขาฯ ที่น่ารักของผมไปไหนกันนะนานจริงๆ เลย ผมเหลือบมองโต๊ะที่คุณส้มยกขึ้นมาให้ซอมพอนั่งทำงานกับผม คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ถูกตั้งค่าพร้อมใช้งานแล้ว



“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องทำงานของผม



“แม่มาแล้วเหรอ ทำไมพาเลขาฯ ผมไปนานละแม่” ผมถามแม่บังเกิดเกล้า และซอมพอก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่อง ผมก็มองกล่องที่ซอมพอถือมา



“แม้ พาไปแค่สองสามชั่วโมงทำเป็นบ่น “แม่ผมพูดและหันไปมองซอมพอ ที่ยืนยิ้ม



“นี้โต๊ะทำงานซอมพอรึติณ” แม่ถามผม ผมพยักหน้า



“ดีดี “แม่ผมพูด



“เออ ผมขอตัวไปหาพี่ส้มก่อนนะครับพี่ส้มว่าจะให้ผมเซนต์เอกสารนะครับ “ซอมพอพูด ผมก็พยักหน้า ซอมพอเดินออกไปจากห้อง ผมได้แต่มองตาม



“แม้มองตามน้องใหญ่เลยนะเรานะติณ” แม่ผมพูดแซวผม ผมหันมามองแม่ผมยิ้มๆ



“ตกลงเราชอบแบบนี้เหรอ” แม่ถามผม ผมว่าแม่นะเข้าใจผมที่สุด



“ครับแม่ แล้วแม่คิดว่าว่าไง” ผมถามแม่ แม่ก็ทำท่าคิด



“ซอมพอเป็นเด็กน่ารักมาก เรียบร้อย แม่ว่าผู้หญิงบางคนนี้ชิดซ้ายไปเลยยิ่งแม่วุ้นนี้โอ๊ย ไม่ได้ครึ้งหนึ่งของซอมพอเลยนะติณ” แม่ผมพูดชมซอมพอ



“แล้วแม่ชอบไหมครับ” ผมถามแม่ผม



“แม่บอกตรงๆ นะ แม่ชอบ” แม่บอกผมแบบนี้ ทำเอาผมแอบเซย์เยสใต้โต๊ะ



“แล้วไม่” ผมถามแม่



“ลูกแม่เลี้ยงได้แค่ตัว ใจนะแม่คงห้ามไม่ได้ และสิ่งไหนที่ลูกทำแล้วมีความสุขลูกก็ทำเถอะ จะให้ไปฝืนกับสิ่งที่เราไม่มีความสุขทำไม”



“และแม่อยากให้ติณทำตามใจตัวเองบ้าง เพราะว่าติณนะตั้งแต่จบมาก็ยังไม่ได้พักเลยหักโหมงานแทนพ่อกับแม่เลย “



“และ แม่เองก็อยากเห็นติณมีความสุข เพราะว่าแม่ก็ไม่รู้จะอยู่กับลูกไปอีกนานแค่ไหน” แม่ผมพูดแบบนี้ทำเอาผมรีบลุกไปกอดทันที



“แม่อย่าพูดแบบนี้ซิครับ” ผมพูด



“มันเป็นเรื่องจริง ไม่มีใครอยู่ ค้ำฟ้าได้หรอกติณ แต่แม่ก็ห่วงยายตรีนี้แหละอีกคน “แม่พูดถึงตรี น้องสาวคนเล็กของผม



“นี้แม่เจอณุกนะ มาหาเราไหม” แม่ถามผม ถึงว่าที่ลูกเขยของแม่ และมันก็เป็นเพื่อนเล่นมากับผมตั้งแต่เด็กด้วย



“มาครับมาทักทายและมันบอกจะกลับไปมาเลเซียและไปรับยายตรีนะครับแม่” ผมบอกแม่



“นี้ถ้าไม่ใช่ลูกคุณธนินทร์แม่ก็คงไม่อยากให้แต่งเท่าไหร่ ดูแล้วเหมือนลูกแม่รักเขาข้างเดียวยังไงไม่รู้” แม่ผมพูด แม่รู้สึเหมือนกับที่ผมรู้สึกแต่ก็ไม่มีใครห้ามตรีได้



“เดี๋ยวพอมันแต่งงานแล้วมันก็คงเป็นสามีที่ดีได้นะแม่” ผมพูดแก้ตัวให้มันอีกแล้ว



“ขอให้เป็นอย่างนั้นนะติณ เพราะว่าแม่ก็ไม่อยากให้ตรีญาดาเป็นเหมือนคุณนิดากับคุณธนินทร์พ่อของณุก ..แม่ไม่อยากให้ลูกสาวของแม่ต้องมานั่งตรอมตรมถ้าคนที่เขาแต่งงานด้วยไม่ได้รัก และคนที่คิดว่าเขารักก็เจ็บช้ำอยู่ฝ่ายเดียว “แม่ผมพูด ผมก็ต้องทำหน้างงกับสิ่งที่แม่ผมพูดออกมา นั้นแปลกว่าพ่อของณุกเขาแต่งงานกับคุณนิดาแม่ของณุกโดยที่ฝ่ายชายไม่ได้รักอย่างนั้นนะหรือ



“แม่ไปก่อนนะ พ่อเรานะบอกว่าตีกอล์ฟเสร็จแล้วและเข้าบ้านเลยพักผ่อน เห็นบอกปวดเมื่อยไปหมด สงสัยจะโชว์ลีลาน่าดู ไม่ได้ดูสังขารตัวเองเลยพ่อเรา” แม่ผมพูดบ่นพ่อผม ทำให้ผมหลุดขำออกมาทันที



“ผมว่าจะไปส่งซอมพอและคงหาอะไรทานก่อน แม่กับพ่อไม่ต้องรอผมนะครับ ผมเห็นว่าซอมพอน่าจะเหงาและคิดถึงบ้าน “ผมพูดกับแม่ แม่ก็พยักหน้า และแม่ก็ลุกขึ้นและเดินออกไป ผมคิดในใจ ผมนี้โชคดีที่มีแม่เข้าใจผมทุกอย่าง



ก๊อก ก๊อก ก๊อก  เสียงเคาะประตูห้องทำงานของผม ผมก็เหลือบมองคนที่ค่อยๆ เปิดเข้ามานั้นคือซอมพอ



“เคาะทำไมครับซอมพอ นี้ห้องทำงานเรากับพี่” ผมบอกซอมพอ



“ก็ซอมพอคิดว่าพี่คุยธุระกับคุณแม่อยู่นะครับ” ซอมพอพูดก่อนจะเดินเข้ามาด้านใน



“หึๆ คุณแม่นะกลับไปแล้วครับ” ผมบอกซอมพอ ซอมพอยืนยิ้มตาหยีน่ารักก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง



“เป็นไงบ้างครับ ชอบไหมครับ “ผมลุกขึ้นและเดินไปถามคนที่นั่ง



“ชอบครับพี่ติณ” ซอบพอพูดและเงยหน้ามองผม ผมที่ยืนเอามือเท้าโต๊ะและโน้มตัวลงและเมื่อซอมพอเงยหน้าขึ้นมองผม เขาทำตาแป๋วเหมือนเด็กน้อยที่ใสซื่อไม่มีผิดเพียร และยังมองผมทำตาปริบๆ ทำไมยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งอยากจะโน้มตัวเองให้เขาไปอีก ยิ่งเห็นริมฝีปากที่เรียวสวยเข้ารูปนี้แล้วผมกับรู้สึกเหมือนตัวเองก็กำลังเผยอปากอยากจะ



“ว้าย” ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องทำงานผม เล่นเอาซอมพอรีบดีดตัวเองออกทันที ผมหันไปมองหญิงสาวที่เคยแอบวางยาผม ดีที่ไอ้ณุกมันช่วยผมไว้ได้ทัน



“คือวุ้นจะมาถามแฟ้มเอกสารการสั่งซื้อนะคะ” วุ้นพูดและมองผมกับซอมพอสลับกันไปมา



“อยู่บนโต๊ะครับวุ้น”



“ค่ะ พี่ติณ” วุ้นบอกผม ผมก็มองชุดที่วุ้นใส่มาช่างรัดรูปซะจน



“วุ้น พี่ว่าแม่พี่บอกวุ้นแล้วหรือเปล่า ว่าต่อไปควรจะใส่ฟอร์มสำหรับทำงานไม่ใช่ชุด...เออ..เหมือนชุดไปเที่ยวแบบนี้นะคะ” ผมบอกวุ้น วุ้นก็ก้มมองชุดตัวเองและทำหน้าไม่เข้าใจว่าชุดของเขามันผิดตรงไหน



“ชุดทำงานก็จะเป็นเสื้อเชิ้ต มีเสื้อสูทให้มันดูสุภาพนะคะวุ้น เพราะว่าลูกค้าเราเขาจะมองวุ้นไม่ดีนะคะ” ผมพูด



“ค่ะ พี่ติณ” วุ้นคงเข้าใจและตอบผมด้วยน้ำเสียงที่เสียไม่ได้ วุ้นหยิบเอาแฟ้มเอกสารและรีบทำท่าจะเดินออก



“วุ้นค่ะ” ผมเรียกวุ้น เธอก็หันมามองผม



“ที่หลังเคาะประตูหน่อยนะคะ “ผมบอกวุ้น เธอชักสีหน้าทันทีก่อนจะพยักหน้าและปิดประตูลงทันที ผมหันมามองซอมพอ



“ดูท่าทางเราจะกลัววุ้นนะ เขาพูดไม่ดีกับเราหรือเปล่าซอมพอ” ผมหันมาเห็นซอมพอ ผมก็เลยถามเขา



“ไม่ครับ ผมแค่ไม่อยากให้เขาเอาพี่ไปว่าให้พี่เสียหายเพราะผม” ซอมพอพูด



“พี่บอกแล้วไง ว่าพี่แคร์คนที่พี่..รัก” ผมบอกซอมพอ ซอมพอก็ยืนเหมือนจะอาย



“วันนี้เลิกงานแล้วไปหาอะไรทานกันไหม” ผมถามซอมพอ



“พี่ติณ วันนี้ เออ” ซอมพอพูดอึกอัก



“ทำไมเหรอครับ หรือว่าซอมพอไม่ว่าง” ผมถามซอมพอ



“คือว่าไดมอนเขาชวนผมไว้ตั้งแต่เช้าแล้วครับ ว่าจะไปหาอะไรทานกันใกล้ๆ กับคอนโดของผมนะครับพี่ติณ” ซอมพอพูด



“พี่ไม่ค่อยไว้ใจเด็กนั้นเลย” ผมบอกซอมพอแต่จริงๆ แล้วหึงครับ ฮาๆ



“ก็เพื่อนที่อยู่คอนโดเดียวกันนะครับ แต่ว่าพี่จะไปด้วยก็ได้นะครับ “ซอมพอบอก ผมก็พยักหน้าว่าได้ แต่เสียได้ดันต้องไปกับ กขค อย่างไอ้เด็กสร้างบ้านนันอีก

TBC....




ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
                 Part ติณณภพ    วันนี้ซอมพอบอกผมว่าพ่อกับแม่ของเขาจะบินมาหาซอมพอจากเชียงใหม่ ผมเลยอยากจะเจอท่าน ซอมพอก็เลยชวนผมไปทานอาหารกลางวันที่คอนโดด้วยเลย แม้มันช่างตื่นเต้นซะไม่มีละผม ผมแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ตรวจสอบว่าผมดูดีพอหรือยัง เล่นเอาผมที่ค่อนข้างหัวนอกคนนี้ขาดความมั่นใจ จนแม่ต้องมาช่วยผมเลือกและก็ได้สีสุภาพที่สุด ผมไม่ลืมที่จะซื้อพวกโสมและรังนกเพื่อให้ทานเป็นของขวัญในฐานะที่เจอกันวันแรก     

“ติ้ง” เสียงลิฟต์จอดนะชั้นที่ซอมพออยู่ ประตูลิฟต์ก็เปิดออกและสิ่งที่ผมพบเจอคือ

นายไดม่อนที่เดินผิวปากลงมาจากบันไดเพราะว่ามันอยู่เลยซอมพอไปหนึ่งชั้นนั้นเอง เดินถือแก้วน้ำชาที่มีฝาลวดลายเบญจรงค์ อย่าบอกนะว่าซอมพอก็เชิญนายไดม่อนไปด้วย

“ลุงมาทำไม “ “นายไดม่อนทันทีที่เขาหันมาเจอผมก็ต้องผงะและร้องทักผมทันที

“นายล่ะมาทำไม” ผมถามนายไดม่อนกลับทันที ตาผมสองคนประสานกันเปรี้ยงปร้างกันเลยทีเดียว

“ก็มาหาพ่อแม่พี่ซอมพอ” นายไดม่อนบอกผม

“ฉันก็มาหา ว่าที่พ่อตาแม่ยาย” ผมพูดแต่ผมใช้คำเรียกให้ดูใกล้ชิดเข้าไปอีก  พ่อตาแม่ยายเลย

“ฮาๆ คิดเองเออเองหรือเปล่า “ไดม่อนมันพูดแถมยังหัวเราะผมอีก

“นี้นาย” ผมชี้หน้านายไดม่อน แต่ทันใดนั้นลิฟต์ก็เปิดออกมาและคนที่ออกมาก็คือน่านฟ้า เขามองผมสองคนสลับไปมา มองด้วยแววที่นิ่งมาก นิ่งจนน่ากลัว

“จะตีกันเหรอถ้าจะตีกันฉันจะได้บอกพ่อแม่ฉันว่านายสองคนไม่มาทานอาหารด้วยและเราจะได้ใช้เวลาครอบครัวด้วยกันแค่ฉัน น้องฉันและพ่อกับแม่” น่านฟ้าพูด พร้อมกับยืนเอามือเท้าเอวมองผมสองคนสลับไปมา

“พี่น่านครับ สวัสดีครับ แม้ผมก็อยากเจอคุณพ่อคุณแม่ของพี่กับพี่ซอมพอนะครับ ผมเอาอันนี้เป็นเครื่องลายครามที่พ่อผมสั่งมาจากประเทศจีนครับ” นายไดม่อนรีบโอ้อวดสรรพคุณทันที

“ของฉันนี้ เพื่อสุขภาพ โสมและรังนก” ผมก็รีบอวดเช่นกัน

“มาจากประเทศจีน?” น่านฟ้าหันมาถามผม

“ก็ไม่รู้ซิแต่อันนี้ของแท้” ผมพูด น่านฟ้าก็ถอนหายใจและ

“ถ้าจีนเก็บไว้เถอะ เพราะว่าพ่อกับแม่ ไปประเทศจีนบ่อย ท่านมีเพื่อนที่นั่น พวกนายไม่ต้องท่อสังขารไปซื้อหรือสั่งมาหรอกนะ “น่านฟ้าพูดทำเอาผมกับไอ้ไดม่อนหุบยิ้มทันที และผมก็เดินตามน่านฟ้า โดยมีนายไดม่อนที่คอยหันมาแยกเขี้ยวใส่ผม

“ตกลงจะกัดกันไหม” น่านฟ้าหันมาถามผมสองคน ผมก็ส่ายหัวพร้อมกันและนายน่านฟ้าก็เปิดประตูเข้าไป

“อ้าวมาแล้วคุณ แขก” พ่อของน้องซอมพอกับน่านฟ้าแน่ๆ ผมก็รีบยกมือไหว้ ส่วนนายไดม่อนก็รีบเดินปรีเข้าไป มันไปเรียกคะแนนแม่ของซอมพอ มันตรงไปไหว้อย่างเร็ว ผมก็รีบเช่นกันครับ

“คุณแม่สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้แม่ของซอมพอ แม่ของซอมพอเรียกว่าเป็นคนสวยทีเดียว มิน่าล่ะซอมพอถึงได้น่ารักขนาดนี้

“สวัสดีค่ะ คุณติณณภพใช่ไหมคะ และนี้ไดม่อนละซิ”

“ใช่ครับผมติณณภพ “ผมพูดและส่งของที่ผมซื้อมาฝากให้กับแม่ของซอมพอ

“ที่หลังไม่ต้องนะคะ “

“แม่ผมนะเขาเน้นทานพวกผัก อาหารที่สดและสะอาด ไม่เน้นทานยาบำรุงหรอกครับคุณ!” เสียงน่านฟ้าที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์พูดลอยๆ มา

“มีคนซื้อฝากเยอะแต่แม่ไม่ค่อยชอบนะ แต่ไม่เป็นไรเอาไปให้พี่สาวพ่อเขาได้เขาชอบ” แม่ของซอมพอพูด ผมก็ยิ้มครับ แต่คนที่ยืนข้างๆ ผมทำปากมุบมิบ

“นี้ครับคุณแม่ของฝากจาก”

“ประเทศจีน “อันนี้น่านฟ้า ผมเห็นสีหน้าแม่ที่รับ ผมหันไปอดขำมันไม่ได้ไอ้ไดม่อน

“คุณแม่ไม่ชอบเหรอครับ”

“แม่มีเยอะแล้วแต่ก็ได้จ้ะ เดี๋ยวเสียน้ำใจ” แม่ของซอมพอพูดและรับไป

“แม่ซอมพอไปไหนอะ” น่านฟ้าถาม ผมก็หันไปมองรอบอยากจะถามอยู่เหมือนกัน

“แต่งตัวอยู่ยังไม่ออกมาเลย”

“ฮ่ะ จะแต่งอะไรนานขนาดนั้นครับแม่” น่านฟ้าพูดและลุกขึ้นคงจะเดินไปตามซอมพอ ผมก็มองตามแต่ไอ้แค่มอง

“เชิญนั่งเลยค่ะ “แม่ของซอมพอบอกผมสองคนให้นั่งลงที่โต๊ะอาหารที่จัดรอไว้แล้วและผมก็เห็นว่าซอมพอเดินออกมาในชุดสบายๆ เสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นไม่สั้นมาก เสื้อเชิ้ตพับแขนดูน่ารัก และทรงผมยุ่งๆ แต่ยุ่งแบบน่ารักที่สุดของผม

“จะแต่งอะไรนานขนาดนี้นายนิ” น่านฟ้าบ่นซอมพอ ซอมพอยิ้มมาที่ผม ผมคิดว่าผมคนเดียวแต่นายข้างๆ ผมจะฉีกยิ้มทำไม

“เขาไม่ได้ยิ้มให้นาย” ผมกัดฟันบอกนายไดม่อน

“ก็เขายิ้มมาทางนี้ “นายไดม่อนพูด

“ทางฉันนี้” ผมพูด

“ลุงนี้เป็นโรคที่ควรจะรีบหาหมอรักษาเลยนะ โรคคิดไปเอง มโนเก่ง” ผมหันไปจะแยกเขี้ยวใส่แต่พ่อตากระดกแว่นมองผมสองคนและผมก็เปลี่ยนเป็นยิ้มให้มันซะงั้นและพ่อของซอมพอที่ลุกมานั่งหัวโต๊ะและน้องซอมพอที่นั่งตรงข้ามกับผมส่วนแม่ของซอมพอก็นั่งใกล้พ่อของซอมพอนั้นเอง และผมก็หันมาเจอนายน่านฟ้าที่นั่งท้ายโต๊ะใกล้กับผม

“แม่ทำอาหารเหนือให้ทานกันนะคะ หวังว่าจะไม่เผ็ดไปนะ “คุณแม่ของซอมพอพูด

“ถ้าแค่นี้ทานไม่ได้ อยู่ที่บ้านไม่ได้นะ เพราะนี้คืออาหารหลักของที่บ้านเลย เราไม่ค่อยทานอาหารนอกบ้าน ฟาสฟูดส์และ จั้งฟู้ดส์” น่านฟ้าพูดลอยๆ และหยักคิ้วให้ผมสองคน ผมหันมามองไอ้ไดม่อน ไอ้เด็กน้อยมึงทานไม่ได้หรอก

“แม่ใส่พริกเยอะเหรอ” ซอมพอถามแม่ของเขา

“ไม่หรอกแต่ก็ใส่หน่อยๆ ให้พอมีรสชาตินะซอมพอ แม่รู้เราไม่ทานเผ็ด มีแต่พ่อกับพี่เราเท่านั้นและวันนี้มีแขกมาด้วย ไม่ใส่เยอะหรอกลูก” นั้นทำให้ผมยิ้มอย่างสบายใจ

“พี่ซอมพอครับ ผมว่าจะชวนไปดูหนังเข้าใหม่ “ไอ้ไดม่อนชิ้งถามซอมพอ ทำให้น่านฟ้าหันมาเหล่ตามองไดม่อน ผมก็คิดว่าจัดการมันเลยครับคุณพี่เขย

“วันไหนเหรอไดม่อน” ซอมพอถามไดม่อน

“วันนี้ครับ” นายไดม่อนพูด

“วันนี้พี่อยากอยู่กับแม่แว่นแก้วนะ ขอโทษนะ เพราะว่าแม่อุตส่าห์บินมาหาพี่นะ” ผมนี้อยากจะเซย์เยสดังๆ เพราะความซะใจ

“เก็บอาการได้ไหมลุง” ไอ้หนุ่มข้างๆ ผมมันกระซิบกับผม ผมก็แอบส่งนิ้วกลางใต้โต๊ะอาหารให้ไป

“อันนี้อะไรเหรอครับซอมพอ” ผมถามซอมพอและชี้ไปที่แกง”

“อันนี้แกงแคไก่ครับพี่ติณ และพี่น่านฟ้าทำเองเลยนะครับ พี่น่านฟ้าเป็นคนชอบทำอาหาร” ซอมพอพูดทำให้ผมหันไปมองน่านฟ้านี้นะที่ชอบทำอาหาร น่านฟ้าเงยหน้ามามองผมก่อนจะยักคิ้วให้ ผมเองน่ะ อุปกรณ์ทำครัวยังไม่ค่อยรู้จักเลย ผมก็ยิ้มกลับ

“ผมแนะนำว่า ให้ลองทานเลย ถ้าไม่ลองนี้ผมคงจะ” น่านฟ้าพูดและทำท่าคิดหรี่ตานิดหน่อยมันช่างน่าคิดนะว่าผมควรจะกินดีไหมแต่พี่แฟนทำก็ต้อง

“ได้ครับเดี๋ยวลอง” ผมพูดและทำท่าจะตักแต่ก็กลัวๆ กล้าๆ

“อะไรกันลุงป๊อดเหรอ” นั้นไอ้ไดม่อมมันก็ชิ้งตักไปก่อนผมและจัดการชิมทันทื พอมันเคี้ยวได้มันก็มองหน้าผมและหันไปหันมา ผมว่ามันเป็นอะไรของมัน มียาพิษหรือไง ไม่พูดไม่จาอีก

“พี่ซอมพอครับผมขอน้ำหน่อยครับ...อู้ยยยยยย ซู้ดดดดดดด” ดูสีหน้าไดม่อนมันแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็มันขาวมาก ผมรีบวางช้อนลงก่อนไม่กล้ากินครับ

“ตายแล้วลูก ซอมพอหาน้ำลูก เร็วหาน้ำให้น้องหน่อย” แม่ของซอมพอก็ตกใจ แต่ผมเห็นน่านฟ้าตักทานแบบไม่มีอาการอะไรเลย ผมเองก็มองที่ผมตักมาพักไว้ก่อนจะดีกว่า

“ไดม่อนน้ำ” ซอมพอรีบวิ่งไปหาน้ำมาให้เลยและไดม่อนมันก็กระดกน้ำลงคอไปอย่างไว้

“ใจเย็นพ่อคุณ ระวังสำลักลูก” แม่ของซอมพอพูดร้องปราม

“ถ้าเผ็ดมากอันนี้ดีกว่าไหมจอผักกาดไดม่อน “ซอมพอแนะนำ

“พี่น่านทำไมใส่พริกซะเยอะเลยละ” ซอมพอบ่นน่านฟ้า ผมก็คงไม่กล้าทานเช่นกัน

“พี่ติณครับ อันนี้ไหมครับ ผัดยอดมะระหวานกุ้งสด ผมชอบมาเลยนะ” ซอมพอพูดและตักมาให้ผม ผมก็ยิ้มขอบคุณ ผมนั่งทานแต่เลือกเฉพาะที่ไม่เผ็ด รวมทั้งไดม่อนด้วย ผมหันเหล่ตามอง เป็นยังไงละ ซ่าดีหนัก

“น้ำพริกหนุ่มก็มีนะลูกไม่เผ็ดแม่ทำแบบที่ซอมพอเขาชอบ” แม่ของซอมพอพูดผมก็ตักมาชิ้มนิดๆ ก่อน ไม่เผ็ดจริงๆ ด้วยน้ำพริกกะปิบ้านผมเผ็ดกว่า

“พี่น่านครับ นั้นรูปพี่ถือเหรียญรางวัลเยอะแยะเลย พี่เป็นนักกีฬาด้วยเหรอครับ” ไดม่อนถามขึ้น ผมก็หันไปมองที่ไดม่อนมันชี้ไป  ภาพนั้นผมยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะ ตอนนั้นที่ผมมาห้องนี้ รูปนี้ก็ยังไม่มีด้วย น่านฟ้าหันไปมองรูปนั้นพร้อมกับพยักหน้า ผมแอบเดาว่าน่าจะวิ่งลมกรด หรือไม่ก็กระโดดสูง

“ใช่ครับพี่เป็นนักกีฬาประจำโรงเรียนและมหาลัย” น่านฟ้าตอบ

“กี่ฬาอะไรเหรอครับพี่” ไดม่อนถาม

“นักมวยสากลครับ” น่านฟ้าพูด

“พล้วด!! แคร๊กๆ ” ผมครับที่กำลังสดน้ำซุปถึงกับสำลักทันทีและนายไดม่อนอีกคน น่านฟ้าเงยหน้ามองผมสองคน สลับไปมาเหมือนท้าดวลแต่ติณไม่ครับไม่สู้คน

“พี่น่านฟ้านะ เป็นแชมป์ได้เหรียญทองตั้งแต่ม.1เลยนะ” ฮะ ต่อยมวยตั้งแต่ม.1 เลยเหรอ ซอมพอพูดขึ้น ผมก็หันไปคว้ากระดาษมาซับเหงื่อที่อยู่ดีดีก็แตกผลักขึ้นมา แม้นึกถึงคืนนั้นถ้าโดนไปนี้ติณคงสลบเหมือดแน่ๆ

“ตอนนี้ก็มีชกโชว์นักท่องเที่ยวบ้างให้กับงานจังหวัดแถมยังชกกับนักท่องเที่ยวฝรั่งด้วยนะครับ” ซอมพอพูด ผมก็กลืนน้ำลายลงคอเข้าไปอีก ส่วนอีกคนก็ยิ้มไม่ออกเลยซิมึง

“ซอมพอเคยไปนั่งดู น๊อกเอาท์ทุกคนเลยครับแถมน๊อกแค่ยกหนึ่งและยกสองเท่านั้นเอง  “ซอมพอพูด “อู้ยย” ผมกับไอ้ไดม่อนร้องออกมาพร้อมกัน “กึก” เก้าอี้ของผมกับได่ม่อน ขยับมาชนกัน พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอชุดใหญ่

“หน้าซีดกัน ร้อนเหรอ หรืออาหารเผ็ดไป แต่ดูแล้วน่าจะใกล้เป็นลมทั้งคู่” น่านฟ้าพูด และมองหน้าผมสองคน


“อืมม นั้นซิ เป็นอะไรหรือเปล่า” พ่อของซอมพอมองหน้าผมสองคนและถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“ไม่เป็นอะไรครับสบายดี” ผมสองคนตอบพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย พวกผมก็ทานกันไปอย่างสงบ ไม่กล้าฮือไม่กล้าอือ  เพราะถ้ามีหันมาแยกเขี้ยวใส่กันและน่านฟ้าอาจจะโมโหผมและไอ้ไดม่อนอาจจะได้ตายอย่างสงบศพสีชมพูแน่ๆ

“ขอบคุณนะครับคุณแม่” ผมบอกแม่ขอบซอมพอ ขอบคุณที่ทำอาหารอร่อยให้ผมทานกัน ผมไม่เคยลองทานอาหารเหนือมาก่อน และพวกผมก็ไปนั่งคุยกันกับพ่อของซอมพอ ผมก็คุยกันเรื่องพ่อแม่ของพวกผม คุยไปคุยมาเลยคิดว่าควรจะขอตัวกลับดีกว่า ผมดูแล้วซอมพอน่าจะคิดถึงแม่ของเขามาก ผมเลยคิดว่าให้เขาได้อยู่กับครอบครัว

“ซอมพอ พี่มารับไปทำงานนะครับพรุ่งนี้” ผมบอกซอมพอ

“ครับพี่ติณ พี่ติณครับผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้คุยกับพี่เท่าไหร่ ปล่อยให้พี่คุยกับพ่อและพี่น่าน เพราะว่าผมคิดถึงแม่แว่นแก้วนะครับ” ซอมพอพูด ผมหันมายิ้มให้

“พี่เข้าใจครับ “ผมบอกซอมพอและหันไปเห็นไอ้ไดม่อนที่ยังคุยกับพ่อของซอมพอ

“คุณพ่อครับผมลากลับเลยแล้วกันนะครับ ผมจะไปทานอาหารเย็นที่บ้านคุณป้ากับคุณพ่อคุณแม่นะครับวันนี้” ผมบอกพ่อของซอมพอ และก็มองนายไดม่อนขยิบตาว่ามันก็ควรจะกลับได้แล้ว

“คุณจะไปแล้วเหรอ” น่านฟ้าถามผม พร้อมกับเดินมาประชิดตัวผมและผมรู้สึกว่าขยุกขยิกอะไรที่มือผมของผม

“ครับผมมีธุระนะครับ “ผมหันมาบอกน่านฟ้าและเขาก็แอบสอดเศษกระดาษใส่ในฝ่ามือของผมพร้อมกับขยิบตาให้ผม ผมก็เข้าใจแหละว่าผมควรจะเก็บไว้ค่อยอ่าน

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ขอบคุณมากนะครับอาหารอร่อยมาก “ผมยกมือไหว้ลาท่าน

“นายก็กลับได้แล้ว ไดม่อน “

“พี่ส่งแขกเลยเหรอ” ไอ้ไดม่อนพูด ผมก็มองทำนิ้วเฉือดคอให้ดู

“เออ... กลับก็ได้ครับพี่น่านฟ้า ถ้ามีโอกาส ผมจะขอเชิญไปทานอาหารกับพ่อแม่ผมบ้างนะครับ ถ้ารอบหน้าคุณพ่อคุณแม่มากรุงเทพกันอีก” นายไดม่อน

“ไปกันได้แล้วหมดเวลา” น่านฟ้าพูดและชี้ให้ผมสองออกไปทางประตู

“พี่ซอมพอ วันไหนวางเราไปดู....หนัง..กันนะพี่ ..” ไอ้ไดม่อนมันหันไปพูดกับซอมพอแต่น่านฟ้าดันมันออกให้ได้จนออกมานอกห้อง

“เชิญ บ้านใครบ้านมัน” และผมก็หันมาเจอไอ้เด็กหนุ่มหน้าตี๋ที่ยืนมองผมก่อนจะสะบัดเดินออกไป เพราะว่าห้องพักมันอยู่ขึ้นไปหนึ่งชั้น ผมก็เดินไปกดลิฟต์โชคดีที่ลิฟต์มาถึงพอดี พอเข้าไปในลิฟต์ผมก็คลี่กระดาษที่น่านฟ้าสอดใส่เอาไว้ในมือ  ผมก็คลี่ออกมาอ่าน

[รอผมที่รอบบี๊ชั้นล่าง ผมมีเรื่องจะคุยด้วย]

น่านฟ้าเขียนบอกผม ผมก็แปลกใจนะ แต่ก็เอาวะ ผมเดินลงมาก็ไปหาที่นั่งรอ เขาคงไม่ได้เล่นตลกอะไรกับผมหรอกนะ และไม่นานผมก็เห็นเขาเดินออกมาจากลิฟต์ เขาคงลงมาไล่ๆ กับผม

“คุณรีบไหม” น่านฟ้าถามผม ผมก็ส่ายหัว

“ไม่รีบหรอกแต่ที่ผมขอตัวกลับผมคิดว่าซอมพออยากใช้เวลากับพ่อแม่มากกว่า” ผมบอกน่านฟ้า เขาก็ยิ้มให้ผมแบบเท่ๆ แม้ถ้าเป็นสาวๆ หรือสายรับ ผมคงได้ใจละลายบ้างละครับ

“ไปหาที่นั่งคุยกันตรงโน้นกันหน่อย” น่านฟ้าบอกผม ผมก็แอบขมวดคิ้วมีเรื่องอะไรน่ะดูแล้วน่าจะไม่ธรรมดา แต่ผมก็เดินไปตามไป ที่น่านฟ้าพาผมไปนั่งคุยเป็นมุมหนึ่งของทางคอนโด ผมก็มองน่านฟ้า เขาก็นั่งลง สีหน้าเขาบอกว่าค่อนข้างซีเรียส

“มีอะไรหรือเปล่าคุณ” ผมถามเขากลับ

“คุณรักน้องผมจริงไหม” น่านฟ้าถามผมเขาประสานมือไว้ด้วยกันด้านหน้าและมองผม

“ผมตอบตรงๆ ไม่เล่นนะครับว่าผมรักจริง ผมไม่เคยรักใครแบบนี้เลย “ผมบอกน่านฟ้า เขาก็วางแว่นตาราคาแพงลง

“พ่อกับแม่และผมเป็นห่วงเขามาก เขาเป็นเด็กโลกสวย คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม”

“อืม” ผมพยักหน้าเพราะเท่าที่ผมรู้จักซอมพอเป็นแบบนั้นจริงๆ

“ช่วงนี้ผมมีปัญหาที่ไร่ชา คนงานกำลังจะเรียกร้องสวัสดิการต่างๆ และไหนจะมีคนเข้าตรวจสอบอีก ผมอาจจะไม่ได้มาหาซอมพอสองสามอาทิตย์ จนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น” น่านฟ้าพูด

“ผมฝากน้องผมกับคุณได้ไหม”

“ได้ซิ ผมยินดีเพราะว่าผมรักเขา”

“แต่ผมอยากให้คุณสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรน้องผม หรือที่เขาเรียกชิงสุกก่อนห่าม “น่านฟ้าพูด ผมก็มองหน้าเขา

“ต่อให้น้องผมเป็นผู้ชายก็เถอะ” น่านฟ้าพูด

“ผมไม่ใช่คนแบบนั้น ผมจะเก็บสิ่งนั้นไว้เมื่อถึงเวลาของมันเช่นกัน “ผมบอกกับน่านฟ้า

“ผมเชื่อว่าน้องผมก็ไม่ใช่คนแบบนั้น เพราะตั้งแต่แฟนคนแรกของเขาแล้วแต่มันก็ทิ้งน้องผมไปซะก่อน ผมเฝ้าดูแลหวงแหนเขามาก ต่อให้บางครั้งเขาจะมองว่าผมวุ่นวายผมก็ไม่แคร์เพราะว่าเขาคือทุกอย่างของผม ของพ่อแม่ผม” น่านฟ้าพูด ผมพยักหน้า

“นี้คือคีย์การ์ด ผมให้คุณไว้เพื่อว่าซอมพอมีอะไร คุณจะได้มาช่วยเขาทัน “น่านฟ้าพูดและส่งคีย์การ์ดให้ผมถือไว้

“เรื่องนี้ที่เราคุยกันมีแค่ผมกับคุณ อย่าบอกซอมพอ เพราะว่าเขาจะกังวล และรู้สึกผิด แต่เรื่องภายในครอบครัวผมจัดการเองได้ ผมเห็นเขามีความสุขกับสิ่งที่เขาชอบก็พอแล้ว” น่านฟ้าพูด ผมพยักหน้า

“คุณกลับบ้านเถอะ ขับรถดีดีนะ” น่านฟ้าพูด ผมก็เงยหน้า มามุขไหนนะ

“เวลาคุณไม่ดุนี้ก็ชิสุดีดีนี้เอง “ผมพูด เขาก็หันมามองหน้าผม

“แล้วถ้าเวลาผมดุล่ะ” น่านฟ้าถามผม

“ก็ร๊อตไวเลอร์เถอะครับคุณ” ผมพูด น่านฟ้าหันมากอดอก ฉิบหายแล้วผม ดันหลุดปากไปได้ยังไง มันนักมวยนี่หว่าผมลืมสนิทเลย

“ผมล้อเล่นนะคุณ”

“ดีที่ผมสัญญากับซอมพอว่าจะไม่ต่อยใครอีกจะไม่ใช้กำลังอีก เพราะล่าสุดผมต่อยแฟนซอมพอจนปากแตก คิ้วแตก เนื่องจากว่าผมเข้าใจผิดคิดว่ามันทำมิดีมิร้ายน้องผมไปแล้ว” ผมก็ถอยดีกว่าไม่เอาดีกว่า แค่ยิ้มแบบเว้นระยะห่าง คิดในใจเราควรห่างกันสักพัก

“ผมรีบไป ไปก่อนนะ ถ้ายังไงผมจะดูแลซอมพอให้อย่างดี”

“ดูแลอย่างดี ไม่ต้องดีมากจนทำอะไรซอมพอน้องผม เออ เดี๋ยวเอาเบอร์คุณมาผมจะได้โทรถามเพราะว่าซอมพอไม่ค่อยอยากจะบอกผมเท่าไหร่” น่านฟ้าถามผม และแย่งมือถือผมไปกดเบอร์เขาใส่เครื่องเองเลยและโทรหาเขาเองอีกต่างหาก และส่งโทรศัพท์คืนผมมา

“ให้ใส่ชื่อว่าอะไรดีละครับคุณน่าน พี่เขยเลยได้ไหม” ผมถามน่านฟ้า

“กร๊อบๆ” เสียงบีบมือเหมือนจะเตรียมขึ้นชกใครสักคนและในละแวกนี้ แต่ว่าพอผมหันไปมองรอบๆแล้ว มันก็มีแค่ผม

“อู้ย! ผมล้อเล่นนะน่านฟ้า ชื่อน่านฟ้าแล้วกันนะ งั้นผมไปแล้วละคุณ” ผมพูดและใส่ชื่อลงไปแต่เป็นพี่เข้มแทนฮาๆ และรีบขอตัวเดินออกก่อนจะว่าไปก็ถือว่าผ่านไปขั้นหนึ่งนะได้คีย์มาถือไว้และได้ดูแลน้องซอมพอ เอาวะ เราต้องซื้อใจให้ได้ ยังไงตอนนี้ผมก็ได้ดูแลซอมพอแล้วด้วย ถือว่าผมถือไพ่เหนือกว่าไอ้เด็กนั้นแล้ว

TBC......


ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
         

     Part's ซอมพอ   วันนี้ครบหนึ่งเดือนพอดีเลยที่ผมทำงานที่บริษัทของพี่ติณณภพ อาทิตย์ก่อนพ่อกับแม่ของผมก็บินมาเยี่ยมผม และผมก็ได้เอ่ยปากชวนพี่ติณณภพและนายไดม่อนด้วยมาทานอาหารเที่ยงกัน และทั้งคู่ยังแสดงอาการว่าจีบผมอย่างชัดเจน ผมนี่ละกลัวว่าพ่อจะบังคับให้ผมกลับบ้านที่เชียงใหม่เหลือเกินเพราะว่าพ่อผมไม่อยากให้ผมมีรักแบบนี้แล้ว รักแบบเพศทางเลือก ดูจากที่ผ่านมา ว่าผมต้องเจออะไรบ้าง และไหนจะขี้ปากชาวบ้านอีก สุดท้ายพ่อก็ประกาศว่าถ้าผมรักผู้หญิงไม่ได้ก็ให้ผมอยู่คนเดียว ท่านเลี้ยงได้ และที่ผมยังไม่อยากกลับก็เพราะตอนนี้ผมกำลังสนุกกับงานและรู้สึกดีขึ้นที่มีคนเอาใจผมอย่างพี่ติณอีก ผมยอมรับว่าผมหวั่นไหว



และผมยังได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ถ้าอยู่บ้านก็มีคนทำให้หมดแต่นี่ผมต้องทำเองทุกอย่างแม้กระทั่งซักผ้าตากผ้า ผมก็ต้องทำเอง ยกเว้นอาหาร ก็ตอนเช้าผมก็ลงไปซื้อปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ ตอนเที่ยงก็ทานอาหารตามร้านค้า แต่ช่วงหลังมานี้ส่วนใหญ่ไปกับพี่ติณณภพและตอนเย็นก็ไดม่อนที่ขยันพาผมไปหาที่ทาน ผมก็ดีนะได้เปิดหูเปิดตากับเขาเยอะเหมือนกัน แต่ดีมันทำให้ผมไม่มีเวลาคิดเรื่องพี่ณุกเลย ผมลืมเขาไปพักหนึ่งแล้วนะ



“พี่ติณณภพครับ ผมขอไปส่งแฟกซ์แบบงานให้บริษัทที่รับทำแหวนทองคำขาวให้กับเรานะครับ” ผมบอกพี่ติณณภพ พี่ติณณภพเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่มาให้พี่เขาเซนต์ได้ทุกวัน มันทำให้ผมไม่แปลกใจทำไมพี่ติณณภพถึงบอกว่าไม่มีเวลาไปมองหาใครมาเป็นแฟน



“อย่าไปนานนะครับ” พี่ติณณภพบอกผม ผมหันไปทำปากรูปตัวโอ o//



“เดี๋ยวพี่คิดถึงครับ” พี่ติณณภพพูด



“แม้พี่ติณอ่ะ ผมเดินไปไม่ถึงสิบเก้าก็กลับแล้ว” ผมพูดพร้อมกับทำแก้มป่อง



“เดินระวังด้วยนะครับน้องซอมพอ” ผมหันกลับไปมองพี่ติณทำไมอีกอ่ะ



“หัวใจพี่หล่นอยู่แถวนั้นครับ เดี๋ยวจะเหยียบหัวใจพี่เอา” พี่ติณพูด ทำเอาผมยืนทำท่าคิดว่า



“เมื่อเช้าพี่กินอะไรผิดไปหรือเปล่าครับพี่ติณ พี่สบายดีไหมครับ” ผมหันไปถามพี่ติณณภพ เพราะว่าวันนี้พี่เขาหยอดผมน่าดู



“ต้องถามซอมพอมากกว่าเอาอะไรใส่กาแฟให้พี่เพราะพี่รู้สึกไม่ค่อยดี ดูแล้วท่าจะแย่” พี่ติณณภพพูดนั้นหันมาโทษผมอีกก็เขาใช้ผมไปชงกาแฟให้ ผมก็ทำท่านึก



“ก็กาแฟ 2 ช้อนชาและน้ำตาล 2 ช้อนชา และน้ำร้อนครึ้งแก้วหน่อยๆ “ผมพูด



“เฮ้ยย พี่สั่งผม ๅ ช้อนชาใช่ไหมครับไม่ใช่สองช้อนชา ผมขอโทษครับพี่” ผมรีบขอโทษพี่ติณทันที มือใหม่หัดชงก็แบบนี้



“ไม่เป็นไรครับ แต่พี่ก็ดื่มหมดนะ คนชงหวานกว่ากาแฟขมๆ ก็เลยหวานไปเลย” นั้นหยอดผมอีกแล้ว ผมหันไปแลบลิ้นให้พี่ติณทันที ก่อนจะรีบออกจากห้องไปเพราะว่าคนที่จะแย่คือผมนะ โดนหยอดขนาดนี้ ใจที่แข็งๆ จะใจอ่อนเอานะ ผมสัญญากับพ่อแล้วว่าจะไม่มีแฟนเป็นผู้ชาย แต่จริงๆ แล้วผมก็เหมือนจะรอใครสักคน เหมือนผมกับเขายังไม่จบจากกันผมแค่รอว่าให้เขามาบอกว่าทำไมเขาถึงหายไปแค่นั้นมั้ง



“เดี๋ยวนี้ชูคอใหญ่เลยนะ “ขณะที่ผมกำลังกดส่งแฟกซ์ ก็มีคนทักผมจากด้านหลัง ผมหันไปมองก็เป็นพี่วุ้นที่ยืนกอดอก รอส่งเอกสารเช่นกัน ผมหันไปยิ้มให้



“สวัสดีครับพี่วุ้น” ผมทักทายเขาเพราะว่าเราทำงานที่เดียวกัน แต่พี่วุ้นกับเบ๊ะปากใส่ผม



“คิดว่าคุณติณเขาจะเอาไปเชิดชูเป็นศรีภรรยาเหรอ หึ ไม่เจียมตัวเลย มีใครเอาผู้ชายขึ้นแท่นย๊ะ! ไม่มีหรอก” ผมหันมามองหน้าเขาแต่ผมคิดว่าไม่โต้ตอบจะดีกว่า ผมก็เลยเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกหลังจากที่ผมส่งแฟกซ์แล้ว แต่จังหวะที่ผมกำลังหมุดตัวออก ผมก็ทำกระดาษแฟกซ์หล่น ผมก็เลยก้มลงเก็บ



“โอ๊ย!” ผมรู้สึกเจ็บเพราะว่าพี่วุ้นเขาเอาส้นรองเท้าแหลมของเขาเหยียบที่หลังมือผม แม้ว่าจะรีบชักออกผมก็ชักมือกลับเช่นกันผมเงยหน้ามองเขา



“ขอโทษนะ ไม่เห็น!” เขาพูดเน้นเสียง



“แต่กูเห็น!” พี่กัสเดินมายืนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้พูดขึ้นและรีบเดินมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นทันที พี่กัสจ้องตากับพี่วุ้น



“เห็นอะไรย๊ะ!” พี่วุ้นถามพี่กัส ผมก็เอามือแตะที่แขนพี่กัสว่าพอเถอะ



“เห็นว่าหลอนนะตั้งใจเหยียบมือน้องซอมพอไง ทำไมชะนีวอก หน้านี้ลอยจะไปถึงดาวอังคารแล้วย๊ะหลอน” พี่กัสพูด ทำเอาพี่วุ้นนี้โกรธจนตัวสั่นเลย



“อีนี่ เดี๋ยวมึงได้หางานใหม่แน่ รู้ไหมว่ากูใคร” พี่วุ้นหันมาชี้หน้าต่อว่าพี่กัสทันทีและชี้ตัวเองว่าเขาคือใครแต่จังหวะนั้น



“แล้วเธอเป็นใครละ” ผมสองคนหันไปมองต้นเสียงเพราะว่านี้ไม่ใช่เสียงของผมกับพี่กัสแต่เป็นแม่ของพี่ติณที่เดินมายืนด้านหลังพี่วุ้น ผมสองคนยกมือไหว้ทันที แต่ท่านทำนิ้วจุปากไม่ให้ส่งเสียง



“กูนี้ลูกสาวเพื่อนสนิทของแม่พี่ติณ ไม่ต้องไหว้ฉันหรอก ยังไงฉันก็จะบอกแม่ฉันให้บอกคุณแม่พี่ติณว่าให้ไล่แกออก” พี่วุ้นพูดและทำท่าชี้หน้าชี้ตาผมสองคน



“ถึงสนิทฉันก็ไล่ออกได้นะ แต่ไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นเธอ แม่วุ้น” เสียงนั้นทำเอาพี่วุ้นตกใจก่อนจะหันไปมอง พี่กัสนี้ยกมือปิดปากขำอย่างซะใจ



“อะไรกันนี่ ทำไมต้องเสียงดังโวยวายด้วยละแม่วุ้น และนี้เธอไปทำอะไรซอมพอเหรอ” คุณแม่พี่ติณถามพี่วุ้น



“คุณแม่สวัสดีค่ะ”



“เรียกฉันเหมือนเดิมเถอะ คุณน้า ไม่ใช่คุณแม่และเธอทำไมทำกิริยาแบบนี้กับพนักงานของเรา ฉันนี้นะยังไม่เคยทำกิริยาแบบเธอเลยนะวุ้น มันดูไม่ดีเลย ไม่ว่าในสายตาใครก็ตาม รวมถึงพนักงานกันเองก็เช่นกัน “แม่ของพี่ติณณภพพูด



“พอดีกัสจะมาหาซอมพอค่ะคุณท่าน คุณติณบอกว่าซอมพอมาส่งใบงาน ก็เลยเดินมาดูค่ะ และก็เห็นชะนีนางหนึ่งมันเอารองเท้าส้นสูงเหยียบที่หลังมือซอมพอค่ะ แต่ดันบอกไม่เห็น!” พี่กัสพูดผมทำท่าจะห้ามแต่พี่กัสก็ห้ามผมแทนซะอีก ก็ผมเองไม่อยากมีเรื่องกันในที่ทำงาน เพราะว่ามันจะทำให้อึดอัดกันเปล่าๆ



“จริงเหรอแม่วุ้น เธอทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ” คุณแม่ของพี่ติณณภพหันไปถามพี่วุ้น พี่วุ้นหันมามองหน้าผม



“คือว่าวุ้นไม่เห็นนะตอนที่น้องเขาก้มลงและวุ้นก็รีบค่ะ อันนี้เอกสารสำคัญนะคะต้องรีบส่งค่ะคุณน้า” พี่วุ้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ



“แล้วซอมพอละ แม่วุ้นทำแบบนั้นกับเราจริงหรือเปล่า” แม่พี่ติณหันมาทางผม พี่กัสก็ใช้ไหล่กระแทกไหล่ผมให้ผมพูดออกไป



“คือผมก็คิดว่าพี่วุ้นเขาไม่เห็นนะครับ “พี่กัสหันมามองผม ผมขยิบตาไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปกว่านี้



“เอาละ แล้วหนูซอมพอเป็นอะไรมากไหมล่ะ ไหนให้แม่ดูซิ มือใช่ไหมลูก” แม่ของพี่ซอมพอขอดูมือผม ผมก็ส่งให้ดู มันเป็นรอยส้นรองเท้าอยู่ แม่พี่ติณก็นิ่งและหันไปมองพี่วุ้น



“ที่หลังเธอต้องระวังหน่อยนะแม้วุ้น และอันที่จริง ไม่ต้องใส่ซะแหลมขนาดนี้ก็ได้นะ ดีนะที่ไม่ได้บาดมือซอมพอละ” คุณแม่พี่ติณหันไปต่อว่าพี่วุ้น พี่วุ้นก็ยิ้มแหยๆ แต่แอบหันมาจิกผมด้วยสายตาที่อาฆาต ผมไม่อยากสร้างศัตรูเลยจริงๆ แต่พี่กัสซิไม่ยอมหันไปส่งสายตา



“เอาละ ต่างคนต่างพากันไปทำงานแล้วกันนะ “แม่ของพี่ติณพูด



“ซอมพอละลูกส่งแฟกซ์แล้วหรือยัง” คุณแม่พี่ติณณภพถามผม ผมก็พยักหน้าว่าส่งแล้ว



“แล้วกัสเราจะคุยกับซอมพอหรือเปล่า “แม่พี่ติณหันไปถามพี่กัสบ้าง



“ค่ะ พอดีมีใบงานมาว่าจะมาถามซอมพอค่ะ เขาเก่งมากค่ะ” “พี่กัสพูด จังหวะที่พี่วุ้นกำลังเดินออกพี่เขาก็หันมาเบะปากใส่ผมลับหลังคุณแม่พี่ติณ ผมก็รีบดึงแขนพี่กัสไปหาที่คุยทันที เพราะไม่อย่างนั้นเรื่องไม่ยอมจบแน่ๆ



“พี่กัสมีอะไรครับ” ผมถามพี่กัส



“ทำไมไปยอมมันล่ะค่ะลูกซอมพอ ดูซินางชะนีนี้ต้องเอาให้เข็ดหลาบ ดีนะที่คุณแม่พี่ติณเดินมาพอดี นางชะนีหน้าว๊อกและยังตีสองหน้าทำเป็นไม่รู้เรื่อง เอ๋อรับประทานกะทันหัน พี่นี่นะอยากจะกระโดดกัดหูมันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” พี่กัสพูดผมหันมามองพี่จะกัดหูเขาเลยเหรอ



“ผมไม่อยากมีเรื่องมากไปกว่านี้พี่กัส เอาเป็นว่าพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมพูดและถามพี่กัส



“พี่ว่าจะให้เราดูแบบอันนี้ให้พี่หน่อย “



“พี่กัสเก่งจังผมว่ามันสวยดีเลยนะครับ เอาเป็นว่าผมจะไปลองเสนอพี่ติณดูนะครับ พี่กัส” ผมพูดและรับกระดาษที่พี่เขาเขียนแบบแหวนส่งมาให้



“ถ้าพี่มีโอกาสอยากจะทำให้แฟนพี่เหมือนกันนะแต่มันยังไม่คิดจะขอพี่แต่งงานเลย “พี่กัสพูดผมก็มองพี่กัส



“ผมว่าเรื่องแบบนี้ คนสองคนนะดีที่สุด เพราะว่าการแต่งงานไม่ได้บอกว่านั้นคือความสำเร็จของเส้นทางของความรักหรอกนะครับพี่กัส” ผมพูด



“น่ารักจริงๆ เด็กคนนี้ ใสซื่อซะไม่มี แต่พี่ชอบเรานะ “พี่กัสพูดก่อนจะเดินกลับห้องทำงานไป ผมก็เดินกลับเข้าไปในห้องทำงานพี่ติณ แต่ผมไม่เห็นคุณแม่พี่ติณแล้ว



“คุณแม่พี่ติณละครับ” ผมถามพี่ติณณภพ พี่เขาหันมามองผมและลุกขึ้นมา



“แม่พี่บอกว่าวันนี้จะไปกับคุณพ่อพี่นะครับ ท่านจะไปตีกอล์ฟโชว์เพื่อนๆ “พี่ติณณภพพูดและเดินตรงมาหาผมและเขาก็คว้าข้อมือผมไปพลิกดูและมองหน้าผม ผมก็ดึงมือผมกล้บ



“แม่พี่บอกพี่ว่าวุ้นทำเราเจ็บ เดี๋ยวพี่จะไปพูดกับเขาเดี๋ยวนี้” พี่ติณณภพพูดผมก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ติณดูสีหน้าเขาจริงจังมาก



“หมับ” ผมดึงแขนพี่ติณณภพเอาไว้



“พี่ติณ แค่ผมแย่งงานเขามาก็ผิดแย่แล้ว และนี้พี่ไปทำแบบนั้นอีก ชาตินี้เขาก็ไม่ให้อภัยผมหรอก” ผมพูด กับพี่ติณณภพ พี่เขาหันมามองหน้าผม



“พี่เป็นคนให้งานเรา ไม่ใช่แย่งเขามาและพี่ไม่ชอบให้เขาทำตัวข่มขู่ใครต่อใครไปทั่ว พี่ไม่เห็นด้วย”



“เอานะ อย่าพึ่งไปวันนี้เลย พี่วุ้นก็โดนคุณแม่พี่เอ็ดไปแล้ว พอแล้ว นะครับ” ผมพูดกับพี่ติณณภพ พี่เขามองผมและส่ายหัว



“พี่ทายาให้นะครับ รอพี่แป๊บ” พี่ติณณภพพูดและเดินหายไปในห้องเล็กๆ ห้องนั้นจะมีพวกตู้ยาอยู่ และพี่เขาก็ออกมาพร้อมกับหลอดยาเล็ก แก้ฟกช้ำและพี่ติณก็เปิดหลอดยาและบีบยาออกมานิดหน่อยพี่ติณก็จับมือผมขึ้นและบรรจงทายาอย่างเบามือที่สุด ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ดูอ่อนโยนอย่างนั้นนะ



“อุ้ย!” ผมมองพี่ติณณภพเพลินไปหน่อยจนพี่ติณเขาทายาให้ผมเสร็จแต่ผมยังคงมองเขาอยู่ พี่ติณก็ยิ้มให้ผม



“ขอบคุณครับพี่ติณ” ผมดึงมือผมกลับและขอบคุณพี่ติณณภพ



“ทำไมเราชอบทำหน้าตาน่ารักใส่พี่นะซอมพอ ห้ามไปทำหน้าตาแบบนี้กับใครนะ พี่ขอ” พี่ติณณภพพูดและก็ยกมือเขาขึ้นมาปัดผมที่หน้าผากผม มันทำให้ผมรู้สึกว่าคนที่ทำนี้ไม่ใช่พี่ติณกลับเป็นพี่ณุก ผมก็ส่ายหัวเพื่อไล่มันออกไป



“Rrrrrrr” เสียงมือถือพี่ติณดังขึ้น” พี่ติณณภพหยิบขึ้นมาและมองหน้าผมก่อนจะกดรับสายนั้น



“ว่าไงตรี”



“อะไรนะเธอมาไทยแล้วเหรอ ไหนตรีบอกพี่ว่าจะมาอาทิตย์หน้าไงคะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ติณชี้ไปที่มือถือ พี่ติณก็บอกผมอย่างนั้น



“ตอนนี้ อยู่ที่ไหน จะให้พี่พาซอมพอไปทานข้าวด้วยเหรอ แต่พี่มีประชุมบ่าย คุณพ่อคุณแม่กลับไปแล้วครับ ท่านไปตีกอล์ฟ อ้อจะเซอไพรส์พ่อกับแม่เราว่างั้น ก็ได้แต่ไม่นานนะแล้วเรามากับใคร ไอ้ตัวดี อืมม เยี่ยม ได้ครับถ้าอย่างนั้นร้านเดิมเลยครับ สั่งอาหารไว้ให้พี่ด้วยนะครับและซอมพอไปถึงจะได้ทานเพราะว่าพี่ต้องรีบกลับมาประชุม ครับตรี บายครับ” พี่ติณณภพว่างสายและมองผมยิ้มๆ ผมก็มองแบบงง



“น้องสาวพี่บินกลับมาเซอไพร์พ่อกับแม่พี่ น่าไหมล่ะ “พี่ติณณภพพูด ผมก็ยิ้มแต่ก็ยัง งงอยู่ว่ามันไม่ดีตรงไหนละ



“เขาชวนเราไปทานอาหารเที่ยงตอนนี้เลย เพราะว่าพี่จะมีประชุมบ่ายโมงครึ้งครับ” พี่ติณณภพบอกผม



“ไปตอนนี้เลยเหรอครับพี่ติณ” ผมถามพี่ติณ พี่เขาก็พยักหน้าว่าใช่ครับ ผมก็เก็บของบนโต๊ะ และพี่ติณก็เตรียมตัว ผมสองคนพากันเดินออกมาจากห้อง ผมเห็นพี่วุ้นเดินถือแฟ้มเอกสารมา เมื่อเช้าผมเห็นเขาใส่เสื้อทับแต่ตอนนี้มันโชว์มาแค่สายเดี่ยวและกระโปรงที่เข้ารูปมาก หุ้นเขาดีทีเดียวเลยแหละ



“วุ้นมีอะไรครับ”



“พอดีมีเอกสารที่พี่ต้องเซนต์นะคะ วุ้นเลยเอามาให้ ว่าแต่พี่จะไปไหนเหรอคะ” พี่วุ้นถามพี่ติณโดยไม่หันมามองผมสักนิด ทำเหมือนมีแค่พี่ติณ



“พี่จะพาซอมพอ แฟนพี่ไปทานข้าวครับ” พี่ติณณภพบอกพี่วุ้น ทำให้พี่วุ้นหันมามองผม



“อุ้ย! วุ้นไม่ทันสังเกตว่าน้องยืนอยู่ค่ะพี่ติณ” พี่วุ้นพูด



“ที่หลังก็สังเกตหน่อยนะเพราะว่าเขาคือคนสำคัญที่จะไปไหนมาไหนกับพี่ตลอด” พี่ติณณภพูดและจับมือผม



“เอาเอกสารวางไว้บนโต๊ะเลยนะครับ พี่จะกลับมาเซนต์ให้นะวุ้น” พี่ติณณภพพูดและทำท่าจะเดินออกพร้อมดึงแขนผมไปด้วย



“อ้อวุ้น ถ้าจะให้ดีนะคะ วุ้นควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้ แบบนี้คนในบริษัทพี่เห็นเขาจะคิดว่าวุ้นแค่มาเที่ยวค่ะ ไม่ได้มาทำงาน และมันดูสบายเกินไปเหมือนอยู่บ้านแต่นี้มันออฟฟิศค่ะน้องวุ้นไม่ใช่ที่บ้าน” พี่ติณณภพพูดผมนี้หน้าแดงแทนพี่วุ้น พี่วุ้นยิ่งมองผมแบบอยากจะฆ่าผมแน่ๆ ผมรีบหันหลังเดินออกก่อนและพี่ติณออกตามผมมา ผมสองคนรีบเข้าไปในลิฟต์ทันที



“พี่ติณนี้ปากคอร้ายเหมือนกันเลยนะครับ” ผมพูดและทำแก้มป่อง



“พี่เลือกจะร้ายแต่กับบางคนครับ ไม่ทุกคน และทุกคนจะรู้ดีว่าพี่สุภาพแค่ไหน ถ้าพี่ร้ายใส่นั้นแปลว่าเขาต้องไม่ดีจริงๆ” พี่ติณณภพพูด ผมก็แค่ยิ้ม



“และพี่พร้อมจะปกป้องคนที่พี่รักเสมอหาก” พี่ติณณภพพูด ทำเอาผมนี้เขินหนักมากไม่นานก็ลงมาที่ชั้นจอดรถผมเดินตามพี่ติณณภพไปและพากันไปขึ้นรถคันหรู ระหว่างที่ผมเข้าไปนั่งผมก็รู้สึกเจ็บจี้ดที่ท้องผมทันที



“ซอมพอเป็นอะไรไปนะครับ”



“ผมปวดท้องนะครับ สงสัยว่าเมื่อวานผมไปทานอาหารรสจัดเกินไปนะครับ” ผมบอกพี่ติณณภพ พี่เขาก็ขมวดคิ้ว “เมื่อวาน เออ ไดม่อนชวนผมไปทานบะหมี่ต้มยำนะครับ” ผมบอกพี่ติณณภพ และแอบหลบสายตานิดๆ



“พี่จะจัดการว่าให้เลยนายไดม่อนนิ พี่บอกว่าห้ามมาเจ๊ะาแจ๊จอแจกับแฟนพี่อีกไม่อย่างนั้นนายนั้นเจอดีแน่ๆ ” พี่ติณณภพพูด ผมก็ยิ้มๆ ผมนี่นึกภาพไม่ออกเลยว่าพี่ติณจะไปจัดการอะไรเขาได้แต่ถ้าพี่น่านนี้ผมไม่ต้องนึกเพราะว่าพี่ชายผมสายโหด ฮาๆ



“และวันนี้พี่มีประชุม รอพี่ได้ไหมหรือจะให้พี่”



“ยกเลิกการประชุมเพราะผมเหรอ มันไม่ใช่เลยนะพี่ติณ เอาเป็นว่าผมโอเค ผมว่านอนพักสักหน่อยก็คงจะดีขึ้นนะครับ” ผมบอกพี่ติณณภพ ผมเห็นสายตาที่มองผมด้วยความเป็นห่วง แล้วก็ยิ่งหวันไหวในใจ ภูมิคุ้มกันเริ่มบกพร่องแล้วซิผม แต่คำพูดของพ่อผมที่บอกว่าถ้ารักผู้หญิงไม่ได้ให้อยู่คนเดียว เฮ้อ!



“ช่วงบ่ายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นน่ะซอมพอ ไม่ว่างานเอกสารอะไรก็ตาม พี่จะให้คนยกไปให้วุ้นทำ” พี่ติณณภพพูด ผมก็เบิ่งตาโพลงเลย ผมส่ายหัว พี่ติณณภพก็เลิกคิ้วมอง



“แค่เมื่อเช้าก็เกลียดผมจะแย่อยู่แล้ว และยิ่งเอางานผมไปให้เขาทำอีก เขาอาฆาตพยาบาทผมทุกชาติไปแน่ๆ ผมไม่อยากเป็นแบบนั้นนะพี่ติณ” ผมพูด กับพี่ติณ



“หึๆ” พี่ติณณภพยังมาหัวเราะผมอีกนะ คนอะไรก็ไม่รู้ ไม่นานรถก็มาจอดที่ห้างที่ผมกับพี่ติณมาด้วยกันประจำและตรงไปร้านประจำอีกเช่นเดิม ร้านนี้พี่ติณบอกน้องสาวพี่ติณณภพชอบให้พามาบ่อยๆ เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน ผมเองก็พอทานได้แล้วนะตอนนี้ เพราะว่าทานกับพี่ติณบ่อยๆ



“สวัสดีค่ะมากี่ท่านค่ะ”



“พอดีว่าน้องสาวผมกับแฟนเขามาจองโต๊ะกันก่อนแล้วนะครับ อยู่ด้านในครับ” พี่ติณณภพบอกกับพนักงานประจำในร้านอาหาร เขาก็หันไปมองตามที่พี่ติณณภพชี้นิ้วไป ผมเห็นผู้หญิงกับผู้ชายที่นั่งหันหลังให้อยู่ เขากำลังก้มหน้าอยู่กับหน้าจอมือถือ และพนักงานก็พยักหน้าพร้อมกับเดินนำผมสองคนเข้าไปด้านในทันที


TBC.....

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
      “อ้อ ถ้าอย่างนั้นเชิญด้านในเลยค่ะ” พนักงานก็ผายมือให้ผมสองคนเดินเข้าไป พี่ติณชะเง้อคอมองหา ผมก็เห็นว่ามีผู้หญิงผมยาวเป็นลอนลุกขึ้นโบกมือให้โดยมีผู้ชายนั่งหันหลังอยู่ แสดงว่านั้นคือน้องสาวพี่ติณณภพแน่ๆ พี่ติณพยักหน้าให้ผมเข้าไป

        ผมจำตรีญาดาได้ดี ผมเคยเห็นแต่หน้าเขาผ่านวิดีโอคอลอย่างเดียวแต่ก็รับรู้ได้ว่าตรีญาดาเป็นผู้หญิงที่สวยมากและเมื่อมองภาพรวมแบบนี้ ตรีญาดาคือผู้หญิงที่เพอร์เฟคที่สุดในสายตาของผมเท่าที่ผมเคยเห็นผู้หญิงมา ผมเองก็ยังตะลึงเลย ถ้าเป็นผู้ชายแท้ผมคงต้องตกหลุมรักเธฮแน่ๆ

“มาแล้วเหรอ น่ารักจังเลยอ่ะ ซอมพอ” ตรีญาดาพูดและตรงเข้ามากอดผม ทันที

“อย่ากอดนานนะน้องตรีเพราะว่าคนนั้นของพี่” พี่ติณณภพพูด

“พี่ณุกมัวแต่เล่นมือถืออยู่ได้ พี่ติณกับว่าที่พี่สะใภ้ของตรีมาแล้วค่ะ” ตรีญาดาบอกคนที่นั่งดูมือถือโดยไม่ได้สนใจการมาของผมกับพี่ติณณภพตั้งแต่แรก และเขาคนนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองพี่ติณณภพก่อนและหยักคิ้วให้ ผมนี้แถบหยุดหายใจตรงนั้นเลย ต่อให้ผ่านไปเจ็ดแปดปี หรือนานแค่ไหนผมก็จำเขาได้ดี ผมรู้สึกได้ว่าผมตัวแข็งทื่อมากจนกระทั่ง คนที่นั่งหันหลังให้เขาหันมามองผมและ

“ปึก” มือถือของเขาก็หลุดร่วงลงไปทันที

“ซอม...” เขากำลังจะเอ่ยชื่อผม

“พี่ณุก! “ตรีญาดาเรียกเขา ใจผมก็เรียกชื่อเขาแต่มันดังแค่ในใจผม พี่ณุก! ผมหันกลับมามองพี่ติณณภพ ผมไม่เคยรู้เลยว่าแฟนของตรีญาดาคือเขา ผมได้ยินแต่ชื่อผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนเดียวกัน แต่ชื่อปริญญ์นี้ไม่ใช่ชื่อเขาตอนที่เรียนเลย ตอนนั้นเขาชื่อ อาณุภาพ

“ทำไมตกใจในความน่ารักของซอมพอเหรอคะ” ตรีญาดาถามเขา เขายังคงมองผม ผมนะจำเขาได้ดีแต่เขาจะจำผมได้ไหม ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เขาเปลี่ยนไปมากเพียงใดแต่ผมยังคงจำเขาได้ดี พี่ณุก ผมต้องกลั้นใจฝืนยิ้มกลับไป

“นั่งเลยนั่งข้างตรีนะ ตรีอยากคุยกับซอมพอ” ตรีญาดาบอกผมและผมก็นั่งข้างตรีส่วนพี่ติณนั่งตรงข้ามผม

“ไงวะไอ้ณุก”

“เออ.. สบายดีวะ มึงล่ะ “พี่ณุกหันมาทักพี่ติณอย่างสนิทสนม นี้เขารู้จักกันมาก่อนรึนี้ ผมไม่เคยรู้เลย เพราะว่าผมไม่เคยถามด้วย ผมนั่งนิ่งๆ เงียบ แต่ในใจนะร้องไห้ออกมาแล้ว พี่ณุกหันมามองผมเป็นระยะ

“พี่ณุก ดูซิ นี้ไง ที่ตรีว่าจะให้เขาจัดซุ้มถ่ายรูปงานแต่งงานให้เราอ่ะ ดูซิ” ตรีญาดาส่งมือให้กับพี่ณุก ก็เขาจะแต่งงานกันแล้วนิ

“ตรีให้พี่ดูรอบที่หนึ่งร้อยแล้วค่ะ ตรีจะให้เจ้านี้จัดให้ก็ติดต่อเขาเองเลยค่ะ พี่ไม่รู้เรื่องนี้หรอกตรี” พี่ณุกพูด

“อะไรกันพี่ณุกนิ “ตรีญาดา

“ซอมพอ ซอมพอดูซิ คนนี้เขาจัดดีนะ ว่าไหมอะ พี่ณุกไม่ค่อยช่วยตรีเลยอ่ะ “ตรีญาดาส่งให้ผมดู ผมก็พยักหน้า ผมเห็นพี่ติณคุยกับพี่ณุกอย่างสนิทสนมกันดี

“ตรีสั่งอาหารให้พี่แล้วนะและซอมพอด้วย เห็นพี่ติณบอกว่าซอมพออยากทานสปาเกตตี” ตรีญาดาพูด

“ซอมพอ ชื่อนี้น่ารักจัง เป็นคนเหนือเหรอคะ” ตรีญาดาถามผม

“ครับ ผมเป็นคนเหนือ” ผมพูดและเหลือบไปมองพี่ณุก

“เอ๊ะ! ตรีจำได้ว่าพี่ณุกเคยไปเรียนที่เชียงใหม่ใช่ไหมคะ “ตรีญาดาถามพี่ณุก พี่ณุกพยักหน้าและมองผม

“เออใช่ว่ะ ตอนนั้นกูยังงงเลยเพราะว่ามึงจบไฮสกูลพร้อมกูแต่ดันกลับไปเรียนอีกทีเชียงใหม่ และแม่กูบอกว่ายายตรีร้องตามจะไปเรียนกับมึงด้วย “พี่ติณณภพพูด อย่างนั้นแสดงว่าตรีญาดาคือแฟนพี่ณุกก่อนผมอีกใช่ไหม ผมมาที่หลังใช่ไหม หรือไม่เคยมีผมเลยกันแน่

“ก็คนเป็นแฟนกัน แม้เชียงใหม่ไกลจะตายไปแต่ดีนะที่พี่ณุกเรียนแค่ปีเดียว ตอนแรกตรีนึกว่าพี่ณุกจะเรียนมหาวิทยาลัยที่นั่นเลยซะอีก” ตรีญาดาพูด

“ว่าแต่เรียนที่เดียวกันหรือเปล่าคะ ซอมพอกับพี่ณุก” ตรีญาดาถามผม ผมนี้สะดุ้ง

“ไม่ครับ ไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยเจอพี่เขา” ผมรีบปฏิเสธ พี่ณุกเงยหน้ามองผมและเขาก็หันไปหาตรีญาดา แฟนเขา

“ตอนแรกพี่ก็ตั้งใจแบบนั้นนะแต่พอดีว่า พี่...” พี่ณุกพูดและหยุดแค่นั้นเขามองหน้าผม

“เปลี่ยนใจไปเรียนนอกกับไอ้ติณไง” พี่ณุกพูดและหันมาเหล่มองพี่ติณณภพคนที่นั่งข้างๆ

“ชื่อซอมพอ มาจากอะไรเหรอคะ น่ารักจังแต่ ตรีญาดาเคยได้ยินพี่ณุกพูดว่าอยากให้ลูกชื่อซอมพอนะ ตอนแรกตรีว่ามันตลกมากนะ แต่พอมาเจอซอมพอ น่ารักดีน่าเอาไปตั้งชื่อลูกเรานะพี่ณุก” ตรีญาดาพูดพี่ณุกเงยหน้าขึ้นมองตรีและมองผมและเขาก็ก้มหน้าลงกับมือถือของเขาเหมือนเดิม

“ไม่ได้หรอกครับ ป้าซอมพอและถ้ามีหลานยังให้ชื่อซอมพออีก จะดีเหรอครับตรี” พี่ติณณภพพูดปนหัวเราะ

“จริงซิ ลืมไปค่ะพี่ติณ ว่าซอมพอเป็นแฟนพี่ติณแล้ว” ตรีญาดาพูดและหันมายิ้มให้ผม

“ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ “ผมลุกขึ้นทันทีและเดินออกไป ผมต้องออกไป ผมทนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ มันเจ็บเหลือเกิน ผมเดินเข้าไปในห้องและผมก็เปิดก๊อกน้ำให้น้ำมันไหลเพื่อกลบเสียงสะอื้น

“ฮือๆๆ” ผมร้องไห้ออกมาดังๆ และจู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาผมรีบหันหนี ผมได้ยินเสียงเขาล๊อกประตูจากด้านใน ผมหันไปมองคนนั้นผมจำเขาได้ดี เขาเดินเข้ามาหยุดกึ่งกลางห้องในห้องน้ำชาย ผมหันไปมองเขา

“ซอมพอ นายมานี้ทำไม” นั้นคือคำถามแรกที่เขาถามผมงั้นรึ นี้คือคำถามของคนเคยรักกันเขาถามกันอย่างนั้นหรือ ผมค่อนข้างผิดหวังที่สุด

“ผมก็ไม่รู้ว่าผมมาทำไม แต่ถ้าผมรู้ผมก็....จะไม่มา” ผมหันไปพูด มือก็ปาดน้ำตา พี่ณุกมองผม ก่อนจะส่ายหัวไปมาพร้อมกับเอามือมาเท้าเอว เขาหลุบตาลงมองพื้นและ "ฟู๋!! 1" พ่นลมหายใจออกมา ยาวๆ และเขาก็เดินเข้ามาหาผมแต่ผมหันหน้าหนีเขาและถอยหลังหนี เขาก็ยังคงเดินเข้าหาผมไม่หยุด จนหลังผมชนกับพนังห้อง

“ฮึกๆ” ผมยังคงสะอื้น

“พี่อุตส่าห์เขี่ยนายออกไปจากเกมแล้วนะซอมพอ”

“ที่ผ่านมาผมคือส่วนหนึ่งของเกมพี่เหรอ “

“พี่...” พี่ณุกทำท่าจะพูดแต่ก็หันหน้าหนี

“แต่ช่างมันเถอะ ผมแค่ข้องใจพี่หายไปทำไม พี่ไม่บอกผมละว่าพี่ไม่ต้องการผมแล้ว พี่รู้ไหมว่าผมเป็นยังไง และผมยังคงคิดว่าพี่จะกลับมาผมตลอด เพราะว่าเรายังไม่ได้เลิกกัน” ผมพูดและฝ่ามือก็ทุบที่อกเขา ผมทุบไปจำนวนเท่าไหร่ผมจำไม่ได้แต่ผมก็ยังคงทุบอยู่แบบนั้น อยากทุบให้แรงแต่ผมก็ทำไม่ได้ เรี้ยวแรงผมหายไปไหนหมดก็ไม่รู้หรือว่าผมยังกลัวเขาเจ็บ ทั้งที่ผมเจ็บกว่าอีก

“ทำไมไม่บอกเลิกผมก่อนที่พี่จะไป...ฮือๆ ทำไมอะ ทำไมอะ ....”

“พี่...ไม่อยากบอกเลิกไง พี่ถึงหายไปแบบนั้น!” พี่ณุกพูดกับผม พี่ณุกใช้ฝ่ามือเขาดันกำแพงไว้ระหว่างตัวผมที่อยู่กึ่งกลางและตรงหน้าพี่ณุก

“แต่ตอนนี้พี่ควรจะบอกเลิกผมได้แล้วใช่ไหม เพราะว่าพี่มีตรีญาดาแล้ว “

“พี่..” พี่ณุกทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด

“กึกๆ” เสียงคนกำลังดึงประตู เพราะว่าพี่ณุกล๊อกไว้ พี่ณุกหันไปมองและผมก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำซะก่อนที่ใครจะเข้ามาเห็นว่าผมร้องไห้

“ยูล๊อกประตูทำไม” เสียงคนคุยกับพี่ณุก เสียงที่ไม่คุ้นเคย สำเนียงที่พูดไทยไม่ค่อยชัด

“ยูมาแล้วเหรอ ไอคงมือไปโดนนะ มันเลยล๊อก”

“ตรีบอกไอว่ายูมาเข้าห้องน้ำ นานม๊าก”

“สิบนาทีได้” พี่ณุกพูด

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก ” เสียงเคาะประตูห้องน้ำที่ผมเข้าไปดังขึ้น

“ซอมพอ ออกไปพร้อมพี่ไหมเพราะว่าคนอื่นจะตกใจเอา” พี่ณุกถามผม

“พี่ออกไปก่อน ผมจะตามไป “

“ซอมพอ” พี่ณุกยังคงเรียกผมอยู่ เสียงนี้ที่เรียกชื่อผม นานมากแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ยิน

“พี่ไปก่อนได้ไหมผมขอร้อง” ผมบอกพี่ณุก

“Who’ s that?”

“It’ s not your business. You just get out. I will be there soon, OK!” พี่ณุกพูดภาษาอังกฤษกับคนข้างนอก

“What the hell? why are you so mad, Man?”

“OK OK, I get out right now!. See you there.” เสียงที่บอกได้ชัดเจนว่าเขาไม่ใช่คนไทยและพี่ณุกก็บอกให้เขานั้นออกไปข้างนอก แต่ผมยังคงอยู่ในนั้น เพื่อปาดน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุดให้เหือดหายไป

“ซอมพอ” พี่ณุกพยายามเรียกผมอีก

“พี่ออกไปเถอะผมขอร้อง” ผมบอกพี่ณุก

“ก็ได้รีบออกไปนะ ไม่อย่างนั้นไอ้ติณมันจะ”

“ดังนั้นพี่จึงควรจะรีบออกไป เพราะผมก็ไม่อยากให้พี่ติณเข้าใจผมผิด เรื่องระหว่างเรามันจบแล้ว” ผมพูดทั้งน้ำตา ผมได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวออกไปจากห้องน้ำนั่นแหละผมถึงได้เปิดประตูออกมาและเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างหน้าตาที่เปียกไปด้วยคราบน้ำตา เก้าปีที่ผมรอเขา ผมจะรอทำไม รอเพื่ออะไร

“แต่เขาอยู่นี้แล้วไงซอมพอ แต่เขาไม่ได้อยู่ในฐานะคนรักนาย เขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยที่สุด “ผมพูดและกำมือ

“นายควรจะปล่อยเขาไปได้แล้ว ซอมพอ” ผมพูดกับตัวเอง ผมใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าตาตัวเองและทำทุกอย่างให้ปกติที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้ และผมก็เดินออกมาและกลับเข้าไปยังห้องอาหารนั้น ผมเห็นมีคนที่นั่งหัวโต๊ะใกล้กับพี่ณุก และพิ่ติณขยับเข้าไปนั่งด้านในตรงข้ามกับตรีญาดา ส่วนผมก็นั่งตรงข้ามพี่ณุกแทน

“ซอมพอเป็นอะไรหรือเปล่าคะทำไมเข้าห้องน้ำนานจังและพี่ณุกบอกว่าไม่เจอซอมพออ่ะ” ตรีญาดาถามผม

“พี่ติณจะไปตามแล้วนะเนี๊ยะ!” ตรีญาดาพูดผมมองพี่ติณ

“ซอมพอ ปวดท้องเหรอ ดูสีหน้าไม่ดีเลย กลับออฟฟิศกับพี่เลยไหม” พี่ติณณภพหันมาถามผมด้วยสีหน้าและแววตาที่เป็นห่วงผมมาก ผมหันมามองพี่ณุกแว๊ปหนึ่ง

“เออ ขอขัดนิดนึงนะครับ น้องคนนี้ชื่ออะไรนะครับ”

“ซอมพอคะพี่มาร์ค”

“อ้อ ซ้อมพอ” สำเนียงเรียกชื่อผมเพี้ยน

“ซอมพอครับ” ผมพูด

“ถ้าออกเสียงขื่อเขาเพี้ยนๆ แบบนี้ อย่าออกเลยว่ะ อายเขา” พี่ณุกหันไปบอกพี่คนที่นั่งหัวโต๊ะ

“นี้พี่มาร์คเพื่อนพี่ณุกค่ะซอมพอ” ตรีญาดาแนะนำ ผมก็ยิ้มให้

“น่ารักนะครับ ยินดีที่รู้จักครับ” พี่มาร์คเขายื่นมือมาขอจับมือผม ผมก็มองพี่เขาและทำท่ายื่นมือไปจับเหมือนกันเพราะเดี๋ยวจะหาว่าผมหยิ่ง ทั้งที่จริงผมรู้สึกแย่วันนี้

“อิ้วว” พี่เขาร้องและดึงมือตัวเองกลับ ผมเห็นพี่ณุกเหล่มองพี่เขาผมก็ดึงมือผมกลับเช่นกัน

“เป็นอะไรไปค่ะพี่มาร์ค” ตรีญาดาถาม

“เป็นตะคิวนะครับผม” พี่มาร์คพูด

“มึงจะขอจับมือเขานะ ขอแฟนเขายังนั่งอยู่นั้นไอ้ติณนะ” พี่ณุกพูด พี่ติณมองหน้าพี่มาร์คอยู่

“อู้ยย ไม่หยักกะรู้ว่ามีแฟนแล้ว”

“รู้ไว้ก็ดีนะ เพื่อนไอ้หมอนี้กูก็เตะได้” พี่ติณพูด แต่ผมยังคงนิ่ง

“ซอมพอ ดูเงียบๆ ปวดท้องมากเหรอคะ พี่ติณบอกตรีว่าซอมพอปวดท้องตั้งแต่ในรถแล้วค่ะ” ตรีญาดาพูด

“ซอมพอรอพี่ได้ไหม พี่เลิกประชุมบ่ายสองครึ้ง” พี่ติณณภพถามผม

“น้องเขาปวดท้องจนหน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้ว มึงจะให้น้องมันไปรอที่ออฟฟิศอีกเหรอว่ะ” พี่ณุกหันไปถามพี่ติณณภพก่อนจะปรายตามามองผมอีกที

“ก็กูมีประชุมด่วน” พี่ติณณภพพูด

“ตรีคิดว่าซอมพอน่าจะกลับไปนอนพักค่ะ ตรีไปส่งให้ไหมคะที่พักของซอมพอนะคะ” ตรีญาดาอีกคน

“พี่มาร์คดีกว่าไหมครับพี่มาร์คว่างมากครับ” นี้อีกคน

“ตรี ตรีบอกว่าจะไปหาคุณแม่เลยไม่ใช่เหรอคะ เพราะว่าตรีตั้งใจว่าจะไปเซอไพรส์แม่และไปเซอร์ไพรคุณย่าด้วยนี้ค่ะ มันจะไม่ทันนะคะ” พี่ณุกพูด

“เออ ผมไปรอพี่ติณได้ครับ” ผมเลยตัดสินใจพูดออกมา

“พักแถวไหนนะ” พี่ณุกหันไปถามพี่ติณณภพ ผมก็มองพี่ติณ

“แถวสาธร” พี่ติณณภพตอบพี่ณุกแทนผม พี่ณุกชำเลืองตามามองผมและหันไปมองพี่ติณณภพ

“กูไปที่นั่นพอดีเลย มีงานชิ้นหนึ่งและกะว่าจบงานนี้จะได้พักอยู่กับตรี” พี่ณุกพูด

“อ้าวแล้วไม่ให้ผมไปแล้วเหรอครับ ไหนบอกว่าให้”

“ยูคุยกับเขาไม่รู้เรื่องหรอก และลูกค้าคนนี้เคี้ยวมาก ไอจะพล้าดเอาและเสียหายเยอะนะ” พี่ณุกพูด ทุกคนหันมามองพี่ณุกกันหมดรวมทั้งตรีญาดา

“แล้วพี่ณุกไม่ไปกับตรีเหรอคะ”ตรีญาดาเอ่ยถามพี่ณุก

“ให้มาร์คไปส่งนะคะและพี่จะตามตรีเข้าไปเพราะว่างานนี้สำคัญจริงๆ พี่กะว่าจะบอกตรีแต่พี่ลืมค่ะ นะคะตรี” พี่ณุกพูด

“เฮ้ย! ณุก กูไปส่งซอมพอดีกว่า กูเข้าสายไม่เป็นไรหรอกว่ะ”

“มึงเป็นเจ้าบริษัทเข้าสาย เขาจะประชุมกับใครวะ” พี่ณุกถามพี่ติณณภพ มันเหมือนเขากำลังดักทุกทางเพื่อนจะไปส่งผมใช่ไหม

“เอาตามที่พี่ณุกว่าแล้วกันคะ พี่ณุกไว้ใจได้อยู่แล้วนะพี่ติณ” ตรีญาดาเป็นคนพูดตัดสินแทนไม่อย่างนั้นคงเถียงกันอีกยาว

“แค่ไปส่ง มึงจะหวงอะไรหนักหนาว่ะ มึงคิดว่ากูจะทำอะไรน้องเขาว่ะ คู่หมั้นก็มี นั่งอยู่นี้” พี่ณุกพูดและหันมาเหล่มองผม ใช่คู่หมั้นเขามีแล้ว เสียงนี้ม้ันเหมือนตอกย้ำในหูผม ผมแทบอยากจะวิ่งออกไปจากที่นี้

“เออ ๆ ไปส่งแค่นั้น” พี่ติณณภพพูดก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมก็หลุบตาลง และนั่วก้มหน้าก้มตาเขี่ยอาหารในจานไปมาคือว่ามัน คือว่าไม่อยากกินเลย กินไม่ลงขึ้นมาทันที ทำไมผมต้องมาเจอเหตุการณ์ที่อึดอัดที่สุดแบบนี้

“ถ้าอย่างนั้นไปเลยนะ เพราะว่าพี่จะได้ไปส่งเราก่อนและเลยไปพบลูกค้า” พี่ณุกพูดและลุกขึ้น

“ไปเลยเหรอคะพี่ณุก” ตรีญาดาถามขึ้น

“ดูน้องเขาไม่อยากทาน คงปวดมาก ไปนอนพักสักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น” พี่ณุกพูดและพยักกับผมแต่ผมยังคงนั่งอยู่ คือมันอึดอัดนะถ้าให้ไปกับพี่ณุก

“พวกเราลุกไปพร้อมกันเลยแล้วกัน เพราะว่าพี่จะกลับออฟฟิศตอนนี้เลย ถ้าประชุมก่อนได้จะเปิดประชุมเลยและจะได้เลิกเร็ว” พี่ติณณภพพูดและมองหน้าผม

“และพี่จะแวะไปหาเราก่อนกลับบ้านนะซอมพอ เพราะว่าพี่ชายเราฝากเราให้ดูแล” พี่ติณณภพพูด พี่ณุกสะบัดหน้าไปมองผมรู้ว่าพี่ณุกรู้จักพี่น่านฟ้าดี

“พี่ชายเขานี่นะ! “พี่ณุกหันไปถามพี่ติณณภพด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ แน่นอนพี่ณุกรู้จักพี่น่านฟ้าดีทีเดียว คนที่ไว้ใจใครยากมากและไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ผมขนาดพี่ณุกเมื่อก่อนเป็นแฟนผมยังยากเลย

“เอออะดิ เขาฝากดูแลน้องเขา ทำไมล่ะ คนกำลังเป็นแฟนกัน”

“คนที่ไว้ใจใครยากขนาดนั้นนี้นะ หึๆ ” พี่ณุกพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะในลำคอ พี่ติณหันมองผมแว๊ปหนึ่ง

“แล้วมึงรู้ได้ไง ว่าพี่ชายซอมพอเป็นคนยังไง” พี่ติณณภพถามพี่ณุก สายตาพี่ติณเหมือนกำลังจะค้นหาคำตอบอะไรสักอย่าง พี่ณุกก็นิ่งอึ้งทันที แต่ผมมองพี่ณุกพร้อมกับสั่นศีรษะเบาๆ ไม่ให้ใครสังเกตได้ ผมกำลังห้ามเขา ผมไม่อยากให้ตรีญาดาต้องมาระแวงผม และไหนจะเรื่องที่ผมเจอพี่ณุกอยู่ที่นี้อีก  อาจจะเข้าหูพี่น่านฟ้าและ ปัญหาจะตามมาเยอะแยะเลย

“โอ้ย!!! ” ผมรีบลุกขึ้นทันที และความเจ็บปวดมันก็วิ่งแล่นขึ้นมาทันทีเช่นกัน

“หมับ! “คนที่มารับตัวผมไว้ก็คือพี่มาร์ค เพราะว่าเขาใกล้ผมที่สุด สายตาเขามองผม

“ปวดมากเหรอครับ เดินไหวไหมครับ พี่อุ้มไหมครับ” พี่มาร์คถามผม เออ ผมก็ได้แต่อึ้งไปเพราะว่าไม่ได้รู้กจักกันมาก่อนเลยน่ะ

“นั้นซิ พี่มาร์คอุ้มดีไหมคะซอมพอ กว่าจะไปถึงที่จอดรถ ไกลนะคะ” ตรีญาดาพูดก่อนจะหันไปมองพี่มาร์ค ผมก็พยายามดันให้เขาปล่อย เพราะสายตาสองคู่ที่มองผมอยู่ พี่ติณมองผมและหันไปมองพี่มาร์ค ส่วนพี่ณุกนั้นมองแค่ผมที่เดียว ผมคิดว่าสายตาคู่นี้แหละที่ทำให้ผมพยายามดันพี่มาร์คออก

“ซอพซอ พี่อุ้มไปไหมครับ พี่ว่าเราปวดมาก” พี่ติณณภพรีบออกมาดันพี่มาร์คและเข้ามาแย่งตัวผมออกไป ผมนี้ทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ

“เดี๋ยวนะคะ ทำไมตรีเหมือนเป็นชะนีในฝูงเก้งกวางยังไงก็ไม่รู้อ่ะ” ตรีญาดาพูดปนหัวเราะแต่ผมนะไม่ขำด้วยเลย มันอึดอัดน่ะแบบนี้น่ะ ผมหันมาหาพี่ติณและพยักหน้าให้เขาเป็นคนประคองผมไปจะดีกว่า พี่ติณณภพก็ประคองร่างผมพาผมเดินออกไป ลงไปจนถึงที่จอดรถ พี่คนขับรถวิ่งเข้ามาแต่พี่ติณทันที แต่พี่ติณยกมือขึ้น ผมเห็นพี่ณุกเดินไปที่รถของเขา รถเขาหรูมาก และพี่ณุกก็ขับรถมาจอดตรงหน้าผมกับพี่ติณทันที

“มีอะไรโทรหาพี่ทันทีเลยนะ ซอมพอ “พี่ติณณภพกระซิบกับผม ผมพยักหน้าและพี่ณุกก็เดินมาเปิดประตูรถให้ผม แต่ผมยังคงไม่อยากไปกับเขา

“ขึ้นรถที่ซิครับ พี่จะสายเอาและเดี๋ยวคุณแฟนประชุมเสร็จเขาก็ตามไปดูแลแล้ว น้องควรจะคิดถึงงานไว้ก่อนนะครับ “พี่ณุกพูดเหมือนสั่งสอนผมไปด้วยและผมก็ต้องเข้าไปนั่งข้างคนขับ ตาผมยังคงมองพี่ติณณภพ พี่ณุกเดินมานั่งทำหน้าที่คนขับรถ

“พี่ณุก อย่าลืมนะคะ เสร็จปุ๊ปไปหาตรีเลยค่ะ” ตรีญาดาเดินมาหาพี่ณุกและมาบอกพี่ณุก สายตาที่ดูรู้ว่าเขารักพี่ณุกมากแค่ไหน มันเจ็บปวดมากสำหรับผม มันเหมือนมีหนามแท่งใหญ่มาปักลงที่หัวใจผมยังไงก็ไม่รู้ "ครับตรี" พี่ณุกบอกกับตรีญาดา "ฟ๊อด" ตรีญาดาหอมแก้มพี่ณุก สายตาที่ดูว่าเขารักกันมากแค่ไหนแต่ทำไมผมถึงได้เจ็บมากเท่านั้น ผมนั่งนิ่งตัวแข็งไม่กล้าหันไปมอง จนกระทั่งพี่ณุกเลื่อนปิดกระจก และออกรถ
ผมได้แต่นั่งนิ่งที่สุดและเงียบที่สุด เป็นความเงียบที่เจ็บที่สุดเช่นกัน จนกระทั่งรถพี่ณุกออกมาจากตัวห้างสรรพสินค้าและเขาก็เข้าจอดข้างทาง

TBC....

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ผมได้แต่นั่งนิ่งที่สุดและเงียบที่สุด เป็นความเงียบที่เจ็บที่สุดเช่นกันขณะที่พี่ณุกขับรถออกมา ผมหันไปชำเลืองมองพี่ณุก หรือว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วกันแน่ หรือว่ามีแค่ผมคนเดียวที่คิดมาคนเดียวตลอดเวลาว่าเรายังไม่ได้เลิกกันแต่ความจริงเขาเลิกกับผมไปนานแล้ว เพราะท่าที่ที่นิ่งเฉยของเขาเช่นกัน  จนกระทั่งรถพี่ณุกออกมาจากตัวห้างสรรพสินค้าและเขาก็เข้าจอดข้างทางทันที
“พี่จะทำอะไรผม” ผมตกใจผมหันไปมองหน้าเขา มือก็จับเพื่อว่ามีอะไรจะเปิดประตูไปได้เลยแต่ประตูถูกล๊อก

“จะนั่งตัวงอทำไมซอมพอ เราปวดท้องไม่ใช่เหรอและเราก็ไม่ได้คาดเข็มขัดด้วย” พี่ณุกพูดพร้อมกับปรับเก้าอี้ให้ผมให้เอนให้ผมเอนนอนได้และเขาก็ดึงเข็มขัดมาคาดให้ผม ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ผาดผ่านผม พี่ณุกเขาหายใจแรงพอสมควร

“คิดอีกทีพี่ดีใจนะที่พี่เจอเราอีก ซอมพอ” พี่ณุกมองหน้าผม พี่ณุกชะงักค้างไว้แค่นั้นและเขาก็กำลังจะก้มลงจูบผม แม้ว่าเราจะเคยจูบกันมาก่อนก็ตาม

“อย่าพี่ณุก พี่ไม่ควรทำกับผมแบบที่ผ่านมา” ผมพูดและหลับตาปรี้ แขนผมเกร็งเหมือนจะพยายามต่อต้านเขาและพี่ณุกก็กลับไปนั่งในท่าขับรถแต่ยังไม่ได้ออกรถ

“นับจากนี้พี่จะไม่ใช่คนที่เป็นเจ้าของผมอีกต่อไปแล้ว เก้าปีมานี้พี่พันธนาการผมมานานมากแล้วและผมก็พร้อม” ผมพูดและหันไปมองหน้าพี่ณุก

“ผมพร้อมที่จะปล่อยพี่ไป” ผมพูดและน้ำตาผมก็ไหลออกมาอีกครั้ง

“แล้วเก้าปีมานี้พี่ไม่รู้สึกอะไรหรือไงซอมพอ” พี่ณุกหันมามองผมเช่นกัน

“ตอนแรกพี่ก็แค่ ทำตามที่แม่พี่สั่งพี่ว่าจะไม่รัก แต่พี่ก็รักไปแล้วและพี่ก็ต้องหายไปทั้งพี่ยังรัก ซอมพอว่าพี่ไม่รู้สึกอะไรบางหรือไง” พี่ณุกหันมามองหน้าผม

“แล้วทำไมเราไม่เลิกโดยที่เกลียดกันไปเลยละ มันจะได้ไม่ทรมารผมแบบนี้ ฮือๆ” ผมหันมาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“ตอนที่พี่หายไป ผมเฝ้าไปมองดูบ้านพี่ทุกวัน จนวันที่แม่พี่มาด่าผมกับพ่อกับแม่ผม” ผมพูด พี่ทำสีหน้าตกใจอย่างมากแสดงว่าเขาไม่เคยรู้

“และวันนั้นพ่อบอกไม่ให้ผมไปที่บ้านพี่อีก “ผมพูด พี่ณุกหันมามองหน้าผมเหมือนกับว่าพี่ณุกไม่รู้เรื่องนี้

“แม่พี่นี่นะ” พี่ณุกถามผม

“ใช่แม่พี่ แต่เขาก็ไม่ได้ชอบผมอยู่แล้ว” ผมพูดและหันหน้าออกไปทางอื่น

“ผมก็อยากรู้ว่าเพราะอะไรพี่ถึงทำกับผมแบบนี้ ถ้าพี่ไม่รักพี่จะล้อเล่นกับผมทำไม” ผมถามพี่ณุกโดยไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง

“ก็เพราะว่า...” พี่ณุกหันจะพูดแต่ก็เงียบไป

“เอาเป็นว่าพี่ไม่พูด ซอมพอต้องไปถามแม่แว่นแก้วเอาพี่ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าใครที่ทำให้แม่พี่เสียใจ” พี่ณุกพูดขึ้น

“แต่ถึงยังไงพี่ก็มีคุณตรีญาดาอยู่แล้วและพี่ก็มีเขาก่อนผมใช่ไหม” ผมถามพี่ณุก พี่ณุกหันมามองผม

“ไม่เชิงหรอก พี่กับติณณภพ เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก และตรีญาดาก็ติดพี่ชายของเขามาก”

“พี่ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กกับติณณภพ” พี่ณุกพูด ผมพยักหน้าไปอย่างนั้น

“ที่จริงพี่เรียนจบมัธยมปลายแล้วรอแค่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเท่านั้นและเพราะช่วงที่พี่แม่ขอให้พี่กลับมาและไปเชียงใหม่เพื่อ”

“หลอกให้ผมรักและพี่ก็ทิ้งผมไปงั้นรึ” ผมค่อยหันหน้ามาถามเขา

“ฟู่ “พี่ณุกพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่แล้ว

“ดังนั้นผมควรจะปล่อยพี่ไป ผมพร้อมแล้วที่จะปล่อยพี่ไปกับคนที่ดีพร้อม แต่ผมก็ควรจะดีใจที่ผมได้ทำแหวนหมั้นให้พี่ สวมมันในวันที่พี่จะมีความสุขที่สุด” ผมพูดพี่ณุกหันมามองหน้าผมแบบเต็มๆ

“ซอมพอ ...พี่ไม่พร้อม” พีณุกหันมามองผม เขาบอกว่าเขาไม่พร้อม

“ที่จะปล่อยเราไป” พี่ณุกพูด ผมก็ได้แต่มองใบหน้าของเขา มือพี่ณุกกำพวงมาลัยแน่นมาก

“พี่จะมีคนสองคนในเวลาเดียวกันไม่ได้และผมก็ทำไม่ได้ พี่เห็นสีหน้าตรีญาดาไหม เขามีความสุขแค่ไหนที่จะได้แต่งงานกับพี่นะ ผมทำร้ายเธอไม่ได้ “ผมบอกพี่ณุก

“ปึก” พี่ณุกทุบที่พวงมาลัยรถยนต์ของเขาและหันไปมองทางอื่น พร้อม พ่นลมหายใจยาวๆ

“พี่ว่าเราเลิกคุยกันเรื่องนี้ก่อน สีหน้าเราไม่ดีเลย เอนหลังและนอนพักซะ ถึงแล้วพี่จะปลุก “พี่ณุกพูดและเขาก็ถอดเสื้อสูทของเขาออกและเอามาคลุมให้ผมแทน

“นอนลง ถึงแล้วพี่จะปลุก หน้าเราซีดมากเลยซอมพอ ปวดมากใช่ไหมเนี๊ยะ!” พี่ณุกพูดแต่ผมไม่ได้ตอบอะไร ผมก็เอนตัวลง ผมยอมรับว่าปวดมากแต่จะไม่แสดงให้เขารู้เด็ดขาด ตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าปวดท้องกับปวดใจอันไหนเจ็บปวดมากกว่ากัน เพราะว่ามันทวีคูณเท่าๆ กัน แอร์เย็นๆ มันทำให้ผมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ก็น่าจะนานพอดูจนกระทั่ง

“ซอมพอ ซอมพอ “มีคนปลุกผม ผมก็สะดุ้งตื่น คนที่ปลุกผมคือพี่ณุกนั้นเอง ผมมองเขานี้ผมฝันไปหรือเปล่า ไม่ใช่ซิ ผมอยู่ในรถของเขา และมองไปรอบๆ มันไม่ใช่ที่คอนโดของผมเลย

“พี่จะพาผมไปไหน พี่จะทำอะไรผม พี่ณุก” ผมโวยวายใส่เขาทันที

“ซอมพอ ดูป้าย” พี่ณุกพูด ผมก็เงยหน้าดูป้าย เป็นโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่ง ผมก็หันมามองหน้าพี่ณุก

“ไปหาหมอ เราปวดมากพี่รู้ดี” พี่ณุกพูด

“ไม่” ผมปฏิเสธทันที

“จำได้ไหม ที่เราปวดแบบนี้ และพี่ต้องอุ้มเราไปโรงพยาบาลเข้าไปในห้องฉุกเฉินนะ “พี่ณุกพูด ผมจำได้ดี

“จำได้และพี่ก็โดนพี่น่านต่อย ขนคิ้วแตก ปากแตก กว่าผมจะออกมาบอกความจริงกับพี่น่านได้” ผมพูดและหันไปมองหน้าพี่ณุก ผมยังเห็นรอยแผลเป็นอยู่เลย มันไม่ใหญ่จนสังเกตได้ก็ตาม

“และวันนั้น ผมก็โกรธพี่น่านมากจนไม่ยอมพูดกับพี่น่าน เกือบเดือน “ผมบอกพี่ณุก พี่ณุก พยักหน้าเพราะว่าพี่ณุกรู้ดี

“แต่หลังจากที่พี่ไปจากผม ผมเพิ่งรู้ได้ว่าวันนั้นผมไม่ควรทำ ที่จะโกรธพี่น่านจนไม่พูดกับพี่ที่รักผมที่สุด “ผมบอกพี่ณุก พี่เขาก็ก้มหน้าลง

“พี่มีเหตุผลมากมายเหลือเกินซอมพอ”

“เหตุผลอะไรที่ดึงผมเข้าไปในเกมของพี่” ผมถามพี่ณุก พี่ณุกพ่นลมหายใจออกยาวๆ และพี่ณุกก็เปิดประตูลงไปก่อนเขาก็เดินมาเปิดประตูข้างผม

“วันหนึ่งซอมพอจะเข้าใจ ตอนนี้ไปหาหมอก่อน ถ้าไม่ลงพี่อุ้มนะ” พี่ณุกพูดขู่ผมแต่ผมก็ไม่ยอม

“พี่ครับ ผมขอรถเข็นหน่อยครับ แฟนผมปวดท้องมากครับ” พี่ณุกตะโกนบอกคนที่อยู่หน้าห้องฉุกเฉินที่เป็นเวรเปล และพี่ณุกก็เข้ามาปลดเข็มขัดและเขาก็อุ้มผมจริงๆ

“อย่าพี่ณุก ไม่เอา”

“ก็ดื้อนิ อยู่นิ่งๆ เลย” พี่ณุกพูดและหันไปวางผมลงที่รถเข็นแม้จะมีสายตาพนักงานเวรเปลที่มองผมสองคนแปลก

“แฟนเหรอครับ” พี่เขาถาม

“ไม่ใช่ครับ เพื่อนกันเฉยๆ” ผมรีบตอบทันที แต่พี่เขาก็ยิ้มๆ และเข็นผมเข้าไป

“ผมเป็นหลานคุณหมอรชต ครับ”

“ครับ ...ท่านโทรบอกไว้แล้วว่าถ้ามาถึงให้เข็นไปที่หน้าห้องตรวจได้เลยครับ” พี่เวรเปลบอกพี่เขา ผมเงยหน้ามองพี่ณุก

“โรงพยาบาลอาของพี่นะ น้องของพ่อแต่พ่อพี่โกรธอาเรื่องอะไรก็ไม่รู้จนไม่ยอมพูดกับอามาหลายสิบปีแล้วแต่พี่ก็ยังติดต่ออาของพี่อยู่” พี่ณุกพูด ผมก็พยักหน้า จะว่าไปตอนนี้ผมก็ปวดเกร็งขึ้นมาทันที รถนั่งคนไข้ถูกเข็นไปจอดไว้ที่ด้านหน้าโต๊ะซักประวัติคนไข้ทั่วไป

“สวัสดีค่ะ คุณณุกใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ ผมณุกหลานคุณหมอรชต ครับผม” พี่ณุกตอบ

“ขอซักประวัติคนไข้ก่อนนะคะ” พยาบาลพูดและทำการวัดไข้ วัดความดันและตรวจซักประวัติเบื้องต้นจนสักพักเขาก็เข็นผมมานั่งรอกับพี่ณุก

“กินน้ำหน่อยไหม น้ำอัญชันที่เราชอบ” พี่ณุกเดินไปหยิบแก้วน้ำสำหรับคนไข้และผู้มารอรับบริการของโรงพยาบาล เขาหยิบมาให้ผม ผมก็มอง

“ดื่มซะหน่อย” พี่ณุกบอกกับผม ผมก็รับมาจิบๆ

“น่ารักอ่ะแก แฟนกันไหมอ่ะ แต่หน้าตาละม้ายคล้ายกันมาก ถ้าแฟนก็เนื้อคู่แน่ๆ “พนักงานของโรงพยาบาลแอบแซวผมกับพี่ณุก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงยิ้มแก้มปริเลยแต่นี้ผมจะฝืนยิ้มยังยิ้มไม่ออกเลย ก็เขาไม่ใช่ของผมและอาจจะไม่เคยเลยซะด้วยซ้ำ

“ณุก” มีคุณหมอไม่หนุ่มและไม่แก่ อายุราวๆ สี่สิบกว่าๆ เดินออกมาเรียกพี่ณุก และพี่พยาบาลมาเข็นรถผมเข้าไปในห้องตรวจ

“สวัสดีครับอา สบายดีไหมครับ”

“สบายดีนะ ว่าแต่วันนี้ใครเป็นอะไรละ”

“เออ ..” พี่ณุก “ผมเป็นรุ่นน้องที่เรียนที่เดียวกันกับพี่ณุกครับ” ผมรีบชิ้งตอบแทนทันทืคุณหมอมองหน้าผมและพี่ณุกสลับไปมาก่อนจะส่งยิ้มละไมมาให้

"น้องเขามาจากเชียงใหม่นะครับอา" พี่ณุกบอกอาของเขา

“เขาปวดท้องมากครับอา และดื้อด้วยไม่อยากมาหาหมอ เขาเป็นแบบนี้บ่อยเมื่อก่อนนะครับอา” พี่ณุกพูดและมันใช่เมื่อก่อนผมชอบทานของจุกจิกมากกว่าของหลัก

“ไปทานอาหารผิดสำแดงมาหรือเปล่า “อาหมอของพี่ณุกถามผม

“คือผมไปทานก๋วยเตี๋ยวต้มยำมานะครับ มันเผ็ดนะครับ”

“มีสองอย่างนะ อาจจะเป็นโรคกระเพาะหรืออาจจะอาหารเป็นพิษนะ ไปนอนบนเตียงเดี๋ยวจะตรวจดูให้” อาหมอพูดและพยาบาลก็เข้ามาจะช่วยพยุงผมแต่พี่ณุกซิรีบอุ้มผมทันที และเอาไปวางไว้บนเตียงแทน ผมนี้อายพยาบาลเหลือเกิน

“ถ้าอย่างนั้นคุณพยาบาลออกไปรอข้างนอกก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเรียกเอง” อาหมอของพี่ณุกบอกพยาบาลและอาหมอก็ปิดผ้าม่านและจัดการตรวจคล้ำตามช่องท้องของผม

“เอาละดูแล้วไม่พบก้อนเนื้ออะไร ก็เอายาไปทานนะ จะฉีดยาเลยไหมเพราะว่าปวดมากและจะได้หายปวดแต่อาจจะง่วงนอนนะ” อาหมอพูด พอบอกว่าง่วงนอนผมไม่กล้าไว้ใจพี่ณุกเลย

“ไม่ฉีดครับ ผมขอยาไปทานดีกว่า”

“อาหมอเขากลัวเข็มนะครับ” พี่ณุกพูด อาหมอมองผมและยิ้มๆ และก็เขียนอะไรหยิกๆ ก่อนจะกดกริ่งเรียกพยาบาลเข้ามาและส่งกระดาษให้

“พักผ่อนและจิบน้ำเกลือนะ ถ้าเป็นเยอะจะกลับมาหาอาหรือไปโรงพยาบาลใกล้บ้านก็ได้นะ “อาหมอพูด

“ขอบคุณครับอา”

“ไม่เป็นไร ว่าแต่เรากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พ่อเราละเป็นยังไงบ้าง”

“เหมือนเดิมครับอา อาการทรงๆ บางทีพ่อก็ดูแย่ลง ผมไม่รู้อ่ะครับ ที่จริงผมอยากให้อา”

“ทำยังไงได้พ่อเราบอกอาว่าไม่ขอเจอหน้าอาอีกตลอดชีวิตนี้ ทำไมเขาถึงได้โกรธอาหนักก็ไม่รู้” อาของพี่ณุกพูด ผมหันไปมองพี่ณุก ผมไม่เคยรู้เรื่องพ่อพี่ณุกป่วยมาก่อนเลย

“ผมว่าตอนนี้คงเปลี่ยนไปหมดแล้วอา พ่อป่วยมากแบบนี้เกือบจะสิบปีแล้วนะครับอาแต่ว่าช่วงสองปีหลังมานี้พ่อทรุดลงตลอด” ผมก็เงยหน้าขึ้นมองพี่ณุก นั้นแปลว่าพ่อพี่ณุกป่วยก่อนที่ผมกับเขาจะเจอกันเหรอ

“ได้เอาไว้อาจะเข้าไปเยี่ยมนะณุก”

“ขอบคุณครับ ผมสองคนลานะครับ “

“ไปรับยาและกลับได้เลย “อาหมอบอกผมสองคนพี่ณุกก็หันไปจะรับใบยาจากพี่พยาบาล "อาหวังว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอยนะณุก" ผมได้ยินแว้วๆ ก่อนที่อาของพี่ณุกจะเดินออกไป พี่พยาบาลก็เข็นผมออกมา ที่จุดรับยาและพี่ณุกก็เข้าไปจัดการทุกอย่างจนได้ห่อยามาหนึ่งห่อ คนเข็นก็เข็นผมออกมาด้านนอก

“พี่จะไปเอารถนะครับ “พี่ณุกพูด

“พี่ณุก ผมอยากกลับเอง ให้ผมนั่งรถแท็กซี่ไปได้ไหมครับ” ผมบอกพี่ณุก พี่ณุกหันมามองผม

“ไม่ได้พี่ไปส่ง และเรารู้เหรอว่าที่เราอยู่นี้ที่ไหน” พี่ณุกพูดและหันมามองผม ผมยอมรับว่าไม่รู้จริงๆ ว่าที่นี้ที่ไหน ห่างไกลจากที่ผมอยู่แค่ไหนกัน ที่เรียกได้ว่าเป็นโรงพยาบาลไม่เล็กไม่ใหญ่ และอยู่ติดถนนใหญ่ซะด้วย ผมหันไปมองรอบๆ เพื่อว่าจะหาดูว่าผมจะกลับเองได้ยังไงจนกระทั่งผมเห็นใครสักคนที่สวมชุดนักศึกษาเดินออกมาจากเซเว่นอีเลฟเว่นข้างๆ โรงพยาบาลของอาพี่ณุก

“ไดม่อน” ผมรวบรวมแรงที่มีเรียกเขา และพี่ณุกที่เดินไปจะขับรถออกมารับผมที่ด้านหน้าห้องฉุกเฉินก็หันมามองผม

“ไดม่อน) )) )” ผมตะโกนอีกครั้ง เขาหันมาพอดี เขาก็มองผม และผมก็มองพี่ณุก พี่ณุกทำท่าวิ่งมาหาผมเพื่อห้ามผม แต่ผมก็ฝืนลุกและวิ่งออกไป แม้จะปวดท้องมากแต่ผมไม่อยากไปกับเขา

“พี่ซอมพอ” ไดม่อนเรียกผมและวิ่งมาหาผม ผมแทบจะทรุดตรงหน้าเขาแต่เขาประคองผมไว้ก่อน

“พี่มาทำอะไรที่นี้ครับพี่ซอมพอ” ไดม่อนถามผม

“ซอมพอ หยุดนะ” พี่ณุกร้องห้ามผม

“ไดม่อน พาพี่กลับคอนโดทีได้โปรด” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา เกือบจะกระซิบ

“ไดม่อน” ผมเรียกเขาไดม่อนมองพี่ณุกเดินปรีเข้ามาทันที

“ได้พี่ และไอ้นี่ใคร”

“ไปเถอะ” ผมพูดและไดม่อนก็พยุงผมจะให้ไปที่รถ

“หยุดนะ มึงปล่อยแฟนกูเดียวนี้ไอ้เด็กเวร” พี่ณุกเรียกไดม่อนให้ปล่อยผม

“ใครแฟนมึง มึงลองเข้ามาดิกูต่อยให้นะโว้ยย “ไดม่อนชี้หน้าและพาผมเข้าไปนั่งในรถข้างคนขับ ไดม่อนชี้หน้าพี่ณุกตลอด

“ซอมพอ ลงมาพี่จะไปส่ง เดี๋ยวไอ้ติณมันก็ว่าพี่เอานะซอมพอ” ผมรู้ว่าไดม่อนล๊อกประตูรถให้ผมแล้ว

“ซอมพอ ซอมพอ” พี่ณุกไล่เคาะกระจกและไดม่อนก็กำลังจะออกรถเพราะว่ารถค่อนข้างเยอะ มีรถเข้าออกจากโรงพยาบาลค่อนข้างเยอะเหมือนกัน และจู่ๆ ผมก็เห็นมีใครก็ไม่รู้วิ่งไปดึงแขนพี่ณุก ผมไม่ทันได้มองเช่นกัน และผมก็พยายามไม่มองเหมือนกัน จนกระทั่งรถของไดม่อนเลี้ยวออกและแล่นไปอย่างเร็วตามประสารถแรง

“พี่ซอมพอโอเคนะ เป็นอะไรหรือเปล่าและไอ้คนนั้นมันทำอะไรพี่ไหม “ไดม่อนถามผม ผมรู้สึกว่ามือผมสั่นไปหมด

“พี่เออ ..ไม่เป็นไร แค่ปวดท้องนะ “ผมบอกไดม่อน เขาก็มองผม

“มีน้ำไหม พี่จะกินยาแก้ปวดหน่อย” ผมถามซอมพอ เขาก็เอื้อมไปหยิบขวดน้ำมาหนึ่งขวดจากด้านหลังและส่งให้ผม

“ไว้ใจผมได้ผมไม่ใส่ยาแน่ๆ นี้ขวดที่ผมซือ้จากเซเว่นเลย “ไดม่อนบอกผม ผมก็เปิดออกและรีบหยิบเม็ดยาขึ้นมาทานตามฉลากที่เขาบอกว่าให้ทาน 2 เม็ดทุก4-6 ชั่วโมงเวลาปวด

“ทำไมพี่มาไกลจังอ่ะพี่ซอมพอนี่มันแถวมหาวิทยาลัยผมเลยนะพี่ “ไดม่อนบอกผม

“ที่ไหนอ่ะ พี่ไม่รู้”

“คลองเตยพี่”

“คลองเตย พี่ก็ไม่รู้อยู่ดี” ผมบอกไดม่อนไป ผมนั่งไปนั่งมาก็เริ่มง่วง

“นอนเลยพี่อีกนานเพราะว่ารถติด “ไดม่อนบอกผม ผมก็พยักหน้าว่าน่าจะต้องเป็นอย่างนั้นเพราะว่าตาผมลืมไม่ขึ้นแล้ว ผมคงต้องนอน และผมก็เอนตัวพิงกับเบาะ ผมรู้สึกว่ารถจอดน่าจะติดไฟแดง และมีคนปรับเบาะให้ผม

“ฟ๊อด!” มีคนหอมผมด้วยที่แก้ม

“ผมอยากได้พี่เป็นแฟนผมจริงๆ นะพี่ซอมพอ” ผมได้ยินแต่ผมสะลึมสะลือเกินกว่าจะเปิดตาเพื่อโต้ตอบได้ ผมรู้สึกว่ามือถือผมสั่นแต่ก็ไม่มีแรงจะหยิบมันขึ้นมากดรับสายได้เช่นกัน ผมอยากขอให้เรื่องวันนี้เป็นแค่ฝันไปได้ไหม ตื่นมาคือผมไม่ได้เจอเขาจริงๆ พี่ณุก ผมแค่ฝันไป

TBC.....

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด