[Yaoi] แฝดพี่จะกินเยลลี่ (Jelly Addicted) ตอนที่ 10 ทบทวน (10/10/2563)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Yaoi] แฝดพี่จะกินเยลลี่ (Jelly Addicted) ตอนที่ 10 ทบทวน (10/10/2563)  (อ่าน 3292 ครั้ง)

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2020 19:12:13 โดย woragus »

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
แฝดพี่จะกินเยลลี่ (Jelly Addicted)




ตั้งแต่เข้าเรียนที่นี่ ผมก็ได้ยินข่าวลือไม่เว้นแต่ละวันเป็นเรื่องของแฝดพี่แฝดน้องแห่งคณะคหกรรมศาสตร์ ทั้งสองคนมีนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว คนพี่เงียบขรึมจนไม่มีใครกล้าจะเฉียดเข้าใกล้ ต่างกับ คนน้องที่เฟรนด์ลี่ ขี้เล่น เข้ากับคนง่าย แถมกวนประสาทเป็นที่หนึ่ง แต่ผมไม่ค่อยสนใจหรอกครับ ผมคงไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกับแฝดคู่นั้นหรอก จริงมั้ยครับ (?)

แต่คนมันจะซวยอ่ะครับทำไงได้ เพราะแฝดพี่ดันกลายมาเป็นลุงรหัสของผมซะอย่างนั้น ทำให้ผมต้องข้องเกี่ยวกับแฝดพี่อย่าง “ไอที” แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันน่าแปลกนะครับ กลายเป็นว่าพี่มันเป็นฝ่ายตามติดผมจนกลายเป็นเงาทำให้ผมนี่ถึงกับเหวอไปช่วงนึงเลยครับ แถมพี่มันยังชอบเอาเยลลี่มาล่อผมซะด้วย เห็นผมเป็นเด็กรึไงหะ

แล้วเรื่องราวระหว่างผมกับลุงรหัสมันจะวุ่นวายมากกว่านี้อีกมั้ย ถ้าในอดีตที่ผ่านมานั้น ผมกับแฝดพี่ลุงรหัสของผม เราทั้งสองคนเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว...



แนะนำตัวละคร

นิรัช (ไนซ์) เฟรซชี่คณะคหกรรมศาสตร์ชั้นปีที่ 1

นายเอก

 
ไอรวัฒน์ (ไอที) นักศึกษาคณะคหกรรมศาสตร์ชั้นปีที่ 3

พระเอก

อัพตอนใหม่ทุกวันเสาร์ครั้งละ 1-2 ตอน

เวลา 19.00 - 20.00 น



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2020 02:38:41 โดย woragus »

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

เยลลี่ชิ้นที่ 1 วันสัมภาษณ์ของผมกับแฝดคนน้อง

สวัสดีครับ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเลยนะครับ ผมชื่อไนซ์ เป็นเฟรซชี่ของคณะคหกรรมศาสตร์ของมหา’ลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ถ้าให้พูดตามความจริงเลยนะ ที่ผมเลือกเรียนคณะนี้เพราะผมชอบกินครับง่ายๆเลย แถมเป็นคนชอบกินที่ทำอาหารไม่เป็นสักอย่างอ่ะครับ ยิ่งเวลาโดนเอาของกินมาล่อนะครับผมนี่เชื่องสุดๆไปเลย แล้วอีกเหตุผลก็คือผมอยากฮุบกิจการของที่บ้านด้วยครับ ผมวางแผนมาหมดแล้ว ที่บ้านผมเปิดเป็นร้านเบเกอรี่ แล้วก็ยังมีร้านอาหารด้วยแต่มันเป็นของพี่ชายของผมครับ ตอนนี้ผมก็เลยต้องมาหาความรู้ใส่หัวไว้สักหน่อย ถึงผมจะไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องการทำอาหาร แต่ผมมีพรแสวงนะครับ มันน่าจะทดแทนกันได้มั้ง...

แต่ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกเหงาแปลกๆ ผมมาเรียนที่นี่คนเดียวแบบโดดเดี่ยวสุดๆ ตอนนี้ผมกำลังนั่งหงอยอยู่ใต้ตึกคณะของผมเอง ผมมีนัดสัมภาษณ์ตอนบ่ายโมงโน้นแหนะครับ นี่เพิ่งจะ 11 โมงเอง เหลือเวลาอีกตั้งเป็นชั่วโมงแค่คิดว่าต้องนั่งเหงาๆมันก็น่าเบื่อแล้วแหละครับ อีกอย่างผมเป็นคนพูดมากซะด้วยให้นั่งเงียบนานๆผมอึดอัดจะแย่ ให้คุยกับมดแถวนี้มันก็ไม่ตอบผมซะด้วยสิครับ หยิ่งเกิ้น

“ขอนั่งด้วยดิ มีคนนั่งมั้ย” ผมมองร่างสูงของคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่ในคณะ เพราะพี่มันใส่เสื้อที่เป็นเสื้อประจำคณะของผมครับ

“ว่างครับนั่งเลย” ผมเขยิบให้พี่มันนั่งลงข้างๆ พร้อมตบมือแปะๆลงกับเก้าอี้ที่ว่างอยู่

“มึงชื่ออะไร เรียนคณะไหน” ร่างสูงที่นั่งลงข้างผมยิงคำถามใส่ทันทีที่ก้นแตะเก้าอี้

ไนซ์ ครับ เรียนคหกรรม”

“เออ กูชื่อ เอ็มดี เรียนคณะเดียวกับมึงนี่แหละ แต่อยู่ปี 3” ร่างสูงบอกผมแบบนั้น คือผมยังไม่ได้ถามเลยนะ ไม่ได้อยากรู้
สักหน่อยแต่คิดในใจนะครับกลัวโดนต่อยปากก่อนจะได้สัมภาษณ์

“โห เป็นรุ่นพี่นี่หว่า เซงอ่ะ ตอนนี้ผมอยากมีเพื่อนมากกว่า ผมเหงาอ่ะ”

“เอ้า ไอ้เด็กเวรนี่ เออ กูเป็นเพื่อนให้วันนึงเอามั้ย กูเห็นมึงนั่งหน้าหงอยๆ กูสงสารเลยมานั่งคุยด้วยนี่แหละ”

“เอาดิพี่ ชวนผมคุยด้วยนะ อยากคุยเหมือนกันแต่คิดไม่ออกว่ะ น้ำลายบูดหมดปากแล้วเนี่ย พี่ดูดิ” ผมพูดพร้อมกับอ้าปากกว้างๆ
แล้วเอานิ้วชี้ให้พี่มันดูในปากของผม ก็ผมกลัวพี่มันไม่เชื่อผมหนิ

“สกปรกหุบปากลงเลยมึง กูจะอ้วก!!” พี่มันตะคอกใส่ผมเสียงดังแล้วยื่นมือมาดึงริมฝีปากของผมให้ปิดลง แล้วพี่มันก็พูดต่อ

“เอ่อ...แล้วนี่มึงมีแฟนยัง...ตอบมา ถ้าไม่มีเดี๋ยวกูจะชวนคุยต่อ แต่ถ้ามีแล้วกูจะได้ไป มันเสียเวลา...” พี่มันถามผมพร้อมกับยื่น
หน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วยักคิ้วกวนประสาทใส่ ผมก็งงสิครับอะไรของพี่มันวะ หรือผมจะโดนจีบตั้งแต่วันสัมภาษณ์เลยหรอครับเนี่ย

แต่ก็ไม่แปลกหรอกครับก็ผมมันน่ารักอ่ะ...

“ไม่มีหรอกพี่ ผมอยากตั้งใจเรียนแล้วฮุบเอากิจการของที่บ้านมากกว่า เรื่องอื่นค่อยตามมาที่หลังก็ยังไม่สาย” ผมตอบติดตลกไป แต่ก็แอบมีความจริงอยู่นั่นแหละครับ เรื่องฮุบกิจการ...

“ก็ดี อย่าเพิ่งมีเลยรอกูก่อน...” พี่มันตอบพร้อมยื่นมือมาดึงแก้มผมจนยืดไปข้างนึง แต่เดี๋ยวก่อนนะผมเหมือนได้ยินพี่มันบอกให้ผมรอหรอ (?)

“โอ้ย! เอ็บอะอี่” ผมพูดไม่เป็นภาษาพร้อมตีมือพี่มันรัวๆ ให้ปล่อยมือออกจากก้อนแก้มน้อยๆของผม
พี่มันเป็นคนยังไงวะ ผมไม่เข้าใจกับคนประเภทนี้จริงๆ เจอหน้ากันไม่กี่นาที ยังไม่ได้สนิทกันซะหน่อยมาดึงแก้มผมซะยืดเลย อยากจะตีมือพี่มันให้แตกแต่ผมก็กลัวจะได้ปากแตกก่อนมือพี่มันอ่ะสิ

“ไปแดกข้าวกัน เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง ถือว่าเป็นการต้อนรับรุ่นน้องในคณะก็ได้ เอามั้ย” พี่มันกระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที

“ผมมีสัมภาษณ์ตอนบ่ายโมง อุ้มผมมาส่งคืนที่นี่ให้ทันด้วยแล้วกัน มหา’ลัยมันใหญ่ผมกลัวหลงแล้วจะเดินหาทางกลับมาไม่ทันเวลา” ผมตอบรับอย่างรวดเร็วพร้อมลูบพุงน้อยๆ ของผมที่เพิ่งกินข้าวมาจากห้องแล้ว แต่ยังมีกระเพาะสำหรับเก็บของหวานอยู่

หลังจากตกลงกับพี่มันเสร็จพวกเราก็เดินคุยกันมาตลอดทางจนถึงโรงอาหารกลางของมหา’ ลัย พี่มันยื่นแบงก์สีแดงมาให้ผมหนึ่งใบ ผมรีบตะครุบทันทีพร้อมพุ่งตัวไปยังร้านขายขนมตรงหัวมุมของโรงอาหาร ทำการเลือกขนม น้ำอัดลม 2 ขวดเอาไปเผื่อพี่มันด้วย แต่ที่ขาดไม่ได้คือน้องเยลลี่รูปหมีของผมครับ ผมชอบมากที่สุดในโลกเลยแหละ น่าจะเป็นเพราะตอนเด็กๆพี่ชายผมชอบเอามาหลอกล่อผมให้หยุดร้องไห้ตอนที่โดนพี่มันแกล้งครับ พี่มันคงกลัวแม่ตีน่ะ เพราะฉะนั้นห้ามลืมซื้อเด็ดขาดเลยครับ
หลังจากผมผลาญเงินพี่มันเสร็จผมก็เดินกลับมาที่โต๊ะที่พี่มันนั่งแหมะอยู่ทันที

“ให้เท่าไหร่หมดเท่านั้นเลยนะมึง ไอ้แก้ม” ผมทำหน้างุนงงกับชื่อใหม่ที่พี่มันใช้เรียก อะไรวะแปปเดียวลืมชื่อผมซะละ

“ใครชื่อแก้ม แค่ซื้อขนมแปปเดียว พี่ลืมชื่อน้องซะแล้ว อะไรวะ”

“มึงไงไอ้แก้ม เนี่ยๆๆๆๆๆ” พี่มันพูดพร้อมยื่น 2 มือของพี่มันมาดึงแก้มของผมทั้งสองข้างอีกแล้วครับทุกคน

“เอ็บๆๆๆๆๆ อ่อย” ผมตีมือพี่มันรัวๆ จนพี่มันยอมละมือออกจากแก้มน้อยๆ ของผม

“น้ำกูหรอ รู้ได้ไงว่ากูชอบน้ำอันนี้” พี่มันพูดพร้อมหยิบน้ำอัดลมสีเขียวที่ผมซื้อมาไปเปิดกินแบบสบายอารมณ์

“ไม่รู้หรอกว่าชอบ แต่ผมชอบพี่ก็น่าจะชอบเหมือนผมมั้ง” ผมตอบไปตามความจริงก็ผมซื้อมันมาเหมือนกันทั้ง 2 ขวดนี่แหละ พี่
มันจะได้ไม่ต้องเลือกมาก

หลังจากพูดจบเราก็นั่งจัดการกับของที่ตัวเองซื้อมา ผมนั่งกินขนมจนเกือบจะหมด เหลือไว้คือน้องน้องเยลลี่รูปหมีของผมคิดว่าจะเก็บไว้กินที่หลัง แต่พี่มันมือไวครับมาคว้าไปฉีกแล้วเทใส่ปากต่อหน้าต่อตาผมเฉย

“พี่!! นั่นของผมนะ ไมทำงี้อ่ะ” ผมพูดพร้อมทำแก้มป่องใส่พี่มัน

“ไมอ่ะ ห่อเดียวทำเป็นงกไปได้” พี่มันพูดทั้งๆ ที่เยลลี่ของผมยังดิ้นหนุบหนับอยู่ในปากพี่มัน

“เออกินไปเลย ผมไปแล้ว หึ!!” ผมพูดอย่างแกล้งงอนไปงั้นแหละครับ เตรียมจะลุกหนี แต่พี่มันคว้ามือผมไว้ได้ทัน

“เอาเบอร์มึงมา เดี๋ยวกูพาไปซื้อใหม่” พี่มันพูดพร้อมยื่นไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดมาให้ผม แบบนี้ก็ได้หรอวะ เนียนขอเบอร์แบบนี้ก็ได้
ด้วยหรอครับ

“จะจีบด้วยเยลลี่หรอ ผมเขินนะเนี่ย พี่อ่าา” ผมทำเป็นพูดหยอก พร้อมหยิบไอโฟนของพี่มันมากดเบอร์ของผมแล้วส่งคืนพี่มัน
ทันที

“จีบอะไร แก้มย้วยแบบมึงกูไม่ชอบหรอก ไอ้แก้มเอ้ย” พี่มันพูดพร้อมกำลังจะเอื้อมมือมาจะดึงแก้มผมอีกแต่ผมปัดมือพี่มันออกทัน

“พี่ไปเก็บจานแล้วไปส่งผมได้แล้ว จะถึงเวลาแล้วเนี่ย”

“เออ ไปๆ รอแปป” พี่มันพูดพร้อมเดินอ้อมมาเตรียมจะช้อนตัวผมอุ้มในท่าเจ้าสาว แต่ผมไหวตัวทันแล้วเบี่ยงตัวหลบพี่มัน

“พี่จะทำบ้าอะไรเนี่ย!! คนเยอะแยะ” ผมถามพี่มันไปด้วยความตกใจ

“เอ้า มึงนี่ยังไงตอนแรกบอกให้กูอุ้มไปส่ง นี่ไงกูกำลังจะอุ้ม” พี่มันตอบหน้าตาย พร้อมกับเตรียมท่าจะอุ้มผมอีกรอบ

“ผมพูดเล่นมั้ยพี่ เดินไปส่งก็พอ บทจะซื่อก็ซื่อเกิ้นน” ผมพูดพร้อมกับเดินไปดันหลังพี่มันให้รีบนำทางไปเร็วๆ
พี่มันขำเอิ๊กอ๊ากอยู่คนเดียวแล้วเดินพาผมมาส่งที่เดิม ที่ๆ ผมนั่งคุยกับมดอยู่ตอนแรกนั่นแหละครับ

“ไปได้เวลาแล้ว เสร็จแล้วรีบมาเดี๋ยวกูนั่งรอตรงนี้” ร่างสูงตรงหน้าผมพูดพร้อมกับทำท่าจะนั่งลงที่เก้าอี้ที่ผมนั่งตอนแรก

“พี่จะมารอทำไม สัมภาษณ์เสร็จผมก็จะกลับห้องแล้ว ผมง่วง” ผมตอบพี่มันด้วยสีหน้างุนงง

“เออน่า จะกินมั้ยเยลลี่หมีเมื่อกี้ เดี๋ยวพาไปซื้อตอนสัมภาษณ์เสร็จ จะกินไม่กิน”

“กินครับ!!” ผมรีบตอบอย่างว่องไว ก็เล่นเอาของโปรดผมมาล่อหนิครับ แถมฟรีอีกต่างหากใครจะไม่เอา จริงมั้ยครับ (?)

หลังจากคุยกับพี่มันเสร็จผมก็เดินไปห้องสัมภาษณ์ทันที ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็สัมภาษณ์เสร็จ พร้อมเป็นเฟรซชี่ของคณะคหกรมมศาสตร์เต็มตัวแล้วครับผม

ด้วยความที่รอสัมภาษณ์นานผมเลยปวดท้อง ขอแวะเข้าห้องน้ำก่อนไปหาพี่มันแล้วกัน ผมเดินไปตามทางพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ของผมไปเรื่อยๆ ไม่ได้ดูทางจนไปชนกับร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่ง จนผมกระเด็นถอยหลังนิดหน่อย

“ขะ..ขอโทษครับพอดีไม่ได้มองทาง เป็นอะไรมั้ยครับ” ผมพูดพร้อมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ทำหน้านิ่งขรึมไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

“...”

“เอ้า...พี่เอ็มดี ไหนบอกจะรอผมตรงโน้นไง ทำไมเดินมานี่อ่ะ พี่จะเข้าห้องน้ำหรอครับ” ผมถามร่างสูงตรงหน้าที่ยังทำหน้าไม่รู้
ร้อนรู้หนาวอยู่

“...”

“โหยพี่ น้องเดินชนนิดเดียวเอง ทำเป็นโกรธไปได้ เชอะ งั้นผมเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวเราค่อยไปซื้อเยลลี่ที่พี่บอกจะพาไปกัน รอตรงนี้แปปนึงนะครับ” ผมพูดพร้อมเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำธุระส่วนตัวทันทีโดยไม่หันไปมองอีก

พอจัดการธุระส่วนตัวเสร็จผมก็เดินออกมา พี่มันก็ไม่อยู่หน้าห้องน้ำซะแล้ว ผมเลยรีบเดินกลับมาที่โต๊ะที่เจอกับพี่มันเมื่อตอนเช้า แล้วผมก็เห็นพี่มันนั่งปิดปากหาววอดๆ อยู่ตรงที่เดิม ค่อยโล่งอกหน่อย นึกว่าโกรธจนผมจะอดกินของฟรีซะแล้ว

“ไม่รอเลยนะพี่ เข้าห้องน้ำแปปเดียวเอง ใจร้อนไปได้” ผมหยอกพี่มันที่นั่งมองหน้าผมอยู่

“มึงเป็นอะไรของมึง ไม่สบายหรอ กูก็นั่งรออยู่นี่ตั้งนานแล้ว” พี่มันพูดพร้อมยื่นมือมาอังหน้าผากผม ทำเหมือนจะวัดอุณหภูมิ

“ก็ผมเจอพี่หน้าห้อง...เออช่างมันเถอะ ไปกันดีกว่าผมหิวแล้ว” ผมพูดตัดบทขี้เกียจซักพี่มันเยอะ เดี๋ยวผมจะอดกินของฟรีเอาได้
หลังจากคุยกันสักพี่มันก็ลากผมมาที่รถของพี่มันพร้อมเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับและยัดตัวผมให้เข้าไปในรถของพี่มันทันทีแล้ว
เดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ

ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงห้างสรรพสินค้าแถวมหา’ ลัย ที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่รับรองว่ามีของที่ผมต้องการอย่างแน่นอน
พอลงจากรถพี่มันก็มาเดินโอบไหล่ผมให้เข้าไปในห้าง พร้อมมุ่งหน้าตรงไปที่แผนกขายพวกขนมต่างๆ ทันที แต่สักพักพี่มันก็ปล่อยผมทิ้งไว้ให้ยืนเอ๋อๆ อยู่หน้าชั้นวางขนมแล้วพี่มันก็วิ่งไปไหนก็ไม่รู้

“มาแล้วๆๆ กูไปเอารถเข็นมาเดี๋ยวถือไม่หมด” พี่มันวิ่งตะโกนมาแต่ไกล พร้อมเข็นรถเข็นมาทางผม แล้วจัดการกวาดเยลลี่ยี่ห้อโปรดของผมเกือบหมดชั้นลงรถเข็นทันที

“เฮ้ย!! พี่เอาไปทำไมเยอะแยะผมกินไม่หมดหรอกนะ” ผมท้วงออกไปเสียงดังด้วยความตกใจ ก็พี่มันเล่นกวาดซะเกือบหมดชั้นขนาดนั้นใครจะไม่ตกใจล่ะครับ

“เอาไปหมดนี่แหละ ไว้ที่ห้องกูด้วย อยากกินมึงก็มาเอาที่ห้องกู เคปะ” พี่มันลอยหน้าลอยตาพูดแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้นแล้วกวาดเยลลี่ที่เหลืออยู่บนชั้นต่อไป

“โหย เอาของกินมาล่อ ตามใจละกันอย่ามาบ่นนะถ้าผมไปกวนที่ห้องพี่บ่อยๆ อ่ะ” ผมขู่พี่มัน เผื่อพี่มันจะเลิกคิดแผนบ้าๆ นั่นซักที

“ได้เสมอครับ น้องแก้ม” พี่มันพูดพร้อมยื่นมือมาดึงแก้มผมเป็นรอบที่ 3 แล้วครับ

ขนาดผมรู้จักพี่มันยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง พี่มันดึงจนแก้มผมจะยืดหมดอยู่แล้ว ถ้ารู้จักพี่มันไปนานกว่านี้แก้มผมจะอยู่ในสภาพไหน ผมไม่อยากจะคิดเลย

หลังจากซื้อของที่ผมต้องการเสร็จพี่มันก็มาส่งผมที่หอแต่ไม่ใช่หน้าหอหน้าครับ พี่มันเล่นเดินขึ้นมาส่งผมถึงหน้าห้องพร้อมกับเยลลี่ 1 ห่อถ้วน พี่มันบอกว่าให้ครั้งละห่อพอ ถ้าอยากกินเยอะกว่านี้วันหลังก็ไปที่ห้องพี่มัน หลังจากนั้นก็ล่ำลากันเสร็จผมก็เดินเข้าห้องของผมทันที แล้วก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็กระโดดขึ้นเตียงนอนนุ่มๆ ของผมทันที

หลังจากขึ้นเตียงนอนมาสักพักผมก็เอาโทรศัพท์ของผมขึ้นมาเล่นไอจีตามปกติ แล้วผมก็สะดุดตากับแอ็กเค้านท์หนึ่งที่ชื่อว่า ‘Irawat_’ มันเป็นไอจีของพี่เอ็มดีครับ ก็รูปมันเป็นรูปของพี่เขานี่นา จะเป็นของคนอื่นไปได้ยังไง จริงมั้ยครับ (?) ผมเลยกดเข้าไปดูรูปข้างในเพราะมันไม่ได้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอาไว้ มีผู้ติดตามหลักหมื่นคน แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ติดตามใครเลยสักคน แหมจะว่าไปก็หยิ่งใช่เล่นนะครับพี่เอ็มดีเนี่ย แถมยังมีรูปอยู่แค่สองสามรูปแค่นั้นเอง ผมไม่ได้ดูอะไรมากมายแค่กดติดตามพี่มันไปแล้วก็วางโทรศัพท์เตรียมตัวนอนทันที

สรุปวันนี้ผมก็ยังไม่ได้เพื่อนสักคนครับ แต่กลับได้รุ่นพี่ประหลาดๆ มาแทนซะงั้น แล้วหลังจากเปิดเทอมผมต้องใช้ชีวิตแบบหนุ่มน้อยน้ำลายบูดไปอีกนานแค่ไหนกันล่ะเนี่ย โดดเดี่ยวเหลือเกินชีวิตผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2020 19:56:36 โดย woragus »

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

เยลลี่ชิ้นที่ 2 ลุงรหัสของผมเปลี่ยนไป

และแล้ววันเปิดเทอมวันแรกก็มาถึง ขณะที่ผมกำลังนั่งหงอยๆ อยู่หน้าห้องเรียน ก็มีเพื่อนร่วมคณะเข้ามาทักทายและคุยกับผมแล้วนะครับ คนนึงชื่อไอ้พีท ส่วนอีกคนชื่อน้องซีครับ ที่ผมใช้สรรพนามเรียก 2 คนนี้แตกต่างกันเพราะ ไอ้พีทมันเป็นผู้ชายสูงโปร่งครับ สูงกว่าผมราวๆ 10 กว่าเซนได้ แถมยังดูเป็นเด็กเรียนเก่งอีกต่างหาก ผมคิดว่าน่าจะฝากสมองน้อยๆ ของผมไว้ให้มันดูแลได้ ส่วนน้องซีเป็นผู้ชายร่างเล็กบอบบาง แถมขาวจั๊วน่าเจี๊ย ดูน่าถนุถนอนอีกต่างหาก ที่สำคัญพวกมันเรียนเซคชั่นเดียวกับผมซะด้วย

เป็นไงบ้างครับทุกคน ตอนนี้ผมมีเพื่อนเป็นตัวเป็นตนตั้งสองคนเชียวนะครับ น้องไนซ์คนนี้ไม่ต้องนั่งหงอยน้ำลายบูดไปวันๆ อีกแล้วนะครับ ดีใจกับผมหน่อยสิ

หลังจากนั้นคาบเรียนแรกก็มาถึง มันไม่มีอะไรมากหรอกครับ อาจารย์ก็แค่แจกคอสเอ้าท์ไลน์ แล้วก็แยกย้ายสลายตัวกันไป ผมกับไอ้พีทแล้วก็น้องซีเลยแยกทางใครทางมัน เพราะวันนี้ไอ้พี่เอ็มดีของผมมันยังไม่มีเรียนมันเลยมารอผมที่ใต้ตึกคณะตั้งแต่เช้า
วันนี้มันจะพาผมไปห้องมันตามที่ตกลงกันเอาไว้เรื่องเยลลี่ของผมที่ห้องพี่มันครับ

“มาแล้วครับ พี่เอ็มดีที่รักของน้อง” ผมวิ่งมาด้วยความว่องไวพร้อมคำพูดออดอ้อนพี่มันอย่างที่เคยทำ แล้วเอาแก้มของผมพูดไถที่ไหล่ของพี่มัน

“ไปกัน กูอยากกลับไปนอนแล้ว เดี๋ยวเย็นๆ กูค่อยออกมาส่งนะ อยู่เล่นที่ห้องกูไปก่อน” ปากพี่มันก็พูดไปแต่ตาพี่มันแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้วครับก็มันเล่นมาเฝ้าผมตั้งแต่เช้าหนิ ผมล่ะไม่เข้าใจพี่มันเลยจริงๆ

หลังจากออกจากมหา’ลัยไม่นาน ผมก็มาถึงห้องพี่มัน เป็นตึกสูงเรียกง่ายๆ ว่าเป็นคอนโดที่ดูดีหรูหราในระดับนึงเลยแหละ พอเข้ามาในห้องพี่มันผมก็สำรวจไปรอบๆ ลักษณะเป็นห้องกว้างๆ มีแยกเป็นโซนครัว โซนห้องนั่งเล่น และมีห้องนอน 2 ห้องครับ แต่ผมไม่สนใจอะไรแล้วครับ ผมพุ่งตัวไปยังตู้เย็นในครัวทันที เพราะจุดประสงค์ที่ผมมาในวันนี้ก็คือเจ้าของโปรดของผมที่อยู่ในตู้เย็นพี่มันนี่แหละครับ

หลังจากที่ผมได้สิ่งที่ต้องการผมก็หยิบมานั่งกินอย่างสบายใจอยู่หน้าทีวีในห้องนั่งเล่น ส่วนพี่มันก็พุ่งตัวเข้าห้องนอนตั้งแต่กลับมาถึงแล้วแหละครับ แต่ผมจำไม่ได้หรอกว่าพี่มันเข้าไปห้องไหน ก็มันมีห้องนอน 2 ห้องนี่หว่า อีกอย่างตอนนั้นผมไม่ได้สนใจมองพี่มันด้วยแหละ

ตอนนี้เป็นเวลา 14.00 น. แล้วครับ พอกินจนจุใจผมก็ชักจะเริ่มง่วงนอนแล้วสิ ผมเลยผุดความคิดดีๆ ได้ ผมว่าจะเข้าไปนอนในห้องพี่มันซะหน่อย แต่ว่ามันห้องไหนกันวะเนี่ย ซ้ายหรือขวาดีครับ เอาเป็นว่าผมเลือกห้องทางซ้ายก็แล้วกันเห็นเขาบอกกันว่าขวาร้ายซ้ายดี

หลังจากตัดสินใจได้ผมก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องนอนทันที แล้วก็เจอพี่มันนอนอยู่บนเตียงหลับตาพริ้มไม่รู้ตัวเลยว่าผมเข้ามาให้ห้อง แต่ชุดของพี่มันนี่สิครับไม่ใช่ชุดแบบตอนแรกที่ใส่นี่หว่า สงสัยพี่มันคงเปลี่ยนชุดแล้วค่อยนอนมั้ง หลังจากที่ผมยืนเถียงกับความคิดในหัวของตัวเองเสร็จ ผมก็แทรกตัวขึ้นไปบนเตียงของพี่มันพร้อมกับดึงผ้าห่มจากพี่มันมาทันทีพี่มันก็รู้งานดีครับ ลืมตามองผมแว๊บนึง แล้วก็ยอมปล่อยผ้าห่มมาให้ผมได้หลับสบายอยู่ข้างๆ พี่มัน

ผมหลับไปได้ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ตื่นครับ แต่หันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอพี่มันแล้ว สงสัยจะตื่นแล้วมั้งครับ หลังจากผมลุกขึ้นจากเตียงก็เดินออกจากห้องนอนมาที่ห้องนั่งเล่น แต่ก็ไม่เจอพี่มัน ในครัวพี่มันก็ไม่อยู่ ตรงระเบียงห้องนั่งเล่นก็ไม่มีผมเลยตัดสินใจเปิดห้องทางด้านขวาออกเพราะเหลืออยู่ที่เดียว สุดท้ายผมก็เจอพี่มันนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงนอน

สงสัยพี่มันคงลำคานผมมั้งครับ เลยหนีมานอนห้องนี้แทน แต่เอ๊ะ ทำไมพี่มันกลับมาใส่ชุดเดิมอีกแล้ว ขยันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจริงๆ แต่ผมก็พับเก็บความสงสัยของตัวเองไปพร้อมกับกระโดดทับพี่มันให้ตื่นไปส่งผมได้แล้ว ผมอยากกับห้องแล้วครับ

“โอ้ย!! ไอ้แก้มมึงทำอะไรของมึงเนี่ย” พี่มันแหกปากลั่นห้องทันที หลังจากที่ผมกระโดดทับพี่มันจนตื่น

“ไปส่งน้องหน่อย น้องอยากกลับห้องแล้ว” ผมพูดพร้อมเอาแก้มนุ่มๆ ของผมไปถูไถที่ไหล่พี่มัน

“เออๆ กูล้างหน้าเปลี่ยนชุดแปป” พี่มันตอบพร้อมกับลุกจากเตียงนอนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

“เปลี่ยนชุดเก่งดีว่ะแปลกคน...” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่ให้พี่มันได้ยิน

หลังจากผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงสักพัก พี่มันก็ออกมาจากห้องน้ำเตรียมตัวพร้อมที่จะออกไปส่งผมแล้วครับ ผมเดินตามพี่มันออกจากห้องนอนไปยังห้องนั่งเล่น แต่ก่อนจะออกจากห้องพี่มัน ผมก็รีบไปวิ่งยังตู้เย็นเพื่อหยิบของโปรดของผมติดมือกลับห้องด้วย

หลังจากออกมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงห้องของผมครับ เพราะคอนโดของพี่มันกับห้องของผมไม่ได้อยู่ไกลกันมากทำให้ใช้เวลาไม่นานก็ถึง

“เดี๋ยวมึง ไปกินข้าวกับกูก่อนดิ กูตื่นมายังไม่ได้กินอะไรเลย” พี่มันพูดขณะทีีผมกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ

“พี่เลี้ยงหรอ ไปสิ ผมหิวพอดีเลย” ผมรีบยัดเยียดให้พี่มันเป็นคนเลี้ยงทันที ก็พี่มันชวนก็ต้องเลี้ยงสิครับ จริงมั้ย (?)

“ของฟรีนี่ไวตลอดเลยนะมึง ไอ้แก้ม” พี่มันพูดพร้อมยื่นมือมาดึงแก้มผม เดี๋ยวนี้ผมชินแล้วแหละครับ เลยปล่อยให้พี่มันดึงไป ขี้เกียจจะขัดขืนแล้ว

ร้านที่เราจะฝากท้องไว้คือร้านข้าวหน้ามหา’ลัยครับอยู่ไม่ไกลจากห้องของผมเท่าไหร่ พอเลือกโต๊ะที่จะนั่งได้ผมกับพี่มันก็สั่งของที่อยากกินแล้วนั่งรอให้พนักงานมาเสิร์ฟ

“ไงไอ้เอ็มดีครับ มากับเด็กใหม่อีกแล้วหรอวะ” ผู้ชายร่างสูงใส่แว่นเดินเข้ามาทักพี่มันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม

“เด็กใหม่เหี้ยไรของมึง พูดมาก” พี่มันรีบพูดแก้ตัวพร้อมถลึงตาใส่เพื่อนทันที

“หรือว่าเป็นเด็กที่มึงเคยเล่าว่าเอาเยลลี่มาล่อ...” เพื่อนพี่มันยังพูดไม่ทันจบพี่มันก็รีบเอามือตะครุบปากเพื่อนอย่างว่องไว

“ถุย มือเค็มชิบหาย” เพื่อนพี่มันพูดกับพี่มัน “แล้วน้องชื่ออะไรครับ พี่ชื่อนนท์นะ” ประโยคหลังเพื่อนพี่มันหันมาถามผม

“ผมชื่อไนซ์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมตอบพร้อมส่งยิ้มหวานแบบที่ยิ้มให้พี่เอ็มดีตอนเจอกันครั้งแรก

“อุ้ย เนื้อคู่กันแน่เลยเราสองคน ชื่อคล้องกัน ไนซ์นนท์ อ๊ะ!!” พี่นนท์จะยื่นมือมาดึงแก้มผมครับ แต่พี่เอ็มดีคงรู้ทันเลยตีมือเพื่อนซะแรงเลย

“อย่าจับ มือสกปรก ไปไกลๆ กูจะแดกข้าว” พี่มันพูดพร้อมโบกมือไล่เพื่อนให้ไปจากโต๊ะสักที

หลังจากเพื่อนพี่เขาเดินไปอาหารก็มาเสิร์ฟ ผมรีบจ้วงข้าวผัดหมูไม่ใส่ผักเข้าปากทันที ไม่นานข้าวของผมก็หมด นั่งดูดน้ำอัดลมสีเขียวสบายใจ รอพี่มันจัดการกับข้าวของตัวเองให้เสร็จ

หลังจากผมกับพี่มันกินเสร็จ พี่มันก็พาผมมาส่งคืนที่หอ ผมเดินลงจากรถ กำลังจะหันไปบอกลา พี่มันก็ลดกระจกลงพร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้ว่า

“แก้มมึงกูจับได้คนเดียว ห้ามให้ใครจับจำไว้”

ใช่ครับ ตามนั้นแหละผมได้แต่ทำหน้าเหวอๆ เพราะพี่มันพูดเสร็จก็ออกรถไปทันที ไม่ฟังคำพูดของผมสักนิด

หลังจากวันที่ไปกินข้าวกัน ผมก็ไม่ได้เจอหน้าพี่มันเลยอีกเป็นอาทิตย์ แต่ก็มีบ้างที่คุยกันทางโทรศัพท์เพราะพี่มันโทรมาคุยเรื่องไร้สาระตามประสา

ตอนนี้เวลา 14.00 น. ปี 1 คณะผมไม่มีตารางเรียนต่อ ผมเลยต้องมาเข้าประชุมหลังจากเลิกเรียน เพราะวันนี้รุ่นพี่นัดพวกเรามาจับฉลากเพื่อที่รุ่นน้องจะได้มีพี่รหัสคอยดูแลและให้คำปรึกษาเรื่องต่างๆ ครับผม

แต่เรื่องคำปรึกษาอะไรนั่นผมไม่สนใจหรอกครับ ผมสนใจของฟรีมากกว่า ผมภาวนาขอให้ได้พี่รหัสสายเปย์ด้วยเถอะ
หลังจากนั่งรอไม่นานกิจกรรมก็เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับเสียงหวานๆ ของพี่พิธีกรคนสวยบนเวที

“ขอต้อนรับน้องๆ เข้าสู่กิจกรรมสานสัมพันธ์พี่น้องของคณะคหกรรมศาสตร์ค่าาาา”

“เฮ้...ฮิ้วๆๆๆๆๆๆ”

“พี่ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะคะ น้องๆ คงเรียงแถวกันตามที่พี่จัดให้แล้วใช่มั้ยคะ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้พี่จะเริ่มจับสายรหัสเลยนะคะ แถวแรกเตรียมตัวได้เลยนะคะน้องๆ ลุกขึ้นแล้วเดินมาเลยค่ะ”

หลังจากนั้นพิธีกรก็ให้ปี 1 ลุกขึ้นทีละแถว จนมาถึงแถวของผม ผมที่กำลังจะลุกขึ้นไปจับฉลากถึงกับต้องชะงักเท้าหยุดเดินทันที เพราะเสียงของพิธีกรที่พูดใส่ไมค์

“อ๊ะอ่าว นั่นน้องไนซ์ใช่มั้ยคะเนี่ย” ผมหันไปมองหน้าพิธีกรด้วยสีหน้างุนงง แต่คนรอบข้างกลับหันมามองผมเป็นตาเดียว

“อะ...เอ่อ...ใช่ครับ!!” ผมตอบไปเสียงดัง ก็ผมกลัวพี่เขาจะไม่ได้ยินหนิครับ อยู่ตั้งไกล

“อ่ะๆๆๆ ได้เจอตัวสักทีนะคะทุกคน เด็กของพี่เอ็มดีอยู่นี่ไงคะ ฮิ้วๆๆๆ”

หลังจากนั้นก็มีเสียงโห่แซวตามมาอย่างไม่ขาดสาย ผมได้แต่ก้มหน้างุดๆ ไปจับฉลากแล้วกลับมานั่งในแถวที่เดิม

“ได้ใครวะมึง” เสียงของไอ้พีทหันมาถามผมที่กำลังนั่งแกะกระดาษดูชื่อพี่รหัส

“ทัพฟ้า” ผมอ่านชื่อในกระดาษให้มันฟัง

“เยสเข้ ได้ของดีด้วยว่ะ แลกกับกูป่ะ” ไอ้พีททำตาโต เหมือนตกใจอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจคำพูดของมันหรอกครับ

“อะไรของมึง ไม่แลกโว้ย ว่าแต่พี่ทัพฟ้านี่ใครวะ กูไม่รู้จัก”

“ก็พี่ทัพฟ้าเดือนมหา’ลัยปีที่แล้วไง รูปหล่อ พ่อรวย กูว่าเปย์หนักสุดๆ ชัวร์”

“สมพรปากมึงละกันนะ เดี๋ยวกูจะให้มึงติดสอยห้อยตามไปด้วย ถ้าพี่เขาชวนกูไปเลี้ยงอะไร”

“แต่ขอเตือนมึงไว้เลยนะ ถ้ายังอยากมีชีวิตรอด พี่รหัสมึงอ่ะท่าทางจะดี แต่ลุงรหัสมึงนี่แหละ ตัวอันตรายของมหา’ลัยเราเลยก็ว่าได้ อย่าคิดเข้าใกล้เชียว ไม่อย่างนั้นมึงชะตาขาดแน่”

“กูล่ะเบื่อความโอเวอร์ของมึงจริงๆ เลย กูไปตามหาพี่รหัสกูดีกว่า” ผมบอกไอ้พีทพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกมาจากตรงที่นั่งทันที

ผมเดินวนสักพักก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่สูงกว่าไอ้พีทนิดหน่อย หน้าตาจัดว่าหล่อเลยแหละครับแถมยังดูดีสมกับเป็นเดือนมหา’ ลัยอีกต่างหาก เห็นแบบนั้นผมก็เลยพุ่งตัวเข้าไปทักทายทันที แต่ไม่รู้จะหน้าแตกรึเปล่านะครับ เพราะผมเดาล้วนๆ ว่าน่าจะเป็นคนนี้แหละ

“หวัดดีพี่..เอ่อ..ใช่พี่ทัพฟ้ามั้ยครับ” ผมถามไปพร้อมใช้ความสดใสที่ผมมีทั้งหมดเข้าสู้

“ครับ พี่เอง มีอะไรรึเปล่า” โอ้โห ผู้ชายอะไรครับเนี่ย รูปหล่อ พ่อรวย แถมสุภาพอีกต่างหาก สวรรค์เข้าข้างผมแล้วแหละครับ

“อะ..เอ่อ..ผมชื่อไนซ์นะครับ เป็นน้องรหัสที่จับฉลากได้ชื่อพี่” ผมตอบพร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษที่จับสลากได้ให้พี่เขาดู

“อ่อครับ มาสิเดี๋ยวพี่พาไปหาลุงรหัส แต่พี่ขอเตือนนะครับ จะทำอะไรคิดดีๆ ก่อน อย่าเข้าไปใกล้เชียว ถ้ายังอยากมีชีวิตรอด
เรียนต่อให้ครบสี่ปี ฮ่าๆๆ” พี่มันพูดพร้อมเอานิ้วโป้งทำท่าปาดไปที่คอตัวเองเป็นการขู่

“พี่พูดเหมือนเพื่อนผมเลยอ่ะ ผมอยากเจอลุงรหัสของผมแล้วล่ะสิ จะแค่ไหนกันเชียว โถ่ๆ”

“ครับๆ เก่งครับ เดี๋ยวได้ก็ได้เจอแล้ว เตรียมตัวรับมือดีๆ นะน้องไนซ์”

ผมพยักหน้างึกๆ แล้วเดินตามพี่รหัสผมออกมานอกห้องประชุมเดินไปแถวลานจอดรถ ผมก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่ ผมรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่สักพักพอหันหน้ามาสบตากับผม หลังจากนั้นผมก็พุ่งตัวจะเข้าไปกระโดดกอดทันที

“เฮ้ย!! อย่าถอยมา...” พี่รหัสผมตะโกนตามหลังทันทีที่ผมกระโดดพุ่งเข้าไปกอดลุงรหัส

“โลกโคตรกลมเลยอ่ะพี่ ผมโคตรดีใจเลยรู้ป่ะ ที่ได้พี่เอ็มดีเป็นลุงรหัส” ผมพูดขณะที่สองแขนของผมยังกอดคอพี่มันอยู่

“ไนซ์...คือ...ถอยออก...” พี่รหัสผมเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแล้วอยู่ดีๆ ก็หยุดพูดไปซะงั้น
ผมมองหน้าพี่รหัสที่ตอนนี้หน้าพี่เขาซีดเป็นไก่ต้มไปแล้วครับ เล่นซะผมรู้สึกหิวขึ้นมาเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรของเขาสงสัยจะตกใจ
ที่ผมสนิทกับลุงรหัสถึงขนาดกระโดดกอดคอกันได้ล่ะมั้งครับ

หลังจากนั้นพี่รหัสก็ให้ขนมผมมาถุงบะเร่อเป็นของรับน้องรหัส แล้วก็มีนัดแนะกันว่าจะพาไปเลี้ยงสายรหัสจะได้ไปเจอปู่รหัสด้วยเพราะวันนี้ปู่รหัสไม่ว่างมา หลังจากนั้นพี่รหัสผมก็เดินคอตกไปเลย ทิ้งให้ผมอยู่กับลุงรหัสของผม 2 คน

“พี่เอ็มดีไปกินข้าวกัน ผมหิวแล้วอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับทำท่าลูบท้องผมเบาๆ

“ครับ...” พี่มันตอบกลับมาแค่นั้น ผมนี่งงไปเลย วันนี้พี่มันเป็นอะไร พูดน้อยแปลกๆ แถมยังพูดครับกับผมด้วย ชักจะขนลุกแล้วสิ

หลังจากนั้นเราก็เดินมาที่โรงอาหารกลางที่อยู่ไม่ไกลจากหอประชุมนัก ผมรีบวิ่งไปร้านอาหารตามสั่งร้านประจำจัดการสั่งข้าวผัวหมูไม่ใส่ผัก แล้วผมก็เดินไปซื้อน้ำอัดลมสีเขียวที่พี่มันบอกว่าชอบมาถือไว้รอข้าวต่อ

หลังจากได้ข้าวผัดของผมเรียบร้อย ผมก็กลับมานั่งที่โต๊ะ ที่มีพี่มันนั่งรอผมอยู่ก่อนแล้ว

“อะ นี่น้ำที่พี่ชอบ รู้ใจใช่ปะล่ะ ไม่ต้องชมผมหรอกนะ” ผมพูดพร้อมยื่นน้ำไปตรงหน้าพี่มัน แต่พี่มันส่ายหน้าปฏิเสธ

“พี่ไม่ชอบกินน้ำอัดลมครับ” พี่มันตอบมาพร้อมหางเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินจากปากพี่มัน ผมถึงกับงงหนักกว่าเดิมอีกครับทีนี้

“พี่ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย วันนั้นพี่บอกผมเองว่าชอบ แล้วนี่มาพูดเพราะกับผมทำไม ขนลุก” ผมพูดพร้อมทำท่าลูบแขนตัวเองทั้งสองข้าง

“งั้นน้องไนซ์จำใหม่นะครับ พี่ไม่ชอบกินน้ำอัดลม พี่ชอบกินน้ำเปล่าธรรมดาแบบไม่เย็น” พี่มันตอบพร้อมกับก้มหน้าก้มตาจัดการกับข้าวในจานต่อ

ผมได้แต่พยักหน้างึกๆ ไม่ได้ตอบอะไรพี่มันอีก เพราะผมกลัวว่าพี่มันจะพูดอะไรให้ผมขนลุกออกมาอีกน่ะสิครับ
กินข้าวไปได้สักพัก ผมก็สังเกตได้ว่าคนในโรงอาหารทำไมมองมาที่โต๊ะผมกันแทบทุกคนด้วยสายตาเหมือนแปลกใจอะไรสักอย่าง แถมยังซุบซิบอะไรกันด้วยก็ไม่รู้ ผมเริ่มชักจะหวั่นใจแล้วสิ ว่าจะมีเรื่องซวยอะไรเกิดขึ้นกับผมอีกรึเปล่าเนี่ย

หลังจากกินข้าวเสร็จ พี่มันก็ลากผมมาที่รถเพื่อที่จะไปส่งผมที่หอ แต่เอ๊ะ พี่มันเปลี่ยนรถหรอ ปกติไม่ใช่คันนี้นี่หว่า แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรพี่มันหรอกนะ คิดแค่ว่าส่งผมให้ถึงหอก็พอ

ไม่กี่นาทีต่อมาพี่มันก็ขับรถมาจอดที่หน้าหอผม โดยที่มีผมคอยบอกทางพี่มันตลอด สงสัยพี่มันจะไม่สบายจริงๆ ถึงขั้นจำทางมาหอผมไม่ได้ หลังจากนั้นพี่มันก็หาที่จอดแล้วบอกให้ผมนำทางขึ้นไปที่ห้อง

“ขอบคุณนะพี่ที่มาส่ง ผมเข้าห้องก่อนนะ” ผมบอกพี่มันเตรียมจะเปิดประตูห้อง แต่ยังไม่ทันได้เปิดเพราะพี่มันเรียกผมไว้ก่อน

“ไนซ์ครับ พี่ขอเบอร์เราหน่อยได้มั้ย เผื่อไว้นัดเลี้ยงสาย พี่จะได้โทรบอกเรา”

ผมหันมองหน้าพี่มันด้วยความหวาดหวั่นพร้อมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พี่มันไม่ต้องไม่สบายจริงๆ แน่ๆ เลยครับ สมงสมองพี่มัน
ไปหมดแล้ว ทั้งพูดจาแปลกๆ จำทางมาหอผมก็ไม่ได้ แถมมาขอเบอร์ผมอีกทั้งๆ ที่มีเบอร์กันมาเป็นเดือนแล้ว

ผมยื่นมือไปรับไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของพี่มันมา พร้อมกับกดเบอร์ของผมลงไปแล้วยื่นคืนไปให้พี่มันทันที พร้อมกับพูดทิ้งท้ายใส่พี่มันก่อนที่ผมจะรีบพุ่งตัวเข้าห้องทันที

“ไม่สบายก็ไปหาหมอนะพี่ อย่าปล่อยให้อาการหนักกว่านี้ ผมเริ่มกลัวพี่แล้วเนี่ย”

ผมเริ่มหวั่นใจกับพี่มันแล้วนะครับ พี่ผมมันจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย คิดแล้วผมก็เครียด ถ้าพี่มันเป็นอะไรไปใครจะเลี้ยงขนมผมล่ะครับทีนี้ พูดแล้วก็ขอไปหยิบเยลลี่น้องหมีในตู้เย็นมากินแก้เครียดดีกว่า...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2020 19:58:02 โดย woragus »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

เยลลี่ชิ้นที่ 3 เปิดเผยตัวจริงของลุงรหัส

หลังจากการจับสายรหัส นี่ก็ผ่านมาได้สองอาทิตย์แล้วครับ ผมกับสายรหัสของผมยังไม่ได้นัดกันเลี้ยงสาย เพราะช่วงนี้พวกเรายังว่างไม่ตรงกันเลย และวันนี้พวกรุ่นพี่ก็นัดพวกเราปี 1 ให้มาประชุมกันอีกรอบ เพราะจะได้ทำการคัดเลือกดาวเดือนของคณะ เพื่อเป็นตัวแทนไปคว้าตำแหน่งดาวเดือนมหา’ลัยมาให้กับคณะคหกรรมศาสตร์ของเรากันครับ

“ได้เวลาแล้วนะคะน้อง เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา ไหนๆ พวกน้องก็ยืนแยกแถวชายหญิงกันอยู่แล้ว พี่ขอใช้วิธีเบสิคสุดๆ เลยแล้วกันนะคะ พี่จะให้น้องๆ ส่งตัวแทนแถวละ 1 คน เพื่อเอามาให้พวกพี่คัดคู่ดาวเดือนของคณะเรากันค่ะ พี่ให้เวลา 15 นาทีเท่านั้น เริ่มได้เลยค่าาาาา”

หลังจากนั้นความชุลมุนก็บังเกิดครับ เพราะแต่ละคนต่างหันหน้าหันหลังไปชี้คนโน้นทีคนนี้ทีเพื่อที่จะให้แถวของตัวเองได้มีตัวแทนตามคำสั่งของรุ่นพี่ แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ เพราะตอนนี้ผมกำลังยืนแกะถุงเยลลี่ที่พี่เอ็มดีสุดที่รักของผมเอามาให้เมื่อเช้านี้ หลังจากแกะเสร็จก็จัดการเทใส่ปากอย่างสบายใจ โดยไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างเลยครับ

แต่ผมก็ยังขอยืนยันคำเดิมครับ คนมันจะซวยอะไรก็ช่วยไม่ได้เพราะรุ่นพี่ดันออกคำสั่งใหม่กระทันหัน

“หมดเวลาแล้วค่ะน้องๆ ไหนใครไม่ใช่ตัวแทนของแถวขอให้นั่งลงให้เรียบร้อยนะคะ ให้เหลือแค่ตัวแทนก็พอค่ะ”

เท่านั้นแหละครับ แถวข้างๆ ทั้งซ้ายและขวารวมทั้งแถวของผมพร้อมใจกันนั่งลงพรึบหายไปหมดทั้งแถบ เหลือแค่ตัวแทนของแถวอื่นๆ เพียงแค่แถวละคนและก็น้องไนซ์คนนี้ไงครับ ที่ยืนใช้มือซ้ายกอดถุงเยลลี่ ส่วนมือขวากำลังเอาเยลลี่น้องหมีสีแดงรสสตอเบอรี่ของโปรดของผมเข้าปากอยู่

ผมได้แต่หันหลังไปมองเพื่อนในแถว แล้วก็กำลังจะย่อตัวนั่งตาม แต่สายตาของเพื่อนในแถวดูแล้วจะไม่ยินยอมให้ผมได้นั่งลงแล้วแหละครับ ผมจึงต้องยืนกอดถุงเยลลี่ต่อไปอย่างช่วยไม่ได้

“โอ้โห น้องไนซ์คะ พี่ก็พอจะรู้มาจากพี่เอ็มดีนะคะ ว่าน้องติดเยลลี่มาก แต่พี่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นยืนกอดไว้แบบนั้นเลยนะคะเนี่ย พี่เอ็มดีซื้อให้ใช่มั้ยคะนั่น ฮิ้ววววว” พิธีกรคนสวยคนเดิมกับรอบที่แล้วพูดขึ้น ทำให้ทั้งห้องประชุมหันมามองผมเป็นตาเดียวอีกแล้วครับ

ผมทำได้แต่ก้มหน้างุดๆ มองพื้น พร้อมปาถุงเยลลี่ที่กอดไว้ใส่ไอ้พีทเพื่อนชั่วของผมที่เอาแต่นั่งขำผมอยู่ด้านหลัง หรือว่าผมคิดผิดกันนะ ที่ผมเคยบอกว่าจะฝากชีวิตในรั้วมหา’ลัยไว้กับคนแบบมัน

“เอาแหละค่ะ ต่อไปพี่จะให้น้องๆ ที่เป็นตัวแทนแต่ละแถวขึ้นมาแนะนำตัวบนเวทีนะคะ พร้อมกับบอกชื่อของพี่รหัส ลุงรหัสด้วยนะคะ เวลาที่น้องๆ คิดจะหนีพี่จะได้ตามตัวง่ายๆ เพราะมีน้องหนีกันทุกปี เริ่มจากแถวแรกเลยค่ะ จะได้ไม่เสียเวลา มาค่ะ”

หลังจากเสียงพิธีกรคนสวยสิ้นสุดลง ตัวแทนแต่ละแถวก็เดินขึ้นไปแนะนำตัวกันบนเวทีตามที่ได้รับคำสั่งมา จนมาถึงแถวของผมซึ่งอยู่แถวที่ 2 นับจากแถวสุดท้าย

“สวัสดีครับ ผมชื่อ นิรัช ชื่อเล่นไนซ์ เอ่อ...พี่รหัสผมชื่อพี่ทัพฟ้า...ส่วนลุงรหัส...ผมชื่อพี่เอ็มดีครับ ขอบคุณครับ”

หลังจากผมแนะนำตัวเสร็จ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงจากเพื่อนแถวสุดท้ายตะโกนขึ้นมาแทรก

“พี่เอ็มดีเป็นลุงรหัสของผมครับ!!” คนในแถวสุดท้ายด้านล่างเวทีพูดขึ้นเสียงดังฟังชัด

“เอาแล้วค่ะ เกิดศึกแย่งลุงรหัสกันแล้วค่าาา” เสียงพิธีกรคนสวยพูดขึ้นต่อทันที

“แต่ผมว่าไม่น่าใช่นะครับ ก็ผมเจอกับลุงรหัสแล้วตั้งแต่วันจับสายเลย พี่ทัพฟ้าเป็นคนพาผมไป” ผมเถียงขาดใจเลยครับ ก็ผมพูดความจริงนี่หว่า

“ผมก็เจอกับลุงรหัสแล้วเหมือนกันครับ” คนที่อยู่ในแถวข้างล่างพูดบ้าง

“เอายังไงดีคะเนี่ย ศึกครั้งนี้ พี่เอ็มดีของน้องไนซ์นี่ท่าทางจะเนื้อหอมจริงๆ เลยนะคะเนี่ย ฮิ้วววววว”

“งั้นเอางี้เดี๋ยวผมโทรตามพี่เอ็มดีมาเลยก็ได้ครับ จะได้เคลียร์” ผมพูดด้วยความมั่นใจพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกและเปิดสปี๊กเก้อโฟนใส่ไมค์ให้คนอื่นได้ยินด้วย

แต่ก็นั่นแหละครับคนมันจะซวย พี่เอ็มดีไม่รับสายผม หน้าแตกสิครับงานนี้ แต่ผมก็คิดอะไรบางอย่างออก

“แปปนะครับ ผมมีอีกเบอร์นึงของพี่เขา” ผมพูดพร้อมกดโทรออกทันทีพร้อมกับเปิดสปี๊กเก้อโฟนใส่ไมค์เหมือนเดิมรอไม่นานพี่ชายสุดที่รักของผมก็รับสาย

“ครับไนซ์” ปลายสายพูดขึ้นทันทีที่รับสาย

“พี่ มาหาผมที่ห้องประชุมเลยนะ เกิดศึกแย่งลุงรหัสแล้วเนี่ย มาเร็วๆ เลยนะ มาเคลียร์เลยว่าพี่เป็นของใครกันแน่ ผมรออยู่” ผมพูดด้วยเสียงออดอ้อนตามสไตล์ของผมเวลาอ้อนพี่เอ็มดีเขาแหละครับ

“ครับๆ รอพี่แปปนึงนะ” ปลายสายตอบและตัดไปทันที

แต่เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมพวกรุ่นพี่ทั้งห้องประชุมมองมาที่ผมด้วยสีหน้าเหมือนตกอกตกใจกับอะไรสักอย่าง แถมยังหน้าซีดเป็นไก่ต้มแบบที่พี่ทัพฟ้าเป็นวันนั้นไม่มีผิด หรือผมทำอะไรผิดไปหรอครับ

“เอ่อ...น้องไนซ์คะ พี่ว่าไม่ต้องให้มาแล้วมั้งคะ คือ...พี่พอจะเดาออกแล้ว” พิธีกรพูดใส่ไมค์ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

ไม่นานนักประตูห้องประชุมก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของลุงรหัสของผม ผมมองร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาในห้องประชุมด้วยความปลื้มใจกับลุงรหัสของผมที่ไม่ปล่อยทิ้งให้ผมเดียวดายในสถานการณ์แบบนี้

หลังจากนั้นลุงรหัสของผมก็เดินขึ้นมาบนเวที เมื่อลุงรหัสมาหยุดอยู่ข้างผม ผมก็กระโดดกอดคอลุงรหัสทันที แล้วกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันแค่ 2 คนว่า “พี่ช่วยไนซ์ด้วย มีคนจะแย่งลุงรหัสไนซ์ นั่นๆ คนนั้นน่ะ” พูดเสร็จแล้วผมก็ใช้นิ้วชี้ ชี้ไปที่คนในแถวข้างล่างเวที

รุ่นพี่บนเวทีพอเห็นผมกระโดดกอดคอลุงรหัสเท่านั้นแหละครับ วงแตกกันหมดเลย เหลือไว้แค่พิธีกรคนสวยที่ต้องทำหน้าที่ต่อไปด้วยสีหน้าตกใจแบบสุดขีด

“เอ่อค่ะ เอาไงต่อดีคะ พี่ เอ่อ...” พิธีกรยังพูดไม่ทันจบ ลุงรหัสของผมก็ยื่นมือไปดึงไมค์ออกจากมือของเธอทันที

“สวัสดีครับ ผมไอรวัฒน์ ชื่อเล่น ไอที เป็นลุงรหัสของไนซ์ครับ” ลุงรหัสผมพูดกรอกใส่ไมค์ทันที ทั้งห้องประชุมเงียบกริบ เหลือแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่

เท่านั้นแหละครับ มือที่กอดคอลุงรหัสผมอยู่ล่วงแหมะทันที ผมหันไปมองหน้าลุงรหัสที่หันมายิ้มให้ผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และผมกำลังจะถอยหลังหนีแต่ไม่ทันครับ ลุงรหัสผมยื่นมือมาจับมือของผมไว้แน่นไม่ยอมให้ผมถอยไปไหน

“จะไปไหนครับ น้องไนซ์” ร่างสูงหันมาพูดกับผมพร้อมรอยยิ้มที่ผมมองแล้วรู้สึกขนลุกทั้งตัว

และไม่นานนักประตูห้องประชุมก็เปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมร่างสูงของพี่เอ็มดีที่วิ่งตรงมาทางผมทันที และเมื่อมาถึงตัวผมพี่มันเล่นใหญ่ดึงมือผมออกจากมือลุงรหัสทันที

“มึงจะทำอะไร ไอที!!” พี่มันพูดขึ้นเสียงดังพร้อมกำมือผมไว้แน่น

“มึงนั่นแหละจะทำอะไรเอ็มดี ปล่อยมือไนซ์” ร่างสูงของลุงรหัสผมพูดพร้อมทำท่าจะดึงมือผมออก

แฝดพี่แฝดน้องยืนจ้องตากัน จนผมสังเกตเห็นสายฟ้าออกมาจากตาของทั้งคู่ เหมือนกับว่าพี่มันทั้งสองคนกำลังแย่งสาวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ยังไงยังงั้นเลยแหละครับ

“เอ่อ...พี่ไอที พี่เอ็มดี พอก่อนนะคะค่อยมาแย่ง เอ้ย!! ค่อยเคลียร์กันที่หลัง ขอทำกิจกรรมตรงนี้ต่อให้จบก่อนนะคะ” พิธีกรพูดแทรกขึ้น ทั้งคู่เลยยอมปล่อยมือผมสักที

แล้วทั้งคู่ก็ลากกันเดินออกไปจากห้องประชุม ทิ้งให้ผมกลายเป็นเป้าสายตาจากผู้คนมากมายในห้องประชุมแห่งนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีนะครับ หลังจากแนะนำตัวกันครบ พิธีกรก็สั่งให้รุ่นน้องทุกคนเขียนชื่อของคนที่ตัวเองเชียร์และอยากให้เป็นตัวแทนดาวเดือนของคณะใส่ลงในกระดาษแล้วหย่อนใส่กล่องโดยมีรุ่นพี่เดินไปเก็บตามแถว

การนับคะแนนผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงผลก็ออกมาแล้วครับ

“ตัวแทนดาวของคณะได้แก่น้องน้ำฟ้าค่าาาา”

“กรี๊ดๆๆๆ ...ฮิ้วววว”

“ต่อไปนะคะ ตัวแทนของเดือนคณะได้แก่น้องเยลลี่ เอ้ย น้องไนซ์ค่าาาาา” พิธีกรพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นผิดปกติ จนผมสังเกตได้ แถมยังหันมายิ้มกรุ้มกริ่มให้ผมอีกต่างหาก

หลังจากเสร็จกิจกรรมในห้องประชุมต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง

ผมเดินออกมาแบบโซเซหมดสภาพจนไอ้พีทที่เดินตามหลังผมมาเอามือมากอดบ่าผมไว้

“มึงเป็นอะไรของมึงไอ้ไนซ์ แค่แฝดในตำนานรุมแย่งมึงถึงกับไปไม่เป็นเลยหรอวะ ฮ่าๆๆ” มันพูดพร้อมเสียงหัวเราะชอบใจพร้อมโยนถุงเยลลี่คืนผม

“ไนซ์เอาไงต่อดีล่ะทีนี้ จะแยกออกมั้ยเนี่ยคนไหนพี่ไอทีคนไหนพี่เอ็มดี เราเห็นแล้วเรายังงงๆ เลย” น้องซีของผมพูดเสริมต่อจากไอ้พีททันที

ผมได้แต่มองหน้าพวกเพื่อนของผม แต่ตอนนี้ไม่มีแรงจะเถียงพวกมันหรอกครับ ตอนนี้ร่างกายของผมพรุนไปหมดแล้วหลังจากโดนสายตาของคนในห้องประชุมมองผมจนร่างทะลุไปหมด

หลังจากผมได้เป็นตัวแทนของคณะ สิ่งที่ผมต้องทำต่อไปคือซ้อมสิ่งต่างๆ ที่ต้องใช้ในการประกวดในอีก 1 เดือนข้างหน้านี้ แต่ไอ้เรื่องการซ้อมมันไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่ไอ้เรื่องที่ผมเจอหลังจากวันที่ผมโดนยื้อแย่งบนเวทีวันนั้นมากกว่าที่ทำให้ผมใช้ชีวิตสบายๆ เป็นเฟรซชี่วัยใสไม่ได้อีกต่อไป

Gossip Freshy Boys

วันนี้เดี๊ยนได้ไปแอบแชะภาพของแฝดพี่ไอทีกับแฝดน้องเอ็มดีในตำนานมาให้ดูกันนะคะ แต่เอ๊ะ ทำไมกันนะ เหมือนทั้งสองคนจะทะเลาะอะไรกันสักอย่าง จะเกี่ยวกับเรื่องบนเวทีคัดดาวเดือนของคณะคหกรรมศาสตร์วันนั้นมั้ยคะ อันนี้เดี๊ยนก็ไม่อาจทราบได้ อะฮิ อะฮิ

‘มีเรื่องอะไรกันคะทำไมชั้นตกข่าว’

‘ไม่นะพี่ไอทีของน้อง ทำไมพอหึงหวงแล้วมันกร้าวใจน้องเหลือเกิน’

‘อุ้ยตาย ไม่อยากจะเม้าท์ เห็นแฝดพี่ขลึมๆ แบบนั้นอย่าให้ออกโรงนะคะขนลุกมากค่ะ #จากคนอยู่ในเหตุการณ์’

‘ต้องเป็นเรื่องของน้องเยลลี่แน่ๆ เลยวันนั้นน่ะ’

‘น้องเยลลี่นี่คือใคร’

‘น้องไนซ์ไง ที่ได้เป็นเดือนคณะคหกรรมฯ’

*แนบรูปภาพ*


เท่านั้นแหละครับ ชีวิตของผมก็เปลี่ยนแบบที่ว่าห้ามกระดิกตัวเชียวนะมึง มิเช่นนั้นกูเล่นข่าวมึงแน่ อะไรประมาณนั้นเลยแหละครับ แล้วต่อจากนี้ตัวปัญหาทั้ง 2 คน จะมารับผิดชอบชีวิตผมมั้ยล่ะครับเนี่ย หรือจะปล่อยให้น้องไนซ์ผู้บอบบางและอ่อนแอคนนี้ ต้องรับผลกรรมที่ไม่ได้ก่ออยู่คนเดียว เอาใจช่วยผมด้วยครับเพื่อนๆ


ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เยลลี่ชิ้นที่ 4 จะจีบผมอีกคนปะเนี่ย

< แฝดพี่คนขรึม >

“ปล่อยกู ไอที!!” แฝดน้องของผมโวยวายเสียงดัง ตอนที่ผมลากมันออกมาจากห้องประชุม พร้อมสะบัดมือผมที่กำข้อมือของมันออก

“...”

“กูบอกให้ปล่อยไง!! มึงลากกูออกมาทำไมวะ กูจะไปหาไนซ์”

“มึงคิดอะไรกับไนซ์รึเปล่า” ผมถามออกไปด้วยเสียงเรียบนิ่ง ผมเป็นคนตรงๆ อยู่แล้วครับ อยากรู้อะไรก็แค่ถาม ไม่อยากทำอะไรให้มันยุ่งยาก

“ทำไมกูต้องบอกมึงด้วยวะ แล้วมึงยุ่งอะไรด้วย” น้องผมมันไม่ยอมตอบ แถมยังโยนคำถามกลับมาให้ผมอีก

“ถ้ามึงไม่ยอมบอก งั้นมึงก็ฟังที่กูกำลังจะพูดให้ดีๆ แล้วกัน”

“...”

“กู-ชอบ-ไนซ์” ผมพูดเน้นทีละคำ ให้มันได้ยินอย่างชัดเจนพร้อมกับเดินหันหลังออกมาจากตรงนั้นทันที โดยไม่ฟังอะไรต่อ แต่ต้องชะงักเท้าเมื่อน้องผมมันพูดต่อ

“กูก็ชอบไนซ์ อีกอย่างกูเจอน้องเขาก่อน ยังไงกูก็จะไม่ปล่อยให้มึงคาบไปหรอก”

“งั้นหรอ...เจอก่อนงั้นหรอ” ผมหันกลับไปพูดสวนทันที

“...”

“มึงยังจำเรื่องของเด็กคนนึงที่กูเคยเล่าให้มึงฟังได้มั้ย ถ้ามึงยังจำได้อยู่ กูจะบอกมึงให้รู้ไว้...เด็กคนนั้นคือไนซ์”

“แน่ใจหรอ...แน่ใจหรอว่าคือไนซ์”

“กูแน่ใจว่าใช่ ถ้ายังเห็นแก่ความเป็นพี่น้องอยู่ กูไม่อยากจะมาทะเลาะกับมึงเรื่องอะไรแบบนี้ มันน่าอายอยู่นะที่กูต้องมาพูดอะไรแบบนี้ ถือว่ากูขอร้องนะ ช่วยหลีกทางให้กูด้วย กูไม่อยากพลาดโอกาสเป็นครั้งที่สองอีกแล้ว ครั้งเดียวมันก็เกินพอแล้ว...”

ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะครับว่าน้องชายของผมมันรู้สึกยังไงกับไนซ์ ที่ทุกคนเห็นมันเฟรนด์ลี่ สนิทกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว แต่มันไม่เคยทำกับใครแบบที่ทำกับไนซ์ ทั้งพามาที่คอนโดทั้งๆ ที่มันหวงความเป็นส่วนตัวของมันจะตาย แถมยังคอยเอาขนมที่น้องมันชอบไปให้น้องแทบจะทุกวันก่อนเข้าเรียน ถึงมันจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เถอะ แต่มันแสดงให้เห็นว่าเอ็มดีมันใส่ใจไนซ์มากกว่ารุ่นน้องคนอื่นๆ

อีกอย่างนะครับตัวเอ็มดีเองมันก็รู้เรื่องของไนซ์ที่ผมเคยเล่าให้มันฟังเมื่อหลายปีก่อนเป็นอย่างดี และผมก็มั่นใจครับว่าถ้าผมเอ่ยปากขอร้องมันไปตรงๆ น้องของผมยังไงมันก็ต้องเข้าใจและยอมทำตามที่ผมขอร้องครับ เพราะน้องของผมมันรู้ดีครับว่า นิสัยของผมถ้าไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องการจริงๆ ผมจะไม่มีทางเอ่ยปากขอร้องใครหน้าไหนเด็ดขาด...


< เจ้าแก้มเยลลี่ >

วันนี้เป็นวันเสาร์ครับ เป็นวันที่ผมอยากจะนอนให้เต็มที่ คิดว่าจะตื่นสัก 5 โมงเย็น เอ่อ อันนั้นก็เกินไปครับ ผมพูดเล่นแต่ประเด็นนั้นช่างมันไปก่อนครับ เพราะตอนนี้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ของผมมันกำลังแผดเสียงร้องรบกวนการนอนของผมอยู่

ผมลืมตาขึ้นพร้อมใช้ทั้งสองมือควานหาโทรศัพท์ที่ผมเอามันไปยัดไว้ส่วนไหนบนเตียงนอนก็ไม่รู้ เพราะเมื่อคืนผมหลับคาโทรศัพท์เลยครับ แล้วผมเป็นคนนอนดิ้นก็ไม่รู้ว่าผมเหวี่ยงมันไปไว้ตรงไหน

หาอยู่สักพักผมก็เจอพร้อมกับเบอร์ที่ปรากฏชื่อหราอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของผม ‘พี่เอ็มดี2’ ผมกลืนก้อนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอด้วยลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก ก็มันไม่ใช่เบอร์ของพี่เอ็มดีอีกต่อไปแล้วหนิครับ มันกลายเป็นเบอร์ของลุงรหัสผมไปซะแล้ว ผมนั่งมองหน้าจอจนสายตัดไป พร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

แต่แล้วยังไงล่ะครับทีนี้มันไม่ใช่เสียงโทรศัพท์แล้วครับ แต่มันเป็นเสียงเคาะประตูหรือว่าเสียงคนพังประตูกันแน่วะน่ะ ผมพอจะเดาออกเลยครับว่ามันจะเป็นใคร เพราะเพื่อนผมก็ไม่มีใครรู้ว่าผมพักอยู่ที่ไหน จึงมีแค่ 2 คนเท่านั้นที่รู้ห้องของผม คนแรกคือพี่เอ็มดี ส่วนอีกคนคือพี่เอ็มดี2 ไม่สิลุงรหัสของผมเองครับ

ปัง ปัง ปัง!!

ผมค่อยๆ แง้มประตูออกแค่พอให้เห็นคนที่อยู่หน้าห้องได้เท่านั้น แต่ขณะที่ผมกำลังจะยื่นหน้าออกไปดูนั้น มันมีเยลลี่ถุงใหญ่พุ่งสวนเข้ามาในช่องที่ผมแง้มประตูแทนครับ จะให้ผมทำยังไงละครับ ผมรีบตะครุบไว้แบบไม่คิดชีวิตเลยครับ ก็ผมชอบของผมนี่นา

“หวัดดีครับน้องไนซ์...” ร่างสูงตรงหน้าแทรกตัวเข้ามาในห้องหลังจากผมปล่อยมือออกจากประตูห้อง พี่มันโบกมือทักทายผมพร้อมกับร้อยยิ้มที่ผมไม่ค่อยอยากจะไว้ใจสักเท่าไหร่

“พะ...พี่เอ็มดี...มาแต่เช้าเลยนะครับเนี่ย” ผมตีเนียนไปก่อนครับ เผื่อผมจะจำผิดคน เอาง่ายๆ คือผมให้กำลังใจตัวเองครับ

“...” พี่มันไม่ตอบพร้อมกับยื่นมือมาดึงถุงเยลลี่ออกจากมือผม

“เห้ย!! เอาคืนมานะพี่ไอที เอามาๆๆ” ผมลืมตัวครับ หลุดเรียกชื่อพี่มันไปแล้ว ผมไม่น่าเกิดมาเป็นคนเห็นแก่กินเลย

“ก็จำได้หนิครับ...กวนตีนพี่หรอ หื้ม?” พี่มันพูดเสียงเรียบ พร้อมยื่นหน้าเข้ามาเกือบชิดกับหน้าของผม ตอนนี้หน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบแล้วครับ

“เอาหน้าออกไปเลยพี่!!” ผมพูดพร้อมเอามือดันหน้าพี่มันออกไปไกลๆ

“พี่มารับเราไปซ้อมดาวเดือนครับ แล้วนี่ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก ลืมหรอว่ามีซ้อม”

“เห้ย!! ผมลืมไปเลยพี่ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อน” ผมตอบพี่มันพร้อมพุ่งตัวเข้าห้องน้ำทันที

ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวแค่ 15 นาทีเท่านั้น พอเดินออกมาจากห้องนอน ก็เห็นพี่มันยืนหันหลังทำอะไรสักอย่างอยู่ตรงห้องครัว

“มากินข้าวครับไนซ์ พี่ทำข้าวผัดให้ มาเร็วๆ” พี่มันพูดพร้อมยกจานข้าวผัดมาไว้ตรงโต๊ะหน้าทีวี

“พี่จะวางยาเบื่อผมรึเปล่าเนี่ย หน้าตาไม่น่าไว้ใจ” ผมพูดหยอกพี่มันไปอย่างงั้นแหละครับ เดี๋ยวรีบพุ่งใส่ข้าวเขาจะรู้อีกว่าผมเห็น
แก่กิน

“ถ้าหน้าแบบพี่ไม่น่าไว้ใจ แล้วหน้าแบบเอ็มดีมันน่าไว้ใจหรอครับ” พี่มันพูดพร้อมยื่นหน้าเข้ามาหาผมอีกแล้วครับ พี่น้องคู่นี้มันเป็นอะไรของมันวะเนี่ย

“อะ...เอ่อ...หน้าเหมือนกันก็ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่น่ะแหละ เอาหน้าไปไกลๆ ผมเลย” ผมพูดดันหน้าพี่มันออกแล้วหันมากินข้าวผัดที่พี่มันทำให้

ผมนั่งกินข้าวไปดูทีวีไป ส่วนพี่มันก็นั่งแยกเยลลี่สีแดงไว้ให้ผมกินหลังจากที่ข้าวในจานใกล้จะหมด จริงๆแล้วผมก็ชอบกินแค่สีแดงนั่นแหละครับ แต่มันไม่มีขายแบบแยกไง จะว่าไปลุงรหัสผมก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะผมว่า คนอื่นคงกลัวไปเองมากกว่า

“พี่รู้ได้ไงว่าผมชอบกินเยลลี่สีแดง เห็นแยกแต่สีแดงออกมา”

“พี่รู้เกี่ยวกับเราอีกหลายเรื่อง เดี๋ยวรู้จักกันไปเรื่อยๆ เราก็จะรู้เองครับ ตอนนี้รีบกินก่อนจะได้รีบไปกัน” พี่มันพูดพร้อมกับลุกขึ้นไปล้างมือในห้องน้ำ

ผมได้แต่พยักหน้างึกๆ แล้วนั่งกินเยลลี่ที่พี่มันแยกไว้ให้จนเสร็จ พี่มันก็ลากผมลงมาที่รถแล้วขับพามาส่งที่ตึกที่ใช้ซ้อมดาวเดือนของคณะคหกรรมฯ หลังลงจากรถพี่มันก็วิ่งมาโอบไหล่ผมให้เดินไปที่ห้องซ้อมด้วยกัน แต่มันสายไปเกือบ 20 นาทีแล้วน่ะสิครับ ผมจะรอดมั้ยเนี่ย

“แหม น้องไนซ์คะมาซะสาย...ไม่เป็นไรค่ะ พี่รอได้สำหรับน้องไนซ์มาทางนี้เลยค่ะเด็กดี” พี่แอลที่ดูแลเรื่องฝึกซ้อม พูดขึ้นพร้อมกับหันมาทางผมแล้วกวักมือเรียกหยอยๆ แต่ผมว่าพี่เขาหน้าตาดูตกใจแปลกๆ นะครับ แถมไม่บ่นไม่ว่าที่ผมมาสายเลยสักคำ แปลกจริงๆ แหละ

ผมโบกมือล่ำลาลุงรหัสของผมแล้วเดินตามพี่แอลไปที่ห้องแต่งตัวของดาวเดือนทันที

“มาด้วยกันได้ไงคะเนี่ย ไหนเม้าท์มาสิ้” พี่แอลพูดพร้อมพยักพเยิดไปทางลุงรหัสของผม

“พี่ไอทีอ่ะหรอ เขามารับผมที่ห้องอ่ะครับ แล้วก็มาด้วยกันเลย” ผมตอบไปตามความจริง

“เอ๊ะยังไงกันคะเนี่ย ไปถึงไหนกันแล้ว หื้ม?” พี่แอลถามผมแล้วทำหน้าล้อเลียน

“ถึงไหนอะไรล่ะพี่ ลุงรหัสมีน้ำใจไปรับหลานรหัสไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”

“คนอย่างพี่ไอทีอ่ะนะจะเอาตัวเข้าไปยุ่งกับรุ่นน้องไม่มีทางหรอกค่ะ ถ้าพี่เขาไม่ได้ ชะ...” ยังไม่ทันจะพูดจบ พี่แอลก็หยุดพูดพร้อมกับทำตาโตมองมาที่ข้างหลังผมแล้วค้างไปดื้อๆ ซะงั้น

“เมื่อกี้จะพูดอะไรหรอแอล...” ร่างสูงของลุงรหัสยืนพูดอยู่ด้านหลังผมแล้วส่งยิ้มเย็นเฉียบให้พี่แอล จนผมขนลุกตามไปด้วยเลยครับ

“ปะ...เปล่าค่ะ” พอพี่แกพูดเสร็จพี่แกก็วิ่งหนีไปเฉยเลย อะไรกันครับเนี่ย

หลังจากคุยกันเสร็จจากนั้นผมก็เริ่มทำการซ้อมตามปกติ ส่วนลุงรหัสของผมขอตัวออกไปทำธุระข้างนอก แล้วเดี๋ยวตอนเย็นเขาบอกว่าจะมารับกลับห้อง ก็ดีครับผมจะได้ไม่เปลืองค่ารถ จะว่าไปเขาก็เป็นคนดีนะ ผมว่าผมชักจะเริ่มชอบนิสัยดูแลเทคแคร์ของลุงรหัสผมคนนี้เข้าแล้วล่ะสิ...

Gossip Freshy boys

เอาแหละค่าาา งานนี้เดี๊ยนได้ไปแอบแชะรูปของแฝดคนพี่แถวตึกคณะคหกรรมศาสตร์ของมหา’ลัยเรามาอีกแล้วค่ะ แต่เอ๊ะ...เดี๋ยวก่อนนะคะ นั่นในมือของคุณเขา เดี๊ยนเหมือนเห็นถุงเยลลี่ด้วยใช่มั้ยคะนั่น คุ้นๆนะคะว่าจะมีน้องคนนึงชอบมากๆ นี่จะเอาไปล่อ เอ้ย!! จะเอาไปฝากใครกันคะเนี่ย น่าสงสัยจริงๆ เลย

‘พี่ไอทีของน้องทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้คะเนี่ย’

‘จบกันตำนานแห่งความเงียบขลึมของแฝดพี่ ถือถุงเยลลี่หมีเป็นคนแบ๊วไปซะแล้ว’

‘เมื่อเช้าเหมือนเห็นแถวหอของน้องเยลลี่ด้วยนะคะ’

‘แล้วพี่เอ็มดีไปไหนแล้วคะเนี่ย เดี๋ยวนี้ไม่เห็นเลย’

‘ชั้นขอลงขันว่าคนพี่ชนะชัวร์ๆ ไม่ต้องสงสัย’

‘ชั้นลงด้วยจ้า 20 ไปเลย’


ผมนั่งรอลุงรหัสผมที่บอกว่าจะมารับตอนซ้อมเสร็จ น้ำฟ้าก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดูเพจเม้าท์มอยของมหา’ ลัยเรา เป็นรูปของลุงรหัสของผมถือถุงเยลลี่ถุงใหญ่อยู่ ผมไม่เข้าใจจริงๆ แค่แฝดพี่ในตำนานถือถุงเยลลี่มันจะอะไรกันนักหนาครับเนี่ย ไม่คิดว่าเขาจะซื้อมากินเองมั่งหรอ พี่เขาก็คนนะครับ

“ไนซ์ กับพี่ไอทีนี่ยังไงกันหรอ” เพื่อนดาวของผมถามขึ้นขณะที่ผมยื่นโทรศัพท์คืนเธอ

“ก็ไม่ยังไงหนิ เขาเห็นเราชอบมั้งก็เลยเอามาให้ ที่ห้องเขาพี่เอ็มดีซื้อไว้เต็มเลย” ผมตอบตามความจริง เพราะที่พี่เอ็มดีซื้อให้ผมวันนั้นมันเยอะจนกินได้หลายเดือนเลยแหละ

“เคยไปห้องพี่เขามาแล้วด้วยหรอ ฮั่นแน่ ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย”

“เราไปกับพี่เอ็มดีไหมล่ะ ไม่ได้ไปกับพี่ไอทีซะหน่อย เรารู้จักกับพี่เอ็มดีตั้งแต่วันมาสัมภาษณ์ที่มหา’ลัยแล้ว”

ยังไม่ทันจะคุยอะไรกันต่อ ร่างสูงของลุงรหัสผมก็เดินมาหยุดอยู่หน้าผมพร้อมกับน้ำฟ้าที่ผุดลุกขึ้นยืนยกมือไหว้แล้วพุ่งตัวหนีไปทางอื่นซะงั้น จะกลัวอะไรลุงรหัสผมกันนักหนาเนี่ย

“กลับกันครับไนซ์” ลุงรหัสผมพูดพร้อมก้มลงมาดึงมือผมให้ลุกขึ้นยืน

“ไหนเยลลี่อ่ะ เห็นเอามาถุงบะเร่อเลย” ผมถามออกไปพร้อมยื่นมือไปข้างหน้าร่างสูงของลุงรหัส

“รู้ได้ไงเนี่ยหะเรา อยู่ในรถครับค่อยไปกินที่ห้อง” พี่มันพูดพร้อมยื่นมือมาขยี้ผมของผมจนยุ่งไปหมด

ผมเดินตามลุงรหัสมาที่รถแล้วกระโดดขึ้นนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ พร้อมกลับเตรียมตัวงีบทันที ผมขี้เกียจคุยกับพี่มันครับ เจอจนเบื่อขี้หน้าแล้ว

เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหอ ผมคว้าถุงเยลลี่ถุงใหญ่ที่พี่มันให้ไว้ในอ้อมแขน ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถผมก็ต้องชะงักไป เมื่อลุงรหัสเอื้อมมือมาจับแขนของผมเอาไว้

“น้องไนซ์ พี่ขอมารับมาส่งเราทุกวันเลยได้มั้ยครับ” พี่มันพูดพร้อมมองหน้าผมตรงๆ ด้วยสีหน้าที่จริงจังกว่าทุกครั้ง

“ฮั่นแน่ จะจีบผมอีกคนปะเนี่ย ผมจีบยากนะ ขอเตือนไว้ก่อนเลย จะมารับก็มาครับ สบายผมด้วยไม่เปลืองค่ารถ” ผมพูดเชิงหยอกเหมือนที่เคยพูดกับพี่เอ็มดีไปตอนนั้น พร้อมพุ่งตัวออกจากรถพี่มันทันทีที่พูดจบ ไม่คิดจะรอฟังคำตอบจากพี่มัน

ผมลืมตัวไปครับว่ารอบๆ ตัวผมมันไม่มีคนปกติอยู่เลยสักคนเดียว ขืนผมนั่งนิ่งๆ ไม่รีบพุ่งตัวหนีพี่มันออกมาจากรถ ถ้าเกิดพี่มันนึกสนุกอยากตบมุกผมแล้วตอบว่าใช่ครับพี่จะจีบน้องไนซ์ขึ้นมาทีนี้ผมก็ซวยสิครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2020 21:28:28 โดย woragus »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เยลลี่ชิ้นที่ 5 พี่ชายจากต่างคณะ

ทุกคนครับ หลังจากที่พี่มันขอมารับมาส่งผมทุกวัน พี่มันก็ทำแบบนั้นจริงๆ ครับ ผมคิดว่าพี่มันจะทำได้แค่วันสองวันเดี๋ยวพี่มันก็เบื่อไปเอง แต่ที่ไหนได้นี่ก็ผ่านมา 3 อาทิตย์แล้วครับ พี่มันยังไม่เบื่อที่จะมารับมาส่งผมสักที ให้ตายเถอะครับ

นอกจากพี่มันจะมารับมาส่งผมแล้ว พักหลังๆ นี่ชักจะเอาใหญ่ มีการซื้อพวกของสดรวมทั้งของที่ใช้ทำอาหารได้มาตุนไว้ในตู้เย็นของผมด้วยครับ เพราะพักหลังๆ มานี้ ตอนเช้าพี่มันจะขึ้นมาทำอาหารให้ผมกินก่อนไปเรียนแทบจะทุกวัน ส่วนตอนเย็นที่พี่มันมารับผมหลังเลิกเรียน ถ้าวันไหนเราไม่ได้แวะกินอะไรกันมาจากข้างนอก พี่มันก็จะมาทำอาหารให้ผมกินที่ห้องนี่แหละครับ ลุงรหัสผมนี่ดูแลน้องดีจริงๆ เลย ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโชคดีขึ้นมาแล้วสิครับ

“ไง ไอ้ไนซ์ เดี๋ยวนี้เป็นตุ๊กตาหน้ารถจนเพลิน ทิ้งเพื่อนให้ลำบากนั่งรถเมล์มาเรียนคนเดียวตลอดเลยนะครับ” ไอ้พีทพูดแซวผมทันทีที่มันมาถึงโต๊ะที่ผมนั่งรอมันประจำใต้ตึกคณะ

“อย่าเวอร์ รถมึงพึ่งจะเสียได้นั่งรอเมล์มาเรียนแค่ไม่กี่วันเอง อีกอย่างนะ ก็กูมันน่าเอ็นดูนี่หว่า ลุงรหัสกูก็เลยอยากดูแลเป็นธรรมดา” ผมขอพูดแบบมั่นอกมั่นใจในตัวเองไว้ก่อนครับ มันจะได้หยุดแซวผมสักที

“ระวังตัวไว้เถอะมึง จากเอ็นดู เดี๋ยวมึงจะได้ดูเอ็นลุงรหัสมึงแทน ฮ่าๆๆๆ” ไอ้พีทพูดล้อเลียนผมทันทีที่ผมพูดประโยคมั่นอกมั่นใจนั้นออกไป ผมคิดผิดครับว่ามันจะไม่แซวผมต่อ

“ดูเอ็นอะไรของมึง ทะลึ่ง!!”

“คร้าบๆๆ ผมมันคนทะลึ่ง แต่ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน”

“ตลกละๆ เออมึง แล้วเดี๋ยวนี้น้องซีของกูหายไปไหนวะ ไม่เห็นจะมาเรียนพร้อมมึงเหมือนเมื่อก่อนเลย” ผมถามไอ้พีทไปในสิ่งที่ผมสงสัย คือช่วงนี้ผมสังเกตว่าน้องซีของผมไม่ค่อยมาเรียนพร้อมกับไอ้พีทเหมือนช่วงแรกๆ แล้ว ผมเลยอยากรู้ครับ ว่าช่วงนี้น้องซีหายไปไหน

“กูก็ไม่รู้ว่ะ ซีแค่บอกว่าไม่ต้องให้กูไปรับแล้ว จะมาเรียนเอง กูรู้แค่นั้น”

“แปลกๆ นะ มึงคิดเหมือนกูป่ะ กูเริ่มชักอยากจะรู้ซะแล้วสิ” ผมพูดพร้อมกับทำหน้าตาชวนสงสัย

“เลิกยุ่งเรื่องชาวบ้านก่อนมั้ย ตอนนี้ขึ้นเรียนก่อนเถอะ จะสายอยู่แล้ว แหกตาดูนาฬิกาด้วย” ไอ้พีทพูดพร้อมวิ่งหนีผมเข้าลิฟท์ไปทันที ไม่รอผมเลยสักนิด

“โอ้ย!! เจ็บๆๆๆ” ผมร้องออกมาดังลั่น อยู่ดีๆ ก็มีคนเดินมาชนผมอย่างแรง จนผมหงายหลังก้นกระแทกพื้นน่ะสิครับ

“ขอโทษครับ เจ็บตรงไหนรึเปล่า พอดีผมรีบเลยไม่ได้ดูทางให้ดี ลุกไหวมั้ยครับ” ชายร่างสูงที่ผมไม่รู้จักพูดขึ้นพร้อมกันยื่นมือของเขามาให้ผมจับเพื่อลุกขึ้นยืน

“ไม่เป็นไรครับ เจ็บนิดหน่อยสบายมาก” ผมโกหกครับ เจ็บมากๆ เลยต่างหากโว้ย ก้นผมน่ะก้นผม

“ผมชื่อกรนะครับ เรียนวิศวะปี3 แล้วคุณ?” อะไรครับเนี่ย แนะนำตัวเฉยคือขอโทษก็จบแล้วมั้ย แต่ก็พูดออกไปไม่ได้เหมือนเดิมครับ ผมมันพวกเก่งในใจ

“ไนซ์ๆ เรียนคหกรรมฯ ปี1 ครับ”

“อ่อ รุ่นน้องนี่นา พี่ขอโทษอีกรอบนะพอดีรีบไปหน่อยเลยไม่ได้ดูทางให้ดีๆ”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ไปเถอะรีบไม่ใช่หรอ” ผมพูดเป็นเชิงบอกให้พี่มันไปได้แล้ว ปากบอกรีบแต่ไม่ไปสักทียืนจ้ออยู่ได้

“อ่ะนี่ พี่ให้ ถือว่าเป็นการไถ่โทษ” พี่มันล้วงกระเป๋าเป้ที่พี่มันสะพายไว้ด้านหลัง แล้วหยิบถุงอะไรสักอย่างคุ้นๆ ยื่นให้ผม

“เห้ย!! เยลลี่หมีถุงใหญ่ซะด้วย พี่รู้ได้ไงว่าผมชอบ” ผมรีบคว้าไว้ทันที ผมโดนอีกแล้วครับ โดนเอาของกินมาล่อ เบื่อตัวเองโว้ย

“ชอบมากหรอ พี่ก็ชอบนะเลยซื้อติดกระเป๋าไว้” พี่มันพูดพร้อมยิ้มให้ผมจนตาเป็นขีด จะว่าไปก็น่ารักดีแฮะพี่มัน เอ้ยไม่ได้ๆ เผลอเคลิ้มไปหน่อยครับ

“งั้นผมไปก่อนนะพี่ แล้วก็ขอบคุณสำหรับอันนี้ ไว้เจอกันใหม่ครับ” ผมพูดพร้อมโบกมือลาพี่มันทันที พี่มันก็แค่พยักหน้ารับแล้วเดินไปคนละทางกับผม

หลังจากนั้นผมก็ต้องมายืนกร่อยรอลิฟท์คนเดียวอีกครับ เพราะไอ้พีทเพื่อนตัวดีของผมมันหนีขึ้นลิฟท์ไปตั้งแต่แรกแล้ว

“ไม่รอเลยนะมึง ไอ้พีท ไอ้เวร” ผมพูดพร้อมเอามือเขกหัวเพื่อนรักของผมไปทีนึงหลังจากที่เข้ามาในห้องเรียน

“อ๊ะ!! ก็กูเห็นมึงคุยกับผู้ชายอยู่คิดว่าได้เหยื่อใหม่เลยไม่อยากขัดขวาง” ไอ้พีทมันพูดลอยหน้าลอยตาใส่ผมอีกแล้วครับ

“เหยื่ออะไรมึงเขาแค่ชนกู แล้วก็ให้ขนมเป็นการขอโทษแค่นั้นแหละ” ผมพูดพร้อมหยิบของที่ได้มาให้มันดูเป็นหลักฐาน

“เยลลี่ยี่ห้อโปรดมึงเลยหนิ บังเอิญจังเลยนะครับว่ามั้ย เพื่อนไนซ์” มันพูดพร้อมทำหน้ายียวนกวนอวัยวะเบื้องล่างผม แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรไป แต่หันหน้าไปให้ความสนใจกับบุคคลที่ผมกำลังมีเรื่องสงสัยอยู่ในหัวตอนนี้

“ซี เดี๋ยวนี้มาเรียนไวจังเลยนะ มายังไงหรอ หื้ม?” ผมหันไปถามซีที่ก้มหน้าก้มตาทวนชีทที่อาจารย์ให้ไว้เมื่อคาบที่แล้ว

“อะ...อ่อ...คือ เรามากับพี่ชายน่ะ เขามาส่ง” ซีตอบเสียงตะกุกตะกัก หึ มันน่าสงสัยใช่มั้ยล่ะครับ

“พี่ชายงั้นหรอ...พี่ชายจริงๆ งั้นหรอ พี่ชายที่แปลว่าพี่ชายอะหรอ” พอผมพูดแบบนี้ น้องซีของผมก็หน้าแดงก่ำไปถึงใบหูเลยครับ เห็นมั้ยล่ะมันน่าสงสัยจริงๆ ด้วย

“อย่าไปแซวซีมัน ชอบยุ่งเรื่องขาวบ้านจริงๆ เลยมึง หันไปเรียนได้แล้ว อาจารย์มาแล้ว” ไอ้พีทพูดขัด พร้อมกับเอามือหยาบๆ ของมันมาดันหน้าผมไปทางอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้อง

ผมไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ หรอกครับ แต่ผมขอไปคิดหาวิธีที่จะใช้ล้วงความลับของน้องซีให้ได้ซะก่อน คอยดูเลยนะครับทุกคน

และแล้วเวลาเรียนของผมก็หมดลง พร้อมกับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเหมือนรู้เวลาเลิกเรียนของผมเป็นอย่างดี

ใช่ครับ คนๆ นั้นรู้เป็นอย่างดีเพราะคนที่โทรมาคือลุงรหัสของผมหรือสารถีส่วนตัวของผมนั่นเองครับ

“อ้วน พี่รออยู่ใต้ตึกนะครับ รีบลงมา” พี่มันเรียกผมด้วยชื่อใหม่ที่ผมได้มาจากพี่มันเพราะความตะกละของผมเองครับ น่าภูมิใจใช่มั้ยล่ะ

“รอแปปนะพี่ ผมขอเข้าห้องน้ำก่อน” ผมพูดพร้อมตัดสายพี่มันทันที

พอเข้าห้องน้ำเสร็จผมก็ลงมาจากตึกเรียนพร้อมมองหาพี่มันที่บอกว่ารออยู่ข้างล่างตึกคณะทันที ไม่นานผมก็เห็นพี่มันนั่งเล่นไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่ตรงโต๊ะประจำที่ชอบมานั่งรอผมอยู่แทบทุกวัน แถมมีกลุ่มสาวๆรายล้อมนั่งมองพี่มัน จนตานี่เยิ้มกันเต็มไปหมด

“มาแล้วครับผม พี่ไอทีที่รักของน้อง” ใช่ครับ พอผมไม่มีพี่เอ็มดีให้ออดอ้อน ผมก็มาอ้อนพี่มันแทนนี่แหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้พี่เอ็มดีแกหายไปไหน ได้คุยกันไม่กี่ครั้งต่ออาทิตย์เอง

“ไปกันครับ วันนี้ไม่มีซ้อมดาวเดือนใช่มั้ย”

“ใช่แล้ว ซ้อมเสร็จหมดแล้ว แต่เดี๋ยวต้องไปเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อยครับ”

“งั้นไปครับ กลับห้องกันเดี๋ยวพี่ทำอาหารให้กินวันนี้ ไม่ต้องไปกินข้าวข้างนอกหรอกเนอะ” พี่มันพูดพร้อมเอื้อมมือกำลังจะโอบไหล่ผม แต่พี่มันชะงักมือไปก่อนเพราะเห็นสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเป้ของผมที่ลืมรูดซิป

“เอามาจากไหนหรอ ปกติเราไม่ได้พกมากินด้วยหนิครับ” พี่มันพูดพร้อมหยิบเยลลี่ที่ผมได้มาเมื่อเช้าออกมาจากกระเป๋าเป้ของผม

“อ่อ พอดีมีคนให้มาน่ะพี่ เขาเดินชนผม เลยให้เป็นการไถ่โทษ เห็นว่าเรียนวิศวะปี 3 น่ารักดีนะ ยิ้มทีนี่ตาเป็นขีดเลย ฮ่าๆๆ” ผมพูดหยอกพี่มัน แต่ผมคิดว่าพี่มันไม่น่าจะมีอารมณ์เล่นกับผมนะครับ เพราะพี่มันยืนกำมือแน่นเหมือนพี่มันกำลังจะดึงอีกร่างที่ทุกคนกลัวนักกลัวหนาออกมาซะแล้ว

“...”

พี่มันไม่ตอบอะไรครับ แถมยังเอาของโปรดผมไปโยนทิ้งถังขยะเฉย อะไรกันครับเนี่ย พี่มันไปหงุดหงิดอะไรมาถึงต้องมาลงกับน้องเยลลี่ของผมด้วย ไอ้ลุงบ้าเอ้ย แต่ผมก็ไม่กล้าทำอะไรพี่มันหรอกครับ เพราะพี่มันในร่างนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำอะไรได้บ้าง ผมยังอยากเรียนให้ครบ 4 ปีครับ


เงียบกริบครับ ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในรถของพี่มันที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาตั้งแต่รถเคลื่อนที่ เรานั่งเงียบกันมาตลอดทางจนรถมาจอดนิ่งสนิทอยู่ใต้หอของผม เอาก็เอาวะ พูดสักหน่อยแล้วกันผมไม่อยากกลับไปเป็นเด็กหงอยๆ นั่งน้ำลายบูดเหมือนวันแรกอีกแล้วครับ

“เป็นไรครับ บอกไนซ์ได้มั้ย” ผมกลั้นใจถามพี่มันไปตรงๆ ในสิ่งที่สงสัยด้วยน้ำเสียงติดจะอ้อนพี่มันนิดๆ

“เปล่าหรอกครับ พี่แค่คิดว่าคนที่ชนเราไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ” พี่มันตอบพร้อมหันมามองหน้าผมตรงๆ ตอนนี้หน้าพี่มันเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง

“พี่อ่ะคิดมากไปแล้ว ช่างมันเถอะ ป่ะ ขึ้นห้องไปทำอะไรอร่อยๆ ให้ผมกินดีกว่า” ผมพูดพร้อมกับเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินนำพี่มันขึ้นห้องทันที

วันนี้อาหารเย็นของผมเป็นสปาเก๊ตตี้ซอสหมูครับ ตั้งแต่ผมรู้จักพี่มันมา ผมแทบจะไม่เคยกินเมนูซ้ำกันเลยสักวัน เห็นแบบนี้ พี่มันทำอาหารเก่งมากเลยนะครับ ไม่รู้ว่าไปสรรหาเมนูจากไหนมาทำให้ผมกินนักหนา ผมล่ะอยากจะจับพี่มันกดแล้วเอาทำเมียให้สิ้นเรื่อง จะได้มีคนทำอาหารให้ผมกินทุกวัน ผมชอบนะ เอ่อ...หมายถึงอาหารน่ะครับ

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามพี่มันที่อยู่ดีๆ ก็นั่งนิ่งเป็นหิน ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ แถมยังทำหน้าเครียดจนคิ้วขมวดจนเกือบจะพันกันอยู่แล้ว ผมเริ่มรู้สึกหวั่นๆ ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า หรือพี่มันจะกลายร่างอีกแล้ว

“เพื่อนพี่ส่งอันนี้มาให้ดู” พี่มันพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดูสิ่งที่เพื่อนพี่มันส่งมา เป็นรูปหน้าเพจที่ใช้ซุบซิบข่าวของเด็กในมหา’ ลัยครับ

Gossip Freshy Boys

อ๊ะๆๆ อ้าว ยังไงกันคะเนี่ย ทำไมพอหนุ่มเดือนวิศวะของเดี๊ยนนั้น ถึงได้กลายไปเป็นคนส่งเยลลี่ให้น้องไนซ์ซะอย่างงั้นล่ะคะ แล้วนั่นมันตึกคณะคหกรรมฯ ไม่ใช่หรอคะ เดือนวิศวะของดิฉันทำไมไปซะไกลเลยล่ะคะนั่น แล้วนี่แฝดผู้พี่ของคณะนั้น หายไปไหนกันนะ ระวังนะคะเดี๊ยนขอเตือนไว้เลยว่า เด็กๆ มันกรุบอย่าบอกใครเชียว ถ้าไม่เฝ้าให้ดีๆ ระวังจะอดกินนะคะ เพราะสายข่าวของเดี๊ยนรายงานมาว่า คนจ้องจะกินเยลลี่ถุงนี้มีอยู่ทั่วมหา’ ลัยนะจ๊ะ อะฮิ อะฮิ

‘ไม่นะคะ พี่กรของน้องจะไปอีกคนแล้วหรอคะเนี่ย’

‘น้องเยลลี่คนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ’

‘แฝดพี่แฝดน้องก็ไปแล้ว นี่ยังจะเอามาสมบัติของคณะวิศวะไปอีกหรอคะเนี่ย’

‘อยากจะด่าอยู่หรอกนะคะ แต่จะว่าไปแล้ว เคมีเขาเข้ากันดี๊ดีนะคะว่ามั้ย’

‘บวก 1 ให้เม้นบนค่ะ’

‘บวกด้วยอีก 1 ค่ะ’

‘ไม่มีอะไรนะครับ ผมแค่เดินชนน้องเขา ผมเลยให้ของไถ่โทษแค่นั้นเองครับ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ’


“อ่อ คนนี้แหละชื่อพี่กรที่ชนผมใต้ตึกคณะ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ทำหน้าอย่างกับจะโดนแย่งเมียไปได้ ปั๊ดโถ่” ผมตอบกวนประสาทพี่มัน พร้อมกับยื่นโทรศัพท์คืนไป แต่ผมกำลังรู้สึกว่าผมคิดผิดที่พูดออกไปแบบนั้นนะครับ

“ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะครับ คนจ้องจะแย่งอนาคตเมียของพี่กันเยอะขนาดนี้ พี่สู้ไม่ไหวนะครับ ชักจะเริ่มท้อซะแล้วสิ” พี่มันพูดพร้อมแกล้งทำหน้าหงอยๆ ให้ผมสงสาร ผมบอกแล้วครับ ผมคิดผิดที่พูดออกไปแบบนั้น

“เมียบ้าอะไร!! ใครจะยอมเป็นเมียพี่ ผมจะไปอาบน้ำแล้ว ล้างจานให้ด้วยเลย พูดมาก พูดอะไรก็ไม่รู้” ผมพูดพร้อมกับสะบัดก้นออกจากเก้าอี้แล้วพุ่งตัวหนีเข้าห้องน้ำทันที

เอาอีกแล้วครับ พี่มันปาระเบิดใส่ผมอีกแล้ว ความจริงผมก็ยังไม่ได้อยากจะอาบน้ำตอนนี้หรอกครับ แต่ขืนผมยังนั่งอยู่ตรงนั้นต่ออีกหน่อย เกิดพี่มันพูดอะไรเพี้ยนๆ ใส่ผมอีก ผมกลัวจะเคลิ้มตามพี่มันน่ะสิครับ ผมยังเป็นเฟรซชี่ปี 1 สดๆ อยู่เลยนะ ยังต้องเจอคนอีกเยอะแยะ ตอนนี้ผมขอออกไปโลดแล่นก่อน เป็นเมียเมออะไรตอนนี้ อีกอย่างใครจะยอมให้พี่มันจับกดง่ายๆ กันล่ะ ถ้าผมต้องเป็นแฟนกับพี่มันจริงๆ ผมนี่แหละครับ จะกดพี่มันเองคอยดูเถอะ ไหนใครบอกพี่มันเป็นคนขลึมๆ ไงครับ ข่าวลือมันเชื่อไม่ได้จริงๆ เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2020 20:24:27 โดย woragus »

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Mintt555

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เยลลี่ชิ้นที่ 6 คำสารภาพของพี่ชายจากต่างคณะ

ใกล้เข้ามาแล้วนะครับ สำหรับการประกวดดาวเดือนของมหา’ลัย ตอนนี้ผมเหลือเวลาซ้อมการแสดงอีกแค่ 3 วันเท่านั้น แต่ผมปล่อยตัวชิวไปแล้วแหละครับ ไม่ใช่ว่าผมมั่นอกมั่นใจหรือว่าอะไรหรอกนะครับ ก็ผมไม่ได้อยากเป็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทุกคนก็รู้กันแล้วหนิครับว่าผมได้เป็นตัวแทนของคณะได้ยังไง พูดแล้วก็น่าอายนะครับ ได้เป็นเดือนคณะ เพราะมัวแต่ยืนกินเยลลี่ไม่ยอมฟังเสียงคนรอบข้างว่าเขาทำอะไรกัน แถมต้องเจอกับศึกแย่งลุงรหัสอีกต่างหาก อับอายครับอับอาย

แต่จะว่าไปก็ดีนะครับ ที่วันนั้นผมได้รู้ว่าลุงรหัสของผมเองไม่ใช่แฝดคนน้องอย่างพี่เอ็มดี ปล่อยให้ผมเข้าใจผิดมาตั้งนาน แต่ผมเองก็น่าจะเอะใจตั้งแต่ตอนที่ผมกระโดดกอดคอลุงรหัสผมแล้วพี่ทัพฟ้าพี่รหัสของผมหน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้วแหละครับ แต่ผมไม่รู้นี่หว่าให้ทำไงได้

ตอนนี้เป็นเป็นเวลา 17.00 น. แล้วครับ ปกติเวลานี้ผมคงกำลังนั่งรอสารถีประจำตัวมารับกลับห้อง แต่วันนี้ผมบอกพี่มันไปว่าผมมีนัดสังสรรค์กับเพื่อนๆแล้วก็พี่ทัพฟ้า ผมบอกให้พี่มันกลับไปได้เลยไม่ต้องรอ แล้วพี่มันก็ยอมง่ายๆ ครับ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนว่าตอนกลับผมจะต้องให้พี่มันมารับที่ร้านรุ่นพี่ของพี่ทัพฟ้าพี่รหัสของผมเอง ซึ่งผมก็เซย์เยสไปครับ เพราะว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายสักหน่อย แถมมีคนแบกตอนเมาอีกต่างหาก สบายตัวดีออก จริงมั้ยครับ (?)

ผมนัดเจอกับพี่ๆ และเพื่อนๆ ที่ร้านตอน 19.00 น. ครับ เหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงผมจะทำไรอะไรดีล่ะทีนี้ ต้องนั่งหงอยๆ คุยกับมดเล่นๆ อยู่ใต้ตึกคณะอีกแล้วหรอครับเนี่ย

“ไง น้อง...เอ่อ...ไนซ์ใช่มั้ย” ร่างสูงของรุ่นพี่ต่างคณะเดินเข้ามานั่งตรงข้ามผมพร้อมกับเอ่ยทักทาย

“ใช่ครับ พี่กรใช่มั้ยเนี่ย”

“ดีใจนะเนี่ย น้องไนซ์จำพี่ได้ด้วย คิดว่าจะจำไม่ได้ซะแล้ว” รุ่นพี่ต่างคณะพูดพร้อมกับเอื้อมมาดึงแก้มผม อะไรอีกครับเนี่ย พ้นจากแฝดน้องเอ็มดี ก็ต้องมาเจอไอ้พี่คนนี้อีกหรอ ผมคิดว่าจะรอดแล้วเชียวนะ

“เอ็บๆๆ โอ้ย!!” ผมโวยวายพร้อมตีมือพี่มันรัวๆ ให้ปล่อยมือออกจากแก้มของผม ย้วยหมดแล้วครับแก้มผม

“ขอโทษๆ เอ่อ แล้วนี่เรามานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว เพื่อนไม่คบหรอ”

“กวนแล้วพี่ ผมรอเวลาที่นัดกับเพื่อนๆ แล้วก็พี่รหัสอ่ะครับ มีนัดสังสรรค์กันนิดหน่อย” ผมตอบพี่มันไปตามความจริง มาหาว่าผมเพื่อนไม่คบได้ไง

“อ่อ ให้พี่นั่งรอเป็นเพื่อนมั้ย หรือเรารำคาญ บอกได้นะพี่จะได้ไม่กวนเรา” แล้วพี่มันเป็นคนยังไงครับผมชักจะงงๆ ละอยู่ดีๆ มาดึงเข้าดราม่าเฉย ชีวิตผมจะได้เจอคนปกติบ้างมั้ยครับเนี่ย

“ไม่รำคาญหรอกพี่ ดีซะอีกมีเพื่อนคุย น้ำลายผมกำลังจะบูดหมดปากแล้วเนี่ย อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลานัด” ผมตอบพี่มันพร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่พี่มัน

“เอางั้นก็ได้ ว่าแต่เราจะคุยอะไรกันดีล่ะ พี่ก็ชวนคุยไม่เก่งซะด้วยสิ” พี่มันถามพร้อมกับเอานิ้วชี้จิ้มตรงขมับตัวเองทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิด

เดทแอร์ครับ เพราะพี่มันก็คิดไม่ออกผมก็คิดไม่ออก ได้แต่นั่งจ้องหน้ากันตาแป๋วทั้งคู่ เอาไงต่อดีล่ะครับเนี่ย ผมนั่งคิดอยู่ชั่วครู่ว่าจะคุยกับพี่มันเรื่องอะไรดี ผมเลยปิ๊งไอเดียขึ้นมา นึกได้พอดีว่ามีเรื่องที่ค้างคาใจผมอยู่ ก็เรื่องที่พี่มันเดินมาชนผมวันนั้นนั่นแหละครับ

“พี่กร ผมถามอะไรหน่อยสิ” ผมเริ่มต้นเกริ่นก่อนครับ ขอทำใจนิดนึงก่อน

“เอาสิ ว่ามาได้เลย” พี่มันตอบกลับมา พร้อมกับจ้องมาที่ผมเหมือนตั้งใจฟังสิ่งที่ผมกำลังจะถามสุดๆ

“วันนั้นพี่กรรีบจริงๆ เลยชนผม หรือว่าพี่ตั้งใจจะชนผมกันแน่” ผมถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจ ก็ทั้งเพื่อนตัวดีของผมกับแฝดพี่ลุงรหัสของผมน่ะสิครับ ต่างก็บอกว่าไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญ ผมเลยอยากจะเคลียร์วันนี้เลยไหนๆ ก็มีโอกาสได้เจอคู่กรณีแล้วทั้งที

พี่มันนั่งนิ่ง แต่ตาทั้งสองข้างนี่ล๊อกแล๊กเกินเรื่องมากครับ ผมพอจะเดาคำตอบของพี่มันออกแล้วแหละครับ

“อ่ะ ก็ได้ครับก็ได้ พี่ตั้งใจชนเรานั่นแหละ ถ้าเอาตรงๆ คือ พี่อยากจะทำความรู้จักกับเรา แต่พี่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีนี่ครับ ขอโทษอีกครั้งนะ” พี่มันยกมือขึ้น 2 ข้างเหมือนทำท่ายอมแพ้แล้วตอบความจริงออกมา นั่นไงผมเดาไว้แล้วไม่มีผิดเรื่องคำตอบของพี่มัน

“โหยพี่กรอ่ะ ทักดีๆ ก็ได้ รู้มั้ยวันนั้นก้นผมระบมไปหมดเลยนะ นี่ถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้ ผมจะเปิดก้นให้ดูเลยว่ามันช้ำแค่ไหน หึ” ผมหยอกพี่มันครับ ใครจะกล้าเปิดก้นให้คนอื่นดูกันล่ะโอ๊ะ

“แหมเราก็นะ พูดซะพี่เสียดายเลยนะเนี่ย รู้งี้พี่มาเจอเราเร็วกว่านี้อีกนิดดีกว่า เราจะได้เปิดก้นให้พี่ดู” พี่มันตอบพร้อมกับทำหน้าเหมือนเสียดายโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เอ่อ...คือผมไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลยนะครับว่ามั้ย ผมลืมไปว่าคนรอบตัวผมไม่มีคนปกติสักคน น้องไนซ์พลาดไปแล้วครับ

“พี่แม่ง!! ทะลึ่งว่ะ” ผมพูดพร้อมทำแก้มป่องใส่พี่มัน แล้วหันไปมองทางอื่น

“อ่าว ก็เราพูดเองนะ มาว่าพี่ทำไมครับเนี่ยน้องไนซ์”

“ไม่น่าหลวมตัวมาคุยกับพี่เลยจริงๆ ผมเริ่มจะสงสัยแล้วนะ ว่ารอบๆ ตัวผมจะมีคนปกติสักคนมั้ยเนี่ย”

“พี่ผิดซะงั้น เอ่อ...เราไปหาอะไรกินกันมั้ย ยังเหลือเวลาอีกตั้งนานใช่มั้ย พี่เลี้ยงเอง” พี่มันเปลี่ยนเรื่องแบบหน้าตาเฉย แต่ก็ดีครับ จะได้ไปให้พ้นๆ จากเรื่องก้นของผมสักที

“ไปครับ!!!” ผมรีบตอบทันทีแบบไม่ต้องคิดเลย เอาอีกแล้วครับทุกคน ผมโดนเอาของกินมาล่ออีกแล้ว ผมเริ่มจะกลัวตัวเองแล้วนะครับเนี่ย

“งั้นเราไปคาเฟ่กัน มีร้านเปิดใหม่หน้ามหา’ลัยพอดี ตกลงมั้ยครับ” พี่มันถามพร้อมยื่นมือมาดึงให้ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่

“ไปก็ไปครับ พี่กรเดินนำไปสิ ผมไม่รู้ทาง” ผมพูดพร้อมพะยักพะเยิดให้พี่มันเดินนำไปข้างหน้า

“ถ้าไม่รู้ทาง งั้นมานี่” พี่มันพูดพร้อมยื่นมาดึงข้อมือผมให้เดินตามหลังพี่มันไป ผมไม่กล้าสะบัดมือพี่มันออกหรอกครับกลัวพี่มันจะเสียความรู้สึก ก็เลยปล่อยไปเลยตามเลย



ไม่นานเราก็มายืนอยู่หน้าคาเฟ่ที่เปิดใหม่หน้ามหา’ลัย ลักษณะของคาเฟ่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ถึงกับเล็กจิ๋วซะทีเดียว ส่วนการตกแต่งของคาเฟ่เป็นโทนสีชมพู๊ชมพู บางทีก็ชมพูซะจนทำให้ผมเห็นแล้วรู้สึกเลี่ยนขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ แต่เค้กฟรีมันค้ำคอผมอยู่นี่สิครับ ยังไงก็ต้องเข้าไปลอง

กริ๊ง กริ๊ง!!

“สวัสดีค่าาาา...เชิญด้านในเลยค่ะ” เสียงพนักงานสาวสวยตะโกนต้อนรับทันทีที่ผมกับพี่กรเดินเข้าประตูร้านมา

หลังจากเราเข้ามาในร้านผมกับพี่กรก็เลือกนั่งโต๊ะตรงมุมข้างในสุดของร้าน เพราะมุมนี้ดูเป็นส่วนตัวที่สุด ผมไม่ชอบนั่งตรงที่คนเดินผ่านไปผ่านมา มันน่าเวียนหัวจะตายไป

“สั่งเลยนะไนซ์ เต็มที่เลย ถือว่าพี่เลี้ยงไถ่โทษที่ตั้งใจชนไนซ์จนก้นกระแทกพื้นก็แล้วกัน ฮ่าๆๆ” พี่มันพูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับยื่นเมนูของทางร้านมาให้ผม

“หยุดพูดถึงก้นผมเดี๋ยวนี้เลยนะพี่กร ถ้าไม่อยากล้มละลายจนหมดตัว” ผมพูดพร้อมชี้นิ้วไปทางพี่มันเพื่อเป็นการคาดโทษ

ผมเปิดดูเมนูไปสักพักพนักงานก็มารับออเดอร์

“รับอะไรดีคะ...”

“เอ่อ ผมเอาเค้กช็อกโกแลตชิ้นนึง ชาเขียวชิ้นนึง แล้วก็เอาอะไรอีกดีน้า...อ่อๆ เอาเค้กกาแฟอีกชิ้นครับ เอ้...ไม่น่าจะพอนะ งั้นเอาปังเย็นสตรอเบอรี่อีกหนึ่งที่ครับ” ผมสั่งทุกอย่างที่ผมอยากกินไปแบบไม่คำนึงถึงราคาใดๆ ก็มันฟรีหนิครับใครจะสน ขอสั่งให้คุ้มกับก้นช้ำๆ ของผมหน่อยเถอะ ชนผมซะกระเด็นขนาดนั้น พูดแล้วขึ้น หึ

“แล้วอีกท่านรับอะไรดีคะ”

“เอ่อ...ไนซ์กินหมดหรอ พี่กินกับไนซ์ละกันงั้น” พี่มันพูดพร้อมมองหน้าผมเหมือนขอความคิดเห็น

“อ๊ะๆๆ อย่ามาแย่งกันสิครับ พี่ไม่รู้หรอว่าผมมีสองกระเพาะนะ ที่สั่งมานี่เป็นปริมาณพอดีกับกระเพาะน้อยๆ ที่ใช้เก็บของหวานของผมเลยน้า ห้ามแย่งครับห้ามแย่ง” ผมพูดพร้อมทำหน้ายียวนกวนอวัยวะเบื้องล่างพี่มัน ถ้าผมโดนต่อยปากแตกตอนนี้เค้กชาเขียวของผมต้องร้องไห้เสียใจแน่ๆ ที่ไม่ได้ลงไปอยู่ในท้องของผม

“จะเอาคืนพี่สินะ พี่รู้ทันหรอก ร้ายนักนะเรา” พี่มันพูดกับผมพร้อมยื่นมือมาดึงแก้มผมจนยืดแล้วหันไปสั่งออเดอร์กับพนักงานต่อ “งั้นผมเอาบราวน์นี่สองชิ้นครับ แล้วก็ชาเขียวปั่นแก้วนึง เยลลี่นมสดปั่นอีกหนึ่งครับ”

“เห้ยพี่!! ไหนเยลลี่ปั่นผมไม่เห็นเลย อยู่ไหนวะ” ผมได้ยินแบบนั้น หูผมก็ผึ่งสิครับ ผมรีบขอเมนูมาเปิดดูอีกรอบเพื่อหาของโปรดของผม

“เรานี่นะ พูดถึงเยลลี่ไม่ได้เลย หูผึ่งเชียวนะ” พี่มันพูดล้อเลียนผมพร้อมยื่นมือมาลูบผมของผมเบาๆ

“...เดี๋ยวเถอะอย่ามาว่าผมนะ” ผมทำหน้ามุ่ยใส่พี่มันทันที

“ไม่ต้องสั่งแล้ว แก้วนั้นแหละพี่สั่งให้เรา พี่รู้ว่าเราชอบ”

“...”

“แหม คุณลูกค้านี่รู้ใจแฟนจังเลยนะคะ น่าอิจฉาจังเลยค่ะ” พนักงานสาวมองหน้าผมสลับกับพี่กรแล้วยิ้มเหมือนพอใจอะไรสักอย่าง

“แน่นอนครับ...”

“ไม่ใช่แฟน...” ผมกับพี่กรพูดออกมาพร้อมกันจนพนักงานทำตาโตใส่ เหมือนตกใจ

“ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ ข้าวใหม่ปลามัน รักกันนานๆ นะคะ” หลังจากพูดเสร็จเธอก็เก็บเมนูแล้วเดินกลับไปทันที

“เดี๋ยวเถอะพี่ทำไมพูดแบบนั้น เขาเข้าใจผิดหมดแล้วเนี่ย เห็นมั้ย” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปตีแขนพี่มันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“ถือว่าเป็นค่าเค้กก็แล้วกัน เราแกล้งพี่ก่อนเองนะ ช่วยไม่ได้” พี่มันพูดพร้อมกับลอยหน้าลอยตาใส่ผม เห้อ ท่องเอาไว้ไอ้ไนซ์ เค้กฟรี เค้กฟรี เค้กฟรี

หลังจากนั้นผมกับพี่กรก็มีคุยกันบ้างอีกนิดหน่อยแล้วก็จัดการกับของกินที่ตัวเองสั่งมา และแน่นอนครับทุกอย่างที่ผมสั่งมา ผมจัดการจนเรียบไม่หลงเหลือแม้แต่ครีมที่ติดบนจาน พูดง่ายๆ คือจานของผมพี่พนักงานคนสวยสามารถเอาไปใช้ต่อได้เลยโดยไม่ต้องล้างเลยก็ได้ครับ อย่าหาว่าผมตะกละเลยนะ เอาเข้าจริงๆ ตอนนี้ผมก็ยังไม่อิ่มหรอก ยังสามารถไปสั่งข้าวผัดที่ร้านรุ่นพี่ที่ผมกำลังจะไป มากินได้อีกจานสองจานเลยครับ

“ให้พี่ไปส่งมั้ย แถวนั้นเป็นทางผ่านพี่พอดี” พี่มันชวนผมหลังจากที่เรากำลังเดินออกจากคาเฟ่

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมเกรงใจอ่ะ แค่นี้ก็ขอบคุณมากๆ แล้ว ผมไปเองได้”

“เกรงใจหรือว่ากลัวใครเข้าใจผิดกันแน่ฮะเรา” พี่มันพูดทำเสียงล้อเลียนผม พร้อมกับทำหน้ายียวนใส่

“กลัวใคร!! ไหนๆ ไร้สาระว่ะพี่ อยากไปส่งหรอ ไปสิไป ผมไม่กลัวใครทั้งนั้นแหละ เดินนำไปที่รถเลยสิ้ ปั๊ดโถ่” ผมไม่ชอบคนท้าทายครับ ใครกลัวใคร ไม่มีใครที่ผมต้องกลัวทั้งนั้นแหละ จริงมั้ยครับ พูดมาได้ยังไงว่าผมกลัวใคร

“คร้าบๆๆ ไม่มีใครให้กลัว เชื่อครับเชื่อ” พี่มันหันมาล้อเลียนผมพร้อมกับเดินมาดึงข้อมือผมให้ตามพี่มันไปที่รถ เอาอีกแล้วครับทุกคน ผมดูใจง่ายไปมั้ยเนี่ยเดี๋ยวคนโน้นจับเดี๋ยวคนนี้ดึง ไม่ใช่แบบนั้นหรอกมั้ง ใช่มั้ยครับ

ตลอดทางผมไม่ได้พูดคุยอะไรกับพี่กรต่อ เพราะผมมัวแต่หลับตลอดทาง คือถ้าพี่มันทำอะไรผมตอนนั้น ผมก็คงไม่ลืมตาขึ้นมาดูหรอก ก็ผมง่วงหนิครับเวลากินอิ่มๆ หนังตามันก็หย่อนเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนก็เป็นผมรู้หรอกน่า

“ขอบคุณนะพี่ที่มาส่ง ผมไปก่อนนะไว้เจอกันครับ” ผมบอกลาพี่มันพร้อมกับกำลังจะเปิดประตูรถเพื่อลง แต่พี่มันเรียกผมไว้ซะก่อน

“ไนซ์ ให้พี่มารับมั้ย ถ้าเราเมาจะกลับลำบากนะ”

“ไม่เป็นไรครับพี่ ขอบคุณนะ แต่ผมมีคนมารับแล้วแหละ” ผมตอบไปตามความจริง ก็ผมมีนัดกับลุงรหัสผมแล้วหนิ ถ้าขืนให้พี่กรมารับผมล่ะก็มีหวังผมอาจจะไม่ได้เจอเพื่อนๆ อีกเลยก็ได้นะครับ พูดแล้วก็เสียวสันหลังวาบ แต่ผมไม่ได้กลัวหรอกนะ บอกไว้ก่อนเลย

“ไอทีมารับหรอ...”

“อื้อใช่ แต่เดี๋ยวก่อนนะ พี่รู้ได้ไงเนี่ย” ผมรีบหันมาคุยกับพี่มันแบบเป็นเรื่องเป็นราวทันทีที่ได้ยินชื่อของลุงรหัสของผมออกจากปากพี่มัน

“ข่าวเราในเพจดังจะตาย ใครๆ ก็รู้ ก็เล่นไปสอยแฝดในตำนานขนาดนั้น ฮ่าๆๆ” พี่มันพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดังเหมือนเป็นเรื่องที่ใครๆ เขาก็รู้กัน

“พี่น้องกันอ่่ะพี่น้อง ลุงรหัสผมเขาชอบเทคแคร์เฉยๆ คนเลยเข้าใจผิดกันไปหมด งั้นผมไปแล้วนะ ขอบคุณครับที่มาส่ง” หลังจากตอบพี่มันเสร็จผมก็รีบชิ่งลงจากรถทันที ถ้าไม่รีบลงเดี๋ยวเรื่องมันจะยาวน่ะครับ

หลังจากลงจากรถพี่มัน ผมก็เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับมองหาโต๊ะที่รุ่นพี่กับเพื่อนๆ ผมนั่งอยู่ทันที ไม่นานผมก็เจอโต๊ะที่มีรุ่นพี่กับเพื่อนๆ ของผมนั่งอยู่ ที่โต๊ะมีคนนั่งแค่ไม่กี่คนครับ เพราะเรามากันแบบปุบปับไม่ได้ชวนใคร มีแค่ไอ้พีท พี่ทัพฟ้า แล้วก็เพื่อนพี่ทัพฟ้าอีกสองคน หลังจากเห็นโต๊ะ ผมก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะทันที

“สวัสดีครับพี่ทัพฟ้า สวัสดีครับพี่ๆ” ผมทักทายพี่ๆ ในโต๊ะพร้อมกับหย่อนก้นลงเก้าอี้ข้างไอ้พีท

“ไงมึง ใครมาส่งอีกล่ะ ไม่ใช่รถลุงรหัสมึงหนิ” ไอ้พีทเปิดประเด็นทันที

“อ่อ พี่กรไง พอดีเขาไปเจอกูนั่งอยู่ใต้ตึกคณะคนเดียวเลยชวนกูไปคาเฟ่ที่เปิดใหม่หน้ามหา’ลัยแล้วก็เลยมาส่งกู”

“พี่กรของมึงนี่เป็นอะไรกับตึกคณะเรามากป่ะ ไปบ่อยเหลือเกิน”

“เขาคงไปหาเพื่อนมั้ง มึงเลิกสงสัยเรื่องของกูสักทีเถอะ แล้วเอาแก้วมาให้กูได้ละ คอแห้ง” ผมรีบเปลี่ยนประเด็นทันทีเพราะเดี๋ยวมันจะยาวครับ

“เอ่อ พี่ลืมแนะนำ นี่เพื่อนพี่ชื่อ หนึ่งกับเจมส์” พี่รหัสผมแนะนำเพื่อนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะให้ผมรู้จัก

“ผมไนซ์นะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมแนะนำตัวทันทีเพื่อไม่ให้เสียมารยาท

“อ่อคนนี้ใช่มั้ย น้องเยลลี่ที่เพจลงข่าวบ่อยๆ” พี่หนึ่งหันมาถามผมหลังจากแนะนำตัว

“พี่ก็นะ อย่าไปเชื่อเพจมากเลย ชอบคิดไปเองกันทั้งนั้น”

“แต่มันก็น่าคิดนะ คนอย่างพี่ไอทีวันๆ สนใจใครที่ไหนเก๊กหน้าขรึมทั้งวัน” พี่เจมส์พูดเสริมทันที

“ผมว่าพี่เขาก็ไม่ใช่คนขรึมอะไรนะ ผมว่าพี่เขาออกจะเป็นคนแปลกๆ มากกว่า แต่ดูแลหลานรหัสอย่างผมดี๊ดี”

“หึ ทีกับพี่นะไม่เคยจะมาสนใจหรอก ชวนไปไหนก็ไม่ไป เคยแค่ไปเลี้ยงสายครั้งสองครั้งแค่นั้นเอง” พี่ทัพฟ้าพูดขึ้นมาบ้าง

“เขาไม่ว่างมั้งพี่ อย่าน้อยใจไปเลยน่า มาๆ ชนๆ”

หลังจากนั้นเราก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยครับ ไม่ได้มีสาระอะไร ส่วนมาจะเป็นเรื่องของพี่ไอทีซะส่วนใหญ่ พวกพี่เขาเม้าท์กันเก่งกว่าผมที่พูดมากๆ ซะอีก นี่ถ้าลุงรหัสของผมเขามาได้ยินมีหวัง ชะตาขาดกันทั้งโต๊ะแน่ๆ เลยครับ พูดแล้วเสียวสันหลังวาบ เหมือนมีรางสังหรณ์ว่าต่อจากนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยนะครับเนี่ย


ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เยลลี่ชิ้นที่ 7 ใครจะยอมเป็นเมียลุงรหัสวะ

< แฝดพี่คนขรึม >

ตอนนี้เป็นเวลา 2 ทุ่มกว่าแล้วครับ ผมนัดกับหลานรหัสของผมว่าจะไปรับตอน 4 ทุ่ม แต่ผมคิดว่าจะไปเร็วกว่านั้นสักชั่วโมงสองชั่วโมง เอาจริงๆ ก็แอบเป็นห่วงน้องมันด้วยแหละครับ ไปเที่ยวในที่แบบนั้น แล้วยิ่งน้องมันเป็นคนไม่ค่อยระวังตัวด้วย ใครพูดอะไรก็เชื่อเขาไปหมด ยิ่งถ้าเอาเยลลี่หมีของโปรดน้องมันมาล่อล่ะก็ เผลอๆ ผมว่าวิ่งหูตั้งหางกระดิกตามเขาไปด้วยซ้ำมั้งครับ อีกอย่างก็เพราะว่าผมอยู่คอนโดก็ไม่มีอะไรทำ นั่งๆ นอนๆ มาตั้งแต่ตอนเลิกเรียนเมื่อเย็นแล้วครับแถมไอ้เอ็มดีมันก็ไปไหนก็ไม่รู้ ช่วงนี้อยู่ไม่ค่อยจะติดห้องเลย ไม่รู้มันไปติดใครที่ไหนหรือเปล่า แต่เอาจริงๆแล้วผมก็พอจะรู้มานะครับว่ามันไปติดใคร...

ผมใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็มาถึงร้านที่ไนซ์นัดมาสังสรรค์กับเพื่อนแล้วครับ ตอนนี้ผมกำลังมองหาโต๊ะที่น้องมันนั่งอยู่ ไม่นานผมก็เจอ น้องมันนั่งหันหลังมาทางผม เหมือนกำลังคุยอะไรกับเพื่อนของทัพฟ้าน้องรหัสของผมอย่างออกรสออกชาติเลยครับ ยืนดูอยู่สักพักผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปยืนข้างหลังน้องมัน

ทัพฟ้ากับเพื่อนของมันสองคนเห็นผมแล้วครับ เพราะพวกนั้นนั่งฝั่งตรงข้ามกับไนซ์ พวกนั้นก็เลยหยุดพูดไปทันที แต่ผมส่งสัญญาณเป็นเชิงบอกว่าอย่าพึ่งให้ไนซ์หลานรหัสของผมรู้ตัว

“นี่ พวกพี่รู้ป่ะลุงรหัสผมนะ แม่งทำอาหารโคตรเก่งเลยเว้ยพี่ พี่มันชอบมาทำให้ผมกินทุกวันเลย สงสัยจะว่างมากมั้ง” ไอ้ตัวแสบมันนินทาผมอยู่ครับ ผมยืนนิ่งฟังมัน อยากรู้ว่ามันจะพูดอะไรต่อ

“ไนซ์...เมาแล้วพอก่อนมั้ย...” ทัพฟ้ามันส่งเสียงห้ามไนซ์ที่ดูจะเมาได้ที่

“พออะไรพี่ ผมยังเม้าท์ไม่จบเลย มาๆ เดี๋ยวผมเล่าต่อ”

“เออ พี่อย่าไปห้ามมันเลยผมอยากรู้ว่ามันจะเม้าท์อะไรลุงรหัสมันอีก ต่อๆๆๆ มึง” เพื่อนของไอ้ตัวแสบมันยุให้พูดต่อ ถ้าผมจำไม่ผิดไอ้นี่มันน่าจะชื่อพีท

“แต่พี่ว่า...” เพื่อนของทัพฟ้าเตรียมจะขัดแต่ผมยกมือขึ้นห้ามไว้

“คือวันนั้นเว้ย ลุงรหัสผมเห็นข่าวที่เพจซุบซิบอะไรนั่นลงใช่มั้ยพี่ แล้วอยู่ดีๆ พี่มันก็หันมาพูดกับผมว่า จะมีคนมาแย่งอนาคตเมียพี่มันเฉย คนบ้าอะไรวะอยู่ๆ จะมายัดเยียดให้ผมเป็นเมีย ใครจะไปยอมเป็นเมียพี่มันวะ ฮ่าๆๆๆ”

“งั้นหรอ...” ผมพูดต่อจากที่ไอ้ตัวแสบมันพูดจบ

“ก็ใช่ดิพี่ อย่าฝันไปเลย นี่นะ ถ้าผมต้องเป็นแฟนกับพี่เขาจริงๆ ผมนี่แหละจะจับพี่มันกดทำเมียซะให้...” ไอ้ตัวแสบมันชะงักครับ มันน่าจะรู้ตัวแล้วแหละว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญยืนฟังมันอยู่

“...” ไอ้ตัวแสบของผมหันมามองทางข้างหลังของมัน พอเห็นผมยืนอยู่นี่นะ ตามันโตอย่างกับไข่ห่าน คงนินทาผมเพลินมากสินะ

“พูดต่อสิครับ จะกดพี่ทำเมียแล้วยังไงต่อหรอ หื้ม?” ผมก้มหน้าลงไปใกล้ๆ หน้าของน้องมัน แล้วเอียงคอแกล้งทำหน้าสงสัย

“คือ...”

“คือไรครับไนซ์ ต่อๆๆๆ กำลังสนุกเลย ไหนมา เดี๋ยวพี่นั่งฟังด้วย ขยับไปหน่อยสิ” ผมพูดพร้อมกับเดินลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างๆ น้องมัน

“...” ช็อกไปแล้วครับ น้องมันแข็งเป็นหินไปแล้ว

“เอ้า อะไรกันเนี่ยเมื่อกี้กำลังสนุกเลย ถ้าอ้วนไม่เล่าต่อ งั้นเอาเป็น...เราละกันชื่อไรนะ พีทใช่มั้ย เม้าท์พี่ต่อสิ” ผมหันไปชี้นิ้วใส่เพื่อนของไอ้ตัวแสบให้มันพูดต่อครับไหนๆ ก็มาขนาดนี้แล้วผมขอเอาคืนหน่อยก็แล้วกันนะ

“คะ...คือว่า”

“อ่าวเงียบกันหมดแบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วล่ะสิ เสียดายจังเลยนะครับ ว่ามั้ยอ้วน หื้ม?” ผมหันมาถามไอ้ตัวแสบของผมที่ป่านนี้ก็ยังนั่งแข็งเป็นหินอยู่เหมือนเดิม

“...” เอ่อ ผมชักจะสงสารน้องมันแล้วแหละครับ เลิกแกล้งดีมั้ยเนี่ย

“พี่ไม่แกล้งแล้วครับ คุยกันต่อเถอะ แกล้งเล่นนิดเดียวเอง อึ้งอะไรขนาดนั้นหะ” ผมเลิกแกล้งน้องมันดีกว่าครับ ผมกลัวว่าจากที่ผมจะพากลับห้องจะกลายเป็นพาไปโรงพยาบาลแทน

“นี่ พี่แกล้งผมหรอ!!”

“ก็ใช่น่ะสิ ก็เรานินทาพี่ก่อนเองนะครับ” ผมพูดพร้อมยื่นมือไปขยี้ผมน้องมันเบาๆ

“ผมตกใจหมดเลยพี่รู้มั้ยเนี่ย ผมนึกว่าพี่จะดึงอีกร่างนึงของพี่ออกมาซะแล้ว ใจหายหมด”

“พี่ก็มีร่างเดียวนี่แหละครับ เพ้อเจ้อใหญ่แล้วเรา”

“ผมกลัวพี่โกรธผมด้วยแหละ ผมไม่ได้ตั้งใจจะนินทาพี่นะ พอได้พูดนิดนึงแล้วมันก็เลยยาวอ่ะ” ไอ้ตัวแสบมันหงอยไปเลยครับ ผมชักจะสงสารซะแล้วสิ

“พี่ไม่โกรธหรอกครับ อย่าคิดมากเลย กินต่อๆ เดี๋ยวเมาแล้วพี่พากลับเอง”

“ค่อยยังชั่วหน่อย ถ้าพี่โกรธผม ผมต้องเสียใจมากแน่ๆ เลย ทั้งอดกินข้าวฟรี ไหนจะไม่มีคนไปรับไปส่งอีก อ่อๆ แล้วก็เยลลี่ของผมด้วยใครจะคอยซื้อมาให้ล่ะ เศร้าแน่เลยนะถ้าเป็นแบบนั้นเนี่ย” ไอ้ตัวแสบคิดแบบนี้นี่เอง ผมไม่น่าหลวมตัวไปใจอ่อนให้มันเลย น่าจะแกล้งต่อให้ร้องไห้ไปเลย คิดผิดจริงๆ

“ถ้าไม่หยุดพูดแบบนี้ ครั้งนี้พี่จะโกรธจริงๆแล้วนะครับ” ผมพูดเสียงเรียบพร้อมหันไปจ้องหน้าน้องมันตรงๆ

“ไม่พูดแล้วก็ได้ มาๆๆ กินต่อกันไอ้พีทเลิกช็อกได้แล้ว กินๆๆ พวกพี่ด้วยเงียบกันหมดเลย กินต่อครับ” ไอ้ตัวแสบมันเริ่มพูดจ้อต่อแล้วครับ กลัวได้ไม่ถึง 5 นาทีจริงๆ

“แหม พี่ไอทีครับ พูดกับน้องไนซ์เพราะจังเลยนะครับ ทีพูดกับพวกผมนี่นะ มาทั้งสวนสัตว์เชียว” ไอ้น้องรหัสผมมันแซวครับ ไอ้นี่เล่นด้วยไม่ได้เลย แซวเก่ง

“ถ้ามึงไม่หุบปาก เดี๋ยวกูจะหุบให้เอง เอามั้ย” ผมหันไปชี้หน้าไอ้พวกรุ่นน้องตัวดีทั้งหลาย ยกเว้นไอ้แสบของผมนะครับ

“แหม เล่นไม่ได้เลยนะครับ ลืมไปผมไม่ใช่น้องอ้วนของพี่ไอทีนี่นา”

“ยังไม่หยุดนะมึง ตอนแรกก็ว่าจะเลี้ยงเหล้าสักหน่อย แต่ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดเรื่องกู กูเปลี่ยนใจไม่รู้นะ”

“โถ่พี่ ไม่แซวแล้วก็ได้ ก็แหม ผมรู้จักพี่มาตั้งนาน ไม่เห็นจะเคยเจอโหมดนี้ ผมขอแซวนิดเดียวเอง”

“เงียบปากไปเลยพวกมึง กินไปๆ เดี๋ยวอีกชั่วโมงนึงกูจะพาไนซ์กลับแล้ว”

หลังจากนั้นทั้งโต๊ะก็กลับมาคึกคักเหมือนเดิม ผมก็นั่งมองโน้นมองนี่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจอะไร เพราะผมไม่อยากให้พวกมันเกร็งกันครับ เดี๋ยวมันจะไม่สนุกเปล่าๆ

แต่ระหว่างที่ผมกำลังเพลิดเพลินกับการฟังดนตรีสดที่นักร้องของทางร้านเล่นบนเวที อารมณ์ผมที่กำลังดีๆ อยู่ก็ต้องชะงักไป เพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญเพิ่มมาอีกหนึ่งคน

“น้องครับ พี่ขอชนแก้วด้วยได้มั้ย” เสียงของผู้ชายจากโต๊ะไหนก็ไม่รู้เดินมาขอชนแก้วกับไอ้ตัวแสบของผมครับ

“ผมหรอ...”

“ใช่ครับ น้องนั่นแหละ”

“มาดิพี่ๆ มาๆ ชนครับ” ไอ้ตัวแสบมันยื่นแก้วไปชนกับเขาน่าตาเฉย หึ เฟรนลี่พอๆกับไอ้เอ็มดีไม่มีผิด

“น้องชื่ออะไรหรอ พี่ชื่อปลื้มนะครับ อยู่ปี 4 คณะวิศวะ มหา’ลัยตรงนี้เองครับ” วิศวะอีกแล้วหรอ เด็กคณะนี้มันเป็นอะไรกับแฟน เอ้ย!! หลานรหัสผมมากป่ะ ผมชักหงุดหงิดแล้วนะ

“เอ้า มหา’ลัยเดียวกับผมเลยอ่ะดิพี่ ผมชื่อไนซ์ครับ ปี 1 คณะคหกรรมฯ ครับ” ทำท่าทางดีใจอะไรขนาดนั้นวะ ตอบเฉยๆ ก็พอมั้ง หูตั้งเชียวนะ เดี๋ยวก็งับหูแม้ง หงุดหงิดๆๆๆๆ

“แล้วนี่ มากับเพื่อนหรอครับน้องไนซ์”

“ใช่แล้วพี่ นี่เพื่อนผม ส่วนคนอื่นเป็นรุ่นพี่ผมทั้งหมดเลย เราเรียนคณะเดียวกันครับ” ไนซ์ตอบพร้อมกับชี้เพื่อนของน้องมัน แล้วก็ชี้คนอื่นๆ รอบๆ ต่อ

“แล้วข้างๆ เรานั่น ใช่คนที่ชื่อไอทีปะ” ผมหันไปมองแขกไม่ได้รับเชิญ เมื่อคนที่ผมไม่รู้จักเอ่ยชื่อผมออกมา

“อ่อใช่ครับพี่ นี่พี่ไอที” น้องมันตอบพร้อมเอานิ้วมาจิ้มๆตรงแขนผม

“แล้วเราสองคน...เอ่อ...เป็นอะไรกับล่ะ” รุ่นพี่ปี 4 ที่มาจากโต๊ะอื่นชี้ผมสลับกับไนซ์แล้วก็ถามออกมา

“อ่อ เป็นพี่น้องกันครับ พี่ไอทีเป็นลุงรหัสผม” จึก...เจ็บครับ มันจี๊ดที่อกข้างซ้ายแปลกๆ แต่มันก็คือความจริงแหละครับ ผมคัดค้านอะไรไม่ได้เลยตอนนี้

“งั้นแบบนี้เราก็ไม่มีแฟนอ่ะสิ งั้นพี่ขอไลน์เราได้มั้ย” เดี๋ยวนะๆ จะเกินไปแล้วนะเฮ้ย ตอนนี้ยังไม่เป็นก็จริง แต่อีกไม่นานก็เป็นโว้ยยย

“ได้ดิพี่ ไว้ชวนผมเที่ยวด้วยนะ บางทีผมโคตรเหงาอ่ะ” ไอ้ตัวแสบมันยื่นมือไปรับโทรศัพท์แล้วกดไอดีไลน์ให้คนนั้นไปแบบง่ายๆ เห้อ เห็นมั้ยครับผมบอกแล้วว่าไอ้เด็กนี่มันไม่ทันคน เขาจะจับมันทำเมียอยู่แล้ว มันยังไม่รู้ตัวเลย มีหน้าไปบอกให้เขาชวนมันเที่ยวอีก แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ครับ ผมยังไม่มีสิทธิในตัวน้องมันขนาดนั้น ข้อนี้ผมเข้าใจดี

“ได้เลยน้องไนซ์แล้วนี่ เรากลับยังไง ให้พี่ไปส่งมั้ย” เจ๋งดีว่ะไอ้รุ่นพี่คนนี้ เจอกันวันแรกจะเคลมไอ้ตัวแสบของผมซะแล้ว ขนาดผมเจอกันก่อนยังไม่คิด เอ่อ...จริงๆก็คิดแหละแต่ผมไม่กล้าทำ แฮะๆ

“ไม่เป็น...”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไปส่งน้องเองได้” ผมพูดแทรกทันที พร้อมกับมองหน้าไอ้พี่คนนั้นแบบนิ่งๆ ให้มันรู้ตัวสักทีว่าไอ้เด็กนี่มันเป็นของใคร

“แหม ไม่ต้องทำหน้าขลึมขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ” มันหันมาพูดกับผม แล้วหันไปพูดกับไนซ์ต่อ “งั้นเอาไว้วันหลังพี่ชวนเรามาเที่ยวนะ ห้ามเบี้ยวล่ะ พี่ไปละครับ” หลังพูดจบพี่มันก็เอามือยื่นมาจะลูบหัวของไอ้ตัวแสบ แต่ผมปัดมือพี่มันออกทัน

“แค่พูดก็พอ มือไม่ต้องก็ได้มั้งครับ” ผมพูดพร้อมกับหันไปจ้องหน้าไอ้พี่ปี 4 นั่น แต่พี่มันไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ไหวไหล่แล้วก็เดินหันหลังไป

หลังจากนั้นทั้งโต๊ะก็เงียบหมดครับ ทุกคนน่าจะจับอาการของผมได้ว่าตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะเล่น หรือนั่งอยู่ต่ออีกแล้ว ผมเลยขอตัวพาไอ้ตัวแสบกลับขย้ำ เอ้ย กลับไปนอนอ่ะครับ

“พวกมึงงั้นกูพาไนซ์กลับก่อนนะ อ่ะนี่ค่าเหล้า กินแล้วก็กลับกันดีๆ นะ” ผมเตรียมบอกลาพวกมันแล้วยื่นเงินค่าเหล้าให้ตามที่สัญญาเอาไว้

“ขอบคุณนะพี่ พาไนซ์กลับดีๆ ล่ะ ใจเย็นๆ ไว้นะ” ทัพฟ้าพูดกับผมทันทีที่ผมทำท่าจะลุกขึ้น มันคงรู้ครับว่าตอนนี้ในใจผมมันกรุ่นแค่ไหน

“อ้วน กลับครับ ไปๆ ลุกไหวมั้ย”

“ไหวพี่ไหว ผมสร่างตั้งแต่พี่ปัดมือรุ่นพี่คนนั้นกระเด็นละ โหดเกิ้น หวงรุ่นน้องแบบนี้ทุกคนปะครับเนี่ย ฮ่าๆๆ” ยังอีกนะ ยังมีหน้ามาเล่นอีก จะโดนเคลมแล้วยังไม่รู้ตัว

“งั้นไปกันครับ”

หลังจากนั้นผมก็โอบไหล่ไอ้ตัวแสบของผมออกมาจากร้าน มันไม่เมาครับ สติมันยังดีอยู่แต่การทรงตัวมันไม่เหลือแล้วผมเลยต้องคอยประคอง กว่าจะถึงรถ หน้าจะคว่ำไปหลายทีเหมือนกัน

พอขึ้นรถมา น้องมันก็หลับทันที ส่วนผมก็มีหน้าที่ขับรถพาน้องมันกลับห้อง แต่ขอโทษด้วยนะครับ ไม่ใช่ห้องน้องมันหรอก แต่เป็นห้องของผมครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ มีโอกาสได้แทะเล็มก็ขอหน่อยเถอะครับ อยากเมาดีนัก

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผมก็ขับรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของคอนโดพร้อมปลุก ไอ้ตัวแสบให้ตื่น

“อ้วน...ตื่นครับ”

“...”

“ไนซ์ครับ ตื่นได้แล้วถึงแล้ว”

“....”

“ถ้าไม่ตื่นพี่จะอุ้มเราขึ้นห้องนะครับ”

“...”

“งั้นพี่ถือว่าเราตกลงแล้วนะ อย่ามาโวยวายที่หลังนะครับ”

หลังจากนั้นผมก็ช้อนตัวร่างเล็กขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าสาวแล้วพาเข้าไปยืนรอลิฟท์ขึ้นคอนโดทันที โชคดีครับที่ไนซ์เป็นคนตัวเล็ก ถ้าเทียบจริงๆ ไนซ์ตัวสูงกว่าไหล่ผมนิดเดียวเองครับ ผมเลยอุ้มน้องมันได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวหลังเดาะ

พอผมถึงห้องผมก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง แต่ผมก็เจอกับแฝดน้องของผมนั่งดูทีวีอยู่

“ยังไม่นอนหรอเอ็มดี”

“อื้อ ยังไม่ง่วงว่ะ แล้วนั่นไนซ์เป็นไรอ่ะ” มันพูดพร้อมรีบวิ่งมาดูไนซ์ทันที

“เมา เลยหลับกูไปรับมาเมื่อกี้”

“โอ้โห ผมยอมหลีกทางให้ไม่นานนี่กะจะรวบหัวรวบหางน้องมันเลยหรอวะ”

“ความคิดมึงนี่เนอะ แล้วอีกอย่างนะไม่ต้องมาทำเป็นบอกว่าหลีกทางให้กู กูรู้หรอกนะว่าทำไมมึงถึงตัดใจง่ายขนาดนี้”

“รู้อะไร พูดมาดิ โถ่ๆๆ”

“เด็กคหกรรมฯปีหนึ่ง...”

“อะ...อะไร มั่วแล้ว ไม่มีเว้ย” มันรีบพูดแก้ตัวทันที ท่าทางแบบนี้แสดงว่าที่ผมได้ข่าวมาก็คงจะจริงสินะ ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจหรอก เลยคิดว่าไม่รู้ว่าช่วงนี้มันหายไปไหน แต่ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วแหละ

“งั้นหรอ...” ผมพูดเสร็จก็อุ้มไนซ์เข้าห้องนอนของผมทันที ไม่ได้คุยอะไรกับน้องชายของผมต่อ

พอเข้าห้องมาผมก็ไปหากะละมังกับผัาผืนเล็กๆ มาชุบน้ำเพื่อที่จะเช็ดตัวให้ไนซ์ น้องมันจะได้นอนสบายๆ เพราะผมคิดว่าถ้าปลุกไปอาบน้ำยังไงก็ไม่ตื่นแล้วแหละครับ ขนาดผมอุ้มลงจากรถจนขึ้นมาถึงห้อง น้องมันยังไม่รู้ตัวเลย นี่ถ้าผมหน้ามืดทำอะไรน้องมันขึ้นมาล่ะก็ น้องมันจะรู้ตัวมั้ยน้า...

“พี่เช็ดตัวให้นะครับ...”

“...”

หลังจากนั้นผมก็ทำการถอดเสื้อของน้องมันออกเริ่มจากการปลดกระดุมออกทีละเม็ดจนครบ เผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบที่มีไรขนอ่อนๆ และผิวกายขาวเนียนสะอาดตา ยิ่งตอนนี้ผิวของน้องมันแดงนิดหน่อยเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยแล้วนั้น ผมอยากจะบอกทุกคนเลยนะครับว่า ‘โคตรน่าฟัดเลยโว้ยย!!’ ผมใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาดๆ เริ่มเช็ดจากใบหน้าที่ตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว ไล่ลงมาที่คอขาว แล้วลงมาที่แผ่นอกที่มีกล้ามเพียงเล็กน้อยกำลังดีจากนั้นผมก็เอาผ้าไปชุบน้ำใหม่แล้วบิดให้หมาดอีกรอบ แล้วเช็ดไล่ไปตามแขนทั้งสองข้าง จากนั้นค่อยไล่ลงมาเช็ดขาเนียนขาวของไนซ์ โชคดีนะครับที่น้องมันใส่กางเกงขาสั้นอยู่ผมเลยเช็ดได้สะดวก ไม่ต้องถอดกางเกงน้องมันออกเพราะขนาดถอดแค่เสื้ออย่างเดียว ตัวผมเองที่มั่นใจว่าจะระงับอารมณ์ของตัวเองได้ ยังเล่นซะผมแข็งไปหมดเลยครับ เอ่อ...ผมหมายถึงมือนะครับ แอร์มันหนาวน่ะ ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าผมปล่อยให้ไอ้รุ่นพี่วิศวะนั่นไปส่งไนซ์มันจะทำอะไรน้องมันบ้าง เพราะเจ้าตัวก็ไม่น่าจะรู้เรื่องรู้ราวอะไร ขนาดจะโดนพาไปทำมิดีมิร้ายอยู่แล้วยังมีหน้าไปบอกให้เขาชวนเที่ยววันหลังอีก ซื่อหรือโง่วะเนี่ย พูดแล้วผมก็หงุดหงิด หวงนะแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นแค่พี่น้อง มันก็เศร้านะครับแต่ผมอยากดูแลน้องมันไปในสถานะนี้ก่อน รอให้เหยื่อตายใจ...

พอเช็ดตัวเสร็จ ผมก็จัดการใส่เสื้อตัวใหม่ให้น้องมันแล้วห่มผ้าให้เรียบร้อย หลังจากนั้นผมก็ไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ผมหมายถึงอาบน้ำนะครับ แล้วค่อยปีนขึ้นเตียง ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ไอ้ตัวแสบของผมที่ป่านนี้หน้าจะฝันถึงอะไรสักอย่างอยู่แน่ๆ เพราะน้องมันนอนอมยิ้มหลับตาพริ้มอยู่

“ฝันดีนะครับตัวแสบของพี่...”

หลังจากพูดจบผมก็ใช้ริมฝีปากสัมผัสที่หน้าผากของน้องมันเพียงเบาๆ แล้วผละออกแค่นี้ผมก็พอใจแล้วแหละครับ ได้เล็มๆ นิดหน่อยก็ยังดี แต่ถ้าเมาอีกครั้งผมไม่รับประกันความปลอดภัยแล้วนะครับความอดทนของผมมันมีขีดจำกัด หึ...

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เยลลี่ชิ้นที่ 8 เรื่องในอดีตของแฝดพี่กับพี่ชายต่างคณะ

แสงแดดยามเช้า (?) รอดผ่านช่องว่างด้านล่างของผ้าม่านมาถึงเตียงนอน ทำให้ผมจำใจต้องลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งๆ ที่อยากนอนต่อแบบสุดๆ

มึนหัวจังแฮะ...

สิ่งแรกที่ผมเห็นคือเพดานห้องสีขาว ซึ่งเป็นเพดานแบบเดียวและสีเดียวกันกับที่ห้องของผม ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะความทรงจำสุดท้ายเท่าที่ผมจำได้ก็มีแค่ลุงรหัสของผมมารับที่ร้านเหล้าแล้วพาผมออกมา จากนั้นก็จับผมยัดใส่รถเพื่อจะกลับหอของผม นั่นคือความทรงจำสุดท้ายที่นึกออก

รู้สึกดีจังแฮะ...ตอนนี้ผมรู้สึกอยากขอบคุณลุงรหัสที่แสนดีแสนน่ารักของผมมากๆเลยแหละครับ ที่พาผมมาส่งถึงห้องของตัวเองอย่างปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ

แต่เดี๋ยวก่อนนะ

ผมว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล...

แล้วทันใดนั้นเอง ความรู้สึกที่อยากขอบคุณลุงรหัสของผมที่อยู่ในหัวก็ต้องเลือนหายไปก่อน

เมื่อแขนของผมที่เตรียมจะยืดเส้นยืดสายตามปกติเหมือนที่ผมชอบทำทุกวี่ทุกวันเวลาตื่นนอนก็ไปสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างที่เหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง

ความรู้สึกเสียวแวบพลันไล่ขึ้นมาจากปลายนิ้วที่สัมผัสโดนสิ่งนั้น ผมลองใช้นิ้วชี้จิ้มๆ ดูว่าสิ่งที่ผมรู้สึกอยู่นั้นไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย มันเป็นสัมผัสที่นิ่มๆ เหมือนกับแก้มของผมแต่ก็ไม่ได้นิ่มเท่า พอขยับซ้ายหน่อยก็เจอกับอะไรสักอย่างเป็นสันแข็งๆเหมือนจะเป็นจมูกของมนุษย์ แต่พอไล่ต่ำลงมาหน่อยก็เป็นอะไรสักอย่างที่นิ่มกว่าแก้ม ใช่...มันคือริมฝีปากของมนุษย์ ไม่ผิดแน่นอน

งั้นเดี๋ยวก่อนนะ

ชัดเลย...

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะกลั้นใจแล้วค่อยๆ หันหน้าไปทางด้านซ้ายมือของผมด้วยหัวใจที่เต้นระรัวเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เมื่อหันไปก็พบกับดวงตาคู่หนึ่งที่ผมคุ้นเคยอย่างดีกำลังจ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว แถมหน้าตาที่เหยเกของพี่มันเพราะผมใช้มือจิ้มหน้าสำรวจอยู่ ท่าทางของพี่มันที่นอนอยู่คือใช้ศอกเท้าไว้กับหมอนส่วนมือก็ค้ำหัวพี่มันไว้อย่างกับเสี่ยๆนอนมองเด็กๆยามเช้าอย่างไงอย่างนั้น

ผมได้แต่นิ่งค้างไปไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาทั้งสิ้นหมดกันความรู้สึกอยากขอบคุณเมื่อกี้ หลงคิดว่าพี่มันจะพาผมไปส่งที่ห้องของตัวเอง

ที่ไหนได้

โว้ยย!

“...”

“อ๊ะๆ นี่ เลิกจิ้มหน้าพี่ได้แล้วครับ” นี่คือประโยคแรกที่ผมได้ยินในเช้าวันใหม่ พร้อมกับมือพี่มันที่ปัดป่ายมือผมให้ออกจากหน้า

“...”

“ไม่โวยวายหน่อยหรอ นี่เราตื่นมาบนเตียงกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้นะครับ ลองแกล้งตกใจหน่อยมั้ย” ประโยคนี้ช็อกกว่าประโยคแรกอีกครับ

“...พะ...พี่ไอที”

“มอนิ่งครับมอนิ่ง” พี่มันพูดพร้อมส่งยิ้มมาให้เป็นการทักทาย “ไม่โวยวายจริงๆด้วยแฮะดีจัง พี่คิดว่าเราจะลุกขึ้นมาโวยวายเหมือนนางเอกในละครทีวีที่แม่พี่ชอบดูซะอีก”

ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ จ้องหน้าพี่มัน แต่ไม่นานก็ตั้งสติได้พร้อมแหกปากทันที “ละ...แล้วทำไมพี่ไม่พาผมไปส่งที่ห้องของผมฮะ!”

เอ่อ...เผลอตะกุกตะกักนิดหน่อยน่ะครับ

“ชู่วว...” พี่มันส่งเสียงชวนขนลุกแล้วยื่นนิ้วชี้มาแตะปากผมเหมือนจะให้เงียบเสียง “ช่วยไม่ได้นะครับ อยากหลับลึกเอง ขนาดพี่อุ้มเราขึ้นมาจนถึงห้องเรายังไม่ยอมตื่นเลย” แถมยังพูดพร้อมลอยหน้าลอยตาใส่ผมเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกต่างหาก

“แล้วนี่เสื้อใคร นี่มันไม่ใช่เสื้อผมหนิพี่!”

“อยู่ห้องใครก็เสื้อคนนั้นแหละครับ สงสัยอะไรไร้สาระจังเลย”

“แล้วพี่แก้ผ้าผมตอนผมหลับเนี่ยนะ ทำไมพี่เป็นคนแบบนี้วะ!” ผมแหกปากลั่นห้องทันที

นี่ผมโดนพี่มันทำอะไรไปบ้างครับเนี่ย (?)

ความซิงที่ผมสั่งสมมา...

แต่จะว่าไปก็แอบเจ็บๆก้นนะครับเนี่ย มโนอีกแล้วผม

โอ้ยยยยย! ช่างเถอะ

“เฮ้อ เรานี่นะ” พี่มันพูดพร้อมยืดตัวขึ้นบิดไปบิดมา “เป็นผู้ชายเหมือนกันจะอายอะไรนักหนา...อีกอย่างนะ...พี่เห็นจนหมดแล้วด้วย ก็มีเหมือนๆ กับของพี่นี่นา แต่จิ๋วกว่านิดนึง ฮ่าๆๆ”

“ไอ้พี่บ้า! ไอ้โรคจิต! คอยดูนะวันหลังผมจะไม่ให้พี่ได้เห็นอีกแล้ว อย่าฝันไปเลย”

พี่มันขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมแล้วกระซิบข้างหูเบาๆ เป็นประโยคที่ทำให้ผมหน้าแดงก่ำอย่างห้ามไม่ได้ “เดี๋ยวพอเป็นเมียพี่...ไนซ์ก็ต้องมาอ้อนวอนให้พี่ถอดให้อยู่ดีแหละครับ เด็กดี”

เมีย

เมียยย

เมียอีกแล้วว!

ผมได้แต่ก้มหน้างุดลงกับหมอนไม่กล้ามองหน้าพี่มันเพราะความเขินอายเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้ม แต่ทันใดนั้นเองความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวผม เมื่อผมเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบๆห้องอย่างสำรวจ ผมรู้สึกคุ้นตากับห้องๆนี้มาก เหมือนผมเคยเข้ามาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้

ตอนที่มากับพี่เอ็มดีตอนนั้นนั่นเอง

และในที่สุดเมื่อผมเหลือบไปเห็นชุดนอนที่คุ้นตายังไงชอบกล มันเหมือนจะเป็นตัวเดียวกับที่คนบนเตียงใส่อยู่ในวันนั้นตอนนี้มันถูกแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของพี่มัน ผมก็พลันนึกออกได้ทันทีว่านี่มันคือห้องทางด้านซ้ายที่คอนโดของพี่เอ็มดี และผมก็เคยเข้ามานอนแล้วครั้งนึงนั่นเอง...

เมื่อคิดถึงตรงนี้ผมก็รีบหันหาพี่มันแล้วเอามือจับไหล่ทั้งสองข้างเพื่อดึงให้พี่มันหันมาทางผมทันที

“ดะ...เดี๋ยวนะพี่ ห้องนี้ทำไมมันคุ้นๆ ผมเคยเข้ามาในห้องนี้ใช่มั้ย” ผมเริ่มทำการซักถามในสิ่งที่ผมอยากรู้ทันทีด้วยความสงสัย

“เอ้า เรานี่ยังไงครับ ก็วันนั้นเรายังปีนขึ้นเตียงมานอนกับพี่อยู่เลย...” พี่มันแกะมือผมออกแล้วจ้องหน้าผมด้วยสายตาไม่น่าไว้วางใจ “แถมยังมาแย่งผ้าห่มพี่อีกด้วย ขี้ลืมจริงๆเลยนะเรา”

“ถะ...ถ้าอย่างนั้น...ที่ผมเคยมาที่นี่แล้วเข้ามานอนก็คือห้องพี่งั้นหรอ!” ผมเผลอโพล่งออกไปเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ก็ตอนนั้นผมคิดว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นพี่เอ็มดีนี่ครับ

“ก็ใช่น่ะสิ นี่เราคิดว่าตอนนั้นที่นอนอยู่เป็นไอ้เอ็มดีหรอ ห้องมันอยู่อีกทางนึงโน้น ฮ่าๆๆ”

“พี่ไอที! แล้วทำไมวันนั้นพี่ไม่บอกผม พี่ก็ลืมตาขึ้นมามองผมอยู่นี่”

“ทำไมต้องบอกด้วยล่ะครับ โอกาสที่เหยื่อจะปีนขึ้นมาหาถึงบนเตียงขนาดนั้นมันหาได้บ่อยๆที่ไหนล่ะ” รอยยิ้มชั่วร้ายของพี่มันถูกจุดขึ้นที่มุมปาก พร้อมกับยักคิ้วใส่ผมอย่างคนกวนประสาท

ร้ายมาก...

ร้ายมากๆ ไหนวะความขรึมที่เขาล่ำลือกัน (?)

“ผมไม่คุยกับพี่แล้ว!” ผมทำท่าทีฟึดฟัดเตรียมจะลุกขึ้นจากเตียง “พี่เอ็มดีอยู่ไหนผมจะไปหาพี่เขา” แต่พี่มันคว้าแขนผมไว้แล้วดึงลงมานั่งกับเตียงเหมือนเดิม

“จะไปหามันทำไม! เมื่อคืนนอนกับพี่แต่ตื่นมาจะชิ่งไปหาผู้ชายคนอื่นเนี่ยนะ” พี่มันแหกปากเสียงดังลั่นห้อง แต่เดี๋ยวก่อนนะผู้ชายคนอื่นที่มันว่านี่คือน้องชายฝาแฝดของตัวเองป่ะ

“ก็พี่นิสัยไม่ดีชอบฉวยโอกาส ไม่เห็นเหมือนพี่เอ็มดีเลย อ๊ะ...” พี่มันยื่นมือมาดีดหน้าผากผมครับ

“ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน มันออกไปหาเด็กมันตั้งแต่เช้าแล้วครับ”

“ฮะ...พี่เอ็มดีมีแฟนแล้วหรอ ทำไมผมไม่รู้เลย”

“มันกิ๊กกับเด็กปีหนึ่งคณะเรานี่แหละ ไม่ต้องไปอยากรู้เรื่องคนอื่นหรอก”

“ได้ไง เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ น้าาา” ปากก็พูดไปแต่เสียงออดอ้อนที่ผมใช้นี่สิ ขนลุกตัวเองฉิบ

“ไม่เล่าๆ ไปอาบน้ำเดี๋ยวพาไปกินข้าวแล้วจะไปส่งที่หอเรา ไปๆ” คนตรงหน้าใช้มือดันผมให้ลงไปจากเตียงนอนของพี่มัน

ทุกคนคิดว่าผมจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ หรอครับ ไม่มีทางซะหรอก งั้นก็กลายเป็นว่าตอนนี้ผมมีเรื่องที่ต้องเผือกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่องแล้วสินะ เรื่องแรกก็เป็นเรื่องของพี่ชายที่เหมือนจะไม่ได้แปลว่าพี่ชายของน้องซี ส่วนอีกเรื่องก็เป็นเรื่องใหม่สดๆร้อนๆของพี่เอ็มดีเมื่อกี้ที่ผมพึ่งจะได้รับรู้มา เอาล่ะครับ ผมว่าผมชักจะได้กลิ่นแปลกๆแล้วนะ

เอ่อ...

หมายถึงกลิ่นผมนี่แหละครับ เน่ามาทั้งคืน น้ำไม่ได้อาบ แค่ได้เช็ดตัวเฉยๆเองมั้ง ขอไปชำระล้างกลิ่นก่อนนะครับทุกคน

ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารตามสั่งร้านเดิม เป็นร้านเดียวกับที่พี่เอ็มดีพาผมมารอบที่แล้ว ที่เลือกมาร้านนี้เพราะเป็นร้านที่ใกล้ที่สุดแล้วก็ถูกที่สุดด้วย ผมเกรงใจพี่มันอะครับ รู้หรอกว่ายังไงพี่มันก็ต้องเลี้ยงหลานรหัสที่แสนจะน่ารักอย่างผมอยู่แล้ว รายนั้นเขาสายเปย์กันทั้งแฝดพี่แฝดน้อง ผมก็เลยเลือกร้านที่ราคาไม่แรงให้เขาสักหน่อย

“ไง ไนซ์” เสียงคุ้นหูเรียกให้ผมหันมา มันไม่ใช่เสียงของพี่ไอทีหรือพี่เอ็มดี แต่มันเป็นเสียงของพี่ชายจากต่างคณะ

พี่กร...

“หวัดดีครับ พี่กร” ผมเอ่ยเสียงทักทายพร้อมส่งยิ้มตายีให้คนมาใหม่

“อะแฮ่ม! ยิ้มเยอะเกินไปละ” ลุงรหัสของผมส่งเสียงขัดเมื่อเห็นว่าผมยิ้มทักทายคนมาใหม่

อื้อ คนขรึมเขาเป็นแบบนี้สินะ...

“อ่าว ไอที...” พี่กรหันไปหาลุงรหัสของผม “ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีสินะ” พูดจบพี่กรก็ยิ้มมุมปากให้ แต่มันเป็นยิ้มที่ดูไม่น่าไว้ใจเลยสำหรับผม

“...” พี่มันไม่ตอบอะไร ทำแค่หันไปมองหน้าพี่กรด้วยสีหน้าที่เหมือนไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักกับการทักทายในครั้งนี้

“ดูลุงรหัสของไนซ์สิครับ มองหน้าพี่เหมือนพวกชอบมีปัญหา” พี่กรพูดกับผมแต่ตายังมองไปทางพี่ไอทีอยู่ แถมเป็นสายตาที่หาเรื่องเหมือนกันทั้งคู่อีกต่างหาก

“แฮะๆ” ผมทำได้ส่งเสียงเบาๆ พร้อมกับยิ้มแห้งๆให้พี่กร

“เอ่อ น้องไนซ์ครับ” พี่กรพูดกับผมอีกแต่ตาก็ยังมองหาเรื่องลุงรหัสของผมอยู่ไม่เลิก “พรุ่งนี้หลังจากประกวดดาวเดือนเสร็จ เราไปหาอะไรทำกันมั้ย”

“ไอ้กร! มึง...” พี่ไอทีลุกขึ้นพร้อมกับกระชากคอเสื้อพี่กรอย่างแรงจนผมตกใจ

“พี่ไอที!”

“ว้าว! แค่นี้ก็ขึ้นซะแล้ว เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน” พี่กรพูดพร้อมดึงมือพี่ไอทีออกจากคอเสื้อ

“มึงก็เหมือนเดิม...” พี่ไอทีพลักอกพี่กร “ไม่เคยเปลี่ยนสันดานตัวเอง”

“เดี๋ยวนะ นี่พี่เป็นอะไรกันเนี่ย” ผมลุกไปยืนอยู่ระหว่างกลางของคนทั้งคู่ “รู้จักกันด้วยหรอ”

“รู้” พี่ไอทีตอบ

“รู้จักกันดีเลยแหละ” อันนี้ของพี่กร

“...” ผมได้แต่มองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมา เพราะกำลังไม่เข้าใจว่าทั้งคู่รู้จักกันได้ยังไง

“มึงออกมานอกร้าน...” พี่ไอทีบอกพี่กรแล้วเดินนำออกไปนอกร้านทันทีโดยไม่รีรอ

“ยังไม่หายแค้นอีกหรอวะ...” พี่กรพูดเสียงเบาแต่ผมยังได้ยินอยู่ “พี่ไปคุยกับลุงรหัสของเราก่อนนะ ไว้เจอกันครับ”

“คะ...ครับ”

ทั้งคู่เดินตามกันออกไปนอกร้านแล้ว ตอนนี้เหลือแค่คนในร้านหลายสิบคนที่ยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาถ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ของคนดังของมหา’ลัยทั้งสอง และก็เหลือผมที่กำลังยืนงงกับสิ่งที่ทั้งคู่ทำไปเมื่อกี้

ในหัวของผมกำลังคิดอยู่ว่าทั้งคู่รู้จักกันได้ยังไงทั้งที่เรียนกันคนละคณะ ตึกคณะก็ห่างกันโคตรไกลหรืออาจจะเป็นเพราะเคยเจอกันตอนเรียนวิชารวมพื้นฐานตอนปีหนึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ก็มีอีกความคิดหนึ่งแทรกเข้ามา คนแบบพี่ไอทีเนี่ยนะจะเข้าไปยุ่งกับใครง่ายๆ เท่าที่ผมได้ฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากคนรอบตัวแล้วโอกาสที่พี่ไอทีจะทำความรู้จักกับเพื่อนต่างคณะมันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับนิสัยของลุงรหัสของผม

แถมการรู้จักกันของสองคนนี้ ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องดีซะด้วยสิ เพราะดูจากสิ่งที่ทั้งคู่ปฏิบัติต่อกันเมื่อกี้แล้วมันทำให้คิดเป็นเรื่องดีๆไม่ได้เลยสักนิดเดียว อีกทั้งยังมีประโยคที่ว่า ‘ยังไม่หายแค้นอีกหรอวะ’ ที่หลุดออกมาจากปากของพี่กรนั่นก็ด้วย


< แฝดพี่คนขรึม >

“มึงคิดจะทำอะไร”

หลังจากออกมานอกร้านผมก็เริ่มถามในสิ่งที่ อดีตเพื่อนรักเพื่อนเลว ของผมทำเมื่อกี้ทันที

“ก็ชวนน้องไปหาอะไรทำไง” มันพูดพร้อมยื่นหน้ามาใกล้ๆผม “มึงหูหนวกหรอ”

“อย่ายุ่งกับไนซ์!”

“มึงเป็นอะไรกับน้องเขาไม่ทราบ หื้ม?”

“...”

“ถึงกับตอบไม่ได้เลยหรอ”

“ไม่ใช่เรื่องของมึง!”

“แต่กูอยากทำให้เป็นเรื่องของกูว่ะ มีอะไรมั้ย”

“คนนี้ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้”

“หวงหรอ...” มันพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ผมเกลียดมากที่สุด

“กูบอกว่าไม่ได้ไงวะ!” ผมพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อมันทันทีที่มันทำท่ากวนส้นเท้าผม

“ปล่อย!” แล้วมันก็ปัดมือผมออกจากคอเสื้อมัน

“...”

“ขนาดคนที่แล้วกูยังเอามาได้เลย”

“ไอ้สัด!”

“งั้นคนนี้กูขออีกสักคนก็แล้วกันนะ”

มันส่งยิ้มที่ผมมองแล้วไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิดให้ผม แล้วเดินหันหลังไปทันทีที่มันยั่วโมโหผมได้สำเร็จ

กรมันเคยเป็นเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดและเราก็ต่างเข้าใจกันและกันมากที่สุด

แต่มันก็แค่เคย...

และคำว่าเคยมันก็คือ ‘อดีต’

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mintt555

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เยลลี่ชิ้นที่ 9 หนึ่งประโยคที่จดจำถึงวันนี้

Gossip Freshy boys

ฮายๆๆ ตอนนี้เดี๊ยนกำลังรายงานสดจากหน้างานประกวดดาวเดือนของมหา’ลัยอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราค่าาาาา

แต่เอ๊ะ! ซุ้มขายดอกกุหลาบสีแดงสดที่ใช้ในการให้คะแนนป๊อปปูล่าโหวตแก่บรรดาชายหนุ่มที่แสนน่ารักน่าชังของเดี๊ยนและเหล่าชะนีน้อยหอยใหญ่หอยเล็กที่ขึ้นประกวดนั้น ตอนนี้ทำไมถึงกลายเป็นซุ้มเปล่าไปซะแล้วล่ะคะเนี่ย แหม...ขายดิบขายดีจริงๆเล๊ย เอ๊ะหรือว่าจะมีสายเปย์คนไหนมาแอบเหมาไปให้ใครที่ต้องขึ้นประกวดวันนี้รึเปล่าน้า จะว่าไปก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันนะคะเนี่ย ว่ามั้ยพวกหล่อน

เฮ้อ...แต่เดี๊ยนเดาไม่ออกเลยจริงจริ๊งงงง ว่าจะเป็นใครกันน้า จริงๆนะ เชื่อเดี๊ยนสิคะ เดาไม่ออกจริงจริ๊ง อะฮิ๊ อะฮิ๊

‘ใครคะเจ้ หนูก็เดาไม่ออกเหมือนกันค่ะ จริงจริ๊ง’

‘จะเป็นใครไปได้นอกจากน้อง... ไม่พูดดีกว่า’

‘กระแสน้องเขามาเต็มตั้งแต่เดบิ้วต์เข้ามหา’ลัยขนาดนั้น ผมก็เดาไม่ออกจริงจริ๊ง’

‘ชั้นขอเดาว่าแฝดพี่ไอทีคน(เคย)ขรึมของน้องเยลลี่แน่นอน คอนเฟิร์มค่ะ’

‘แต่อิชั้นขอเดาว่าพี่กรเดือนวิศวะค่ะ มีวงในกระซิบข้างหูมาว่าพี่ต่างคณะสุดหล่อนั้นแกล้งเดินชนน้องเยลลี่เพราะอยากทำความรู้จักกับน้องเขาค่าาาา’

‘บวกเม้นบนค่ะ’

‘โอ้ยยย เยลลี่ชิ้นนี้น่ากินเกินไปมั้ยเอ่ยพี่สาว’

‘น้องเยลลี่ของผมจะเสน่ห์แรงไปไหนเนี่ย ผมหวงนะ’

‘งั้นป๊อบปุล่าโหวตก็ไม่ต้องลุ้นแล้วสิ เอาไปเลยจ้า’

‘แต่ถ้าได้ป๊อบปูล่าโหวต ก็จะไม่ได้เป็นเดือนน่ะสิคะ แอบเสียดายอยู่นะเพราะไม่เคยมีใครควบสองตำแหน่งเลยสักปี’

‘ก็ไม่แน่นะคะ หน้าตาน้องเขาไม่ใช่เล่นๆ ถึงขาจะสั้นไปหน่อยก็เถอะ’

‘อย่าแซวขาน้อง 55555555’

‘หน้าตาอันนี้ไม่เถียง แต่รอบตอบคำถามนี่สิ น้องเขาดูเอ๋อๆนะคะ จะรอดมั้ย’

‘รอดูขา เอ้ย รอดูน้องเลยค่า’




ตาลาย...

นั่นคืออาการของผมตอนนี้ครับ

ผมกำลังนั่งแหมะอยู่ในห้องแต่งตัวด้านหลังเวทีที่ใช้ในการประกวดดาวเดือนในวันนี้ครับ

ซึ่งไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าทำไมผมถึงรู้สึกตาลายขนาดนี้ ก็ตอนนี้ในห้องเต็มไปด้วยบรรดาเพื่อนๆที่เข้าร่วมการประกวดในปีนี้แถมยังมีรุ่นพี่ดาวเดือนของแต่ละคณะที่มาดูแลประคบประหงมรุ่นน้องของตัวเองกันสุดฤทธิ์ แล้วไหนจะพี่ๆช่างแต่งหน้า ช่างทำผม สไตล์ลิสต์อีกหลายสิบชีวิตที่วิ่งกันให้วุ่นวายจนน่าปวดกระบาล ผมล่ะอยากจะหนีออกไปจากตรงนี้ซะให้มันจบๆไป ทุกคนก็รู้ว่าผมได้เป็นเดือนคณะเพราะความเอ๋อล้วนๆ ไม่ได้มีใจฝักใฝ่ด้านนี้เลยแม้แต่น้อย

แต่ผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้น่ะสิ เพราะผมอาจจะไม่ได้มีชีวิตรอดเพื่อที่จะเรียนต่อให้ครบสี่ปีเอาน่ะสิครับ ก็จะเพราะอะไรซะอีกล่ะ ก็ลุงรหัสคนดีคนเดิมของผมที่ดูจากความทุ่มเทเทียวไปรับไปส่งผมตลอดทุกวันที่มีซ้อมดาวเดือนช่วงก่อนหน้านี้แล้ว ผมคิดว่าพี่มันน่าจะแอบหวังอยู่ในใจให้ผมได้ครอบครองตำแหน่งเดือนมหา’ลัยปีนี้อยู่เหมือนกันแน่นอน

เพราะฉะนั้นแล้วผมจะทำให้พี่มันผิดหวังโดยการที่ผมหนีออกจากกองประกวดแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะผมกลัวตายครับ สั้นๆเลย แฮะๆ

“สวัสดีค่าาาา” เสียงพิธีกรหญิงคนสวยคนเดิมกล่าวทักทายผู้ชมในหอประชุมกลางของมหา’ลัย

เอ่อ...คนละหอประชุมกับศึกแย่งลุงรหัสวันนั้นนะครับ เพราะวันนี้เป็นงานสำคัญของเด็กปีหนึ่งวัยไสยๆ (?) อย่างพวกผม ทำให้งานวันนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่หอประชุมกลางของมหา’ลัยที่มีอัฒจรรย์รองรับผู้เข้าชมการประกวดได้เป็นพันคน

“ยินดีต้อนรับเขาสู่การประกวดดาวเดือนประจำปี 2563 ค่าาาาา”

“ฮิ้ววววว”

“กรี๊ดดดด”

“น้องเยลลี่ น้องเยลลี่!” เอ่อ...น้องเยลลี่นั่นคือผมเองครับ ทุกคนไม่ต้องงงกันนะ ฉายาจากความตะกละของผมเอง แฮะๆ

จะว่าไป ผมมีแฟนคลับกับเขาด้วยหรอเนี่ย แอบดีใจเหมือนกันแฮ๊ะ

แต่จากเสียงที่ได้ยินแล้ว ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายซะส่วนใหญ่นะครับเนี่ย ผมควรดีใจใช่มั้ย

“เพื่อไม่เป็นการเสียนาฬิกา...”

เอ่อ

“...” กริบครับ ไม่มีใครตบมุกพิธีกรคนสวยเลยสักคน อย่างกับนัดกันมาแหกหน้าพิธีกร

“...”

“เอ่อ ไม่แก้กันหน่อยหรอคะ” พิธีกรเกาแก้มเขินๆแล้วพูดต่อ “อิชั้นแก้เองก็ได้ค่ะไม่ง้อหรอก เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาขอเริ่มจากคณะบริหารเลยค่าาาา”

“ไงไนซ์” เสียงคุ้นเคยดึงความสนใจจากผมที่กำลังสแตนด์บายอยู่ข้างหลังเวที

“อ่าว พี่ไอที” ผมหันไปส่งยิ้มพร้อมกับเอ่ยทักลุงรหัสของตัวเอง

“ตื่นเต้นมั้ยครับ”

“นิดหน่อยน่ะพี่ ชิวๆ”

“ให้จริงเถอะ” พี่มันพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบผมของผมเบาๆ “ทำให้เต็มที่นะ ถ้าเราได้ตำแหน่งเดี๋ยวพี่มีอะไรจะบอก”

เคเลย พี่มันมาเพิ่มความกดดันให้ผมอีกล้านระดับ

“โห ยากอ่า พี่จะได้บอกผมมั้ยล่ะถ้าแบบนั้น”

“ทำให้เต็มที่ก่อนครับ อ้วนอย่าเพิ่งคิดเองสิ”

“บอกเลยไม่ได้หรือไง”

“ไม่เอา แบบนั้นก็ไม่สนุกสิ ไว้ประกวดเสร็จก่อนนะ”

“ใจร้ายว่ะ ก็ได้ๆ”

“สู้ๆนะครับ พี่จะคอยเชียร์เราจนจบการประกวดเลย”

ผมแกล้งทำปากยู่แล้วไม่ได้ตอบอะไรเพราะถึงคิวของผมขึ้นเวทีพอดี

“ต่อไปคณะคหกรรมศาสตร์ค่าาา”

“กรี๊ดดดด”

“ฮิ้วๆๆๆ”

“น้องเยลลี่คร้าบบบบ”

“น้องเยลลี่ น้องเยลลี่”

“สวัสดีครับ ผมนายนิรัช ศิริกรณ์ จากคณะคหกรรมศาสตร์ครับ”

“ฮิ้วๆๆๆ”

“น่ารักคร้าบบบบ”

“จุ๊บๆ น้องไนซ์ของพี่”

“แกๆ น้องเหมือนแมวเลยขาสั้นๆ”

เฮ้ย! ผมเกือบจะเคลิ้มกับคำชมจากเอฟซีอยู่แล้วเชียว แต่ไอ้ประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินเต็มสองหูนี่สิครับ เปรียบเทียบซะอยากเดินลงจากเวทีไปบิดเอวให้เขียวเรียงตัวเลย

ผมไม่ได้ขาสั้นขนาดนั้นโว้ยยยย!

“เอาแหละค่ะ” พิธีกรเอ่ยขึ้นหลังจากผมเดินมาหยุดตรงจุดที่กำหนดไว้ “ตอนนี้ก็ครบทุกคณะแล้วนะคะ ขอเวลาสักครู่ให้คณะกรรมการของเราได้ลงคะแนนให้แก่ผู้เข้าประกวด และก็ขอเวลาสักครู่อีกครั้งในการรวบรวมผลคะแนนนะคะ อดใจรอนิดนึง”



< แฝดพี่คนขรึม >

ง่วงนอนฉิบ

แถมยังน่าเบื่อชะมัด...

การประกวดอะไรแบบนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามันไร้สาระที่สุดเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ผมจะเป็นคนที่เคยชอบทำกิจกรรมมาก่อนก็ตามที ผมไม่แน่ใจว่าทุกคนรู้หรือเปล่าว่าผมเคยเป็นเดือนมหา’ลัยนะครับ ปีเดียวกับไอ้กรนั่นแหละ แต่ผมปาดตำแหน่งมาได้ ตอนนั้นผมรู้ตัวดีว่าตัวผมเองยังเป็นคนที่มีนิสัยปกติแบบชาวบ้านอยู่ ผมมีเพื่อนรายล้อมรอบตัวมากมาย ชอบการเข้าสังคม แถมยังมีแฝดน้องของผมที่ถึงจะหน้าตาเหมือนกันก็ตามแต่รายนั้นน่ะติสท์แตกกว่าผมเยอะครับ อีกอย่างตอนนั้นผมก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองหรือเก๊กขรึมอะไรแบบที่เขาลือกันว่าผมเป็นอยู่ในตอนนี้หรอกนะ แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับผมมันทำให้ผมกลายเป็นคนที่ไม่คิดจะสร้างความสนิทสนมและมอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้ใครอีกทั้งนั้น

แต่ช่างมันเถอะ...เรื่องมันก็ตั้งแต่ผมอยู่ปีหนึ่งโน้นแล้วแหละครับ มันนานมากแล้วและผมก็กลายเป็นคนปิดกั้นตัวเองมาจนถึงตอนนี้ เพราะผมไว้สามารถไว้ใจใครได้อีกจริงๆ จนผมได้กลับมาเจอกับไนซ์อีกครั้งในฐานะหลานรหัสของผม (?) นั่นแหละครับ

ถ้าการประกวดครั้งนี้ ไม่มีหลานรหัสของผมอยู่ด้วยล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าผมจะมานั่งโง่ๆอยู่ในสถานที่ที่มีประชากรหนาแน่นขนาดนี้ แถมผมต้องมานั่งคนเดียวอีกต่างหาก ไอ้แฝดน้องตัวดีของผมมันไปนั่งอยู่ที่อื่นครับ มันไปเต๊าะเด็กปีหนึ่งเพื่อนของไนซ์ที่นั่งอยู่แถวหน้าๆโน้น ได้ข่าวว่าเด็กนั่นชื่อซีมั้งครับ ถ้าผมจำไม่ผิดนะ คนเรานี่มันเปลี่ยนใจง่ายจริงๆ แต่ผมก็รู้ครับว่าก่อนหน้านี้มันชอบไนซ์จริงๆ นั่นแหละ ซึ่งมันก็ดีแล้วครับ ผมกับมันจะได้ไม่ต้องมาบาดหมางเรื่องของหัวใจกัน

ให้ผมบาดหมางกับอดีตเพื่อนรักของผมคนเดียวก็เหนื่อยพอแรงแล้ว

พูดถึงหมา หมาก็มา

“ไง...” มันเอ่ยทักพร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงที่นั่งข้างๆผม “มาดูน้องรัก...หรอ” มันเน้นเสียงตรงคำว่ารักอย่างจงใจ

“เสือกจริงๆ”

“ทำไมเพื่อนพูดแบบนี้ล่ะ”

“ใครเพื่อนมึง”

“กูไง” มันหันมากระซิบใกล้ๆหูผม “เพื่อนรักของมึง”

“แต่ตอนนี้มึงไม่ใช่เพื่อนกู” ผมหันไปสบตามันตรงๆ แปลกนะที่ผมเห็นแววตาที่สั่นระริกของมัน เหมือนคนที่กำลังกลั้นความรู้สึกอะไรบางอย่างเอาไว้

แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกโกรธ ไม่ชอบ หรือเกลียดขี้หน้าแต่อย่างใด

มันเหมือนแววตาของคนที่กำลังกลั้นความรู้สึกเสียใจเอาไว้มากกว่า

ที่ผมคิดแบบนั้น เพราะผมเคยเป็นคนที่รู้ใจมันมากที่สุดไงครับ อย่าลืมนะ

“กูขอถามอะไรจริงๆสักครั้งนะ” น้ำเสียงมันอ่อนลงจากตอนแรกมาก “เรื่องตอนนั้น มึงเชื่อแบบนั้นจริงๆหรอ”

ผมหันมามองหน้ามันด้วยสายตาเรียบเฉยไม่ได้ตอบอะไรมันกลับไป

ก็จะให้ผมตอบอะไรล่ะครับ มันเป็นคำถามปัญญาอ่อนที่สุดที่เคยได้ยินมาเลยก็ว่าได้ คือถามออกมาได้ยังไงว่าผมเชื่อแบบนั้นจริงๆหรอ ผมก็ต้องเชื่อแบบนั้นสิครับ ก็ผมเห็นกับตาของตัวผมเอง

ภาพนั้นมันยังติดตาผมจนถึงทุกวันนี้

อดีตเพื่อนรักกับคนที่ผมเคยรัก...

“อะแฮ่ม ดึงสติกลับมาได้แล้วค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในหอประชุมแห่งนี้” เสียงพิธีกรดังขึ้นหลังจากที่เงียบหายไปสักพักเพราะเข้าช่วงพักเบรกนับคะแนน

“...”

“ผลคะแนนสำหรับหกคนสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบอยู่ในมือของพิธีกรสาวสวยคนนี้แล้วนะคะ”

“โฮ่ๆๆๆๆๆ”

“แหวะ พูดมาได้ไง”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“เงียบค่ะ ชั้นได้ยินนะย๊ะ” เธอยกซองคะแนนขึ้นโบกไปมา “อยากจะประกาศใจจะขาด แต่ยังไม่ถึงเวลาน่ะสิคะ แย่จังเลยยยย” พิธีกรลากเสียงยาวในคำสุดท้าย

“อ่าววว”

“ไรอ่ะ”

“ต่อไปจะเป็นการให้ดอกกุหลาบสีแดงสดแก่บรรดาผู้เข้าประกวดค่ะ ลืมกันแล้วหรอคะ”

“ไม่มีดอกไม้โว้ย!” เสียงตะโกนจากล่างเวที

“หมดตั้งแต่เช้าโน้น!”

“แม้งผมซื้อให้น้องเยลลี่ไม่ทันเลย”

“อย่าโกรธพี่นะครับ น้องเยลลี่”

“ใครเหมาไปก็ไม่รู้ครับ”

ผมได้แต่ยิ้มเยาะในใจกับเสียงของพวกที่โวยวายว่าดอกไม้หมด ก็ผมนี่แหละครับที่แอบไปเหมามาทั้งซุ้มเพราะจะเอามาให้หลานรหัสของผมในวันนี้

แน่นอนครับที่ทำแบบนี้เพราะอย่างที่คนเขาพูดกันนั่นแหละ ถึงหน้าตาของน้องมันจะน่ารักซะจนหนุ่มๆ แถวนี้ตามเชียร์มันเต็มไปหมดอย่างที่เห็นๆกัน แต่ว่าหลานรหัสของผมขามันสั้นครับ (ฮ่าๆ) ถึงมันจะไม่สั้นขนาดนั้นก็เถอะ แต่กันไว้ดีกว่าแก้อยู่แล้ว เพราะเวทีแบบนี้ยังไงเรื่องรูปร่างหน้าตาก็สำคัญเพราะมันเอาไปใช้ประโยชน์ในการโปรโมทมหา’ลัยได้ครับ ผมก็เคยโดนมาแล้ว

และที่ผมลงทุนขนาดนี้เพราะว่ากฏข้อนึงของการประกวดในครั้งนี้ก็คือ คนที่ได้รางวัลป๊อบปูล่าโหวตจะได้สิทธิ์พิเศษผ่านเข้ารอบ 6 คนสุดท้ายโดยอัตโนมัติครับ ถึงความสูงจะสู้เขาไม่ได้ ก็ขอใช้อำนาจเงินของผมช่วยน้องมันหน่อยก็แล้วกัน ไม่ว่ากันนะครับทุกคน

“อะแฮ่มๆ พวกคุณไม่มีก็เงียบไว้นะคะ” เธอกระแอมใส่ไมค์เบาๆ “ถ้าอยากรู้ว่าใครเหมาดอกกุหลาบไป งั้นขอเชิญคนที่จะให้ดอกกุหลาบแก่บรรดาผู้เข้าประกวดของเรา ออกมาด้านหน้าได้เลยค่าาา”

ถึงเวลาแสดงความเป็นเจ้าของแล้วสินะครับ...

ผมยืนขึ้นเตรียมจะเดินออกไปด้านหน้าเวที แต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้

เพราะคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็ลุกขึ้นยืนเหมือนกัน

“มึงจะไปไหน” ผมเอ่ยถามมัน

“เอาดอกไม้ไปให้น้องไนซ์ไง” มันหันมากระซิบข้างหูผม “คงคิดว่ามึงเหมาไว้คนเดียวสินะ เสียใจด้วย คนในซุ้มเป็นรุ่นน้องกู แล้วกูก็สั่งให้มันเก็บไว้ให้กูเหมือนกัน”

แม้ง ผมคิดว่าจะใช้โอกาสนี้แสดงความเป็นเจ้าของน้องมันสักหน่อย สุดท้ายก็มีมารมาขวางไว้อีกตามเคย

จะจองล้างจองผลาญไปถึงไหนวะ

ผมเดินมาถึงหน้าเวทีพร้อมกับรุ่นน้องที่ผมใช้ให้มันขนดอกไม้มาโดยที่อดีตเพื่อนรักของผมก็ให้คนมาขนเหมือนกัน

“อ๊ะๆๆๆ พี่ไอที พี่กรคะ เอามาให้หนุ่ม เอ้ย สาวคนไหนเอ่ยยยย” พิธีกรเอ่ยแซวใส่ไมค์เสียงดังทันทีที่ผมกับไอ้กรเดินมาถึง

“ไนซ์ครับ” ผมเรียกไนซ์ให้เดินมารับดอกไม้

“น้องไนซ์” ไอ้กรก็เรียกไนซ์เหมือนกัน

หลานรหัสของผมทำตาโตแล้วเอานิ้วชี้เข้าหาตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น แล้วค่อยๆเดินออกมาข้างหน้าโดยมีเสียงโห่แซวจากพวกหนุ่มๆที่ซื้อดอกไม้ไม่ทันและตามด้วยเสียงกรี๊ดจากสาวๆจนดังกระหึ่มหอประชุม

น้องมันย่อตัวลงมานั่งข้างหน้าผมกับไอ้กร “ให้ผมหรอพี่”

“ครับ” ผมตอบรับ

“อื้อ เอาไปสิ” อันนี้เป็นเสียงของอีกคน

“เดี๋ยวก๊อนนน” พิธีกรสาวเอ่ยขัดขณะที่ไนซ์กำลังเอื้อมมือมารับดอกไม้ “ไหนๆ ก็ชนะอยู่แล้วนี่เนอะ เรามาเล่นอะไรสนุกๆกันดีกว่ามั้ยคะ”

เสียงเชียร์จากคนที่นั่งอยู่ดังขึ้นหลังจากเธอพูดประโยคนั้นจบ

“น้องไนซ์คะ” เธอดึงแขนไนซ์ให้ไปยืนข้างๆ “พี่ไม่ได้อิจฉาเล๊ยที่มีคนมารุมน้องกัน ฮือๆ” เธอทำเป็นแกล้งปาดน้ำตาเบาๆ

“อิจฉาก็บอกเขาไปโว้ย!”

“รู้ว่าอิจฉาค่า ไม่ต้องแอ๊บ”

เธอไม่สนใจเสียงจากล่างเวทีแล้วพูดต่อ “พี่จะให้น้องรับดอกกุหลาบได้แค่จากหนึ่งคนเท่านั้นค่ะ” เธอหันไปยักคิ้วให้กล้องที่ถ่ายทอดสดภาพของเธอไปบนจอ “พี่ก็พอจะรู้นะคะว่าสองหนุ่มด้านล่างนั่นมีซัมติงกับน้องทั้งคู่ และคนในหอประชุมก็คงจะอยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้คะแนนคนไหนกำลังนำอยู่น้าา”

ตอนนี้หลานรหัสผมท่าทางจะเลือดสูบฉีดไปที่หน้าเยอะไปหน่อยมั้งครับ เพราะแดงทั้งแก้มลามไปยันหูเลย

“ถ้าพร้อมแล้ว เดินไปรับดอกไม้ได้เลยค่าาา” เธอดันไนซ์ให้เดินมาหาผมกับไอ้กร “เลือกได้หนึ่งคนเท่านั้นนะคะ อย่าหลายใจ”

ไนซ์ค่อยๆเดินมาข้างหน้าแล้วย่อตัวลงบนเวทีตรงหน้าผมกับไอ้กร

เดี๋ยวนะ สายตามันดูลังเลมากเลยว่ะ มันจะลังเลทำไมวะเนี่ย ผมมาก่อนนะเฮ้ย รับของผมไปสิ

นี่ลุงรหัสไง จำไม่ได้หรอ

เฮ้ หยุดลังเลเดี๋ยวนี้

ตัดสายนะโว้ย!

และแล้วบทสรุปก็ออกมาครับ...

ผมแทบอยากจะก้มไปเก็บเศษหน้าที่แตกละเอียดอยู่บนพื้นตอนนี้ให้มันจบๆไป เพราะไอ้หลานรหัสของผมมันไม่รับดอกไม้จากผม แต่มันเลือกไปรับดอกไม้จากไอ้กรแทนครับ

แม่งเอ้ย โคตรอายเลย

“กรี๊ดดดดด” พิธีกรสาวกรี๊ดออกไมค์อย่างลืมตัว “โทษทีค่ะ ฟินไปหน่อย เป็นอันรู้กันนะคะว่าตอนนี้พี่กรเดือนวิศวะสุดหล่อของเราคะแนนนำเดือนมหา’ลัยอยู่ค่าาา”

“แก เกมพลิกว่ะ”

“หัวใจของพี่ไอที ฮืออออ”

“โอ้ย ชั้นฟินนนน”

“เห็นมั้ยบอกแล้วว่าเคมีคู่นี้เขาเข้ากั๊นเข้ากัน”

บรรดาเสียงจากกองเชียร์ด้านหลังดังขึ้นไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่ากับสายตาที่กำลังล้อเลียนผมอยู่จากไอ้กรตอนนี้ มันยักคิ้วแล้วยิ้มมุมปากให้ผมแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม

จะว่าอายก็อายแหละครับ เพราะอย่างที่รู้กันดีกว่าผมไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อใครอยู่แล้ว แต่ความเสียใจมันมีมากกว่าความอาย ก็ผมมั่นใจมากเลยนะ ว่าไนซ์มันต้องรับดอกไม้จากผมแน่ๆ เพราะเราสนิทกันมากเลยนี่นา

หรือผมสนิทกับน้องมันฝ่ายเดียว

หรือลับหลังผมสองคนนี้มันไปถึงไหนกันแล้ว

หรือที่ผ่านมาผมคิดไปเอง...

ผมได้แต่ส่งสายตาเศร้าๆไปให้ไนซ์ก่อนที่ผมจะเดินกลับไปนั่งที่เดิมข้างๆไอ้กรเพื่อที่จะดูการประกวดต่อให้จบ เพราะผมสัญญากับน้องมันไว้แล้วว่าจะอยู่ดูจนจบ อีกอย่างผมก็อยากจะดูการตอบคำถามของน้องมัน และก็อยากอยู่ให้กำลังใจด้วย

ผมไม่ได้ตั้งใจฟังการตอบคำถามของคณะไหนเลย เพราะกำลังใจลอยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่จนสติผมกลับมาอีกทีตอนถึงคิวของน้องมันตอบคำถาม

“คนสุดท้ายแล้วนะคะ” เธอพูดพร้อมเปิดซองคำถามซองสุดท้ายแล้วอ่าน “คำถามมีอยู่ว่า...ถ้าวันหนึ่งคุณต้องเลือกระหว่างคนสองคน คนแรกคือคนที่คุณรัก และคนที่สองคือคนที่รักคุณ” เธอเหลือบมองหน้าไนซ์แล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ “คุณจะเลือกคนไหน และเพราะอะไร ตอบค่ะ”

“คำถามดูเจาะจงนะครับ แฮะๆ” ไนซ์เกาแก้มเบาๆ ซึ่งมันเรียกเสียงเชียร์จากคนที่ลุ้นด้านล่างได้เป็นอย่างดี

“ค่ะ พี่ก็คิดแบบนั้น เริ่มได้เลยนะ ไม่จำกัดเวลา”

 “ถ้าถึงวันนั้น วันที่ผมต้องเลือกระหว่างคนสองคนนี้ ผมขอเลือกคนที่รักเราครับ หลายๆคนอาจจะคิดว่าทำไมล่ะ ทำไมไม่เลือกคนที่เรารัก ไปเลือกคนที่เราไม่ได้รักมันจะมีความสุขได้หรอ ทุกคนคงเถียงผมอยู่ในใจแบบนี้ใช่มั้ยครับ” ไนซ์กวาดสายตามองไปด้านหน้าที่มีคนนั่งอยู่เต็มอัฒจรรย์แล้วยิ้มออกมาเล็กๆ “แต่สำหรับตัวผมแล้วที่ผมเลือกคนที่รักเรา เพราะผมเชื่อครับ เชื่อว่าคนที่รักเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือว่าวันนึงเรากลายเป็นคนที่ไม่น่ารักในสายตาของคนทั้งโลก เขาคนนี้ก็จะยังเป็นคนเดียวที่รักและเชื่อในตัวเราเสมอนั่นแหละครับ และแค่คนๆเดียวที่เชื่อมั่นในตัวเราในวันที่เราไม่มีใครเลย มันก็ทำให้ผมมีความสุขมากแล้ว”

ไนซ์เงียบไปอีกครั้งแล้วมองไปด้านหน้าเหมือนกำลังมองหาใครสักคนเป็นจุดวางสายตาในการพูดประโยคถัดไปของเขา

“ผมเคยได้ยินประโยคนึงจากปากของพี่ชายข้างบ้านของผมในวันที่รอบๆตัวไม่มีใครเชื่อในตัวผมเลยสักคนเดียวแม้แต่คนในครอบครัว หรือคนที่ผมรักเขาสุดหัวใจ พี่เขาบอกกับผมว่า ถ้าในวันนี้คนทั้งโลกหันหลังให้คุณ ผมจะหันหลังให้คนทั้งโลก” ไนซ์ยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วพูดต่อ “จากประโยคนี้ทุกคนคงจะเห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ ว่าทำไมผมถึงเลือกคนที่รักผม ไม่ใช่คนที่ผมรัก เพราะคนที่คอยอยู่เคียงข้างผมในวันนั้นเป็นคนที่รักผมไม่ใช่คนที่ผมรักเขาสุดหัวใจ ผมถึงจดจำมันมาจนถึงทุกวันนี้ ขอบคุณครับ”

“น้องเยลลี่ น้องเยลลี่!”

“น้องเยลลี่ของผมคร้าบบบบ”

“ตอบดีมากอ่ะแก”

“ประโยคนั้นดี เลิฟมากกกกกกก”

“อยากรู้จังว่าใครคือคนที่น้องเขารักสุดหัวใจ”

“แต่ชั้นอยากรู้ว่าใครคือพี่ชายข้างบ้านของน้องเขามากกว่าย่ะ”

“อ่ะ พูดอีกก็ถูกอีก”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2020 19:15:16 โดย woragus »

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Mintt555

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ woragus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เยลลี่ชิ้นที่ 10 ทบทวน

IG : nicenr_

*รูปของไนซ์พร้อมสายสะพายป๊อบปูล่าโหวตกับสายสะพายเดือนมหา’ลัยปี 2563 บนเวทีประกวดดาวเดือน*
(24,560 Like)


Caption : ไม่มีคนเคยควบ 2 ตำแหน่งเลยหรอ งั้นผมขอเป็นคนแรกละกันนะคร้าบบบบบบ (ขาสั้นแล้วไง ขออวดหน่อยเถอะ หึ)

‘แง ใครว่าขาน้อง ชั้นจะไปหยิกเอวให้เขียวเรียงตัว’

‘ใครว่าน้องเยลลี่ของผม บอกพี่มา’

‘บอกแล้วอย่าว่าขาน้อง 5555555’

‘โอ๋ๆ ตัวเล็กสเป็กพวกพี่ๆนะคร้าบบบ’

‘ยินดีด้วยครับน้องไนซ์’

‘อะแฮ่ม เพื่อนผมครับเพื่อนโผมมมม’

‘ยินดีด้วยนะเพื่อน’

‘น้องรหัสผมแม้งเจ๋งว่ะ’

‘เด็กไอ้กรมันแน่นอนจังวะ’

‘เม้นบนพ่องตาย (ยินดีด้วยนะครับน้องไนซ์)’

‘พี่กรมาโหดนะคะ 5555555’

‘เด็กพี่ผมครับเด็กพี่ผม’

‘พี่เอ็มดีมาทวงน้องคืนให้พี่ชายตัวเองอ่ะ คิดดู 555555’


ผมกำลังนั่งอ่านคอมเม้นท์ในแอพพลิเคชั่นยอดฮิตอย่างไอจีอยู่ใต้ตึกคณะของผมเอง มันมีทั้งคอมเม้นท์จากเพื่อนในกลุ่ม พี่ๆในคณะ รวมไปถึงคนที่ผมไม่รู้จักต่างก็มาแสดงความยินดีกับตำแหน่งที่ผมได้รับเมื่ออาทิตย์ก่อน บางคนก็มาแซวผมตามประสาพวกชอบกวนประสาท

แต่มันกลับไม่มีคอมเม้นท์จากลุงรหัสของผมเลย ทั้งๆที่มันก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว
หรือว่าเขายังโกรธผมที่ไม่รับดอกกุหลาบจากเขานะ
เรื่องแค่นี้เองนะครับ

เฮ้อ...

ตอนนั้นผมก็แค่คิดอะไรสนุกๆ อยากจะเอาคืนที่พี่มันลืมผมทิ้งไว้ที่ร้านอาหารตามสั่งวันนั้นน่ะครับ ก็พี่มันออกไปกับพี่กร ไม่รู้ว่าไปทะเลาะอะไรหรือไปกัดกันต่อที่ไหนแล้วก็ไม่กลับมาหาผมที่ร้านอีกเลย ปล่อยให้ผมนั่งเอ๋อๆ อยู่คนเดียวในร้านตั้งเกือบชั่วโมง พูดแล้วก็อยากจะกำหมัดไปทุบหลังให้ดังอึกสักทีสองที

ไหนจะมีเรื่องที่พี่มันบอกว่าจะบอกผมหลังจากได้ตำแหน่งอีก จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยครับว่าเรื่องอะไร แล้วแถมยังหายต๋อมไปไหนอีกก็ไม่รู้

หรือผมแกล้งพี่มันแรงไปหรอครับ

แต่ผมว่าไม่แรงนะ ขำๆเอง

ใช่มั้ย (?)

เอ่อ! ไหนๆก็กำลังเล่นไอจีอยู่พอดี ผมขอถือโอกาสนี้เล่าให้ทุกคนฟังเลยก็แล้วกันครับ
ทุกคนจำไอจีที่ชื่อว่า Irawat_ ได้มั้ยครับ ที่ผมกดฟอลโลว์ไปตอนนั้น วันที่ผมมาสัมภาษณ์ก่อนเปิดเทอม คงจะจำกันได้ใช่มั้ยครับ

ตอนแรกผมเข้าใจว่ามันเป็นไอจีของแฝดคนน้องหรือพี่เอ็มดีนั่นเอง แต่ที่ไหนได้มันกลับเป็นของพี่ไอทีลุงรหัสของผมซะอย่างนั้น แล้วกว่าผมจะมารู้ความจริงก็ตอนที่พี่เอ็มดีเอาไอจีของตัวเองมากดตุ่มฟอลโลว์ผมมานั่นแหละครับ เป็นเดือนๆ เลยกว่าผมจะหายเด๋อ

แต่ก็ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะครับ จะว่าไปพอพี่มันหายเงียบไปแบบนี้ผมก็รู้สึกแปลกๆนะ
คิดว่าผมคิดถึงเขาล่ะสิ

ผมไม่ได้คิดถึงหรอกซะหน่อย อย่าเข้าใจผิดกันนะ

คือผมแค่ขี้เกียจกลับหอเองตอนหลังเลิกเรียนต่างหากล่ะครับ ไหนจะเยลลี่น้องหมีของโปรด ขนมนมเนยต่างๆนาๆ ที่พี่มันหามาขุนผมให้เป็นหมูตัวน้อยๆ อีก เงินผมก็มีแหละครับ บ้านผมก็ไม่ได้กัดก้อนเกลือกินอะไร แต่ของฟรีมันถูกใจถูกปากกว่าใช่มั้ยล่ะครับ ทุกคนน่าจะเข้าใจอะนะ และที่ผมเป็นเด็กเคยตัวแบบนี้ก็ต้องไปโทษลุงรหัสของผมโน้นเลยครับที่เล่นมาเทียวรับเทียวส่ง เทียวมาคอยป้อนอาหารผมจนเสียนิสัยไปแล้ว

เออ ง้อก็ง้อวะ

แหย่เล่นนิดเดียวเองโกรธนานเป็นบ้าเป็นบอ

ผมตัดสินใจได้ปุ๊บก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาอดีตลุงรหัสของผมที่ไม่ได้คุยกันมาเนิ่นนานทันที เห็นว่าทางนั้นไปติดเด็กที่ไหนไม่รู้และผมก็กำลังตามสืบอยู่

รอสายไม่นานก็มีคนรับสายผม

[ไงครับ พี่สะใภ้] ใช่ครับ นี่คือประโยคแรกจากปากพี่มันหลังจากที่ไม่ได้ยินเสียงกันมาเนิ่นนาน

“อยากเถียงนะ แต่ไว้วันหลังได้มั้ย”

[เป็นไรล่ะ ไหนเล่าให้อดีตลุงรหัสอย่างกูฟังที] พี่มันเงียบไปครู่นึง [แต่ให้กูเดานะ โทรมาหากูก็คงไม่พ้นเรื่องคนที่หน้าเหมือนกูอีกคนแน่ๆ ทะเลาะกันมาหรอ]

“จะว่าทะเลาะมั้ยก็ไม่นะ...” เอ่อ หรือว่ามันคือการทะเลาะวะ “ก็วันที่ประกวดดาวเดือนผมแค่แกล้งรับดอกไม้จากพี่กรแค่นั้นเองแล้วหลังจากนั้นพี่มันก็วาร์ปหายไปเลย”

[ฮะ!]พี่มันโพล่งออกมาดังลั่นจนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหู [ถ้าอย่างนั้นก็สมน้ำหน้ามึงแล้วแหละ เล่นไม่เข้าเรื่อง]

“อะไรล่ะ ใครจะคิดว่ามาดขรึมแบบนั้นจะงอนง๊ายง่าย”

[ก็ถ้าไม่ใช่ไอ้กร มันก็คงไม่งอนง๊ายง่ายขนาดนี้หรอกโว้ย]

“ทำไมอะ ลองเหลามาสิ” เอ่อ เหลาก็คือเล่านั่นแหละครับ

[ก็คนมันเคยมีประวัติกันอะนะ]

“ยังไงไหนเหลาให้ผมฟังสักทีขอแบบเนื้อๆไม่เอาน้ำ”

[นี่มันยังไม่เล่าให้มึงฟังหรอ]

“ไม่เล่าอะไรทั้งนั้นแหละ วันนั้นที่ร้านอาหารก็ลากกันออกไปฟัดที่ไหนก็ไม่รู้”

[งั้นหรอออ] พี่มันลากเสียงยาว [ช่างมันเถอะ ถึงเวลาเราก็รู้เองแหละ เอาเป็นว่าเรื่องนั้นทำให้ไอ้ไอทีมันจุกไปพักใหญ่ๆเลยก็ว่าได้]

“แหม พูดซะผมไม่อยากรู้เลยเนอะ”

[เขาเรียกว่าอ่อยให้อยากไง กูรู้ว่ามึงขี้เสือก ฮ่าๆๆๆ]

“ช่างมันก่อน ตอนนี้พี่ไอทีอยู่ห้องปะ”

[อยู่ในห้องมันแหละ มึงจะมาหามันมั้ย]

“โอเค เดี๋ยวผมไป”

[เออรีบมา เดี๋ยวกูจะไปหาน้องซะ...] พี่มันพูดไม่ทันจบก็เงียบซะก่อน

“น้องอะไรนะ”

[เสือก รีบมา กูไม่ล็อกประตูนะ เปิดเข้ามาได้เลย บาย]

ยังไม่ทันได้ตอบอะไรไปพี่มันก็รีบชิ่งวางไปก่อน

เฮ้อ ช่างเรื่องกินเผือกไว้ก่อนแล้วกัน ไปง้อลุงรหัสของผมกันดีกว่าครับ

ไม่นานนักผมก็มายืนเอ๋ออยู่กลางห้องในคอนโดแห่งหนึ่งที่มีประตูห้องนอนซ้ายและขวาที่ผมเคยเข้าห้องผิดตอนนั้น

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เคาะทำห่าไรของมึง เกิดอยากมีมารยาทขึ้นมารึไงวะ” เสียงตะโกนดังออกมาจากห้องที่ผมเคาะประตู

“ทำไรอยู่หรอคร้าบบบบ” เอาวะ ผมขอลองเอาความสดใสเข้าสู้ก่อนแล้วกัน

“มาทำไม” พี่มันตอบกลับพร้อมดึงผ้าห่นคลุมหัวจนมิด

เฮ้อ เด็กสามขวบจริงๆ

“คิดถึง...” พี่มันได้ยินแบบนั้นเลยโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม ผมเลยพูดต่อ “ของกินแบบฟรีๆจังคร้าบ”

เอ้า หันมามองค้อนแล้วมุดกลับไปในผ้าห่มเฉย ไม่แกล้งแล้วก็ได้โว้ยย

ผมกระโดดขึ้นเตียงแล้วดึงผ้าห่มออก “เออ มาง้อไง พอใจยัง”

“ง้อเรื่องไรครับ พี่งงจังเลย” อะ เล่นตัวอีกนะแม้ง

“เรื่องที่งอนอยู่นั่นแหละ ดีกันได้ยัง” รีบดีเถอะน้า ค่าใช้จ่ายเรื่องของกินมันเพิ่มขึ้นเยอะเกินไปแล้ว คิดในใจนะครับ แฮะๆ

พี่มันลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงแล้วพูดต่อ “หายก็ได้ครับ”

เอ๊ะ ง่ายไปมั้ยวะ “ง่ายจัง รู้งี้มาง้อนานละ”

“แต่ตอบมาก่อนว่าตอนนี้คะแนนใครนำ”

“คะแนนอะไรของพี่”

“ก็พี่กับไอ้กรไงครับ...” ยื่นหน้าเข้ามาทำไมโว้ย เอาออกไป๊ “สรุปแล้วใครคะแนนนำกันแน่”

ผมยื่นมือไปดันหน้าพี่มันออกแต่พี่มันดึงมือผมมาจับไว้แทน เอากับพี่มันสิครับ

“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ต้องพี่ไอทีสิครับ แหมๆ” เนียนไปก่อนครับ ท่องไว้ของกิน คนขับรถ ของกิน คนขับรถ

“รู้ว่าตอบเพราะอยากได้ของกินฟรีกับคนคอยไปรับไปส่งอะสิ”

อ๊ะ รู้ทันด้วยวุ้ย ฮ่าๆ

“บ้าน่า...” เกาแก้มแก้เขินแปป “พี่เห็นผมเห็นแก่กินขนาดนั้นเลยหรอ เสียใจนะ”

“ใช่ครับ”

“งั้นไปหาพี่กรดีกว่า อ๊ะ!” มือไวฉิบ เขกมาได้หัวคนนะเฮ้ย

“นี่ไง! อย่าพูดถึงมันได้มั้ย”

“พี่ทะเลาะอะไรกับพี่กรหรอ เล่าให้ผมฟังมั่งสิ”

อ่าว นิ่งไปเลย...

ลุงรหัสของผมเอาแต่นั่งจ้องหน้าผมนิ่งๆ แต่แววตาที่ส่งมาทางผมมันดูสั่นไหวแปลกๆ เหมือนกับยังรู้สึกอะไรบางอย่างไม่น้อยกับเรื่องที่ผมถามออกไปเมื่อสักครู่

เอาจริงๆ นะครับ ตอนแรกที่ผมรู้เรื่องว่าลุงรหัสของผมกับพี่ชายต่างคณะมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกันผมก็ได้แต่คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องของลูกผู้ชายสองคนที่เหม็นขี้หน้ากันธรรมดาๆ แถมตอนแรกผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าคนแบบพี่ไอทีเนี่ยนะจะไปมีเรื่องทะเลาะจริงๆ จังๆ กับใครที่ไหนได้ เพราะนอกจากคนอื่นจะหมันไส้ที่พี่มันทำท่าทางหยิ่งๆ โนสนโนแคร์คนรอบข้างไปวันๆ ก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรไปสะกิดบาทาใครได้อีก

แต่ตอนนี้ผมลองมาคิดดูดีๆแล้วจากที่ฟังพี่เอ็มดีพูดมาบวกกับสายตาคู่นี้ของคนตรงหน้าผมแล้ว เรื่องที่ทั้งคู่ทะเลาะกันนั้นต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน

แต่แล้วมันจะเป็นเรื่องอะไรกันล่ะ

“...”

“ถ้าพี่ไม่อยากเล่าก็...”

“มันนอนกับแฟนพี่”

ตู้มม!

เคเลย

เรื่องใหญ่จริงด้วยครับ เล่นเอาเรื่องโง่ๆ ที่ผมคิดอยู่ในหัวตอนแรกเป็นเรื่องปัญญาอ่อนไปเลย
แล้วผมจะทำยังไงต่อดีล่ะครับ

พี่มันยอมเปิดปากบอกผมแล้ว ผมควรจะพูดอะไรต่อไปดีครับ ผมควรจะปลอบใจพี่มันหรอ แต่เรื่องมันน่าจะผ่านมานานพอสมควรแล้วนะครับ ปลอบตอนนี้ไม่น่าจะทันแล้ว หรือผมควรเปลี่ยนเรื่องดี ของกิน ของกินก็แล้วกันครับ เอาความตะกละของผมมาแก้ไขสถานการณ์

“หิวจังเลยเนอะพะ...พี่...ไปกินข้าวกันดีกว่าเนอะๆ”

“...” หรือว่าไม่เวิร์ควะครับ

“เฮ้อ เอาจริงๆนะพี่...” ผมพูดแล้วเดินมานั่งบนเตียงที่เดิม “ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรแนวๆนี้ คิดว่าเป็นเรื่องของวัยรุ่นเหม็นหน้ากันเฉยๆ ขอโทษด้วยที่ถามออกไป”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” พี่มันยื่นมือมาลูบผมของผมเบาๆ “เรื่องมันนานมาแล้ว พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วแหละ”

ไม่จริง...

พี่มันโกหกคำโตเลย

แววตาของพี่มันเมื่อกี้ตอนที่ผมถามเรื่องนั้นมันไม่ใช่แววตาของคนที่ไม่รู้สึกอะไร ผมมั่นใจล้านเปอเซ็นต์

แต่ที่ผมไม่มั่นใจก็คือ สิ่งที่พี่มันรู้สึกอยู่ตอนนี้มันจะเป็นเพราะอะไรและเพราะใครกันแน่ระหว่างเพื่อนที่เคยไว้ใจมากๆมาหักหลังกัน
หรือว่าคนรักเก่าของเขาที่นอกใจกันตอนนั้น

เอาวะ ลองใช้ความเผือกที่มีให้เป็นประโยชน์ เผื่อความเผือกของผมมันจะไปแก้ปมอะไรในใจพี่มันได้บ้าง

“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าพี่กร...เอ่อ มีอะไรกับแฟนเก่าพี่”

“พี่เห็นมันยืนจูบกันอยู่ในห้องของพี่...” พี่มันหยุดพูดแล้วมองไปรอบๆ “ห้องที่เรานั่งกันอยู่นี่แหละ”

“เอ่อ...แล้วตอนนั้นพี่ทำยังไง”

“พอพี่เห็นพี่ก็ปิดประตูให้มันได้ทำในสิ่งที่มันอยากจะทำกันไง” เอ่อ สายตาน่ากลัวจัง “ให้มันเอากันให้เสร็จ”

นั่นไง คิดไปไกลละเห็นแค่จูบเองไม่ใช่หรอ

“ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะพี่” ผมขยับเข้ามานั่งใกล้ๆกับพี่มันกว่าเดิม “พี่เห็นแค่ตอนเริ่มต้นเองนะ พี่ไม่ลองคิดให้ดีหน่อยหรอเรื่อง
มันเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วเอ่อ...ใครเป็นคนเริ่ม”

“มันสำคัญด้วยหรอว่าใครเริ่ม...สุดท้ายมันก็จบที่เอากันอยู่ดี”

“แต่พี่ไม่ได้ยืนอยู่จนเขาเอากันเสร็จนี่หน่า...ไม่ได้จะพูดจี้ปมอะไรนะ...แต่พี่ก็ออกไปก่อนที่จะได้รู้อะไรไม่ใช่หรอ”

“...” พี่มันไม่ได้พูดอะไรเอาแต่ก้มหน้า

เอาจริงๆนะ ผมไม่คิดว่าลุงรหัสของผมมันจะมีมุมนี้ซ่อนอยู่ภายใต้ความเงียบขรึมที่พี่มันสร้างขึ้นมาเลยจริงๆ

“สุดท้ายเลยนะพี่...” ผมเอื้อมไปดึงมือพี่มันมาบีบเบาๆ “ความรู้สึกในตอนนั้น...ในความเป็นเพื่อนของพี่กับพี่กร...พี่ไม่ไว้ใจพี่กรสักนิดเลยหรอ หื้ม”

“เราหมายความว่าไง”

“ผมรู้ว่าพี่รู้ว่าผมหมายความว่ายังไง...” ผมลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากห้องนอน “เอาเป็นว่าสำหรับผมนะ...เพื่อนที่เลวๆมันก็มีเยอะแยะให้เราได้เห็นกันทั่วไป...แต่อย่างน้อยผมคิดว่าเพื่อนดีๆมันก็มีเยอะกว่าอยู่แล้วแน่นอน...อย่าเพิ่งไปตัดสินใครเพราะความโกรธตอนนั้นเลยดีกว่าโดยเฉพาะเพื่อนที่รู้ใจกันขนาดนั้นอะนะ”

“...”

“ผมเป็นคนนอกที่มองเข้าไปยังพอจะรู้เลยว่าพี่กับพี่กรสนิทกันไม่ใช่น้อยๆเลยจริงมั้ยครับ”

“...อื้ม”

“เอาเป็นว่าผมอยากให้พี่คิดดีๆว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาแล้ว...หนึ่งในสองคนนั้นมีใครมาพยายามอธิบายอะไรให้พี่ฟังรึเปล่า”

“...” พี่มันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม

“แต่ผมคิดว่า...จะว่าผมอ่านนิยายเยอะเกินไปหรือดูละครน้ำเน่าบ่อยไป หรือจะอะไรก็ช่าง แต่พี่อาจจะได้ยินประโยคนี้จากปากของใครคนใดคนหนึ่งมาบ้างแหละว่า...”

“...”

“พี่เชื่อแบบที่พี่เห็นจริงๆหรอ...พี่พอจะคุ้นกับประโยคอะไรแบบนี้บ้างมั้ยลองทบทวนดูดีๆนะ ผมขอตัวกลับก่อน”


ผมออกมากจากห้องลุงรหัสของผมแล้วตรงกลับห้องของผมทันที...

ในความคิดของผมนะ ถึงผมจะรู้จักกับพี่มันได้ไม่นานก็เถอะครับ แต่ดูจากท่าทาง สีหน้า แววตาบวกกับความโกรธเคืองที่ผมเห็นในวันที่สองคนนั้นลากกันออกไปจากร้านอาหารวันนั้นแล้ว พี่ไอทีน่าจะไม่เคยคิดที่จะยอมรับฟังคำอธิบายจากพี่กรเลยสักครั้งอย่างแน่นอน

ถึงผมจะไม่ใช่กูรูหรือคนที่มีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้มาก็เถอะครับ ตอนนี้ทุกคนกำลังมองว่าผมโลกสวยอยู่ใช่มั้ยล่ะ แต่ถึงยังไงผมก็ยังอยากให้พี่มันลองเปิดใจรับฟังคำอธิบายจากเพื่อนที่เคยรักกันมากๆดูสักครั้งก็ยังดี

เพราะผมเชื่อว่าพี่กรต้องเคยพยายามที่จะพูดให้พี่มันได้คิดอะไรบ้างแล้วแหละ แต่ด้วยอารมณ์ของความโกรธเคืองที่มันยังคงหลงเหลืออยู่เต็มๆ มันเลยทำให้พี่ไอทีไม่ได้คิดตามในสิ่งที่อีกคนได้พูดมันออกมาเลยก็อาจจะเป็นได้ จริงมั้ยครับ...

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2020 19:16:24 โดย woragus »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด