Kun doangpon : คืนใจไปเจอรัก <3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kun doangpon : คืนใจไปเจอรัก <3  (อ่าน 2270 ครั้ง)

ออฟไลน์ layly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Kun doangpon : คืนใจไปเจอรัก <3
«ตอบ #30 เมื่อ23-08-2020 09:57:25 »

ตอนที่20 “ทุกที่จะมีเธอ” END







*Eclair


รถเบนซ์คันสีดำจอดที่หน้าประตูรั้วเหล็กสีน้ำเงินเข้มที่สูงและใหญ่มากเมื่อจอดสักพักประตูก็ถูกเปิดออกอย่างอัตโนมัติจากนั้นรถคันหรูก็แล่นเข้าไปยังด้านในข้างทางทั้งสองฝั่งมีสวนหย่อมและต้นไม้ถูกจัดอย่างสวยงาม
บ้านหลังใหญ่อยู่ด้านหน้าของเราในตอนนี้ตัวบ้านถูกออกแบบมาอย่างดีดูใหญ่โตโอ่โถงมากแต่ถ้าเทียบกับรีสอร์ทที่บ้านของผมผมว่าเนื้อที่พอๆกันเลยครับพี่วายุจอดรถที่โถงหน้าบ้านตอนนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเลยยิ่งเห็นบ้านพี่เขาผมยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
“ถึงแล้วหรอพาน้องเข้ามาข้างในสิวา”
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้เจ้าของเสียงเธอคือแม่ของพี่วายุเพราะก่อนหน้าที่จะมาพี่วายุให้ผมดูรูปทุกคนในบ้านจนครบผมจึงจำได้
“สวัสดีจ้ะหน้าตาน่ารักกว่าที่แม่เห็นในรูปอีกนะเนี่ย” คุณแม่พี่วายุเคยเห็นผมด้วยหรอเนี่ย ผมจึงหันไปมองคนตัวสูงกว่าที่ยืนข้างๆอย่างสงสัย
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” พี่วายุที่ถือตะกร้าคุกกี้อยู่ออกปากและเดินนำหน้าผมเข้าไปซึ่งผมก็เดินตามไปอย่างคนว่าง่าย
“สวัสดีครับทุกคน” พี่วายุกล่าวทักทายคุณพ่อและพี่ชายที่นั่งอยู่บริเวณโซฟาตัวใหญ่ใหญ่มากจริงๆครับเพราะที่ผมเห็นนั้นมันสามารถนั่งได้มากกว่าสิบคนเลยทีเดียวผมจึงยกมือไหว้สวัสดีทุกคนตามพี่วายุอย่างเกร็งๆ
ภายในบ้านถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่สวยและหรูหราสมกับที่เป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าและส่งออกเฟอร์นิเจอร์จริงๆตอนนี้ผมหายใจไม่ทั่วท้องเลยครับรู้สึกปั่นป่วนไปหมด
“เอแคลร์ทำคุกกี้มาฝากทุกคนด้วยนะครับ” พี่วายุวางตะกร้าลงที่โต๊ะกระจกใสตรงกลางและพาผมไปนั่งที่โซฟาผมได้แต่จับมือพี่เขาไว้แน่นเพราะความตื่นเต้น
“ทำเองเลยหรอแม่ขอชิมหน่อยนะ” แม่พี่วายุดูใจดีจัง
“ครับ” ผมตอบอย่างสุภาพ
“นวลเอาคุกกี้ไปจัดใส่จานทีแล้วก็เอาน้ำชามาเสิร์ฟด้วย”
“ได้ค่ะ” สักพักแม่บ้านก็ถือตะกร้าขนมของผมไป ผมใช้สายตาสังเกตสีหน้าของทุกคนว่าพอใจกับการมาของผมหรือเปล่า คุณพ่อท่านก็ดูใจดีเหมือนกับคุณแม่แต่ท่านดูนิ่งๆเสียมากกว่าจนผมเดาไม่ออกว่าท่านคิดอะไรอยู่จริงๆพี่วายุนี่ก็เหมือนกับพ่อนะครับเดายากเหมือนกันเลยส่วนพี่ชายก็ดูไม่น่าจะมีอะไรเพราะพี่เขาก็ยิ้มแย้มดี
“ไม่ต้องเกร็งนะจ๊ะเอแคลร์คิดซะว่าอยู่บ้านตัวเองแล้วกันนะจะ” เหมือนบ้านผมได้ยังไงล่ะครับมันใหญ่กว่าบ้านผมเยอะเลยนี่ผมว่าบ้านผมใหญ่แล้วนะ
“เห็นวาบอกว่าบ้านเรามีรีสอร์ทหรอ” คุณแม่ทักขึ้นมาทำกลางความเงียบ
“ใช่ครับอยู่ที่เขาใหญ่ครับ”
“ดีจังอากาศต้องดีมากๆแน่เลย”
“ครับที่นั่นอากาศดีมากพอผมกลับบ้านไปแล้วผมไม่ค่อยอยากกลับมาที่นี่เลยครับ”
“ไม่กลับไม่ได้นะครับพี่ก็คิดถึงแย่เลยน่ะสิ”
“พี่วา” มันใช่เวลาหยอดไหมครับเนี่ยแบบนี้ผมก็เขินแย่สิครับผมพูดเบาๆพร้อมกับเอามือตีแขนหนึ่งที
“น้องหน้าแดงหมดแล้ววา” พี่ชายพี่วายุเอ่ยขึ้น
“พี่วาชอบแกล้งผมตลอดแหละครับ” ได้โอกาสฟ้องซะเลย
“ขออนุญาตเสริฟของว่างนะคะ” คุกกี้อัลมอนด์ที่ผมทำถูกจัดในจานอย่างสวยงามพี่แม่บ้านสองคนยกมาเสิร์ฟพร้อมกับน้ำชาร้อนๆ  ทุกคนจะชอบคุกกี้ของผมหรือเปล่านะตื่นเต้นจัง
“อื่มอร่อยดีนี่” คุณพ่อเอ่ยชม
“ขอบคุณครับ”
“อร่อยจริงๆด้วยค่ะคุณวันหลังสอนแม่ทำบ้างนะ”
“ได้เลยครับ”
“แบบนี้ต้องคิดค่าครูนะครับแม่”
“แหมเขี้ยวจังเลยนะเราน่ะ” ดีใจจังที่ทุกคนชอบ
เมื่อเราสนทนากันได้สักพักทุกคนต่างก็แยกย้ายไปทำธุระของตนเองพี่วายุพาผมขึ้นมาที่ชั้นสองของตัวบ้านและพาผมมายังห้องห้องหนึ่งซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นห้องนอนของพี่วาภายในกว้างพอๆกับคอนโดที่เราอยู่เลยครับต่างกันตรงที่ไม่มีห้องครัวเท่านั้นเอง
“ห้องพี่สวยจังครับ”
“ก็ต้องสวยสิครับพี่เป็นคนออกแบบนะ” อ๋อลืมไปว่ามีแฟนเป็นสถาปนิก
“นึกยังไงพามาที่บ้านครับเนี่ย” นี่คือคำถามที่ผมถามไปหลายรอบแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบสักที
“ต้องรู้ให้ได้เลยใช่ไหมครับเนี่ย” ตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่โซฟาตรงบริเวณปลายเตียงและพี่วายุยืนอยู่ที่หน้าต่างซึ่งเป็นกระจกใสทั้งบานสามารถมองวิวด้านนอกได้อย่างกว้างขวาง
“ครับ”
“ก็อยากให้รู้ไงครับว่าพี่จริงใจแล้วก็รักเอแคลร์มากจริงๆ” พี่วายุปิดม่านและเดินตรงมาทางผมจากนั้นคนตัวสูงก็นั่งลงข้างๆ
“ผมรู้แล้วครับขอบคุณนะครับ”
“แล้วชอบครอบครัวพี่ไหม”
“ชอบครับ”
“แล้วชอบพี่ไหม”
“ไม่ครับ”
“อ้าว”
“ไม่ชอบแต่รักเลยต่างหาก” พูดจบผมก็หันไปหอมแก้มของคนที่เป็นแฟนหนึ่งทีแต่ดูเหมือนว่าคนข้างๆจะไม่พอเพียงเท่านั้นพี่วายุหันหน้ามาจนชิดกับใบหน้าของผมและประกบปากนุ่มๆลงบนปากของผมอย่างรวดเร็วเรียวปากค่อยๆดูดกลืนความหวานจากปากของผมไปอย่างช้าๆลิ้นหนาซุกไซ้ไปทั่วโพลงปากจนรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจปลายมือเริ่มตะหวัดปัดไปมาทั่วแผ่นหลังไม่เคยมีสักครั้งที่ผมจะสามารถปฏิเสธจูบจากพี่วายุได้ไม่เคยเลยเพราะรสชาติของมันช่างหอมหวานเกินกว่าที่ผมจะปฏิเสธได้


วันนี้ผมรู้สึกมีความสุขมากเลยครับครอบครัวของพี่วายุให้การต้อนรับผมอย่างดีแถมช่วงเย็นคุณแม่ยังทำขาหมูเยอรมันของโปรดให้ผมด้วยเรียกว่าใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆแถมตอนกลับยังเตรียมใส่กล่องไว้ให้อีกผมชอบอาหารฝีมือแม่พี่วายุนะครับเมื่อก่อนพี่วายุมักจะเอามาฝากเวลากลับบ้านแต่พอผมได้มากินที่บ้านมันกับอร่อยมากกว่าตอนอยู่ในกล่องเสียอีกขืนมาบ้านพี่วายุบ่อยๆผมต้องอ้วนแน่ๆเลยยิ่งช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอยู่ด้วย




“กูว่าช่วงนี้มึงดูอ้วนขึ้นนะ” นั่นไงมีคนทักผมแล้ว
“กูก็มาวิ่งกับมึงอยู่นี่ไง” ช่วงนี้ผมมักจะตามไอ้ฟาร์มมาวิ่งที่สวนช่วงเย็นเกือบทุกวันเพราะกางเกงของผมหลายตัวเริ่มจะใส่ไม่ได้แล้วแถมพี่วายุก็ชอบแส้วว่าผมมีแก้มอีก
“กูเห็นมึงเดินมากกว่าวิ่งนะ”
“ก็กูเพิ่งเริ่มได้สามวันเองไหมก็ต้องค่อยๆไปดิวะ”
“วันนี้แฟนมึงไม่ตามมาหรอ” ปกติพี่วายุมักจะตามผมมาด้วย
“มีนัดกับเพื่อนๆที่ร้านพี่เค้กบอกว่าให้กลับกับมึงเพราะพี่เขื่อนก็อยู่ที่นั่น”  วันนี้มีปาร์ตี้เล็กๆที่ร้านกาแฟของพี่ชายผมทุกคนไปรวมตัวกันที่นั่นแต่เอทำไมไอ้ฟาร์มไม่รู้นะ
“หรอ”
“มึงทะเลาะกันหรอ”
“นิดหน่อย”
“กูว่าไม่น่าจะนิดนะเรื่องไรวะ” ต่อมอยากรู้ของผมเริ่มทำงาน
“ก็แฟนเก่าพี่มันโทรมาแล้วกูก็รับพอดีเลยทะเลาะกันนิดหน่อย”
“แล้วแฟนเก่าโทรมาแล้วยังไงวะพี่เขาจะรู้มั้ยว่ามันจะโทรมา”
“ก็บล็อกเบอร์ก็ได้นี่หว่าแต่ก็ไม่ได้ทำมันเลยโทรมาได้ไง”
“ประสาทเขาไม่ได้มีเรื่องอะไรกันเขาจะบล็อกเบอร์กันทำไมกูยังไม่บล็อกเลย”
“นี่มึงยังคุยกับไอ้บอสอยู่อีกหรอ”
“ก็มีทักมาบ้างแต่กูไม่ค่อยตอบหรอก”
“พี่วาไม่ว่ามึงหรอ”
“ก็ไม่นะ” ผมหมายถึงไม่รู้นะครับแต่ผมก็ไม่ได้คิดจะปกปิดนะแค่ไม่รู้ใจเราให้ทะเลาะกันไปทำไมแต่ผมบริสุทธิ์ใจนะครับ
“ดีจังวะ...กูคงทนไม่ได้คิดแล้วก็หงุดหงิด”
“มึงงอนไร้สาระแบบนี้ระวังเขาจะกลับไปหากันจริงๆหรอก”
“นี่มึงแช่งกูหรอ”
“ป่าวกูแค่จะบอกให้มึงมีเหตุผล”
“เออๆ” แล้วไอ้คนล่างหมีก็วิ่งแซงหน้าผมไปซะงั้นส่วนผมยังคงวิ่งเยาะๆต่อไปจนถึงที่หมาย

“มึงช่วงนี้ไม่ค่อยเจอจัดเลี้ยงเลยมันไปไหนวะ” ผมถามขึ้นในขณะที่อยู่ในรถของฟาร์มซึ่งเรากำลังมุ่งหน้าไปที่ร้านของพี่เค้กตั้งแต่มีเรื่องพี่มอสนิติคนนั้นจัดเลี้ยงก็ไม่มาวิ่งที่นี่อีกเลยเห็นว่าหันไปเล่นที่ฟิตเน็ทแทน
“ช่วงนี้มันรักสุขภาพมันชอบไปหาหมอ”
“มันเป็นอะไรวะถึงชอบไปหาหมอ”
“กูพูดแค่นี้มึงก็น่าจะรู้นะ”
“อย่าบอกนะว่ามันไปชอบหมออ่ะ...หมอไหนว่ะ”
“มึงจำพี่หมอดีที่ไปออกค่ายได้ป่ะ”
“เออๆจำได้อย่าบอกนะว่า...”
“เออตามนั้น” เอากับเพื่อนผมสิครับสเปคแต่ละคนงานนี้จะรอดอีกไหมเนี่ย
“มึงว่ามีแววบ้างไหม”
“เฮ้ยพอมีนะ...ดูพี่เขาก็เหมือนจะสนใจมันอยู่”
“หรอวะ...กูขอให้มันสมหวังสักทีเถอะ” กูเอาใจช่วยนะจัดเลี้ยงสู้ๆ




“อ้าววิ่งกันเสร็จแล้วหรอไปอาบน้ำก่อนไหม” พี่เค้กเอ่ยขึ้น
“ก็ดีครับ” ผมหยิบชุดลำลองในกระเป๋าที่เตรียมไว้ออกมาและเดินขึ้นไปอาบน้ำที่ชั้นสองของร้านซึ่งฟาร์มเองก็ตามผมมาเช่นกันไม่อาบไม่ได้หรอกครับกลิ่นเหงือเอยอะไรเอยผมคงไม่กล้าเข้าใกล้ใครหรอกครับ
“ปิ้งกุ้งให้มั่งสิ” ฟาร์มทำหน้าอ้อนพี่เขื่อนดูเหมือนที่เขื่อนจะงอนจริงๆแหะสมน้ำหน้าหึงไร้สาระเอง
“แคลร์กินก่อนไหมเล่นแต่โทรศัพท์” อ้าวนั่นไงโดนพ่อดุแล้วแหละครับก็เกมส์นี้มันสนุกนี่นาแต่ผมยอมวางก็ได้ยังไม่อยากโดนดุไปมากกว่านี้
“ครับ”
“มึงดุจังวะสงสารน้อง” พี่ซันเดย์ว่า
“ใช่ครับน่าสงสารสุดๆเลย” ผมพูดแล้วทำหน้าย่นใส่คนนั่งข้างส่วนคนนั่งข้างกับทำตาทลึ่งใส่ซะงั้นเอาเป็นว่าผมนั่งกินดีๆก็ได้
“วันหยุดนี้พวกมึงไปไหนกันวะ” พี่เค้กเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบของทุกคน
“ว่าจะไปทะเลนะ...ไอ้เขื่อนก็ไปมึงไปไหม” พี่ซันเดย์ว่า
“อ้าวพี่จะไปหรอไม่เห็นบอกผมเลย” ฟาร์มทำท่าทางงอแงใส่คนเป็นแฟนมันคงคิดว่าน่ารักแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยเพื่อน
“ก็มึงงอนกูอยู่ไม่ใช่หรอ”
“ก็ขอโทษแล้วไงต่อไปจะมีเหตุผลให้มากกว่านี้นะครับ”
“เออๆ” เห้อ~ ดีกันสักทีนะครับคู่นี้
“กูว่ากูจะไปบ้านมึงนะ” ห๊ะ! พี่วาจะไปบ้านพี่เค้กหรอบ้านพี่เค้กก็บ้านผมน่ะสิ
“เอาจริงดิแม่กูจะช๊อคไหมเนี่ย” นั่นสิผมบอกที่บ้านนะครับว่าผมมีแฟนแต่ไม่เคยบอกว่าเป็นผู้ชายแบบนี้พ่อกับแม่ของผมจะโอเคมั้ยครับเนี่ย
“ไปจริงๆหรอครับทำไมไม่บอกก่อนล่ะครับ”
“บอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรซ์น่ะสิ” ตลอดชอบเซอร์ไพรซ์ตลอด
“แล้วมึงอ่ะเค้กจะไปไหน”
“กูจะไปไหนได้มึงจะไปบ้านกูกูก็ต้องไปกับมึงน่ะสิ”





 เช็ทส่วนตัว / BIGBOSS :
BIGBOSS : แคลร์เงียบหายไปเลยนะคิดถึงว่ะวันนี้เรามากรุงเทพออกมาเจอกันหน่อยสิเราชวนเพื่อนๆมาเต็มเลยฟาร์มกับจัดเลี้ยงก็มานะจะรอที่ร้านเดิมของพวกเรานะ



ในขณะที่ผมนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องโถงก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความอย่างลำบากใจจริงๆแล้วบิ๊กบอสไลน์มาค่อนข้างบ่อยครับแต่ผมมักจะเปิดอ่านแต่ไม่ตอบก็ไม่รู้จะคุยอะไรนิครับแล้วผมก็เกรงใจพี่วายุด้วยจะบล็อกไปก็จะดูใจร้ายไปหน่อยเพราะบิ๊กบอสเคยขอไว้ว่าอย่าลบหรือบล็อกมันอีกผมเห็นแก่ความเป็นเพื่อนผมจึงคุยบ้างไม่คุยบ้างแบบนี้มาโดยตลอดแต่การนัดรวมตัวกันของเพื่อนเก่าแบบนี้บอกตามตรงว่าผมอยากไปนะครับเพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกันแบบครบๆเลยซักทีท่าทางจะสนุกน่าดู

“ใครไลน์มาหรอครับ” พี่วายุเอ่ยขึ้นคงเห็นว่าผมอ่านข้อความนานเกินไปเพราะปกติผมไม่อ่านหรือเล่นโทรศัพท์เวลาที่กินข้าวใครจะกล้าละครับขืนทำก็โดนดุน่ะสิ
“เพื่อนน่ะครับมันนัดรวมตัวกันคืนนี้”
“ใครครับเพื่อนที่ไหนฟาร์มกับจัดเลี้ยงหรอ”
“ครับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมด้วยกันนะครับมากันหมดเลย”
“คนนั้นด้วยหรอ” คนนั้นของพี่วายุคงหมายถึงบิ๊กบอสสินะ
“ครับมาด้วยครับ” พี่วายุทำหน้าคุ่นคิดอยู่สักพักทำไมผมต้องลุ้นขนาดนี้ด้วยนะตอนขอพ่อออกไปเที่ยวกับเพื่อนตอนมอต้นยังไม่ลุ้นเท่านี้เลย
“ก็ไปสิ่” ห้ะ อนุญาตหรอทำไมใจดีจังหรือว่าจะตามไปด้วยนะ
“พี่วายุจะไปด้วยมั้ยครับ”
“ไม่ดีกว่ามีแต่เพื่อนแคลร์ถ้าพี่ไปด้วยแคลร์จะหมดสนุกนะ”
“ไม่หรอกครับ”
“แคลร์ไปเถอะถ้าจะกลับก็โทรมาเดี๋ยวพี่ไปรับ”
“ครับรักพี่วาที่สุดในโลกเลยครับ”
“แค่นี้ก็รักพี่แล้วหรอ”
“ครับ”
เมื่อได้รับคำอนุญาตผมก็จัดการตอบตกลงกับบิ๊กบอสทันทีแต่ในใจลึกๆก็รู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกจะเป็นความรู้สึกดีก็ไม่เชิงจะรู้สึกผิดก็ไม่ใช่ไปเสียทีเดียวผมเป็นอะไรของผมกันนะ
วันนี้พี่วายุมีเรียนทั้งวันและตอนเย็นก็ต้องเข้าไปเคลียร์เอกสารที่บริษัทคาดว่าค่ำๆถึงจะกลับห้องส่วนผมวันนี้อาจารย์ผู้สอนยกคาสเลยว่างทั้งวันผมจึงใช้เวลาว่างในการจัดเก็บห้อง


เช็ทกลุ่ม / สามเกลอเจอหมี  (สมาชิก 3 คน) :

Eclair : คืนนี้พวกมึงไปไหมวะ
ฟาร์มกล้ามปู : ไปดิพวกไอ้ไผ่ห้องสองก็มาน่าสนุกว่ะคิดถึงพวกมัน
จัด แต่ ไม่ เลี้ยง : ไปๆเพื่อนน่าจะมากันเยอะ
Eclair : กูก็อยากไปว่ะ
ฟาร์มกล้ามปู : ทำไมพี่วาไม่ให้ไปหรอ
Eclair : ให้...แต่กูรู้สึกผิดว่ะ
ฟาร์มกล้ามปู : ผิดยังไงวะอ๋อกูลืมไปบิ๊กบอสเป็นเจ้าภาพมึงไม่อยากเจอมันใช่ไหม
Eclair : ก็ไม่ถึงขั้นไม่อยากเจอแต่เกรงใจพี่วาว่ะ
จัด แต่ ไม่ เลี้ยง : ไปดิ่มึงพวกกูก็ไปไม่มีอะไรหรอก
Eclair :  @ฟาร์มกล้ามปู  ถ้าพี่เขื่อนไปเจอแฟนเก่ามึงจะให้ไปไหมวะ
ฟาร์มกล้ามปู : ให้แต่กูต้องไปด้วย
Eclair : เออไงแต่พี่วาไม่ไปกับกูบอกให้กูไปเลย
ฟาร์มกล้ามปู : จะบอกว่าพี่เขาลองใจมึงหรอ
Eclair : เออว่ะกูคิดอยู่
จัด แต่ ไม่ เลี้ยง : สรุปมึงจะไปไหมนี่ก็จะมืดแล้วนะมึงเอาไงกูจะได้ไปรับ
Eclair : กูว่ากูคงไม่ไปแล้วว่ะฝากทักทายเพื่อนๆด้วย
ฟาร์มกล้ามปู : เออกูจะบอกว่ามึงมีธุระด่วนแล้วกัน
Eclair : โอเคขอบใจมากมึง

เมื่อผมตัดสินใจว่าจะไม่ไปผมจึงจัดเตรียมทำสปาเก็ตตี้ของโปรดพี่วายุไว้รอสำหรับมื้อเย็นแต่นี่มันก็จะหนึ่งทุ่มแล้วพี่วายุก็ยังไม่กลับห้องเลยครับผมไลน์ไปถามก็บอกว่ากำลังจะกลับแต่ก็ยังไม่มีวีแววจนกระทั่งสองทุ่มผมหิวมากจนผมทนไม่ไหวจัดการกินก่อนซะเลยเมื่อกินเสร็จผมก็มานั่งดูทีวีต่อจนกระทั่ง

ตื๊ด! แอ้ดดดดดด

“พี่วากลับมาแล้วหรอครับ”
“อ้าวแคลร์ไหนว่าจะไปสังสรรค์กับเพื่อนไงทำไมยังไม่ไปล่ะ”
“ไม่ไปแล้วครับอยากอยู่กับพี่มากกว่าผมทำสปาเกตตี้ไว้ให้พี่ด้วยนะ”
“ทำไมไม่ไปล่ะครับ”
“คือ...คือผมคิดว่าถ้าพี่วาขอไปเจอแฟนเก่าผมคงอนุญาตแต่จริงๆแล้วผมไม่อยากให้พี่ไปผมคิดว่าพี่ก็คงรู้สึกแบบเดียวกับผมใช่ไหมครับ”
“.............”
“ไม่มีใครสำคัญสำหรับผมเท่าพี่อีกแล้วแหละครับเพราะผมรักพี่” พูดจบพี่วายุก็เดินเข้ามาสวมกอด
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจพี่” คนตัวสูงยังคงไม่ปล่อยผมออกจากอ้อมแขนและกระชับแน่นจนผมหายใจแทบไม่ออก
“พี่วาครับแรงไปแล้วครับ” พี่วายุคลายอ้อมแขนออกและหันมาจ้องหน้าผมแทนจากนั้นก็ประกบปากลงมายังปากของผมด้วยความตกใจผมจึงผละออก
“พี่วาผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยพี่วาก็ด้วยเหม็นทั้งคู่เลยนะครับ”
“งั้นเราไปอาบน้ำกันนะครับ”
“ครับ?”
“ก็ไปอาบน้ำด้วยกันไงครับ” ผมยังไม่ทันพูดต่อคนตัวสูงกว่าก็ถือวิสาสะอุ้มผมลอยขึ้นจากพื้นและเดินตรงไปยังห้องน้ำ
“พี่วาปล่อยครับผมจะอาบเอง” ผมทั้งดิ้นทั้งทุบแต่ดูเหมือนว่าพี่เขาจะไม่ฟังผมเลยสักนิด
“อาบทีละคนมันเสียเวลาครับแถมเปลืองน้ำด้วยถ้าเราอาบด้วยกันจะได้ประหยัดน้ำไงครับ” โอ้ยคิดได้ยังไงเนี่ยแฟนผมไม่ว่ายังไงก็จะอาบให้ได้เลยว่างั้น?
จากนั้นพี่วายุก็วางผมลงในอ่างอาบน้ำสีขาวที่มีขนาดกว้างพอสมควรคนหน้าเข้มยื่นหน้าเข้ามาใกล้และประกบปากจูบลงทันทีไม่ยอมให้ผมได้พูดอะไรผมได้แต่ดันตัวของพี่เขาออกแต่ก็ไม่เป็นผลคนหน้าเข้มยังคงประโลมจูบเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้ผมเริ่มคล้อยตามแล้วพี่วาใช้จังหวะตอนที่ผมเริ่มเคลิ้มกับรสสัมผัสของพี่เขานั้นค่อยๆถอดชิ้นส่วนเสื้อผ้าของผมออกทีละชิ้นๆ
“อื่ม~” เสียงครางอย่างพอใจของคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของผมอยู่ซึ่งผมเองก็เริ่มพอใจกับการกระทำของพี่เขาเช่นกันพี่วาค่อยๆใช้ลิ้นสัมผัสลงต่ำมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดตรงยอดถันของผมคนหน้าเข้มดูดเม้มบริเวณยอดอย่างสนุกปากอย่างกับเด็กพี่ได้ลิ้มลองอมยิ้มที่ถูกใจ
“พี่วาครับผม...ผมเสียว”
“รู้แล้วครับที่รัก” ตอนนี้ร่างกายของผมเกร็งไปหมดมือไม้เริ่มหาที่ยึดเกาะเพราะความเสียวในขณะที่ลิ้นของพี่วากำลังหยอกล้อกับยอดอกของผมนั้นมืออีกข้างก็รวบรัดแก่นกายของผมทันทีตอนนี้มันพร้อมมากสำหรับการใช้งานมือหน้าค่อยๆรูดขึ้นลงอย่างเป็นจังหวะ
“พี่วาครับผมไม่ไหวแล้วครับ” ตอนนี้ผมต้องการปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างออกมาแล้วครับเมื่อผมพูดจบพี่วาก็เริ่มเร่งจังหวะให้ไวขึ้นจนกระทั่งผมได้ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเลอะมือของพี่เขา
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษทำไม...ตาพี่บ้างแล้วนะครับ” เมื่อพูดจบพี่วาก็ถอดเสื้อผ้าของตนเองและลงมานั่งในอ่างฝั่งตรงข้ามกับผมจากนั้นคนหน้าเข้มก็อุ้มผมให้ไปนั่งบนตักโดยหันหน้าเข้าหากันจากนั้นริมฝีปากก็จรดมาอีกครั้งที่ปากของผมชาหมดแล้วครับพี่ตอนนี้ปากของผมไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆแล้ว
“ขยับหน่อยนะครับ” เมื่อพี่วาพูดก็รู้ได้ทันทีว่าผู้พูดต้องการอะไรผมจึงยกก้นขึ้นเพื่อที่จะให้แก่นกายขนาดใหญ่เข้ามาในร่างกาย
“โอ้ยเจ็บครับ” มันแน่นมากเลยครับนี่ขนาดไม่ใช่ครั้งแรกนะทำไมยังเจ็บอยู่เลย
“ลองขยับเบาๆดูสิครับ” ผมจึงค่อยๆขยับขึ้นลงอย่างช้าๆเมื่อทำไปเรื่อยๆก็พบว่าตอนนี้ไม่เจ็บแล้วผมจึงค่อยๆเร่งจังหวะให้ไวขึ้น
“ดีครับที่รักขอเร็วๆเลยครับ” ผมจึงเร่งจังหวะให้เร็วสุดเท่าที่จะทำได้เพราะตอนนี้ผมก็ใกล้ถึงจุดหมายแล้วเหมือนกัน
“พี่วาครับ..อื่มอ่า”
“ใกล้แล้วที่รัก” ผมเอามือจิกหลังพี่วายุอย่างแรงด้วยความเสียวจนกระทั่งเราสองคนปลดปล่อยทุกอย่างออกมาพร้อมกันพี่วากอดผมไว้อย่างอบอุ่นนี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่เรามาทำอะไรแบบนี้กันในห้องน้ำเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพี่วาจึงล้างตัวให้ผม
“เราอาบน้ำด้วยกันทุกวันเลยดีไหมครับ”
“ผมว่าไม่ดีมั้งครับ”
“ไม่ดีจริงๆหรอ”
“ไม่ครับ”
“แคลร์คงชอบบนเตียงมากกว่าใช่ไหมครับ” พูดอะไรของพี่เนี่ยผมก็เขินเป็นนะเฟ้ย
“ผมจะนอนแล้วครับผมง่วง” พูดจบผมก็เดินมาที่เตียงโดยสวมเสื้อยืดตัวใหญ่กับเพื่อนเกงขาสั้นปกปิดร่างกายอยู่
“คิดว่าจะได้นอนง่ายๆหรอ” พูดจบพี่วาก็รั้งผมให้นอนหงายและขึ้นมาค่อมบนตัวผม
“จะทำอะไรครับผมง่วงแล้ว” ผมพูดเสียงเรียบแต่ดูเหมือนว่าคนหน้าเข้มจะไม่รับฟังเพราะพอผมพูดจบปุ๊บก็ประกบปากลงปั๊บเลยนี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดครับเนี่ยที่ไม่ไปเจอบิ๊กบอสถ้าเปลี่ยนใจตอนนี้จะทันไหมครับเนี่ย





เงียบ
เงียบมาก
ตอนนี้ผมรู้สึกเกร็งมากเลยครับเมื่อสายตาของพ่อและแม่ของผมจดจองมายังพี่วายุที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้พวกเราอยู่กันที่บ้านที่เขาใหญ่เมื่อพี่วายุยืนกลางจะมาให้ได้ผมจึงไม่ได้ขัดเพราะยังไงสักวันหนึ่งก็ต้องพาพี่เขามาอยู่ดีนี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกตื่นเต้นเวลาที่ได้กลับบ้านเลยครับไม่เคยตื่นเต้นและกังวนขนาดนี้มาก่อนนี่ขนาดพี่เค้กปูทางไว้ให้แล้วนะครับเนี่ย
“พ่อกับแม่จะจ้องวามันอีกนานไหมครับแคลร์มันเกร็งหมดแล้วแม่” พี่เค้กเอ่ยขึ้น
“อ๋อ...โทษทีจ่ะแม่แค่คิดว่าทำไมแฟนน้องแคลร์หล่อมากๆเลยนะเนี่ยหล่อกว่าแฟนของแม่อีก” เออแม่ครับที่จ้องนานๆนี่คือเพราะพี่เขาหล่อหรอกหรอ
“ขอบคุณครับ” พี่วากล่าวอย่างสุภาพ
“พ่อว่าก็งั้นๆแหละ” พ่อพูดจบแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปเฉยคงจะงอนแม่สินะที่ชมพี่วายุว่าหล่อกว่าตัว
“เห็นคนหล่อกว่าก็งี้แหละรับไม่ได้ล่ะสิ” แม่ว่า
“แม่ไหนบอกว่าคุยรู้เรื่องแล้วไง” ผมกระโดดไปนั่งข้างๆแม่และกระซิบคุยกันสองคน
“แม่คุยแล้วนะน้องแคลร์แต่พ่อก็ไม่เห็นว่ายังไงนี่คงทำแอคไปอย่างนั้นแหละให้เวลาเขาหน่อย”
“ครับ”
“ไปกินข้าวกันดีกว่าเที่ยงแล้วแม่เตรียมอาหารไว้เพียบเลย” พูดจบแม่ก็ลุกเดินนำหน้าทุกคนไปที่โต๊ะอาหารซึ่งอาหารเยอะจริงครับเยอะกว่าปกติที่พวกผมกลับบ้านเสียอีก
“นี่แม่จะเลี้ยงทั้งหมู่บ้านเลยนะครับ”
“พี่เค้กชอบพูดเว่อร์ตลอดเยอะอะไรกันนี่แม่ก็ทำปกตินะ” ปกติมากครับแม่
“ไปเรียกพ่อไปน้องแคลร์”
“ครับ” ผมเดินไปที่สวนหลังบ้านเพื่อตามพ่อให้ไปกินข้าวตามคำสั่งแม่ก็เห็นว่าพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“พ่อครับแม่ให้มาตามไปกินข้าว”
“อื่ม”
“พ่อโกรธผมหรือเปล่าครับที่พาแฟนมา...ที่ผมไม่ได้เป็นอย่างแบบนี้พ่อหวัง” ผมเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนคงอยากให้ลูกเป็นเหมือนคนทั่วไปคือมีครอบครัวมีลูกมีหลานแต่ผมคงมีให้ท่านไม่ได้
“พ่อเคยบอกหรอว่าพ่อหวังอะไร”
“แล้วพ่อหวังอะไรหรอครับ”
“พ่อก็หวังแค่ว่าลูกของพ่อทุกคนจะมีความสุขไง...แล้วตอนนี้แคลร์มีความสุขหรือเปล่าล่ะ...ถ้ามีก็แสดงว่าแคลร์เป็นอย่างที่พ่อหวังไว้แล้ว”
“พ่อครับ” ผมอดที่จะน้ำตาซึมไม่ได้กับคำพูดของพ่อปกติพ่อผมเป็นคนนิ่งๆเงียบๆเรามักจะไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่จะมีก็แต่พี่เค้กเท่านั้นแหละครับที่มักจะสนิทกับพ่อส่วนผมจะสนิทกับแม่มากกว่า
“ซึ้งละสิ...ไปกินข้าวกันไอ้ขี้แย” พูดจบพ่อก็กอดคอผมเข้าไปในบ้านทุกคนนั่งรอกันอยู่พร้อมที่โต๊ะอาหารวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมมีความสุขถึงแม้ช่วงแรกจะเครียดไปซักหน่อยก็เถอะเมื่อทานอาหารเสร็จผมจึงมาช่วยแม่ล้างจานส่วนคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปตามอัธยาศัย




“จริงหรอ”
“จริงครับ”
“เก่งนะเราเนี่ย”  ผมได้ยินเสียงพ่อกับพี่วาและพี่เค้กคุยกันอย่างออกรสออกชาติดังมาจากทางสวนหลังบ้าน
“คุยอะไรกันหรอครับน่าสนุกเชียว”
“ก็คุยเรื่องงานของวายุน่ะสิเก่งมากเลยนะอายุเท่านี้เปิดบริษัทเองแล้ว”
“โถพ่อผมก็เปิดร้านกาแฟมะ”
“มูลค่ามันต่างกันโว้ย” นี่เขาไปสนิทกันตอนไหนเนี่ยมีพูดเข้าข้างกันด้วย
“ร้านของเค้กก็ทำกำไรดีอยู่นะครับพ่อ”
“เรียนสถาปัตย์แต่ไปเปิดร้านกาแฟมันก็อย่างนั้นแหละ”
“โหพ่อโคตรดูถูกอ่ะถ้าผมเปิดบริษัทออกแบบแข่งกะไอ้วานะรับรอง...”
“รับรองเจ้งอะสิ”
“ใจเย็นนะครับทุกคนอย่าพึ่งทะเลาะกัน” ผมที่ยืนอยู่อดที่จะห้ามไม่ได้
“ผมจะไปร้านมีใครจะไปกับผมไหมครับ”
“พี่ไปด้วย” พี่วาพูดขึ้น
“ขอบายละกันไปบ้านไอ้กอล์ฟดีกว่า” กอล์ฟคือเพื่อนแถวบ้านของพี่เค้กซึ่งที่นั้นเปิดเป็นสนามกอล์ฟด้วย “วาไปกับกูไหม”
“ไม่อ่ะกูไปดูร้านกับรีสอร์ทดีว่ายังไม่เคยเห็นเลย”
“ตามใจมึงถ้าเบื่อแล้วก็ให้แคลร์มันพาตามมาแล้วกัน” พี่วาพยักหน้าตอบ
“พ่อไปกับผมหรือเปล่าครับ” พี่เค้กเอ่ยชวนพ่อ
“ไปดิไปแข่งกันสักรอบ”
“ได้เลยพ่อได้”
พอตกลงกันเรียบร้อยผมจึงจุงจักรยานคันโปรดออกมาจากห้องเก็บของไม่ได้ขี้มานานฝุ่นหนาเหมือนกันแหะ
“ทำไมต้องขี่คนละคันละครับ” พี่วายุถามขึ้นเมื่อผมจูง จักรยานอีกคันหนึ่งออกมาซึ่งมันคือจักรยานของพี่เค้กนั่นเอง
“ก็มันไม่มีที่ซ้อนอ่ะครับ”
“ถ้าคราวหน้ามาพี่จะซื้อจักรยานที่มีที่ซ้อนมาด้วย” นี่พี่จะหอบจักรยานมาปั่นบ้านผมเลยหรอ
“ใครอนุญาตครับ”
“พี่อนุญาตเอง” ตอนนี้เราเริ่มปั่นจักรยานออกมาจากตัวบ้านสู่ถนนใหญ่แล้วซึ่งพี่วายุก็ปั่นคู่มากับผมบนถนนเวลานี้แทบจะไม่มีรถเลยก็ว่าได้แถมอากาศก็ดีมากด้วย
“อากาศดีจังเลยนะครับ”
“ครับเวลาผมมาที่นี่ผมเลยไม่อยากกลับกรุงเทพไง”
“ต่อไปพี่จะตามมาด้วย”
“ใครอนุญาตครับ”
“พ่อเราไง...พ่อบอกว่าอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้” แหมเรียกซะอย่างกับเป็นพ่อของตัวเองเลยนะครับ
“นี่ไงครับร้านเบเกอรี่ของแม่ผม” ผมหยุดจอดรถและชี้ให้พี่วายุดู
“ร้านสวยดีนะครับ”
“เราไปรีสอร์ทกันก่อนดีกว่าครับเดี๋ยวผมพาไปไร่องุ่นด้านหลัง”
พอพูดจบผมก็ปั่นจักรยานไปต่อระยะทางจากร้านเบเกอรี่ไปจนถึงท้ายรีสอร์ทเป็นระยะทางกว่าสามกิโลเห็นจะได้แต่พอของผมเทซีเมนต์ไว้ตลอดทางซึ่งง่ายแก่การสัญจรตอนนี้เป็นเวลาหกโมงแล้วพระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าเต็มทีจักรยานของเราทั้งคู่จอดตรงตรงบริเวณท้ายไร่องุ่นซึ่งเป็นวิวภูเขาล้อมรอบมีแม่น้ำลำธารเล็กๆไหลผ่านสร้างความสดชื่นให้แก่ผู้พบเห็น

“วิวสวยจังเลยครับถ่ายรูปกันนะครับ” พี่วายุหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคู่ของเราสองคนท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่แสนจะสดชื่น
“พี่ว่าชอบที่นี่ไหมครับ” ตอนนี้เราสองคนนั่งอยู่บนพื้นโดยมีรองเท้าที่ใส่มาใช้เป็นฐานรองก้นด้านหลังเป็นจักรยานที่จอดคู่กันอยู่ส่วนด้านหน้าคือวิวหลักล้านที่ผมตั้งราคาให้
“ชอบสิครับพี่ชอบทุกที่ที่มีเอแคลร์นั่นแหละครับ” ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้ชอบหยอดอยู่เรื่อยผมเขินนะครับ
“ผมมีความสุขมากเลยนะครับที่มีพี่วาอยู่ด้วย” ผมเอนหัวไปพิงกับไหล่ของคนที่นั่งข้างๆคนหน้าเข้มยกแขนข้างที่ผมพิงมาโอบกอดผมไว้อย่างอบอุ่น
“พี่ก็มีความสุขครับ...พี่รักเอแคลร์นะครับ”
“ผมก็รักพี่ครับ”

ผมรักพี่วายุนะครับพี่คือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับผมขอบคุณที่มอบความรักให้กับผมขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ว่าความรักที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร


‘รักแท้คือการให้ส่วนรักที่เอาแต่ได้คือการเห็นแก่ตัว’



-END-


 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ layly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Kun doangpon : คืนใจไปเจอรัก <3
«ตอบ #31 เมื่อ24-08-2020 12:34:14 »

บทส่งท้าย “แค่คุณ”



-ณ วันวาเลนไทน์-

ตึงดึง!


 เช็ทส่วนตัว / YAYU :
YAYU : หกโมงตรงเจอกันที่ร้านเดิมของเรานะครับ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความอย่างนอยด์วันนี้วันวาเลนไทน์แท้ๆยังจะไปทำงานอีกทั้งๆที่มันตรงกับวันอาทิตย์นะครับเนี่ย
“แคลร์ไปอบป๊อบคอร์นเพิ่มให้หน่อย” ด้วยความที่ผมว่างและไม่รู้จะไปไหนเลยมานั่งดูหนังที่ห้องของพี่เค้กก็มีแต่ที่ผมนี่แหละครับที่ไม่อะไรกับวันวาเลนไทน์สักเท่าไหร่เพราะมันไม่เคยมีแฟนเลยและคงไม่คิดจะมีด้วย
“ถามจริงทำไมไม่มีแฟนสักทีปีสี่แล้วนะพี่” ผมอดที่จะถามไม่ได้เพราะพี่ชายผมก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่อะไรแถมยังมีสาวๆมาชอบเยอะอีกต่างหากแต่ก็ไม่เคยที่จะเลือกคบใครเลยสักที
“รีบมีทำไมล่ะค่อยไปหาตอนทำงานก็ได้”
“โหตอนทำงานจะเหลือคนโสดไหมละพี่”
“ถ้าเหลืออยู่นั่นคือเนื้อคู่แต่ถ้าไม่เหลือแล้วก็คิดซะว่าพวกนั้นไม่มีบุญ”
“ครับ...เอาที่สบายใจเลย”
พูดจบผมซึ่งเดินเอาป๊อบคอร์นไปอบในตู้ต่อนี่กินหมดไปสองถ้วยแล้วนะครับซึ่งตอนนี้ท้องผมอืดหมดแล้ว
“เฮ้ยพี่เค้กผมไปก่อนนะห้าโมงแล้วลืมเลย”
“เออๆเที่ยวให้สนุกล่ะ”
เพื่อความที่ดูหนังเพลินจนลืมดูนาฬิกาทำเอาผมแทบตกใจห้าโมงแล้วผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยกว่าจะแต่งตัวกว่าจะไปถึงร้าน
เมื่อผมเดินมาจนถึงหน้าห้องก็พบว่ามีถุงกระดาษสีน้ำเงินห้อยอยู่ที่หน้าประตูห้องถุงของใครนะผมจึงหยิบมาดูอย่างสงสัยก็พบว่ามีโน้ตเขียนแปะไว้ ‘ใส่เสื้อตัวนี้นะครับ’ ลงชื่อวายุ นี่พี่วายุเอามาห้อยตอนไหนนะผมว่าคงไม่ใช่พี่ขอหรอกน่าจะเป็นขนส่งของมากกว่าเมื่อผมจัดการอาบน้ำเสร็จจึงหยิบเสื้อในถุงนั้นออกมามันคือเสื้อยืดขอปกแขนสั้นสีขาวมีสัญลักษณ์รวงข้าวอยู่ที่อกข้างซ้ายและมีแทบสีชมพูอ่อนที่ปกคอและแขนตรงปกมีตัวอักษรปักไว้เป็นตัวอีใหญ่และตัววีใหญ่เดี๋ยวนะนี่มันชื่อผมกับพี่มาอยู่นี่นาอย่างนี้นี่เองถึงว่าทำไมต้องใส่ตัวนี้
รถแท็กซี่คันสีชมพูหยุดจอดที่หน้าร้านอาหารร้านประจำของเราผมเดินเข้าไปด้านในมองหาผู้ชายที่ผมคุณตาภายในร้านแต่ก็ไม่พบ
“คุณเอแคลร์หรือเปล่าคะ”
“ครับ”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ” พี่วายุคงจองโต๊ะไว้แล้วสินะ
พนักงานเดินนำหน้าผมมาหยุดอยู่ตรงโต๊ะกลางติดหน้าโซนร้องเพลงทำไมพี่วาจองโต๊ะนี้นะปกติเรามักจะไปนั่งกันตรงมุมสุดของร้านมากกว่าเพราะมันเงียบและเป็นส่วนตัวดีว่าแต่พี่วายุไปไหนนะผมนั่งอยู่ไม่นานพนักงานก็นำน้ำกีวี่ปั่นมาเสิร์ฟ
“ผมยังไม่ได้สั่งเลยนะครับ”
“มีคนสั่งไว้ให้ค่ะ” พี่วาหรอแล้วพี่เขาหายไปไหนนะครับปกติเป็นคนตรงเวลาจะตายนี่ก็เลยมาครึ่งชั่วโมงแล้วทำไมยังไม่มาอีกนะ

พึบ!
อยู่ๆไฟก็ดับลงจนผมตกใจและก็มีเสียงดนตรีดังขึ้นเป็นเสียงกีตาร์ในเพลงที่ผมคุ้นหูและไฟดวงเล็กก็ฉายไปยังโซนเครื่องดนตรีปรากฏให้เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่บนเก้าอี้ซึ่งดูดีมากๆแต่เอหน้าคุ้นจัง
“รู้มั้ยว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน
ความทรงจำเกิดขึ้นเมื่อไร
เมื่อไรที่ทำให้เราสองคนเริ่มหวั่นไหว”


“ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณว่าจะรักแค่คุณ
ว่าจะมีแค่คุณเท่านั้น
นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณก็จะรักแค่คุณ
อยากจะมีแค่คุณคนเดียว”

ผมจ้องมองใบหน้าหล่อเข้มอย่างโดนมนต์สะกดพี่วายุใส่เสื้อสีขาวแบบเดียวกันกับผมกางเกงยีนส์สีดำเซ็ทผมเรียบๆทำไมวันนี้พี่วายุหล่อจังหล่อมากกว่าปกติที่ผมเห็นทุกวันจนอยากเก็บไว้ดูคนเดียว

แปะ แปะ แปะ

เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อเพลงจบลงพร้อมกับแสงไฟภายในร้านที่สว่างขึ้น

“เพลงที่จบไปเมื่อสักครู่ชื่อเพลงว่าแค่คุณของ Musketeers นะครับซึ่งผมตั้งใจร้องให้แค่คุณจริงๆนะครับเอแคลร์” สายตาพี่วายุจ้องมองมาทางผมอย่างมีเสน่ห์ จะทำให้ผมเขินไปถึงไหนเนี่ยเอาซะของขวัญที่ผมเตรียมมาถึงชืดหมดเลยพอพี่วายุพูดจบก็ส่งยิ้มหวานและเดินมาหาผมที่โต๊ะ
“ขอบคุณนะครับ”
“ชอบไหมครับ”
“ไม่ชอบก็บ้าแล้วครับ” ผมอดที่จะน้ำตาคลอไม่ได้จริงๆชอบทำซึเงชอบเซอร์ไพรซ์ตลอดเลย
“พี่หิวแล้วเราทานข้าวกันดีกว่านะครับ”
“ครับ” จากนั้นอาหารก็มาเสิร์ฟโดยที่ผมยังไม่ได้สั่งเพราะพี่วายุจัดการสั่งไว้หมดแล้วนี่อย่าบอกนะว่าที่หายไปทั้งวันก็เพื่อนมาเตรียมเซอร์ไพรซ์ผมที่นี่ทำไมต้องทำอะไรขนาดนี้ด้วยนะกลับเป็นผมสะอีกที่ไม่เคยทำอะไรให้พี่วาเลย
“รับของหวานเลยนะครับ”
“ครับ” พนักงานยกจานฮันนี่โทสมาเสิร์ฟทันทีที่พี่วาชูมือขึ้นแต่ฮันนี่โทสปกติจะมีน้ำผึ้งแค่ถ้วยเดียวแต่วันนี้ยกมาสองถ้วยเลยแถมยังปิดฝามาด้วย
“พี่วาไม่ทานของหวานหรอครับ”
“ไม่ครับแค่เห็นหน้าแคลร์ก็หวานมากพอแล้วครับ”
“พี่วา” จะหยอดทำไมเนี่ย
“ทานเลยสิครับ” ผมจึงเลือกหยิบถ้วยน้ำผึ้งมาหนึ่งถ้วยแต่ทำไมถ้วยนี้มันเบาจังนะแล้วพี่วาจะจ้องอะไรขนาดนั้นผมแค่จะราดน้ำผึ้งเองผมจึงเปิดฝาถ้วยที่เบาออกก็ต้องถึงกับตกใจเมื่อผมไม่พบน้ำผึ้งอยู่ในนั้นแต่มันกลับกลายเป็นแหวน
“นี่เซอร์ไพรซ์ยังไม่จบอีกหรอครับ” จะให้ผมตื่นเต้นไปถึงไหนเนี่ย
“แล้วคิดว่าน้ำผึ้งถ้วยไหนหวานกว่ากันครับ” ผมยิ้มปริ่มเมื่อฟังคำถาม
“คงจะเป็นถ้วยนี้มั้งครับ”
“นี่ไงครับใส่คู่กัน...มาครับพี่ใส่ให้” พี่วายุชูมือข้างซ้ายของตัวเองขึ้นมาให้ผมดูว่ามีแหวนอยู่ที่นิ้วนางเช่นกันเป็นแหวนสีเงินเรียบๆประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กตรงกลางเหมือนกับวงที่ให้ผม
“วันนี้หมดไปกี่หมื่นแล้วครับเนี่ย” ไหรจะเสื้อที่ผมใส่ก็ตัวละหลายพันค่าอาหารค่าแหวนอีกหมดเป็นแสนแล้วมั้งครับเนี่ย
“หมดเท่าไหร่พี่ก็ไหวครับขอแค่แคลร์มีความสุขพี่ก็พอใจ”
“แค่พี่อยู่กับผมแบบนี้ตลอดไปผมก็มีความสุขนะครับ”
“ขี้แยนะเราเนี่ย” พี่ว่าเอื้อมมือมาปาดน้ำตาของผมก็มันอดไม่ได้จริงๆนี้ครับชอบทำซึ้งกับผมตลอดเลย
“ผมมีของให้พี่วาเหมือนกันนะครับ” ผมหยิบกล่องดอกกุหลาบที่ทำมาจากช็อกโกแลตส่งให้พี่วา
“แล้วนี่พี่จะกล้ากินไหมครับเนี่ยไปแอบทำมาตอนไหนครับ”
“ก็ตอนที่พี่ไม่อยู่ไงครับ”
“ขอบคุณนะครับพี่รักเอแคลร์นะ”
“ผมก็รักพี่ครับ”



*BIGBOSS



น่าแปลกนะครับที่วันวาเลนไทน์ปีนี้ผมต้องมานั่งที่ร้านกาแฟอยู่คนเดียวเพราะปกติจะต้องมีคนมาฉลองวาเลนไทน์กับผมตลอดแต่ถึงแม้ว่าผมจะมานั่งอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เคยได้ขาดดอกไม้กับของขวัญจากสาวๆที่แอบชอบผมอยู่หรอกนะครับที่ผมมานั่งคนเดียวที่นี่เพราะที่นี่คือสถานที่ที่ผมมีความทรงจำดีๆกับคนคนหนึ่งคนที่ผมรักแต่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนจนกระทั่งผมเสียเขาไป ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูสเตตัส ของพวกเพื่อนๆผมว่าทำอะไรกันอยู่และผมก็ต้องพบกับภาพภาพหนึ่งที่ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะรู้สึกเจ็บเมื่อได้เห็น
ผู้ชายหน้าตาหล่อเข้มกับผู้ชายอีกคนที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีกำลังสวมแหวนให้กันมันทำให้ผมรู้สึกว่าผมพลาดอะไรบางอย่างที่สำคัญในชีวิตไปแล้วแต่มันก็สมควรแล้วแหละครับเมื่อก่อนเอแคลร์ดีกับผมทุกอย่างรักและซื่อสัตย์กับผมถึงแม้ผมจะให้สถานะแค่เพื่อนแต่เอแคลร์ก็ไม่เคยจะเลิกรักผมเลยผมรู้สึกผิดมากที่ตอนนั้นผมเลือกน้ำอิงแต่ผมคิดว่าน้ำอิงเหมาะกับผมมากกว่าผมไม่กล้าพอที่จะคบกับเอแคลร์ในตอนนั้นเพราะมันมีอะไรหลายๆอย่างที่ผมกลัวอยู่และยากเกินกว่าจะก้าวข้าม
ซึ่งตอนนี้ผมก็พร้อมที่จะประเชิญกับปัญหาทุกอย่างแล้วแต่มันคงสายเกินไปสายเกินไปจริงๆถ้าตอนนั้นผมมีความกล้ามากกว่านี้ผมคงมีความสุขคนที่สวมแหวนให้เอแคลร์จะต้องเป็นผมไม่ใช่คนคนนั้นแต่ตอนนี้ผมคงทำได้แค่...เฝ้ามอง


ปล.หากคุณรักใครจงกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกออกมาก่อนที่มันจะสายไป


*****************************************************

จบแล้วนะคะนิยายเรื่องแรกของดวงขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามเรื่องราวความรักของวายุกับเอแคลร์มาจนจบเรื่องนะคะๆแล้วพบกันใหม่ในนิยายเรื่องต่อไปดวงจะพยายามพัฒนางานเขียนให้ดีขึ้นฝากติดตามผลงานของดวงด้วยนะคะ. ^.^.

 :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: Kun doangpon : คืนใจไปเจอรัก <3
«ตอบ #32 เมื่อ27-02-2021 22:42:49 »

 :pig4:
 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด